31.10.2014 Views

TNSC Newsletter : November 2012 Vol.3

TNSC Newsletter : November 2012 Vol.3

TNSC Newsletter : November 2012 Vol.3

SHOW MORE
SHOW LESS

Create successful ePaper yourself

Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.

Volume 3 ❘ <strong>November</strong> <strong>2012</strong><br />

<strong>TNSC</strong> KNOWLEDGE CENTER<br />

สาส์นจากบรรณาธิการ<br />

เรียน สมาชิกสภาผู้ส่งออกฯ<br />

กลับมาพบกันอีกครั้งในฉบับที่ 3 ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา<br />

คณะกรรมการฯ และผู้บริหาร ได้เข้าร่วมกิจกรรมและระดม<br />

ความคิดเห็นเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการกำหนดนโยบายและ<br />

การพัฒนาประเทศของภาครัฐ อาทิ การกำหนดแผนยุทธศาสตร์<br />

การพัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศ เป็นต้น นอกจากนี้ สภา<br />

ผู้ส่งออกฯ ยังได้จัดเตรียมข้อมูลสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อ<br />

การวางแผนและเตรียมการเพื่อปรับตัวทางธุรกิจของสมาชิก<br />

อาทิ ทิศทางของ Value Chain ในอนาคตที่ส่งผลต่อความ<br />

ต้องการและ Life Style ของผู้บริโภค รวมถึงการเพิ่มคอลัมน์<br />

Logistics Innovation เพื่อนำเสนอถึงกระแสและแนวทาง<br />

ปฏิบัติใหม่ๆ ทางธุรกิจ ซึ่งในฉบับนี้จะเริ่มต้นด้วยการนำเสนอ<br />

ขั้นตอนและแนวทางการลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆ<br />

และแนวทางสำหรับการวางแผนสำรอง เพื่อสร้างความมั่นคง<br />

และความต่อเนื่องทางธุรกิจ เป็นต้น ทั้งนี้ สภาผู้ส่งออกฯ<br />

จะได้มีการนำเสนอองค์ความรู้ใหม่ให้สมาชิกได้ติดตามกัน<br />

อย่างต่อเนื่อง<br />

2<br />

ขอบคุณครับ<br />

บรรณาธิการ<br />

คณะผู้จัดทำา<br />

คุณคงฤทธิ์ จันทริก<br />

รองผู้อำนวยการบริหาร<br />

คุณพรทิพย์ ไทยภักดี<br />

ผู้จัดการฝ่าย Accounting & Administration<br />

คุณกฤชทัต วัฒนาสุนทรชัย<br />

ผู้จัดการฝ่าย CRM & Corporate Communication<br />

คุณอัญชลี เกิดเงิน<br />

ผู้จัดการฝ่าย Capacity Building<br />

คุณฐิติพร ชื่นธีระวงศ์<br />

ผู้จัดการฝ่าย Global Logistics and Trade Facilitation<br />

คุณปนัดดา อ่อนน้อม<br />

ผู้จัดการฝ่าย Export Promotion<br />

คุณพิลาศลักษณ์ พานิชเจริญ<br />

ผู้ช่วยผู้อำนวยการบริหาร<br />

➔<br />

เอกสารประกอบการสัมมนา<br />

“ GREEN LOGISTICS : EXPERIENCE FROM JAPAN<br />

AND IMPLEMENTATION OF THAI EXPORTERS ”<br />

จาก THAILAND INTERNATIONAL LOGISTICS<br />

FAIR <strong>2012</strong> (TILOG) 21 กันยายน 2555<br />

• The efforts and challenges for logistics in Japan by Mr.Hiroaki<br />

Machii, METI Japan<br />

• Green Logistics : Experience from Japan and Implementation of<br />

Thai Exporters by Mr.Techa Boonyachai, Vice Chairman <strong>TNSC</strong><br />

• The Role of Bioplastics in Green Logistics by Mr.Somsak<br />

Borrisuttanakul, Honorary Chairman TBIA and Managing Director<br />

TPBI<br />

ท่านสมาชิกสามารถดาวน์โหลดเอกสารฉบับเต็มได้ที่<br />

http://www.tnsc.com/html/content/view/2139/235/<br />

➔<br />

ความรู้ / คำาศัพท์เกี่ยวกับASEAN<br />

NSW : NATIONAL SINGLE WINDOW<br />

โครงการ National Single Window มีวัตถุประสงค์หลักในการพัฒนาระบบ<br />

การเชื่อมโยงข้อมูลแบบบรูณาการของประเทศ เพื่อให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ<br />

จากการติดต่อเพียงจุดเดียว สอดคล้องกับการดาเนินการตามความต้องการ<br />

ตามความตกลงของอาเซียน สาหรับการพัฒนา ASEAN Single Window<br />

ASW : ASEAN SINGLE WINDOW<br />

ความตกลงว่าด้วยการอานวยความสะดวกด้านศุลกากรด้วยระบบ<br />

อิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน โดยจะมีการเชื่อมต่อการให้บริการ<br />

แบบเบ็ดเสร็จโดยใช้เอกสารและข้อมูลการค้า/ศุลกากรเดียวกันและตัดสิน<br />

ใจในการตรวจปล่อยสินค้าเพียงครั้งเดียว หากระบบ ASW สมบูรณ์จะช่วย<br />

เร่งการตรวจสอบทางศุลกากร ลดขั้นตอนและเวลาการทาธุรกรรม<br />

CCA : COMMON CONTROL AREA<br />

พื้นที่ปฏิบัติงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ของสองประเทศที่มีพรมแดนติดต่อ<br />

กันเพื่อประโยชน์ด้านการค้าชายแดน ช่วยอานวยความสะดวกให้แก่<br />

การขนส่งข้ามพรมแดน โดยเจ้าหน้าที่ไทยและลาวร่วมกันตรวจสอบ<br />

สินค้า ยานพาหนะบรรทุกสินค้า และผู้ควบคุมยานพาหนะนั้นที่จุดเดียว<br />

และเพียงครั้งเดียว (ในอนาคตอาจมีการขยายไปยังประเทศอื่นๆ)<br />

CCC : COORDINATING COMMITTEE ON<br />

CUSTOMS<br />

คณะกรรมการประสานงานด้านศุลกากรของอาเซียน จะมีการประชุมปีละ<br />

2 ครั้ง เพื่อกากับการดาเนินการของหน่วยงานด้านศุลกากรในส่วนที่เกี่ยวข้อง<br />

กับเขตการค้าเสรีอาเซียน<br />

ท่านสมาชิกสามารถอ่านคำาศัพท์อื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่<br />

http://www.tnsc.com/html/images/stories/AEC/ASEAN_Vocabulary.pdf


➔<br />

สัมมนาหัวข้อ “ความเป็นเลิศในโซ่อุปทาน :<br />

จากภาวะผู้นำาสู่การปฏิบัติการที่เป็นเลิศ”<br />

ท่านสมาชิกสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก<br />

http://www.tnsc.com/html/content/view/2138/227/<br />

<strong>TNSC</strong> NEWS<br />

➔<br />

สภาผู้ส่งออกฯ แถลงข่าว<br />

“ดัชนีการส่งออกประจำาเดือนกันยายน 2555”<br />

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2555 สภาผู้ส่งออกฯ, CSCMP Thailand<br />

Roundtable และสถาบันโซ่วิทยาการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้จัด<br />

สัมมนาหัวข้อ “ความเป็นเลิศในโซ่อุปทาน : จากภาวะผู้นำสู่การปฏิบัติ<br />

การที่เป็นเลิศ” โดยได้รับเกียรติจาก คุณนพพร เทพสิทธา รองประธาน<br />

สภาผู้ส่งออกฯ และประธาน CSCMP Thailand Roundtable เป็นวิทยากร<br />

บรรยายเรื่อง “ภาวะผู้นำด้านซัพพลายเชนเพื่อรองรับการเปิด AEC”<br />

พร้อมทั้งคุณดนัย คาลัสซี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสด้านซัพพลาย<br />

เช่น บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร, คุณพิเชษฐ์ กนกศิริ ผู้อำนวยการฝ่าย<br />

จัดซื้อและจัดส่ง บมจ.เอสวีไอ และคุณสุรัตน์ ประลองศิลป์ ที่ปรึกษาด้าน<br />

การบริหารจัดการซัพพลายเชน ร่วมเสวนาในหัวข้อ “จากแนวคิดสู่การ<br />

ปฏิบัติในโซ่อุปทานด้วย S&OP” โดยมี ผศ.ดร.ธนัญญา วสุศรี มหาวิทยาลัย<br />

เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมเป็นผู้ดำเนินรายการ ณ ห้องสัมมนา 3<br />

ภายในงาน TILOG (Hall 102) ศูนย์การแสดงสินค้าไบเทค (บางนา)<br />

โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาทั้งสิ้น 30 บริษัท 47 คน<br />

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2555 คุณไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานสภา<br />

ผู้ส่งออกฯ ดร.พิฑูร ตรีวิจิตรเกษม รองประธานฯ คุณวัลลภ วิตนากร<br />

รองประธานฯ และ รศ.ดร.ไพฑูรย์ ไกรพรศักดิ์ คณะเศรษฐศาสตร์<br />

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมแถลงข่าว “ดัชนีการส่งออก ประจำเดือน<br />

กันยายน 2555” ณ ห้องประชุม 1 สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย<br />

ถ.พระราม 4 โดยมีสื่อมวลชนเข้าร่วมทำข่าวอย่างคับคั่ง<br />

➔<br />

การประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการ<br />

ขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.)<br />

ครั้งที่ 1 / 2555<br />

ตามที่สภาผู้ส่งออกฯ ได้มีการเร่งรัดให้มีการจัดประชุม คณะกรรมการ<br />

กบส. เพื่อผลักดันให้มีการพัฒนาโลจิสติกส์ของไทยและแก้ไขปัญหาที่<br />

เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกของไทยนั้น เมื่อวันอังคารที่ 16 ตุลาคม 2555<br />

เวลา 13.30 - 18.00 น. ประธานสภาผู้ส่งออกฯ (คุณไพบูลย์ พลสุวรรณา)<br />

ได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการ กบส. ครั้งที่ 1/2555 ณ ห้องประชุม 301<br />

อาคารบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติ<br />

รัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธานการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณา<br />

ประเด็นสำคัญสำหรับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของไทย อาทิ ผลการ<br />

ดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ และการ<br />

พิจารณา (ร่าง) กรอบทิศทางและยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์<br />

ของประเทศไทย พ.ศ. 2555 - 2559 เป็นต้น ทั้งนี้ สภาผู้ส่งออกฯ ได้<br />

นำเสนอให้มีการพัฒนามาตรฐานของภาคอุตสาหกรรมเพื่อรองรับ<br />

AEC และเปิดเสรีทางการค้า การพัฒนาและบังคับใช้มาตรฐานการให้<br />

บริการโลจิสติกส์สำหรับธุรกิจบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ<br />

(Freight Forwarder) การพัฒนาระบบ IT ภายในประเทศเพื่อรองรับ<br />

กระแสการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมและพฤติกรรมผู้บริโภคที่<br />

เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การสร้างบุคลากรด้านโลจิสติกส์และผู้<br />

ให้บริการที่มีลักษณะเป็น Economy of Skill การพัฒนาโลจิสติกส์<br />

เพื่อสิ่งแวดล้อมให้สอดรับกับความต้องการทางการค้าในอนาคต<br />

ตลอดจนการสร้างที่ปรึกษาซึ่งมีประสบการณ์ในภาคอุตสาหกรรม<br />

เพื่อถ่ายทอดการพัฒนาภายในองค์กรของผู้ประกอบการ SMEs ของไทย<br />

ให้มีศักยภาพและสามารถสนับสนุนการพัฒนาโซ่อุปทานของไทยให้มี<br />

➔<br />

ความเข้มแข็งและยั่งยืน ซึ่งได้รับการตอบรับให้มีการพัฒนาเป็นแผน<br />

งานโครงการเพื่อขออนุมัติงบประมาณในปี 2557 และจากการเสนอให้<br />

มีการทำงานแบบ “คิดนอกกรอบ” เนื่องจากโลจิสติกส์เป็นพลวัตที่มี<br />

การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และควรให้ภาคเอกชนเป็นหน่วยงานหลัก<br />

ในการพัฒนาโลจิสติกส์ของไทย รองนายกฯ จึงได้มอบหมายให้สภา<br />

ผู้ส่งออกฯ มีบทบาทมากขึ้นในการทำงานร่วมกับภาครัฐ<br />

การประชุมเตรียมการประชุมสภารัฐมนตรี<br />

ภายใต้กรอบสมาคมความร่วมมือแห่งภูมิภาค<br />

มหาสมุทรอินเดีย (IOR-ARC) ครั้งที่ 12 ณ<br />

ประเทศอินเดีย<br />

เมื่อวันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม 2555 เวลา 10.00 - 12.00 น. ณ กระทรวง<br />

การต่างประเทศ รองประธานสภาผู้ส่งออก (รศ.ดร.พิฑูร ตรีวิจิตรเกษม)<br />

ได้เข้าร่วมการประชุมเตรียมการประชุมสภารัฐมนตรีภายใต้กรอบ<br />

สมาคมความร่วมมือแห่งภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย (IOR-ARC) ครั้งที่<br />

12 ณ ประเทศอินเดีย ซึ่งที่ประชุมได้มีการหารือถึงข้อเสนอของ<br />

ประเทศไทยในด้านต่างๆ อาทิ ปัญหาโจรสลัดและความมั่นคงทางทะเล<br />

ความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ใน<br />

ประเทศสมาชิก และความร่วมมือด้านการประมง ซึ่งสภาผู้ส่งออกฯ<br />

เห็นด้วยกับแนวทางที่ให้ประเทศไทยอาศัยโอกาสจากเวทีการเจรจา<br />

ในการเข้าถึงแหล่งทรัพยากรทางทะเลสำหรับการประมง และได้ผลักดัน<br />

ให้มีการพิจารณาและยกระดับ “คุณภาพ” ของสินค้าที่ได้มีการซื้อขาย<br />

ระหว่างกันให้มีมาตรฐานสูงขึ้น<br />

Volume 3 ❘ <strong>November</strong> ❘ <strong>2012</strong><br />

<strong>TNSC</strong> MOVEMENT<br />

3


EXPORT CORNER<br />

นวัตกรรมทางการค้า และบทบาทของกระทรวงด้านเศรษฐกิจ<br />

“นโยบายค่าแรง 300 บาททั่วประเทศใน ปี 2556 ส่งผลให้ประเทศไทย<br />

สูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันด้านแรงงานอย่างสมบูรณ์<br />

และตอกย้ำอย่างชัดเจนว่าประเทศไทยได้ติดกับดักเช่นเดียวกับ<br />

ประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมากที่ล้วนพึ่งพาแรงงานราคาถูกสำหรับ<br />

เป็นขีดความสามารถในการแข่งขัน จนละเลยการพัฒนาด้านเทคโนโลยี”<br />

เป็นคำกล่าวของ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการที่ประชุมสหประชาชาติ<br />

ว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ UNCTAD ในงานเปิดตัว “รายงาน<br />

เทคโนโลยีและนวัตกรรม <strong>2012</strong>” ซึ่งจัดโดยสถาบันระหว่างประเทศ<br />

เพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD) โดยเนื้อหาในรายงานได้ชี้ให้เห็นถึง<br />

การเติบโตของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีระหว่างประเทศกำลังพัฒนา<br />

ที่มีสัดส่วนสูงถึง 55% เมื่อเทียบกับการค้าโลกในปี 2010 เทียบกับ<br />

สัดส่วนเพียง 41% ในปี 1995 แสดงให้เห็นถึงทิศทางการรวมกลุ่ม<br />

และการค้าระหว่างประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งในปัจจุบันมีบทบาท<br />

ในการลงทุนมากกว่าประเทศพัฒนาแล้ว<br />

อย่างไรก็ตาม เลขาธิการ UNCTAD ได้เน้นย้ำว่าการลงทุนและ<br />

พัฒนาในเทคโนโลยีก็ต้องมีการคัดเลือกและให้ความสำคัญ<br />

กับเทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมและจำเป็นกับแต่ละประเทศ สำหรับ<br />

ประเทศไทยก็คือ เทคโนโลยีที่สามารถตอบสนองความต้องการ<br />

ทางการค้าและเศรษฐกิจ ซึ่งในปัจจุบันยังมีอยู่น้อย การดำเนินการ<br />

หลายด้านที่เป็นองค์ประกอบก็ยังไม่เอื้อต่อการพัฒนาเทคโนโลยี<br />

อาทิ การพัฒนาด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทยในปัจจุบันได้ให้<br />

ความสำคัญกับการ “ปกป้อง” สิ่งที่มีอยู่เพียงน้อยนิด แต่ยังไม่ได้<br />

ทุ่มเทให้มีการ “สร้าง” ทรัพย์สินทางปัญญาที่สามารถใช้ประโยชน์<br />

ทางการค้าให้มากขึ้น เป็นต้น<br />

ทั้งนี้ การถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศพัฒนาแล้วในปัจจุบัน<br />

มักจะเป็นการถ่ายทอดให้กับสมาชิกในซัพพลายเชนของตนเอง<br />

เป็นหลัก แต่ขีดจำกัดสำคัญคือประเทศผู้รับมีความพร้อมหรือไม่<br />

เพราะการถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่างประเทศที่มีพื้นฐานแตกต่างกัน<br />

มาก นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้รับ หลายครั้งยังทำให้เกิด<br />

การสูญเสียทรัพยากรโดยใช่เหตุ ประเทศผู้รับจึงจำเป็นต้องมีการพัฒนา<br />

พื้นฐานของตนเองให้มีความพร้อมเสียก่อน<br />

ความเห็นของเลขาธิการ UNCTAD ข้างต้น สอดคล้องกับแนวทางของ<br />

สภาผู้ส่งออกฯ ที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการดำเนิน<br />

งานของภาครัฐว่า “กระทรวงเศรษฐกิจ” ไม่ได้มีแค่เพียงกระทรวง<br />

การคลัง กระทรวงพาณิชย์ หรือกระทรวงอุตสาหกรรม เท่านั้น แต่<br />

การค้าและการลงทุนของไทยในปัจจุบันมีความเกี่ยวข้องกับหลาย<br />

กระทรวง อาทิ กระทรวงพลังงานกับบทบาทในการพัฒนาพลังงาน<br />

ทดแทนสำหรับภาคอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี<br />

กับบทบาทในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อทดแทนต้นทุนแรงงานที่<br />

สูงขึ้น กระทรวงคมนาคมกับบทบาทในการเพิ่มประสิทธิภาพด้าน<br />

โลจิสติกส์ กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงแรงงานกับบทบาท<br />

ในการยกระดับศักยภาพแรงงานให้มี “Economies of Skills” และ<br />

สามารถปฏิบัติงานกับเทคโนโลยีจากประเทศที่พัฒนาแล้วได้เป็น<br />

อย่างดี สิ่งเหล่านี้คือตัวอย่างของนโยบายด้านเศรษฐกิจของ<br />

กระทรวงต่างๆ ซึ่งสภาผู้ส่งออกฯ จะมีการผลักดันให้เกิดการ<br />

เปลี่ยนแปลงแนวคิดการทำงานและให้มีการบูรณาการหน่วยงาน<br />

ภาครัฐเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการส่งออกให้เกิดขึ้นในระยะยาว<br />

สภาผู้ส่งออกฯ : สภาผู้ส่งสินค้า<br />

ทางเรือแห่งประเทศไทย แถลงข่าว<br />

ดัชนีการส่งออก<br />

(Export Performance Index)<br />

ประจำาเดือน กันยายน 2555<br />

มูลค่าการส่งออกของไทยในเดือนกันยายน 2555 เท่ากับ 20,788.4<br />

ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 0.2% ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 648,610.8<br />

ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.55% ในขณะที่มูลค่าการส่งออกในระยะ 9 เดือน<br />

แรกของปี มีมูลค่า 172,347.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 1.13%<br />

ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 5,346,811 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.17% โดย<br />

มูลค่าการส่งออกที่ยังลดลงดังกล่าวเกิดจากผลของการชะลอตัว<br />

ของเศรษฐกิจ ในประเทศคู่ค้าหลักของไทย<br />

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของการส่งออกมีความแตกต่างกันในแต่ละ<br />

อุตสาหกรรม โดยอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตประกอบไปด้วยกระดาษ<br />

และสิ่งพิมพ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับเคมีภัณฑ์<br />

ปิโตรเลียม รถยนต์ เหล็ก ของใช้สัตว์เลี้ยง มันสำปะหลัง เครื่องครัว<br />

น้ำตาล อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ ไก่ อาหารทะเล พลาสติก ซึ่ง<br />

ต้องส่งเสริมโดยการพัฒนาตลาดใหม่เพิ่มเติม ในขณะที่อุตสาหกรรม<br />

ที่มีการเติบโตติดลบ อาทิ รองเท้า ผักและผลไม้ เครื่องจักร กุ้ง<br />

แช่เย็นแช่แข็ง สิ่งทอ อาหารสำเร็จรูป วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์<br />

ยางและผลิตภัณฑ์ยาง และข้าว จำเป็นต้องหาทางแก้ไขปัญหาและ<br />

อุปสรรค เพื่อให้สามารถแข่งขันและรักษาตลาดที่มีอยู่ในปัจจุบัน<br />

ได้ต่อไป<br />

ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์ล่าสุดของโครงการดัชนีการ<br />

ส่งออก พบว่าภาพรวมการส่งออกทั้งปี 2555 อาจเติบโตอยู่<br />

ระหว่าง 4.6 - 5.9% ในขณะที่ทิศทางการส่งออกในไตรมาสแรก<br />

ของปี 2556 น่าจะเติบโตอยู่ที่ 5.5% และทั้งปี 2556 น่าจะเติบโต<br />

เป็นบวกเมื่อเทียบกับปี 2555<br />

4


EXPORT CORNER<br />

ตลาดส่งออก 10 อันดับแรกของไทย ระหว่างเดือนมกราคม - กันยายน 2555<br />

ทุกสินค้า<br />

มูลค่า : ล้านบาท อัตราขยายตัว (%) สัดส่วน (%)<br />

อันดับที่ ประเทศ<br />

2552<br />

2553<br />

2554<br />

2554<br />

(ม.ค. - ก.ย.)<br />

2555<br />

(ม.ค. - ก.ย.)<br />

2552<br />

2553<br />

2554<br />

2554<br />

(ม.ค.-ก.ย.)<br />

2555<br />

(ม.ค.-ก.ย.)<br />

2552<br />

2553<br />

2554<br />

2554<br />

(ม.ค.)<br />

2555<br />

(ม.ค.)<br />

1<br />

2<br />

3<br />

4<br />

5<br />

6<br />

7<br />

8<br />

9<br />

10<br />

จีน<br />

ญี่ปุ่น<br />

สหรัฐอเมริกา<br />

มาเลเซีย<br />

ฮ่องกง<br />

อินโดนีเซีย<br />

สิงคโปร์<br />

ออสเตรเลีย<br />

เวียดนาม<br />

อินเดีย<br />

548,760.05<br />

535,880.34<br />

567,698.96<br />

323,220.23<br />

260,837.29<br />

158,917.86<br />

257,967.52<br />

291,955.77<br />

159,224.41<br />

107,821.35<br />

678,631.83<br />

641,910.14<br />

638,820.07<br />

354,820.58<br />

334,598.81<br />

232,856.21<br />

284,693.62<br />

297,098.72<br />

184,463.07<br />

129,270.02<br />

791,212.19<br />

719,382.47<br />

656,591.57<br />

360,080.42<br />

373,614.58<br />

303,877.17<br />

343,976.47<br />

241,047.24<br />

212,703.66<br />

143,141.14<br />

603,051.94<br />

557,269.35<br />

506,251.88<br />

294,640.27<br />

290,563.94<br />

233,797.74<br />

270,288.41<br />

192,766.85<br />

165,164.58<br />

116,907.01<br />

624,189.86<br />

549,202.53<br />

532,256.59<br />

301,082.99<br />

284,398.00<br />

260,576.42<br />

254,517.43<br />

222,264.00<br />

157,899.86<br />

139,095.67<br />

3.09<br />

-19.00<br />

-14.98<br />

-2.28<br />

-19.81<br />

-23.60<br />

-22.40<br />

10.93<br />

-3.56<br />

63.40<br />

23.67<br />

19.79<br />

12.53<br />

9.78<br />

28.28<br />

46.53<br />

10.36<br />

1.76<br />

15.85<br />

19.89<br />

16.59<br />

12.07<br />

2.78<br />

1.48<br />

11.66<br />

30.50<br />

20.82<br />

-18.87<br />

15.31<br />

10.73<br />

20.91<br />

17.19<br />

5.66<br />

13.89<br />

14.08<br />

31.70<br />

25.35<br />

-16.85<br />

24.54<br />

22.43<br />

3.51<br />

-1.45<br />

5.14<br />

2.19<br />

-2.12<br />

11.45<br />

-5.83<br />

15.30<br />

-4.40<br />

18.98<br />

10.56<br />

10.32<br />

10.93<br />

6.22<br />

5.02<br />

3.06<br />

4.97<br />

5.62<br />

3.07<br />

2.08<br />

11.10<br />

10.50<br />

10.45<br />

5.80<br />

5.47<br />

3.81<br />

4.66<br />

4.86<br />

3.02<br />

2.11<br />

11.80<br />

10.72<br />

9.79<br />

5.37<br />

5.57<br />

4.53<br />

5.13<br />

3.59<br />

3.17<br />

2.13<br />

11.52<br />

10.65<br />

9.67<br />

5.63<br />

5.55<br />

4.47<br />

5.16<br />

3.68<br />

3.16<br />

2.23<br />

11.67<br />

10.27<br />

9.95<br />

5.63<br />

5.32<br />

4.87<br />

4.76<br />

4.16<br />

2.95<br />

2.60<br />

รวม 10 รายการ<br />

รวมอื่นๆ<br />

รวมทุกประเทศ<br />

3,212,283.8<br />

1,982,312.9<br />

5,194,596.73<br />

3,777,163.1<br />

2,336,172.5<br />

6,113,335.52<br />

4,145,626.9<br />

2,562,362.5<br />

6,707,989.46<br />

3,230,702.0<br />

2,002,766.4<br />

5,233,468.37<br />

3,325,483.3<br />

2,021,327.7<br />

5,346,811.05<br />

-9.57<br />

-13.77<br />

-11.22<br />

17.58<br />

17.85<br />

17.69<br />

9.76<br />

9.68<br />

9.73<br />

14.57<br />

14.19<br />

14.42<br />

2.93<br />

0.93<br />

2.17<br />

61.84<br />

38.16<br />

100.00<br />

61.79<br />

38.21<br />

100.00<br />

61.80<br />

38.20<br />

100.00<br />

61.73<br />

38.27<br />

100.00<br />

62.20<br />

37.80<br />

100.00<br />

ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร<br />

สินค้าส่งออก 10 อันดับแรกของไทย ระหว่างเดือนมกราคม - กันยายน 2555<br />

อันดับ<br />

ที่<br />

1<br />

2<br />

3<br />

4<br />

5<br />

6<br />

7<br />

8<br />

9<br />

10<br />

รวม 10 รายการ<br />

รวมอื่นๆ<br />

รวมทั้งสิ้น<br />

ชื่อสินค้า<br />

รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ<br />

เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ<br />

อัญมณีและเครื่องประดับ<br />

น้ำมันสำเร็จรูป<br />

ยางพารา<br />

เม็ดพลาสติก<br />

เคมีภัณฑ์<br />

ผลิตภัณฑ์ยาง<br />

แผงวงจรไฟฟ้า<br />

เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่อง<br />

2552<br />

378,348.9<br />

545,468.9<br />

333,700.5<br />

214,175.9<br />

146,188.2<br />

151,978.8<br />

152,208.9<br />

152,799.5<br />

219,508.7<br />

113,336.6<br />

2,407,714.9<br />

2,786,881.8<br />

5,194,596.7<br />

สินค้าส่งออก 10 อันดับแรกของไทยรายประเทศ<br />

มูลค่า : ล้านบาท อัตราขยายตัว (%) สัดส่วน (%)<br />

2553<br />

561,108.8<br />

596,677.7<br />

366,818.3<br />

245,996.2<br />

249,262.5<br />

200,326.0<br />

182,464.7<br />

203,428.1<br />

255,322.1<br />

154,486.5<br />

3,015,891.0<br />

3,097,444.6<br />

6,113,335.5<br />

2554<br />

511,503.6<br />

513,710.1<br />

371,239.3<br />

303,794.8<br />

382,903.5<br />

265,381.6<br />

250,053.8<br />

253,054.9<br />

238,173.4<br />

184,492.1<br />

3,274,307.0<br />

3,433,682.5<br />

6,707,989.5<br />

2554<br />

(ม.ค. - ก.ย.)<br />

422,076.9<br />

426,423.2<br />

297,207.4<br />

231,163.4<br />

292,001.1<br />

203,122.8<br />

186,454.4<br />

187,785.0<br />

196,306.0<br />

131,277.9<br />

2555<br />

(ม.ค. - ก.ย.)<br />

512,957.3<br />

450,899.9<br />

340,389.1<br />

301,702.1<br />

207,145.4<br />

198,760.3<br />

197,849.8<br />

194,920.1<br />

153,346.6<br />

143,745.2<br />

2552<br />

-26.27<br />

-9.89<br />

21.75<br />

-27.59<br />

-34.63<br />

-16.11<br />

7.42<br />

1.94<br />

-7.76<br />

-18.68<br />

2,573,818.0 2,701,715.8 -12.83<br />

2,659,650.4 2,645,095.2 -9.79<br />

5,233,468.4 5,346,811.1 -11.22<br />

2553<br />

48.30<br />

9.39<br />

9.92<br />

14.86<br />

70.51<br />

31.81<br />

19.88<br />

33.13<br />

16.32<br />

36.31<br />

25.26<br />

11.14<br />

17.69<br />

2554<br />

-8.84<br />

-13.90<br />

1.21<br />

23.50<br />

53.61<br />

32.47<br />

37.04<br />

24.40<br />

-6.72<br />

19.42<br />

8.57<br />

10.86<br />

9.73<br />

2554<br />

(ม.ค. - ก.ย.)<br />

-2.06<br />

-5.76<br />

12.57<br />

28.37<br />

63.56<br />

38.24<br />

39.81<br />

24.54<br />

0.76<br />

13.33<br />

14.50<br />

14.34<br />

14.42<br />

2555<br />

(ม.ค.-ก.ย.)<br />

21.53<br />

5.74<br />

14.53<br />

30.51<br />

-29.06<br />

-2.15<br />

6.11<br />

3.80<br />

-21.88<br />

9.50<br />

4.97<br />

-0.55<br />

2.17<br />

ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร<br />

โลก<br />

2552<br />

7.28<br />

10.50<br />

6.42<br />

4.12<br />

2.81<br />

2.93<br />

2.93<br />

2.94<br />

4.23<br />

2.18<br />

46.35<br />

53.65<br />

100.00<br />

2553<br />

9.18<br />

9.76<br />

6.00<br />

4.02<br />

4.08<br />

3.28<br />

2.98<br />

3.33<br />

4.18<br />

2.53<br />

49.33<br />

50.67<br />

100.00<br />

2554<br />

7.63<br />

7.66<br />

5.53<br />

4.53<br />

5.71<br />

3.96<br />

3.73<br />

3.77<br />

3.55<br />

2.75<br />

48.81<br />

51.19<br />

100.00<br />

2554<br />

(ม.ค.)<br />

8.06<br />

8.15<br />

5.68<br />

4.42<br />

5.58<br />

3.88<br />

3.56<br />

3.59<br />

3.75<br />

2.51<br />

49.18<br />

50.82<br />

2555<br />

(ม.ค.)<br />

9.59<br />

8.43<br />

6.37<br />

5.64<br />

3.87<br />

3.72<br />

3.70<br />

3.65<br />

2.87<br />

2.69<br />

50.53<br />

49.47<br />

100.00 100.00<br />

Volume 3 ❘ <strong>November</strong> ❘ <strong>2012</strong><br />

5


LOGISTICS AND SUPPLY CHAIN INNOVATION<br />

➔<br />

FUTURE VALUE CHAIN 2020<br />

สภาผู้ส่งออกฯ ได้เข้าร่วมการประชุม CSCMP Annual Global<br />

Conference <strong>2012</strong> ณ เมือง Atlanta รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา<br />

ระหว่างวันที่ 30 กันยายน - 3 ตุลาคม <strong>2012</strong> เพื่อหารือและแลกเปลี่ยน<br />

ความคิดเห็นแนวทางการพัฒนากิจกรรมโลจิสติกส์และซัพพลายเชน<br />

ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งหัวข้อที่สำคัญคือ Future<br />

Value Chain 2020 ซึ่งวิทยากรคือ Mr.John Phillips ตำแหน่ง<br />

Senior Vice President สายงาน Customer Supply Chain and<br />

Logistics จาก บริษัท PepsiCo Inc. ได้นำเสนอข้อมูลผลการศึกษา<br />

เรื่อง Building Strategies for the New Decade ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง<br />

ของโครงการ 2020 Future Value Chain โดยมีเนื้อหาสรุปคุณลักษณะ<br />

ของตลาดในอนาคตและทิศทางการปรับตัวทางธุรกิจที่สำคัญ<br />

ดังต่อไปนี้<br />

• Increased Urbanization หรือการขยายตัวของเมืองใหญ่ ซึ่ง<br />

คาดการณ์ว่าภายในปี 2015 จะมีเมืองขนาดใหญ่ประชากร<br />

มากกว่า 8 ล้านคนเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัว ขณะที่ในปี 2020<br />

จะมีเมืองขนาด Mega City ที่มีประชากรขนาด 20 ล้านคน<br />

เกิดขึ้นมากกว่า 8 แห่ง และเมื่อถึงปี 2050 จะพบว่าประชากร<br />

ส่วนใหญ่ทั่วโลกจะอยู่ในเขตเมืองมากกว่า 70% ซึ่งทำให้<br />

ร้านค้าปลีกมีลักษณะเป็น Small - Footprint Store หรือร้านค้า<br />

ที่มีขนาดเล็ก และต้นทุนค่าสถานที่ทำให้ส่งผลต่อต้นทุน<br />

การจัดเก็บสินค้าคงคลังซึ่งกลายเป็นแรงกระตุ้นให้ต้องลด<br />

Non - Productive Inventory ให้มีน้อยที่สุด<br />

• Aging Population เป็นกระแสร่วมของหลายประเทศทั่วโลก<br />

ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน อาทิ การพัฒนา<br />

สินค้า การเปลี่ยนแปลงขนาดตัวอักษรบนฉลาก เป็นต้น และ<br />

การทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงานมากขึ้น<br />

• Middle Class is Rapidly Expanding ส่งผลให้รายได้ต่อหัว<br />

โดยเฉลี่ยมีอัตราสูงขึ้น และกลุ่มชนชั้นกลางยังเป็นผู้ที่มีความ<br />

ต้องการสินค้าคุณภาพสูง ทำให้เป็นแหล่งรายได้สำคัญสำหรับ<br />

ภาคการผลิตและธุรกิจค้าปลีก<br />

• Increased Impact of Consumer Technology Adoption อาทิ<br />

การสั่งซื้อสินค้าผ่าน Mobile Internet จะกลายเป็นพฤติกรรม<br />

ผู้บริโภคที่สำคัญ ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพัฒนา<br />

ช่องทางการจัดจำหน่ายผ่าน Internet / Mobile Application<br />

มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการนำเสนอสินค้าผ่าน Social Network<br />

อาทิ Facebook, Twitter เป็นต้น<br />

• Increased Consumer Service Demands อันเป็นผลมาจาก<br />

การเปลี่ยนแปลงในเรื่องของเทคโนโลยีที่รวดเร็วมากขึ้น ทำให้<br />

ผู้บริโภคมีการรอคอยที่ลดลง และทำให้ผู้ประกอบการต้อง<br />

พยายามคิดค้นรูปแบบบริการใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น<br />

อยู่เสมอ<br />

• Increased Importance of Health and Well-being เนื่องจาก<br />

ผู้ซื้อมีแนวโน้มต้องการสินค้าเพื่อสุขภาพและมีการดูแลสุขภาพ<br />

ของตนเองมากขึ้น อาทิ ผู้บริโภคประเภท Lifestyles of Health<br />

and Sustainability (LOHAS) ในสหรัฐฯ ในปัจจุบันมีจำนวน<br />

กว่า 41 ล้านคน และคาดว่ายอดขายสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้จะมี<br />

การเพิ่มจำนวนเป็น 4 เท่า ภายใน 5 ปี ข้างหน้า<br />

• Growing Consumer Concern About Sustainability ส่งผลให้<br />

ผู้ประกอบการจำเป็นต้องทำ Carbon Footprint Label ขณะที่<br />

ภาครัฐของหลายประเทศจะต้องวางบทบาทเป็นผู้นำ และเร่งออก<br />

กฎหมายเพื่อควบคุมหรือผลักดันให้ภาคเอกชนมีการพัฒนา<br />

ในด้านนี้มากขึ้น<br />

• Shifting of Economic Power จากประเทศสหรัฐฯ สหภาพ<br />

ยุโรป และญี่ปุ่น ไปสู่ประเทศจีน บราซิล และอินเดีย ซึ่งจะมี<br />

การเติบโตค่อนข้างเร็ว และกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ<br />

กลุ่มใหม่ของโลก<br />

• Scarcity of Natural Resource ซึ่งเป็นผลมาจากเพิ่มขึ้นของ<br />

ประชากร Demand ที่มีมากกว่า Supply ซึ่งมีการพยากรณ์ว่า<br />

ในปี 2030 จะมีประชากรประมาณ 8,300 ล้านคน ทำให้มี<br />

ความต้องการอาหารเพิ่มมากขึ้น 50% ความต้องการน้ำสะอาด<br />

เพิ่มมากขึ้น 30% ความต้องการพลังงานเพิ่มมากขึ้น 50%<br />

ซึ่งจะทำให้มีการพัฒนาพลังงานทดแทน การกำหนดนโยบาย<br />

บริหารจัดการน้ำ การเพิ่มขึ้นของราคาและคุณภาพของอาหาร<br />

เป็นต้น<br />

• Increase in Regulatory Pressure โดยเฉพาะอย่างยิ่ง<br />

กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน และความปลอดภัย<br />

ในการบริโภคอาหาร<br />

• Rapid Adoption of Supply Chain Technology Capabilities<br />

เนื่องจาก Information Technology ทำให้เกิดการเชื่อมโยง<br />

ภายในซัพพลายเชนมากขึ้น ทั้งในส่วนของ Visibility และ<br />

Traceability ทำให้สมาชิกในอุตสาหกรรมมีความร่วมมือ<br />

กันมากขึ้น ก่อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านโลจิสติกส์<br />

และกลายเป็นแรงกดดันสำหรับผู้ประกอบการรายอื่นๆ<br />

ให้ต้องเร่งดำเนินการหากต้องการจะแข่งขันต่อไป<br />

• Impact of Next - Generation Information Technologies<br />

การเปลี่ยนแปลงของ IT อย่างรวดเร็วจากปัจจุบัน ทำให้ระบบ IT<br />

ในอนาคตมีความสำคัญต่อองค์กรมากขึ้น โดยไม่เพียงแต่เป็น<br />

สิ่งที่ขาดไม่ได้ แต่ยังกลายเป็น “เครื่องมือที่ใช้ในการปรับตัว”<br />

ขององค์กร เนื่องจากระบบ IT จะกลายเป็นช่องทางใหม่<br />

ในการทำธุรกิจ ทั้งการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายและการ<br />

บริหารจัดการภายในองค์กร เป็นแหล่งที่นำไปสู่การสร้างสรรค์<br />

นวัตกรรมใหม่ๆ เพราะระบบ IT ในอนาคตจะสามารถก้าวข้าม<br />

ข้อจำกัดต่างๆ ในปัจจุบันไปได้<br />

6


ซึ่งจากทิศทางข้างต้น เราสามารถสรุปแนวทางในการแข่งขันของ<br />

ธุรกิจในอนาคตได้ว่าการกำหนดกลยุทธ์ขององค์กรจะต้อง<br />

สามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ 4 ข้อ ประกอบไปด้วย<br />

1. Make Our Business More Sustainable :<br />

from Niche to Norm<br />

สิ่งสำคัญประการแรกคือ ธุรกิจต้องสามารถทำให้ลูกค้าและผู้บริโภค<br />

เกิดความมั่นใจทั้งในส่วนของบริษัท อุตสาหกรรม และซัพพลายเชน<br />

ของเรา ซึ่งอาจเกิดขึ้นโดยการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ ควบคู่<br />

ไปกับการทำให้ผู้บริโภคเข้าใจถึงความสำคัญในการเปลี่ยนแปลง<br />

แนวทางการทำธุรกิจและการดำรงชีวิตจากเดิมไปสู่ไลฟ์สไตล์<br />

เพื่อสิ่งแวดล้อม และการทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ของกิจการ<br />

เพื่อทำให้มีการยกระดับการทำงานให้มีมาตรฐานเป็นหนึ่งเดียวกัน<br />

ซึ่งจะทำให้เกิดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจอย่างยั่งยืน<br />

2. Optimize a Shared Supply Chain :<br />

Collaboration Differently, Complete<br />

Differently<br />

จากทิศทางในการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้นของ<br />

ผู้บริโภค จะทำให้บริษัทและซัพพลายเชนทั้งหมดต้องร่วมกันกำหนด<br />

ตัวชี้วัดการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 2 รายการ ประกอบ<br />

ไปด้วย จำนวนการปล่อย CO2 ลดน้อยลง และปริมาณการใช้<br />

พลังงาน<br />

3. Engage with technology - Enabled<br />

Consumers : the Consumer in the<br />

Driver’s Seat<br />

การเปลี่ยนแปลงในด้านเทคโนโลยีของผู้บริโภคจะทำให้ลักษณะ<br />

การดำรงชีวิตและการเลือกซื้อสินค้าเปลี่ยนแปลงไป ทุกที่ ทุกแห่ง<br />

ทุกเวลา สามารถกลายเป็นตลาดได้สำหรับผู้ที่มีโทรศัพท์มือถือ<br />

ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมต้องหาทางตอบสนองความต้องการ<br />

เหล่านี้ โดยพัฒนา Application ที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว มี<br />

การลงทุนในระบบการตรวจสอบข้อมูลที่สามารถเชื่อถือได้ และ<br />

การเพิ่มบทบาทของผู้บริโภคเมื่อมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นต้น<br />

โดยสินค้าเพื่อสุขภาพจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นในทุกระดับราคา<br />

ลูกค้าจะมีการเลือกซื้อสินค้าเหล่านี้มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการ<br />

เจ็บป่วย เพื่อทำให้มีอายุยืนมากขึ้น ซึ่งธุรกิจสามารถตอบสนองความ<br />

ต้องการเหล่านี้ได้ โดยการเปลี่ยนแปลงแนวคิดในการทำธุรกิจไป<br />

สู่การพัฒนาร่วมกันในซัพพลายเชน เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าที่มี<br />

ความปลอดภัยแก่ผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด<br />

จากกระแสการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว บริษัทยักษ์ใหญ่จำนวนมาก<br />

ได้มีการปรับตัว ทั้งในส่วนของการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร และ<br />

การร่วมมือกับสมาชิกในโซ่อุปทานเพื่อให้สามารถรองรับความ<br />

ต้องการของผู้บริโภคในอนาคต โดยมีการนำเสนอเป็นกรณีศึกษา<br />

เพื่อให้เห็นแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจน ซึ่งท่านสมาชิกสามารถ<br />

Download รายงาน Future Value Chain 2020 ฉบับเต็ม ได้ที่<br />

www.futurevaluechain.com<br />

สำหรับผู้ประกอบการไทย สิ่งที่เรียนรู้ได้จาก Future Value Chain<br />

2020 คือโจทย์สำหรับการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมและการค้า<br />

ซึ่งแม้ว่าลักษณะของตลาดในประเทศไทยจะไม่ได้เหมือนกับ<br />

ประเทศที่เจริญแล้ว แต่โลกาภิวัฒน์ในปัจจุบันจะทำให้พฤติกรรม<br />

ผู้บริโภค และการรับรู้ของผู้บริโภคถึงกระแสของตลาดในต่างประเทศ<br />

จะทำให้เกิดการลอกเลียนแบบและการถ่ายโอนเทคโนโลยีต่างๆ<br />

อย่างรวดเร็ว แม้ว่าปัจจัยหลายอย่างในประเทศไทยจะแตกต่างไป<br />

แต่ผู้บริโภคอาจเรียกร้องหรือคัดเลือกสินค้าและบริษัทที่เป็นไป<br />

ตามกระแสที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ส่งออกที่ทำธุรกิจ<br />

ร่วมกับ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น จำเป็นต้องเกาะกระแส<br />

ดังกล่าว เพื่อให้สินค้าของตนเองสามารถอยู่รอดได้ในตลาด<br />

ทั้งนี้ การพัฒนาสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่<br />

เปลี่ยนแปลงไป ผู้ประกอบการจำเป็นต้องตระหนักถึงความสำคัญ<br />

และใช้ความพยายามในการสร้างความร่วมมือระหว่างสมาชิก<br />

ในซัพพลายเชนเพื่อยกระดับการบริหารจัดการและทำให้เกิดเป็น<br />

Trusted Industry และสามารถลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการ<br />

ปฏิบัติไม่ได้มาตรฐานโดยสมาชิกรายใดรายหนึ่งในซัพพลายเชน<br />

ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวต้องอาศัยความเชื่อใจและระยะเวลาใน<br />

การทำงานร่วมกัน ดังนั้นภาคธุรกิจจึงต้องเริ่มดำเนินการนับตั้งแต่<br />

บัดนี้เป็นต้นไป<br />

4. Serve the Health and Well-being of<br />

Consumers : Focus on Quality of Life<br />

ผู้บริโภคจำนวนมากจะเพิ่มความเอาใจใส่ในสุขภาพของตนเอง<br />

มากขึ้นทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สติปัญญา และความเป็นอยู่ที่ดี<br />

Volume 3 ❘ <strong>November</strong> ❘ <strong>2012</strong><br />

7


ข่าวประชาสัมพันธ์<br />

CEO Forum : Perspective on AEC &<br />

Thailand Competitiveness<br />

สภาผู้ส่งออกฯ จัดงาน CEO Forum : Perspective on AEC & Thailand<br />

Competitiveness ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2555 เวลา 17.30 - 21.30 น.<br />

ณ โรงแรมดุสิตธานี เพื่อให้ผู้บริหารได้รับทราบถึงมุมมองของประเทศ<br />

คู่ค้าต่อ AEC 2015 - ความพร้อมของประเทศไทย และการปรับตัวของ<br />

ผู้ส่งออกไทย<br />

กำาหนดการ<br />

17.30 - 18.00 ลงทะเบียน<br />

18.00 - 18.45 รับประทานอาหาร<br />

18.45 - 18.50 ประธานสภาผู้ส่งออกฯ กล่าวต้อนรับ<br />

แขกผู้มีเกียรติ<br />

18.50 - 21.30 สัมมนา “Perspective on AEC & Thailand<br />

Competitiveness”<br />

โดย Mr. Willy Lin : Chairman of Hong Kong Shippers’ Council<br />

Mr. Moo Han Kim : Senior Executive Managing Director<br />

of Korean Shippers’ Council<br />

คุณศรีรัตน์ รัษฐปานะ : อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่าง<br />

ประเทศ<br />

คุณสุรพล ว่องวัฒนโรจน์ : CEO บริษัทสุรพลฟู้ดส์<br />

ผู้ดำเนินรายการ : คุณกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์<br />

Registration Fee : 3,000 บาท / คน (สมาชิกสรท. 2,000 บาท / คน)<br />

ท่านสมาชิกที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สภาผู้ส่งออกฯ :<br />

สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (คุณกฤตชทัต)<br />

02-679-7555 ต่อ 500<br />

กิจกรรมและการฝึกอบรมที่น่าสนใจ<br />

29 มกราคม 2555 The Lectures of Logistics Improvement ร่วมกับ<br />

Japan Institute of Logistics System (JILS) ณ โรงแรม Imperial<br />

Queen's Park (Free Seminar)<br />

<strong>TNSC</strong> CALENDAR<br />

12 - 14 พฤศจิกายน 2555 คณะกรรมการสภาผู้ส่งออกฯ : สภาผู้ส่ง<br />

สินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ร่วมกับคณะกับนายกรัฐมนตรี ในการ<br />

เยือนสหราชอาณาจักร เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุน<br />

ระหว่างประเทศไทยกับสหราชอาณาจักร<br />

5 - 7 ธันวาคม 2555 คณะกรรมการสภาผู้ส่งออกฯ : สภาผู้ส่งสินค้า<br />

ทางเรือแห่งประเทศไทย เข้าร่วมการประชุม Asian Shippers’ Meeting<br />

(ASM) ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย<br />

7 ธันวาคม 2555 คณะกรรมการสภาผู้ส่งออกฯ : สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ<br />

แห่งประเทศไทย เดินทางไปประชุมโครงการ Recycle System Project<br />

ณ เมืองวากายาม่า ประเทศญี่ปุ่น<br />

สภาผู้ส่งออกฯ :<br />

สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)<br />

(Thai National Shipper's Council)<br />

1168/97 อาคารลุมพินีทาวเวอร์ ชั้น 32 ถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120<br />

1168/97 Zone C, Lumpini Tower Bldg., 32 Fl., Rama IV Road, Thungmahamek, Sathorn, Bangkok 10120<br />

Tel : (662) 679-7555 • Fax : (662) 679-7500-2 • www.tnsc.com • Email : tnsc_crm@tnsc.com

Hooray! Your file is uploaded and ready to be published.

Saved successfully!

Ooh no, something went wrong!