Congratulations
Congratulations ประวัติและผลงาน พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.) life & Works of Phra Videsratanaporn (Thanat Inthisan, Ph.D.)
Congratulations
ประวัติและผลงาน พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.)
life & Works of Phra Videsratanaporn (Thanat Inthisan, Ph.D.)
Transform your PDFs into Flipbooks and boost your revenue!
Leverage SEO-optimized Flipbooks, powerful backlinks, and multimedia content to professionally showcase your products and significantly increase your reach.
พระพุทธมงคลวิมลดีซี<br />
พระประธานวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />
(ถนัด อตฺถจารี อินธิแสน ป.ธ. ๕, Ph.D.)<br />
เลขาธิการ สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
ประธานคณะกรรมการอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
ประธานกรรมการบริหารวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย<br />
กรรมการที่ปรึกษาองค์กรสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป (ส.ธ.ย.)<br />
ประธานคณะกรรมการอำนวยการองค์กรพุทธสมาคมแห่งสหรัฐอเมริกา (IBAA)<br />
คณะสงฆ์ คณะกรรมการอำนวยการ อุบาสก อุบาสิกา วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
วัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย<br />
และคณะศิษยานุศิษย์ทั้งในและต่างประเทศ พิมพ์ถวายเป็นมุทิตาสักการะ
มุทิตาธรรม : <strong>Congratulations</strong><br />
ประวัติและผลงาน พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.)<br />
life & Works of Phra Videsratanaporn (Thanat Inthisan, Ph.D.)<br />
พิมพ์ครั้งที่ ๑ : พ.ศ. ๒๕๕๙ จานวนพิมพ์ : ๑,๐๐๐ เล่ม<br />
ที่ปรึกษา<br />
พระราชมงคลรังษี (หลวงตาชี) วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
พระเทพพุทธิวิเทศ ประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
พระครูปริยัติธรรมาภิราม วัดป่าวิเวกจันทราราม จ.สกลนคร<br />
พระมหาอุดม ปภงฺกโร วัดป่าสันติธรรม รัฐเวอร์จิเนีย<br />
พระครูสุธีธรรมธร (อาพล สุธีโร ดร.) วัดศรีทรงธรรม จ.อุดรธานี<br />
พระครูสิริสิทธิวิเทศ (เรืองฤทธิ์ สมิทฺธิาโณ) รองประธานวัดไทยวอชิงตัน ดี.ซี.<br />
พระครูสมุห์ปรีดา สุมงฺคลคุโณ วัดอัมพวันอเมริกา รัฐเทนเนสซี<br />
บรรณาธิการ<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.)<br />
กองบรรณาธิการ<br />
พระมหาสุรตาล สิทฺธิผโล<br />
พระครูสังฆรักษ์สุริยา เตชวโร<br />
พระมหาปิยะ อุตฺตมปญฺโ ป.ธ.๙<br />
พระมหาสราวุธ สราวุโธ<br />
คุณครูพรทิพย์ สิงห์โตทอง<br />
พระน้าว นนฺทิโย<br />
พระมหาศรีสุพรณ์ อตฺตทีโป ป.ธ.๙<br />
พระมหาคาตัล พุทฺธงฺกุโร ป.ธ.๙<br />
พระมหาสายันต์ อคฺควณฺโณ<br />
คุณครูรัชนีวัลย์ จุลบาท<br />
พิมพ์ที่ นิติธรรมการพิมพ์<br />
๗๖/๒๕๑-๓ หมู่ที่ ๑๕ ต.บางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ๑๑๑๔๐<br />
โทร. ๐-๒๔๐๓-๔๕๖๗-๘, ๐-๒๔๔๙-๒๕๒๕, ๐๘๑-๓๐๙-๕๒๑๕<br />
E-mail : niti2512@hotmail.com, niti2512@yahoo.co.th
คำ อนุโมทนา<br />
หนังสือ “มุทิตาธรรม” เล่มนี้ประกอบด้วยประวัติ และผลงานของ<br />
สามเณรน้อยบ้านนอก-สู่เมืองนอก ด้วยอาศัยร่มผ้ากาสาวพัสตร์ศึกษาเล่าเรียน<br />
เพียรปฏิบัติธรรมกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ จนได้มีโอกาสเป็นพระธรรมทูตสาย<br />
ต่างประเทศ เดินทางรอบโลกเพื่อประกาศและเผยแผ่พระพุทธศาสนาในชีวิต<br />
ความเป็นพระธรรมทูตสายต่างประเทศ เป็นทูตแห่งธรรมะ ทำหน้าที่เพื่อนำ<br />
สันติสุขเข้าสู่จิตใจของประชาชนทุกหมู่เหล่า<br />
ข้าพเจ้าพยายามเก็บรวบรวมทั้งภาพและเรื่องราวอันน้อยนิดในส่วน<br />
ประวัติ และนำปีติพจน์-มุทิตาพจน์จากท่านที่เคารพนับถือ จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อแจก<br />
เป็นธรรมบรรณาการแก่ผู้ที่มีความเคารพนับถือ ในโอกาสที่ข้าพเจ้าได้รับ<br />
พระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ<br />
ชั้นสามัญที่ “พระวิเทศรัตนาภรณ์” เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ<br />
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />
นำความปลื ้มปีติยินดีมายังพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่าที่เคารพนับถือทั้งใน<br />
ประเทศไทยและต่างประเทศ<br />
ขอกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณ พระราชมงคลรังษี (หลวงตาชี)<br />
ที่เมตตาเขียนปีติพจน์ให้ด้วยลายมือของท่านเอง และท่านได้ให้ความเมตตา<br />
สงเคราะห์อนุเคราะห์เป็นที่พึ่งทุกสิ่งทุกประการจากวันแรกของชีวิตพระ<br />
ธรรมทูตในสหรัฐอเมริกาตลอดระยะเวลา ๒๔ ปี จนถึงปัจจุบันทุกวันนี้<br />
กราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณ พระเทพพุทธิวิเทศ ประธานสมัชชา<br />
สงฆ์ไทยฯ ที่เมตตาให้โอกาสได้สนองงานคณะสงฆ์องค์กรพระธรรมทูตไทย<br />
ในสหรัฐอเมริกา และคณะกรรมการอำนวยการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ เพื่อน<br />
สหธรรมิกในสหรัฐอเมริกาทุกรูป ด้วยความเคารพรัก ศรัทธาในงานของ<br />
สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
5
ขอกราบขอบพระคุณประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไป<br />
ต่างประเทศ ท่านอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ<br />
คณาจารย์ทุกท่าน ที่ส่งเสริม สนับสนุนให้กำลังใจในการทำงานพระธรรมทูต<br />
สายต่างประเทศ<br />
และอนุโมทนาขอบคุณญาติมิตร ทั้งญาติสายโลหิต และญาติธรรม ที่<br />
ให้การอุปถัมภ์ ส่งเสริม สนับสนุนทั้งด้านทุนทรัพย์ และแนวความคิดสติปัญญา<br />
เป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำ และให้การอนุเคราะห์ตามสมควรและเหมาะสม<br />
กับโอกาส เวลา สถานที่ เป็นที่ประทับใจและขออนุโมทนาบุญอย่างยิ่ง<br />
และจริงใจ กับทุกๆ ท่านมา ณ โอกาสนี้<br />
ถ้าหากบุญกุศลอันจะพึงเกิด พึงมีแห่งการพิมพ์หนังสือเป็นธรรม<br />
บรรณาการครั้งนี้ ขอน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จ<br />
พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเสด็จสู่สวรรคาลัยแล้วนั้น และขอถวาย<br />
เป็นอาจาริยบูชาแด่พระเดชพระคุณหลวงตาชีที่จะท ำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล<br />
ครบ ๙๒ ปีในปีนี้ และแผ่บุญกุศลนี้แก่มวลญาติมิตรทั้งญาติสายโลหิต และ<br />
ญาติธรรม ขอทุกท่านจงมีส่วนแห่งบุญกุศลในครั้งนี้ด้วย ขอให้มีความเจริญ<br />
รุ่งเรืองในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตลอดกาลนาน เทอญ<br />
ด้วยพรธรรม เมตตา<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />
๙ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />
6
ปีติพจน์<br />
ในวโรกาสวันมหามงคล วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ นี้ พระครูสิริอรรถวิเทศ<br />
ประธานอานวยการบริหารวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมรัตน์<br />
และเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์<br />
เป็นพระราชาคณะ ที่ “พระวิเทศรัตนาภรณ์” ย่อมนามาซึ่งความปลื้ม<br />
ปีติยินดีกับผู้ที่ได้รับ และแก่ผู้ที ่เกี่ยวข้องทั้งหลาย อันได้แก่ครูบาอาจารย์<br />
เพื่อนสหธรรมิกตลอดถึงญาติโยมทั้งหลายที ่มีความเคารพนับถือ มีความ<br />
สนิทสนมกันโดยอย่างถ้วนหน้า<br />
การที่ท่านได้รับโปรดเกล้าฯพระราชทานตั้งสมณศักดิ์นี้ เป็นเครื่อง<br />
แสดงให้เห็นว่า พระวิเทศรัตนาภรณ์ได้ทางานอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ<br />
และพระศาสนาด้วยดีเสมอมา ผลงานนี้จึงเป็นปัจจัยให้ได้รับการยกย่องเป็น<br />
ที่เชิดชูจนได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ในครั้งนี้ จะทาให้ผู้ที่ได้รับมีกาลังใจ<br />
บาเพ็ญประโยชน์แก่ส่วนรวมต่อไป<br />
แม้ในสมัยครั้งพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงยกย่องพระ<br />
สาวกของพระองค์เช่นเดียวกัน ดังที ่เราทราบกันว่ามีพระสาวกได้รับการ<br />
ยกย่องให้เป็นสาวกที่มีความสาคัญในด้านต่างๆ หลายองค์ด้วยกัน ซึ่งเรา<br />
ทราบว่าได้รับ เอตทัคคะ คือการยกย่องนั่นเอง ทั้งนี้ก็ด้วยความเก่งกล้า<br />
สามารถของพระสาวกเหล่านั้น พระวิเทศรัตนาภรณ์ ที่ได้รับพระราชทาน<br />
สมณศักดิ์ในคราวครั้งนี้ ก็มีลักษณะไม่แตกต่างจากครั้งในอดีตดังกล่าวมา<br />
จึงขอแสดงความยินดีกับ พระวิเทศรัตนาภรณ์ ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ<br />
พระราชทานสมณศักดิ์ในครั้งนี้ ขอให้ท่านเจริญงอกงามไพบูลย์ รุ่งเรืองใน<br />
ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตลอดกาลเป็นนิตย์ เทอญ<br />
(พระเทพพุทธิวิเทศ)<br />
เจ้าอาวาสวัดพุทธาวาส นครฮิวส์ตัน<br />
ประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
7
ington D.C.<br />
r Spring, MD 20906<br />
Ninety years of Phra RajaMongkolrangsi<br />
๙๐ ป พระราชมงคลรังษี (หลวงตาชี) • ๔๐ ป วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
•<br />
Forty years of Wat Thai Washington, D.C.<br />
8
g<br />
วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ด<br />
ี.ซี.<br />
g<br />
WAT THAI WASHINGTON, D.C.<br />
มุทิตาพจน์....พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />
เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
ประธานคณะกรรมการอานวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี.<br />
และประธานอานวยการวัดป่าธรรมรัตน์<br />
เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร-<br />
มหาภูมิพลอดุลยเดช ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิรา-<br />
ลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน<br />
ตั้งสมณศักดิ์ให้ พระครูสิริอรรถวิเทศ (ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.)<br />
เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ประธานคณะกรรมการอานวยการ<br />
วัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. และประธานอานวยการวัดป่าธรรมรัตน์ พิทส์เบิร์ก<br />
รัฐเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนาม<br />
ที่ “พระวิเทศรัตนาภรณ์” และได้เข้ารับพระราชทานสมณศักดิ์พัดยศ ณ<br />
พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๕<br />
ธันวาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านมานี้เรียบร้อยแล้ว<br />
การที่ท่านเจ้าคุณ พระวิเทศรัตนาภรณ์ ได้รับพระราชทานตั้งสมศักดิ์<br />
เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญในครั้งนี้ จึงนับว่าเป็นเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ และ<br />
เกียรติคุณแก่วงศ์ตระกูลของท่าน แก่วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี., วัดป่าธรรมรัตน์<br />
และสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา นาความปลาบปลื้มใจและปีติยินดีมา<br />
สู่เพื่อนสหธรรมิก ผู้ร่วมงาน ญาติมิตร และศิษยานุศิษย์ที่เคารพนับถือเป็น<br />
อย่างยิ่ง โดยเฉพาะคณะกรรมการอานวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และ<br />
พุทธศาสนิกชนในบริเวณกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี.<br />
9
ตลอดระยะเวลา ๒๔ ปี ที่ท่านเจ้าคุณ พระวิเทศรัตนาภรณ์ อยู่ปฏิบัติ<br />
ศาสนกิจในสหรัฐอเมริกา ท่านได้ทุ่มเทกาลังกาย กาลังใจ และสติปัญญา<br />
สนองงานวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. วัดป่าธรรมรัตน์ และสมัชชาสงฆ์ไทย<br />
ในสหรัฐอเมริกา มาด้วยความวิริยะอุตสาหะ ก่อให้เกิดหิตานุหิตประโยชน์<br />
อย่างไพศาลต่อสังคมไทย ประเทศชาติ และพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะอย่าง<br />
ยิ่งในสหรัฐอเมริกา เป็นอเนกประการ<br />
ขออานาจคุณพระศรีรัตนตรัย หลวงพ่อพุทธมงคลวิมลดีซี และกุศล<br />
จริยาสัมมาปฏิบัติที่ท่านได้บาเพ็ญแล้ว จงมารวมกันเป็นพลวปัจจัย อานวยพร<br />
ให้ท่านเจ้าคุณ พระวิเทศรัตนาภรณ์ เจริญงอกงามไพบูลย์ในบวรพระพุทธ<br />
ศาสนา และเจริญยิ่งๆ ขึ้นไปในสมณธรรมตลอดกาลเป็นนิตย์ เทอญ<br />
พระครูสิริสิทธิวิเทศ<br />
(เรืองฤทธิ์ สมิทฺธิาโณ)<br />
รองประธานคณะกรรมการอานวยการ<br />
วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
10
พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี/อินธิแสน)<br />
Handy : สร้างผลงานด้วยสมองและสองมือ<br />
ย้อนกลับไปยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ขณะอยู่ศึกษาที่วัดอัมพวัน ราชวัตร ดุสิต<br />
กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสำนักงานของศูนย์รวมสงฆ์ชาวอีสาน ๑๙ จังหวัด<br />
โดยมีหลวงพ่อเจ้าคุณพระญาณโพธิ (บุญมี) เป็นประธานศูนย์รวมสงฆ์<br />
ชาวอีสาน<br />
ครั้งนั้นได้ร่วมงานกับท่านพระมหาถนัด อตฺถจารี ซึ ่งศึกษาที่<br />
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ท่านมีบทบาทด้านนักวิชาการ<br />
จัดทำวารสาร “ดอกจาน” ซึ่งเป็นวารสารของศูนย์รวมสงฆ์ชาวอีสาน มี<br />
บทบาทในการช่วยงานสังคมสงเคราะห์พระสงฆ์สามเณรชาวอีสาน<br />
ส่วนภายในวัดอัมพวัน ท่านยังเป็นเลขานุการโรงเรียนพุทธศาสนา<br />
วันอาทิตย์ และสอนที่โรงเรียนอัมพวันศึกษา ซึ่งเป็นโรงเรียนราษฏร์การกุศล<br />
ของวัดในพระพุทธศาสนา<br />
ด้วยรูปร่างงดงาม ศีลาจารวัตรเรียบร้อย การแสดงธรรม การพูดจา<br />
องอาจ ท่านจึงเป็นไอดอลของพระหนุ่มสามเณรน้อย เป็นขวัญใจของพวกเรา<br />
เมื่อสำเร็จการศึกษาพุทธศาสตรบัณฑิต ท่านได้รับการคัดเลือกให้เดินทาง<br />
ปฏิบัติศาสนกิจต่างประเทศ เป็นพระธรรมทูต ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
ข้าพเจ้าเมื่อสำเร็จการศึกษาปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยนาคปุระ<br />
ประเทศอินเดีย ได้รับการคัดเลือกให้เป็นพระธรรมทูต ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน,<br />
ดี.ซี. องค์ประกอบหนึ่งคงเนื่องมาจากการที่เคยร่วมงานกันที่วัดอัมพวัน ราชวัตร<br />
ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของพระหนุ่มรูปหนึ่งที่ได้โบยบินสู่ซีกโลกตะวันตก ประเทศ<br />
สหรัฐอเมริกา แดนพญานกอินทรีย์<br />
ท่านพระมหาถนัด อตฺถจารี/อินธิแสน หรือท่านเจ้าคุณ พระวิเทศ<br />
รัตนาภรณ์ ได้รับหน้าที่มากมายหลายประการ เป็นผู้สร้างงานใหม่ๆ ในยุค<br />
สมัยที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังที่ข้าพเจ้าพอจะรวบรวมได้ คือ<br />
11
๑. โครงการเผยแผ่พระพุทธศาสนาผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ในยุค<br />
ที่เกิดคอมพิวเตอร์ และพัฒนาการใช้อินเทอร์เน็ตใหม่ๆ ด้วยความสนับสนุน<br />
ของบริษัทไอไออาร์ที ของครอบครัวพิชัยกุล ได้จัดอบรมการใช้ถ่ายทอดสด<br />
ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ภาคอินเทอร์เน็ตทุกวัน ทำให้พระสงฆ์ได้รู้จักใช้สื่อ<br />
เทคโนโลยีสารสนเทศ แม้แต่หลวงพ่อพระราชมงคลรังษี หรือหลวงตาชี<br />
พระสงฆ์ไทยผู้มีอายุพรรษามากรูปหนึ่ง ท่านก็พัฒนาตนใช้คอมพิวเตอร์และ<br />
อินเทอร์เน็ตได้อย่างทันสมัยในการเผยแผ่พุทธศาสนา<br />
ปัจจุบัน ท่านเจ้าคุณพระวิเทศรัตนาภรณ์ได้บันทึกเสียง บันทึกภาพ<br />
ลงไว้ในคลังธรรม ทั้งเฟสบุ๊ค ยูทูปจำนวนมากมาย<br />
๒. เป็นนักเขียน นักประพันธ์ นักวาดรูป นักถ่ายภาพ วิญญาณของ<br />
ศิลปินของท่าน ได้สร้างผลงานออกมาไม่ได้ขาด รูปวิวทิวทัศน์แบบไทยๆ ทั้ง<br />
ในวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. และได้แสดงตามสถานที่ต่างๆ นามว่า Handy<br />
คือผลงานจิตรกรรมของท่านเจ้าคุณ ไม่ต้องกล่าวถึงรูปถ่ายประกอบตาม<br />
หนังสือ หรือข้อเขียนการประพันธ์ทั้งในหนังสือแสงธรรม และที่พิมพ์ออกมา<br />
เป็นเล่ม เรื่องราวสารคดีการเดินทาง ข้อเขียนธรรมะ ทั้งภาคภาษาไทย และ<br />
ภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ยังปรากฏในโซเชียลมีเดียต่างๆ อีกมากมาย<br />
๓. การสงเคราะห์ผู้อื่น : ท่านอาจารย์เจ้าคุณฯ ได้รับเป็นประธาน<br />
กองทุนธรรมรัตน์ เพื่อสร้างศาสนทายาทสืบอายุพระพุทธศาสนา มอบทุนแด่<br />
พระภิกษุสามเณรผู้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนแต่ขาดแคลน ได้ช่วยเหลือพระภิกษุ<br />
สามเณรในชนบทเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็นต้นมา นอกจาก<br />
นี้ยังมีกองทุนส่งเสริมการปฏิบัติธรรม คุณแม่สมจิตร วสุรัตน์ ซึ่งตั้งโดยคุณ<br />
พัชรา ทานนุส บริจาคช่วยเหลือพระสงฆ์ผู้สนใจเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน<br />
๔. บทบาทในเวทีสำคัญของโลก ดำรงตำแหน่งต่างๆ อาทิเช่น<br />
- ประธานอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
- ประธานอำนวยการวัดป่าธรรมรัตน์<br />
- เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
- ประธานกรรมการสมาคมชาวพุทธนานาชาติแห่งสหรัฐอเมริกา<br />
(IBAA)<br />
12
๕. ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ นี้ ท่านได้รับนิมนต์เป็นองค์แสดงธรรม ณ ใต้ร่ม<br />
พระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา ประเทศอินเดีย คืนวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />
เนื่องในงานสาธยายพระไตรปิฎกบาลีนานาชาติของพระพุทธศาสนาเถรวาท<br />
ระหว่างวันที่ ๒-๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๙ แต่เมื่อได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็น<br />
พระราชาคณะครั้งนี้ จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งใหญ่ ที่พระธรรมทูตไทย<br />
รูปหนึ่ง ได้ทุ่มเทชีวิตสนองงานรับใช้พระพุทธศาสนา และประเทศชาติบ้าน<br />
เมือง จนเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่สายตาของชาวโลก<br />
ในนามศิษยานุศิษย์ และสาธุชนผู้เคารพศรัทธาในพระเดชพระคุณ<br />
ท่านเจ้าคุณพระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี/อินธิแสน) จึงขอถวายมุทิตา<br />
สักการะด้วยข้อเขียนนี้ ส่งมาจากแดนดินถิ่นพุทธภูมิ ร่มพระศรีมหาโพธิ์<br />
พุทธคยา อินเดีย<br />
ขอคุณพระศรีรัตนตรัย คุณพระพุทธเจ้าที่สูงล้ำ คุณพระธรรมที่สูงส่ง<br />
คุณพระอริยสงฆ์ที่ว่างโล่งโปร่งเย็น ได้อภิบาลประทานพรให้ท่านเจ้าคุณ<br />
อาจารย์ “พระวิเทศรัตนาภรณ์” เจริญรุ่งเรือง ไพบูลย์ในชีวิตยิ ่งๆ ขึ้นไป<br />
หวังอริยมรรค จงได้รับการบันดล อริยผล จงได้รับการบันดาล หวัง<br />
พระนิพพาน คือถึงที่สุดแห่งทุกข์ จงสำเร็จผลโดยไวด้วยเทอญฯ<br />
ธรรมสวัสดี นโมพุทธายะ<br />
(พระครูสุธีธรรมธร ดร.อำพล สุธีโร/พลมั่น)<br />
รองเจ้าคณะอำเภอหนองหาน<br />
เจ้าอาวาสวัดศรีทรงธรรม อุดรธานี<br />
รองประธานอำนวยการวัดป่าธรรมรัตน์<br />
13
14<br />
มุทิตาสักการะ<br />
ท่านเจ้าคุณอาจารย์ “พระวิเทศรัตนาภรณ์“<br />
................................<br />
เมื่อปีพ.ศ.๒๕๔๕ ข้าพเจ้าเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศอินเดีย และได้<br />
พบพระอาจารย์มหาถนัดที่วัดไทยพุทธคยา ท่านเอ่ยปากชวนให้ไปช่วยงานที่<br />
สหรัฐอเมริกา ขณะนั้นข้าพเจ้าเพิ่งบวชพระได้แค่ ๒ พรรษา จึงมุ่งหน้าเรียน<br />
อย่างเดียว มีโอกาสได้พบปะสนทนากับพระอาจารย์และคณะบ้างในโอกาส<br />
ต่างๆ ระหว่างอยู่ประเทศอินเดีย รู้สึกประทับใจในความสามารถด้านการใช้<br />
ภาษาอังกฤษและความเป็นกันเองของท่าน<br />
เมื่อปีพ.ศ.๒๕๔๙ เมื่อมีพรรษากาลครบตามที่ทางโครงการอบรมพระ<br />
ธรรมทูตสายต่างประเทศกาหนดจึงได้เข้ารับการอบรมเพื่อเป็นพระธรรมทูต<br />
สายต่างประเทศ ข้าพเจ้าทราบตั้งแต่ก่อนเข้าโครงการว่า จะไปปฏิบัติงานที่<br />
วัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. เพราะครูบาอาจารย์ได้ดาเนินเรื่องไว้แล้ว แต่ก่อน<br />
สิ้นสุดการอบรมก็มีทุนการศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลที่ให้กับป.ธ.๙ แทรกเข้า<br />
มา ทาให้ต้องตัดสินใจว่า จะไปอเมริกาหรือจะรับทุนเรียนต่อ ข้าพเจ้านาเรื่อง<br />
นี้ไปปรึกษากับครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือว่า ควรทาอย่างไรดี ซึ่งท่านเหล่า<br />
นั้นต่างลงความเห็นว่าควรเรียนก่อนค่อยทางาน จึงได้ทาหนังสือกราบเรียน<br />
ขอยกเลิกการเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจที่สหรัฐอเมริกากับหลวงตาชีและ<br />
พระอาจารย์ถนัดซึ่งท่านก็เข้าใจ<br />
เมื่อปีพ.ศ.๒๕๕๐ โครงการการศึกษาของวิทยาลัยศาสนศึกษา<br />
มหิดล ได้ยกเลิกไปเนื่องด้วยขาดงบประมาณสนับสนุน จึงทาให้อยากไปหา<br />
ประสบการณ์ที่สหรัฐอเมริกาอีก จึงได้เรียนถามพระอาจารย์ซึ ่งท่านบอกว่า<br />
ที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี.พระไม่ขาด แต่วัดสาขายังขาดพระ ท่านจึงฝาก<br />
ให้ไปอยู่กับพระอาจารย์มหาอุดม ปภงฺกโร เจ้าอาวาสวัดป่าสันติธรรม จึง
เป็นสาเหตุให้ได้มาปฏิบัติศาสนกิจที่วัดสาขาของวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
ในขณะที่ทางานอยู่ที่วัดป่าสันติธรรมข้าพเจ้าก็มีโอกาสได้ช่วยงานพระอาจารย์<br />
มหาถนัดเรื่อยๆ ด้วยความศรัทธาในการทางานเผยแผ่พระพุทธศาสนา<br />
ของท่าน<br />
เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๕๔ พระอาจารย์ได้พูดถึงโครงการสร้างวัดที่เมือง<br />
พิทส์เบิร์กซึ่งเพิ่งได้รับอนุญาตให้ดาเนินการสร้างโดยหลวงพ่อพระราชมงคล<br />
รังษี (หลวงตาชี) ซึ่งพระอาจารย์ในฐานะประธานฯ ได้ชักชวนให้เป็นเลขานุการ<br />
ของโครงการ ข้าพเจ้าตอบตกลงตั้งแต่ยังไม่ได้ขออนุญาตหลวงพ่อเจ้าอาวาส<br />
วัดป่าสันติธรรม เพราะศรัทธาในการทางานเผยแผ่ศาสนาของท่าน และ<br />
ภายหลังที่ประชุมวัดป่าสันติธรรมก็อนุญาตให้ไปช่วยงานสร้างวัดใหม่ที่<br />
พิทส์เบิร์กได้<br />
ปลายปีพ.ศ. ๒๕๕๔ ได้เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจที่วัดแห่งใหม่ได้<br />
ช่วยกันกับพระสงฆ์และญาติโยมสร้างวัดสร้างศรัทธาที่นั้นภายใต้การนา<br />
ของพระอาจารย์มหาถนัด นอกจากงานที่วัดป่าธรรมรัตน์แล้วยังได้ช่วยงาน<br />
พระอาจารย์ในฐานะที่ท่านเป็นเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
งานหลายอย่างที่ท่านทาเป็นงานอาสาสมัครและไม่มีสินจ้างรางวัล นอกจาก<br />
ประโยชน์แก่ส่วนรวมและความภูมิใจว่าได้ทาสิ่งที่ดีมีประโยชน์<br />
ปีนี้ในวโรกาสคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จ<br />
พระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดช พระอาจารย์ได้รับโปรดเกล้าพระราชทาน<br />
แต่งตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระวิเทศรัตนาภรณ์ ถือว่า<br />
เป็นผลพลอยได้จากการบาเพ็ญคุณงามความดีอย่างต่อเนื่องหลายทศวรรษ<br />
ของท่านในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่างประเทศ และถือเป็นการเติมกาลัง<br />
ใจให้ท่านได้ทางานไพศาลยิ่งๆ ขึ้นไปเพื่อประโยชน์แก่พหูชน<br />
ในฐานะศิษย์ผู้สนองงานคนหนึ่งของท่านอาจารย์เจ้าคุณมาหนึ่ง<br />
ทศวรรษ รู้สึกปลื้มปิติยินดีว่า เหมาะสมอย่างยิ่ง สมควรอย่างยิ่ง ขอให้อาจารย์<br />
15
เจ้าคุณมีสุขภาพอนามัยแข็งแรงเป็นพลังในการทางานเพื่อประโยชน์เกื้อกูล<br />
ความสุขแก่มหาชนยิ่งๆ ขึ้นไป และเพื่อความไพบูลย์ของพระพุทธศาสนาใน<br />
สหรัฐอเมริกาสืบไป<br />
ด้วยความยินดียิ่งและด้วยความเคารพอย่างสูง<br />
พระมหาปิยะ อุตฺตมปญฺโ ป.ธ.๙, Ph.D.<br />
หัวหน้าสงฆ์/เลขานุการวัดป่าธรรมรัตน์<br />
ในนามศิษยานุศิษย์วัดป่าธรรมรัตน์ พิทส์เบิร์ก<br />
16
สารแสดงความยินดี<br />
เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช<br />
องค์พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย ได้พระราชทานตั้งสมณศักดิ์<br />
แด่ท่านพระอาจารย์พระครูสิริอรรถวิเทศ (ดร.พระมหาถนัด อตฺถจารี) ใน<br />
พระราชทินนาม ที่ “พระวิเทศรัตนาภรณ์”<br />
ในนามเลขาธิการ สมัชชาสงฆ์ลาวอเมริกัน ที่ได้ร่วมงานเคียงบ่าเคียงไหล่<br />
ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสหรัฐอเมริกา ขอแสดงความชื่นชมยินดี ที่<br />
ท่านพระอาจารย์ได้รับเกียรติตั้งสมณศักดิ์ในครั้งนี้ อันเป็นความเหมาะสม<br />
อย่างยิ่งที่จะเชิดชู ยกย่องแก่ผู้ที่ทำคุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา<br />
ขอให้พระอาจารย์จงมีความสุขกาย สุขใจ เป็นผู้นำประทีปธรรมสู่<br />
สาธุชนทุกถ้วนหน้าตลอดไปเทอญ<br />
Ven.Thongvanh Uttamapanyo<br />
General secretary of<br />
Lao American Buddhist Sangha Council<br />
(เลขาธิการ องค์กรคณะสงฆ์ลาวแห่งสหรัฐอเมริกา)<br />
17
18<br />
มุทิตาสักการะ<br />
พระครูสิริอรรถวิเทศ (ถนัด อตฺถจารี, ป.ธ.๕, พธ.บ., M.A., Ph.D.)<br />
เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
ประธานอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
ประธานอำนวยการวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย<br />
ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานแต่งตั้งสมณศักดิ์<br />
เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่<br />
“พระวิเทศรัตนาภรณ์”<br />
๕ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />
------------<br />
วันที่ห้า ธันวาคม อุดมมงคล<br />
เฉลิมพระชนม์ พรรษา มหาดิถี<br />
มุทิตา สักการะ สดุดี<br />
พระผู้เป็น ศักดิ์ศรี สมัชชา<br />
พระ - ผู้นำ เผยแผ่ พุทธศาสน์<br />
ครู - องอาจ ปราชญ์เมธี ศรีสง่า<br />
สิริ - สวัสดิ์ พิพัฒน์ผล ดลปัญญา<br />
อรรถ - ธรรม นำศรัทธา มหาชน<br />
วิเทศ - ศรี สงฆ์ไทย ในต่างแดน<br />
ถนัด - เทศน์ ทุกเขตแคว้น ถึงแก่นผล<br />
อตฺถ - รู้ ประโยชน์ท่าน ประโยชน์ตน<br />
จารี - งาม ยามยินยล ธรรมวินัย<br />
เป็นเลขาธิการสมัชชาฯ<br />
เปี่ยมปัญญา ธำรงศาสน์ ปราชญ์เลื่อมใส<br />
วิปัสสนา กรรมฐาน ศานต์สุขใจ<br />
ทั้งเทศ-ไทย ให้ตื่นรู้ สู่เบิกบาน
ด้วยความดี ที่บำเพ็ญ เห็นประจักษ์<br />
ทุ่มใจรัก พิทักษ์ธรรม นำสืบสาน<br />
วโรกาส เฉลิมพระชนม์ มงคลกาล<br />
พระราชทาน พัดยศ ปรากฏนาม<br />
“พระวิเทศรัตนาภรณ์” บวรสงฆ์<br />
ผู้ธำรง ความดี ที่เกรงขาม<br />
เปรียบดั่งแก้ว ล้ำค่า พางดงาม<br />
ทุกเขตคาม นามระบือ ชื่อมงคล<br />
พระ - ผู้ทรง ภูมิธรรม ภูมิปัญญา<br />
วิเทศ - นำ ประชา พาฝึกฝน<br />
รัตนา - เมธี ศรีโสภณ<br />
ภรณ์ - อุดม เลิศล้น คนแดนไกล<br />
ร้อยดวงใจ มุทิตา สักการะ<br />
ขอคุณพระ ไตรรัตน์ ดังฉัตรใหญ่<br />
อยู่เป็นร่ม โพธิ์ทอง ของชาวไทย<br />
เป็นร่มไทร แผ่ไพศาล ทุกกาลเทอญ ฯ<br />
--------------------<br />
ร้อยกรอง<br />
โดย พระมหาคำตัล พุทฺธงฺกุโร ป.ธ.๙<br />
ในนามคณะสงฆ์ คณะกรรมการ อุบาสกอุบาสิกา<br />
วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. รัฐแมรี่แลนด์<br />
และวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย<br />
๒ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />
19
มุทิตาพจน์<br />
นายพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน<br />
งานมุทิตาสักการะพระวิเทศรัตนาภรณ์ วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />
ณ วัดป่าวิเวกจันทราราม บ้านดงมะไฟ ตำบลขมิ้น อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร<br />
------------------------<br />
เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร<br />
มหาภูมิพลอดุลยเดช ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหา-<br />
วชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน<br />
ตั้งสมณศักดิ์ให้ พระครูสิริอรรถวิเทศ (ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.)<br />
เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทย ในสหรัฐอเมริกา ประธานคณะกรรมการวัดไทย<br />
กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ประธานอำนวยการสร้างวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์<br />
เบิร์ก มลรัฐเพนซิลเวเนีย และประธานคณะกรรมการอำนวยการองค์กรพุทธ<br />
สมาคมแห่งสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ใน<br />
ราชทินนามที่ พระวิเทศรัตนาภรณ์ นำความปิติยินดี มาสู ่คณะสงฆ์ อุบาสก<br />
อุบาสิกา และศิษยานุศิษย์เป็นอย่างยิ่ง<br />
พระเดชพระคุณ พระวิเทศรัตนาภรณ์ เป็นผู้ใฝ่รู้ทางธรรมตั้งแต่<br />
เยาว์วัย โดยบรรพชาเมื่ออายุ ๑๓ ปี ณ พัทธสีมาวัดศรีสุมังคล์ จังหวัดสกลนคร<br />
และอุปสมบทเมื่ออายุ ๒๐ ปี ณ พัทธสีมาวัดการเวก จังหวัดนครราชสีมา<br />
ก่อนเดินทางมาเป็นพระธรรมทูตปฏิบัติศาสนกิจประจำวัดไทยกรุงวอชิงตัน,<br />
ดี.ซี.<br />
20
ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๕ พระเดชพระคุณฯ ได้ร่วมพัฒนาวัดไทยกรุงวอชิงตัน,<br />
ดี.ซี. อย่างต่อเนื่อง มีบทบาทนำในการก่อตั้งวัดป่าธรรมรัตน์เพื่อเผยแผ่<br />
พระพุทธศาสนาและส่งเสริมศาสตร์การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานให้กับ<br />
พุทธศาสนิกชนไทยและต่างชาติ รวมทั้งสอนการฝึกนั่งสมาธิให้ผู้ซึ่งอยู่ใน<br />
เรือนจำในมลรัฐเพนซิลเวเนีย ทำให้พระเดชพระคุณฯ เป็นผู้ที่คณะสงฆ์ และ<br />
พุทธศาสนิกชนให้ความเคารพยกย่อง<br />
ในฐานะเอกอัครราชทูต ก็ได้ประจักษ์ถึงบทบาท ความสามารถในการ<br />
ทำหน้าที่พระธรรมทูตของพระเดชพระคุณฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการ<br />
อำนวยการองค์การพุทธสมาคมฯ ในการสร้างเครือข่ายระหว่างกลุ่มพุทธนิกาย<br />
ต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา ทั้งยังขยายความร่วมมือกับนักบวชนิกายอื่น ๆ อันเป็น<br />
การยกบทบาทที่สร้างสรรค์ของพระสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างพลังแห่ง<br />
ความเข้าใจและส่งเสริมสันติสุข ในสังคมหลายหลากในปัจจุบัน นับเป็นแบบอย่าง<br />
ที่โดดเด่นที่เป็นแรงบันดาลใจให้พระธรรมทูตในต่างแดนอย่างดีงามยิ่ง<br />
ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ เหล่าข้าราชการ เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ<br />
ตลอดจนพุทธศาสนิกชน ในสหรัฐอเมริกา ขอกราบถวายมุทิตาสักการะแด่<br />
พระเดชพระคุณฯ และขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์<br />
ทั้งหลาย จงรวมกันเป็นพรอันประเสริฐให้พระวิเทศรัตนาภรณ์มีสุขภาพ<br />
พลานามัยแข็งแรง เป็นแบบอย่างให้คณะสงฆ์รุ่นต่อ ๆ ไป และเป็นที่พึ่งพิง<br />
ทางจิตใจแก่พุทธศาสนิกชนทั้งไทยและเทศโดยทั่วกัน<br />
(นายพิศาล มาณวพัฒน์)<br />
เอกอัครราชทูต<br />
21
December 5, 2016<br />
Dear Venerable Phra Videsratanaporn (Ajahn Thanat),<br />
On behalf of the officers and members of the International Buddhist<br />
Committee of Washington, DC, it is my great pleasure to wish you<br />
congratulations on the conferment of your new monastic title. Your<br />
dedication and commitment to promoting and preserving the Lord<br />
Buddha’s teachings across the world, and especially here in the<br />
United States, is an inspiration to us all. Through your education<br />
projects, religious programs, and community service, you are a living<br />
embodiment of the Buddhist concept of viriya, the unquenchable<br />
effort necessary to promote wholesome thoughts and skillful actions.<br />
Your guidance as an IBC officer and advisory committee member has<br />
been invaluable over the past years, and we look forward to continue<br />
working with you to strengthen the linkages between Buddhists of all<br />
lineages, as well as our non-Buddhist brothers and sisters, here in the<br />
Washington, DC region.<br />
May this great honor bring you great happiness and further enable you<br />
to bring the light of the Buddha’s Dharma to the world. As the Lord<br />
Buddha taught in the Mangala Sutta:<br />
Bāhu saccam ca sippan ca vinayo ca susikkhito<br />
Subhasitā ca yā vācā — Ētam mangala muttamam<br />
To have great learning, to be skillful in craft, well-trained in discipline,<br />
And well-spoken — This is the greatest blessing<br />
With palms together,<br />
Matthew R.G. Regan<br />
Secretary, International Buddhist Committee of Washington, DC<br />
22
มุทิตาสักการะ<br />
ท่านอาจารย์เจ้าคุณพระวิเทศรัตนาภรณ์<br />
(ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.)<br />
................................................<br />
“เป็นนักคิด นักเขียน นักเรียนรู้<br />
นักต่อสู้ นักปราชญ์ นักศาสนา<br />
นักเผยแผ่ นักปฏิบัติ นักปรัชญา<br />
นักพัฒนา วิชาการ สานพุทธธรรม”<br />
ทันทีที่ได้รับทราบข่าวอันเป็นมหามงคล เนื่องในโอกาสวันคล้าย<br />
วันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช<br />
เมื่อวันที ่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ ว่าท่านอาจารย์พระครูสิริอรรถวิเทศ<br />
(ดร.พระมหาถนัด อตฺถจารี) เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา,<br />
ประธานอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ประธานอำนวยการวัดป่าธรรมรัตน์<br />
เมืองพิทส์เบิร์ก ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดพระราชทานแต่งตั้งสมณศักดิ์<br />
เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่ “พระวิเทศรัตนาภรณ์” ย่อม<br />
นำความปีติยินดีมาสู่คณะสงฆ์ อุบาสกอุบาสิกา และคณะศิษยานุศิษย์ที่<br />
เคารพเป็นอย่างยิ่ง<br />
กระผมและครอบครัว ขอแสดงมุทิตาสักการะมา ณ โอกาสนี้ เพราะ<br />
ท่านอาจารย์เจ้าคุณฯ ได้ทุ่มเทอุทิศทั้งกำลังกายใจ กำลังสติปัญญา และกำลัง<br />
ความสามารถที่ปราดเปรื่อง โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า มีผลงาน<br />
ที่โดดเด่นปรากฏชัด โดยดำรงตำแหน่งมากมาย เช่น<br />
๑. เป็นเลขาธิการสมัชชาฯ มีหน้าที่รับผิดชอบภารธุระกิจการพระศาสนา<br />
ของคณะสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา เหมือนเป็นตัวแทนคณะสงฆ์ไทย ในนาม<br />
มหาเถรสมาคม<br />
๒. เป็นนักสอนวิปัสสนานานาชาติ (Meditation Workshop)<br />
๓. เป็นประธานกรรมการองค์กรพุทธสมาคมนานาชาติ แห่งสหรัฐอเมริกา<br />
23
(IBAA) ด้วยความรู้ความสามารถในการจัดประชุม สัมมนาชาวพุทธนานาชาติ<br />
ในเวทีระดับโลก โดยการประสานผู้นำศาสนาต่างๆ มาร่วมทำงานเป็น<br />
เครือข่ายให้เกิดพลังแห่งความสามัคคี เพื่อนำสู่สันติสุข สันติภาพแก่ชาวโลก<br />
๔. เป็นประธานอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
๕. เป็นประธานอำนวยการวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบิร์ก<br />
ท่านเป็นผู้เพียบพร้อมด้วยภูมิธรรม ภูมิปัญญา ทำหน้าที่ด้วยความ<br />
เข้มแข็ง อดทน เสียสละ เป็นพระธรรมทูตจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา<br />
ทั่วโลก ทั้งประเทศไทย ในยุโรป และอเมริกา บำเพ็ญเป็นหิตานุหิตประโยชน์<br />
แก่สังคม ประเทศชาติ และพระพุทธศาสนา สมดังพระพุทธจริยาที่ทรงส่ง<br />
พระสาวกไปประกาศพระพุทธศาสนาครั้งแรกว่า “จรถ ภิกฺขเว จาริกํ<br />
พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ”<br />
อย่างแท้จริง<br />
“พระวิเทศรัตนาภรณ์” บวรแก้ว ผู้ผ่องแผ้ว งดงาม ตามแบบสงฆ์<br />
ธรรมวินัย ใคร่ศึกษา พาธำรง ปฏิปทา พามั่นคง ทรงศีลา<br />
เป็นนักคิด นักเขียน เพียรทำงาน เพื่อสืบสาน ผดุงชาติ ศาสนา<br />
สมัชชา สงฆ์ไทย ในอเมริกา “เลขาธิการ” ชาญปรีชา พาเกรียงไกร<br />
ผู้นำองค์กร ศาสนา นานาชาติ เพื่อประกาศ พุทธธรรม นำสดใส<br />
พุทธศาสนา ยืนยง ดุจธงชัย ดับทุกข์โศก โรคจิตใจ ใฝ่ทำดี<br />
น้อมแสดง มุทิตา สักการะ คารวะ ท่านเจ้าคุณ หนุนศักดิ์ศรี<br />
เกียรติยศ ปรากฏไกล ในธาตรี บุญบารมี แผ่ไพศาล ทุกกาลเทอญฯ<br />
น้อมมุทิตาด้วยความเคารพอย่างสูง<br />
ครุฑ – สอางค์ สมบัติใหม่<br />
๙ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />
24
มุทิตาพจน์<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี)<br />
-------------------------<br />
การปฏิศาสนกิจเพื่อพัฒนาจิตของพุทธศาสนิกชน ถือว่าเป็นหน้าที่<br />
ของพระธรรมทูตทั้งที่ปฎิบัติศาสนกิจในประเทศไทยและต่างประเทศ เพราะ<br />
เป็นการดาเนินตามพระดารัสขององค์สมเด็จสัมมาพุทธเจ้า ที่ประสงค์ให้<br />
สาวกของพระองค์ปฎิบัติหน้าที่ เพื่อประโยชน์ของชุมชนทุกหมู่เหล่า<br />
การปฏิบัติศาสนกิจของท่านอาจารย์เจ้าคุณ พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />
(ถนัด อตฺถจารี) เรียกได้ว่าเป็นการทาหน้าที่อย่างสมบูรณ์ ลาภ ยศ สักการะ<br />
เป็นสิ่งที่ตามมาโดยที่เรามิต้องเสาะแสวงหา<br />
เนื่องในโอกาสที่ท่านอาจารย์ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น<br />
พระราชาคณะชั้นสามัญที่ “พระวิเทศรัตนาภรณ์” ขออานาจคุณ<br />
พระศรีรัตนตรัย บารมีของหลวงพ่อพุทธมงคลวิมลดีซี องค์พระประธานใน<br />
อุโบสถวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. จงอานวยพรให้ท่านมีสุขภาพพลานามัย<br />
แข็งแรง มีความเจริญในหน้าที่การงานในทางพระพุทธศาสนาสืบไป<br />
ประพจน์ คุณวงศ์<br />
รองประธานคณะกรรมการอานวยการ<br />
วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
25
26<br />
มุทิตาคารวะ<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี)<br />
-------------------------<br />
เนื่องในวาระดิถีที่เป็นมหามงคล วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา<br />
ท่านพระครูสิริอรรถวิเทศ (ถนัด อตฺถจารี) ประธานอำนวยการวัดไทย<br />
กรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. และเลขาธิการ สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
ได้รับแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่<br />
“พระวิเทศรัตนาภรณ์”<br />
การที่ท่านเจ้าคุณฯ ได้รับแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชคณะในครั้งนี้ ก็<br />
เพราะว่าท่านได้สนองงานพระศาสนาอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในด้านปกครอง<br />
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นสำคัญ ตำแหน่งเลขาธิการนั้น ถือว่าเป็นขุม<br />
กำลังและมันสมองในการขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ<br />
งานทุกอย่างจักสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์<br />
นั้น เพราะเลขาธิการเป็นผู้ที ่มีบทบาทสำคัญในการวางแผนและเตรียมการ<br />
จนผลงานเกียรติยศปรากฏไกลและมีความโดดเด่นสง่างามเป็นที่ประจักษ์<br />
ชัดแล้วนั้น.<br />
เพราะฉะนั้น จะเห็นว่าท่านเจ้าคุณฯ เป็นทั้งนักบริหาร (นักปกครอง),<br />
นักบริการ(จิตอาสา) และนักกระทำ (ลงมือปฏิบัติงานจริง) โดยไม่ทิ้งหลัก<br />
ธรรม อาจกล่าวได้ว่า ท่านเจ้าคุณฯ “เป็นศรีของสงฆ์ เป็นธงของศาสน์ เป็น<br />
นักปราชญ์ของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา” อย่างน่าภาคภูมิใจ<br />
การที่ท่านได้เป็นได้รับการสถาปนาเป็นท่านพระครู, ท่านเจ้าคุณฯ ก็เป็น<br />
ตามตำแหน่งในการปกครองเท่านั้น แต่ท่านก็ยังเป็นพระอาจารย์, หลวงพี่,<br />
หลวงลุง, หลวงอาถนัดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง<br />
การที่ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ เป็นพระราชาคณะที่<br />
“พระวิเทศรัตนาภรณ์” ในครั้งนี้ จึงนำมาซึ่งความปลาบปลื้มปิติยินดีแก่
ญาติโยมวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี., รัฐใกล้เคียง ตลอดจนคณะศิษยานุศิษย์<br />
และสาธุชนทั่วไป ในนามศิษย์เก่า มจร. สาขาวอชิงตันดีซี จึงขอมุทิตา<br />
สักการะมา ณ โอกาสนี้<br />
ขอบารมีธรรมและคุณพระศรีรัตนตรัย ดลบันดาลประทานพรให้ท่าน<br />
อาจารย์เจ้าคุณเจริญรุ่งเรืองงอกงามในพระพุทธศาสนา เป็นร่มโพธิ์ทองส่อง<br />
ปัญญาให้เกิดความผาสุกเกษมสำราญตลอดกาลเทอญ<br />
กราบนมัสการด้วยความเคารพยิ่ง<br />
นายมิ่ง เพลิศพราว<br />
นายกสมาคมศิษย์เก่า มจร. USA.<br />
๘ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />
27
อตฺถจารีมงฺคลญชลี<br />
แด่...พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.)<br />
วัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบิร์ก สหรัฐอเมริกา<br />
พระมหาถนัด อตฺถจารี<br />
พระมหา ประโยคห้า เปรียญธรรม<br />
ถนัด นิจธรรมทูตนำ นบน้อม<br />
อตฺถ ศาสนธรรม ประกาศ<br />
จารี รุ่งเลิศเลอล้อม ประพฤติแผ้วโสภณ<br />
พระครูสิริอรรถวิเทศ<br />
พระครู ธรรมทูตแก้ว ไกรหาญ<br />
สิริ แผ่เผยธรรมภาณ พุทธเจ้า<br />
อรรถ ศาสนโวหาร ประหาส<br />
วิเทศ ทิศทุกค่ำเช้า โชติชั้นพิชาชาญ<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />
พระ ธรรมทูตท่องหล้า ฟ้าดิน<br />
วิเทศ วรธรรมวาริน หล่อเลี้ยง<br />
รัตนา ภิมณฑ์ศิลป์ พุทธศาสน์<br />
ภรณ์ เพิ่มกิจก่อเกลี้ยง เกริกก้องสมัชชา<br />
ขอพระไตรรัตน์ล้อม รักษา<br />
ขอเทพทวยเทวา คุปคุ้ม<br />
ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภา ประภาส<br />
ขอพระโอมโอบอุ้ม ถนัดไว้นิรันดร<br />
28<br />
ขอแสดงมุทิตานุโมทนากร<br />
อนัตตานันทะ<br />
(นายบำรุง พันธุ์อุบล)<br />
๓ ธันวาคม ๕๙
มุทิตาจิตสดุดี<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อฺตถจารี)<br />
...................<br />
๏ พระ สงฆ์องค์สืบสร้าง ศาสนา<br />
วิเทศรัตนา เลิศล้ำ<br />
ภรณ์ กอปรกิจศิลปา สรรพศาสตร์<br />
คือวิศิษฏ์สงฆ์ค้ำ หน่อเนื้อนาบุญ<br />
๏ การุญเมตต์ถ้วน ไพศาล<br />
ธรรมทูตเทิดงาน ก่อเกื้อ<br />
พุทธศาสน์ประดิษฐาน คงมั่น มานา<br />
อุทิศกายใจเอื้อ โอบอุ้มคุ้มครอง<br />
๏ ผองไทยเทศนอบน้อม ศรัทธา<br />
ด้วยจิตมุทิตา ยิ่งล้น<br />
องอาจปราชญ์สังฆา ยอดยิ่ง จริงเฮย<br />
เกียรติคุณท่วมท้น ยากแท้พรรณนา<br />
๏ บารมีรักษ์เรื้อง ศาสน์สงฆ์<br />
สมดั่งเจตน์จำนง มุ่งไว้<br />
มุทิตาจิตจง<br />
เกษมสุข เสมอแฮ<br />
จตุรพิธพรให้<br />
แม่นแม้นใจหมาย<br />
ด้วยมุทิตาจิตคารวะ<br />
นางสาวิกา แสนกลาง<br />
โรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์<br />
ในนามคณะครูอาสา ผู้ปกครอง นักเรียน โรงเรียนวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
29
มุทิตาจิต<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี)<br />
พระ - เป็นดั่งร่มแก้ว นาบุญ<br />
วิเทศ - สัมพันธคุณ ทั่วหล้า<br />
รัตนา - ตรัยค้ำจุน ยังประโยชน์<br />
ภรณ์ - แผ่ธรรมทั่วหน้า จากน้ำใจธรรม<br />
มุทิตา นำเนื่องให้ พระอา –<br />
จารย์ ผ่องสมบุญญา ก่อเกื้อ<br />
มุทิตา จิตศิษยา นุศิษย์<br />
ใจ ส่งด้วยอะเคื้อ ครอบคุ้มครองธรรม<br />
ร้อยกรอง<br />
โดย นางสาวน้ำผึ้ง มั่งคั่ง<br />
โรงเรียนพะเยาวิทยาคม<br />
อดีตครูอาสา โรงเรียนวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
ภาคฤดูร้อน ประจำปี ๒๕๕๘<br />
30
ปีติพจน์<br />
อาจารย์เจ้าคุณ พระวิเทศรัตนาภรณ์(ถนัด อตฺถจารี) เป็นพระนักคิด<br />
นักเขียน นักปฎิบัติ มีศีลาจารวัตรงดงาม เป็นเวลาเกือบ ๒๐ ปี ที่ร่วมงานกับ<br />
ท่าน และอยู่รับใช้วัดไทยฯ ดี.ซี. ได้มองเห็นคุณธรรมและแบบอย่างที่โดดเด่น<br />
ของท่าน ดังนี้<br />
๑. เป็นพระที่ “ใจเย็น สุขุมนุ่มนวล” แต่แฝงด้วยความหนักแน่น<br />
มั่นคงในการทำงาน<br />
๒. เป็นพระที่ “คิดแล้วทำ” ไม่ใช่จินตนาการผ่านลอย ดังนั้น ท่าน<br />
จึงมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง<br />
๓. เป็นพระที่ยอมรับฟังเหตุผล “ยอมรับคำเสนอแนะจากผู้น้อย<br />
เรียบร้อยฟังคำแนะนำของผู้ใหญ่<br />
๔. เป็นพระที่มี “ความสามารถสูง” ซึ่งเป็นมาตรฐานของพระสงฆ์<br />
วัดไทยฯ ดี.ซี.ทุกรูป โดยมี“พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชมงคลรังษี<br />
(หลวงตาชี)” เป็นต้นแบบ<br />
๕. เป็นพระผู้มี “ความคิดสร้างสรรค์ ใฝ่ศึกษาหาความรู้ และ<br />
พัฒนาตนเองตลอด เวลา” พร้อมทั้งนำความรู้มาพัฒนาคณะสงฆ์ไทยใน<br />
สหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ<br />
๖. เป็นพระที่ “ทุ่มเทงานเพื่อพระพุทธศาสนา” ซึ่งมีผลงานประจักษ์<br />
ชัดในระดับนานาชาติแถวหน้าที่โดดเด่นในปัจจุบัน<br />
๗. เป็นพระผู้ “เป็นตัวอย่างที่ดีงามแก่พระธรรมทูตรุ่นหลัง” ฯลฯ<br />
ดังนั้น จึงเหมาะสมที่ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นพระราชาคณะ (เจ้าคุณ)<br />
ในครั้งนี้ พวกเราชาววัดไทยฯ ดี.ซี. ขอแสดงความยินดีกราบมุทิตาสักการะ<br />
มา ณ โอกาสนี้.<br />
นายวรชัย กลึงโพธิ์<br />
กรรมการอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
31
32<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.)
รับพระราชทานพัศยศ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในพระบรมมหาราชวัง<br />
๕ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />
33
34<br />
นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ
35
36<br />
ถวายสักการะพระพรหมสิทธิ ประธานสำนักงานกำกับดูแล<br />
พระธรรมทูตไปต่างประเทศ วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร
พระวิเทศรัตนาภรณ์ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยในอุโบสถวัดอัมพวัน<br />
และถวายสักการะบูรพาจารย์ของวัดอัมพวัน<br />
37
พิธีแสดงมุทิตาสักการะโดยคณะสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา ชาววัดอัมพวัน<br />
38
เพื่อนสหธรรมิกแสดงมุทิตาสักการะแด่พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />
39
40 พระเถรานุเถระแสดงมุทิตาสักการะแด่พระวิเทศรัตนาภรณ์
พระเถรานุเถระและพุทธศาสนิกชนแสดงมุทิตาสักการะแด่พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />
41
42<br />
พิธีถวายสักการะแด่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์<br />
ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
พิธีถวายสักการะพระเดชพระคุณพระพรหมวชิรญาณ<br />
กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดยานนาวา<br />
43
พิธีถวายสักการะพระเดชพระคุณพระพรหมเสนาบดี<br />
เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา กรุงเทพมหานคร<br />
44<br />
พระโสภณวชิราภรณ์ รองอธิการบดีฝ่ายต่างประเทศ<br />
ถวายมุทิตาจิตในนามคณาจารย์ มจร.
ประชุมร่วมคณะกรรมการวิทยาลัยพระธรรมทูต<br />
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย<br />
45
46<br />
พิธีบำเพ็ญกุศลสดับปกรณ์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล<br />
แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช<br />
ณ อาคารวิปัสสนาธุระ ม.มจร.
พระวิเทศรัตนาภรณ์ถวายสักการะแด่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์<br />
กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม กรุงเทพมหานคร<br />
47
สารบัญ<br />
ภาค ๑ : มุทิตาพจน์ ๕-๓๑<br />
ประมวลภาพพิธีรับพระราชทานสมณศักดิ์ ๓๒-๔๗<br />
ภาค ๒ : ชีวประวัติ พระวิเทศรัตนาภรณ์ ๔๙-๙๖<br />
ภาค ๓ : ความหลังที่ฝังใจ ๙๗-๑๒๒<br />
A Monk’s Tale 123-140<br />
ภาค ๔ : Writings of Thai Theravãda 141-168<br />
Buddhist Missionary Monks<br />
ภาค ๕ : ภาพกิจกรรมผลงานของ พระวิเทศรัตนาภรณ์ ๑๖๙-๒๒๔<br />
48
ชีวประวัติ<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี Ph.D.)<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ ฉายา อตฺถจารี นามสกุล อินธิแสน อายุ ๕๓ ปี<br />
พรรษา ๓๓ วิทยฐานะ น.ธ.เอก, ป.ธ. ๕, พ.กศ., พ.ม., พธ.บ.<br />
(ครุศาสตร์), M.A., Ph.D. (Buddhist Studies) วัดอัมพวัน ถนนนครไชยศรี<br />
แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร<br />
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง คือ<br />
๑. ประธานคณะกรรมการอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
เมืองซิลเวอร์ สปริง รัฐแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา<br />
๒. เลขาธิการ สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา (๒๕๕๑-ปัจจุบัน)<br />
๓. ประธานกรรมการบริหารวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบิร์ก<br />
รัฐเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา<br />
๔. เป็นกรรมการที่ปรึกษาองค์กรสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีป<br />
ยุโรป (ส.ธ.ย.)<br />
๕. ประธานคณะกรรมการอำนวยการองค์กรพุทธสมาคมแห่ง<br />
สหรัฐอเมริกา (IBAA) กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา<br />
สถานะเดิม<br />
ชื่อ ถนัด นามสกุล อินธิแสน สัญชาติ ไทย เชื้อชาติ ไทย เกิดวัน<br />
๑๔<br />
๗ ฯ ๘ ค่ำ ปี เถาะ ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๐ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๖<br />
ณ บ้านเลขที่ ๔๓๔ หมู่ที่ ๑ บ้านพังขว้างใต้ ตำบลพังขว้าง อำเภอเมือง<br />
สกลนคร จังหวัดสกลนคร บิดาชื่อ นายแสน มารดาชื่อ นางหนู อินธิแสน<br />
49
บรรพชา<br />
๑<br />
วัน ๕ ฯ ๓ ค่ำ ปี มะเส็ง ตรงกับวันที่ ๒๐ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๒๐<br />
ณ พัทธสีมาวัดศรีสุมังคล์ ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัด<br />
สกลนคร พระอุปัชฌาย์ พระสรญาณมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร<br />
วัดศรีสุมังคล์ ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร<br />
อุปสมบท<br />
๘<br />
วัน ๑ ฯ ๘/๘ ค่ำ ปี จอ ตรงกับวันที่ ๑๗ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.<br />
๒๕๒๖ ณ พัทธสีมาวัดการเวก บ้านรังกา ตำบลรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย<br />
จังหวัดนครราชสีมา<br />
พระอุปัชฌาย์<br />
50<br />
พระครูวิสุทธิพรตธำรง (พระโพธิวรญาณ)<br />
เจ้าคณะอำเภอพิมาย วัดเดิม ตำบลในเมือง<br />
อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา<br />
พระกรรมวาจาจารย์ พระครูธรรมธัชธาดา เจ้าคณะตำบลรังกาใหญ่<br />
วัดการเวก ตำบลรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย<br />
จังหวัดนครราชสีมา<br />
พระอนุสาวนาจารย์<br />
พระชวลิต จิตฺตปาโล วัดการเวก ตำบลรังกาใหญ่<br />
อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา<br />
วิทยฐานะ<br />
การศึกษาสามัญ<br />
พ.ศ. ๒๕๑๖ จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านพังขว้างวัฒนศิลป์<br />
ตำบลพังขว้าง อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร<br />
พ.ศ. ๒๕๒๑ จบชั้นระดับที่ ๓ (ป.๖) โรงเรียนศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จ<br />
สำนักเรียนวัดศรีธรรมราช บ้านพอกใหญ่ ตำบลพอกน้อย<br />
อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร
พ.ศ. ๒๕๒๓ จบชั้นระดับที่ ๔ (ม.ศ. ๓) โรงเรียนศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จ<br />
สำนักเรียนวัดศรีธรรมราช บ้านพอกใหญ่ ตำบลพอกน้อย<br />
อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร<br />
พ.ศ. ๒๕๒๔ เข้าศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (ม.ศ.๔) โรงเรียนบาลี<br />
สาธิตศึกษา มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์<br />
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วัดศรีษะเกษ อำเภอเมืองหนองคาย<br />
จังหวัดหนองคาย<br />
พ.ศ. ๒๕๒๖ จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ (ม.ศ.๕) รุ่นสุดท้าย โรงเรียนบาลี<br />
สาธิตศึกษา มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์<br />
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วัดศรีษะเกษ อ ำเภอเมืองหนองคาย<br />
จังหวัดหนองคาย<br />
พ.ศ. ๒๕๒๗ สอบได้ใบประกาศนียบัตรวิชาชีพครู (พ.กศ.)<br />
พ.ศ. ๒๕๒๘ สอบได้วิชาชุดประโยคครูพิเศษมัธยม (พ.ม.)<br />
พ.ศ. ๒๕๓๑ เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัย<br />
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์<br />
กรุงเทพมหานคร<br />
พ.ศ. ๒๕๓๔ สำเร็จเป็นพุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.) รุ่นที่ ๓๖ คณะ<br />
ครุศาสตร์ วิชาเอกหลักสูตร และวิธีการสอนสังคมศึกษา<br />
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุ<br />
ท่าพระจันทร์ กรุงเทพมหานคร<br />
พ.ศ. ๒๕๔๕ สอบได้ปริญญาโท (M.A.) สาขาโบราณคดีและเอเชียศึกษา<br />
มหาวิทยาลัยมคธ ประเทศอินเดีย<br />
พ.ศ. ๒๕๔๗ สอบได้ปริญญาเอก(Ph.D.) หัวข้อวิทยานิพนธ์เรื่อง “The<br />
Problem of Self in Buddhism” Magadh University, India<br />
51
การศึกษานักธรรม-บาลี<br />
พ.ศ. ๒๕๒๐ สอบได้นักธรรมชั้นตรี สำนักเรียนวัดศรีทัศน์ บ้านดงมะไฟ<br />
ตำบลขมิ้น อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร<br />
พ.ศ. ๒๕๒๑ สอบได้นักธรรมชั้นโท ส ำนักเรียนวัดศรีธรรมราช บ้านพอกใหญ่<br />
ตำบลพอกน้อย อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร<br />
พ.ศ. ๒๕๒๒ สอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดศรีธรรมราช บ้านพอกใหญ่<br />
ตำบลพอกน้อย อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร<br />
พ.ศ. ๒๕๒๔ สอบได้ประโยค ป.ธ. ๑-๒ สังกัดสำนักเรียนวัดศรีชมชื่น<br />
ตำบลในเมือง อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย<br />
พ.ศ. ๒๕๒๘ สอบได้ประโยค ป.ธ. ๓ สำนักเรียนวัดใหม่บ้านดอน<br />
ตำบลโคกกรวด อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา<br />
พ.ศ. ๒๕๒๙ สอบได้ประโยค ป.ธ. ๔ สำนักเรียนวัดใหม่บ้านดอน<br />
ตำบลโคกกรวด อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา<br />
พ.ศ. ๒๕๓๐ สอบได้ประโยค ป.ธ. ๕ สำนักเรียนวัดใหม่บ้านดอน<br />
ตำบลโคกกรวด อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา<br />
ความชำนาญพิเศษ<br />
ประกาศนียบัตรวิชาพิมพ์ดีดไทย-อังกฤษ<br />
งานการปกครอง<br />
พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นพระธรรมทูตปฏิบัติศาสนกิจประจำวัดไทยกรุงวอชิงตัน,<br />
ดี.ซี. รัฐแมรี่แลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา<br />
พ.ศ. ๒๕๓๖ เป็นกรรมการที่ปรึกษาพุทธสมาคมแห่งกรุงวอชิงตัน,<br />
พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน,<br />
ดี.ซี. รัฐแมรี่แลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา<br />
52
วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
ศูนย์รวมใจของชาวพุทธในสหรัฐอเมริกา<br />
การบริหารวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
ประวัติการก่อสร้าง ก่อตั้งเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๗ ได้จด<br />
ทะเบียนเป็นวัดถูกต้องตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา<br />
การบริหารวัดโดยมีคณะกรรมการอำนวยการ ประกอบด้วยคณะกรรมการ<br />
ฝ่ายสงฆ์ เจ้าอาวาสเป็นประธานอำนวยการ และพระสงฆ์ทั้งวัด เป็นกรรมการ<br />
อำนวยการ กรรมการฝ่ายฆราวาส อีก ๑๒ ท่าน เป็นกรรมการโดยการ<br />
เลือกตั้ง มี ฯพณฯ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน เป็นประธานที่<br />
ปรึกษาโดยตำแหน่ง และผู้ทรงคุณวุฒิอื่น ๆ<br />
53
โครงสร้างการบริหาร แบ่งออกเป็น<br />
๑. คณะกรรมการที่ปรึกษา ประกอบด้วยพระสงฆ์และผู้ทรงคุณวุฒิ<br />
ฝ่ายฆราวาสที่เคยเป็นกรรมการมาก่อน โดยมีเอกอัครราชทูตไทย ประจำ<br />
กรุงวอชิงตัน เป็นกรรมการที่ปรึษาและอุปถัมภ์โดยตำแหน่ง<br />
๒. คณะกรรมการอำนวยการ ประกอบด้วยพระสงฆ์ที่เป็นพระธรรมทูต<br />
ปฏิบัติหน้าที่ประจำวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. จำนวน ๘ รูป โดยมีพระสงฆ์<br />
เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการตามกฎข้อบังคับ (Bylaws) และ<br />
มีกรรมการฝ่ายฆราวาส อีก ๑๒ ท่าน จากการเลือกตั้ง ซึ่งมีหน้าที่กำหนด<br />
นโยบาย และบริหารงานให้เป็นไปตามนโยบาย และวัตถุประสงค์ของ<br />
วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
๓. คณะกรรมการวัดทั่วไป ประกอบด้วยคณะกรรมการซึ่งได้รับการ<br />
คัดเลือกจากสมาชิก มีหน้าที่บริหารจัดการกิจการต่างๆ รวมถึงการจัดหาราย<br />
ได้และทรัพย์สิน การบริหารทรัพย์สิน การจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เป็นไป<br />
ตามวัตถุประสงค์ของวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของ<br />
คณะกรรมการอำนวยการ และสนองงานกิจการเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอน<br />
เพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา<br />
จำนวนพระธรรมทูตที่อยู่ปฏิบัติศาสนกิจ (จำพรรษา ปี ๒๕๕๙)<br />
๑. พระราชมงคลรังษี สังกัดวัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร เขตพระโขนง<br />
กรุงเทพมหานคร<br />
๒. พระครูปริยัติธรรมาภิราม สังกัดวัดดงมะไฟ อ.เมือง สกลนคร<br />
๓. พระครูสิริอรรถวิเทศ สังกัดวัดอัมพวัน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร<br />
๔. พระมหาสิทธิผล สิทฺธิผโล สังกัดวัดมหาธาตุ อ.เมือง จ.ยโสธร<br />
๕. พระครูสุธีธรรมธร สังกัดวัดศรีทรงธรรม อ.หนองหาน จ.อุดรธานี<br />
๖. พระครูสิริสิทธิวิเทศ สังกัดวัดอัมพวัน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร<br />
54
๗. พระมหาสราวุธ สราวุโธ สังกัดวัดเบญจมบพิตร เขตดุสิต<br />
กรุงเทพมหานคร<br />
๘. พระมหาศรีสุพรณ์ อตฺตทีโป ป.ธ. ๙ สังกัดวัดสร้อยทอง เขตดุสิต<br />
กรุงเทพมหานคร<br />
๙. พระมหาคำตัล พุทธงฺกุโร ป.ธ.๙ สังกัดวัดเพียนาม อำเภอเมือง<br />
จังหวัดศรีสะเกษ<br />
๑๐. พระสุรชัย พานเงิน พระนวกะ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
ศาสนสมบัติของวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
๑. ที่ดิน ๑๒ ไร่ คิดเป็นมูลค่า จำนวน ๔,๕๐๐,๐๐๐ เหรียญ (สี่ล้าน<br />
ห้าแสนเหรียญฯ)<br />
๒. อสังหาริมทรัพย์ กุฏิ ๓ ชั้น ๑ หลัง มีห้องพัก ๙ ห้อง ห้องสมุด<br />
๑ ห้อง ห้องครัว ๑ ห้อง ห้องฉันภัตตาหาร ๑ ห้อง ห้องสำนักงาน ๑ ห้อง<br />
โรงเก็บของ ๔ หลัง และอุโบสถศาลาพระพุทธมงคลวิมลดีซี ๑ หลัง<br />
55
วัดเป็นสถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้ของชุมชน<br />
พระธรรมทูตเป็นผู้นำชุมชนส่งเสริมด้านการศึกษาทุกๆด้าน สิ่งที่ส ำคัญ<br />
สำหรับชุมชนชาวไทยในสหรัฐอเมริกา วัดเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาเกือบ<br />
ทุกแขนงมาตั้งแต่สมัยโบราณ สำหรับวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ได้จัดบริการ<br />
ทางการศึกษาแก่ประชาชนทุกระดับชั้น โดยเฉพาะเยาวชนที่เกิดและเติบโต<br />
ในประเทศสหรัฐอเมริกา จะได้ไม่ลืมความเป็นไทย ทางวัดได้พยายามจัดการ<br />
ศึกษาเพื่อปลูกฝังให้เยาวชนได้ซึมซับเอาวิถีชีวิตความเป็นไทย รู้จักสื่อสารด้วย<br />
ภาษาไทย และเข้าใจในวัฒนธรรมประเพณี ตลอดถึงมารยาทที่ดีของความเป็น<br />
คนไทย งานด้านการศึกษาที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ได้จัดดำเนินการพอ<br />
สรุปได้ ดังนี้<br />
(๑) โรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์<br />
วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ได้เปิดโรงเรียนพุทธศาสนาวัดอาทิตย์ขึ้นมา<br />
ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๙ (1976) โดยมีคุณพวา วัฒนศิริ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง<br />
เป็นหัวหน้าสำนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ สถานเอกอัครราชทูตไทยเป็นผู้นำ<br />
โดยมีความมุ่งหมายเพื่อสอนภาษาไทย วัฒนธรรมไทย และพระพุทธศาสนา<br />
56
แก่เด็กและเยาวชน ให้มีความสามารถในการฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาไทยได้<br />
ตลอดถึงมีความสำนึกในเอกลักษณ์ความเป็นไทย นับเป็นโครงการที่ผู้<br />
ปกครองต่างให้ความสนใจและสนับสนุนเป็นอันมากเพื่อให้ลูกหลานได้<br />
รู้จักภาษาไทย มารยาทวัฒนธรรมไทย และได้เข้าใกล้ชิดพระพุทธศาสนา<br />
โดยมีผู้ปกครอง ข้าราชการ นักศึกษา และพระสงฆ์ เป็นครูอาสามัคร<br />
ช่วยสอนทั้งภาษาไทย พุทธประวัติ หลักธรรม รวมถึงการประกอบศาสนพิธี<br />
ต่างๆ การฟ้อนรำ การทำอาหาร ดนตรีไทย เป็นต้น ซึ่งต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๓๐ -<br />
๒๕๓๑ (1987-1988) ได้นำหลักสูตรของโครงการสอนภาษาไทยและ<br />
วัฒนธรรมไทยในอเมริกา โดยคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย<br />
มาทดลองสอน และให้นักเรียนได้ทดสอบความรู้สบทบกับวัดวชิรธรรมปทีป<br />
นครนิวยอร์ก ซึ่งปรากฎผลเป็นที่น่าพอใจ<br />
(๒) โรงเรียนภาคฤดูร้อน (โครงการสอนภาษาไทยและวัฒนธรรม<br />
ไทยในต่างประเทศ)<br />
ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ (1989) วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ได้เข้าร่วมโครงการสอน<br />
ภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในสหรัฐอเมริกา ภาคฤดูร้อน ของคณะครุศาสตร์<br />
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้ยังได้มีการสอบเทียบความรู้แก่เด็กนักเรียน<br />
ด้วย และโครงการนี้ดำเนินการมาถึงปัจจุบันเป็นปีที่ ๒๘ แล้ว โดยโครงการฯ<br />
เริ่มตั้งแต่กลาง เดือนมิถุนายน สิ้นสุดโครงการฯ ปลายเดือนสิงหาคมของทุกปี<br />
(๓) โรงเรียนนาฏศิลป์และดนตรีไทย<br />
นาฏศิลป์และดนตรีไทย เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนพระพุทธศาสนา<br />
วันอาทิตย์วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. โดยจะสอนต่อจากการเรียนภาษา<br />
ไทยและพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นการฝึกเด็กนักเรียนโรงเรียนพุทธศาสนา<br />
วันอาทิตย์ ให้มีความ สามารถในการฟ้อนรำมากขึ้น และเป็นการเข้าถึง<br />
วัฒนธรรมไทยอีกส่วนหนึ่ง และเป็นที่สนใจแก่เด็กๆ เป็นจำนวนมากเช่น<br />
กัน ต่อมาจึงขยายเป็นโรงเรียนนาฎศิลป์วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ปัจจุบัน<br />
เปิดการสอนในทุกบ่ายวันเสาร์ โดยมีครูอาสาสมัครผู้มีความชำนาญในด้าน<br />
นาฎศิลป์เป็นผู้ฝึกสอนทั้งครูประจำการ ๑ ปี และครูอาสาสมัครท้องถิ่น<br />
57
ส่วนดนตรีไทยนั้น หลังจากที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ได้เข้าร่วม<br />
โครงการสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในสหรัฐอเมริกา ของคณะครุศาสตร์<br />
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. ๒๕๓๒ (1989) แล้ว ในปีที่ ๕ คือ พ.ศ.<br />
๒๕๓๖ (1993) ซึ่งมี นางสาวจินตนา อินทร์พรหม หรือคุณครูนกเล็ก ได้<br />
ฝึกสอนให้เด็กๆ เล่นดนตรีไทย แต่เมื่อสิ้นสุดโครงการภาคฤดูร้อนก็เดินทาง<br />
กลับประเทศไทย ทำให้การเรียนการสอนขาดช่วง ต่อมานายแพทย์บำรุง<br />
เลิศบุญ ได้อุทิศเวลาเข้ามาสอน ฝึกเด็กลูกๆ หลานๆ ค่อยพัฒนาการจนมีครู<br />
ประจำการ ๑ ปี เพื่อสอนดนตรีในรุ่นต่อๆ มา ซึ่งได้ขยายไปสู่การสอนผู้ปกครอง<br />
ผู้สนใจเรียนดนตรีไทย ปัจจุบันมีการสอนในทุกวันเสาร์ และวันอาทิตย์<br />
และมีครูประจำการ ๑ ปี สอนร่วมกับครูภาคฤดูร้อนทุกๆ ปี<br />
ผลงานที่น่าภูมิใจของนักเรียนนาฏศิลป์และดนตรีไทย คือ การได้ร่วม<br />
โครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกา รวมใจเทิดพระเกียรติ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๒<br />
(1999) โดยการสนับสนุนของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ใน<br />
พระบรมราชูปถัมภ์ กองทัพบก และคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย<br />
ได้ร่วมแสดงเนื่องในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ ของ<br />
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ (2004) เนื่องใน<br />
วโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา<br />
ครบ ๗๒ พรรษา<br />
(๔) จัดสอนภาษาไทยชั้นพิเศษแก่ชาวต่างชาติ<br />
วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ได้จัดสอนภาษาไทยแก่นักเรียนชั้นพิเศษ<br />
แก่ชาวอเมริกันที่มีความสนใจในด้านภาษาไทย และวัฒนธรรมไทยเป็นพิเศษ<br />
และให้คำแนะนำพร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยแก่ชาวต่างชาติที่จะเดิน<br />
ทางไปปฏิบัติหน้าที่ หรือเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยจัดสอนใน<br />
วันพุธ และวันอาทิตย์ เป็นการให้บริการด้านการศึกษาแก่ชาวท้องถิ่น<br />
(๕) จัดสอนธรรมศึกษาและศาสนพิธี<br />
เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้แก่พุทธศาสนิกชนผู้ที่สนใจใฝ่ศึกษาธรรมะ<br />
ในภาคปริยัติ ทางวัดได้จัดให้มีการเรียนการสอนธรรมะจากพระไตรปิฎก<br />
58
และสอนศาสนพิธีในคืนวันเสาร์ โดยพระธรรมทูตได้สลับสับเปลี่ยนกันสอน<br />
ในหัวข้อธรรมะต่างๆ<br />
(๖) จัดการฝึกอบรมจิตภาวนา - ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน (MEDI-<br />
TATION RETREAT)<br />
วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ได้จัดให้มีการสอนวิปัสสนากรรมฐาน ทั้งแก่<br />
ผู้สนใจชาวไทยและชาวต่างชาติ เป็นกิจกรรมต่อเนื่องจัดทุก ๆ เดือน<br />
ภาคภาษาไทย ทุกวันเสาร์ที่ ๓ ของเดือน ส่วนภาคภาษาอังกฤษ เดือนละ ๒ ครั้ง<br />
ทุกๆ วันเสาร์ที่ ๒ กับวันเสาร์ที่ ๔ ของเดือน หรือมีการจัดการสอนหรืออบรม<br />
ให้เป็นกรณีพิเศษ ที่ติดต่อนัดหมาย เข้าฟังการบรรยายอบรม และปฏิบัติ<br />
กรรมฐาน ซึ่งจัดในช่วงวันส ำคัญ หรือจัดเป็นหลักสูตรตามกาลเวลาที่เหมาะสม<br />
นอกจากนี้พระธรรมทูตได้รับนิมนต์ออกไปสอนตามที่ต่างๆ เช่นโรงเรียน<br />
ประถม และมัธยม วิทยาลัย มหาวิทยาลัย วัดและ ศูนย์ปฏิบัติธรรมอื่น ๆ<br />
(๗) จัดบรรพชาสามเณร และอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อนในโครงการ<br />
“หลักธรรมนำเยาวชน”<br />
ในช่วงปิดเรียนภาคฤดูร้อนของทุกๆปี ได้จัดโครงการบรรพชาสามเณร<br />
และอบรมเยาวชนผู้สนใจ ซึ่งแต่ละปีมีเด็กและเยาวชนเป็นจ ำนวนมาก เข้ารับ<br />
59
การศึกษาอบรมตามหลักสูตรของทางวัด ได้มาใช้ชีวิตอย่างใกล้ชิดพระสงฆ์<br />
และความเป็นอยู่ในวัดมากยิ่งขึ้น และมีหลายคนขอเข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุ<br />
เพื่อศึกษาและปฏิบัติธรรม นำความปลาบปลื้มปีติแก่บิดามารดาและญาติ<br />
พี่น้องอย่างยิ่ง<br />
(๘) ห้องสมุดพระพุทธศาสนา (ห้องสมุดหลวงตาชี)<br />
คณะกรรมการบริหารได้จัดห้องสมุด โดยจัดหาหนังสือทางพระพุทธ-<br />
ศาสนา ทั้งบาลี อรรถกถา-ฎีกา อนุฎีกา และหนังสือธรรมะทั่วไปทั้งภาคภาษา<br />
ไทย ภาษาอังกฤษ ตลอดถึงหนังสือวารสารธรรมะ เทป และแผ่นซีดีธรรมะ<br />
ไว้ประจำห้องสมุด เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียน, นักศึกษา ตลอดถึงผู้สนใจใน<br />
พระพุทธศาสนาเข้าศึกษาค้นคว้า นอกจากนี้พระราชมงคลรังษี เป็นพระเถระ<br />
ที่ชอบอ่าน ชอบเขียนบทความธรรมะ จึงได้สะสมและจัดหาหนังสือมาไว้ที่วัด<br />
มากมาย เก็บไว้ที่ห้องสมุดวัด และสำนักงานของวัดด้วย<br />
งานพระธรรมทูตคือผู้ประกาศ-เผยแผ่พระพุทธศาสนา-ศิลป<br />
วัฒนธรรมไทย<br />
๑. การแสดงธรรมเทศนาในโอกาสวันสำคัญของชาติ<br />
๒. การบรรยายแก่นักเรียน-นักศึกษาในสถานที่วัด<br />
๓. การสอน-การบรรยายนอกสถานที่ เช่นโรงเรียน วิทยาลัย<br />
มหาวิทยาลัย<br />
๔. การจัดปฏิบัติธรรมในโอกาสต่างๆ เช่นวันสำคัญของชาติ - ของ<br />
ศาสนา<br />
๕. การจัดโครงการธรรมสัญจรปฏิบัติธรรมนานาชาติทั้งในวัดและนอก<br />
สถานที่วัด<br />
๖. การเผยแผ่ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ การออกหนังสือวารสาร “แสงธรรม”<br />
ประจำเดือน<br />
๗. การพิมพ์หนังสือธรรมะเผยแผ่ในโอกาสต่างๆ<br />
60
๘. การเผยแผ่ผ่านสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ (Internet)<br />
๙. การเผยแผ่ผ่านสื่อวิทยุ-โทรทัศน์-เวบไซต์ และสื่อออนไลน์อื่นๆ<br />
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
วัตถุประสงค์แห่งการจัดตั้งวัดขึ้นนั้น ประการแรกเพื่อการเผยแผ่<br />
พระพุทธศาสนา ทั้งนี้เพื่อสนองความต้องการของพุทธศาสนิกชน ได้มีโอกาส<br />
เข้าวัด ฟังธรรม บำเพ็ญบุญกุศลที่บรรพบุรุษเคยปฏิบัติมา เพื่อจะได้น้อมนำ<br />
เอาธรรมะมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต<br />
ในด้านพระสงฆ์ผู้ที่เป็นพระธรรมทูตมีหน้าที่โดยตรงในการประกาศ<br />
เผยแผ่พระพุทธศาสนา ได้ทำหน้าที่ของท่านโดยสมบูรณ์ ทั้งนี้โดยการนำ<br />
ของพระราชมงคลรังษี ซึ่งท่านมีความรู้แตกฉานทั้งทางด้านปริยัติและปฏิบัติ<br />
เป็นอย่างดี ได้ทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมะ ทั้งการเทศน์ การสอน อบรมบรรยาย<br />
และเขียนบทความธรรมะในวารสาร “แสงธรรม” ซึ่งเป็นวารสารรายเดือน<br />
ของวัดที่พิมพ์ออกประจำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อตั้งวัดเป็นต้นมา นอกจาก<br />
นี้ได้รวบรวมข้อเขียนเป็นเล่มจัดเป็นชุดๆ พิมพ์แจกเป็นธรรมทานเนื่องใน<br />
โอกาสต่างๆ อยู่เสมอ พร้อมกันนี้ได้บันทึกเทปเสียงธรรมะ แจกจ่ายทั้งในรูป<br />
แบบม้วนเทปธรรมะ และแผ่นซีดี แจกฟรีทั้งในประเทศไทย และในประเทศ<br />
61
62
63
สหรัฐอเมริกา ทั ้งภาคภาษาไทยและแปลเป็นภาคภาษาอังกฤษ นับว่า<br />
งานการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นงานหลักสำคัญที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน,<br />
ดี.ซี. ได้ให้ความสำคัญมาตลอด ได้ให้บริการอนุเคราะห์ สงเคราะห์ทั้งแก่<br />
มวลสมาชิกของวัด และผู้สนใจอื่นๆ ในชุมชนอีกด้วย ทั้งต้อนรับแก่ผู้สนใจ<br />
ศึกษาพระพุทธศาสนาเข้ามาวัด หรือนิมนต์ไปบรรยายตามโรงเรียน วิทยาลัย<br />
มหาวิทยาลัย หรือองค์กรต่างๆ<br />
ส่วนภาคปฏิบัตินั้น ได้จัดปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแก่ผู้สนใจราย<br />
บุคคล และคณะ ทั้งชาวพุทธไทย และผู้สนใจชาติอื่นๆ จัดอบรมบรรพชา<br />
สามเณรหมู่ภาคฤดูร้อน จัดหลักสูตรแก่เยาวชน ตามโครงการ “หลักธรรม<br />
นำเยาวชน” จัดให้มีการบวชศีลจาริณี สมาทานศีล ๘ ในวันหยุด และใน<br />
ช่วงโอกาสต่างๆ อยู่เสมอ<br />
ความสำเร็จของวัดที่เกิดขึ้นได้นั้น เพราะได้พระธรรมทูตเป็นผู้นำใน<br />
การดำเนินงานตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน พอสรุปได้ดังนี้<br />
(๑) กิจวัตรประจำวันของพระสงฆ์<br />
เวลา ๐๕.๓๐ น. ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน-เจริญจิตภาวนา<br />
เวลา ๐๖.๐๐ น. ทำวัตรเช้า<br />
เวลา ๐๗.๐๐ น. ฉันภัตตาหารเช้า (บิณฑบาตเช้าวันอาทิตย์)<br />
เวลา ๐๗.๓๐ น. แสดงพระธรรมเทศนา (ทุกวันอาทิตย์ตลอดปี)<br />
เวลา ๑๑.๐๐ น. ฉันภัตตาหารเพล<br />
เวลา ๑๓.๐๐ น. ปฏิบัติศาสนกิจตามหน้าที่<br />
เวลา ๑๖.๐๐ น. ทำอุโบสถสังฆกรรม ประจำวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ<br />
วันแรม ๑๕ ค่ำ หรือ ๑๔ ค่ำ ในบางเดือนที่เป็นเดือนขาด<br />
เวลา ๑๘.๐๐ น. ทำวัตรเย็น และเจริญสมาธิภาวนา<br />
(๒) การอบรม และสอนธรรม<br />
๑. วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา ๑๙.๐๐ น. ถึง ๒๒.๐๐ น. จัดรายการ<br />
พระธรรมนำชีวิต นั่งสมาธิ เดินจงกรม สนทนาธรรม<br />
64
๒. วันพุธ เวลา ๑๙.๐๐ น. ถึง ๒๒.๐๐ น. จัดรายการเสริมสุขภาพ<br />
กายคลายสุขภาพจิต นั่งสมาธิ เดินจงกรม สนทนาธรรม และฝึกโยคะ<br />
วันธรรมดา เปิดโอกาสให้ผู้สนใจในพระพุทธศาสนา นักเรียน นักศึกษา<br />
ครู อาจารย์ และบุคคลที่สนใจพระพุทธศาสนาติดต่อนัดหมาย เข้าฟังการ<br />
บรรยายธรรมถาม-ตอบปัญหาธรรมะ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สนใจใฝ่<br />
เรียนรู้ด้านพระพุทธศาสนา<br />
(๓) การเผยแผ่ธรรมะผ่านสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งสถานีวิทยุและ<br />
โทรทัศน์ ภาคอินเทอร์เน็ต ในช่วงเวลา ๑๙.๐๐–๒๒.๐๐ น. ทุกวัน www.<br />
watthaidc.org และตอบปัญหาธรรมะทาง watthaidc@hotmail.com<br />
และนำชีวประวัติผลงานการประพันธ์ และบันทึกเสียงของพระราชมงคลรังษี<br />
(หลวงตาชี) เผยแผ่ผ่าน www.luangtachi.org<br />
65
งานวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และงานอนุรักษ์<br />
วัฒนธรรมไทย<br />
คณะพระธรรมทูต คณะกรรมการพุทธสมาคม และญาติโยมสาธุชน<br />
ได้จัดงานวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และงานอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย เพื่อ<br />
เปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนและผู้สนใจได้มีโอกาสบำเพ็ญบุญ พร้อมทั้งได้<br />
ส่งเสริมรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของชาวไทย ชาวพุทธไว้<br />
โดยใช้วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. เป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลและเป็นศูนย์รวมใน<br />
การพบปะสังสรรค์ในวันสำคัญ ดังนี้<br />
๑. เดือนมกราคม จัดงานทำบุญต้อนรับปีใหม่ จัดงานวันเด็ก<br />
๒. เดือนกุมภาพันธ์ จัดงานวันมาฆบูชา<br />
๓. เดือนมีนาคม จัดเทศน์มหาชาติ ๑๓ กัณฑ์<br />
๔. เดือนเมษายน จัดงานทำบุญวันสงกรานต์<br />
๕. เดือนพฤษภาคม จัดงานวันทำบุญวันวิสาขบูชา<br />
๖. เดือนมิถุนายน จัดงานบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน<br />
เปิดโรงเรียนภาคฤดูร้อน<br />
๗. เดือนกรกฎาคม จัดงานวันอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา<br />
๘. เดือนสิงหาคม จัดงานวันแม่แห่งชาติ และมอบสัมฤทธิบัตร<br />
นักเรียนภาคฤดูร้อน<br />
๙. เดือนกันยายน จัดงานวันสารทไทย<br />
๑๐. เดือนตุลาคม จัดงานวันออกพรรษา-ตักบาตรเทโวฯ<br />
๑๑. เดือนพฤศจิกายน จัดงานทำบุญทอดกฐิน - ลอยกระทง<br />
๑๒. เดือนธันวาคม จัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จ<br />
พระเจ้าอยู่หัวฯ จัดงานวันพ่อแห่งชาติ<br />
นอกจากจัดงานดังกล่าวแล้ว ทางวัดได้จัดงานทำบุญปฏิบัติธรรม เป็น<br />
ธรรมสมโภช เนื่องในวันคล้ายวันเกิดพระราชมงคลรังษี ในช่วงเดือนมิถุนายน<br />
ทุกปี<br />
66
67
68
งานสาธารณูปการ ช่วยเหลือ บำรุง ปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุใน<br />
ทางพระพุทธศาสนา<br />
๑. เป็นประธานดำเนินการก่อสร้างห้องพระประธาน วัดไตรรัตนาราม<br />
เมืองสิลิกูรี รัฐเวสท์เบงกอล ประเทศอินเดีย จำนวนเงิน ๓๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท<br />
๒. เป็นกรรมการร่วมสร้างอุโบสถวัดบ้านดงมะไฟ อำเภอเมือง<br />
จังหวัดสกลนคร จำนวนเงิน ๒๕,๐๐๐.๐๐ บาท<br />
๓. เป็นประธานดำเนินการก่อสร้างอาคาร ๘๘ ปี หลวงตาชี เพื่อเป็น<br />
อาคารที่พักสงฆ์ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. มูลค่าจำนวน ๒,๗๐๐,๐๐๐.๐๐<br />
(สองล้านเจ็ดแสนดอลล่าร์ สหรัฐฯ)<br />
๔. บริจาคร่วมสร้างฌาปนสถาน(เมรุ) วัดป่าบ้านรังกาใหญ่ ตำบล<br />
รังกาใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา จำนวนเงิน ๑๐,๐๐๐.๐๐ บาท<br />
๕. เป็นกรรมการร่วมสร้างอุโบสถ-ศาลาวัดศรีทรงธรรม บ้านหนอง<br />
ดินจี่ อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี จำนวนเงิน ๕๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท<br />
๖. เป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคีสร้างกุฎิสงฆ์วัดบ้านหนองห้อง<br />
นครเชียงตุง ประเทศเมียนมาร์ จำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท<br />
69
70
71
72
73
งานสาธารณสงเคราะห์ ช่วยเหลือ สนับสนุนบำเพ็ญสาธารณะ<br />
ประโยชน์<br />
๑. เป็นประธานกองทุนธรรมรัตน์ แจกทุนการศึกษาแก่พระภิกษุ-<br />
สามเณรที่เล่าเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ที่วัดศรีทรงธรรม บ้านหนองดินจี่<br />
อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี จากกองทุนธรรมรัตน์ สร้างศาสนทายาท<br />
สืบอายุพระพุทธศาสนา ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๕๐ ทุน เป็นเงินจำนวน<br />
๒๕๐,๐๐๐.๐๐ บาท<br />
๒. เป็นประธานกองทุนพระวิปัสสนาจารย์ “คุณแม่สมจิตต์ วสุรัตน์”<br />
ถวายปัจจัยอุปถัมภ์พระวิปัสสนาจารย์ ปีละ ๕๐,๐๐๐.๐๐ บาท<br />
๓. รับบริจาคปัจจัยช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ประเทศไทย<br />
๔. รับบริจาคปัจจัยช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (สึนามิ) ที่ประเทศญี่ปุ่น<br />
๕. รับบริจาคปัจจัยช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย-อุทกภัยที่ประเทศเฮติ<br />
๖. ช่วยเหลือให้ที่พักอาศัย-ให้อาหารแก่นักศึกษาในโครงการ Works<br />
& Travel<br />
๗.บริการให้ที่จอดรถในวัด(Parking lots) แก่นักเรียนโรงเรียนแบร์รี่<br />
ตลอดระยะเวลาการเปิดภาคเรียนเป็นเวลาหลายปี<br />
๘. ให้ชาวพุทธศรีลังกายืมใช้สถานที่ศาลาเอนกประสงค์ในการจัดปฏิบัติ<br />
ธรรมเดือนละครั้งตลอดปี<br />
๙. ให้บริการแก่ชมรม สมาคมต่างๆ มาใช้อาคารสถานที่ในวัดจัด<br />
ประชุม-สัมมนาและเป็นจุดนัดพบแก่สมาชิก<br />
๑๐. เป็นเจ้าภาพสถานที่จัดงานวิสาขบูชานานาชาติในเขตกรุง<br />
วอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
74
การให้บริการชุมชน<br />
การให้ความช่วยเหลือชุมชนถือเป็นหน้าที่ของวัดอีกประการหนึ่ง<br />
วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ได้ทำหน้าที่นี้เสมอตั้งแต่วัดแห่งแรกจนถึงปัจจุบัน<br />
โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ให้คำแนะนำแก่สมาชิกของวัดซึ่งมาศึกษาเล่าเรียน ทำ<br />
มาหากินในประเทศนี่ แม้ว่าจะไม่ใช่มาตุภูมิแต่ก็คือบ้าน จึงต้องช่วยกันสร้าง<br />
ความสงบร่มเย็นสันติสุขแก่ชุมชนที่ตนอยู่ เพื่อให้เป็นรูปแบบตัวอย่างว่า<br />
ชุมชนชาวพุทธของเรา อยู่ที่ไหนไม่สร้างความเดือดร้อน แต่อยู่กันอย่างร่มเย็น<br />
นอกจากนี้ ทางวัดได้อนุญาตให้ใช้ลานจอดรถ และศาลาอเนกประสงค์<br />
ด้วยการเปิดโอกาสให้แก่ครูและนักเรียนโรงเรียน Barrie School ผู้ปกครอง<br />
ของโรงเรียนมาใช้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ตลอดถึงการจัดประชุมขององค์กร<br />
ต่างๆ เช่น องค์กรพุทธสมาคมนานาชาติแห่งสหรัฐอเมริกา (International<br />
Buddhist Association of America: IBAA) และคณะกรรมการ IBC<br />
ตลอดถึงการอนุญาตให้ใช้สถานที่อบรมทำภาษี (Tax) ของประชาชนในเขต<br />
Montgomery County ทุกวันเสาร์เป็นเวลา ๖ เดือนทุกปี ได้อำนวยความ<br />
สะดวกจัดโต๊ะ เก้าอี้ และเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ เป็นต้น<br />
ทางวัดได้ให้ความร่วมือแก่ทางราชการทั้งท้องถิ่นและสถานเอกอัคร<br />
ราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน ได้ให้การสนับสนุนด้วยดี หรือหากมีผู้เดือดร้อน<br />
เจ็บไข้ได้ป่วย ทั้งสมาชิกของวัด หรือเพื่อนบ้านชาวอเมริกัน ประสงค์จะ<br />
สนทนาธรรมกับพระสงฆ์ ทางวัดได้จัดพระสงฆ์ไปเยี่ยม สวดมนต์ และสอน<br />
ธรรมะให้อยู่เสมอ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยหนักต้องการกำลังใจ<br />
จากพระธรรมทูต<br />
75
76
ประธานอำนวยการสร้างวัดป่าธรรมรัตน์<br />
เมืองพิทส์เบอร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย<br />
ประวัติการก่อตั้ง<br />
พิทส์เบิร์ก (Pittsburgh) เป็นเมืองเก่าแก่ที่สำคัญของรัฐเพนซิลวาเนีย<br />
และเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา มีพุทธศาสนิกชนผู้มี<br />
ศรัทธาอย่างแรงกล้ากลุ่มหนึ่ง ได้ปรึกษาหารือเรื่องการสร้างวัดกับพระครู<br />
สิริอรรถวิเทศ (ดร.พระมหาถนัด อตฺถจารี) ในโอกาสที่ท่านได้มาน ำปฏิบัติธรรม<br />
ติดต่อกันหลายปี เมื่อตกลงกันว่าจะสร้างวัดแล้ว จึงนำพุทธศาสนิกชนเข้า<br />
กราบขอความเมตตารับคำแนะนำในการก่อตั้งวัดจากพระเดชพระคุณ<br />
พระราชมงคลรังษี(หลวงตาชี) ประธานสงฆ์วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ซึ่งท่าน<br />
ได้มีเมตตาให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และเห็นด้วยในการก่อตั้งวัด<br />
จึงมอบหมายให้พระครูสิริอรรถวิเทศ เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
เป็นประธานดำเนินการสร้าง<br />
พร้อมกันนั้นมีพุทธศาสนิกชนหลายท่านมีส่วนสำคัญในการริเริ่มร่วม<br />
สร้างวัด เป็นต้นว่า คุณมาลินี วังศเมธีกูร, คุณสุกานดา บุพพานนท์, คุณประภัสสรา<br />
อักขราสา, คุณนีน่า โกลด์, คุณใจ วงศ์ค ำ, คุณวิลาวรรณ-คุณทิม วอง, คุณสมทรง<br />
ฟ็อก, คุณจำลอง แม็คคาซี่, คุณมนัส แซนส์, คุณพิมพ์ใจ เบอร์มิ่งแฮม, ครอบครัว<br />
จิระเชิดชูวงศ์, คุณวิเชียร - คุณสมศักดิ์ น้ำใส, คุณประนอม จาบกุล, คุณเจน<br />
ชูแนม, คุณรุ่งนภา ขันชาลี, นักศึกษาไทย เป็นต้น ในระยะเริ่มต้นได้ช่วยกัน<br />
ปรับปรุงบ้านของคุณสฤษฎิ์-คุณอุไร ตะสิทธิ์ ให้เป็นที่พักชั่วคราวของพระสงฆ์<br />
และทำบุญเปิดวัดในพรรษากาลของวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๔ หลังจากออก<br />
พรรษาแล้ว จึงจัดส่งพระธรรมทูต ๒ รูป คือ พระครูสังฆรักษ์สุริยา เตชวโร<br />
พระวิปัสสนาจารย์วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. และพระมหาปิยะ อุตฺตมปญฺโญ<br />
พระธรรมทูตวัดป่าสันติธรรม รัฐเวอร์จีเนีย ให้มาอยู่ปฏิบัติศาสนกิจ โดยมี<br />
77
พระครูสิริอรรถวิเทศ ประธานประชุมทุกๆเดือนนำพาพุทธศาสนิกชนสร้าง<br />
วัดให้มั่นคงต่อไป<br />
เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๗ คุณเฟรด-คุณกิติมา แฟรงค์ พร้อม<br />
ครอบครัวได้มีศรัทธาอย่างแรงกล้าได้ปวารณาถวายบ้าน ๑ หลัง พร้อม<br />
ที่ดินเนื้อที่ ๑.๕ เอเคอร์(๓.๗๕ ไร่) บ้านเลขที่ ๒๖๑๘ Monroeville Blvd.,<br />
Monroeville, PA ๑๕๑๔๖ เพื่อดำเนินการก่อสร้างให้เป็นวัดที่ถาวรสืบไป<br />
จากนั้นวัดจึงได้ย้ายมาอยู่สถานที่แห่งใหม่ และในปลายปีเดียวกัน ทางวัดได้<br />
จัดซื้อที่ดินเพิ่มเติม ๑.๑ เอเคอร์ (๒.๗๕ ไร่) เพื่อขยายพื้นที่รวมเนื้อที่ของวัด<br />
ทั้งหมด ๒.๖ เอเคอร์ (๖.๕ ไร่)<br />
หลังจากนั้นได้พัฒนาไม่หยุดยั้ง ปีพ.ศ. ๒๕๕๘ ได้สร้างถนนทางขึ้นใหม่<br />
(Driveway) และที่จอดรถชั่วคราวเพื่ออำนวยความสะดวกแก่พุทธศาสนิกชน<br />
ผู้มาทำบุญที่วัด กลางปีเดียวกัน วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ได้ประกอบพิธี<br />
หล่อหลวงพ่อพระพุทธมงคลรังษี ณ วัดโปรดเกศเชษฐาราม จ.สมุทรปราการ<br />
มีเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เมตตาเป็น<br />
ประธานเททองหล่อ และมีพระธรรมทูตพร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก<br />
ร่วมทำบุญ และได้อัญเชิญประดิษฐานที่วัดป่าธรรมรัตน์ เมื่อเดือนพฤษภาคม<br />
๒๕๕๙<br />
วัตถุประสงค์<br />
- เพื่อเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสหรัฐอเมริกา<br />
- เพื่อเป็นศูนย์ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานประจำเมืองพิทส์เบอร์ก<br />
- เพื่อเป็นศูนย์ส่งเสริม ศีลธรรม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี<br />
ที่ดีงามของชาวพุทธ<br />
- เพื่อเป็นศูนย์ฝึกอบรมเสริมความรู้พระธรรมทูตสายต่างประเทศ<br />
- เพื่อเป็นศูนย์รวมใจของชาวพุทธโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ<br />
78
พระธรรมทูตที่อยู่ปฏิบัติศาสนกิจ<br />
๑. พระครูสิริอรรถวิเทศ<br />
ประธานดำเนินการสร้าง - ประธานกรรมการบริหาร<br />
๒. พระมหาปิยะ อุตฺตมปญฺโ<br />
พ.ศ. ๒๕๕๔ – ปัจจุบัน (หัวหน้าสงฆ์)<br />
๓. พระครูสังฆรักษ์สุริยา เตชวโร<br />
พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๕ (ไปปฏิบัติศาสนกิจที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.)<br />
๔. พระมหาสิทธิผล สิทฺธิผโล<br />
พ.ศ. ๒๕๕๕ (ไปปฏิบัติศาสนกิจที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.)<br />
๕. พระมหาพิรุฬห์ พทฺธสีโล<br />
พ.ศ.๒๕๕๕-๒๕๕๗ (ไปปฏิบัติศาสนกิจที่ประเทศอินเดีย)<br />
๖. พระมหาสายันต์ อคฺควณฺโณ<br />
พ.ศ.๒๕๕๕ – ปัจจุบัน<br />
คณะกรรมการที่ปรึกษา<br />
๑. พระราชมงคลรังษี (หลวงตาชี)<br />
ที่ปรึกษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
๒. พระเทพพุทธิวิเทศ<br />
ประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
๓. พระครูปริยัติธรรมาภิราม<br />
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุเชิงชุม จ.สกลนคร<br />
๔. พระครูวิสิฐธรรมรส<br />
เจ้าอาวาสวัดโปรดเกศเชษฐาราม จ.สมุทรปราการ<br />
๕. พระครูสันตจิตตานุโยค<br />
เจ้าอาวาสวัดบางพึ่ง จ.สมุทรปราการ<br />
79
คณะกรรมการอำนวยการบริหารวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบอร์ก<br />
๑. พระครูสิริอรรถวิเทศ ประธานกรรมการอำนวยการ<br />
๒. พระครูสุธีธรรมธร รองประธานฯ<br />
๓. พระครูสังฆรักษ์สุริยา เตชวโร รองประธานฯ<br />
๔. พระมหาปิยะ อุตฺตมปญฺโญ เลขานุการ<br />
๕. คุณฟลุค วอง เหรัญญิก<br />
๖. คุณรุ่งนภา ขันชาลี ผู้ช่วยเหรัญญิก<br />
๗. พระมหาสายันต์ อคฺควณฺโณ ผู้ช่วยเหรัญญิก<br />
๘. คุณนีน่า โกลด์ ประชาสัมพันธ์<br />
๙. คุณวิลาวรรณ อนันต์ วอง กรรมการ<br />
๑๐. คุณสฤษฎิ์ ตะสิทธิ์ กรรมการ<br />
๑๑. คุณพนิดา Leonhard กรรมการ<br />
การปฏิบัติศาสนกิจของพระธรรมทูตประจำ<br />
๑. การเผยแผ่จัดสอนสมาธิและพระพุทธศาสนาในเรือนจำ ๔ แห่ง<br />
ในมลรัฐเพนซิลวาเนีย<br />
- เรือนจำในเมืองพิทส์เบิร์กเดือนละ ๔ ครั้ง(State Correctional<br />
Institution, Pittsburgh)<br />
- เรือนจำเมืองโสเมอเสตเดือนละครั้ง (State Correctional<br />
Institution, Somerset)<br />
- เรือนจำเมืองโลเรลไฮแลนด์เดือนละครั้ง(State Correctional<br />
Institution, Laurel Highlands)<br />
- เรือนจำเมืองอัลเบียนเดือนละครั้ง (State Correctional Institution,<br />
Albion)<br />
๒. โครงการขึ้นเรือนเยือนบ้าน พาญาติโยมสวดมนต์ นั่งสมาธิ และ<br />
สนทนาธรรม โดยเวียนไปตามบ้านที่ได้รับนิมนต์<br />
80
๓. โครงการอบรมวิปัสสนากรรมฐานแก่ผู้สนใจทั่วไปทั้งภายในและ<br />
ภายนอกวัด<br />
๔. จัดกิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาและประเพณีไทย<br />
- ทำบุญวันปีใหม่<br />
- ทำบุญวันมาฆบูชา<br />
- ทำบุญประเพณีสงกรานต์<br />
- ทำบุญวันวิสาขบูชา<br />
- ทำบุญวันอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา<br />
- ทำบุญวันกตัญญูรู้พระคุณแม่<br />
- ทำบุญวันสารทและครบรอบการก่อตั้งวัด<br />
- ทำบุญวันออกพรรษา<br />
- ทำบุญทอดกฐินสามัคคี<br />
- ทำบุญวันกตัญญรู้พระคุณพ่อ<br />
- สวดมนต์ข้ามปีและทำบุญขึ้นปีใหม่<br />
๕. โครงการธรรมะข้างสำรับ ให้ความรู้ทางด้านพระพุทธศาสนาและ<br />
ธรรมะทุกโอกาสที่ญาติโยมนิมนต์ไปปฏิบัติศาสนกิจ<br />
๖. โครงการบริจาคหนังสือ วีดีโอ และดีวีดีธรรมะให้เรือนจำ ๔ แห่ง<br />
ในมลรัฐเพนซิลวาเนีย<br />
๗. ด้านการสาธารณูปการ<br />
- ปรับปรุงห้องใต้ดินเป็นสถานที่ทำบุญ ๒๐,๐๐๐.๐๐ เหรียญ<br />
- ติดกระจกหน้าต่างใหม่ ๑,๕๐๐ เหรียญ<br />
- ซื้อที่ดินเพื่อขยายวัด ๑.๑ เอเคอร์ ๑๗๓,๗๔๐.๗๗ เหรียญ<br />
- ทำป้ายวัด ๑,๕๐๐.๐๐ เหรียญ<br />
- ทุบฝาผนังห้องเพื่อขยายห้องพระประธาน ๒,๐๐๐.๐๐ เหรียญ<br />
- หล่อพระพุทธมงคลรังษีพระประธาน ๓,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท<br />
๘. ด้านสังคมสงเคราะห์ จัดโครงการบริจาคอาหารและเครื่องอุปโภค<br />
บริโภค ให้กับธนาคารอาหาร (Food Bank) และองค์กรการกุศลต่างๆ<br />
81
ตำแหน่ง / หน้าที่ / การงานในต่างประเทศ<br />
พ.ศ. ๒๕๓๕-ปัจจุบัน เป็นพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ปฏิบัติศาสนกิจ<br />
ประจำวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา<br />
พ.ศ. ๒๕๓๘-ปัจจุบัน เป็นกรรมการสอบคัดเลือก/พระวิทยากรบรรยาย<br />
พิเศษ โครงการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ<br />
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย<br />
พ.ศ. ๒๕๓๙-ปัจจุบัน เป็นพระวิปัสสนาจารย์สอนการเจริญจิตภาวนา<br />
(Mental Detoxification & Relaxation) ณ วัด<br />
ไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี., วัดป่าสันติธรรม รัฐเวอร์<br />
จีเนีย, ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาทิเบต เมืองซิลเวอร์<br />
สปริง (The Sakya Phuntsok Ling, the Tibetan<br />
Center in Silver Spring Maryland), ศูนย์ศึกษา<br />
และปฏิบัติธรรมเมืองฟิลาเดลเฟีย (Buddhist Meditation<br />
Center of Philadelphia)<br />
- เป็นประธานอำนวยการ และพระวิปัสสนา<br />
จารย์ของวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบอร์ก รัฐ<br />
82
เพนซิลวาเนีย (Vipassana meditation group of<br />
Pittsburg, Pennsylvania)<br />
พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็นประธานกรรมการ “กองทุนธรรมรัตน์” (สร้าง<br />
ศาสนทายาทสืบอายุพระพุทธศาสนา) โรงเรียนพระ<br />
ปริยัติธรรมแผนกสามัญ วัดโสมมนัสสันตยาราม<br />
อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี มอบทุนการศึกษาแก่<br />
พระภิกษุ-สามเณรที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์<br />
ทุกๆ ปีๆ ละ ๕๐ ทุน เป็นเงิน ๒๕๐,๐๐๐.๐๐ บาท<br />
พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นประธานกองทุนส่งเสริมพระวิปัสสนาจารย์<br />
“คุณแม่สมจิตต์ วสุรัตน์” มอบทุนการศึกษาแก่พระ<br />
วิปัสสนาจารย์ทั้งในและต่างประเทศ<br />
พ.ศ. ๒๕๕๐ เปิดสอนวิปัสสนาแก่เจ้าหน้าที่-พนักงาน สถาบัน<br />
การเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่สำนักงานใหญ่กรุง<br />
วอชิงตัน, ดี.ซี. ทุก ๆ เดือน<br />
พ.ศ. ๒๕๕๐-ปัจจุบัน เป็นหัวหน้าโครงการธรรมสัญจร จัดปฏิบัติธรรม<br />
นานาชาติภาคภาษาอังกฤษ(Mental Detoxifica-<br />
83
tion & Relaxation) วัดในสังกัดสมัชชาสงฆ์ไทยใน<br />
สหรัฐอเมริกา<br />
พ.ศ. ๒๕๕๑-ปัจจุบัน ประธานคณะกรรมการอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน,<br />
ดี.ซี. เมืองซิลเวอร์สปริง มลรัฐแมรี่แลนด์<br />
พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๙ เป็นเลขาธิการ สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
พ.ศ. ๒๕๕๒-ปัจจุบัน เป็นอาจารย์ประจำสถาบัน Thai Institute of Healing<br />
Arts เมืองอาร์ลิงตัน มลรัฐเวอร์จีเนีย สอนสมาธิภาวนา<br />
และสวดมนต์แบบเถรวาทแก่ชาวอเมริกัน<br />
พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๓ เป็นอาจารย์บรรยายวิชาบทบาทสตรีในพระพุทธ<br />
ศาสนาแก่นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยา<br />
ลัยเพ็นสเตท (Pennsylvania State University,<br />
พ.ศ. ๒๕๕๒<br />
Mont Alto Campus)<br />
เป็นอาจารย์บรรยายวิชาพระพุทธศาสนาเถรวาท<br />
แก่นักศึกษาคณะศาสนา-ปรัชญา มหาวิทยาลัย จอร์จ<br />
วอชิงตัน กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
พ.ศ.๒๕๔๓-ปัจจุบัน เป็นคณะกรรมการชาวพุทธนานาชาติ (International<br />
Buddhist Committee of Wasington, D.C.) ใน<br />
เขตกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. มลรัฐแมรี่แลนด์, มลรัฐเวอร์จีเนีย<br />
เป็นกรรมการ IBC. จัดงานฉลองวิสาขบูชานานาชาติ<br />
ทุกๆ ปี<br />
พ.ศ. ๒๕๕๙-ปัจจุบัน เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการ สมาคมชาว<br />
พุทธนานาชาติแห่งสหรัฐอเมริกา (International<br />
Buddhist Association of America : IBAA)<br />
84
ประสบการณ์งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างแดน<br />
พ.ศ. ๒๕๓๖-ปัจจุบัน เดินทางเผยแผ่ดูงานพระศาสนาทั้งในทวีปยุโรป และ<br />
ประเทศแถบสแกนดิเนเวีย เช่น นอร์เวย์, สวีเดน,<br />
ฟินแลนด์,เดนมาร์ก, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เบลเยี่ยม,<br />
ลักซัมเบอร์ก เยอรมัน,เนเธอร์แลนด์, สวิสเซอร์แลนด์,<br />
สเปน, โปรตุเกส,อิตาลี ในทวีปอเมริกาเหนือ เช่น<br />
สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, และประเทศต่างๆ ใน<br />
ทวีปเอเชีย เช่น รัสเซีย, อินเดีย, เนปาล, ศรีลังกา,<br />
มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี,<br />
ไต้หวัน, เวียดนาม, ลาว, เขมร, พม่า และอัฟริกาใต้<br />
พ.ศ. ๒๕๔๒ ร่วมประชุมสภาศาสนาโลก (Parliament of the World’s<br />
Religions 1999) ที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้<br />
(Cape Town, South Africa)<br />
พ.ศ. ๒๕๔๓ ทำวิจัยพุทธศาสนาฝ่ายมหายานนิกายสุขาวดี (Pure Land)<br />
สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ วิทยาลัย เหยียนกวง เมืองจงลี่ ไทเป<br />
ประเทศไต้หวัน (Buddhist Research Institute, Yuan<br />
Kuang Buddhist College, Taiwan)<br />
พ.ศ. ๒๕๔๔ ทำวิจัยพุทธศาสนาฝ่ายวัชรยาน(ทิเบต)นิกายกั๊กยิว (หมวกด ำ)<br />
ที่วัดไตรรัตนาราม เมืองสิริกูลี่ รัฐเวสท์ เบงกอล ประเทศ<br />
อินเดีย (Tri-Ratna Buddhist Monastery, Siriguli , District<br />
of Darjeeling, West Bengal, India)<br />
พ.ศ. ๒๕๓๗-ปัจจุบัน เป็นบรรณาธิการ และผู้จัดทำหนังสือต่าง ๆ ของ<br />
วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. และสมัชชาสงฆ์ไทยใน<br />
สหรัฐอเมริกา ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ<br />
85
พ.ศ. ๒๕๔๗<br />
พ.ศ. ๒๕๔๗<br />
พ.ศ. ๒๕๔๙<br />
พ.ศ. ๒๕๕๒<br />
86<br />
ร่วมประชุมสภาศาสนาโลก (Parliament of the World’s<br />
Religions 2004) ที่เมืองบาร์เซโลน่า, ประเทศสเปน<br />
ร่วมจัดประชุมสัมมนาทางพระพุทธศาสนา ทั้งในประเทศไทย<br />
อินเดีย ในยุโรป และสหรัฐอเมริกา<br />
ร่วมประชุมผู้นำศาสนาโลกหลังเหตุการณ์ ๑๑ กันยายน<br />
(World’s Religions after September 11) A Global<br />
Congress at Montreal, Canada, 11-15 September 2006<br />
ขณะที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
ได้จัดประชุมสัมมนาพระธรรมทูตสายต่างประเทศทั่วโลก<br />
ในโอกาสทำบุญอายุวัฒนมงคลครบ ๘๔ ปี พระวิเทศธรรมรังษี<br />
(ปัจจุบัน พระราชมงคลรังษี) ประธานสงฆ์วัดไทยกรุงวอชิงตัน,<br />
ดี.ซี. ร่วมกับมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย<br />
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สหภาพพระธรรมทูตไทย<br />
ในทวีปยุโรป และโอเชียนเนียร์ ทำให้เกิดปฏิญญา<br />
กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.
พ.ศ. ๒๕๕๓<br />
พ.ศ.๒๕๕๓<br />
พ.ศ. ๒๕๕๔<br />
พ.ศ. ๒๕๕๐<br />
พ.ศ. ๒๕๕๓<br />
ขณะที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
ได้จัดประชุมสัมมนาพระธรรมทูตสายต่างประเทศทั่วโลก<br />
ในโอกาสงานการพัทธสีมาฝังลูกนิมิต วัดวชิรธรรมปทีป<br />
นครนิวยอร์ก ในวันที่ ๒๗-๒๘ มิถุนายน<br />
ร่วมกับมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ส ำนักงาน<br />
พระพุทธศาสนาแห่งชาติ สหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีป<br />
ยุโรป และโอเชียนเนียร์ เพื่อร่วมกันลง มติทำแผนพัฒนางาน<br />
พระธรรมทูตสายต่างประเทศร่วมกัน และได้มีการลงนามใน<br />
ปฏิญญามหานครนิวยอร์ก<br />
ขณะที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
ได้จัดประชุมสัมมนาพระธรรมทูตสายต่างประเทศทั่วโลก ใน<br />
โอกาสงานทำบุญฉลองการปฏิบัติศาสนกิจครบ ๕๐ ปี<br />
พระเทพโพธิวิเทศ (ทองยอด ภูริปาโล ป.ธ.๙) หัวหน้า<br />
พระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล วันที่ ๒๖-๒๗<br />
กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ<br />
ราชวิทยาลัย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สหภาพ<br />
พระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป และโอเชียนเนียร์ เพื่อร่วมกัน<br />
ลงมติรับแผนพัฒนางานพระธรรมทูตสายต่างประเทศไป<br />
พัฒนาและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร ได้มีการลงนาม<br />
ในปฏิญญาพุทธคยา ทำให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือระหว่าง<br />
องค์กรพระธรรมทูตไทยในต่างประเทศแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น<br />
นำคณะจาริกแสวงบุญประเทศศรีลังกา อัญเชิญพระ<br />
สารีริกธาตุ เพื่อประดิษฐานไว้ที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
นำคณะจาริกแสวงบุญประเทศศรีลังกาอัญเชิญพระ<br />
สารีริกธาตุเพื่อประดิษฐานไว้ที่วัดวชิรธรรมปทีป นิวยอร์ก<br />
87
พ.ศ. ๒๕๕๓-๕๔ ร่วมงานฉลองวิสาขบูชาวันสำคัญของโลก ณ ตึก<br />
สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ (UN) มหานคร<br />
นิวยอร์ก<br />
พ.ศ. ๒๕๕๕ ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการพระธรรมทูตที่ปฏิบัติศาสนกิจ<br />
ทั่วโลกทั้งฝ่ายธรรมยุติ และฝ่ายมหานิกาย ในวันที่ ๒๙<br />
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ในโอกาสเฉลิมฉลองพุทธชยันตี<br />
๒,๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการเผยแผ่<br />
พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตไทยสายต่างประเทศ<br />
ณ มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย<br />
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา<br />
พ.ศ. ๒๕๕๕ ร่วมงานชุมนุมชาวพุทธทั่วโลกในงานฉลองวิสาขบูชาวัน ส ำคัญ<br />
สากลของโลก ฉลองพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้<br />
ของพระพุทธเจ้า ระหว่างวันที่ ๓๑ พฤษภาคม-๒ มิถุนายน<br />
พ.ศ. ๒๕๕๕ ณ หอประชุม ม.ว.ก. มหาวิทยาลัย มหาจุฬา<br />
ลงกรณราชวิทยาลัย, ร่วมพิธีประกาศปฏิญญากรุงเทพ พ.ศ.<br />
๒๕๕๕ ณ อาคารสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ ถนน<br />
ราชดำเนิน และร่วมพิธีวางศิลากฤษ์สร้างอาคารสำนักงาน<br />
ศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก พิธีเจริญพระพุทธมนต์-เวียน<br />
เทียน ณ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม<br />
พ.ศ. ๒๕๕๕ ในนามคณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ตำแหน่งเลขาธิการ<br />
ได้ร่วมประชุมสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป ที่<br />
วัดพุทธาราม เมืองแวมโด ประเทศสวีเดน วันที่ ๑๗-๑๘<br />
มิถุนายน ๒๕๕๕ เพื่อดำเนินตามปฏิญญาพุทธคยา ที่ได้ลง<br />
นามร่วมกันเรื่องการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ<br />
พ.ศ. ๒๕๕๖ ในนามคณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ตำแหน่งเลขาธิการ ได้<br />
เข้าร่วมการอภิปรายนำเสนอผลงานทางวิชาการ ในงานฉลอง<br />
88
ความ สัมพันธ์พระพุทธศาสนาเถรวาทแบบไทยสยามนิกาย<br />
อายุครบ ๒๖๐ ปี ณ สถาบันสอนพระพุทธศาสนา เมืองแคนดี้<br />
ประเทศศรีลังกา<br />
พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นองค์แสดงพระธรรมเทศนาใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ในงาน<br />
สาธยายพระไตรปิฎกนานาชาติ ที่มณฑลพิธีพุทธคยา เมือง<br />
พุทธคยา ประเทศสาธารณรัฐอินเดีย<br />
พ.ศ. ๒๕๕๖<br />
ได้เข้าร่วมประชุมสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๗/๒๕๕๖ องค์กร<br />
สหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป ณ วัดธรรมวิหาร<br />
เมืองฮันโนเฟอร์ ประเทศเยอรมนี ในนามเลขาธิการสมัชชา<br />
สงฆ์ไทยฯ ในฐานะที่ปรึกษาองค์กร<br />
พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้เข้าร่วมประชุมสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๘/๒๕๕๗<br />
องค์กรสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป ณ วัดธรรม<br />
ประทีป เมืองแมคเคอร์แลน ประเทศเบลเยี่ยม ในนาม<br />
เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ในฐานะที่ปรึกษาองค์กร<br />
พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้เข้าร่วมประชุมสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๙/๒๕๕๘<br />
องค์กรสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป ณ วัดไทย<br />
นอร์เวย์ ประเทศนอร์เวย์ ในนามเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ<br />
ในฐานะที่ปรึกษาองค์กร<br />
พ.ศ. ๒๕๕๘<br />
พ.ศ. ๒๕๕๘<br />
ในนามคณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ตำแหน่งเลขาธิการ<br />
ได้รับนิมนต์เข้าร่วมประชุมสัมมนาพุทธ-คริสต์ การอยู่กัน<br />
ด้วยสันติ ที่สำนักวาติกัน ประเทศอิตาลี โดยได้เข้าพบสมเด็จ<br />
พระสันตปาปา (โป๊ปฟรานซิส)<br />
ในนามคณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ตำแหน่งเลขาธิการ<br />
ได้เข้าร่วมประชุมสภาศาสนาโลก (Parliament of the<br />
World’s Religions) ที่เมืองซอลเลคซิตี้ รัฐยูทาห์ ระหว่าง<br />
วันที่ ๑๕-๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘<br />
89
พ.ศ. ๒๕๕๙<br />
พ.ศ. ๒๕๕๙<br />
ในนามคณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ตำแหน่งเลขาธิการ<br />
ได้จัดโครงการฝึกอบรมแนวการสอนวิปัสสนากรรมฐาน<br />
นานาชาติ ณ วัดสันติวนาราม บ้านเชียง อ.หนองหาน และ<br />
วัดนาหลวง (อภิญญาเทสิตธรรม) อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี<br />
วันที่ ๑๕-๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙<br />
ในนามคณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ตำแหน่งเลขาธิการ<br />
และตำแหน่งประธานอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี.<br />
ประธานอำนวยการก่อสร้างวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบอร์ก<br />
ได้รับเลือกจากสมาชิกให้ดำรงตำแหน่งประธานพุทธสมาคม<br />
นานาชาติ “International Buddhist Association of<br />
America”(IBAA) ซึ่งได้ดำเนินการเพื่อขออนุญาตจัดฉลอง<br />
วิสาขบูชาที่ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ (White House)<br />
พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้เข้าร่วมประชุมสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๙<br />
องค์กรพระธรรมทูตในสหราชอาณาจักร และไอส์แลนด์<br />
ณ วัดสันติวงศาราม เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ และ<br />
เข้าร่วมพิธีทำบุญอายุวัฒนมงคลครบ ๙๐ ปี พระราชภาวนาวิมล วิ.<br />
90
เจ้าอาวาสวัดพุทธประทีป กรุงลอนดอน ประธานองค์กรฯ<br />
และเดินทางเยี่ยมพระธรรมทูตวัดต่างๆ ในยุโรป ๔ ประเทศ<br />
คือ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เยอรมัน และเนเธอร์แลนด์<br />
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาทางสถานีวิทยุ-โทรทัศน์-เวบไซต์<br />
พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นหัวหน้าศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ (Internet) เพื่อการ<br />
เผยแผ่พระพุทธศาสนาวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี., เจ้าของ<br />
รายการ “ธรรมธารา” ภาคอินเตอร์เน็ต<br />
พ.ศ. ๒๕๔๐ เผยแผ่ธรรมะ และข่าวสารข้อมูลทางเวบไซต์ของสมัชชา<br />
สงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา www.thaitemple.org,<br />
วัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. www.watthaidc.org และเวบไซต์<br />
ส่วนตัว ที่ www.t-dhamma.org, Facebook & Twitter<br />
พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นเจ้าของรายการโทรทัศน์ “ท่องธรรม” สถานีโทรทัศน์<br />
TNN2 (True Vision) ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา ๗.๓๐<br />
น.- ๐๘.๐๐ น. (ที่ประเทศไทย)<br />
พ.ศ. ๒๕๕๑ รายการโทรทัศน์ “ธรรมะส่องโลก” ออกอากาศทางสถานี<br />
โทรทัศน์ NAT TV., Lao Champa TV. (ออกอากาศใน<br />
สหรัฐอเมริกา)<br />
พ.ศ. ๒๕๕๓ รายการโทรทัศน์ “ข่าวสารจากพระธรรมทูตไทยในต่างแดน”<br />
ทางสถานีโทรทัศน์ WBTV (World Buddhist Television)<br />
วัดยานนาวา เขตสาทร และ TBC (Thailand Buddhist<br />
Chanel) วัดพิชยญาติการาม กรุงเทพมหานคร<br />
พ.ศ. ๒๕๕๔ จัดรายการวิทยุร่วมกับพระมหาคาวี ญาณวีโร เจ้าอาวาส<br />
วัดสะพานคำ จ.สกลนคร ในรายการ “คนดีศรีสังคม”<br />
รายการ “สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทย” รายการ “พุทธธรรม<br />
นำชีวิต” ทางสถานีวิทยุ ๙๐๙ จังหวัดสกลนคร<br />
91
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในตำแหน่งเลขาธิการ สมัชชาสงฆ์ไทย<br />
ในสหรัฐอเมริกา<br />
๑. การจัดโครงการธรรมสัญจรแก่ชาวต่างชาติ น ำโดย พระครูสิริอรรถวิเทศ<br />
เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา จัดปฎิบัติธรรมนานาชาติภาค<br />
ภาษาอังกฤษ วัดในเครือสมัชชาสงฆ์ไทยฯ โดยจัดหมุนเวียนไปตามวัดต่าง ๆ<br />
เช่น วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. วัดวชิรธรรมปทีป นิวยอร์ก วัดมงคลเทพ<br />
มุนี ฟิลาเดลเฟีย วัดป่าสันติธรรม รัฐเวอร์จีเนีย วัดมงคลรัตนาราม แทมป้า<br />
วัดมงคลรัตนาราม ฟอร์ต วัลตัน บีช และวัดพุทธรังษี ไมอามี รัฐฟลอริดา<br />
วัดพุทธมงคลนิมิต รัฐนิวเม็กซิโก และวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบอร์ก<br />
รัฐเพนซิลวาเนีย เป็นต้น ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๑-ปัจจุบัน<br />
๒. จัดโครงการอบรมเสริมความรู้พระธรรมทูต ด้านการปฏิบัติวิปัสสนา<br />
กรรมฐาน และเข้าปริวาสกรรม ในนามสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
รวม ๔ รุ่น ประจำปี ๒๕๕๔-๒๕๕๗ ณ วัดพระมหาชนก เมืองกริฟฟิน<br />
รัฐจอร์เจีย ระหว่างวันที่ ๑๐-๒๐ พฤษภาคม ของทุกปี มีพระธรรมทูต<br />
เข้าร่วมประพฤติวัตร ปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก โดยมีพระวิปัสสนาจารย์<br />
และพระเจ้าหน้าที่ ๑๐ รูป มีญาติโยมให้การอุปถัมภ์มากกว่า ๑๐๐ คน ตลอด<br />
ระยะเวลา ๑๐ วัน<br />
๓. จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมความรู้พระธรรมทูต ด้าน<br />
การผลิตสื่อมัลติมีเดีย (ถ่ายภาพ-ตัดต่อวีดีโอ) แก่พระธรรมทูตวัดในสังกัด<br />
สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๑๕-๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ.<br />
๒๕๕๔ ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ซิลเวอร์ สปริง มลรัฐแมรี่แลนด์<br />
92
การจัดพิมพ์หนังสือธรรมะ และหนังสืออนุสรณ์ต่างๆ ในนาม<br />
สมัชชาสงฆ์ไทยฯ เพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ดังนี้<br />
๑. หนังสือ “สงฆ์ไทย” ในการประชุมสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่<br />
๔๐/๒๕๕๙ ณ วัดไทยลอสแองเจลิส พิมพ์จำนวน ๕๐๐ เล่ม<br />
๒. หนังสือ “ระเบียบปฏิบัติ-รายนามวัด-รายชื่อพระธรรมทูตจ ำพรรษา<br />
วัดในสังกัดสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา” ๒๕๕๘ จำนวน ๕๐๐ เล่ม<br />
๓. หนังสือ “ระเบียบปฏิบัติ-รายนามวัด-รายชื่อพระธรรมทูต<br />
จำพรรษาวัดในสังกัดสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา” ๒๕๕๙ จำนวน ๕๐๐<br />
เล่ม แจกในงานสัมมนาและร่วมงานวิสาขบูชานานาชาติ ที่มหาจุฬาลงกรณ<br />
ราชวิทยาลัย<br />
๔. สมัชชาสงฆ์ไทยฯได้พิมพ์หนังสือแสดงมุทิตาสักการะ ถวาย<br />
พระธรรมทูตที่ได้รับพระราชทานเลื่อนและตั้งสมณศักดิ์ ได้พิมพ์หนังสือ<br />
นรก-สวรรค์ ในพระไตรปิฏก บทประพันธ์ของ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.<br />
ปยุตฺโต) จำนวน ๖,๐๐๐ เล่ม พระธรรมทูตในสังกัดสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ที่ได้<br />
รับพระราชทานเลื่อนและตั้งสมณศักดิ์<br />
๕. หนังสือสวดมนต์แปลภาคภาษาอังกฤษ (Chanting Book Pali<br />
with English Translation) จำนวน ๒,๐๐๐ เล่ม<br />
งานสังคมสงเคราะห์ในตำแหน่งเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ<br />
๑. บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ประเทศไทย โดยรวบรวม<br />
ปัจจัยที่ได้รับบริจาคจากวัดในสังกัดสมัชชาสงฆ์ไทยฯ และพุทธศาสนิกชน<br />
ทั่วไป ได้เงินจำนวน ๑๐,๐๐๐.๐๐ เหรียญฯ (๑๑ ต.ค.๕๔) โดย พระครู<br />
สิริอรรถวิเทศ เลขาธิการ นำไปมอบผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุง<br />
วอชิงตัน, ดี.ซี.โดย ฯพณฯ เอกอัครราชทูต กิตติพงษ์ ณ ระนอง เป็นผู้รับ<br />
มอบเงินเพื่อนำส่งให้สภากาชาดไทยต่อไป<br />
93
๒. บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น<br />
วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔ โดย ดร.พระครูสิริอรรถวิเทศ เลขาธิการ<br />
สมัชชาสงฆ์ไทยฯ ได้เดินทางไปมอบเงินบริจาคที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น<br />
ณ กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ซึ่งได้รวบรวมเงินบริจาควัดสมาชิกสมัชชาสงฆ์ไทยฯ<br />
จำนวน ๘,๒๕๐.๐๐ ดอลล่าร์สหรัฐฯ (แปดพันสองร้อยห้าสิบดอลล่าร์สหรัฐฯ)<br />
ผลงานด้านการประพันธ์/รวบรวมหนังสือวิชาการ, สารคดี<br />
ท่องเที่ยวเชิงพุทธ, รายงานการประชุม, บทความต่าง ๆ<br />
พ.ศ. ๒๕๔๒ รายงาน “การประชุมสภาศาสนาโลก เคปทาวน์ ๑๙๙๙”<br />
พ.ศ. ๒๕๔๓ หนังสือ “พระธรรมทูตในต่างประเทศ”<br />
พ.ศ. ๒๕๔๔ หนังสือ “ท่องแดนพุทธภูมิ” ชุดตามเจ้าคุณฯ จาริกบุญเมือง<br />
อินเดีย<br />
พ.ศ. ๒๕๔๕ หนังสือ “สิกขิม แดนมหัศจรรย์ - ดาร์จีลิ่ง แดนประทับใจ”<br />
พ.ศ. ๒๕๔๖ หนังสือ “ท่องเพียวแลนด์แดนพุทธมหายาน” องค์กรพระพุทธ<br />
ศาสนาในไต้หวัน<br />
พ.ศ. ๒๕๔๖ หนังสือ “Chanting Book: Pali Language with English<br />
94<br />
Translation” (สมัชชาสงฆ์ไทยฯ)
พ.ศ. ๒๕๔๗ หนังสือ “เปิดประตูสู่ยุโรป - จาริกธรรมร่วมประชุมสภา<br />
ศาสนาโลก” บาร์เซโลน่า, ประเทศสเปน ๒๐๐๔<br />
พ.ศ. ๒๕๔๙ หนังสือ “ท่องศิลานคร แดนปราสาทขอม นครวัด-นครธม”<br />
พ.ศ. ๒๕๕๐ หนังสือ “จาริกบุญแสวงธรรม สู่แดนพุทธภูมิ” คู่มือนมัสการ<br />
สังเวชนียสถานที่สำคัญในอินเดีย-เนปาล<br />
พ.ศ. ๒๕๕๐ หนังสือ “Walking on the Path of the Buddha”<br />
คู่มือท่องแดนพุทธสถานใน อินเดีย-เนปาล (ภาษาอังกฤษ)<br />
พ.ศ. ๒๕๕๐ หนังสือ “Buddhist Tradition & Thai Culture”<br />
ประเพณีไทย-ประเพณีชาวพุทธ (สมัชชาสงฆ์ไทยฯ)<br />
พ.ศ. ๒๕๕๐ หนังสือ “Basic Buddhist Practice”(สมัชชาสงฆ์ไทยฯ)<br />
พ.ศ. ๒๕๕๐ หนังสือ “ศรีลังกา แดนพุทธศาสนา ๒,๓๐๐ ปี”<br />
พ.ศ. ๒๕๕๑ หนังสือ “Basic Meditation Instruction & Practice”<br />
พ.ศ. ๒๕๕๒ หนังสือ “พม่าดินแดนแห่งเจดีย์ทองคำ”<br />
ประเภทบทความต่าง ๆ “พระธรรมทูตในต่างแดน” นิตยสารพุทธจักร<br />
(มจร.), “ไปอินเดียทำไม ทำไมต้องไปอินเดีย” หนังสือพิมพ์ไทยแอล.เอ,<br />
“สิกขิม-ดาร์จีลิ่ง แดนประทับใจ” วารสาร แสงธรรม, พระพุทธศาสนาใน<br />
โลกตะวันตก เป็นต้น<br />
รางวัลชีวิต<br />
พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร<br />
เทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นพิเศษ<br />
ที่ พระครูสิริอรรถวิเทศ<br />
พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ<br />
ชั้นสามัญ ในพระราชทินนาม ที่ พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />
95
96
ความหลังที่ฝังใจ<br />
โดย... พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี Ph.D.)<br />
ชีวิตในวัยเด็ก : ตอนเด็กเลี้ยงควาย<br />
ที่บ้านมีอาชีพหลักคือการทำนาและ<br />
ทำไร่ตามฤดูกาล ที่บ้านถึงแม้จะหาเงิน<br />
ลำบากแต่ก็ไม่ถึงกับขัดสนหรือฝืดเคือง<br />
นัก เนื่องจากคุณตา คุณยายทิ้งมรดก<br />
ไว้ให้แม่คนเดียวเนื่องจากเป็นลูกโทน<br />
ก็คือที่นาและที่ที่รกร้างว่างเปล่าที่ปู่ย่า<br />
ตายายจับจองเอาไว้สมัยก่อนที่บนภูเขา<br />
ใครจะปักเขตเอาตรงไหนก็ได้ ยังไม่มีกฏหมาย<br />
คุ้มครองป่าสงวนแห่งชาติเหมือนปัจจุบันนี้<br />
ที่บ้านจึงมีนาหลายแปลงทั ้งนาทุ่ง และนาโคก (ภูเขา) เมื่อถึง<br />
ฤดูทำนา คือประมาณกลางเดือนพฤษภาคม หลังจากทำบุญวันวิสาขบูชา<br />
แล้วก็จะพากันลงทำนาโดยจะเริ่มไถดะ หรือไถหุดก่อน ช่วงนี้จะทำไป<br />
เรื่อยๆ ไม่รีบเร่ง ส่วนมากจะนำควายออกจากคอกไปหากินหญ้าในช่วงเช้า<br />
หญ้าจะขึ้นตามคันนางามมากเพราะฝนพึ่งตกเป็นช่วงต้นฤดูฝน บรรดาสัตว์<br />
เล็กสัตว์น้อยก็มีมากตามท้องไร่ท้องนา เช่น พวกกบ เขียด อึ่งอ่าง งูต่างๆ<br />
และปลาในน้ำก็มีมากมาย<br />
ในช่วงเช้าปล่อยให้ควายและเล็มหญ้าไปตามคันนา ส่วนข้าพเจ้าเองก็<br />
ต้องหาจับปลาไว้เป็นอาหารเที่ยงด้วย เรียกว่าหากินทั้งคน และควาย ชีวิตในวัย<br />
เด็กมีแต่ความสนุกสนานร่าเริงไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร..เวลาฝนตกใหม่ประมาณ<br />
97
อาทิตย์หนึ่งพวกกบ เขียดก็จะวางไข่แล้วก็ออกลูกเป็นลูกอ๊อด คนภาคอีสาน<br />
จะชอบไปจับลูกกบ พวกนี้มาปรุงอาหารด้วย ข้าพเจ้าก็ถูกสอนให้ไปช้อน<br />
ลูกอ๊อดด้วยสวิงหรือตาข่ายถี่ ๆ ถ้าหนองน้ำไหน หรือแอ่งน้ำในนาตรงไหน<br />
มีลูกกบเยอะ ๆ จะดีใจมากเพราะว่าลูกกบจะตัวใหญ่ ลูกเขียดจะตัวเล็กมาก<br />
เวลาจะปรุงอาหารต้องใช้มือบี้ให้ท้องแตกทุกตัว (บี้ขี้มันออก) แล้วก็ล้างน้ำ<br />
ให้สะอาด เสร็จแล้วแล้วใช้เกลือคลุกพอประมาณ ใส่ใบแมงลัก แล้วใช้ใบตอง<br />
กล้วยห่อให้สนิทแล้วน้ำไปปิ้งบนกองไฟที่มีถ่านเพลิงแดงฉาน เมื่อมีกลิ่นหอม<br />
ฟุ้งไปแสดงว่าสุกแล้ว ก็จะนำไปกินกับข้าวเหนียว และที่ขาดไม่ได้ก็คือต้อง<br />
ตำน้ำพริกสำหรับจิ้มข้าวเหนียวด้วย และก็หาเก็บผัก หรือพืชน้ำที่มีขึ้นทั่วไป<br />
สำหรับจิ้มน้ำพริกด้วย มีผักบุ้ง ผักแผงพวย แหน ก้านบัว เป็นต้น ..เรียกว่า<br />
มองไปทางไหนก็เป็นอาหารไปหมด<br />
การหาอาหารบางวันก็จะหาปลา มีการทอดแห และใช้ยกยอได้ทั้ง<br />
ปลาตัวเล็กและตัวใหญ่ เมื่อได้มาแล้วก็จะปรุงอาหารแบบง่าย ๆ มีทั้งต้ม แกง<br />
และปิ้ง..ถ้าได้ปลาช่อนตัวใหญ่ ๆ ก็จะเผาใส่กองฟาง โดยใช้เกลือทาตัวแล้ว<br />
ใช้ดินเหนียวพอกทั้งตัวแล้วเผากับกองฟาง เวลาสุกแล้วก็ลอกดินเหนียวออก<br />
หนังปลาจะติดกับดินเหนียว จะได้แต่เนื้อปลาขาวๆ หอมกรุ่นอร่อยมาก.. ถ้า<br />
วันไหนทอดแหได้ปลาตัวใหญ่ ๆ จะดีใจมาก ชีวิตในวัยเด็กยังไม่รู้จักบาปบุญ<br />
คุณโทษอะไร รู้แต่ว่าเช้าขึ้นก็ต้องหากิน ได้อะไรก็กินไปตามประสาเด็กบ้าน<br />
นอก การยิงนกตกปลา หากบหาเขียดถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา<br />
การทำมาหากินสมัยนั้นไม่ต้องใช้เงิน..ส่วนมากจะใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น<br />
แต่การหากินนั้นหาเอาเองตามธรรมชาติ ชีวิตก็มีความสุข ตกตอนบ่ายก็ไถนา<br />
แล้วก็จะเก็บหอย เก็บปูไปด้วยเผื่อเป็นอาหารเย็น เวลาไถนาไปก็จะมีสัตว์เล็ก<br />
สัตว์น้อยวิ่งตามรอยไถ หรือผุดขึ้นมาจากพื้นดิน บางทีก็เก็บหอยได้เยอะ ๆ<br />
แม่ก็จะให้เอาไปแบ่งเพื่อนบ้านด้วย ก็มีการพึ่งพาอาศัยกัน บ้านนั้นได้หอย<br />
บ้านนี่ได้ปูก็แลกกันกิน เป็นระบบพึ่งพา ไม่ต้องใช้เงิน<br />
98
ข้าพเจ้ากับพี่ชายส่วนใหญ่ก็จะทำหน้าที่เลี้ยงควาย และดูแลควาย<br />
ทั้งหมด ๘-๙ ตัว เมื่อพี่ชายนำควายตัวไหนไปไถนา ส่วนที่เหลือข้าพเจ้าก็จะ<br />
นำไปเลี้ยงโดยให้และเล็มหญ้าตามขอบคันนา และระวังควายน้อย (ลูกควาย)<br />
อย่าให้ไปขโมยกินต้นกล้าอ่อน ซึ่งกำลังขึ้นใหม่<br />
เวลาไถดะไปแล้วถ้าปีไหนฝนดีก็จะได้ตกกล้าเร็ว คือหว่านกล้าเมล็ด<br />
ข้าวไว้ดำนาทั้งแปลง เวลานำควายไปเลี้ยงต้องระวังเป็นพิเศษเพราะเป็น<br />
ทุ่งกว้างโล่ง ๆ ไม่มีรัวรอบขอบชิต ต้องระวังควายตัวเล็กแอบลงไปกินข้าวกล้า<br />
ถ้าควายลงกินกล้าอ่อน หรือลงย่ำเสียหาย พี่ชายจะมาลงโทษเราอาจจะดุหรือ<br />
ตีแล้วแต่กรณี เราก็จะไปลงโทษกับควายอีกทีหนึ่ง จริงแล้วมันเป็นวิธีที่ไม่<br />
ถูกต้องซึ่งเรามารู้ทีหลังควายมันก็ไม่รู้เรื่องควรจะมาลงโทษคนมากกว่าควาย<br />
นิสัยอย่างหนึ่งที่ติดตัวข้าพเจ้าก็คือความรับผิดชอบสมัยเด็ก ๆ มีอายุ<br />
แค่ ๑๐-๑๓ ขวบ ต้องรับผิดชอบควายตั้ง ๗-๙ ตัวนี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราก็<br />
ทำได้เพราะธรรมชาติมันสอน และเมื่อคลุกคลีกับสัตว์ทำให้เข้าใจธรรมชาติ<br />
ของสัตว์ มีความรักความผูกพัน ความเห็นอกเห็นใจ เหมือนเป็นพี่น้องกันใน<br />
ครอบครัวเดียวกัน<br />
มีอยู่ครั้งหนึ่งคุณแม่ตัดสินใจขายควายชื่อเลา (ตัวผู้) ซึ่งข้าพเจ้ารักและ<br />
ผูกพันมันมากเพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ๆ ในวันที่พ่อค้าควายมารับมันไปต้อง<br />
จูงข้ามทุ่งนาไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง ข้าพเจ้าร้องให้วิ่งตามไปส่งตั้งไกลจนสุด<br />
สายตา แล้วเดินกลับบ้านเองกว่าจะถึงบ้านจนมืดค่ำ แล้วกลับมานอนซึมไป<br />
หลายวัน<br />
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพอจะขายควายทีต้องไม่ให้ข้าพเจ้ารู้ ถึงเวลาขาย<br />
จะนัดแนะให้พวกพ่อค้าควายไปดูตัวที่ท้องนา และวันนั้นจะหาเรื่องไม่ให้<br />
ข้าพเจ้าไปเลี้ยงควาย แต่จะพาไปซื้อของในตลาดในเมือง พอกลับมาบ้านไม่<br />
เห็นควาย แม่ก็จะบอกว่าญาติยืมไปทำนา เดี๋ยวเขาจะเอามาคืน แต่พอรู้ภาย<br />
หลังก็เศร้าใจเหมือนกัน<br />
99
นอกจากเลี้ยงควายแล้วงานหลักอีกอย่างหนึ่งก็คือต้องทำกับข้าวหุง<br />
(นึ่ง) หาอาหารไว้คอยพี่ ๆ ที่ไปทำงานในท้องนา กลับบ้านมาก็ได้ทานอาหาร<br />
ร่วมกัน สังคมบ้านนอกไม่มีการซื้อขายกัน สมัยข้าพเจ้าเป็นเด็กยังมีการแลก<br />
เปลี่ยนกันได้ เช่นบ้านนั้นได้ปลา ก็นำมาแลกไก่ หรือนก บ้านนี้มีแกงหน่อไม้<br />
ก็นำมาแลกแกงเห็ดหรือจะถามกันก่อนว่าวันนี้กินข้าวกับอะไร ถ้าอาหารไม่<br />
ซ้ำกันกับของตัวเอง จะตักแบ่งไปให้ และเป็นธรรมเนียมเวลาเขานำถ้วยมา<br />
ส่งคืน จะมีอาหารของบ้านนั้นติดมาด้วย นี่เป็นวัฒนธรรมพื้นฐานการช่วย<br />
เหลือเจือจุนกันของชาวชนบท<br />
ฉะนั้นนอกจากจะหุง (นึ่ง) ข้าวเป็นแล้วยังต้องทำอาหารเป็นด้วย และ<br />
ที่สำคัญก็ต้องรู้จักหาอาหารเองตามธรรมชาติด้วย เช่นเวลาฝนตกชุกแล้ว ๑<br />
อาทิตย์ แล้วอาทิตย์ต่อมาแดดออกจ้า ก็จะเข้าป่าหาเก็บเห็ดตามพื้นดิน และ<br />
ตามขอนไม้ผุ ๆ เห็ดจะขึ้นเต็มไปหมด และธรรมชาติก็จะสอนว่าเห็ดชนิดไหน<br />
กินได้ คือไม่เบื่อเมา แม่จะสอนว่าให้สังเกตสัตว์ เช่นเต่า หรือแมลงกัดกินเห็ด<br />
ชนิดนั้น ก็แสดงว่าคนก็ต้องกินได้ ก็เก็บมาปรุงอาหารได้<br />
นอกจากนั้นก็หาเก็บหน่อไม้ในหน้าฝน และเก็บผักชนิด<br />
ต่าง ๆ ฝนตกหนักในตอนกลางวัน พอกลางคืน<br />
ก็ไปจับกบ จับอึ่งอ่าง วิธีจับอึ่งอ่างที่นาโคก<br />
(ภูเขา) จะมีแอ่งหินเป็นบ่อคล้ายบ่อธรรมชาติ<br />
พอฝนตกหนักอึ่งอ่างจะออกมาผสมพันธุ์<br />
กันแล้วตกลงไปในบ่อหรือแอ่งหินนั้น ก็ไป<br />
จับเอาได้สบายเลยและได้ทีละเยอะ ๆ พอ<br />
ได้มาแล้วก็ต้องรู้จักถนอมอาหารไว้กินนาน ๆ หลังจาก<br />
ต้ม แกงกินประจำวันแล้วก็ในเมื่อมีเยอะก็จะย่าง ๆ ตากแดดให้แห้งแล้วเก็บ<br />
เอาไว้ทำอาหารกินตอนลงทำนา เพราะบางครั้งงานดำนามันเร่งก็ไม่มีเวลา<br />
ออกหาอาหาร ก็ใช้อาหารแห้งที่เก็บไว้นั่นแหละปรุงอาหารแบ่งกันกิน ดังที่<br />
ทราบแล้วว่าคนอีสาน อยู่ง่าย กินง่าย กินข้าวเหนียวไม่เปลืองกับข้าวด้วย<br />
100
ในหน้าฝนตามห้วยหนองคลองบึงจะมีสัตว์น้ำให้เราจับเยอะแยะ<br />
เช่นไปทอดแห หาปลา พี่ชายจะสานแห (ทอ) เล็ก ๆ ให้ไปทอดแหหาปลา<br />
ในตอนกลางวัน และตอนเย็น ๆ ถ้าน้ำขึ้นฝนตกใหม่ก็จะไปใส่เบ็ดปลา และ<br />
เบ็ดกบด้วย แต่ก่อนอื่นก็ต้องหาเหยื่อส ำหรับใส่เบ็ด คือต้องไปขุดไส้เดือน และ<br />
เก็บตัวหนอนตามลอมฟาง(เน่า ๆ) สำหรับเสียบเบ็ด ตอนเย็น ๆ ก็ไปเสียบ<br />
เบ็ดไว้ตามคันนา และตามหนองน้ำต่าง ๆ เช้าขึ้นก็ไปเก็บเบ็ดมา ถ้าวันไหน<br />
โชคดีก็จะได้ปลาติดเบ็ดทุกคัน และได้กบตัวใหญ่ ๆที่มากินเบ็ดตอนกลางคืน<br />
ถ้าตัวไหนไม่ตาย ก็จะขังใส่โอ่งไว้ทำอาหารนานเป็นอาทิตย์ ๆ<br />
นอกจากใส่เบ็ด ทอดแหแล้ว ก็บางครั้งก็ไปดักจับปลาไหล ภาษา<br />
อีสานเรียก “ลัน” คือ เอาไม้ไผ่ลำใหญ่ ๆ ตัดประมาณ ๓ ปล้องแล้วทะลุ<br />
ปล้องถึงกัน เหลือไว้ข้อสุดท้าย อีกด้านหนึ่งก็ใช้ฝาปิดไม้ไผ่สานเข้าได้แต่<br />
ออกไม่ได้ ข้างในก็จะสับใส้เดือนผสมดินโคลนใส่ไว้แล้วก็วางไว้ใกล้ ๆ คันนา<br />
ที่มีน้ำขังใน เช้าขึ้นก็ไปเก็บลัน บางทีปลาไหลก็เข้าไปกินใส้เดือนแล้วติดใน<br />
บั้งไม้ไผ่นั้น ๒-๓ ตัว ข้าพเข้ามีความชำนาญพิเศษที่ได้รับถ่ายทอดมาเรื่อง<br />
การจับปลาไหลให้อยู่มือ เพราะตัวมันเลื่อน บางทีจับในโคลนตมยิ่งยาก<br />
ใหญ่ถ้าไม่ชำนาญ เทคนิคก็คือใช้แค่ ๓ นิ้วในการจับ โดยใช้นิ ้วชี้ นิ้วกลาง<br />
และนิ้วนาง เท่านั้น โดยใช้นิ้วกลางรัดกับหลังของนิ้วชี้และนิ้วนาง ปลา<br />
ไหลก็จะดิ้นกระแด่ว ๆ ไม่หลุดไปได้เพราะใช้นิ้วรัดกระดูกสันหลังของมัน<br />
การหาปลาไหล ถ้ามีลันสัก ๑๐ กระบอกก็ได้ปลาไหล ๒๐ -๓๐ ตัวต่อวัน ก็<br />
เรียกว่าสบายไปหลายอาทิตย์ แต่ก็ต้องหากินทุกวัน<br />
พอถึงหน้าแล้ง การหากินก็ฝืดเคืองหน่อย แต่ไม่ถึงกับอดยาก<br />
อาหารการกินก็อย่างว่าไม่เคยซื้อขาย แต่ก็ต้องออกหากันตามธรรมชาติ<br />
คือพอฝนหยุดตกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – เดือนเมษายน แต่ส่วนใหญ่ก็พอมี<br />
น้ำขังในห้วย หนอง คลอง บึง สระน้ำเล็ก ๆ น้อย ๆ บ่อดินต่าง ๆ ก็พอที่จะจับหอย<br />
ปู ปลาได้บ้าง และแมลงต่าง ๆ เช่นแมงจินูน (ปีกแข็งกินใบมะขามอ่อน)<br />
แมงกุดจี่ (กินขี ้ควาย) แมงกิซอน (กระชอน) แมงดานา, ตัวบึ้ง (เหมือน<br />
101
แมลงมุมยักษ์) ตัวเบ้า (ขุดรูอยู่ในดิน) ตัวด้วง (หนอนเจาะต้นไม้) ไข่มดแดง<br />
แมลงทับ แมลงแคง จั๊กจั่น เป็นต้น<br />
นอกจากนั้นก็มีหาขับกิ้งก่า โดยใช้เชือกทำเป็นบ่วงผูกติดปลายไม้ไผ่<br />
เวลาจะจับกิ้งก่าต้องผิวปากด้วย แล้วก็ใช้บ่วงคล้องคอดึงกระชาก ก็จะติดมา<br />
กับปลายไม้ไผ่..และก็หาขุดหนูนา และงูบางชนิดที่ไม่มีพิษก็กินเป็นอาหารได้..<br />
แต่งูพิษ เช่น งูเห่า หรือจงอางก็กินได้ ต้องตัดหัวแล้วก็เอาเชือกผูกหางแขวน<br />
ไว้ให้เลือดและพิษไหลออกหมดค่อยนำมาปรุงอาหารได้<br />
ทุกอย่างที่เป็นพืช สัตว์ และแมลง คนอีสานสามารถนำมาปรุงเป็น<br />
อาหารได้หมด ชีวิตของข้าพเจ้าเมื่อตอนเป็นเด็กก็ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือ<br />
ครอบครัวเท่าที่จะทำได้ และมีความสุขกับชีวิตที่อยู่โดยธรรมชาติ จนกระทั่ง<br />
ข้าพเจ้าได้เข้ามาบวชเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ ๑๔ ปี กิจกรรมเหล่านี้ก็ได้หยุดไป<br />
โดยปริยาย..แล้วได้ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัย อยู่ในร่มผ้ากาสาวพัตร์จนถึงปัจจุบัน<br />
เข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัตร์<br />
ข้าพเจ้าได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุ ๑๔ ปี<br />
วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๐ ณ พัทธสีมา<br />
วัดศรีสุมังคล์ อ.เมือง จ. สกลนคร โดยมี<br />
พระสรญาณมุนี อดีตรองเจ้าคณะจังหวัด<br />
เป็นพระอุปัชฌาย์ เนื่องจากตอนอายุได้<br />
๑๐ ขวบ ป่วยด้วยโรคใส้ติ่งเป็นฝีอาการ<br />
สาหัสมาก แม่นำส่งโรงพยาบาลที่สกลนคร<br />
หมอลงความเห็นว่าต้องผ่าตัด แต่เนื่องจาก<br />
คุณแม่หาเงินไม่ทันในขณะนั้น จึงขอผลัดไปก่อนเพื่อจะไปหายืมเงิน<br />
เป็นค่าใช้จ่าย ในขณะที่เดินออกมาจากโรงพยาบาลนั้น มีต้นโพธิ์ใหญ่<br />
ที่หน้าโรงพยาบาลมีพระพุทธรูปประดิษฐานให้ผู้คนที่เดินทางมาเยี่ยม<br />
102
ญาติได้สักการะกราบไหว้ คุณแม่ก็เห็นว่าเป็นที่พึ่งสิ่งสุดท้ายจึงได้เดินเข้าไป<br />
กราบพระขอพร ขอให้ลูกชายรอดพ้นจากอันตราย ถึงกับออกปากขอว่า “ถ้า<br />
ลูกชายของข้าพเจ้ารอดชีวิตในครั้งนี้ เมื่อเรียนจบชั้นประถม ๔ แล้วจะให้<br />
บวชเป็นสามเณร”<br />
วันรุ่งขึ้น เมื่อหมอมาตรวจอาการของข้าพเจ้าอีกครั้งปรากฎว่าอาการ<br />
บวมของใส้ติ่ง (เป็นฝี) ได้ยุบไปโดยไม่ต้องท ำการผ่าตัด คุณแม่ดีใจมากที่ลูกชาย<br />
รอดชีวิตมาได้ และตั้งใจว่าจะต้องทำตามที่ได้อธิษฐานไว้กับพระพุทธรูป<br />
องค์นั้น<br />
ข้าพเจ้าหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว<br />
ได้กลับไปเรียนต่อจนจบชั้นประถมปีที่ ๔ ภาค<br />
บังคับสมัยนั้น โดยไม่มีโอกาสได้เรียนต่อในชั้นสูง ๆ<br />
ขึ้นไปเพราะฐานะของครอบครัวไม่เอื้ออำนวย จึง<br />
ได้ออกจากโรงเรียนมาช่วยคุณแม่และพี่ ๆ ทำนา<br />
อยู่ ๒ ปีโดยทำหน้าที่เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย ท ำกับข้าว<br />
(นึ่งข้าวเหนียว) และทำงานอื่น ๆ เท่าที่วัยของ<br />
เด็กจะช่วยได้ พออายุครบ ๑๔ ปี คุณแม่ได้นำไปบรรพชาที่วัดศรีสุมังคล์ ใน<br />
เมืองสกลนคร แล้วกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด ท่องบทสวดมนต์ต่าง ๆ จนขึ้นใจ<br />
สามารถไปสวดร่วมกับพระภิกษุได้เวลามีกิจนิมนต์ไปสวดมนต์ในหมู่บ้าน และ<br />
ได้มีโอกาสเรียนพระปริยัติธรรมจนสอบนักธรรมชั้นตรีได้ในปีนั้น ความตั้งใจ<br />
ครั้งแรกว่าจะบวชให้แม่แค่ ๗ วันเพราะคุณแม่บนบานไว้อย่างนั้น แต่พอเข้า<br />
สู่ร่มผ้ากาสาวพัตร์ ได้มีชีวิตที่แปลกใหม่ และมีเพื่อนใหม่ ทำให้ชีวิตมีความ<br />
หมายและชอบที่จะดำเนินต่อไป ซึ่งคุณแม่ก็อนุโมทนาด้วย ก็เลยตัดสินใจไป<br />
เรียนต่อที่โรงเรียนการศึกษาผู้ใหญ่ วัดศรีธรรมราช บ้านพอกใหญ่ ต.พอกน้อย<br />
อ.พรรณานิคม ซึ่งมีการศึกษาทั้งปริยัติธรรม และเรียนแผนกสามัญศึกษา จน<br />
จบชั้นเทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่ ๓ และจบนักธรรมชั้นเอก ซึ่งเป็นชั้นสูงสุด<br />
ของการศึกษาคณะสงฆ์ไทยตั้งแต่เป็นสามเณร<br />
103
แนวทางฝึกกรรมฐาน<br />
ในช่วงนี้ได้มีโอกาสรู้จักกับหลวงพ่อสาย พระวัดป่าสายกรรมฐาน<br />
ท่านเดินทางมาจาก อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ได้มาเยี่ยมหลวงพ่ออรุณ<br />
หิตกฺกโร เจ้าอาวาสที่วัดบ้านเกิด ทำให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสได้อุปัฎฐาก<br />
รับใช้ท่าน ต้มน้ำร้อนถวาย และทำกิจอื่น ๆ ที่ท่านใช้ให้ทำ ท่านจึงชวนให้<br />
ไปเยี่ยมวัดป่าของท่านด้วย จึงทำให้ข้าพเจ้าได้ศึกษาเรียนรู้ชีวิตพระป่า และ<br />
ได้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานกับท่าน โดยท่านพาไปฝึกสมาธิที่ป่าช้าประจำ<br />
หมู่บ้านซึ่งมีลักษะป่าช้าแบ่งเป็นสองส่วน คือ ป่าช้าผีดิบ เมื่อมีคนตายด้วย<br />
อุบัติเหตุ หรือ ผู้หญิงตายทั้งกลม จะนำศพไปฝังที่ป่าช้าผีดิบ ส่วนป่าช้าผีสุก<br />
คือ จะนำศพคนตายทั่ว ๆ ไป ตั้งเชิงตะกอนเผากันสด ๆ ให้เห็นเป็นการปลง<br />
กรรมฐาน ทำให้ข้าพเจ้าได้ศึกษาธรรมะจากท่านโดยวิธีธรรมชาติ และในหน้า<br />
แล้งจะพาออกเดินธุดงค์ไปตามป่าเขา และจะพาพักปักกลดที่ป่าช้าเสมอ ๆ<br />
หลังจากนั้นยังมีความใฝ่ฝันที่จะศึกษาต่อให้สูงขึ้น จึงได้ย้ายวัดไป<br />
ศึกษาต่อจังหวัดหนองคาย โดยได้สังกัดวัดชัยพร อ.เมือง จ.หนองคาย แล้วไป<br />
เรียนที่โรงเรียนบาลีสาธิตศึกษา ที่วัดศรีษะเกษ เป็นวิทยาลัยสงฆ์ภาคตะวัน<br />
ออกเฉียงเหนือ สาขาของมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จนจบ<br />
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ (ม.ศ. ๕) ในช่วงที่ศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ<br />
ศึกษาอยู่นี้ได้แบ่งเวลาไปเรียนพิมพ์ดีดภาษาไทย-อังกฤษ และเรียนภาษา<br />
บาลี ด้วยในช่วงเช้า และตอนบ่าย<br />
ก็ไปเรียนชั้นมัธยม และมีโอกาสได้<br />
พบกับครูบาอาจารย์ที่เป็นนักเทศน์<br />
นักสอน ได้เรียนรู้โดยการเข้าชมรม<br />
วาทศิลป์ ฝึกฝนการเทศนาสั่งสอน<br />
มาตั้งแต่เป็นสามเณร เวลาว่างก็<br />
ออกไปเทศน์อบรมประชาชน และ<br />
104
ไปอบรมผู้ต้องขัง (นักโทษ)โดยเฉพาะที่เรือนจำจังหวัดหนองคาย จึงทำให้<br />
กล้าในการพูดอย่างมีหลักการในการฝึกฝนในสถานที่จริง ออกไปสนามจริง<br />
เป็นวิทยากร(สามเณรพี่เลี้ยง)โครงการฝึกอบรมสามเณรภาคฤดูร้อนทุก ๆ<br />
ปีในต่างจังหวัด<br />
เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ ๕ ที่ วิทยาเขตหนองคายแล้ว ได้ติดตาม<br />
พระอาจารย์มาช่วยงานสอนนักธรรม-บาลีที่ส ำนักเรียนวัดการเวก บ้านรังกาใหญ่<br />
อ.พิมาย จ.นครราชสีมา<br />
ในปีนั้นมีอายุครบบวชพระพอดี จึงได้จัดพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๗<br />
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ ณ พัทธสีมา วัดการเวก บ้านรังกาใหญ่ ต.รังกา<br />
อ.พิมาย จ.นครราชสีมา โดยมี พระครูวิสุทธพรตธำรง(ปัจจุบันคือ พระโพธิ<br />
วรญาณ) เจ้าคณะอำเภอพิมาย เป็นพระอุปัชฌาย์ ในช่วงที่อยู่ที่สำนักเรียนนี้<br />
ได้ออกทำงานเผยแผ่กับคณะสงฆ์อำเภอพิมาย ในกองงานพระธรรมทูต และ<br />
พระสังฆพัฒนา, อบรมเยาวชน กลุ่มหนุ่มสาว และเป็นครูสอนนักธรรม-บาลี<br />
ไวยากรณ์ประจำสำนักเรียนวัดการเวก ด้วย นอกจากนี้ยังเป็นครูสอนโรงเรียน<br />
พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ และโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญฯ ของ<br />
สำนักเรียนวัดเดิม อ.พิมาย อีกด้วย<br />
105
ยกระดับชีวิตด้วยการศึกษา<br />
ส่วนในการศึกษาต่อเนื่องก็ไม่หยุดยั้งได้สมัครสอบเทียบความรู้<br />
วิชาชุดครู พ.กศ. (ประโยคครูพิเศษวิชาการศึกษา) และสอบวิชาชุดครู<br />
พ.ม. (ประครูพิเศษมัธยม) และได้ศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีอย่าง<br />
เอาจริงเอาจัง จนสอบได้เปรียญธรรม ๕ ประโยค (ป.ธ.๕) ที่สำนักเรียน<br />
วัดใหม่บ้านดอน อ.เมือง จ.นครราชสีมา<br />
ด้วยแนวทางในการศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระภิกษุสามเณรยัง<br />
มีชั้นสูงขึ้นไปที่จะต้องศึกษาเรียนรู้ จึงได้ตัดสินใจย้ายจากนครโคราช เข้า<br />
สู่กรุงเทพมหานคร ได้สังกัดที่วัดอัมพวัน เขตดุสิต เพื่อศึกษาต่อในระดับ<br />
ปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุฯ ท่าพระ<br />
จันทร์ กรุงเทพฯ ได้ศึษาต่อในคณะครุศาสตร์ วิชาเอกหลักสูตรและวิธีการ<br />
สอนสังคมศึกษา ใช้เวลาเรียนแค่ ๒ ปี เพราะใช้วุฒิ ป.ธ. ๕ และวิชาชีพครู<br />
พ.ม. ในการเข้าศึกษาต่อ ในช่วงที่เป็นพระนักศึกษาได้ร่วมจัดกิจกรรมต่าง ๆ<br />
ทั้งที่วัดอัมพวัน และที ่มหาวิทยาลัย ได้รับหน้าที่เป็นเลขานุการโรงเรียน<br />
พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์นำเด็กนักเรียนเข้าร่วมตอบปัญหาชิงรางวัล<br />
ต่าง ๆ ได้ชนะเลิศมากมาย เป็นกรรมการของศูนย์รวมสงฆ์ชาวอีสาน (๑๙<br />
จังหวัด) ช่วยเหลือพี่น้องชาวอีสานที่ประสบภัยแล้ง และมอบทุนการศึกษา<br />
ให้แก่พระภิกษุสามเณรที่เล่าเรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นกรรมการ<br />
สหภูมิสงฆ์สกลนครเพื่อสงเคราะห์ อนุเคราะห์แก่<br />
พระภิกษุสงฆ์ชาวสกลนครที่มาศึกษาต่อใน<br />
กรุงเทพฯ เป็นพระวินยาธิการ ของคณะสงฆ์<br />
กรุงเทพมหานคร เพื่อสอดส่องดูแลพระ<br />
ภิกษุสามเณรที่ประพฤติผิดพระธรรมวินัย<br />
ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล<br />
106
ในช่วงที่เป็นพระนักศึกษาชั้นปีที่<br />
๓ ได้ไปศึกษาวิชาธรรมภาคปฏิบัติที่<br />
สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี<br />
โดยมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พุทธทาส<br />
ภิกขุ ให้การอบรมสั่งสอนทั้งภาคปริยัติ<br />
(ถาม-ตอบปัญหา) และภาคปฏิบัติ (นั่งสมาธิ-<br />
เดินจงกรม-สอบอารมณ์) เป็นเวลา ๑๕ วัน จน<br />
ได้แนวทางแห่งการศึกษาและปฏิบัติธรรมตามแนวของท่านมาใช้จนทุกวันนี้<br />
ที่มีโอกาสได้สอนการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน และได้ศึกษาเพิ่มเติมจาก<br />
ครูบาอาจารย์หลายท่าน ทั้งตามแนวของหลวงปู่ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่า<br />
พง จ.อุบลราชธานี หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี และท่าน S.N.Goenka<br />
แห่งสำนักปฏิบัติ ธรรมคีรี เมืองอีกัสบุรี รัฐมหารัชตะ ประเทศอินเดีย<br />
เมื่อเรียนจบชั้นปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยสงฆ์ แห่งคณะสงฆ์ไทย<br />
แล้วตั้งใจว่าจะไปศึกษาต่อที่ประเทศอินเดีย แต่เนื่องจากพระธรรมทูต<br />
วัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ได้ว่างตำแหน่งลงจึงได้รับนิมนต์จากพุทธสมาคม<br />
แห่งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ให้มาเป็นพระธรรมทูตปฏิบัติศาสนกิจประจำ ตั้งแต่<br />
ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ จนถึงปัจจุบัน<br />
ตำแหน่งหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมายจากคณะสงฆ์ และ<br />
เพื่อนสหธรรมิก<br />
ได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการอำนวยการสมัชชาสงฆ์ไทยใน<br />
สหรัฐอเมริกา ตำแหน่งเลขาธิการ (๒๕๕๑-ปัจจุบัน) ได้เข้าเป็นกรรมการ<br />
ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๖ เป็นต้นมา รับหน้าที่สำคัญ ๆ เช่นตำแหน่งสาราณียกร<br />
จัดทำหนังสือในการประชุมประจำปีสมัยสามัญของสมัชชาสงฆ์ไทย ออก<br />
วารสาร “สงฆ์ไทย” เพื่อเป็นสื่อกลางในการเผยแผ่งานของสมัชชาฯ<br />
107
รายสามเดือน และตำแหน่ง ศาสนิกสัมพันธ์ ติดต่อกัน ๒ สมัย ๔ ปี ทำหน้าที่<br />
เกี่ยวกับงานประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ของสมัชชาฯ ทั้งในกลุ่มของงาน<br />
พระธรรมทูตเอง และติดต่อกับต่างชาติ ต่างศาสนา และเลือกตั้งเป็น<br />
กรรมการอำนวยการ (กรรมการบริหารปี ๒๕๔๙-๒๕๕๑) เป็นกรรมการและ<br />
เลขานุกการ จัดทำหนังสือ “สวดมนต์ภาษาอังกฤษ” หนังสือ “คู่มือชาวพุทธ<br />
และประเพณีไทย” สมัชชาสงฆ์ไทยฯ ๒๕๔๙<br />
รับหน้าที่เป็นหัวหน้าศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ (Internet) เพื่อ<br />
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จัดอบรมถวายความรู้<br />
ด้านการทำโฮมเพจของวัดต่าง ๆ แก่พระธรรมทูต จำนวน ๓ รุ่นที่วัดไทย<br />
กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และอีกหนึ่งรุ่นที่ วัดพรหมคุณาราม อริโซน่า<br />
ทำหน้าที่เป็นพระวิปัสสนาจารย์ สอนโยคะ-สมาธิ (Mental<br />
Detoxification & Relaxation) รายการเสริมสุขภาพกาย คลายสุขภาพจิต<br />
ทุกวันพุธ และวันเสาร์ เวลาทุ่มหนึ่ง ถึงสามทุ่ม ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ,<br />
วัดป่าสันติธรรม รัฐเวอร์จีเนีย , Buddhist Meditation Center of<br />
Philadelphia., และ Vipassana meditation group of Pittsburg ,<br />
Pennsylvania.<br />
ผู้จัดรายการวิทยุ ว.พ.ช. “เสียงธรรมจากพระธรรมทูตไทยในต่างแดน”<br />
ทางสถานีวิทยุสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทุกวันอาทิตย์ (พ.ศ.๒๕๔๘)<br />
งานคณะสงฆ์ในประเทศไทยโดยเฉพาะเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยสงฆ์ ได้<br />
รับแต่งตั้งเป็นกรรมการสอบคัดเลือก และเป็นพระวิทยากรบรรยายพิเศษ<br />
108
โครงการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ<br />
ราชวิทยาลัย<br />
ประธานกรรมการกองทุนธรรมรัตน์ เพื่อสร้างศาสนทายาทสืบอายุ<br />
พระพุทธศาสนา มอบทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณรที่เล่าเรียนดี มีความ<br />
ประพฤติดี มีศีลาจารวัตรงดงาม แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เริ่มก่อตั้ง พ.ศ.<br />
๒๕๔๓ ได้มอบทุกการศึกษาทั้งต่อเนื่อง และเฉพาะราย จบถึงชั้นสูงสุด คือ<br />
ปริญญาเอกแล้วหลายรูป มีสำนักงานตั้งอยู่ที่โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนก<br />
สามัญ วัดโสมมนัสสันตยาราม อ.เมือง จ.อุดรธานี<br />
ประธานกองทุนส่งเสริมพระวิปัสสนาจารย์ “คุณแม่สมจิตต์ วสุรัตน์”<br />
ตั้งเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๔๙ เพื่อส่งพระภิกษุสามเณรศึกษาด้านวิปัสสนา<br />
กรรมฐานโดยเฉพาะรุ่นแรกได้ส่งไปศึกษาต่อที่ประเทศพม่า<br />
ประสบการณ์งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในระดับโลกที่สำคัญ<br />
ในชีวิตพระธรรมทูต<br />
ร่วมประชุมสภาศาสนาโลก (Parliament of the World’s Religions<br />
1999) ที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ (Cape Town, South<br />
Africa) เป็นการประชุมระดับผู้นำศาสนาทั่วโลก มีทั้งศาสนาพุทธ คริสต์<br />
อิสลาม พราหมณ์ ฮินดู บาไฮ สิกข์ และลัทธินิกายใหม่ ทั่วโลก มาประชุม<br />
แลกเปลี่ยนทัศนคติ ในการประชุมครั้งนี้ได้ผล และข้อสรุปหลายประการ<br />
กล่าวคือ ผู้นำทุกศาสนามีความเห็นไปในทางเดียวกัน คือทำอย่างไรที่จะ<br />
ทำให้โลกนี้ประสบความสุข ความ<br />
สงบ ปราศจากสงคราม การล้าง<br />
ผลาญชีวิตซึ่งกันและกัน การเอา<br />
รัดเอาเปรียบกันในสังคมซึ่งก่อให้<br />
เกิดปัญหา ด้านเศรษฐกิจ, ด้านการ<br />
109
ทหาร, ด้านการเมือง, และความขัดแย้งในเรื่องของศาสนาเอง ทำให้ผู้นำทาง<br />
ศาสนาและผู้รับผิดชอบต่อสังคม ได้ทบทวนบทบาทของแต่ละศาสนา และ<br />
จริยธรรมสากลที่จะนำมาช่วยแก้ปัญหาของโลก ว่าจะนำเอาความดีของแต่ละ<br />
ศาสนาออกมาช่วยชาวโลกได้อย่างไร<br />
ร่วมประชุมสภาศาสนาโลก (Parliament of the World’s Religions<br />
2004) ที่เมืองบาร์เซโลน่า, ประเทศสเปน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๒ ที่ข้าพเจ้าได้เข้า<br />
ร่วมการประชุมใหญ่ ซึ่งต้องรอถึง ๔ ปีจึงมีการประชุมครั้งหนึ่ง การประชุมก็<br />
ใช้รูปแบบเหมือน ๆ กัน และขยายวงกว้างยิ่งขึ้น มีผู้เข้าร่วมประชุม มากกว่า<br />
๘,๐๐๐ คน หน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดประชุมนี้มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า<br />
The Council for a Parliament of World’s Religions ซึ่งพอจะถอด<br />
ความเป็นภาษาไทยได้ว่า องค์กรสมัชชาศาสนาโลก แต่เวลาจัดประชุม ครั้งนี้<br />
ผู้เข้าประชุมส่วนใหญ่จะเรียกสั้นๆว่า การประชุม Parliament หรือ การ<br />
ประชุม World’s Religions ซึ่งน่าจะถือว่าเป็นการประชุมสมัชชาศาสนาโลก<br />
การประชุมครั้งนี้ ถือว่าเป็นการประชุมสภาศาสนาโลกครั้งที่ 4 ซึ่ง<br />
ตามมติที่ประชุมเมื่อปี 1999 ณ เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ ได้มีมติ<br />
เลือกเอาเมืองบาร์เซโลนา (Barcelona) ประเทศสเปน เป็นเจ้าภาพในการจัด<br />
ประชุม ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 7-13 กรกฎาคม 2547 โดยมีค ำขวัญแห่งการ<br />
ประชุมคราวนี้ ว่า “Pathway to Peace: The listening of Wisdom,<br />
The Power of Commitment” ได้เขียนหนังสือหนึ่งเล่มชื่อ “เปิดประตูสู่<br />
110
ยุโรป” จาริกธรรมร่วมประชุมสภาศาสนาโลก (Barcelona2004)การประชุม<br />
ผู้นำศาสนาภายใต้ชื่อองค์กรว่า “Worlds Religions after September 11”<br />
จัดประชุมที่ Civic Center, Montreal Canada ระหว่างวันที่ ๑๑ – ๑๕<br />
กันยายน ๒๕๔๙<br />
ทำวิจัยเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ของนิกายสุขวดี<br />
(Pure Land) สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ วิทยาลัย หยวนกวง เมืองจงลี่ ไทเป<br />
ประเทศไต้หวัน (Buddhist Research Institute, Yuan Kuang Buddhist<br />
College, Taiwan) ได้ศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตของพระสงฆ์ และภิกษุณีสงฆ์ของ<br />
ฝ่ายมหายาน เป็นเวลา ๓ เดือน ได้เขียนงานวิจัยชื่อ “ท่องเพียวแลนด์แดน<br />
พุทธมหายาน”<br />
ทำวิจัยเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาฝ่ายวัชรยาน (ทิเบต) นิกายกักยิวปะ<br />
(นิกายหมวกดำ) ที่ Tri-Ratana Buddhist Monastery, Salbari, District<br />
of Darjeeling, West Bengal, India โดยมีท่านริมโปเช Ven.Nawang<br />
Tilley Gyatso ได้ศึกษารายละเอียดของนิกายลามะทั้ง ๔ นิกาย คือ นิกาย<br />
ญิงมาปะ, เกลุกปะ, กักยิวปะ(กัมมปะ) และสากยปะ และปฏิบัติในสำนักนี้<br />
เป็นเวลา ๓ เดือน ร่วมพิธีกรรมสำคัญๆ นำโดยท่านทะไล ลามะ ที่เมืองดาร์<br />
จีลิ่ง, สิกขิม และเมืองพุลชิลิง ประเทศภูฎาน ได้เขียนบันทึกการเดินทาง<br />
เล่มหนึ่ง ชื่อ “ดาร์จีลิ่ง แดนประทับใจ – สิกขิม แดนมหัศจรรย์”<br />
หลังจากเขียนงานวิจัยจากสำนักทั้งสองนิกาย(นิกายมหายานแบบจีน<br />
ด้านการศึกษา และนิกายวัชรยานแบบทิเบต) เสร็จภายในระยะเวลา ๒ ปีครึ่ง<br />
แล้ว ได้เสนองานวิจัย (วิทยานิพนธ์)ปริญญาเอกคณะพุทธศาสตร์ (Buddhist<br />
Studies) Magadh University ในหัวข้อเรื่อง “The Problem of Self<br />
in Buddhism” ได้สอบผ่าน Viva (สอบสัมภาษณ์) โดยคณาจารย์จาก ๕<br />
มหาวิทยาลัย คือ มหาวิทยาลัยมคธ มหาวิทยาลัยพาราณสี มหาวิทยาลัย<br />
ปัตนะ มหาวิทยาลัยรานจิ และอาจารย์ที่ปรึกษาอีก ๒ ท่าน ในวันที่ ๒๔<br />
กุมภาพันธ์ ๒๐๐๓ (จบปริญญาเอกทางด้านพระพุทธศาสนา)<br />
111
นอกจากนี้ได้ออกเผยแผ่ดูงานพระธรรมทูตในการเผยแผ่พระพุทธ<br />
ศาสนาในทวีปยุโรป มีประเทศต่างๆ เช่น อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน,<br />
สวิสเซอร์แลนด์, สเปน, โปรตุเกส แคนาดา, รัสเซีย, อัฟริกาใต้, อินเดีย, เนปาล,<br />
ศรีลังกา, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ไต้หวัน, เวียตนาม, ลาว, เขมร และพม่า<br />
ร่วมจัดประชุมสัมมนาทางพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย เรื่อง<br />
การฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในอินเดีย (The Revival of Buddhism in India)<br />
นำโดยคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ร่วมกับ<br />
คณาจารย์จากคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมคธ เมืองพุทธคยา รัฐพิหาร<br />
มหาวิทยาลัยพาราณสี (Banares Hindu University), รัฐอุตรประเทศ<br />
มหาวิทยาลัยโครักขปูร์ เมืองโครักขปูร์ (กุสินารา) รัฐอุตรประเทศ<br />
มีความชำนาญพิเศษในด้านการจัดทำหนังสือเป็นบรรณาธิการ และ<br />
ผู้จัดทำหนังสือต่าง ๆ ของวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และสมัชชาสงฆ์ไทยใน<br />
สหรัฐอเมริกา หลายเล่มทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ<br />
ผลงานด้านการประพันธ์ และรวบรวม<br />
มีทั้งหนังสือวิชาการ, สารคดี, รายงานการประชุม, บทความต่าง ๆ<br />
พ.ศ. ๒๕๔๒ รายงาน “การประชุมสภาศาสนาโลก เคปทาวน์ ๑๙๙๙”<br />
พ.ศ. ๒๕๔๓ หนังสือ “พระธรรมทูตในต่างประเทศ”<br />
พ.ศ. ๒๕๔๔ หนังสือ “ท่องแดนพุทธภูมิ”<br />
พ.ศ. ๒๕๔๕ หนังสือ “สิกขิม แดนมหัศจรรย์ - ดาร์จีลิ่ง แดนประทับใจ”<br />
พ.ศ. ๒๕๔๖ หนังสือ “ท่องเพียวแลนด์แดนพุทธมหายาน”<br />
พ.ศ. ๒๕๔๖ หนังสือ “Buddhist Handbook (Chanting Guide)”<br />
(สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา)<br />
พ.ศ. ๒๕๔๗ หนังสือ “เปิดประตูสู่ยุโรป- จาริกธรรมร่วมประชุม<br />
สภาศาสนาโลก”<br />
112
พ.ศ.๒๕๔๙ หนังสือ “ท่องศิลานคร แดนปราสาทขอม นครวัด-นครธม”<br />
พ.ศ. ๒๕๕๐ หนังสือ “จาริกบุญ แสวงธรรม สู่แดนพุทธภูมิ”<br />
พ.ศ. ๒๕๕๐ หนังสือ “Walking on the Path of the Buddha”<br />
พ.ศ. ๒๕๕๐ หนังสือ “Buddhist Culture and Thai Tradition”<br />
(สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา)<br />
พ.ศ. ๒๕๕๑ หนังสือ “ท่องแดนพุทธศาสนา ๒,๓๐๐ ปี ศรีลังกา”<br />
พ.ศ. ๒๕๕๑ หนังสือ “Basic Buddhist Practices” (สมัชชาสงฆ์ไทย<br />
ในสหรัฐอเมริกา)<br />
เขียนบทความต่าง ๆ “พระธรรมทูตในต่างแดน” นิตยสารพุทธจักร<br />
(มจร.), “ไปอินเดียทำไม ทำไมต้องไปอินเดีย” หนังสือพิมพ์ไทยแอล.เอ,<br />
“สิกขิม-ดาร์จีลิ ่ง แดนประทับใจ” “ท่องศิลานคร แดนปราสาทขอม นคร<br />
วัด-นครธม”วารสาร แสงธรรม เป็นต้น<br />
ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นพระธรรมทูตประกาศ เผยแผ่พระพุทธศาสนา<br />
ฝ่ายเถรวาท ในดินแดนอเมริกาเหนือด้วยความวิริยะอุตสาหะ มุ่งมั่นที่จะ<br />
ประดิษฐานพระพุทธศาสนาให้มีความปึกแผ่นมั่นคงในดินแดนส่วนนี้เพื่อเป็น<br />
สมบัติของพุทธศาสนิกชนของโลกสืบต่อไป<br />
งานพระธรรมทูตในสหรัฐอเมริกา<br />
เหลียวหน้า แลหลัง ที่มาของพระพุทธศาสนาในอเมริกา<br />
การดำเนินชีวิตของคนอเมริกันนั้นได้ให้โอกาสแก่คนทุกคน จนกล่าว<br />
ได้ว่าเป็นดินแดนที่ทุกคนจะประสบความสำเร็จได้ คนอเมริกันจะยกย่องคน<br />
เก่ง คนมีความรู้ ความสามารถ และให้เกียรติแก่ผู้ชนะ ในสายเลือดของคน<br />
อเมริกันนั้นนอกจากจะมีแนวคิดในความเท่าเทียมกัน การให้โอกาส การมี<br />
เสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยแล้ว เราไม่อาจจะมองข้ามปัญหาเรื่องการ<br />
113
เหยียดผิดไปได้ เรายังมีความรู้สึกลึก ๆ เกี่ยวกับการมีชาติพันธุ์ เหมือนชาติ<br />
อื่น ๆ<br />
ประเทศอเมริกา ได้ชื่อว่าเป็น “เบ้าหลอม” ขนาดใหญ่มาเป็นเวลา<br />
ช้านานแล้วเนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ สืบเชื้อสายมาจากชนชาติต่าง ๆ<br />
ทั่วโลกที่อพยพเข้าไปตั้งรกรากอยู่ในผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้<br />
ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๗–๒๕๒๕ ได้มีการอพยพโยกย้ายของประชากร<br />
เป็นจำนวนมากจากประเทศแถบอินโดจีน อันเนื่องมาจากภัยสงคราม ของ<br />
ลัทธิคอมมิวนิสต์ เช่นจากประเทศลาว เขมร และเวียตนาม เป็นต้น ประเทศ<br />
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศโลกที่สาม ที่รับผู้อพยพจากประเทศเหล่านั้น เข้ามา<br />
อาศัยอยู่และทำมาหากินตั้งหลักปักฐานในดินแดนแห่งเสรีภาพนี้ ซึ่งรัฐบาล<br />
สหรัฐฯ ก็ได้ให้สิทธิและเสรีภาพในการดำรงชีวิต และนับถือศาสนา<br />
ด้วยเหตุนี้ พระพุทธศาสนา จึงมีการตื่นตัวขึ้นในกลุ่มผู้นับถือ<br />
โดยเฉพาะชาวเอเชียกลุ่มใหญ่ที่เข้ามาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ เมื่อมีงานทำ มีที่อยู่<br />
อาศัยที่มั่นคงแล้ว ก็หันมาให้ความสนใจกับการสร้างศูนย์รวมจิตใจ นั่นคือ<br />
การสร้างวัดในทางพระพุทธศาสนา เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของชุมชน อย่าง<br />
เช่นวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นวัดแรกในเขตนครหลวงวอชิงตัน และ<br />
ปริมณฑล นอกจากวัดศรีลังกา แล้วก็มีวัดลาว วัดเขมร ตามมา และสร้าง<br />
วัดไทยตามมาอีกหลายวัด<br />
114
ความจริงชาวอเมริกันรู้จักพระพุทธศาสนาอย่างเป็นทางการมาเป็น<br />
ร้อย ๆ ปีแล้ว ตั้งแต่มีการประชุมสภาศาสนาโลกครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. ๑๘๙๓<br />
ที่นครชิคาโก มลรัฐอิลลินอยส์ ประกาศคำสอนในทางพระพุทธศาสนา เป็น<br />
ครั้งแรก โดยท่านอนาคาริก ธรรมปาละ ชาวพุทธศรีลังกา ในท่ามกลางผู้นำ<br />
ศาสนาทั่วโลก ทำให้ชาวอเมริกัน และชาวโลกรู้จักพระพุทธศาสนาอย่างเป็น<br />
ทางการ ผลจากการประชุมในครั้งนั้นทำให้ชาวอเมริกันหันมาให้ความสนใจ<br />
กับพระพุทธศาสนามากขึ้น โดยเฉพาะชาวอเมริกันจะรู้จักพุทธศาสนาแบบ<br />
เซน ในยุคแรกได้ศึกษาจากอาจารย์เซนชาวญี่ปุ่นที่เกาะฮาวาย และเมือง<br />
ซานฟรานซิสโก ต่อมาเมื่อมีการอพยพของชาวพุทธทิเบต นำโดยท่านองค์<br />
ทะไล ลามะ ได้หลบหนีภัยสงครามจากการที่ประเทศทิเบตถูกประเทศจีนเข้า<br />
ยึดครอง ทำให้พระพุทธศาสนามหายาน แบบ “วัชรยาน” กลับได้รับความ<br />
สนใจจากชาวอเมริกันเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากความเห็นอกเห็นใจชาวอพยพ<br />
และพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งเสรีภาพทางความคิด จึงค่อนข้างจะถูก<br />
จริตของชาวอเมริกันที่รักสันติภาพ และ สิทธิเสรีภาพอย่างมากทีเดียว<br />
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของชาวทิเบตที่เป็นรูปธรรมที่สุดใน<br />
สหรัฐอเมริกา ด้วยการตั้งสถาบันการศึกษาที่ชื่อ “นโรปะ” โดยท่าน เชอเกียม<br />
ทรุงปา ริมโปเช นำลูกศิษย์ชาวอเมริกันตั้งขึ้นที่เมืองบอร์ดเดอร์ รัฐโคโลราโด<br />
เป็นสถาบันที่ไม่จำกัดลัทธิความเชื่อ หรือศาสนาที่ตนนับถือมาก่อน ใครจะ<br />
เข้ามาศึกษาก็ได้ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและทัศนคติ เรื่องจิตวิญญาณ<br />
ของชาวตะวันตก และความเชื่อแบบพุทธปรัชญาตะวันออก นับเป็นสถาบัน<br />
ที่สำคัญที่สุดในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๗๐ เป็นต้นมา<br />
ปัจจุบันนี้ได้ยกฐานะเป็น มหาวิทยาลัยนโรปะ มีนักศึกษา เป็นหมื่น และมี<br />
สอนพระพุทธศาสนาถึงระดับปริญญาเอก<br />
ในยุคเดียวกันนี้ศาสนาพุทธแบบเถรวาท(หีนยาน) ก็ได้รับความ<br />
สนใจจากชาวอเมริกันมากขึ้นเช่นเดียวกัน โดยมีผู้นำหลักปฏิบัติวิปัสสนา<br />
115
กรรมฐานแบบอานาปานสติภาวนาที่มีมาในมหาสติปัฎฐานสูตร เข้าไปสอน<br />
เป็นหลักสูตรในคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยแมสซาชูเซท (Program<br />
of the stress reduction) By Dr. Jon Kabat Zinn โครงการนี้ได้นำไปใช้<br />
ในการบำบัดรักษาโรคทางกายและทางจิตใจ<br />
ส่วนในการเผยแผ่ธรรมะนั้น มีการสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม โดย แจ๊ค<br />
คอนฟิลด์ และ โจเซฟ โกลด์สตีน ทั้งสองคนเคยเป็นอาสาสมัคร Peace<br />
corps ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะ แจ๊ค คอนฟิลด์<br />
ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในสำนักวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ภายใต้การ<br />
อบรมสั่งสอนของหลวงปู่ชา สุภทฺโท พระนักปฏิบัติที่มีชื่อเสียงจนชาวต่างชาติ<br />
หลั่งไหลมาปฏิบัติกับท่าน ได้ลูกศิษย์ไปสร้างวัดในต่างประเทศมากมาย จนถึง<br />
ทุกวันนี้ ส่วน โจเซฟ โกลด์สตีน นั้นไปอุปสมบทเป็นพระปฏิบัติกับอาจารย์<br />
สายวิปัสสนากรรมฐานที่ประเทศพม่า แล้วกลับมาสร้างสำนักปฏิบัติร่วมกับ<br />
แจ๊ค คอนฟิลด์ ชื่อสถาบัน แบร์ ในรัฐแมสซาชูเซทส์ สอนการปฏิบัติวิปัสสนา<br />
กรรมฐานแบบเถรวาท มีผู้สนใจเข้าไปศึษาเป็นจำนวนมาก และนับวันก็จะได้<br />
116
รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนต้องขยายสาขาไปที่เมืองซาน ฟรานซิสโก<br />
ชื่อ Spirit Rocks<br />
ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า ในยุคนี้พระพุทธศาสนาได้ประดิษฐานลงในดิน<br />
แดนอเมิรกานี้แล้วครบทั้ง ๓ ยาน คือ มหายาน(แบบจีน-ญี่ปุ่น) วัชรยาน (แบบ<br />
ทิเบต) และ หีนยาน (เถรวาท) ทำให้ชาวอเมริกันเลือกปฏิบัติได้ตามความ<br />
ต้องการ และพื้นฐานของความเชื่อศรัทธาในแต่ละบุคคล พระพุทธศาสนา<br />
เหมือนกับสินค้าตัวเลือกในสังคมอเมริกัน ที่จะสรรหามาบริโภค ให้ถูกกับ<br />
จริตและความต้องการของตนเอง..และมีชาวพุทธ(เดิม) หลายท่านเป็น<br />
ห่วงว่า พระพุทธศาสนาจะกลายพันธ์ุหรือเปล่า ?<br />
พระพุทธศาสนาพันธุ์ใหม่ในอเมริกา (มุมมองของผู้เขียน)<br />
เมื่อพูดถึงความเจริญเติบโตของพระพุทธศาสนาในอเมริกา เราผู้ที่<br />
เป็นเจ้าของต้นตำหรับก็อดดีใจไม่ได้ เหมือนกับพ่อค้าแม่ขายที่นำเสนอสินค้า<br />
ไปแล้วเป็นที่ถูกอกถูกใจของลูกค้า ติดตามซื้อกันอย่างโกลาหล โดยเฉพาะ<br />
ผู้ที่เป็นพระธรรมทูต ผู้ที่ทำหน้าที่ประกาศและเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอน<br />
ของพระพุทธเจ้าให้เข้าสู่จิตใจของประชาชน ก็ยิ่งภูมิใจใหญ่เลยที่มีผู้นับถือ<br />
พระพุทธศาสนามากขึ้น มีวัดและศูนย์ปฏิบัติธรรมทางพระพุทธศาสนาเกิด<br />
ขึ้นเป็นดอกเห็ดทั่วสหรัฐอเมริกา<br />
การที่พระพุทธศาสนาเข้ามาอยู่ในสังคมอเมริกันได้อย่างรวดเร็ว ก็อาจ<br />
จะมีเหตุผลหลายประการที่เป็นสิ่งเอื้ออำนวยให้การแพร่ขยายของคำสั่งสอน<br />
ไปถึงผู้นับถือได้อย่างรวดเร็ว เช่นการเดินทางด้วยรถยนต์ รถไฟ และเครื่องบิน<br />
ซึ่งรวดเร็วกว่าการเดินเท้า และการใช้ล้อใช้เกวียนแบบสมัยโบราณอยู่แล้ว<br />
ยิ่งตอนนี้มีเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัยและรวดเร็วยิ่งกว่ากระพริบตาเสียอีก<br />
เช่น การส่งคลื่นวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร และอินเตอร์เน็ต เวบไซต์<br />
ไปรษณีย์อีเล็คทรอนิค (อีเมล์) ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องมือในการ<br />
เผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนได้ทั้งสิ้น<br />
117
นอกจากนั้นกระแสความนิยมพระพุทธศาสนาในอเมริกาก็มาจาก<br />
ตัวอย่างผู้คนในสังคมหลักที่ทำหน้าที่สื่อสารกับมวลชน เช่นพวกดาราภาพ<br />
ยนตร์ฮอลลีวูด ที่หันมานับถือพระพุทธศาสนา นักกีฬา นักดนตรี ที่มีชื่อเสียง<br />
และผู้คนอื่น ๆ ที่มีหน้ามีตาในสังคมอเมริกันประกาศตัวเป็นชาวพุทธ ล้วน<br />
แต่เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ให้พุทธศาสนาโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว การ<br />
นับถือพระพุทธศาสนาไม่ใช่เป็นแฟชั่นเท่านั้น แต่เป็นการแทรกซึมเข้าไปอยู่<br />
ในกระแสหลักของสังคมและวัฒนธรรมอเมริกันเสียแล้ว<br />
ความภาคภูมิใจของชาวพุทธเอเซีย กับการขยายตัวของผู้นับถือ<br />
พระพุทธศาสนาอย่างรวดเร็ว และการที่เราจะฝากความหวังไว้กับสังคม<br />
อเมริกันให้ดูแลพระพุทธศาสนานั้น เป็นสิ่งที่เราควรจะนำมาวิเคราะห์ ตาม<br />
หลักจิตวิทยา และในแง่สังคมแบบบริโภคนิยม และวัตถุนิยมสูงแบบคน<br />
อเมริกันคิด ชาวพุทธเอเชียอาจจะนึกไม่ถึงว่า มีจำนวนชาวอเมริกันไม่น้อย<br />
ที่คิดว่า ตนเองเป็นชาวพุทธที่ดีกว่า จริงใจกว่า รู้เรื่องมากกว่าชาวเอเชีย<br />
ด้วยซ้ำไป เหตุผลที่เขากล่าวเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะมาจากวัฒนธรรมพื้นฐาน<br />
ของคนอเมริกันที่มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากอ ำนาจ<br />
ทางเศรษฐกิจ การทหาร และการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก บวกกับนิสัยลึก ๆ<br />
ที่ติดตัวมาก่อนแล้วเรื่องการ เหยียดผิว และทนงตนว่าเป็นชาติอารยธรรม<br />
กว่าชาติอื่น ๆ ในโลก<br />
พระพุทธศาสนาแบบอเมริกันสไตล์จึงเกิดขึ้น ถึงแม้จะยังไม่ประกาศ<br />
เป็น ลัทธิ หรือ เป็นนิกายที่ชัดเจนก็ตาม แต่แนวคิด และแนวทางปฎิบัตินั้น<br />
บ่งบอกออกมาในลักษณะเฉพาะตัว เช่น การไม่เน้นเรื่องการทำบุญให้ทาน<br />
เผื่อแผ่เจือจานแบบสังคมพุทธในทวีปเอเชีย สังคมอเมริกันมีอุดมคติว่า ทุก<br />
คนต้องช่วยตัวเอง ไม่ควรจะพึ่งรัฐ หรือผู้อื่นมากจนเกินไป และความคิดที่ว่า<br />
ไม่มีคำว่าฟรีในสังคมวัตถุนิยม ทำให้มีกลไกทางการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องใน<br />
สังคมพุทธของชาวอเมริกันมากขึ้น เช่นเมื่อมีการตั้งสำนักปฏิบัติธรรมขึ้นมา<br />
118
แล้วก็จะมีการโฆษณาตัวเอง เหมือนสินค้า หรือ การขายบริการ ซึ่งถ้าคิดดู<br />
ให้ดี ๆ แล้วก็ไม่ต่างไปจากโรงแรม หรือสถานเริงรมย์ทั้งหลาย ถึงแม้จะไม่ทำ<br />
ในลักษณะที่น่าเกลียดเกินไปก็ตาม<br />
สังคมอเมริกัน เป็นสังคมปัจเจกชนมากเกินไป ซึ่งทำให้พระพุทธ<br />
ศาสนาแบบอเมริกันเน้นหนักที่ตัวบุคคลอย่างแรงกล้า อาจจะทำให้ขาด<br />
มิติแห่งชุมชนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ หรือ ที่เรียกว่า “สังฆะ” และอีกอย่างหนึ่ง<br />
ชาวพุทธอเมริกันบางกลุ่มยังปฏิเสธเรื่องการบวชอาจจะเป็นเพราะกลุ่ม<br />
แรกที่เข้าไปศึกษาพระพุทธศาสนาสนใจแต่ในเรื่องปรัชญา และการปฏิบัติ<br />
วิปัสสนากรรมฐาน จึงไม่ค่อยสนใจในเรื่องของนักบวชและพิธีกรรม เขามี<br />
ความเห็นว่าการศึกษาพระพุทธศาสนา และการปฏิบัติทางจิต ไม่จำเป็น<br />
ต้องถือเพศบรรพชิต บางครั้งถ้าเรามองไปเฉพาะที่เป็นแก่นของพระพุทธ<br />
ศาสนาก็ลงมือปฏิบัติได้เลย ไม่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมมากนัก แต่ว่าต้นไม้<br />
ใหญ่นั้นก็ต้องมีทั้งเปลือกและแก่น ถ้าไม่มีเปลือกห่อหุ้มแก่นก็อยู่ไม่ได้ จะ<br />
เห็นว่าในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา การบวชเป็นสถาบันหนึ่ง หรือ เป็น<br />
พุทธบริษัทหนึ่งที่พระพุทธองค์ฝากพระพุทธศาสนาไว้ให้ช่วยกันจรรโลงและ<br />
เผยแผ่ เพราะว่ามีนักบวชนี่แหละ จึงทำให้สามารถรักษาคำสั่งสอนและวิถี<br />
ชีวิตแบบพุทธเอาไว้ได้จนตราบเท่าทุกวันนี้<br />
119
หันมามองพุทธศาสนาแบบไทยในอเมริกา<br />
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งธรรมทูตศาสนาแรกของโลก แต่พระ<br />
ธรรมทูตในพระพุทธศาสนาไม่ต้องการที่จะไปเปลี่ยนศาสนา หรือ ความเชื่อ<br />
ของใคร หากแต่ประสงค์เพื่อที่จะแบ่งปันความสุขสงบร่มเย็นภายในให้แก่<br />
เพื่อนร่วมโลก คือ เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทุกคน<br />
งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาแบบไทย ได้เริ่มขึ้นไม่นานคือประมาณ ๔๐<br />
กว่าปีมานี้เองที่ได้มีการสร้างวัด และศาสนสถานขึ้นมาในชุมชนคนไทยตาม<br />
รัฐต่าง ๆ ทั่วอเมริกา และงานเผยแผ่ หรือ วัตถุประสงค์ในการสร้างวัดใน<br />
ยุคแรกก็เพื่อสนองความต้องการของชุมชนเท่านั้น เรียกว่าพระสงฆ์มาทำ<br />
หน้าที่รักษา “ศรัทธา” ของชาวพุทธที่ต้องการที่จะมีวัด หรือ มีพระสงฆ์<br />
ที่ทำหน้าที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาให้แก่ชุมชนนั้น ๆ และก็เป็นไปใน<br />
ลักษณะต่างคนต่างทำ ยังไม่เป็นระบบ แม้แต่การคัดเลือกพระธรรมทูตที่<br />
จะให้มาปฏิบัติศาสนกิจก็เดินทางมาตามครูบาอาจารย์ที่เคยมาอยู่ก่อนแล้ว<br />
เท่านั้น ไม่ได้คัดสรรคุณภาพ หรือ ความต้องการของชุมชน<br />
งานอบรมพระธรรมทูตอย่างเป็นระบบได้เริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๘<br />
โดยสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ร่วมกับ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ<br />
120
ราชวิทยาลัย และกรมการศาสนา จัดเป็นหลักสูตร อบรมพระสงฆ์ที่ต้องการ<br />
จะไปปฏิบัติศาสนกิจในต่างประเทศ และต่อมาได้พัฒนาหลักสูตรและวิธีการ<br />
สอบคัดเลือก เพิ่มกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มากมายจนได้พระธรรมทูตในอุดมคติ<br />
ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้อบรมผ่านไปแล้ว ๑๒ รุ่น<br />
พระธรรมทูตแบบกระทิงแดง<br />
งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยพระธรรมทูตรุ่นใหม่ก็ยังคงเป็นไปอย่าง<br />
เชื่องช้า และผลที่ได้รับยังไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าที่ควร เพราะเกิดจากปัญหา<br />
และอุปสรรคหลาย ๆ อย่าง และประเด็นหลักก็เพื่อรักษาศรัทธาของคนชาติ<br />
เดียวกันมากกว่าที่จะมุ่งเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่ชาวต่างชาติ และส่วนใหญ่<br />
ในการสร้างวัด เพื่อประะกอบพิธีกรรมให้กับคนไทย หรือ ชาวพุทธที่นับถือ<br />
พระพุทธศาสนาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ลาว เขมร เวียตนาม จีน และวัดไทย<br />
ในชุมชนคนไทยในต่างแดนกลับทำหน้าที่เพื่อเป็นตัวแทนแห่งวัฒนธรรมไทย<br />
แทนที่จะนำหลักธรรมเข้าสู่จิตใจอย่างลึกซื้ง<br />
อยากจะขอนำคำพูดของครูบาอาจารย์หัวหน้าโครงการพระธรรมทูต<br />
มจร.ของเราที่เคยให้ฉายาพระธรรมทูตไทยในสหรัฐอเมริกาว่า “พระธรรม<br />
121
ทูตแบบกระทิงแดง” หมายความว่า พระธรรมทูตที่มาทำหน้าที่ส่วนใหญ่<br />
จะสนองความต้องการของคนไทย และคนเอเชียเท่านั้น เหมือนเครื่องดื่ม<br />
ชูกำลังชนิดหนึ่งยี่ห้อ กระทิงแดง มีการโฆษณาว่า เดี๋ยวนี้มีการส่งขายทั่ว<br />
โลก แต่ปรากฏว่าผู้ที่ซื้อดื่ม ก็คือคนไทย และคนที่อพยพไปจากเอเชียด้วย<br />
กัน ประชาชนเจ้าของถิ่น เจ้าของประเทศเขาไม่ซื้อดื่มกันเท่าไร<br />
ส่วนพระธรรมทูตในอุดมคติ และเป็นที่หวัง ที่พึงปรารถนา คือ พระ<br />
ธรรมทูตแบบ “ต้มยำกุ้ง” คือสามารถทำงานเผยแผ่กับชาวบ้านท้องถิ่นได้<br />
คือมุ่งที่เจ้าของประเทศไม่ว่าจะเป็นอเมริกัน หรือ ยุโรป ก็ตามได้เห็นคุณค่า<br />
และนำหลักธรรมของพระพุทธศาสนาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ นั่นแหละจึง<br />
จะเป็นเหมือนคนไทยที่มาตั้งร้านอาหารไทยในต่างแดน แล้วโฆษณาอาหาร<br />
ไทย โดยเฉพาะต้มยำกุ้งให้ฝรั่งได้รู้จัก และซื้ออาหารไทย(แพง ๆ) กินกัน<br />
อย่างติดอกติดใจ อยากจะเห็นพระธรรมทูตไทยทำงานในเชิงรุก (ไม่ใช่ไป<br />
เปลี่ยนศาสนาเขา) แต่นำความสุขไปให้เขาได้ ความจริงสังคมอเมริกันก็มี<br />
ปัญหาทางด้านจิตใจมาก ถ้าเขาได้ลิ้มรสพระธรรม จนสามารถแก้ทุกข์ได้ ก็<br />
นั่นแหละพระพุทธศาสนาจึงจะแทรกเข้าไปสู่จิตใจ และเข้าสู่สังคมอเมริกัน<br />
ได้อย่างผสมกลมกลืน<br />
นี่เป็นมุมมองหนึ่ง เป็นทัศนะส่วนตัวในฐานะที่เป็นพระธรรมทูตอยู่<br />
สหรัฐอเมริกามา ๒๔ ปีได้ทำงานตามหน้าที่สนองงานคณะสงฆ์ไทย โดยเฉพาะ<br />
เป็นกรรมการและเลขาธิการขององค์กรสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา เป็น<br />
เวลายาวนานพอสมควร และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ตาม<br />
ความสามารถอันน้อยนิด แต่ก็ภูมิใจในตัวเองอย่างน้อยก็ได้นำธรรมะมาสู่ดิน<br />
แดนส่วนนี้มาจุดประกายไว้ เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้สานต่อ ได้สร้างชุมชนไทย<br />
ให้มั่นคงโดยมีวัดไทยเป็นศูนย์กลางสืบไป<br />
122
A Monk’s Tale<br />
The Autobiography of Phra Videsratanapron<br />
(Phramaha Thanat Inthisan Ph.D.)<br />
His life and Practice as “Tudong” Novice in the Deep<br />
Forests throughout Northeastern Thailand<br />
Childhood<br />
I was born in a small village named Baan Pangkhwangtai<br />
in Sakon Nakorn Province in the region of Northeastern Thailand<br />
known as Isan in the year 1963. I was raised in a typical farming<br />
family of that region. My family was very poor, with four brothers<br />
and five sisters and my mother. Unfortunately, my father had<br />
passed away when I was five years old. When I was older, I<br />
helped my family with the farm work by taking care of the cows<br />
and water buffaloes. I also learned to cook. While the rest of the<br />
family members worked in the rice fields, I stayed indoors and<br />
cooked for them. I cooked so often and gained so much experience<br />
that now I know how to prepare every Thai dish.<br />
Turning Point<br />
My life would have continued this way except for a<br />
significant event. When I was eight years old, I became seriously<br />
ill, and my mother placed me in the local hospital for care. I had<br />
a disease of the stomach, although I do not know the name in<br />
English. The doctor felt the best option was surgery, but my mother<br />
was very worried and frightened. I was young and very frail, and<br />
she was not sure I would survive an operation. She pleaded with<br />
the doctor to find another method to cure me.<br />
123
My mother was distressed and fearful<br />
of leaving me in the hospital. On the way<br />
home, she went before a Buddha statue that had<br />
been set up under the Bodhi tree in front of<br />
the hospital building and prayed for the<br />
Blessed One’s help. She promised the<br />
Buddha that if I survived she would place<br />
me in a temple and have me ordained<br />
a novice when I finished elementary school. She lit a candle<br />
and incense sticks before the statue, all the while truly believing<br />
that if she asked sincerely, the Buddha would really help her.<br />
Recovery<br />
Soon after the night my mother prayed to the Buddha,<br />
I recovered from my disease. I returned to school to finish the<br />
elementary level and graduated when I was eleven years old.<br />
The educational system in Thailand is different from that in<br />
the United States. In Thailand, when students finish elementary<br />
school, they have the choice of continuing their education or<br />
going on to something else. In my case my mother wanted to<br />
fulfill her promise and have me ordained a novice and stay at<br />
the village temple. However, since I was only eleven I was<br />
still too young to take care of myself, and was not able to be<br />
away from my home and family. My mother thought I should<br />
wait until I turned fourteen to be ordained a novice, so I<br />
continued to work and help my family on the farm as much as<br />
I could.<br />
124
Ordination<br />
When I turned fourteen my mother and my relatives took<br />
me to Wat Srilumongala, the main temple in Sakon Nakorn<br />
Province, about nine kilometers from my village. The ordination<br />
ceremony was quite simple, and we did not spend much money.<br />
Ordination for monks and novices differs in Buddhism. The<br />
ceremony for novices simply requires acceptance of the Ten<br />
Precepts. A monk, on the other hand must accept two hundred<br />
twenty-seven rules in a ceremony that involves a lot of chanting.<br />
During my time at the temple in preparation for my ordination,<br />
I practiced meditation, chanted, and repeated what the preceptor<br />
taught me. At the time of my ordination, I requested the Ten<br />
Precepts, and the preceptor gave them to me. That was the entire<br />
ceremony, not too long or complicated, and I was accepted as<br />
a novice.<br />
My Life as a Novice<br />
In Thailand there are at least one to three temples in every<br />
village. My family took me to the monastery in my home town.<br />
There were about five other novices living there as well as two<br />
or three monks and the abbot, the chief monk of the temple. The<br />
abbot was a very kind, calm man. He taught me how to bow down<br />
three times and to chant in the morning and evening. I also learned<br />
how to perform Buddhist<br />
ceremonies.<br />
At about 5:30 every<br />
morning, we hit the gong<br />
and rose. In Thailand<br />
monks receive food from<br />
villagers on their alms<br />
125
ound. So at 6:00 a.m. we walked<br />
into the village and received<br />
food (rice, fruit, etc.) and then<br />
returned to the temple. From<br />
7:30 to 8:00 a.m., we ate<br />
breakfast. Devoted volunteers<br />
came to serve us. After<br />
breakfast we studied the<br />
Buddha’s teaching and the suttas from 8:30 to 10:30 a.m. We<br />
studied the Dhamma, forms of discipline, rules and regulations<br />
for monks and novices, and the life of the Buddha.<br />
I was truly impressed and inspired when I read about the<br />
life of the Buddha. The Buddha’s life was one of sacrifice and<br />
devotion. He had lived in a palace in a life of luxury but left it<br />
behind to search for truth. For six years he stayed in the forest<br />
and meditated until the moment he reached Enlightenment.<br />
I thought if I had the opportunity I would devote myself to further<br />
study and practice. I wanted to learn more about Buddha’s life.<br />
Back to Lay Life<br />
My days as a novice were coming to an end. When my<br />
mother had asked the Buddha for help, she had promised to have<br />
me ordained for only seven days. Afterwards I would disrobe to<br />
become a lay person again. My ordination also fulfilled the Thai<br />
custom of male members of a family getting ordained as novices<br />
at least once in their lives. My seven days in the monastery were<br />
drawing to a close.<br />
My novice friends at the temple pleaded with me to stay<br />
longer. In those seven days I had learned a lot about meditation<br />
and the life of the Buddha, and I wanted to learn even more. When<br />
I returned home, I asked my mother if I could stay longer, and<br />
126
she said that it was my decision, but that if I did decide to stay<br />
longer, she would be very happy.<br />
From that moment on I studied every sutta and every aspect<br />
of each Buddhist ceremony in the temple. I stayed during the<br />
vassa, or rains retreat, which lasts for three months. Vassa is a<br />
time for serious, intense practice in the monastery, when novices<br />
and monks study together and practice meditation all day. When<br />
I experienced that first Vassa, my mind became very calm, cool,<br />
and clean. I really liked that state of mind.<br />
A New Beginning<br />
I truly enjoyed being a novice in the monastery. When I<br />
had been there a year, we received a visitor who was to have<br />
a profound influence on my life. He was an old monk from a<br />
neighboring province coming to visit my teacher, or ajahn. When<br />
the old monk met me he said, “This novice has a special gift. If<br />
he is well trained, he will be a good monk.” I asked him how I<br />
could be a good monk, as he had said. His answer was to go with<br />
him to the forest, where I could train my mind. The old monk<br />
felt this was a good opportunity for me. He thought it was much<br />
easier to teach those who are young,<br />
because their minds are pure and<br />
uncluttered. When people grow up,<br />
there are many distractions to cloud<br />
their minds. A young boy’s mind is<br />
very clean, very pliable, and easy<br />
to train. After my year’s education<br />
at the village monastery, I agreed to<br />
go with the old monk to the forest.<br />
However, there was one thing that<br />
worried me, that really scared me.<br />
127
I told the old monk that I was afraid of ghosts.<br />
He asked,”Where are the ghosts?”<br />
“I don’t know,” I responded,”but at night I’m very, very<br />
scared.”<br />
“That’s because you’re afraid of the dark, not of ghosts,”<br />
he said.<br />
Stories<br />
When I was a young boy, my mother used to tell me ghost<br />
stories before I went to bed. Every night she would tell me ghost<br />
stories or folk beliefs. I liked to listen to them, but I was afraid<br />
when I was by myself. When my ajahn asked me to stay with<br />
him in the monastery, I was especially afraid because the forest<br />
monastery was close to the cremation area. In Thailand ninety-five<br />
percent of the people are Buddhist, and in the Buddhist tradition,<br />
when someone dies he or she is cremated at the cemetery. My<br />
teacher sent me to spend a night at the cremation spot nearby.<br />
Naturally, I was very frightened. The events of that night were<br />
influential in my life and practice.<br />
128
Someone in the village had died and was to be cremated the<br />
night I was to stay there. Late that afternoon my teacher took me<br />
to the area and set up an umbrella and mosquito net for me to sit<br />
inside. The spot was right next to the burning pile of wood. At<br />
about 4:00 p.m., the villagers put the body on the wood pyre and<br />
lit it. Afterward the remains were to be returned to the family.<br />
Panna and the Dhamma<br />
As the cremation began, my teacher left me, instructing me<br />
to stay there and not leave. I cried and sat with my eyes closed.<br />
My teacher said that scary things only come from your eyes, your<br />
ears, your tongue, your body, and your mind. At the time, I did not<br />
understand what he meant. Then I experienced for myself what<br />
the Buddha said, that panna, or wisdom, will arise when you face<br />
the problem, when you seek a way to solve your problem.<br />
I opened my eyes and saw the corpse in the firewood. It<br />
was burning right in front of me. I closed my eyes and smelled<br />
the burning flesh with my nose. I listened with my ears; to the<br />
dog barking outside and the birds chirping in the forest. Oh my<br />
Buddha, I was very, very scared. Frightening things came towards<br />
me from every direction. My teacher said when you see something,<br />
just see it; hear something, just hear it; smell something, just smell<br />
it; and if you touch something, just touch it. Also, if you think<br />
about something, just allow your mind to contact it and let it go.<br />
Dhamma<br />
I thought, this is the Dhamma, the Buddha’s teaching. This is<br />
the supreme teaching, because the things the Buddha experienced<br />
at the time of his Enlightenment were the very things I was<br />
experiencing. I thought I must have truly learned from the stories<br />
of Buddha and the Buddha’s life and philosophy. I understood what<br />
129
he meant by Mara (Devil), or suffering, as the enemy inside; and<br />
kilesa (defilements), be they greed, hatred, delusion, fear, worry,<br />
attachment, craving, aversion and anger-- everything inside. When<br />
I faced my fear, panna, or wisdom, arose.<br />
As I thought about the dead body in front of me, I realized<br />
it was merely the combination of the four elements—earth, wind,<br />
water and fire. I also realized there was neither soul nor mind<br />
in the dead body. It is just like wood in the forest. As the fire<br />
burned and burned, I saw that nothing is permanent. I thought, if<br />
everything is impermanent, then why am I afraid? I asked myself<br />
that question, and I realized that fear comes from the mind--from<br />
my mind. If I could stop my thinking, stop my mind, then I could<br />
stop the fear.<br />
I simply closed my eyes so that I could not see the dead<br />
form, to stop it from controlling my eyes. When I heard something,<br />
I did cling to the sound. I simply listened and let it go. I did not<br />
create any scary things in my mind. The sounds of birds and dogs<br />
were just sounds.<br />
130
Footsteps<br />
I sat until 11 p.m. with my eyes closed, “watching” my<br />
breathing in and breathing out. My mind was firm and very,<br />
very settled. I was quite calm and cool. Then I heard footsteps.<br />
The sound came towards me. I thought it must be either my<br />
teacher or a ghost. I closed my eyes and listened. While I sat<br />
there, I decided that if someone wanted my life, then my life<br />
would be given to that person. Also, if something, man or<br />
animal, wanted my life, the thing would still be my friend.<br />
I was not afraid at that time. If a tiger or other animal wanted my<br />
life, I was willing to give it away. With that mindset, I defeated<br />
my fear.<br />
When the footsteps stopped in front of me, I opened my<br />
eyes. It was my teacher. He asked, “How’re you doing? Did the<br />
ghosts come and kill you?”<br />
I said, “No Ajahn, not at all.”<br />
“Did you see the ghosts?”<br />
“No.”<br />
“What did you see?”<br />
“Oh, I just saw the fire burning the corpse.”<br />
“Did she walk to you?” he asked.<br />
“No.”<br />
Something happened in the firewood when it burned.<br />
It was a very high pile of wood and the corpse fell from it.<br />
My teacher then said, “Okay, come and let’s take a closer look.”<br />
He took me to where the dead body had fallen and<br />
said, “Help me to pick it up and put it back in the pile.” We<br />
took two long pieces of bamboo and placed them at each<br />
side of the body. We then picked up the body with the sticks and<br />
put it back in the fire. Then he asked, “Do you want to stay here<br />
131
or do you want to go back to the shelter?”<br />
I said,”Whatever you wish Ajahn. If you want me to stay<br />
here then that’s okay.” He let me stay in the cremation area<br />
until morning. That night I sat in meditation and came to some<br />
realizations about life. The insights I gained, my situation, and<br />
the Dhamma of the Buddha appeared in my mind very clearly.<br />
I overcame my fear.<br />
Loving-Kindness<br />
As I accompanied my teacher, sometimes it was necessary<br />
to stay in a cave or in the wild, and often it was frightening. He<br />
told me there was one thing I should know, that my only weapon<br />
to protect myself, my life, would be the Dhamma, the teaching-<br />
-that is, compassion. He said,”Before you go to bed, you must<br />
spread loving- kindness to animals, to human beings, to every<br />
creature in the world. If you practice more, your mind will be clean,<br />
clear, and calm. You will see everything inside you as it really is.<br />
You will spread loving kindness, and your compassionate mind<br />
will even find its way into the mind of animals. Wild animals will<br />
either go away or choose to be your friend.”<br />
I did as he taught, and no harm came to me, nor was I<br />
threatened in any way. When I went into the forest and encountered<br />
an animal, I remained gentle, and it either ran away or became<br />
my friend.<br />
Conclusion<br />
I was a forest novice for six years from the age of fourteen.<br />
I returned to my village temple to continue with my traditional<br />
education. However, I still visited my teacher three months out of<br />
the year, living in the forest, studying, and practicing with him,<br />
until it was time to return to Bangkok to continue my studies at<br />
132
a Buddhist University.<br />
When I was twenty years old, I<br />
was promoted to a higher ordination<br />
to be ordained a monk. Some of my<br />
friends had disrobed for three to seven<br />
days before becoming monks, but I<br />
have never disrobed. After I got higher<br />
ordination as a monk, I spent my life<br />
in different temples to study Dhamma and the Pali language<br />
and did a lot of propagation work. Then, I went directly to the<br />
Mahachulalongkornrajavidhayalaya Buddhist University in<br />
Bangkok and studied for a B.A. in Education and Buddhist Studies.<br />
Walking on the Path of the Buddha as Buddhist<br />
Missionary<br />
In 1977 at fourteen, I began my journey into the monastic<br />
life when I ordained as a novice. In 1983, I received higher<br />
ordination as a monk.<br />
Between 1978 and 1996, I practiced Tudong vipassana<br />
meditation under several “forest tradition” masters; achieved Pali<br />
Languages Study, Class V; earned a B.A. from Mahachulalongkorn<br />
Buddhist University; and my first M.A (Education) from Century<br />
University, New Mexico, USA.<br />
By the year 2000, I had gone to India and earned additional<br />
Master of Arts degree in Ancient Indian and Asian studies in the<br />
Magadh University of Bihar State in India.<br />
I continued my higher education to complete my Ph.D.<br />
in Buddhist Studies at Magadh University in 2003. My Ph.D.<br />
dissertation was The Problem of Self in Buddhism.<br />
My studies and monastic duties took me from Thailand to<br />
over fifteen countries that include such diverse places as Canada,<br />
133
France, Germany, Nepal, Russia, South Africa, Spain, Switzerland<br />
and Taiwan. From 1992 to the present, I served, primarily, as a<br />
missionary monk at the Wat Thai Washington, D.C., that serves<br />
the local Thai and American communities. While in the USA,<br />
I established the Buddhist Meditation Center of Berks (BMCB)<br />
at Reading, Pennsylvania; served as the BMCB’s vipassana<br />
meditation and yoga instructor; was a visiting professor at the<br />
Institute of Philosophy and Human Value Research, Catholic<br />
University of America in Washington, D.C. I was an editor of the<br />
Thai Sangha Magazine of the Council of Thai Bhikkhus in the<br />
USA. In summer year 2003, I went to Russia and taught vipassana<br />
meditation in Moscow and St. Petersburg. And my duties took<br />
me to the World Parliament of World’s Religion in Cape Town,<br />
South Africa, in 1999, and the Parliament of the World’s Religions<br />
in Barcelona, Spain in July, 2004. My studies also took me to<br />
the Rumtek monastery in Gangtok, Sikkim, to research the Karma<br />
Kagyu lineage (Karmapa Lama XVII). I stayed in Tri Ratana<br />
Mahayana Buddhist Monastery in Siliguri, India. Because of<br />
my studies concerning Mahayana Pureland, I then went to the<br />
Yuan Kaung Buddhist College No. 11, in Tao Yuan, Chungli,<br />
Taiwan, to observe the classroom Buddhist studies, Buddhist<br />
ceremonies, chanting and activities of the Pure Land School of the<br />
Mahayana Tradition. I was invited to be a vipassana meditation<br />
master at Chan Taung, the meditation section of Yuan Kaung<br />
Buddhist College, during summer session of August –September,<br />
2002.<br />
In addition, I have visited the following:<br />
• the Buddhist Tzu Chi Foundation, the Hualien Tzu Chi<br />
Hospital, the Tzu Chi College of Medicine, the Still<br />
Thoughts Hall and the Abode of Still Thoughts (the<br />
spiritual home of all Tzu Chi members) in Hualien,<br />
134
Taiwan.<br />
• the Chung Tai Chan Monastery, Chung Tai Road, Puli,<br />
Nantou, Taiwan, the third largest monastic building in<br />
the world.<br />
• The Fo Kuang Shan Buddhist Temple, Sueshan branch,<br />
Keelong branch, in Taiwan<br />
• The Museum of World Religions, established by Master<br />
Hsin Tao in the Yongho district of Taipei.<br />
At the end of the year 2002, I went to visit the Theravada<br />
Buddhist Missionary University in Yangon, Myanmar, and visited<br />
some other interesting places in Pagan and Mandalay.<br />
Also, my Buddhist studies took me to observe monastic<br />
life in India, Nepal, Laos, Cambodia, Vietnam, Singapore and<br />
Malaysia.<br />
Since the year 2000, I have written several Buddhist<br />
books in English and in Thai. My English books include History,<br />
Scripture, and Archeology: A Brief Study Regarding Some Ancient<br />
Buddhist Sites; and The Handbook of Buddhist Ceremonies and<br />
Celebrations. My Thai books include The Buddhist Missionary<br />
in the USA; The Holy Places in India; and The Pure Land on the<br />
Earth, Angkor Wat, Angkor Thom, and Darjeeling-Sikkim, etc.<br />
In 1992, the Buddhist Association of Washington D.C., (Wat<br />
Thai Washington, D.C.) invited me to serve in the United States.<br />
I have stayed at Wat Thai, D.C., since then, returning to Thailand<br />
every two years to “recharge my batteries.” I feel I must return<br />
to the forest to restore my mind. Sometimes a monk is asked to<br />
act as a sort of psychiatrist when visitors to the temple ask for<br />
advice about their problems. When monks are exposed to so many<br />
problems people have, a sort of mental “toxic” residue remains.<br />
I like to return to the forest to refresh my mind. This year<br />
(2007) I have gone to India, Sri Lanka, Sikkim, Darjeeling and the<br />
135
Himalayan Mountains in India. I learned some new things and<br />
returned to teach the people in Wat Thai, D.C., and to practice.<br />
This is my life, which I’ve enjoyed for twenty four years to the<br />
present.<br />
From 2008 to the present time, then, my whole life has been<br />
directed to spreading the Buddhist religion across the Washington,<br />
D.C., metropolitan area, across the United States, and across the<br />
world. I have been tireless in my efforts to live up to my calling<br />
as a Theravada Buddhist missionary monk. I have worked hard<br />
as a teacher to bring the message of the Buddha to believers and<br />
nonbelievers everywhere. I have worked with equal diligence as<br />
an administrator to support the efforts of Thai missionary monks<br />
to spread the Dhamma.<br />
For example, over recent years I attended many seminars<br />
devoted to topics in Buddhism, often to the practice of meditation,<br />
to world peace, or to interfaith dialogue. At many of these<br />
seminars I presented a paper. The purpose of the seminars,<br />
generally speaking, was always to deepen the understanding of the<br />
Buddhist religion and to enable it to penetrate more deeply into<br />
the lives of human beings today. Here are some of the occasions<br />
on which I participated in a seminar:<br />
136
• In 2008 at George Washington University, Washington,<br />
D.C., on the place of women in Buddhism<br />
• In 2010 at Penn State University in Pennsylvania on<br />
the place of women in Buddhism<br />
• In 2013 at the Wat Thai Washington, D.C., on<br />
vipassana meditation<br />
• In 2013 in Kandy, Sri Lanka, at the Sri Lanka<br />
International Buddhist Academy (International<br />
Seminar in English and Pali)<br />
• In 2015 at Vatican City, where I met Pope Francis<br />
• In 2016 in Udon Thani, Thailand, at Wat Santivanaram<br />
(International Seminar on Methodology Development<br />
to Teach Vipassana Meditation for World Peace)<br />
• In 2016 at Wat Nawamintararachutis of Cambridge-<br />
Boston, Massachusetts (Seminar on Buddhist<br />
Education)<br />
Part of my endeavor to bring the message of the Buddha<br />
into the world today has involved my participation in the public<br />
chantings of the Tipitaka that have occurred in various places<br />
every year. I have always thought that these public chantings<br />
of the Buddhist scriptures are so important because it is in the<br />
Tipitaka that the very words of the Buddha are to be found.<br />
Every year in December I take part in the chanting of the<br />
Tipitaka at Bodh Gaya, India. In 2014, too, I was part of the First<br />
Tipitaka Chanting Program at the Mangalam Research Center<br />
for Buddhist Languages at Berkeley, California. It was exciting<br />
to bring the chanting of the Buddhist scriptures to the United<br />
States. I returned to this event in California in subsequent years.<br />
Finally, in June of 2016, I was a part of the First International<br />
Tipitaka Chanting on the East Coast of the United States at my<br />
own temple, Wat Thai Washingon, D.C. This was a very happy<br />
occasion for me.<br />
137
Since 2008, besides participating in seminars and chanting<br />
events, I have been very active in spreading the Buddhist religion<br />
in various other ways. I have devoted a lot of time and effort to<br />
these activities. I will mention just a few. In 2011, at the request<br />
of Luang Ta Chi, the abbot of Wat Thai Washington, D.C., I<br />
headed the project to establish the Buddhist Meditation Center of<br />
Pittsburgh, Pennsylvania. Today, under the direction of its abbot,<br />
Phramaha Piya, this Meditation Center is the gathering place for<br />
a thriving community of Buddhist faithful in Pennsylvania. In<br />
2015 and 2016 I was part of the United Nations Day of Vesak<br />
Celebration at the United Nations Headquarter in New York City,<br />
and in 2015 I participated in the 29 th Annual International Vesak<br />
Celebration at Wat Thai Washington, D.C., an event at which<br />
Bhikkhu Bodhi gave a talk. In 2016 I cofounded and inaugurated<br />
the International Buddhist Association of America (IBAA) at Wat<br />
Thai Washington, D.C. The aim of the Association is to further<br />
the study of Buddhism, to promote toleration between the different<br />
Buddhist sects, and to get the sects together in religious activities.<br />
Over the years, furthermore, I have gone to many schools and<br />
government groups in the Washington, D.C. metropolitan area<br />
to promote the Buddhist religion, have received students and<br />
teachers at the Wat Thai to teach them about Buddhism, and have<br />
conducted many meditation retreats to teach the faithful about<br />
what I call the detoxification that meditation can bring.<br />
In 2016 I took part in the 40 th Anniversary Celebration of The<br />
Council of Thai Bhikkhus in the U.S.A. at Wat Navamintararachutis<br />
of Cambridge-Boston. Year after year I have worked hard as an<br />
administrator in the Council of Thai Bhikkhus to support the<br />
efforts of Thai Buddhist missionary monks to spread the Dhamma<br />
in the United States. This organization is critical for the success<br />
of the missionary monks in the U.S.<br />
138
The mission of The Council of Thai Bhikkhus in the U.S.A.<br />
includes all the following:<br />
• To help set forth the mission to promote, to support,<br />
and to improve Buddhist activities by Thai monks in<br />
the U.S.A<br />
• To use the Council of Thai Bhikkhus to exchange<br />
knowledge, viewpoints, and procedures as well as to<br />
coordinate the work coordination between Thai monks<br />
in the U.S.A and those in Thailand.<br />
• To provide assistance and support of activities by Thai<br />
temples in the U.S.A.<br />
• To provide welcome and assistance to monks who carry<br />
out their duties in the U.S.A.<br />
• To cooperate with other Buddhists organizations as well<br />
as other similar organizations.<br />
Because the work of The Council of Thai Bhikkhus in the<br />
U.S.A. is so important for the spread of Buddhism in the United<br />
States, I have always been eager to be involved in its activities.<br />
Today I am its Secretary General.<br />
139
For all my efforts over the years, then, on behalf of the<br />
spread of the Buddhist religion in the United States and beyond,<br />
in 2013 I was honored by a higher monastic rank and with a new<br />
name, Phrakrusiriattavidhes. My promotion was celebrated on<br />
January 8 at Wat Amphawan Dusit in Bangkok and on January<br />
17 at Wat Srisongdhamma in Udon Thani. On February 3, 2013,<br />
there was a special ceremony for me at Wat Thai Washington,<br />
D.C. I was very appreciative for the honor shown to me. I have<br />
to say, however, that whatever my rank and whatever name I go<br />
by, I am, after all, a Thai Buddhist missionary monk spreading<br />
to the best of his ability the words of the Dhamma.<br />
November 26, 2016<br />
In December 5 th ,2016 I was honored by a higher monastic<br />
rank from His Majesty King Rama10 th , with a new name, Phra<br />
Videsratanaporn.<br />
140
Writings of Thai Theravāda<br />
Buddhist Missionary Monks<br />
Compiled, Revised, and Edited<br />
by Du Wayne Engelhart<br />
141
Preface<br />
This little book is a collection of writings of some Thai<br />
Theravāda Buddhist missionary monks at Wat Thai Washington,<br />
D.C., now or previously and at Wat Padhammaratana, which<br />
was founded in Pittsburgh in 2011 with the help of Wat Thai.<br />
The overall theme is what it means to lead a moral life according<br />
to Theravāda Buddhism. The first two selections are by Luang<br />
Ta Chi, one about morality and the other about not delaying<br />
until tomorrow to do good. Luang Ta Chi is the pen name of<br />
Phrarajmongkolrangsi (Surasak Jivanando), who has been the<br />
abbot of Wat Thai Washington, D.C., since 1975. He has written<br />
numerous articles, stories, and books about practicing Buddhism.<br />
The two selections, are by Phrakrusiriattavidhes (Phramaha<br />
Thanat Inthisan), a meditation master at Wat Thai Washington,<br />
D.C., Secretary General of The Council of Thai Bhikkhus in<br />
the U.S.A., and one of the two founders of the International<br />
Buddhist Association of America. There is an excerpt from the<br />
journal of Phrakrusiriattavidhes. There is also a transcription of<br />
a class he gave about the practice of Buddhist meditation.<br />
All the footnotes that follow are by the editor.<br />
This book is dedicated in gratitude to all the monks,<br />
past and present, who have been connected with Wat Thai<br />
Washington, D.C.<br />
Duwayne Engelhart<br />
142
I<br />
Sayings about Morality<br />
by Luang Ta Chi<br />
Morality for Students<br />
Try to obtain knowledge.<br />
Respect your teachers.<br />
Pay attention to all the teachings.<br />
Act ethically. Be satisfied with what you have when it is<br />
impractical to get more.<br />
Be ready to made sacrifices for the institutions.<br />
Promise you will have good behavior.<br />
Stay away from evil.<br />
Avoid drugs and too many intoxicants.<br />
Be thoughtful.<br />
Morality for Teachers<br />
Be ethical.<br />
Be kind to your students.<br />
Always seek knowledge.<br />
Try to avoid doing wrong.<br />
Never be biased in favor of certain students but share love<br />
equally among all.<br />
Never be lazy at work.<br />
Admire the expert skill of others.<br />
Do not call attention to your good deeds because of your teaching.<br />
143
Qualities Good Teachers Should Have<br />
Have knowledge.<br />
Be skillful in the subject you are teaching.<br />
Be skilled in training and teaching students to think for<br />
themselves.<br />
Be well-behaved, patient, and deserving of honor in your<br />
personal conduct.<br />
Three Kinds of Teachers<br />
A teacher who teaches knowledge<br />
A teacher who teaches what is good and bad<br />
A teacher who teaches others how to overcome suffering<br />
Moral Guidelines<br />
. . . The constant effort of hardworking students and workers<br />
makes them successful . . . .<br />
Life without education is like trees without sunlight.<br />
Anyone who pays no attention to study brings harm to himself<br />
or herself. Anyone who does not work is useless. Anyone who<br />
depends only on good fortune is careless. Persons who are<br />
clever are the ones who take control of their lives . . . .<br />
No amount of talk can compare with real practice . . . .<br />
A long life without good actions has no value.<br />
If you don’t know how to be good, then find someone to teach<br />
you. Trying to be good in the wrong way can be useless.<br />
Doing good things and then dying is better than living with great<br />
wealth.<br />
144
Good persons are willing to give; bad persons are destroyers.<br />
Beauty attracts only the eyes, but good deeds attract the mind.<br />
Beauty does not last long, but goodness exists forever.<br />
Be good by rejecting greed; keep the Dhamma in your mind.<br />
Never stop practicing, or you will not reach the Buddha. If you<br />
must be greedy, you will never reach the Dhamma . . . .<br />
Try to be satisfied with what you have. Never be greedy.<br />
Never take anything that does not belong to you . . . .<br />
Obstacles and problems are the cause of success.<br />
If you only sit and wait for everything, you will be disappointed<br />
. . . .<br />
The biggest loss in life is the wasting of time because we cannot<br />
ask for it again . . . .<br />
We cannot choose to be born or to die, but we can choose to do<br />
only good things.<br />
To just sit and watch the time go by is to destroy our future . . . .<br />
Becoming angry at others is like burning yourself . . . .<br />
Getting angry with others hurts us. Forgiveness makes us happy<br />
. . . .<br />
145
Do your duties reasonably and with constant effort. Don’t follow<br />
all your emotions without thinking . . . .<br />
Heaven is actually in our hearts. Hell is, too . . . .<br />
To avoid unhappiness, don’t pay so much attention to material<br />
happiness . . . .<br />
If you perform actions only for yourself, you will gain nothing<br />
. . . .<br />
Happiness of the senses does not last. For lasting happiness, you<br />
need to seek the Dhamma.<br />
Living in a hut with the wise is better than staying in a castle<br />
with the foolish.<br />
Be thankful to those who are kind to you and forgive those who<br />
make you unhappy . . . .<br />
To improve the body we need to exercise. To improve the mind<br />
we need to be calm . . . .<br />
Improve yourself before improving others . . . .<br />
If you honor any religion without studying it completely, you<br />
will become a person who believes without reasons . . . .<br />
Religion will survive because of two things: studying deeply<br />
and completely and practicing after studying . . . . 1<br />
1 From Phrarajmongkolrangsi (Luang Ta Chi) (Surasak Jivanando), 90-Year<br />
Celebration (Ayuwattanamongkron) (Mueng, Thailand: Siridhamma Offset, n.d.),<br />
pp. 1-55.<br />
146
II<br />
Tomorrow Man<br />
by Luang Ta Chi<br />
The Buddha teaches us good activities today, right now<br />
at this minute. As for tomorrow, nobody knows what is going<br />
to happen. Besides, nobody can ever catch up with tomorrow,<br />
because tomorrow always keeps moving one day ahead of<br />
us, just like a Western saying, “Tomorrow never comes.”<br />
Tomorrow does not really exist; there is only today. Therefore,<br />
my dear friends, do perform good deeds today. We may not<br />
live to see tomorrow. When the time to die comes, nobody can<br />
argue, delay, or come to an agreement with death. The right<br />
thing to do is to follow the Buddha’s teaching that says,<br />
Lose no time to do good and protect<br />
one’s mind from bad thoughts, because<br />
when one delays doing good, one’s<br />
mind will turn to enjoyment of bad ideas.<br />
147
As water, by its nature, always flows to a lower level, the<br />
mind will flow to bad thoughts. To protect one’s mind from<br />
looking for a lower level, the Buddha encourages us to not<br />
delay in doing good deeds. It is the good deed that protects the<br />
mind from turning to what is bad. If one is talking about what<br />
is bad, everybody is afraid of it. Nobody wants it. Even the<br />
word bad nobody wants to hear. No one should, therefore, act<br />
like the “tomorrow man.” Instead everyone should become the<br />
“today person,” doing good deeds now.<br />
The Buddha says,<br />
Time passes by; day, night, month, and<br />
year slowly disappear. Old age comes closer, and<br />
lifetime gets shorter. Considering such<br />
danger, all of you should do only<br />
good things that will bring happiness.<br />
Think about this, all you tomorrow men! Time is taking<br />
the life of all living beings, one by one; the old and the young,<br />
the poor and the rich, the foolish and the wise, the bad and<br />
the good, all are taken by time. No one has an advantage<br />
over another. Everyone’s life is treated equally by time. The<br />
Buddha reminds us,<br />
As days and nights pass by, life will<br />
pass away. All living things will come to<br />
an end, like water in a dried-up river.<br />
The voice of the Dhamma speaks to all of you, friends<br />
of Buddhism, the wish that you will not be careless, not lack<br />
mindfulness (sati), and will not keep delaying good deeds<br />
until tomorrow, next month, or next year. We wish you to stop<br />
deceiving yourselves and putting yourselves in an inescapable<br />
trap of bad thoughts and actions. Make a good effort now,<br />
this minute, today, this month and this year. When you make<br />
a good effort once, do it again and again, with the satisfaction<br />
that you have done well—as in one of the Buddha’s sayings:<br />
148
When one makes an effort to do good, one<br />
should do it again and again and be happy<br />
for having done so. The adding up of<br />
good deeds will bring happiness.<br />
Happiness is the top desire of all of us. Happy lives<br />
need food from good deeds. Life without good deeds<br />
will dry up and endlessly burn with the heat of a desire for<br />
things one does not have. Therefore, look for good deeds<br />
by strengthening, developing, and gaining morality (sila),<br />
concentration (samādhi), and wisdom (paññā); for such will<br />
bring peacefulness, cleanliness, and Enlightenment of the mind<br />
leading you to eternal happiness. The voice of the Dhamma<br />
wishes each and every person peacefulness and happiness<br />
under the golden canopy of the Buddha’s teaching. 1<br />
1 This selection is from the essay “Tomorrow Man” in Essays on the Dhamma, edited<br />
by Du Wayne Engelhart, The Council of Thai Bhikkhus in the U.S.A. (Bangmoung,<br />
Bangyai, Nontaburi: Nitidhamma Press, 2013), pp. 40-2. The original Pāli for what<br />
the Buddha says has been omitted.<br />
149
II<br />
Selections from the Journal<br />
of Phravidesratanaporn<br />
(Thanat Inthisan, Ph.D.)<br />
March 23, 2001<br />
Kamma<br />
It is no surprise that we are going to die. On a day-to-day<br />
basis, how many people think about the next life? If you are a<br />
Buddhist, you have to look at life as a continuum, as a process<br />
of birth and death. We are in a constant state of becoming. I<br />
like the analogy of going to the airport with a suitcase. I put<br />
the suitcase on the conveyor belt so it can be loaded onto the<br />
luggage compartment of the plane. However, I do not get on<br />
the plane. The suitcase contains my kamma. When it gets to its<br />
destination, the next person picks it up. He or she has to work<br />
with the contents of the suitcase. This person can get more<br />
clothes or better ones if deeds of generosity and compassion<br />
are done. On the other hand, the clothes can turn into rags if the<br />
life lived is one of greed, anger, hatred, or delusion. I do not go<br />
to the next life: My kamma does.<br />
Rebirth<br />
What does rebirth mean? So many people have asked<br />
about life after death and rebirth. The Buddha said that kamma<br />
is created by an agent, a person, a living being. Sooner or later<br />
150
we are going to die, and so sooner or later we will have to be<br />
reborn again. The realms of existence into which we can be<br />
reborn are confined to two: the favorable and the unfavorable.<br />
Where we are reborn depends upon our kamma. The reality of<br />
life after death can be proved in many ways. There are many<br />
cases of people vividly remembering their past lives. In one<br />
instance the recollection of the past life was so clear that even<br />
though the parents had previously not believed in a life after<br />
death, they were now convinced as a result of the clarity of<br />
their child’s recollections. The child not only clearly recalled<br />
having lived in a nearby village that she recognized, but was<br />
also able to identify her previous parents, whom she otherwise<br />
would have had no reason to know. If there is no life after<br />
death, there is no past life, and another explanation for such<br />
recollections will have to be found. There are also many cases<br />
of parents having two children brought up in the same way<br />
under the same circumstances, yet one is much more successful<br />
than the other. Such differences come about as a result of<br />
differences in our past kamma.<br />
Death is nothing other than the separation of consciousness<br />
from the physical body. If you do not accept the reality of<br />
consciousness, I think it is also very difficult to explain exactly<br />
what life is.<br />
Buddhism and Mankind<br />
The Buddha described his teaching as being sandiṭṭhika,<br />
primarily concerned with this world, with this life. Even the<br />
highest happiness, that of nibbāna, is to be striven for in this<br />
very life. Buddhism lays the greatest stress on the absolute<br />
need for making the best of the ever fleeting present so that the<br />
future is ensured for our well-being. The past is gone, beyond<br />
recall. Only the present is available to us for a good life. The<br />
future is yet to come, and what we make of it depends entirely<br />
151
upon what we do now.<br />
We are Buddhist monks living in the world. As such<br />
we are deeply concerned about and actively working for the<br />
happiness and welfare of not only human beings but also<br />
all living creatures. Wherever Buddhism made its way, it<br />
encouraged the growth of a culture and a civilization marked<br />
by tolerance, humanity, sympathy, and understanding. It<br />
promoted the spread of the twin values of karuṇā (compassion)<br />
and paññā (wisdom).<br />
The Law of Change<br />
We cannot stop the world: It will go on changing. Change,<br />
as the Buddha said, is the fundamental fact of life. Our very<br />
survival is bound up with change. Because of its emphasis on<br />
change, modern man can find Buddhism particularly relevant<br />
to his age. Buddhism accepts change; in fact, it is built upon<br />
the truth of constant change and flowing. We must cultivate<br />
the qualities of resilience (recovering from misfortune) and<br />
adaptability, or flexibility. The fundamental teaching of the<br />
Buddha is that nothing happens except as a result of causes.<br />
Once the causes are investigated and understood, solutions can<br />
be found.<br />
Bringing Peace to the World<br />
The Buddha also teaches that the only way to achieve<br />
peace is by getting rid of the root causes of war: greed, hatred,<br />
and ignorance. The world will not have peace until men and<br />
nations renounce selfish desires, give up racial pride, and<br />
cleanse themselves of the egoistical lust for possessions and<br />
power. Ideology divides and brings about conflict.<br />
The Buddha declared that the mind is foremost, the<br />
forerunner of all actions, good or bad. When the mind is<br />
cleared of evil, peace and happiness rule.<br />
152
There can be no peace and happiness on earth as long<br />
as there is poverty and starvation, injustice and oppression,<br />
discriminative laws, racial segregation, and social inequalities.<br />
All these bring with them fear, mutual distrust, and suspicion.<br />
Self-respect is as necessary for happiness as food. Furthermore,<br />
there can be no self-respect among those who do not have the<br />
opportunity to achieve their full potential as human beings.<br />
March 29, 2002<br />
Ordination as a Great Privilege<br />
In the Pāli language, ordination is called pabbajjā, which<br />
means “to avoid incorrect or unworthy action, and incorrect<br />
speech and thought.” Another sense of pabbajjā involves a<br />
reference to a person who gives up family, material possessions,<br />
worldly obligations, and the activities of the workaday world.<br />
Therefore, a person who becomes ordained has to cut his hair,<br />
change his appearance, and wear clothing that is different from<br />
that of lay persons. Such a person wears the yellow robe,<br />
dressing like a monk. He is called a bhikkhu.<br />
The Buddhist Religion<br />
Except for the Buddha, no founder of a religion has ever<br />
said that the followers have the opportunity to one day gain the<br />
same wisdom, the same peace, the same happiness, the same<br />
salvation as did the founder. The Buddha said that anyone<br />
can become a Buddha if the person uses the same practices,<br />
the same method, that he used to achieve perfection. The aim<br />
of Buddhism is to give mankind the opportunity to attain the<br />
highest happiness through a clear understanding of life and<br />
nature.<br />
Buddhism gives a clear picture of both kinds of life: the<br />
153
life of suffering and the life of happiness. Buddhism explains<br />
the real nature of life: the cause of suffering and the cause of<br />
happiness.<br />
Buddhism is a religion presented to mankind in terms<br />
of the experience, realization, wisdom, and Enlightenment of<br />
its founder. Human problems must be addressed by a human<br />
being in terms of human experience through the development<br />
of great human virtues. Mankind must find the solution to<br />
human problems through the purification and development of<br />
the mind. The Buddha revealed the absolute truth. If there<br />
is truth anywhere, it remains forever as the truth. The truth<br />
revealed by the Buddha is called the Noble Truth. It enables a<br />
human being to become a noble person.<br />
Buddhism teaches that everyone reaps what he or she sows.<br />
It teaches universal laws: the laws of anicca (impermanent),<br />
dukkha (suffering), and anattā (non-self); the law that good<br />
produces good, and bad produces bad; and the law that every<br />
action has a reaction. It teaches that we are the results of what<br />
we were, and that we will be the results of what we are.<br />
Buddhism considers virtue as one of the things necessary<br />
for reaching holiness. The other is wisdom. Wisdom and virtue<br />
can be compared to the eyes and feet of a man. Virtue is like<br />
the vehicle that brings a man to the gate of salvation, but the<br />
actual key that opens the gate is wisdom.<br />
Buddhism presents clear and reasonable answers to<br />
important questions regarding human life. It provides a solid<br />
foundation for helping human beings reach a better, positive way<br />
of life. Buddhists believe in the importance of self-exertion.<br />
They believe in the effectiveness of meditation, which leads<br />
to self-conquest, self-control, and self-purification. Meditation<br />
leads to relief from suffering and to Enlightenment because it<br />
serves as a medicine for both the heart and the mind.<br />
154
Words to Guide Your Life<br />
Hatred is overcome only by love. Darkness cannot be<br />
driven away by darkness but only by brightness. Hatred cannot<br />
be overcome by hatred but only by loving-kindness. (Dr. K.<br />
Sri Dhammananda)<br />
Failure in life helps us reach success because failure<br />
supports success. Never to have failed is never to have won.<br />
Unless we experience failure, we will never appreciate the<br />
sweetness of victory. Failures not only help us succeed but<br />
also make us energetic, enthusiastic, and rich in experience.<br />
Happy is he who makes others happy. Happy is he who<br />
aspires to high and noble things. Happy is he who enriches the<br />
lives of others. Happy is he who makes it possible for others to<br />
live in peace. Happy is he who makes this world a better place<br />
in which to live. Happy is he whose daily work is a labor of<br />
love. Happy is he who loves to love.<br />
If you sacrifice your pride, you will find inner peace.<br />
Though it is difficult, indeed, to overcome one’s pride, it is<br />
certainly advisable to do so. If a person is able to sacrifice his<br />
or her pride, then inner peace and happiness can be found.<br />
Fear can ruin a person’s life. It fills one with perpetual<br />
tension and anguish. It progressively erodes life and debases<br />
the mind. Fear works hand in hand with pessimism to darken<br />
the future. Fear undermines the way a person thinks. Fear is<br />
capable of eroding one’s personality and making him landlord<br />
to a ghost. (Dr. K. Sri Dhammananda)<br />
Mankind prays for peace, but there can be no peace in the<br />
world until the conflicts within man himself are resolved. For<br />
this to be achieved, there is an urgent need to train the mind.<br />
We may ask, “How do we train our minds?” This is a relevant<br />
question, but the more important question is: “Do we want to<br />
train our minds?” If the answer is, “Yes” accompanied by a<br />
155
eal commitment, then it is certainly possible to develop the<br />
skill to train the mind.<br />
The Fundamental Law of the Mind<br />
As you see, so you feel. As you feel, so you think. As<br />
you think, so you will. As you will, so you act.<br />
October 16, 2002<br />
Knowing Yourself:<br />
The Problem of Change in the Physical and Mental Life of<br />
Teenagers<br />
1. Today I would like to share some thoughts that come<br />
from self-observation. There are problems that may occur in<br />
the lives of teenagers today and of those in the future. Teens<br />
may have problems that they cannot solve by themselves. So<br />
parents and teachers have an important role to play in helping<br />
them properly educate themselves. Young people, after all, are<br />
the hope of the future.<br />
Youth have to be trained perfectly in body and in mind.<br />
Knowledge, furthermore, has to come with virtue. If the young<br />
generation has only knowledge but lacks virtue, this is like<br />
having only one eye. If order that the young have two eyes, we<br />
have to ensure they have both knowledge and virtue.<br />
The problem is how to gain knowledge and how to develop<br />
virtue.<br />
2. How do you get to know yourself? You get to know<br />
yourself by observing your body and your mind. Mind is the<br />
forerunner of all actions. Mind is the master; all actions are<br />
mind-made. If a person thinks with an unwholesome mind and<br />
speaks and acts accordingly, suffering will follow just as the<br />
wheel of the cart follows the ox that pulls it. However, if a person<br />
156
thinks with a wholesome mind and speaks and acts accordingly,<br />
happiness will follow as a shadow follows a moving object.<br />
Knowing yourself is knowing your mind. We use the<br />
rhythm of breathing in and out to help us observe the workings of<br />
the mind. There are three levels of breathing: deep breathing (the<br />
air passes through the nose to the abdomen), medium breathing<br />
(the air passes from the nose to the chest), and short breathing<br />
(the air passes in and out quickly at the nose). After you have<br />
focused on your breathing and are observing it carefully, you<br />
relax all your muscles and your mind to get a calm and clear<br />
mind. Now you can control the mind because you have attained<br />
the level of concentration where you have the mind working for<br />
you.<br />
Mental detoxification is the technique for internal cleaning.<br />
Mental toxins (poisons) are the cause of stress.<br />
What should we know? We should know the four great<br />
elements: earth (solid), fire (heat), wind (air), and water (liquid).<br />
We should also know the impermanence of everything. The<br />
combination of body and mind constitutes life. All living<br />
human beings are impermanent, out of control, hard to maintain,<br />
constantly changing, and non-self.<br />
3. The purpose of meditation is to purify the mind with<br />
regard to hatred, greed, and ignorance, to overcome the anger,<br />
attachment, and delusion that poison the mind at all times.<br />
4. Develop mindfulness and the ability to see things as<br />
they really are, not as you want them to be. Develop lovingkindness<br />
and compassion in order to make the world a peaceful<br />
one, a better place in which to live. To develop loving-kindness<br />
means that when you see someone doing something wrong, you<br />
should not condemn or hate the person but rather advise him as a<br />
doctor advises a patient. The doctor does not blame or condemn<br />
the patient for being sick, but diagnoses the sickness and treats<br />
the patient.<br />
157
The universal law applies: Do good, get good; do bad, get<br />
bad. We are the results of what we were, and we will be the<br />
results of what we are.<br />
5. Being grateful for one’s parents is a characteristic of<br />
a noble person. It is important to listen to one’s elders. Young<br />
persons, in general, should pay more attention to the advice of<br />
their parents. Children growing up and becoming teenagers are<br />
constantly changing physically and mentally. Teenagers have a<br />
tendency to put more trust in their friends than they do in their<br />
parents. However, it is dangerous for teens to live their lives<br />
without the advice of their elders. This practice is like driving<br />
a car without a map to give directions. When teenagers get into<br />
trouble, they should seek the help of their elders, their parents or<br />
teachers. They can even get a religious teacher to pray for them.<br />
If they wait too long, it may, unfortunately, be too late to get<br />
advice and help. Experience will eventually come with age, but<br />
in the meantime it is important for teenagers to get help when<br />
they need it.<br />
6. It is important for a teenager to be able to think in a<br />
positive way. Teenagers today are living in a modern, fast-paced<br />
world that can create many problems for them. Teens need to be<br />
watchful about envy that can come through competition, anger<br />
that can come because of a short temper, and hurting others that<br />
can come from being insulted. The great question is how one<br />
is to conquer oneself. The answer is that one conquers oneself<br />
through conquering the mind.<br />
7. A person who has developed the mind reacts to<br />
situations quite differently from one who has not. Such a person<br />
says, “I cannot do any evil to this man,” “I cannot get angry with<br />
this person,” “I cannot say anything to cause him pain,” and “I<br />
cannot do any harm to him.” He says, “If he were violent toward<br />
me, how unhappy I would be, how disturbed my mind would<br />
be, how it would hurt me. However, if I do harm to this man in<br />
158
turn, I hurt someone who is just like me, who wants happiness<br />
and does not want to suffer, just as I do.”<br />
8. Mankind seeks real peace, happiness, and security in<br />
this life. However, these cannot be found if the mind remains<br />
poisoned with all the defilements: greed, hatred, delusion,<br />
ignorance, attachment, aversion, and craving. Thus there is an<br />
urgent need to train the mind . . . .<br />
9. The real meaning of life is not to do evil but to do good, and<br />
to purify the mind.<br />
159
III<br />
The Three Basic Forms<br />
of Meditation<br />
by Phravidesratanaporn (Thanat Inthisan, Ph.D.)<br />
Today I would like to introduce the meditation techniques<br />
according to Buddhism. 1 Meditation means the training of the<br />
mind. Why do we train the mind? The mind is very important.<br />
The mind is master. The Buddha said if we train the mind and<br />
get rid of the defilements from the mind, we can find peace of<br />
mind. Mind is the chief; mind is master. If we think or speak or<br />
act with an unclean mind, then suffering will follow us. But if<br />
we think or speak or act with purified mind, then happiness will<br />
follow us. This is the word of the Buddha. In Buddhism we<br />
focus on the mind and have to train the mind to become a pure<br />
mind. So the techniques that I would like to share with you<br />
today are the meditation for strength, reduction, and relaxation.<br />
In meditation there are many techniques. But today I explain<br />
and demonstrate to you the basic techniques. The techniques<br />
today are just the basic ones, the ones you would want to practice<br />
first. You can practice at home or any place. There are three<br />
basic kinds of meditation: sitting, walking, and lying meditation.<br />
There are four postures all together: standing, sitting, walking,<br />
and lying. First of all I would like to show you how to sit.<br />
1 This selection was originally a class recorded and made available on a DVD. The<br />
conversational character of the original presentation has been preserved.<br />
160
A. Sitting Meditation<br />
So we start with sitting meditation. You can sit crossing<br />
your legs. Put the right one on top the left one and put your right<br />
hand on the left one on top of your legs. Sit straight back and<br />
relax. Or you may put your hands on your knees. But you have<br />
to sit upright and straighten your spinal cord and relax. When<br />
you put your hands on your lap, try to relax your shoulders, relax<br />
your neck, and relax your whole body. Every part of your body<br />
should be relaxed. You may sit on a cushion or may sit on a<br />
chair or sofa, whatever makes you feel comfortable. But you are<br />
required to sit upright. When you are sitting comfortably, then<br />
close your eyes and close your mouth.<br />
Try to focus your mind on your breath. When you breathe<br />
in, focus your mind on the nostrils. You will feel the air passing<br />
in and out of the nostrils, and fix your mind on that spot. This<br />
is the first step in focusing the mind on the breathing. And<br />
then have your mind follow the air. You breathe in, take a deep<br />
breath. The air will go to your abdomen. The abdomen will rise<br />
and fall when you breath in and out so that you can fix your<br />
mind on that spot. When your abdomen is rising, then notice<br />
that rising. When you breathe out or exhale, your abdomen falls<br />
down, and then fix your mind on that spot. Just observe the<br />
falling and rising at your stomach or abdomen. So in this way<br />
you can develop one-pointedness of mind. Meditation tries to<br />
put your mind on only one spot.<br />
And then relax your body. When you close your eyes,<br />
visualize your entire body. See your sitting posture in your<br />
mind. And then relax yourself from the feet to the head, up and<br />
down, up and down. Relax your feet, relax your ankles, relax<br />
your knees; relax your thighs and buttocks. The lower parts of<br />
your body should be relaxed in your sitting meditation. And then<br />
the middle parts of your body from the navel up to your chest.<br />
161
Relax your spinal cord. Sit upright, and your shoulders should<br />
be relaxed. So from your shoulders down to your navel, the<br />
middle parts of your body should be relaxed. And then move<br />
your mind to your neck, your chin, your face, and your head. Try<br />
to relax the upper parts of your body. Set your mind at the top<br />
of your head and see or visualize your entire body in your mind.<br />
So in this way you can see yourself inside, not outside.<br />
When you have checked all the parts of your body to be<br />
sure they are relaxed, then go back to the normal breathing.<br />
Just observe breathing in and breathing out. You breathe in<br />
and you know that you breathe in, and you breathe out and<br />
you know that you breathe out. Be mindful all the time. Don’t<br />
pay attention to any sound that can distract your mind. For<br />
the breathing exercise, just focus your mind on the breathing.<br />
Sit as long as you can. Start with about five minutes, and<br />
then you can increase to ten minutes, fifteen minutes, thirty<br />
minutes, or one hour, as much as you can. But the important<br />
thing is to try to relax. Don’t stiffen up your body; just relax<br />
your mind. You will find peace of mind this way. Don’t be<br />
afraid and worry in any case. If some stray thought or feeling<br />
arises, just know it and let it go and relax. So in this way you<br />
can sit and get real happiness from the meditation technique.<br />
B. Walking Meditation<br />
After sitting meditation, your practice should be continued<br />
by standing and walking meditation. In standing meditation,<br />
you stand and close your eyes. You may put your hands in the<br />
front of your body, or you may put your hands in the back.<br />
But when you stand, close your eyes and try to visualize your<br />
standing posture. Put your mind at the top of your head and see<br />
your standing posture with the inner eye of your mind, making<br />
a note in your mind by saying to yourself, “Standing.” See your<br />
entire body from the top of your head to your feet when you say,<br />
162
“Standing.” Now put your mind at the feet and see your body<br />
looking upward from your feet to your head and say again in<br />
your mind, “Standing.” Now put your mind at your head once<br />
more. And seeing your body one more time from the top to the<br />
bottom, say, “Standing.”<br />
Now you are ready to start walking. First say to yourself,<br />
“Intending to walk.” Now focus your mind at your feet. As<br />
you take the steps of walking meditation, notice only the right<br />
or the left foot, one at a time. You put your mind on the right<br />
foot and step forward, and you put your mind on the left foot<br />
and step forward. You think and you move at the same time.<br />
Don’t move before or after you think. The thinking and the<br />
moving should be the same action in the present moment. You<br />
say to yourself, “Walking,” and you move your right foot at the<br />
same time. Lift up, move forward, and touch down. You say<br />
to yourself, “Walking,” and you move your left foot at the same<br />
time. Lift up, move forward, and touch down. Then right foot<br />
up, forward, down. Left foot up, forward, down. Continue in<br />
this way until you have reached the distance you intend to walk.<br />
When you have done so, put your feet together and close your<br />
eyes. Visualize your standing: Set your mind at the top of your<br />
head again and visualize your standing posture. Visualize your<br />
standing posture from your feet. Visualize your standing posture<br />
one more time from your head. Each time say, “Standing.”<br />
Now you have to turn around and walk back to the place<br />
where you started your walking meditation. Say to yourself,<br />
“Intending to turn.” Now you are going to turn right. Turn<br />
right, right foot first, saying, “Turning.” Then move the left foot,<br />
saying, “Turning.” Then the right again, saying, “Turning.”<br />
Now you are facing the direction from which you came. Then<br />
once again put your mind on the top of your head and see your<br />
entire body from the top of your head to your feet, saying in<br />
your mind, “Standing.” Now put your mind at the feet and see<br />
163
your body looking upward from your feet to your head, saying<br />
again in your mind, “Standing.” Now put your mind at your<br />
head again. And seeing your body one more time from the top<br />
to the bottom, say, “Standing.” Then say, “Intending to walk.”<br />
Now you are going to start walking back. Focus your mind<br />
on the right foot. Say, “Walking.” Move your right foot as you<br />
say the word to yourself. “Walking” (left foot). “Walking” (right<br />
foot). “Walking” (left foot). “Walking” (right foot). “Walking”<br />
(left foot). Walk this way back to the starting point. And then<br />
standing at the starting point, say, “Standing,” “Standing,”<br />
“Standing,” focusing your mind on your body again. Then,<br />
“Intending to turn.” Then, “Turning,” “Turning,” “Turning.”<br />
Then, “Standing,” “Standing,” “Standing,” focusing on the<br />
body. Then, “Intending to walk.” And then start walking again.<br />
“Walking.” “Walking.” “Walking.” Continue in this way back<br />
and forth until you are finished with your walking meditation.<br />
This is how walking meditation is done.<br />
We need to be more precise, however, in our description<br />
of walking meditation. There are actually all together six types<br />
of walking meditation. The first type, the simplest, involves<br />
focusing on the right or the left foot. You say to yourself,<br />
“Right,” as you lift the right foot and, “Left,” as you lift the left<br />
foot.<br />
The second type of walking meditation involves lifting and<br />
touching. In this case you have to say, “Standing,” to yourself<br />
three times as already described as you focus on your body.<br />
Then, paying attention to the right foot, say, “Lifting,” as you lift<br />
it and “Touching” as you touch it down. Then do the same with<br />
the left foot. And so continue lifting and touching with the right<br />
foot and lifting and touching with the left foot. And then when<br />
you reach the distance you want to walk, put your feet together<br />
and say, “Standing,” three times as you did before. Then say<br />
“Turning,” as you turn to your right. “Turning.” “Turning.”<br />
164
At all times try to pay attention. Be careful, be mindful, and be<br />
alert all the time.<br />
The next type of walking meditation has three parts: lifting,<br />
moving, and touching. You have to know every step when you<br />
lift your foot up, first your right foot, then your left foot. You say<br />
at every step, “Lifting,” “Moving,” and “Touching.” “Lifting,”<br />
“Moving,” and “Touching.” Step by step, try to observe every<br />
part. “Lifting,” “Moving,” and “Touching.” “Lifting,” “Moving,”<br />
and “Touching.” “Lifting,” “Moving,” and “Touching.” Then<br />
put your feet together when you reach the distance you intend<br />
to walk. Then again put your mind at the top of your head and<br />
see your entire body from the top of your head to your feet,<br />
saying in your mind, “Standing.” Now put your mind at the<br />
feet and see your body looking upward from your feet to your<br />
head, saying in your mind, “Standing.” Now put your mind at<br />
your head again, saying one more time, “Standing.” And then,<br />
“Intending to turn.” Then, “Turning,” “Turning,” “Turning.”<br />
Then, “Standing,” “Standing,” “Standing.”<br />
In the fourth type of walking meditation, the four parts are<br />
raising the heel, and lifting, moving, and touching the foot. You<br />
raise the heel, and you know you do this; you lift the foot, and you<br />
know you do this; you move the foot, and you know you do this;<br />
and you touch the foot down, and you know you do this. Starting<br />
with the right foot, you say, “Raising,” “Lifting,” “Moving,” and<br />
“Touching.” “Raising,” “Lifting,” “Moving,” and “Touching.”<br />
“Raising,” “Lifting,” “Moving,” and “Touching.” Then you stop<br />
and say, “Standing,” “Standing,” “Standing”; then “Intending to<br />
turn”; then, “Turning,” “Turning,” “Turning.”<br />
The fifth type, then, adds the lowering of the foot. So<br />
now we have raising the heel, lifting the foot, moving the foot,<br />
lowering the foot, and touching the foot. Raising the heel. then<br />
lifting, moving, lowering, and touching the right foot. Raising<br />
the heel, then lifting, moving, lowering, and touching the left<br />
165
foot. Raising the heel. Lifting, moving, lowering, and touching.<br />
Raising the heel. Lifting, moving, lowering, and touching.<br />
Raising the heel. Lifting, moving, lowering, and touching.<br />
Feet together and “Standing” three times. “Intending to turn.”<br />
“Turning,” “Turning,” “Turning.” Close your eyes. “Standing”<br />
three times. After that, “Intending to Walk.” And then walking<br />
again back and forth.<br />
The sixth type of walking meditation is very detailed.<br />
You try to focus your mind on and observe every movement<br />
of your foot. Raising the heel, and lifting, moving, lowering,<br />
touching, and pressing the foot. You add the pressing of the foot<br />
down. You should know completely your foot on the floor or<br />
on the ground. Raising the heel, then lifting, moving, lowering,<br />
touching, and pressing the right foot. And then shift to the other<br />
side. Raising the heel, then lifting, moving, lowering, touching,<br />
and pressing the left foot. Raising the heel. Lifting, moving,<br />
lowering, touching, and pressing. Raising the heel. Lifting,<br />
moving, lowering, touching, and pressing. Heel up, lifting,<br />
moving, lowering, touching, and pressing. You walk back and<br />
forth, back and forth.<br />
So those are the sixth types of walking meditation.<br />
Choose one suitable for yourself. You can use the third type<br />
because it is the natural way to walk. And lifting, moving, and<br />
touching is easy to remember if you are a beginner. But if you<br />
need greater control over your mind and greater attention to the<br />
details, use the sixth type to develop your mind, to develop your<br />
practice, through its six steps. So you can try to divide your<br />
time between sitting meditation for thirty minutes and walking<br />
meditation for thirty minutes, and then go back to your sitting if<br />
you can. The important thing is that you get started with your<br />
meditation practice, doing something that you are comfortable<br />
with.<br />
166
C. Lying Meditation<br />
We have looked at sitting and walking meditation. The<br />
third kind of meditation technique is lying meditation. When<br />
you go to bed, there is a technique to practice. When you<br />
have finished your walking back and forth, then walk slowly,<br />
mindfully, to your bed. Walk slowly, mindfully, because you<br />
have to continue mindfulness. You want to get some rest, but<br />
before you go to sleep, you take the time to practice the lying<br />
meditation technique. Lower yourself down, right knee, then<br />
left knee, and sit, slowly, mindfully. You have to pay attention<br />
to every bodily movement. So you lie down on your right side,<br />
lowering yourself mindfully, using your hands to support your<br />
body. Observe the movements of your entire body as you lie<br />
down. Use your right hand to support your head and let your left<br />
hand lie next to your body. And then when you feel tired, you<br />
can slowly, mindfully, put your head on the pillow. And then turn<br />
your body upwards. And it is very important to put your right<br />
hand and your left hand on your stomach. Take a deep breath<br />
and feel your abdomen rising and observe that. And breathe<br />
out, exhale, and feel your abdomen falling, and then observe<br />
that spot. This is like observing the rising and the falling of<br />
the abdomen in sitting meditation, but now you are lying down<br />
and getting ready to sleep. So close your eyes and observe just<br />
the rising and falling. Feel your hands go up and down, up and<br />
down as you are breathing in and out until you fall asleep. If you<br />
try too hard to hold your attention, you will not fall asleep. So<br />
in lying mediation there is no need to focus as much as you do<br />
in sitting meditation but just relax your mind and your body and<br />
observe your abdomen until you fall asleep. You can then sleep<br />
easily and peacefully.<br />
When you wake up, then, don’t get out of bed immediately.<br />
Open your eyes when you feel you want to get up and observe<br />
your entire body first. Then turn to your right side. Use your<br />
167
ight hand to support your head and let your left hand lie next<br />
to your body. Slowly, mindfully, get up by using your hands to<br />
support your body. And then sit. Know yourself at every step.<br />
Next move your body forward, put your hands in the front, lift<br />
your knees, and stand up. Every movement should be made<br />
mindfully. Then go to walking meditation and sitting meditation.<br />
So the basic meditation techniques are composed of<br />
four postures: sitting, standing, walking, and lying. If you<br />
can develop your meditation practice, you can get the peace<br />
of mind that the Buddha taught us 2,500 years ago. These<br />
techniques can help anybody, any time, without regard to<br />
race or nationality because everybody needs peace of mind<br />
and real happiness. Meditation can help persons today,<br />
especially since we live in a society with so many troubles and<br />
stresses. Meditation can reduce the stresses and help us relax. 2<br />
2 The meditation techniques described in Phrakrusiriattavidhes’s class concern<br />
concentration meditation, which can help to develop concentration (samādhi) as well<br />
as the tranquility (samatha) that can remove from the mind such toxins as stress and<br />
worry and anger. Concentration meditation prepares us for insight meditation, the<br />
other kind of meditation taught by the Buddha. Insight meditation can lead to insight<br />
(vipassanā) into the three characteristics of existence: the impermanent (anicca);<br />
suffering, or unsatisfactoriness (dukkha); and no-self, lack of a self (anattā). For a<br />
guide to insight meditation, consider Ajahn Sobin’s Wayfaring: A Manual for Insight<br />
Meditation (Kandy, Sri Lanka: Buddhist Publication Society, 1979). Ajahn Sobin,<br />
a renowned meditation master, was a Thai Theravāda Buddhist missionary monk in<br />
the United States from 1971 to 1980 and a lay teacher of meditation in the U.S. from<br />
1980 to 2000.<br />
168
ภาพกิจกรรมผลงานของ<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />
(ถนัด อตฺถจารี Ph.D.)<br />
169
กราบถวายรายงานการปฏิบัติศาสนกิจ แด่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์<br />
หัวหน้าคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร<br />
170<br />
สวดมนต์ถวายและกราบเยี่ยมอาการอาพาธ<br />
เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ<br />
ในนามสมัชชาสงไทยฯและสหภาพพระธรรมทูตไทยในยุโรป
พระเทพพุทธิวิเทศ ประธานฯ และพระวิเทศรัตนาภรณ์ เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ<br />
ถวายปัจจัยช่วยเหลือชาวเนปาลที่ประสบภัยธรรมชาติแผ่นดินไหว<br />
แด่เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช<br />
กราบถวายรายงานการปฏิบัติศาสนกิจ แด่ พระพรหมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม<br />
เจ้าอาวาสวัดยานนาวา และที่ปรึกษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />
171
ถวายรายงานการปฏิบัติศาสนกิจ<br />
แด่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) วัดญาณเวศกวัน จ.นครปฐม<br />
172<br />
ถวายรายงานการปฏิบัติศาสนกิจ<br />
แด่เจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร
ประชุมร่วมคณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทย และคณาจารย์ มจร.<br />
เรื่อง โครงการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. (๒๕๓๘)<br />
173
คณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ถวายรายงานการปฏิบัติศาสนกิจ<br />
พระเดชพระคุณ พระพรหมสิทธิ กรรมการมหาเถรสมาคม<br />
ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ กรุงเทพฯ<br />
174<br />
รวมงานฉลองวันวิสาขบูชาวันสำคัญสากลของโลก ปี ๒๕๕๔<br />
ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ (UN) มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
สวดมนต์เปิดงานฉลองวิสาขบูชาวันสำคัญสากลของโลก ปี ๒๕๕๕<br />
ณ สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ (UN) กรุงเทพมหานคร<br />
ออกรายการโทรทัศน์งานฉลองวิสาขบูชาวันสำคัญสากลของโลก ปี ๒๕๕๘<br />
ณ อาคารหอประชุม ม.ว.ก. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย<br />
175
อบรมเสริมทักษะความรู้พระธรรมทูต วิชาเลขานุการ<br />
ณ วัดพรหมคุณาราม รัฐอริโซนา<br />
176<br />
ประชุมสมัยสามัญครั้งที่ ๓๒/๒๕๕๑ พระวิเทศรัตนาภรณ์ได้รับเลือกตั้งเป็น<br />
เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ สมัยแรก (๒๕๕๑-๒๕๕๓)
ประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๓๔/๒๕๕๓<br />
ณ วัดวชิรธรรมปทีป มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ สมัยที่ ๒<br />
(๒๕๕๓-๒๕๕๕)<br />
การประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ ๓๕/๒๕๕๔<br />
ณ วัดพุทธออเรกอน เมืองเทอร์เนอร์ มลรัฐออเรกอน<br />
177
คณะกรรมการอำนวยการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ได้รับเลือกตั้ง ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๗<br />
ณ วัดไทยลอสแองเจลิส เมืองนอร์ธฮอลลีวู้ด รัฐแคลิฟอร์เนีย<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ สมัยที่ ๓<br />
(๒๕๕๕-๒๕๕๗)<br />
178
ประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยฯ สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๓๘/๒๕๕๗<br />
ณ วัดนวมินทรราชูทิศ เมืองเคมบริดจ์ - บอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมัยที่ ๔ (ปีที่ ๘)<br />
179
180<br />
ประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยฯ สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๓๗/๒๕๕๖<br />
ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. มลรัฐแมรี่แลนด์<br />
วันที่ ๖-๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖
ประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยฯ สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๓๙/๒๕๕๘<br />
ณ วัดไทยลอสแองเจลิส เมืองนอร์ธ ฮอลลีวู้ด รัฐแคลิฟอร์เนีย<br />
วันที่ ๑๐-๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๘<br />
181
การประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยฯ สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๔๐/๒๕๕๙<br />
ณ วัดสุทธาวาส เมืองริเวอร์ไซด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา<br />
วันที่ ๑๒-๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙<br />
คณะกรรมการอำนวยการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ (ชุดปัจจุบัน) ๒๕๕๙-๒๕๖๑<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมัยที่ ๕ เป็นปีที่ ๙<br />
182
ประชุมสัมมนาพระธรรมทูตโลก ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ปี ๒๕๕๒<br />
งานทำบุญอายุวัฒนมงคลครบ ๘๔ ปี พระวิเทศธรรมรังษี (หลวงตาชี)<br />
ประชุมสัมมนาพระธรรมทูตไทยทั่วโลก<br />
ณ วัดไทยพุทธคยา อินเดีย ๒๖ ก.พ. - ๕ มี.ค. ๒๕๕๕<br />
183
พระวิเทศรัตนาภรณ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการควบคุมห้องสอบบาลีสนามหลวง<br />
คณะสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ณ วัดไทยลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย พ.ศ. ๒๕๕๘<br />
184
เป็นกรรมการคุมห้องสอบธรรมศึกษาตรี ณ วัดวชิธรรมปทีป มหานครนิวยอร์ก<br />
๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕<br />
185
พระวิเทศรัตนาภรณ์ ประธานอำนวยการวัดป่าธรรมรัตน์ (วัดแห่งแรก)<br />
เมืองพิทส์เบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย<br />
186<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ ประธานอำนวยการวัดป่าธรรมรัตน์ (วัดแห่งที่สอง)<br />
เมืองพิทส์เบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย
สอนวิปัสสนากรรมฐานที่วิทยาลัยหยวนกวง กรุงไทเป ไต้หวัน<br />
เยี่ยมมหาวิทยาลัยสงฆ์ เมืองโฮจิมินห์ ซิตี้ ประเทศเวียตนาม<br />
187
เยี่ยมพระธรรมทูตวัดพุทธบูชา เมืองลิล ประเทศฝรั่งเศส ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๕<br />
เยี่ยมพระธรรมทูตวัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พ.ศ. ๒๕๕๕<br />
188
ประชุมสมัยสามัญ ประจำปี ๒๕๕๙ องค์กรพระธรรมทูตไทยในสหราชอาณาจักร<br />
ณ วัดสันติวงศาราม เมืองเบอร์มิ่งแฮม ประเทศอังกฤษ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙<br />
ร่วมงานทำบุญอายุวัฒนมงคลครบ ๙๐ ปี พระราชภาวนาวิมล (พระเทพภาวนามงคล วิ.) <br />
ณ วัดพุทธปทีบ ลอนดอน ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๙<br />
189
รับพัดรองวัดดีเด่นใน<br />
ต่างประเทศ ปี พ.ศ. ๒๕๕๒<br />
ออกรายการธรรมะที่สถานีโทรทัศน์<br />
NAT TV. ที่นครลอสแองเจลิส<br />
มอบทุนการศึกษากองทุนธรรมรัตน์<br />
190<br />
ออกรายการโทรทัศน์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย<br />
งานวิสาขบูชานานาชาติ ครั้งที่ ๙ ฉลองพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี
พระวิเทศรัตนาภรณ์ ประธานการประชุมคณะกรรมการ IBC จัดงานวิสาขนานาชาติ<br />
ในเขตกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ปี พ.ศ. ๒๕๕๘<br />
191
พิธีเปิดองค์กรพุทธสมาคมนานาชาติแห่งสหรัฐอเมริกา (IBAA)<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ ได้รับเลือกเป็นประธานองค์กรสมัยแรก (๒๕ เมษายน ๒๕๕๙)<br />
192
พระวิเทศรัตนาภรณ์ ได้รับเลือกจากผู้แทนชาวพุทธนานาชาติแห่งกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
เข้าร่วมประชุมสัมมนาพุทธ-คริสต์ และเข้าพบพระสันตะปาปาฟรานซิส<br />
ณ นครวาติกัน ประเทศอิตาลี (๒๔ มิ.ย. ๒๕๕๘)<br />
193
194<br />
ร่วมประชุมสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป<br />
สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๙/๒๕๕๘ ณ วัดไทยนอร์เวย์ ประเทศนอร์เวย์
พระวิเทศรัตนาภรณ์ บรรยายธรรมแก่นักศึกษาชาวอเมริกันและถวายสังฆทาน<br />
195
196<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ บรรยายหลักพระพุทธศาสนาแก่นักศึกษาชาวอเมริกัน<br />
แนะนำการนั่งสมาธิเจริญจิตภาวนา ณ อุโบสถวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.
นักศึกษามหาวิทยาลัยยอร์จ วอชิงตัน (GWU) ฟังธรรมบรรยาย โดย พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />
นักศึกษาจากไบเบิลคอลเลจแห่งกรุงวอชิงตัน มาศึกษาพระพุทธศาสนา<br />
ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
197
พระวิเทศรัตนาภรณ์ บรรยายหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาแก่ชมรมผู้สูงอายุชาวอเมริกัน<br />
198
ชาวอเมริกันทำบุญตักบาตร และช่วยงานทำวารสารแสงธรรมของวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
199
200<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ บรรยายธรรมและนำนั่งสมาธิแก่ชาวอเมริกัน<br />
ในงาน ASIAN FESTIVAL, Miami, FL
จัดปฏิบัติธรรมนานาชาติประจำเดือนๆ ละ ๒ ครั้ง ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
(Meditation Workshop)<br />
Meditation Workshop at Wat Thai Washington, D.C.<br />
201
202<br />
เดินจงกรมด้วยการเจริญสติต่อเนื่อง
พระวิเทศรัตนาภรณ์ บรรยายธรรมในโอกาสวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา<br />
บรรยายธรรมแก่ผู้ปฏิบัติธรรมประจำเดือนโครงการรักษาศีล ๕<br />
ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
203
ร่วมพิธีเปิดป้ายศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านศีล ๕ สมัชชาสงฆ์ไทยใน<br />
สหรัฐอเมริกา ณ วัดมงคลเทพมุนี เมืองเบลซาเล็ม รัฐเพนซิลวาเนีย (๘ พ.ค. ๒๕๕๙)<br />
204
พระวิเทศรัตนาภรณ์ เป็นผู้แทนชาวพุทธสวดมนต์เพื่อสันติภาพโลก<br />
หน้าตึกรัฐสภาสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. (มิ.ย. ๒๕๕๕)<br />
205
ร่วมงานกาลจักรบูชากับท่านทะไล ลามะ ณ กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
และมอบหนังสือ Walking on the Path of the Buddha แด่ท่านทะไล ลามะ<br />
(มิ.ย. ๒๕๕๖)<br />
206
บรรยายหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาแก่นักเรียนมัธยมชาวอเมริกัน<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ บรรยายธรรมะแก่พนักงานบริษัทการเงิน<br />
ที่ Rockville, Maryland<br />
207
พระวิเทศรัตนาภรณ์ บรรยายหลักพระพุทธศาสนาเบื้องต้น<br />
แก่นักเรียนประถมของอเมริกัน<br />
บรรยายเรื่อง พระพุทธศาสนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้<br />
คณะปรัชญาและศาสนา มหาวิทยาลัย ยอร์จ วอชิงตัน (GWU), กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
208
บรรยายแก่นักศักษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเพนสเตท (Penn State<br />
Univesity, PA) เรื่อง “บทบาทสตรีในพระพุทธศาสนา”<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ บรรยายหลักพระพุทธศาสนาและการเจริญสมาธิภาวนา<br />
ในโบสถ์ประจำมหาวิทยาลัยเพนสเตท (Penn State Univesity, PA)<br />
209
บรรยายพระพุทธศาสนาแก่ผู้นำเยาวชนนานาศาสนา<br />
สำนักงานใหญ่วอชิงตัน ไทม์ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.<br />
อนุศาสนาจารย์กองทัพบกสหรัฐฯ มาศึกษาพระพุทธศาสนาที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />
210
คณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ร่วมประชุมสภาศาสนาโลก 2015 ซอลเลคซิตี้ รัฐยูทาห์ USA<br />
The Parliament of the World’s Religions, Salt Lake City, UT (15-19 Oct. 2015)<br />
211
มอบเงินบริจาคช่วยเหลือน้ำท่วมที่ประเทศไทยผ่านสถานทูตไทยในนามสมัชชาสงฆ์ไทยฯ<br />
มอบเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิที่สถานทูตญี่ปุ่นในนามสมัชชาสงฆ์ไทยฯ<br />
212
งานทำบุญฉลองครบ ๔๐ ปี แห่งการก่อตั้งสมัชชาสงฆ์ไทยฯ<br />
วันศุกร์ที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙ จัดปฏิบัติธรรมระดับนานาชาติ มหาสติปัฏฐานสูตร<br />
213
214<br />
การจัดปฏิบัติธรรมนานาชาติ ตามแนวมหาสติปัฏฐานสูตร
วันเสาร์ที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๙ การสัมมนาศาสนาสากล และผู้นำชาวพุทธนานาชาติ<br />
พระวิเทศรัตนาภรณ์ เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ กล่าวรายงาน และกล่าวต้อนรับ<br />
215
วันอาทิตย์ที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๙ พิธีทำบุญฉลองครบ ๔๐ ปี แห่งการก่อตั้งสมัชชาสงฆ์ไทยฯ<br />
พระสงฆ์ไทย และพระสงฆ์นานาชาติ และชาวอเมริกันเข้าร่วมพิธีเปิดการสัมมนา<br />
216
ผู้นำชาวพุทธและนานาศาสนานิกายต่างๆ ร่วมงานเฉลิมพระเกียรติพระบาท<br />
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี<br />
217
ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “เหลียวหน้าแลหลังสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ในรอบ ๔๐ ปี<br />
โดย พระพรหมบัณฑิต อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย<br />
State Senator of Massachusetts, ED Markey กล่าวสุนทรพจน์แสดงความชื่นชมยินดี<br />
218
นายพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูตไทย กล่าวสุนทรพจน์<br />
พระเดชพระคุณพระพรหมวชิรญาณมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ<br />
แก่บุคคล-องค์กร-สถาบันการศึกษา ผู้มีอุปการคุณ<br />
219
การสัมมนาการพัฒนาหลักสูตร โครงการสอนภาษาไทย และวัฒนธรรมไทย<br />
ในต่างประเทศ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย<br />
คณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ประชุมร่วมกับแม่ชีลินรัตน์ สุทธิธรรมวิชย์<br />
เรื่องจดทะเบียนมูลนิธิพระธรรมทูตสายต่างประเทศเพื่อรับการถวายที่ดิน<br />
จากสำนักพุทธสาวิกา อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี<br />
220
พิธีเปิดป้ายสำนักงานสมัชชาสงฆ์ไทยฯ อนุสรณ์ครบ ๔๐ ปี โดย พระพรหมวชิรญาณ<br />
พิธีเปิดป้าย “วิปัสสนานวมินทรราชวิทยาลัย”<br />
โดย พระพรหมวชิรญาณ ประธานอำนวยการสร้างวัดนวมินทรราชูทิศ<br />
221
บันทึกภาพประวัติศาสตร์แห่งองค์พระธรรมทูตไทยในสหรัฐอเมริกา ครบ ๔๐ ปี<br />
ณ วัดนวมินทรราชูทิศ เฉลิมพระเกียรติ นครเคมบริดจ์-บอสตัน (๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๙)<br />
222
ผลงานการประพันธ์หนังสือภาษาไทย-อังกฤษ และการเผยแผ่สิ่งพิมพ์<br />
223
224