29.01.2017 Views

Congratulations

Congratulations ประวัติและผลงาน พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.) life & Works of Phra Videsratanaporn (Thanat Inthisan, Ph.D.)

Congratulations
ประวัติและผลงาน พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.)
life & Works of Phra Videsratanaporn (Thanat Inthisan, Ph.D.)

SHOW MORE
SHOW LESS

Transform your PDFs into Flipbooks and boost your revenue!

Leverage SEO-optimized Flipbooks, powerful backlinks, and multimedia content to professionally showcase your products and significantly increase your reach.

พระพุทธมงคลวิมลดีซี<br />

พระประธานวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.


สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร


พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />

(ถนัด อตฺถจารี อินธิแสน ป.ธ. ๕, Ph.D.)<br />

เลขาธิการ สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

ประธานคณะกรรมการอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

ประธานกรรมการบริหารวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย<br />

กรรมการที่ปรึกษาองค์กรสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป (ส.ธ.ย.)<br />

ประธานคณะกรรมการอำนวยการองค์กรพุทธสมาคมแห่งสหรัฐอเมริกา (IBAA)<br />

คณะสงฆ์ คณะกรรมการอำนวยการ อุบาสก อุบาสิกา วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

วัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย<br />

และคณะศิษยานุศิษย์ทั้งในและต่างประเทศ พิมพ์ถวายเป็นมุทิตาสักการะ


มุทิตาธรรม : <strong>Congratulations</strong><br />

ประวัติและผลงาน พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.)<br />

life & Works of Phra Videsratanaporn (Thanat Inthisan, Ph.D.)<br />

พิมพ์ครั้งที่ ๑ : พ.ศ. ๒๕๕๙ จานวนพิมพ์ : ๑,๐๐๐ เล่ม<br />

ที่ปรึกษา<br />

พระราชมงคลรังษี (หลวงตาชี) วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

พระเทพพุทธิวิเทศ ประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

พระครูปริยัติธรรมาภิราม วัดป่าวิเวกจันทราราม จ.สกลนคร<br />

พระมหาอุดม ปภงฺกโร วัดป่าสันติธรรม รัฐเวอร์จิเนีย<br />

พระครูสุธีธรรมธร (อาพล สุธีโร ดร.) วัดศรีทรงธรรม จ.อุดรธานี<br />

พระครูสิริสิทธิวิเทศ (เรืองฤทธิ์ สมิทฺธิาโณ) รองประธานวัดไทยวอชิงตัน ดี.ซี.<br />

พระครูสมุห์ปรีดา สุมงฺคลคุโณ วัดอัมพวันอเมริกา รัฐเทนเนสซี<br />

บรรณาธิการ<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.)<br />

กองบรรณาธิการ<br />

พระมหาสุรตาล สิทฺธิผโล<br />

พระครูสังฆรักษ์สุริยา เตชวโร<br />

พระมหาปิยะ อุตฺตมปญฺโ ป.ธ.๙<br />

พระมหาสราวุธ สราวุโธ<br />

คุณครูพรทิพย์ สิงห์โตทอง<br />

พระน้าว นนฺทิโย<br />

พระมหาศรีสุพรณ์ อตฺตทีโป ป.ธ.๙<br />

พระมหาคาตัล พุทฺธงฺกุโร ป.ธ.๙<br />

พระมหาสายันต์ อคฺควณฺโณ<br />

คุณครูรัชนีวัลย์ จุลบาท<br />

พิมพ์ที่ นิติธรรมการพิมพ์<br />

๗๖/๒๕๑-๓ หมู่ที่ ๑๕ ต.บางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ๑๑๑๔๐<br />

โทร. ๐-๒๔๐๓-๔๕๖๗-๘, ๐-๒๔๔๙-๒๕๒๕, ๐๘๑-๓๐๙-๕๒๑๕<br />

E-mail : niti2512@hotmail.com, niti2512@yahoo.co.th


คำ อนุโมทนา<br />

หนังสือ “มุทิตาธรรม” เล่มนี้ประกอบด้วยประวัติ และผลงานของ<br />

สามเณรน้อยบ้านนอก-สู่เมืองนอก ด้วยอาศัยร่มผ้ากาสาวพัสตร์ศึกษาเล่าเรียน<br />

เพียรปฏิบัติธรรมกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ จนได้มีโอกาสเป็นพระธรรมทูตสาย<br />

ต่างประเทศ เดินทางรอบโลกเพื่อประกาศและเผยแผ่พระพุทธศาสนาในชีวิต<br />

ความเป็นพระธรรมทูตสายต่างประเทศ เป็นทูตแห่งธรรมะ ทำหน้าที่เพื่อนำ<br />

สันติสุขเข้าสู่จิตใจของประชาชนทุกหมู่เหล่า<br />

ข้าพเจ้าพยายามเก็บรวบรวมทั้งภาพและเรื่องราวอันน้อยนิดในส่วน<br />

ประวัติ และนำปีติพจน์-มุทิตาพจน์จากท่านที่เคารพนับถือ จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อแจก<br />

เป็นธรรมบรรณาการแก่ผู้ที่มีความเคารพนับถือ ในโอกาสที่ข้าพเจ้าได้รับ<br />

พระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ<br />

ชั้นสามัญที่ “พระวิเทศรัตนาภรณ์” เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ<br />

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />

นำความปลื ้มปีติยินดีมายังพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่าที่เคารพนับถือทั้งใน<br />

ประเทศไทยและต่างประเทศ<br />

ขอกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณ พระราชมงคลรังษี (หลวงตาชี)<br />

ที่เมตตาเขียนปีติพจน์ให้ด้วยลายมือของท่านเอง และท่านได้ให้ความเมตตา<br />

สงเคราะห์อนุเคราะห์เป็นที่พึ่งทุกสิ่งทุกประการจากวันแรกของชีวิตพระ<br />

ธรรมทูตในสหรัฐอเมริกาตลอดระยะเวลา ๒๔ ปี จนถึงปัจจุบันทุกวันนี้<br />

กราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณ พระเทพพุทธิวิเทศ ประธานสมัชชา<br />

สงฆ์ไทยฯ ที่เมตตาให้โอกาสได้สนองงานคณะสงฆ์องค์กรพระธรรมทูตไทย<br />

ในสหรัฐอเมริกา และคณะกรรมการอำนวยการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ เพื่อน<br />

สหธรรมิกในสหรัฐอเมริกาทุกรูป ด้วยความเคารพรัก ศรัทธาในงานของ<br />

สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

5


ขอกราบขอบพระคุณประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไป<br />

ต่างประเทศ ท่านอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ<br />

คณาจารย์ทุกท่าน ที่ส่งเสริม สนับสนุนให้กำลังใจในการทำงานพระธรรมทูต<br />

สายต่างประเทศ<br />

และอนุโมทนาขอบคุณญาติมิตร ทั้งญาติสายโลหิต และญาติธรรม ที่<br />

ให้การอุปถัมภ์ ส่งเสริม สนับสนุนทั้งด้านทุนทรัพย์ และแนวความคิดสติปัญญา<br />

เป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำ และให้การอนุเคราะห์ตามสมควรและเหมาะสม<br />

กับโอกาส เวลา สถานที่ เป็นที่ประทับใจและขออนุโมทนาบุญอย่างยิ่ง<br />

และจริงใจ กับทุกๆ ท่านมา ณ โอกาสนี้<br />

ถ้าหากบุญกุศลอันจะพึงเกิด พึงมีแห่งการพิมพ์หนังสือเป็นธรรม<br />

บรรณาการครั้งนี้ ขอน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จ<br />

พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเสด็จสู่สวรรคาลัยแล้วนั้น และขอถวาย<br />

เป็นอาจาริยบูชาแด่พระเดชพระคุณหลวงตาชีที่จะท ำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล<br />

ครบ ๙๒ ปีในปีนี้ และแผ่บุญกุศลนี้แก่มวลญาติมิตรทั้งญาติสายโลหิต และ<br />

ญาติธรรม ขอทุกท่านจงมีส่วนแห่งบุญกุศลในครั้งนี้ด้วย ขอให้มีความเจริญ<br />

รุ่งเรืองในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตลอดกาลนาน เทอญ<br />

ด้วยพรธรรม เมตตา<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />

๙ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />

6


ปีติพจน์<br />

ในวโรกาสวันมหามงคล วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ นี้ พระครูสิริอรรถวิเทศ<br />

ประธานอานวยการบริหารวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมรัตน์<br />

และเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์<br />

เป็นพระราชาคณะ ที่ “พระวิเทศรัตนาภรณ์” ย่อมนามาซึ่งความปลื้ม<br />

ปีติยินดีกับผู้ที่ได้รับ และแก่ผู้ที ่เกี่ยวข้องทั้งหลาย อันได้แก่ครูบาอาจารย์<br />

เพื่อนสหธรรมิกตลอดถึงญาติโยมทั้งหลายที ่มีความเคารพนับถือ มีความ<br />

สนิทสนมกันโดยอย่างถ้วนหน้า<br />

การที่ท่านได้รับโปรดเกล้าฯพระราชทานตั้งสมณศักดิ์นี้ เป็นเครื่อง<br />

แสดงให้เห็นว่า พระวิเทศรัตนาภรณ์ได้ทางานอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ<br />

และพระศาสนาด้วยดีเสมอมา ผลงานนี้จึงเป็นปัจจัยให้ได้รับการยกย่องเป็น<br />

ที่เชิดชูจนได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ในครั้งนี้ จะทาให้ผู้ที่ได้รับมีกาลังใจ<br />

บาเพ็ญประโยชน์แก่ส่วนรวมต่อไป<br />

แม้ในสมัยครั้งพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงยกย่องพระ<br />

สาวกของพระองค์เช่นเดียวกัน ดังที ่เราทราบกันว่ามีพระสาวกได้รับการ<br />

ยกย่องให้เป็นสาวกที่มีความสาคัญในด้านต่างๆ หลายองค์ด้วยกัน ซึ่งเรา<br />

ทราบว่าได้รับ เอตทัคคะ คือการยกย่องนั่นเอง ทั้งนี้ก็ด้วยความเก่งกล้า<br />

สามารถของพระสาวกเหล่านั้น พระวิเทศรัตนาภรณ์ ที่ได้รับพระราชทาน<br />

สมณศักดิ์ในคราวครั้งนี้ ก็มีลักษณะไม่แตกต่างจากครั้งในอดีตดังกล่าวมา<br />

จึงขอแสดงความยินดีกับ พระวิเทศรัตนาภรณ์ ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ<br />

พระราชทานสมณศักดิ์ในครั้งนี้ ขอให้ท่านเจริญงอกงามไพบูลย์ รุ่งเรืองใน<br />

ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตลอดกาลเป็นนิตย์ เทอญ<br />

(พระเทพพุทธิวิเทศ)<br />

เจ้าอาวาสวัดพุทธาวาส นครฮิวส์ตัน<br />

ประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

7


ington D.C.<br />

r Spring, MD 20906<br />

Ninety years of Phra RajaMongkolrangsi<br />

๙๐ ป พระราชมงคลรังษี (หลวงตาชี) • ๔๐ ป วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

•<br />

Forty years of Wat Thai Washington, D.C.<br />

8


g<br />

วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ด<br />

ี.ซี.<br />

g<br />

WAT THAI WASHINGTON, D.C.<br />

มุทิตาพจน์....พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />

เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

ประธานคณะกรรมการอานวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี.<br />

และประธานอานวยการวัดป่าธรรมรัตน์<br />

เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร-<br />

มหาภูมิพลอดุลยเดช ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิรา-<br />

ลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน<br />

ตั้งสมณศักดิ์ให้ พระครูสิริอรรถวิเทศ (ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.)<br />

เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ประธานคณะกรรมการอานวยการ<br />

วัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. และประธานอานวยการวัดป่าธรรมรัตน์ พิทส์เบิร์ก<br />

รัฐเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนาม<br />

ที่ “พระวิเทศรัตนาภรณ์” และได้เข้ารับพระราชทานสมณศักดิ์พัดยศ ณ<br />

พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๕<br />

ธันวาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านมานี้เรียบร้อยแล้ว<br />

การที่ท่านเจ้าคุณ พระวิเทศรัตนาภรณ์ ได้รับพระราชทานตั้งสมศักดิ์<br />

เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญในครั้งนี้ จึงนับว่าเป็นเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ และ<br />

เกียรติคุณแก่วงศ์ตระกูลของท่าน แก่วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี., วัดป่าธรรมรัตน์<br />

และสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา นาความปลาบปลื้มใจและปีติยินดีมา<br />

สู่เพื่อนสหธรรมิก ผู้ร่วมงาน ญาติมิตร และศิษยานุศิษย์ที่เคารพนับถือเป็น<br />

อย่างยิ่ง โดยเฉพาะคณะกรรมการอานวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และ<br />

พุทธศาสนิกชนในบริเวณกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี.<br />

9


ตลอดระยะเวลา ๒๔ ปี ที่ท่านเจ้าคุณ พระวิเทศรัตนาภรณ์ อยู่ปฏิบัติ<br />

ศาสนกิจในสหรัฐอเมริกา ท่านได้ทุ่มเทกาลังกาย กาลังใจ และสติปัญญา<br />

สนองงานวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. วัดป่าธรรมรัตน์ และสมัชชาสงฆ์ไทย<br />

ในสหรัฐอเมริกา มาด้วยความวิริยะอุตสาหะ ก่อให้เกิดหิตานุหิตประโยชน์<br />

อย่างไพศาลต่อสังคมไทย ประเทศชาติ และพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะอย่าง<br />

ยิ่งในสหรัฐอเมริกา เป็นอเนกประการ<br />

ขออานาจคุณพระศรีรัตนตรัย หลวงพ่อพุทธมงคลวิมลดีซี และกุศล<br />

จริยาสัมมาปฏิบัติที่ท่านได้บาเพ็ญแล้ว จงมารวมกันเป็นพลวปัจจัย อานวยพร<br />

ให้ท่านเจ้าคุณ พระวิเทศรัตนาภรณ์ เจริญงอกงามไพบูลย์ในบวรพระพุทธ<br />

ศาสนา และเจริญยิ่งๆ ขึ้นไปในสมณธรรมตลอดกาลเป็นนิตย์ เทอญ<br />

พระครูสิริสิทธิวิเทศ<br />

(เรืองฤทธิ์ สมิทฺธิาโณ)<br />

รองประธานคณะกรรมการอานวยการ<br />

วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

10


พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี/อินธิแสน)<br />

Handy : สร้างผลงานด้วยสมองและสองมือ<br />

ย้อนกลับไปยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ขณะอยู่ศึกษาที่วัดอัมพวัน ราชวัตร ดุสิต<br />

กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสำนักงานของศูนย์รวมสงฆ์ชาวอีสาน ๑๙ จังหวัด<br />

โดยมีหลวงพ่อเจ้าคุณพระญาณโพธิ (บุญมี) เป็นประธานศูนย์รวมสงฆ์<br />

ชาวอีสาน<br />

ครั้งนั้นได้ร่วมงานกับท่านพระมหาถนัด อตฺถจารี ซึ ่งศึกษาที่<br />

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ท่านมีบทบาทด้านนักวิชาการ<br />

จัดทำวารสาร “ดอกจาน” ซึ่งเป็นวารสารของศูนย์รวมสงฆ์ชาวอีสาน มี<br />

บทบาทในการช่วยงานสังคมสงเคราะห์พระสงฆ์สามเณรชาวอีสาน<br />

ส่วนภายในวัดอัมพวัน ท่านยังเป็นเลขานุการโรงเรียนพุทธศาสนา<br />

วันอาทิตย์ และสอนที่โรงเรียนอัมพวันศึกษา ซึ่งเป็นโรงเรียนราษฏร์การกุศล<br />

ของวัดในพระพุทธศาสนา<br />

ด้วยรูปร่างงดงาม ศีลาจารวัตรเรียบร้อย การแสดงธรรม การพูดจา<br />

องอาจ ท่านจึงเป็นไอดอลของพระหนุ่มสามเณรน้อย เป็นขวัญใจของพวกเรา<br />

เมื่อสำเร็จการศึกษาพุทธศาสตรบัณฑิต ท่านได้รับการคัดเลือกให้เดินทาง<br />

ปฏิบัติศาสนกิจต่างประเทศ เป็นพระธรรมทูต ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

ข้าพเจ้าเมื่อสำเร็จการศึกษาปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยนาคปุระ<br />

ประเทศอินเดีย ได้รับการคัดเลือกให้เป็นพระธรรมทูต ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน,<br />

ดี.ซี. องค์ประกอบหนึ่งคงเนื่องมาจากการที่เคยร่วมงานกันที่วัดอัมพวัน ราชวัตร<br />

ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของพระหนุ่มรูปหนึ่งที่ได้โบยบินสู่ซีกโลกตะวันตก ประเทศ<br />

สหรัฐอเมริกา แดนพญานกอินทรีย์<br />

ท่านพระมหาถนัด อตฺถจารี/อินธิแสน หรือท่านเจ้าคุณ พระวิเทศ<br />

รัตนาภรณ์ ได้รับหน้าที่มากมายหลายประการ เป็นผู้สร้างงานใหม่ๆ ในยุค<br />

สมัยที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังที่ข้าพเจ้าพอจะรวบรวมได้ คือ<br />

11


๑. โครงการเผยแผ่พระพุทธศาสนาผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ในยุค<br />

ที่เกิดคอมพิวเตอร์ และพัฒนาการใช้อินเทอร์เน็ตใหม่ๆ ด้วยความสนับสนุน<br />

ของบริษัทไอไออาร์ที ของครอบครัวพิชัยกุล ได้จัดอบรมการใช้ถ่ายทอดสด<br />

ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ภาคอินเทอร์เน็ตทุกวัน ทำให้พระสงฆ์ได้รู้จักใช้สื่อ<br />

เทคโนโลยีสารสนเทศ แม้แต่หลวงพ่อพระราชมงคลรังษี หรือหลวงตาชี<br />

พระสงฆ์ไทยผู้มีอายุพรรษามากรูปหนึ่ง ท่านก็พัฒนาตนใช้คอมพิวเตอร์และ<br />

อินเทอร์เน็ตได้อย่างทันสมัยในการเผยแผ่พุทธศาสนา<br />

ปัจจุบัน ท่านเจ้าคุณพระวิเทศรัตนาภรณ์ได้บันทึกเสียง บันทึกภาพ<br />

ลงไว้ในคลังธรรม ทั้งเฟสบุ๊ค ยูทูปจำนวนมากมาย<br />

๒. เป็นนักเขียน นักประพันธ์ นักวาดรูป นักถ่ายภาพ วิญญาณของ<br />

ศิลปินของท่าน ได้สร้างผลงานออกมาไม่ได้ขาด รูปวิวทิวทัศน์แบบไทยๆ ทั้ง<br />

ในวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. และได้แสดงตามสถานที่ต่างๆ นามว่า Handy<br />

คือผลงานจิตรกรรมของท่านเจ้าคุณ ไม่ต้องกล่าวถึงรูปถ่ายประกอบตาม<br />

หนังสือ หรือข้อเขียนการประพันธ์ทั้งในหนังสือแสงธรรม และที่พิมพ์ออกมา<br />

เป็นเล่ม เรื่องราวสารคดีการเดินทาง ข้อเขียนธรรมะ ทั้งภาคภาษาไทย และ<br />

ภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ยังปรากฏในโซเชียลมีเดียต่างๆ อีกมากมาย<br />

๓. การสงเคราะห์ผู้อื่น : ท่านอาจารย์เจ้าคุณฯ ได้รับเป็นประธาน<br />

กองทุนธรรมรัตน์ เพื่อสร้างศาสนทายาทสืบอายุพระพุทธศาสนา มอบทุนแด่<br />

พระภิกษุสามเณรผู้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนแต่ขาดแคลน ได้ช่วยเหลือพระภิกษุ<br />

สามเณรในชนบทเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็นต้นมา นอกจาก<br />

นี้ยังมีกองทุนส่งเสริมการปฏิบัติธรรม คุณแม่สมจิตร วสุรัตน์ ซึ่งตั้งโดยคุณ<br />

พัชรา ทานนุส บริจาคช่วยเหลือพระสงฆ์ผู้สนใจเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน<br />

๔. บทบาทในเวทีสำคัญของโลก ดำรงตำแหน่งต่างๆ อาทิเช่น<br />

- ประธานอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

- ประธานอำนวยการวัดป่าธรรมรัตน์<br />

- เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

- ประธานกรรมการสมาคมชาวพุทธนานาชาติแห่งสหรัฐอเมริกา<br />

(IBAA)<br />

12


๕. ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ นี้ ท่านได้รับนิมนต์เป็นองค์แสดงธรรม ณ ใต้ร่ม<br />

พระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา ประเทศอินเดีย คืนวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />

เนื่องในงานสาธยายพระไตรปิฎกบาลีนานาชาติของพระพุทธศาสนาเถรวาท<br />

ระหว่างวันที่ ๒-๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๙ แต่เมื่อได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็น<br />

พระราชาคณะครั้งนี้ จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งใหญ่ ที่พระธรรมทูตไทย<br />

รูปหนึ่ง ได้ทุ่มเทชีวิตสนองงานรับใช้พระพุทธศาสนา และประเทศชาติบ้าน<br />

เมือง จนเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่สายตาของชาวโลก<br />

ในนามศิษยานุศิษย์ และสาธุชนผู้เคารพศรัทธาในพระเดชพระคุณ<br />

ท่านเจ้าคุณพระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี/อินธิแสน) จึงขอถวายมุทิตา<br />

สักการะด้วยข้อเขียนนี้ ส่งมาจากแดนดินถิ่นพุทธภูมิ ร่มพระศรีมหาโพธิ์<br />

พุทธคยา อินเดีย<br />

ขอคุณพระศรีรัตนตรัย คุณพระพุทธเจ้าที่สูงล้ำ คุณพระธรรมที่สูงส่ง<br />

คุณพระอริยสงฆ์ที่ว่างโล่งโปร่งเย็น ได้อภิบาลประทานพรให้ท่านเจ้าคุณ<br />

อาจารย์ “พระวิเทศรัตนาภรณ์” เจริญรุ่งเรือง ไพบูลย์ในชีวิตยิ ่งๆ ขึ้นไป<br />

หวังอริยมรรค จงได้รับการบันดล อริยผล จงได้รับการบันดาล หวัง<br />

พระนิพพาน คือถึงที่สุดแห่งทุกข์ จงสำเร็จผลโดยไวด้วยเทอญฯ<br />

ธรรมสวัสดี นโมพุทธายะ<br />

(พระครูสุธีธรรมธร ดร.อำพล สุธีโร/พลมั่น)<br />

รองเจ้าคณะอำเภอหนองหาน<br />

เจ้าอาวาสวัดศรีทรงธรรม อุดรธานี<br />

รองประธานอำนวยการวัดป่าธรรมรัตน์<br />

13


14<br />

มุทิตาสักการะ<br />

ท่านเจ้าคุณอาจารย์ “พระวิเทศรัตนาภรณ์“<br />

................................<br />

เมื่อปีพ.ศ.๒๕๔๕ ข้าพเจ้าเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศอินเดีย และได้<br />

พบพระอาจารย์มหาถนัดที่วัดไทยพุทธคยา ท่านเอ่ยปากชวนให้ไปช่วยงานที่<br />

สหรัฐอเมริกา ขณะนั้นข้าพเจ้าเพิ่งบวชพระได้แค่ ๒ พรรษา จึงมุ่งหน้าเรียน<br />

อย่างเดียว มีโอกาสได้พบปะสนทนากับพระอาจารย์และคณะบ้างในโอกาส<br />

ต่างๆ ระหว่างอยู่ประเทศอินเดีย รู้สึกประทับใจในความสามารถด้านการใช้<br />

ภาษาอังกฤษและความเป็นกันเองของท่าน<br />

เมื่อปีพ.ศ.๒๕๔๙ เมื่อมีพรรษากาลครบตามที่ทางโครงการอบรมพระ<br />

ธรรมทูตสายต่างประเทศกาหนดจึงได้เข้ารับการอบรมเพื่อเป็นพระธรรมทูต<br />

สายต่างประเทศ ข้าพเจ้าทราบตั้งแต่ก่อนเข้าโครงการว่า จะไปปฏิบัติงานที่<br />

วัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. เพราะครูบาอาจารย์ได้ดาเนินเรื่องไว้แล้ว แต่ก่อน<br />

สิ้นสุดการอบรมก็มีทุนการศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลที่ให้กับป.ธ.๙ แทรกเข้า<br />

มา ทาให้ต้องตัดสินใจว่า จะไปอเมริกาหรือจะรับทุนเรียนต่อ ข้าพเจ้านาเรื่อง<br />

นี้ไปปรึกษากับครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือว่า ควรทาอย่างไรดี ซึ่งท่านเหล่า<br />

นั้นต่างลงความเห็นว่าควรเรียนก่อนค่อยทางาน จึงได้ทาหนังสือกราบเรียน<br />

ขอยกเลิกการเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจที่สหรัฐอเมริกากับหลวงตาชีและ<br />

พระอาจารย์ถนัดซึ่งท่านก็เข้าใจ<br />

เมื่อปีพ.ศ.๒๕๕๐ โครงการการศึกษาของวิทยาลัยศาสนศึกษา<br />

มหิดล ได้ยกเลิกไปเนื่องด้วยขาดงบประมาณสนับสนุน จึงทาให้อยากไปหา<br />

ประสบการณ์ที่สหรัฐอเมริกาอีก จึงได้เรียนถามพระอาจารย์ซึ ่งท่านบอกว่า<br />

ที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี.พระไม่ขาด แต่วัดสาขายังขาดพระ ท่านจึงฝาก<br />

ให้ไปอยู่กับพระอาจารย์มหาอุดม ปภงฺกโร เจ้าอาวาสวัดป่าสันติธรรม จึง


เป็นสาเหตุให้ได้มาปฏิบัติศาสนกิจที่วัดสาขาของวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

ในขณะที่ทางานอยู่ที่วัดป่าสันติธรรมข้าพเจ้าก็มีโอกาสได้ช่วยงานพระอาจารย์<br />

มหาถนัดเรื่อยๆ ด้วยความศรัทธาในการทางานเผยแผ่พระพุทธศาสนา<br />

ของท่าน<br />

เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๕๔ พระอาจารย์ได้พูดถึงโครงการสร้างวัดที่เมือง<br />

พิทส์เบิร์กซึ่งเพิ่งได้รับอนุญาตให้ดาเนินการสร้างโดยหลวงพ่อพระราชมงคล<br />

รังษี (หลวงตาชี) ซึ่งพระอาจารย์ในฐานะประธานฯ ได้ชักชวนให้เป็นเลขานุการ<br />

ของโครงการ ข้าพเจ้าตอบตกลงตั้งแต่ยังไม่ได้ขออนุญาตหลวงพ่อเจ้าอาวาส<br />

วัดป่าสันติธรรม เพราะศรัทธาในการทางานเผยแผ่ศาสนาของท่าน และ<br />

ภายหลังที่ประชุมวัดป่าสันติธรรมก็อนุญาตให้ไปช่วยงานสร้างวัดใหม่ที่<br />

พิทส์เบิร์กได้<br />

ปลายปีพ.ศ. ๒๕๕๔ ได้เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจที่วัดแห่งใหม่ได้<br />

ช่วยกันกับพระสงฆ์และญาติโยมสร้างวัดสร้างศรัทธาที่นั้นภายใต้การนา<br />

ของพระอาจารย์มหาถนัด นอกจากงานที่วัดป่าธรรมรัตน์แล้วยังได้ช่วยงาน<br />

พระอาจารย์ในฐานะที่ท่านเป็นเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

งานหลายอย่างที่ท่านทาเป็นงานอาสาสมัครและไม่มีสินจ้างรางวัล นอกจาก<br />

ประโยชน์แก่ส่วนรวมและความภูมิใจว่าได้ทาสิ่งที่ดีมีประโยชน์<br />

ปีนี้ในวโรกาสคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จ<br />

พระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดช พระอาจารย์ได้รับโปรดเกล้าพระราชทาน<br />

แต่งตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระวิเทศรัตนาภรณ์ ถือว่า<br />

เป็นผลพลอยได้จากการบาเพ็ญคุณงามความดีอย่างต่อเนื่องหลายทศวรรษ<br />

ของท่านในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่างประเทศ และถือเป็นการเติมกาลัง<br />

ใจให้ท่านได้ทางานไพศาลยิ่งๆ ขึ้นไปเพื่อประโยชน์แก่พหูชน<br />

ในฐานะศิษย์ผู้สนองงานคนหนึ่งของท่านอาจารย์เจ้าคุณมาหนึ่ง<br />

ทศวรรษ รู้สึกปลื้มปิติยินดีว่า เหมาะสมอย่างยิ่ง สมควรอย่างยิ่ง ขอให้อาจารย์<br />

15


เจ้าคุณมีสุขภาพอนามัยแข็งแรงเป็นพลังในการทางานเพื่อประโยชน์เกื้อกูล<br />

ความสุขแก่มหาชนยิ่งๆ ขึ้นไป และเพื่อความไพบูลย์ของพระพุทธศาสนาใน<br />

สหรัฐอเมริกาสืบไป<br />

ด้วยความยินดียิ่งและด้วยความเคารพอย่างสูง<br />

พระมหาปิยะ อุตฺตมปญฺโ ป.ธ.๙, Ph.D.<br />

หัวหน้าสงฆ์/เลขานุการวัดป่าธรรมรัตน์<br />

ในนามศิษยานุศิษย์วัดป่าธรรมรัตน์ พิทส์เบิร์ก<br />

16


สารแสดงความยินดี<br />

เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช<br />

องค์พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย ได้พระราชทานตั้งสมณศักดิ์<br />

แด่ท่านพระอาจารย์พระครูสิริอรรถวิเทศ (ดร.พระมหาถนัด อตฺถจารี) ใน<br />

พระราชทินนาม ที่ “พระวิเทศรัตนาภรณ์”<br />

ในนามเลขาธิการ สมัชชาสงฆ์ลาวอเมริกัน ที่ได้ร่วมงานเคียงบ่าเคียงไหล่<br />

ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสหรัฐอเมริกา ขอแสดงความชื่นชมยินดี ที่<br />

ท่านพระอาจารย์ได้รับเกียรติตั้งสมณศักดิ์ในครั้งนี้ อันเป็นความเหมาะสม<br />

อย่างยิ่งที่จะเชิดชู ยกย่องแก่ผู้ที่ทำคุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา<br />

ขอให้พระอาจารย์จงมีความสุขกาย สุขใจ เป็นผู้นำประทีปธรรมสู่<br />

สาธุชนทุกถ้วนหน้าตลอดไปเทอญ<br />

Ven.Thongvanh Uttamapanyo<br />

General secretary of<br />

Lao American Buddhist Sangha Council<br />

(เลขาธิการ องค์กรคณะสงฆ์ลาวแห่งสหรัฐอเมริกา)<br />

17


18<br />

มุทิตาสักการะ<br />

พระครูสิริอรรถวิเทศ (ถนัด อตฺถจารี, ป.ธ.๕, พธ.บ., M.A., Ph.D.)<br />

เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

ประธานอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

ประธานอำนวยการวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย<br />

ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานแต่งตั้งสมณศักดิ์<br />

เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่<br />

“พระวิเทศรัตนาภรณ์”<br />

๕ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />

------------<br />

วันที่ห้า ธันวาคม อุดมมงคล<br />

เฉลิมพระชนม์ พรรษา มหาดิถี<br />

มุทิตา สักการะ สดุดี<br />

พระผู้เป็น ศักดิ์ศรี สมัชชา<br />

พระ - ผู้นำ เผยแผ่ พุทธศาสน์<br />

ครู - องอาจ ปราชญ์เมธี ศรีสง่า<br />

สิริ - สวัสดิ์ พิพัฒน์ผล ดลปัญญา<br />

อรรถ - ธรรม นำศรัทธา มหาชน<br />

วิเทศ - ศรี สงฆ์ไทย ในต่างแดน<br />

ถนัด - เทศน์ ทุกเขตแคว้น ถึงแก่นผล<br />

อตฺถ - รู้ ประโยชน์ท่าน ประโยชน์ตน<br />

จารี - งาม ยามยินยล ธรรมวินัย<br />

เป็นเลขาธิการสมัชชาฯ<br />

เปี่ยมปัญญา ธำรงศาสน์ ปราชญ์เลื่อมใส<br />

วิปัสสนา กรรมฐาน ศานต์สุขใจ<br />

ทั้งเทศ-ไทย ให้ตื่นรู้ สู่เบิกบาน


ด้วยความดี ที่บำเพ็ญ เห็นประจักษ์<br />

ทุ่มใจรัก พิทักษ์ธรรม นำสืบสาน<br />

วโรกาส เฉลิมพระชนม์ มงคลกาล<br />

พระราชทาน พัดยศ ปรากฏนาม<br />

“พระวิเทศรัตนาภรณ์” บวรสงฆ์<br />

ผู้ธำรง ความดี ที่เกรงขาม<br />

เปรียบดั่งแก้ว ล้ำค่า พางดงาม<br />

ทุกเขตคาม นามระบือ ชื่อมงคล<br />

พระ - ผู้ทรง ภูมิธรรม ภูมิปัญญา<br />

วิเทศ - นำ ประชา พาฝึกฝน<br />

รัตนา - เมธี ศรีโสภณ<br />

ภรณ์ - อุดม เลิศล้น คนแดนไกล<br />

ร้อยดวงใจ มุทิตา สักการะ<br />

ขอคุณพระ ไตรรัตน์ ดังฉัตรใหญ่<br />

อยู่เป็นร่ม โพธิ์ทอง ของชาวไทย<br />

เป็นร่มไทร แผ่ไพศาล ทุกกาลเทอญ ฯ<br />

--------------------<br />

ร้อยกรอง<br />

โดย พระมหาคำตัล พุทฺธงฺกุโร ป.ธ.๙<br />

ในนามคณะสงฆ์ คณะกรรมการ อุบาสกอุบาสิกา<br />

วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. รัฐแมรี่แลนด์<br />

และวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย<br />

๒ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />

19


มุทิตาพจน์<br />

นายพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน<br />

งานมุทิตาสักการะพระวิเทศรัตนาภรณ์ วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />

ณ วัดป่าวิเวกจันทราราม บ้านดงมะไฟ ตำบลขมิ้น อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร<br />

------------------------<br />

เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร<br />

มหาภูมิพลอดุลยเดช ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหา-<br />

วชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน<br />

ตั้งสมณศักดิ์ให้ พระครูสิริอรรถวิเทศ (ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.)<br />

เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทย ในสหรัฐอเมริกา ประธานคณะกรรมการวัดไทย<br />

กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ประธานอำนวยการสร้างวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์<br />

เบิร์ก มลรัฐเพนซิลเวเนีย และประธานคณะกรรมการอำนวยการองค์กรพุทธ<br />

สมาคมแห่งสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ใน<br />

ราชทินนามที่ พระวิเทศรัตนาภรณ์ นำความปิติยินดี มาสู ่คณะสงฆ์ อุบาสก<br />

อุบาสิกา และศิษยานุศิษย์เป็นอย่างยิ่ง<br />

พระเดชพระคุณ พระวิเทศรัตนาภรณ์ เป็นผู้ใฝ่รู้ทางธรรมตั้งแต่<br />

เยาว์วัย โดยบรรพชาเมื่ออายุ ๑๓ ปี ณ พัทธสีมาวัดศรีสุมังคล์ จังหวัดสกลนคร<br />

และอุปสมบทเมื่ออายุ ๒๐ ปี ณ พัทธสีมาวัดการเวก จังหวัดนครราชสีมา<br />

ก่อนเดินทางมาเป็นพระธรรมทูตปฏิบัติศาสนกิจประจำวัดไทยกรุงวอชิงตัน,<br />

ดี.ซี.<br />

20


ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๕ พระเดชพระคุณฯ ได้ร่วมพัฒนาวัดไทยกรุงวอชิงตัน,<br />

ดี.ซี. อย่างต่อเนื่อง มีบทบาทนำในการก่อตั้งวัดป่าธรรมรัตน์เพื่อเผยแผ่<br />

พระพุทธศาสนาและส่งเสริมศาสตร์การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานให้กับ<br />

พุทธศาสนิกชนไทยและต่างชาติ รวมทั้งสอนการฝึกนั่งสมาธิให้ผู้ซึ่งอยู่ใน<br />

เรือนจำในมลรัฐเพนซิลเวเนีย ทำให้พระเดชพระคุณฯ เป็นผู้ที่คณะสงฆ์ และ<br />

พุทธศาสนิกชนให้ความเคารพยกย่อง<br />

ในฐานะเอกอัครราชทูต ก็ได้ประจักษ์ถึงบทบาท ความสามารถในการ<br />

ทำหน้าที่พระธรรมทูตของพระเดชพระคุณฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการ<br />

อำนวยการองค์การพุทธสมาคมฯ ในการสร้างเครือข่ายระหว่างกลุ่มพุทธนิกาย<br />

ต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา ทั้งยังขยายความร่วมมือกับนักบวชนิกายอื่น ๆ อันเป็น<br />

การยกบทบาทที่สร้างสรรค์ของพระสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างพลังแห่ง<br />

ความเข้าใจและส่งเสริมสันติสุข ในสังคมหลายหลากในปัจจุบัน นับเป็นแบบอย่าง<br />

ที่โดดเด่นที่เป็นแรงบันดาลใจให้พระธรรมทูตในต่างแดนอย่างดีงามยิ่ง<br />

ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ เหล่าข้าราชการ เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ<br />

ตลอดจนพุทธศาสนิกชน ในสหรัฐอเมริกา ขอกราบถวายมุทิตาสักการะแด่<br />

พระเดชพระคุณฯ และขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์<br />

ทั้งหลาย จงรวมกันเป็นพรอันประเสริฐให้พระวิเทศรัตนาภรณ์มีสุขภาพ<br />

พลานามัยแข็งแรง เป็นแบบอย่างให้คณะสงฆ์รุ่นต่อ ๆ ไป และเป็นที่พึ่งพิง<br />

ทางจิตใจแก่พุทธศาสนิกชนทั้งไทยและเทศโดยทั่วกัน<br />

(นายพิศาล มาณวพัฒน์)<br />

เอกอัครราชทูต<br />

21


December 5, 2016<br />

Dear Venerable Phra Videsratanaporn (Ajahn Thanat),<br />

On behalf of the officers and members of the International Buddhist<br />

Committee of Washington, DC, it is my great pleasure to wish you<br />

congratulations on the conferment of your new monastic title. Your<br />

dedication and commitment to promoting and preserving the Lord<br />

Buddha’s teachings across the world, and especially here in the<br />

United States, is an inspiration to us all. Through your education<br />

projects, religious programs, and community service, you are a living<br />

embodiment of the Buddhist concept of viriya, the unquenchable<br />

effort necessary to promote wholesome thoughts and skillful actions.<br />

Your guidance as an IBC officer and advisory committee member has<br />

been invaluable over the past years, and we look forward to continue<br />

working with you to strengthen the linkages between Buddhists of all<br />

lineages, as well as our non-Buddhist brothers and sisters, here in the<br />

Washington, DC region.<br />

May this great honor bring you great happiness and further enable you<br />

to bring the light of the Buddha’s Dharma to the world. As the Lord<br />

Buddha taught in the Mangala Sutta:<br />

Bāhu saccam ca sippan ca vinayo ca susikkhito<br />

Subhasitā ca yā vācā — Ētam mangala muttamam<br />

To have great learning, to be skillful in craft, well-trained in discipline,<br />

And well-spoken — This is the greatest blessing<br />

With palms together,<br />

Matthew R.G. Regan<br />

Secretary, International Buddhist Committee of Washington, DC<br />

22


มุทิตาสักการะ<br />

ท่านอาจารย์เจ้าคุณพระวิเทศรัตนาภรณ์<br />

(ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.)<br />

................................................<br />

“เป็นนักคิด นักเขียน นักเรียนรู้<br />

นักต่อสู้ นักปราชญ์ นักศาสนา<br />

นักเผยแผ่ นักปฏิบัติ นักปรัชญา<br />

นักพัฒนา วิชาการ สานพุทธธรรม”<br />

ทันทีที่ได้รับทราบข่าวอันเป็นมหามงคล เนื่องในโอกาสวันคล้าย<br />

วันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช<br />

เมื่อวันที ่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ ว่าท่านอาจารย์พระครูสิริอรรถวิเทศ<br />

(ดร.พระมหาถนัด อตฺถจารี) เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา,<br />

ประธานอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ประธานอำนวยการวัดป่าธรรมรัตน์<br />

เมืองพิทส์เบิร์ก ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดพระราชทานแต่งตั้งสมณศักดิ์<br />

เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่ “พระวิเทศรัตนาภรณ์” ย่อม<br />

นำความปีติยินดีมาสู่คณะสงฆ์ อุบาสกอุบาสิกา และคณะศิษยานุศิษย์ที่<br />

เคารพเป็นอย่างยิ่ง<br />

กระผมและครอบครัว ขอแสดงมุทิตาสักการะมา ณ โอกาสนี้ เพราะ<br />

ท่านอาจารย์เจ้าคุณฯ ได้ทุ่มเทอุทิศทั้งกำลังกายใจ กำลังสติปัญญา และกำลัง<br />

ความสามารถที่ปราดเปรื่อง โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า มีผลงาน<br />

ที่โดดเด่นปรากฏชัด โดยดำรงตำแหน่งมากมาย เช่น<br />

๑. เป็นเลขาธิการสมัชชาฯ มีหน้าที่รับผิดชอบภารธุระกิจการพระศาสนา<br />

ของคณะสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา เหมือนเป็นตัวแทนคณะสงฆ์ไทย ในนาม<br />

มหาเถรสมาคม<br />

๒. เป็นนักสอนวิปัสสนานานาชาติ (Meditation Workshop)<br />

๓. เป็นประธานกรรมการองค์กรพุทธสมาคมนานาชาติ แห่งสหรัฐอเมริกา<br />

23


(IBAA) ด้วยความรู้ความสามารถในการจัดประชุม สัมมนาชาวพุทธนานาชาติ<br />

ในเวทีระดับโลก โดยการประสานผู้นำศาสนาต่างๆ มาร่วมทำงานเป็น<br />

เครือข่ายให้เกิดพลังแห่งความสามัคคี เพื่อนำสู่สันติสุข สันติภาพแก่ชาวโลก<br />

๔. เป็นประธานอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

๕. เป็นประธานอำนวยการวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบิร์ก<br />

ท่านเป็นผู้เพียบพร้อมด้วยภูมิธรรม ภูมิปัญญา ทำหน้าที่ด้วยความ<br />

เข้มแข็ง อดทน เสียสละ เป็นพระธรรมทูตจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา<br />

ทั่วโลก ทั้งประเทศไทย ในยุโรป และอเมริกา บำเพ็ญเป็นหิตานุหิตประโยชน์<br />

แก่สังคม ประเทศชาติ และพระพุทธศาสนา สมดังพระพุทธจริยาที่ทรงส่ง<br />

พระสาวกไปประกาศพระพุทธศาสนาครั้งแรกว่า “จรถ ภิกฺขเว จาริกํ<br />

พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ”<br />

อย่างแท้จริง<br />

“พระวิเทศรัตนาภรณ์” บวรแก้ว ผู้ผ่องแผ้ว งดงาม ตามแบบสงฆ์<br />

ธรรมวินัย ใคร่ศึกษา พาธำรง ปฏิปทา พามั่นคง ทรงศีลา<br />

เป็นนักคิด นักเขียน เพียรทำงาน เพื่อสืบสาน ผดุงชาติ ศาสนา<br />

สมัชชา สงฆ์ไทย ในอเมริกา “เลขาธิการ” ชาญปรีชา พาเกรียงไกร<br />

ผู้นำองค์กร ศาสนา นานาชาติ เพื่อประกาศ พุทธธรรม นำสดใส<br />

พุทธศาสนา ยืนยง ดุจธงชัย ดับทุกข์โศก โรคจิตใจ ใฝ่ทำดี<br />

น้อมแสดง มุทิตา สักการะ คารวะ ท่านเจ้าคุณ หนุนศักดิ์ศรี<br />

เกียรติยศ ปรากฏไกล ในธาตรี บุญบารมี แผ่ไพศาล ทุกกาลเทอญฯ<br />

น้อมมุทิตาด้วยความเคารพอย่างสูง<br />

ครุฑ – สอางค์ สมบัติใหม่<br />

๙ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />

24


มุทิตาพจน์<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี)<br />

-------------------------<br />

การปฏิศาสนกิจเพื่อพัฒนาจิตของพุทธศาสนิกชน ถือว่าเป็นหน้าที่<br />

ของพระธรรมทูตทั้งที่ปฎิบัติศาสนกิจในประเทศไทยและต่างประเทศ เพราะ<br />

เป็นการดาเนินตามพระดารัสขององค์สมเด็จสัมมาพุทธเจ้า ที่ประสงค์ให้<br />

สาวกของพระองค์ปฎิบัติหน้าที่ เพื่อประโยชน์ของชุมชนทุกหมู่เหล่า<br />

การปฏิบัติศาสนกิจของท่านอาจารย์เจ้าคุณ พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />

(ถนัด อตฺถจารี) เรียกได้ว่าเป็นการทาหน้าที่อย่างสมบูรณ์ ลาภ ยศ สักการะ<br />

เป็นสิ่งที่ตามมาโดยที่เรามิต้องเสาะแสวงหา<br />

เนื่องในโอกาสที่ท่านอาจารย์ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น<br />

พระราชาคณะชั้นสามัญที่ “พระวิเทศรัตนาภรณ์” ขออานาจคุณ<br />

พระศรีรัตนตรัย บารมีของหลวงพ่อพุทธมงคลวิมลดีซี องค์พระประธานใน<br />

อุโบสถวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. จงอานวยพรให้ท่านมีสุขภาพพลานามัย<br />

แข็งแรง มีความเจริญในหน้าที่การงานในทางพระพุทธศาสนาสืบไป<br />

ประพจน์ คุณวงศ์<br />

รองประธานคณะกรรมการอานวยการ<br />

วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

25


26<br />

มุทิตาคารวะ<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี)<br />

-------------------------<br />

เนื่องในวาระดิถีที่เป็นมหามงคล วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา<br />

ท่านพระครูสิริอรรถวิเทศ (ถนัด อตฺถจารี) ประธานอำนวยการวัดไทย<br />

กรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. และเลขาธิการ สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

ได้รับแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่<br />

“พระวิเทศรัตนาภรณ์”<br />

การที่ท่านเจ้าคุณฯ ได้รับแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชคณะในครั้งนี้ ก็<br />

เพราะว่าท่านได้สนองงานพระศาสนาอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในด้านปกครอง<br />

การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นสำคัญ ตำแหน่งเลขาธิการนั้น ถือว่าเป็นขุม<br />

กำลังและมันสมองในการขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ<br />

งานทุกอย่างจักสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์<br />

นั้น เพราะเลขาธิการเป็นผู้ที ่มีบทบาทสำคัญในการวางแผนและเตรียมการ<br />

จนผลงานเกียรติยศปรากฏไกลและมีความโดดเด่นสง่างามเป็นที่ประจักษ์<br />

ชัดแล้วนั้น.<br />

เพราะฉะนั้น จะเห็นว่าท่านเจ้าคุณฯ เป็นทั้งนักบริหาร (นักปกครอง),<br />

นักบริการ(จิตอาสา) และนักกระทำ (ลงมือปฏิบัติงานจริง) โดยไม่ทิ้งหลัก<br />

ธรรม อาจกล่าวได้ว่า ท่านเจ้าคุณฯ “เป็นศรีของสงฆ์ เป็นธงของศาสน์ เป็น<br />

นักปราชญ์ของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา” อย่างน่าภาคภูมิใจ<br />

การที่ท่านได้เป็นได้รับการสถาปนาเป็นท่านพระครู, ท่านเจ้าคุณฯ ก็เป็น<br />

ตามตำแหน่งในการปกครองเท่านั้น แต่ท่านก็ยังเป็นพระอาจารย์, หลวงพี่,<br />

หลวงลุง, หลวงอาถนัดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง<br />

การที่ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ เป็นพระราชาคณะที่<br />

“พระวิเทศรัตนาภรณ์” ในครั้งนี้ จึงนำมาซึ่งความปลาบปลื้มปิติยินดีแก่


ญาติโยมวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี., รัฐใกล้เคียง ตลอดจนคณะศิษยานุศิษย์<br />

และสาธุชนทั่วไป ในนามศิษย์เก่า มจร. สาขาวอชิงตันดีซี จึงขอมุทิตา<br />

สักการะมา ณ โอกาสนี้<br />

ขอบารมีธรรมและคุณพระศรีรัตนตรัย ดลบันดาลประทานพรให้ท่าน<br />

อาจารย์เจ้าคุณเจริญรุ่งเรืองงอกงามในพระพุทธศาสนา เป็นร่มโพธิ์ทองส่อง<br />

ปัญญาให้เกิดความผาสุกเกษมสำราญตลอดกาลเทอญ<br />

กราบนมัสการด้วยความเคารพยิ่ง<br />

นายมิ่ง เพลิศพราว<br />

นายกสมาคมศิษย์เก่า มจร. USA.<br />

๘ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />

27


อตฺถจารีมงฺคลญชลี<br />

แด่...พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.)<br />

วัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบิร์ก สหรัฐอเมริกา<br />

พระมหาถนัด อตฺถจารี<br />

พระมหา ประโยคห้า เปรียญธรรม<br />

ถนัด นิจธรรมทูตนำ นบน้อม<br />

อตฺถ ศาสนธรรม ประกาศ<br />

จารี รุ่งเลิศเลอล้อม ประพฤติแผ้วโสภณ<br />

พระครูสิริอรรถวิเทศ<br />

พระครู ธรรมทูตแก้ว ไกรหาญ<br />

สิริ แผ่เผยธรรมภาณ พุทธเจ้า<br />

อรรถ ศาสนโวหาร ประหาส<br />

วิเทศ ทิศทุกค่ำเช้า โชติชั้นพิชาชาญ<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />

พระ ธรรมทูตท่องหล้า ฟ้าดิน<br />

วิเทศ วรธรรมวาริน หล่อเลี้ยง<br />

รัตนา ภิมณฑ์ศิลป์ พุทธศาสน์<br />

ภรณ์ เพิ่มกิจก่อเกลี้ยง เกริกก้องสมัชชา<br />

ขอพระไตรรัตน์ล้อม รักษา<br />

ขอเทพทวยเทวา คุปคุ้ม<br />

ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภา ประภาส<br />

ขอพระโอมโอบอุ้ม ถนัดไว้นิรันดร<br />

28<br />

ขอแสดงมุทิตานุโมทนากร<br />

อนัตตานันทะ<br />

(นายบำรุง พันธุ์อุบล)<br />

๓ ธันวาคม ๕๙


มุทิตาจิตสดุดี<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อฺตถจารี)<br />

...................<br />

๏ พระ สงฆ์องค์สืบสร้าง ศาสนา<br />

วิเทศรัตนา เลิศล้ำ<br />

ภรณ์ กอปรกิจศิลปา สรรพศาสตร์<br />

คือวิศิษฏ์สงฆ์ค้ำ หน่อเนื้อนาบุญ<br />

๏ การุญเมตต์ถ้วน ไพศาล<br />

ธรรมทูตเทิดงาน ก่อเกื้อ<br />

พุทธศาสน์ประดิษฐาน คงมั่น มานา<br />

อุทิศกายใจเอื้อ โอบอุ้มคุ้มครอง<br />

๏ ผองไทยเทศนอบน้อม ศรัทธา<br />

ด้วยจิตมุทิตา ยิ่งล้น<br />

องอาจปราชญ์สังฆา ยอดยิ่ง จริงเฮย<br />

เกียรติคุณท่วมท้น ยากแท้พรรณนา<br />

๏ บารมีรักษ์เรื้อง ศาสน์สงฆ์<br />

สมดั่งเจตน์จำนง มุ่งไว้<br />

มุทิตาจิตจง<br />

เกษมสุข เสมอแฮ<br />

จตุรพิธพรให้<br />

แม่นแม้นใจหมาย<br />

ด้วยมุทิตาจิตคารวะ<br />

นางสาวิกา แสนกลาง<br />

โรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์<br />

ในนามคณะครูอาสา ผู้ปกครอง นักเรียน โรงเรียนวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

29


มุทิตาจิต<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี)<br />

พระ - เป็นดั่งร่มแก้ว นาบุญ<br />

วิเทศ - สัมพันธคุณ ทั่วหล้า<br />

รัตนา - ตรัยค้ำจุน ยังประโยชน์<br />

ภรณ์ - แผ่ธรรมทั่วหน้า จากน้ำใจธรรม<br />

มุทิตา นำเนื่องให้ พระอา –<br />

จารย์ ผ่องสมบุญญา ก่อเกื้อ<br />

มุทิตา จิตศิษยา นุศิษย์<br />

ใจ ส่งด้วยอะเคื้อ ครอบคุ้มครองธรรม<br />

ร้อยกรอง<br />

โดย นางสาวน้ำผึ้ง มั่งคั่ง<br />

โรงเรียนพะเยาวิทยาคม<br />

อดีตครูอาสา โรงเรียนวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

ภาคฤดูร้อน ประจำปี ๒๕๕๘<br />

30


ปีติพจน์<br />

อาจารย์เจ้าคุณ พระวิเทศรัตนาภรณ์(ถนัด อตฺถจารี) เป็นพระนักคิด<br />

นักเขียน นักปฎิบัติ มีศีลาจารวัตรงดงาม เป็นเวลาเกือบ ๒๐ ปี ที่ร่วมงานกับ<br />

ท่าน และอยู่รับใช้วัดไทยฯ ดี.ซี. ได้มองเห็นคุณธรรมและแบบอย่างที่โดดเด่น<br />

ของท่าน ดังนี้<br />

๑. เป็นพระที่ “ใจเย็น สุขุมนุ่มนวล” แต่แฝงด้วยความหนักแน่น<br />

มั่นคงในการทำงาน<br />

๒. เป็นพระที่ “คิดแล้วทำ” ไม่ใช่จินตนาการผ่านลอย ดังนั้น ท่าน<br />

จึงมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง<br />

๓. เป็นพระที่ยอมรับฟังเหตุผล “ยอมรับคำเสนอแนะจากผู้น้อย<br />

เรียบร้อยฟังคำแนะนำของผู้ใหญ่<br />

๔. เป็นพระที่มี “ความสามารถสูง” ซึ่งเป็นมาตรฐานของพระสงฆ์<br />

วัดไทยฯ ดี.ซี.ทุกรูป โดยมี“พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชมงคลรังษี<br />

(หลวงตาชี)” เป็นต้นแบบ<br />

๕. เป็นพระผู้มี “ความคิดสร้างสรรค์ ใฝ่ศึกษาหาความรู้ และ<br />

พัฒนาตนเองตลอด เวลา” พร้อมทั้งนำความรู้มาพัฒนาคณะสงฆ์ไทยใน<br />

สหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ<br />

๖. เป็นพระที่ “ทุ่มเทงานเพื่อพระพุทธศาสนา” ซึ่งมีผลงานประจักษ์<br />

ชัดในระดับนานาชาติแถวหน้าที่โดดเด่นในปัจจุบัน<br />

๗. เป็นพระผู้ “เป็นตัวอย่างที่ดีงามแก่พระธรรมทูตรุ่นหลัง” ฯลฯ<br />

ดังนั้น จึงเหมาะสมที่ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นพระราชาคณะ (เจ้าคุณ)<br />

ในครั้งนี้ พวกเราชาววัดไทยฯ ดี.ซี. ขอแสดงความยินดีกราบมุทิตาสักการะ<br />

มา ณ โอกาสนี้.<br />

นายวรชัย กลึงโพธิ์<br />

กรรมการอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

31


32<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี ป.ธ.๕, Ph.D.)


รับพระราชทานพัศยศ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในพระบรมมหาราชวัง<br />

๕ ธันวาคม ๒๕๕๙<br />

33


34<br />

นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ


35


36<br />

ถวายสักการะพระพรหมสิทธิ ประธานสำนักงานกำกับดูแล<br />

พระธรรมทูตไปต่างประเทศ วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร


พระวิเทศรัตนาภรณ์ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยในอุโบสถวัดอัมพวัน<br />

และถวายสักการะบูรพาจารย์ของวัดอัมพวัน<br />

37


พิธีแสดงมุทิตาสักการะโดยคณะสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา ชาววัดอัมพวัน<br />

38


เพื่อนสหธรรมิกแสดงมุทิตาสักการะแด่พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />

39


40 พระเถรานุเถระแสดงมุทิตาสักการะแด่พระวิเทศรัตนาภรณ์


พระเถรานุเถระและพุทธศาสนิกชนแสดงมุทิตาสักการะแด่พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />

41


42<br />

พิธีถวายสักการะแด่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์<br />

ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ


พิธีถวายสักการะพระเดชพระคุณพระพรหมวชิรญาณ<br />

กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดยานนาวา<br />

43


พิธีถวายสักการะพระเดชพระคุณพระพรหมเสนาบดี<br />

เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา กรุงเทพมหานคร<br />

44<br />

พระโสภณวชิราภรณ์ รองอธิการบดีฝ่ายต่างประเทศ<br />

ถวายมุทิตาจิตในนามคณาจารย์ มจร.


ประชุมร่วมคณะกรรมการวิทยาลัยพระธรรมทูต<br />

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย<br />

45


46<br />

พิธีบำเพ็ญกุศลสดับปกรณ์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล<br />

แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช<br />

ณ อาคารวิปัสสนาธุระ ม.มจร.


พระวิเทศรัตนาภรณ์ถวายสักการะแด่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์<br />

กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม กรุงเทพมหานคร<br />

47


สารบัญ<br />

ภาค ๑ : มุทิตาพจน์ ๕-๓๑<br />

ประมวลภาพพิธีรับพระราชทานสมณศักดิ์ ๓๒-๔๗<br />

ภาค ๒ : ชีวประวัติ พระวิเทศรัตนาภรณ์ ๔๙-๙๖<br />

ภาค ๓ : ความหลังที่ฝังใจ ๙๗-๑๒๒<br />

A Monk’s Tale 123-140<br />

ภาค ๔ : Writings of Thai Theravãda 141-168<br />

Buddhist Missionary Monks<br />

ภาค ๕ : ภาพกิจกรรมผลงานของ พระวิเทศรัตนาภรณ์ ๑๖๙-๒๒๔<br />

48


ชีวประวัติ<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี Ph.D.)<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ ฉายา อตฺถจารี นามสกุล อินธิแสน อายุ ๕๓ ปี<br />

พรรษา ๓๓ วิทยฐานะ น.ธ.เอก, ป.ธ. ๕, พ.กศ., พ.ม., พธ.บ.<br />

(ครุศาสตร์), M.A., Ph.D. (Buddhist Studies) วัดอัมพวัน ถนนนครไชยศรี<br />

แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร<br />

ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง คือ<br />

๑. ประธานคณะกรรมการอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

เมืองซิลเวอร์ สปริง รัฐแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา<br />

๒. เลขาธิการ สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา (๒๕๕๑-ปัจจุบัน)<br />

๓. ประธานกรรมการบริหารวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบิร์ก<br />

รัฐเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา<br />

๔. เป็นกรรมการที่ปรึกษาองค์กรสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีป<br />

ยุโรป (ส.ธ.ย.)<br />

๕. ประธานคณะกรรมการอำนวยการองค์กรพุทธสมาคมแห่ง<br />

สหรัฐอเมริกา (IBAA) กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา<br />

สถานะเดิม<br />

ชื่อ ถนัด นามสกุล อินธิแสน สัญชาติ ไทย เชื้อชาติ ไทย เกิดวัน<br />

๑๔<br />

๗ ฯ ๘ ค่ำ ปี เถาะ ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๐ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๖<br />

ณ บ้านเลขที่ ๔๓๔ หมู่ที่ ๑ บ้านพังขว้างใต้ ตำบลพังขว้าง อำเภอเมือง<br />

สกลนคร จังหวัดสกลนคร บิดาชื่อ นายแสน มารดาชื่อ นางหนู อินธิแสน<br />

49


บรรพชา<br />

๑<br />

วัน ๕ ฯ ๓ ค่ำ ปี มะเส็ง ตรงกับวันที่ ๒๐ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๒๐<br />

ณ พัทธสีมาวัดศรีสุมังคล์ ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัด<br />

สกลนคร พระอุปัชฌาย์ พระสรญาณมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร<br />

วัดศรีสุมังคล์ ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร<br />

อุปสมบท<br />

๘<br />

วัน ๑ ฯ ๘/๘ ค่ำ ปี จอ ตรงกับวันที่ ๑๗ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.<br />

๒๕๒๖ ณ พัทธสีมาวัดการเวก บ้านรังกา ตำบลรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย<br />

จังหวัดนครราชสีมา<br />

พระอุปัชฌาย์<br />

50<br />

พระครูวิสุทธิพรตธำรง (พระโพธิวรญาณ)<br />

เจ้าคณะอำเภอพิมาย วัดเดิม ตำบลในเมือง<br />

อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา<br />

พระกรรมวาจาจารย์ พระครูธรรมธัชธาดา เจ้าคณะตำบลรังกาใหญ่<br />

วัดการเวก ตำบลรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย<br />

จังหวัดนครราชสีมา<br />

พระอนุสาวนาจารย์<br />

พระชวลิต จิตฺตปาโล วัดการเวก ตำบลรังกาใหญ่<br />

อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา<br />

วิทยฐานะ<br />

การศึกษาสามัญ<br />

พ.ศ. ๒๕๑๖ จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านพังขว้างวัฒนศิลป์<br />

ตำบลพังขว้าง อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร<br />

พ.ศ. ๒๕๒๑ จบชั้นระดับที่ ๓ (ป.๖) โรงเรียนศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จ<br />

สำนักเรียนวัดศรีธรรมราช บ้านพอกใหญ่ ตำบลพอกน้อย<br />

อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร


พ.ศ. ๒๕๒๓ จบชั้นระดับที่ ๔ (ม.ศ. ๓) โรงเรียนศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จ<br />

สำนักเรียนวัดศรีธรรมราช บ้านพอกใหญ่ ตำบลพอกน้อย<br />

อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร<br />

พ.ศ. ๒๕๒๔ เข้าศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (ม.ศ.๔) โรงเรียนบาลี<br />

สาธิตศึกษา มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์<br />

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วัดศรีษะเกษ อำเภอเมืองหนองคาย<br />

จังหวัดหนองคาย<br />

พ.ศ. ๒๕๒๖ จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ (ม.ศ.๕) รุ่นสุดท้าย โรงเรียนบาลี<br />

สาธิตศึกษา มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์<br />

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วัดศรีษะเกษ อ ำเภอเมืองหนองคาย<br />

จังหวัดหนองคาย<br />

พ.ศ. ๒๕๒๗ สอบได้ใบประกาศนียบัตรวิชาชีพครู (พ.กศ.)<br />

พ.ศ. ๒๕๒๘ สอบได้วิชาชุดประโยคครูพิเศษมัธยม (พ.ม.)<br />

พ.ศ. ๒๕๓๑ เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัย<br />

มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์<br />

กรุงเทพมหานคร<br />

พ.ศ. ๒๕๓๔ สำเร็จเป็นพุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.) รุ่นที่ ๓๖ คณะ<br />

ครุศาสตร์ วิชาเอกหลักสูตร และวิธีการสอนสังคมศึกษา<br />

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุ<br />

ท่าพระจันทร์ กรุงเทพมหานคร<br />

พ.ศ. ๒๕๔๕ สอบได้ปริญญาโท (M.A.) สาขาโบราณคดีและเอเชียศึกษา<br />

มหาวิทยาลัยมคธ ประเทศอินเดีย<br />

พ.ศ. ๒๕๔๗ สอบได้ปริญญาเอก(Ph.D.) หัวข้อวิทยานิพนธ์เรื่อง “The<br />

Problem of Self in Buddhism” Magadh University, India<br />

51


การศึกษานักธรรม-บาลี<br />

พ.ศ. ๒๕๒๐ สอบได้นักธรรมชั้นตรี สำนักเรียนวัดศรีทัศน์ บ้านดงมะไฟ<br />

ตำบลขมิ้น อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร<br />

พ.ศ. ๒๕๒๑ สอบได้นักธรรมชั้นโท ส ำนักเรียนวัดศรีธรรมราช บ้านพอกใหญ่<br />

ตำบลพอกน้อย อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร<br />

พ.ศ. ๒๕๒๒ สอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดศรีธรรมราช บ้านพอกใหญ่<br />

ตำบลพอกน้อย อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร<br />

พ.ศ. ๒๕๒๔ สอบได้ประโยค ป.ธ. ๑-๒ สังกัดสำนักเรียนวัดศรีชมชื่น<br />

ตำบลในเมือง อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย<br />

พ.ศ. ๒๕๒๘ สอบได้ประโยค ป.ธ. ๓ สำนักเรียนวัดใหม่บ้านดอน<br />

ตำบลโคกกรวด อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา<br />

พ.ศ. ๒๕๒๙ สอบได้ประโยค ป.ธ. ๔ สำนักเรียนวัดใหม่บ้านดอน<br />

ตำบลโคกกรวด อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา<br />

พ.ศ. ๒๕๓๐ สอบได้ประโยค ป.ธ. ๕ สำนักเรียนวัดใหม่บ้านดอน<br />

ตำบลโคกกรวด อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา<br />

ความชำนาญพิเศษ<br />

ประกาศนียบัตรวิชาพิมพ์ดีดไทย-อังกฤษ<br />

งานการปกครอง<br />

พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นพระธรรมทูตปฏิบัติศาสนกิจประจำวัดไทยกรุงวอชิงตัน,<br />

ดี.ซี. รัฐแมรี่แลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา<br />

พ.ศ. ๒๕๓๖ เป็นกรรมการที่ปรึกษาพุทธสมาคมแห่งกรุงวอชิงตัน,<br />

พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน,<br />

ดี.ซี. รัฐแมรี่แลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา<br />

52


วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

ศูนย์รวมใจของชาวพุทธในสหรัฐอเมริกา<br />

การบริหารวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

ประวัติการก่อสร้าง ก่อตั้งเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๗ ได้จด<br />

ทะเบียนเป็นวัดถูกต้องตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา<br />

การบริหารวัดโดยมีคณะกรรมการอำนวยการ ประกอบด้วยคณะกรรมการ<br />

ฝ่ายสงฆ์ เจ้าอาวาสเป็นประธานอำนวยการ และพระสงฆ์ทั้งวัด เป็นกรรมการ<br />

อำนวยการ กรรมการฝ่ายฆราวาส อีก ๑๒ ท่าน เป็นกรรมการโดยการ<br />

เลือกตั้ง มี ฯพณฯ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน เป็นประธานที่<br />

ปรึกษาโดยตำแหน่ง และผู้ทรงคุณวุฒิอื่น ๆ<br />

53


โครงสร้างการบริหาร แบ่งออกเป็น<br />

๑. คณะกรรมการที่ปรึกษา ประกอบด้วยพระสงฆ์และผู้ทรงคุณวุฒิ<br />

ฝ่ายฆราวาสที่เคยเป็นกรรมการมาก่อน โดยมีเอกอัครราชทูตไทย ประจำ<br />

กรุงวอชิงตัน เป็นกรรมการที่ปรึษาและอุปถัมภ์โดยตำแหน่ง<br />

๒. คณะกรรมการอำนวยการ ประกอบด้วยพระสงฆ์ที่เป็นพระธรรมทูต<br />

ปฏิบัติหน้าที่ประจำวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. จำนวน ๘ รูป โดยมีพระสงฆ์<br />

เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการตามกฎข้อบังคับ (Bylaws) และ<br />

มีกรรมการฝ่ายฆราวาส อีก ๑๒ ท่าน จากการเลือกตั้ง ซึ่งมีหน้าที่กำหนด<br />

นโยบาย และบริหารงานให้เป็นไปตามนโยบาย และวัตถุประสงค์ของ<br />

วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

๓. คณะกรรมการวัดทั่วไป ประกอบด้วยคณะกรรมการซึ่งได้รับการ<br />

คัดเลือกจากสมาชิก มีหน้าที่บริหารจัดการกิจการต่างๆ รวมถึงการจัดหาราย<br />

ได้และทรัพย์สิน การบริหารทรัพย์สิน การจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เป็นไป<br />

ตามวัตถุประสงค์ของวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของ<br />

คณะกรรมการอำนวยการ และสนองงานกิจการเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอน<br />

เพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา<br />

จำนวนพระธรรมทูตที่อยู่ปฏิบัติศาสนกิจ (จำพรรษา ปี ๒๕๕๙)<br />

๑. พระราชมงคลรังษี สังกัดวัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร เขตพระโขนง<br />

กรุงเทพมหานคร<br />

๒. พระครูปริยัติธรรมาภิราม สังกัดวัดดงมะไฟ อ.เมือง สกลนคร<br />

๓. พระครูสิริอรรถวิเทศ สังกัดวัดอัมพวัน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร<br />

๔. พระมหาสิทธิผล สิทฺธิผโล สังกัดวัดมหาธาตุ อ.เมือง จ.ยโสธร<br />

๕. พระครูสุธีธรรมธร สังกัดวัดศรีทรงธรรม อ.หนองหาน จ.อุดรธานี<br />

๖. พระครูสิริสิทธิวิเทศ สังกัดวัดอัมพวัน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร<br />

54


๗. พระมหาสราวุธ สราวุโธ สังกัดวัดเบญจมบพิตร เขตดุสิต<br />

กรุงเทพมหานคร<br />

๘. พระมหาศรีสุพรณ์ อตฺตทีโป ป.ธ. ๙ สังกัดวัดสร้อยทอง เขตดุสิต<br />

กรุงเทพมหานคร<br />

๙. พระมหาคำตัล พุทธงฺกุโร ป.ธ.๙ สังกัดวัดเพียนาม อำเภอเมือง<br />

จังหวัดศรีสะเกษ<br />

๑๐. พระสุรชัย พานเงิน พระนวกะ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

ศาสนสมบัติของวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

๑. ที่ดิน ๑๒ ไร่ คิดเป็นมูลค่า จำนวน ๔,๕๐๐,๐๐๐ เหรียญ (สี่ล้าน<br />

ห้าแสนเหรียญฯ)<br />

๒. อสังหาริมทรัพย์ กุฏิ ๓ ชั้น ๑ หลัง มีห้องพัก ๙ ห้อง ห้องสมุด<br />

๑ ห้อง ห้องครัว ๑ ห้อง ห้องฉันภัตตาหาร ๑ ห้อง ห้องสำนักงาน ๑ ห้อง<br />

โรงเก็บของ ๔ หลัง และอุโบสถศาลาพระพุทธมงคลวิมลดีซี ๑ หลัง<br />

55


วัดเป็นสถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้ของชุมชน<br />

พระธรรมทูตเป็นผู้นำชุมชนส่งเสริมด้านการศึกษาทุกๆด้าน สิ่งที่ส ำคัญ<br />

สำหรับชุมชนชาวไทยในสหรัฐอเมริกา วัดเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาเกือบ<br />

ทุกแขนงมาตั้งแต่สมัยโบราณ สำหรับวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ได้จัดบริการ<br />

ทางการศึกษาแก่ประชาชนทุกระดับชั้น โดยเฉพาะเยาวชนที่เกิดและเติบโต<br />

ในประเทศสหรัฐอเมริกา จะได้ไม่ลืมความเป็นไทย ทางวัดได้พยายามจัดการ<br />

ศึกษาเพื่อปลูกฝังให้เยาวชนได้ซึมซับเอาวิถีชีวิตความเป็นไทย รู้จักสื่อสารด้วย<br />

ภาษาไทย และเข้าใจในวัฒนธรรมประเพณี ตลอดถึงมารยาทที่ดีของความเป็น<br />

คนไทย งานด้านการศึกษาที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ได้จัดดำเนินการพอ<br />

สรุปได้ ดังนี้<br />

(๑) โรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์<br />

วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ได้เปิดโรงเรียนพุทธศาสนาวัดอาทิตย์ขึ้นมา<br />

ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๙ (1976) โดยมีคุณพวา วัฒนศิริ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง<br />

เป็นหัวหน้าสำนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ สถานเอกอัครราชทูตไทยเป็นผู้นำ<br />

โดยมีความมุ่งหมายเพื่อสอนภาษาไทย วัฒนธรรมไทย และพระพุทธศาสนา<br />

56


แก่เด็กและเยาวชน ให้มีความสามารถในการฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาไทยได้<br />

ตลอดถึงมีความสำนึกในเอกลักษณ์ความเป็นไทย นับเป็นโครงการที่ผู้<br />

ปกครองต่างให้ความสนใจและสนับสนุนเป็นอันมากเพื่อให้ลูกหลานได้<br />

รู้จักภาษาไทย มารยาทวัฒนธรรมไทย และได้เข้าใกล้ชิดพระพุทธศาสนา<br />

โดยมีผู้ปกครอง ข้าราชการ นักศึกษา และพระสงฆ์ เป็นครูอาสามัคร<br />

ช่วยสอนทั้งภาษาไทย พุทธประวัติ หลักธรรม รวมถึงการประกอบศาสนพิธี<br />

ต่างๆ การฟ้อนรำ การทำอาหาร ดนตรีไทย เป็นต้น ซึ่งต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๓๐ -<br />

๒๕๓๑ (1987-1988) ได้นำหลักสูตรของโครงการสอนภาษาไทยและ<br />

วัฒนธรรมไทยในอเมริกา โดยคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย<br />

มาทดลองสอน และให้นักเรียนได้ทดสอบความรู้สบทบกับวัดวชิรธรรมปทีป<br />

นครนิวยอร์ก ซึ่งปรากฎผลเป็นที่น่าพอใจ<br />

(๒) โรงเรียนภาคฤดูร้อน (โครงการสอนภาษาไทยและวัฒนธรรม<br />

ไทยในต่างประเทศ)<br />

ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ (1989) วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ได้เข้าร่วมโครงการสอน<br />

ภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในสหรัฐอเมริกา ภาคฤดูร้อน ของคณะครุศาสตร์<br />

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้ยังได้มีการสอบเทียบความรู้แก่เด็กนักเรียน<br />

ด้วย และโครงการนี้ดำเนินการมาถึงปัจจุบันเป็นปีที่ ๒๘ แล้ว โดยโครงการฯ<br />

เริ่มตั้งแต่กลาง เดือนมิถุนายน สิ้นสุดโครงการฯ ปลายเดือนสิงหาคมของทุกปี<br />

(๓) โรงเรียนนาฏศิลป์และดนตรีไทย<br />

นาฏศิลป์และดนตรีไทย เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนพระพุทธศาสนา<br />

วันอาทิตย์วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. โดยจะสอนต่อจากการเรียนภาษา<br />

ไทยและพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นการฝึกเด็กนักเรียนโรงเรียนพุทธศาสนา<br />

วันอาทิตย์ ให้มีความ สามารถในการฟ้อนรำมากขึ้น และเป็นการเข้าถึง<br />

วัฒนธรรมไทยอีกส่วนหนึ่ง และเป็นที่สนใจแก่เด็กๆ เป็นจำนวนมากเช่น<br />

กัน ต่อมาจึงขยายเป็นโรงเรียนนาฎศิลป์วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ปัจจุบัน<br />

เปิดการสอนในทุกบ่ายวันเสาร์ โดยมีครูอาสาสมัครผู้มีความชำนาญในด้าน<br />

นาฎศิลป์เป็นผู้ฝึกสอนทั้งครูประจำการ ๑ ปี และครูอาสาสมัครท้องถิ่น<br />

57


ส่วนดนตรีไทยนั้น หลังจากที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ได้เข้าร่วม<br />

โครงการสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในสหรัฐอเมริกา ของคณะครุศาสตร์<br />

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. ๒๕๓๒ (1989) แล้ว ในปีที่ ๕ คือ พ.ศ.<br />

๒๕๓๖ (1993) ซึ่งมี นางสาวจินตนา อินทร์พรหม หรือคุณครูนกเล็ก ได้<br />

ฝึกสอนให้เด็กๆ เล่นดนตรีไทย แต่เมื่อสิ้นสุดโครงการภาคฤดูร้อนก็เดินทาง<br />

กลับประเทศไทย ทำให้การเรียนการสอนขาดช่วง ต่อมานายแพทย์บำรุง<br />

เลิศบุญ ได้อุทิศเวลาเข้ามาสอน ฝึกเด็กลูกๆ หลานๆ ค่อยพัฒนาการจนมีครู<br />

ประจำการ ๑ ปี เพื่อสอนดนตรีในรุ่นต่อๆ มา ซึ่งได้ขยายไปสู่การสอนผู้ปกครอง<br />

ผู้สนใจเรียนดนตรีไทย ปัจจุบันมีการสอนในทุกวันเสาร์ และวันอาทิตย์<br />

และมีครูประจำการ ๑ ปี สอนร่วมกับครูภาคฤดูร้อนทุกๆ ปี<br />

ผลงานที่น่าภูมิใจของนักเรียนนาฏศิลป์และดนตรีไทย คือ การได้ร่วม<br />

โครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกา รวมใจเทิดพระเกียรติ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๒<br />

(1999) โดยการสนับสนุนของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ใน<br />

พระบรมราชูปถัมภ์ กองทัพบก และคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย<br />

ได้ร่วมแสดงเนื่องในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ ของ<br />

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ (2004) เนื่องใน<br />

วโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา<br />

ครบ ๗๒ พรรษา<br />

(๔) จัดสอนภาษาไทยชั้นพิเศษแก่ชาวต่างชาติ<br />

วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ได้จัดสอนภาษาไทยแก่นักเรียนชั้นพิเศษ<br />

แก่ชาวอเมริกันที่มีความสนใจในด้านภาษาไทย และวัฒนธรรมไทยเป็นพิเศษ<br />

และให้คำแนะนำพร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยแก่ชาวต่างชาติที่จะเดิน<br />

ทางไปปฏิบัติหน้าที่ หรือเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยจัดสอนใน<br />

วันพุธ และวันอาทิตย์ เป็นการให้บริการด้านการศึกษาแก่ชาวท้องถิ่น<br />

(๕) จัดสอนธรรมศึกษาและศาสนพิธี<br />

เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้แก่พุทธศาสนิกชนผู้ที่สนใจใฝ่ศึกษาธรรมะ<br />

ในภาคปริยัติ ทางวัดได้จัดให้มีการเรียนการสอนธรรมะจากพระไตรปิฎก<br />

58


และสอนศาสนพิธีในคืนวันเสาร์ โดยพระธรรมทูตได้สลับสับเปลี่ยนกันสอน<br />

ในหัวข้อธรรมะต่างๆ<br />

(๖) จัดการฝึกอบรมจิตภาวนา - ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน (MEDI-<br />

TATION RETREAT)<br />

วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ได้จัดให้มีการสอนวิปัสสนากรรมฐาน ทั้งแก่<br />

ผู้สนใจชาวไทยและชาวต่างชาติ เป็นกิจกรรมต่อเนื่องจัดทุก ๆ เดือน<br />

ภาคภาษาไทย ทุกวันเสาร์ที่ ๓ ของเดือน ส่วนภาคภาษาอังกฤษ เดือนละ ๒ ครั้ง<br />

ทุกๆ วันเสาร์ที่ ๒ กับวันเสาร์ที่ ๔ ของเดือน หรือมีการจัดการสอนหรืออบรม<br />

ให้เป็นกรณีพิเศษ ที่ติดต่อนัดหมาย เข้าฟังการบรรยายอบรม และปฏิบัติ<br />

กรรมฐาน ซึ่งจัดในช่วงวันส ำคัญ หรือจัดเป็นหลักสูตรตามกาลเวลาที่เหมาะสม<br />

นอกจากนี้พระธรรมทูตได้รับนิมนต์ออกไปสอนตามที่ต่างๆ เช่นโรงเรียน<br />

ประถม และมัธยม วิทยาลัย มหาวิทยาลัย วัดและ ศูนย์ปฏิบัติธรรมอื่น ๆ<br />

(๗) จัดบรรพชาสามเณร และอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อนในโครงการ<br />

“หลักธรรมนำเยาวชน”<br />

ในช่วงปิดเรียนภาคฤดูร้อนของทุกๆปี ได้จัดโครงการบรรพชาสามเณร<br />

และอบรมเยาวชนผู้สนใจ ซึ่งแต่ละปีมีเด็กและเยาวชนเป็นจ ำนวนมาก เข้ารับ<br />

59


การศึกษาอบรมตามหลักสูตรของทางวัด ได้มาใช้ชีวิตอย่างใกล้ชิดพระสงฆ์<br />

และความเป็นอยู่ในวัดมากยิ่งขึ้น และมีหลายคนขอเข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุ<br />

เพื่อศึกษาและปฏิบัติธรรม นำความปลาบปลื้มปีติแก่บิดามารดาและญาติ<br />

พี่น้องอย่างยิ่ง<br />

(๘) ห้องสมุดพระพุทธศาสนา (ห้องสมุดหลวงตาชี)<br />

คณะกรรมการบริหารได้จัดห้องสมุด โดยจัดหาหนังสือทางพระพุทธ-<br />

ศาสนา ทั้งบาลี อรรถกถา-ฎีกา อนุฎีกา และหนังสือธรรมะทั่วไปทั้งภาคภาษา<br />

ไทย ภาษาอังกฤษ ตลอดถึงหนังสือวารสารธรรมะ เทป และแผ่นซีดีธรรมะ<br />

ไว้ประจำห้องสมุด เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียน, นักศึกษา ตลอดถึงผู้สนใจใน<br />

พระพุทธศาสนาเข้าศึกษาค้นคว้า นอกจากนี้พระราชมงคลรังษี เป็นพระเถระ<br />

ที่ชอบอ่าน ชอบเขียนบทความธรรมะ จึงได้สะสมและจัดหาหนังสือมาไว้ที่วัด<br />

มากมาย เก็บไว้ที่ห้องสมุดวัด และสำนักงานของวัดด้วย<br />

งานพระธรรมทูตคือผู้ประกาศ-เผยแผ่พระพุทธศาสนา-ศิลป<br />

วัฒนธรรมไทย<br />

๑. การแสดงธรรมเทศนาในโอกาสวันสำคัญของชาติ<br />

๒. การบรรยายแก่นักเรียน-นักศึกษาในสถานที่วัด<br />

๓. การสอน-การบรรยายนอกสถานที่ เช่นโรงเรียน วิทยาลัย<br />

มหาวิทยาลัย<br />

๔. การจัดปฏิบัติธรรมในโอกาสต่างๆ เช่นวันสำคัญของชาติ - ของ<br />

ศาสนา<br />

๕. การจัดโครงการธรรมสัญจรปฏิบัติธรรมนานาชาติทั้งในวัดและนอก<br />

สถานที่วัด<br />

๖. การเผยแผ่ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ การออกหนังสือวารสาร “แสงธรรม”<br />

ประจำเดือน<br />

๗. การพิมพ์หนังสือธรรมะเผยแผ่ในโอกาสต่างๆ<br />

60


๘. การเผยแผ่ผ่านสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ (Internet)<br />

๙. การเผยแผ่ผ่านสื่อวิทยุ-โทรทัศน์-เวบไซต์ และสื่อออนไลน์อื่นๆ<br />

การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

วัตถุประสงค์แห่งการจัดตั้งวัดขึ้นนั้น ประการแรกเพื่อการเผยแผ่<br />

พระพุทธศาสนา ทั้งนี้เพื่อสนองความต้องการของพุทธศาสนิกชน ได้มีโอกาส<br />

เข้าวัด ฟังธรรม บำเพ็ญบุญกุศลที่บรรพบุรุษเคยปฏิบัติมา เพื่อจะได้น้อมนำ<br />

เอาธรรมะมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต<br />

ในด้านพระสงฆ์ผู้ที่เป็นพระธรรมทูตมีหน้าที่โดยตรงในการประกาศ<br />

เผยแผ่พระพุทธศาสนา ได้ทำหน้าที่ของท่านโดยสมบูรณ์ ทั้งนี้โดยการนำ<br />

ของพระราชมงคลรังษี ซึ่งท่านมีความรู้แตกฉานทั้งทางด้านปริยัติและปฏิบัติ<br />

เป็นอย่างดี ได้ทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมะ ทั้งการเทศน์ การสอน อบรมบรรยาย<br />

และเขียนบทความธรรมะในวารสาร “แสงธรรม” ซึ่งเป็นวารสารรายเดือน<br />

ของวัดที่พิมพ์ออกประจำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อตั้งวัดเป็นต้นมา นอกจาก<br />

นี้ได้รวบรวมข้อเขียนเป็นเล่มจัดเป็นชุดๆ พิมพ์แจกเป็นธรรมทานเนื่องใน<br />

โอกาสต่างๆ อยู่เสมอ พร้อมกันนี้ได้บันทึกเทปเสียงธรรมะ แจกจ่ายทั้งในรูป<br />

แบบม้วนเทปธรรมะ และแผ่นซีดี แจกฟรีทั้งในประเทศไทย และในประเทศ<br />

61


62


63


สหรัฐอเมริกา ทั ้งภาคภาษาไทยและแปลเป็นภาคภาษาอังกฤษ นับว่า<br />

งานการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นงานหลักสำคัญที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน,<br />

ดี.ซี. ได้ให้ความสำคัญมาตลอด ได้ให้บริการอนุเคราะห์ สงเคราะห์ทั้งแก่<br />

มวลสมาชิกของวัด และผู้สนใจอื่นๆ ในชุมชนอีกด้วย ทั้งต้อนรับแก่ผู้สนใจ<br />

ศึกษาพระพุทธศาสนาเข้ามาวัด หรือนิมนต์ไปบรรยายตามโรงเรียน วิทยาลัย<br />

มหาวิทยาลัย หรือองค์กรต่างๆ<br />

ส่วนภาคปฏิบัตินั้น ได้จัดปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแก่ผู้สนใจราย<br />

บุคคล และคณะ ทั้งชาวพุทธไทย และผู้สนใจชาติอื่นๆ จัดอบรมบรรพชา<br />

สามเณรหมู่ภาคฤดูร้อน จัดหลักสูตรแก่เยาวชน ตามโครงการ “หลักธรรม<br />

นำเยาวชน” จัดให้มีการบวชศีลจาริณี สมาทานศีล ๘ ในวันหยุด และใน<br />

ช่วงโอกาสต่างๆ อยู่เสมอ<br />

ความสำเร็จของวัดที่เกิดขึ้นได้นั้น เพราะได้พระธรรมทูตเป็นผู้นำใน<br />

การดำเนินงานตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน พอสรุปได้ดังนี้<br />

(๑) กิจวัตรประจำวันของพระสงฆ์<br />

เวลา ๐๕.๓๐ น. ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน-เจริญจิตภาวนา<br />

เวลา ๐๖.๐๐ น. ทำวัตรเช้า<br />

เวลา ๐๗.๐๐ น. ฉันภัตตาหารเช้า (บิณฑบาตเช้าวันอาทิตย์)<br />

เวลา ๐๗.๓๐ น. แสดงพระธรรมเทศนา (ทุกวันอาทิตย์ตลอดปี)<br />

เวลา ๑๑.๐๐ น. ฉันภัตตาหารเพล<br />

เวลา ๑๓.๐๐ น. ปฏิบัติศาสนกิจตามหน้าที่<br />

เวลา ๑๖.๐๐ น. ทำอุโบสถสังฆกรรม ประจำวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ<br />

วันแรม ๑๕ ค่ำ หรือ ๑๔ ค่ำ ในบางเดือนที่เป็นเดือนขาด<br />

เวลา ๑๘.๐๐ น. ทำวัตรเย็น และเจริญสมาธิภาวนา<br />

(๒) การอบรม และสอนธรรม<br />

๑. วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา ๑๙.๐๐ น. ถึง ๒๒.๐๐ น. จัดรายการ<br />

พระธรรมนำชีวิต นั่งสมาธิ เดินจงกรม สนทนาธรรม<br />

64


๒. วันพุธ เวลา ๑๙.๐๐ น. ถึง ๒๒.๐๐ น. จัดรายการเสริมสุขภาพ<br />

กายคลายสุขภาพจิต นั่งสมาธิ เดินจงกรม สนทนาธรรม และฝึกโยคะ<br />

วันธรรมดา เปิดโอกาสให้ผู้สนใจในพระพุทธศาสนา นักเรียน นักศึกษา<br />

ครู อาจารย์ และบุคคลที่สนใจพระพุทธศาสนาติดต่อนัดหมาย เข้าฟังการ<br />

บรรยายธรรมถาม-ตอบปัญหาธรรมะ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สนใจใฝ่<br />

เรียนรู้ด้านพระพุทธศาสนา<br />

(๓) การเผยแผ่ธรรมะผ่านสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งสถานีวิทยุและ<br />

โทรทัศน์ ภาคอินเทอร์เน็ต ในช่วงเวลา ๑๙.๐๐–๒๒.๐๐ น. ทุกวัน www.<br />

watthaidc.org และตอบปัญหาธรรมะทาง watthaidc@hotmail.com<br />

และนำชีวประวัติผลงานการประพันธ์ และบันทึกเสียงของพระราชมงคลรังษี<br />

(หลวงตาชี) เผยแผ่ผ่าน www.luangtachi.org<br />

65


งานวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และงานอนุรักษ์<br />

วัฒนธรรมไทย<br />

คณะพระธรรมทูต คณะกรรมการพุทธสมาคม และญาติโยมสาธุชน<br />

ได้จัดงานวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และงานอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย เพื่อ<br />

เปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนและผู้สนใจได้มีโอกาสบำเพ็ญบุญ พร้อมทั้งได้<br />

ส่งเสริมรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของชาวไทย ชาวพุทธไว้<br />

โดยใช้วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. เป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลและเป็นศูนย์รวมใน<br />

การพบปะสังสรรค์ในวันสำคัญ ดังนี้<br />

๑. เดือนมกราคม จัดงานทำบุญต้อนรับปีใหม่ จัดงานวันเด็ก<br />

๒. เดือนกุมภาพันธ์ จัดงานวันมาฆบูชา<br />

๓. เดือนมีนาคม จัดเทศน์มหาชาติ ๑๓ กัณฑ์<br />

๔. เดือนเมษายน จัดงานทำบุญวันสงกรานต์<br />

๕. เดือนพฤษภาคม จัดงานวันทำบุญวันวิสาขบูชา<br />

๖. เดือนมิถุนายน จัดงานบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน<br />

เปิดโรงเรียนภาคฤดูร้อน<br />

๗. เดือนกรกฎาคม จัดงานวันอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา<br />

๘. เดือนสิงหาคม จัดงานวันแม่แห่งชาติ และมอบสัมฤทธิบัตร<br />

นักเรียนภาคฤดูร้อน<br />

๙. เดือนกันยายน จัดงานวันสารทไทย<br />

๑๐. เดือนตุลาคม จัดงานวันออกพรรษา-ตักบาตรเทโวฯ<br />

๑๑. เดือนพฤศจิกายน จัดงานทำบุญทอดกฐิน - ลอยกระทง<br />

๑๒. เดือนธันวาคม จัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จ<br />

พระเจ้าอยู่หัวฯ จัดงานวันพ่อแห่งชาติ<br />

นอกจากจัดงานดังกล่าวแล้ว ทางวัดได้จัดงานทำบุญปฏิบัติธรรม เป็น<br />

ธรรมสมโภช เนื่องในวันคล้ายวันเกิดพระราชมงคลรังษี ในช่วงเดือนมิถุนายน<br />

ทุกปี<br />

66


67


68


งานสาธารณูปการ ช่วยเหลือ บำรุง ปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุใน<br />

ทางพระพุทธศาสนา<br />

๑. เป็นประธานดำเนินการก่อสร้างห้องพระประธาน วัดไตรรัตนาราม<br />

เมืองสิลิกูรี รัฐเวสท์เบงกอล ประเทศอินเดีย จำนวนเงิน ๓๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท<br />

๒. เป็นกรรมการร่วมสร้างอุโบสถวัดบ้านดงมะไฟ อำเภอเมือง<br />

จังหวัดสกลนคร จำนวนเงิน ๒๕,๐๐๐.๐๐ บาท<br />

๓. เป็นประธานดำเนินการก่อสร้างอาคาร ๘๘ ปี หลวงตาชี เพื่อเป็น<br />

อาคารที่พักสงฆ์ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. มูลค่าจำนวน ๒,๗๐๐,๐๐๐.๐๐<br />

(สองล้านเจ็ดแสนดอลล่าร์ สหรัฐฯ)<br />

๔. บริจาคร่วมสร้างฌาปนสถาน(เมรุ) วัดป่าบ้านรังกาใหญ่ ตำบล<br />

รังกาใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา จำนวนเงิน ๑๐,๐๐๐.๐๐ บาท<br />

๕. เป็นกรรมการร่วมสร้างอุโบสถ-ศาลาวัดศรีทรงธรรม บ้านหนอง<br />

ดินจี่ อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี จำนวนเงิน ๕๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท<br />

๖. เป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคีสร้างกุฎิสงฆ์วัดบ้านหนองห้อง<br />

นครเชียงตุง ประเทศเมียนมาร์ จำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท<br />

69


70


71


72


73


งานสาธารณสงเคราะห์ ช่วยเหลือ สนับสนุนบำเพ็ญสาธารณะ<br />

ประโยชน์<br />

๑. เป็นประธานกองทุนธรรมรัตน์ แจกทุนการศึกษาแก่พระภิกษุ-<br />

สามเณรที่เล่าเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ที่วัดศรีทรงธรรม บ้านหนองดินจี่<br />

อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี จากกองทุนธรรมรัตน์ สร้างศาสนทายาท<br />

สืบอายุพระพุทธศาสนา ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๕๐ ทุน เป็นเงินจำนวน<br />

๒๕๐,๐๐๐.๐๐ บาท<br />

๒. เป็นประธานกองทุนพระวิปัสสนาจารย์ “คุณแม่สมจิตต์ วสุรัตน์”<br />

ถวายปัจจัยอุปถัมภ์พระวิปัสสนาจารย์ ปีละ ๕๐,๐๐๐.๐๐ บาท<br />

๓. รับบริจาคปัจจัยช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ประเทศไทย<br />

๔. รับบริจาคปัจจัยช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (สึนามิ) ที่ประเทศญี่ปุ่น<br />

๕. รับบริจาคปัจจัยช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย-อุทกภัยที่ประเทศเฮติ<br />

๖. ช่วยเหลือให้ที่พักอาศัย-ให้อาหารแก่นักศึกษาในโครงการ Works<br />

& Travel<br />

๗.บริการให้ที่จอดรถในวัด(Parking lots) แก่นักเรียนโรงเรียนแบร์รี่<br />

ตลอดระยะเวลาการเปิดภาคเรียนเป็นเวลาหลายปี<br />

๘. ให้ชาวพุทธศรีลังกายืมใช้สถานที่ศาลาเอนกประสงค์ในการจัดปฏิบัติ<br />

ธรรมเดือนละครั้งตลอดปี<br />

๙. ให้บริการแก่ชมรม สมาคมต่างๆ มาใช้อาคารสถานที่ในวัดจัด<br />

ประชุม-สัมมนาและเป็นจุดนัดพบแก่สมาชิก<br />

๑๐. เป็นเจ้าภาพสถานที่จัดงานวิสาขบูชานานาชาติในเขตกรุง<br />

วอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

74


การให้บริการชุมชน<br />

การให้ความช่วยเหลือชุมชนถือเป็นหน้าที่ของวัดอีกประการหนึ่ง<br />

วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ได้ทำหน้าที่นี้เสมอตั้งแต่วัดแห่งแรกจนถึงปัจจุบัน<br />

โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ให้คำแนะนำแก่สมาชิกของวัดซึ่งมาศึกษาเล่าเรียน ทำ<br />

มาหากินในประเทศนี่ แม้ว่าจะไม่ใช่มาตุภูมิแต่ก็คือบ้าน จึงต้องช่วยกันสร้าง<br />

ความสงบร่มเย็นสันติสุขแก่ชุมชนที่ตนอยู่ เพื่อให้เป็นรูปแบบตัวอย่างว่า<br />

ชุมชนชาวพุทธของเรา อยู่ที่ไหนไม่สร้างความเดือดร้อน แต่อยู่กันอย่างร่มเย็น<br />

นอกจากนี้ ทางวัดได้อนุญาตให้ใช้ลานจอดรถ และศาลาอเนกประสงค์<br />

ด้วยการเปิดโอกาสให้แก่ครูและนักเรียนโรงเรียน Barrie School ผู้ปกครอง<br />

ของโรงเรียนมาใช้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ตลอดถึงการจัดประชุมขององค์กร<br />

ต่างๆ เช่น องค์กรพุทธสมาคมนานาชาติแห่งสหรัฐอเมริกา (International<br />

Buddhist Association of America: IBAA) และคณะกรรมการ IBC<br />

ตลอดถึงการอนุญาตให้ใช้สถานที่อบรมทำภาษี (Tax) ของประชาชนในเขต<br />

Montgomery County ทุกวันเสาร์เป็นเวลา ๖ เดือนทุกปี ได้อำนวยความ<br />

สะดวกจัดโต๊ะ เก้าอี้ และเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ เป็นต้น<br />

ทางวัดได้ให้ความร่วมือแก่ทางราชการทั้งท้องถิ่นและสถานเอกอัคร<br />

ราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน ได้ให้การสนับสนุนด้วยดี หรือหากมีผู้เดือดร้อน<br />

เจ็บไข้ได้ป่วย ทั้งสมาชิกของวัด หรือเพื่อนบ้านชาวอเมริกัน ประสงค์จะ<br />

สนทนาธรรมกับพระสงฆ์ ทางวัดได้จัดพระสงฆ์ไปเยี่ยม สวดมนต์ และสอน<br />

ธรรมะให้อยู่เสมอ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยหนักต้องการกำลังใจ<br />

จากพระธรรมทูต<br />

75


76


ประธานอำนวยการสร้างวัดป่าธรรมรัตน์<br />

เมืองพิทส์เบอร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย<br />

ประวัติการก่อตั้ง<br />

พิทส์เบิร์ก (Pittsburgh) เป็นเมืองเก่าแก่ที่สำคัญของรัฐเพนซิลวาเนีย<br />

และเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา มีพุทธศาสนิกชนผู้มี<br />

ศรัทธาอย่างแรงกล้ากลุ่มหนึ่ง ได้ปรึกษาหารือเรื่องการสร้างวัดกับพระครู<br />

สิริอรรถวิเทศ (ดร.พระมหาถนัด อตฺถจารี) ในโอกาสที่ท่านได้มาน ำปฏิบัติธรรม<br />

ติดต่อกันหลายปี เมื่อตกลงกันว่าจะสร้างวัดแล้ว จึงนำพุทธศาสนิกชนเข้า<br />

กราบขอความเมตตารับคำแนะนำในการก่อตั้งวัดจากพระเดชพระคุณ<br />

พระราชมงคลรังษี(หลวงตาชี) ประธานสงฆ์วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ซึ่งท่าน<br />

ได้มีเมตตาให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และเห็นด้วยในการก่อตั้งวัด<br />

จึงมอบหมายให้พระครูสิริอรรถวิเทศ เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

เป็นประธานดำเนินการสร้าง<br />

พร้อมกันนั้นมีพุทธศาสนิกชนหลายท่านมีส่วนสำคัญในการริเริ่มร่วม<br />

สร้างวัด เป็นต้นว่า คุณมาลินี วังศเมธีกูร, คุณสุกานดา บุพพานนท์, คุณประภัสสรา<br />

อักขราสา, คุณนีน่า โกลด์, คุณใจ วงศ์ค ำ, คุณวิลาวรรณ-คุณทิม วอง, คุณสมทรง<br />

ฟ็อก, คุณจำลอง แม็คคาซี่, คุณมนัส แซนส์, คุณพิมพ์ใจ เบอร์มิ่งแฮม, ครอบครัว<br />

จิระเชิดชูวงศ์, คุณวิเชียร - คุณสมศักดิ์ น้ำใส, คุณประนอม จาบกุล, คุณเจน<br />

ชูแนม, คุณรุ่งนภา ขันชาลี, นักศึกษาไทย เป็นต้น ในระยะเริ่มต้นได้ช่วยกัน<br />

ปรับปรุงบ้านของคุณสฤษฎิ์-คุณอุไร ตะสิทธิ์ ให้เป็นที่พักชั่วคราวของพระสงฆ์<br />

และทำบุญเปิดวัดในพรรษากาลของวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๔ หลังจากออก<br />

พรรษาแล้ว จึงจัดส่งพระธรรมทูต ๒ รูป คือ พระครูสังฆรักษ์สุริยา เตชวโร<br />

พระวิปัสสนาจารย์วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. และพระมหาปิยะ อุตฺตมปญฺโญ<br />

พระธรรมทูตวัดป่าสันติธรรม รัฐเวอร์จีเนีย ให้มาอยู่ปฏิบัติศาสนกิจ โดยมี<br />

77


พระครูสิริอรรถวิเทศ ประธานประชุมทุกๆเดือนนำพาพุทธศาสนิกชนสร้าง<br />

วัดให้มั่นคงต่อไป<br />

เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๗ คุณเฟรด-คุณกิติมา แฟรงค์ พร้อม<br />

ครอบครัวได้มีศรัทธาอย่างแรงกล้าได้ปวารณาถวายบ้าน ๑ หลัง พร้อม<br />

ที่ดินเนื้อที่ ๑.๕ เอเคอร์(๓.๗๕ ไร่) บ้านเลขที่ ๒๖๑๘ Monroeville Blvd.,<br />

Monroeville, PA ๑๕๑๔๖ เพื่อดำเนินการก่อสร้างให้เป็นวัดที่ถาวรสืบไป<br />

จากนั้นวัดจึงได้ย้ายมาอยู่สถานที่แห่งใหม่ และในปลายปีเดียวกัน ทางวัดได้<br />

จัดซื้อที่ดินเพิ่มเติม ๑.๑ เอเคอร์ (๒.๗๕ ไร่) เพื่อขยายพื้นที่รวมเนื้อที่ของวัด<br />

ทั้งหมด ๒.๖ เอเคอร์ (๖.๕ ไร่)<br />

หลังจากนั้นได้พัฒนาไม่หยุดยั้ง ปีพ.ศ. ๒๕๕๘ ได้สร้างถนนทางขึ้นใหม่<br />

(Driveway) และที่จอดรถชั่วคราวเพื่ออำนวยความสะดวกแก่พุทธศาสนิกชน<br />

ผู้มาทำบุญที่วัด กลางปีเดียวกัน วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ได้ประกอบพิธี<br />

หล่อหลวงพ่อพระพุทธมงคลรังษี ณ วัดโปรดเกศเชษฐาราม จ.สมุทรปราการ<br />

มีเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เมตตาเป็น<br />

ประธานเททองหล่อ และมีพระธรรมทูตพร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก<br />

ร่วมทำบุญ และได้อัญเชิญประดิษฐานที่วัดป่าธรรมรัตน์ เมื่อเดือนพฤษภาคม<br />

๒๕๕๙<br />

วัตถุประสงค์<br />

- เพื่อเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสหรัฐอเมริกา<br />

- เพื่อเป็นศูนย์ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานประจำเมืองพิทส์เบอร์ก<br />

- เพื่อเป็นศูนย์ส่งเสริม ศีลธรรม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี<br />

ที่ดีงามของชาวพุทธ<br />

- เพื่อเป็นศูนย์ฝึกอบรมเสริมความรู้พระธรรมทูตสายต่างประเทศ<br />

- เพื่อเป็นศูนย์รวมใจของชาวพุทธโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ<br />

78


พระธรรมทูตที่อยู่ปฏิบัติศาสนกิจ<br />

๑. พระครูสิริอรรถวิเทศ<br />

ประธานดำเนินการสร้าง - ประธานกรรมการบริหาร<br />

๒. พระมหาปิยะ อุตฺตมปญฺโ<br />

พ.ศ. ๒๕๕๔ – ปัจจุบัน (หัวหน้าสงฆ์)<br />

๓. พระครูสังฆรักษ์สุริยา เตชวโร<br />

พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๕ (ไปปฏิบัติศาสนกิจที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.)<br />

๔. พระมหาสิทธิผล สิทฺธิผโล<br />

พ.ศ. ๒๕๕๕ (ไปปฏิบัติศาสนกิจที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.)<br />

๕. พระมหาพิรุฬห์ พทฺธสีโล<br />

พ.ศ.๒๕๕๕-๒๕๕๗ (ไปปฏิบัติศาสนกิจที่ประเทศอินเดีย)<br />

๖. พระมหาสายันต์ อคฺควณฺโณ<br />

พ.ศ.๒๕๕๕ – ปัจจุบัน<br />

คณะกรรมการที่ปรึกษา<br />

๑. พระราชมงคลรังษี (หลวงตาชี)<br />

ที่ปรึกษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

๒. พระเทพพุทธิวิเทศ<br />

ประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

๓. พระครูปริยัติธรรมาภิราม<br />

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุเชิงชุม จ.สกลนคร<br />

๔. พระครูวิสิฐธรรมรส<br />

เจ้าอาวาสวัดโปรดเกศเชษฐาราม จ.สมุทรปราการ<br />

๕. พระครูสันตจิตตานุโยค<br />

เจ้าอาวาสวัดบางพึ่ง จ.สมุทรปราการ<br />

79


คณะกรรมการอำนวยการบริหารวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบอร์ก<br />

๑. พระครูสิริอรรถวิเทศ ประธานกรรมการอำนวยการ<br />

๒. พระครูสุธีธรรมธร รองประธานฯ<br />

๓. พระครูสังฆรักษ์สุริยา เตชวโร รองประธานฯ<br />

๔. พระมหาปิยะ อุตฺตมปญฺโญ เลขานุการ<br />

๕. คุณฟลุค วอง เหรัญญิก<br />

๖. คุณรุ่งนภา ขันชาลี ผู้ช่วยเหรัญญิก<br />

๗. พระมหาสายันต์ อคฺควณฺโณ ผู้ช่วยเหรัญญิก<br />

๘. คุณนีน่า โกลด์ ประชาสัมพันธ์<br />

๙. คุณวิลาวรรณ อนันต์ วอง กรรมการ<br />

๑๐. คุณสฤษฎิ์ ตะสิทธิ์ กรรมการ<br />

๑๑. คุณพนิดา Leonhard กรรมการ<br />

การปฏิบัติศาสนกิจของพระธรรมทูตประจำ<br />

๑. การเผยแผ่จัดสอนสมาธิและพระพุทธศาสนาในเรือนจำ ๔ แห่ง<br />

ในมลรัฐเพนซิลวาเนีย<br />

- เรือนจำในเมืองพิทส์เบิร์กเดือนละ ๔ ครั้ง(State Correctional<br />

Institution, Pittsburgh)<br />

- เรือนจำเมืองโสเมอเสตเดือนละครั้ง (State Correctional<br />

Institution, Somerset)<br />

- เรือนจำเมืองโลเรลไฮแลนด์เดือนละครั้ง(State Correctional<br />

Institution, Laurel Highlands)<br />

- เรือนจำเมืองอัลเบียนเดือนละครั้ง (State Correctional Institution,<br />

Albion)<br />

๒. โครงการขึ้นเรือนเยือนบ้าน พาญาติโยมสวดมนต์ นั่งสมาธิ และ<br />

สนทนาธรรม โดยเวียนไปตามบ้านที่ได้รับนิมนต์<br />

80


๓. โครงการอบรมวิปัสสนากรรมฐานแก่ผู้สนใจทั่วไปทั้งภายในและ<br />

ภายนอกวัด<br />

๔. จัดกิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาและประเพณีไทย<br />

- ทำบุญวันปีใหม่<br />

- ทำบุญวันมาฆบูชา<br />

- ทำบุญประเพณีสงกรานต์<br />

- ทำบุญวันวิสาขบูชา<br />

- ทำบุญวันอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา<br />

- ทำบุญวันกตัญญูรู้พระคุณแม่<br />

- ทำบุญวันสารทและครบรอบการก่อตั้งวัด<br />

- ทำบุญวันออกพรรษา<br />

- ทำบุญทอดกฐินสามัคคี<br />

- ทำบุญวันกตัญญรู้พระคุณพ่อ<br />

- สวดมนต์ข้ามปีและทำบุญขึ้นปีใหม่<br />

๕. โครงการธรรมะข้างสำรับ ให้ความรู้ทางด้านพระพุทธศาสนาและ<br />

ธรรมะทุกโอกาสที่ญาติโยมนิมนต์ไปปฏิบัติศาสนกิจ<br />

๖. โครงการบริจาคหนังสือ วีดีโอ และดีวีดีธรรมะให้เรือนจำ ๔ แห่ง<br />

ในมลรัฐเพนซิลวาเนีย<br />

๗. ด้านการสาธารณูปการ<br />

- ปรับปรุงห้องใต้ดินเป็นสถานที่ทำบุญ ๒๐,๐๐๐.๐๐ เหรียญ<br />

- ติดกระจกหน้าต่างใหม่ ๑,๕๐๐ เหรียญ<br />

- ซื้อที่ดินเพื่อขยายวัด ๑.๑ เอเคอร์ ๑๗๓,๗๔๐.๗๗ เหรียญ<br />

- ทำป้ายวัด ๑,๕๐๐.๐๐ เหรียญ<br />

- ทุบฝาผนังห้องเพื่อขยายห้องพระประธาน ๒,๐๐๐.๐๐ เหรียญ<br />

- หล่อพระพุทธมงคลรังษีพระประธาน ๓,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท<br />

๘. ด้านสังคมสงเคราะห์ จัดโครงการบริจาคอาหารและเครื่องอุปโภค<br />

บริโภค ให้กับธนาคารอาหาร (Food Bank) และองค์กรการกุศลต่างๆ<br />

81


ตำแหน่ง / หน้าที่ / การงานในต่างประเทศ<br />

พ.ศ. ๒๕๓๕-ปัจจุบัน เป็นพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ปฏิบัติศาสนกิจ<br />

ประจำวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา<br />

พ.ศ. ๒๕๓๘-ปัจจุบัน เป็นกรรมการสอบคัดเลือก/พระวิทยากรบรรยาย<br />

พิเศษ โครงการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ<br />

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย<br />

พ.ศ. ๒๕๓๙-ปัจจุบัน เป็นพระวิปัสสนาจารย์สอนการเจริญจิตภาวนา<br />

(Mental Detoxification & Relaxation) ณ วัด<br />

ไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี., วัดป่าสันติธรรม รัฐเวอร์<br />

จีเนีย, ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาทิเบต เมืองซิลเวอร์<br />

สปริง (The Sakya Phuntsok Ling, the Tibetan<br />

Center in Silver Spring Maryland), ศูนย์ศึกษา<br />

และปฏิบัติธรรมเมืองฟิลาเดลเฟีย (Buddhist Meditation<br />

Center of Philadelphia)<br />

- เป็นประธานอำนวยการ และพระวิปัสสนา<br />

จารย์ของวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบอร์ก รัฐ<br />

82


เพนซิลวาเนีย (Vipassana meditation group of<br />

Pittsburg, Pennsylvania)<br />

พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็นประธานกรรมการ “กองทุนธรรมรัตน์” (สร้าง<br />

ศาสนทายาทสืบอายุพระพุทธศาสนา) โรงเรียนพระ<br />

ปริยัติธรรมแผนกสามัญ วัดโสมมนัสสันตยาราม<br />

อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี มอบทุนการศึกษาแก่<br />

พระภิกษุ-สามเณรที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์<br />

ทุกๆ ปีๆ ละ ๕๐ ทุน เป็นเงิน ๒๕๐,๐๐๐.๐๐ บาท<br />

พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นประธานกองทุนส่งเสริมพระวิปัสสนาจารย์<br />

“คุณแม่สมจิตต์ วสุรัตน์” มอบทุนการศึกษาแก่พระ<br />

วิปัสสนาจารย์ทั้งในและต่างประเทศ<br />

พ.ศ. ๒๕๕๐ เปิดสอนวิปัสสนาแก่เจ้าหน้าที่-พนักงาน สถาบัน<br />

การเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่สำนักงานใหญ่กรุง<br />

วอชิงตัน, ดี.ซี. ทุก ๆ เดือน<br />

พ.ศ. ๒๕๕๐-ปัจจุบัน เป็นหัวหน้าโครงการธรรมสัญจร จัดปฏิบัติธรรม<br />

นานาชาติภาคภาษาอังกฤษ(Mental Detoxifica-<br />

83


tion & Relaxation) วัดในสังกัดสมัชชาสงฆ์ไทยใน<br />

สหรัฐอเมริกา<br />

พ.ศ. ๒๕๕๑-ปัจจุบัน ประธานคณะกรรมการอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน,<br />

ดี.ซี. เมืองซิลเวอร์สปริง มลรัฐแมรี่แลนด์<br />

พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๙ เป็นเลขาธิการ สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

พ.ศ. ๒๕๕๒-ปัจจุบัน เป็นอาจารย์ประจำสถาบัน Thai Institute of Healing<br />

Arts เมืองอาร์ลิงตัน มลรัฐเวอร์จีเนีย สอนสมาธิภาวนา<br />

และสวดมนต์แบบเถรวาทแก่ชาวอเมริกัน<br />

พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๓ เป็นอาจารย์บรรยายวิชาบทบาทสตรีในพระพุทธ<br />

ศาสนาแก่นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยา<br />

ลัยเพ็นสเตท (Pennsylvania State University,<br />

พ.ศ. ๒๕๕๒<br />

Mont Alto Campus)<br />

เป็นอาจารย์บรรยายวิชาพระพุทธศาสนาเถรวาท<br />

แก่นักศึกษาคณะศาสนา-ปรัชญา มหาวิทยาลัย จอร์จ<br />

วอชิงตัน กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

พ.ศ.๒๕๔๓-ปัจจุบัน เป็นคณะกรรมการชาวพุทธนานาชาติ (International<br />

Buddhist Committee of Wasington, D.C.) ใน<br />

เขตกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. มลรัฐแมรี่แลนด์, มลรัฐเวอร์จีเนีย<br />

เป็นกรรมการ IBC. จัดงานฉลองวิสาขบูชานานาชาติ<br />

ทุกๆ ปี<br />

พ.ศ. ๒๕๕๙-ปัจจุบัน เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการ สมาคมชาว<br />

พุทธนานาชาติแห่งสหรัฐอเมริกา (International<br />

Buddhist Association of America : IBAA)<br />

84


ประสบการณ์งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างแดน<br />

พ.ศ. ๒๕๓๖-ปัจจุบัน เดินทางเผยแผ่ดูงานพระศาสนาทั้งในทวีปยุโรป และ<br />

ประเทศแถบสแกนดิเนเวีย เช่น นอร์เวย์, สวีเดน,<br />

ฟินแลนด์,เดนมาร์ก, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เบลเยี่ยม,<br />

ลักซัมเบอร์ก เยอรมัน,เนเธอร์แลนด์, สวิสเซอร์แลนด์,<br />

สเปน, โปรตุเกส,อิตาลี ในทวีปอเมริกาเหนือ เช่น<br />

สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, และประเทศต่างๆ ใน<br />

ทวีปเอเชีย เช่น รัสเซีย, อินเดีย, เนปาล, ศรีลังกา,<br />

มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี,<br />

ไต้หวัน, เวียดนาม, ลาว, เขมร, พม่า และอัฟริกาใต้<br />

พ.ศ. ๒๕๔๒ ร่วมประชุมสภาศาสนาโลก (Parliament of the World’s<br />

Religions 1999) ที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้<br />

(Cape Town, South Africa)<br />

พ.ศ. ๒๕๔๓ ทำวิจัยพุทธศาสนาฝ่ายมหายานนิกายสุขาวดี (Pure Land)<br />

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ วิทยาลัย เหยียนกวง เมืองจงลี่ ไทเป<br />

ประเทศไต้หวัน (Buddhist Research Institute, Yuan<br />

Kuang Buddhist College, Taiwan)<br />

พ.ศ. ๒๕๔๔ ทำวิจัยพุทธศาสนาฝ่ายวัชรยาน(ทิเบต)นิกายกั๊กยิว (หมวกด ำ)<br />

ที่วัดไตรรัตนาราม เมืองสิริกูลี่ รัฐเวสท์ เบงกอล ประเทศ<br />

อินเดีย (Tri-Ratna Buddhist Monastery, Siriguli , District<br />

of Darjeeling, West Bengal, India)<br />

พ.ศ. ๒๕๓๗-ปัจจุบัน เป็นบรรณาธิการ และผู้จัดทำหนังสือต่าง ๆ ของ<br />

วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. และสมัชชาสงฆ์ไทยใน<br />

สหรัฐอเมริกา ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ<br />

85


พ.ศ. ๒๕๔๗<br />

พ.ศ. ๒๕๔๗<br />

พ.ศ. ๒๕๔๙<br />

พ.ศ. ๒๕๕๒<br />

86<br />

ร่วมประชุมสภาศาสนาโลก (Parliament of the World’s<br />

Religions 2004) ที่เมืองบาร์เซโลน่า, ประเทศสเปน<br />

ร่วมจัดประชุมสัมมนาทางพระพุทธศาสนา ทั้งในประเทศไทย<br />

อินเดีย ในยุโรป และสหรัฐอเมริกา<br />

ร่วมประชุมผู้นำศาสนาโลกหลังเหตุการณ์ ๑๑ กันยายน<br />

(World’s Religions after September 11) A Global<br />

Congress at Montreal, Canada, 11-15 September 2006<br />

ขณะที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

ได้จัดประชุมสัมมนาพระธรรมทูตสายต่างประเทศทั่วโลก<br />

ในโอกาสทำบุญอายุวัฒนมงคลครบ ๘๔ ปี พระวิเทศธรรมรังษี<br />

(ปัจจุบัน พระราชมงคลรังษี) ประธานสงฆ์วัดไทยกรุงวอชิงตัน,<br />

ดี.ซี. ร่วมกับมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย<br />

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สหภาพพระธรรมทูตไทย<br />

ในทวีปยุโรป และโอเชียนเนียร์ ทำให้เกิดปฏิญญา<br />

กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.


พ.ศ. ๒๕๕๓<br />

พ.ศ.๒๕๕๓<br />

พ.ศ. ๒๕๕๔<br />

พ.ศ. ๒๕๕๐<br />

พ.ศ. ๒๕๕๓<br />

ขณะที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

ได้จัดประชุมสัมมนาพระธรรมทูตสายต่างประเทศทั่วโลก<br />

ในโอกาสงานการพัทธสีมาฝังลูกนิมิต วัดวชิรธรรมปทีป<br />

นครนิวยอร์ก ในวันที่ ๒๗-๒๘ มิถุนายน<br />

ร่วมกับมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ส ำนักงาน<br />

พระพุทธศาสนาแห่งชาติ สหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีป<br />

ยุโรป และโอเชียนเนียร์ เพื่อร่วมกันลง มติทำแผนพัฒนางาน<br />

พระธรรมทูตสายต่างประเทศร่วมกัน และได้มีการลงนามใน<br />

ปฏิญญามหานครนิวยอร์ก<br />

ขณะที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

ได้จัดประชุมสัมมนาพระธรรมทูตสายต่างประเทศทั่วโลก ใน<br />

โอกาสงานทำบุญฉลองการปฏิบัติศาสนกิจครบ ๕๐ ปี<br />

พระเทพโพธิวิเทศ (ทองยอด ภูริปาโล ป.ธ.๙) หัวหน้า<br />

พระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล วันที่ ๒๖-๒๗<br />

กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ<br />

ราชวิทยาลัย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สหภาพ<br />

พระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป และโอเชียนเนียร์ เพื่อร่วมกัน<br />

ลงมติรับแผนพัฒนางานพระธรรมทูตสายต่างประเทศไป<br />

พัฒนาและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร ได้มีการลงนาม<br />

ในปฏิญญาพุทธคยา ทำให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือระหว่าง<br />

องค์กรพระธรรมทูตไทยในต่างประเทศแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น<br />

นำคณะจาริกแสวงบุญประเทศศรีลังกา อัญเชิญพระ<br />

สารีริกธาตุ เพื่อประดิษฐานไว้ที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

นำคณะจาริกแสวงบุญประเทศศรีลังกาอัญเชิญพระ<br />

สารีริกธาตุเพื่อประดิษฐานไว้ที่วัดวชิรธรรมปทีป นิวยอร์ก<br />

87


พ.ศ. ๒๕๕๓-๕๔ ร่วมงานฉลองวิสาขบูชาวันสำคัญของโลก ณ ตึก<br />

สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ (UN) มหานคร<br />

นิวยอร์ก<br />

พ.ศ. ๒๕๕๕ ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการพระธรรมทูตที่ปฏิบัติศาสนกิจ<br />

ทั่วโลกทั้งฝ่ายธรรมยุติ และฝ่ายมหานิกาย ในวันที่ ๒๙<br />

พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ในโอกาสเฉลิมฉลองพุทธชยันตี<br />

๒,๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการเผยแผ่<br />

พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตไทยสายต่างประเทศ<br />

ณ มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย<br />

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา<br />

พ.ศ. ๒๕๕๕ ร่วมงานชุมนุมชาวพุทธทั่วโลกในงานฉลองวิสาขบูชาวัน ส ำคัญ<br />

สากลของโลก ฉลองพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้<br />

ของพระพุทธเจ้า ระหว่างวันที่ ๓๑ พฤษภาคม-๒ มิถุนายน<br />

พ.ศ. ๒๕๕๕ ณ หอประชุม ม.ว.ก. มหาวิทยาลัย มหาจุฬา<br />

ลงกรณราชวิทยาลัย, ร่วมพิธีประกาศปฏิญญากรุงเทพ พ.ศ.<br />

๒๕๕๕ ณ อาคารสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ ถนน<br />

ราชดำเนิน และร่วมพิธีวางศิลากฤษ์สร้างอาคารสำนักงาน<br />

ศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก พิธีเจริญพระพุทธมนต์-เวียน<br />

เทียน ณ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม<br />

พ.ศ. ๒๕๕๕ ในนามคณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ตำแหน่งเลขาธิการ<br />

ได้ร่วมประชุมสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป ที่<br />

วัดพุทธาราม เมืองแวมโด ประเทศสวีเดน วันที่ ๑๗-๑๘<br />

มิถุนายน ๒๕๕๕ เพื่อดำเนินตามปฏิญญาพุทธคยา ที่ได้ลง<br />

นามร่วมกันเรื่องการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ<br />

พ.ศ. ๒๕๕๖ ในนามคณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ตำแหน่งเลขาธิการ ได้<br />

เข้าร่วมการอภิปรายนำเสนอผลงานทางวิชาการ ในงานฉลอง<br />

88


ความ สัมพันธ์พระพุทธศาสนาเถรวาทแบบไทยสยามนิกาย<br />

อายุครบ ๒๖๐ ปี ณ สถาบันสอนพระพุทธศาสนา เมืองแคนดี้<br />

ประเทศศรีลังกา<br />

พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นองค์แสดงพระธรรมเทศนาใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ในงาน<br />

สาธยายพระไตรปิฎกนานาชาติ ที่มณฑลพิธีพุทธคยา เมือง<br />

พุทธคยา ประเทศสาธารณรัฐอินเดีย<br />

พ.ศ. ๒๕๕๖<br />

ได้เข้าร่วมประชุมสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๗/๒๕๕๖ องค์กร<br />

สหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป ณ วัดธรรมวิหาร<br />

เมืองฮันโนเฟอร์ ประเทศเยอรมนี ในนามเลขาธิการสมัชชา<br />

สงฆ์ไทยฯ ในฐานะที่ปรึกษาองค์กร<br />

พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้เข้าร่วมประชุมสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๘/๒๕๕๗<br />

องค์กรสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป ณ วัดธรรม<br />

ประทีป เมืองแมคเคอร์แลน ประเทศเบลเยี่ยม ในนาม<br />

เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ในฐานะที่ปรึกษาองค์กร<br />

พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้เข้าร่วมประชุมสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๙/๒๕๕๘<br />

องค์กรสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป ณ วัดไทย<br />

นอร์เวย์ ประเทศนอร์เวย์ ในนามเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ<br />

ในฐานะที่ปรึกษาองค์กร<br />

พ.ศ. ๒๕๕๘<br />

พ.ศ. ๒๕๕๘<br />

ในนามคณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ตำแหน่งเลขาธิการ<br />

ได้รับนิมนต์เข้าร่วมประชุมสัมมนาพุทธ-คริสต์ การอยู่กัน<br />

ด้วยสันติ ที่สำนักวาติกัน ประเทศอิตาลี โดยได้เข้าพบสมเด็จ<br />

พระสันตปาปา (โป๊ปฟรานซิส)<br />

ในนามคณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ตำแหน่งเลขาธิการ<br />

ได้เข้าร่วมประชุมสภาศาสนาโลก (Parliament of the<br />

World’s Religions) ที่เมืองซอลเลคซิตี้ รัฐยูทาห์ ระหว่าง<br />

วันที่ ๑๕-๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘<br />

89


พ.ศ. ๒๕๕๙<br />

พ.ศ. ๒๕๕๙<br />

ในนามคณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ตำแหน่งเลขาธิการ<br />

ได้จัดโครงการฝึกอบรมแนวการสอนวิปัสสนากรรมฐาน<br />

นานาชาติ ณ วัดสันติวนาราม บ้านเชียง อ.หนองหาน และ<br />

วัดนาหลวง (อภิญญาเทสิตธรรม) อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี<br />

วันที่ ๑๕-๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙<br />

ในนามคณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ตำแหน่งเลขาธิการ<br />

และตำแหน่งประธานอำนวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี.<br />

ประธานอำนวยการก่อสร้างวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบอร์ก<br />

ได้รับเลือกจากสมาชิกให้ดำรงตำแหน่งประธานพุทธสมาคม<br />

นานาชาติ “International Buddhist Association of<br />

America”(IBAA) ซึ่งได้ดำเนินการเพื่อขออนุญาตจัดฉลอง<br />

วิสาขบูชาที่ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ (White House)<br />

พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้เข้าร่วมประชุมสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๙<br />

องค์กรพระธรรมทูตในสหราชอาณาจักร และไอส์แลนด์<br />

ณ วัดสันติวงศาราม เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ และ<br />

เข้าร่วมพิธีทำบุญอายุวัฒนมงคลครบ ๙๐ ปี พระราชภาวนาวิมล วิ.<br />

90


เจ้าอาวาสวัดพุทธประทีป กรุงลอนดอน ประธานองค์กรฯ<br />

และเดินทางเยี่ยมพระธรรมทูตวัดต่างๆ ในยุโรป ๔ ประเทศ<br />

คือ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เยอรมัน และเนเธอร์แลนด์<br />

การเผยแผ่พระพุทธศาสนาทางสถานีวิทยุ-โทรทัศน์-เวบไซต์<br />

พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นหัวหน้าศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ (Internet) เพื่อการ<br />

เผยแผ่พระพุทธศาสนาวัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี., เจ้าของ<br />

รายการ “ธรรมธารา” ภาคอินเตอร์เน็ต<br />

พ.ศ. ๒๕๔๐ เผยแผ่ธรรมะ และข่าวสารข้อมูลทางเวบไซต์ของสมัชชา<br />

สงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา www.thaitemple.org,<br />

วัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. www.watthaidc.org และเวบไซต์<br />

ส่วนตัว ที่ www.t-dhamma.org, Facebook & Twitter<br />

พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นเจ้าของรายการโทรทัศน์ “ท่องธรรม” สถานีโทรทัศน์<br />

TNN2 (True Vision) ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา ๗.๓๐<br />

น.- ๐๘.๐๐ น. (ที่ประเทศไทย)<br />

พ.ศ. ๒๕๕๑ รายการโทรทัศน์ “ธรรมะส่องโลก” ออกอากาศทางสถานี<br />

โทรทัศน์ NAT TV., Lao Champa TV. (ออกอากาศใน<br />

สหรัฐอเมริกา)<br />

พ.ศ. ๒๕๕๓ รายการโทรทัศน์ “ข่าวสารจากพระธรรมทูตไทยในต่างแดน”<br />

ทางสถานีโทรทัศน์ WBTV (World Buddhist Television)<br />

วัดยานนาวา เขตสาทร และ TBC (Thailand Buddhist<br />

Chanel) วัดพิชยญาติการาม กรุงเทพมหานคร<br />

พ.ศ. ๒๕๕๔ จัดรายการวิทยุร่วมกับพระมหาคาวี ญาณวีโร เจ้าอาวาส<br />

วัดสะพานคำ จ.สกลนคร ในรายการ “คนดีศรีสังคม”<br />

รายการ “สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทย” รายการ “พุทธธรรม<br />

นำชีวิต” ทางสถานีวิทยุ ๙๐๙ จังหวัดสกลนคร<br />

91


การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในตำแหน่งเลขาธิการ สมัชชาสงฆ์ไทย<br />

ในสหรัฐอเมริกา<br />

๑. การจัดโครงการธรรมสัญจรแก่ชาวต่างชาติ น ำโดย พระครูสิริอรรถวิเทศ<br />

เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา จัดปฎิบัติธรรมนานาชาติภาค<br />

ภาษาอังกฤษ วัดในเครือสมัชชาสงฆ์ไทยฯ โดยจัดหมุนเวียนไปตามวัดต่าง ๆ<br />

เช่น วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. วัดวชิรธรรมปทีป นิวยอร์ก วัดมงคลเทพ<br />

มุนี ฟิลาเดลเฟีย วัดป่าสันติธรรม รัฐเวอร์จีเนีย วัดมงคลรัตนาราม แทมป้า<br />

วัดมงคลรัตนาราม ฟอร์ต วัลตัน บีช และวัดพุทธรังษี ไมอามี รัฐฟลอริดา<br />

วัดพุทธมงคลนิมิต รัฐนิวเม็กซิโก และวัดป่าธรรมรัตน์ เมืองพิทส์เบอร์ก<br />

รัฐเพนซิลวาเนีย เป็นต้น ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๑-ปัจจุบัน<br />

๒. จัดโครงการอบรมเสริมความรู้พระธรรมทูต ด้านการปฏิบัติวิปัสสนา<br />

กรรมฐาน และเข้าปริวาสกรรม ในนามสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

รวม ๔ รุ่น ประจำปี ๒๕๕๔-๒๕๕๗ ณ วัดพระมหาชนก เมืองกริฟฟิน<br />

รัฐจอร์เจีย ระหว่างวันที่ ๑๐-๒๐ พฤษภาคม ของทุกปี มีพระธรรมทูต<br />

เข้าร่วมประพฤติวัตร ปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก โดยมีพระวิปัสสนาจารย์<br />

และพระเจ้าหน้าที่ ๑๐ รูป มีญาติโยมให้การอุปถัมภ์มากกว่า ๑๐๐ คน ตลอด<br />

ระยะเวลา ๑๐ วัน<br />

๓. จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมความรู้พระธรรมทูต ด้าน<br />

การผลิตสื่อมัลติมีเดีย (ถ่ายภาพ-ตัดต่อวีดีโอ) แก่พระธรรมทูตวัดในสังกัด<br />

สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๑๕-๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ.<br />

๒๕๕๔ ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ซิลเวอร์ สปริง มลรัฐแมรี่แลนด์<br />

92


การจัดพิมพ์หนังสือธรรมะ และหนังสืออนุสรณ์ต่างๆ ในนาม<br />

สมัชชาสงฆ์ไทยฯ เพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ดังนี้<br />

๑. หนังสือ “สงฆ์ไทย” ในการประชุมสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่<br />

๔๐/๒๕๕๙ ณ วัดไทยลอสแองเจลิส พิมพ์จำนวน ๕๐๐ เล่ม<br />

๒. หนังสือ “ระเบียบปฏิบัติ-รายนามวัด-รายชื่อพระธรรมทูตจ ำพรรษา<br />

วัดในสังกัดสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา” ๒๕๕๘ จำนวน ๕๐๐ เล่ม<br />

๓. หนังสือ “ระเบียบปฏิบัติ-รายนามวัด-รายชื่อพระธรรมทูต<br />

จำพรรษาวัดในสังกัดสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา” ๒๕๕๙ จำนวน ๕๐๐<br />

เล่ม แจกในงานสัมมนาและร่วมงานวิสาขบูชานานาชาติ ที่มหาจุฬาลงกรณ<br />

ราชวิทยาลัย<br />

๔. สมัชชาสงฆ์ไทยฯได้พิมพ์หนังสือแสดงมุทิตาสักการะ ถวาย<br />

พระธรรมทูตที่ได้รับพระราชทานเลื่อนและตั้งสมณศักดิ์ ได้พิมพ์หนังสือ<br />

นรก-สวรรค์ ในพระไตรปิฏก บทประพันธ์ของ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.<br />

ปยุตฺโต) จำนวน ๖,๐๐๐ เล่ม พระธรรมทูตในสังกัดสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ที่ได้<br />

รับพระราชทานเลื่อนและตั้งสมณศักดิ์<br />

๕. หนังสือสวดมนต์แปลภาคภาษาอังกฤษ (Chanting Book Pali<br />

with English Translation) จำนวน ๒,๐๐๐ เล่ม<br />

งานสังคมสงเคราะห์ในตำแหน่งเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ<br />

๑. บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ประเทศไทย โดยรวบรวม<br />

ปัจจัยที่ได้รับบริจาคจากวัดในสังกัดสมัชชาสงฆ์ไทยฯ และพุทธศาสนิกชน<br />

ทั่วไป ได้เงินจำนวน ๑๐,๐๐๐.๐๐ เหรียญฯ (๑๑ ต.ค.๕๔) โดย พระครู<br />

สิริอรรถวิเทศ เลขาธิการ นำไปมอบผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุง<br />

วอชิงตัน, ดี.ซี.โดย ฯพณฯ เอกอัครราชทูต กิตติพงษ์ ณ ระนอง เป็นผู้รับ<br />

มอบเงินเพื่อนำส่งให้สภากาชาดไทยต่อไป<br />

93


๒. บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น<br />

วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔ โดย ดร.พระครูสิริอรรถวิเทศ เลขาธิการ<br />

สมัชชาสงฆ์ไทยฯ ได้เดินทางไปมอบเงินบริจาคที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น<br />

ณ กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ซึ่งได้รวบรวมเงินบริจาควัดสมาชิกสมัชชาสงฆ์ไทยฯ<br />

จำนวน ๘,๒๕๐.๐๐ ดอลล่าร์สหรัฐฯ (แปดพันสองร้อยห้าสิบดอลล่าร์สหรัฐฯ)<br />

ผลงานด้านการประพันธ์/รวบรวมหนังสือวิชาการ, สารคดี<br />

ท่องเที่ยวเชิงพุทธ, รายงานการประชุม, บทความต่าง ๆ<br />

พ.ศ. ๒๕๔๒ รายงาน “การประชุมสภาศาสนาโลก เคปทาวน์ ๑๙๙๙”<br />

พ.ศ. ๒๕๔๓ หนังสือ “พระธรรมทูตในต่างประเทศ”<br />

พ.ศ. ๒๕๔๔ หนังสือ “ท่องแดนพุทธภูมิ” ชุดตามเจ้าคุณฯ จาริกบุญเมือง<br />

อินเดีย<br />

พ.ศ. ๒๕๔๕ หนังสือ “สิกขิม แดนมหัศจรรย์ - ดาร์จีลิ่ง แดนประทับใจ”<br />

พ.ศ. ๒๕๔๖ หนังสือ “ท่องเพียวแลนด์แดนพุทธมหายาน” องค์กรพระพุทธ<br />

ศาสนาในไต้หวัน<br />

พ.ศ. ๒๕๔๖ หนังสือ “Chanting Book: Pali Language with English<br />

94<br />

Translation” (สมัชชาสงฆ์ไทยฯ)


พ.ศ. ๒๕๔๗ หนังสือ “เปิดประตูสู่ยุโรป - จาริกธรรมร่วมประชุมสภา<br />

ศาสนาโลก” บาร์เซโลน่า, ประเทศสเปน ๒๐๐๔<br />

พ.ศ. ๒๕๔๙ หนังสือ “ท่องศิลานคร แดนปราสาทขอม นครวัด-นครธม”<br />

พ.ศ. ๒๕๕๐ หนังสือ “จาริกบุญแสวงธรรม สู่แดนพุทธภูมิ” คู่มือนมัสการ<br />

สังเวชนียสถานที่สำคัญในอินเดีย-เนปาล<br />

พ.ศ. ๒๕๕๐ หนังสือ “Walking on the Path of the Buddha”<br />

คู่มือท่องแดนพุทธสถานใน อินเดีย-เนปาล (ภาษาอังกฤษ)<br />

พ.ศ. ๒๕๕๐ หนังสือ “Buddhist Tradition & Thai Culture”<br />

ประเพณีไทย-ประเพณีชาวพุทธ (สมัชชาสงฆ์ไทยฯ)<br />

พ.ศ. ๒๕๕๐ หนังสือ “Basic Buddhist Practice”(สมัชชาสงฆ์ไทยฯ)<br />

พ.ศ. ๒๕๕๐ หนังสือ “ศรีลังกา แดนพุทธศาสนา ๒,๓๐๐ ปี”<br />

พ.ศ. ๒๕๕๑ หนังสือ “Basic Meditation Instruction & Practice”<br />

พ.ศ. ๒๕๕๒ หนังสือ “พม่าดินแดนแห่งเจดีย์ทองคำ”<br />

ประเภทบทความต่าง ๆ “พระธรรมทูตในต่างแดน” นิตยสารพุทธจักร<br />

(มจร.), “ไปอินเดียทำไม ทำไมต้องไปอินเดีย” หนังสือพิมพ์ไทยแอล.เอ,<br />

“สิกขิม-ดาร์จีลิ่ง แดนประทับใจ” วารสาร แสงธรรม, พระพุทธศาสนาใน<br />

โลกตะวันตก เป็นต้น<br />

รางวัลชีวิต<br />

พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร<br />

เทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นพิเศษ<br />

ที่ พระครูสิริอรรถวิเทศ<br />

พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ<br />

ชั้นสามัญ ในพระราชทินนาม ที่ พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />

95


96


ความหลังที่ฝังใจ<br />

โดย... พระวิเทศรัตนาภรณ์ (ถนัด อตฺถจารี Ph.D.)<br />

ชีวิตในวัยเด็ก : ตอนเด็กเลี้ยงควาย<br />

ที่บ้านมีอาชีพหลักคือการทำนาและ<br />

ทำไร่ตามฤดูกาล ที่บ้านถึงแม้จะหาเงิน<br />

ลำบากแต่ก็ไม่ถึงกับขัดสนหรือฝืดเคือง<br />

นัก เนื่องจากคุณตา คุณยายทิ้งมรดก<br />

ไว้ให้แม่คนเดียวเนื่องจากเป็นลูกโทน<br />

ก็คือที่นาและที่ที่รกร้างว่างเปล่าที่ปู่ย่า<br />

ตายายจับจองเอาไว้สมัยก่อนที่บนภูเขา<br />

ใครจะปักเขตเอาตรงไหนก็ได้ ยังไม่มีกฏหมาย<br />

คุ้มครองป่าสงวนแห่งชาติเหมือนปัจจุบันนี้<br />

ที่บ้านจึงมีนาหลายแปลงทั ้งนาทุ่ง และนาโคก (ภูเขา) เมื่อถึง<br />

ฤดูทำนา คือประมาณกลางเดือนพฤษภาคม หลังจากทำบุญวันวิสาขบูชา<br />

แล้วก็จะพากันลงทำนาโดยจะเริ่มไถดะ หรือไถหุดก่อน ช่วงนี้จะทำไป<br />

เรื่อยๆ ไม่รีบเร่ง ส่วนมากจะนำควายออกจากคอกไปหากินหญ้าในช่วงเช้า<br />

หญ้าจะขึ้นตามคันนางามมากเพราะฝนพึ่งตกเป็นช่วงต้นฤดูฝน บรรดาสัตว์<br />

เล็กสัตว์น้อยก็มีมากตามท้องไร่ท้องนา เช่น พวกกบ เขียด อึ่งอ่าง งูต่างๆ<br />

และปลาในน้ำก็มีมากมาย<br />

ในช่วงเช้าปล่อยให้ควายและเล็มหญ้าไปตามคันนา ส่วนข้าพเจ้าเองก็<br />

ต้องหาจับปลาไว้เป็นอาหารเที่ยงด้วย เรียกว่าหากินทั้งคน และควาย ชีวิตในวัย<br />

เด็กมีแต่ความสนุกสนานร่าเริงไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร..เวลาฝนตกใหม่ประมาณ<br />

97


อาทิตย์หนึ่งพวกกบ เขียดก็จะวางไข่แล้วก็ออกลูกเป็นลูกอ๊อด คนภาคอีสาน<br />

จะชอบไปจับลูกกบ พวกนี้มาปรุงอาหารด้วย ข้าพเจ้าก็ถูกสอนให้ไปช้อน<br />

ลูกอ๊อดด้วยสวิงหรือตาข่ายถี่ ๆ ถ้าหนองน้ำไหน หรือแอ่งน้ำในนาตรงไหน<br />

มีลูกกบเยอะ ๆ จะดีใจมากเพราะว่าลูกกบจะตัวใหญ่ ลูกเขียดจะตัวเล็กมาก<br />

เวลาจะปรุงอาหารต้องใช้มือบี้ให้ท้องแตกทุกตัว (บี้ขี้มันออก) แล้วก็ล้างน้ำ<br />

ให้สะอาด เสร็จแล้วแล้วใช้เกลือคลุกพอประมาณ ใส่ใบแมงลัก แล้วใช้ใบตอง<br />

กล้วยห่อให้สนิทแล้วน้ำไปปิ้งบนกองไฟที่มีถ่านเพลิงแดงฉาน เมื่อมีกลิ่นหอม<br />

ฟุ้งไปแสดงว่าสุกแล้ว ก็จะนำไปกินกับข้าวเหนียว และที่ขาดไม่ได้ก็คือต้อง<br />

ตำน้ำพริกสำหรับจิ้มข้าวเหนียวด้วย และก็หาเก็บผัก หรือพืชน้ำที่มีขึ้นทั่วไป<br />

สำหรับจิ้มน้ำพริกด้วย มีผักบุ้ง ผักแผงพวย แหน ก้านบัว เป็นต้น ..เรียกว่า<br />

มองไปทางไหนก็เป็นอาหารไปหมด<br />

การหาอาหารบางวันก็จะหาปลา มีการทอดแห และใช้ยกยอได้ทั้ง<br />

ปลาตัวเล็กและตัวใหญ่ เมื่อได้มาแล้วก็จะปรุงอาหารแบบง่าย ๆ มีทั้งต้ม แกง<br />

และปิ้ง..ถ้าได้ปลาช่อนตัวใหญ่ ๆ ก็จะเผาใส่กองฟาง โดยใช้เกลือทาตัวแล้ว<br />

ใช้ดินเหนียวพอกทั้งตัวแล้วเผากับกองฟาง เวลาสุกแล้วก็ลอกดินเหนียวออก<br />

หนังปลาจะติดกับดินเหนียว จะได้แต่เนื้อปลาขาวๆ หอมกรุ่นอร่อยมาก.. ถ้า<br />

วันไหนทอดแหได้ปลาตัวใหญ่ ๆ จะดีใจมาก ชีวิตในวัยเด็กยังไม่รู้จักบาปบุญ<br />

คุณโทษอะไร รู้แต่ว่าเช้าขึ้นก็ต้องหากิน ได้อะไรก็กินไปตามประสาเด็กบ้าน<br />

นอก การยิงนกตกปลา หากบหาเขียดถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา<br />

การทำมาหากินสมัยนั้นไม่ต้องใช้เงิน..ส่วนมากจะใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น<br />

แต่การหากินนั้นหาเอาเองตามธรรมชาติ ชีวิตก็มีความสุข ตกตอนบ่ายก็ไถนา<br />

แล้วก็จะเก็บหอย เก็บปูไปด้วยเผื่อเป็นอาหารเย็น เวลาไถนาไปก็จะมีสัตว์เล็ก<br />

สัตว์น้อยวิ่งตามรอยไถ หรือผุดขึ้นมาจากพื้นดิน บางทีก็เก็บหอยได้เยอะ ๆ<br />

แม่ก็จะให้เอาไปแบ่งเพื่อนบ้านด้วย ก็มีการพึ่งพาอาศัยกัน บ้านนั้นได้หอย<br />

บ้านนี่ได้ปูก็แลกกันกิน เป็นระบบพึ่งพา ไม่ต้องใช้เงิน<br />

98


ข้าพเจ้ากับพี่ชายส่วนใหญ่ก็จะทำหน้าที่เลี้ยงควาย และดูแลควาย<br />

ทั้งหมด ๘-๙ ตัว เมื่อพี่ชายนำควายตัวไหนไปไถนา ส่วนที่เหลือข้าพเจ้าก็จะ<br />

นำไปเลี้ยงโดยให้และเล็มหญ้าตามขอบคันนา และระวังควายน้อย (ลูกควาย)<br />

อย่าให้ไปขโมยกินต้นกล้าอ่อน ซึ่งกำลังขึ้นใหม่<br />

เวลาไถดะไปแล้วถ้าปีไหนฝนดีก็จะได้ตกกล้าเร็ว คือหว่านกล้าเมล็ด<br />

ข้าวไว้ดำนาทั้งแปลง เวลานำควายไปเลี้ยงต้องระวังเป็นพิเศษเพราะเป็น<br />

ทุ่งกว้างโล่ง ๆ ไม่มีรัวรอบขอบชิต ต้องระวังควายตัวเล็กแอบลงไปกินข้าวกล้า<br />

ถ้าควายลงกินกล้าอ่อน หรือลงย่ำเสียหาย พี่ชายจะมาลงโทษเราอาจจะดุหรือ<br />

ตีแล้วแต่กรณี เราก็จะไปลงโทษกับควายอีกทีหนึ่ง จริงแล้วมันเป็นวิธีที่ไม่<br />

ถูกต้องซึ่งเรามารู้ทีหลังควายมันก็ไม่รู้เรื่องควรจะมาลงโทษคนมากกว่าควาย<br />

นิสัยอย่างหนึ่งที่ติดตัวข้าพเจ้าก็คือความรับผิดชอบสมัยเด็ก ๆ มีอายุ<br />

แค่ ๑๐-๑๓ ขวบ ต้องรับผิดชอบควายตั้ง ๗-๙ ตัวนี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราก็<br />

ทำได้เพราะธรรมชาติมันสอน และเมื่อคลุกคลีกับสัตว์ทำให้เข้าใจธรรมชาติ<br />

ของสัตว์ มีความรักความผูกพัน ความเห็นอกเห็นใจ เหมือนเป็นพี่น้องกันใน<br />

ครอบครัวเดียวกัน<br />

มีอยู่ครั้งหนึ่งคุณแม่ตัดสินใจขายควายชื่อเลา (ตัวผู้) ซึ่งข้าพเจ้ารักและ<br />

ผูกพันมันมากเพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ๆ ในวันที่พ่อค้าควายมารับมันไปต้อง<br />

จูงข้ามทุ่งนาไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง ข้าพเจ้าร้องให้วิ่งตามไปส่งตั้งไกลจนสุด<br />

สายตา แล้วเดินกลับบ้านเองกว่าจะถึงบ้านจนมืดค่ำ แล้วกลับมานอนซึมไป<br />

หลายวัน<br />

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพอจะขายควายทีต้องไม่ให้ข้าพเจ้ารู้ ถึงเวลาขาย<br />

จะนัดแนะให้พวกพ่อค้าควายไปดูตัวที่ท้องนา และวันนั้นจะหาเรื่องไม่ให้<br />

ข้าพเจ้าไปเลี้ยงควาย แต่จะพาไปซื้อของในตลาดในเมือง พอกลับมาบ้านไม่<br />

เห็นควาย แม่ก็จะบอกว่าญาติยืมไปทำนา เดี๋ยวเขาจะเอามาคืน แต่พอรู้ภาย<br />

หลังก็เศร้าใจเหมือนกัน<br />

99


นอกจากเลี้ยงควายแล้วงานหลักอีกอย่างหนึ่งก็คือต้องทำกับข้าวหุง<br />

(นึ่ง) หาอาหารไว้คอยพี่ ๆ ที่ไปทำงานในท้องนา กลับบ้านมาก็ได้ทานอาหาร<br />

ร่วมกัน สังคมบ้านนอกไม่มีการซื้อขายกัน สมัยข้าพเจ้าเป็นเด็กยังมีการแลก<br />

เปลี่ยนกันได้ เช่นบ้านนั้นได้ปลา ก็นำมาแลกไก่ หรือนก บ้านนี้มีแกงหน่อไม้<br />

ก็นำมาแลกแกงเห็ดหรือจะถามกันก่อนว่าวันนี้กินข้าวกับอะไร ถ้าอาหารไม่<br />

ซ้ำกันกับของตัวเอง จะตักแบ่งไปให้ และเป็นธรรมเนียมเวลาเขานำถ้วยมา<br />

ส่งคืน จะมีอาหารของบ้านนั้นติดมาด้วย นี่เป็นวัฒนธรรมพื้นฐานการช่วย<br />

เหลือเจือจุนกันของชาวชนบท<br />

ฉะนั้นนอกจากจะหุง (นึ่ง) ข้าวเป็นแล้วยังต้องทำอาหารเป็นด้วย และ<br />

ที่สำคัญก็ต้องรู้จักหาอาหารเองตามธรรมชาติด้วย เช่นเวลาฝนตกชุกแล้ว ๑<br />

อาทิตย์ แล้วอาทิตย์ต่อมาแดดออกจ้า ก็จะเข้าป่าหาเก็บเห็ดตามพื้นดิน และ<br />

ตามขอนไม้ผุ ๆ เห็ดจะขึ้นเต็มไปหมด และธรรมชาติก็จะสอนว่าเห็ดชนิดไหน<br />

กินได้ คือไม่เบื่อเมา แม่จะสอนว่าให้สังเกตสัตว์ เช่นเต่า หรือแมลงกัดกินเห็ด<br />

ชนิดนั้น ก็แสดงว่าคนก็ต้องกินได้ ก็เก็บมาปรุงอาหารได้<br />

นอกจากนั้นก็หาเก็บหน่อไม้ในหน้าฝน และเก็บผักชนิด<br />

ต่าง ๆ ฝนตกหนักในตอนกลางวัน พอกลางคืน<br />

ก็ไปจับกบ จับอึ่งอ่าง วิธีจับอึ่งอ่างที่นาโคก<br />

(ภูเขา) จะมีแอ่งหินเป็นบ่อคล้ายบ่อธรรมชาติ<br />

พอฝนตกหนักอึ่งอ่างจะออกมาผสมพันธุ์<br />

กันแล้วตกลงไปในบ่อหรือแอ่งหินนั้น ก็ไป<br />

จับเอาได้สบายเลยและได้ทีละเยอะ ๆ พอ<br />

ได้มาแล้วก็ต้องรู้จักถนอมอาหารไว้กินนาน ๆ หลังจาก<br />

ต้ม แกงกินประจำวันแล้วก็ในเมื่อมีเยอะก็จะย่าง ๆ ตากแดดให้แห้งแล้วเก็บ<br />

เอาไว้ทำอาหารกินตอนลงทำนา เพราะบางครั้งงานดำนามันเร่งก็ไม่มีเวลา<br />

ออกหาอาหาร ก็ใช้อาหารแห้งที่เก็บไว้นั่นแหละปรุงอาหารแบ่งกันกิน ดังที่<br />

ทราบแล้วว่าคนอีสาน อยู่ง่าย กินง่าย กินข้าวเหนียวไม่เปลืองกับข้าวด้วย<br />

100


ในหน้าฝนตามห้วยหนองคลองบึงจะมีสัตว์น้ำให้เราจับเยอะแยะ<br />

เช่นไปทอดแห หาปลา พี่ชายจะสานแห (ทอ) เล็ก ๆ ให้ไปทอดแหหาปลา<br />

ในตอนกลางวัน และตอนเย็น ๆ ถ้าน้ำขึ้นฝนตกใหม่ก็จะไปใส่เบ็ดปลา และ<br />

เบ็ดกบด้วย แต่ก่อนอื่นก็ต้องหาเหยื่อส ำหรับใส่เบ็ด คือต้องไปขุดไส้เดือน และ<br />

เก็บตัวหนอนตามลอมฟาง(เน่า ๆ) สำหรับเสียบเบ็ด ตอนเย็น ๆ ก็ไปเสียบ<br />

เบ็ดไว้ตามคันนา และตามหนองน้ำต่าง ๆ เช้าขึ้นก็ไปเก็บเบ็ดมา ถ้าวันไหน<br />

โชคดีก็จะได้ปลาติดเบ็ดทุกคัน และได้กบตัวใหญ่ ๆที่มากินเบ็ดตอนกลางคืน<br />

ถ้าตัวไหนไม่ตาย ก็จะขังใส่โอ่งไว้ทำอาหารนานเป็นอาทิตย์ ๆ<br />

นอกจากใส่เบ็ด ทอดแหแล้ว ก็บางครั้งก็ไปดักจับปลาไหล ภาษา<br />

อีสานเรียก “ลัน” คือ เอาไม้ไผ่ลำใหญ่ ๆ ตัดประมาณ ๓ ปล้องแล้วทะลุ<br />

ปล้องถึงกัน เหลือไว้ข้อสุดท้าย อีกด้านหนึ่งก็ใช้ฝาปิดไม้ไผ่สานเข้าได้แต่<br />

ออกไม่ได้ ข้างในก็จะสับใส้เดือนผสมดินโคลนใส่ไว้แล้วก็วางไว้ใกล้ ๆ คันนา<br />

ที่มีน้ำขังใน เช้าขึ้นก็ไปเก็บลัน บางทีปลาไหลก็เข้าไปกินใส้เดือนแล้วติดใน<br />

บั้งไม้ไผ่นั้น ๒-๓ ตัว ข้าพเข้ามีความชำนาญพิเศษที่ได้รับถ่ายทอดมาเรื่อง<br />

การจับปลาไหลให้อยู่มือ เพราะตัวมันเลื่อน บางทีจับในโคลนตมยิ่งยาก<br />

ใหญ่ถ้าไม่ชำนาญ เทคนิคก็คือใช้แค่ ๓ นิ้วในการจับ โดยใช้นิ ้วชี้ นิ้วกลาง<br />

และนิ้วนาง เท่านั้น โดยใช้นิ้วกลางรัดกับหลังของนิ้วชี้และนิ้วนาง ปลา<br />

ไหลก็จะดิ้นกระแด่ว ๆ ไม่หลุดไปได้เพราะใช้นิ้วรัดกระดูกสันหลังของมัน<br />

การหาปลาไหล ถ้ามีลันสัก ๑๐ กระบอกก็ได้ปลาไหล ๒๐ -๓๐ ตัวต่อวัน ก็<br />

เรียกว่าสบายไปหลายอาทิตย์ แต่ก็ต้องหากินทุกวัน<br />

พอถึงหน้าแล้ง การหากินก็ฝืดเคืองหน่อย แต่ไม่ถึงกับอดยาก<br />

อาหารการกินก็อย่างว่าไม่เคยซื้อขาย แต่ก็ต้องออกหากันตามธรรมชาติ<br />

คือพอฝนหยุดตกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – เดือนเมษายน แต่ส่วนใหญ่ก็พอมี<br />

น้ำขังในห้วย หนอง คลอง บึง สระน้ำเล็ก ๆ น้อย ๆ บ่อดินต่าง ๆ ก็พอที่จะจับหอย<br />

ปู ปลาได้บ้าง และแมลงต่าง ๆ เช่นแมงจินูน (ปีกแข็งกินใบมะขามอ่อน)<br />

แมงกุดจี่ (กินขี ้ควาย) แมงกิซอน (กระชอน) แมงดานา, ตัวบึ้ง (เหมือน<br />

101


แมลงมุมยักษ์) ตัวเบ้า (ขุดรูอยู่ในดิน) ตัวด้วง (หนอนเจาะต้นไม้) ไข่มดแดง<br />

แมลงทับ แมลงแคง จั๊กจั่น เป็นต้น<br />

นอกจากนั้นก็มีหาขับกิ้งก่า โดยใช้เชือกทำเป็นบ่วงผูกติดปลายไม้ไผ่<br />

เวลาจะจับกิ้งก่าต้องผิวปากด้วย แล้วก็ใช้บ่วงคล้องคอดึงกระชาก ก็จะติดมา<br />

กับปลายไม้ไผ่..และก็หาขุดหนูนา และงูบางชนิดที่ไม่มีพิษก็กินเป็นอาหารได้..<br />

แต่งูพิษ เช่น งูเห่า หรือจงอางก็กินได้ ต้องตัดหัวแล้วก็เอาเชือกผูกหางแขวน<br />

ไว้ให้เลือดและพิษไหลออกหมดค่อยนำมาปรุงอาหารได้<br />

ทุกอย่างที่เป็นพืช สัตว์ และแมลง คนอีสานสามารถนำมาปรุงเป็น<br />

อาหารได้หมด ชีวิตของข้าพเจ้าเมื่อตอนเป็นเด็กก็ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือ<br />

ครอบครัวเท่าที่จะทำได้ และมีความสุขกับชีวิตที่อยู่โดยธรรมชาติ จนกระทั่ง<br />

ข้าพเจ้าได้เข้ามาบวชเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ ๑๔ ปี กิจกรรมเหล่านี้ก็ได้หยุดไป<br />

โดยปริยาย..แล้วได้ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัย อยู่ในร่มผ้ากาสาวพัตร์จนถึงปัจจุบัน<br />

เข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัตร์<br />

ข้าพเจ้าได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุ ๑๔ ปี<br />

วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๐ ณ พัทธสีมา<br />

วัดศรีสุมังคล์ อ.เมือง จ. สกลนคร โดยมี<br />

พระสรญาณมุนี อดีตรองเจ้าคณะจังหวัด<br />

เป็นพระอุปัชฌาย์ เนื่องจากตอนอายุได้<br />

๑๐ ขวบ ป่วยด้วยโรคใส้ติ่งเป็นฝีอาการ<br />

สาหัสมาก แม่นำส่งโรงพยาบาลที่สกลนคร<br />

หมอลงความเห็นว่าต้องผ่าตัด แต่เนื่องจาก<br />

คุณแม่หาเงินไม่ทันในขณะนั้น จึงขอผลัดไปก่อนเพื่อจะไปหายืมเงิน<br />

เป็นค่าใช้จ่าย ในขณะที่เดินออกมาจากโรงพยาบาลนั้น มีต้นโพธิ์ใหญ่<br />

ที่หน้าโรงพยาบาลมีพระพุทธรูปประดิษฐานให้ผู้คนที่เดินทางมาเยี่ยม<br />

102


ญาติได้สักการะกราบไหว้ คุณแม่ก็เห็นว่าเป็นที่พึ่งสิ่งสุดท้ายจึงได้เดินเข้าไป<br />

กราบพระขอพร ขอให้ลูกชายรอดพ้นจากอันตราย ถึงกับออกปากขอว่า “ถ้า<br />

ลูกชายของข้าพเจ้ารอดชีวิตในครั้งนี้ เมื่อเรียนจบชั้นประถม ๔ แล้วจะให้<br />

บวชเป็นสามเณร”<br />

วันรุ่งขึ้น เมื่อหมอมาตรวจอาการของข้าพเจ้าอีกครั้งปรากฎว่าอาการ<br />

บวมของใส้ติ่ง (เป็นฝี) ได้ยุบไปโดยไม่ต้องท ำการผ่าตัด คุณแม่ดีใจมากที่ลูกชาย<br />

รอดชีวิตมาได้ และตั้งใจว่าจะต้องทำตามที่ได้อธิษฐานไว้กับพระพุทธรูป<br />

องค์นั้น<br />

ข้าพเจ้าหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว<br />

ได้กลับไปเรียนต่อจนจบชั้นประถมปีที่ ๔ ภาค<br />

บังคับสมัยนั้น โดยไม่มีโอกาสได้เรียนต่อในชั้นสูง ๆ<br />

ขึ้นไปเพราะฐานะของครอบครัวไม่เอื้ออำนวย จึง<br />

ได้ออกจากโรงเรียนมาช่วยคุณแม่และพี่ ๆ ทำนา<br />

อยู่ ๒ ปีโดยทำหน้าที่เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย ท ำกับข้าว<br />

(นึ่งข้าวเหนียว) และทำงานอื่น ๆ เท่าที่วัยของ<br />

เด็กจะช่วยได้ พออายุครบ ๑๔ ปี คุณแม่ได้นำไปบรรพชาที่วัดศรีสุมังคล์ ใน<br />

เมืองสกลนคร แล้วกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด ท่องบทสวดมนต์ต่าง ๆ จนขึ้นใจ<br />

สามารถไปสวดร่วมกับพระภิกษุได้เวลามีกิจนิมนต์ไปสวดมนต์ในหมู่บ้าน และ<br />

ได้มีโอกาสเรียนพระปริยัติธรรมจนสอบนักธรรมชั้นตรีได้ในปีนั้น ความตั้งใจ<br />

ครั้งแรกว่าจะบวชให้แม่แค่ ๗ วันเพราะคุณแม่บนบานไว้อย่างนั้น แต่พอเข้า<br />

สู่ร่มผ้ากาสาวพัตร์ ได้มีชีวิตที่แปลกใหม่ และมีเพื่อนใหม่ ทำให้ชีวิตมีความ<br />

หมายและชอบที่จะดำเนินต่อไป ซึ่งคุณแม่ก็อนุโมทนาด้วย ก็เลยตัดสินใจไป<br />

เรียนต่อที่โรงเรียนการศึกษาผู้ใหญ่ วัดศรีธรรมราช บ้านพอกใหญ่ ต.พอกน้อย<br />

อ.พรรณานิคม ซึ่งมีการศึกษาทั้งปริยัติธรรม และเรียนแผนกสามัญศึกษา จน<br />

จบชั้นเทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่ ๓ และจบนักธรรมชั้นเอก ซึ่งเป็นชั้นสูงสุด<br />

ของการศึกษาคณะสงฆ์ไทยตั้งแต่เป็นสามเณร<br />

103


แนวทางฝึกกรรมฐาน<br />

ในช่วงนี้ได้มีโอกาสรู้จักกับหลวงพ่อสาย พระวัดป่าสายกรรมฐาน<br />

ท่านเดินทางมาจาก อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ได้มาเยี่ยมหลวงพ่ออรุณ<br />

หิตกฺกโร เจ้าอาวาสที่วัดบ้านเกิด ทำให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสได้อุปัฎฐาก<br />

รับใช้ท่าน ต้มน้ำร้อนถวาย และทำกิจอื่น ๆ ที่ท่านใช้ให้ทำ ท่านจึงชวนให้<br />

ไปเยี่ยมวัดป่าของท่านด้วย จึงทำให้ข้าพเจ้าได้ศึกษาเรียนรู้ชีวิตพระป่า และ<br />

ได้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานกับท่าน โดยท่านพาไปฝึกสมาธิที่ป่าช้าประจำ<br />

หมู่บ้านซึ่งมีลักษะป่าช้าแบ่งเป็นสองส่วน คือ ป่าช้าผีดิบ เมื่อมีคนตายด้วย<br />

อุบัติเหตุ หรือ ผู้หญิงตายทั้งกลม จะนำศพไปฝังที่ป่าช้าผีดิบ ส่วนป่าช้าผีสุก<br />

คือ จะนำศพคนตายทั่ว ๆ ไป ตั้งเชิงตะกอนเผากันสด ๆ ให้เห็นเป็นการปลง<br />

กรรมฐาน ทำให้ข้าพเจ้าได้ศึกษาธรรมะจากท่านโดยวิธีธรรมชาติ และในหน้า<br />

แล้งจะพาออกเดินธุดงค์ไปตามป่าเขา และจะพาพักปักกลดที่ป่าช้าเสมอ ๆ<br />

หลังจากนั้นยังมีความใฝ่ฝันที่จะศึกษาต่อให้สูงขึ้น จึงได้ย้ายวัดไป<br />

ศึกษาต่อจังหวัดหนองคาย โดยได้สังกัดวัดชัยพร อ.เมือง จ.หนองคาย แล้วไป<br />

เรียนที่โรงเรียนบาลีสาธิตศึกษา ที่วัดศรีษะเกษ เป็นวิทยาลัยสงฆ์ภาคตะวัน<br />

ออกเฉียงเหนือ สาขาของมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จนจบ<br />

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ (ม.ศ. ๕) ในช่วงที่ศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ<br />

ศึกษาอยู่นี้ได้แบ่งเวลาไปเรียนพิมพ์ดีดภาษาไทย-อังกฤษ และเรียนภาษา<br />

บาลี ด้วยในช่วงเช้า และตอนบ่าย<br />

ก็ไปเรียนชั้นมัธยม และมีโอกาสได้<br />

พบกับครูบาอาจารย์ที่เป็นนักเทศน์<br />

นักสอน ได้เรียนรู้โดยการเข้าชมรม<br />

วาทศิลป์ ฝึกฝนการเทศนาสั่งสอน<br />

มาตั้งแต่เป็นสามเณร เวลาว่างก็<br />

ออกไปเทศน์อบรมประชาชน และ<br />

104


ไปอบรมผู้ต้องขัง (นักโทษ)โดยเฉพาะที่เรือนจำจังหวัดหนองคาย จึงทำให้<br />

กล้าในการพูดอย่างมีหลักการในการฝึกฝนในสถานที่จริง ออกไปสนามจริง<br />

เป็นวิทยากร(สามเณรพี่เลี้ยง)โครงการฝึกอบรมสามเณรภาคฤดูร้อนทุก ๆ<br />

ปีในต่างจังหวัด<br />

เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ ๕ ที่ วิทยาเขตหนองคายแล้ว ได้ติดตาม<br />

พระอาจารย์มาช่วยงานสอนนักธรรม-บาลีที่ส ำนักเรียนวัดการเวก บ้านรังกาใหญ่<br />

อ.พิมาย จ.นครราชสีมา<br />

ในปีนั้นมีอายุครบบวชพระพอดี จึงได้จัดพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๗<br />

กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ ณ พัทธสีมา วัดการเวก บ้านรังกาใหญ่ ต.รังกา<br />

อ.พิมาย จ.นครราชสีมา โดยมี พระครูวิสุทธพรตธำรง(ปัจจุบันคือ พระโพธิ<br />

วรญาณ) เจ้าคณะอำเภอพิมาย เป็นพระอุปัชฌาย์ ในช่วงที่อยู่ที่สำนักเรียนนี้<br />

ได้ออกทำงานเผยแผ่กับคณะสงฆ์อำเภอพิมาย ในกองงานพระธรรมทูต และ<br />

พระสังฆพัฒนา, อบรมเยาวชน กลุ่มหนุ่มสาว และเป็นครูสอนนักธรรม-บาลี<br />

ไวยากรณ์ประจำสำนักเรียนวัดการเวก ด้วย นอกจากนี้ยังเป็นครูสอนโรงเรียน<br />

พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ และโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญฯ ของ<br />

สำนักเรียนวัดเดิม อ.พิมาย อีกด้วย<br />

105


ยกระดับชีวิตด้วยการศึกษา<br />

ส่วนในการศึกษาต่อเนื่องก็ไม่หยุดยั้งได้สมัครสอบเทียบความรู้<br />

วิชาชุดครู พ.กศ. (ประโยคครูพิเศษวิชาการศึกษา) และสอบวิชาชุดครู<br />

พ.ม. (ประครูพิเศษมัธยม) และได้ศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีอย่าง<br />

เอาจริงเอาจัง จนสอบได้เปรียญธรรม ๕ ประโยค (ป.ธ.๕) ที่สำนักเรียน<br />

วัดใหม่บ้านดอน อ.เมือง จ.นครราชสีมา<br />

ด้วยแนวทางในการศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระภิกษุสามเณรยัง<br />

มีชั้นสูงขึ้นไปที่จะต้องศึกษาเรียนรู้ จึงได้ตัดสินใจย้ายจากนครโคราช เข้า<br />

สู่กรุงเทพมหานคร ได้สังกัดที่วัดอัมพวัน เขตดุสิต เพื่อศึกษาต่อในระดับ<br />

ปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุฯ ท่าพระ<br />

จันทร์ กรุงเทพฯ ได้ศึษาต่อในคณะครุศาสตร์ วิชาเอกหลักสูตรและวิธีการ<br />

สอนสังคมศึกษา ใช้เวลาเรียนแค่ ๒ ปี เพราะใช้วุฒิ ป.ธ. ๕ และวิชาชีพครู<br />

พ.ม. ในการเข้าศึกษาต่อ ในช่วงที่เป็นพระนักศึกษาได้ร่วมจัดกิจกรรมต่าง ๆ<br />

ทั้งที่วัดอัมพวัน และที ่มหาวิทยาลัย ได้รับหน้าที่เป็นเลขานุการโรงเรียน<br />

พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์นำเด็กนักเรียนเข้าร่วมตอบปัญหาชิงรางวัล<br />

ต่าง ๆ ได้ชนะเลิศมากมาย เป็นกรรมการของศูนย์รวมสงฆ์ชาวอีสาน (๑๙<br />

จังหวัด) ช่วยเหลือพี่น้องชาวอีสานที่ประสบภัยแล้ง และมอบทุนการศึกษา<br />

ให้แก่พระภิกษุสามเณรที่เล่าเรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นกรรมการ<br />

สหภูมิสงฆ์สกลนครเพื่อสงเคราะห์ อนุเคราะห์แก่<br />

พระภิกษุสงฆ์ชาวสกลนครที่มาศึกษาต่อใน<br />

กรุงเทพฯ เป็นพระวินยาธิการ ของคณะสงฆ์<br />

กรุงเทพมหานคร เพื่อสอดส่องดูแลพระ<br />

ภิกษุสามเณรที่ประพฤติผิดพระธรรมวินัย<br />

ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล<br />

106


ในช่วงที่เป็นพระนักศึกษาชั้นปีที่<br />

๓ ได้ไปศึกษาวิชาธรรมภาคปฏิบัติที่<br />

สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี<br />

โดยมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พุทธทาส<br />

ภิกขุ ให้การอบรมสั่งสอนทั้งภาคปริยัติ<br />

(ถาม-ตอบปัญหา) และภาคปฏิบัติ (นั่งสมาธิ-<br />

เดินจงกรม-สอบอารมณ์) เป็นเวลา ๑๕ วัน จน<br />

ได้แนวทางแห่งการศึกษาและปฏิบัติธรรมตามแนวของท่านมาใช้จนทุกวันนี้<br />

ที่มีโอกาสได้สอนการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน และได้ศึกษาเพิ่มเติมจาก<br />

ครูบาอาจารย์หลายท่าน ทั้งตามแนวของหลวงปู่ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่า<br />

พง จ.อุบลราชธานี หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี และท่าน S.N.Goenka<br />

แห่งสำนักปฏิบัติ ธรรมคีรี เมืองอีกัสบุรี รัฐมหารัชตะ ประเทศอินเดีย<br />

เมื่อเรียนจบชั้นปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยสงฆ์ แห่งคณะสงฆ์ไทย<br />

แล้วตั้งใจว่าจะไปศึกษาต่อที่ประเทศอินเดีย แต่เนื่องจากพระธรรมทูต<br />

วัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ได้ว่างตำแหน่งลงจึงได้รับนิมนต์จากพุทธสมาคม<br />

แห่งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ให้มาเป็นพระธรรมทูตปฏิบัติศาสนกิจประจำ ตั้งแต่<br />

ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ จนถึงปัจจุบัน<br />

ตำแหน่งหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมายจากคณะสงฆ์ และ<br />

เพื่อนสหธรรมิก<br />

ได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการอำนวยการสมัชชาสงฆ์ไทยใน<br />

สหรัฐอเมริกา ตำแหน่งเลขาธิการ (๒๕๕๑-ปัจจุบัน) ได้เข้าเป็นกรรมการ<br />

ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๖ เป็นต้นมา รับหน้าที่สำคัญ ๆ เช่นตำแหน่งสาราณียกร<br />

จัดทำหนังสือในการประชุมประจำปีสมัยสามัญของสมัชชาสงฆ์ไทย ออก<br />

วารสาร “สงฆ์ไทย” เพื่อเป็นสื่อกลางในการเผยแผ่งานของสมัชชาฯ<br />

107


รายสามเดือน และตำแหน่ง ศาสนิกสัมพันธ์ ติดต่อกัน ๒ สมัย ๔ ปี ทำหน้าที่<br />

เกี่ยวกับงานประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ของสมัชชาฯ ทั้งในกลุ่มของงาน<br />

พระธรรมทูตเอง และติดต่อกับต่างชาติ ต่างศาสนา และเลือกตั้งเป็น<br />

กรรมการอำนวยการ (กรรมการบริหารปี ๒๕๔๙-๒๕๕๑) เป็นกรรมการและ<br />

เลขานุกการ จัดทำหนังสือ “สวดมนต์ภาษาอังกฤษ” หนังสือ “คู่มือชาวพุทธ<br />

และประเพณีไทย” สมัชชาสงฆ์ไทยฯ ๒๕๔๙<br />

รับหน้าที่เป็นหัวหน้าศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ (Internet) เพื่อ<br />

การเผยแผ่พระพุทธศาสนาวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จัดอบรมถวายความรู้<br />

ด้านการทำโฮมเพจของวัดต่าง ๆ แก่พระธรรมทูต จำนวน ๓ รุ่นที่วัดไทย<br />

กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และอีกหนึ่งรุ่นที่ วัดพรหมคุณาราม อริโซน่า<br />

ทำหน้าที่เป็นพระวิปัสสนาจารย์ สอนโยคะ-สมาธิ (Mental<br />

Detoxification & Relaxation) รายการเสริมสุขภาพกาย คลายสุขภาพจิต<br />

ทุกวันพุธ และวันเสาร์ เวลาทุ่มหนึ่ง ถึงสามทุ่ม ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ,<br />

วัดป่าสันติธรรม รัฐเวอร์จีเนีย , Buddhist Meditation Center of<br />

Philadelphia., และ Vipassana meditation group of Pittsburg ,<br />

Pennsylvania.<br />

ผู้จัดรายการวิทยุ ว.พ.ช. “เสียงธรรมจากพระธรรมทูตไทยในต่างแดน”<br />

ทางสถานีวิทยุสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทุกวันอาทิตย์ (พ.ศ.๒๕๔๘)<br />

งานคณะสงฆ์ในประเทศไทยโดยเฉพาะเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยสงฆ์ ได้<br />

รับแต่งตั้งเป็นกรรมการสอบคัดเลือก และเป็นพระวิทยากรบรรยายพิเศษ<br />

108


โครงการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ<br />

ราชวิทยาลัย<br />

ประธานกรรมการกองทุนธรรมรัตน์ เพื่อสร้างศาสนทายาทสืบอายุ<br />

พระพุทธศาสนา มอบทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณรที่เล่าเรียนดี มีความ<br />

ประพฤติดี มีศีลาจารวัตรงดงาม แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เริ่มก่อตั้ง พ.ศ.<br />

๒๕๔๓ ได้มอบทุกการศึกษาทั้งต่อเนื่อง และเฉพาะราย จบถึงชั้นสูงสุด คือ<br />

ปริญญาเอกแล้วหลายรูป มีสำนักงานตั้งอยู่ที่โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนก<br />

สามัญ วัดโสมมนัสสันตยาราม อ.เมือง จ.อุดรธานี<br />

ประธานกองทุนส่งเสริมพระวิปัสสนาจารย์ “คุณแม่สมจิตต์ วสุรัตน์”<br />

ตั้งเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๔๙ เพื่อส่งพระภิกษุสามเณรศึกษาด้านวิปัสสนา<br />

กรรมฐานโดยเฉพาะรุ่นแรกได้ส่งไปศึกษาต่อที่ประเทศพม่า<br />

ประสบการณ์งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในระดับโลกที่สำคัญ<br />

ในชีวิตพระธรรมทูต<br />

ร่วมประชุมสภาศาสนาโลก (Parliament of the World’s Religions<br />

1999) ที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ (Cape Town, South<br />

Africa) เป็นการประชุมระดับผู้นำศาสนาทั่วโลก มีทั้งศาสนาพุทธ คริสต์<br />

อิสลาม พราหมณ์ ฮินดู บาไฮ สิกข์ และลัทธินิกายใหม่ ทั่วโลก มาประชุม<br />

แลกเปลี่ยนทัศนคติ ในการประชุมครั้งนี้ได้ผล และข้อสรุปหลายประการ<br />

กล่าวคือ ผู้นำทุกศาสนามีความเห็นไปในทางเดียวกัน คือทำอย่างไรที่จะ<br />

ทำให้โลกนี้ประสบความสุข ความ<br />

สงบ ปราศจากสงคราม การล้าง<br />

ผลาญชีวิตซึ่งกันและกัน การเอา<br />

รัดเอาเปรียบกันในสังคมซึ่งก่อให้<br />

เกิดปัญหา ด้านเศรษฐกิจ, ด้านการ<br />

109


ทหาร, ด้านการเมือง, และความขัดแย้งในเรื่องของศาสนาเอง ทำให้ผู้นำทาง<br />

ศาสนาและผู้รับผิดชอบต่อสังคม ได้ทบทวนบทบาทของแต่ละศาสนา และ<br />

จริยธรรมสากลที่จะนำมาช่วยแก้ปัญหาของโลก ว่าจะนำเอาความดีของแต่ละ<br />

ศาสนาออกมาช่วยชาวโลกได้อย่างไร<br />

ร่วมประชุมสภาศาสนาโลก (Parliament of the World’s Religions<br />

2004) ที่เมืองบาร์เซโลน่า, ประเทศสเปน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๒ ที่ข้าพเจ้าได้เข้า<br />

ร่วมการประชุมใหญ่ ซึ่งต้องรอถึง ๔ ปีจึงมีการประชุมครั้งหนึ่ง การประชุมก็<br />

ใช้รูปแบบเหมือน ๆ กัน และขยายวงกว้างยิ่งขึ้น มีผู้เข้าร่วมประชุม มากกว่า<br />

๘,๐๐๐ คน หน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดประชุมนี้มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า<br />

The Council for a Parliament of World’s Religions ซึ่งพอจะถอด<br />

ความเป็นภาษาไทยได้ว่า องค์กรสมัชชาศาสนาโลก แต่เวลาจัดประชุม ครั้งนี้<br />

ผู้เข้าประชุมส่วนใหญ่จะเรียกสั้นๆว่า การประชุม Parliament หรือ การ<br />

ประชุม World’s Religions ซึ่งน่าจะถือว่าเป็นการประชุมสมัชชาศาสนาโลก<br />

การประชุมครั้งนี้ ถือว่าเป็นการประชุมสภาศาสนาโลกครั้งที่ 4 ซึ่ง<br />

ตามมติที่ประชุมเมื่อปี 1999 ณ เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ ได้มีมติ<br />

เลือกเอาเมืองบาร์เซโลนา (Barcelona) ประเทศสเปน เป็นเจ้าภาพในการจัด<br />

ประชุม ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 7-13 กรกฎาคม 2547 โดยมีค ำขวัญแห่งการ<br />

ประชุมคราวนี้ ว่า “Pathway to Peace: The listening of Wisdom,<br />

The Power of Commitment” ได้เขียนหนังสือหนึ่งเล่มชื่อ “เปิดประตูสู่<br />

110


ยุโรป” จาริกธรรมร่วมประชุมสภาศาสนาโลก (Barcelona2004)การประชุม<br />

ผู้นำศาสนาภายใต้ชื่อองค์กรว่า “Worlds Religions after September 11”<br />

จัดประชุมที่ Civic Center, Montreal Canada ระหว่างวันที่ ๑๑ – ๑๕<br />

กันยายน ๒๕๔๙<br />

ทำวิจัยเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ของนิกายสุขวดี<br />

(Pure Land) สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ วิทยาลัย หยวนกวง เมืองจงลี่ ไทเป<br />

ประเทศไต้หวัน (Buddhist Research Institute, Yuan Kuang Buddhist<br />

College, Taiwan) ได้ศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตของพระสงฆ์ และภิกษุณีสงฆ์ของ<br />

ฝ่ายมหายาน เป็นเวลา ๓ เดือน ได้เขียนงานวิจัยชื่อ “ท่องเพียวแลนด์แดน<br />

พุทธมหายาน”<br />

ทำวิจัยเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาฝ่ายวัชรยาน (ทิเบต) นิกายกักยิวปะ<br />

(นิกายหมวกดำ) ที่ Tri-Ratana Buddhist Monastery, Salbari, District<br />

of Darjeeling, West Bengal, India โดยมีท่านริมโปเช Ven.Nawang<br />

Tilley Gyatso ได้ศึกษารายละเอียดของนิกายลามะทั้ง ๔ นิกาย คือ นิกาย<br />

ญิงมาปะ, เกลุกปะ, กักยิวปะ(กัมมปะ) และสากยปะ และปฏิบัติในสำนักนี้<br />

เป็นเวลา ๓ เดือน ร่วมพิธีกรรมสำคัญๆ นำโดยท่านทะไล ลามะ ที่เมืองดาร์<br />

จีลิ่ง, สิกขิม และเมืองพุลชิลิง ประเทศภูฎาน ได้เขียนบันทึกการเดินทาง<br />

เล่มหนึ่ง ชื่อ “ดาร์จีลิ่ง แดนประทับใจ – สิกขิม แดนมหัศจรรย์”<br />

หลังจากเขียนงานวิจัยจากสำนักทั้งสองนิกาย(นิกายมหายานแบบจีน<br />

ด้านการศึกษา และนิกายวัชรยานแบบทิเบต) เสร็จภายในระยะเวลา ๒ ปีครึ่ง<br />

แล้ว ได้เสนองานวิจัย (วิทยานิพนธ์)ปริญญาเอกคณะพุทธศาสตร์ (Buddhist<br />

Studies) Magadh University ในหัวข้อเรื่อง “The Problem of Self<br />

in Buddhism” ได้สอบผ่าน Viva (สอบสัมภาษณ์) โดยคณาจารย์จาก ๕<br />

มหาวิทยาลัย คือ มหาวิทยาลัยมคธ มหาวิทยาลัยพาราณสี มหาวิทยาลัย<br />

ปัตนะ มหาวิทยาลัยรานจิ และอาจารย์ที่ปรึกษาอีก ๒ ท่าน ในวันที่ ๒๔<br />

กุมภาพันธ์ ๒๐๐๓ (จบปริญญาเอกทางด้านพระพุทธศาสนา)<br />

111


นอกจากนี้ได้ออกเผยแผ่ดูงานพระธรรมทูตในการเผยแผ่พระพุทธ<br />

ศาสนาในทวีปยุโรป มีประเทศต่างๆ เช่น อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน,<br />

สวิสเซอร์แลนด์, สเปน, โปรตุเกส แคนาดา, รัสเซีย, อัฟริกาใต้, อินเดีย, เนปาล,<br />

ศรีลังกา, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ไต้หวัน, เวียตนาม, ลาว, เขมร และพม่า<br />

ร่วมจัดประชุมสัมมนาทางพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย เรื่อง<br />

การฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในอินเดีย (The Revival of Buddhism in India)<br />

นำโดยคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ร่วมกับ<br />

คณาจารย์จากคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมคธ เมืองพุทธคยา รัฐพิหาร<br />

มหาวิทยาลัยพาราณสี (Banares Hindu University), รัฐอุตรประเทศ<br />

มหาวิทยาลัยโครักขปูร์ เมืองโครักขปูร์ (กุสินารา) รัฐอุตรประเทศ<br />

มีความชำนาญพิเศษในด้านการจัดทำหนังสือเป็นบรรณาธิการ และ<br />

ผู้จัดทำหนังสือต่าง ๆ ของวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และสมัชชาสงฆ์ไทยใน<br />

สหรัฐอเมริกา หลายเล่มทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ<br />

ผลงานด้านการประพันธ์ และรวบรวม<br />

มีทั้งหนังสือวิชาการ, สารคดี, รายงานการประชุม, บทความต่าง ๆ<br />

พ.ศ. ๒๕๔๒ รายงาน “การประชุมสภาศาสนาโลก เคปทาวน์ ๑๙๙๙”<br />

พ.ศ. ๒๕๔๓ หนังสือ “พระธรรมทูตในต่างประเทศ”<br />

พ.ศ. ๒๕๔๔ หนังสือ “ท่องแดนพุทธภูมิ”<br />

พ.ศ. ๒๕๔๕ หนังสือ “สิกขิม แดนมหัศจรรย์ - ดาร์จีลิ่ง แดนประทับใจ”<br />

พ.ศ. ๒๕๔๖ หนังสือ “ท่องเพียวแลนด์แดนพุทธมหายาน”<br />

พ.ศ. ๒๕๔๖ หนังสือ “Buddhist Handbook (Chanting Guide)”<br />

(สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา)<br />

พ.ศ. ๒๕๔๗ หนังสือ “เปิดประตูสู่ยุโรป- จาริกธรรมร่วมประชุม<br />

สภาศาสนาโลก”<br />

112


พ.ศ.๒๕๔๙ หนังสือ “ท่องศิลานคร แดนปราสาทขอม นครวัด-นครธม”<br />

พ.ศ. ๒๕๕๐ หนังสือ “จาริกบุญ แสวงธรรม สู่แดนพุทธภูมิ”<br />

พ.ศ. ๒๕๕๐ หนังสือ “Walking on the Path of the Buddha”<br />

พ.ศ. ๒๕๕๐ หนังสือ “Buddhist Culture and Thai Tradition”<br />

(สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา)<br />

พ.ศ. ๒๕๕๑ หนังสือ “ท่องแดนพุทธศาสนา ๒,๓๐๐ ปี ศรีลังกา”<br />

พ.ศ. ๒๕๕๑ หนังสือ “Basic Buddhist Practices” (สมัชชาสงฆ์ไทย<br />

ในสหรัฐอเมริกา)<br />

เขียนบทความต่าง ๆ “พระธรรมทูตในต่างแดน” นิตยสารพุทธจักร<br />

(มจร.), “ไปอินเดียทำไม ทำไมต้องไปอินเดีย” หนังสือพิมพ์ไทยแอล.เอ,<br />

“สิกขิม-ดาร์จีลิ ่ง แดนประทับใจ” “ท่องศิลานคร แดนปราสาทขอม นคร<br />

วัด-นครธม”วารสาร แสงธรรม เป็นต้น<br />

ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นพระธรรมทูตประกาศ เผยแผ่พระพุทธศาสนา<br />

ฝ่ายเถรวาท ในดินแดนอเมริกาเหนือด้วยความวิริยะอุตสาหะ มุ่งมั่นที่จะ<br />

ประดิษฐานพระพุทธศาสนาให้มีความปึกแผ่นมั่นคงในดินแดนส่วนนี้เพื่อเป็น<br />

สมบัติของพุทธศาสนิกชนของโลกสืบต่อไป<br />

งานพระธรรมทูตในสหรัฐอเมริกา<br />

เหลียวหน้า แลหลัง ที่มาของพระพุทธศาสนาในอเมริกา<br />

การดำเนินชีวิตของคนอเมริกันนั้นได้ให้โอกาสแก่คนทุกคน จนกล่าว<br />

ได้ว่าเป็นดินแดนที่ทุกคนจะประสบความสำเร็จได้ คนอเมริกันจะยกย่องคน<br />

เก่ง คนมีความรู้ ความสามารถ และให้เกียรติแก่ผู้ชนะ ในสายเลือดของคน<br />

อเมริกันนั้นนอกจากจะมีแนวคิดในความเท่าเทียมกัน การให้โอกาส การมี<br />

เสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยแล้ว เราไม่อาจจะมองข้ามปัญหาเรื่องการ<br />

113


เหยียดผิดไปได้ เรายังมีความรู้สึกลึก ๆ เกี่ยวกับการมีชาติพันธุ์ เหมือนชาติ<br />

อื่น ๆ<br />

ประเทศอเมริกา ได้ชื่อว่าเป็น “เบ้าหลอม” ขนาดใหญ่มาเป็นเวลา<br />

ช้านานแล้วเนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ สืบเชื้อสายมาจากชนชาติต่าง ๆ<br />

ทั่วโลกที่อพยพเข้าไปตั้งรกรากอยู่ในผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้<br />

ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๗–๒๕๒๕ ได้มีการอพยพโยกย้ายของประชากร<br />

เป็นจำนวนมากจากประเทศแถบอินโดจีน อันเนื่องมาจากภัยสงคราม ของ<br />

ลัทธิคอมมิวนิสต์ เช่นจากประเทศลาว เขมร และเวียตนาม เป็นต้น ประเทศ<br />

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศโลกที่สาม ที่รับผู้อพยพจากประเทศเหล่านั้น เข้ามา<br />

อาศัยอยู่และทำมาหากินตั้งหลักปักฐานในดินแดนแห่งเสรีภาพนี้ ซึ่งรัฐบาล<br />

สหรัฐฯ ก็ได้ให้สิทธิและเสรีภาพในการดำรงชีวิต และนับถือศาสนา<br />

ด้วยเหตุนี้ พระพุทธศาสนา จึงมีการตื่นตัวขึ้นในกลุ่มผู้นับถือ<br />

โดยเฉพาะชาวเอเชียกลุ่มใหญ่ที่เข้ามาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ เมื่อมีงานทำ มีที่อยู่<br />

อาศัยที่มั่นคงแล้ว ก็หันมาให้ความสนใจกับการสร้างศูนย์รวมจิตใจ นั่นคือ<br />

การสร้างวัดในทางพระพุทธศาสนา เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของชุมชน อย่าง<br />

เช่นวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นวัดแรกในเขตนครหลวงวอชิงตัน และ<br />

ปริมณฑล นอกจากวัดศรีลังกา แล้วก็มีวัดลาว วัดเขมร ตามมา และสร้าง<br />

วัดไทยตามมาอีกหลายวัด<br />

114


ความจริงชาวอเมริกันรู้จักพระพุทธศาสนาอย่างเป็นทางการมาเป็น<br />

ร้อย ๆ ปีแล้ว ตั้งแต่มีการประชุมสภาศาสนาโลกครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. ๑๘๙๓<br />

ที่นครชิคาโก มลรัฐอิลลินอยส์ ประกาศคำสอนในทางพระพุทธศาสนา เป็น<br />

ครั้งแรก โดยท่านอนาคาริก ธรรมปาละ ชาวพุทธศรีลังกา ในท่ามกลางผู้นำ<br />

ศาสนาทั่วโลก ทำให้ชาวอเมริกัน และชาวโลกรู้จักพระพุทธศาสนาอย่างเป็น<br />

ทางการ ผลจากการประชุมในครั้งนั้นทำให้ชาวอเมริกันหันมาให้ความสนใจ<br />

กับพระพุทธศาสนามากขึ้น โดยเฉพาะชาวอเมริกันจะรู้จักพุทธศาสนาแบบ<br />

เซน ในยุคแรกได้ศึกษาจากอาจารย์เซนชาวญี่ปุ่นที่เกาะฮาวาย และเมือง<br />

ซานฟรานซิสโก ต่อมาเมื่อมีการอพยพของชาวพุทธทิเบต นำโดยท่านองค์<br />

ทะไล ลามะ ได้หลบหนีภัยสงครามจากการที่ประเทศทิเบตถูกประเทศจีนเข้า<br />

ยึดครอง ทำให้พระพุทธศาสนามหายาน แบบ “วัชรยาน” กลับได้รับความ<br />

สนใจจากชาวอเมริกันเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากความเห็นอกเห็นใจชาวอพยพ<br />

และพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งเสรีภาพทางความคิด จึงค่อนข้างจะถูก<br />

จริตของชาวอเมริกันที่รักสันติภาพ และ สิทธิเสรีภาพอย่างมากทีเดียว<br />

การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของชาวทิเบตที่เป็นรูปธรรมที่สุดใน<br />

สหรัฐอเมริกา ด้วยการตั้งสถาบันการศึกษาที่ชื่อ “นโรปะ” โดยท่าน เชอเกียม<br />

ทรุงปา ริมโปเช นำลูกศิษย์ชาวอเมริกันตั้งขึ้นที่เมืองบอร์ดเดอร์ รัฐโคโลราโด<br />

เป็นสถาบันที่ไม่จำกัดลัทธิความเชื่อ หรือศาสนาที่ตนนับถือมาก่อน ใครจะ<br />

เข้ามาศึกษาก็ได้ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและทัศนคติ เรื่องจิตวิญญาณ<br />

ของชาวตะวันตก และความเชื่อแบบพุทธปรัชญาตะวันออก นับเป็นสถาบัน<br />

ที่สำคัญที่สุดในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๗๐ เป็นต้นมา<br />

ปัจจุบันนี้ได้ยกฐานะเป็น มหาวิทยาลัยนโรปะ มีนักศึกษา เป็นหมื่น และมี<br />

สอนพระพุทธศาสนาถึงระดับปริญญาเอก<br />

ในยุคเดียวกันนี้ศาสนาพุทธแบบเถรวาท(หีนยาน) ก็ได้รับความ<br />

สนใจจากชาวอเมริกันมากขึ้นเช่นเดียวกัน โดยมีผู้นำหลักปฏิบัติวิปัสสนา<br />

115


กรรมฐานแบบอานาปานสติภาวนาที่มีมาในมหาสติปัฎฐานสูตร เข้าไปสอน<br />

เป็นหลักสูตรในคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยแมสซาชูเซท (Program<br />

of the stress reduction) By Dr. Jon Kabat Zinn โครงการนี้ได้นำไปใช้<br />

ในการบำบัดรักษาโรคทางกายและทางจิตใจ<br />

ส่วนในการเผยแผ่ธรรมะนั้น มีการสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม โดย แจ๊ค<br />

คอนฟิลด์ และ โจเซฟ โกลด์สตีน ทั้งสองคนเคยเป็นอาสาสมัคร Peace<br />

corps ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะ แจ๊ค คอนฟิลด์<br />

ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในสำนักวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ภายใต้การ<br />

อบรมสั่งสอนของหลวงปู่ชา สุภทฺโท พระนักปฏิบัติที่มีชื่อเสียงจนชาวต่างชาติ<br />

หลั่งไหลมาปฏิบัติกับท่าน ได้ลูกศิษย์ไปสร้างวัดในต่างประเทศมากมาย จนถึง<br />

ทุกวันนี้ ส่วน โจเซฟ โกลด์สตีน นั้นไปอุปสมบทเป็นพระปฏิบัติกับอาจารย์<br />

สายวิปัสสนากรรมฐานที่ประเทศพม่า แล้วกลับมาสร้างสำนักปฏิบัติร่วมกับ<br />

แจ๊ค คอนฟิลด์ ชื่อสถาบัน แบร์ ในรัฐแมสซาชูเซทส์ สอนการปฏิบัติวิปัสสนา<br />

กรรมฐานแบบเถรวาท มีผู้สนใจเข้าไปศึษาเป็นจำนวนมาก และนับวันก็จะได้<br />

116


รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนต้องขยายสาขาไปที่เมืองซาน ฟรานซิสโก<br />

ชื่อ Spirit Rocks<br />

ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า ในยุคนี้พระพุทธศาสนาได้ประดิษฐานลงในดิน<br />

แดนอเมิรกานี้แล้วครบทั้ง ๓ ยาน คือ มหายาน(แบบจีน-ญี่ปุ่น) วัชรยาน (แบบ<br />

ทิเบต) และ หีนยาน (เถรวาท) ทำให้ชาวอเมริกันเลือกปฏิบัติได้ตามความ<br />

ต้องการ และพื้นฐานของความเชื่อศรัทธาในแต่ละบุคคล พระพุทธศาสนา<br />

เหมือนกับสินค้าตัวเลือกในสังคมอเมริกัน ที่จะสรรหามาบริโภค ให้ถูกกับ<br />

จริตและความต้องการของตนเอง..และมีชาวพุทธ(เดิม) หลายท่านเป็น<br />

ห่วงว่า พระพุทธศาสนาจะกลายพันธ์ุหรือเปล่า ?<br />

พระพุทธศาสนาพันธุ์ใหม่ในอเมริกา (มุมมองของผู้เขียน)<br />

เมื่อพูดถึงความเจริญเติบโตของพระพุทธศาสนาในอเมริกา เราผู้ที่<br />

เป็นเจ้าของต้นตำหรับก็อดดีใจไม่ได้ เหมือนกับพ่อค้าแม่ขายที่นำเสนอสินค้า<br />

ไปแล้วเป็นที่ถูกอกถูกใจของลูกค้า ติดตามซื้อกันอย่างโกลาหล โดยเฉพาะ<br />

ผู้ที่เป็นพระธรรมทูต ผู้ที่ทำหน้าที่ประกาศและเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอน<br />

ของพระพุทธเจ้าให้เข้าสู่จิตใจของประชาชน ก็ยิ่งภูมิใจใหญ่เลยที่มีผู้นับถือ<br />

พระพุทธศาสนามากขึ้น มีวัดและศูนย์ปฏิบัติธรรมทางพระพุทธศาสนาเกิด<br />

ขึ้นเป็นดอกเห็ดทั่วสหรัฐอเมริกา<br />

การที่พระพุทธศาสนาเข้ามาอยู่ในสังคมอเมริกันได้อย่างรวดเร็ว ก็อาจ<br />

จะมีเหตุผลหลายประการที่เป็นสิ่งเอื้ออำนวยให้การแพร่ขยายของคำสั่งสอน<br />

ไปถึงผู้นับถือได้อย่างรวดเร็ว เช่นการเดินทางด้วยรถยนต์ รถไฟ และเครื่องบิน<br />

ซึ่งรวดเร็วกว่าการเดินเท้า และการใช้ล้อใช้เกวียนแบบสมัยโบราณอยู่แล้ว<br />

ยิ่งตอนนี้มีเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัยและรวดเร็วยิ่งกว่ากระพริบตาเสียอีก<br />

เช่น การส่งคลื่นวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร และอินเตอร์เน็ต เวบไซต์<br />

ไปรษณีย์อีเล็คทรอนิค (อีเมล์) ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องมือในการ<br />

เผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนได้ทั้งสิ้น<br />

117


นอกจากนั้นกระแสความนิยมพระพุทธศาสนาในอเมริกาก็มาจาก<br />

ตัวอย่างผู้คนในสังคมหลักที่ทำหน้าที่สื่อสารกับมวลชน เช่นพวกดาราภาพ<br />

ยนตร์ฮอลลีวูด ที่หันมานับถือพระพุทธศาสนา นักกีฬา นักดนตรี ที่มีชื่อเสียง<br />

และผู้คนอื่น ๆ ที่มีหน้ามีตาในสังคมอเมริกันประกาศตัวเป็นชาวพุทธ ล้วน<br />

แต่เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ให้พุทธศาสนาโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว การ<br />

นับถือพระพุทธศาสนาไม่ใช่เป็นแฟชั่นเท่านั้น แต่เป็นการแทรกซึมเข้าไปอยู่<br />

ในกระแสหลักของสังคมและวัฒนธรรมอเมริกันเสียแล้ว<br />

ความภาคภูมิใจของชาวพุทธเอเซีย กับการขยายตัวของผู้นับถือ<br />

พระพุทธศาสนาอย่างรวดเร็ว และการที่เราจะฝากความหวังไว้กับสังคม<br />

อเมริกันให้ดูแลพระพุทธศาสนานั้น เป็นสิ่งที่เราควรจะนำมาวิเคราะห์ ตาม<br />

หลักจิตวิทยา และในแง่สังคมแบบบริโภคนิยม และวัตถุนิยมสูงแบบคน<br />

อเมริกันคิด ชาวพุทธเอเชียอาจจะนึกไม่ถึงว่า มีจำนวนชาวอเมริกันไม่น้อย<br />

ที่คิดว่า ตนเองเป็นชาวพุทธที่ดีกว่า จริงใจกว่า รู้เรื่องมากกว่าชาวเอเชีย<br />

ด้วยซ้ำไป เหตุผลที่เขากล่าวเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะมาจากวัฒนธรรมพื้นฐาน<br />

ของคนอเมริกันที่มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากอ ำนาจ<br />

ทางเศรษฐกิจ การทหาร และการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก บวกกับนิสัยลึก ๆ<br />

ที่ติดตัวมาก่อนแล้วเรื่องการ เหยียดผิว และทนงตนว่าเป็นชาติอารยธรรม<br />

กว่าชาติอื่น ๆ ในโลก<br />

พระพุทธศาสนาแบบอเมริกันสไตล์จึงเกิดขึ้น ถึงแม้จะยังไม่ประกาศ<br />

เป็น ลัทธิ หรือ เป็นนิกายที่ชัดเจนก็ตาม แต่แนวคิด และแนวทางปฎิบัตินั้น<br />

บ่งบอกออกมาในลักษณะเฉพาะตัว เช่น การไม่เน้นเรื่องการทำบุญให้ทาน<br />

เผื่อแผ่เจือจานแบบสังคมพุทธในทวีปเอเชีย สังคมอเมริกันมีอุดมคติว่า ทุก<br />

คนต้องช่วยตัวเอง ไม่ควรจะพึ่งรัฐ หรือผู้อื่นมากจนเกินไป และความคิดที่ว่า<br />

ไม่มีคำว่าฟรีในสังคมวัตถุนิยม ทำให้มีกลไกทางการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องใน<br />

สังคมพุทธของชาวอเมริกันมากขึ้น เช่นเมื่อมีการตั้งสำนักปฏิบัติธรรมขึ้นมา<br />

118


แล้วก็จะมีการโฆษณาตัวเอง เหมือนสินค้า หรือ การขายบริการ ซึ่งถ้าคิดดู<br />

ให้ดี ๆ แล้วก็ไม่ต่างไปจากโรงแรม หรือสถานเริงรมย์ทั้งหลาย ถึงแม้จะไม่ทำ<br />

ในลักษณะที่น่าเกลียดเกินไปก็ตาม<br />

สังคมอเมริกัน เป็นสังคมปัจเจกชนมากเกินไป ซึ่งทำให้พระพุทธ<br />

ศาสนาแบบอเมริกันเน้นหนักที่ตัวบุคคลอย่างแรงกล้า อาจจะทำให้ขาด<br />

มิติแห่งชุมชนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ หรือ ที่เรียกว่า “สังฆะ” และอีกอย่างหนึ่ง<br />

ชาวพุทธอเมริกันบางกลุ่มยังปฏิเสธเรื่องการบวชอาจจะเป็นเพราะกลุ่ม<br />

แรกที่เข้าไปศึกษาพระพุทธศาสนาสนใจแต่ในเรื่องปรัชญา และการปฏิบัติ<br />

วิปัสสนากรรมฐาน จึงไม่ค่อยสนใจในเรื่องของนักบวชและพิธีกรรม เขามี<br />

ความเห็นว่าการศึกษาพระพุทธศาสนา และการปฏิบัติทางจิต ไม่จำเป็น<br />

ต้องถือเพศบรรพชิต บางครั้งถ้าเรามองไปเฉพาะที่เป็นแก่นของพระพุทธ<br />

ศาสนาก็ลงมือปฏิบัติได้เลย ไม่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมมากนัก แต่ว่าต้นไม้<br />

ใหญ่นั้นก็ต้องมีทั้งเปลือกและแก่น ถ้าไม่มีเปลือกห่อหุ้มแก่นก็อยู่ไม่ได้ จะ<br />

เห็นว่าในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา การบวชเป็นสถาบันหนึ่ง หรือ เป็น<br />

พุทธบริษัทหนึ่งที่พระพุทธองค์ฝากพระพุทธศาสนาไว้ให้ช่วยกันจรรโลงและ<br />

เผยแผ่ เพราะว่ามีนักบวชนี่แหละ จึงทำให้สามารถรักษาคำสั่งสอนและวิถี<br />

ชีวิตแบบพุทธเอาไว้ได้จนตราบเท่าทุกวันนี้<br />

119


หันมามองพุทธศาสนาแบบไทยในอเมริกา<br />

พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งธรรมทูตศาสนาแรกของโลก แต่พระ<br />

ธรรมทูตในพระพุทธศาสนาไม่ต้องการที่จะไปเปลี่ยนศาสนา หรือ ความเชื่อ<br />

ของใคร หากแต่ประสงค์เพื่อที่จะแบ่งปันความสุขสงบร่มเย็นภายในให้แก่<br />

เพื่อนร่วมโลก คือ เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทุกคน<br />

งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาแบบไทย ได้เริ่มขึ้นไม่นานคือประมาณ ๔๐<br />

กว่าปีมานี้เองที่ได้มีการสร้างวัด และศาสนสถานขึ้นมาในชุมชนคนไทยตาม<br />

รัฐต่าง ๆ ทั่วอเมริกา และงานเผยแผ่ หรือ วัตถุประสงค์ในการสร้างวัดใน<br />

ยุคแรกก็เพื่อสนองความต้องการของชุมชนเท่านั้น เรียกว่าพระสงฆ์มาทำ<br />

หน้าที่รักษา “ศรัทธา” ของชาวพุทธที่ต้องการที่จะมีวัด หรือ มีพระสงฆ์<br />

ที่ทำหน้าที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาให้แก่ชุมชนนั้น ๆ และก็เป็นไปใน<br />

ลักษณะต่างคนต่างทำ ยังไม่เป็นระบบ แม้แต่การคัดเลือกพระธรรมทูตที่<br />

จะให้มาปฏิบัติศาสนกิจก็เดินทางมาตามครูบาอาจารย์ที่เคยมาอยู่ก่อนแล้ว<br />

เท่านั้น ไม่ได้คัดสรรคุณภาพ หรือ ความต้องการของชุมชน<br />

งานอบรมพระธรรมทูตอย่างเป็นระบบได้เริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๘<br />

โดยสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ร่วมกับ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ<br />

120


ราชวิทยาลัย และกรมการศาสนา จัดเป็นหลักสูตร อบรมพระสงฆ์ที่ต้องการ<br />

จะไปปฏิบัติศาสนกิจในต่างประเทศ และต่อมาได้พัฒนาหลักสูตรและวิธีการ<br />

สอบคัดเลือก เพิ่มกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มากมายจนได้พระธรรมทูตในอุดมคติ<br />

ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้อบรมผ่านไปแล้ว ๑๒ รุ่น<br />

พระธรรมทูตแบบกระทิงแดง<br />

งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยพระธรรมทูตรุ่นใหม่ก็ยังคงเป็นไปอย่าง<br />

เชื่องช้า และผลที่ได้รับยังไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าที่ควร เพราะเกิดจากปัญหา<br />

และอุปสรรคหลาย ๆ อย่าง และประเด็นหลักก็เพื่อรักษาศรัทธาของคนชาติ<br />

เดียวกันมากกว่าที่จะมุ่งเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่ชาวต่างชาติ และส่วนใหญ่<br />

ในการสร้างวัด เพื่อประะกอบพิธีกรรมให้กับคนไทย หรือ ชาวพุทธที่นับถือ<br />

พระพุทธศาสนาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ลาว เขมร เวียตนาม จีน และวัดไทย<br />

ในชุมชนคนไทยในต่างแดนกลับทำหน้าที่เพื่อเป็นตัวแทนแห่งวัฒนธรรมไทย<br />

แทนที่จะนำหลักธรรมเข้าสู่จิตใจอย่างลึกซื้ง<br />

อยากจะขอนำคำพูดของครูบาอาจารย์หัวหน้าโครงการพระธรรมทูต<br />

มจร.ของเราที่เคยให้ฉายาพระธรรมทูตไทยในสหรัฐอเมริกาว่า “พระธรรม<br />

121


ทูตแบบกระทิงแดง” หมายความว่า พระธรรมทูตที่มาทำหน้าที่ส่วนใหญ่<br />

จะสนองความต้องการของคนไทย และคนเอเชียเท่านั้น เหมือนเครื่องดื่ม<br />

ชูกำลังชนิดหนึ่งยี่ห้อ กระทิงแดง มีการโฆษณาว่า เดี๋ยวนี้มีการส่งขายทั่ว<br />

โลก แต่ปรากฏว่าผู้ที่ซื้อดื่ม ก็คือคนไทย และคนที่อพยพไปจากเอเชียด้วย<br />

กัน ประชาชนเจ้าของถิ่น เจ้าของประเทศเขาไม่ซื้อดื่มกันเท่าไร<br />

ส่วนพระธรรมทูตในอุดมคติ และเป็นที่หวัง ที่พึงปรารถนา คือ พระ<br />

ธรรมทูตแบบ “ต้มยำกุ้ง” คือสามารถทำงานเผยแผ่กับชาวบ้านท้องถิ่นได้<br />

คือมุ่งที่เจ้าของประเทศไม่ว่าจะเป็นอเมริกัน หรือ ยุโรป ก็ตามได้เห็นคุณค่า<br />

และนำหลักธรรมของพระพุทธศาสนาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ นั่นแหละจึง<br />

จะเป็นเหมือนคนไทยที่มาตั้งร้านอาหารไทยในต่างแดน แล้วโฆษณาอาหาร<br />

ไทย โดยเฉพาะต้มยำกุ้งให้ฝรั่งได้รู้จัก และซื้ออาหารไทย(แพง ๆ) กินกัน<br />

อย่างติดอกติดใจ อยากจะเห็นพระธรรมทูตไทยทำงานในเชิงรุก (ไม่ใช่ไป<br />

เปลี่ยนศาสนาเขา) แต่นำความสุขไปให้เขาได้ ความจริงสังคมอเมริกันก็มี<br />

ปัญหาทางด้านจิตใจมาก ถ้าเขาได้ลิ้มรสพระธรรม จนสามารถแก้ทุกข์ได้ ก็<br />

นั่นแหละพระพุทธศาสนาจึงจะแทรกเข้าไปสู่จิตใจ และเข้าสู่สังคมอเมริกัน<br />

ได้อย่างผสมกลมกลืน<br />

นี่เป็นมุมมองหนึ่ง เป็นทัศนะส่วนตัวในฐานะที่เป็นพระธรรมทูตอยู่<br />

สหรัฐอเมริกามา ๒๔ ปีได้ทำงานตามหน้าที่สนองงานคณะสงฆ์ไทย โดยเฉพาะ<br />

เป็นกรรมการและเลขาธิการขององค์กรสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา เป็น<br />

เวลายาวนานพอสมควร และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ตาม<br />

ความสามารถอันน้อยนิด แต่ก็ภูมิใจในตัวเองอย่างน้อยก็ได้นำธรรมะมาสู่ดิน<br />

แดนส่วนนี้มาจุดประกายไว้ เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้สานต่อ ได้สร้างชุมชนไทย<br />

ให้มั่นคงโดยมีวัดไทยเป็นศูนย์กลางสืบไป<br />

122


A Monk’s Tale<br />

The Autobiography of Phra Videsratanapron<br />

(Phramaha Thanat Inthisan Ph.D.)<br />

His life and Practice as “Tudong” Novice in the Deep<br />

Forests throughout Northeastern Thailand<br />

Childhood<br />

I was born in a small village named Baan Pangkhwangtai<br />

in Sakon Nakorn Province in the region of Northeastern Thailand<br />

known as Isan in the year 1963. I was raised in a typical farming<br />

family of that region. My family was very poor, with four brothers<br />

and five sisters and my mother. Unfortunately, my father had<br />

passed away when I was five years old. When I was older, I<br />

helped my family with the farm work by taking care of the cows<br />

and water buffaloes. I also learned to cook. While the rest of the<br />

family members worked in the rice fields, I stayed indoors and<br />

cooked for them. I cooked so often and gained so much experience<br />

that now I know how to prepare every Thai dish.<br />

Turning Point<br />

My life would have continued this way except for a<br />

significant event. When I was eight years old, I became seriously<br />

ill, and my mother placed me in the local hospital for care. I had<br />

a disease of the stomach, although I do not know the name in<br />

English. The doctor felt the best option was surgery, but my mother<br />

was very worried and frightened. I was young and very frail, and<br />

she was not sure I would survive an operation. She pleaded with<br />

the doctor to find another method to cure me.<br />

123


My mother was distressed and fearful<br />

of leaving me in the hospital. On the way<br />

home, she went before a Buddha statue that had<br />

been set up under the Bodhi tree in front of<br />

the hospital building and prayed for the<br />

Blessed One’s help. She promised the<br />

Buddha that if I survived she would place<br />

me in a temple and have me ordained<br />

a novice when I finished elementary school. She lit a candle<br />

and incense sticks before the statue, all the while truly believing<br />

that if she asked sincerely, the Buddha would really help her.<br />

Recovery<br />

Soon after the night my mother prayed to the Buddha,<br />

I recovered from my disease. I returned to school to finish the<br />

elementary level and graduated when I was eleven years old.<br />

The educational system in Thailand is different from that in<br />

the United States. In Thailand, when students finish elementary<br />

school, they have the choice of continuing their education or<br />

going on to something else. In my case my mother wanted to<br />

fulfill her promise and have me ordained a novice and stay at<br />

the village temple. However, since I was only eleven I was<br />

still too young to take care of myself, and was not able to be<br />

away from my home and family. My mother thought I should<br />

wait until I turned fourteen to be ordained a novice, so I<br />

continued to work and help my family on the farm as much as<br />

I could.<br />

124


Ordination<br />

When I turned fourteen my mother and my relatives took<br />

me to Wat Srilumongala, the main temple in Sakon Nakorn<br />

Province, about nine kilometers from my village. The ordination<br />

ceremony was quite simple, and we did not spend much money.<br />

Ordination for monks and novices differs in Buddhism. The<br />

ceremony for novices simply requires acceptance of the Ten<br />

Precepts. A monk, on the other hand must accept two hundred<br />

twenty-seven rules in a ceremony that involves a lot of chanting.<br />

During my time at the temple in preparation for my ordination,<br />

I practiced meditation, chanted, and repeated what the preceptor<br />

taught me. At the time of my ordination, I requested the Ten<br />

Precepts, and the preceptor gave them to me. That was the entire<br />

ceremony, not too long or complicated, and I was accepted as<br />

a novice.<br />

My Life as a Novice<br />

In Thailand there are at least one to three temples in every<br />

village. My family took me to the monastery in my home town.<br />

There were about five other novices living there as well as two<br />

or three monks and the abbot, the chief monk of the temple. The<br />

abbot was a very kind, calm man. He taught me how to bow down<br />

three times and to chant in the morning and evening. I also learned<br />

how to perform Buddhist<br />

ceremonies.<br />

At about 5:30 every<br />

morning, we hit the gong<br />

and rose. In Thailand<br />

monks receive food from<br />

villagers on their alms<br />

125


ound. So at 6:00 a.m. we walked<br />

into the village and received<br />

food (rice, fruit, etc.) and then<br />

returned to the temple. From<br />

7:30 to 8:00 a.m., we ate<br />

breakfast. Devoted volunteers<br />

came to serve us. After<br />

breakfast we studied the<br />

Buddha’s teaching and the suttas from 8:30 to 10:30 a.m. We<br />

studied the Dhamma, forms of discipline, rules and regulations<br />

for monks and novices, and the life of the Buddha.<br />

I was truly impressed and inspired when I read about the<br />

life of the Buddha. The Buddha’s life was one of sacrifice and<br />

devotion. He had lived in a palace in a life of luxury but left it<br />

behind to search for truth. For six years he stayed in the forest<br />

and meditated until the moment he reached Enlightenment.<br />

I thought if I had the opportunity I would devote myself to further<br />

study and practice. I wanted to learn more about Buddha’s life.<br />

Back to Lay Life<br />

My days as a novice were coming to an end. When my<br />

mother had asked the Buddha for help, she had promised to have<br />

me ordained for only seven days. Afterwards I would disrobe to<br />

become a lay person again. My ordination also fulfilled the Thai<br />

custom of male members of a family getting ordained as novices<br />

at least once in their lives. My seven days in the monastery were<br />

drawing to a close.<br />

My novice friends at the temple pleaded with me to stay<br />

longer. In those seven days I had learned a lot about meditation<br />

and the life of the Buddha, and I wanted to learn even more. When<br />

I returned home, I asked my mother if I could stay longer, and<br />

126


she said that it was my decision, but that if I did decide to stay<br />

longer, she would be very happy.<br />

From that moment on I studied every sutta and every aspect<br />

of each Buddhist ceremony in the temple. I stayed during the<br />

vassa, or rains retreat, which lasts for three months. Vassa is a<br />

time for serious, intense practice in the monastery, when novices<br />

and monks study together and practice meditation all day. When<br />

I experienced that first Vassa, my mind became very calm, cool,<br />

and clean. I really liked that state of mind.<br />

A New Beginning<br />

I truly enjoyed being a novice in the monastery. When I<br />

had been there a year, we received a visitor who was to have<br />

a profound influence on my life. He was an old monk from a<br />

neighboring province coming to visit my teacher, or ajahn. When<br />

the old monk met me he said, “This novice has a special gift. If<br />

he is well trained, he will be a good monk.” I asked him how I<br />

could be a good monk, as he had said. His answer was to go with<br />

him to the forest, where I could train my mind. The old monk<br />

felt this was a good opportunity for me. He thought it was much<br />

easier to teach those who are young,<br />

because their minds are pure and<br />

uncluttered. When people grow up,<br />

there are many distractions to cloud<br />

their minds. A young boy’s mind is<br />

very clean, very pliable, and easy<br />

to train. After my year’s education<br />

at the village monastery, I agreed to<br />

go with the old monk to the forest.<br />

However, there was one thing that<br />

worried me, that really scared me.<br />

127


I told the old monk that I was afraid of ghosts.<br />

He asked,”Where are the ghosts?”<br />

“I don’t know,” I responded,”but at night I’m very, very<br />

scared.”<br />

“That’s because you’re afraid of the dark, not of ghosts,”<br />

he said.<br />

Stories<br />

When I was a young boy, my mother used to tell me ghost<br />

stories before I went to bed. Every night she would tell me ghost<br />

stories or folk beliefs. I liked to listen to them, but I was afraid<br />

when I was by myself. When my ajahn asked me to stay with<br />

him in the monastery, I was especially afraid because the forest<br />

monastery was close to the cremation area. In Thailand ninety-five<br />

percent of the people are Buddhist, and in the Buddhist tradition,<br />

when someone dies he or she is cremated at the cemetery. My<br />

teacher sent me to spend a night at the cremation spot nearby.<br />

Naturally, I was very frightened. The events of that night were<br />

influential in my life and practice.<br />

128


Someone in the village had died and was to be cremated the<br />

night I was to stay there. Late that afternoon my teacher took me<br />

to the area and set up an umbrella and mosquito net for me to sit<br />

inside. The spot was right next to the burning pile of wood. At<br />

about 4:00 p.m., the villagers put the body on the wood pyre and<br />

lit it. Afterward the remains were to be returned to the family.<br />

Panna and the Dhamma<br />

As the cremation began, my teacher left me, instructing me<br />

to stay there and not leave. I cried and sat with my eyes closed.<br />

My teacher said that scary things only come from your eyes, your<br />

ears, your tongue, your body, and your mind. At the time, I did not<br />

understand what he meant. Then I experienced for myself what<br />

the Buddha said, that panna, or wisdom, will arise when you face<br />

the problem, when you seek a way to solve your problem.<br />

I opened my eyes and saw the corpse in the firewood. It<br />

was burning right in front of me. I closed my eyes and smelled<br />

the burning flesh with my nose. I listened with my ears; to the<br />

dog barking outside and the birds chirping in the forest. Oh my<br />

Buddha, I was very, very scared. Frightening things came towards<br />

me from every direction. My teacher said when you see something,<br />

just see it; hear something, just hear it; smell something, just smell<br />

it; and if you touch something, just touch it. Also, if you think<br />

about something, just allow your mind to contact it and let it go.<br />

Dhamma<br />

I thought, this is the Dhamma, the Buddha’s teaching. This is<br />

the supreme teaching, because the things the Buddha experienced<br />

at the time of his Enlightenment were the very things I was<br />

experiencing. I thought I must have truly learned from the stories<br />

of Buddha and the Buddha’s life and philosophy. I understood what<br />

129


he meant by Mara (Devil), or suffering, as the enemy inside; and<br />

kilesa (defilements), be they greed, hatred, delusion, fear, worry,<br />

attachment, craving, aversion and anger-- everything inside. When<br />

I faced my fear, panna, or wisdom, arose.<br />

As I thought about the dead body in front of me, I realized<br />

it was merely the combination of the four elements—earth, wind,<br />

water and fire. I also realized there was neither soul nor mind<br />

in the dead body. It is just like wood in the forest. As the fire<br />

burned and burned, I saw that nothing is permanent. I thought, if<br />

everything is impermanent, then why am I afraid? I asked myself<br />

that question, and I realized that fear comes from the mind--from<br />

my mind. If I could stop my thinking, stop my mind, then I could<br />

stop the fear.<br />

I simply closed my eyes so that I could not see the dead<br />

form, to stop it from controlling my eyes. When I heard something,<br />

I did cling to the sound. I simply listened and let it go. I did not<br />

create any scary things in my mind. The sounds of birds and dogs<br />

were just sounds.<br />

130


Footsteps<br />

I sat until 11 p.m. with my eyes closed, “watching” my<br />

breathing in and breathing out. My mind was firm and very,<br />

very settled. I was quite calm and cool. Then I heard footsteps.<br />

The sound came towards me. I thought it must be either my<br />

teacher or a ghost. I closed my eyes and listened. While I sat<br />

there, I decided that if someone wanted my life, then my life<br />

would be given to that person. Also, if something, man or<br />

animal, wanted my life, the thing would still be my friend.<br />

I was not afraid at that time. If a tiger or other animal wanted my<br />

life, I was willing to give it away. With that mindset, I defeated<br />

my fear.<br />

When the footsteps stopped in front of me, I opened my<br />

eyes. It was my teacher. He asked, “How’re you doing? Did the<br />

ghosts come and kill you?”<br />

I said, “No Ajahn, not at all.”<br />

“Did you see the ghosts?”<br />

“No.”<br />

“What did you see?”<br />

“Oh, I just saw the fire burning the corpse.”<br />

“Did she walk to you?” he asked.<br />

“No.”<br />

Something happened in the firewood when it burned.<br />

It was a very high pile of wood and the corpse fell from it.<br />

My teacher then said, “Okay, come and let’s take a closer look.”<br />

He took me to where the dead body had fallen and<br />

said, “Help me to pick it up and put it back in the pile.” We<br />

took two long pieces of bamboo and placed them at each<br />

side of the body. We then picked up the body with the sticks and<br />

put it back in the fire. Then he asked, “Do you want to stay here<br />

131


or do you want to go back to the shelter?”<br />

I said,”Whatever you wish Ajahn. If you want me to stay<br />

here then that’s okay.” He let me stay in the cremation area<br />

until morning. That night I sat in meditation and came to some<br />

realizations about life. The insights I gained, my situation, and<br />

the Dhamma of the Buddha appeared in my mind very clearly.<br />

I overcame my fear.<br />

Loving-Kindness<br />

As I accompanied my teacher, sometimes it was necessary<br />

to stay in a cave or in the wild, and often it was frightening. He<br />

told me there was one thing I should know, that my only weapon<br />

to protect myself, my life, would be the Dhamma, the teaching-<br />

-that is, compassion. He said,”Before you go to bed, you must<br />

spread loving- kindness to animals, to human beings, to every<br />

creature in the world. If you practice more, your mind will be clean,<br />

clear, and calm. You will see everything inside you as it really is.<br />

You will spread loving kindness, and your compassionate mind<br />

will even find its way into the mind of animals. Wild animals will<br />

either go away or choose to be your friend.”<br />

I did as he taught, and no harm came to me, nor was I<br />

threatened in any way. When I went into the forest and encountered<br />

an animal, I remained gentle, and it either ran away or became<br />

my friend.<br />

Conclusion<br />

I was a forest novice for six years from the age of fourteen.<br />

I returned to my village temple to continue with my traditional<br />

education. However, I still visited my teacher three months out of<br />

the year, living in the forest, studying, and practicing with him,<br />

until it was time to return to Bangkok to continue my studies at<br />

132


a Buddhist University.<br />

When I was twenty years old, I<br />

was promoted to a higher ordination<br />

to be ordained a monk. Some of my<br />

friends had disrobed for three to seven<br />

days before becoming monks, but I<br />

have never disrobed. After I got higher<br />

ordination as a monk, I spent my life<br />

in different temples to study Dhamma and the Pali language<br />

and did a lot of propagation work. Then, I went directly to the<br />

Mahachulalongkornrajavidhayalaya Buddhist University in<br />

Bangkok and studied for a B.A. in Education and Buddhist Studies.<br />

Walking on the Path of the Buddha as Buddhist<br />

Missionary<br />

In 1977 at fourteen, I began my journey into the monastic<br />

life when I ordained as a novice. In 1983, I received higher<br />

ordination as a monk.<br />

Between 1978 and 1996, I practiced Tudong vipassana<br />

meditation under several “forest tradition” masters; achieved Pali<br />

Languages Study, Class V; earned a B.A. from Mahachulalongkorn<br />

Buddhist University; and my first M.A (Education) from Century<br />

University, New Mexico, USA.<br />

By the year 2000, I had gone to India and earned additional<br />

Master of Arts degree in Ancient Indian and Asian studies in the<br />

Magadh University of Bihar State in India.<br />

I continued my higher education to complete my Ph.D.<br />

in Buddhist Studies at Magadh University in 2003. My Ph.D.<br />

dissertation was The Problem of Self in Buddhism.<br />

My studies and monastic duties took me from Thailand to<br />

over fifteen countries that include such diverse places as Canada,<br />

133


France, Germany, Nepal, Russia, South Africa, Spain, Switzerland<br />

and Taiwan. From 1992 to the present, I served, primarily, as a<br />

missionary monk at the Wat Thai Washington, D.C., that serves<br />

the local Thai and American communities. While in the USA,<br />

I established the Buddhist Meditation Center of Berks (BMCB)<br />

at Reading, Pennsylvania; served as the BMCB’s vipassana<br />

meditation and yoga instructor; was a visiting professor at the<br />

Institute of Philosophy and Human Value Research, Catholic<br />

University of America in Washington, D.C. I was an editor of the<br />

Thai Sangha Magazine of the Council of Thai Bhikkhus in the<br />

USA. In summer year 2003, I went to Russia and taught vipassana<br />

meditation in Moscow and St. Petersburg. And my duties took<br />

me to the World Parliament of World’s Religion in Cape Town,<br />

South Africa, in 1999, and the Parliament of the World’s Religions<br />

in Barcelona, Spain in July, 2004. My studies also took me to<br />

the Rumtek monastery in Gangtok, Sikkim, to research the Karma<br />

Kagyu lineage (Karmapa Lama XVII). I stayed in Tri Ratana<br />

Mahayana Buddhist Monastery in Siliguri, India. Because of<br />

my studies concerning Mahayana Pureland, I then went to the<br />

Yuan Kaung Buddhist College No. 11, in Tao Yuan, Chungli,<br />

Taiwan, to observe the classroom Buddhist studies, Buddhist<br />

ceremonies, chanting and activities of the Pure Land School of the<br />

Mahayana Tradition. I was invited to be a vipassana meditation<br />

master at Chan Taung, the meditation section of Yuan Kaung<br />

Buddhist College, during summer session of August –September,<br />

2002.<br />

In addition, I have visited the following:<br />

• the Buddhist Tzu Chi Foundation, the Hualien Tzu Chi<br />

Hospital, the Tzu Chi College of Medicine, the Still<br />

Thoughts Hall and the Abode of Still Thoughts (the<br />

spiritual home of all Tzu Chi members) in Hualien,<br />

134


Taiwan.<br />

• the Chung Tai Chan Monastery, Chung Tai Road, Puli,<br />

Nantou, Taiwan, the third largest monastic building in<br />

the world.<br />

• The Fo Kuang Shan Buddhist Temple, Sueshan branch,<br />

Keelong branch, in Taiwan<br />

• The Museum of World Religions, established by Master<br />

Hsin Tao in the Yongho district of Taipei.<br />

At the end of the year 2002, I went to visit the Theravada<br />

Buddhist Missionary University in Yangon, Myanmar, and visited<br />

some other interesting places in Pagan and Mandalay.<br />

Also, my Buddhist studies took me to observe monastic<br />

life in India, Nepal, Laos, Cambodia, Vietnam, Singapore and<br />

Malaysia.<br />

Since the year 2000, I have written several Buddhist<br />

books in English and in Thai. My English books include History,<br />

Scripture, and Archeology: A Brief Study Regarding Some Ancient<br />

Buddhist Sites; and The Handbook of Buddhist Ceremonies and<br />

Celebrations. My Thai books include The Buddhist Missionary<br />

in the USA; The Holy Places in India; and The Pure Land on the<br />

Earth, Angkor Wat, Angkor Thom, and Darjeeling-Sikkim, etc.<br />

In 1992, the Buddhist Association of Washington D.C., (Wat<br />

Thai Washington, D.C.) invited me to serve in the United States.<br />

I have stayed at Wat Thai, D.C., since then, returning to Thailand<br />

every two years to “recharge my batteries.” I feel I must return<br />

to the forest to restore my mind. Sometimes a monk is asked to<br />

act as a sort of psychiatrist when visitors to the temple ask for<br />

advice about their problems. When monks are exposed to so many<br />

problems people have, a sort of mental “toxic” residue remains.<br />

I like to return to the forest to refresh my mind. This year<br />

(2007) I have gone to India, Sri Lanka, Sikkim, Darjeeling and the<br />

135


Himalayan Mountains in India. I learned some new things and<br />

returned to teach the people in Wat Thai, D.C., and to practice.<br />

This is my life, which I’ve enjoyed for twenty four years to the<br />

present.<br />

From 2008 to the present time, then, my whole life has been<br />

directed to spreading the Buddhist religion across the Washington,<br />

D.C., metropolitan area, across the United States, and across the<br />

world. I have been tireless in my efforts to live up to my calling<br />

as a Theravada Buddhist missionary monk. I have worked hard<br />

as a teacher to bring the message of the Buddha to believers and<br />

nonbelievers everywhere. I have worked with equal diligence as<br />

an administrator to support the efforts of Thai missionary monks<br />

to spread the Dhamma.<br />

For example, over recent years I attended many seminars<br />

devoted to topics in Buddhism, often to the practice of meditation,<br />

to world peace, or to interfaith dialogue. At many of these<br />

seminars I presented a paper. The purpose of the seminars,<br />

generally speaking, was always to deepen the understanding of the<br />

Buddhist religion and to enable it to penetrate more deeply into<br />

the lives of human beings today. Here are some of the occasions<br />

on which I participated in a seminar:<br />

136


• In 2008 at George Washington University, Washington,<br />

D.C., on the place of women in Buddhism<br />

• In 2010 at Penn State University in Pennsylvania on<br />

the place of women in Buddhism<br />

• In 2013 at the Wat Thai Washington, D.C., on<br />

vipassana meditation<br />

• In 2013 in Kandy, Sri Lanka, at the Sri Lanka<br />

International Buddhist Academy (International<br />

Seminar in English and Pali)<br />

• In 2015 at Vatican City, where I met Pope Francis<br />

• In 2016 in Udon Thani, Thailand, at Wat Santivanaram<br />

(International Seminar on Methodology Development<br />

to Teach Vipassana Meditation for World Peace)<br />

• In 2016 at Wat Nawamintararachutis of Cambridge-<br />

Boston, Massachusetts (Seminar on Buddhist<br />

Education)<br />

Part of my endeavor to bring the message of the Buddha<br />

into the world today has involved my participation in the public<br />

chantings of the Tipitaka that have occurred in various places<br />

every year. I have always thought that these public chantings<br />

of the Buddhist scriptures are so important because it is in the<br />

Tipitaka that the very words of the Buddha are to be found.<br />

Every year in December I take part in the chanting of the<br />

Tipitaka at Bodh Gaya, India. In 2014, too, I was part of the First<br />

Tipitaka Chanting Program at the Mangalam Research Center<br />

for Buddhist Languages at Berkeley, California. It was exciting<br />

to bring the chanting of the Buddhist scriptures to the United<br />

States. I returned to this event in California in subsequent years.<br />

Finally, in June of 2016, I was a part of the First International<br />

Tipitaka Chanting on the East Coast of the United States at my<br />

own temple, Wat Thai Washingon, D.C. This was a very happy<br />

occasion for me.<br />

137


Since 2008, besides participating in seminars and chanting<br />

events, I have been very active in spreading the Buddhist religion<br />

in various other ways. I have devoted a lot of time and effort to<br />

these activities. I will mention just a few. In 2011, at the request<br />

of Luang Ta Chi, the abbot of Wat Thai Washington, D.C., I<br />

headed the project to establish the Buddhist Meditation Center of<br />

Pittsburgh, Pennsylvania. Today, under the direction of its abbot,<br />

Phramaha Piya, this Meditation Center is the gathering place for<br />

a thriving community of Buddhist faithful in Pennsylvania. In<br />

2015 and 2016 I was part of the United Nations Day of Vesak<br />

Celebration at the United Nations Headquarter in New York City,<br />

and in 2015 I participated in the 29 th Annual International Vesak<br />

Celebration at Wat Thai Washington, D.C., an event at which<br />

Bhikkhu Bodhi gave a talk. In 2016 I cofounded and inaugurated<br />

the International Buddhist Association of America (IBAA) at Wat<br />

Thai Washington, D.C. The aim of the Association is to further<br />

the study of Buddhism, to promote toleration between the different<br />

Buddhist sects, and to get the sects together in religious activities.<br />

Over the years, furthermore, I have gone to many schools and<br />

government groups in the Washington, D.C. metropolitan area<br />

to promote the Buddhist religion, have received students and<br />

teachers at the Wat Thai to teach them about Buddhism, and have<br />

conducted many meditation retreats to teach the faithful about<br />

what I call the detoxification that meditation can bring.<br />

In 2016 I took part in the 40 th Anniversary Celebration of The<br />

Council of Thai Bhikkhus in the U.S.A. at Wat Navamintararachutis<br />

of Cambridge-Boston. Year after year I have worked hard as an<br />

administrator in the Council of Thai Bhikkhus to support the<br />

efforts of Thai Buddhist missionary monks to spread the Dhamma<br />

in the United States. This organization is critical for the success<br />

of the missionary monks in the U.S.<br />

138


The mission of The Council of Thai Bhikkhus in the U.S.A.<br />

includes all the following:<br />

• To help set forth the mission to promote, to support,<br />

and to improve Buddhist activities by Thai monks in<br />

the U.S.A<br />

• To use the Council of Thai Bhikkhus to exchange<br />

knowledge, viewpoints, and procedures as well as to<br />

coordinate the work coordination between Thai monks<br />

in the U.S.A and those in Thailand.<br />

• To provide assistance and support of activities by Thai<br />

temples in the U.S.A.<br />

• To provide welcome and assistance to monks who carry<br />

out their duties in the U.S.A.<br />

• To cooperate with other Buddhists organizations as well<br />

as other similar organizations.<br />

Because the work of The Council of Thai Bhikkhus in the<br />

U.S.A. is so important for the spread of Buddhism in the United<br />

States, I have always been eager to be involved in its activities.<br />

Today I am its Secretary General.<br />

139


For all my efforts over the years, then, on behalf of the<br />

spread of the Buddhist religion in the United States and beyond,<br />

in 2013 I was honored by a higher monastic rank and with a new<br />

name, Phrakrusiriattavidhes. My promotion was celebrated on<br />

January 8 at Wat Amphawan Dusit in Bangkok and on January<br />

17 at Wat Srisongdhamma in Udon Thani. On February 3, 2013,<br />

there was a special ceremony for me at Wat Thai Washington,<br />

D.C. I was very appreciative for the honor shown to me. I have<br />

to say, however, that whatever my rank and whatever name I go<br />

by, I am, after all, a Thai Buddhist missionary monk spreading<br />

to the best of his ability the words of the Dhamma.<br />

November 26, 2016<br />

In December 5 th ,2016 I was honored by a higher monastic<br />

rank from His Majesty King Rama10 th , with a new name, Phra<br />

Videsratanaporn.<br />

140


Writings of Thai Theravāda<br />

Buddhist Missionary Monks<br />

Compiled, Revised, and Edited<br />

by Du Wayne Engelhart<br />

141


Preface<br />

This little book is a collection of writings of some Thai<br />

Theravāda Buddhist missionary monks at Wat Thai Washington,<br />

D.C., now or previously and at Wat Padhammaratana, which<br />

was founded in Pittsburgh in 2011 with the help of Wat Thai.<br />

The overall theme is what it means to lead a moral life according<br />

to Theravāda Buddhism. The first two selections are by Luang<br />

Ta Chi, one about morality and the other about not delaying<br />

until tomorrow to do good. Luang Ta Chi is the pen name of<br />

Phrarajmongkolrangsi (Surasak Jivanando), who has been the<br />

abbot of Wat Thai Washington, D.C., since 1975. He has written<br />

numerous articles, stories, and books about practicing Buddhism.<br />

The two selections, are by Phrakrusiriattavidhes (Phramaha<br />

Thanat Inthisan), a meditation master at Wat Thai Washington,<br />

D.C., Secretary General of The Council of Thai Bhikkhus in<br />

the U.S.A., and one of the two founders of the International<br />

Buddhist Association of America. There is an excerpt from the<br />

journal of Phrakrusiriattavidhes. There is also a transcription of<br />

a class he gave about the practice of Buddhist meditation.<br />

All the footnotes that follow are by the editor.<br />

This book is dedicated in gratitude to all the monks,<br />

past and present, who have been connected with Wat Thai<br />

Washington, D.C.<br />

Duwayne Engelhart<br />

142


I<br />

Sayings about Morality<br />

by Luang Ta Chi<br />

Morality for Students<br />

Try to obtain knowledge.<br />

Respect your teachers.<br />

Pay attention to all the teachings.<br />

Act ethically. Be satisfied with what you have when it is<br />

impractical to get more.<br />

Be ready to made sacrifices for the institutions.<br />

Promise you will have good behavior.<br />

Stay away from evil.<br />

Avoid drugs and too many intoxicants.<br />

Be thoughtful.<br />

Morality for Teachers<br />

Be ethical.<br />

Be kind to your students.<br />

Always seek knowledge.<br />

Try to avoid doing wrong.<br />

Never be biased in favor of certain students but share love<br />

equally among all.<br />

Never be lazy at work.<br />

Admire the expert skill of others.<br />

Do not call attention to your good deeds because of your teaching.<br />

143


Qualities Good Teachers Should Have<br />

Have knowledge.<br />

Be skillful in the subject you are teaching.<br />

Be skilled in training and teaching students to think for<br />

themselves.<br />

Be well-behaved, patient, and deserving of honor in your<br />

personal conduct.<br />

Three Kinds of Teachers<br />

A teacher who teaches knowledge<br />

A teacher who teaches what is good and bad<br />

A teacher who teaches others how to overcome suffering<br />

Moral Guidelines<br />

. . . The constant effort of hardworking students and workers<br />

makes them successful . . . .<br />

Life without education is like trees without sunlight.<br />

Anyone who pays no attention to study brings harm to himself<br />

or herself. Anyone who does not work is useless. Anyone who<br />

depends only on good fortune is careless. Persons who are<br />

clever are the ones who take control of their lives . . . .<br />

No amount of talk can compare with real practice . . . .<br />

A long life without good actions has no value.<br />

If you don’t know how to be good, then find someone to teach<br />

you. Trying to be good in the wrong way can be useless.<br />

Doing good things and then dying is better than living with great<br />

wealth.<br />

144


Good persons are willing to give; bad persons are destroyers.<br />

Beauty attracts only the eyes, but good deeds attract the mind.<br />

Beauty does not last long, but goodness exists forever.<br />

Be good by rejecting greed; keep the Dhamma in your mind.<br />

Never stop practicing, or you will not reach the Buddha. If you<br />

must be greedy, you will never reach the Dhamma . . . .<br />

Try to be satisfied with what you have. Never be greedy.<br />

Never take anything that does not belong to you . . . .<br />

Obstacles and problems are the cause of success.<br />

If you only sit and wait for everything, you will be disappointed<br />

. . . .<br />

The biggest loss in life is the wasting of time because we cannot<br />

ask for it again . . . .<br />

We cannot choose to be born or to die, but we can choose to do<br />

only good things.<br />

To just sit and watch the time go by is to destroy our future . . . .<br />

Becoming angry at others is like burning yourself . . . .<br />

Getting angry with others hurts us. Forgiveness makes us happy<br />

. . . .<br />

145


Do your duties reasonably and with constant effort. Don’t follow<br />

all your emotions without thinking . . . .<br />

Heaven is actually in our hearts. Hell is, too . . . .<br />

To avoid unhappiness, don’t pay so much attention to material<br />

happiness . . . .<br />

If you perform actions only for yourself, you will gain nothing<br />

. . . .<br />

Happiness of the senses does not last. For lasting happiness, you<br />

need to seek the Dhamma.<br />

Living in a hut with the wise is better than staying in a castle<br />

with the foolish.<br />

Be thankful to those who are kind to you and forgive those who<br />

make you unhappy . . . .<br />

To improve the body we need to exercise. To improve the mind<br />

we need to be calm . . . .<br />

Improve yourself before improving others . . . .<br />

If you honor any religion without studying it completely, you<br />

will become a person who believes without reasons . . . .<br />

Religion will survive because of two things: studying deeply<br />

and completely and practicing after studying . . . . 1<br />

1 From Phrarajmongkolrangsi (Luang Ta Chi) (Surasak Jivanando), 90-Year<br />

Celebration (Ayuwattanamongkron) (Mueng, Thailand: Siridhamma Offset, n.d.),<br />

pp. 1-55.<br />

146


II<br />

Tomorrow Man<br />

by Luang Ta Chi<br />

The Buddha teaches us good activities today, right now<br />

at this minute. As for tomorrow, nobody knows what is going<br />

to happen. Besides, nobody can ever catch up with tomorrow,<br />

because tomorrow always keeps moving one day ahead of<br />

us, just like a Western saying, “Tomorrow never comes.”<br />

Tomorrow does not really exist; there is only today. Therefore,<br />

my dear friends, do perform good deeds today. We may not<br />

live to see tomorrow. When the time to die comes, nobody can<br />

argue, delay, or come to an agreement with death. The right<br />

thing to do is to follow the Buddha’s teaching that says,<br />

Lose no time to do good and protect<br />

one’s mind from bad thoughts, because<br />

when one delays doing good, one’s<br />

mind will turn to enjoyment of bad ideas.<br />

147


As water, by its nature, always flows to a lower level, the<br />

mind will flow to bad thoughts. To protect one’s mind from<br />

looking for a lower level, the Buddha encourages us to not<br />

delay in doing good deeds. It is the good deed that protects the<br />

mind from turning to what is bad. If one is talking about what<br />

is bad, everybody is afraid of it. Nobody wants it. Even the<br />

word bad nobody wants to hear. No one should, therefore, act<br />

like the “tomorrow man.” Instead everyone should become the<br />

“today person,” doing good deeds now.<br />

The Buddha says,<br />

Time passes by; day, night, month, and<br />

year slowly disappear. Old age comes closer, and<br />

lifetime gets shorter. Considering such<br />

danger, all of you should do only<br />

good things that will bring happiness.<br />

Think about this, all you tomorrow men! Time is taking<br />

the life of all living beings, one by one; the old and the young,<br />

the poor and the rich, the foolish and the wise, the bad and<br />

the good, all are taken by time. No one has an advantage<br />

over another. Everyone’s life is treated equally by time. The<br />

Buddha reminds us,<br />

As days and nights pass by, life will<br />

pass away. All living things will come to<br />

an end, like water in a dried-up river.<br />

The voice of the Dhamma speaks to all of you, friends<br />

of Buddhism, the wish that you will not be careless, not lack<br />

mindfulness (sati), and will not keep delaying good deeds<br />

until tomorrow, next month, or next year. We wish you to stop<br />

deceiving yourselves and putting yourselves in an inescapable<br />

trap of bad thoughts and actions. Make a good effort now,<br />

this minute, today, this month and this year. When you make<br />

a good effort once, do it again and again, with the satisfaction<br />

that you have done well—as in one of the Buddha’s sayings:<br />

148


When one makes an effort to do good, one<br />

should do it again and again and be happy<br />

for having done so. The adding up of<br />

good deeds will bring happiness.<br />

Happiness is the top desire of all of us. Happy lives<br />

need food from good deeds. Life without good deeds<br />

will dry up and endlessly burn with the heat of a desire for<br />

things one does not have. Therefore, look for good deeds<br />

by strengthening, developing, and gaining morality (sila),<br />

concentration (samādhi), and wisdom (paññā); for such will<br />

bring peacefulness, cleanliness, and Enlightenment of the mind<br />

leading you to eternal happiness. The voice of the Dhamma<br />

wishes each and every person peacefulness and happiness<br />

under the golden canopy of the Buddha’s teaching. 1<br />

1 This selection is from the essay “Tomorrow Man” in Essays on the Dhamma, edited<br />

by Du Wayne Engelhart, The Council of Thai Bhikkhus in the U.S.A. (Bangmoung,<br />

Bangyai, Nontaburi: Nitidhamma Press, 2013), pp. 40-2. The original Pāli for what<br />

the Buddha says has been omitted.<br />

149


II<br />

Selections from the Journal<br />

of Phravidesratanaporn<br />

(Thanat Inthisan, Ph.D.)<br />

March 23, 2001<br />

Kamma<br />

It is no surprise that we are going to die. On a day-to-day<br />

basis, how many people think about the next life? If you are a<br />

Buddhist, you have to look at life as a continuum, as a process<br />

of birth and death. We are in a constant state of becoming. I<br />

like the analogy of going to the airport with a suitcase. I put<br />

the suitcase on the conveyor belt so it can be loaded onto the<br />

luggage compartment of the plane. However, I do not get on<br />

the plane. The suitcase contains my kamma. When it gets to its<br />

destination, the next person picks it up. He or she has to work<br />

with the contents of the suitcase. This person can get more<br />

clothes or better ones if deeds of generosity and compassion<br />

are done. On the other hand, the clothes can turn into rags if the<br />

life lived is one of greed, anger, hatred, or delusion. I do not go<br />

to the next life: My kamma does.<br />

Rebirth<br />

What does rebirth mean? So many people have asked<br />

about life after death and rebirth. The Buddha said that kamma<br />

is created by an agent, a person, a living being. Sooner or later<br />

150


we are going to die, and so sooner or later we will have to be<br />

reborn again. The realms of existence into which we can be<br />

reborn are confined to two: the favorable and the unfavorable.<br />

Where we are reborn depends upon our kamma. The reality of<br />

life after death can be proved in many ways. There are many<br />

cases of people vividly remembering their past lives. In one<br />

instance the recollection of the past life was so clear that even<br />

though the parents had previously not believed in a life after<br />

death, they were now convinced as a result of the clarity of<br />

their child’s recollections. The child not only clearly recalled<br />

having lived in a nearby village that she recognized, but was<br />

also able to identify her previous parents, whom she otherwise<br />

would have had no reason to know. If there is no life after<br />

death, there is no past life, and another explanation for such<br />

recollections will have to be found. There are also many cases<br />

of parents having two children brought up in the same way<br />

under the same circumstances, yet one is much more successful<br />

than the other. Such differences come about as a result of<br />

differences in our past kamma.<br />

Death is nothing other than the separation of consciousness<br />

from the physical body. If you do not accept the reality of<br />

consciousness, I think it is also very difficult to explain exactly<br />

what life is.<br />

Buddhism and Mankind<br />

The Buddha described his teaching as being sandiṭṭhika,<br />

primarily concerned with this world, with this life. Even the<br />

highest happiness, that of nibbāna, is to be striven for in this<br />

very life. Buddhism lays the greatest stress on the absolute<br />

need for making the best of the ever fleeting present so that the<br />

future is ensured for our well-being. The past is gone, beyond<br />

recall. Only the present is available to us for a good life. The<br />

future is yet to come, and what we make of it depends entirely<br />

151


upon what we do now.<br />

We are Buddhist monks living in the world. As such<br />

we are deeply concerned about and actively working for the<br />

happiness and welfare of not only human beings but also<br />

all living creatures. Wherever Buddhism made its way, it<br />

encouraged the growth of a culture and a civilization marked<br />

by tolerance, humanity, sympathy, and understanding. It<br />

promoted the spread of the twin values of karuṇā (compassion)<br />

and paññā (wisdom).<br />

The Law of Change<br />

We cannot stop the world: It will go on changing. Change,<br />

as the Buddha said, is the fundamental fact of life. Our very<br />

survival is bound up with change. Because of its emphasis on<br />

change, modern man can find Buddhism particularly relevant<br />

to his age. Buddhism accepts change; in fact, it is built upon<br />

the truth of constant change and flowing. We must cultivate<br />

the qualities of resilience (recovering from misfortune) and<br />

adaptability, or flexibility. The fundamental teaching of the<br />

Buddha is that nothing happens except as a result of causes.<br />

Once the causes are investigated and understood, solutions can<br />

be found.<br />

Bringing Peace to the World<br />

The Buddha also teaches that the only way to achieve<br />

peace is by getting rid of the root causes of war: greed, hatred,<br />

and ignorance. The world will not have peace until men and<br />

nations renounce selfish desires, give up racial pride, and<br />

cleanse themselves of the egoistical lust for possessions and<br />

power. Ideology divides and brings about conflict.<br />

The Buddha declared that the mind is foremost, the<br />

forerunner of all actions, good or bad. When the mind is<br />

cleared of evil, peace and happiness rule.<br />

152


There can be no peace and happiness on earth as long<br />

as there is poverty and starvation, injustice and oppression,<br />

discriminative laws, racial segregation, and social inequalities.<br />

All these bring with them fear, mutual distrust, and suspicion.<br />

Self-respect is as necessary for happiness as food. Furthermore,<br />

there can be no self-respect among those who do not have the<br />

opportunity to achieve their full potential as human beings.<br />

March 29, 2002<br />

Ordination as a Great Privilege<br />

In the Pāli language, ordination is called pabbajjā, which<br />

means “to avoid incorrect or unworthy action, and incorrect<br />

speech and thought.” Another sense of pabbajjā involves a<br />

reference to a person who gives up family, material possessions,<br />

worldly obligations, and the activities of the workaday world.<br />

Therefore, a person who becomes ordained has to cut his hair,<br />

change his appearance, and wear clothing that is different from<br />

that of lay persons. Such a person wears the yellow robe,<br />

dressing like a monk. He is called a bhikkhu.<br />

The Buddhist Religion<br />

Except for the Buddha, no founder of a religion has ever<br />

said that the followers have the opportunity to one day gain the<br />

same wisdom, the same peace, the same happiness, the same<br />

salvation as did the founder. The Buddha said that anyone<br />

can become a Buddha if the person uses the same practices,<br />

the same method, that he used to achieve perfection. The aim<br />

of Buddhism is to give mankind the opportunity to attain the<br />

highest happiness through a clear understanding of life and<br />

nature.<br />

Buddhism gives a clear picture of both kinds of life: the<br />

153


life of suffering and the life of happiness. Buddhism explains<br />

the real nature of life: the cause of suffering and the cause of<br />

happiness.<br />

Buddhism is a religion presented to mankind in terms<br />

of the experience, realization, wisdom, and Enlightenment of<br />

its founder. Human problems must be addressed by a human<br />

being in terms of human experience through the development<br />

of great human virtues. Mankind must find the solution to<br />

human problems through the purification and development of<br />

the mind. The Buddha revealed the absolute truth. If there<br />

is truth anywhere, it remains forever as the truth. The truth<br />

revealed by the Buddha is called the Noble Truth. It enables a<br />

human being to become a noble person.<br />

Buddhism teaches that everyone reaps what he or she sows.<br />

It teaches universal laws: the laws of anicca (impermanent),<br />

dukkha (suffering), and anattā (non-self); the law that good<br />

produces good, and bad produces bad; and the law that every<br />

action has a reaction. It teaches that we are the results of what<br />

we were, and that we will be the results of what we are.<br />

Buddhism considers virtue as one of the things necessary<br />

for reaching holiness. The other is wisdom. Wisdom and virtue<br />

can be compared to the eyes and feet of a man. Virtue is like<br />

the vehicle that brings a man to the gate of salvation, but the<br />

actual key that opens the gate is wisdom.<br />

Buddhism presents clear and reasonable answers to<br />

important questions regarding human life. It provides a solid<br />

foundation for helping human beings reach a better, positive way<br />

of life. Buddhists believe in the importance of self-exertion.<br />

They believe in the effectiveness of meditation, which leads<br />

to self-conquest, self-control, and self-purification. Meditation<br />

leads to relief from suffering and to Enlightenment because it<br />

serves as a medicine for both the heart and the mind.<br />

154


Words to Guide Your Life<br />

Hatred is overcome only by love. Darkness cannot be<br />

driven away by darkness but only by brightness. Hatred cannot<br />

be overcome by hatred but only by loving-kindness. (Dr. K.<br />

Sri Dhammananda)<br />

Failure in life helps us reach success because failure<br />

supports success. Never to have failed is never to have won.<br />

Unless we experience failure, we will never appreciate the<br />

sweetness of victory. Failures not only help us succeed but<br />

also make us energetic, enthusiastic, and rich in experience.<br />

Happy is he who makes others happy. Happy is he who<br />

aspires to high and noble things. Happy is he who enriches the<br />

lives of others. Happy is he who makes it possible for others to<br />

live in peace. Happy is he who makes this world a better place<br />

in which to live. Happy is he whose daily work is a labor of<br />

love. Happy is he who loves to love.<br />

If you sacrifice your pride, you will find inner peace.<br />

Though it is difficult, indeed, to overcome one’s pride, it is<br />

certainly advisable to do so. If a person is able to sacrifice his<br />

or her pride, then inner peace and happiness can be found.<br />

Fear can ruin a person’s life. It fills one with perpetual<br />

tension and anguish. It progressively erodes life and debases<br />

the mind. Fear works hand in hand with pessimism to darken<br />

the future. Fear undermines the way a person thinks. Fear is<br />

capable of eroding one’s personality and making him landlord<br />

to a ghost. (Dr. K. Sri Dhammananda)<br />

Mankind prays for peace, but there can be no peace in the<br />

world until the conflicts within man himself are resolved. For<br />

this to be achieved, there is an urgent need to train the mind.<br />

We may ask, “How do we train our minds?” This is a relevant<br />

question, but the more important question is: “Do we want to<br />

train our minds?” If the answer is, “Yes” accompanied by a<br />

155


eal commitment, then it is certainly possible to develop the<br />

skill to train the mind.<br />

The Fundamental Law of the Mind<br />

As you see, so you feel. As you feel, so you think. As<br />

you think, so you will. As you will, so you act.<br />

October 16, 2002<br />

Knowing Yourself:<br />

The Problem of Change in the Physical and Mental Life of<br />

Teenagers<br />

1. Today I would like to share some thoughts that come<br />

from self-observation. There are problems that may occur in<br />

the lives of teenagers today and of those in the future. Teens<br />

may have problems that they cannot solve by themselves. So<br />

parents and teachers have an important role to play in helping<br />

them properly educate themselves. Young people, after all, are<br />

the hope of the future.<br />

Youth have to be trained perfectly in body and in mind.<br />

Knowledge, furthermore, has to come with virtue. If the young<br />

generation has only knowledge but lacks virtue, this is like<br />

having only one eye. If order that the young have two eyes, we<br />

have to ensure they have both knowledge and virtue.<br />

The problem is how to gain knowledge and how to develop<br />

virtue.<br />

2. How do you get to know yourself? You get to know<br />

yourself by observing your body and your mind. Mind is the<br />

forerunner of all actions. Mind is the master; all actions are<br />

mind-made. If a person thinks with an unwholesome mind and<br />

speaks and acts accordingly, suffering will follow just as the<br />

wheel of the cart follows the ox that pulls it. However, if a person<br />

156


thinks with a wholesome mind and speaks and acts accordingly,<br />

happiness will follow as a shadow follows a moving object.<br />

Knowing yourself is knowing your mind. We use the<br />

rhythm of breathing in and out to help us observe the workings of<br />

the mind. There are three levels of breathing: deep breathing (the<br />

air passes through the nose to the abdomen), medium breathing<br />

(the air passes from the nose to the chest), and short breathing<br />

(the air passes in and out quickly at the nose). After you have<br />

focused on your breathing and are observing it carefully, you<br />

relax all your muscles and your mind to get a calm and clear<br />

mind. Now you can control the mind because you have attained<br />

the level of concentration where you have the mind working for<br />

you.<br />

Mental detoxification is the technique for internal cleaning.<br />

Mental toxins (poisons) are the cause of stress.<br />

What should we know? We should know the four great<br />

elements: earth (solid), fire (heat), wind (air), and water (liquid).<br />

We should also know the impermanence of everything. The<br />

combination of body and mind constitutes life. All living<br />

human beings are impermanent, out of control, hard to maintain,<br />

constantly changing, and non-self.<br />

3. The purpose of meditation is to purify the mind with<br />

regard to hatred, greed, and ignorance, to overcome the anger,<br />

attachment, and delusion that poison the mind at all times.<br />

4. Develop mindfulness and the ability to see things as<br />

they really are, not as you want them to be. Develop lovingkindness<br />

and compassion in order to make the world a peaceful<br />

one, a better place in which to live. To develop loving-kindness<br />

means that when you see someone doing something wrong, you<br />

should not condemn or hate the person but rather advise him as a<br />

doctor advises a patient. The doctor does not blame or condemn<br />

the patient for being sick, but diagnoses the sickness and treats<br />

the patient.<br />

157


The universal law applies: Do good, get good; do bad, get<br />

bad. We are the results of what we were, and we will be the<br />

results of what we are.<br />

5. Being grateful for one’s parents is a characteristic of<br />

a noble person. It is important to listen to one’s elders. Young<br />

persons, in general, should pay more attention to the advice of<br />

their parents. Children growing up and becoming teenagers are<br />

constantly changing physically and mentally. Teenagers have a<br />

tendency to put more trust in their friends than they do in their<br />

parents. However, it is dangerous for teens to live their lives<br />

without the advice of their elders. This practice is like driving<br />

a car without a map to give directions. When teenagers get into<br />

trouble, they should seek the help of their elders, their parents or<br />

teachers. They can even get a religious teacher to pray for them.<br />

If they wait too long, it may, unfortunately, be too late to get<br />

advice and help. Experience will eventually come with age, but<br />

in the meantime it is important for teenagers to get help when<br />

they need it.<br />

6. It is important for a teenager to be able to think in a<br />

positive way. Teenagers today are living in a modern, fast-paced<br />

world that can create many problems for them. Teens need to be<br />

watchful about envy that can come through competition, anger<br />

that can come because of a short temper, and hurting others that<br />

can come from being insulted. The great question is how one<br />

is to conquer oneself. The answer is that one conquers oneself<br />

through conquering the mind.<br />

7. A person who has developed the mind reacts to<br />

situations quite differently from one who has not. Such a person<br />

says, “I cannot do any evil to this man,” “I cannot get angry with<br />

this person,” “I cannot say anything to cause him pain,” and “I<br />

cannot do any harm to him.” He says, “If he were violent toward<br />

me, how unhappy I would be, how disturbed my mind would<br />

be, how it would hurt me. However, if I do harm to this man in<br />

158


turn, I hurt someone who is just like me, who wants happiness<br />

and does not want to suffer, just as I do.”<br />

8. Mankind seeks real peace, happiness, and security in<br />

this life. However, these cannot be found if the mind remains<br />

poisoned with all the defilements: greed, hatred, delusion,<br />

ignorance, attachment, aversion, and craving. Thus there is an<br />

urgent need to train the mind . . . .<br />

9. The real meaning of life is not to do evil but to do good, and<br />

to purify the mind.<br />

159


III<br />

The Three Basic Forms<br />

of Meditation<br />

by Phravidesratanaporn (Thanat Inthisan, Ph.D.)<br />

Today I would like to introduce the meditation techniques<br />

according to Buddhism. 1 Meditation means the training of the<br />

mind. Why do we train the mind? The mind is very important.<br />

The mind is master. The Buddha said if we train the mind and<br />

get rid of the defilements from the mind, we can find peace of<br />

mind. Mind is the chief; mind is master. If we think or speak or<br />

act with an unclean mind, then suffering will follow us. But if<br />

we think or speak or act with purified mind, then happiness will<br />

follow us. This is the word of the Buddha. In Buddhism we<br />

focus on the mind and have to train the mind to become a pure<br />

mind. So the techniques that I would like to share with you<br />

today are the meditation for strength, reduction, and relaxation.<br />

In meditation there are many techniques. But today I explain<br />

and demonstrate to you the basic techniques. The techniques<br />

today are just the basic ones, the ones you would want to practice<br />

first. You can practice at home or any place. There are three<br />

basic kinds of meditation: sitting, walking, and lying meditation.<br />

There are four postures all together: standing, sitting, walking,<br />

and lying. First of all I would like to show you how to sit.<br />

1 This selection was originally a class recorded and made available on a DVD. The<br />

conversational character of the original presentation has been preserved.<br />

160


A. Sitting Meditation<br />

So we start with sitting meditation. You can sit crossing<br />

your legs. Put the right one on top the left one and put your right<br />

hand on the left one on top of your legs. Sit straight back and<br />

relax. Or you may put your hands on your knees. But you have<br />

to sit upright and straighten your spinal cord and relax. When<br />

you put your hands on your lap, try to relax your shoulders, relax<br />

your neck, and relax your whole body. Every part of your body<br />

should be relaxed. You may sit on a cushion or may sit on a<br />

chair or sofa, whatever makes you feel comfortable. But you are<br />

required to sit upright. When you are sitting comfortably, then<br />

close your eyes and close your mouth.<br />

Try to focus your mind on your breath. When you breathe<br />

in, focus your mind on the nostrils. You will feel the air passing<br />

in and out of the nostrils, and fix your mind on that spot. This<br />

is the first step in focusing the mind on the breathing. And<br />

then have your mind follow the air. You breathe in, take a deep<br />

breath. The air will go to your abdomen. The abdomen will rise<br />

and fall when you breath in and out so that you can fix your<br />

mind on that spot. When your abdomen is rising, then notice<br />

that rising. When you breathe out or exhale, your abdomen falls<br />

down, and then fix your mind on that spot. Just observe the<br />

falling and rising at your stomach or abdomen. So in this way<br />

you can develop one-pointedness of mind. Meditation tries to<br />

put your mind on only one spot.<br />

And then relax your body. When you close your eyes,<br />

visualize your entire body. See your sitting posture in your<br />

mind. And then relax yourself from the feet to the head, up and<br />

down, up and down. Relax your feet, relax your ankles, relax<br />

your knees; relax your thighs and buttocks. The lower parts of<br />

your body should be relaxed in your sitting meditation. And then<br />

the middle parts of your body from the navel up to your chest.<br />

161


Relax your spinal cord. Sit upright, and your shoulders should<br />

be relaxed. So from your shoulders down to your navel, the<br />

middle parts of your body should be relaxed. And then move<br />

your mind to your neck, your chin, your face, and your head. Try<br />

to relax the upper parts of your body. Set your mind at the top<br />

of your head and see or visualize your entire body in your mind.<br />

So in this way you can see yourself inside, not outside.<br />

When you have checked all the parts of your body to be<br />

sure they are relaxed, then go back to the normal breathing.<br />

Just observe breathing in and breathing out. You breathe in<br />

and you know that you breathe in, and you breathe out and<br />

you know that you breathe out. Be mindful all the time. Don’t<br />

pay attention to any sound that can distract your mind. For<br />

the breathing exercise, just focus your mind on the breathing.<br />

Sit as long as you can. Start with about five minutes, and<br />

then you can increase to ten minutes, fifteen minutes, thirty<br />

minutes, or one hour, as much as you can. But the important<br />

thing is to try to relax. Don’t stiffen up your body; just relax<br />

your mind. You will find peace of mind this way. Don’t be<br />

afraid and worry in any case. If some stray thought or feeling<br />

arises, just know it and let it go and relax. So in this way you<br />

can sit and get real happiness from the meditation technique.<br />

B. Walking Meditation<br />

After sitting meditation, your practice should be continued<br />

by standing and walking meditation. In standing meditation,<br />

you stand and close your eyes. You may put your hands in the<br />

front of your body, or you may put your hands in the back.<br />

But when you stand, close your eyes and try to visualize your<br />

standing posture. Put your mind at the top of your head and see<br />

your standing posture with the inner eye of your mind, making<br />

a note in your mind by saying to yourself, “Standing.” See your<br />

entire body from the top of your head to your feet when you say,<br />

162


“Standing.” Now put your mind at the feet and see your body<br />

looking upward from your feet to your head and say again in<br />

your mind, “Standing.” Now put your mind at your head once<br />

more. And seeing your body one more time from the top to the<br />

bottom, say, “Standing.”<br />

Now you are ready to start walking. First say to yourself,<br />

“Intending to walk.” Now focus your mind at your feet. As<br />

you take the steps of walking meditation, notice only the right<br />

or the left foot, one at a time. You put your mind on the right<br />

foot and step forward, and you put your mind on the left foot<br />

and step forward. You think and you move at the same time.<br />

Don’t move before or after you think. The thinking and the<br />

moving should be the same action in the present moment. You<br />

say to yourself, “Walking,” and you move your right foot at the<br />

same time. Lift up, move forward, and touch down. You say<br />

to yourself, “Walking,” and you move your left foot at the same<br />

time. Lift up, move forward, and touch down. Then right foot<br />

up, forward, down. Left foot up, forward, down. Continue in<br />

this way until you have reached the distance you intend to walk.<br />

When you have done so, put your feet together and close your<br />

eyes. Visualize your standing: Set your mind at the top of your<br />

head again and visualize your standing posture. Visualize your<br />

standing posture from your feet. Visualize your standing posture<br />

one more time from your head. Each time say, “Standing.”<br />

Now you have to turn around and walk back to the place<br />

where you started your walking meditation. Say to yourself,<br />

“Intending to turn.” Now you are going to turn right. Turn<br />

right, right foot first, saying, “Turning.” Then move the left foot,<br />

saying, “Turning.” Then the right again, saying, “Turning.”<br />

Now you are facing the direction from which you came. Then<br />

once again put your mind on the top of your head and see your<br />

entire body from the top of your head to your feet, saying in<br />

your mind, “Standing.” Now put your mind at the feet and see<br />

163


your body looking upward from your feet to your head, saying<br />

again in your mind, “Standing.” Now put your mind at your<br />

head again. And seeing your body one more time from the top<br />

to the bottom, say, “Standing.” Then say, “Intending to walk.”<br />

Now you are going to start walking back. Focus your mind<br />

on the right foot. Say, “Walking.” Move your right foot as you<br />

say the word to yourself. “Walking” (left foot). “Walking” (right<br />

foot). “Walking” (left foot). “Walking” (right foot). “Walking”<br />

(left foot). Walk this way back to the starting point. And then<br />

standing at the starting point, say, “Standing,” “Standing,”<br />

“Standing,” focusing your mind on your body again. Then,<br />

“Intending to turn.” Then, “Turning,” “Turning,” “Turning.”<br />

Then, “Standing,” “Standing,” “Standing,” focusing on the<br />

body. Then, “Intending to walk.” And then start walking again.<br />

“Walking.” “Walking.” “Walking.” Continue in this way back<br />

and forth until you are finished with your walking meditation.<br />

This is how walking meditation is done.<br />

We need to be more precise, however, in our description<br />

of walking meditation. There are actually all together six types<br />

of walking meditation. The first type, the simplest, involves<br />

focusing on the right or the left foot. You say to yourself,<br />

“Right,” as you lift the right foot and, “Left,” as you lift the left<br />

foot.<br />

The second type of walking meditation involves lifting and<br />

touching. In this case you have to say, “Standing,” to yourself<br />

three times as already described as you focus on your body.<br />

Then, paying attention to the right foot, say, “Lifting,” as you lift<br />

it and “Touching” as you touch it down. Then do the same with<br />

the left foot. And so continue lifting and touching with the right<br />

foot and lifting and touching with the left foot. And then when<br />

you reach the distance you want to walk, put your feet together<br />

and say, “Standing,” three times as you did before. Then say<br />

“Turning,” as you turn to your right. “Turning.” “Turning.”<br />

164


At all times try to pay attention. Be careful, be mindful, and be<br />

alert all the time.<br />

The next type of walking meditation has three parts: lifting,<br />

moving, and touching. You have to know every step when you<br />

lift your foot up, first your right foot, then your left foot. You say<br />

at every step, “Lifting,” “Moving,” and “Touching.” “Lifting,”<br />

“Moving,” and “Touching.” Step by step, try to observe every<br />

part. “Lifting,” “Moving,” and “Touching.” “Lifting,” “Moving,”<br />

and “Touching.” “Lifting,” “Moving,” and “Touching.” Then<br />

put your feet together when you reach the distance you intend<br />

to walk. Then again put your mind at the top of your head and<br />

see your entire body from the top of your head to your feet,<br />

saying in your mind, “Standing.” Now put your mind at the<br />

feet and see your body looking upward from your feet to your<br />

head, saying in your mind, “Standing.” Now put your mind at<br />

your head again, saying one more time, “Standing.” And then,<br />

“Intending to turn.” Then, “Turning,” “Turning,” “Turning.”<br />

Then, “Standing,” “Standing,” “Standing.”<br />

In the fourth type of walking meditation, the four parts are<br />

raising the heel, and lifting, moving, and touching the foot. You<br />

raise the heel, and you know you do this; you lift the foot, and you<br />

know you do this; you move the foot, and you know you do this;<br />

and you touch the foot down, and you know you do this. Starting<br />

with the right foot, you say, “Raising,” “Lifting,” “Moving,” and<br />

“Touching.” “Raising,” “Lifting,” “Moving,” and “Touching.”<br />

“Raising,” “Lifting,” “Moving,” and “Touching.” Then you stop<br />

and say, “Standing,” “Standing,” “Standing”; then “Intending to<br />

turn”; then, “Turning,” “Turning,” “Turning.”<br />

The fifth type, then, adds the lowering of the foot. So<br />

now we have raising the heel, lifting the foot, moving the foot,<br />

lowering the foot, and touching the foot. Raising the heel. then<br />

lifting, moving, lowering, and touching the right foot. Raising<br />

the heel, then lifting, moving, lowering, and touching the left<br />

165


foot. Raising the heel. Lifting, moving, lowering, and touching.<br />

Raising the heel. Lifting, moving, lowering, and touching.<br />

Raising the heel. Lifting, moving, lowering, and touching.<br />

Feet together and “Standing” three times. “Intending to turn.”<br />

“Turning,” “Turning,” “Turning.” Close your eyes. “Standing”<br />

three times. After that, “Intending to Walk.” And then walking<br />

again back and forth.<br />

The sixth type of walking meditation is very detailed.<br />

You try to focus your mind on and observe every movement<br />

of your foot. Raising the heel, and lifting, moving, lowering,<br />

touching, and pressing the foot. You add the pressing of the foot<br />

down. You should know completely your foot on the floor or<br />

on the ground. Raising the heel, then lifting, moving, lowering,<br />

touching, and pressing the right foot. And then shift to the other<br />

side. Raising the heel, then lifting, moving, lowering, touching,<br />

and pressing the left foot. Raising the heel. Lifting, moving,<br />

lowering, touching, and pressing. Raising the heel. Lifting,<br />

moving, lowering, touching, and pressing. Heel up, lifting,<br />

moving, lowering, touching, and pressing. You walk back and<br />

forth, back and forth.<br />

So those are the sixth types of walking meditation.<br />

Choose one suitable for yourself. You can use the third type<br />

because it is the natural way to walk. And lifting, moving, and<br />

touching is easy to remember if you are a beginner. But if you<br />

need greater control over your mind and greater attention to the<br />

details, use the sixth type to develop your mind, to develop your<br />

practice, through its six steps. So you can try to divide your<br />

time between sitting meditation for thirty minutes and walking<br />

meditation for thirty minutes, and then go back to your sitting if<br />

you can. The important thing is that you get started with your<br />

meditation practice, doing something that you are comfortable<br />

with.<br />

166


C. Lying Meditation<br />

We have looked at sitting and walking meditation. The<br />

third kind of meditation technique is lying meditation. When<br />

you go to bed, there is a technique to practice. When you<br />

have finished your walking back and forth, then walk slowly,<br />

mindfully, to your bed. Walk slowly, mindfully, because you<br />

have to continue mindfulness. You want to get some rest, but<br />

before you go to sleep, you take the time to practice the lying<br />

meditation technique. Lower yourself down, right knee, then<br />

left knee, and sit, slowly, mindfully. You have to pay attention<br />

to every bodily movement. So you lie down on your right side,<br />

lowering yourself mindfully, using your hands to support your<br />

body. Observe the movements of your entire body as you lie<br />

down. Use your right hand to support your head and let your left<br />

hand lie next to your body. And then when you feel tired, you<br />

can slowly, mindfully, put your head on the pillow. And then turn<br />

your body upwards. And it is very important to put your right<br />

hand and your left hand on your stomach. Take a deep breath<br />

and feel your abdomen rising and observe that. And breathe<br />

out, exhale, and feel your abdomen falling, and then observe<br />

that spot. This is like observing the rising and the falling of<br />

the abdomen in sitting meditation, but now you are lying down<br />

and getting ready to sleep. So close your eyes and observe just<br />

the rising and falling. Feel your hands go up and down, up and<br />

down as you are breathing in and out until you fall asleep. If you<br />

try too hard to hold your attention, you will not fall asleep. So<br />

in lying mediation there is no need to focus as much as you do<br />

in sitting meditation but just relax your mind and your body and<br />

observe your abdomen until you fall asleep. You can then sleep<br />

easily and peacefully.<br />

When you wake up, then, don’t get out of bed immediately.<br />

Open your eyes when you feel you want to get up and observe<br />

your entire body first. Then turn to your right side. Use your<br />

167


ight hand to support your head and let your left hand lie next<br />

to your body. Slowly, mindfully, get up by using your hands to<br />

support your body. And then sit. Know yourself at every step.<br />

Next move your body forward, put your hands in the front, lift<br />

your knees, and stand up. Every movement should be made<br />

mindfully. Then go to walking meditation and sitting meditation.<br />

So the basic meditation techniques are composed of<br />

four postures: sitting, standing, walking, and lying. If you<br />

can develop your meditation practice, you can get the peace<br />

of mind that the Buddha taught us 2,500 years ago. These<br />

techniques can help anybody, any time, without regard to<br />

race or nationality because everybody needs peace of mind<br />

and real happiness. Meditation can help persons today,<br />

especially since we live in a society with so many troubles and<br />

stresses. Meditation can reduce the stresses and help us relax. 2<br />

2 The meditation techniques described in Phrakrusiriattavidhes’s class concern<br />

concentration meditation, which can help to develop concentration (samādhi) as well<br />

as the tranquility (samatha) that can remove from the mind such toxins as stress and<br />

worry and anger. Concentration meditation prepares us for insight meditation, the<br />

other kind of meditation taught by the Buddha. Insight meditation can lead to insight<br />

(vipassanā) into the three characteristics of existence: the impermanent (anicca);<br />

suffering, or unsatisfactoriness (dukkha); and no-self, lack of a self (anattā). For a<br />

guide to insight meditation, consider Ajahn Sobin’s Wayfaring: A Manual for Insight<br />

Meditation (Kandy, Sri Lanka: Buddhist Publication Society, 1979). Ajahn Sobin,<br />

a renowned meditation master, was a Thai Theravāda Buddhist missionary monk in<br />

the United States from 1971 to 1980 and a lay teacher of meditation in the U.S. from<br />

1980 to 2000.<br />

168


ภาพกิจกรรมผลงานของ<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />

(ถนัด อตฺถจารี Ph.D.)<br />

169


กราบถวายรายงานการปฏิบัติศาสนกิจ แด่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์<br />

หัวหน้าคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร<br />

170<br />

สวดมนต์ถวายและกราบเยี่ยมอาการอาพาธ<br />

เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ<br />

ในนามสมัชชาสงไทยฯและสหภาพพระธรรมทูตไทยในยุโรป


พระเทพพุทธิวิเทศ ประธานฯ และพระวิเทศรัตนาภรณ์ เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ<br />

ถวายปัจจัยช่วยเหลือชาวเนปาลที่ประสบภัยธรรมชาติแผ่นดินไหว<br />

แด่เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช<br />

กราบถวายรายงานการปฏิบัติศาสนกิจ แด่ พระพรหมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม<br />

เจ้าอาวาสวัดยานนาวา และที่ปรึกษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา<br />

171


ถวายรายงานการปฏิบัติศาสนกิจ<br />

แด่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) วัดญาณเวศกวัน จ.นครปฐม<br />

172<br />

ถวายรายงานการปฏิบัติศาสนกิจ<br />

แด่เจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร


ประชุมร่วมคณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทย และคณาจารย์ มจร.<br />

เรื่อง โครงการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. (๒๕๓๘)<br />

173


คณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ถวายรายงานการปฏิบัติศาสนกิจ<br />

พระเดชพระคุณ พระพรหมสิทธิ กรรมการมหาเถรสมาคม<br />

ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ กรุงเทพฯ<br />

174<br />

รวมงานฉลองวันวิสาขบูชาวันสำคัญสากลของโลก ปี ๒๕๕๔<br />

ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ (UN) มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา


สวดมนต์เปิดงานฉลองวิสาขบูชาวันสำคัญสากลของโลก ปี ๒๕๕๕<br />

ณ สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ (UN) กรุงเทพมหานคร<br />

ออกรายการโทรทัศน์งานฉลองวิสาขบูชาวันสำคัญสากลของโลก ปี ๒๕๕๘<br />

ณ อาคารหอประชุม ม.ว.ก. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย<br />

175


อบรมเสริมทักษะความรู้พระธรรมทูต วิชาเลขานุการ<br />

ณ วัดพรหมคุณาราม รัฐอริโซนา<br />

176<br />

ประชุมสมัยสามัญครั้งที่ ๓๒/๒๕๕๑ พระวิเทศรัตนาภรณ์ได้รับเลือกตั้งเป็น<br />

เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ สมัยแรก (๒๕๕๑-๒๕๕๓)


ประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๓๔/๒๕๕๓<br />

ณ วัดวชิรธรรมปทีป มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ สมัยที่ ๒<br />

(๒๕๕๓-๒๕๕๕)<br />

การประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ ๓๕/๒๕๕๔<br />

ณ วัดพุทธออเรกอน เมืองเทอร์เนอร์ มลรัฐออเรกอน<br />

177


คณะกรรมการอำนวยการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ได้รับเลือกตั้ง ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๗<br />

ณ วัดไทยลอสแองเจลิส เมืองนอร์ธฮอลลีวู้ด รัฐแคลิฟอร์เนีย<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ สมัยที่ ๓<br />

(๒๕๕๕-๒๕๕๗)<br />

178


ประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยฯ สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๓๘/๒๕๕๗<br />

ณ วัดนวมินทรราชูทิศ เมืองเคมบริดจ์ - บอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมัยที่ ๔ (ปีที่ ๘)<br />

179


180<br />

ประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยฯ สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๓๗/๒๕๕๖<br />

ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. มลรัฐแมรี่แลนด์<br />

วันที่ ๖-๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖


ประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยฯ สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๓๙/๒๕๕๘<br />

ณ วัดไทยลอสแองเจลิส เมืองนอร์ธ ฮอลลีวู้ด รัฐแคลิฟอร์เนีย<br />

วันที่ ๑๐-๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๘<br />

181


การประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยฯ สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๔๐/๒๕๕๙<br />

ณ วัดสุทธาวาส เมืองริเวอร์ไซด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา<br />

วันที่ ๑๒-๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙<br />

คณะกรรมการอำนวยการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ (ชุดปัจจุบัน) ๒๕๕๙-๒๕๖๑<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมัยที่ ๕ เป็นปีที่ ๙<br />

182


ประชุมสัมมนาพระธรรมทูตโลก ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. ปี ๒๕๕๒<br />

งานทำบุญอายุวัฒนมงคลครบ ๘๔ ปี พระวิเทศธรรมรังษี (หลวงตาชี)<br />

ประชุมสัมมนาพระธรรมทูตไทยทั่วโลก<br />

ณ วัดไทยพุทธคยา อินเดีย ๒๖ ก.พ. - ๕ มี.ค. ๒๕๕๕<br />

183


พระวิเทศรัตนาภรณ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการควบคุมห้องสอบบาลีสนามหลวง<br />

คณะสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ณ วัดไทยลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย พ.ศ. ๒๕๕๘<br />

184


เป็นกรรมการคุมห้องสอบธรรมศึกษาตรี ณ วัดวชิธรรมปทีป มหานครนิวยอร์ก<br />

๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕<br />

185


พระวิเทศรัตนาภรณ์ ประธานอำนวยการวัดป่าธรรมรัตน์ (วัดแห่งแรก)<br />

เมืองพิทส์เบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย<br />

186<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ ประธานอำนวยการวัดป่าธรรมรัตน์ (วัดแห่งที่สอง)<br />

เมืองพิทส์เบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย


สอนวิปัสสนากรรมฐานที่วิทยาลัยหยวนกวง กรุงไทเป ไต้หวัน<br />

เยี่ยมมหาวิทยาลัยสงฆ์ เมืองโฮจิมินห์ ซิตี้ ประเทศเวียตนาม<br />

187


เยี่ยมพระธรรมทูตวัดพุทธบูชา เมืองลิล ประเทศฝรั่งเศส ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๕<br />

เยี่ยมพระธรรมทูตวัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พ.ศ.​ ๒๕๕๕<br />

188


ประชุมสมัยสามัญ ประจำปี ๒๕๕๙ องค์กรพระธรรมทูตไทยในสหราชอาณาจักร<br />

ณ วัดสันติวงศาราม เมืองเบอร์มิ่งแฮม ประเทศอังกฤษ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙<br />

ร่วมงานทำบุญอายุวัฒนมงคลครบ ๙๐ ปี พระราชภาวนาวิมล (พระเทพภาวนามงคล วิ.) ​<br />

ณ วัดพุทธปทีบ ลอนดอน ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๙<br />

189


รับพัดรองวัดดีเด่นใน<br />

ต่างประเทศ ปี พ.ศ. ๒๕๕๒<br />

ออกรายการธรรมะที่สถานีโทรทัศน์<br />

NAT TV. ที่นครลอสแองเจลิส<br />

มอบทุนการศึกษากองทุนธรรมรัตน์<br />

190<br />

ออกรายการโทรทัศน์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย<br />

งานวิสาขบูชานานาชาติ ครั้งที่ ๙ ฉลองพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี


พระวิเทศรัตนาภรณ์ ประธานการประชุมคณะกรรมการ IBC จัดงานวิสาขนานาชาติ<br />

ในเขตกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ปี พ.ศ. ๒๕๕๘<br />

191


พิธีเปิดองค์กรพุทธสมาคมนานาชาติแห่งสหรัฐอเมริกา (IBAA)<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ ได้รับเลือกเป็นประธานองค์กรสมัยแรก (๒๕ เมษายน ๒๕๕๙)<br />

192


พระวิเทศรัตนาภรณ์ ได้รับเลือกจากผู้แทนชาวพุทธนานาชาติแห่งกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

เข้าร่วมประชุมสัมมนาพุทธ-คริสต์ และเข้าพบพระสันตะปาปาฟรานซิส<br />

ณ นครวาติกัน ประเทศอิตาลี (๒๔ มิ.ย. ๒๕๕๘)<br />

193


194<br />

ร่วมประชุมสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป<br />

สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๙/๒๕๕๘ ณ วัดไทยนอร์เวย์ ประเทศนอร์เวย์


พระวิเทศรัตนาภรณ์ บรรยายธรรมแก่นักศึกษาชาวอเมริกันและถวายสังฆทาน<br />

195


196<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ บรรยายหลักพระพุทธศาสนาแก่นักศึกษาชาวอเมริกัน<br />

แนะนำการนั่งสมาธิเจริญจิตภาวนา ณ อุโบสถวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.


นักศึกษามหาวิทยาลัยยอร์จ วอชิงตัน (GWU) ฟังธรรมบรรยาย โดย พระวิเทศรัตนาภรณ์<br />

นักศึกษาจากไบเบิลคอลเลจแห่งกรุงวอชิงตัน มาศึกษาพระพุทธศาสนา<br />

ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

197


พระวิเทศรัตนาภรณ์ บรรยายหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาแก่ชมรมผู้สูงอายุชาวอเมริกัน<br />

198


ชาวอเมริกันทำบุญตักบาตร และช่วยงานทำวารสารแสงธรรมของวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

199


200<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ บรรยายธรรมและนำนั่งสมาธิแก่ชาวอเมริกัน<br />

ในงาน ASIAN FESTIVAL, Miami, FL


จัดปฏิบัติธรรมนานาชาติประจำเดือนๆ ละ ๒ ครั้ง ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

(Meditation Workshop)<br />

Meditation Workshop at Wat Thai Washington, D.C.<br />

201


202<br />

เดินจงกรมด้วยการเจริญสติต่อเนื่อง


พระวิเทศรัตนาภรณ์ บรรยายธรรมในโอกาสวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา<br />

บรรยายธรรมแก่ผู้ปฏิบัติธรรมประจำเดือนโครงการรักษาศีล ๕<br />

ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

203


ร่วมพิธีเปิดป้ายศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านศีล ๕ สมัชชาสงฆ์ไทยใน<br />

สหรัฐอเมริกา ณ วัดมงคลเทพมุนี เมืองเบลซาเล็ม รัฐเพนซิลวาเนีย (๘ พ.ค. ๒๕๕๙)<br />

204


พระวิเทศรัตนาภรณ์ เป็นผู้แทนชาวพุทธสวดมนต์เพื่อสันติภาพโลก<br />

หน้าตึกรัฐสภาสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. (มิ.ย. ๒๕๕๕)<br />

205


ร่วมงานกาลจักรบูชากับท่านทะไล ลามะ ณ กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

และมอบหนังสือ Walking on the Path of the Buddha แด่ท่านทะไล ลามะ<br />

(มิ.ย. ๒๕๕๖)<br />

206


บรรยายหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาแก่นักเรียนมัธยมชาวอเมริกัน<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ บรรยายธรรมะแก่พนักงานบริษัทการเงิน<br />

ที่ Rockville, Maryland<br />

207


พระวิเทศรัตนาภรณ์ บรรยายหลักพระพุทธศาสนาเบื้องต้น<br />

แก่นักเรียนประถมของอเมริกัน<br />

บรรยายเรื่อง พระพุทธศาสนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้<br />

คณะปรัชญาและศาสนา มหาวิทยาลัย ยอร์จ วอชิงตัน (GWU), กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

208


บรรยายแก่นักศักษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเพนสเตท (Penn State<br />

Univesity, PA) เรื่อง “บทบาทสตรีในพระพุทธศาสนา”<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ บรรยายหลักพระพุทธศาสนาและการเจริญสมาธิภาวนา<br />

ในโบสถ์ประจำมหาวิทยาลัยเพนสเตท (Penn State Univesity, PA)<br />

209


บรรยายพระพุทธศาสนาแก่ผู้นำเยาวชนนานาศาสนา<br />

สำนักงานใหญ่วอชิงตัน ไทม์ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.<br />

อนุศาสนาจารย์กองทัพบกสหรัฐฯ มาศึกษาพระพุทธศาสนาที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.<br />

210


คณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ร่วมประชุมสภาศาสนาโลก 2015 ซอลเลคซิตี้ รัฐยูทาห์ USA<br />

The Parliament of the World’s Religions, Salt Lake City, UT (15-19 Oct. 2015)<br />

211


มอบเงินบริจาคช่วยเหลือน้ำท่วมที่ประเทศไทยผ่านสถานทูตไทยในนามสมัชชาสงฆ์ไทยฯ<br />

มอบเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิที่สถานทูตญี่ปุ่นในนามสมัชชาสงฆ์ไทยฯ<br />

212


งานทำบุญฉลองครบ ๔๐ ปี แห่งการก่อตั้งสมัชชาสงฆ์ไทยฯ<br />

วันศุกร์ที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙ จัดปฏิบัติธรรมระดับนานาชาติ มหาสติปัฏฐานสูตร<br />

213


214<br />

การจัดปฏิบัติธรรมนานาชาติ ตามแนวมหาสติปัฏฐานสูตร


วันเสาร์ที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๙ การสัมมนาศาสนาสากล และผู้นำชาวพุทธนานาชาติ<br />

พระวิเทศรัตนาภรณ์ เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ กล่าวรายงาน และกล่าวต้อนรับ<br />

215


วันอาทิตย์ที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๙ พิธีทำบุญฉลองครบ ๔๐ ปี แห่งการก่อตั้งสมัชชาสงฆ์ไทยฯ<br />

พระสงฆ์ไทย และพระสงฆ์นานาชาติ และชาวอเมริกันเข้าร่วมพิธีเปิดการสัมมนา<br />

216


ผู้นำชาวพุทธและนานาศาสนานิกายต่างๆ ร่วมงานเฉลิมพระเกียรติพระบาท<br />

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี<br />

217


ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “เหลียวหน้าแลหลังสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ในรอบ ๔๐ ปี<br />

โดย พระพรหมบัณฑิต อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย<br />

State Senator of Massachusetts, ED Markey กล่าวสุนทรพจน์แสดงความชื่นชมยินดี<br />

218


นายพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูตไทย กล่าวสุนทรพจน์<br />

พระเดชพระคุณพระพรหมวชิรญาณมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ<br />

แก่บุคคล-องค์กร-สถาบันการศึกษา ผู้มีอุปการคุณ<br />

219


การสัมมนาการพัฒนาหลักสูตร โครงการสอนภาษาไทย และวัฒนธรรมไทย<br />

ในต่างประเทศ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย<br />

คณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ประชุมร่วมกับแม่ชีลินรัตน์ สุทธิธรรมวิชย์<br />

เรื่องจดทะเบียนมูลนิธิพระธรรมทูตสายต่างประเทศเพื่อรับการถวายที่ดิน<br />

จากสำนักพุทธสาวิกา อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี<br />

220


พิธีเปิดป้ายสำนักงานสมัชชาสงฆ์ไทยฯ อนุสรณ์ครบ ๔๐ ปี โดย พระพรหมวชิรญาณ<br />

พิธีเปิดป้าย “วิปัสสนานวมินทรราชวิทยาลัย”<br />

โดย พระพรหมวชิรญาณ ประธานอำนวยการสร้างวัดนวมินทรราชูทิศ<br />

221


บันทึกภาพประวัติศาสตร์แห่งองค์พระธรรมทูตไทยในสหรัฐอเมริกา ครบ ๔๐ ปี<br />

ณ วัดนวมินทรราชูทิศ เฉลิมพระเกียรติ นครเคมบริดจ์-บอสตัน (๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๙)<br />

222


ผลงานการประพันธ์หนังสือภาษาไทย-อังกฤษ และการเผยแผ่สิ่งพิมพ์<br />

223


224

Hooray! Your file is uploaded and ready to be published.

Saved successfully!

Ooh no, something went wrong!