ASA JOURNAL 13/2023
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
<strong>2023</strong><br />
MAY-JUN<br />
TIME OF<br />
TOGETHER-<br />
NESS<br />
The Association<br />
of Siamese Architects<br />
under Royal Patronage<br />
248/1 Soi Soonvijai 4 (Soi 17)<br />
Rama IX Rd., Bangkapi,<br />
Huaykwang, Bangkok 10310<br />
T : +66 2319 6555<br />
F : +66 2319 6419<br />
W : asa.or.th<br />
E : asaisaoffice@gmail.com<br />
Subscribe to <strong>ASA</strong> Journal<br />
T : +662 319 6555<br />
<strong>ASA</strong> <strong>JOURNAL</strong><br />
COMMITTEE<br />
2022-2024<br />
Advisor<br />
Chana Sumpalung<br />
Chairperson of Committee<br />
Kulthida Songkittipakdee<br />
Committee<br />
Asst. Prof. Saithiwa<br />
Ramasoot, Ph.D.<br />
Vorapoj Tachaumnueysuk<br />
Padirmkiat Sukkan<br />
Prachya Sukkaew<br />
Namtip Yamali, Ph.D.<br />
Jenchieh Hung<br />
Secretary<br />
Theerarat Kaeojaikla<br />
บทความหรือภาพที่ลงใน<br />
วารสารอาษาหรือสื่ อออนไลน์<br />
สมาคมฯ ขอสงวนลิขสิทธิ์ตาม<br />
กฎหมาย การนำาบทความ<br />
หรือภาพจากวารสารอาษา<br />
ไปตีพิมพ์ อ้างอิงหรือประโยชน์<br />
ใดในสิ่งพิมพ์หรือสื่ อออนไลน์<br />
อื่น ต้องได้รับอนุญาตจาก<br />
สมาคมฯ ผู้เป็ นเจ้าของลิขสิทธิ์<br />
ตามกฎหมายเท่านั้น<br />
Editor-in-Chief<br />
Mongkon Ponganutree<br />
Editor<br />
Supreeya Wungpatcharapon<br />
Managing Editor<br />
Kamolthip Kimaree<br />
Assistant Editor<br />
Pichapohn Singnimittrakul<br />
Contributors<br />
Bhumibhat Promboot<br />
Kullaphut Senevong<br />
Na Ayudhaya<br />
Poomipak Boonthanom<br />
Saithiwa Ramasoot<br />
Rangsima Arunthanavut<br />
Warut Duangkaewkart<br />
English Translators<br />
Tanakanya Changchaitum<br />
Pawit Wongnimmarn<br />
English Editors<br />
Daniel Cunningham<br />
Sheena Sophasawatsakul<br />
Graphic Design<br />
art4d WORKS<br />
Wasawat Dechapirom<br />
Jirawadee Kositbovornchai<br />
Photographer<br />
Ketsiree Wongwan<br />
Production Manager<br />
Areewan Suwanmanee<br />
Account Director<br />
Rungladda Chakputra<br />
Advertising Executives<br />
Napharat Petchnoi<br />
Chatchakwan Fagon<br />
Thanapong Lertpiyaboon<br />
Special Thanks<br />
ACA Architects<br />
<strong>ASA</strong> Expo<br />
Context Studio<br />
DOF SkyIGround<br />
Gensler<br />
Greenbox Design<br />
Hypothesis<br />
Latstudios<br />
Panoramic Studio<br />
PAVA Architects<br />
Phaithaya Banchakitikun<br />
WOHA<br />
Worapas Dusadeewijai<br />
Urban Redevelopment Authority<br />
(URA)<br />
Spaceshift Studio<br />
Print<br />
SUPERPIXEL<br />
Publisher<br />
The Association of<br />
Siamese Architects<br />
Under Royal Patronage<br />
Copyright <strong>2023</strong><br />
No responsibility can be<br />
accepted for unsolicited<br />
manuscripts or photographs.<br />
ISSN 0857-3050<br />
Contact<br />
asajournal@asa.or.th<br />
Photo Courtesy of The Association of Siamese<br />
Architects Under Royal Patrouge
04<br />
message from the president<br />
กิจกรรมหลากหลายในงาน งานสถาปนิก’66 ประสบความ<br />
สำาเร็จอย่างดีเยี่ยม เช่น Human Library เป็ นกิจกรรมที่ทำาให้<br />
ประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้ว่า สถาปนิกนั้นได้มีหลากหลายด้านที่<br />
เป็ นมากกว่าอาชีพนักออกแบบ จึงได้เชิญบุคคลในหลากหลาย<br />
อาชีพในด้านต่างๆเข้ามาพู ดคุย ให้ความรู้ ให้คำาแนะนำาหรือ<br />
แชร์ประสบการณ์ ในทุกๆเรื่องที่ผู้ฟั งอยากรู้ เสมือนเป็ นการ<br />
เปิ ดหนังสื ออ่านในห้องสมุด แต่เป็ นห้องสมุดมนุษย์ที่มีชีวิต<br />
เกิดการสร้างบรรยากาศบริเวณเวทีกลางให้คึกคักและ<br />
หนาแน่นไปด้วยผู้ฟั งที่สนใจเป็ นจำานวนมาก นับเป็ นกิจกรรม<br />
ที่ประสบความสำ าเร็จอย่างยิ่ง ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับ<br />
สายวิชาชีพออกแบบได้อย่างมากมาย การรวมตัว ตั้งคำาถาม<br />
เรียนรู้และต่อยอดพัฒนา ได้อธิบายหัวใจของธีมกับคำาว่า<br />
“Time of Togetherness” ได้ดีที่สุด<br />
สารจากนายกสมาคม<br />
หลังจากที่ประเทศไทยประกาศการผ่านพ้นโควิดอย่างเป็ น<br />
ทางการ ระยะห่างที่ทำาให้ทุกคนในวงการออกแบบไม่ได้พบปะ<br />
กันหลายปี ทางสมาคมฯจึงเกิดความคิดที่จะเชิญผู้คนจาก<br />
ทุกสาขาวิชาชีพสถาปั ตยกรรม เข้ามาร่วมจัดงานอย่างยิ ่งใหญ่<br />
และเพื่อเป็ นการเฉลิมฉลองการกลับมาอยู่ด้วยกัน (Time of<br />
Togetherness) ความร่วมมือที่เกิดขึ ้นครั้งนี้เป็ นครั้งสำาคัญ<br />
ที่แสดงให้ผู้คนได้เข้าใจการทำางานออกแบบครบกระบวนการ<br />
พลังของวิชาชีพ และ ความสนุกสนานไมตรีในฐานะของ<br />
เพื่อนพ้องแวดวงออกแบบ<br />
กิจกรรมสั มมนาวิชาการที่ตรงกับความอยากรู้ของผู้คน<br />
ในวงวิชาชีพ เรื่องยากๆที่ส่งผลต่อการดำารงชีวิตและการ<br />
ประกอบวิชาชีพ ที่ต้องรอคำาอธิบายจากปากผู้รู้ ก็มีคนเข้า<br />
ฟั งอย่างหนาแน่น กิจกรรมสถาปนิกอาษาโดยสถาปนิกและ<br />
วิศวกรก็ให้ประโยชน์ต่อคนทั่วไปที่มีปั ญหาเรื่องบ้าน กิจกรรม<br />
ด้านวิชาการที่ได้รับความร่วมมือจาก CDAST เช่น การ<br />
ประกวดวิทยานิพนธ์ดีเด่น และ กิจกรรม Workshop การ<br />
วาดภาพสีนำ้า นิทรรศการรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปั ตยกรรม<br />
ที่รวมอาคารที่เป็ นมรดกสถาปั ตยกรรมจากทั่วประเทศ รวม<br />
ทั้งสิ้น 11 อาคาร ทำาให้ประชาชนได้เข้าใจถึงคุณค่ามรดก<br />
และวัฒนธรรมสถาปั ตยกรรม ที่ควรค่าต่อการอนุรักษ์และ<br />
ศึกษาต่อไปในอนาคต และที่เป็ นที่กล่าวถึงมากที่สุดคือ<br />
กิจกรรมด้านวิชาชีพ นิทรรศการ All Member ที่รวบรวม<br />
ผลงานของสมาชิกทุกสาขาวิชาชีพสถาปั ตยกรรมอย่าง<br />
ยิ่งใหญ่ และมีมากถึง 240 Unit รวม 155 บริษัท นิทรรศการ<br />
ของ 3 สมาคมวิชาชีพ TIDA TALA TUDA นับเป็ นครั้งแรก<br />
ที่มีผู้คนสนใจเข้าร่วมแสดงมากที่สุดเป็ นประวัติการณ์<br />
จึงเป็ นที่มาของธีมงานในปี นี้ คือ “ตำ าถาด : Time of Togetherness”<br />
เพื่อฉลองการรวมตัวกันครั้งแรกขององค์กรวิชาชีพ<br />
ทั้ง 5 ประกอบด้วย สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชู-<br />
ปถัมภ์ (<strong>ASA</strong>) สมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย (TIDA)<br />
สมาคมภูมิสถาปนิกประเทศไทย(TALA) สมาคมสถาปนิก<br />
ผังเมืองไทย (TUDA) และสภาสถาปนิก (ACT) หัวข้อ ตำาถาด<br />
หากแปลความหมาย คือการเปรียบอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม<br />
อาหารของไทย ที่รวมเอาวัตถุดิบชั้นดีที่คัดสรรค์แล้วมารวมกัน<br />
ให้เห็นภาพว่าการรวมตัวกันของทุกวิชาชีพในงานนี้ คือวัตถุดิบ<br />
ทางความคิดชั้นยอดเป็ นพื้นที่รวมความรู้รอบด้านจากทุก<br />
สมาคมวิชาชีพ
TIME OF TOGETHERNESS<br />
05<br />
ข้อคิดและความเห็นที่ทางสมาคมต้องนำาไปพัฒนาต่อก็มี<br />
อยู่หลายส่วน เช่น เรื่องของภาพลักษณ์ของงาน ความเป็ น<br />
สถาปนิกไทยที่จะต้องก้าวไปในเวที โลก (Branding) การจัด<br />
สัมมนาต่างประเทศ ACT FORUM ซึ ่งปี นี้สมาคมร่วมมือกับ<br />
สภาสถาปนิกเป็ นครั้งแรก ความฝั นของเราที่จะเห็นการ<br />
บรรยายระดับนานาชาติจากทุกวงวิชาชีพคือจุดเริ่มต้น แต่<br />
อาจจะลืมว่าสิ ่งนั้นคือ “ท่ายาก” งานประชาสัมพันธ์เหลือเวลา<br />
สั้นไป และยังไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนที่ควรฟั งในแต่ละช่วง<br />
การสร้างความสนใจให้คนในวิชาชีพอื่นๆมางานอาษาดูจะ<br />
เป็ นเพียงเริ่มต้น ปี แรกจึงติดขัดพอสมควร หรือช่วงเวลา<br />
เช้าที่เป็ นอุปสรรคของคนฟั งตลอดมา รวมไปถึงวิธีการจัด<br />
ผังพื้นที่ห้องสัมมนา ที่ไม่สามารถปรับขนาดได้ ให้ยืดหยุ่นต่อ<br />
จำานวนคนในแต่ล่ะรอบ แต่ทีมงานก็คงไม่ท้อ และจะพัฒนา<br />
ต่อให้การสัมมนาเป็ นไปอย่างมีประสิทธิภาพ<br />
ในส่วนของผู้จัดงานหลัก TTF คงต้องแสดงความยินดีที่การ<br />
แสดงงานที่มีผู้สนใจเข้าร่วมปี นี้มีจำานวนมาก พื้นที่ถูกจับจอง<br />
เกือบ 95% ของพื้นที่แสดงงาน 60,000 ตารางเมตร และ<br />
มาจากหลายประเทศ การพัฒนาพื้นที่ของงานแสดงสินค้า<br />
หลังงานจบลง ทางสมาคมก็ได้มีการประชุมสรุปเพื่อการ<br />
พัฒนา ทางสมาคมได้ชี้ให้เห็นข้อดีมากๆ ข้อที่ต้องนำ าไปพัฒนา<br />
และข้อที่ติติงจากสมาชิก และอยากให้ทางผู้จัดนำาความเห็น<br />
ต่างๆไปปฏิบัติให้เกิดเป็ นรูปธรรม เช่น เมื่อเราทราบว่าด้วย<br />
ศั กยภาพของงานอาษา งานของเราจะเป็ นงานที่ International<br />
มากขึ ้ นเรื่อยๆ การรับมือและคัดสรร (Selected<br />
Materials) จากประเทศต่างๆที่เข้าร่วม เพื่อสร้างภาพลักษณ์<br />
ที่ดีของสิ นค้าที่มาจากมิตรประเทศเหล่านั้น คือสิ่ งสำ าคัญ<br />
การออกแบบ Thematic Pavilion เป็ นแลนด์มาร์คที่น่าสนใจ<br />
ที่สามารถนำาไปขยายผลให้เกิดความสำาเร็จได้ ในหลายพื้นที่ ถึง<br />
วันที่งานอาษาจะต้องขยับตัวจากเดิม ให้กลายเป็ นศูนย์กลาง<br />
ของการแสดงนวัตกรรมการออกแบบที่ ใหญ่ที่สุ ด และน่า<br />
ภาคภูมิใจที่สุดของเอเชีย<br />
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคณะกรรมการจัดงาน วิทยากรผู้เชี่ยวชาญ<br />
ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในและต่างประเทศ นักออกแบบ Influencer<br />
ทั้งในสายวิชาขีพและด้านอื่นๆ ที่ร่วมกันให้ความรู้และเป็ น<br />
ผู้บรรยายทุกหัวข้อ คณะทำางานและสมาชิกทุกท่าน รวมถึง<br />
หน่วยงานและองค์กรต่างๆ ที่ร่วมเป็ นพันธมิตรกิจกรรม และ<br />
ที่สำ าคัญ 4 สมาคมวิชาชีพที่ร่วมเป็ นผู้จัดงานหลัก สมาคม<br />
มัณฑนากรแห่งประเทศไทย (TIDA) สมาคมภูมิสถาปนิก<br />
ประเทศไทย (TALA) สมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย (TUDA)<br />
และสภาสถาปนิก (ACT) ที่ทำาให้เกิดงานอันยิ่งใหญ่และ<br />
ประสบความสำาเร็จ ขอกล่าวคำาว่าขอบคุณและซาบซึ ้งอีกครั้ง<br />
พบกันอีกครั้งในงานอาษา 2024<br />
รายนามคณะกรรมการ<br />
บริหาร สมาคมสถาปนิกสยาม<br />
ในพระบรมราชููปถัมภ์์<br />
ประจำป ี 2565-2567<br />
นายกสมาคม<br />
ชนะ สััมพลััง<br />
อุุปนายก<br />
นิเวศน์ วะสีีนนท์์<br />
จีีรเวช หงสักุุลั<br />
ไพท์ยา บััญชากิิตติกุุลั<br />
ชุตยาเวศ สิินธุุพันธุ์์<br />
ผศ.ดร.รัฐพงษ์์ อัังกุสัิทธิ์์<br />
รุงโรจน ์ อ่่วมแก้้ว<br />
เลขาธิิการ<br />
พิพัฒน์ รุจิิราโสัภณ<br />
นายทะเบียน<br />
คมสััน สักุุลัอัำานวยพงศา<br />
เหรัญญิก<br />
ไมเคิลัปริพลั ตังตรงจิิตร<br />
ปฏิิคม<br />
เฉลิิมพลั สัมบััติยานุชิต<br />
ประชูาสัมพันธ์์<br />
กุุลัธุิดา ท์รงกิิตติภักด ี<br />
กรรมการกลาง<br />
วสุุ โปษ์ยะนันทน ์<br />
ศ.ดร.ต้นข้้าว ปาณินท์์<br />
เฉลิิมพงษ์์ เนตรพฤษร ัตน์<br />
อด ุลย ์ แก้้วดี<br />
ณธุท์ัย จัันเสัน<br />
ธุนพงษ์์ วิชคำาหาญ<br />
ประธิานกรรมาธิิการ<br />
สัถาปนิกุลั้านนา<br />
ปรากุาร ชุณหพงษ์์<br />
ประธิานกรรมาธิิการ<br />
สัถาปนิกุอัีสัาน<br />
วีรพลั จีงเจร ิญใจี<br />
ประธิานกรรมาธิิการ<br />
สัถาปนิกุท์ักุษ์ิณ<br />
ดร.กุาญจน ์ เพียรเจร ิญ<br />
ประธิานกรรมาธิิการ<br />
สัถาปนิกุบัูรพา<br />
คมกุฤต พานนสถ ิตย์<br />
กรรมการทีปรึกษา<br />
การบริการ<br />
สม ิตร โอับัายะวาทย ์
06<br />
message from the president<br />
Thailand has officially proclaimed the passage of<br />
COVID-19, signaling the end of the years-long separation<br />
we have all endured in the design industry.<br />
The <strong>ASA</strong> Committee, therefore, devised the plan to<br />
invite individuals from all fields of architecture to<br />
the event and to commemorate the occasion in<br />
grand style. This partnership is indispensable. It<br />
shows how to comprehend the complete design<br />
procedure. The impact of one’s profession and the<br />
joy of design community friendships.<br />
This year’s theme is “Tam Tadd: Time of Togetherness”<br />
in recognition of the first meeting of five professional<br />
organizations: the Association of Siamese Architects<br />
under Royal Patronage (<strong>ASA</strong>), the Thai Interior<br />
Designers Association (TIDA), the Thai Association<br />
of Landscape Architects (TALA), the Thai Urban<br />
Designers Association (TUDA), and the Architect<br />
Council of Thailand (ACT). The theme’s name, Tam<br />
Tadd, parallels the culinary cultural identity of Thailand,<br />
which combines a variety of high-quality ingredients<br />
to create a delectable dish. This is meant to<br />
demonstrate that the gathering of all professions<br />
in this work is a fertile source of ideas and a space<br />
that incorporates the extensive knowledge of all<br />
professional organizations.<br />
Numerous activities at the event were a resounding<br />
success, including the Human Library, which taught<br />
the general public that architects and professional<br />
designers possess numerous distinguishing qualities.<br />
Therefore, we invited individuals from a variety of<br />
professions and fields to speak, impart knowledge,<br />
offer advice, or share their experiences on any topic<br />
the audience was interested in learning more about.<br />
It is comparable to reading a book in a library. It is<br />
a collection of existing individuals. The area encircling<br />
the main stage was intended to be lively and densely<br />
populated with attentive listeners. It was a highly<br />
successful event that inspired a large number of<br />
design professionals to convene, ask questions, learn,<br />
and develop.It may best convey the essence of “Time<br />
of Togetherness.”<br />
This year’s academic seminar topics that stimulate<br />
the interest of professionals are challenging, lifeand-career-altering<br />
issues that necessitate explanations<br />
from those with expertise. The event drew<br />
a sizable audience. <strong>ASA</strong> Architects also help individuals<br />
with housing issues through their work. Academic<br />
activities involving cooperation from CDAST,<br />
such as the Outstanding Thesis Competition, the<br />
Watercolor Painting Workshop, and the <strong>ASA</strong> Architectural<br />
Conservation Award <strong>2023</strong> Exhibition, which<br />
brings together 11 architectural heritage buildings<br />
from across the country, help individuals comprehend<br />
the significance of preserving and continuing to study<br />
heritage and architectural culture. The most talkedabout<br />
professional activity is the All Member Exhibition,<br />
which draws together the works of members<br />
from all architectural disciplines in a grand exhibition<br />
of up to 240 units, including 155 firms from the<br />
three professional associations, TIDA, TALA, and<br />
TUDA, which have gained interest in a comprehensive<br />
exhibition for the first time in history.<br />
The <strong>ASA</strong> must further develop quite a number of<br />
comments and feedback, such as the reputation of<br />
the event as an opportunity for Thai architects to<br />
gain international prominence in terms of branding.<br />
This year also marked themfirst time that the Association<br />
and the Architects Council of Thailand collaborated<br />
on the international seminar ACT FORUM.<br />
Our desire to host international lectures from all<br />
disciplines was the impetus behind this endeavor,<br />
but it is a tremendous challenge. Consequently, the<br />
time spent on public relations was relatively brief,<br />
and each session reached the intended audience<br />
only marginally. It appears that generating interest<br />
among other professionals who attend the <strong>ASA</strong> Expo<br />
is only the beginning. And as usual, it was a challenge<br />
for the audiences in the morning, including<br />
how to make the quite fixed area of the seminar<br />
room flexible enough to accommodate the number<br />
of attendees for each session. The team, however,<br />
would not be deterred. And we will continue to<br />
improve the effectiveness of the seminar.
TIME OF TOGETHERNESS<br />
07<br />
<strong>ASA</strong> COMMITTEE<br />
2022-2024<br />
President<br />
Chana Sumpalung<br />
Vice President<br />
Nives Vaseenon<br />
Jeravej Hongsakul<br />
Phaithaya Banchakitikun<br />
Chutayaves Sinthuphan<br />
Asst. Prof. Rattapong Angkasith, Ph.D.<br />
Rungroth Aumkaew<br />
Secretary General<br />
Pipat Rujirasopon<br />
Honorary Registrar<br />
Khomsan Sakulamnuaypongsa<br />
Honorary Treasurer<br />
Michael Paripol Tangtrongchit<br />
Additionally, the <strong>ASA</strong> Committee would like to<br />
congratulate our primary organizers, TTF, on this<br />
year’s exhibitor turnout. Nearly 95% of the 60,000-<br />
square-meter exhibition space is occupied by international<br />
attendees. The <strong>ASA</strong> conducted a meeting<br />
to discuss the incident’s aftermath. The association<br />
has identified numerous opportunities for enhancement<br />
and solicited member input; therefore, we<br />
would like the organizer to implement their recommendations.<br />
Considering the <strong>ASA</strong> Architects Expo’s<br />
potential to become more international, for instance,<br />
the selection of materials and products exhibited<br />
at the fair must be more systematic in order to generate<br />
a positive image of the products from the participating<br />
nations. The design of the Thematic Pavilion<br />
can be replicated to achieve success in a variety of<br />
fields. We realize that now is the time to reposition<br />
the <strong>ASA</strong> event in order to make it Asia’s largest and<br />
most esteemed exhibition of design innovation.<br />
Social Event Director<br />
Chalermpon Sombutyanuchit<br />
Public Relations Director<br />
Kulthida Songkittipakdee<br />
Executive Committee<br />
Vasu Poshyanandana<br />
Prof. Tonkao Panin, Ph.D.<br />
Chalermphong Netplusarat<br />
Adul Kaewdee<br />
Nathatai Jansen<br />
Tanapong Witkhamhan<br />
Chairman of<br />
Northern Region (Lanna)<br />
Prakan Chunhapong<br />
Chairman of<br />
Northeastern Region (Esan)<br />
Werapol Chongjaroenjai<br />
Chairman of<br />
Southern Region (Taksin)<br />
Dr.Karn Phaincharoen<br />
Chairman of<br />
Eastern Region (Burapa)<br />
Komkrit Panonsatit<br />
Advisory Committee<br />
Smith Obayawat<br />
Lastly, I would like to thank the organizing committee,<br />
speakers, experts, both domestic and international,<br />
influencer designers in both professional<br />
fields and other fields who share knowledge and are<br />
speakers on every topic, the working group and all<br />
members, including various agencies and organizations<br />
that are activity partners, and most importantly,<br />
the four professional associations that co-host<br />
the main event: the Thailand Interior Designers Association<br />
(TIDA), the Thailand Association of Landscape<br />
Architects (TALA), the Thai Urban Designers Association<br />
(TUDA), and the Architects Council of Thailand<br />
(ACT). Again, I wish to express my gratitude and<br />
appreciation.<br />
See you at the <strong>ASA</strong> in 2024!
08<br />
foreword<br />
ในงานออกแบบโครงการสถาปัตยกรรมนั้น พันธมิตรของสถาปนิกในการ<br />
ทำางานมีความหลากหลาย ในระหว่างการออกแบบ สถาปนิกอาจทำางาน<br />
ร่วมกับสถาปนิกผังเมืองและภูมิสถาปนิกในโครงการขนาดใหญ่ หรือ<br />
ทำางานร่วมกับมัณฑนากรในงานสถาปัตยกรรมภายใน ร่วมกับวิศวกร<br />
ผู้รับเหมาก่อสร้าง และผู้ค้าผลิตภัณฑ์งานก่อสร้าง ในระหว่างขั้นตอน<br />
การก่อสร้างจนสำาเร็จ ส่วนผสมที่กลมกล่อมของความคิดสร้างสรรค์และ<br />
ความเป็นมืออาชีพของนักออกแบบในแต่ละบทบาทคือปัจจัยสำาคัญที่<br />
ทำาให้ผลงานแต่ละโครงการประสบความสำาเร็จ ที่ผ่านมาอาจไม่มีการ<br />
ฉายภาพให้เห็นถึงการทำางานร่วมกันของพันธมิตรเหล่านี้มากนัก โดยเฉพาะ<br />
ในการแสดงผลงานสู่สาธารณะ จนกระทั่งในปีที่แล้วของการจัดนิทรรศการ<br />
อาษาประจำาปี 2565 “Co-Creation” ที่เริ่มนำาเสนอภาพการทำางานของ<br />
สถาปนิกร่วมกับนักออกแบบที่หลากหลาย และในปีนี้ที่นำามาสู่แนวคิด<br />
การนำาเสนอผลงานร่วมกันของพันธมิตรในสาขาวิชาชีพ โดยเป็นการอาสา<br />
จัดงานร่วมกันเป็นครั้งแรก<br />
วารสารอาษาฉบับนี้ จึงรวบรวมเนื้อหาสาระ ความรู้ และบรรยากาศจาก<br />
งานนิทรรศการอาษาประจำาปี 2566 ในธีมหลักของงานคือ “ตำาถาด:<br />
Time of Togetherness” ซึ่งเปรียบเสมือนอาหารจานเด็ดจากการผสมผสาน<br />
ของวัตถุดิบทางความคิดและการออกแบบที่คัดสรรจากผู้ร่วมจัดงานจาก<br />
ทั้ง 5 สมาคมวิชาชีพ คือ สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์<br />
(<strong>ASA</strong>) สมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย (TIDA) สมาคมภูมิสถาปนิก<br />
ประเทศไทย(TALA) สมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย (TUDA) และสภา<br />
สถาปนิก (ACT) โดยเนื้อหาภายในเล่มประกอบด้วย บทความนำาเสนอ<br />
Thematic Pavilion ผลงานรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมประจำาปี<br />
2566 บทสรุปจาก ACT Forum ที่ทางสมาคมฯร่วมจัดกับสภาสถาปนิก<br />
เป็นปีแรก ผลงานจากประกวดแบบ Experimental Design Competition:<br />
Not Only Human แนะนำาผลิตภัณฑ์น่าสนใจจาก <strong>ASA</strong> Platform Selected<br />
Materials และบทสัมภาษณ์คุณไพทยา บัญชากิติคุณ อุปนายกสมาคม<br />
ฝ่ายกิจการพิเศษ ซึ่งจากผลการจัดงานที่ผ่านมา นับว่าได้สะท้อนเวลาแห่ง<br />
การร่วมไม้ร่วมมือของแต่ละสมาคมวิชาชีพ ที่ได้ถ่ายทอดผลการทำางาน<br />
วิชาชีพออกแบบในหลายมิติต่อสาธารณะในวงกว้าง รวมไปถึงการเผยแพร่<br />
แนวคิด จินตนาการ และมุมมองที่แต่ละวิชาชีพต้องการจะสื่อสารต่อสังคม<br />
สำาหรับวารสารอาษาในปี 2566- 2567 นี้ ทีมบรรณาธิการยังคงนำาเสนอ<br />
สาระความรู้ และผลงานออกแบบสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจจากแวดวง<br />
วิชาชีพสถาปัตยกรรมของไทย ภายใต้แนวคิดเกี่ยวกับ ”Material Matters”<br />
โดยฉบับต่อไปในธีม “Wood is Good” ซึ่งนอกจากสมาชิกของสมาคมฯ<br />
สามารถลงทะเบียนขอรับวารสารฉบับพิมพ์เล่มแล้ว ยังสามารถติดตาม<br />
วารสารอาษาออนไลน์ผ่านช่องทาง Facebook และ Instagram ในชื่อ<br />
“<strong>ASA</strong> Platform” และ asajournal.asa.or.th รวมทั้งกิจกรรมออนไซต์ทั้ง<br />
ในรูปแบบการเสวนา หรือ <strong>ASA</strong> Sitetour เยี่ยมชมผลงานสถาปัตยกรรม<br />
ร่วมกับทีมสถาปนิกผู้ออกแบบ เพื่อเพิ่มอรรถรสของการอ่านมาเป็น<br />
ประสบการณ์จริงในพื้นที่อีกรูปแบบหนึ่ง<br />
In an architectural project, architects normally work with diverse<br />
parties and alliances. Architects may collaborate with urban planning<br />
architects and landscape architects on large projects or with interior<br />
decorators in interior architecture, in addition to engineers, building<br />
contractors, and material suppliers throughout the construction<br />
process. Each project’s success hinges on the designers’ harmonious<br />
blend of creativity and professionalism in their respective roles. There<br />
may have been few predictions of these alliances operating together<br />
in the past, notably in the public exhibition until last year’s 2022 <strong>ASA</strong><br />
exhibition Co-Creation,” which began to present the work of architects<br />
collaborating with various designers, and this year, we see that it led<br />
to the idea of raising the joint work of partners in the professional field<br />
by collaborating with the other major professional associations in<br />
the design and construction industry for the first time to organize<br />
the event jointly.<br />
This edition of <strong>ASA</strong> Expo features the main theme of the Architect<br />
Expo <strong>2023</strong> event, “Tam Taad: Time of Togetherness”, which is a<br />
delicious dish made from the combination of raw materials, ideas,<br />
and designs selected from co-organizers from all 5 professional<br />
associations, namely the Association of Siamese Architects Under<br />
Royal Patronage (<strong>ASA</strong>), the Thai Interior Designers Association<br />
(TIDA), the Thai Association of Landscape Architects (TALA), and<br />
the Architects Council of Thailand (ACT).<br />
This issue contains an article presenting the thematic pavilion<br />
designs, the award for the conservation of architectural art for the<br />
year <strong>2023</strong>, a summary from the ACT Forum that the association<br />
organized for the first time with the Architect Council of Thailand,<br />
The <strong>ASA</strong> Experimental Design Competition: Not Only Human, introducing<br />
new interesting products from the <strong>ASA</strong> Platform Selected<br />
Materials <strong>2023</strong>, and an interview with Phaithaya Banchakitikun, the<br />
Vice President of the <strong>ASA</strong>. The results of this year’s event reflect<br />
the cooperative efforts of each professional association, which has<br />
communicated to the general public the results of its professional<br />
design work in many dimensions, including the dissemination of<br />
ideas, imaginations, and perspectives that each profession seeks to<br />
communicate to society.<br />
The editorial team will continue presenting knowledge and fascinating<br />
architectural designs from the Thai architectural profession for<br />
<strong>2023</strong>–2024 under the concept “Material Matters” with the upcoming<br />
issue titled “Wood is Good.” In addition to registering to receive the<br />
printed edition of the <strong>ASA</strong> Journal, members of the <strong>ASA</strong> can also<br />
follow the online journal <strong>ASA</strong> on Facebook and Instagram via “<strong>ASA</strong><br />
Platform” and asajournal.asa.or.th. There are also on-site activities<br />
in the form of a forum, or <strong>ASA</strong> Sitetour, which consists of visiting<br />
architectural works with a team of architects, to transform the<br />
enjoyment of reading into a real-world experience.
09
<strong>2023</strong><br />
MAY-JUN<br />
TIME OF<br />
TOGETHER-<br />
NESS<br />
review<br />
EMPOWER<br />
STEEL X ACA<br />
Architects<br />
ACA Architects designed a<br />
thematic pavilion for Empower<br />
Steel, incorporating natural<br />
patterns and colors to create<br />
a harmonious image with<br />
nature.<br />
48<br />
review<br />
TKS & TPP<br />
X CONTEXT<br />
STUDIO<br />
Context Studio and Thaikoon<br />
Steel Group have collaborated<br />
to reintroduce steel as a<br />
valuable material in industrial<br />
and structural applications,<br />
influenced by various contexts.<br />
54<br />
Photo: Context Studio<br />
around<br />
<strong>ASA</strong><br />
Conservation<br />
Award <strong>2023</strong><br />
<strong>13</strong><br />
theme<br />
Time of<br />
Togetherness<br />
This year’s Architect Expo is<br />
a collaboration among five<br />
professional associations and<br />
showcases a diverse approach<br />
to architecture, fostering collaboration<br />
and mutual benefits<br />
among professionals.<br />
38<br />
Photo: DOF SKY | GROUND<br />
Photo: HYPOTHESIS<br />
review<br />
TOA &VG X<br />
HYPOTHESIS<br />
Hypothesis created a pavilion<br />
for TOA and VG to establish a<br />
shared foundation, generating<br />
consensus among stakeholders<br />
while preserving their unique<br />
characteristics.<br />
62
eview<br />
WoodDen X<br />
PAVA architects<br />
The Teak Pavilion, designed<br />
by PAVA architects, is a showcase<br />
of creative environment<br />
promoting contemplation and<br />
inquiry into the ecological cycle<br />
of teak.<br />
68<br />
<strong>ASA</strong> International<br />
Design<br />
Competition<br />
<strong>2023</strong>: Not Only<br />
Human<br />
This year’s <strong>ASA</strong> Experimental<br />
Design Competition encourages<br />
incorporating all living things<br />
into manmade environments,<br />
addressing the complexities of<br />
ecosystems.<br />
95<br />
Photo Courtesy of Parin Nawachartkosit<br />
Chanya Leosinkul<br />
Photo: Panoramic Studio<br />
Photo: Spaceshift Studio<br />
professional / studio<br />
Greenbox<br />
Design<br />
<strong>13</strong>6<br />
Forum<br />
ACT<br />
International<br />
Forum <strong>2023</strong><br />
The ACT International Forum<br />
<strong>2023</strong> is a collaboration between<br />
various professional domains,<br />
showcasing diverse perspectives<br />
and methodologies in<br />
architecture.<br />
77<br />
<strong>ASA</strong> Platform<br />
Selected<br />
Materials <strong>2023</strong><br />
The event showcases diverse<br />
architectural materials and<br />
products, focusing on innovation,<br />
sustainability, resource<br />
consumption, and smart living<br />
applications.<br />
120<br />
Photo: Worapas Dusadeewijai<br />
chat<br />
Phaithaya<br />
Banchakitikun<br />
The <strong>ASA</strong> Journal interviewed<br />
Phaithaya Banchakitikun, <strong>ASA</strong><br />
Vice President, Special Activities,<br />
about the designated mission<br />
and the success of the <strong>ASA</strong><br />
WoW event in 2022, where he<br />
served as event director.<br />
140<br />
the last page<br />
144<br />
Photo Courtesy of The Association of Siamese Architects<br />
Under Royal Patrouge
12
<strong>ASA</strong> Conservation Award <strong>2023</strong><br />
<strong>13</strong><br />
<strong>ASA</strong> Conservation<br />
Award <strong>2023</strong><br />
The Association of Siamese<br />
Architects under the Royal Patronage<br />
สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดให้มีการพิจารณา<br />
มอบรางวัลอนุรักษ์ ศิลปสถาปัตยกรรม โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเผยแพร่<br />
ข้อมูลอาคารอันทรงคุณค่าให้เป็นที่รู้จัก เสริมสร้างกําลังใจให้กับผู้ครอบ<br />
ครองที่ได้ดูแลรักษาไว้ หรือให้มาช่วยกันรักษาอาคารที่มีคุณค่าให้คงอยู่<br />
เป็นมรดกสถาปัตยกรรมของชาติต่อไปโดยเสนอให้เข้ารับพระราชทาน<br />
รางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ<br />
สยามบรมราชกุมารีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2525 ต่อเนื่องมาจนถึงในปัจจุบัน<br />
ทั้งนี้นับตั้งแต่ พ.ศ. 2563 ทางสมาคมฯ ได้ “มองเก่า ให้ใหม่” ด้วย<br />
การปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมรางวัลเป็นกําลังใจสําหรับสถาปนิกผู้ออกแบบ<br />
อนุรักษ์อาคารที่ได้รับรางวัลอนุรักษ์ด้วย พร้อมทั้งยังได้แบ่งรางวัลสําหรับ<br />
การอนุรักษ์อาคารเป็นระดับตามคุณภาพ ของการดําเนินการเป็น 4 ระดับ<br />
ได้แก่ ระดับดีเยี่ยม ระดับดีมาก ระดับดี และระดับสมควรได้รับการ<br />
เผยแพร่นอกจากนี้ยังเพิ่มรางวัลสําหรับงานออกแบบใหม่ในพื้นที่ของ<br />
อาคารอนุรักษ์ที่ส่งเสริมการรักษาคุณค่าของมรดกสถาปัตยกรรมไว้<br />
ตามกระแสแนวความคิดของการอนุรักษ์เพื่อประโยชน์ในปัจจุบันอย่าง<br />
ยั่งยืนจึงกําหนดให้มีการแบ่งประเภทของรางวัลออกเป็น<br />
ประเภท ก.<br />
งานอนุรักษ์มรดกทางสถาปัตยกรรมและชุมชน<br />
ประเภท ข.<br />
งานออกแบบใหม่ในบริบทการอนุรักษ์<br />
ประเภท ค.<br />
บุคคลหรือองค์กร อนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น<br />
การพิจารณาอาคารและบุคคลที่สมควรจะได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลป<br />
สถาปัตยกรรมจะตัดสินจากแนวความคิดกระบวนการอนุรักษ์ที่เป็นไป<br />
ตามหลักการและขั้นตอนที่ถูกต้อง เหมาะสม และมีผลดีจากการอนุรักษ์<br />
นั้น ต่อเศรษฐกิจและสังคม การเป็นแบบอย่างอันดีที่ช่วยส่งเสริมให้<br />
คุณค่าของงานสถาปัตยกรรม รวมทั้งสภาพแวดล้อมยังคงอยู่เพื่อส่งมอบ<br />
ให้กับคนในรุ่นต่อไป โดยการประกาศผลอยู่ในความรับผิดชอบของ<br />
คณะกรรมาธิการอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมของสมาคมฯ ที่ผลัดเปลี่ยน<br />
กันมาทําหน้าที่ตามวาระ<br />
The Association of Siamese Architects under Royal Patronage<br />
has granted the <strong>ASA</strong> Conservation Award, aiming to disseminate<br />
information on valuable architectural heritage, promote<br />
public participation in conservation, and, most importantly,<br />
encourage and express appreciation to the owners of heritage<br />
places for their effort and success. The prestige and<br />
honor of the award are so highly recognized that, since 1982<br />
to the present, HRH Princess Maha Chakri Sirindhorn has<br />
graciously presided over the award-giving ceremony each<br />
year. From 2020 onward, <strong>ASA</strong> has “Refocused Heritage” by<br />
including the award for architects who made conservation<br />
design for the awarded buildings and ranking the architectural<br />
conservation award in 4 levels: Excellence, Distinction,<br />
Merit, and honorable Mention. Furthermore, the award for<br />
New Design in Conservation Context has been added. In<br />
conclusion, to promote sustainable conservation concepts,<br />
the <strong>ASA</strong> Conservation Award is categorized into three<br />
types:<br />
TypeA:<br />
Conservation of Architectural Heritage and Community<br />
Type B:<br />
New Design in Conservation Context<br />
Type C:<br />
Outstanding Person and Organization in Architectural<br />
Conservation<br />
Criteria for the Architectural Conservation Award comprise<br />
concept; a conservation process that was carried out based<br />
on correct and appropriate principles and procedures; the<br />
result of conservation being beneficial to the economy and<br />
society; and being good examples that enhance the values<br />
of architecture and the environment to be conserved and<br />
maintained for future generations. The award announcement<br />
is made by the Architectural Conservation Committee of the<br />
Association of Siamese Architects under Royal Patronage.
14<br />
<strong>ASA</strong> Architectural Conservation Award <strong>2023</strong><br />
รายชื่อรางวัลอนุรักษ์ศิลป<br />
สถาปั ตยกรรม ประจำาปี 2565<br />
สมาคมสถาปนิกสยาม<br />
ในพระบรมราชูปถัมภ์<br />
ประเภท ก. งานอนุรักษ์มรดกทางสถาปั ตยกรรม<br />
และชุมชน<br />
ระดับดีเยี่ยม<br />
ไม่มีผู้สมควรได้รับรางวัล<br />
ระดับดีมาก<br />
1. ตึกสุวรรณวาจกกสิกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์<br />
กรุงเทพมหานคร<br />
2. โครงการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่ชุมชนเลื่อนฤทธิ ์<br />
กรุงเทพมหานคร<br />
ระดับดี<br />
1. วิหารโคมคํา วัดพระธาตุเสด็จ<br />
จังหวัดลําปาง<br />
2. กุฏิหลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน<br />
จังหวัดชุมพร<br />
3. พิพิธภัณฑ์ท้องถิ ่น “ชุมทางประวัติศาสตร์ทุ่งสง”<br />
จังหวัดนครศรีธรรมราช<br />
4. มัสยิดบ้านควนลังงา<br />
จังหวัดปัตตานี<br />
ระดับสมควรได้รับการเผยแพร่<br />
1. พิพิธภัณฑ์บ้านป่ องนัก<br />
จังหวัดลําปาง<br />
2. อาคารสํานักงานคณะกรรมการสงฆ์จังหวัดสุโขทัย<br />
วัดสว่างอารมณ์วรวิหาร<br />
จังหวัดสุโขทัย<br />
3. ยงคัง ท่าวัง<br />
จังหวัดนครศรีธรรมราช<br />
ประเภท ข. งานออกแบบใหม่ในบริบทการอนุรักษ์<br />
1. คาเฟ่ อเมซอน สาขาย่านเมืองเก่าสงขลา<br />
จังหวัดสงขลา<br />
ประเภท ค. บุคคลหรือองค์กร อนุรักษ์ศิลป<br />
สถาปั ตยกรรม<br />
1. อนุรักษ์ศิลปสถาปั ตยกรรม ศูนย์อนุรักษ์เรือน<br />
โบราณ โดย นายรุ่งโรจน์ เปี ่ ยมยศศักดิ์<br />
จังหวัดเชียงใหม่<br />
List of Award<br />
<strong>ASA</strong> Conservation Award 2022<br />
The Association of Siamese<br />
Architects under the Royal<br />
Patronage<br />
Type A. Conservation of Architectural<br />
Heritage and Community<br />
Award of Excellence<br />
No Award given<br />
Award of Distinction<br />
1. Suwanwajoksikit Building<br />
Bangkok<br />
2. Conservation Project and Revitalize<br />
The Luanrit Community Area<br />
Bangkok<br />
Award of Merit<br />
1. Wihan Khome Kham<br />
Lampang Province<br />
2. Luang Pho Thong’s cell<br />
Chumphon Province<br />
3. The Thung Song Historical Museum<br />
Nakhon si Thammarat Province<br />
4. Ban Khuan Lang-nga Mosque<br />
Pattani Province<br />
Honorable Mention<br />
1. Ban Pong Nak Museum<br />
Lampang Province<br />
2. Sukhothai Provincial Office of Buddhist<br />
Monks Building<br />
Sukhothai Province<br />
3. Yongkang Thawang<br />
Nakhon si Thammarat Province<br />
Type B. New Design in conservation<br />
context Type<br />
1. Cafe’ Amazon Songkhla Old Town<br />
Songkhla Province<br />
Type C. Outstanding Person or organization<br />
in architectural conservation<br />
1. Mr. Roongroj Paimyossak<br />
Chiang Mai Province
15<br />
Type A. Conservation of Architectural Heritage and Community<br />
Award of Distinction<br />
Award of Merit<br />
Type C. Outstanding Person or organization in architectural conservation<br />
Type B. New Design in conservation context Type<br />
Honorable Mention<br />
Suwanwajoksikit Building<br />
Wihan Khome Kham<br />
Ban Pong Nak<br />
Museum<br />
Mr. Roongroj<br />
Paimyossak<br />
Sukhothai Provincial Office<br />
of Buddhist Monks Building<br />
Yongkang Thawang<br />
Cafe’ Amazon Songkhla<br />
Old Town<br />
Luang Pho<br />
Thong’s cell<br />
The Thung Song<br />
Historical Museum<br />
Ban Khuan Lang-nga<br />
Mosque<br />
Conservation Project and Revitalize<br />
The Luanrit Community Area<br />
List of Award<br />
ตึ<br />
กส<br />
ุ<br />
วรรณวาจกกส<br />
ิ<br />
ก<br />
ิ<br />
จ<br />
ตึ<br />
กส<br />
ุ<br />
วรรณวาจกกส<br />
ิ<br />
ก<br />
ิ<br />
จ เป็ นหนึ<br />
่ งในกล<br />
ุ<br />
่ มอาคารเร<br />
ี ยนรวมของนิ ส<br />
ิ ตในช<br />
่ วงยุ คเร<br />
ิ<br />
่ ม ก่ อ ตั<br />
้ ง<br />
มหาว<br />
ิ ทยาล<br />
ั ยเกษตรศาสตร<br />
์ ถ<br />
ื อเป<br />
็ นอาคารเร<br />
ี ยนท<br />
ี่ มี ขนาดใหญ่ ท<br />
ี่ ส<br />
ุ ดในเวลานั<br />
้ น ต่ อมามี<br />
การเปล<br />
ี่ ยนแปลงการใช<br />
้ งานอยู่ หลายคร<br />
ั<br />
้ งจนหยุ ดการใช<br />
้ งานในพุ ทธศั กราช 2556<br />
เนื่ องจากอาคารมี สภาพความเสี ยหายและทร<br />
ุ ดโทรมจากการใช<br />
้ งานและขาดการดู แลร<br />
ั กษา<br />
หล<br />
ั งจากนั้ นในพุ ทธศั กราช 2558 คณะว<br />
ิ ทยาศาสตร<br />
์ ได้<br />
จ<br />
ั<br />
ดท<br />
ํ าแผนการอนุ<br />
ร<br />
ั กษ์<br />
ตึ กส<br />
ุ วรรณวาจกกส<br />
ิ ก<br />
ิ จร<br />
่ วมก<br />
ั บการก<br />
่ อสร<br />
้ างอาคารปฏิ บ<br />
ั ติ การรวมคณะว<br />
ิ ทยาศาสตร<br />
์<br />
มี จ<br />
ุ ดมุ่ งหมายเพื่ อร<br />
ั กษาคุ ณค่ าอาคารเก่ าและเช<br />
ื่ อมโยงกั บการใช<br />
้ งานและบร<br />
ิ บทใหม่ ของ<br />
พื้ นท<br />
ี่ คณะว<br />
ิ ทยาศาสตร<br />
์ ส<br />
ํ าหร<br />
ั บกระบวนการอนุ ร<br />
ั กษ์ ใช<br />
้ ว<br />
ิ ธ<br />
ี ถอดร<br />
ื<br />
้ อและประกอบใหม่<br />
(Reconstruction) ซ<br />
ึ<br />
่ งเป<br />
็ นกระบวนการท<br />
ี่ยั งคงร<br />
ั กษาร<br />
ู ปแบบทางสถาป<br />
ั ตยกรรมเดิ มไว<br />
้<br />
โดยร<br />
ั กษาหล<br />
ั กการและว<br />
ิ ธ<br />
ี การก<br />
่ อสร<br />
้ างท<br />
ี่ ส<br />
ั มพั นธ<br />
์ ก<br />
ั บการก<br />
่ อสร<br />
้ างตามร<br />
ู ปแบบดั<br />
้ งเดิ ม<br />
แต่ สามารถเปล<br />
ี<br />
่ ยนแปลงและเสร<br />
ิ มว<br />
ั สดุ บางส<br />
่ วนให้ อาคารมี ความแข<br />
็ งแรงเหมาะสมก<br />
ั บ<br />
การใช<br />
้ งานในปั จจ<br />
ุ บั น ได้ มี การร<br />
ื้ อฟื<br />
้<br />
นพื้ นที่ ช<br />
ั<br />
้ นล<br />
่ างให้ กล<br />
ั บมามี ล<br />
ั กษณะเปิ ดโล<br />
่ งเหมื อนใต้ ถุ น<br />
ตึ กเมื่ อสมั ยแรกสร<br />
้ างและปร<br />
ั บใช<br />
้ เป<br />
็ นร<br />
้ านกาแฟ ส<br />
่ วนพื้ นท<br />
ี่ ช<br />
ั<br />
้ นบนใช<br />
้ เป<br />
็ นหอประว<br />
ั ติ ของ<br />
คณะว<br />
ิ ทยาศาสตร<br />
์ (Inspiration Center Faculty of Science KU)<br />
ที ่<br />
ตั<br />
้<br />
ง มหาว<br />
ิ ทยาล<br />
ั ยเกษตรศาสตร<br />
์ แขวงลาดยาว เขตจตุ จ<br />
ั กร กร<br />
ุ งเทพมหานคร<br />
สถาปนิ ก | ผู้ ออกแบบ ผู้ ช<br />
่ วยศาสตราจารย์ ทองพั นธ<br />
์ พู<br />
นส<br />
ุ วรรณ<br />
สถาปนิ กอนุ ร<br />
ั กษ์ ผู้ ช<br />
่ วยศาสตราจารย์ ฐ<br />
ิ ติ ว<br />
ุ ฒิ ช<br />
ั ยสว<br />
ั สดิ์ อาร<br />
ี<br />
ผู้<br />
ครอบครอง มหาว<br />
ิ ทยาล<br />
ั ยเกษตรศาสตร<br />
์ ภายใต้ การดู แลของคณะว<br />
ิ ทยาศาสตร<br />
์<br />
ปี<br />
ท<br />
ี่สร<br />
้ าง พุ ทธศั กราช 2506<br />
ตึ<br />
กส<br />
ุ<br />
วรรณวาจกกส<br />
ิ<br />
ก<br />
ิ<br />
จ เป<br />
็ นอาคารสองช<br />
ั้นใต้ ถุ นเป<br />
ิ ดโล<br />
่ ง ช<br />
ั้ นบนเป<br />
็ นห้ องโถงขนาดใหญ่<br />
สามารถจ<br />
ุ คนได้ ประมาณ 300 คน มี บั นไดทางข<br />
ึ้ นสองด้ านเช<br />
ื่ อมกั บระเบี ยงทางเดิ นบร<br />
ิ เวณ<br />
ด้ านท<br />
ิ<br />
ศตะว<br />
ั นออก การวางตํ าแหน่ งอาคารเป็ นล<br />
ั<br />
กษณะการวางขวางตะว<br />
ั นเพื่ อให้<br />
อาคารขนานก<br />
ั บถนนส<br />
ุ วรรณวาจกกส<br />
ิ ก<br />
ิ จซ<br />
ึ<br />
่ งเป<br />
็ นถนนท<br />
ี่ แบ่ งพื้ นท<br />
ี่ ระหว<br />
่ างมหาว<br />
ิ ทยาล<br />
ั ย<br />
เกษตรศาสตร<br />
์ ก<br />
ั บพื้ นท<br />
ี่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (เดิ ม) ท<br />
ํ าให้ เห็ นการออกแบบท<br />
ี<br />
่ มี<br />
องค์ ประกอบของแผงกั นแดดทางด้ านทิ ศตะว<br />
ั นตกและการยื่ นชายคาหล<br />
ั งคาเพื่ อป้ องกั น<br />
แดดยาวประมาณ 2 เมตร ส<br />
่ วนทางด้ านท<br />
ิ ศตะว<br />
ั นออกจะเป<br />
็ นระเบ<br />
ี ยงทางเดิ นเพื่ อไม่ ให้<br />
ผนั งภายในห้ องร<br />
ั บแดดโดยตรง ห้ องบรรยายช<br />
ั<br />
้ นบนเป<br />
็ นพื้ นท<br />
ี่ เป<br />
ิ ดโล<br />
่ งขนาดใหญ่<br />
มี โครงสร<br />
้ างหล<br />
ั งคาเป<br />
็ นโครงถ<br />
ั กไม้ (Wooden Truss) พาดตลอดความกว<br />
้ างของห้ อง<br />
เพื่ อไม่ ให้ มี เสาบร<br />
ิ เวณกลางห้ อง มี การเจาะช<br />
่ องแสงจากด้ านบนหล<br />
ั งคา (Skylight)<br />
ผนั งด้ านทิ ศตะว<br />
ั นตกและตะว<br />
ั นออกใช<br />
้ หน้ าต่ างช<br />
่ องบานเปิ ดคู่ ตลอดความยาวของอาคาร<br />
พื้ นที่ เหนื อหน้ าต่ างเป็ นช<br />
่ องระบายอากาศกร<br />
ุ ด้ วยตาข<br />
่ ายเหล<br />
็ กสาน ร<br />
ู ปทรงหล<br />
ั งคาเป็ นจ<br />
ั<br />
่ ว<br />
ความช<br />
ั น 15 องศา ม<br />
ุ งด้ วยกระเบ<br />
ื้องซ<br />
ี เมนต์ ใยหิ น แผงบ<br />
ั งแดดท<br />
ํ าด้ วยโครงไม้ เนื้ อแข<br />
็ ง<br />
กร<br />
ุ แผ่ นกระเบื้ องใยหิ นเพื่ อช<br />
่ วยบั งแดดให้ กั บทางเดิ นทางด้ านทิ ศตะว<br />
ั นออกและผนั งช<br />
่ อง<br />
เปิ ดทางทิ ศตะว<br />
ั นตกได้ ดี ด้ านทิ ศเหนื อและทิ ศใต้ ของอาคารออกแบบเป็ นผนั งไม้ ส<br />
ั กตี ทั บ<br />
แนวทางตั้ งส<br />
ํ าหร<br />
ั บใช<br />
้ บ<br />
ั งแดดซ<br />
ึ<br />
่ งเป<br />
็ นเอกล<br />
ั กษณ์ ท<br />
ี่ส<br />
ํ าคั ญของอาคารหล<br />
ั งนี้<br />
ตึ<br />
กส<br />
ุ<br />
วรรณวาจกกส<br />
ิ<br />
ก<br />
ิ<br />
จ เป<br />
็ นตั วแทนของล<br />
ั กษณะร<br />
ู ปแบบอาคารเร<br />
ี ยนในสมั ยแรกของ<br />
มหาว<br />
ิ ทยาล<br />
ั ยเกษตรศาสตร<br />
์ ที่ แสดงให้ เห็ นถึ งว<br />
ิ ธ<br />
ี การออกแบบที่ เข<br />
้ ากั บสภาพแวดล<br />
้ อมใน<br />
เขตร<br />
้ อนช<br />
ื้ นที่ ใช<br />
้ การระบายอากาศโดยว<br />
ิ ธ<br />
ี ธรรมชาติ (Passive Design) และความพยายาม<br />
ของสถาปนิ กท<br />
ี่ จะออกแบบอาคารท<br />
ี่ ประหยั ดโครงสร<br />
้ างและให้ เก<br />
ิ ดประโยชน์ ส<br />
ู งส<br />
ุ ดใน<br />
การใช<br />
้ งาน ผลของการอนุ ร<br />
ั กษ์ ตามหล<br />
ั กว<br />
ิ ชาการท<br />
ํ าให้ ตึ กส<br />
ุ วรรณวาจกกส<br />
ิ ก<br />
ิ จสามารถ<br />
ร<br />
ั กษาคุ ณค่ าทางประว<br />
ั ติ ศาสตร<br />
์ และสถาปั ตยกรรมความส<br />
ํ าคั ญเอาไว<br />
้ ได้ และกลายมาเป็ น<br />
แหล<br />
่ งเร<br />
ี ยนร<br />
ู้ ให้ ก<br />
ั บนิ ส<br />
ิ ตเหมื อนเช<br />
่ นในอดี ตท<br />
ี่ผ่ านมา<br />
ว<br />
ิ หารโคมคํ<br />
า ว<br />
ั ดพระธาตุ เสด็ จ<br />
ว<br />
ิ หารโคมคํ<br />
า ตั้ งอยู่ ทางด้ านท<br />
ิ ศใต้ ของพระธาตุ เสด็ จและ<br />
ว<br />
ิ หารหลวง ภายในพื้ นท<br />
ี่ว<br />
ั ดพระธาตุ เสด็ จซ<br />
ึ<br />
่ งเป<br />
็ นว<br />
ั ดเก<br />
่ าแก<br />
่<br />
และมี ความส<br />
ํ าคั ญว<br />
ั ดหนึ<br />
่<br />
งของจ<br />
ั งหว<br />
ั ดล<br />
ํ าปาง ถ<br />
ื อเป<br />
็ นว<br />
ั ด<br />
คู<br />
่ บ<br />
้ านคู<br />
่ เมื องคู<br />
่ ก<br />
ั บว<br />
ั ดพระธาตุ ล<br />
ํ าปางหลวง พระเจ<br />
้ าหอคํ า<br />
ดวงท<br />
ิ พย์ เจ<br />
้ าผู้ ครองนครล<br />
ํ าปางและราชเทว<br />
ี สร<br />
้ างว<br />
ิ หาร<br />
โคมคํ าข<br />
ึ<br />
้ นในพุ ทธศั กราช 2366 ล<br />
ั กษณะอาคารโถง หร<br />
ื อ<br />
ว<br />
ิ หารแบบเป<br />
ิ ดในศิ<br />
ลปะล<br />
้<br />
านนา ภายในว<br />
ิ หารประดิ ษฐาน<br />
พระพุ ทธร<br />
ู ปพระธาตุ เสด็ จปู นปั<br />
้<br />
น ปางมารว<br />
ิ ช<br />
ั ย หน้ าตั กกว<br />
้ าง<br />
ประมาณ 2 เมตร ในเวลาต่ อมาว<br />
ิ หารโคมคํ าช<br />
ํ าร<br />
ุ ดทร<br />
ุ ดโทรม<br />
ลงตามกาลเวลา จนถ<br />
ึ งพุ<br />
ทธศั กราช 2500 ว<br />
ิ หารโคมคํ า<br />
ได้<br />
ร<br />
ั บการบ<br />
ู รณปฏิ ส<br />
ั งขรณ์ คร<br />
ั<br />
้ งใหญ่<br />
โดยมี แม่ เล<br />
ี้ ยงเต่ า<br />
จ<br />
ั นทรว<br />
ิ โรจน์ เป<br />
็ นผู้ ให้ การอ<br />
ุ ปถ<br />
ั มภ์ การบ<br />
ู รณะคร<br />
ั้ งใหญ่ นี้<br />
ได้ ก<br />
่<br />
อผนั งปิ ดโดยรอบว<br />
ิ หารโคมคํ<br />
าท<br />
ํ<br />
าให้ ร<br />
ู ปแบบอาคาร<br />
เปล<br />
ี่ ยนเป็ นว<br />
ิ หารแบบปิ ด ไม่ ปรากฏเสาด้ านข<br />
้ างว<br />
ิ หารเหมื อน<br />
เช<br />
่ นในอดี ต และเปล<br />
ี่ ยนกระเบื้ องแป้ นเกล<br />
็ ดไม้ เป็ นกระเบื้ อง<br />
ดิ นขอ ในพุ<br />
ทธศั กราช 2556 ว<br />
ิ หารโคมคํ าได้ ร<br />
ั บการบ<br />
ู รณ-<br />
ปฏิ ส<br />
ั งขรณ์ อ<br />
ี กคร<br />
ั<br />
้ งในการกํ าก<br />
ั บดู แลของกรมศิ ลปากร โดย<br />
ส<br />
ํ านั กศิ<br />
ลปากรท<br />
ี่ 7 น่ าน (เดิ ม) และมี ห้ างหุ<br />
้ นส<br />
่<br />
วนจ<br />
ํ าก<br />
ั ด<br />
ช่ อฟ้ าก่ อสร<br />
้ าง เป็ นผู้ ดํ าเนิ นการ มี แนวคิ ดหลั กในการอนุ ร<br />
ั กษ์<br />
การร<br />
ั กษาร<br />
ู ปแบบศิ ลปกรรมเดิ ม เปล<br />
ี่ยนโครงสร<br />
้ างหล<br />
ั งคา<br />
เปลี่ ยนว<br />
ั สดุ มุ งหลั งคา ปร<br />
ั บพื้ นเสร<br />
ิ มความมั<br />
่ นคงแข<br />
็ งแรงใหม่<br />
ทาส<br />
ี ว<br />
ิ หารท<br />
ั<br />
้ งภายในและภายนอก และป<br />
ิ ดทองพระพุ<br />
ทธร<br />
ู ป<br />
ประธานท<br />
ั<br />
้<br />
งหมด หล<br />
ั<br />
งจากท<br />
ี่ ทางว<br />
ั ดและคณะศร<br />
ั ทธาได้<br />
ร<br />
่ วมกั นทุ บร<br />
ื้ อพื้ นป<br />
ู นซี เมนต์ ที่ อยู่ ประช<br />
ิ ดรอบอาคารออกเพื่ อ<br />
คื นสภาพบรรยากาศดั้ งเดิ มให้ กล<br />
ั บคื นมา<br />
ว<br />
ิ หารโคมคํ า ตั<br />
้ งอยู่ บนฐานก<br />
่<br />
ออ<br />
ิ ฐถ<br />
ื<br />
อป<br />
ู<br />
นและฉาบเร<br />
ี ยบ<br />
ยกสู งจากพื้ นดิ น 0.30 เมตร แผนผั งเป็ นร<br />
ู ปส<br />
ี่ เหล<br />
ี่ ยมผื นผ้ า<br />
ขนาดกว<br />
้ าง 3 ห้ อง (8.45 เมตร) ยาว 6 ห้ อง (21 เมตร)<br />
ยกเก<br />
็ จด้ านหน้ า 2 ห้ อง ด้ านหล<br />
ั ง 1 ห้ อง ก<br />
่ ออ<br />
ิ ฐถ<br />
ื อป<br />
ู นปิ ดเป็ น<br />
ผนั งท<br />
ั<br />
้ งสองด้ านจนถ<br />
ึ งห้ องท<br />
้ ายของว<br />
ิ หารท<br />
ี่ เป<br />
็ นห้ องปิ ด<br />
โดยเจาะช<br />
่ องแสงร<br />
ู ปส<br />
ี่ เหล<br />
ี่ ยมผื นผ้ ายาวในแนวตั้ งห้ องละ<br />
4 ช<br />
่ อง ขนาบด้ วยช<br />
่ องกากบาท 3 ช<br />
่ อง เสาว<br />
ิ หารเป<br />
็ นเสาไม้<br />
มี 2 ร<br />
ู ปแบบ คื อ เสาท<br />
ี่ ม<br />
ุ ขโถงและเสาท<br />
ี่ ผนั งด้ านหน้ าเป<br />
็ น<br />
เสาแปดเหล<br />
ี่ ยม ส<br />
่ วนเสาภายในว<br />
ิ หารเป็ นเสากลม ทั<br />
้ งหมดมี<br />
บั วหั วเสาและประดั บเสาด้ วยลายคํ า หล<br />
ั งคาว<br />
ิ หารมี ล<br />
ั กษณะ<br />
เป็ นหล<br />
ั งคาซ<br />
้ อน 2 ช<br />
ั<br />
้ น ลดด้ านหน้ า 3 ช<br />
ั<br />
้ น ด้ านหล<br />
ั ง 2 ช<br />
ั<br />
้ น<br />
ลั กษณะการทํ าหลั งคาซ้ อนช<br />
ั<br />
้ นรวมถึ งการลดช<br />
ั<br />
้ นด้ านหน้ าและ<br />
ด้ านหล<br />
ั ง สอดคล<br />
้ องไปตามแผนผั งของว<br />
ิ หารท<br />
ี่ ยกเก<br />
็ จ<br />
ด้ านหน้ า 2 ห้ องและยกเก<br />
็ จด้ านหล<br />
ั ง 1 ห้ อง ซ<br />
ึ<br />
่ งเป<br />
็ นร<br />
ู ปแบบ<br />
มาตรฐานของหล<br />
ั งคาว<br />
ิ หารล<br />
้ านนา ปั จจ<br />
ุ บั นมุ งด้ วยกระเบื้ อง<br />
เคล<br />
ื อบแทนกระเบ<br />
ื้ องดิ นขอแบบเดิ ม ส<br />
่ วนหล<br />
ั งคาประกอบ<br />
ด้ วยองค์ ประกอบส<br />
่ วนประดั บต่ าง ๆ ได้ ท<br />
ํ าการแก<br />
้ ไขส<br />
่ วน<br />
ท<br />
ี่เคยมี การบ<br />
ู รณะไว<br />
้ ด้ วยซ<br />
ี เมนต์ ให้ กล<br />
ั บมาเป<br />
็ นงานไม้ และ<br />
งานดิ นเผาตามแบบดั<br />
้ งเดิ ม นอกจากนี้ เนื่ องจากร<br />
ู ปแบบของ<br />
ว<br />
ิ หารโถงเมื่ อแรกสร<br />
้ างที่ เปิ ดพื้ นที่ ด้ านล่ างโล่ ง จึ งจํ าเป็ นต้ อง<br />
ท<br />
ํ าชายคาป<br />
ี กนกด้ านข<br />
้ างท<br />
ี่ลาดตํ่ าลงมากเพื่ อก<br />
ั นนํ้ าฝนและ<br />
แสงแดด<br />
ว<br />
ิ หารโคมคํ า ถ<br />
ื<br />
อเป<br />
็ นตั วอย่ างส<br />
ํ าคั ญของการอนุ ร<br />
ั กษ์<br />
ศาสนสถานที่ ทรงคุ ณค่ าทางด้ านศิ ลปะที่ สะท้ อนภาพว<br />
ิ ถี ช<br />
ี ว<br />
ิ ต<br />
แบบล<br />
้ านนาของจ<br />
ั งหว<br />
ั ดล<br />
ํ าปางได้ เป็ นอย่ างดี สามารถร<br />
ั กษา<br />
องค์ ประกอบทางสถาป<br />
ั ตยกรรมของว<br />
ิ หารซ<br />
ึ<br />
่ งมี ความเป็ น<br />
เอกลั กษณ์ เฉพาะตั วเอาไว<br />
้ ได้ อย่ างน่ าชื่ นชม และสามารถร<br />
ั กษา<br />
การใช<br />
้ งานในการประกอบกิ จกรรมทางศาสนา และเป็ นแหล่ ง<br />
เร<br />
ี ยนร<br />
ู้ สถาป<br />
ั ตยกรรมท<br />
้ องถ<br />
ิ่ นท<br />
ี่ส<br />
ํ าคั ญของพื้ นท<br />
่ี<br />
ที ่<br />
ตั<br />
้<br />
ง ว<br />
ั ดพระธาตุ เสด็ จ ตํ าบลบ<br />
้ านเสด็ จ<br />
อ<br />
ํ าเภอเมื องล<br />
ํ าปาง จ<br />
ั งหว<br />
ั ดล<br />
ํ าปาง<br />
สถาปนิ ก | ผู้ ออกแบบ ไม่ ปรากฏช<br />
ื่อผู้ ออกแบบ<br />
ผู้<br />
ครอบครอง ว<br />
ั ดพระธาตุ เสด็ จ<br />
ป<br />
ี<br />
ท<br />
ี่สร<br />
้ าง พุ ทธศั กราช 2366<br />
งานอนุ<br />
ร<br />
ั กษ์<br />
มรดกทางสถาป<br />
ั<br />
ตยกรรมและช<br />
ุ มชน ระดั บดี<br />
รางว<br />
ั ลอนุ ร<br />
ั กษ์ ศิ ลปสถาป<br />
ั ตยกรรมป<br />
ี 2566<br />
กุ ฏิ หลวงพ่ อทอง<br />
กุ ฏิ หลวงพ่ อทอง ตั<br />
้ งอยู่ ในว<br />
ั ดดอนสะท้ อนซึ<br />
่ งเป็ นว<br />
ั ดเก่ าแก่<br />
ร<br />
ิ มแม่ นํ้ าสวี หนุ่ ม ไม่ ทราบหล<br />
ั กฐานแน่ ช<br />
ั ดว<br />
่ าว<br />
ั ดสร<br />
้ างข<br />
ึ<br />
้<br />
น<br />
ในสมั ยใด ได้ ร<br />
ั บการบ<br />
ู รณะคร<br />
ั้ งใหญ่ ในสมั ยหลวงพ่ อทอง<br />
พุ ทฺ ธส<br />
ุ วณฺ โณ เป<br />
็<br />
นเจ<br />
้ าอาวาส เมื่ อพุ ทธศั กราช 2466<br />
ต่ อมาในพุ ทธศั กราช 2486 ว<br />
ั<br />
ดดอนสะท<br />
้ อนได้ สร<br />
้<br />
าง<br />
กุ ฏิ หลวงพ่ อทองข<br />
ึ<br />
้ นมาเพื่ อเป<br />
็ นที่ จ<br />
ํ าว<br />
ั ดของหลวงพ่ อทอง<br />
พุ ทฺ ธส<br />
ุ วณฺ โณ หล<br />
ั งจากนั<br />
้ นว<br />
ั ดดอนสะท้ อนได้ ร<br />
ั บการประกาศ<br />
เขตว<br />
ิ ส<br />
ุ งคามสี มาในราชก<br />
ิ จจานุ เบกษา เล<br />
่ ม 69 ตอนที่ 52<br />
หน้ า 993 ลงว<br />
ั นที่ 26 ส<br />
ิ งหาคม พุ<br />
ทธศั กราช 2495 กรม<br />
ศิ ลปากรได้ ท<br />
ํ าการส<br />
ํ ารวจกุ ฏิ หลวงพ่ อทองและประกาศข<br />
ึ<br />
้ น<br />
ทะเบี ยนโบราณสถานเมื่ อพุ ทธศั กราช 2540 ต่ อมาปลายป<br />
ี<br />
พุ ทธศั กราช 2560 กรมศิ ลปากรทํ าการปร<br />
ั บปร<br />
ุ งฟื<br />
้<br />
นฟู อาคาร<br />
ตามหล<br />
ั กว<br />
ิ ชาการเพื่ อให้ มี ความมั<br />
่ นคงแข<br />
็ งแรงและคงไว<br />
้ ซึ่ ง<br />
หล<br />
ั กฐานทางการศึ กษาด้ านโบราณคดี ประว<br />
ั ติ ศาสตร<br />
์ ศิ ลปะ<br />
และสถาปั ตยกรรม โดยยึ ดถ<br />
ื อร<br />
ู ปแบบและว<br />
ั สดุ อาคารให้<br />
เหมื อนของเดิ มให้ มากที่ สุ ด การปร<br />
ั บปร<br />
ุ งฟื<br />
้<br />
นฟู คร<br />
ั<br />
้ งนี้ ออกแบบ<br />
ควบคุ มงานโดยส<br />
ํ านั กศิ ลปากรที่ 12 นครศรี ธรรมราช และ<br />
มี บร<br />
ิ ษั ทชาญร<br />
ุ่ งโรจน์ จ<br />
ํ าก<br />
ั ด เป<br />
็ นผู้ ดํ าเนิ นการ การอนุ ร<br />
ั กษ์<br />
อาคารแล<br />
้ วเสร<br />
็ จในปลายพุ<br />
ทธศั กราช 2561 ว<br />
ั ดดอนสะท<br />
้ อน<br />
ใ ช้ พื ้ น ที ่ ชั<br />
้ นล<br />
่ างกุ ฏิ หลวงพ่ อทองเป็ นสถานที่ ร<br />
ั บรองแขกของ<br />
ว<br />
ั ด ส<br />
่ วนพื้ นที่ ช<br />
ั<br />
้ นบนใช<br />
้ เป<br />
็ นสถานที่ จ<br />
ั ดแสดงงานพุ<br />
ทธศิ ลป<br />
์<br />
จนถ<br />
ึ งป<br />
ั จจ<br />
ุ บ<br />
ั น<br />
กุ ฏิ หลวงพ่ อทอง เป<br />
็ นเร<br />
ื อนไม้ ทรงป<br />
ั<br />
้<br />
นหยา 2 ช<br />
ั<br />
้ น<br />
มี มุ ข ยื ่ น<br />
ด้ านหน้ าคล<br />
ุ มด้ วยหล<br />
ั งคาป<br />
ั<br />
้<br />
นหยาเช<br />
่ นก<br />
ั น ช<br />
ั<br />
้ นล<br />
่ างเป็ นผนั ง<br />
คอนกรี ตฉาบปู น เสาคอนกรี ต ประดั บหั วเสาด้ วยปู นปั<br />
้<br />
นร<br />
ู ปบั ว<br />
แปดกลี บ เช<br />
ื่ อมต่ อก<br />
ั นด้ วยพนั กระเบี ยงโดยรอบประดั บ<br />
ราวลู กกรงปู นขนาด 4 นิ<br />
้ ว ช่ องทางเข<br />
้ า - ออกมี เสาเตี้ ยประดั บ<br />
หั วเม็ ดกลมฝั งลายกลี บบั ว เหนื อช<br />
่ องประตู –หน้ าต่ าง<br />
ของช<br />
ั<br />
้ นล<br />
่ างมี ช<br />
่ องแสงร<br />
ู ปโค้ งประดั บลวดลายไม้ ฉล<br />
ุ พื้ น<br />
ชั<br />
้ นล<br />
่ างเป็ นพื้ นคอนกรี ตเสร<br />
ิ มเหล<br />
็ กปู กระเบื้ องดิ นเผา บั นได<br />
ทางข<br />
ึ<br />
้ นช<br />
ั<br />
้ นบนเป<br />
็ นผนั งก<br />
่ ออ<br />
ิ ฐถ<br />
ื อป<br />
ู น พื<br />
้ นป<br />
ู กระเบื<br />
้ องดิ นเผา<br />
ส<br />
่<br />
วนช<br />
ั<br />
้ นบนเป<br />
็ นไม้ ท<br />
ั<br />
้ งหมด พื้ นไม้ กระดานขนาด 1x8 นิ<br />
้ ว<br />
และ 1x10 นิ้ ว<br />
กั<br />
้ นฝาผนั งไม้ ขนาด ¾x6 นิ้ ว ตี ซ<br />
้ อนเกล<br />
็ ด<br />
ตามแนวนอน ระเบี ยงด้ านหน้ ามี ล<br />
ู กกรงไม้ กล<br />
ึ งโดยรอบ<br />
ประตู หน้ าต่ างเป็ นบานล<br />
ู กฟั กไม้ ส<br />
่ วนยอดผนั งโดยรอบท<br />
ํ า<br />
เป<br />
็ นช<br />
่ องระบายอากาศไม้ ฉล<br />
ุ ลาย ประดั บต่ อเนื่ องมายั ง<br />
เสาระเบี ยงด้ านหน้ าด้ วย หล<br />
ั งคามี โครงสร<br />
้ างหล<br />
ั งคาเป<br />
็ น<br />
ไม้ เนื้ อแข<br />
็ งมุ งด้ วยกระเบื้ องดิ นเผาแบบปลายแหลมเคล<br />
ื อบ<br />
ใส ฝ้ าเพดานเป<br />
็ นแผ่ นไม้ ขนาด ½x6 นิ<br />
้ ว<br />
กุ ฏิ หลวงพ่ อทอง ได้ ร<br />
ั บการอนุ ร<br />
ั กษ์ ตามหล<br />
ั กว<br />
ิ ชาการตั<br />
้ งแต่<br />
การระบ<br />
ุ คุ ณค่ าความส<br />
ํ าคั ญในด้ านต่ าง ๆ การบั นท<br />
ึ กคุ ณค่ า<br />
ความสํ าคั ญ การประเมิ นความแท้ และบู รณภาพ การตั ดสิ นใจ<br />
เล<br />
ื อกว<br />
ิ ธี อนุ ร<br />
ั กษ์ และการนํ าไปส<br />
ู<br />
่ การปฏิ บ<br />
ั ติ ตามแผนที่ ได้<br />
วางไว<br />
้ ซึ่ งได้ ดํ าเนิ นการร<br />
ื้ อถอนส่ วนต่ อเติ มที่ ทํ าให้ เสี ยร<br />
ู ปแบบ<br />
ดั<br />
้ งเดิ มไปออก เปลี่ ยนว<br />
ั สดุ<br />
ม<br />
ุ<br />
งและว<br />
ั สดุ<br />
ป<br />
ู พื้ นให้ มี ความ<br />
กลมกล<br />
ื น และฉาบผิ วด้ วยป<br />
ู นหมั กป<br />
ู นตํ า สามารถเป็ นแหล<br />
่ ง<br />
เรี ยนร<br />
ู้ ด้ านทางประว<br />
ั ติ ศาสตร<br />
์ สถาปั ตยกรรม ศิ ลปว<br />
ั ฒนธรรม<br />
ว<br />
ิ ถี ชี ว<br />
ิ ต และภู มิ ปั ญญาท้ องถิ<br />
่ น และพื้ นที่ โดยรอบสามารถใช<br />
้<br />
เป็ นสถานที่ พั กผ่ อนหย่ อนใจและการจั ดกิ จกรรมที่ เกี่ ยวเนื่ อง<br />
ก<br />
ั บพุ<br />
ทธศาสนาได้ ต่ อไป<br />
ที ่<br />
ตั<br />
้<br />
ง ว<br />
ั ดดอนสะท<br />
้ อน หม<br />
ู่ 6 ตํ าบลปากแพรก อ<br />
ํ าเภอสวี<br />
จ<br />
ั งหว<br />
ั ดช<br />
ุ มพร<br />
สถาปนิ ก | ผู้ ออกแบบ ไม่ ปรากฏช<br />
ื่อผู้ ออกแบบ<br />
ผู้<br />
ครอบครอง ว<br />
ั ดดอนสะท<br />
้ อน<br />
ปี<br />
ท<br />
ี่สร<br />
้ าง พุ ทธศั กราช 2486<br />
งานอนุ<br />
ร<br />
ั กษ์<br />
มรดกทางสถาป<br />
ั<br />
ตยกรรมและช<br />
ุ มชน ระดั บดี<br />
รางว<br />
ั ลอนุ ร<br />
ั กษ์ ศิ ลปสถาป<br />
ั ตยกรรมปี 2566<br />
คํ<br />
าประกาศ<br />
พิ พิ ธภั ณฑ์ ท<br />
้ องถิ<br />
่ น “ช<br />
ุ มทางประว<br />
ั ติ ศาสตร<br />
์ ทุ<br />
่ งสง” เป็ นอาคาร<br />
ที ่ มี คุ ณ ค่ า ทั<br />
้ งทางสถาปั ตยกรรมและทางประว<br />
ั ติ ศาสตร<br />
์ ของพื<br />
้ นท<br />
่ี<br />
ซ<br />
ึ<br />
่ งเป็ นช<br />
ุ มทางรถไฟขนาดใหญ่ การอนุ ร<br />
ั กษ์ มี การจ<br />
ั ดท<br />
ํ าแบบ<br />
สถาปั ตยกรรมที่ ได้ มี การแก้ ไขปั ญหาโครงสร<br />
้ างและความเสื่ อมสภาพ<br />
ของว<br />
ั สดุ มี การปร<br />
ั บการใช้ สอยอาคารเพื่ อการประกอบกิ จกรรมของ<br />
ช<br />
ุ มชนในปั จจ<br />
ุ<br />
บ<br />
ั น นั บเป็ นแบบอย่ างของอ<br />
ี กทางเล<br />
ื อกในการนํ า<br />
เสนออาคารทางประว<br />
ั ติ ศาสตร<br />
์ ท<br />
ี่ มี คุ ณค่ าทางจ<br />
ิ ตใจของประชาชน<br />
ในพื้ นท<br />
ี่ อ<br />
ี กท<br />
ั<br />
้ งส<br />
่ งผลดี ต่ อเศรษฐก<br />
ิ จและความยั<br />
่ งยื นของช<br />
ุ มชน<br />
พิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ ท้ อ ง ถิ<br />
่ น “ช<br />
ุ<br />
มทางประว<br />
ั ติ<br />
ศาสตร<br />
์ ทุ<br />
่<br />
งสง” จั งหว<br />
ั ดนครศรี ธรรมราช<br />
มั สยิ ดบ<br />
้<br />
านควนล<br />
ั<br />
งงา<br />
มั สยิ ดบ<br />
้<br />
านควนล<br />
ั<br />
งงา เป<br />
็ นอาคารมั สยิ ดซ<br />
ึ<br />
่<br />
งตั<br />
้<br />
งอยู่<br />
ณ บ<br />
้<br />
านควนล<br />
ั<br />
งงา ตํ าบลทรายขาว อ<br />
ํ าเภอโคกโพธ<br />
ิ์<br />
จ<br />
ั งหว<br />
ั ดป<br />
ั ตตานี ชาวบ<br />
้ านเล<br />
่ าส<br />
ื บต่ อก<br />
ั นว<br />
่ า ภายหล<br />
ั งภั ย<br />
สงครามระหว<br />
่ างกร<br />
ุ งศร<br />
ี อยุ ธยากั บปั ตตานี สงบลง ชาวบ้ าน<br />
และเจ<br />
้ าอาวาสว<br />
ั ดทรายขาวได้ ช<br />
่ วยเหล<br />
ื อโต๊ ะหยาง หญิ ง<br />
ท<br />
ี่ ตกเหวเพราะหนี ภั ยสงครามพร<br />
้ อมพระมหาคั มภี ร<br />
์<br />
อ<br />
ั ลกุ รอานฉบ<br />
ั บเข<br />
ี ยนมื อ หล<br />
ั งจากนั้ นชาวบ<br />
้<br />
านทรายขาว<br />
ทั<br />
้ งที่ นั บถื อศาสนาพุ ทธและอ<br />
ิ สลามได้ ด้ วยร<br />
่ วมแรงร<br />
่ วมใจ<br />
สร<br />
้ างศาสนสถานของช<br />
ุ มชนข<br />
ึ<br />
้<br />
นเมื<br />
่ อราวพุ ทธศั กราช<br />
2177 และใช<br />
้ สอยอาคารเร<br />
ื่ อยมาจนถ<br />
ึ งพุ ทธศั กราช<br />
2530 จ<br />
ึ งได้ มี การก<br />
่<br />
อสร<br />
้ างอาคารมั สยิ ดหล<br />
ั งใหม่ ข<br />
ึ<br />
้<br />
น<br />
เ พิ<br />
่ มเติ มโดยมิ ได้ ร<br />
ื้ ออาคารไม้ หล<br />
ั<br />
งเดิ มออก และใช<br />
้ ช<br />
ื่ อ<br />
ว<br />
่ ามั สยิ ดนั จมุ ดดิ น ซึ่ งได้ มี การปร<br />
ั บเปลี่ ยนร<br />
ู ปแบบหลั งคา<br />
และลดจ<br />
ํ านวนเสาด้ านตะว<br />
ั นตกของอาคารเดิ มลง หล<br />
ั ง<br />
จากนั้ นในพุ<br />
ทธศั กราช 2547 มี การถมปร<br />
ั บระดั บพื้ นให้<br />
ส<br />
ู งข<br />
ึ<br />
้ นมาเล<br />
็ กน้ อย เทพื้ นคอนกร<br />
ี ตพร<br />
้ อมป<br />
ู กระเบื้ อง ท<br />
ํ า<br />
แท<br />
่ นป<br />
ู นฐานเสา ซ<br />
่ อมแซมโครงสร<br />
้ างหล<br />
ั งคาและเปล<br />
ี่ ยน<br />
กระเบ<br />
ื้องม<br />
ุ งหล<br />
ั งคาใหม่ และในพุ<br />
ทธศั กราช 2563 ส<br />
่ วน<br />
อาคารเก่ าของมั สยิ ดนั จมุ ดดิ นได้ ร<br />
ั บการบู รณปฏิ ส<br />
ั งขรณ์<br />
โดยอยู่<br />
ในความร<br />
ั บผิ<br />
ดชอบของส<br />
ํ านั กศิ ลปากรท<br />
ี่ 11<br />
สงขลา กรมศิ ลปากร และมี บร<br />
ิ ษั ทเอกพรไพศาล จ<br />
ํ าก<br />
ั ด<br />
เป<br />
็ นผู้ ดํ าเนิ นการ<br />
มั สยิ ดบ<br />
้<br />
านควนล<br />
ั<br />
งงา เป<br />
็<br />
นอาคารเร<br />
ื อนไม้ พื้ นถ<br />
ิ<br />
่<br />
นใน<br />
แบบเดี ยวก<br />
ั<br />
นก<br />
ั<br />
บท<br />
ี่ พบตามว<br />
ั ดในศาสนาพุ<br />
ทธ ก<br />
่ อสร<br />
้ าง<br />
โดยไม่ ใช<br />
้ ตะป<br />
ู แต่ ใช<br />
้ ล<br />
ิ่ มไม้ และเข<br />
้ าสล<br />
ั กไม้ แทน วางตั<br />
ว<br />
ในแนวท<br />
ิ<br />
ศตะว<br />
ั นออก–ตะว<br />
ั นตก เป็<br />
นอาคารโถง ไม่ มี<br />
ผนั ง และไม่ ยกพื้ น ผั งพื้ นเป็ นร<br />
ู<br />
ปส<br />
ี่ เหล<br />
ี่ ยมผื นผ้ า<br />
ขนาดกว<br />
้ าง 5 ห้ อง กว<br />
้ าง 9.40 เมตร ยาว <strong>13</strong>.80 เมตร<br />
ที ่<br />
ตั<br />
้<br />
ง หม<br />
ู่ 4 ตํ าบลทรายขาว อ<br />
ํ าเภอโคกโพธ<br />
ิ์<br />
จ<br />
ั งหว<br />
ั ดป<br />
ั ตตานี<br />
สถาปนิ ก | ผู้ ออกแบบ ไม่ ปรากฏช<br />
ื่อผู้ ออกแบบ<br />
ผู้<br />
ครอบครอง มั สยิ ดบ<br />
้ านควนล<br />
ั งกา<br />
ป<br />
ี<br />
ท<br />
ี่สร<br />
้ าง พุ ทธศั กราช 2177<br />
งานอนุ<br />
ร<br />
ั กษ์<br />
มรดกทางสถาป<br />
ั<br />
ตยกรรมและช<br />
ุ มชน ระดั บดี<br />
รางว<br />
ั ลอนุ ร<br />
ั กษ์ ศิ ลปสถาป<br />
ั ตยกรรมปี 2566<br />
หล<br />
ั<br />
งคาทรงจ<br />
ั่ วต่<br />
อปี กนกลาดเทลงด้ านท<br />
ิ<br />
ศตะว<br />
ั นออก<br />
ทิ ศเหนื อ และทิ ศใต้ ส<br />
่ วนด้ านตะว<br />
ั นตกทํ าเป็ นจ<br />
ั<br />
่ วเล<br />
็ ก ลดช<br />
ั<br />
้ น<br />
ลงมาแทนการทํ าปี กนก เพราะก<br />
ํ าหนดพื้ นที่ ด้ านนี้ ให้ เป็ น<br />
พื้ นท<br />
ี่ ของมิ หร<br />
็ อบตามท<br />
ิ ศทางท<br />
ี่ หั นไปส<br />
ู<br />
่ ว<br />
ิ หารกะบะฮ<br />
์ กร<br />
ุ ง<br />
มั กกะฮ<br />
์ หร<br />
ื อเป็ นส<br />
ิ<br />
่ งที่ เก<br />
ิ ดข<br />
ึ<br />
้ นจากการก<br />
่ อสร<br />
้ างอาคารใหม่<br />
มาประช<br />
ิ ดในส<br />
่ วนนี้ ท<br />
ี่ จ<br />
ํ าเป<br />
็ นต้ องปร<br />
ั บเปล<br />
ี่ ยนทรงหล<br />
ั งคา<br />
โครงสร<br />
้ างหล<br />
ั งคาเป<br />
็ นไม้ ตะเคี ยนม<br />
ุ งกระเบ<br />
ื้ องดิ นเผา<br />
ปลายแหลม พื้ นอาคารเดิ มเป็ นพื้ นทราย เมื่ อจะใช<br />
้ งาน<br />
ละหมาดชาวบ้ านจะนํ าเส<br />
ื่ อมาปู ทั บ และเมื่ อปฏิ บั ติ ศาสนกิ จ<br />
เร<br />
ี ยบร<br />
้ อยแล<br />
้ วก<br />
็ นํ าเส<br />
ื่ อไปตากพาดไว<br />
้ ท<br />
ี่ ราวรอบอาคาร<br />
ปั จจ<br />
ุ บั นเปล<br />
ี่ ยนเป็ นป<br />
ู ด้ วยกระเบื้ องดิ นเผา ภายในอาคาร<br />
มี มิ มบ<br />
ั ร และนางญาหร<br />
ื อกลองท<br />
ี่ ใช<br />
้ ตี บอกเวลาละหมาด<br />
หร<br />
ื อตี เพื่ อแจ<br />
้ งเตื อน และคั มภี ร<br />
์ อ<br />
ั ลกุ รอานเข<br />
ี ยนด้ วยมื อ<br />
ท<br />
ี่ อยู่ คู<br />
่<br />
ก<br />
ั บมั สยิ ดมาตั้ งแต่ เมื่ อแรกสร<br />
้ าง ทางด้ านท<br />
ิ<br />
ศ<br />
ตะว<br />
ั นออกของอาคารยั งมี ส<br />
ิ<br />
่ งปล<br />
ู กสร<br />
้ างเก่ าแก่ ที่ สร<br />
้ างข<br />
ึ<br />
้ น<br />
มาราว 70 ป<br />
ี ท<br />
ี่แล<br />
้ ว ได้ แก<br />
่ อาคารบาลาเซาะฮ<br />
์ เป<br />
็ นอาคาร<br />
อเนกประสงค์<br />
ท<br />
ี่ เคยใช<br />
้ เป<br />
็<br />
นโรงเร<br />
ี ยน เป<br />
็<br />
นอาคารไม้<br />
หล<br />
ั งคาทรงบลานอ มุ งด้ วยกระเบื้ องดิ นเผาปลายแหลม<br />
เช<br />
่ นเดี ยวก<br />
ั น และยั งมี ท<br />
ี่ เอานํ้ าละหมาด เป็ นอ<br />
่ างทรง<br />
ส<br />
ี่เหล<br />
ี่ยมผื นผ้ า<br />
มั สยิ ดบ<br />
้<br />
านควนล<br />
ั<br />
งงา เป<br />
็ นตั วอย่ างของอาคารศาสน-<br />
สถานที่ ได้ ร<br />
ั บการออกแบบให้ เหมาะสมกั บสภาพภู มิ อากาศ<br />
แบบร<br />
้ อนช<br />
ื้ นของภาคใต้ ของประเทศไทย สามารถระบาย<br />
อากาศได้ ดี และแสงสว<br />
่ างส<br />
่<br />
องเข<br />
้ าได้ ท<br />
ั่ วถ<br />
ึ ง แสดงให้<br />
เห็ นถ<br />
ึ งภู มิ ป<br />
ั ญญาของบรรพชนในท<br />
้ องถ<br />
ิ<br />
่ น และยั งเป<br />
็ น<br />
หล<br />
ั กฐานส<br />
ํ าคั ญท<br />
ี่ ส<br />
ื่ อถ<br />
ึ งการอยู่ ร<br />
่ วมก<br />
ั นอย่ างสงบส<br />
ั นติ<br />
บนพื้ นฐานความสามั คคี ของชาวช<br />
ุ มชนที่ มี ความเช<br />
ื่ อและ<br />
ความศร<br />
ั ทธาแตกต่ างก<br />
ั น<br />
คํ<br />
าประกาศ<br />
การอนุ ร<br />
ั กษ์ อาคารหล<br />
ั งนี้ แสดงให้ เห็ นถึ งความตั้ งใจท<br />
ี่ จะร<br />
ื้ อฟื<br />
้ น<br />
สภาพเดิ มของอาคารให้ กล<br />
ั บคื นมา มี การแก<br />
้ ไขปั ญหาโครงสร<br />
้ าง<br />
และความเส<br />
ื่ อมสภาพของอาคารตามเหตุ ปั จจ<br />
ั ยที่ ก่ อให้ เกิ ดปั ญหา<br />
และเป็ นการนํ าเสนอคุ ณค่ าทางประว<br />
ั ติ ศาสตร<br />
์ ความเป็ นอาคารเร<br />
ี ยน<br />
ทางศาสนาหล<br />
ั งแรก เป็ นส<br />
ั ญล<br />
ั กษณ์ ท<br />
ี่มี คุ ณค่ าทางด้ านจ<br />
ิ ตใจของ<br />
ผู้ คนในพื้ นท<br />
ี่ สวรรคโลก เป็ นตั วอย่ างท<br />
ี่ ดี ให้ ก<br />
ั บว<br />
ั ดอ<br />
ื่ น ๆ ให้ หั นมา<br />
เห็ นคุ ณค่ าของมรดกทางสถาปั ตยกรรมที่ มี ล<br />
ั กษณะคล<br />
้ ายคล<br />
ึ งกั น<br />
อย่ างไรก<br />
็ ตามเมื่ อมี การยกอาคารให้ ส<br />
ู งข<br />
ึ<br />
้ นกว<br />
่ าระดั บเดิ มก<br />
็ ควร<br />
คํ านึ งถึ งการร<br />
ั กษาส<br />
ั ดส<br />
่ วนดั<br />
้ งเดิ มของอาคารไว<br />
้<br />
อาคารส<br />
ํ านั กงานคณะกรรมการสงฆ์ จั งหว<br />
ั ดส<br />
ุ<br />
โขท<br />
ั<br />
ย ว<br />
ั ดสว่ างอารมณ์<br />
วรวิ หาร จั งหว<br />
ั ดส<br />
ุ<br />
โขท<br />
ั<br />
ย<br />
รางว<br />
ั ลอนุ ร<br />
ั กษ์ ศิ ลปสถาป<br />
ั ตยกรรมป<br />
ี 2566<br />
คํ<br />
าประกาศ<br />
พิ พิ ธภั ณฑ์ บ้ านป่ องนั กเป็ นอาคารที่ มี ความสํ าคั ญทั<br />
้ งทางประว<br />
ั ติ ศาสตร<br />
์<br />
และทางสถาปั ตยกรรม ที่ ยั งร<br />
ั กษาความแท้ ของร<br />
ู ปทรงภายนอกและ<br />
องค์ ประกอบอาคารได้ ค่ อนข<br />
้ างครบถ้ วน มี การดู แลร<br />
ั กษาอาคารมา<br />
เป็ นอย่ างดี โดยมี การซ<br />
่ อมแซมโครงสร<br />
้ างและองค์ ประกอบต่ าง ๆ<br />
อย่ างต่ อเนื่ อง มี การจ<br />
ั ดแสดงเป็ นพิ พิ ธภั ณฑ์ และส<br />
ื่อความหมาย<br />
ให้ เห็ นถึ งประว<br />
ั ติ ศาสตร<br />
์ ท<br />
ี่ เก<br />
ี่ ยวข<br />
้ องได้ ค่ อนข<br />
้ างดี อย่ างไรก<br />
็ ตาม<br />
ควรมี การวางแผนงานอนุ ร<br />
ั กษ์ ตามกระบวนการอย่ างครบถ้ วน<br />
อ<br />
ั นประกอบด้ วยการเก็ บข<br />
้ อมู ลทางสถาปั ตยกรรมที่ ละเอ<br />
ี ยดถี่ ถ้ วน<br />
การว<br />
ิ เคราะห์ ร<br />
ู ปแบบ ว<br />
ั สดุ และส<br />
ี ดั<br />
้ งเดิ มของอาคาร ท<br />
ี่ จะนํ าไปส<br />
ู<br />
่<br />
การกํ าหนดแนวทางการบู รณะและการจ<br />
ั ดการอาคารอย่ างเต็ ม<br />
ร<br />
ู ปแบบต่ อไป<br />
พิ พิ ธภั ณฑ์ บ<br />
้<br />
านป<br />
่ องนั ก จั งหว<br />
ั ดล<br />
ํ<br />
าปาง<br />
รางว<br />
ั ลอนุ ร<br />
ั กษ์ ศิ ลปสถาปั ตยกรรมป<br />
ี 2566<br />
คํ<br />
าประกาศ<br />
การอนุ ร<br />
ั กษ์ อาคารแสดงให้ เห็ นถึ งความตั<br />
้ งใจในการร<br />
ั กษาอาคาร<br />
ให้ ยั งคงอยู่ ในสภาพเดิ มในภาพรวมได้ ดี ตั วอาคารยั งเป็ นส่ วนหนึ่ ง<br />
ในการบอกเล<br />
่ าประว<br />
ั ติ ศาสตร<br />
์ ของเมื องนครศร<br />
ี ธรรมราชอ<br />
ี กด้ วย<br />
ในกระบวนการอนุ ร<br />
ั กษ์ ได้ เล<br />
ื อกว<br />
ิ ธ<br />
ี การอนุ ร<br />
ั กษ์ ท<br />
ี่ สามารถร<br />
ั กษา<br />
องค์ ประกอบส<br />
ํ าคั ญและว<br />
ั สดุ ดั<br />
้ งเดิ มไว<br />
้ ได้ แม้ ว<br />
่ าพื้ นท<br />
ี่ ภายในจะมี<br />
การปร<br />
ั บการใช้ งานต่ างไปจากกิ จกรรมเดิ มของอาคาร อย่ างไรก็ ตาม<br />
ควรพิ จารณาเร<br />
ื่ องการส<br />
ื่ อความหมาย ไม่ ให้ เก<br />
ิ ดความเข<br />
้ าใจผิ ด<br />
เก<br />
ี่ ยวก<br />
ั บเร<br />
ื<br />
่ องราวความเป็ นมาของอาคารหล<br />
ั งนี้ นอกจากนี้ ส<br />
่ วน<br />
ต่ อเติ มควรคํ านึ งถึ งความต่ อเนื่ องก<br />
ั บอาคารเดิ มด้ วย<br />
ยงคั<br />
ง ท<br />
่<br />
าว<br />
ั ง จั งหว<br />
ั ดนครศร<br />
ี ธรรมราช<br />
รางว<br />
ั ลอนุ ร<br />
ั กษ์ ศิ ลปสถาปั ตยกรรมป<br />
ี 2566<br />
คาเฟ่ อเมซอน สาขาย่ านเมื องเก<br />
่<br />
าสงขลา<br />
คาเฟ่ อเมซอน สาขาย่ านเมื องเก<br />
่ าสงขลา ตั<br />
้<br />
งอยู่<br />
ในย่<br />
านช<br />
ุ<br />
มชนเก<br />
้ าห้ อง เดิ มเป็ นตึ กแถวให้ เช<br />
่<br />
าของ<br />
รองอํ ามาตย์ ตร<br />
ี ข<br />
ุ นโภคาพิ พั ฒน์ (ฮวดเหล<br />
ี่ยง โคนั นทน์ )<br />
ต้ นตระกู ลโคนั นทน์ หล<br />
ั<br />
งจากนั<br />
้ นอาคารอยู่ ในสภาพ<br />
ทร<br />
ุ ดโทรม ต่ อมาคุ ณบั ญชา พานิ ชพงศ์ และคุ ณจ<br />
ุ ไรร<br />
ั ตน์<br />
ตั นตส<br />
ุ ทธ<br />
ิ กุ ล ผู้ บร<br />
ิ หารร<br />
้ านคาเฟ่ อเมซอน ในจ<br />
ั งหว<br />
ั ด<br />
สงขลา ต้ องการผล<br />
ั กดั นให้ ย่ านเมื องเก<br />
่ าสงขลาได้ มี<br />
ร<br />
้ านขายเคร<br />
ื่ องดื่ มในร<br />
ู ปแบบอาคารอนุ ร<br />
ั กษ์ จนนํ าไปส<br />
ู<br />
่<br />
การปร<br />
ั บปร<br />
ุ งฟื<br />
้ นฟู อาคารในพุ ทธศั กราช 2561 โดย<br />
โครงการได้ มี การศึ กษาเอกสารหลั กฐานทางประว<br />
ั ติ ศาสตร์<br />
และสถาปั ตยกรรม มี การจั ดทํ าร<br />
ู ปแบบการออกแบบและ<br />
ได้ เข<br />
้ าหาร<br />
ื อกั บคุ ณร<br />
ั งษี ร<br />
ั ตนปราการ ภาคี คนร<br />
ั กเมื องเก่ า<br />
สงขลา เพื่ อกํ าหนดความเหมาะสมให้ กลมกล<br />
ื นก<br />
ั บย่ าน<br />
เมื องเก<br />
่<br />
าสงขลา การปร<br />
ั บปร<br />
ุ งฟื<br />
้ นฟู อาคารและพื้ นท<br />
่ี<br />
แล<br />
้ วเสร<br />
็ จในพุ ทธศั กราช 2563<br />
คาเฟ่ อเมซอน สาขาย่ านเมื องเก<br />
่ าสงขลา เ ป็ น<br />
โครงการออกแบบปร<br />
ั บปร<br />
ุ งพื้ นที่ ในเมื องเก่ าในแปลงที่ ดิ น<br />
ท<br />
ี่ ด้ านหน้ าเป<br />
็ นตึ กแถวเก<br />
่<br />
าช<br />
ั้ นเดี ยว 2 คู หา ร<br />
ู<br />
ปแบบ<br />
สถาป<br />
ั ตยกรรมแบบจ<br />
ี น ผั งพื้ นเป<br />
็ นร<br />
ู ปส<br />
ี่ เหล<br />
ี่ ยมผื นผ้ า<br />
ผนั งอาคารเป็ นผนั งก่ ออ<br />
ิ ฐร<br />
ั บนํ้ าหนั ก โครงสร<br />
้ างหล<br />
ั งคา<br />
เป<br />
็ นไม้ หล<br />
ั งคาเป<br />
็ นทรงจ<br />
ั<br />
่ ว ม<br />
ุ งด้ วยกระเบ<br />
ื้ องกาบกล<br />
้ วย<br />
ดิ<br />
นเผาแบบจ<br />
ี น ส<br />
ั<br />
นหล<br />
ั งคาโค้ งมน มี ส<br />
่<br />
วนชายคาอยู่<br />
ด้ านหน้ า ในการซ<br />
่ อมแซมได้ ม<br />
ุ งกระเบ<br />
ื้ องใหม่ ท<br />
ั<br />
้ งหมด<br />
ช<br />
่ องลมหล<br />
ั งคาเปล<br />
ี่ ยนจากช<br />
่ องลมดิ นเผาเป็ น GRC พ่ นส<br />
ี<br />
ดิ นเผาเพื่ อความคงทน มี การตกแต่ งอาคารด้ วยการใช<br />
้<br />
ที ่<br />
ตั<br />
้<br />
ง เลขท<br />
ี่ 14 ถนนหนองจ<br />
ิ ก ตํ าบลบ<br />
่ อยาง<br />
อํ าเภอเมื องสงขลา จ<br />
ั งหว<br />
ั ดสงขลา<br />
สถาปนิ ก | ผู้ ออกแบบ ไม่ ปรากฏช<br />
ื่อผู้ ออกแบบ<br />
ส<br />
ั นนิ ษฐานว<br />
่ าออกแบบและสร<br />
้ างโดยช<br />
่ างพื้ นเมื อง<br />
สถาปนิ กอนุ ร<br />
ั กษ์ นายชายแดน เสถ<br />
ี ยร และ<br />
นายว<br />
ี รศั กดิ์ เพ็ ชรแสง<br />
บร<br />
ิ ษั ท SPACE PLUS ARCHITECT CO.,LTD<br />
ผู้<br />
ครอบครอง ท<br />
ั นตแพทย์ ธ<br />
ี รนพ โคนั นทน์<br />
ดํ าเนิ นก<br />
ิ จการ Cafe' Amazon โดย ห้ างหุ<br />
้ นส<br />
่ วนจํ าก<br />
ั ด<br />
สงขลาโอลด์ ทาวน์ คาเฟ่<br />
ป<br />
ี<br />
ท<br />
ี่สร<br />
้ าง ไม่ ปรากฏป<br />
ี ท<br />
ี่สร<br />
้ าง<br />
งานออกแบบใหม่<br />
ในบร<br />
ิ บทการอนุ<br />
ร<br />
ั กษ์<br />
รางว<br />
ั ลอนุ ร<br />
ั กษ์ ศิ ลปสถาป<br />
ั ตยกรรมป<br />
ี 2566<br />
งานศิ ลปะ และภาพจ<br />
ิ ตรกรรมท<br />
ี่ นํ าเอาลวดลายมงคล<br />
ตามความเชื่ อ เช่ น ลายประแจจี น นกกระเร<br />
ี ยน เมฆ ลู กท้ อ<br />
ดอกบ<br />
ั ว ปลา และดอกโบตั๋ น ท<br />
ี่ หมายถ<br />
ึ งความร<br />
ุ่ งเร<br />
ื อง<br />
ภายในอาคารเก<br />
่ าซ<br />
ึ<br />
่ งเดิ มเคยมี ช<br />
ั<br />
้ นลอยไม้ เล<br />
ื อกท<br />
ี่ จะส<br />
ื่ อ<br />
ความหมายเป็ นเพี ยงส<br />
ั ญล<br />
ั กษณ์ เพื่ อให้ มี space ส<br />
ู งโล<br />
่ ง<br />
เหมาะก<br />
ั บการเป<br />
็ นร<br />
้ านกาแฟ พื<br />
้ นท<br />
ี่ ด้ านหล<br />
ั งตึ กแถวเป็ น<br />
พื้ นท<br />
ี่ ส<br />
ี เข<br />
ี ยว ล<br />
ั กษณะเป็ นลานโล<br />
่ ง มี สระนํ้ าเงาสะท<br />
้ อน<br />
มี การนํ าพื้ นกระเบื้ องดิ นเผาเดิ มมาออกแบบใหม่ บร<br />
ิ เวณ<br />
บ<br />
่ อนํ้ าเดิ ม และมี ช<br />
่ องประตู ตรงผนั งกํ าแพงอ<br />
ิ ฐเดิ<br />
ม<br />
ท<br />
ี่ สามารถเดิ นผ่ านไปยั งอาคารนิ ทรรศการและประกอบ<br />
พาณิ ชยกรรมข<br />
้ างเคี ยงได้ ถ<br />
ั ดจากลานโล<br />
่ งเป<br />
็ นอาคาร<br />
2 ชั<br />
้ น สร<br />
้ างข<br />
ึ<br />
้ นใหม่ โครงสร<br />
้ างคอนกร<br />
ี ตเสร<br />
ิ มเหล<br />
็ กผสม<br />
โครงสร<br />
้ างไม้ หล<br />
ั งคาทรงจ<br />
ั่ ว ผั งพื้ นเป<br />
็ นร<br />
ู ปตั วแอล (L)<br />
ใช<br />
้ เป็ นห้ องประช<br />
ุ ม ห้ องนํ้ า และส<br />
่ วนบร<br />
ิ การโครงการ และ<br />
ทํ าหน้ าท<br />
ี<br />
่ โอบล<br />
้ อมบดบ<br />
ั งอาคารส<br />
ู งโดยรอบ และควบคุ ม<br />
ม<br />
ุ มมองเพื่ อเผยความงามของตึ กแถวด้ านหน้ า<br />
คาเฟ่ อเมซอน สาขาย่ านเมื องเก<br />
่ าสงขลา เ ป็ น<br />
ตั วอย่ างของการปร<br />
ั บปร<br />
ุ งฟื<br />
้ นฟู และเปล<br />
ี่ ยนประโยชน์<br />
ใช<br />
้ สอย (Adaptive Reuse) ท<br />
ี่สามารถแสดงคุ ณค่ าของ<br />
สถาป<br />
ั ตยกรรมดั<br />
้ งเดิ มไว<br />
้ ได้ และเหมาะสมต่ อการใช<br />
้ งาน<br />
ในปั จจ<br />
ุ บ<br />
ั น ทํ าให้ เป<br />
็ นแหล<br />
่ งเร<br />
ี ยนร<br />
ู้ ท<br />
ี่ สํ าคั ญทางประว<br />
ั ติ -<br />
ศาสตร์ สถาป<br />
ั ตยกรรมให้ แก<br />
่<br />
นั กเร<br />
ี ยน นั กศึ<br />
กษา คน<br />
ในช<br />
ุ มชนและผู้ ท<br />
ี่ สนใจ รวมท<br />
ั<br />
้ งทํ าให้ เจ<br />
้ าของอาคารเก<br />
่ า<br />
หลายหล<br />
ั งในพื้ นท<br />
ี<br />
่ เห็ นถ<br />
ึ งคุ ณค่ าของการอนุ ร<br />
ั กษ์ อาคาร<br />
แทนการร<br />
ื้อถอน<br />
โบราณ โดย นายร<br />
ุ่ งโรจน์ เป<br />
ี<br />
่ ยมยศศั กดิ์<br />
ศั กดิ์ จั ด ตั<br />
้ งข<br />
ึ<br />
้ นเมื่ อพุ ทธศั กราช<br />
บราณในพื้ นท<br />
ี่อ<br />
ํ าเภอส<br />
ั นป<br />
่ าตอง<br />
คํ าปร<br />
ึ กษาเจ<br />
้ าของเร<br />
ื อนโบราณ<br />
าปั ตยกรรมพื้ นถิ<br />
่ นร<br />
่ วมกั นระหว<br />
่ าง<br />
ชาการ ภาคประชาส<br />
ั งคม และ<br />
ผ่ านการจ<br />
ั ดนิ ทรรศการ ว<br />
ิ ดี ท<br />
ั ศน์<br />
โบราณ และส<br />
ื่ อส<br />
ั งคมออนไลน์<br />
วยงานราชการ และหน่ วยงาน<br />
ก<br />
ิ จกรรมต่ าง ๆ ร<br />
่ วมก<br />
ั บช<br />
ุ มชน<br />
ละหล<br />
ั งนั้ นเป<br />
็ นความร<br />
ั บผิ ดชอบ<br />
กดิ<br />
์ สามารถผล<br />
ั กดั นให้ องค์ กร<br />
จ<br />
ํ านวน 58 หล<br />
ั ง ท<br />
ี่มี คุ ณค่ าทาง<br />
อกจากนี้ ยั งสามารถทํ าให้ เจ้ าของ<br />
น์ ใช<br />
้ สอยส<br />
ํ าหร<br />
ั บการพั กอาศั ยและ<br />
ะผู้ ท<br />
ี่สนใจท<br />
ั<br />
่ วไป ตั วอย่ างเช<br />
่ น<br />
ม่ อ<br />
ุ้ ยป<br />
ิ มปา ไชยมณี บ<br />
้ านแสน<br />
ใหม่<br />
ตํ าบลป<br />
่<br />
าซาง อ<br />
ํ าเภอป<br />
่<br />
าซาง<br />
ม่ ด้ วยสล<br />
่ า (ช<br />
่ าง) พื้ นเมื องท<br />
ี่ มี<br />
งนี้ ตั<br />
้ งอยู่ ท<br />
ี่ กาดก<br />
้ อม กองเตี ยว<br />
ภอส<br />
ั นป<br />
่ าตอง จ<br />
ั งหว<br />
ั ดเช<br />
ี ยงใหม่<br />
ม่ ม่ วงก<br />
๋ อน ตํ าบลยุ หว<br />
่ า อ<br />
ํ าเภอ<br />
ม่ อ<br />
ุ้ ยนวล ป<br />
ั ญโญ บ<br />
้ านดอนตั น<br />
ากาน ตํ าบลบ<br />
้ านกลาง อ<br />
ํ าเภอ<br />
ง ตํ าบลยุ หว<br />
่ า อ<br />
ํ าเภอส<br />
ั นป<br />
่ าตอง<br />
ม่ ตุ<br />
้ ยอ<br />
ํ านวย โพธ<br />
ิ บ<br />
้ านต้ นเก<br />
็ ด<br />
กดิ<br />
์ เป็ นตั วกลางในการรวมกล<br />
ุ่ ม<br />
ารอนุ ร<br />
ั กษ์ มรดกสถาป<br />
ั ตยกรรม<br />
คํ<br />
าประกาศ<br />
นายร<br />
ุ่ งโรจน์ เปี<br />
่ ยมยศศั กดิ<br />
์ ชาวช<br />
ุ<br />
มชนส<br />
ั นป่ าตอง ได้ ก<br />
่<br />
อตั<br />
้ ง<br />
ศู นย์ อนุ ร<br />
ั กษ์ เฮ<br />
ื อนโบราณให้ เป็ นองค์ กรท<br />
ี่ ท<br />
ํ าหน้ าท<br />
ี่ เป็ นส<br />
ื่ อกลาง<br />
ในการแลกเปล<br />
ี่ ยนเร<br />
ี ยนร<br />
ู้ ระหว<br />
่ างผู้ มี ส<br />
่ วนเกี่ ยวข้ องกั บการอนุ ร<br />
ั กษ์<br />
สถาปั ตยกรรมพื้ นถิ<br />
่ น ประเภทเร<br />
ื อนโบราณในอ<br />
ํ าเภอส<br />
ั นป่ าตอง<br />
จั งหว<br />
ั ดเช<br />
ี ยงใหม่ และพื้ นที่ ใกล้ เคี ยง นายร<br />
ุ่ งโรจน์ ทุ่ มเทสรรพกํ าลั ง<br />
ในการลงพื้<br />
นท<br />
ี่ ส<br />
ํ ารวจ และท<br />
ํ าความเข้ าใจก<br />
ั<br />
บคนในช<br />
ุ มชนด้ วย<br />
ร<br />
ื อองค์ กร อนุ ร<br />
ั กษ์ ศิ ลปสถาป<br />
ั<br />
ตยกรรม<br />
รางว<br />
ั ลอนุ ร<br />
ั กษ์ ศิ ลปสถาป<br />
ั ตยกรรมป<br />
ี 2566
ั<br />
ิ<br />
์<br />
้<br />
ตึ<br />
ตึ<br />
้<br />
ุ<br />
ุ<br />
ิ<br />
ิ<br />
ิ<br />
ิ<br />
ิ<br />
่<br />
ึ<br />
ั<br />
ิ<br />
่ึ<br />
16<br />
<strong>ASA</strong> Architectural Conservation Award <strong>2023</strong><br />
Type A: Conservation of Architectural<br />
Heritage and Community<br />
Award of Distinction<br />
Suwanwajoksikit<br />
Building<br />
Bangkok<br />
ที่ตั้ง :<br />
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์<br />
แขวงลาดยาว เขตจตุจักร<br />
กรุงเทพมหานคร<br />
สถาปนิกอนุรักษ ์:<br />
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ฐิ ติวุฒิ ชัยสวัสดิ์อารี<br />
ผู้ครอบครอง :<br />
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์<br />
ภายใต้การดูแลของคณะวิทยาศาสตร์<br />
สถาปนิก / ผู้ออกแบบ :<br />
าคารเร ี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทองพันธ์<br />
ยนรวมของนิ ิสตในช<br />
่ วงยุ คเร ่ ม ก่ ้ งอ ตั<br />
พู นสุวรรณ<br />
ปี ที่สร้าง:<br />
พ.ศ. 2506<br />
เร ี ยนท ี่ มี ขนาดใหญ่ ี่ทุสดในเวลานั<br />
้ น ต่ อมามี<br />
งจนหยุ Suwanwajkasikij ดการใช ้ Building งานในพุ Conservation ทธศั employed กราช a complete 2556<br />
process, beginning with a study of the history of building condi-<br />
ุรดโทรมจากการใช<br />
tion assessment to ้design งานและขาดการดู and determine appropriate แลร conser- ั กษา<br />
vation methods. It is able to maintain and repair deteriorated<br />
ะว ิ ทยาศาสตร<br />
architectural elements ์ ได้ จso ดท that ํ าแผนการอนุ<br />
they can be used in conjunction<br />
with the newly built building. Conservation design takes<br />
ัรกษ์<br />
างอาคารปฏิ into account บั the ติ preservation การรวมคณะว<br />
of the unique ิ ทยาศาสตร<br />
features of the<br />
original building while choosing the building system structure<br />
ละเช ื่ อมโยงกั and new materials บการใช rationally ้ งานและบร<br />
consistent with ิ บทใหม่ current usage. ของ<br />
Also, a landscape improvement allows the building to retain<br />
ารอนุ its ัรoriginal กษ์ ใช proportions ้ ิวี ธ ถอดร despite ื้ อและประกอบใหม่<br />
the building’s taller elevation.<br />
The project has set a good example for preserving buildings<br />
งคงร ั that กษาร have ู historical ปแบบทางสถาป<br />
significance for ั Kasetsart ตยกรรมเดิ University and มไว<br />
other educational institutions.<br />
มพั นธ ์ ักบการก<br />
่ อสร ้ างตามร ู ปแบบดั ้ งเดิ ม<br />
งส ่ วนให้ อาคารมี ความแข ็ งแรงเหมาะสมก ั บ<br />
ตึกสุวรรณวาจกกสิกิจ เป็นหนึ่งในกลุ่มอาคารเรียนรวมของนิสิตในช่วง<br />
ยุคเริ่มก่อตั้งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที ่ ง มหาว<br />
ิ ทยาล ถือเป็นอาคารเรียนที่มีขนาด<br />
ใหญ่ที่สุดในเวลานั้น ต่อมามีตึกสุวรรณวาจกกสิกิจเป็นอาคารสองชั้น<br />
ใต้ถุนเปิดโล่ง สถาปนิ ชั้นบนเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ก | ผู้ ออกแบบ สามารถจุคนได้ประมาณ ผู้ ช<br />
300 คน มีบันไดทางขึ้นสองด้านเชื่อมกับระเบียงทางเดินบริเวณ<br />
สถาปนิ กอนุ ัรกษ์ ผู้ ช<br />
ด้าน<br />
ทิศตะวันออก การวางตําแหน่งอาคารเป็นลักษณะการวางขวางตะวัน<br />
เพื่อให้ อาคารขนานกับถนนสุวรรณวาจกกสิกิจซึ่งเป็นถนนที่แบ่งพื้นที<br />
ผู้ ครอบครอง มหาว ิ ทยาล<br />
ระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กับพื้นที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์<br />
(เดิม) ทําให้เห็นการออกแบบที่มีองค์ประกอบของแผงกันแดดทางด้าน<br />
ปี ี่สร ท ้ าง พุ ทธศั กราช 2506<br />
ทิศตะวันตกและการยื่นชายคาหลังคาเพื่อป้องกันแดดยาวประมาณ 2<br />
เมตร ส่วนทางด้านทิศตะวันออกจะเป็นระเบียงทางเดินเพื่อไม่ให้<br />
ผนังภายในห้องรับแดดโดยตรง ห้องบรรยายชั้นบนเป็นพื้นที่เปิดโล่ง<br />
ขนาดใหญ่ มีโครงสร้างหลังคาเป็นโครงถักไม้ (Wooden Truss) พาด<br />
ตลอดความกว้างของห้อง เพื่อไม่ให้มีเสาบริเวณกลางห้อง มีการเจาะ<br />
ช่องแสงจากด้านบนหลังคา กสวรรณวาจกกส<br />
(Skylight) ผนังด้านทิศตะวันตกและตะวัน กจ เป<br />
ออกใช้หน้าต่างช่องบานเปิดคู่ตลอดความยาวของอาคารพื้นที่เหนือ<br />
หน้าต่างเป็นช่องระบายอากาศกรุด้วยตาข่ายเหล็กสาน สามารถจ<br />
รูปทรงหลังคา<br />
เป็นจั่วการเปลี่ยนแปลงการใช้งานอยู่หลายครั้งจนหยุดการใช้งาน<br />
ในพุทธศักราช ด้ 2556 านทความชัน ศตะว 15 องศา มุงด้วยกระเบื้องซีเมนต์ใยหิน<br />
แผงบังแดดทําด้วยโครงไม้เนื้อแข็ง เนื่องจากอาคารมีสภาพความ<br />
เสียหายและทรุดโทรมจากการใช้งานและขาดการดูแลรักษา<br />
อาคารขนานก ั บถนนส<br />
ั ยเกษตรศาสตร ์ แขวงล<br />
่ วยศาสตราจา<br />
่ วยศาสตราจารย์ ิฐติ<br />
ั ยเกษตรศาสต<br />
็ นอาคารสองช ั้น<br />
ุ คนได้ ประมาณ 300 คน มี บั นไดท<br />
ั นออก การวางตํ าแหน่ งอาค<br />
ุ วรรณวาจกกส ิ ิกจซ<br />
เกษตรศาสตร ์ ักบพื้ นท ี่ กระทรวงเกษตรแ<br />
องค์ ประกอบของแผงกั นแดดทางด้ านทิ ศ<br />
่ วนทางด้ านท<br />
ั บแดดโดยตรง ห้ องบ<br />
็ นโครงถ ั กไม้ (Woo<br />
ิ เวณกลางห้ อง มี การเจ<br />
ั นออกใช ้ หน้ า<br />
่ องระบายอากาศ<br />
ุ งด้ วยกระเบื้องซ<br />
ี เมน<br />
กร ุ แผ่ นกระเบื้ องใยหิ นเพื่ อช ่ วยบั งแดดให้<br />
เปิ ดทางทิ ศตะว ั นตกได้ ดี ด้ านทิ ศเหนื อและ<br />
ั งแดดซ ่ งเป็ นเอกล<br />
หลังจากนั้นในพุทธศักราช 2558 คณะวิทยาศาสตร์ได้จัดทําแผนการ<br />
อนุรักษ์ตึกสุวรรณวาจกกสิกิจร่วมกับการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการ<br />
รวมคณะวิทยาศาสตร์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาคุณค่าอาคารเก่าและ<br />
เชื่อมโยงกับการใช้งานและบริบทใหม่ของ แดดยาวประมาณ พื้นที่คณะวิทยาศาสตร์ 2 เมตร สําหรับ ส<br />
กระบวนการอนุรักษ์ใช้วิธี ถอดรื้อและประกอบใหม่ (Reconstruction)<br />
ซึ่งเป็นกระบวนการที่ยังคงรักษารูปแบบทางสถาปัตยกรรมเดิมไว้ ผนั งภายในห้ องร<br />
โดย<br />
รักษาหลักการและวิธีการก่อสร้างที่สัมพันธ์กับการก่อสร้างตามรูปแบบ<br />
มี โครงสร ้ างหล ั งคาเป<br />
ดั้งเดิม แต่สามารถเปลี่ยนแปลงและเสริมวัสดุบางส่วนให้อาคารมีความ<br />
แข็งแรงเหมาะสมกับการใช้งาน เพื่ อไม่ ให้ มี ในปัจจุบันได้มีการรื้อฟื้นพื้นที่ชั้นล่างให้<br />
เสาบร<br />
กลับมามีลักษณะเปิดโล่งเหมือนใต้ถุนตึกเมื่อสมัยแรกสร้าง และปรับใช้<br />
เป็นร้านกาแฟ ผนั ส่วนพื้นที่ชั้นบนใช้เป็นหอประวัติของคณะวิทยาศาสตร์<br />
งด้ านทิ ศตะว ั นตกและตะว<br />
(Inspiration Center Faculty of Science KU) กรุแผ่นกระเบื้องใยหิน<br />
เพื ่อช่วยบังแดดให้กับทางเดินทางด้านทิศตะวันออกและผนังช่องเปิด<br />
พื้ นที่ เหนื อหน้ าต่ างเป็ นช<br />
ทางทิศตะวันตกได้ดี ด้านทิศเหนือและทิศใต้ของอาคารออกแบบเป็นผนัง<br />
ไม้สักตีทับ แนวทางตั้งสําหรับใช้บังแดดซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สําคัญของ<br />
ความช ั น 15 องศา ม<br />
อาคารหลังนี้<br />
ตึกสุวรรณวาจกกสิกิจ เป็นตัวแทนของลักษณะรูปแบบอาคารเรียนใน<br />
สมัยแรกของเขตร้อนชื้นที่ใช้การระบายอากาศโดยวิธีธรรมชาติ<br />
(Passive Design) แนวทางตั้ และความพยายามของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่<br />
งส ํ าหร ั บใช ้ บ<br />
แสดงให้เห็นถึงวิธีการออกแบบที่เข้ากับสภาพแวดล้อมของสถาปนิกที่<br />
จะออกแบบอาคารที่ประหยัดโครงสร้าง และให้เกิดประโยชน์สูงสุดใน<br />
การใช้งาน ผลของการอนุรักษ์ตามหลักวิชาการทําให้ตึกสุวรรณวา-<br />
กสวรรณวาจกกสกจ เป<br />
จกกสิกิจสามารถรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม<br />
สําคัญเอาไว้ได้ มหาว และกลายมาเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนิสิตเหมือนเช่นใน<br />
ิ ทยาล ั ยเกษตรศาสตร<br />
อดีตที่ผ่านมา<br />
็ นตั วแทนของ<br />
์ ที่ แสดงให้ เห็ น<br />
เขตร ้ อนช ื้ นที่ ใช ้ การระบายอากาศโดยว ิ ีธธ<br />
ของสถาปนิ กท ี่ จะออกแบบอาคารท ี่ ประห
นุ<br />
ี<br />
ตึ<br />
้<br />
ั<br />
ิ<br />
ิ<br />
ั<br />
ั<br />
ตึ<br />
ึ<br />
้<br />
ุตึ<br />
ึ<br />
ึ<br />
ิ<br />
ุ<br />
้<br />
ุ<br />
ิ<br />
ึ<br />
ิ<br />
ิ<br />
ิ<br />
ิ<br />
์<br />
ั<br />
้ั<br />
ิ<br />
โดยร ั กษาหล ั กการและว ิ ีธการก<br />
่ อสร ้ างท ี่ ัสมพั นธ ์ ักบการก<br />
่ อสร ้ างตามร ู ปแบบดั ้ งเดิ ม<br />
แต่ สามารถเปล ่ ยนแปลงและเสร ิ มว ั สดุ บางส ่ วนให้ อาคารมี ความแข ็ งแรงเหมาะสมก ั บ<br />
การใช ้ งานในปั จจ ุ บั น ได้ มี การร ื้ อฟื นพื้ นที่ ้ ชนล<br />
่ างให้ กล ั บมามี รางว รางว<br />
ัลกษณะเปิ ั ลอนุ ั ลอนุ<br />
ดโล ่ งเหมื ร ร<br />
อนใต้ ถุ น<br />
ตึ กเมื่ อสมั ยแรกสร ้ างและปร ั บใช ้ เป็ นร ้ านกาแฟ ่สวนพื้ นท ี่ ้ชนบนใช<br />
้ เป็ นหอประว ั ติ ของ<br />
คณะว ิ ทยาศาสตร ์ (Inspiration Center Faculty of Science KU)<br />
อนุ ัรั รกษ์<br />
กษ์<br />
ตึ<br />
กส ุ<br />
Type A: Award of Distinction<br />
มรดกทางสถาป<br />
ั ั<br />
ตึ<br />
กส ุ<br />
เขตร ้ อนช ื้ นที่ ใช ้ การระบายอากาศโดยว ิ ีธธรรมชาติ (Passive Design) และความพยา<br />
ที่ สร ้ างข ้ นใหม่ การออกแบบอนุ ัรกษ์<br />
ของสถาปนิ กท ี่ จะออกแบบอาคารท ี่ ประหยั ดโครงสร ้ างและให้ เก ิ ดประโยชน์ ูสงส<br />
ุ ด<br />
การใช ้ งาน ั ตยกรรมปี ั ตยกรรมปี<br />
ผลของการอนุ ัรกษ์ 2566 2566<br />
ตามหล ั กว ิ ชาการท ํ าให้ ตึ กส ุ วรรณวาจกกส ิ ิกจสาม<br />
่สั รกษาคุ วนที่ ณค่ าทางประว เป็ นเอกล<br />
ั ติ ศาสตร ์ และสถาปั ั กษณ์ ตยกรรมความส ของอาคารเดิ ํ าคั ญเอาไว ้ ได้ และกลายมา ม<br />
แหล ่ งเร ี ยนร ู้ ให้ ักบนิ ิสตเหมื อนเช ่ นในอดี ตท ี่ผ่ านมา 17<br />
งานระบบอาคาร ตลอดจนว ั สดุ ให<br />
สอดคล ้ องก ั บการใช ้ งานในปั จจ ุ บั น<br />
ัทตยกรรมและช<br />
ศน์ ี่ ท่ชวยให้ อาคารยั งคงส<br />
มชน ุ ั ดส ่ วนเ<br />
ระ<br />
อาคารให้ ูสงข<br />
้ น นั บเป็ นแบบอย่ างอ<br />
ความส ํ าคั ญทางประว ั ติ ศาสตร ์ ขอ<br />
และสถาบั นการศึ กษาอ ื่น ๆ ต่ อไป<br />
ั กษ์ ั กษ์ ศิ ลปสถาป ศิ ลปสถาป<br />
ตยกรรมและช ุ<br />
มชน ร<br />
วรรณวาจกกส<br />
ิ ิ ิกิ<br />
กจ<br />
จ<br />
รางว ั ลอนุ ัรกษ์ ศิ ลปสถาปั ตยกรรมปี 2566<br />
สถาปนิ สถาปนิ กอนุ กอนุ ัรกษ์ ัรกษ์ ผู้ ่ชวยศาสตราจารย์ ผู้ ิฐติ<br />
กส ุ วรรณวาจกกสกจ มหาว ิ ทยาลยเกษตรศาสตร<br />
ผู้ ์ ครอบครอง ผู้ กร<br />
งเทพฯ มหาว มหาว ิ ทยาล ิ ทยาล ั ยเกษตรศาส ั ปี ี่สร ทปี<br />
้ ี่สร ทาง ้ าง พุ ทธศั พุ ทธศั กราช กราช 2506 2506<br />
คํ<br />
ที ่ ง ที มหาว ่ ง ตั มหาว ิ ตั ทยาล ิ ทยาล ั ยเกษตรศาสตร<br />
ั ์ แขวงล ์ สถาปนิ สถาปนิ ก | ผู้ ก ออกแบบ | ผู้ ออกแบบ ผู้ ่ชวยศาสตราจา<br />
ผู้ าประกาศ<br />
กระบวนการอนุ ัรกษ์ มี ความครบถ้ วน โดยมี การศึ กษาประว ั ติ<br />
ความเป็ นมา การประเมิ นสภาพอาคารเพื่ อออกแบบและก ํ าหนด<br />
ิวีธการอนุ ัรกษ์ ที่ เหมาะสม สามารถร ั กษาและซ่ อมแซมองค์ ประกอบ<br />
ทางสถาปั กส ตยกรรมที่ วรรณวาจกกส<br />
กสเสื่ วรรณวาจกกส<br />
อมสภาพให้ กลั บมาใช ก้ จ งานได้ เป กจ ควบคู่ เปกั บอาคาร<br />
ั กษาคุ ณค่ าของ<br />
้ าง<br />
้ าไปอย่ างเป็ นเหตุ เป็ นผล<br />
ุ งภู มิ -<br />
้ แม้ จะมี การยกระดั บของ<br />
็ นอาคารสองช<br />
็ ุ คนได้ ุ คนได้ ประมาณ ประมาณ 300 300 คน มี คน บั นไดท มี บั น<br />
ั นออก ั นออก การวางตํ การวางตํ าแหน่ าแหน่ งอา<br />
ุ วรรณวาจกกส<br />
ุ วรรณวาจกกส ิ ิกจ<br />
ี่ กระทรวงเกษตรแ<br />
ั ยเกษตรศาสตร ี่ องค์ องค์ ประกอบของแผงกั ประกอบของแผงกั นแดดทางด้ นแดดทางด้ านทิ าศ<br />
่ วนทางด้ ่ วนทางด้ าน<br />
ผนั งภายในห้<br />
ั<br />
องร<br />
บแดดโดยตรง<br />
ั บแดดโดยตรง<br />
ห้ อง<br />
ห้<br />
มี โครงสร<br />
มี โครงสร<br />
้ างหล<br />
้ างหล<br />
ั งคาเป<br />
ั งคาเป<br />
็ นโครงถ<br />
็ นโครงถ<br />
ั กไม้<br />
ั กไม้<br />
(Wo<br />
(<br />
เพื่ อไม่ ให้ มี เสาบร ิ เวณกลางห้ อง มี การเ<br />
คำประกาศ<br />
ที่ สร ้ างข ้ นใหม่ การออกแบบอนุ ัรกษ์ คํ านึ งถึ งการร<br />
กระบวนการอนุรักษ์ตึกสุวรรณวาจกกสิกิจ สามารถจ<br />
มีความครบถ้วน โดยมี<br />
่สวนที่ นเอกล สามารถจ<br />
ั กษณ์ ของอาคารเดิ มไว ้ ในขณะที่ เล ื อกใช ้ โครงสร<br />
การศึกษาประวัติความเป็นมา การประเมินสภาพอาคาร เพื่อออกแบบ<br />
งานระบบอาคาร<br />
และกําหนดวิธีการอนุรักษ์ที่เหมาะสม ด้ านท ตลอดจนว ั สดุ ใหม่ เข<br />
สอดคล ้ องก ั<br />
ด้<br />
บการใช<br />
านท ศตะว<br />
้ งานในปั<br />
ศตะว<br />
จจ ุ บั น<br />
สามารถรักษาและซ่อมแซม<br />
นอกจากนี้ การปร ั บปร<br />
องค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่เสื่อมสภาพให้กลับมาใช้งานได้ควบคู่<br />
ัทศน์ ท่ชอาคารขนานก<br />
วยให้ อาคารยั งคงส ั ดส ่ วนเดิ มไว<br />
กับอาคารที่สร้างขึ้นใหม่ ั บถนนส<br />
การออกแบบอนุรักษ์คํานึงถึงการรักษาคุณค่า<br />
ั บถนนส<br />
อาคารให้ ูส<br />
้ น นั บเป็ นแบบอย่ างอ ั นดี ให้ กั บการอนุ ัรกษ์ อาคารที่ มี<br />
ของส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ของอาคารเดิมไว้ ความส ํ เกษตรศาสตร<br />
าคั ญทางประว เกษตรศาสตร<br />
ั ติ ์ ์ ักของมหาว<br />
บพื้ ์ ักในขณะที่เลือกใช้โครงสร้าง<br />
นท บพื้ ิ ทยาล นท<br />
งานระบบอาคาร และสถาบั นการศึ ตลอดจนวัสดุใหม่เข้าไปอย่างเป็นเหตุเป็นผล กษาอ ื่น ๆ ต่ อไป<br />
สอดคล้อง<br />
กับการใช้งานในปัจจุบัน นอกจากนี้การปรับปรุงภูมิทัศน์ที่ช่วยให้อาคาร<br />
ยังคงสัดส่วนเดิมไว้แม้จะมีการยกระดับของอาคารให้สูงขึ้น แดดยาวประมาณ แดดยาวประมาณ 2 เมตร 2 เมตร สนับเป็น<br />
ส<br />
แบบอย่างอันดีให้กับการอนุรักษ์อาคารที่มีความสําคัญทางประวัติศาสตร์<br />
ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์<br />
ผนั งภายในห้<br />
และสถาบันการศึกษาอื่น<br />
องร<br />
ๆ ต่อไป
ิ<br />
ั<br />
ึ<br />
ผลดี ทางเศรษฐก ิ จและส ั งคม และถื อเป็ นโครงการท ี่ เก ิ ดข ้ นจาก<br />
การร ิ เร ่ มโดยช ุ มชนเองเป็ นคร ้ งแรก<br />
18<br />
<strong>ASA</strong> Architectural Conservation Award <strong>2023</strong><br />
Type A: Conservation of Architectural<br />
Heritage and Community<br />
Award of Distinction<br />
Conservation<br />
Project and Revitalize<br />
the Luanrit<br />
Community Area<br />
Bangkok<br />
ที่ตั้ง :<br />
ถนนเยาวราช แขวงจักรวรรดิ<br />
เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร<br />
สถาปนิก / ผู้ออกแบบ :<br />
ไม่ปรากฏชื่อผู้ออกแบบ<br />
สถาปนิกอนุรักษ ์:<br />
บริษัท กุฏาคาร จํากัด<br />
ผู้ครอบครอง :<br />
สํานักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์<br />
บริหารจัดการโดย :<br />
บริษัทชุมชนเลื่อนฤทธิ์ จํากัด<br />
ปี ที่สร้าง:<br />
สมัยรัชกาลที่ 5<br />
The conservation process is complete in the Luanrit Community<br />
Area Conservation and Restoration Project. It consists of a study<br />
of the background of the building and its location, structural<br />
investigations and elements of buildings in different periods,<br />
archaeological surveys, and assessing the condition of the<br />
building. Conservation techniques are appropriately selected<br />
to solve the problems of building deterioration and demolition<br />
that have occurred in the past. As a result, the value of the<br />
historical building group of the community has been restored<br />
again, as well as various limitations from the value of land,<br />
space requirements, and multiple systems working creatively.<br />
This is an example of a project to adjust the usability of old<br />
commercial buildings for further use and a good example of<br />
area management that can balance conservation and development<br />
with economic and social benefits.<br />
โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ชุมชนเลื่อนฤทธิ์ เดิมที่ดินแปลงนี้เป็นของ<br />
คุณหญิงเลื่อนภรรยาหลวงฤทธิ์นายเวร ชาวบ้านจึงเรียกชื่อย่านนี้ว่า เลื่อนฤทธิ์<br />
ต่อมา คุณหญิงเลื่อนได้ขายที่ดินให้กับพระคลังข้างที่ จึงพัฒนาพื้นที่และสร้าง<br />
ตึกแถวให้เช่า โดยในช่วงแรกของการใช้งานอาคารนั้นเป็นห้องเช่าของผู้เดินทาง<br />
ทั่วไป ต่อมาชาวจีนฮากกาหรือจีนแคะ ย้ายเข้ามาเช่าเพื่อพักอาศัยพร้อมกับ<br />
ประกอบกิจการการค้า และตามมาด้วยคนอินเดียและคนจีนกลุ่มอื่น ๆ ทํา<br />
ให้ผู้ที่อยู่ในชุมชนเลื่อนฤทธิ์ประกอบด้วยคนไทยเชื้อสายจีนและอินเดีย ใน<br />
พุทธศักราช 2544 สํานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้ออกหนังสือ<br />
บอกเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าในชุมชนเลื่อนฤทธิ์เพื่อพัฒนาพื้นที่ ทําให้เกิดการ<br />
เจรจาต่อรองเพื่อหาทางออกร่วมกันระหว่างผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนอยู่<br />
หลายครั้ง จนในที่สุดสํานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้เปิดโอกาสให้<br />
ผู้เช่าเดิมในชุมชนเลื่อนฤทธิ์รวมตัวกันมาทําสัญญาเช่าเพื่อการฟื้นฟูอาคาร<br />
และพื้นที่ในรูปแบบของการอนุรักษ์ชาวชุมชนเลื่อนฤทธิ์ได้ร่วมกันระดมทุน<br />
จัดตั้งบริษัทชุมชน เลื่อนฤทธิ์ จํากัด เป็นผู้เช่า สํานักงานทรัพย์สินส่วน<br />
พระมหากษัตริย์ได้ลงนามสัญญาเช่ากับบริษัทชุมชนเลื่อนฤทธิ์ จํากัด<br />
เมื่อพุทธศักราช 2555 ด้วยการร่วมแรงร่วมใจ และร่วมทุนของชาวชุมชน<br />
โครงการได้เริ่มดําเนินการก่อสร้างจริงจังในพุทธศักราช 2558 มีการศึกษา<br />
เอกสารหลักฐานทางประวัติศาสตร์ การดําเนินงานทางโบราณคดีสําหรับชุมชน<br />
เมืองที่มีประโยชน์ต่อการศึกษาประวัติความเป็นมาของพื้นที่ด้านการอนุรักษ์<br />
มีการรื้อถอนอาคารส่วนต่อเติมที่ทําลายคุณค่าอาคารอนุรักษ์เดิม คืนสภาพทาง<br />
หนีไฟ และช่องทางเดินในอดีต จัดสร้างทางหนีไฟเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นไปตาม<br />
กฎหมาย และใช้ประโยชน์เป็นทางบริการด้านหลัง บูรณะอาคารอนุรักษ์เดิม<br />
ส่วนที่ถูกรื้อถอนหรือชํารุด เสื่อมสภาพ ฟื้นฟูรูปแบบดั้งเดิมให้กลับคืนมา<br />
เพื่อรักษาเอกลักษณ์ทางกายภาพของกลุ่มอาคารโดยภาพรวมจัดสร้างอาคาร<br />
ส่วนต่อเติมด้านหลังอาคารเดิมให้มีพื้นที่ใช้งานมากขึ้น ด้วยการเพิ่มห้องใต้<br />
หลังคาด้วยความสูงมากที่สุด เท่าที่จะไม่รบกวนมุมมองทางด้านหน้าของอาคาร<br />
ดั้งเดิม และปรับปรุงพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งในส่วนระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ<br />
ถนน ทางเดิน และภูมิทัศน ์ให้รองรับการใช้งานใหม่ การดําเนินการทั้งหมด<br />
แล้วเสร็จในพุทธศักราช 2564<br />
โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ชุมชนเลื่อนฤทธิ์ ประกอบด้วยตึกแถวสูง 2 ชั้น<br />
ยาวขนานไปกับถนนเยาวราชและถนนภายในชุมชนจํานวน 231 คูหา รูปแบบ<br />
สถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล โครงสร้างผนังชั้นล่างเป็นกําแพงรับน้ําหนัก<br />
ก่ออิฐ โครงสร้างพื้นชั้นบนเป็นไม้ โครงสร้างหลังคาทรงจั่วเดิมเป็นไม้ ปัจจุบัน<br />
เปลี่ยนเป็นโครงสร้างหลังคาเหล็ก ทั้งหมดมุงด้วยกระเบื้องว่าวซีเมนต์ จุดเด่น<br />
ของตึกแถวชุมชนเลื่อนฤทธิ์อยู่ที่ตึกแถวหัวมุมถนนจะถูกตัดมุมฉากออกทําหน้า<br />
ตึกขนาด 1-3 ห้อง ตึกแถวทุกๆ 2-3 คูหาจะสร้างกําแพงอิฐกั้นสูงจากพื้นถึง<br />
หลังคาเพื่อกันไฟ ประดับด้วยบัวปูนปั้นหน้าจั่วหลังคา ประดับปูนปั้นรูปวงกลม<br />
ประตูชั้นล่างเป็นบานเฟี้ยม เหนือประตูบานเฟี้ยมมีช่องระบายอากาศยาว<br />
ตลอดแนว หน้าต่างเป็นบานเปิดคู่ลูกฟักไม้ ตอนบนประดับช่องลมไม้ฉลุลาย<br />
กันสาดชั้นล่างเป็นโครงสร้างไม้มุงด้วยสังกะสี และมีค้ํายันเหล็กหล่อดัดโค้ง<br />
กันสาด ชั้นบนเป็นโครงสร้างไม้มุงด้วยสังกะสี และประดับด้วยไม้ฉลุลาย<br />
โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ชุมชนเลื่อนฤทธิ์ จัดเป็นโครงการอนุ รักษ์ที่เกิด<br />
ความร่วมมือกันจากหลายภาคส่วน โดยมีชุมชนเองเป็นแกนสําคัญของการ<br />
ขับเคลื่อน มีการบูรณะฟื้นฟูอาคารตามหลักวิชาการ เป็นโครงการที่ทําให้<br />
สามารถรักษารูปแบบดั้งเดิมของอาคารไว้ได้ ควบคู่กับการจัดสรรพื้นที่ใช้สอย<br />
ภายในใหม่ให้มีความสะดวกสบาย ในการใช้งานให้สอดคล้องกับชีวิตใน<br />
ปัจจุบัน รวมทั้งเพิ่มเติมงานระบบต่าง ๆ ที่ได้มาตรฐาน ทําให้โครงการอนุรักษ์<br />
และพัฒนาพื้นที่ชุมชนเลื่อนฤทธิ์กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ ด้านประวัติศาสตร ์และ<br />
สถาปัตยกรรมที่สําคัญของกรุงเทพมหานครได้เป็นอย่างดี
่<br />
ึ<br />
ั<br />
ั<br />
ั<br />
้ ั<br />
ี<br />
ิ<br />
ุ<br />
ิ<br />
ั<br />
ิ<br />
้<br />
ี<br />
ุ<br />
็<br />
ิ<br />
่<br />
ั<br />
ั<br />
ั<br />
ั<br />
้ ั<br />
ั<br />
ิ<br />
ั<br />
ุ<br />
ิ<br />
้<br />
ั<br />
ั<br />
ุ<br />
ุ<br />
ั<br />
ั<br />
้ึ<br />
้ึ<br />
ุ<br />
ุ<br />
ั<br />
ั<br />
้<br />
ิ<br />
้<br />
้<br />
้<br />
้<br />
ั<br />
ึ<br />
ึ<br />
ิ<br />
็<br />
ิ<br />
่<br />
ั<br />
่ี<br />
ุ<br />
ั<br />
ระดั บดี มาก<br />
Type A: Award of Distinction<br />
19<br />
รางว ั ลอนุ ัรกษ์ ศิ ลปสถาป คำประกาศ ั ตยกรรมปี 2566<br />
งานอนุ ัรกษ์ มรดกทางสถาปั ตยกรรมและช<br />
กระบวนการอนุรักษ์มีความครบถ้วน ุ มชน ระดั บดี ประกอบด้วยการศึกษาประวัติ มาก<br />
ความ<br />
เป็นมาของอาคารและพื้นที่ตั้ง การศึกษาโครงสร้าง และองค์ประกอบของ<br />
โครงการอนุ<br />
โครงการอนุ ัรกษ์ และฟื ้ นฟู พื้ นท<br />
อาคารในช่วงเวลาต่าง ๆ การสํารวจทางโบราณคดี ตลอดจนมีการประเมิน<br />
สภาพอาคาร มีการเลือกเทคนิควิธีการอนุรักษ์เพื่อแก้ปัญหาความเสื่อมสภาพ<br />
ัรกษ์ และฟื<br />
ี่ช ุ มชนเล<br />
้ นฟู ื่อนฤทธ<br />
ของอาคาร<br />
พื้ นท<br />
ิ์ แก้ไขการต่อเติม<br />
ี่ช<br />
กร<br />
ร<br />
ุ งเทพ ฯ<br />
รางว ุ มชนเล<br />
และรื้อสร้างใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา<br />
ื่อนฤทธิ์<br />
ั ลอนุ ั ร กษ์ ศิ ลปสถาปั ตยกรรมปี 2566<br />
มี<br />
ผลให้คุณค่าของความเป็นกลุ่มอาคารประวัติศาสตร์ของชุมชนกลับคืนมาได้<br />
คํ าประกาศ<br />
อีกครั้ง รวมทั้งได้แก้ปัญหาข้อจํากัดต่าง ๆ จากมูลค่าของที่ดิน ความต้องการ<br />
โครงการอนุ ัรกษ์ และฟื ้ นฟู พื้ นท ี่ช ุ มชนเล<br />
ในเรื่องพื้นที่ใช้สอย<br />
ื่อนฤทธ กระบวนการอนุ ิ์ กร<br />
และงานระบบต่าง<br />
ุ ัรงเทพ กษ์ มี ความครบถ้ ฯ<br />
ๆ ได้อย่างสร้างสรรค์<br />
วน ประกอบด้ วยการศึ<br />
นับเป็นตัวอย่าง<br />
กษาประว ั ติ<br />
ของโครงการปรับประโยชน์ใช้สอยกลุ่มตึกแถวเก่าเพื่อใช้งานสืบต่อไป<br />
ความเป็ นมาของอาคารและพื้ นท ี่ ตั ้ ง การศึ กษาโครงสร ้ างและ<br />
เป็น<br />
องค์ ประกอบของอาคารในช่ วงเวลาต่ ๆ การสํ ารวจทางโบราณคดี<br />
ตัวอย่างของการบริหารจัดการพื้นที่ที่สามารถรักษาสมดุลของการอนุรักษ์<br />
ตลอดจนมี คํ าประกาศ การประเมิ นสภาพอาคาร มี การเล ื อกเทคนิ คว ิ ีธการ<br />
และพัฒนาที่มีผลดีทางเศรษฐกิจและสังคม และถือเป็นโครงการที่เกิดขึ้น<br />
อนุ รกระบวนการอนุ ัรกษ์ มี ความครบถ้ วน ประกอบด้ วยการศึ กษาประว ั ติ<br />
จากการริเริ่มโดยชุมชนเอง<br />
นเล ื่อนฤทธิ์<br />
โครงการอนุ ัรกษ์ และฟื ้ นฟู พื้ นท ี่ ุชมชนเล<br />
ื่ อนฤทธิ์ เดิ มท ี่ ดิ นแปลงนี้ เปนของ<br />
คุ ณหญิ งเล ื่อน ภรรยาหลวงฤทธ ิ์ นายเวร ชาวบ้ านจ ึ งเร ี ยกช ื่อย่ านนี้ ่วา เล ื่อนฤทธ ิ์ ต่ อมา<br />
คุ ณหญิ งเล ื่อนได้ ขายท ี่ดิ นให้ ักบพระคล<br />
ั งข ้ างท ี่ ึจงพั ฒนาพื้ นท ี่และสร ้ างตึ กแถวให้ เช ่ า<br />
โดยในช ่ วงแรกของการใช ้ งานอาคารนั้ นเป็ นห้ องเช ่ าของผู้ เดิ นทางท ั่ วไป ต่ อมาชาวจ ี น<br />
ฮากกาหร ที ้ ื ่ ง อจ ี นแคะย้ ถนนเยาวราช ายเข ตั ้ ามาเช ่ าเพื่ อพั กอาศั ยพร ้ อมก แขวงจ<br />
ั บประกอบก ิ จการการค้ า และ<br />
ตามมาด้ วยคนอ ิ นเดี ยและคนจ ี นกล ่ มอ ื่ น ๆ ํทาให้ ผู้ ี่ทอยู่ ในช ุ มชนเล ื่ อนฤทธ ิ์ ประกอบ<br />
ด้ วยคนไทยเช ื้ อสายจ ี นและอ ิ นเดี ย ในพุ ทธศั กราช 2544 ํสานั กงานทร ั พย์ สนสวน<br />
พระมหากษั ตร ิ ย์ ได้ ออกหนั งส ื อบอกเล ิ กส ั ญญาเช ่ ากั บผู้ เช ่ าในช ุ มชนเล ื่ อนฤทธิ ์ เพื่ อพั ฒนา<br />
พื้ นท ี่ ํทาให้ เก ิ ดการเจรจาต่ อรองเพื่ อหาทางออกร ่ วมก ั นระหว ่ างผู้ ี่ทมี ่สวนเก<br />
ี่ ยวข ้ อง<br />
ทุ กภาคส<br />
สถาปนิ<br />
่ วนอยู่ หลายคร<br />
กอนุ<br />
้ ง จนในท ่ัรุ สดส<br />
กษ์<br />
ํ านั กงานทร<br />
บร<br />
ั พย์ ิสนส<br />
่ วนพระมหากษั ตร ิ ย์ ได้ เปิ ด<br />
โอกาสให้ ผู้ เช ่ าเดิ มในช ุ มชนเลื่ อนฤทธิ ์ รวมตั วกั นมาทํ าส ั ญญาเช ่ าเพื่ อการฟื นฟู อาคารและ<br />
พื้ นที่ ผู้ ในร ครอบครอง ู ปแบบของการอนุ ัรกษ์ ชาวช ุ มชนเล ํสื่ อนฤทธ านั ์ ได้ กงานทร<br />
่รวมกั นระดมทุ นจั ั ดตั ้ พย์ งบร ิ ษั ทช ุ สมชน<br />
เล ื่ อนฤทธ ิ์ ํจาก<br />
ั ด เป ็ นผู้ เช ่ าของ ํสานั กงานทร ั พย์ ิสนส<br />
่ วนพระมหากษั ตร ิ ย์ ได้ ลงนาม<br />
ัสญญาเช<br />
่ ากั บบร ิ ษั ุ ื่ อนฤทธ ์ ํจากั ด เมื่ อพุ ทธศั กราช 2555 ด้ วยการร ่ วมแรงร ่ วมใจ<br />
บร ิ ษั ทช ุ มชนเล ื่อนฤทธ<br />
และร ่ วมทุ นของชาวช ุ มชน โครงการได้ เร ่ มดํ าเนิ นการก<br />
ิ์ ํจาก<br />
ั ด<br />
่ อสร ้ างจร ิ งจ ั งในพุ ทธศั กราช<br />
2558 มี การศึ กษาเอกสารหล ั กฐานทางประว ั ติ ศาสตร ์ การดํ าเนิ นงานทางโบราณคดี<br />
สํ าหร ปี ั บช ี่สร ทุ มชนเมื ้ องที่ าง มี ประโยชน์ สมั ต่ อการศึ ยร ั กษาประว ชกาลท<br />
ั ติ ความเป็ ี่ นมาของพื้ 5 นที่ ด้ านการอนุ ัรกษ์<br />
มี การร ื้ อถอนอาคารส ่ วนต่ อเติ มท ี่ ํทาลายคุ ณค่ าอาคารอนุ ัรกษ์ เดิ ม คื นสภาพทางหนี ไฟ<br />
และช ่ องทางเดิ นในอดี ต ัจดสร<br />
้ างทางหนี ไฟเพิ ่ มเติ มเพื่ อให้ เป็ นไปตามกฎหมาย และ<br />
ใช ้ ประโยชน์ เป็ นทางบร ิ การด้ านหล ั งบ ู รณะอาคารอนุ ัรกษ์ เดิ มส ่ วนที่ ถู กร ื้ อถอนหร ื อช ํ าร ุ ด<br />
เส ื่ อมสภาพ ้ฟื<br />
นฟู ูรปแบบดั<br />
้ งเดิ มให้ กล ั บคื นมาเพื่ อร ั กษาเอกล ั กษณ์ ทางกายภาพของ<br />
โครงการอนุ ั ัรกษ์ และฟื ้ ้ นฟู นฟู พื้ พื้ นท ี่ ี่ ช<br />
กล ุ่ มอาคารโดยภาพรวม ัจดสร<br />
้ างอาคารส ่ วนต่ อเติ มด้ านหล ั งอาคารเดิ มให้ มี พื้ นที่ ใช ้ งาน<br />
มากข ้ น ด้ วยการเพิ ่ มห้ องใต้ หล ั งคา ด้ วยความส ู งมากที่ ุสดเท่ าที่ จะไม่ รบกวนมุ มมองทาง<br />
ด้ านหน้ าของอาคารดั ื่อน ้ งเดิ ม และปร ภรรยาหลวงฤทธ<br />
ั บปร ุ งพื้ นที่ ่สวนกลาง ้ทั<br />
งในส ่ วนระบบสาธารณู ปโภค<br />
สาธารณู ปการ ถนน ทางเดิ น และภู มิ ัทศน์ ให้ รองร ั บการใช ้ งานใหม่ การดํ าเนิ นการ<br />
้ ทั งหมดแล ้ วเสร ็ จในพุ ทธศั กราช 2564<br />
งานอนุ ัรกษ์ มรดกทางสถาปั ต<br />
รางว ั ลอนุ ัรกษ์ ศิ ลปสถาปั ตยกรรมปี 2566<br />
ั กษ์ และฟื ้<br />
ั กษ์ เพื่ อแก้ ปั ญหาความเสื่ อมสภาพของอาคาร แก้ ไขการต่ อเติ ม<br />
และร ความเป็ ื้ อสร ้ างใหม่ นมาของอาคารและพื้ ี่ทเก<br />
ิ ดขนในช<br />
่ วงเวลาท นท ี่ ตั ้ ง การศึ ี่ ผ่ านมา กษาโครงสร มี ผลให้ ้ างและ คุ ณค่ า<br />
ของความเป็ องค์ ประกอบของอาคารในช่ นกล ่ มอาคารประว วงเวลาต่ ั ติ ศาสตร าง ๆ ์ ของช การสํ ุ ารวจทางโบราณคดี<br />
มชนกล ั บคื นมาได้<br />
ตลอดจนมี การประเมิ นสภาพอาคาร มี การเล ื อกเทคนิ คว ิ ีธการ<br />
ีอกคร<br />
้ ง รวมท ้ งได้ แก ้ ปั ญหาข ้ อจ ํ าก ั ดต่ าง ๆ จากม ู ลค่ าของท ี่ ดิ น<br />
อนุ ัรกษ์ เพื่ อแก้ ปั ญหาความเสื่ อมสภาพของอาคาร แก้ ไขการต่ อเติ ม<br />
ความต้ องการในเร ื่องพื้ นท ี่ใช ้ สอย และงานระบบต่ าง ๆ ได้ อย่ าง<br />
ที ้ ่ ง ถนนเยาวราช ตั และร ื้ อสร แขวงจ ้ างใหม่ ั กรวรรดิ ี่ทเก<br />
ิ เขตส ดขั นในช มพั นธวงศ์ ่ วงเวลาท กร ุ งเทพมหานคร<br />
ี่ ผ่ านมา มี ผลให้ คุ ณค่ า<br />
สถาปนิ<br />
สร<br />
ก<br />
้<br />
|<br />
างสรรค์<br />
ผู้ ของความเป็ ออกแบบ<br />
นั<br />
ไม่<br />
บเป็<br />
ปรากฏช นกล<br />
นตั<br />
่ มอาคารประว<br />
วอย่<br />
ื่อผู้ ออกแบบ<br />
างของโครงการปร<br />
ั ติ ศาสตร ์ ของช<br />
ั<br />
ุ<br />
บประโยชน์<br />
มชนกล ั บคื นมาได้<br />
ใช ้ สอย<br />
สถาปนิ กล กอนุ ุ่ มตึ ีอั รกคร<br />
กษ์ กแถวเก่ ้ บร ง ิ ษั รวมท ท กุ ฎาคาร ้าเพื่ งได้ อใช ํจแก<br />
าก ้้ ั ปั ด งานส ญหาข ื บต่ ้ อจ ํ อไป าก ั ดต่ เป็ าง นตั ๆ วอย่ จากม างของการบร<br />
ู ลค่ าของท ี่ ดิ ิ น หาร<br />
ผู้ ครอบครอง ัจดการพื้ ํสานั กงานทร ั พย์ ิสนพระมหากษั ตร ิ ย์ บร ิ หารจ ั ดการโดย<br />
ั ความต้ มพั<br />
นท องการในเร ี่ท<br />
นธวงศ์<br />
ี่สามารถร ื่องพื้ ั กษาสมดุ นท กร ี่ใช ุ้ สอย งเทพมหานคร<br />
ลของการอนุ และงานระบบต่ ัรกษ์ าง และพั ๆ ได้ ฒนาท อย่ างี่มี<br />
บร ิ ษั ทช ุ มชนเล ื่อนฤทธ ิ์ ํจาก<br />
ั ด<br />
ผลดี<br />
ป ี ี่สร ท สร ้ทางเศรษฐก<br />
างสรรค์ นั บเป็ ิ จและส นตั วอย่ ั งคม างของโครงการปร<br />
และถื อเป็ นโครงการท ั บประโยชน์ ี่ เก ิ ใช ดข ้ ้ สอย นจาก<br />
้ าง สมั ยร ั ชกาลท ี่ 5<br />
การร กล ิ ุ่เร<br />
่ มตึ มโดยช กแถวเก่ ุ มชนเองเป็ าเพื่ อใช ้ งานส นคร ้ื งแรก บต่ อไป เป็ นตั วอย่ างของการบร ิ หาร<br />
โครงการอนุ ัจั รดการพื้ กษ์ และฟื ้ นท นฟู ี่ท ี่สามารถร พื้ นท ี่ ุชมชนเล<br />
ั กษาสมดุ ื่ อนฤทธิ์ ลของการอนุ ประกอบด้ วยตึ ัรกแถวส<br />
กษ์ และพั ู ง 2 ้ชฒนาท<br />
น ยาว ี่มี<br />
ขนานไปกั บถนนเยาวราชและถนนภายในช<br />
ผลดี ทางเศรษฐก ิ จและส ั ุ งคม มชนจ ํ านวน และถื 231 อเป็ คู นโครงการท<br />
หา ูรปแบบสถาปั ี่ เก ิ ตยกรรม ดข ้ นจาก<br />
แบบโคโลเนี การร ยล โครงสร ิ เร ่ มโดยช ้ างผนั ุ มชนเองเป็ งช ้ นล ่ างเป็ นคร นก ํ ้ าแพงร งแรก ั บนํ้ าหนั ก ่กออ<br />
ิ ฐ โครงสร ้ างพื้ น<br />
้ชั<br />
นบนเป็ นไม้ โครงสร ้ างหล ั งคาทรงจ ่ วเดิ มเป็ นไม้ ปั จจ ุ บั นเปล ี่ ยนเป็ นโครงสร ้ างหล ั งคา<br />
เหล ็ ก ้ทงหมดม<br />
ุ งด้ วยกระเบื้ ิ องว ่ย์ าวซ ี บร เมนต์ ิ จหารจ<br />
ดเด่ นของตึ ั กแถวช ดการโดย<br />
ุ มชนเล ื่ อนฤทธ ิ์ อ ยู ่ ที ่<br />
ตึ กแถวหั วมุ มถนนจะถู กตั ดมุ มฉากออกทํ าหน้ าตึ กขนาด 1–3 ห้ อง ตึ กแถวทุ ก ๆ 2-3 คู หา<br />
จะสร ้ างกํ าแพงอิ ฐกั ้ นสู งจากพื้ นถึ งหลั งคาเพื่ อกั นไฟ ประดั บด้ วยบั วปู นปั น หน้ าจั ่ วหลั งคา<br />
ประดั บป ู นปนร<br />
ู ปวงกลม ประตู ั้นล ช ่ างเป็ นบานเฟี ยม เหนื อประตู บานเฟี ยมมี ่ชองระบาย<br />
อากาศยาวตลอดแนว หน้ าต่ างเป็ นบานเปิ ดคู ่ ูลกฟั กไม้ ตอนบนประดั บช ่ องลมไม้ ฉล ุ ลาย<br />
ักนสาดช<br />
้ นล ่ างเป็ นโครงสร ้ างไม้ ุมงด้ วยส ั งกะส ี และมี คํ้ ายั นเหล ็ กหล ่ อดั ดโค้ ง ักนสาด<br />
้ชั<br />
นบนเป็ นโครงสร ้ างไม้ ุมงด้ วยส ั งกะส ี และประดั บด้ วยไม้ ฉล ุ ลาย<br />
นของ<br />
ั กรวรรดิ เขตส<br />
ต่ อมา สถาปนิ ก | ผู้ ออกแบบ ไม่ ปรากฏช ื่อผู้ ออกแบบ<br />
วให้ เช ่ า<br />
ิ ษั ท กุ ฎาคาร ํจาก<br />
ั ด<br />
ชาวจ ี น<br />
ิ นพระมหากษั ตร<br />
า และ<br />
ระกอบ<br />
นสวน<br />
โครงการอนุ ัรกษ์ และฟื ้ นฟู พื้ นท ี่ ุชมชนเล<br />
ื่ อนฤทธิ์ ัจดเป<br />
็ นโครงการอนุ ัรกษ์ ี่ทเกด<br />
ความร ่ วมมื อก ั นจากหลายภาคส ่ วน โดยมี ุชมชนเองเป็ นแกนส ํ าคั ญของการข ั บเคล ื่อน<br />
พั ฒนา โครงการอนุ ร<br />
ุ ุ มชนเล ื่ ื่ อนฤทธิ์ ประกอบด้ เดิ มท ี่ ดิ นแปลงนี้ วยตึ กแถวส เปู นของ ง 2 ้ชน<br />
มี การบ ู รณะฟื ้ นฟู อาคารตามหล ั กว ิ ชาการ เป็ นโครงการท ี่ ํทาให้ สามารถร ั กษาร ู ปแบบ<br />
ดั ้ งเดิ มของอาคารไว ้ ได้ ควบคู ่ ักบการจ<br />
ั ดสรรพื้ นท ี่ ใช ้ สอยภายในใหม่ ให้ มี ความสะดวก<br />
วข ้ อง คุ ณหญิ ขนานไปกั งเล บถนนเยาวราชและถนนภายในช<br />
ิ์ นายเวร ชาวบ สบาย ุ้ านจ มชนจ ึ งเร ํ ีานวน ยกช ื่อย่ 231 านนี้ คู หา ่วา ูเล<br />
รื่อนฤทธ<br />
ปแบบสถาปั ิ์ ต่ อมา ตยก<br />
ในการใช ้ งานให้ สอดคล ้ องก ั บช ี ิวตในปั จจบั น รวมท ั้ งเพิ่ มเติ มงานระบบต่ าง ๆ ี่ทได้<br />
ได้ เปิ ด คุ ณหญิ งเล ื่อนได้ ขายท ี่ดิ นให้ ักบพระคล<br />
ั งข ้ มาตรฐาน างท ี่ ทํ าให้ ึจโครงการอนุ งพั ฒนาพื้ ัรกษ์ และพั ฒนาพื้ ี่และสร<br />
นที่ ุชมชนเล<br />
ื่ อนฤทธ ้ ์ กลายเป็ างตึ นแหล กแถวให้ ่ งเร ี ยนร ู้<br />
แบบโคโลเนี ยล โครงสร ้ างผนั งช ้ นล ่ างเป็ นก ํ าแพงร ั บนํ้ าหนั ก ่กออ<br />
ิ ฐ โครงสร เช ่ ้า<br />
าง<br />
ด้ านประว ั ติ ศาสตร ์ และสถาปั ตยกรรมท ี่ส ํ าคั ญของกร ุ งเทพมหานครได้ เป็ นอย่ างดี<br />
คารและ โดยในช ้ชั<br />
นบนเป็ ่ วงแรกของการใช<br />
นไม้ โครงสร ้ ้ างหล งานอาคารนั้ ั งคาทรงจ นเป ่ ็ วเดิ นห้ มเป็ องเช ่นไม้ าของผู้ ปั จจ ุ เดิ บั นเปล นทางท ี่ ยนเป็ ั่ วไป นโครงสร ต่ อมาชาวจ ้ างหล ี น<br />
ทช ุ มชน ฮากกาหร เหล ็ ก ื อจ ้ที งหมดม นแคะย้ ุ งด้ ายเข วยกระเบ ้ ามาเช ่ ื้าเพื่ องว อพั ่ าวซ กอาศั ี เมนต์ ยพร ้จอมก<br />
ดเด่ ั นของตึ บประกอบก กแถวช ิ จการการค้ ุ มชนเล ื่ า อนฤทธ และ ิ์<br />
งนาม ตามมาด้ ตึ กแถวหั วยคนอ วมุ ิ มถนนจะถู นเดี ยและคนจ กตั ดมุ ี นกล มฉากออกทํ ่ มอ ื่ น ๆ ํทาหน้ าให้ าตึ ผู้ ี่ทกขนาด อยู่ ในช ุ 1–3 มชนเล ห้ ื่อง อนฤทธ ตึ กแถวทุ ิ์ ประกอบ ก ๆ 2-3<br />
งร ่ วมใจ ด้ วยคนไทยเช จะสร ้ างกํ ื้าแพงอิ อสายจ ีฐกั<br />
้นและอ<br />
นสู งจากพื้ ิ นเดี ย นถึ ในพุ งหลั ทธศั งคาเพื่ กราช อกั นไฟ 2544 ประดั ํสานั บด้ กงานทร วยบั วปู ั พย์ นปั น สหน้ นสาจั<br />
่ วน วหลั<br />
ศั กราช พระมหากษั ตร ิ ย์ ได้ ออกหนั งส ื อบอกเล ิ กส ั ญญาเช ่ ากั บผู้ เช ่ าในช ุ มชนเล ื่ อนฤทธิ ์ เพื่ อพั ฒนา<br />
รดิ เขตส ั มพั ประดั นธวงศ์ บป ู นป กร ุ นร งเทพมหานคร<br />
ู ปวงกลม ประตู ั้ชนล<br />
่ างเป็ นบานเฟี ยม เหนื อประตู บานเฟี ยมมี ่ชองระ<br />
าณคดี พื้ นท ี่ ํทาให้ เก ิ ดการเจรจาต่ อรองเพื่ อหาทางออกร ่ วมก ั นระหว ่ างผู้ ี่ทมี ่สวนเก<br />
ี่ ยวข ้ อง<br />
ื่อผู้ ช ออกแบบ อากาศยาวตลอดแนว หน้ าต่ างเป็ นบานเปิ ดคู ่ ูลกฟั กไม้ ตอนบนประดั บช ่ องลมไม้ ฉล<br />
รอนุ ัรกษ์<br />
ทุ กภาคส ่ วนอยู่ หลายคร ้ ง จนในท ่ ุสดส<br />
ํ านั กงานทร ั พย์ ิสนส<br />
่ วนพระมหากษั ตร ิ ย์ ได้ เปิ ด<br />
ํจาก<br />
ั ด<br />
ักนสาดช<br />
้ นล ่ างเป็ นโครงสร ้ างไม้ ุมงด้ วยส ั งกะส ี และมี คํ้ ายั นเหล ็ กหล ่ อดั ดโค้ ง ักน<br />
หนี ไฟ<br />
โอกาสให้ ผู้ เช ่ าเดิ มในช ุ มชนเลื่ อนฤทธิ ์ รวมตั วกั นมาทํ าส ั ญญาเช ่ าเพื่ อการฟื ้ นฟู อาคารและ<br />
้ชั<br />
นบนเป็ นโครงสร ้ างไม้ ุมงด้ วยส ั งกะส ี และประดั บด้ วยไม้ ฉล ุ ลาย<br />
นพระมหากษั พื้ นที่ ในร ตร ิ ู ย์ ปแบบของการอนุ บร ิ หารจ ั ดการโดย ัรกษ์ ชาวช ุ มชนเล ื่ อนฤทธ ์ ิ ได้ ่รวมกั นระดมทุ นจั ดตั ้ งบร ิ ษั ทช ุ มชน<br />
ย และ<br />
เล ื่ อนฤทธ ิ์ ํจาก<br />
ั ด เป ็ นผู้ เช ่ าของ ํสานั กงานทร ั พย์ ิสนส<br />
่ วนพระมหากษั ตร ิ ย์ ได้ ลงนาม<br />
อช ํ าร ุ ด โครงการอนุ ัรกษ์ และฟื ้ นฟู พื้ นท ี่ ุชมชนเล<br />
ื่ อนฤทธิ์ ัจดเป<br />
็ นโครงการอนุ ัรกษ์ ท<br />
น
ี<br />
้<br />
คู<br />
่<br />
ั<br />
ึ<br />
ั<br />
้ั<br />
ื<br />
ั<br />
ั<br />
ั<br />
่<br />
้<br />
ั<br />
้<br />
่<br />
ั<br />
ื<br />
ํ<br />
ั<br />
ู<br />
ึ<br />
ั<br />
ึ<br />
ึ<br />
่ี<br />
่<br />
ั<br />
่<br />
20<br />
งานอนุ<br />
ัรกษ์<br />
มรดกทางสถาปั<br />
ตยกรรมและช ุ มชน ระดั บดี<br />
<strong>ASA</strong> Architectural Conservation Award <strong>2023</strong><br />
ิวหารโคมคํ<br />
า ัวดพระธาตุ เสด็ จ<br />
ํอาเภอเมื องล ํ าปาง ัจงหว<br />
ั ดล ํ าปาง<br />
Type A: Conservation of สถาปนิ Architectural<br />
ก | ผู้ ออกแบบ ไม่ ปรากฏช<br />
ผู้ ครอบครอง ัวดพระธาตุ เสด็ จ<br />
Heritage and Community ปี่สร<br />
ท ้ าง พุ ทธศั กราช 2366<br />
Award of Merit<br />
Wihan<br />
Khome Kham<br />
Lampang<br />
ที่ตั้ง :<br />
วัดพระธาตุเสด็จ ตําบลบ้านเสด็จ<br />
อําเภอเมืองลําปาง จังหวัดลําปาง<br />
สถาปนิก / ผู้ออกแบบ :<br />
ไม่ปรากฏชื่อผู้ออกแบบ<br />
ที ่ ง ัวดพระธาตุ ตั เสด็ จ ตํ าบลบ้ านเสด็ จ<br />
ผู้ครอบครอง :<br />
วัดพระธาตุเสด็จ<br />
ปี ที่สร้าง:<br />
พ.ศ. 2366<br />
ื่อผู้ ออกแบบ<br />
Wihan Khome Kham is a building with historical and architectural<br />
value. It is a rare representation of Lanna architecture<br />
in perfect condition today. The building is authentic in shape,<br />
architectural elements, and interior spaces. Conservation<br />
processes intend to return to the original materials, traditional<br />
construction, and decoration, amend previous restoration<br />
work using cement, and return the building to its original form<br />
as a result of the study and analysis, which solves the problem<br />
of humidity inside the building. It shows the awareness of the<br />
value, a correct understanding of conservation, and the cooperation<br />
of local people and related agencies, including the<br />
Fine Arts Department and local educational institutions, in<br />
preserving the ancient sites, which are the invaluable treasures<br />
of the community. It is an example of synergies between various<br />
sectors, considered an essential factor in sustainable<br />
conservation.<br />
ิวหารโคมคํ<br />
า ตั้ งอยู่ ทางด้ านท ิ ศใต้ ของพระธาตุ เสด็ จและ<br />
ิวหารหลวง ภายในพื้ ี่ว ั ดพระธาตุ จซ ่ งเป็ นว ั ดเก ่ าแก<br />
วิหารโคมคํา ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของพระธาตุเสด็จและวิหารหลวง ภายใน<br />
และมี ความส ํ าคั ญว ั ดหนึ งของจ ั งหว ั ดล ํ าปาง ืถอเป็ ั ด<br />
่<br />
พื้นที่วัดพระธาตุเสด็จ<br />
บ้ านคู ่ เมื องคู ่ ักบว<br />
ั ํลาปางหลวง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่และมีความสําคัญวัดหนึ่งของ<br />
พระเจ ้ าหอคํ า<br />
ดวงท ิ พย์ เจ ้ าผู้ ครองนครล ํ าปางและราชเทว ี สร ้ างว ิ หาร<br />
โคมคํ จังหวัดลําปาง าข ้ นในพุ ทธศั กราช 2366 ถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง ัลกษณะอาคารโถง หร ื อ คู่กับวัดพระธาตุลําปางหลวง<br />
ิวหารแบบเปิ ดในศิ ลปะลานนา ภายในว ิ หารประดิ ษฐาน<br />
พระพุ พระเจ้าหอคําดวงทิพย์ ทธร ู ปพระธาตุ เสด็ จปู นปั น ปางมารว ิ ัชเจ้าผู้ครองนครลําปางและราชเทวีสร้างวิหาร<br />
ย หน้ าตั กกว ้ าง<br />
ประมาณ 2 เมตร ในเวลาต่ อมาว ิ หารโคมคํ าช ํ าร ุ ดทร ุ ดโทรม<br />
ลงตามกาลเวลา โคมคําขึ้นในพุทธศักราช จนถ ึ งพุ<br />
25002366 ิวหารโคมคํ ลักษณะอาคารโถงหรือวิหารแบบเปิด<br />
า<br />
ได้ ัรบการบ<br />
ู รณปฏิ ัสงขรณ์ คร ้ งใหญ่ โดยมี แม่ เล ี้ ยงเต่ า<br />
ัจในศิลปะล้านนา นทรว ิ โรจน์ เป็ นผู้ ให้ การอ ุ ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปพระธาตุเสด็จปูนปั้น<br />
ปถ ั มภ์ การบ ู รณะคร<br />
งใหญ่ นี้<br />
ได้ กอผนั งปิ ดโดยรอบว ิ หารโคมคํ าทาให้ ูรปแบบอาคาร<br />
เปล ปางมารวิชัย ี่ ยนเป็ นว ิ หารแบบปิ ด หน้าตักกว้างประมาณ ไม่ ปรากฏเสาด้ านข ้ างว ิ หารเหมื อน 2 เมตร ในเวลาต่อมาวิหารโคมคํา<br />
เช ่ นในอดี ต และเปล ี่ ยนกระเบื้ องแป้ นเกล ็ ดไม้ เป็ นกระเบื้ อง<br />
ชํารุดทรุดโทรมลงตามกาลเวลา<br />
ดิ นขอ ในพุ ทธศั กราช 2556 ิวหารโคมคํ าได้ ัรบการบ<br />
ู รณ-<br />
ปฏิ ัสงขรณ์ ีอกคร<br />
้ งในการกํ าก ั บดู แลของกรมศิ ลปากร โดย<br />
ํสานั กศิ ลปากรท ี่ 7 น่ าน (เดิ ม) และมี ห้ างหุ ้ นสวนจ<br />
ํ าก ั ด<br />
ช่<br />
จนถึงพุทธศักราช<br />
อฟ้ าก่ อสร ้ าง เป็ นผู้ ดํ าเนิ นการ<br />
2500<br />
มี แนวคิ ดหลั<br />
วิหารโคมคําได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่<br />
กในการอนุ ัรกษ์<br />
การร ั กษาร ู ปแบบศิ ลปกรรมเดิ ม เปล ี่ยนโครงสร ้ างหล ั งคา<br />
เปลี่ โดยมีแม่เลี้ยงเต่า ยนว ั สดุ มุ งหลั งคา ปร ั บพื้ นเสร จันทรวิโรจน์ ิ มความมั ่ นคงแข ็ งแรงใหม่ เป็นผู้ให้การอุปถัมภ์ การบูรณะครั้งใหญ่นี้<br />
ทาส ี ิวหารท<br />
้ งภายในและภายนอก และปิ ดทองพระพุ ทธร ู ป<br />
ประธานท ได้ก่อผนังปิดโดยรอบวิหารโคมคําทําให้รูปแบบอาคารเปลี่ยนเป็นวิหาร<br />
งหมด หลงจากท<br />
ทางว ั ดและคณะศร ั ทธาได้<br />
่รวมกั นทุ บร ื้ อพื้ นป ู นซี เมนต์ ที่ อยู่ ประช ิ ดรอบอาคารออกเพื่ อ<br />
คื แบบปิด นสภาพบรรยากาศดั้ ไม่ปรากฏเสาด้านข้างวิหารเหมือนเช่นในอดีต งเดิ มให้ กล ั บคื นมา<br />
และเปลี่ยน<br />
ิวกระเบื้องแป้นเกล็ดไม้เป็นกระเบื้องดินขอ หารโคมคํ า ้ งอยู่ ตั บนฐานกออ<br />
ิ ฐถอปนและฉาบเร<br />
ี ยบ ในพุทธศักราช 2556 วิหาร<br />
ยกสู งจากพื้ นดิ น 0.30 เมตร แผนผั งเป็ นร ู ปส ี่ เหล ี่ ยมผื นผ้ า<br />
ขนาดกว โคมคําได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์อีกครั้งในการกํากับดูแลของกรม<br />
้ าง 3 ห้ อง (8.45 เมตร) ยาว 6 ห้ อง (21 เมตร)<br />
ยกเก ็ จด้ านหน้ า 2 ห้ อง ด้ านหล ั ง 1 ห้ อง ่กออ<br />
ิ ฐถ ื อป ู นปิ ดเป็ น<br />
ศิลปากรโดย สํานักศิลปากรที่ 7 น่าน (เดิม) และมีห้างหุ้นส่วนจํากัด<br />
ผนั งท ้ งสองด้ านจนถ ึ งห้ องท ้ ายของว ิ หารท ี่ ็ นห้ องปิ ด<br />
โดยเจาะช ่ องแสงร ู ปส ี่ เหล ี่ ยมผื นผ้ ายาวในแนวตั้ งห้ องละ<br />
ช่อฟ้าก่อสร้าง เป็นผู้ดําเนินการ มีแนวคิดหลักในการอนุรักษ์ การรักษา<br />
4 ่ชอง ขนาบด้ วยช ่ องกากบาท 3 ่ชอง เสาว ิ หารเป็ นเสาไม้<br />
มี<br />
รูปแบบศิลปกรรมเดิม<br />
2 ูร<br />
คื อ เสาท ี่ ุมขโถงและเสาท<br />
ี่ ผนั<br />
เปลี่ยนโครงสร้างหลังคาเปลี่ยนวัสดุมุงหลังคา<br />
งด้ านหน้ าเป็ น<br />
เสาแปดเหล ี่ ยม ่สวนเสาภายในว<br />
ิ หารเป็ นเสากลม ้ ทั งหมดมี<br />
บั ปรับพื้นเสริมความมั่นคงแข็งแรงใหม่ทาสีวิหารทั้งภายในและภายนอก<br />
วหั วเสาและประดั บเสาด้ วยลายคํ า หล ั งคาว ิ หารมี ัลกษณะ<br />
เป็ นหล ั งคาซ ้ อน 2 ้ชน ลดด้ านหน้ า 3 ้ชน ด้ านหล ั ง 2 ้ชน<br />
ลั และปิดทองพระพุทธรูปประธานทั้งหมด กษณะการทํ าหลั งคาซ้ อนช ้ นรวมถึ งการลดช ้ นด้ านหน้ าและ หลังจากที่ทางวัด และคณะ<br />
ด้ านหล ั ง สอดคล ้ องไปตามแผนผั งของว ิ หารท ี่ ยกเก ็ จ<br />
ด้ ศรัทธาได้ร่วมกันทุบรื้อพื้นปูนซีเมนต์ที่อยู่ประชิดรอบอาคารออก<br />
านหน้ า 2 ห้ องและยกเก ็ จด้ านหล ั ง 1 ห้ อง ่ซงเป็ นร ู ปแบบ<br />
มาตรฐานของหล ั งคาว ิ หารล ้ านนา ปั จจ ุ บั นมุ งด้ วยกระเบื้ อง<br />
เคล เพื่อคืนสภาพบรรยากาศดั้งเดิมให้กลับคืนมา<br />
ื อบแทนกระเบื้ องดิ นขอแบบเดิ ม ่สวนหล<br />
ั งคาประกอบ<br />
ด้ วยองค์ ประกอบส ่ วนประดั บต่ าง ๆ ได้ ํทาการแก<br />
้ ไขส ่ วน<br />
ี่เคยมี ท การบ ู รณะไว ้ ด้ วยซ ี เมนต์ ให้ กล ั บมาเป็ นงานไม้ และ<br />
งานดิ นเผาตามแบบดั ้ งเดิ ม นอกจากนี้ เนื่ องจากร ู ปแบบของ<br />
วิหารโคมคํา ตั้งอยู่บนฐานก่ออิฐถือปูนและฉาบเรียบ ยกสูงจากพื้นดิน<br />
ิวหารโถงเมื่ อแรกสร ้ างที่ เปิ ดพื้ นที่ ด้ านล่ างโล่ ง จึ งจํ าเป็ นต้ อง<br />
ํทาชายคาปี กนกด้ านข ้ างท ี่ลาดตํ่ าลงมากเพื่ อก ั นนํ้ าฝนและ<br />
0.30 เมตร แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 3 ห้อง (8.45<br />
แสงแดด<br />
เมตร) ยาว 6 ห้อง (21 เมตร) ยกเก็จด้านหน้า 2 ห้อง ด้านหลัง 1 ห้อง<br />
ิวหารโคมคํ า ถอเป็ นตั วอย่ างส ํ าคั ญของการอนุ ัรกษ์<br />
ศาสนสถานที่ ก่ออิฐถือปูนปิดเป็น ทรงคุ ณค่ าทางด้ านศิ ลปะที่ ผนังทั้งสองด้านจนถึงห้องท้ายของวิหารที่เป็น<br />
สะท้ อนภาพว ิ ถี ีชิวต<br />
แบบล ้ านนาของจ ั งหว ั ดล ํ าปางได้ เป็ นอย่ างดี สามารถร ั กษา<br />
องค์ ห้องปิดโดยเจาะช่องแสงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวในแนวตั้งห้องละ ประกอบทางสถาปั ตยกรรมของว ิ หารซ ่ งมี ความเป็ น<br />
4 ช่อง<br />
เอกลั กษณ์ เฉพาะตั วเอาไว ้ ได้ อย่ างน่ าชื่ นชม และสามารถร ั กษา<br />
การใช ขนาบด้วยช่องกากบาท ้ งานในการประกอบกิ จกรรมทางศาสนา 3 และเป็ ช่อง นแหล่ เสาวิหารเป็นเสาไม้ ง<br />
มี 2 รูปแบบ คือ<br />
เร ี ยนร ู้ สถาปั ตยกรรมท ้ องถ ิ่นท ี่ส ํ าคั ญของพื้ นท<br />
เสาที่มุขโถง และเสาที่ผนังด้านหน้าเป็นเสาแปดเหลี่ยม ส่วนเสาภายใน<br />
วิหารเป็นเสากลมทั้งหมด มีบัวหัวเสา และประดับเสาด้วยลายคํา หลังคา<br />
วิหารมีลักษณะเป็นหลังคาซ้อน 2 ชั้น ลดด้านหน้า 3 ชั้น ด้านหลัง 2 ชั้น<br />
ลักษณะการทําหลังคาซ้อนชั้นรวมถึงการลดชั้นด้านหน้า และด้านหลัง<br />
สอดคล้องไปตามแผนผังของวิหารที่ยกเก็จด้านหน้า 2 ห้อง และยกเก็จ<br />
ด้านหลัง 1 ห้อง ซึ่งเป็นรูปแบบมาตรฐานของหลังคาวิหารล้านา ปัจจุบัน<br />
มุงด้วยกระเบื้องเคลือบแทนกระเบื้องดินขอแบบเดิม ส่วนหลังคา<br />
ประกอบด้วยองค์ประกอบส่วนประดับต่าง ๆ ได้ทําการแก้ไขส่วนที่<br />
เคยมีการบูรณะไว้ด้วยซีเมนต์ ให้กลับมาเป็นงานไม้ และงานดินเผา<br />
ตามแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ เนื่องจากรูปแบบของวิหารโถงเมื่อแรกสร้าง<br />
ที่เปิดพื้นที่ด้านล่างโล่งจึงจําเป็นต้องทําชายคาปีกนกด้านข้างที่ลาดต่ําลง<br />
มากเพื่อกันน้ําฝน และแสงแดด<br />
วิหารโคมคํา ถือเป็นตัวอย่างสําคัญของการอนุรักษ์ศาสนสถานที่ทรง<br />
คุณค่าทางด้านศิลปะ ที่สะท้อนภาพวิถีชีวิตแบบล้านนาของจังหวัดลําปาง<br />
ได้เป็นอย่างดี สามารถรักษาองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมของวิหาร<br />
ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเอาไว้ได้อย่างน่าชื่นชม และสามารถ<br />
รักษาการใช้งานในการประกอบกิจกรรมทางศาสนา และเป็นแหล่งเรียนรู้<br />
สถาปัตยกรรมท้องถิ่นที่สําคัญของพื้นที่
ํ<br />
ึ<br />
้<br />
ะความร ่ วมมื อร ่ วมใจของคนในพื้ นท ี่ และหน่ วยงานท ี่เก ี่ยวข ้ อ<br />
ลั บมาเป็ นแบบเดิ มจากผลของการศึ กษา<br />
พพื้ กรมศิ นท ี่ ิวลปากรและสถาบั โดยรอบอาคารให้ หารโคมคํ า ัวดพระธาตุ กล เสด็ นการศึ ั บมาเป็ จ จั งหว ั กษาในท้ นดลาปาง<br />
องถิ ่ น ในการร ั กษาโบรา<br />
Type A: Award of Merit<br />
21<br />
านอ องความช ั นเป็ ื้ นภายในอาคารได้ นสมบั ติ ของช ุ มชน แสดงออก นั บเป็ นตั วอย่ างของการประสา<br />
คํ าประกาศ<br />
ความเข โยชน์ ้ ระหว าใจที่ ่ ถู างภาคส่ กต้ องในเร ื่วนต่ องการอนุ าง ๆ ัรซึ่ กษ์ งเป็ วนปั จจั ยสํ าคั ญของการอนุ<br />
ิ หารโคมคํ าเป็ นอาคารที่ มี คุ ณค่ าทางประว ั ติ ศาสตร ์ และสถาปั ตย<br />
โดยเป็ นตั วแทนของงานสถาปั ตยกรรมล ้ านนาท ี่ มี สภาพค่ อนข<br />
คนในพื้ นท ี่ และหน่ วยงานท ี่เก ี่ยวข ้ อง<br />
สมบ ู รณ์ ัอนหาได้ ยากในปั จจ ุ บั น อาคารมี ความแท ้ ในเร ื่ องร ู ปท<br />
างยั ่ ง ยื น<br />
ารศึ กษาในท้ องถิ ่ น ในการร ั กษาโบราณ<br />
ชน นั บเป็ นตั วอย่ างของการประสาน<br />
ง ๆ ซึ่ งเป็ นปั จจั ยสํ าคั ญของการอนุ ัรกษ์<br />
องค์ ประกอบทางสถาปั ตยกรรมและพื้ นที่ ใช ้ สอยภายใน การอนุ ั<br />
อาคารมี กระบวนการและความตั ้ งใจท ี่ จะอนุ ัรกษ์ ให้ กล ั บไปใช ้ ัวส<br />
่กอสร<br />
้ างและการตกแต่ งแบบดั ้ งเดิ ม ด้ วยการแก ้ ไขงานบ ู รณ<br />
ค ้รั<br />
งก่ อนที่ ใช ้ ปู นซี เมนต์ ให้ กล ั บมาเป็ นแบบเดิ มจากผลของการศึ<br />
ิวเคราะห์ มี การร ื้ อฟื ้ นสภาพพื้ นท ี่ โดยรอบอาคารให้ กล ั บมาเป็<br />
ลานดิ น ่ซงช<br />
่ วยแก้ ปั ญหาเร ื่ องความช ื้ นภายในอาคารได้ แสดงอ<br />
ถึ งความตระหนั กในคุ ณค่ า ความเข ้ าใจที่ ถู กต้ องในเร ื่ องการอนุ ัร<br />
และความร ่ วมมื อร ่ วมใจของคนในพื้ นท ี่ และหน่ วยงานท ี่เก ี่ยวข ้ อ<br />
้ทั<br />
งกรมศิ ลปากรและสถาบั นการศึ กษาในท้ องถิ ่ น ในการร ั กษาโบรา<br />
สถานอ ั นเป็ นสมบั ติ ของช ุ มชน นั บเป็ นตั วอย่ างของการประส<br />
ประโยชน์ ระหว ่ างภาคส่ วนต่ าง ๆ ซึ่ งเป็ นปั จจั ยสํ าคั ญของการอนุ<br />
อย่ างยั ่ ง ยื น<br />
คำประกาศ<br />
วิหารโคมคําเป็นอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม<br />
เป็นตัวแทนของงานสถาปัตยกรรมล้านนาที่มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์<br />
อันหาได้ยากในปัจจุบัน อาคารมีความแท้ในเรื่องรูปทรง องค์ประกอบ<br />
ทางสถาปัตยกรรม และพื้นที่ใช้สอยภายใน การอนุรักษ์อาคารมีกระบวนการ<br />
และความตั้งใจที่จะอนุรักษ์ให้กลับไปใช้วัสดุก่อสร้างและการตกแต่ง<br />
แบบดั้งเดิม ด้วยการแก้ไขงานบูรณะครั้งก่อนที่ใช้ปูนซีเมนต์ให้กลับมา<br />
เป็นแบบเดิม จากผลของการศึกษา วิเคราะห์ มีการรื้อฟื้นสภาพพื้นที่<br />
โดยรอบอาคารให้กลับมาเป็นลานดิน ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเรื่องความชื้น<br />
ภายในอาคารได้ แสดงออกถึงความตระหนักในคุณค่า ความเข้าใจที่<br />
ถูกต้องในเรื่องการอนุรักษ์ และความร่วมมือร่วมใจของคนในพื้นที่ และ<br />
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมศิลปากรและสถาบันการศึกษาในท้องถิ่น<br />
ในการรักษาโบราณสถานอันเป็นสมบัติของชุมชน นับเป็นตัวอย่างของ<br />
การประสานประโยชน์ระหว่างภาคส่วนต่างๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสําคัญของ<br />
การอนุรักษ์อย่างยั่งยืน
้<br />
่<br />
ั<br />
ึ ั<br />
ั<br />
ั<br />
็<br />
ึ<br />
ั<br />
้ ั<br />
ุ<br />
ั<br />
ู<br />
้ ั<br />
้<br />
ั<br />
ึ<br />
ั<br />
ั<br />
้<br />
้<br />
้<br />
ึ<br />
้ึ<br />
ี<br />
์<br />
้<br />
22<br />
งานอนุ<br />
ัรกษ์<br />
มรดกทางสถาปั<br />
ตยกรรมและช ุ มชน ระดั บดี<br />
<strong>ASA</strong> Architectural Conservation Award <strong>2023</strong><br />
กุ ฏิ หลวงพ่ อทอง<br />
Type A: Conservation of Architectural<br />
Heritage and Community ที ่ ง ัวดดอนสะท<br />
ตั ้ อน หม<br />
ัจงหว<br />
ั ดช ุ มพร<br />
Award of Merit<br />
Luang Pho<br />
Thong’s cell<br />
Chumphon<br />
ที่ตั้ง :<br />
วัดดอนสะท้อน หมู่ 6 ตําบลปากแพรก<br />
อําเภอสวี จังหวัดชุมพร<br />
สถาปนิก / ผู้ออกแบบ :<br />
ไม่ปรากฏชื่อผู้ออกแบบ<br />
ผู้ครอบครอง :<br />
วัดดอนสะท้อน<br />
ปี ที่สร้าง:<br />
พ.ศ. 2486<br />
ู่ 6 ตํ าบลปากแพรก ํอาเภอสวี<br />
สถาปนิ ก | ผู้ ออกแบบ ไม่ ปรากฏช ื่อผู้ ออกแบบ<br />
ผู้ ครอบครอง ัวดดอนสะท<br />
้ อน<br />
ปี ี่สร ท ้ าง พุ ทธศั กราช 2486<br />
Luang Pho Thong’s cell, Don Sathon Temple, Chumphon<br />
Province, is a building with historical value. In the conservation<br />
area, there is a step-by-step operation process with an architectural<br />
drawing, and the various elements are treated with<br />
repair according to proper traditional techniques and craftsmanship.<br />
It can maintain the authenticity and technique of<br />
interesting original woodwork quite well. However, there should<br />
be a further analysis of the use of the colors of the buildings<br />
in the past to be more precise. The interior of the building<br />
exhibits the original living style well combined with its new<br />
use as a local museum, thus making this conservation project<br />
positively affect society and surrounding communities.<br />
กุฏิหลวงพ่อทอง ตั้งอยู่ในวัดดอนสะท้อน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ริมแม่น้ําสวีหนุ่ม<br />
ไม่ทราบหลักฐานแน่ชัดว่าวัดสร้างขึ้นในสมัยใด กุ ฏิ หลวงพ่ อทอง ้ งอยู่ ตั ในว ั ดดอนสะท้ อนซ ่ งเป็ นว ั ดเก่ าแก่ ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่<br />
ิรมแม่ นํ้ าสวี หนุ่ ม ไม่ ทราบหล ั กฐานแน่ ัชดว<br />
่ าว ั ดสร ้ างขน<br />
ในสมัยหลวงพ่อทอง<br />
ในสมั ยใด ได้ ัรบการบ<br />
ู รณะคร ั้ งใหญ่<br />
พุทธสุวณฺโณ<br />
ในสมั ยหลวงพ่ อทอง<br />
เป็นเจ้าอาวาส เมื่อพุทธศักราช 2466<br />
ทฺ ธส ุ วณฺ โณ เปนเจ<br />
้ าอาวาส เมื่ อพุ ทธศั กราช 2466<br />
ต่อมาในพุทธศักราช 2486 วัดดอนสะท้อนได้สร้างกุฏิหลวงพ่อทอง<br />
ต่ อมาในพุ ทธศั กราช 2486 วดดอนสะท<br />
้ อนได้ สราง<br />
ขึ้นมาเพื่อเป็นที่จําวัดของหลวงพ่อทอง กุ ฏิ อทองข ้ ็ นที่ ํจาว<br />
ั อทอง พุทธสุวณฺโณ หลังจากนั้นวัดดอน<br />
พุ ทฺ ธส ุ วณฺ โณ หล ั งจากนั ้ นว ั ดดอนสะท้ ัร<br />
สะท้อนได้รับการประกาศเขตวิสุงคามสีมาในราชกิจจานุเบกษา ิ ุส<br />
มาในราชก ิ เบกษา เล ่ ม 69 ตอนที่ 52<br />
เล่ม 69<br />
หน้ า 993 ลงว ั นที่ 26 ิสงหาคม พุ ทธศั กราช 2495 กรม<br />
ตอนที่ ศิ ลปากรได้ 52 ํทาการส<br />
หน้า ํ ารวจกุ 993 ฏิ หลวงพ่ ลงวันที่ อทองและประกาศข 26 สิงหาคม ้ น พุทธศักราช 2495 กรมศิลปากร<br />
ทะเบี อพุ ทธศั กราช 2540 ต่ อมาปลายป<br />
ได้สํารวจกุฏิหลวงพ่อทองและประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมื่อ<br />
พุ ทธศั กราช 2560 กรมศิ ลปากรทํ าการปร ั บปร ุ งฟื นฟู อาคาร<br />
ตามหล ั กว ิ ชาการเพื่ อให้ มี ความมั ่ นคงแข ็ งแรงและคงไว ้ ซึ่ ง<br />
พุทธศักราช 2540 ต่อมาปลายปี พุทธศักราช 2560 กรมศิลปากร<br />
ั กฐานทางการศึ กษาด้ านโบราณคดี ประว ั ติ ศาสตร ์ ศิ ลปะ<br />
ปรับปรุงฟื้นฟูอาคารตามหลักวิชาการ และสถาปั ตยกรรม โดยยึ ดถ ื อร ู ปแบบและว ั สดุ อาคารให้ เพื่อให้มีความมั่นคงแข็งแรงและ<br />
เหมื อนของเดิ มให้ มากที่ สุ ด การปร ั บปร ุ งฟื นฟู ้ คร งนี้ ออกแบบ<br />
คงไว้ซึ่งหลักฐานทางการศึกษาด้านโบราณคดี ควบคุ มงานโดยส ํ านั กศิ ลปากรที่ 12 นครศรี ธรรมราช และ ประวัติศาสตร์ศิลปะ<br />
มี บร ิ ษั ทชาญร ุ่ งโรจน์ ํจาก<br />
ั ด เป็ นผู้ ดํ าเนิ นการ การอนุ ัรกษ์<br />
และสถาปัตยกรรม อาคารแล ้ วเสร ็ จในปลายพุ ทธศั โดยยึดถือรูปแบบและวัสดุอาคารให้เหมือนของเดิม<br />
กราช 2561 ัวดดอนสะท<br />
้ อน<br />
ใ ช้ พื ้ นล ้ ่ างกุ น ฏิ หลวงพ่ ่ ชั อทองเป็ นสถานที่ ัรบรองแขกของ<br />
ให้มากที่สุด การปรับปรุงฟื้นฟูครั้งนี้ออกแบบ ควบคุมงานโดยสํานัก<br />
ัวด ่สวนพื้ นที่ ้ ชนบนใช<br />
้ เป็ นสถานที่ ัจดแสดงงานพุ<br />
ทธศิ ลป<br />
จนถ ึ งปั จจ ุ บั น<br />
ศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช และ มีบริษัทชาญรุ่งโรจน์ จํากัด เป็น<br />
ผู้ดําเนินการการอนุรักษ์ กุ ฏิ หลวงพ่ อทอง เป อาคารแล้วเสร็จในปลายพุทธศักราช 2561<br />
็ นเร ื อนไม้ ทรงปนหยา 2 ้ชน<br />
มี มุ ข ยื ่ น<br />
ด้ านหน้ าคล ุ มด้ วยหล ั งคาปนหยาเช<br />
่ นก ั น ้ชนล<br />
่ างเป็ นผนั ง<br />
วัดดอนสะท้อน คอนกรี ตฉาบปู น เสาคอนกรี ใช้พื้นที่ชั้นล่างกุฏิหลวงพ่อทองเป็นสถานที่รับรองแขก<br />
ต ประดั บหั วเสาด้ วยปู นปั นร ู ปบั ว<br />
แปดกลี บ เช ื่ อมต่ อก ั นด้ วยพนั กระเบี ยงโดยรอบประดั บ<br />
ของวัด ราวลู กกรงปู ส่วนพื้นที่ชั้นบนใช้เป็นสถานที่จัดแสดงงานพุทธศิลป์ นขนาด 4 ้นิ<br />
ว ช่ องทางเข ้ า - ออกมี เสาเตี้ ยประดั บ<br />
จนถึง<br />
หั วเม็ ดกลมฝั งลายกลี บบั ว เหนื อช ่ องประตู –หน้ าต่ าง<br />
ปัจจุบัน<br />
ของช ้ นล ่ างมี ่ชองแสงร<br />
ู ปโค้ งประดั บลวดลายไม้ ฉล ุ พื้ น<br />
้ชั<br />
นล ่ างเป็ นพื้ นคอนกรี ตเสร ิ มเหล ็ กปู กระเบื้ องดิ นเผา บั นได<br />
ทางข ้ นช ้ นบนเป็ นผนั งก ่ ออ ิ ฐถ ื อป ู น พื ้ นป ู กระเบื ้ องดิ นเผา<br />
กุฏิหลวงพ่อทอง สวนช<br />
้ นบนเป็ นไม้ ้ทงหมด เป็นเรือนไม้ทรงปั้นหยา พื้ นไม้ กระดานขนาด 1x8 ้นิ<br />
ว 2 ชั้น มีมุขยื่น ด้านหน้าคลุมด้วย<br />
และ 1x10 นิ้ ว ้ นฝาผนั งไม้ ขนาด ¾x6 นิ้ ว ตี ้ซอนเกล<br />
็ ด<br />
หลังคาปั้นหยาเช่นกัน ตามแนวนอน ระเบี ยงด้ านหน้ ามี ชั้นล่างเป็นผนังคอนกรีตฉาบปูนเสาคอนกรีตประดับ<br />
ูลกกรงไม้ กล ึ งโดยรอบ<br />
ประตู หน้ าต่ างเป็ นบานล ู กฟั กไม้ ่สวนยอดผนั งโดยรอบท ํ า<br />
หัวเสาด้วยปูนปั้นรูปบัว เป็ นช ่ องระบายอากาศไม้ ฉล ุ ลาย ประดั แปดกลีบ บต่ อเนื่ องมายั เชื่อมต่อกันด้วยพนักระเบียงโดย<br />
ง<br />
เสาระเบี ยงด้ านหน้ าด้ วย หล ั งคามี โครงสร ้ างหล ั งคาเป ็ น<br />
รอบ ประดับราวลูกกรงปูนขนาด 4 นิ้ว ช่องทางเข้า-ออกมีเสาเตี้ย<br />
ไม้ เนื้ อแข ็ งมุ งด้ วยกระเบื้ องดิ นเผาแบบปลายแหลมเคล ื อบ<br />
ประดับหัวเม็ดกลมฝังลายกลีบบัว<br />
ใส ฝ้ าเพดานเป็ นแผ่ นไม้ ขนาด ½x6 นิ้ ว<br />
เหนือช่องประตู-หน้าต่างของชั้นล่าง<br />
มีช่องแสงรูปโค้งประดับลวดลายไม้ฉลุพื้น กุ ฏิ หลวงพ่ อทอง ได้ ชั้นล่างเป็นพื้นคอนกรีต<br />
ั ร บการอนุ ั ร กษ์ ตามหล ั กว ิ ชาการตั ้ งแต่<br />
การระบ ุ คุ ณค่ าความส ํ าคั ญในด้ านต่ าง ๆ การบั นท ึ กคุ ณค่ า<br />
เสริมเหล็กปูกระเบื้องดินเผา ความสํ าคั ญ การประเมิ นความแท้ และบู รณภาพ บันไดทางขึ้นชั้นบนเป็นผนังก่ออิฐถือปูน<br />
การตั ดสิ นใจ<br />
เล ื อกว ิ ธี อนุ ัรกษ์ และการนํ าไปส ่ การปฏิ บั ติ ตามแผนที่ ได้<br />
พื้นปูกระเบื้องดินเผา วางไว ้ ซึ่ งได้ ดํ าเนิ นการร<br />
อถอนส่ วนต่ ส่วนชั้นบนเป็นไม้ทั้งหมด อเติ มที่ ทํ าให้ เสี ยร ู ปแบบ พื้นไม้กระดานขนาด<br />
ดั ้ งเดิ มไปออก เปลี่ ยนว ั สดุ มงและว<br />
ั สดุ ูปพื้ นให้ มี ความ<br />
1x8 นิ้ว และ 1x10 นิ้ว กั้นฝาผนังไม้ขนาด 4x6 นิ้ว ตีซ้อนเกล็ด ตาม<br />
กลมกล ื น และฉาบผิ วด้ วยป ู นหมั กป ู นตํ า สามารถเป็ นแหล ่ ง<br />
แนวนอน<br />
เรี ยนร ู้ ด้ านทางประว<br />
ระเบียงด้านหน้ามีลูกกรงไม้กลึงโดยรอบ<br />
ั ติ ศาสตร ์ สถาปั ตยกรรม ศิ ลปว ั ฒนธรรม<br />
ประตูหน้าต่างเป็น<br />
ิวถี ชี ิวต และภู มิ ปั ญญาท้ องถิ ่ น และพื้ นที่ โดยรอบสามารถใช<br />
บานลูกฟักไม้ เป็ นสถานที่ พั กผ่ อนหย่ ส่วนยอดผนังโดยรอบทําเป็นช่องระบายอากาศไม้ฉลุลาย<br />
อนใจและการจั ดกิ จกรรมที่ เกี่ ยวเนื่ อง<br />
ักบพุ<br />
ทธศาสนาได้ อไป<br />
ประดับต่อเนื่องมายังเสาระเบียงด้านหน้าด้วย หลังคามีโครงสร้างหลังคา<br />
เป็นไม้เนื้อแข็งมุงด้วยกระเบื้องดินเผาแบบปลายแหลมเคลือบใส ฝ้า<br />
เพดานเป็นแผ่นไม้ขนาด 2x6 นิ้ว<br />
กุฏิหลวงพ่อทองได้รับการอนุรักษ์ตามหลักวิชาการตั้งแต่การระบุคุณค่า<br />
ความสําคัญในด้านต่าง ๆ การบันทึกคุณค่า ความสําคัญ การประเมิน<br />
ความแท้และบูรณภาพ การตัดสินใจเลือกวิธีอนุรักษ์ และการนําไปสู่<br />
การปฏิบัติตามแผนที่ได้วางไว้ ซึ่งได้ดําเนินการรื้อถอนส่วนต่อเติมที่ทําให้<br />
เสียรูปแบบดั้งเดิมไปออก เปลี่ยนวัสดุมุงและวัสดุปูพื้นให้มีความกลมกลืน<br />
และฉาบผิวด้วยปูนหมักปูนต่ํา สามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านทางประวัติ-<br />
ศาสตร์ สถาปัตยกรรม ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิต และภูมิปัญญาท้องถิ่น<br />
และพื้นที่โดยรอบสามารถใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และการจัด<br />
กิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนาได้ต่อไป และเป็นแหล่งเรียนรู้<br />
สถาปัตยกรรมท้องถิ่นที่สําคัญของพื้นที่
้<br />
้<br />
ุ<br />
ุ<br />
ั<br />
ั<br />
ึ<br />
ึ<br />
่ี<br />
่ี<br />
้<br />
้<br />
กุ ฎิ หลวงพ่ อทอง ั ดดอนสะทอน จั งหว ั ดชมพร<br />
กุ ฎิ หลวงพ่ อทอง ัวดดอนสะทอน จั งหว ั ดชมพร<br />
คำประกาศ<br />
กุฏิหลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน จังหวัดชุมพร เป็นอาคารที่มีคุณค่า<br />
ทางประวัติศาสตร์ ในพื้นที่การอนุรักษ์มีกระบวนการดําเนินงานอย่าง<br />
เป็นขั้นตอน โดยมีการจัดทําแบบสถาปัตยกรรม และมีการรักษา<br />
องค์ประกอบด้วยการซ่อมแซมตาม เทคนิคและฝีมือช่างดั้งเดิม สามารถ<br />
รักษาความแท้ และเทคนิคงานไม้ดั้งเดิมที่น่าสนใจได้ค่อนข้างดี หากแต่<br />
ควรมีการวิเคราะห์เพิ่มเติมเรื่องการใช้สีของอาคารที่มีมาในอดีตให้<br />
ชัดเจน พื้นที่ภายในอาคารจัดแสดงการอยู่อาศัยแบบเดิมผสมผสาน<br />
รางว ั ลอนุ ร<br />
การใช้งานใหม่ในฐานะพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นได้ดี ซึ่งการอนุรักษ์นี้ได้ส่ง<br />
ผลดีต่อสังคมและชุมชนโดยรอบ<br />
Type A: Award of Merit<br />
ั กษ์ ศิ ลปสถาป<br />
23<br />
คํ าประกาศ<br />
คํ าประกาศ<br />
กุ ฏิ หลั งนี้ เป็ นอาคารที่ มี คุ ณค่ าทางประว ั ติ ศาสตร ์ ในพื้ นที่ การอนุ ัรกษ์<br />
กุ<br />
มี<br />
ฏิ<br />
กระบวนการดํ<br />
หลั งนี้ เป็ นอาคารที่<br />
าเนิ นงานอย่<br />
มี คุ ณค่ าทางประว<br />
างเป็ นข ้ นตอน<br />
ั ติ ศาสตร<br />
โดยมี<br />
์ ในพื้<br />
การจ<br />
นที่<br />
ั ดท<br />
การอนุ<br />
ํ าแบบ<br />
ัรกษ์<br />
มี<br />
สถาปั<br />
กระบวนการดํ<br />
ตยกรรม และมี<br />
าเนิ นงานอย่<br />
การร ั กษาองค์<br />
างเป็ นข ้<br />
ประกอบด้<br />
นตอน โดยมี<br />
วยการซ่<br />
การจ<br />
อมแซมตาม<br />
ั ดท ํ าแบบ<br />
สถาปั<br />
เทคนิ<br />
ตยกรรม<br />
คและฝี มื<br />
และมี<br />
อช ่ างดั<br />
การร<br />
้ งเดิ<br />
ั กษาองค์<br />
ม สามารถร<br />
ประกอบด้<br />
ั กษาความแท<br />
วยการซ่<br />
้<br />
อมแซมตาม<br />
และเทคนิ ค<br />
เทคนิ<br />
งานไม้<br />
คและฝี<br />
ดั ้ งเดิ มท<br />
มื<br />
ี่<br />
อช<br />
น่<br />
่<br />
าสนใจได้<br />
างดั ้ งเดิ ม<br />
ค่ อนข<br />
สามารถร<br />
้ างดี<br />
ั<br />
หากแต่<br />
กษาความแท<br />
ควรมี<br />
้<br />
การว<br />
และเทคนิ<br />
ิ เคราะห์<br />
ค<br />
งานไม้<br />
เ ่ พิ มเติ<br />
ดั ้ มเร<br />
งเดิ<br />
ื่ องการใช<br />
มท ี่ น่ าสนใจได้<br />
้ ีสของอาคารท<br />
ค่ อนข ้ างดี<br />
ี่ มี<br />
หากแต่<br />
มาในอดี<br />
ควรมี<br />
ตให้<br />
การว<br />
ัชดเจน ิ เคราะห์<br />
พื้ นท<br />
เ<br />
ภายในอาคารจ<br />
่ พิ มเติ มเร ื่ องการใช<br />
ั ดแสดงการอยู่<br />
้ ีสของอาคารท<br />
อาศั<br />
ี่<br />
ยแบบเดิ<br />
มี มาในอดี<br />
มผสมผสานการใช<br />
ตให้ ัชดเจน พื้ นท<br />
ภายในอาคารจ<br />
งานใหม่ ในฐานะพิ<br />
ั ดแสดงการอยู่<br />
พิ ธภั ณฑ์ ้ท<br />
อาศั<br />
องถิ ่<br />
ยแบบเดิ<br />
นได้ ดี ่ซงการอนุ มผสมผสานการใช<br />
ัรกษ์ นี้ ได้ ่สง<br />
งานใหม่<br />
ผลดี<br />
ัต่ อส<br />
ตยกรรมป<br />
ั<br />
ในฐานะพิ<br />
งคมและช ุ<br />
พิ<br />
มชนโดยรอบ<br />
ธภั ี ณฑ์ 2566 ้ทองถิ<br />
่ นได้ ดี ่ซงการอนุ ัรกษ์ นี้ ได้ ่สง<br />
ผลดี ต่ อส ั งคมและช ุ มชนโดยรอบ<br />
ัวดดอนสะท<br />
้ อน จั งหว<br />
ั ดช ุ<br />
มพร<br />
กุ ฎิ หลวงพ่ อทอง ัวดด<br />
คํ าประกาศ<br />
กุ ฏิ หลั งนี้ เป็ นอาคารที่ มี คุ ณค่ าท<br />
มี กระบวนการดํ าเนิ นงานอย่ าง<br />
สถาปั ตยกรรม และมี การร ั กษาอ<br />
เทคนิ คและฝี มื อช ่ างดั ้ งเดิ ม ส<br />
งานไม้ ดั ้ งเดิ มท ี่ น่ าสนใจได้ ค่ อน<br />
เ ่ พิ มเติ มเร ื่ องการใช ้ ีสของอาค<br />
ภายในอาคารจ ั ดแสดงการอยู่ อ<br />
งานใหม่ ในฐานะพิ พิ ธภั ณฑ์ ้ทอ<br />
ผลดี ต่ อส ั งคมและช ุ มชนโดยรอ
24<br />
<strong>ASA</strong> Architectural Conservation Award <strong>2023</strong><br />
Type A: Conservation of Architectural<br />
Heritage and Community<br />
Award of Merit<br />
The Thung Song<br />
Historical Museum<br />
Nakhon si Thammarat<br />
ที่ตั้ง :<br />
เลขที่ 365 ถนนรถไฟ 2 ตําบลปากแพรก<br />
อําเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช<br />
สถาปนิก / ผู้ออกแบบ :<br />
ไม่ปรากฏชื่อผู้ออกแบบ<br />
สถาปนิกอนุรักษ์ :<br />
นายสรพัชญ สิริสิงห์<br />
นางสาวยุพา ประทุมชาติ<br />
และ นางสาวสิรินาถ กลิ่นภักดี<br />
ผู้ครอบครอง :<br />
การรถไฟแห่งประเทศไทย<br />
บริหารจัดการโดย:<br />
เทศบาลเมืองทุ่งสง<br />
ปี ที่สร้าง:<br />
พ.ศ. 2463<br />
The Thung Song Historical Museum possesses the area’s<br />
architectural and historical value, which is a large railway<br />
junction. Conservation includes preparing architectural designs<br />
that address structural and material deterioration problems.<br />
The use of the building has been adjusted for the activities<br />
of the current community. The project is an example of an<br />
alternative way to present historical buildings that have sentimental<br />
value for people in the area and have a positive effect<br />
on the economy and sustainability of the community.<br />
พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น “ชุมทางประวัติศาสตร์ทุ่งสง” ประกอบด้วย<br />
อาคาร 2 หลัง สร้างโดยกรมรถไฟหลวง อาคารหลังที่ 1 เคยเป็น<br />
อาคารขนส่งแร่ และสินค้าต่าง ๆ ส่วนอาคารหลังที่ 2 เคยเป็นที่<br />
ทําการของ 3 กิจการ คือ ธนาคารสยามกัมมาจล สาขาทุ่งสง (เปิด<br />
ทําการในพุทธศักราช 2463) ห้างยิบอินซอย และห้างปั้นกินหลํา<br />
เมื่อพุทธศักราช 2475 มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เกิดภาวะ<br />
เศรษฐกิจตกต่ํา ประกอบกับกรมรถไฟหลวงได้ขยายการเดินรถ<br />
ไปถึงอําเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และเชื่อมต่อไปยังประเทศ<br />
มาเลเซีย ส่งผลให้ธุรกิจการค้าหลายอย่างในอําเภอทุ่งสงลดลงจน<br />
ไม่คุ้มค่าต่อการดําเนินงาน คณะกรรมการใหญ่ของธนาคารจึงมีมติ<br />
ปิดสาขาทุ่งสงลง รวมเวลาดําเนินกิจการ 12 ปี หลังจากนั้นกิจการ<br />
ต่าง ๆ ที่เคยเช่าอาคารทั้ง 2 หลัง ก็ทยอยปิดตัว ลงจนไม่มีการใช้<br />
งานอาคารและอยู่ในสภาพทรุดโทรม ในที่สุดเทศบาลเมืองทุ่งสง<br />
ได้เล็งเห็นถึงความสําคัญในด้านประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม<br />
ของอาคาร จึงเช่าอาคารจากการรถไฟแห่งประเทศไทย และเริ่ม<br />
การปรับปรุงฟื้นฟูอาคารในพุทธศักราช 2561 จนแล้วเสร็จใน<br />
พุทธศักราช 2563<br />
พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น “ชุมทางประวัติศาสตร์ทุ่งสง” ทั้ง 2 หลัง เป็น<br />
อาคารคอนกรีต เสริมเหล็ก 2 ชั้น ผนังอาคารก่ออิฐถือปูน โครงสร้าง<br />
พื้นชั้นล่างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก โครงสร้างพื้นชั้นบนเป็นไม้<br />
โครงสร้างหลังคาเป็นไม้ หลังคาทรงปั้นหยาผสมทรงจั่ว มุงด้วย<br />
กระเบื้องว่าวซีเมนต์ ด้านหน้าอาคารเป็นชายคาระเบียงทางเดินยาว<br />
ขนานไปกับตัวอาคารยกพื้นสูง 1 เมตร มีช่องระบายอากาศใต้พื้น<br />
ทุกช่วงเสา ด้านหลังเป็นชานชาลาคอนกรีตเสริมเหล็ก อาคารหลัง<br />
ที่ 1 ผังพื้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 8.95 เมตร ยาว 20.10<br />
เมตร พื้นที่อาคารชั้นล่างจัดแสดงสินค้าและจําหน่ายสินค้าของที่<br />
ระลึก ชั้นบนเป็นส่วนการเรียนรู้เรื่องการพัฒนาวัฒนธรรมชุมชนและ<br />
ฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณี และการสร้างวัฒนธรรมใหม่เพื่อกระตุ้น<br />
เศรษฐกิจในพื้นที่ อาคารหลังที่ 2 ผังพื้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า<br />
กว้าง 8.95 เมตร ยาว 36.85 เมตร พื้นที่อาคารชั้นล่างประกอบ<br />
ด้วยห้องสมุด ห้องแสดงศิลปะ และห้องจัดแสดงนิทรรศการ พร้อม<br />
จัดแสดงตู้นิรภัยเก่าแก่ของธนาคารสยามกัมมาจล ชั้นบนเป็นห้อง<br />
จัดแสดงนิทรรศการ<br />
พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น “ชุมทางประวัติศาสตร์ทุ่งสง” ได้รับการปรับปรุง<br />
ฟื้นฟูตาม หลักวิชาการตั้งแต่การสํารวจรวบรวมข้อมูล การจัดทํา<br />
แผนอนุรักษ์ การทํางานตามแผนที่ได้วางไว้ และการจัดตั้งหน่วย<br />
งานสําหรับบริหารจัดการโครงการ ทําให้สามารถรักษาคุณค่าด้าน<br />
สถาปัตยกรรม และด้านประวัติศาสตร์ของเมือง ที่เกี่ยวพันกับกิจการ<br />
รถไฟเอาไว้ได้ นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้คนที่สนใจได้เข้ามา<br />
ศึกษาหาความรู้และทํากิจกรรมต่าง ๆ ถือเป็นการรักษามรดก<br />
ทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าของท้องถิ่นได้อย่างน่าชื่นชม
ุ<br />
์<br />
ทุ<br />
ุ<br />
ุ<br />
ั<br />
ั<br />
์<br />
ทุ<br />
่<br />
ึ<br />
ั<br />
ั<br />
ุ<br />
ุ<br />
ั<br />
ุ<br />
์<br />
ทุ<br />
์<br />
ทุ<br />
ั<br />
ั<br />
ี<br />
้<br />
้<br />
ั<br />
ุ<br />
้<br />
่ี<br />
ั<br />
่<br />
่ี<br />
็<br />
่<br />
พิ พิ ธ ภั ่ ณ น ฑ์ “ช ุ ท้ อ<br />
พิ พิ ธ ภั ่ ณ น ฑ์ “ชมทางประว<br />
ท้ อ ง ถิ ั ติ ศาสตร่ งสง” ประกอบด้ วยอาคาร 2 หลง<br />
สร ้ างโดยกรมรถไฟหลวง อาคารหล ั งท ี่ 1 เคยเป็ นอาคารขนส ่ งแร ่ และส ิ นค้ าต่ าง ๆ<br />
่สวนอาคารหล<br />
ั งที่ 2 เคยเป็ นที่ ทํ าการของ 3 กิ จการ คื อ ธนาคารสยามกั มมาจล สาขาทุ่ งสง<br />
(เปิ ดท ํ าการในพุ ทธศั กราช 2463) ห้ างยิ บอ ิ นซอย และห้ างบั้ นท ิ นหล ํ า เมื่ อพุ ทธศั กราช<br />
2475 มี การเปล ี่ ยนแปลงการปกครอง เก ิ ดภาวะเศรษฐก ิ จตกตํ่ า ประกอบก ั บกรม<br />
รถไฟหลวงได้ ขยายการเดิ นรถไปถ ึ งอ ํ าเภอหาดใหญ่ ัจงหว<br />
ั ดสงขลา และเช ื่ อมต่ อไปยั ง<br />
ประเทศมาเลเซ ี ย ่สงผลให้ ุธรกิ จการค้ าหลายอย่ างในอ ํ าเภอทุ่ งสงลดลงจนไม่ คุ้ มค่ าต่ อ<br />
การดํ าเนิ นงาน คณะกรรมการใหญ่ ของธนาคารจ ึ งมี มติ ปิ ดสาขาทุ ่ งสงลง รวมเวลา<br />
ดํ าเนิ นก ิ จการ 12 ปี หล ั งจากนั ้ นก ิ จการต่ าง ๆ ี่เคยเช ท ่ าอาคารท ้ ง 2 หล ั ง ็กทยอยปิ ดตั ว<br />
ลงจนไม่ มี การใช ้ งานอาคารและอยู่ ในสภาพทร ุ ดโทรม ในที่ ุสดเทศบาลเมื องทุ่ งสงได้ เล ็ ง<br />
เห็ นถ ึ งความส ํ าคั ญในด้ านประว ั ติ ศาสตร ์ และสถาปั ตยกรรมของอาคารจ ึ งท ํ าการเช ่ า<br />
อาคารจากการรถไฟแห่ งประเทศไทย และเร ิ่มการปร ั บปร ุ งฟื ้ นฟู อาคารในพุ ทธศั กราช<br />
2561 จนแล ้ วเสร ็ จในพุ ทธศั กราช 2563<br />
มทางปร<br />
พิ พิ ธ ภั ่ ณ น ฑ์ “ชมทางประว<br />
ท้ อ ง ถิ ั ติ ศาสตร่ งสง” ้ ง ทั 2 หล ั ง เป็ นอาคารคอนกร ี ต<br />
เสร ิ มเหล ็ ก 2 ้ชน ผนั งอาคารก่ ออ ิ ฐถื อป ู น โครงสร ้ างพื้ นช ้ นล ่ างเป็ นคอนกร ี ตเสร ิ มเหล ็ ก<br />
โครงสร ้ างพื้ นช ั้ นบนเป็ นไม้ โครงสร ้ างหล ั งคาเป็ นไม้ หล ั งคาทรงปั นหยาผสมทรงจ ่ ว<br />
ุมงด้ วยกระเบื้ องว ่ าวซ ี เมนต์ ด้ านหน้ าอาคารเป็ นชายคาระเบี ยงทางเดิ นยาวขนานไปก ั บ<br />
ตั วอาคาร ยกพื้ นส ู ง 1 เมตร มี ่ชองระบายอากาศใต้ พื้ นทุ กช ่ วงเสา ด้ านหล 25 ั งเป็ นชานชาลา<br />
คอนกร ี ตเสร ิ มเหล ็ ก อาคารหล ั งท ี่ 1 ผั งพื้ นเป็ นร ู ปส ี่ เหล ่ ยมผื นผ้ า กว ้ าง 8.95 เมตร<br />
ยาว 20.10 เมตร พื ้ นท ี่ อาคารช ั้ นล ่ างจ ั ดแสดงส ิ นค้ าและจ ํ าหน่ ายส ิ นค้ าของท ี่ ระล ึ ก<br />
้ชั<br />
นบนเป็ นส ่ วนการเร ี ยนร ู้ เร ื่ องการพั ฒนาว ั ฒนธรรมช ุ มชนและฟื นฟู ัวฒนธรรมประเพณี<br />
ที ่ ง เลขท ตั<br />
และการสร ้ างว ั ฒนธรรมใหม่ เพื่ อกระตุ ้ นเศรษฐก ิ จในพื้ นท ี่ อาคารหล ั งท ี่ 2 ผั งพื้ นเป็ น<br />
สถาปนิ ก | ผู้<br />
ูรปส<br />
ี่เหล ี่ยมผื นผ้ า กว ้ าง 8.95 เมตร ยาว 36.85 เมตร พื้ นท ี่อาคารช ้ นล ่ างประกอบด้ วย<br />
ห้ องสมุ ด ห้ องแสดงศิ ลปะ และห้ องจ ั ดแสดงนิ ทรรศการ พร ้ อมจ ั ดแสดงตู้ สถาปนิ<br />
รภั ยเก่ าแก่ กอนุ<br />
ของธนาคารสยามก ั มมาจล ั้ชนบนเป็ นห้ องจ ั ดแสดงนิ ทรรศการ<br />
Type A: Award of Merit<br />
พิ พิ ธ ภั ่ ณ น ฑ์ “ชมทางประว<br />
ท้ อ ง ถิ ั ติ ศาสตร่ งสง” ได้ ัรบการปร<br />
ั บปรงฟื<br />
้ นฟู ตาม<br />
หลั กว ิ ชาการตั ้ งแต่ การสํ ารวจรวบรวมข้ อมู ล การจั ดทํ าแผนอนุ ัรกษ์ การทํ างานตามแผนที่<br />
ได้ วางไว ้ และการจ ั ดตั้ งหน่ วยงานส ํ าหร ั บบร ิ หารจ ั ดการโครงการ ํทาให้ ปี สามารถร ที่ สรั กษา<br />
คุ ณค่ าด้ านสถาปั ตยกรรม และด้ านประว ั ติ ศาสตร ์ ของเมื องท ี่เก ี่ยวพั นก ั บก ิ จการรถไฟ<br />
เอาไว ้ ได้ นอกจากนี้ ยั งเปิ ดโอกาสให้ ผู้ คนที่ สนใจได้ เข ้ ามาศึ กษาหาความร ู้ และทํ ากิ จกรรม<br />
ต่ าง ๆ ืถอเป็ นการร ั กษามรดกทางว ั ฒนธรรมท ี่มี คุ ณค่ าของท ้ องถ ิ่ นได้ อย่ างน่ าช ื่นชม<br />
พิ พิ ธ ภั ่ ณ น ฑ์ “ชมทางประว<br />
ท้ อ ง ถิ ั ติ ศาสตร่ งสง” ประกอบด้ วยอาคาร 2 หลง<br />
สร ้ างโดยกรมรถไฟหลวง อาคารหล ั งท ี่ 1 เคยเป็ นอาคารขนส ่ งแร ่ และส ิ นค้ าต่ าง ๆ<br />
่สวนอาคารหล<br />
ั งที่ 2 เคยเป็ นที่ ทํ าการของ 3 กิ จการ คื อ ธนาคารสยามกั มมาจล สาขาทุ่ งสง<br />
(เปิ ดท ํ าการในพุ ทธศั กราช 2463) ห้ างยิ บอ ิ นซอย และห้ างบั้นท<br />
ิ นหล ํ า เมื่ อพุ ทธศั กราช<br />
2475 มี การเปล ี่ ยนแปลงการปกครอง เก ิ ดภาวะเศรษฐก ิ จตกตํ่ า ประกอบก ั บกรม<br />
รถไฟหลวงได้ ขยายการเดิ นรถไปถ ึ งอ ํ าเภอหาดใหญ่ ัจงหว<br />
ั ดสงขลา และเช ื่ อมต่ อไปยั ง<br />
ประเทศมาเลเซ ี ย ่สงผลให้ ุธรกิ จการค้ าหลายอย่ างในอ ํ าเภอทุ่ งสงลดลงจนไม่ คุ้ มค่ าต่ อ<br />
การดํ าเนิ นงาน คณะกรรมการใหญ่ ของธนาคารจ ึ งมี มติ ปิ ดสาขาทุ ่ งสงลง รวมเวลา<br />
ดํ าเนิ นก ิ จการ 12 ปี หล ั งจากนั ้ นก ิ จการต่ าง ๆ ี่เคยเช ท ่ าอาคารท ้ ง 2 หล ั ง ็กทยอยปิ ดตั ว<br />
รางว ั ลอนุ ัรกษ์ ศิ ลปสถาปั ตยกรรมปี 2566<br />
ลงจนไม่ มี การใช ้ งานอาคารและอยู่ ในสภาพทร ุ ดโทรม ในที่ ุสดเทศบาลเมื องทุ่ งสงได้ เล ็ ง<br />
เห็ นถ ึ งความส ํ าคั ญในด้ านประว ั ติ ศาสตร ์ และสถาปั ตยกรรมของอาคารจ ึ งท ํ าการเช ่ า<br />
พิ อาคารจากการรถไฟแห่ พิ ธ ภั ่ ณ น ฑ์ “ชงประเทศไทย มทางประว ท้ อ ง ถิ ั ติ และเร ศาสตร ิ่มการปร ์ ทุ งสง” ั บปร ุ จั งฟื ้งหว<br />
นฟู ั ดนครศรี อาคารในพุ ทธศั ธรรมราช กราช<br />
2561 จนแล ้ วเสร ็ จในพุ ทธศั กราช 2563<br />
คำประกาศ คํ าประกาศ<br />
พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ้ท<br />
่ “ชุมทางประวัติศาสตร์ทุ่งสง” น ุ ั ์ ่ทุ<br />
เป็นอาคาร งสง” ที่มีคุณค่า นอาคาร<br />
ทั้งทางสถาปัตยกรรมและทางประวัติศาสตร์ของพื้นที่ซึ่งเป็นชุมทาง<br />
ที ่ มี ้ คุ ณ ค่ า ั ติ ์ ้ นท<br />
รถไฟขนาดใหญ่ ่ซงเป็ นช ุ มทางรถไฟขนาดใหญ่ การอนุรักษ์มีการจัดทําแบบสถาปัตยกรรมที่ได้มี<br />
ัรกษ์ การจ ั ํ าแบบ<br />
การแก้ไขปัญหาโครงสร้างและความเสื่อมสภาพของวัสดุ<br />
สถาปั ตยกรรมที่ ได้ มี มีการปรับ<br />
ของว ั สดุ มี การปร ั บการใช<br />
การใช้สอยอาคารเพื่อการประกอบกิจกรรมของชุมชนในปัจจุบัน<br />
ุชมชนในปั จจบั น นแบบอย่ ี ื อกในการนํ า<br />
นับเป็นแบบอย่างของอีกทางเลือกในการนําเสนออาคารทางประวัติ<br />
เสนออาคารทางประว ั ติ ์ ี่ท<br />
าทางจ ิ ตใจของประชาชน<br />
ศาสตร์ที่มีคุณค่าทางจิตใจของประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งส่งผลดีต่อ<br />
ในพื้ นท ี่ ีอกท<br />
้ งส ่ งผลดี ต่ อเศรษฐก ิ จและความยั ่ งยื นของช ุ มชน<br />
เศรษฐกิจและความยั่งยืนของชุมชน<br />
้ างและความเสื่ อมสภาพ<br />
้ สอยอาคารเพื่ อการประกอบกิ จกรรมของ<br />
นางสาวส ิ ิรน<br />
ผู้ ครอบคร<br />
้ าง ก<br />
พิ พิ ธ<br />
เสร ิ มเหล ็ ก<br />
โครงสร ้ างพ<br />
ุมงด้ วยกระ<br />
ตั วอาคาร ย<br />
คอนกร ี ตเส<br />
ยาว 20.10<br />
้ชั<br />
นบนเป็ นส<br />
และการสร ้ า<br />
ูรปส<br />
ี่เหล ี่ยม<br />
ห้ องสมุ ด ห้<br />
ของธนาคา<br />
พิ พิ ธ<br />
หลั กว ิ ชาการ<br />
ได้ วางไว ้ แ<br />
คุ ณค่ าด้ านส<br />
เอาไว ้ ได้ นอ<br />
ต่ าง ๆ ืถอเป
์<br />
ดู<br />
26<br />
Type A: Conservation of Architectural<br />
Heritage and Community<br />
Award of Merit<br />
Ban Khuan<br />
Lang-nga Mosque<br />
Pattani<br />
<strong>ASA</strong> Architectural Conservation Award <strong>2023</strong><br />
มั สยิ ดบ้ านควนล ั งงา เป็ นอาคารท ี่ มี คุ ณ<br />
งานสถาปั ตยกรรมอิ สลามที่ สร ้ างด้ วย<br />
แลร ั กษาอาคารได้ ดี มาอย่ างสมํ่ า<br />
ความแท้ ้ทั<br />
งในด้ านร ู ปแบบทางสถาปั ตย<br />
ดํ าเนิ นงานโดยหน่ วยงานที่ ัรบผิ ดชอบ<br />
ิ ีธการอนุ ัรกษ์ ที่<br />
้ งเดิ มไว ้ เป็ นอย่ าง<br />
้ งเดิ มมาจนถึ งในปั จจ ุ บั<br />
้ งใจท ี่จะร ั กษ<br />
มัสยิดบ้านควนลังงา เป็นอาคารมัสยิดซึ่งตั้งอยู่ ณ บ้านควนลังงา<br />
ตําบลทรายขาว อําเภอโคกโพธิ์ ครบถ้ จังหวัดปัตตานี วน ได้ ชาวบ้านเล่าสืบต่อกันว่า<br />
ื อกเทคนิ คว<br />
ภายหลังภัยสงครามระหว่างกรุงศรีอยุธยากับปัตตานีสงบลง ชาวบ้าน<br />
และเจ้าอาวาสวัดทรายขาวได้ช่วยเหลือโต๊ะหยางหญิง สํ าคั ญและว ั สดุ ที่ตกเหวเพราะ แบบดั<br />
หนีภัยสงคราม พร้อมพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานฉบับเขียนมือ ศาสนกิ จแบบดั หลังจากนั้น<br />
ชาวบ้านทรายขาวทั้งที่นับถือศาสนาพุทธและอิสลามได้ร่วมแรงร่วมใจ<br />
สร้างศาสนสถานของชุมชนขึ้น คนในท เมื่อราวพุทธศักราช ้ องถิ ่ น 2177 ี่มี ท ความตั และใช้สอย<br />
อาคารเรื่อยมา จนถึงพุทธศักราช คุ ณค่ 2530 าให้ จึงได้มีการก่อสร้างอาคารมัสยิด<br />
คงอยู่ ืสบไป<br />
หลังใหม่ขึ้นเพิ่มเติม โดยมิได้รื้ออาคารไม้หลังเดิมออก และใช้ชื่อว่า<br />
มัสยิดนัจมุดดินซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบหลังคา และลดจํานวน<br />
เสาด้านตะวันตกของอาคารเดิมลง หลังจากนั้นในพุทธศักราช 2547<br />
มีการถมปรับระดับพื้นให้สูงขึ้นมาเล็กน้อย เทพื้นคอนกรีตพร้อม<br />
ปูกระเบื้อง ทําแท่นปูนฐานเสา ซ่อมแซมโครงสร้างหลังคาและเปลี ่ยน<br />
กระเบื้องมุงหลังคาใหม่ และในพุทธศักราช 2563 ส่วนอาคารเก่าของ<br />
มัสยิดนัจมุดดินได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ โดยอยู่ในความรับผิดชอบ<br />
ของสํานักศิลปากรที่ 11 สงขลา กรมศิลปากร และมีบริษัทเอกพร<br />
ไพศาล จํากัด เป็นผู้ดําเนินการ<br />
ที่ตั้ง :<br />
หมู่ 4 ตําบลทรายขาว อําเภอโคกโพธิ<br />
จังหวัดปั ตตานี<br />
สถาปนิก / ผู้ออกแบบ :<br />
ไม่ปรากฏชื่อผู้ออกแบบ<br />
ผู้ครอบครอง :<br />
มัสยิดบ้านควนลังงา<br />
ปี ที่สร้าง:<br />
พ.ศ. 2177<br />
Ban Khuan Lang-nga Mosque is a treasured building with its<br />
rare wooden works of Islamic architecture. The owner maintains<br />
the structure well and regularly. This building, therefore, retains<br />
its authenticity in both architectural style and materials. Conservation<br />
is carried out by the responsible agency according to<br />
a complete work process, selecting conservation techniques<br />
that can preserve the essential elements and traditional materials<br />
as well. Traditional religious practises have been inherited<br />
until now. It is regarded as a significant spiritual center of the<br />
local people, with the strong intention of preserving this<br />
valuable religious building in existence.<br />
มัสยิดบ้านควนลังงา เป็นอาคารเรือนไม้พื้นถิ่นในแบบเดียวกันกับที่พบ<br />
ตามวัดในศาสนาพุทธ ก่อสร้างโดยไม่ใช้ตะปู แต่ใช้ลิ่มไม้และเข้าสลักไม้<br />
แทน วางตัวในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตกเป็นอาคารโถง ไม่มีผนัง<br />
และไม่ยกพื้น ผังพื้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 5 ห้อง กว้าง<br />
9.40 เมตร ยาว <strong>13</strong>.80 เมตร หลังคาทรงจั่วต่อปีกนกลาดเทลงด้าน<br />
ทิศตะวันออกทิศเหนือและทิศใต้ส่วนด้านตะวันตกทําเป็นจั่วเล็กลดชั้น<br />
ลงมาแทนการทําปีกนก เพราะกําหนดพื้นที่ด้านนี้ให้เป็นพื้นที่ของมิหร็อบ<br />
ตามทิศทางที่หันไปสู่วิหารกะบะฮ์กรุง มักกะฮ์ หรือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจาก<br />
การก่อสร้างอาคารใหม่มาประชิดในส่วนนี้ ที่จําเป็นต้องปรับเปลี่ยน<br />
ทรงหลังคา โครงสร้างหลังคาเป็นไม้ตะเคียนมุงกระเบื้องดินเผา ปลายแหลม<br />
พื้นอาคารเดิมเป็นพื้นทราย เมื่อจะใช้งานละหมาด ชาวบ้านจะนําเสื่อ<br />
มาปูทับ และเมื่อปฏิบัติศาสนกิจเรียบร้อยแล้วก็นําเสื่อไปตากพาดไว้ที่<br />
ราวรอบอาคาร ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นปูด้วยกระเบื้องดินเผา ภายในอาคาร<br />
มีมิมบัร และนางญา หรือกลองที่ใช้ตีบอกเวลาละหมาด หรือตีเพื่อแจ้งเตือน<br />
และคัมภีร์อัลกุรอานเขียนด้วยมือ ที่อยู่คู่กับมัสยิดมาตั้งแต่เมื่อแรกสร้าง<br />
ทางด้านทิศตะวันออกของอาคารยังมีสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมา<br />
ราว 70 ปีที่แล้ว ได้แก่ อาคารมาลาเซาะฮ์ เป็นอาคารอเนกประสงค์<br />
ที่เคยใช้เป็นโรงเรียน เป็นอาคารไม้หลังคาทรงบลาน มุงด้วยกระเบื้อง<br />
ดินเผาปลายแหลมเช่นเดียวกัน และยังมีที่เอาน้ําละหมาด เป็นอ่างทรง<br />
สี่เหลี่ยมผืนผ้า<br />
มัสยิดบ้านควนลังงา เป็นตัวอย่างของอาคารศาสนสถานที่ได้รับการ<br />
ออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้นของภาคใต้ของ<br />
ประเทศไทย สามารถระบายอากาศได้ดีและแสงสว่างส่องเข้าได้ทั่วถึง<br />
แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของบรรพชนในท้องถิ่น และยังเป็นหลักฐาน<br />
สําคัญที่สื่อถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติ บนพื้นฐานความสามัคคีของ<br />
ชาวชุมชนที่มีความเชื่อ และความศรัทธาแตกต่างกัน
ี<br />
้<br />
ี<br />
ั<br />
ึ<br />
ั<br />
ั<br />
็<br />
ู<br />
่<br />
ิ<br />
ั<br />
้<br />
ิ์<br />
ั<br />
ิ<br />
็<br />
่<br />
ิ<br />
็<br />
ึ<br />
ดู<br />
ึ<br />
้<br />
้<br />
้<br />
ิ<br />
ั<br />
ั<br />
ั<br />
ั<br />
ั<br />
่<br />
็<br />
ั<br />
้ึ<br />
ั<br />
ู<br />
้<br />
ั<br />
่ึ<br />
้<br />
ั<br />
่ิ<br />
่ี<br />
ํ<br />
ัจงหว<br />
ั ดปั ตตานี<br />
สถาปนิ ก | ผู้ ออกแบบ ไม่ ปรากฏช ื่อผู้ ออกแบบ<br />
ผู้<br />
ครอบครอง มั สยิ ดบ้ านควนล ั งกา<br />
ปี่สร<br />
ท ้ าง พุ ทธศั กราช 2177<br />
จากนั้ นในพุ<br />
ทธศั กราช 2547 มี การถมปร ั บระดั บพื้ นให้<br />
ูสงข<br />
้ นมาเล ็ กน้ อย เทพื้ นคอนกร ี ตพร ้ อมป ู กระเบื้ อง ํทา<br />
แท ่ นป ู นฐานเสา ่ซอมแซมโครงสร<br />
้ างหล ั งคาและเปล ี่ ยน<br />
กระเบื้องม<br />
ุ งหล ั งคาใหม่ และในพุ<br />
ทธศั กราช 2563 ่สวน<br />
อาคารเก่ าของมั สยิ ดนั จมุ ดดิ นได้ ัรบการบู รณปฏิ ัสงขรณ์<br />
โดยอยู่<br />
ในความร ั บผิ<br />
ดชอบของส ํ านั กศิ ลปากรท ี่ 11<br />
สงขลา กรมศิ ลปากร และมี บร ิ ษั ทเอกพรไพศาล ํจาก<br />
ั ด<br />
เป็ นผู้ ดํ าเนิ นการ<br />
งานอนุ<br />
มั สยิ ดบานควนลงงา เป็ นตั<br />
ัร<br />
วอย่ างของอาคารศาสน-<br />
กษ์<br />
สถานที่ ได้ ัรบการออกแบบให้ เหมาะสมกั บสภาพภู มิ อากาศ<br />
มั สยิ ดบ้<br />
านควนลงงา เปนอาคารเร<br />
ื อนไม้ พื้ นถนใน<br />
แบบร ้ อนช ื้ นของภาคใต้ ของประเทศไทย สามารถระบาย<br />
แบบเดี ยวก ั นกบท<br />
ี่ พบตามว ั ดในศาสนาพุ ทธ ่กอสร<br />
้ าง อากาศได้ ดี และแสงสว<br />
โดยไม่ ใช ้ ตะป ู แต่ ใช ้ ิ่ลมไม้ และเข ้ าสล ั กไม้ แทน วางตั ว เห็ นถ ึ งภู มิ ปั ญญาของบรรพชนในท ้ องถ ่ น และยั งเป็ น<br />
ในแนวท ิ ศตะว ั นออก–ตะว ั นตก เป็ นอาคารโถง ไม่ มี หล ั กฐานส ํ าคั ญท ี่ ื่สอถ<br />
ึ งการอยู่ ่ วมก ั นอย่ างสงบส ั นติ<br />
ผนั ง และไม่ ยกพื้ น ผั งพื้ นเป็ นรปส<br />
ี่ เหล ี่ ยมผื นผ้ า บนพื้ นฐานความสามั คคี ของชาวช ุ มชนที่ มี ความเช ื่ อและ<br />
ขนาดกว ้ าง 5 ห้ อง กว ้ าง 9.40 เมตร ยาว <strong>13</strong>.80 เมตร<br />
ตะว ั นออกของอาคารยั งมี ่สงปล<br />
ู กสร ้ างเก่ าแก่ ที่ สร ้ างข ้ น<br />
มาราว 70 ปี ี่แล ท ้ ว ได้ แก ่ อาคารบาลาเซาะฮ ์ เป็ นอาคาร<br />
อเนกประสงค์<br />
ี่ทเคยใช<br />
้ เปนโรงเร<br />
ี ยน เปนอาคารไม้<br />
หล ั งคาทรงบลานอ มุ งด้ วยกระเบื้ องดิ นเผาปลายแหลม<br />
เช ่ นเดี ยวก ั น และยั งมี ี่ทเอานํ้ าละหมาด เป็ นอ ่ างทรง<br />
ี่เหล ส ี่ยมผื นผ้ า<br />
Type รางว ่ั างส ลอนุ องเข A: ้ าได้ ัรกษ์ ั่ ทวถ<br />
ึAward ง ศิ แสดงให้ ลปสถาปั ตยกรรมป of Merit ี 2566<br />
ความศร ั ทธาแตกต่ างก ั น<br />
มรดกทางสถาป<br />
ตยกรรมแ 27<br />
มั สยิ ดบ้<br />
านควนลงงา จั งหว ั ดปตตานี<br />
มั สยิ ดบ้<br />
านควนล ั ง<br />
ที ่ ง หม ู่ ตั 4 ตํ าบลทรายขาว ํอาเภอโคกโพธ<br />
ัจงหว<br />
ั ดปั ตตานี<br />
สถาปนิ ก | ผู้ ออกแบบ ไม่ ปรากฏช ื่อผู้ ออกแบบ<br />
ผู้ ครอบครอง มั สยิ ดบ้ านควนล ั งกา<br />
ปี่สร<br />
ท ้ าง พุ ทธศั กราช 2177<br />
คำประกาศ<br />
มัสยิดบ้านควนลังงาเป็นอาคารที่มีคุณค่าเป็นอย่างมาก ด้วยเป็นงาน<br />
สถาปัตยกรรมอิสลามที่สร้างด้วยไม้ซึ่งหาได้ยาก ผู้ครอบครองดูแล<br />
รักษาอาคารได้ดีมาอย่างสม่ําเสมอ อาคารหลังนี้จึงคงความแท้ ทั้งในด้าน<br />
รูปแบบทางสถาปัตยกรรม และวัสดุ การอนุรักษ์ดําเนินงานโดยหน่วยงาน<br />
ที่รับผิดชอบตามกระบวนการทํางานอย่างครบถ้วนได้เลือกเทคนิควิธีการ<br />
อนุรักษ์ที่สามารถรักษาองค์ประกอบสําคัญ และวัสดุแบบดั้งเดิมไว้<br />
เป็นอย่างดี มีการสืบทอดการประกอบศาสนกิจแบบดั้งเดิมมาจนถึง<br />
ในปัจจุบัน ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในท้องถิ่น ที่มีความตั้งใจที่จะ<br />
รักษาอาคารศาสนสถานอันทรงคุณค่าให้คงอยู่สืบไป<br />
คํ<br />
มั สยิ ดบานควนลงงา เป็ นอาคารมั สยิ ดซงตั<br />
ง<br />
ณ บานควนลงงา ตํ าบลทรายขาว ํอาเภอโคก<br />
ัจงหว<br />
ั ดปั ตตานี ชาวบ้ านเล ่ าส ื บต่ อก ั นว ่ า ภายหลง<br />
สงครามระหว ่ างกร ุ งศร ี อยุ ธยากั บปั ตตานี สงบลง ชา<br />
และเจ ้ าอาวาสว ั ดทรายขาวได้ ่ชวยเหล<br />
ื อโต๊ ะหยาง ห<br />
ี่ทตกเหวเพราะหนี ภั ยสงครามพร ้ อมพระมหาคั<br />
ัอลกุ รอานฉบั บเข ี ยนมื อ หล ั งจากนั้ นชาวบานทราย<br />
้ทั<br />
งที่ นั บถื อศาสนาพุ ทธและอ ิ สลามได้ ด้ วยร ่ วมแรงร ่ ว<br />
สร ้ างศาสนสถานของช ุ มชนขนเมื<br />
่ อราวพุ ทธศั ก<br />
2177 และใช ้ สอยอาคารเร ื่ อยมาจนถ ึ งพุ ทธศั ก<br />
2530 ึจงได้ มี การกอสร<br />
้ างอาคารมั สยิ ดหลงใหม่<br />
เ ่ พิ มเติ มโดยมิ ได้ ื้รออาคารไม้ หลงเดิ มออก และใ<br />
ู ปแบบห<br />
ั นตกของอาคารเดิ มลง<br />
ั บระดั บพื้<br />
ู กระเบื้ อง<br />
ั งคาและเป<br />
ั งคาใหม่ และในพุ ทธศั กราช 2563<br />
ั บการบู รณปฏิ ัสง<br />
โดยอยู่ ในความร ั บผิ ดชอบของส ํ านั กศิ ลปากรท<br />
สงขลา กรมศิ ลปากร และมี บร ิ ษั ทเอกพรไพศาล จ<br />
เป็ นผู้ ดํ าเนิ นการ<br />
าประกาศ<br />
มั สยิ ดบ้ านควนล ั งงา เป็ นอาคารท ี่ มี คุ ณค่ าเป็ นอย่ างมากด้ วยเป็ น<br />
่วามั สยิ ดนั จมุ ดดิ น ซึ่ งได้ มี การปร ั บเปลี่ ยนร<br />
งานสถาปั ตยกรรมอิ สลามที่ สร ้ างด้ วยไม้ ซึ่ งหาได้ ยาก ผู้ ครอบครอง<br />
แลร ั<br />
และลดจ<br />
กษาอาคารได้<br />
ํ านวนเสาด้<br />
ดี มาอย่ างสมํ่<br />
านตะว<br />
าเสมอ อาคารหล ั งนี้ ึจงคง<br />
ความแท้ จากนั้ ้ทั<br />
งในด้ นในพุ านร ู ปแบบทางสถาปั ทธศั กราช ตยกรรมและว 2547 มี การถมปร<br />
ั สดุ การอนุ ัรกษ์<br />
ดํ าเนิ นงานโดยหน่ ูสงข<br />
้ นมาเล วยงานที่ ็ กน้ อย ัรบผิ เทพื้ ดชอบตามกระบวนการทํ นคอนกร ี ตพร ้ อมป างานอย่ าง<br />
ครบถ้ วน ได้ เล ื อกเทคนิ คว ิ ีธการอนุ ัรกษ์ ที่ สามารถร ั กษาองค์ ประกอบ<br />
แท ่ นป ู นฐานเสา ่ซอมแซมโครงสร<br />
้ างหล<br />
สํ าคั ญและว ั สดุ แบบดั ้ งเดิ มไว ้ เป็ นอย่ างดี มี การสื บทอดการประกอบ<br />
ศาสนกิ กระเบ จแบบดั ื้องม ้ งเดิ ุมมาจนถึ งหล งในปั จจ ุ บั น ถื อเป็ นศู นย์ รวมจ ิ ตใจของ<br />
คนในท ้ อาคารเก่ องถิ ่ น ี่มี ท ความตั าของมั ้ งใจท สยิ ี่จะร ดนั ั กษาอาคารศาสนสถานอ<br />
จมุ ดดิ นได้ ร ั นทรง<br />
คุ ณค่ าให้ คงอยู่ ืสบไป<br />
มั สยิ ดบานควนลงงา เปนอาคารเร<br />
ื อนไม้ พื้ นถ<br />
แบบเดี ยวกนกบท<br />
ี่ พบตามว ั ดในศาสนาพุ ทธ ่กอส<br />
โดยไม่ ใช ้ ตะป ู แต่ ใช ้ ิ่ลมไม้ และเข ้ าสล ั กไม้ แทน วาง<br />
ในแนวทศตะว<br />
ั นออก–ตะว ั นตก เป็ นอาคารโถง<br />
ผนั ง และไม่ ยกพื้ น ผั งพื้ นเป็ นรปส<br />
ี่ เหล ี่ ยมผื น<br />
ขนาดกว ้ าง 5 ห้ อง กว ้ าง 9.40 เมตร ยาว <strong>13</strong>.80 เ
้<br />
ํ<br />
ู่<br />
28<br />
<strong>ASA</strong> Architectural Conservation Award <strong>2023</strong><br />
Type A: Conservation of Architectural<br />
Heritage and Community<br />
Honorable Mention<br />
Ban Pong Nak<br />
พิ พิ ธภั ณฑ์ บานป่ องนั ก จั งหว ั ดลาปาง<br />
Museum<br />
Lampang<br />
รางว ั ลอนุ ร<br />
ั กษ์ ศิ ลปสถาป<br />
พิพิธภัณฑ์บ้านป้องนักเป็นอาคารที่สร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็น<br />
พลับพลาที่ประทับแรมของพระบาท สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว<br />
รัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารําไพพรรณี พระบรมราชินี คราวเสด็จ<br />
ประพาสมณฑลพิษณุโลกและมณฑลพายัพในพุทธศักราช 2469 ดําเนินการ<br />
ก่อสร้างโดยกรมยุทธการทหารบก และควบคุมการก่อสร้างโดยพันโท<br />
ั ตยกรรมปี 2566<br />
พระมหาณรงค์เรืองเดช (แปลก จุลกัณห์) ผู้บังคับกองพันที่ 1 กรม<br />
ทหารราบที่ 17 ใช้งบประมาณไปกว่า 16,000 บาท คําว่า “ป๋อง” เป็น<br />
ภาษาคําเมือง แปลว่า “ช่อง” คําว่า “นัก” หมายถึงจํานวนมาก ดังนั้น<br />
บ้านป่องนักจึงหมายถึงบ้านที่มีช่องหน้าต่างจํานวนมาก ต่อมาบ้านป่องนัก<br />
ยังใช้เป็นที่ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช<br />
รัชกาลที่ คํ าประกาศ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ (พระ<br />
อิสริยยศ พิ พิ ธภั ณ ณฑ์ ขณะนั้น) บ้ านป่ องนั คราวเสด็จเยี่ยมเยือนพสกนิกรภาคเหนือ กเป็ นอาคารที่ มี ความสํ าคั ้ ญทั งทางประว ใน<br />
พุทธศักราช และทางสถาปั 2501 ตยกรรม หลังจากนั้น ที่ ยั งร ได้ใช้เป็นสํานักงานกฎหมายอยู่ในช่วง<br />
ั กษาความแท้ ของร<br />
ระยะเวลาหนึ่ง องค์ ประกอบอาคารได้ ดังที่ปรากฏเครื่องเรือนเครื่องใช้ในสํานักงานกฎหมาย<br />
ค่ อนข ้ างครบถ้ วน มี การดู แลร<br />
ในสมัยก่อน เป็ นอย่ างดี เช่น โดยมี บัลลังก์ผู้พิพากษา การซ ่ อมแซมโครงสร และได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์<br />
บ้านป่องนัก อย่ างต่ อเนื่ ในพุทธศักราช อง มี การจ ั 2534 ดแสดงเป็ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพิพิธภัณฑ์<br />
นพิ และส<br />
บ้านป่องนักได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี ให้ เห็ นถึ งประว ั ติ ศาสตร ์ ี่ทเก<br />
ยวข ้ องได้ สําหรับการปรับปรุงฟื้นฟู<br />
ค่ อนข ้ างดี อย่ างไรก<br />
อาคารครั้งล่าสุดในพุทธศักราช<br />
ควรมี การวางแผนงานอนุ ร2562 นั้น ทําให้สามารถรักษาสภาพ<br />
ของอาคารและทัศนียภาพโดยรอบให้มีความคล้ายคลึงกับสภาพอาคาร<br />
ัอนประกอบด้ วยการเก็ บข ้ อมู ลทางสถาปั ตยกรรมที่ ละเอ<br />
การว ิ เคราะห์ ูรปแบบ ัวสดุ และส ี ดั<br />
เมื่อแรกสร้าง มีการเสริมความมั่นคงแข็งแรงของพื้นไม้เพื่อรองรับการ<br />
้ งเดิ มของอาคาร ท<br />
การกํ าหนดแนวทางการบู รณะและการจ ั ดการอาคารอย่ างเต็ ม<br />
ใช้สอยของการเป็นพิพิธภัณฑ์นอกจากนี้ได้มีการปรับปรุงระบบภายใน<br />
ูรปแบบต่ อไป<br />
อาคารให้เหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น<br />
ั ติ ศาสตร ์<br />
ู ปทรงภายนอกและ<br />
ั กษาอาคารมา<br />
้ างและองค์ ประกอบต่ าง ๆ<br />
ื่อความหมาย<br />
็ ตาม<br />
ั กษ์ ตามกระบวนการอย่ างครบถ้ วน<br />
ี ยดถี่ ถ้ วน<br />
ี่ จะนํ าไปส<br />
ที่ตั้ง :<br />
มณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ ์มนตรี<br />
ตําบลพิชัย อําเภอเมืองลําปาง จังหวัด<br />
ลําปาง<br />
สถาปนิก / ผู้ออกแบบ :<br />
ไม่ปรากฏชื่อผู้ออกแบบ<br />
ผู้ครอบครอง :<br />
มณฑลทหารบกที่ 32<br />
ปี ที่สร้าง:<br />
พ.ศ. 2468<br />
Ban Pong Nak Museum is a building that is both of historical<br />
and architecture value that has been so far retained the authenticity<br />
of the building exterior and building elements quite<br />
completely. The building has a good maintenance. The structure<br />
and various elements are constantly being repaired. The<br />
building is used as a museum and quite well conveys the<br />
history involved. However, the conservation process should<br />
be planned in full which consists of a thorough architectural<br />
archive, an analysis of the building’s original features, materials<br />
and colors, which would lead Determining guidelines for the<br />
restoration and full management of the building further.<br />
พิพิธภัณฑ์บ้านป้องนัก เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ยกพื้น 0.90 เมตร รูปแบบ<br />
สถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลที่เป็นการนําเอาสถาปัตยกรรมอย่างตะวันตก<br />
มาดัดแปลงใช้ให้เหมาะสมกับภูมิอากาศแบบร้อนชื้นด้วยการทําเป็น<br />
ระเบียงโดยรอบ จุดเด่นของอาคารหลังนี้คือ มุขแบบ 6 เหลี่ยม จํานวน<br />
5 มุข มีหน้าต่างรอบอาคารเป็นบานกระทุ้งเกล็ดไม้จํานวน 250 บาน<br />
รวมมีช่องหน้าต่างทั้งสิ้น 469 ช่อง เหนือช่องหน้าต่างเป็นช่องลมไม้<br />
ฉลุลาย บันไดไม้ ภายในอาคารแบ่งเป็นบันไดด้านหน้าสําหรับเจ้านาย<br />
และบันไดด้านหลังสําหรับข้าราชบริพาร หลังคาทรงปั้นหยา มุงกระเบื้อง<br />
ว่าวซีเมนต์ พื้นที่ชั้นล่างจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์บางส่วนที่ใช้ในสมัย<br />
สงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนชั้นบนจัดเป็นพื้นที่สักการะสมเด็จพระนเรศวร<br />
มหาราช มีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ภาพถ่าย และวัตถุมีค่ามากมาย<br />
โดยมีการจําลองบรรยากาศของการใช้งาน ในฐานะที่ประทับไว้ด้วย<br />
พิพิธภัณฑ์บ้านป่องนัก แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของมณฑลทหารบก<br />
ที่ 32 ที่จะอนุรักษ์อาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม<br />
ที่เกี่ยวพันกับราชวงศ์จักรีและการทหารผ่านการจัดแสดงที่หลากหลาย<br />
ทําให้นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจทั่วไปได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้อัน<br />
จะก่อให้เกิดความภาคภูมิใจ ความรักความหวงแหนและมีจิตสํานึกใน<br />
การรักษามรดกวัฒนธรรมของชาติต่อไป
้<br />
ี<br />
ํ<br />
ุ<br />
ํ<br />
้<br />
็<br />
ึ<br />
ั<br />
ั<br />
้<br />
พิ พิ ธภั ณฑ์ บ้<br />
ูร่ องนั ปแบบต่ ก จั งหว อไป ั ดล<br />
านป<br />
ที ่ ง มณฑลทหารบกท<br />
ตั ี่ 32 ค่ ายส ุ รศั กดิ์ มนตร<br />
ตํ าบลพิ ัชย ํอาเภอเมื องล ํ าปาง ัจงหว<br />
ั ดล ํ าปาง<br />
สถาปนิ ก | ผู้ ออกแบบ ไม่ ปรากฏช ื่อผู้ ออกแบบ<br />
ผู้ ครอบครอง มณฑลทหารบกท ี่ 32<br />
ปี ี่สร ท ้ าง พุ ทธศั กราช 2468<br />
Type A: Honorable Mention<br />
พิ พิ ธภั ณฑ์ บ้<br />
านป่<br />
อ<br />
าปาง<br />
คํ<br />
าประกาศ<br />
29<br />
พิ พิ ธภั ณฑ์ บ้ านป่ องนั กเป็ นอาคารที่ มี ค<br />
พิ พิ ธภั และทางสถาปั ณฑ์ บานป่ องนั ตยกรรม ก เปนอาคารท<br />
ที่ ยั งร ั กษาความ ี่ สร ้ าง<br />
ุจดประสงค์ องค์ ประกอบอาคารได้ เพื่ อเป็ นพล ั บพลาที่ ค่ อนข ประทั ้ างครบถ้ บแรมขอ วน<br />
สมเด็ เป็ จพระปกเกล นอย่ างดี ้ โดยมี าเจ ้ าอยู่ การซ หั ่ ว อมแซมโครงสร<br />
ัรชกาลท<br />
ี่ 7 แล<br />
พระนางเจ อย่ างต่ ้ าร ํ อเนื่ าไพพรรณี อง มี การจ พระบรมราช ั ดแสดงเป็ ิ นพิ นี คร พิ<br />
ประพาสมณฑลพิ ให้ เห็ นถึ งประว ษณุ ั โลกและมณฑลพายั ติ ศาสตร ์ ี่ทเก<br />
ยวข ้ พในพุ องได้<br />
2469 ควรมี ดํ าเนิ นการก่ การวางแผนงานอนุ อสร ้ างโดยกรมยุ ัรทธการทหา<br />
กษ์ ตามก<br />
ควบคุ ัอมการก่ นประกอบด้ อสร ้ างโดยพั วยการเก็ นโท บข ้พระมหาณรงค์<br />
อมู ลทางสถา<br />
(แปลก การว จลก<br />
ิ ัเคราะห์ ณห์ ) ผู้ ูรบั ปแบบ งคั บกองพั ัวสดุ นท และส ี่ 1 ี กรมท ดั ้ งเดิ<br />
ที่ 17 ใช การกํ ้ งบประมาณไปกว าหนดแนวทางการบู ่ า 16,000 รณะและการ<br />
บาท คํ าว ่ า “ป่<br />
ภาษาคํ ูราเมื ปแบบต่ อง แปลว อไป ่ า "ช ่ อง" คํ าว ่ า “นั ก” หมายถึ<br />
มาก ดั งนั ้ นบ้ านป่ องนั กจ ึ งหมายถ ึ งบ้ านที่ มี ่ชอง<br />
ํจานวนมาก ต่ อมาบ้ านป่ องนั กยั งใช ้ เป็ นที่ ประทั<br />
พระบาทสมเด็ จพระเจ ้ าอยู่ หั วภู มิ พลอดุ ลยเด<br />
ี่ ท 9 และสมเด็ จพระนางเจ ้ าส ิ ิริกติ์ พระบรมร<br />
(พระอ ิ สร ิ ยยศ ณ ขณะนั ้ น) คราวเสด็ จเยี่<br />
พสกนิ กรภาคเหนื อ ในพุ ทธศั กราช 2501 หล<br />
ได้ ใช ้ เป ็ นสานั กงานกฎหมายอยู่ ในช ่ วงระยะเ<br />
ดั งที่ ปรากฏเคร ื่ องเร ื อนเคร ื่ องใช ้ ในสํ านั กงานก<br />
สมั ยก ่ อน เช ่ น บั ลล ั งก ์ ผู้ พิ พากษา และได้ กล<br />
พิ พิ ธภั ณฑ์ บ้ านป่ องนั ก ในพุ ทธศั กราช 2534 โ<br />
ระยะเวลาที่ ผ่ านมา พิ พิ ธภั ณฑ์ บ้ านป่ องนั กได้ ร<br />
ัรกษาเป็ นอย่ างดี ํสาหร<br />
ั บการปร ั บปร ุ งฟื ้ นฟู อา<br />
่ลาส<br />
ุ ดในพุ ทธศั กราช 2562 ้นั<br />
น ทํ าให้ สามารถร ั ก<br />
ของอาคารและทั ศนี ยภาพโดยรอบให้ มี ความคล้<br />
คำประกาศ<br />
สภาพอาคารเมื่ อแรกสร ้ าง มี การเสร ิ มความมั ่ นคง<br />
พิพิธภัณฑ์บ้านป่องนัก เป็นอาคารที่มีความสําคัญทั้งทางประวัติศาสตร์<br />
และทางสถาปัตยกรรมที่ยังรักษาความแท้ของรูปทรงภายนอกและ<br />
ของพื้ นไม้ เพื่ อรองร ั บการใช ้ สอยของการเป็ นพิ<br />
องค์ประกอบอาคารได้ค่อนข้างครบถ้วน นอกจากนี้ มี การปร มีการดูแลรักษาอาคารมาเป็น<br />
ั บปร ุ งระบบภายในอาคารใ<br />
อย่างดี โดยมีการซ่อมแซมโครงสร้าง<br />
ักบการใช<br />
้ งานในป<br />
และองค์ประกอบต่าง<br />
ั จจ ุ บั นได้ ดี<br />
ๆ<br />
ยิ่<br />
อย่างต่อเนื่อง<br />
งข ้ น<br />
มีการจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์และสื่อความหมายให้เห็นถึงประวัติศาสตร์<br />
ที่เกี่ยวข้องได้ค่อนข้างดี อย่างไรก็ตามควรมีการวางแผนงานอนุรักษ์<br />
ตามกระบวนการอย่างครบถ้วน อันประกอบด้วยการเก็บข้อมูลทาง<br />
สถาปัตยกรรมที่ละเอียดถี่ถ้วน การวิเคราะห์รูปแบบ วัสดุ และสีดั้งเดิม<br />
ของอาคาร ที่จะนําไปสู่การกําหนดแนวทางการบูรณะและการจัดการ<br />
อาคารอย่างเต็มรูปแบบต่อไป
30<br />
<strong>ASA</strong> Architectural Conservation Award <strong>2023</strong><br />
Type A: Conservation of Architectural<br />
Heritage and Community<br />
Honorable Mention<br />
Sukhothai<br />
Provincial Office<br />
of Buddhist<br />
Monks Building<br />
Sukhothai<br />
ที่ตั้ง :<br />
วัดสว่างอารมณ์วรวิหาร ถนนหน้าเมือง<br />
ตําบลเมืองสวรรคโลก อําเภอสวรรคโลก<br />
จังหวัดสุโขทัย<br />
สถาปนิก / ผู้ออกแบบ :<br />
ไม่ปรากฏชื่อผู้ออกแบบ<br />
ผู้ครอบครอง :<br />
วัดสว่างอารมณ์วรวิหาร<br />
ปี ที่สร้าง:<br />
พ.ศ. 2479<br />
The preservation of this building demonstrates the intention<br />
to restore the building to its original appearance. There is a<br />
good solution to the problem of the structure and deterioration<br />
of the building according to the factors that cause the problem<br />
and the building’s historical value as the first religious school<br />
building. It is an architectural structure with symbolic meaning<br />
and spiritual value for people in the Sawankhalok area. It is<br />
a good example for other temples to recognise the value of<br />
similar architectural heritage. However, when the building is<br />
raised higher than the original level, consideration should be<br />
given to preserving the actual proportions of the building.<br />
อาคารสํานักงานคณะกรรมการสงฆ์จังหวัดสุโขทัยตั้งอยู่ในวัด<br />
สว่างอารมณ์วรวิหาร จังหวัดสุโขทัย สร้างขึ้นโดยการนําของพระ<br />
สังวรกิจโกศล (ถม วงศ์โดยหวัง) อดีตเจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์<br />
รูปที่ 14 และพระครูดิลกธรรมวิทิต ปธ.5 (พระมหาบุญธรรม<br />
พุ่มอยู่) อดีตเจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ รูปที่ 16 รวมถึง นายกระจ่าง<br />
ศิริปโชติ ขุนประสารวนเขต นายสิง ตอนดี และขุนพิศาลสุนทรกิจ<br />
เป็นคณะกรรมการอํานวยการจัดสร้าง ต่อมาใช้เป็นสํานักศาสนศึกษา<br />
ธรรมบาลีตัวอย่างประจําจังหวัด (โรงเรียนพระปริยัติธรรม) หลังจาก<br />
นั้นไม่มีการใช้งานอาคารและอยู่ในสภาพทรุดโทรม ล่าสุดได้มีการ<br />
อนุรักษ์ครั้งใหญ่ระหว่างพุทธศักราช 2563-2565 ภายใต้การ<br />
กํากับดูแลของกรมศิลปากร และมีบริษัทนอร์ทเทิร์นชัน (1935)<br />
จํากัด เป็นผู้ดําเนินการ ตามดําริของพระครูพิศาลสิริวัฒน์ (เสน่ห์<br />
สิริวฑฺฒโน) เจ้าอาวาสในปัจจุบัน และคณะศรัทธาของนางสมลักษณ์<br />
เหลืองสุวรรณ์ โดยทางวัดสว่างอารมณ์วรวิหารได้ใช้อาคารเป็นศูนย์<br />
นิทรรศการวัดสว่างอารมณ์วรวิหาร และใช้ในสาธารณประโยชน์<br />
อาคารสํานักงานคณะกรรมการสงฆ์จังหวัดสุโขทัย เป็นอาคารเรือนไม้<br />
3 ชั้น ชั้นล่างเป็นใต้ถุนสูง 2.60 เมตร โครงสร้างเสาด้านล่างเป็น<br />
เสาคอนกรีตประดับด้วยบัวหัวเสาปูนปั้น บันไดทางขึ้นอาคารเป็น<br />
บันไดไม้ยื่นออกจากกึ่งกลางอาคารด้านหน้า เป็นส่วนที่สร้างขึ้นใหม่<br />
ทดแทนบันไดก่ออิฐฉาบปูนเดิมที่เป็นส่วนต่อเติมในยุคหลัง ตามข้อ<br />
สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นบันไดไม้มาก่อน และยังได้สร้างหลังคาคลุมไว้<br />
เพื่อความคงทนของบันไดไม้นี้ ผังพื้นอาคารชั้น 2 เป็นรูปสี่เหลี่ยม<br />
ผืนผ้าแบบสมมาตร กว้าง <strong>13</strong> เมตร ยาว 15.85 เมตร โครงสร้าง<br />
อาคารเป็นไม้ ลักษณะเป็นโถงโล่ง ไม่มีผนัง มีราวกันตกไม้โดยรอบ<br />
มีหลังคาปีกนกคลุมรอบทุกด้าน เชื่อมต่อกับชั้น 3 ด้วยบันไดไม้<br />
ผังพื้นอาคารชั้น 3 เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบสมมาตร กว้าง 7<br />
เมตร ยาว 10.85 เมตร กึ่งกลางอาคารด้านหน้าเป็นมุขยื่น กว้าง<br />
3.50 เมตร ยาว 3.85 เมตร แบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็น 2 ห้อง กั้นด้วย<br />
ฝาผนังไม้ ประตู หน้าต่าง และฝ้าเพดานทั้งหมดเป็นไม้ หลังคา<br />
ทรงปั้นหยามุงกระเบื้องว่าวซีเมนต์ มุขด้านหน้า เป็นหลังคาทรงจั่ว<br />
ประดับด้วยไม้ฉลุลายสวยงาม<br />
อาคารสํานักงานคณะกรรมการสงฆ์จังหวัดสุโขทัยได้รับการปรับปรุง<br />
ฟื้นฟูตามหลักวิชาการ โดยการรักษาส่วนประกอบของอาคารที่มี<br />
สภาพสมบูรณ์ร่วมกับการซ่อมแซมส่วนที่ผุพัง ทําให้สามารถรักษา<br />
คุณค่าความสําคัญในด้านประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมที่สําคัญ<br />
ของเมืองสวรรคโลกเอาไว้ได้ และเป็นแบบอย่างของการอนุรักษ์<br />
ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่ จะนําพา<br />
ไปสู่การอนุรักษ์มรดกสถาปัตยกรรมแหล่งอื่น ๆ ของสวรรคโลก<br />
ได้ต่อไป
ุ<br />
ั<br />
คํ<br />
ึ<br />
้<br />
ุ<br />
ั<br />
่ึ<br />
้<br />
ั<br />
่<br />
ุ<br />
ึ<br />
ั<br />
่<br />
้ึ<br />
่<br />
่<br />
่<br />
ึ<br />
ู<br />
้<br />
ุ<br />
ั<br />
่ี<br />
ั<br />
รางว ั ลอนุ ัรกษ์ ศิ ลปสถาปั ตยกรรมปี 2566<br />
ี ่ ิ ้ ็ นิ ี่ มี ู ่<br />
ั ่ ิ ้ ่ ี่ ํ ั<br />
ํ ั ติ ์ ั<br />
ํ จั ั ุ ั ํ ้<br />
ื ้ ้ ่ ถุ ู ั ั ติ ์ ท้ ่ ่ ่<br />
้ ็ ี ี่ ่ ั<br />
บั ู บั ้ ยื่ ั ่ ต่<br />
็ ี่ ้<br />
ปี่สร<br />
ท สวางอารมณ์ วรวหารได้ ใชอาคารเปนศู นย์ ทรรศการ ส วนประกอบของอาคารท สภาพสมบรณ์ รวมกบ<br />
วดสวางอารมณ์ วรวหาร และใชในสาธารณประโยชน์<br />
การซอมแซมสวนทผุ พั ง ทาให้ สามารถรกษาคุ ณค่ า<br />
ความสาคั ญในด้ านประว ศาสตรและสถาปตยกรรมท<br />
อาคารสานั กงานคณะกรรมการสงฆ์ งหวดสโขทย<br />
สาคั ญของเมื องสวรรคโลกเอาไวได้ และเป็ นแบบอย่ าง<br />
เป็ นอาคารเรอนไม้ 3 ชน<br />
นล ชั างเป็ นใต้ นสง 2.60 เมตร ของการอนุ รกษ์ ประว ศาสตร องถิ นโดยการมี สวนรวม<br />
Type โครงสรางเสาด้ A: Honorable านลางเปนเสาคอนกร<br />
Mention<br />
ตประดั บด้ วย ของทุ กภาคสวนทจะนํ าพาไปสการอนุ รกษ์ มรดก<br />
วหั วเสาปนปั<br />
น นไดทางขนอาคารเป็ นบั นไดไม้ นออก สถาปตยกรรมแหลงอ<br />
ื่น ๆ ของสวรรคโลกได้ อไป<br />
จากกงกลางอาคารด้ านหน้ า เปนสวนทสรางขนใหม่<br />
31<br />
แ<br />
ท<br />
ผู้<br />
เ<br />
อ<br />
คํ<br />
รสงฆ์<br />
จั งหว ั ดสโขทย ัวดสว่ างอารมณ์<br />
วรวิ หาร จั งหว ั ดสโขทย<br />
าประกาศ<br />
การอนุ ัรกษ์ อาคารหล ั งนี้ แสดงให้ เห็ นถึ งความตั้ งใจท ี่ จะร ื้ อฟื ้ น<br />
สภาพเดิ มของอาคารให้ กล ั บคื นมา มี การแก ้ ไขปั ญหาโครงสร ้ าง<br />
และความเส ื่ อมสภาพของอาคารตามเหตุ ปั จจ ั ยที่ ก่ อให้ เกิ ดปั ญหา<br />
และเป็ นการนํ าเสนอคุ ณค่ าทางประว ั ติ ศาสตร ์ ความเป็ นอาคารเร ี ยน<br />
ทางศาสนาหล ั งแรก เป็ นส ั ญล ั กษณ์ ี่มี ท คุ ณค่ าทางด้ านจ ิ ตใจของ<br />
ผู้ คนในพื้ นท ี่ สวรรคโลก เป็ นตั วอย่ างท ี่ ดี ให้ ักบว<br />
ั ดอ ื่ น ๆ ให้ หั นมา<br />
เห็ นคุ ณค่ าของมรดกทางสถาปั ตยกรรมที่ มี ัลกษณะคล<br />
้ ายคล ึ งกั น<br />
อย่ างไรก ็ ตามเมื่ อมี การยกอาคารให้ ูสงข<br />
้ นกว ่ าระดั บเดิ มก ็ ควร<br />
คํ านึ งถึ งการร ั กษาส ั ดส ่ วนดั ้ งเดิ มของอาคารไว<br />
รางว ั ลอนุ ัรกษ์ ศิ ลปสถาปั ตยกรรมปี 2566<br />
อาคารส ํ านั กงานคณะกรรมการสงฆ์ จั งหว ั ดสโขทย ัวดสว่ างอารมณ์<br />
วรวิ หาร จั งหว ั ดสโขทย<br />
คํ าประกาศ<br />
การอนุ ัรกษ์ อาคารหล ั งนี้ แสดงให้ เห็ นถึ งความตั้ งใจท ี่ จะร ื้ อฟื ้ น<br />
สภาพเดิ มของอาคารให้ กล ั บคื นมา มี การแก ้ ไขปั ญหาโครงสร ้ าง<br />
และความเส ื่ อมสภาพของอาคารตามเหตุ ปั จจ ั ยที่ ก่ อให้ เกิ ดปั ญหา<br />
และเป็ นการนํ าเสนอคุ ณค่ าทางประว ั ติ ศาสตร ์ ความเป็ นอาคารเร ี ยน<br />
ทางศาสนาหล ั งแรก เป็ นส ั ญล ั กษณ์ ี่มี ท คุ ณค่ าทางด้ านจ ิ ตใจของ<br />
ผู้ คนในพื้ นท ี่ สวรรคโลก เป็ นตั วอย่ างท ี่ ดี ให้ ักบว<br />
ั ดอ ื่ น ๆ ให้ หั นมา<br />
เห็ นคุ ณค่ าของมรดกทางสถาปั ตยกรรมที่ มี ัลกษณะคล<br />
้ ายคล ึ งกั น<br />
อย่ างไรก ็ ตามเมื่ อมี การยกอาคารให้ ูสงข<br />
้ นกว ่ าระดั บเดิ มก ็ ควร<br />
คํ านึ งถึ งการร ั กษาส ั ดส ่ วนดั ้ งเดิ มของอาคารไว<br />
คำประกาศ<br />
การอนุรักษ์อาคารหลังนี้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะรื้อฟื้นสภาพเดิม<br />
ของอาคารให้กลับคืนมา มีการแก้ไขปัญหาโครงสร้างและความเสื่อม<br />
สภาพของอาคารตามเหตุปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหา และเป็นการนําเสนอ<br />
คุณค่าทางประวัติศาสตร์ความเป็นอาคารเรียนทางศาสนาหลังแรก<br />
เป็นสัญลักษณ์ที่มีคุณค่าทางด้านจิตใจของผู้คนในพื้นที่สวรรคโลก เป็น<br />
ตัวอย่างที่ดีให้กับวัดอื่น ๆ ให้หันมาเห็นคุณค่าของมรดกทางสถาปัตย-<br />
กรรมที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน อย่างไรก็ตามเมื่อมีการยกอาคารให้สูง<br />
ขึ้นกว่าระดับเดิมก็ควรคํานึงถึงการรักษาสัดส่วนดั้งเดิมของอาคารไว้
์<br />
ื<br />
้<br />
32<br />
Type A: Conservation of Architectural<br />
Heritage and Community<br />
Honorable Mention<br />
Yongkang<br />
Thawang<br />
Nakhon Si Thammarat<br />
<strong>ASA</strong> Architectural Conservation Award <strong>2023</strong><br />
คํ<br />
าประกาศ<br />
การอนุ ัรกษ์ อาคารแสดงให้ เห็ นถึ งควา<br />
ยงคัง ท่าวัง เป็นการใช้ประโยชน์ของอาคารเก่า ให้ ยั งคงอยู่ ที่ตั้งอยู่ในย่านท่าวัง ในสภาพเดิ มในภาพรวมได้ ซึ่ง ดี<br />
เป็นชุมชนค้าขายและพักอาศัยของชาวไทยเชื้อสายจีน<br />
ในการบอกเล ่ าประว<br />
และเป็นส่วน<br />
ั ติ ศาสตร ์ ของเมื อง<br />
หนึ่งของพื้นที่เมืองเก่านครศรีธรรมราช เดิมเป็นบ้านพักอาศัยของ<br />
นายพ่วง กิจวิบูลย์ และครอบครัว ในกระบวนการอนุ ทํากิจการรับส่งของจากท่าเรือ ัรกษ์ ได้ เล ื อกว ิ ีธกา<br />
วัดจันทาราม แล้วลําเลียงเข้าเมืองด้วยวัวและควายเทียมเกวียน องค์ ประกอบส ํ าคั ญและว ต่อมาั สดุ ดั ้ งเดิ มไว<br />
เมื่อไม่มีการใช้สอย อาคารจึงอยู่ในสภาพทรุดโทรม หลังจากนั้น<br />
ในพุทธศักราช 2561 คุณศรีโรจน์<br />
การปร<br />
อนุตรเศรษฐ<br />
ั บการใช้<br />
และครอบครัว<br />
งานต่ างไปจากกิ<br />
ได้<br />
จกรรมเดิ<br />
ครอบครองกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินแห่งนี้ ควรพิ จารณาเร ทําการปรับปรุงซ่อมแซม ื่ องการส ื่ อความหมาย<br />
ตัวอาคาร จนแล้วเสร็จในพุทธศักราช เก ี่ ยวก ั 2563 บเร ่ และเปิดเป็นร้านขาย องราวความเป็ นมาของอาค<br />
อาหารและเครื่องดื่มในชื่อว่า ยงคัง คาเฟ่ ซึ่งคําว่ายงคัง (ความหมาย<br />
คือ ความสุขสมบูรณ์) นั้น คุณตาเฮ็นเย็น<br />
ต่ อเติ มควรคํ<br />
แซ่ลิ้ม เป็นคนตั้งชื่อให้กับ<br />
านึ งถึ งความต่ อเนื่ องก ั บอ<br />
ยงคัง คลินิก ซึ่งเป็นกิจการแพทย์แผนจีน และโอสถสถานของครอบครัว<br />
ที่ตั้งอยู่ในย่านท่าวังเช่นเดียวกับอาคารหลังนี้ นอกจากการปรับปรุง<br />
ฟื้นฟูอาคารแล้ว เจ้าของอาคารยังเชิญชวนชาวบ้านใกล้เคียงร่วมกัน<br />
ทําบุญบูรณะทางเดินเท้าที่เชื่อมต่อจากวัดจันทารามผ่านด้านข้าง<br />
อาคารยงคัง ท่าวัง มายังท่าเรือวัดจันทารามซึ่งเป็นท่าเรือขนถ่าย<br />
สินค้าสําคัญในอดีต เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวย่านท่าวังอีกด้วย<br />
ที่ตั้ง :<br />
เลขที่ 1690–1690/1 ถนนท่าโพธิ ์ ตําบล<br />
ท่าวัง อําเภอเมืองนครศรีธรรมราช<br />
จังหวัดนครศรีธรรมราช<br />
สถาปนิก / ผู้ออกแบบ :<br />
ไม่ปรากฏชื่อผู้ออกแบบ<br />
สถาปนิกอนุรักษ์ :<br />
คุณสุดาวรรณ พันธุ์ทอง บริษัทดีไซน์<br />
โซน อินฟินิตี้ จํากัด<br />
ผู้ครอบครอง :<br />
คุณศรีโรจน์ คุณสุรศักดิ<br />
และ คุณปราโมทย์ อนุตรเศรษฐ<br />
ปี ที่สร้าง:<br />
พ.ศ. 2464<br />
Overall, the preservation of the building shows a good intention<br />
to preserve the structure and retain its original condition<br />
quite successfully. The building also plays a part in telling the<br />
history of Nakhon Si Thammarat. In the conservation process,<br />
a method was selected to preserve the essential elements<br />
and original material even though the internal space was<br />
adjusted to be used differently from the initial building activities.<br />
However, it is important to consider the issue of meaning to<br />
avoid creating misunderstandings about the history of this<br />
building. In addition, the extension should take into account<br />
the continuity with the original building.<br />
ยงคัง ท่าวัง เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ผังพื้นอาคารเป็นรูป<br />
สี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 4.70 เมตร ยาว 10.30 เมตร รูปแบบสถาปัตย-<br />
กรรมแบบจีนผสมตะวันตก ผนังอาคารเป็นผนังก่ออิฐรับน้ําหนัก<br />
โครงสร้างพื้นชั้นล่างเป็นพื้นก่ออิฐรับน้ําหนัก โครงสร้างพื้นชั้นบน<br />
เป็นไม้โครงสร้าง หลังคาทรงจั่วเป็นไม้เดิมหลังคาทั้งหมดมุงด้วย<br />
กระเบื้องว่าวซีเมนต์ ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นกระเบื้องลอนคู่ พื้นที่<br />
ใช้สอยชั้นล่างและชั้นบนเป็นร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม เชื่อมต่อกัน<br />
ด้วยบันไดไม้ พื้นที่ด้านหลังชั้นล่างมีบ่อน้ําภายในบ้าน ซึ่งเป็น<br />
เอกลักษณ์สําคัญที่แสดงถึงวิถีชีวิตของเจ้าบ้านเดิม ภายนอก<br />
อาคารและหน้าจั่วหลังคาตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น ประตูทางเข้า<br />
อาคารเป็นบานเฟี้ยมไม้ มีการใช้หลังคาพื้นคอนกรีตบริเวณด้าน<br />
หน้าอาคารเพื่อเป็นการบังแดดและฝน หน้าต่างเป็นบานไม้เปิด<br />
คู่ ส่วนต่อเติมด้านหลังเป็นอาคาร 2 ชั้น ที่เชื่อมต่อกับอาคารเดิม<br />
พื้นที่ใช้สอยชั้นล่างเป็นห้องครัวและห้องน้ํา ส่วนชั้นบนเป็นห้อง<br />
อเนกประสงค์ขนาดเล็กสําหรับจัดเลี้ยงหรือจัดประชุม<br />
ยงคัง ท่าวัง เป็นตัวอย่างของการปรับปรุงฟื้นฟู ตึกแถวเก่าไว้ได้<br />
อย่างน่าชื่นชมสามารถรักษาคุณค่าทางสถาปัตยกรรมดั้งเดิมเอาไว้ได้<br />
และส่วนต่อเติมก็ได้รับการออกแบบที่เหมาะสมกลมกลืนกับอาคาร<br />
เก่า ทําให้อาคารหลังนี้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้สําคัญทางด้านประวัติ-<br />
ศาสตร์ สถาปัตยกรรม และการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่านครศรี-<br />
ธรรมราช รวมทั้งทําให้เจ้าของอาคารเก่าหลาย ๆ หลังในพื้นที่<br />
เห็นถึงคุณค่าของการอนุรักษ์อาคารแทนการรื้อถอน
ื<br />
ี<br />
่<br />
ื<br />
ื<br />
้<br />
ั<br />
ู<br />
ั<br />
้<br />
่ี<br />
่<br />
ั<br />
่<br />
ํ<br />
ั<br />
ั<br />
ราช<br />
ในการบอกเล<br />
สถาปนิ ก | ผู้ ออกแบบ ไม่ ปรากฏช ่ าประว<br />
ื่อผู้ ออกแบบ ั ติ ศาสตร ซึ่ ์ งเป็ ของเมื นกิ จการแพทย์ องนครศร<br />
แผนจี นและโอสถสถานของครอบคร ี ธรรมราชอ<br />
ั ว เล ี้ยงหร ี ื กด้ อจ ั ดประชุ วย ม<br />
สถาปนิ กอนุ ัรกษ์ คุ คุ ณสุ ดาวรรณ พั นธุ์ ทอง<br />
ที ้ งอยู่ ในย่ ตั านท ่ าว ั งเช ่ นเดี ยวก ั บอาคารหล ั งนี้ นอกจาก<br />
ในกระบวนการอนุ บร ิ ษั ทดี ไซน์ โซน ิอนฟิ นิ ตี้ ํจาก<br />
ั ด ัรกษ์ ได้ เล การปร ื อกว ั บปรุ ิงฟื<br />
ีธนฟู การอนุ อาคารแล้ ว เจ้ าของอาคารยั ัรกษ์ งเชิ ี่ทญชวน<br />
สามารถร<br />
ยงคั ง ัทาวกษา<br />
ง เป<br />
ผู้ ครอบครอง คุ ณศร ี โรจน์ คุ ณสุ รศั ์ กดิ และ<br />
ชาวบ้ านใกล ้ เคี ยงร ่ วมกนท<br />
ํ าบุ ญบรณะทางเดิ นเทาท<br />
ตึ กแถวเก่ าไว ้ ได้ อย่ างน่ าช<br />
ยงคั คุ ณปราโมทย์ อนุ ตรเศรษฐ<br />
เชื่ อมต่ อจากว ั ดจั นทารามผ่ านด้ านข ้ างอาคารยงคั ง ท่ าว ั ง สถาปั ตยกรรมดั ้ งเดิ มเอาไว<br />
องค์ ง ประกอบส ทาว<br />
ั ง ํ าคั จั ญและว งหว ั ั สดุ ดนครศร<br />
ดั ้ งเดิ มไว ้ ได้ ี แม้ ธรรมราช<br />
่วาพื้ นท ี่ ภายในจะมี<br />
ปี่สร<br />
ท ้ าง พุ ทธศั กราช 2464<br />
มายั งท่ าเร ื อว ั ดจั นทารามซึ่ งเป็ นท่ าเร ื อขนถ่ ายสิ นค้ าสํ าคั ญ การออกแบบท<br />
ในอดี ตเพื่ อสนั บสนุ นการท ่ องเท ี่ยวย่ านท ่ าว ั ี กด้ วย อาคารหล<br />
การปร ั บการใช้ งานต่ างไปจากกิ จกรรมเดิ มของอาคาร อย่ างไรก็ ตาม<br />
ประว ั ติ ศาสตร<br />
ยงคั ง ่ทาว<br />
ั ง จั งหว ั ดนครศร ี ธรรมราช<br />
Type A: Honorable Mention<br />
ยงคั ง ท่ าว ั ง เป็ นอาคารก ่ ออ ิ ฐถ ื อป ู น 2 ้ชน ผั งพื้ นอาคาร เมื องเก่ านครศร<br />
ควรพิ จารณาเร ื่ องการส ื่ อความหมาย เป็ นร ู ปส ี่ เหล ี่ ยมผื นผ้ า กว ้ าง ไม่ 4.70 ให้ เมตร ยาว เก ิ 10.30 ดความเข<br />
เมตร หลาย ้33<br />
าใจผิ ๆ หล ั งในพื้ ดนท<br />
ูรปแบบสถาปั ตยกรรมแบบจ ี นผสมตะว ั นตก ผนั งอาคาร อาคารแทนการร ื้ อถอน<br />
เก ี่ ยวก ั บเร ่ องราวความเป็ นมาของอาคารหล ั งนี้ นอกจากนี้ ่สวน<br />
คํ าประกาศ<br />
ต่ อเติ มควรคํ านึ งถึ งความต่ อเนื่ องก ั บอาคารเดิ มด้ วย<br />
การอนุ ัรกษ์ อาคารแสดงให้ เห็ นถึ งความตั ้ งใจในการร ั กษาอาคาร คํ าประกาศ<br />
ให้ ยั งคงอยู่ ในสภาพเดิ มในภาพรวมได้ ดี ตั วอาคารยั งเป็ นส่ วนหนึ่ ง การอนุ ัรกษ์ อาคารแสดงให้ เห็ นถึ งความตั ้ งใจในการร ั กษาอาคาร<br />
ในการบอกเล ่ าประว ั ติ ศาสตร ์ ของเมื องนครศร ี ธรรมราชอ ี กด้ วย ให้ ยั งคงอยู่ ในสภาพเดิ มในภาพรวมได้ ดี ตั วอาคารยั งเป็ นส่ วนหนึ่ ง<br />
ในกระบวนการอนุ ัรกษ์ ได้ เล ื อกว ิ ีธการอนุ ัรกษ์ ี่ทสามารถร<br />
ั กษา ในการบอกเล ่ าประว ั ติ ศาสตร ์ ของเมื องนครศร ี ธรรมราชอ ี กด้ วย<br />
องค์ ประกอบส ํ าคั ญและว ั สดุ ดั ้ งเดิ มไว ้ ได้ แม้ ่วาพื้ นท ี่ ภายในจะมี ในกระบวนการอนุ ัรกษ์ ได้ เล ื อกว ิ ีธการอนุ ัรกษ์ ี่ทสามารถร<br />
ั กษา<br />
การปร ั บการใช้ งานต่ างไปจากกิ จกรรมเดิ มของอาคาร อย่ างไรก็ ตาม องค์ ประกอบส ํ าคั ญและว ั สดุ ดั ้ งเดิ มไว ้ ได้ แม้ ่วาพื้ นท ี่ ภายในจะมี<br />
ควรพิ จารณาเร ื่ องการส ื่ อความหมาย ไม่ ให้ เก ิ ดความเข ้ าใจผิ ด การปร ั บการใช้ งานต่ างไปจากกิ จกรรมเดิ มของอาคาร อย่ างไรก็ ตาม<br />
เก ี่ ยวก ั บเร ่ องราวความเป็ นมาของอาคารหล ั งนี้ นอกจากนี้ ่สวน<br />
ควรพิ จารณาเร ื่ องการส ื่ อความหมาย ไม่ ให้ เก ิ ดความเข ้ าใจผิ ด<br />
ต่ อเติ มควรคํ านึ งถึ งความต่ อเนื่ องก ั บอาคารเดิ มด้ วย<br />
เก ี่ ยวก ั บเร ่ องราวความเป็ นมาของอาคารหล ั งนี้ นอกจากนี้ ่สวน<br />
ต่ อเติ มควรคํ านึ งถึ งความต่ อเนื่ องก ั บอาคารเดิ มด้ วย<br />
็ นตั วอย่ างของการปร<br />
ื่ นชม สามารถร ั ก<br />
้ ได้ และส ่ วนต่<br />
ี่ เหมาะสมกลมกล ื นก ั บอาค<br />
ั งนี้ กลายเป็ นแหลงเร<br />
ี ยนร ู้ สาคั<br />
์ สถาปั ตยกรรม และการอนุ ร<br />
ี ธรรมราช รวมทั ้ งทํ าให้ เจ้ าข<br />
ี่ เห็ นถึ งคุ ณค่ าขอ<br />
คํ<br />
า<br />
กา<br />
ให้<br />
ใน<br />
ใน<br />
อง<br />
การ<br />
คว<br />
เก ี่ ย<br />
ต่ อ<br />
คำประกาศ<br />
การอนุรักษ์อาคารแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการรักษาอาคารให้ยังคงอยู่<br />
ในสภาพเดิมในภาพรวมได้ดี ตัวอาคารยังเป็นส่วนหนึ่งในการบอก<br />
เล่าประวัติศาสตร์ของเมืองนครศรีธรรมราชอีกด้วย ในกระบวนการ<br />
อนุรักษ์ได้เลือกวิธีการอนุรักษ์ที่สามารถรักษาองค์ประกอบสําคัญและ<br />
วัสดุดั้งเดิมไว้ได้ แม้ว่าพื้นที่ภายในจะมีการปรับการใช้งานต่างไปจาก<br />
กิจกรรมเดิมของอาคาร อย่างไรก็ตามควรพิจารณาเรื่องการสื่อความ<br />
หมาย ไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นมาของอาคาร<br />
หลังนี้ นอกจากนี้ส่วนต่อเติมควรคํานึงถึงความต่อเนื่องกับอาคารเดิมด้วย
้<br />
์<br />
ึ<br />
ในเมื องเก่ าสงขลา อาคารที่ ได้ สร ้ างข ้ นใหม่ ่ชวยแก้ ปั ญหาในเร ื่ อง<br />
ุมมมอง รวมถึ งเก ิ ดพื้ นท ี่ ในการรองร ั บก ิ จกรรมสร ้ างสรรค์<br />
การออกแบบให้ กลมกลื นโดยไม่ ลอกเลี ยนแบบอาคารเก่ า ่ชวยสร<br />
้ าง<br />
บรรยากาศท ี่ ่สงเสร<br />
ิ มคุ ณค่ าของอาคารและพื้<br />
34<br />
<strong>ASA</strong> Architectural นท ี่ เมื องเก ่ าสงขลา Conservation Award <strong>2023</strong><br />
มี การส ื่ อความหมายผ่ านการนํ าเสนอร ่ องรอยเดิ ม ่รวมก<br />
ั บ<br />
การตกแต่ งด้ วยงานศิ ลปกรรมท ี่สอดคล ้ องก ั บองค์ ประกอบเดิ ม<br />
อย่ างไรก ็ ตามยั งมี ประเด็ นอยู่ บ้ างในส ่ วนของการอนุ ัรกษ์ อาคาร<br />
Type B: New Design in Conservation Context<br />
เก ่ า ี่ควรเล ท ื อกใช ้ ูปนขาวหมั กแบบดั ้ งเดิ ม และพิ จารณาถึ งความ<br />
เหมาะสมที่ จะไม่ ก่ อให้ เกิ ดความเข ้ าใจผิ ดว ่ าองค์ ประกอบที่ เพิ ่ มเติ ม<br />
ในอาคารเก ่ าเป็ นของแท<br />
Cafe’ Amazon<br />
Songkhla Old Town<br />
Songkhla<br />
คาเฟ่อเมซอน สาขาย่านเมืองเก่าสงขลา ตั้งอยู่ในย่านชุมชนเก้าห้อง<br />
เดิมเป็นตึกแถวให้เช่าของรองอํามาตย์ตรีขุนโภคาพิพัฒน์ (ฮวดเหลี่ยง<br />
โคนันทน์) ต้นตระกูลโคนันทน์ หลังจากนั้นอาคารอยู่ในสภาพทรุดโทรม<br />
ต่อมาคุณบัญชา พานิชพงศ์ และคุณจุไรรัตน์ ต้นตสุทธิกุล ผู้บริหาร<br />
ร้านคาเฟ่อเมซอน ในจังหวัดสงขลา ต้องการผลักดันให้ย่านเมืองเก่า<br />
สงขลาได้มีร้านขายเครื่องดื่มในรูปแบบอาคารอนุรักษ์ จนนําไปสู่<br />
การปรับปรุงฟื้นฟูอาคารในพุทธศักราช 2561 โดยโครงการได้มี<br />
การศึกษาเอกสารหลักฐานทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม<br />
มีการจัดทํารูปแบบการออกแบบ และได้เข้าหารือกับคุณรังษี รัตนปราการ<br />
ภาคีคนรักเมืองเก่าสงขลา เพื่อกําหนดความเหมาะสมให้กลมกลืนกับ<br />
ย่านเมืองเก่าสงขลา การปรับปรุงฟื้นฟูอาคารและพื้นที่ แล้วเสร็จ<br />
ในพุทธศักราช 2563<br />
ที่ตั้ง :<br />
เลขที่ 14 ถนนหนองจิก ตําบลบ่อยาง<br />
อําเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา<br />
สถาปนิก / ผู้ออกแบบ :<br />
ไม่ปรากฏชื่อผู้ออกแบบ สันนิษฐานว่า<br />
ออกแบบและสร้างโดยช่างพื้นเมือง<br />
สถาปนิกอนุรักษ์ :<br />
นายชายแดน เสถียร และ นายวีรศักดิ<br />
เพ็ชรแสง บริษัท SPACE PLUS<br />
ARCHITECT CO.,LTD<br />
ผู้ครอบครอง :<br />
ทันตแพทย์ธีรนพ โคนันทน์ ดําเนินกิจการ<br />
Cafe’ Amazon โดย ห้างหุ้นส่วนจํากัด<br />
สงขลาโอลด์ทาวน์ คาเฟ่<br />
ปี ที่สร้าง:<br />
ไม่ปรากฏปี ที่สร้าง<br />
The preservation of old buildings and the design of new buildings<br />
in this project demonstrate the designer’s intention to<br />
develop an old town area in Songkhla by restoring a deteriorated<br />
building to give it a new life. The conservation process<br />
consists of analysing building styles and materials for design<br />
input. The original material was chosen to represent the area’s<br />
uniqueness, combined with new materials made to order<br />
according to traditional patterns and techniques. It is the<br />
restoration of local wisdom and a source of materials that are<br />
examples of building conservation in the old city of Songkhla.<br />
The newly built building solved the problem of visual perspective<br />
and created a space to support creative activities. The<br />
design to create harmony with the existing buildings without<br />
copying the old building helps create an atmosphere that<br />
promotes the value of the building and Songkhla’s old town<br />
area. The design also conveys meaning by presenting original<br />
traces in conjunction with the decoration with works of art in<br />
line with the original architectural elements. However, there<br />
are still some issues in preserving the old buildings, which<br />
should be used with traditional fermented lime and considering<br />
the appropriateness to avoid causing the misconception<br />
that the additional elements in the old building are<br />
original.<br />
คาเฟ่อเมซอน สาขาย่านเมืองเก่าสงขลา เป็นโครงการออกแบบ<br />
ปรับปรุงพื้นที่ในเมืองเก่า ในแปลงที่ดิน ที่ด้านหน้าเป็นตึกแถวเก่า<br />
ชั้นเดียว 2 คูหา รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบจีน ผังพื้นเป็นรูปสี่เหลี่ยม<br />
ผืนผ้า ผนังอาคารเป็นผนังก่ออิฐรับน้ําหนัก โครงสร้างหลังคาเป็น<br />
ไม้ หลังคาเป็นทรงจั่ว มุงด้วยกระเบื้องกาบกล้วยดินเผาแบบจีน<br />
สันหลังคาโค้งมน มีส่วนชายคาอยู่ด้านหน้า ในการซ่อมแซมได้<br />
มุงกระเบื้องใหม่ทั้งหมด ช่องลมหลังคาเปลี่ยนจากช่องลมดินเผา<br />
เป็น GRC พ่นสีดินเผาเพื่อความคงทน มีการตกแต่งอาคารด้วย<br />
การใช้งานศิลปะ และภาพจิตรกรรม ที่นําเอาลวดลายมงคลตาม<br />
ความเชื่อ เช่น ลายประแจจีน นกกระเรียน เมฆ ลูกท้อ ดอกบัว ปลา<br />
และดอกโบตั๋น ที่หมายถึงความรุ่งเรือง ภายในอาคารเก่าซึ่งเดิม<br />
เคยมีชั้นลอยไม้ เลือกที่จะสื่อความหมายเป็นเพียงสัญลักษณ์ เพื่อให้<br />
มี space สูงโล่ง เหมาะกับการเป็นร้านกาแฟ พื้นที่ด้านหลังตึกแถว<br />
เป็นพื้นที่สีเขียว ลักษณะเป็นลานโล่ง มีสระน้ําเงาสะท้อน มีการนํา<br />
พื้นกระเบื้องดินเผาเดิมมาออกแบบใหม่บริเวณบ่อน้ําเดิม และมี<br />
ช่องประตูตรงผนังกําแพงอิฐเดิม ที่สามารถเดินผ่านไปยังอาคาร<br />
นิทรรศการ และประกอบพาณิชยกรรมข้างเคียงได้ ถัดจากลานโล่ง<br />
เป็นอาคาร 2 ชั้น สร้างขึ้นใหม่ โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กผสม<br />
โครงสร้างไม้ หลังคาทรงจั่ว ผังพื้นเป็นรูปตัวแอล (L) ใช้เป็นห้อง<br />
ประชุม ห้องน้ํา และส่วนบริการโครงการ และทําหน้าที่โอบล้อม<br />
บดบังอาคารสูงโดยรอบ และควบคุมมุมมองเพื่อเผยความงามของ<br />
ตึกแถวด้านหน้า<br />
คาเฟ่อเมซอน สาขาย่านเมืองเก่าสงขลา เป็นตัวอย่างของการปรับปรุง<br />
ฟื้นฟูและเปลี่ยนประโยชน์ใช้สอย (Adaptive Reuse) ที่สามารถ<br />
แสดงคุณค่าของสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ได้ และเหมาะสมต่อการ<br />
ใช้งานในปัจจุบัน ทําให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สําคัญทางประวัติศาสตร์<br />
สถาปัตยกรรมให้แก่นักเรียน นักศึกษา คนในชุมชน และผู้ที่สนใจ<br />
รวมทั้งทําให้เจ้าของอาคารเก่าหลายหลังในพื้นที่เห็นถึงคุณค่าของ<br />
การอนุรักษ์อาคารแทนการรื้อถอน
ี<br />
้<br />
ดิ<br />
่<br />
่<br />
ุ<br />
ั<br />
ั<br />
ั<br />
่<br />
่<br />
ดิ<br />
ู<br />
ั<br />
่<br />
่ี<br />
ี<br />
้<br />
ู่<br />
่<br />
ุ<br />
ี<br />
ึ<br />
ึ<br />
ี<br />
ึ<br />
ั<br />
ั<br />
่<br />
่<br />
ั<br />
ั<br />
ั<br />
ั<br />
่<br />
ี<br />
้<br />
่<br />
ั<br />
้ื<br />
่ื<br />
่<br />
ในย่ านชมชนเก<br />
้ าห้ อง เดิ มเป็ นตึ กแถวให้ เชาของ<br />
รองอํ ามาตย์ ตร ี ุขนโภคาพิ พั ฒน์ (ฮวดเหล ี่ยง โคนั นทน์ )<br />
ต้ นตระกู ลโคนั นทน์ หลงจากนั<br />
้ นอาคารอยู่ ในสภาพ<br />
ทร ุ ดโทรม ต่ อมาคุ ณบั ญชา พานิ ชพงศ์ และคุ ณจ ุ ไรร ั ตน์<br />
ตั นตส ุ ทธ ิ กุ ล ผู้ บร ิ หารร Type ้ านคาเฟ่ B อเมซอน ในจ ั งหว ั ด<br />
สงขลา ต้ องการผล ั กดั นให้ ย่ านเมื องเก ่ าสงขลาได้ มี<br />
้รานขายเคร<br />
ื่ องดื่ มในร ู ปแบบอาคารอนุ ัรกษ์ จนนํ าไปส<br />
ตามความเชื่ อ เช่ น ลายประแจจี น นกกระเร ี ยน เมฆ ลู กท้ อ<br />
ดอกบั ว ปลา และดอกโบตั๋ น ี่ทหมายถ<br />
ึ งความร ุ่ งเร ื อง<br />
ภายในอาคารเก ่ าซ ่ งเดิ มเคยมี ้ชนลอยไม้ เล ื อกท ี่ จะส ื่ อ<br />
ความหมายเป็ นเพี ยงส ั ญล ั กษณ์ เพื่ อให้ มี space ูสงโล<br />
่ ง<br />
เหมาะก ั บการเป็ นร ้ านกาแฟ พื ้ นท ี่ ด้ านหล ั งตึ กแถวเป็ น<br />
35<br />
พื้ นท ี่ ีสเข<br />
ี ยว ัลกษณะเป็ นลานโล ่ ง มี สระนํ้ าเงาสะท ้ อน<br />
มี การนํ าพื้ นกระเบื้ องดิ นเผาเดิ มมาออกแบบใหม่ บร ิ เวณ<br />
การปร ั บปร ุ งฟื ้ นฟู อาคารในพุ ทธศั กราช 2561 โดย บ่ อนํ้ าเดิ ม และมี ่ชองประตู ตรงผนั งกํ าแพงอ ิ ฐเดิ ม<br />
โครงการได้ มี การศึ กษาเอกสารหลั คำประกาศ กฐานทางประว คาเฟ่ ั ติ ศาสตร์ อเมซอน ี่ทสามารถเดิ นผ่ านไปยั สาขาย่ งอาคารนิ ทรรศการและประกอบ านเมื องเกา<br />
และสถาปั ตยกรรม มี การจั ดทํ การอนุรักษ์อาคารเก่าและออกแบบอาคารใหม่ในโครงการนี้ ู ปแบบการออกแบบและ พาณิ ชยกรรมข ้ างเคี ยงได้ ัถดจากลานโล<br />
แสดงให้เห็น ่ งเป็ นอาคาร<br />
ได้ เข ้ าหาร ื อกั บคุ ณร ั งษี ัรตนปราการ ภาคี คนร ในย่ ั กเมื องเก่ านช า 2 มชนเก<br />
้ น ชั สร ้ างข ้ นใหม่ ้ าห้ โครงสร อง ้ างคอนกร เดิ ี ตเสร มเป็ ิ มเหล ็ กผสม<br />
ถึงความตั้งใจของผู้ออกแบบที่จะพัฒนาย่านเมืองเก่า ด้วยการปรับสภาพ<br />
นตึ ก<br />
ที ่ ง เลขท ตั ี่ 14 ถนนหนองจ ิ ก ตํ าบลบ่ อยาง<br />
สงขลา เพื่ อกํ าหนดความเหมาะสมให้ กลมกล ื นก ั บย่ าน โครงสร ้ างไม้ หล ั งคาทรงจ ั่ ว ผั งพื้ นเป ็ นร ู ปตั วแอล (L)<br />
อํ าเภอเมื องสงขลา ัจงหว<br />
ั ดสงขลา<br />
เมื องเกาสงขลา การปร ั บปร<br />
อาคารที่เสื่อมโทรมให้กลับมามีชีวิตชีวา<br />
ุ งฟื ้ นฟู อาคารและพื้ รองอํ นทามาตย์ ใช ้ เป็ นห้ องประช ตร กระบวนการอนุรักษ์ประกอบด้วย<br />
ี ุ ม ุขห้ องนํ้ นโภคาพิ า และส ่ วนบร ิ การโครงการ พั ฒน์ และ (ฮว<br />
สถาปนิ ก | ผู้ ออกแบบ ไม่ ปรากฏช ื่อผู้ ออกแบบ<br />
แล ้ วเสร ็ จในพุ ทธศั กราช 2563 การวิเคราะห์รูปแบบ และวัสดุของอาคาร ทํ าหน้ าท ่ โอบล เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการออกแบบ<br />
้ อมบดบั งอาคารส ู งโดยรอบ และควบคุ ม<br />
ัสนนิ ษฐานว ่ าออกแบบและสร ้ างโดยช ่ างพื้ นเมื อง<br />
มีการเลือกใช้วัสดุเดิมที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของพื้นที่ ต้ นตระกู ุมลโคนั มมองเพื่ อเผยความงามของตึ นทน์ ผสมผสานกับว หล กแถวด้ งจากนั านหน้ ัสดุ า นอาค<br />
สถาปนิ กอนุ ัรกษ์ นายชายแดน เสถ ี ยร และ<br />
คาเฟ่ อเมซอน สาขาย่ านเมื องเก ่ าสงขลา เ ป็ น<br />
ใหม่ที่ได้สั่งผลิตตามรูปแบบ และเทคนิคดั้งเดิม นับเป็นการฟื้นฟูภูมิปัญญา<br />
นายว ี รศั กดิ์ เพ็ ชรแสง<br />
โครงการออกแบบปร ั บปร ุ งพื้ นที่ ในเมื องเก่ ทร าในแปลงที่ ุ ดโทรม ดิ น คาเฟ่ ต่ อมาคุ อเมซอน ณบั สาขาย่ ญชา านเมื องเก ่พานิ าสงขลา ชพงศ์ เ ป็ น<br />
บร ิ ษั ท SPACE PLUS ARCHITECT CO.,LTD<br />
ี่ทด้ านหน้ าเป็ นตึ กแถวเกาช<br />
ั้ ท้องถิ่น นเดี ยว และเป็นแหล่งรวมวัสดุที่เป็นตัวอย่างให้กับการอนุรักษ์อาคารใน<br />
2 คู หา รปแบบ<br />
วอย่ างของการปร ั บปร ุ งฟื ้ นฟู และเปล ี่ ยนประโยชน์<br />
ผู้ ครอบครอง ัทนตแพทย์ ีธรนพ โคนั นทน์<br />
สถาป ั ตยกรรมแบบจ ี น ผั งพื้ เมืองเก่าสงขลา นเป็ นร ู ปส ี่ เหล ี่ ยมผื<br />
ตั นตส อาคารที่ได้สร้างขึ้นใหม่ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องมุมมอง นผ้ า ใช ้ สอย (Adaptive Reuse) ี่สามารถแสดงคุ ท<br />
ุ ทธ ิ กุ ล ผู้ บร ิ หารร ้ านคาเฟ่ รวมณค่ าของอเม<br />
ดํ าเนิ นก ิ จการ Cafe' Amazon โดย ห้ างหุ ้ นส ่ วนจํ าก ั ด ผนั งอาคารเป็ นผนั งก่ ออ ิ ฐร ั บนํ้ ถึงเกิดพื้นที่ในการรองรับกิจกรรมสร้างสรรค์ าหนั ก โครงสร ้ างหล ั งคา สถาปั ตยกรรมดั ้ งเดิ การออกแบบให้กลมกลืน<br />
มไว ้ ได้ และเหมาะสมต่ อการใช ้ งาน<br />
สงขลาโอลด์ ทาวน์ คาเฟ่<br />
เป็ นไม้ หล ั งคาเป็ นทรงจ ่ ว ุมงด้ วยกระเบื้ องกาบกล ้ ในปั จจ ุ บั น ทํ าให้ เป็ นแหล ่ งเร ี ยนร ู้ ี่ทสํ าคั ญทางประว ั ติ -<br />
โดยไม่ลอกเลียนแบบอาคารเก่าช่วยสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมคุณค่าของ<br />
สงขลา ต้ องการผล ั กดั นให้ ย่ านเมื อง<br />
ปี่สร<br />
ท ้ าง ไม่ ปรากฏปี ี่สร ท ้ าง<br />
นเผาแบบจ ี น สนหล<br />
ั งคาโค้ งมน มี สวนชายคาอยู่<br />
ศาสตร์ สถาปั ตยกรรมให้ แกนั กเร ี ยน นั กศึ กษา คน<br />
ด้ านหน้ า ในการซ ่ อมแซมได้ อาคารและพื้นที่เมืองเก่าสงขลา ุมงกระเบื้ องใหม่ ้ทงหมด<br />
ในช ุ มชนและผู้ มีการสื่อความหมายผ่านการนําเสนอ<br />
ี่ทสนใจ รวมท ้ งทํ าให้ เจ ้ าของอาคารเก ่ า<br />
่ชองลมหล<br />
ั งคาเปล ี่ ยนจากช ่ องลมดิ ร่องรอยเดิม นเผาเป็<br />
้รน ร่วมกับการตกแต่งด้วยงานศิลปกรรมที่สอดคล้องกับ<br />
านขายเคร<br />
GRC พ่ นส หลายหล<br />
ื่<br />
ัองดื่ งในพื้ นท ่<br />
มในร<br />
เห็ นถ ึ งคุ<br />
ู<br />
ณค่<br />
ปแบบอาคารอ<br />
าของการอนุ ัรกษ์ อาคาร<br />
ดิ นเผาเพื่ อความคงทน มี การตกแต่ งอาคารด้ วยการใช แทนการร ื้อถอน<br />
องค์ประกอบเดิม การปร อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นในส่วนของการอนุรักษ์<br />
ั บปร ุ งฟื ้ นฟู อาคารในพุ ทธศั ก<br />
อาคารเก่า ที่ควรเลือกใช้ปูนขาวหมักแบบดั้งเดิม และพิจารณาถึงความ<br />
เหมาะสมที่จะไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่าองค์ประกอบที่เพิ่มเติมใน<br />
โครงการได้ มี การศึ กษาเอกสารหลั กฐาน<br />
อาคารเก่าเป็นของแท้<br />
และสถาปั ตยกรรม มี การจั ดทํ าร ู ปแบบ<br />
ได้ เข ้ าหาร ื อกั บคุ ณร ั งษี ัรางว<br />
รตนปราการ ั ลอนุ ั ร กษ์ ศิ ลปสถาป ั ตยกรรม<br />
ภ<br />
ลขท ตั ี่ 14 ถนนหนองจ ิ ก ตํ าบลบ่ อยาง<br />
สงขลา เพื่ อกํ าหนดความเหมาะสมให้<br />
เมื องสงขลา ัจงหว<br />
ั ดสงขลา<br />
คาเฟ่ อเมซอน เมื องเกสาขาย่ าสงขลา านเมื การปร องเกั าสงขลา บปร ุ งฟื ้ จั นฟู งหวอ<br />
ก | ผู้ ออกแบบ ไม่ ปรากฏช ื่อผู้ ออกแบบ<br />
แล ้ วเสร ็ จในพุ ทธศั กราช 2563<br />
คํ าประ<br />
านว ่ าออกแบบและสร ้ างโดยช ่ างพื้ นเมื อง<br />
กอนุ ัรกษ์ นายชายแดน เสถ ี ยร และ<br />
คาเฟ่ อเมซอน สาขาย่ านเมื องเก<br />
ศั กดิ์ เพ็ ชรแสง<br />
โครงการออกแบบปร ั บปร ุ งพื้ นที่ ในเมื อ<br />
รางว ั ลอนุ ัรกษ์ ศิ ลปสถาปั ตยกรรมปี 2566<br />
SPACE PLUS ARCHITECT CO.,LTD<br />
ี่ทด้ านหน้ าเป็ นตึ กแถวเกาช<br />
ั้ นเดี<br />
บครอง ัทนตแพทย์ ีธรนพ โคนั นทน์<br />
สถาปั ตยกรรมแบบจ ี น ผั งพื้ นเป็ นร ู ป<br />
คาเฟ่ อเมซอน สาขาย่ านเมื องเกาสงขลา จั งหว ั ดสงขลา<br />
ิกจการ Cafe' Amazon โดย ห้ างหุ ้ นส ่ วนจํ าก ั ด ผนั งอาคารเป็ นผนั งก่ ออ ิ ฐร ั บนํ้ าหนั ก โ<br />
โอลด์ ทาวน์ คาเฟ่<br />
เป็ นไม้ หล ั งคาเป็ นทรงจ ่ ว ุมงด้ วยกร<br />
คํ าประกาศ<br />
ง ไม่ ปรากฏปี ี่สร ท ้ าง<br />
นเผาแบบจ ี น สนหล<br />
ั งคาโค้ งมน มี<br />
การอนุ ัรกษ์ อาคารเก่ าและออกแบบอาคารใหม่ ในโครงการนี้ แสดง<br />
ให้ เห็ นถึ งความตั<br />
ด้ านหน้<br />
้ งใจของผู้<br />
า ในการซ<br />
ออกแบบที่ จะพั<br />
่ อมแซมได้<br />
ฒนาย่ านเมื องเก่ า<br />
ุมด้ วย<br />
งกระเบ<br />
การปร ั บสภาพอาคารที่ เสื่ อมโทรมให้ กลั บมามี ีชิวตช<br />
ี วา กระบวนการ<br />
อนุ ัรกษ์ ประกอบด้ ่ชองลมหล<br />
วยการว ิั เคราะห์ งคาเปล ูรปแบบและว<br />
ี่ ยนจากช ั สดุ ของอาคารเพื่ ่ องลมดิ อ นเผ<br />
ใช ้ เป็ นข ้ อม ู ลในการออกแบบ มี การเล ื อกใช ้ ัวสดุ เดิ มท ่ แสดงถึ ง<br />
ดิ นเผาเพื่ อความคงทน มี การตกแต่ งอ<br />
เอกล ั กษณ์ ของพื้ นท ี่ ผสมผสานก ั บว ั สดุ ใหม่ ี่ทได้ ่สงผล<br />
ิ ตตาม<br />
ูรปแบบและเทคนิ คดั ้ งเดิ ม นั บเป็ นการฟื ้ นฟู ภู มิ ปั ญญาท ้ องถิ ่ น<br />
และเป็ นแหล ่ งรวมว ั สดุ ี่ทเป็ นตั วอย่ างให้ ักบการอนุ ัรกษ์ อาคาร<br />
ในเมื องเก่ าสงขลา อาคารที่ ได้ สร ้ างข ้ นใหม่ ่ชวยแก้ ปั ญหาในเร ื่ อง<br />
ุมมมอง รวมถึ งเก ิ ดพื้ นท ี่ ในการรองร ั บก ิ จกรรมสร ้ างสรรค์<br />
การออกแบบให้ กลมกลื นโดยไม่ ลอกเลี ยนแบบอาคารเก่ า ่ชวยสร<br />
้ าง<br />
บรรยากาศท ี่ ่สงเสร<br />
ิ มคุ ณค่ าของอาคารและพื้ นท ี่ เมื องเก ่ าสงขลา<br />
มี การส ื่ อความหมายผ่ านการนํ าเสนอร ่ องรอยเดิ ม ่รวมก<br />
ั บ<br />
การอนุ<br />
ให้ เห็ นถึ<br />
การปร ั<br />
อนุ ัรกษ์<br />
ใช<br />
ยว<br />
้ เป็ น้<br />
เอกล ั ก<br />
ูรปแบบ<br />
และเป็<br />
ในเมื อง<br />
ุมมมอ<br />
การออ<br />
บรรยา<br />
มี การส<br />
การตก<br />
อย่ างไร<br />
เก ่ า ี่ค ท<br />
เหมาะส<br />
ในอาค
่<br />
ี<br />
ย<br />
36<br />
นายร<br />
Type C: Outstanding Person or organization<br />
in architectural conservation<br />
ุ่ งโรจน์ เปยมย<br />
<strong>ASA</strong> Architectural Conservation Award <strong>2023</strong><br />
Mr. Roongroj<br />
Paimyossak<br />
Chiang Mai<br />
Mr. Roongroj Paimyossak is a native of San Pa Tong in<br />
Chiang Mai who established the Lanna Ancient House<br />
Conservation Center. The organisation acts as a medium for<br />
exchanging knowledge among those involved in preserving<br />
vernacular architecture or ancient houses in San Pa Tong<br />
District, Chiang Mai, and nearby areas. Mr. Roongroj has<br />
devoted himself to site surveying, understanding people in the<br />
community, using art as an important tool, and inheriting the<br />
wisdom of artisans in Lanna to survive. His work also includes<br />
advocating for local policies and laws, creating a network,<br />
and causing support in terms of budget and personnel from<br />
both the public and private sectors to preserve the ancient<br />
houses and pass on the pride to the next generation.<br />
ศูนย์อนุรักษ์เรือนโบราณ โดยนายรุ่งโรจน์ เปี่ยมยศศักดิ์ จัดตั้งขึ้นเมื่อ<br />
พุทธศักราช 2550 มีวัตถุประสงค์เพื่อสํารวจและบันทึกข้อมูลเรือนโบราณ<br />
ในพื้นที่อําเภอสันป่าตอง และอําเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ สนับสนุน<br />
และให้คําปรึกษาเจ้าของเรือนโบราณ อนุรักษ์เรือน สร้างเครือข่ายการ<br />
ทํางานอนุรักษ์มรดกสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นร่วมกัน ระหว่างศูนย์อนุรักษ์<br />
เฮือนโบราณ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และ<br />
เจ้าของเรือนโบราณ และเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณชน ผ่านการจัด<br />
นิทรรศการ วิดีทัศน์ การสัมภาษณ์ การเสวนา การศึกษาเรียนรู้ชุมชน<br />
เรือนโบราณ และสื่อสังคมออนไลน์ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณ<br />
และบุคลากรจากหน่วยงานราชการ และหน่วยงานภาคการศึกษาในพื้นที่<br />
ในการดําเนินงานโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับชุมชน ส่วนงบ<br />
ประมาณในการปรับปรุงฟื้นฟูเรือนโบราณแต่ละหลังนั้นเป็นความรับ<br />
ผิดชอบของเจ้าของเรือน<br />
ศูนย์อนุรักษ์เรือนโบราณ โดยนายรุ่งโรจน์ เปี่ยมยศศักดิ์ สามารถผลัก<br />
ดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้นทะเบียนเรือนโบราณสันป่าตอง<br />
จํานวน 58 หลัง ที่มีคุณค่าทางด้านสังคม วัฒนธรรม และรูปแบบทาง<br />
สถาปัตยกรรม นอกจากนี้ยังสามารถทําให้เจ้าของเรือนโบราณหลาย<br />
หลังปรับปรุงฟื้นฟูเรือนเพื่อประโยชน์ใช้สอยสําหรับการพักอาศัย และ<br />
กลายมาเป็นแหล่งเรียนรู้สําหรับนักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจทั่วไป<br />
ตัวอย่างเช่น<br />
1. การอนุรักษ์เรือนโบราณของพ่ออุ้ยหนานสม และแม่อุ้ยปิมปา ไชยมณี<br />
บ้านแสน คันธา ตําบลทุ่งรวงทอง อําเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่<br />
2. การอนุรักษ์เรือนโบราณ บ้านฉางข้าวน้อยใต้ ตําบลป่าซาง อําเภอ<br />
ป่าซาง จังหวัดลําพูน โดยวิธีรื้อและย้ายมาประกอบขึ้นใหม่ ด้วยสล่า<br />
(ช่าง) พื้นเมืองที่มีความเชี่ยวชาญด้านงานไม้ ปัจจุบันเรือนโบราณ<br />
หลังนี้ตั้งอยู่ที่กาดก้อม กองเดียว ชุมชนวัดศรีนวรัฐ บ้านทุ่งเสี้ยว ตําบล<br />
บ้านกลาง อําเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่<br />
3. การอนุรักษ์เรือนโบราณแสนกุยมหาอินทร์ บ้านใหม่ม่วงก่อน ตําบล<br />
ยุหว่า อําเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่<br />
4. การอนุรักษ์เรือนโบราณของพ่ออุ้ยก๋องแก้ว และแม่อุ้ยนวล ปัญโญ<br />
บ้านดอนต้น ตําบลยุหว่า อําเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่<br />
5. การอนุรักษ์เรือนโบราณ กาดเวียงท่ากาน บ้านท่ากาน ตําบลบ้านกลาง<br />
อําเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่<br />
6. การอนุรักษ์เรือนโบราณบุญมี-วันดี บ้านกิ่วแลหลวง ตําบลยุหว่า<br />
อําเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่<br />
7. การอนุรักษ์เรือนโบราณของพ่ออุ้ยหนานทิม และแม่ปุ๋ยอํานวย โพธิ<br />
บ้านต้นเก็ด ตําบลทุ่งสะโตก อําเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่
ชอบ<br />
ี<br />
ื<br />
ุ<br />
ั<br />
่<br />
ู<br />
ค์ กร<br />
าทาง<br />
จ้ าของ<br />
ยและ<br />
ชน<br />
แสน<br />
Type C<br />
รจน์ เป ่ ยมยศศั กดิ์<br />
37<br />
ซาง<br />
งท ี่ มี<br />
เตี ยว<br />
ใหม่<br />
าเภอ<br />
นตั น<br />
าเภอ<br />
ตอง<br />
เก ็ ด<br />
กล ุ่ ม<br />
รรม<br />
นุ ัรกษ์<br />
เป ็ น<br />
มก ั น<br />
ราณ<br />
หลาน<br />
คํ<br />
าประกาศ<br />
นายร ุ่ งโรจน์ เปี ่ ยมยศศั กดิ ์ ชาวชมชนส<br />
ั นป่ าตอง ได้ กอตั<br />
้ ง<br />
ศู นย์ อนุ ัรกษ์ เฮ ื อนโบราณให้ เป็ นองค์ กรท ี่ ํทาหน้ าท ี่ เป็ นส ื่ อกลาง<br />
ในการแลกเปล ี่ ยนเร ี ยนร ู้ ระหว ่ างผู้ มี ่สวนเกี่ ยวข้ องกั บการอนุ ัรกษ์<br />
สถาปั ตยกรรมพื้ นถิ ่ น ประเภทเร ื อนโบราณในอ ํ าเภอส ั นป่ าตอง<br />
จั งหว ั ดเช ี ยงใหม่ และพื้ นที่ ใกล้ เคี ยง นายร ุ่ งโรจน์ ทุ่ มเทสรรพกํ าลั ง<br />
ในการลงพื้ นท ี่ ํสารวจ และท ํ าความเข้ าใจกบคนในช<br />
ุ มชนด้ วย<br />
การใช้ งานศิ ลปะเป็ นเคร ื่ องมื อส ํ าคั ญ รวมไปถึ งส ื บสานภู มิ ปั ญญา<br />
ศูนย์อนุรักษ์เรือนโบราณ โดยนายรุ่งโรจน์ เปี่ยมยศศักดิ์ เป็นตัวกลาง คำประกาศ<br />
ในการรวมกลุ่ม<br />
ของสล ่<br />
และแลกเปลี่ยนเรียนรู้<br />
าล้ านนาให้<br />
สําหรับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องใน<br />
คงอยู่ ได้ ผล ั กดั<br />
นายรุ่งโรจน์<br />
นนโยบายและกฎหมายท้<br />
เปี่ยมยศศักดิ์ ชาวชุมชนสันป่าตอง ได้ก่อตั้งศูนย์อนุรักษ์<br />
การอนุรักษ์มรดกสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นด้วยการมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน เฮือนโบราณ ให้เป็นองค์กรที่ทําหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน<br />
องถิ ่ น<br />
ของการทํางาน โดยมีความมุ่งหวังให้การอนุรักษ์เรือนโบราณ และย่าน เรียนรู้ ระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น<br />
ชุมชนเรือนโบราณที่ดําเนินงานมาตลอดระยะเวลา สร้ างภาคี เครอข<br />
่ าย 10 รวมถึ ปี เป็นส่วนหนึ่ง งท ํ ประเภทเรือนโบราณในอําเภอสันป่าตอง าให้<br />
ิ ดการสนั บสนุ จังหวัดเชียงใหม่ นในด้ และพื้นที่ าน<br />
ของนโยบายและกฎหมายท้องถิ่นที่มีระเบียบข้อบังคับ แนวทางปฏิบัติ ใกล้เคียง นายรุ่งโรจน์ทุ่มเทสรรพกําลังในการลงพื้นที่สํารวจ และทํา<br />
ร่วมกัน งบประมาณและบ<br />
และเกิดการสนับสนุนจากภาครัฐ ุ คลากรท<br />
ทั้งในด้านงบประมาณ ั้ งจากภาคร<br />
และ ความเข้าใจกับคนในชุมชน ั ฐและเอกชน ด้วยการใช้งานศิลปะเป็นเครื่องมือสําคัญ<br />
เพื่ อให้ เร ื อน<br />
บุคลากร เพื่อให้เรือนโบราณในพื้นที่เหล่านี้ยังสามารถใช้งานต่อไปได้ รวมไปถึงสืบสานภูมิปัญญาของสล่าล้านนาให้คงอยู่ได้ ผลักดันนโยบาย<br />
และส่งต่อความภาคภูมิใจไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป<br />
โบราณในพื้ นท ี่ ยั งคงอยู่ และส ่ และกฏหมายท้องถิ่น งต่ อความภาคภู สร้างภาคีเครือข่าย มิ รวมถึงทําให้เกิดการสนับสนุน<br />
ใจนั ้ นไปส ่ คน<br />
ในด้านงบประมาณและบุคลากรทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เรือน<br />
ุ่รนต่ อไป<br />
โบราณในพื้นที่ยังคงอยู่ และส่งต่อความภาคภูมิใจนั้นไปสู่คนรุ่นต่อไป
38<br />
theme<br />
Time<br />
of<br />
Togetherness<br />
Architect Expo <strong>2023</strong> marks a significant milestone as it represents the<br />
inaugural collaboration among five esteemed professional associations.<br />
These associations include the Association of Siamese Architects<br />
under Royal Patronage, the Thailand Interior Designers’ Association,<br />
the Thai Association of Landscape Architects, the Thai Urban Designers<br />
Association, and the Architect Council of Thailand. The entire work<br />
process exemplifies a collaborative approach that involves professionals<br />
from various fields and enables the exposition to serve as a platform<br />
where individuals from diverse professional backgrounds and interests<br />
can engage in discussions, pose questions, and seek answers and<br />
solutions. Moreover, it facilitates adaptation and the exploration of<br />
potential ways for everyone to derive mutual benefits from the process<br />
and collaborations.
01<br />
Key Visual ของธีมการจัด<br />
งาน 'ตำาถาด' ในปีนี้ 1
40<br />
theme<br />
งานสถาปนิก’66 เป็นครั้งแรกของการจัดงานร่วมกันของ<br />
5 องค์กรวิชาชีพ ประกอบไปด้วย สมาคมสถาปนิกสยาม<br />
ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย<br />
สมาคมภูมิสถาปนิกประเทศไทย สมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย<br />
และสภาสถาปนิก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกระบวนการทำางานรูปแบบ<br />
ใหม่ที่แสดงให้เห็นถึงแนวคิดการทำางานร่วมกันของทุก<br />
แขนงวิชาชีพ โดยเป็นเวทีสำาหรับการนำาผู้คนมารวมตัวกัน<br />
เพื่อพูดคุย ตั้งคำาถาม ช่วยกันหาคำาตอบ และปรับเปลี่ยน<br />
คุณลักษณะหรือวิธีการทำางานที่เอื้อเฟื้อประโยชน์ซึ่งกัน<br />
และกัน<br />
สำาหรับการรวมตัวกันในวาระพิเศษนี้ ทางคณะผู้จัดงานซึ่ง<br />
มีประธานการจัดงานร่วมกันจากทั้ง 5 องค์กรได้เลือกหัวข้อ<br />
ในการนำาเสนองานที่แสดงออกถึงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม<br />
และสังคมของคนไทย คือ วัฒนธรรมด้านอาหาร เมื่อเรา<br />
พบปะสังสรรค์กันนั้นคนไทยมักจะรับประทานอาหารร่วมกัน<br />
มรดกทางวัฒนธรรมและความชื่นชอบทางด้านอาหารไทย<br />
มีความหลากหลาย และอาหารไทยที่คนไทยและผู้คนทั่วโลก<br />
ชื่นชอบมากที่สุดอย่างหนึ่ง คือ ส้มตำา จึงเป็นที่มาของธีม<br />
การจัดงานในปีนี้ในชื่อ “ตำาถาด: Time of Togetherness”<br />
เปรียบได้กับการคลุกเคล้าวัตถุดิบและส่วนผสมที่หลากหลาย<br />
ไว้ในตำาถาด ซึ่งเป็นพื้นที่ และช่วงเวลาที่ได้นั่งชิมและลิ้มลอง<br />
รสชาติแห่งความนัวไปอย่างสนุกสนานพร้อม ๆ กัน<br />
ทีมนักออกแบบผู้รับหน้าที่สร้างสรรค์ Key Visual ของงาน<br />
คือ InFO ทีมออกแบบกราฟิกภายใต้ร่มใหญ่ของ “Integrated<br />
Field” หรือ “IF” ทางทีม InFO สามารถตีความ Concept<br />
ออกมาได้อย่างสร้างสรรค์ โดยพยายามดึงเอาจุดเด่นและ<br />
ความนัวของตำาถาดเพื่อสื่อออกมาเป็น Key Visual ด้วย<br />
การใช้ภาพของตำาถาดแล้วใช้องค์ประกอบของงานออกแบบ<br />
ของทุก ๆ สมาคม เช่น ประตูหน้าต่าง หลังคา เฟอร์นิเจอร์<br />
ต้นไม้ สะพาน ไฟจราจร และอื่น ๆ มาแทนที่วัตถุดิบของ<br />
ตำาถาด คละเคล้ารวมกันให้เกิดความนัว ที่ในภาษาอีสาน<br />
จะแปลว่า อร่อยกลมกล่อม หรืออาจแปลว่า ยุ่ง พัวพัน นัวเนีย<br />
ก็ได้ แล้วใช้ถาดเป็นเหมือนตัวแทนของสภาสถาปนิกที่มา<br />
โอบรับทุกสมาคม เกิดเป็น ‘สถาปัตยกรรมรสนัว’ ขึ้น<br />
นอกจากนี้ทาง InFO ยังอยากที่จะเพิ่มรสชาติของความสนุก<br />
เข้าไปในความนัว ด้วยการเลือกออกแบบ Element เป็น<br />
ภาพ 3D ที่สื่อถึง Space ในงานสถาปัตยกรรม แถมยัง<br />
คลุกเคล้าให้กลมกล่อมยิ่งกว่าเดิมด้วย Motion Graphics<br />
ที่กำาลังลอยกระจัดกระจายขึ้นมาจากถาด ดูรวม ๆ แล้ว<br />
ทำาให้สัมผัสถึงความสนุกสนานที่ชวนให้มาลิ้มลอง การเลือก<br />
สีให้ Key Visual เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ต้องการออกแบบ<br />
ให้สอดรับกับความนัวของรสตำาถาด และผลักดันให้ Key<br />
Element โดดเด่นเด้งออกมาจากถาด จากการทดลองลอง<br />
In light of this important endeavor, the steering committee,<br />
consisting of five co-chairpersons representing the aforementioned<br />
associations, reached a consensus on the<br />
theme that best embodies the cultural and social identity<br />
of Thailand: the food culture. In Thai culture, it is customary<br />
for individuals to come together and socialize during a<br />
shared dining experience. While the cultural heritage and<br />
enthusiasm for Thai cuisine itself are remarkably diverse,<br />
the dish, somtam holds a prominent position, being widely<br />
adored by both Thais and people from various parts of the<br />
globe. The theme of this year's expo, 'Tam Thad: Time of<br />
Togetherness,' drew inspiration from this iconic dish (Tam<br />
Thad is a type of somtam comprising various ingredients).<br />
It is a metaphorical representation of various elements<br />
and flavors combined into a single dish, symbolizing<br />
the expo's purpose as a space and opportunity for individuals<br />
to come together, have a taste of the delightful<br />
array of flavors of Tam Thad, and enjoy the wonderfully<br />
shared experiences.<br />
The graphic design unit responsible for creating the key<br />
visuals for the event is InFo, which operates under the<br />
design office "Integrated Field," or "IF." The creative interpretation<br />
by the InFo team focused on capturing the unique<br />
characters and flavors of Tam Thad with a design that<br />
incorporated these elements into the key visuals, drawing<br />
inspiration from the imagery commonly associated with<br />
the dish. The elements that signify the five professional<br />
associations, such as doors and windows, roofs, furniture,<br />
trees, bridges, and traffic lights, serve as figurative portrayals<br />
of the ingredients found in Tam Thad. The various<br />
components were put together, resulting in the creation of<br />
a distinct flavor known as 'nua' (a term derived from the<br />
dialects of the northeastern or Esan region, which can be<br />
understood as "savory deliciousness" or the state of being<br />
mixed and intertwined). The term 'thad' or 'tray' in Thai<br />
represents the Architect Council of Thailand's function<br />
as a container that accommodates the five professional<br />
associations, facilitating the creation of ‘flavorful’ works<br />
of architecture.<br />
The InFo team also aimed to incorporate fun elements<br />
into the design by creating 3D elements that effectively<br />
expressed the existence and significance of architectural<br />
spaces. Motion graphics added an additional layer of<br />
appeal, enticing users to engage with their delightful blend<br />
of elements. The selection of colors for the key visual<br />
served as an extra component that enhanced the harmonious<br />
blend of flavors, effectively complementing the<br />
key ingredients and allowing them to stand out. The utilization<br />
of holographic colors, which reflect unpredictable<br />
iridescent shades, was achieved through a process of<br />
experimentation and refinement. The multiple shades<br />
the colors create align with the concept of the Time of<br />
Togetherness and the diverse flavors found in Tam Thad.<br />
The event features several key exhibitions and activities.<br />
"Time of Togetherness" brought together five design professions,<br />
fostering critical discussions and questions aimed<br />
at benefiting both the professions themselves and society
TIME OF TOGETHERNESS<br />
41<br />
02<br />
ส่วนของสถาปนิกอาสา<br />
2<br />
หลาย ๆ แนวทางแล้วจึงเลือกใช้ สีเหลือบที่ไม่สามารถ<br />
คาดเดาสีได้ ให้ความรู้สึกนัว ๆ ไม่ได้เป็นสีใดสีหนึ่ง และ<br />
ไหลไปกับแนวคิดของตำาถาดได้ดีส่วนของนิทรรศการและ<br />
กิจกรรมที่สำาคัญภายในงาน ประกอบด้วย ส่วนนิทรรศการ<br />
Time of Togetherness การรวมกันของวิชาชีพ ที่ก่อให้เกิด<br />
การพูดคุย ตั้งคำาถามและช่วยกันหาคำาตอบเพื่อสิ่งที่เป็น<br />
ประโยชน์ต่อวงการวิชาชีพและสังคม โดยรวมทั้งปัจจุบัน<br />
และอนาคตเช่นเรื่องของความยั่งยืนที่ทุกคนจะต้องตระหนัก<br />
และพูดถึงกันทุกวันโดยการจัดแสดงผ่านสื่อตัวกราฟฟิก<br />
Key Visual หลักของงาน และวัสดุปิดผิวที่มีนวัตกรรมผ่าน<br />
กระบวนการด้านความยั่งยืน ส่วนของนิทรรศการ ALL<br />
MEMBER : Design Showcase พื้นที่จัดแสดงผลงานของ<br />
สมาชิกทั้งจากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์<br />
สมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย สมาคมภูมิสถาปนิก<br />
ประเทศไทย สมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย โดยรวบรวม<br />
ผลงานออกแบบสถาปัตยกรรมทั้งที่ผ่านการสร้างจริงแล้ว<br />
และนำาเสนอแนวคิดที่น่าสนใจพร้อมจัดแสดงโมเดลหรือหุ่น<br />
จำาลองอาคารไว้ให้เดินชมใกล้ ๆ เพื่อเก็บรายละเอียดแบบ<br />
360 องศา<br />
จุดเด่นของงานสถาปนิก’66 คือ Thematic Pavilion พื้นที่<br />
จัดแสดงงานที่ออกแบบร่วมกันของแบรนด์วัสดุก่อสร้างและ<br />
สถาปนิก ที่ไม่ใช่แค่การจัดแสดงผลิตภัณฑ์เฉย ๆ แต่คือ<br />
การทำางานร่วมกันกับนักออกแบบ ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นที่นำ าไปสู่<br />
as a whole. The discussions revolved around current and<br />
future concerns, particularly regarding sustainability,<br />
and raising awareness and active participation among<br />
designers and the general public to engage in constructive<br />
dialogues surrounding the issue. The exhibition was<br />
showcased by utilizing the key visuals of the event and<br />
incorporating innovative and sustainable materials. "All<br />
Member: Design Showcase"was another featured exhibition<br />
of the expo, which presented conceptual and completed<br />
works by the fellow members of the participating<br />
professional associations, including the Association of<br />
Siamese Architects under Royal Patronage, the Thailand<br />
Interior Designers' Association, the Thai Association of<br />
Landscape Architects, and the Thai Urban Designers<br />
Association. The exhibited works were presented in the<br />
form of models, allowing viewers to thoroughly examine<br />
the intricate details from every angle, providing a comprehensive<br />
360-degree experience.<br />
Thematic pavilions, which served as platforms for collaborations<br />
between building construction brands and<br />
architecture studios, were one of the highlights of the<br />
Architect Expo <strong>2023</strong>. These pavilions went beyond the<br />
traditional concept of product exhibition booths, as they<br />
fostered collaborative efforts that sparked extensive, profound,<br />
and diverse conversations. The collaborations<br />
involved the brands' expertise in creating new innovations,<br />
which the design firms then interpreted and used to produce<br />
distinctive design concepts and creations. Thematic<br />
Pavilions represent the potential and innovative applications<br />
of building materials, showcasing aesthetics and<br />
functions that go beyond existingconventions.
42<br />
theme<br />
“The theme of this year's expo drew inspiration from<br />
the Thai iconic dish, a metaphorical representation of<br />
various elements and flavors combined into a single<br />
dish. It symbolized the expo's purpose as a space and<br />
opportunity for individuals to come together, have a<br />
taste of the delightful array of flavors, and enjoy the<br />
wonderfully shared experiences.”<br />
บทสนทนาที่มากขึ้น โดยเป็นการผสานความสามารถใน<br />
การพัฒนานวัตกรรมเข้ากับการตีความนวัตกรรมเหล่านั้น<br />
ตามสไตล์ต่าง ๆ ออกมาเป็นแนวคิดและงานออกแบบด้วย<br />
Thematic Pavilion จึงเป็นทั้งการจัดแสดงที่โชว์ศักยภาพ<br />
ของวัสดุผ่านการใช้งานในรูปแบบที่ใหม่ แปลก แตกต่าง<br />
ไปจากการใช้งานเดิม ๆ ทั่วไป และเป็นทั้งการจัดแสดงที่<br />
สร้างประสบการณ์ผ่านองค์ประกอบต่าง ๆ ที่รวมกันสร้าง<br />
บรรยากาศในพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยภายในงานปีนี้มี 4<br />
Thematic Pavilion โดยมีแบรนด์ไม้สัก WoodDen กับ PAVA<br />
architects ส่วนพื้นที่ร่วมระหว่าง VG และ TOA ที่มี Hypothesis<br />
เป็นผู้ออกแบบ อีกหนึ่งคู่คือ EMPOWER STEEL ที่<br />
เปิดตัวครั้งแรกกับ Thematic Pavilion ในงานสถาปนิก<br />
จับคู่กับ ACA Architects และคู่สุดท้ายการร่วมมือของบริษัท<br />
Thaikoon steel group และ Thai premium pipe กับ<br />
นักออกแบบจาก Context Studio จากแนวคิดเรื่อง Human<br />
Interaction ของผู้จัดงาน ยังนำามาสู่สู่แพลตฟอร์มความรู้<br />
รูปแบบใหม่ในกิจกรรม Human Library: Let’s talk and<br />
share เป็นกิจกรรมใหม่ในงานสถาปนิก’66 ที่เปิดโอกาส<br />
ให้ผู้มีประสบการณ์จากต่างแวดวงวิชาชีพและแนวทาง<br />
การทำางาน มาถ่ายทอดเรื่องราว ในบรรยากาศแบบงาน<br />
สังสรรค์ โดย Human Library มีเหล่า ‘ห้องสมุดมนุษย์’<br />
สลับมาแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์จากเหตุการณ์ต่างๆ<br />
ในชีวิต ที่ตกผลึกแล้ว มาเล่าสู่กันฟังเป็นกลุ่มย่อยหรือเป็น<br />
คู่สนทนา ในหัวข้อที่ผู้พูดอยากพูดหรือรู้สึกสบายใจที่จะ<br />
ร่วมแลกเปลี่ยน โดยแนวความคิดจะสอดคล้องกับ "Don’t<br />
judge a book by a cover"<br />
สำาหรับ สภาสถาปนิก หรือ Architect Council of Thailand<br />
(ACT) ในฐานะที่เปรียบเสมือน ‘ถาด’ ที่ทั้ง 4 สมาคมอยู่<br />
ภายใต้ร่มของสภาวิชาชีพและต้องทำางานร่วมกัน จัดกิจกรรม<br />
ภายในพื้นที่แสดงงานด้วยแนวคิดแบบ “One Stop Shop”<br />
ที่ผู้เข้าชมได้ครบในที่เดียวทั้ง ACT Shop จัดจำ าหน่ายหนังสือ<br />
The pavilions offer diverse user experiences by combining<br />
elements and curating environments within the<br />
expo's expansive spaces. This year's event featured<br />
four pavilions, each representing a unique collaboration<br />
between renowned architects and design teams. The first<br />
pavilion was a joint effort between WoodDen and PAVA<br />
architects. The second pavilion was a collaborative<br />
space created by VG and TOA with the design team<br />
from Hypothesis. Meanwhile, EMPOWER STEEL presented<br />
their debut thematic pavilion, working alongside<br />
ACA Architects.Lastly, the partnership between Thaikoon<br />
Steel Group, Thai Premium Pipe, and Context Studio<br />
resulted in the birth of the fourth pavilion.<br />
The emergence of the Human Library: Let's Talk and Share,<br />
a novel educational platform, was inspired by the notion<br />
of human interactions. This platform was introduced as<br />
a new activity at Architect Expo<strong>2023</strong> with the aim of inviting<br />
individuals from diverse professional backgrounds and<br />
experiences to share their unique approaches and<br />
stories. The atmosphere of this gathering was deliberately<br />
designed to be casual, encouraging a relaxed and enjoyable<br />
environment among participants. The Human Library<br />
initiative facilitated the gathering of individuals who possess<br />
valuable knowledge and experiences. These individuals<br />
engaged in meaningful discussions and exchanged<br />
their insights, well-articulated ideas, and personal anecdotes.<br />
The interactions took place in small group settings<br />
or through one-on-one dialogues, focusing on topics that<br />
the speakers were willing to discuss or felt comfortable<br />
sharing. The concept of the HUMAN LIBRARY aligns with<br />
the well-known saying, "Don't judge a book by its cover."<br />
The Architect Council of Thailand (ACT) serves as the<br />
overarching body that facilitates the coexistence and<br />
collaboration of the four associations. ACT organized<br />
the 'One Stop Shop' event, which offered a convenient<br />
location for visitors to access different kinds of experiences,<br />
from the ACT Shop, where publications and<br />
souvenirs were available for purchase, to the ACT Service,
TIME OF TOGETHERNESS<br />
43<br />
3<br />
6<br />
4<br />
03<br />
ส่วนจัดแสดงผลงานจาก<br />
การจัดประกวดแบบ<br />
นานาชาติ: Not Only<br />
Human<br />
04,06-07<br />
ส่วนของ All member:<br />
Design Showcase<br />
05<br />
ส่วนจัดแสดงนิทรรศกลาง:<br />
ตำาถาด<br />
5<br />
7
44<br />
theme<br />
10<br />
ส่วนจัดแสดงผลงาน<br />
TOY ARCH/CDAST<br />
11-12<br />
ส่วนจัดแสดงงานของ<br />
TIDA<br />
8<br />
08<br />
ส่วน All Member<br />
09<br />
ส่วนจัดแสดงงานของ<br />
TIDA<br />
9<br />
11<br />
10<br />
12
TIME OF TOGETHERNESS<br />
45<br />
และของที่ระลึก ส่วน ACT Service ให้ข้อมูลและเปิดให้<br />
ลงทะเบียนต่ออายุใบอนุญาต ส่วนของสถาปนิกอาสา บริการ<br />
ให้คำาปรึกษางานออกแบบโดยสถาปนิกอาชีพทั้ง 4 สาขา<br />
วิชาชีพ ด้วยความเป็นกันเองและเข้าถึงได้มากขึ้น รวมทั้ง<br />
การจัด ACT Forum ที่เชิญ Keynote Speakers จากไทย<br />
และนานาชาติ มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำางาน<br />
พื้นที่การจัดแสดงของ TUDA มีประเด็นหลัก ๆ ที่ต้องการเล่า<br />
คือการพัฒนาเมือง ทั้งในแง่ปัญหา เช่น ปัญหาเรื่องน้ำา เรื่อง<br />
สิ่งแวดล้อม และโอกาสในการแก้ไขพัฒนา รวมถึงอุปสรรค<br />
โดยสถาปนิกผังเมืองไม่ได้มีหน้าที่สร้างคำาตอบสำาเร็จรูป แต่<br />
ช่วยจินตนาการเรื่องเกี่ยวข้องกับเมือง การนำาเสนอพื้นที่<br />
จัดแสดงงานผ่านแนวคิด แซบ - เมือง - หมู่ - คัก - ม่วน<br />
ที่ซุ้ม TUDA พร้อมโซนกิจกรรมมากมาย ได้แก่ TUDA ZEB<br />
(แซบ) โซนจัดแสดงผลงานวิทยานิพนธ์ และผลงานออกแบบ<br />
และการศึกษาวิจัยจากสถาบันการศึกษา TUDA X Muang<br />
(เมือง) โซนจัดแสดงผลงานการประกวดแบบเมืองพัทยา<br />
และเมืองอื่นๆ ที่ TUDA ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดกิจกรรม<br />
การพัฒนาเมือง ส่วน TUDA X Mhu (หมู่) หรือ TUDA and<br />
Friends โซนจัดแสดงงานของหน่วยงาน บริษัทที่มีผลงาน<br />
โดดเด่นด้านการออกแบบและพัฒนาเมือง TUDA Khak (คัก)<br />
โชว์เคส โชว์คัก ผลงานการออกแบบเมือง ที่เป็นผลงาน<br />
ของสมาชิก และ TUDA Muan (ม่วน) โซนพื้นที่ให้สมาชิก<br />
ได้พัก นั่งพูดคุย และจัดเสวนา<br />
สมาคมภูมิสถาปนิกประเทศไทย Thai Association of<br />
Landscape Architects: TALA นำาเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับงาน<br />
ของภูมิสถาปนิกที่สำาคัญของเมืองไทยและภูมิภาค ซึ่งเป็น<br />
โอกาสดีที่จะให้ผู้เข้าชมเข้าใจภาพรวมของวิชาชีพมากขึ้น<br />
โดย TALA ยังได้เตรียมพื้นที่ห้องเรียน Tala Classroom<br />
นิทรรศการและพื้นที่สัมมนาวิชาการร่วมกับวิทยากร และ<br />
ภาคีวิชาชีพต่าง ๆ ในหัวข้อที่น่าสนใจ รวมทั้ง TALA PARK<br />
NETWORK MAP จัดแสดงผลงานโครงสร้างพื้นที่สีเขียว<br />
ในเมืองกรุงเทพมหานคร ณ ปัจจุบันและในอนาคต ส่วน<br />
ของกระดานแสดงผลงาน TALA ‘What If’ Sketch เพื่อจัด<br />
แสดงผลงาน แนวความคิด และจินตนาการ ของผู้ประกอบ<br />
วิชาชีพนักศึกษาทางด้านภูมิสถาปัตยกรรม ที่มีต่อพื้นที่<br />
สาธารณะภายในเมือง ส่วน TALA SHOP & SERVICES<br />
พื้นที่จำาหน่ายหนังสือและของที่ระลึก หนังสือวิชาการจาก<br />
สถาบันการศึกษา และประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่างๆ ของ<br />
สมาคมฯ การออกแบบส่วนพื้นที่ของซุ้ม TALA Salad Bar<br />
เป็นพื้นที่สำาหรับกิจกรรม Workshop ต่างๆ ที่จะจัดขึ้น<br />
ภายในงาน อย่างการจัดสวนถาด ในภาพรวมของพื้นที่จึง<br />
เป็นเสมือน Pocket park ในหมู่บ้าน ที่ทุกคนมานั่งพัก นั่งคุย<br />
นั่งเล่น นั่งฟัง ในรูปแบบอารีน่า ที่นำาเสนอประเด็นเกี่ยวกับ<br />
ภูมิสถาปนิก พร้อมกิจกรรมสนุก ๆ ร่วมกัน<br />
which provided information and facilitated permit extension<br />
registrations. Moreover, volunteer architects from all<br />
four architectural professions were present to offer free<br />
consultations in a relaxed and easily accessible setting.<br />
The ACT-hosted ACT Forum also had the privilege of<br />
welcoming esteemed keynote speakers from Thailand<br />
and abroad, who graciously shared their valuable professional<br />
experiences with the audience.<br />
The exhibition space at TUDA showcased the primary<br />
concerns related to urban development, from water<br />
management to environmental issues, as well as opportunities<br />
for problem-solving and improvement. It also<br />
provided insights into strategies for addressing challenges<br />
and overcoming obstacles. TUDA has emphasized the<br />
role of urban architects in going beyond the mere provision<br />
of pre-determined solutions and instead focusing on<br />
their ability to envision and shape the future of cities and<br />
urban developments. The TUDA exhibition, themed 'ZEB-<br />
Muang-Mhu-Khak,' featured a variety of activity zones.<br />
TUDA ZEB exhibited the graduation projects of students,<br />
along with design and research projects by students from<br />
various educational institutions. The exhibition at TUD<br />
X Muang presented the works from the urban design<br />
competition organized by TUDA for the city of Pattaya,<br />
along with other urban areas. TUDA X Mhu, or TUDA and<br />
Friends, brought about a collection of distinctive urban<br />
design and development projects by various organizations<br />
and companies. TUDA Khak is a platform that<br />
showcases urban design projects by fellow members of<br />
TUDA, while TUDA Muan serves as a recreational zone<br />
for both TUDA members and visitors, providing a space<br />
for individuals to sit, engage in conversations, and participate<br />
in organized talk sessions.<br />
The Thai Association of Landscape Architects (TALA)<br />
highlighted several significant contributions and achievements<br />
in the field of landscape architecture within Thailand<br />
and the Southeast Asia region. Its exhibition provided<br />
viewers with a valuable opportunity to further their understanding<br />
of the landscape architecture profession. TALA<br />
has also curated the Tala Classroom, which serves as<br />
a venue for hosting exhibitions and academic seminars.<br />
These events featured highly regarded speakers and<br />
practitioners from various professional associations who<br />
shared their perspectives and insights on a wide range<br />
of interesting topics. The TALA Park Network Map showcased<br />
Bangkok's current and future green space infrastructure,<br />
while the TALA 'What If' Sketch displayed the<br />
creative works, concepts, and visions for urban public<br />
spaces by landscape architecture students. At TALA<br />
SHOP & SERVICES, visitors were able to explore a wide<br />
range of products, including publications, souvenirs, and<br />
academic textbooks, some of which have been published<br />
by esteemed educational institutes. Also available in this<br />
zone was valuable information about The Thai Association<br />
of Landscape Architects. The TALA Salad Bar was specifically<br />
designed to offer a space for hosting workshops<br />
and various activities, such as DIY miniature gardens.<br />
The arena-like space, intended to resemble a pocket
46<br />
ส่วนพื้นที่ของสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย Thailand<br />
Interior Designers’ Association: TIDA เป็นเสมือนขนม<br />
”รวมมิตร” ที่มี TIDA Lounge พื้นที่ส่วนบริการให้นั่ง<br />
พักเหนื่อยและบริการไอติมแท่งรวมมิตร รวมถึงส่วนจัด<br />
จำาหน่ายของที่ระลึก ในส่วนของ TIDA Salone โดยคัดสรร<br />
สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายในมาร่วมจัดแสดงผลงาน<br />
เป็น Designer Showcase และการจัดแสดง TIDA Thesis<br />
Awards ซึ่งเป็นการประกวดผลงานวิทยานิพนธ์ของนิสิต<br />
นักศึกษาโดยทางมหาวิทยาลัยเป็นผู้ส่งผลงานเข้าร่วม รวม<br />
ทั้งรางวัลสำาหรับมืออาชีพอย่าง TIDA Awards ซึ่งมีด้วยกัน<br />
หลายหมวดหมู่ เป็นรางวัลที่ตัดสินโดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ<br />
ในวิชาชีพสถาปัตยกรรมภายในรวมถึงจากสาขาอื่นๆด้วย<br />
นอกจากนี้สำาหรับคนทั่วไป TIDA จัดกิจกรรม TIDA Talk<br />
ให้ผู้ที่สนใจได้ฟังเรื่องผลงานการออกแบบภายใน เรื่องมุม<br />
มองหรือวิธีดำาเนินการที่น่าสนใจ ในโซน TIDA SOCIETY<br />
และ สัมมนาทางวิชาการสำาหรับนักออกแบบที่เป็นประเด็น<br />
เฉพาะอีกด้วย<br />
ภายในบริเวณงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการผลงานวิชาการ<br />
และวิชาชีพที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น <strong>ASA</strong> Experimental<br />
Design Competition : Not Only Human จัดแสดงผลงาน<br />
ผู้ได้รับรางวัลการออกแบบระดับนานาชาติ หรือนิทรรศการ<br />
รางวัลอาคารอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมประจำาปี 2566<br />
นำาเสนอผลงานที่ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรม<br />
ที่คัดเลือกโดยสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์<br />
ส่วนของ <strong>ASA</strong> VERNADOC นิทรรศการ นำาเสนอผลการ<br />
เก็บข้อมูลอาคารที่ทรงคุณค่าของบ้านห้วยทรายเหนือ อ. ชะอำ า<br />
จ.เพชรบุรี ด้วยวิธี VERNADOC รวมถึงนิทรรศการผลงาน<br />
นักศึกษาสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบจากสถาบัน<br />
การศึกษาทั่วประเทศ ประกอบด้วย การประกวดวิทยานิพนธ์<br />
สถาปัตยกรรมศาสตร์ดีเด่นแห่งปี Thesis of the Year in<br />
Architecture Award 2022 (TOYARCH 2022)<br />
ส่วนนิทรรศการใหม่อย่าง <strong>ASA</strong> Platform Selected Materials<br />
<strong>2023</strong> โครงการคัดเลือกวัสดุและผลิตภัณฑ์ใหม่สำาหรับ<br />
สถาปัตยกรรมที่น่าจับตามองในปี <strong>2023</strong> เพื่อแนะนำาวัสดุ<br />
และผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าสนใจในมิติต่าง ๆ แก่สมาชิกสมาคม<br />
และสาธารณชน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของอาคารและการ<br />
ก่อสร้างที่ดี ส่วนพื้นที่ของ <strong>ASA</strong> CLUB พื้นที่สำาหรับพบปะ<br />
พูดคุย สำาหรับเหล่าสมาชิกสถาปนิก และ ACT + <strong>ASA</strong> Shop +<br />
<strong>ASA</strong> Bookshop พื้นที่จำาหน่ายหนังสือและของที่ระลึก<br />
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่จัดงานที่แสดงความร่วมมือกับเครือข่าย<br />
วิชาชีพจากต่างประเทศ อาทิ Jarit: Crafts of Contemporary<br />
Thai Architecture นิทรรศการที่นำาเสนอผลงานสถาปนิก<br />
จากกลุ่มภาคีสมาชิกสถาปนิกระหว่างประเทศ ARCASIA<br />
theme<br />
park within a gated community, provided a welcoming<br />
environment forindividuals to relax, converse, and participate<br />
in discussions on landscape architecture while<br />
offering a variety of activities for attendees to engage in.<br />
The Thailand Interior Designers' Association (TIDA) participated<br />
in the event with its highlight, the TIDA Lounge. This<br />
designated area served as a souvenir shop, offering visitors<br />
a place to rest and enjoy a complimentary serving of<br />
coconut ice cream. The TIDA Salone event included a<br />
Designer Showcase and the TIDA Thesis Awards exhibition,<br />
which displayed the projects of students from local<br />
educational institutes. The Salone also exhibited the winning<br />
projects of the TIDA Awards in different categories.<br />
These projects by professional designers were chosen<br />
by a panel of esteemed and talented professionals from<br />
Thailand's interior architectural industry as well as other<br />
related fields. TIDA also organized TIDA Talk, an event<br />
that aimed at engaging members of the general public<br />
who are interested in interior design. It covered a range<br />
of fascinating aspects of interior design, from concepts to<br />
visions to execution. The event featured academic seminars<br />
on various specific and intriguing topics relevant to<br />
interior design practitioners.<br />
The expo also featured a diverse range of exhibitions that<br />
showcased intriguing academic and professional projects.<br />
One such exhibition was the <strong>ASA</strong> Experimental Design<br />
Competition: Not Only Human, which presented projects<br />
that have received international recognition and awards.<br />
Additionally, there was the <strong>2023</strong> <strong>ASA</strong> Conservation Awards<br />
Exhibition, which highlighted the winning conservation<br />
projects selected by the Association of Siamese Architects<br />
under Royal Patronage. The <strong>ASA</strong> VERNADOC zone<br />
presented the architectural documentation of the Baan<br />
Houy Sai Nuer Residence in the Cha-am district of Phetchaburi<br />
province, employing the Vernadoc methodology.<br />
Additionally, this event also put together exceptional works<br />
created by architecture and design students from various<br />
educational institutions across the country, including<br />
the prestigious Thesis of the Year in Architecture Award<br />
for 2022 (TOYARCH 2022).<br />
The <strong>ASA</strong> Platform Selected Materials <strong>2023</strong> exhibition<br />
curated a collection of new materials and products that<br />
are predicted to make a significant impact in the field<br />
of building construction in the year <strong>2023</strong> as part of an<br />
attempt to improve the quality and standard of construction<br />
projects. The <strong>ASA</strong> Club zone was made available<br />
for members to meet and engage in conversations, while<br />
the ACT + <strong>ASA</strong> Shop + <strong>ASA</strong> Bookshop offered a variety<br />
of publications and souvenirs.<br />
In addition, the exposition featured a section dedicated<br />
to highlighting collaborations with various international<br />
professional networks. One notable example was Jarit:<br />
Crafts of Contemporary Thai Architecture, an exhibition<br />
that showcased projects by architects affiliated with<br />
The Architects Regional Council Asia (ARCASIA). Another<br />
noteworthy exhibit was the Architecture Guide to the
TIME OF TOGETHERNESS<br />
47<br />
<strong>13</strong><br />
ส่วนจัดแสดงงาน All<br />
Member: Design<br />
Showcase<br />
และนิทรรศการ Architecture Guide to the UN17 Sustainable<br />
Development Goals Japan Version นำาเสนอผลงาน<br />
ผลงานจากกลุ่มภาคีสถาปนิกระหว่างประเทศ โดยสมาคม<br />
สถาปนิกญี่ปุ่น JIA<br />
ทั้งหมดนี้อาจนับได้ว่า “ตำาถาด” เป็นการจัดงานสถาปนิกที ่<br />
ครบรส จัดจ้าน อร่อยไปด้วยสาระ และความรู้ในบรรยากาศ<br />
ของความเป็นมิตร แสดงออกถึงความร่วมไม้ร่วมมือของ<br />
ทั้ง 5 องค์กรวิชาชีพครั้งสำาคัญ ที่คงไม่ได้จบลงแค่เพียงใน<br />
การจัดงานครั้งนี้ แต่เป็นสิ่งจำาเป็นในการขับเคลื่อนวิชาชีพ<br />
ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อมสรรค์สร้าง และการ<br />
พัฒนาเมืองไปในอนาคตข้างหน้า สำาหรับทุกคนในสังคม<br />
อีกด้วย<br />
UN17 Sustainable Development Goals, Japanese Version,<br />
which presented works by architects from international<br />
architectural networks hosted by the Japan Institute of<br />
Architects (JIA).<br />
Overall, the 'Time of Togetherness' <strong>ASA</strong> Expo <strong>2023</strong> was<br />
a wonderful event with a diverse range of flavors, enjoyable<br />
experiences, intriguing contents, and valuable<br />
knowledge, all happening within a casual and friendly<br />
atmosphere. The collaboration among the five major<br />
professional associations will continue to take place<br />
even after the expo, serving as a driving force for all<br />
parties involved and propelling them towards achieving<br />
greater advancements in the built environment and urban<br />
developments for the benefit of society as a whole in<br />
the future.<br />
asaexpo.org<br />
“The collaboration is expected to persist beyond the<br />
expo, functioning as a catalyst for all stakeholders and<br />
pressing them towards attaining further progress in<br />
the field of built environment and urban projects, ultimately<br />
benefiting society in the long run.”<br />
<strong>13</strong>
48<br />
review<br />
EMPOWER<br />
STEEL<br />
×<br />
ACA<br />
Architects<br />
In designing the thematic pavilion for Empower Steel, ACA Architects<br />
created an image of the product in harmony with nature by emphasizing<br />
the evocation of emotions through colors and patterns and the use of<br />
natural patterns to convey a sense of warmth.<br />
Text: Warut Duangkaewkart<br />
Photo Courtesy of ACA Architects and DOF SKY | GROUND except as noted
49<br />
1<br />
01<br />
แผ่นเหล็กที่ผ่านกระบวนการ<br />
ดัดแปลงจนกลายเป็นแผ่น<br />
สี่เหลี่ยมมุมมนนำามาต่อ<br />
ประกอบกันเป็น Pavilion
50<br />
review<br />
หนึ่งผลงานออกแบบที่โดดเด่นในงานสถาปนิก<br />
66 ที่ผ่านมา คือ Thematic Pavilion ของ<br />
EMPOWER STEEL ที่ออกแบบโดย ACA Architects<br />
ซึ่งในโอกาสนี้ทำาให้เราได้เห็นโอกาส และ<br />
ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการทำางานร่วมกัน<br />
ระหว่าง สถาปนิก และ ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง<br />
EMPOWER STEEL เป็นผู้ผลิตแผ่นเหล็กส่งออก<br />
ที่เพิ่งเข้าร่วมการจัดแสดงบูธในงานสถาปนิก<br />
ครั้งแรก พร้อมด้วยภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่<br />
พูดถึงเรื่องความงามที่เป็นธรรมชาติที่แม้ว่า<br />
วัสดุจะเป็นเหล็ก ผลิตภัณฑ์ยังสามารถสร้าง<br />
ความหลากหลายได้ด้วยสีสัน และ ลวดลายที่<br />
โดดเด่น ซึ่งจากการพูดคุยร่วมกันที่แนวความคิด<br />
ของแบรนด์คือการสร้างภาพให้ผลิตภัณฑ์นั้น<br />
อยู่คู่กับธรรมชาติ ทำาให้ ACA Architects<br />
เห็นถึงไอเดียในการแสดงออกถึงโครงสร้างของ<br />
องค์ประกอบต่างๆ ในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น<br />
ต้นไม้ ภูเขา ที่ทุกอย่างเกิดขึ้นจากโครงสร้าง<br />
ของอะตอม องค์ประกอบต่างๆ จนเกิดเป็น<br />
รูปร่างขึ้นมา ซึ่งเหล็กเองก็เป็นวัสดุหนึ่งที่เกิด<br />
จากโครงสร้างธรรมชาติเหล่านั้น จึงได้นำาแนว<br />
ความคิดของโมเลกุลในสิ่งต่างๆ มาต่อยอดใน<br />
การออกแบบครั้งนี้<br />
“ในตอนแรก ทางแบรนด์เองก็อยากรู้ว่าเหล็ก<br />
ของเขาสามารถนำาไปทำาอะไรได้อีกบ้าง พื้น ฝ้า<br />
หรือ งานอินทีเรีย พอเรากลับไปด้วยไอเดียนี้<br />
มันเลยตอบโจทย์ของแบรนด์ทั้งหมด เพราะวัสดุ<br />
มันกลายเป็นทุกอย่างในงานเดียว ทั้งโครงสร้าง<br />
ส่วนตกแต่ง ผนัง พื้น และ ฝ้า ซึ่งทางแบรนด์<br />
เองก็นึกไม่ถึงว่าจะทำาอะไรแบบนี้ได้ นี่จึงเป็น<br />
เหตุผลที่ซัพพลายเออร์กับผู้ออกแบบ ควร<br />
มาทำางานร่วมกันให้เกิดสิ่งใหม่ๆ” อนนท์<br />
จิตรานุเคราะห์ ผู้ก่อตั้ง ACA Architects บอก<br />
เล่าถึงกระบวนการทำางานร่วมกันในครั้งนี้<br />
จากไอเดียเบื้องต้นสู่การพัฒนา และพูดคุยถึง<br />
ความเป็นไปได้ในการนำาแผ่นเหล็กมาผ่าน<br />
กระบวนการต่างๆ เพื่อให้เกิดวิธีการใช้งานใหม่<br />
โดยแผ่นเหล็กจะถูกนำาไปตัด และเซาะร่อง<br />
จนกลายเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมมุมมน ที่สามารถนำ า<br />
มาต่อกันได้ไม่รู้จบผ่านระบบโมดูลาร์ ซึ่งใน<br />
ตอนแรกถูกมองหาความเป็นไปได้มากกว่านี้<br />
แต่เนื่องด้วยเวลา งบประมาณ และคุณภาพงาน<br />
ที่ต้องการให้ควบคุมได้มากที่สุด จึงตัดสินใจ<br />
เลือกใช้รูปฟอร์มที่ง่าย แต่ยังคงสามารถนำามา<br />
ใช้สร้างองค์ประกอบได้หลากหลาย ซึ่งในแต่ละ<br />
ชิ้นถูกออกแบบให้แสดงออกถึงคุณสมบัติของ<br />
วัสดุที่ต่างรุ่นกันทั้งสองด้าน ซึ่งเป็นการนำา<br />
แผ่นเหล็กมาประกบกัน จนเกิดเป็นวัสดุที่สร้าง<br />
มุมมองได้หลากหลายเมื่อมองจากมุมที่ต่างกัน<br />
โดยถูกแบ่งไปเลือกใช้งานในการสร้างพาวิลเลียน<br />
เพื่อให้เกิดความหลากหลายมากขึ้นตามฟังก์ชั่น<br />
ที่ใช้งาน ทั้งเชิงโครงสร้าง ผนัง หรือ เคาน์เตอร์<br />
เนื่องด้วยแนวความคิดเรื่องธรรมชาติ ภาพรวม<br />
ของงานจึงออกมาให้มีความอบอุ่นมากที่สุด<br />
โดยมุ่งเน้นไปยังการสร้างความรู้สึกผ่านสี และ<br />
ลวดลาย โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์รุ่นที่เป็นลวดลาย<br />
แบบธรรมชาติอย่างไม้ เป็นองค์ประกอบหลัก<br />
ในการสร้างแนวผนังต่างๆ ตัดกับแผ่นเหล็ก<br />
ที่เป็นลายสนิม ที่ยังคงให้อารมณ์โทนสีใกล้<br />
เคียงกัน นำามาขึ้นรูปเกิดเป็นโครงสร้างผนัง<br />
ต่างๆ ที่นำามาจัดวางในพื้นที่เพื่อให้เกิดเป็น<br />
พาวิลเลียน โดยที่ยังคงสอดแทรกลูกเล่นในอีก<br />
ด้านหนึ่งของแผ่นเหล็ก ด้วยการใช้แผ่นเหล็ก<br />
เคลือบสีเขียว ที่เป็นสีองค์กรของแบรนด์ เข้ามา<br />
เพิ่มมิติในการมองเห็น ทำาให้เมื่อเราเดินวนรอบ<br />
ผลงานชิ้นนี้ จะเกิดมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น<br />
การออกแบบโดยใช้วัสดุในลักษณะนี้ นอกจาก<br />
การจัดแสดงภายในงานสถาปนิกแล้ว เมื่อ<br />
จบงานสามารถนำาวัสดุต่างๆ ถอด และ ประกอบ<br />
ใหม่ขึ้นมาได้อีก ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบ<br />
ให้เข้ากับพื้นที่อื่นๆ ได้ เป็นการช่วยลดทรัพยากร<br />
ในการก่อสร้างงานรูปแบบนี้ที่ส่วนใหญ่จะเกิด<br />
วัสดุเหลือใช้จำานวนมาก ต้องมารอดูกันว่า<br />
การเดินทางของอาคารพาวิลเลียนนี้ จะเป็น<br />
อย่างไรต่อไปในอนาคต<br />
งานออกแบบนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจ<br />
ที่ทำาให้เห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการทดลอง<br />
ในการออกแบบ การเลือกใช้วัสดุ การประยุกต์<br />
สิ่งที่มีอยู่เดิมให้แตกต่างออกไป ซึ่งในที่สุดแล้ว<br />
วัสดุแต่ละวัสดุนั้นต่างก็มีคุณสมบัติที่โดดเด่น<br />
ในตัวเอง ถ้าหากทางผู้ผลิตวัสดุนั้นได้มีโอกาส<br />
ทำางานร่วมกับสถาปนิก นักออกแบบ ก็มี<br />
ความเป็นไปได้สูงที่จะนำาพาไปสู่ความน่าสนใจ<br />
หรือแนวทางการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมา<br />
รวมไปถึงการนำาสิ่งที่มีอยู่แล้ว มาปรับประยุกต์<br />
ใช้ในอีกรูปแบบหนึ่ง จนเกิดเป็นภาพจำาใหม่ๆ<br />
ของวัสดุได้<br />
02<br />
ส่วนจัดแสดงของบูธ<br />
ในบริเวณงาน
EMPOWER STEEL X ACA ARCHITECTS<br />
51<br />
“The design focuses on evoking emotions through<br />
colors and patterns in order to provide and transmit<br />
the warmest look and feel due to the concept<br />
of nature. These are the key components in forming<br />
distinct wall structures, contrasted with rustpatterned<br />
steel sheets while maintaining a same<br />
color tone.”<br />
03<br />
แนวทางการทำางานร่วมกัน<br />
ของผู้ออกแบบและแบรนด์<br />
เพื่อหาความเป็นไปได้ใหม่<br />
ให้กับวัสดุเหล็กในการ<br />
สร้างสรรค์องค์ประกอบ<br />
หลายส่วนของ Pavilion<br />
3<br />
The design for the Empower Steel thematic pavilion<br />
by ACA Architects was one of the best pavilions<br />
at Architect’ 23. It creates intriguing opportunities<br />
for architects and producers of building supplies<br />
to work together.<br />
Empower Steel is a producer of steel sheets for<br />
export and recently made its debut at the <strong>ASA</strong> Expo.<br />
Although steel is the product’s primary material,<br />
the brand’s logo speaks of the inherent beauty<br />
that steel can also be used to produce a range of<br />
aesthetics with unique colours and patterns. ACA<br />
Architects recognised the idea of expressing the<br />
structure of various elements in nature, whether<br />
trees, mountains, or wherever, all of which arise from<br />
the atom to take shape, after hearing the discussion<br />
at the beginning about how the brand concept is<br />
to create an image for the product to be in harmony<br />
with nature. Empower Steel perceives itself as a<br />
component of those organic structures. The idea<br />
of molecules in objects was then introduced, and<br />
that served as the design’s conceptual foundation.<br />
“Empower Steel initially inquired as to whether<br />
floors, ceilings, or interiors might be constructed<br />
using their steel. We had all the answers when we<br />
suggested the design concept. Now the material<br />
serves as the structure, ornamentation, wall, floor,
52<br />
The steel plates were, in the final idea, cut and<br />
grooved so they became a square plate with<br />
rounded corners that can be connected and composed<br />
endlessly through the modular system,<br />
following initial ideas, development, and discussion<br />
of the possibility of working with steel plates<br />
through various processes to create a new way of<br />
using the material. The designers first sought out<br />
more opportunities. However, the team decided to<br />
employ a straightforward shape that is adaptable<br />
enough to construct a range of structural compositions<br />
due to time, budget, and the necessity to<br />
regulate the quality of work as much as possible.<br />
On both sides of each component, the characterreview<br />
and ceiling in a single design, which is something<br />
the brand would never consider attempting. That,<br />
in my opinion, is a compelling argument in favour<br />
of suppliers and designers collaborating on new<br />
products. At this <strong>ASA</strong> Expo, ACA Architects’ founder<br />
Anon Chitranukroh discussed the working process<br />
with Empower Steel.<br />
istics of several varieties of steel are displayed.<br />
Steel plates were used in the design to join together,<br />
and as they are viewed from various angles, they<br />
take on a range of viewpoints. These plates were<br />
carefully chosen for the various areas of the pavilion<br />
to add additional variation in line with the many<br />
uses, such as structure, wall, or counter.<br />
The design focuses on evoking emotions through<br />
colours and patterns with goods that have natural<br />
patterns, such as wood, in order to provide and<br />
transmit the warmest look and feel due to the<br />
concept of nature. These are the key components<br />
in forming distinct wall structures, contrasted with<br />
rust-patterned steel sheets while maintaining a same<br />
colour tone. Once it is assembled into a building<br />
and put in position, it turns into a pavilion. In order<br />
to add sophisticated visual aspects, the architect<br />
also incorporated gimmicks, using steel panels<br />
that were coated in the brand’s corporate colour,<br />
a green finish. Walking around the pavilion gives<br />
it an even more delightful appearance.<br />
04<br />
แนวคิดการใช้วัสดุประเภท<br />
ลายไม้มาร่วมจัดแสดงให้<br />
เห็นความหลากหลาย<br />
05<br />
แผ่นเหล็กที่มีการตัดมุม<br />
เซาะร่อง และจัดวางใน<br />
ลักษณะโมดูลาร์ประกอบ<br />
กันเป็นผนัง<br />
06<br />
แผ่นเหล็กเคลือบสีเขียว<br />
ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของ<br />
แบรนด์ นำามาใช้เพิ่มมิติ<br />
ความหลากหลาย และ<br />
มุมมอง<br />
4
EMPOWER STEEL X ACA ARCHITECTS<br />
53<br />
วรุตร์ ดวงแก้วกาศ<br />
จบการศึ กษาด้าน<br />
สถาปั ตยกรรม และ<br />
ทัศนศิ ลป์ ทำางาน<br />
สร้างสรรค์อิสระโดย<br />
สนใจการออกแบบที่<br />
ผสมผสานระหว่าง<br />
สถาปั ตยกรรม ศิลปะ<br />
และชีวิต<br />
Warut<br />
Duangkaewkart<br />
s a graduate of architecture<br />
and visual arts.<br />
Currently working<br />
independetly with a<br />
focus on design that<br />
blends architecture,<br />
art and life.<br />
The layout enables diverse materials to be disassembled<br />
and reassembled somewhere after the<br />
exhibition, in addition to presentation at the Architect<br />
Expo. Since it can be altered to meet different<br />
locations and circumstances, less resources are<br />
needed to develop this kind of temporary structure,<br />
which typically generates a lot of waste.<br />
It will be equally interesting to see how this pavilion’s<br />
voyage develops in the future.<br />
The project is yet another intriguing example of<br />
how design experiments, material choice, and the<br />
application of existing materials may be used to dis-<br />
cover new possibilities that, in the end, have their<br />
own unique features. The ability for manufacturers<br />
to collaborate with architects and designers is likely<br />
to spark interest in or methods for developing new<br />
products for the market, including adapting existing<br />
products and using them in new ways,which would<br />
eventually develop a new image and identity for<br />
the material.<br />
anonc-architect.com<br />
Project: Thematic Pavilion by EMPOWER STEEL X ACA Architects at Architect Expo <strong>2023</strong> Owner: EMPOWER STEEL Architect: ACA Architects Completion: <strong>2023</strong>
54<br />
review<br />
TKS & TPP<br />
×<br />
CONTEXT<br />
STUDIO<br />
Context Studio and Thaikoon Steel Group have collaborated to transform<br />
the perception of steel in industrial and structural applications, with a<br />
design that reintroduces steel as a material with architectural and commercial<br />
value through a design process influenced by multiple contexts.<br />
Text: Bhumibhat Promboot<br />
Photo Courtesy of Context Studio
55<br />
01<br />
วัสดุเหล็กหลากหลายรูป<br />
แบบได้ถูกนำาปรับเปลี่ยน<br />
และจัดวางเพื่อเพิ่มมูลค่า<br />
ของตัววัสดุ ผ่านการ<br />
ออกแบบที่คำานึงถึงความ<br />
ยั่งยืน<br />
1
56<br />
review<br />
บริบทไม่ใช่มีเพียงแค่หนึ่ง ประโยคปลายเปิด<br />
จากคุณต้น บดินทร์ พลางกูร สถาปนิกจาก<br />
บริษัท Context Studio ถึงแนวคิดการออกแบบ<br />
ในเชิง Site Specific ผ่านผลงาน Thematic<br />
Pavilion ในงาน <strong>ASA</strong> Expo <strong>2023</strong> โดยร่วมกัน<br />
กับผู้ผลิตและจำ าหน่ายท่อเหล็กโครงสร้าง โซ่เหล็ก<br />
และเหล็กฉากเจาะรูจากบริษัท Thaikoon Steel<br />
Group และผู้ผลิตท่อเหล็กรูปพรรณทั้งในภาค<br />
อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีทางอาคารจาก Thai<br />
Premium Pipe ที่มีโอกาสมาเปิดตัวผลิตภัณฑ์<br />
ในงาน <strong>ASA</strong> EXPO <strong>2023</strong> เป็นครั้งแรก ภายใต้<br />
บริบทที่ร่วมกันคือ Eco-Friendly และ Sustainable<br />
Business ที่สื่อถึงการออกแบบหรือผลิต<br />
เพื่อให้เกิดการใช้งานวัสดุให้คุ้มค่าที่สุดและ<br />
ต่อยอดให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการ<br />
ออกแบบและจัดแสดงรูปแบบพิเศษภายใต้<br />
หัวข้อ “Thematic Pavilion” ในงาน <strong>ASA</strong> EXPO<br />
<strong>2023</strong> เพื่อนำาเสนอมุมมองของวัสดุก่อสร้างใน<br />
ภาพลักษณ์ใหม่ ผลงานออกแบบสร้างสรรค์ที่<br />
โดดเด่นจาก Context Studio นี้ ยังได้รับรางวัล<br />
Thematic Pavilion of the Year <strong>2023</strong> อีกด้วย<br />
วัสดุเหล็กโครงสร้างหลากหลายรูปแบบ ได้ถูก<br />
นำามาใช้เป็นส่วนประกอบต่างๆ ในพื้นที่จัดแสดง<br />
สินค้าและบริการของบริษัท Thaikoon Steel<br />
และบริษัท Thai Premium Pipe ทั้งเป็นโครงผนัง<br />
สำาหรับจัดแสดงสินค้า เป็นเฟอร์นิเจอร์สำาหรับ<br />
นั่งพักคอยและจุดสำาคัญคือเป็น Pavilion ที่ใช้<br />
โครงสร้างท่อเหล็กกลมยาว โดยตั้งตระหง่าน<br />
อยู่ใจกลางพื้นที่จัดแสดงสินค้า ให้เป็นพื้นที่<br />
ที่รองรับกิจกรรมที่หลากหลาย จนเกิดเป็น<br />
ความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างรูปทรงแท่งยาวของ<br />
วัสดุเหล็กกับการใช้งานภายในพื้นที่ อย่างเช่น<br />
การนำาเหล็กท่อกลมมาวางเรียงต่อกันเป็นจังหวะ<br />
จนเกิดรูปแบบที่ต่อเนื่อง สร้างปฏิสัมพันธ์<br />
กับพื้นที่โดยรอบ หรือโซ่เหล็กก็ได้ถูกนำามา<br />
ปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์หลากหลาย<br />
รูปแบบ เช่น โต๊ะ หรือเก้าอี้ ผ่านการออกแบบ<br />
ที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ที่คุ้นเคย จากโซ่เหล็กที่เคย<br />
เป็นวัสดุที่เอาไว้เพื่อยกบรรทุกสิ่งของ ก็ได้<br />
กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่มีรูปทรงและ<br />
พื้นผิวที่แปลกตา ซึ่งวัสดุเหล็กโดยทั่วไปจะเห็น<br />
เป็นภาพจำาในการใช้งานในงานอุตสาหกรรม<br />
หรืองานโครงสร้างเป็นส่วนใหญ่ ผู้ออกแบบ<br />
และผู้ผลิตจึงร่วมกันผลักดันให้เกิดแนวคิด<br />
From Rigid to Organic ที่ทั้งสองฝ่ายจะเข้าไป<br />
ปรับเปลี่ยนวัสดุเหล็กที่มีในปัจจุบันโดยใช้<br />
กระบวนการออกแบบผ่านบริบทแวดล้อมที่<br />
เกี่ยวข้อง ให้เกิดคุณค่าทั้งในด้านทางสถาปัตย-<br />
กรรมและในด้านธุรกิจควบคู่กัน<br />
การประสานแนวคิดแรกเริ่มจาก Eco-Friendly<br />
และ Sustainable Business ไปสู่ From Rigid to<br />
Organic นั่นทำาให้ภาพของ Thematic Pavilion<br />
มีความชัดเจนมากขึ้น โดยรูปแบบที่พลิ้วไหว<br />
มาจากการนำาวัสดุเหล็กท่อกลม ขนาดเส้นผ่าน<br />
ศูนย์กลาง 4 นิ้ว ยาว 6 เมตร ในขนาดที่เท่ากัน<br />
ผู้ออกแบบมีความตั้งใจที่ไม่ปรับรูปแบบหรือ<br />
เปลี่ยนแปลงรูปทรงท่อเหล็กให้น้อยที่สุด นำามา<br />
จัดองค์ประกอบโดยเรียงต่อกันอย่างเป็นจังหวะ<br />
ในแนวระนาบ ซึ่งหากดูจากผังพื้นจะมองเห็น<br />
รูปทรงท่อเหล็ก มีลักษณะเคลื่อนไหวดูเป็น<br />
รูปทรงสามมิติ เพื่อให้รูปทรงอย่างวัสดุเหล็กที่<br />
มีรูปแบบที่หยุดนิ่ง ไร้ชีวิตชีวา ดูเหมือนเริ่มมี<br />
การขยับและบิดตัวโดยมีตำาแหน่งเป็นจุดหมุน<br />
จุดเดียว โดยแต่ละท่อเหล็กกลมก็จะถูกบิด<br />
องศาที่แตกต่างกันไปตามแต่ละชิ้น มีลักษณะ<br />
คล้ายเกลียว DNA ของสิ่งมีชีวิต ที่องค์ประกอบ<br />
เริ่มต้นของตัวเกลียวจะเกิดจากรูปแบบที่<br />
เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน จนผ่านการเพิ่มจำ านวนและ<br />
เคลื่อนที่ไปอย่างซ้ำาๆ หมุนวนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด<br />
ทั้งผู้ออกแบบและผู้ผลิต มีความต้องการที่จะ<br />
คงคุณลักษณะของวัสดุเหล็กเดิมที่มีสัณฐานที่<br />
ชัดเจน ภายใต้รูปทรง ขนาด สัดส่วน ความยาว<br />
และน้ำาหนักเพื่อแสดงการตอบรับของความเป็น<br />
Eco-Friendly Product ของวัสดุและการนำามา<br />
ใช้งานที่สามารถควบคุมปัจจัยและผลกระทบ<br />
ทางสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นได้<br />
นอกเหนือจากแนวความคิดหลักข้างต้นแล้ว<br />
การนำาวัสดุเหล็กที่ถูกมองข้าม ให้นำากลับมา<br />
ใช้งานให้ได้มากที่สุด ก็เป็นอีกโจทย์นึงที่ทาง<br />
Context Studio ได้ทดลองนำาโซ่เหล็กที่ไม่ผ่าน<br />
เกณฑ์ในรับน้ำาหนักบรรทุก ซึ่งได้ถูกปล่อยทิ้ง<br />
รอกำาจัดภายในโรงงาน นำามาประสานเชื่อมต่อ<br />
กันในรูปแบบใหม่ ซึ่งคุณสมบัติของโซ่เหล็กเอง<br />
ที่มีรูปแบบที่เป็น modular การนำามาใช้งานจึง<br />
เสมือนเป็นการจัดเรียงองค์ประกอบวัสดุ โดย<br />
ปกติโซ่เหล็กจะถูกใช้ในลักษณะงานในเชิง<br />
อุตสาหกรรมหนัก แต่ทางผู้ออกแบบได้ทดลอง<br />
นำาเสนอความเป็นไปได้ใหม่ของตัวโซ่เหล็กที่จะ<br />
นำามาใช้งานในบริบทที่สัมพันธ์กับมนุษย์มากขึ้น<br />
ด้วยการจัดเรียงชิ้นส่วนโซ่เหล็กและปรับ<br />
ส่วนของรอยต่อใหม่ เพื่อตอบสนองกับบริบท<br />
แวดล้อมที่เปลี่ยนไปของตัวพื้นที่ โซ่เหล็กแต่<br />
ละชิ้นได้ถูกนำ ามาเชื่อมต่อกันแบบถาวร ยึดติด<br />
กันแน่น ประกอบกันกลายเป็นทั้งที่นั่ง และ<br />
โต๊ะ สำาหรับนั่งพักคอยหรือทำากิจกรรมแนะนำา<br />
ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภาพลักษณ์เดิมของโซ่เหล็ก<br />
ที่มักจะขยับเคลื่อนไหวได้พร้อมเสียงกระแทก<br />
เสียดสีกัน ได้ถูกทำาให้เป็นเสมือนเป็นแท่ง<br />
โซ่เหล็กที่ไม่สามารถขยับไปมาได้ เปลี่ยนจาก<br />
การรับน้ำาหนักแรงดึงเป็นการรับน้ำาหนักของ<br />
แรงกดทับแทน โดยยังคงรูปทรงสัณฐานเดิม<br />
ของความเป็นโซ่เหล็กอยู่ เป็นการปรับตัว<br />
เปลี่ยนแปลงคุณลักษณะเดิมของโซ่เหล็กให้<br />
เปลี่ยนไปตามบริบทแวดล้อมในพื้นที่ที่ต่างกัน<br />
ออกไป หรืออีกนัยหนึ่ง ทั้ง Thematic Pavilion<br />
และเฟอร์นิเจอร์ ได้แสดงถึงการปรับตัว<br />
เปลี่ยนแปลงบริบทของตัววัสดุเองและบริบท<br />
แวดล้อมอย่างกลมกลืนและหลากหลาย ภายใต้<br />
คุณลักษณะของความแข็งแรง แต่ยืดหยุ่นได้<br />
ของวัสดุเหล็ก ซึ่งสามารถให้ทางเลือกใหม่กับ<br />
ทั้งผู้ออกแบบและผู้ประกอบการได้อย่างน่าสนใจ<br />
ในขณะเดียวกัน ผู้ออกแบบก็ยังพิจารณาและ<br />
แสวงหาความเป็นไปได้ในบริบทที่นอกเหนือ<br />
จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เพื่อให้ Thematic<br />
Pavilion นี้เกิดประโยชน์และเกิดประสบการณ์<br />
ใหม่ภายใต้แบรนด์ Thaikoon Steel Group<br />
และ Thai Premium Pipe ให้ได้มากที่สุด จึงเป็น<br />
ที่มาของ Thematic Pavilion โทนสีสีน้ำาเงินเขียว<br />
ที่เป็นสีเฉดหลักของแบรนด์ Thaikoon Steel<br />
Group และ Thai Premium Pipe ซึ่งทาง<br />
ผู้ออกแบบต้องการใส่รายละเอียดความสำาคัญ<br />
ที่เกี่ยวข้องลงไปในทุกองค์ประกอบของ<br />
Thematic Pavilion นั่นเอง<br />
การวางผังของพื้นที่จัดแสดงตัวสินค้าและ<br />
บริการ ผู้ออกแบบได้นำาเสนอการวางตำาแหน่ง<br />
Thematic Pavilion ไว้ที่พื้นที่ตรงกลางระหว่าง<br />
สองบริษัทคือ Thaikoon Steel Group และ<br />
Thai Premium Pipe เพื่อต้องการจัดแบ่งพื้นที่<br />
ให้เกิดความชัดเจนของผลิตภัณฑ์และมีความ<br />
เป็นสัดเป็นส่วน โดยที่สามารถจำาแนกลักษณะ<br />
ผลิตภัณฑ์จากเหล็กของทั้งสองบริษัทได้เป็น<br />
ระบบระเบียบ ซึ่งชิ้นงาน Thematic Pavilion<br />
ได้ทำาหน้าที่เสมือนเป็นตัวกลางจัดการพื้นที่<br />
ของทั้งสองบริษัทนี้ โดยที่ยังสามารถตอบสนอง
ทั้งในเชิงการใช้งานได้หลากหลาย เช่น กรณีที่<br />
มีช่วงเวลาแนะนำาผลิตภัณฑ์ของทั้งสองบริษัท<br />
ไม่พร้อมกัน Thematic Pavilion ทำาหน้าที่<br />
เสมือนเป็นฉากกั้นของกิจกรรมที่ต่างช่วงเวลากัน<br />
การจัดการพื้นที่แบบนี้จึงเกิดการไม่รบกวนกัน<br />
เสมือนแยกออกจากกัน แต่ก็ไม่ได้ขาดออกจาก<br />
กัน และเนื่องด้วยรูปแบบ Pavilion ที่มีลักษณะ<br />
ที่โปร่ง ไม่ทึบตัน สามารถเดินลอดผ่านไปมา<br />
ระหว่างพื้นที่สองบริเวณได้ จึงทำาให้พื้นที่<br />
โดยรอบนั้นกลายเป็นพื้นที่ที่มีพลวัตค่อนข้าง<br />
หลากหลาย ไม่ตายตัวทั้งในเชิงการใช้งาน<br />
อย่างเช่น การจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์<br />
ผลิตภัณฑ์ในฝั่งหนึ่ง แต่ในขณะเดียวอีกฝั่ง<br />
ก็สามารถให้คำาปรึกษาหรือให้บริการแก่ผู้มา<br />
เยี่ยมชมที่สนใจในผลิตภัณฑ์ได้พร้อมกัน หรือ<br />
แม้แต่เอาไว้นั่งพักคอย เอกเขนกในหลากหลาย<br />
ช่วงเวลา ประหนึ่ง Thematic Pavilion ได้<br />
ทำาหน้าที่ประสานและเชื่อมต่อพื้นที่ของทั้งสอง<br />
บริษัทเข้าไว้ด้วยกัน จนเกิดเป็นพื้นที่ที่มี<br />
TKS & TPP × CONTEXT STUDIO<br />
ปฏิสัมพันธ์ทั้งในเชิงประสบการณ์ที่เกิดจาก<br />
ความตั้งใจของทีมออกแบบ หรือที่เกิดจาก<br />
ความไม่ได้ตั้งใจจากผู้ใช้งานที่เข้ามาค้นหา<br />
ทดลองและแลกเปลี่ยนพูดคุย ทำากิจกรรมกัน<br />
จนเกิดการต่อยอดและเห็นความเป็นไปได้ของ<br />
วผลิตภัณฑ์ ที่อาจเปลี่ยนโฉมรูปแบบธุรกิจหรือ<br />
รูปแบบตลาดใหม่ให้เกิดขึ้นได้กับผู้ประกอบการ<br />
การพยายามที่จะรื้อทิ้งฉากทัศน์และคุณลักษณะ<br />
เดิมบางอย่างของตัววัสดุเหล็กออกไป เพื่อให้<br />
เกิดเป็นผลลัพธ์ใหม่ที่สามารถต่อยอดจาก<br />
องค์ความรู้เดิมที่มี ให้กลายเป็นความสร้างสรรค์<br />
ใหม่ที่เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของผู้ผลิต<br />
ผู้ประกอบการ ช่างฝีมือ วิศวกรและผู้ออกแบบ<br />
ผ่านการแบ่งปัน วิเคราะห์องค์ความรู้และ<br />
ประสบการณ์ ในการหาทางออกและแก้ไข<br />
ปัญหาร่วมกัน ภายใต้เงื่อนไขที่จำ ากัดทั้งในเรื่อง<br />
ระยะเวลาและงบประมาณ คือการกำาหนด<br />
เป้าหมายร่วมกันเพื่อสอดรับความเปลี่ยนแปลง<br />
57<br />
หรือความเฉพาะเจาะจงในแต่ละช่วงเวลาและ<br />
สถานที่ ผ่านการพูดคุย สื่อสาร และทดลอง<br />
ออกแบบร่วมกันในทุกมิติทั้งด้านธุรกิจที่สัมพันธ์<br />
กับการออกแบบการวางผังของ Thematic<br />
Pavilion หรือการออกแบบโครงสร้างและรอยต่อ<br />
ของตัว Thematic Pavilion ก็สัมพันธ์กับการ<br />
ขนส่งบรรทุกไปติดตั้งนอกสถานที่ จนเกิดเป็น<br />
ออกแบบเพื่อรองรับการรื้อถอดประกอบขึ้นใหม่<br />
ได้ Thematic Pavilion จาก Context Studio จึง<br />
เป็นภาพสะท้อนของผลงานที่ผ่านกระบวนการคิด<br />
ที่คำานึงถึงการดำารงอยู่ของบริบททั้งของวัสดุ<br />
และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา<br />
ผ่านช่วงเวลาหนึ่งที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่งาน <strong>ASA</strong><br />
EXPO <strong>2023</strong> และอีกช่วงเวลาหนึ่งหลังจากการ<br />
รื้อถอนแล้ว ตัว Thematic Pavilion ก็จะก็ถูกนำ า<br />
ไปประกอบขึ้นใหม่ภายในบริเวณพื้นที่กลางแจ้ง<br />
ของโรงงานบริษัท Thaikoon Steel Group และ<br />
Thai Premium Pipe ต่อไป<br />
02<br />
ตำาแหน่งของ Pavilion<br />
ถูกจัดวางให้อยู่กึ่งกลาง<br />
ของพื้นที่ เพื่อตอบสนอง<br />
กับกิจกรรมที่หลากหลาย<br />
และไม่หยุดนิ่ง<br />
2
58<br />
review<br />
3<br />
“There is always more than just one context.” The<br />
rhetorical statement by Bodin Plangkoon, the principal<br />
architect at Context Studio, encapsulates the<br />
underlying principle that guided the site-specific<br />
design of the Thematic Pavilion at <strong>ASA</strong> Expo <strong>2023</strong>.<br />
The studio collaborates with Thaikoon Steel Group,<br />
a prominent manufacturer and distributor of ERW<br />
(Electric resistance welding) steel pipes and tubes,<br />
steel chains, color coated slotted angles for framing<br />
systems, and Thai Premium Pipe, a leading manufacturer<br />
of steel pipes for the industrial sector and<br />
building technology. This collaboration marks their<br />
inaugural joint product launch at <strong>ASA</strong> EXPO <strong>2023</strong>.<br />
The design of the “Thematic Pavilion” at <strong>ASA</strong> EXPO<br />
<strong>2023</strong>, created by Context Studio, aligns with the<br />
vision and context of eco-friendliness and sustainable<br />
business that the two brands share. Through<br />
the creative power of design, this exhibition space<br />
showcases an innovative approach to material<br />
usage and sustainable business growth, presenting<br />
a fresh perspective and fascinating reimagination<br />
of construction materials. The work has been<br />
honored with the prestigious title of Thematic<br />
Pavilion of the Year <strong>2023</strong>.<br />
A diverse selection of structural steel materials<br />
was utilized in the construction of the joint exhibition<br />
space for Thaikoon Steel and Thai Premium<br />
Pipe. These materials were employed in various<br />
components of the pavilion, including the wall<br />
frames used for product display, the furniture in<br />
the waiting area, and the prominent element of the<br />
pavilion’s structure constructed using elongated<br />
round steel pipes. The pavilion is centrally located<br />
within the exhibition space and serves as a versatile<br />
venue for hosting a wide variety of activities.<br />
The chosen steel material defines a correlation<br />
between its shape and length and the utilization<br />
of the space. One example is the strategic arrangement<br />
of steel pipes in a rhythmic manner, which<br />
results in the pavilion’s cohesive structural sequence<br />
that enhances interactions between the built structure,<br />
its users, and the surrounding environment.<br />
Meanwhile, steel chains have been ingeniously<br />
incorporated into various loose furniture designs.<br />
These designs aim to challenge the conventional<br />
perception of steel chains, typically associated<br />
with industrial applications such as lifting tools<br />
used in transporting heavy objects. With this project,
TKS & TPP × CONTEXT STUDIO<br />
59<br />
the chains were transformed into tables and chairs<br />
with distinctive shapes and intricate textural details.<br />
The design team collaborated with the two manufacturers<br />
to redefine the conventional perception<br />
of steel in industrial and structural applications.<br />
Materialized from the ‘From Rigid to Organic’ concept,<br />
the design reintroduces steel as a material<br />
with architectural merits and commercial values<br />
through a design process that is driven by a number<br />
of contexts.<br />
The integration of the eco-friendly and sustainable<br />
business approach into the ‘From Rigid to Organic’<br />
concept resulted in the creation of the Thematic<br />
Pavilion’s unique and purposeful design. The structure<br />
exhibits an intriguing, delicate, and flowing<br />
form made of steel pipes with a diameter of 4 inches<br />
and a length of 6 meters, arranged to spread in<br />
meticulously calculated horizontal planes. The<br />
design was successfully executed in accordance<br />
with the designer’s intention to preserve and minimize<br />
any alteration to the physical characteristics of<br />
the steel pipes. The pavilion demonstrates dynamic<br />
movements in its three-dimensional shape, as<br />
evident from its layout. The meticulously calculated<br />
design allows steel, which is typically static and<br />
lifeless, to give the illusion of movement. From the<br />
pivot point, each pipe is cautiously installed at the<br />
designated angle, resulting in a configuration that<br />
bears a resemblance to the helical structure of DNA<br />
found in living organisms. This intricate arrangement<br />
begins with basic and uncomplicated elemental<br />
forms, which then underwent multiplication<br />
and progress in an infinite and repetitive cycle.<br />
The design team and the two brands have reached<br />
a consensus on the importance of preserving and<br />
showcasing the original physical characteristics<br />
of the material, from its clear contours, shape, and<br />
size to its proportion, length, and weight. By doing<br />
so, they aim to effectively communicate the ecofriendly<br />
nature of steel and its ability to control and<br />
mitigate potential environmental factors and impacts.<br />
In addition to the main idea mentioned earlier,<br />
Context Studio sought to successfully repurpose<br />
steel materials that are often overlooked in designoriented<br />
applications with this project. The steel<br />
chains, which did not meet the quality control<br />
standards for use as lifting tools in industrial applications,<br />
were subsequently left in factories awaiting<br />
disposal. However, these chains were repurposed<br />
and assembled into objects that possess entirely<br />
new forms and serve different purposes. The<br />
modular features of the chains have been reconfigured,<br />
deviating from their original application in<br />
heavy industrial lifting and instead became modified<br />
for creations that are more closely aligned with<br />
human needs and interests. The components and<br />
joints of the chains were altered in order to accommodate<br />
their new functions and the context in which<br />
they would be utilized. The chains were permanently<br />
connected and secured, and then transformed into<br />
chairs and tables for the visitors of the exhibition<br />
booths. These furnishings provided a comfortable<br />
seating arrangement for individuals to engage in<br />
activities and learn about the brands’ products<br />
and services.<br />
The movable modular components of steel chains<br />
and the sounds they create were transformed into<br />
fixed elements of the loose furniture. The function<br />
of these chains has been modified, transitioning<br />
from pulling and lifting to providing support for<br />
the weight, while keeping the original shape and<br />
contour of the steel chain intact. The new application<br />
alters the original physical attributes of the<br />
chain in order to adjust and function in a new and<br />
distinct context. It was apparent that both the Thematic<br />
Pavilion and the furniture exemplified the<br />
dynamic interplay between material and environmental<br />
contexts, with harmony and remarkable<br />
diversity at the same time. The incredible strength<br />
and flexibility exhibited by steel presented new<br />
and intriguing prospects for designers and entrepreneurs,<br />
leading the design team to diligently<br />
explore and carefully consider the different possibilities<br />
that steel can offer in various contexts<br />
extending beyond those previously mentioned.<br />
Their objective was to ensure that the Thematic<br />
03<br />
หุ่นจำาลองแสดงการวาง<br />
ตำาแหน่งทางเข้าตรงด้าน<br />
หัวมุมของพื้นที่จัดแสดง<br />
เพื่อดึงดูดให้เกิดความ<br />
น่าสนใจ<br />
04<br />
โซ่เหล็กจากโรงงานที่มัก<br />
จะเกิดเศษเหลือจากการนำา<br />
ไปใช้งาน ได้ถูกนำามาเพิ ่ม<br />
มูลค่าใหม่ผ่านการออกแบบ<br />
เฟอร์นิเจอร์ภายในพื้นที่<br />
Pavilion<br />
4
60<br />
review<br />
05<br />
แบบร่างแสดงความสัมพันธ์<br />
ของพื้นที่กิจกรรมกับรูปทรง<br />
ของวัสดุเหล็กท่อกลม<br />
06<br />
แบบร่างแสดงความสัมพันธ์<br />
ของพื้นที่ปิดล้อมระหว่าง<br />
ภายนอกและภายในของตัว<br />
Pavilion<br />
07<br />
โครงเหล็กท่อกลมที่ถูก<br />
จัดวางเรียงรูปแบบ เพื่อที่<br />
จะสามารถมองทะลุเชื่อม<br />
ต่อหากันได้ระหว่างที่ทำา<br />
กิจกรรม<br />
Pavilion would effectively showcase the distinct<br />
characteristics and products of Thaikoon Steel<br />
Group and Thai Premium Pipe while also offering<br />
positive aspects and experiences toward the two<br />
brands. The blue and green tones of the Pavilion<br />
represent the corporate identities of Thaikoon<br />
Steel Group and Thai Premium Pipe, following the<br />
designer’s intention to incorporate all the important<br />
details into every aspect of the Pavilion.<br />
The placement of the Thematic Pavilion strategically<br />
separates the exhibition spaces of Thaikoon<br />
Steel Group and Thai Premium Pipe. This choice<br />
of location ensures that the products and services<br />
showcased by both brands are clearly distinguished<br />
and well organized. The Pavilion functions as a<br />
connector between the two brands while also<br />
providing a diverse array of functions. When the two<br />
companies showcased their products to visitors,<br />
the pavilion acted as a buffer, enabling simultaneous<br />
activities without causing any interference.<br />
At the same time, the pavilion still represents the<br />
collaboration between the two brands through<br />
its open structure, which allows visitors to freely<br />
navigate and access the exhibition spaces of both<br />
Thaikoon Steel Group and Thai Premium Pipe.<br />
The presence of the pavilion allowed for a wide<br />
range of activities to take place in a diverse and<br />
flexible manner. A product launch or presentation<br />
event could be held on one side while the other<br />
side remained operational and capable of accommodating<br />
visitors who were seeking information<br />
about the brand’s consultation and services.<br />
The pavilion also served as a waiting area, providing<br />
exhibition attendees with a comfortable seating<br />
arrangement to relax at various times throughout<br />
the day. Symbolically, the pavilion became a<br />
common ground, a platform for collaborations,<br />
interactions, and experiences, whether they were<br />
intentionally curated by the design team or unintentionally<br />
occurred through various ways in which<br />
visitors explored, experimented, and used the space.<br />
It was where people exchanged ideas, conversed,<br />
and engaged in activities, facilitating the emergence<br />
of opportunities and the potential for developments<br />
that could lead to the creation of new business<br />
models or markets for entrepreneurs.<br />
The project is an endeavor aimed at deconstructing<br />
specific preexisting scenarios and characteristics<br />
of steel in order to generate novel outcomes. These<br />
outcomes will subsequently branch out from the<br />
existing body of knowledge and be developed into<br />
innovative creations through collaborative efforts<br />
among entrepreneurs, manufacturers, artisans,<br />
engineers, and designers. Such achievements have<br />
been made possible by conducting a thorough<br />
analysis of knowledge and experiences and working<br />
together to find solutions and resolve problems<br />
while considering various constraints and limitations,<br />
such as time and budget. Shared goals and<br />
visions are established to effectively align with the<br />
changes and specific circumstances determined<br />
by times and places and are achieved and realized<br />
through constructive discussions, effective communication,<br />
and practical experimentation, which<br />
5 6
TKS & TPP × CONTEXT STUDIO<br />
61<br />
ภูมิภัทร พรหมบุตร<br />
ปั จจุบันทำางานเป็ นสถาปนิก<br />
และอาจารย์พิเศษ ที่คณะ<br />
สถาปั ตยกรรมศาสตร์<br />
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์<br />
ในภาควิชาสถาปั ตยกรรม<br />
และภาควิชานวัตกรรม<br />
การออกแบบผลิตภัณฑ์<br />
เชิงบูรณาการ ภูมิภัทร<br />
จบการศึกษาปริญญาตรี<br />
หลักสูตรสถาปั ตยกรรม<br />
ศาสตรบัณฑิต จากคณะ<br />
สถาปั ตยกรรมศาสตร์<br />
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์<br />
และปริญญาโทจาก<br />
Staedelschule Architecture<br />
Class ประเทศ<br />
เยอรมนี ภูมิภัทรมี<br />
ประสบการณ์ทำางานใน<br />
ตำาแหน่ง สถาปนิก ทั้งใน<br />
ประเทศไทยและประเทศ<br />
ญี่ปุ ่ น และยังมีผลงานเขียน<br />
บทความทางสถาปั ตย-<br />
กรรมบนเว็บไซต์ Art4d.<br />
7<br />
Bhumibhat<br />
Promboot<br />
is currently an architect<br />
and a guest instructor<br />
for the Architecture<br />
Programme and the<br />
Integrated Product<br />
Design Innovation Programme<br />
at Kasetsart<br />
University. He holds the<br />
bachelor of architecture<br />
degree from Kasetsart<br />
University and the<br />
Master of Arts in Architecture<br />
from Staedelschule<br />
Architecture<br />
Class in Germany.<br />
Bhumibhat has past<br />
experience as architect<br />
in architecture firms<br />
in Thailand and Japan.<br />
He is also a part-time<br />
writer at Art4d.<br />
encompass every aspect of the project. The incorporation<br />
of business factors into the design of the<br />
pavilion’s layout was evident. Meanwhile, the design<br />
of the structure and joinery took into account the<br />
logistical and transportation aspects of onsite<br />
installation. What all these components collectively<br />
rendered was the design’s modular components<br />
that could be easily dismantled and reassembled.<br />
The Thematic Pavilion, designed by Context Studio,<br />
is an intriguing manifestation of intricate thought<br />
processes. It reflects a deep consideration of the<br />
existence of contexts, encompassing both the<br />
materials used and the ever-changing environment<br />
in which the work is situated. Its remarkable existence,<br />
from inception to completion, spans the<br />
5as a part of <strong>ASA</strong> EXPO <strong>2023</strong> to its subsequent<br />
dismantling and eventual reassembly on the outdoor<br />
grounds of Thaikoon Steel Group and Thai Premium<br />
Pipe factories.<br />
context-interior.com<br />
Project: Thematic Pavilion by TKS & TPP x CONTEXT STUDIO at Architect Expo <strong>2023</strong> Owner: TKS & TPP Architect: CONTEXT STUDIO Completion: <strong>2023</strong>
62<br />
review<br />
TOA & VG<br />
×<br />
HYPO-<br />
THESIS<br />
The pavilion, which was created by Hypothesis for TOA and VG, presents<br />
an exciting and laudable challenge in establishing an appropriate shared<br />
foundation between the two brands. The design has successfully established<br />
a common aspect that generates consensus among all stakeholders<br />
and allows both brands to preserve their own characteristics<br />
while effectively conveying their desired messages.<br />
Text: Rangsima Arunthanavut<br />
Photo Courtesy of HYPOTHESIS
63<br />
1<br />
01<br />
พื่นที่ภายใน Pavillion ถูก<br />
ออกแบบให้เป็นพีระมิด<br />
น้ำาผุด สะท้อนถึงความเป็น<br />
จุดสูงสุดของแต่ละแบรนด์
64<br />
review<br />
หนึ่งในสี่ Thematic Pavilion ปีนี้ พิเศษกว่าทุกปี<br />
เพราะเป็นการร่วมมือของสองแบรนด์วัสดุ<br />
ที่ต่างกันสุดขั้วอย่าง VG แบรนด์หลังคาและ<br />
ผลิตภัณฑ์รางน้ำา ร่วมกับแบรนด์วัสดุก่อสร้าง<br />
ที่มีชื่อเสียงในเรื่องสีทาบ้านอย่าง TOA โดย<br />
นักออกแบบจาก HYPOTHESIS มารับหน้าที่<br />
ออกแบบร้อยเรียงความแตกต่างของสองแบรนด์<br />
นี้ให้กลายเป็นเรื่องราวเดียวกัน<br />
“เราค่อนข้างแปลกใจตอนได้รับโจทย์ครั้งแรก<br />
เพราะทั้งสองแบรนด์ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือ<br />
เดียวกัน แต่พอเราได้เข้าไปคุยกับทั้งคู่ก็ได้<br />
ข้อสรุปว่า ที่เราเข้าใจว่า TOA มีแต่เรื่องสี จริงๆ<br />
เขาเป็นเหมือน Home Solution ย่อมๆ ที่มี<br />
วัสดุต่าง ๆ อย่างฝ้า เคมีภัณฑ์ แผ่นซับเสียง<br />
หรือกระเบื้องด้วย เรียกง่ายๆ ว่ามีเกือบทุกอย่าง<br />
สำาหรับบ้าน แต่สิ่งที่เขายังขาดอยู่ คือ งานหลังคา<br />
และรางน้ำา ด้วยไลน์สินค้าที่ไม่ชนกันเลยเป็น<br />
ที่มาในการจับมือของ TOA และ VG ในครั้งนี้”<br />
ผู้ออกแบบเล่า<br />
ด้วยความที่ทั้งสองแบรนด์มีสินค้าที่หลากหลาย<br />
จึงตามมาด้วยข้อจำากัดซึ่งกลายเป็นความท้าทาย<br />
ในการเลือกใช้วัสดุสำ าหรับงานออกแบบ เนื่องจาก<br />
ทาง TOA มีโจทย์ที่ไม่ต้องการนำาเสนอเรื่องสี<br />
โดยอยากเน้นสินค้าอื่น ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้<br />
คนทั่วไปได้ทำาความรู้จักบ้าง ในขณะที่ฝั่ง VG<br />
ชัดเจนโดยต้องการนำาเสนอผลิตภัณฑ์รางน้ำา<br />
และแผ่นหลังคา ในการออกแบบตอนเริ่มต้น<br />
ทีมออกแบบจึงมองว่า หากเริ่มที่ตัววัสดุซึ่งมี<br />
ความหลากหลายมาก ๆ นั้นอาจกว้างและยาก<br />
เกินไปสำาหรับการตีความเชิงพื้นที่ขนาดย่อม ๆ<br />
จึงมองหาคีย์เวิร์ดที่เป็นจุดร่วมระหว่างทั้งสอง<br />
แบรนด์มาใช้เป็นจุดตั้งต้นในการออกแบบพื้นที่<br />
เมื่อได้เรียนรู้และทำาความรู้จักทั้งสองแบรนด์<br />
ทีมออกแบบก็พบว่าสิ่งที่เหมือนกันคือ ‘ความ<br />
เป็นต้นน้ำา’ หรือ ความเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรม<br />
วัสดุต่าง ๆ (Pioneer) ซึ่งเกิดจากการผลิต<br />
และมี Know-how ข้อมูลเป็นของตัวเอง อย่าง<br />
VG เองก็มีการผลิตเม็ดพลาสติกเอง หรือทาง<br />
TOA ก็มีแหล่งทรัพยากรของตัวเองในการสร้าง<br />
ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นำามาสู่คีย์เวิร์ดตั้งต้นที่ทั้ง<br />
สองแบรนด์ต่างเห็นพ้องต้องกันเพราะนอกจาก<br />
จะสื่อสารความเป็นผู้นำาด้านวัสดุแล้ว ยังเป็น<br />
คีย์เวิร์ดที่ทำาให้นึกถึงความเป็นธรรมชาติ ซึ่ง<br />
เป็นสิ่งที่สองแบรนด์อยากพูดถึงใน Thematic<br />
Pavilion ปีนี้ด้วยเช่นกัน<br />
เมื่อได้คีย์เวิร์ด จึงมาถึงขั้นตอนลงมือออกแบบ<br />
บนพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ขนาบด้านข้างด้วย<br />
บูธสินค้าของ VG และ TOA ซึ่งมีโจทย์ที่อยาก<br />
แบ่งความเป็นสองแบรนด์อย่างชัดเจน ทำาให้<br />
ผู้ออกแบบออกแบบพื้นที่ในลักษณะลูกบาศก์<br />
ที่แบ่งครึ่งพื้นที่จัดแสดง ในขณะที่ควบคุมภาพ<br />
รวมให้เป็นทิศทางเดียวกันด้วยการเลือกใช้<br />
วัสดุที่ไม่มีสี (Colorless Materials) อย่างสีขาว<br />
หรือวัสดุที่มีพื้นผิวมันวาว เพื่อป้องกันการ<br />
แบ่งแยก Identity ของแบรนด์ด้วยสี<br />
ในการเลือกวัสดุมาใช้ออกแบบส่วนที่เหลือ<br />
ดีไซน์เนอร์ตั้งต้นจากแบรนด์ VG ที่มีวัสดุที่<br />
ต้องการใช้แน่นอน นั่นคือ แผ่นหลังคาและ<br />
รางน้ำาซึ่งเป็นวัสดุที่มีลักษณะเป็นเส้น (linear)<br />
ส่งต่อสู่การเลือกวัสดุของฝั่ง TOA ที่มีความ<br />
เป็นเส้นสายคล้ายกัน และที่สำาคัญต้องไม่มีสี<br />
ก่อนจะมาลงตัวที่โครงคร่าว C-Line และแผ่น<br />
ยิปซัมบอร์ดสะท้อนความร้อน เพื่อให้ภาพ<br />
รวมทั้งหมดกลมกลืนอยู่ด้วยกันได้โดยไม่มี<br />
อะไรเด่นไปกว่ากัน<br />
วัสดุทั้ง 4 ถูกจัดแสดงไล่เรียงขนาดสูงต่ำาไม่<br />
เท่ากันไว้ที่สี่มุมของพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัส ผ่าน<br />
การแขวนเข้าไปทั้งหมดโดยไม่มีการยึดด้วย<br />
สกรูเพื่อป้องกันการเสียหายของชิ้นวัสดุ ทำ าให้<br />
หลังจบงานสามารถถอดและนำาวัสดุเหล่านี้<br />
ไปใช้ได้ใหม่โดยเป็นการเสริมแนวคิดเรื่อง<br />
ความยั่งยืนในการออกแบบ หรือหากเป็น<br />
วัสดุที่ถูกตัดให้มีชิ้นที่สั้นลง ทางแบรนด์ก็มี<br />
กระบวนการนำาไป Reuse กลับมาใช้เป็นวัสดุ<br />
ได้ใหม่ ลดการเกิดขยะวัสดุจากการจัดงาน<br />
เหล่านี้ไปได้มากทีเดียว<br />
นอกจากวัสดุของสองแบรนด์ที่ล้อมเป็นสี่มุม<br />
ที่บริเวณใจกลางถูกออกแบบให้เป็นรูปทรง<br />
พีระมิดตาน้ำาผุดซึ่งสามารถสื่อสารได้หลาย<br />
ความหมาย อย่างการสะท้อนถึงความเป็น<br />
จุดสูงสุดของแต่ละแบรนด์ และในอีกความ<br />
หมายหนึ่ง คือการแสดงความเป็นต้นทางของ<br />
วัสดุ โดยที่ภาพรวมยังสื่อสารถึงความเป็น<br />
ธรรมชาติไปพร้อมกัน “เหมือนเราเข้าไปในป่า<br />
แล้วไปเจอตาน้ำา พื้นที่ตรงนี้เลยเปรียบเสมือน<br />
ป่าวัสดุของ TOA และ VG ที่มีตาน้ำ าผุดอยู่ตรง<br />
กลาง” ความยากต่อมา คือ บูธขายสินค้าของ<br />
ทั้งสองแบรนด์ซึ่งขนาบอยู่ด้านข้าง Thematic<br />
Pavilion โดยที่ HYPOTHESIS เองก็รับหน้าที่<br />
ออกแบบทั้งสองบูธจัดแสดงนี้ด้วยเช่นกัน ใน<br />
การดีไซน์ทั้งสามพื้นที่ให้เชื่อมโยง สถาปนิกจึง<br />
คำานึงถึงเรื่องลำาดับการเข้าถึง โดยมี Thematic<br />
Pavilion ทำาหน้าที่เสมือน Gateway ทางเข้า<br />
ก่อนจะแจกจ่ายไปยังบูธ VG และ TOA ที่อยู่<br />
ทางด้านซ้ายและด้านขวา เกิดเป็นฟอร์มของ<br />
พื้นที่ที่มีทางเข้า-ออกสี่ทาง ซึ่งหากเรามอง<br />
จากอีกฝั่งของบูธ ตำาแหน่งของเวที Thematic<br />
Pavilion สีขาวตรงนี้ยังทำาหน้าที่เป็นฉากหลัง<br />
ขนาดใหญ่ให้กับตัวเวทีนั้นได้อีกด้วย<br />
“ผมมองว่า สิ่งที่สนุกและประทับใจในการ<br />
ออกแบบโครงการนี้ของเรา ไม่ใช่แค่เรื่อง<br />
การออกแบบ ฟอร์มหรือความสวยงาม แต่<br />
ความท้าทายในการมองหาจุดร่วมระหว่าง<br />
สองแบรนด์ การตกลงร่วมมือกัน หรือการ<br />
ออกแบบให้ทั้งสองแบรนด์นี้ยังคงความเป็น<br />
ตัวของตัวเองไว้ในขณะที่ตอบโจทย์สิ่งที่ทาง<br />
แบรนด์อยากจะเล่า ตรงกลางที่ลงตัวนี่แหละ<br />
คือสิ่งที่เราในฐานะผู้ออกแบบมองเห็นแล้วรู้สึก<br />
แฮปปี้” สถาปนิกสรุปทิ้งท้าย<br />
“We think the project’s most intriguing and commendable<br />
aspect lies not in its design, form, or aesthetic appeal, but<br />
rather in the challenge it presents of identifying a suitable<br />
common ground between the two brands.
TOA & VG X HYPOTHESIS<br />
65<br />
02<br />
วัสดุแผ่นหลังคา รางน้ำา<br />
โครงสร้าง C-Line และ<br />
แผ่นยิปซัมบอร์ด ที่ถูกนำา<br />
มาจัดแสดง ด้วยการ<br />
ไล่ระดับสูงต่ำา ไว้ทั้ง 4 มุม<br />
ของพื้นที่สี่เหลี่ยมจตุรัส<br />
2<br />
TOA & VG X HYPOTHESIS, one of the four thematic<br />
pavilions this year, is unique for the way it brings<br />
together two building material companies, each<br />
with its own innovations and reputation. VG is<br />
a leading manufacturer of roof sheets and rain<br />
gutters, whereas TOA is a prominent innovator of<br />
paints. The project is joined by HYPOTHESIS, the<br />
studio assigned to be in charge of interweaving<br />
the distinctions between the two brands into a<br />
fascinating story.<br />
“When we were first informed about the brief, we<br />
were quite surprised because the two brands aren’t<br />
even from the same company group. But after<br />
speaking with both VG and TOA, I realized that my<br />
understanding of TOA and assumption that their<br />
company was focused solely in the area of paint<br />
was actually incorrect. Their expertise is in the<br />
realm of Home Solutions, encompassing materials<br />
such as ceilings, chemicals, acoustic materials,<br />
and even tiles. They offer almost everything relating<br />
to home solutions, but roofing and gutters are<br />
something that they lack. And because the two<br />
brands offer different kinds of products, the collaboration<br />
was able to happen,” explained the design<br />
team.<br />
The wide variety of materials offered by the two<br />
companies creates constraints and, ultimately, a<br />
challenge for the design team in terms of selecting<br />
the materials to be used in the design. TOA’s<br />
demand was to focus on introducing other product<br />
lines to potential consumers rather than their color<br />
innovations, for which they are already known,<br />
whereas VG wanted to emphasize their rain gutters<br />
and roofing materials. During the first stages of<br />
the design process, the design team agreed that<br />
developing the design with such a diverse range<br />
of products as the starting point would be too<br />
difficult for a story and interpretation to be accom-
66<br />
review<br />
etary knowledge. For instance, VG has the ability<br />
to produce plastic pellets internally, eliminating<br />
the need for imports. Similarly, TOA owns and has<br />
access to the resources required for its product<br />
manufacturing processes. The keyword “Watershed”<br />
has been mutually agreed upon by two<br />
brands to represent their prominent positions in<br />
material advancements and the natural elements<br />
it signifies—the sentiments both TOA and VG<br />
desired for the design of this year’s Thematic<br />
Pavilion to effectively convey.<br />
Once the keyword was determined, the design<br />
team proceeded to work on the square-shaped<br />
site that was situated between the exposition<br />
booths of VG and TOA. The layout of this site<br />
was intentionally designed to both separate and<br />
bring together the two companies. The design<br />
team divided the site into two sections while still<br />
maintaining the overall vision. This was achieved by<br />
incorporating colorless materials, such as white,<br />
as well as glossy textures, which ensured a cohesive<br />
aesthetic and prevented any brand identity or corporate<br />
colors from being prominently displayed.<br />
The selection of materials for the remaining components<br />
of the pavilion was made in accordance with<br />
VG’s requirement to incorporate the brand’s roof<br />
panels and rain gutters, both of which possess<br />
linear physical characteristics. The same idea was<br />
applied with the use of two TOA materials: C-Line<br />
structure frames and heat-resistant gypsum boards,<br />
which had also chosen for their linear and colorless<br />
features. This meticulous choice ensures that all<br />
materials are aesthetically harmonious and have<br />
equal presence throughout the entire design.<br />
In order to prevent any possible damage, the four<br />
materials are installed at different levels on the<br />
four corners of the square-shaped site using the<br />
suspension method, thereby avoiding the use of<br />
screws. Such an installation allows for the materials<br />
to be reused following the event, aligning with<br />
the intended environmentally conscious design<br />
approach. Certain materials that require cutting<br />
will eventually be incorporated into the processes<br />
of both companies, enabling their reuse and ultimately<br />
reducing the amount of waste generated<br />
during the construction process.<br />
3<br />
03-04<br />
ภาพจำาลองผลงานออกแบบ<br />
Pavilion ที่แสดงให้เห็นถึง<br />
การนำาเสนอ รูปแบบของ<br />
แสงสีที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่
TOA & VG X HYPOTHESIS<br />
67<br />
4<br />
รังสิมา อรุณธนาวุฒิ<br />
จบการศึกษาภูมิสถาปั ตย-<br />
กรรม จากมหาวิทยาลัย<br />
เกษตรศาสตร์ ปั จจุบัน<br />
เป็ นนักเขียนเกี่ยวกับงาน<br />
ออกแบบในสื่อสถาปั ตย-<br />
กรรม<br />
Rangsima<br />
Arunthanavut<br />
graduated from the<br />
Department of Landscape<br />
Architecture,<br />
Kasetsart University.<br />
She is currently a<br />
writer on design in<br />
architectural media.<br />
In addition to the elements that give the site its<br />
square-shaped layout, there is a central overflowing<br />
fountain designed in the form of a pyramid, symbolizing<br />
the pinnacle of each brand. The fountain also<br />
designates the two companies as “sources” of<br />
technological progress, all the while symbolizing<br />
elements of nature. It aims to recreate the experience<br />
of encountering a source of water in a forest.<br />
This exhibition space, therefore, alludes to the<br />
dense woodlands of TOA and VG, characterized<br />
by an abundance of materials, with a water source<br />
emerging at the center.<br />
The arrangement of the exhibition booths of the<br />
two companies being in close proximity to the<br />
Thematic Pavilion presented another challenge.<br />
The design team utilizes the order of access to<br />
establish a seamless connection between the<br />
three exhibition spaces, with HYPOTHESIS overseeing<br />
the entirety of the design. The Thematic<br />
Pavilion serves as a gateway, distributing spaces<br />
to the VG and TOA booths on its left and right<br />
sides. The proposed design entails the development<br />
of a spatial program that incorporates a<br />
total of four entry and exit points. The stage of<br />
the Thematic Pavilion is positioned on the opposite<br />
side of the booth, featuring a prominent white hue<br />
that serves as a large backdrop.<br />
“We think the project’s most intriguing and commendable<br />
aspect lies not in its design, form, or<br />
aesthetic appeal, but rather in the challenge it<br />
presents of identifying a suitable common ground<br />
between the two brands. It is fascinating to explore<br />
how we can identify a unifying element that garners<br />
consensus from all parties involved. Additionally,<br />
the design must enable both brands to preserve<br />
their distinctive characteristics while effectively<br />
communicating their intended messages. As architects,<br />
having successfully created a design that<br />
meets all of these requirements was an immensely<br />
satisfying and happy experience,” concluded the<br />
HYPOTHESIS team.<br />
hypothesis.co.th<br />
Project: Thematic Pavilion by TOA & VG x HYPOTHESIS at Architect Expo <strong>2023</strong> Owner: TOA & VG Architect: HYPOTHESIS Completion: <strong>2023</strong>
68<br />
review<br />
WoodDen<br />
×<br />
PAVA<br />
architects<br />
The Teak Pavilion, a collaborative project between PAVA architects and<br />
WoodDen, functioned as both a showroom for construction materials<br />
and a creative environment that encouraged contemplation and inquiry<br />
into the ecological cycle from which teak, a natural material, emerges.<br />
Text: Kullaphut Seneevong Na Ayudhaya<br />
Photo Courtesy of PAVA architects and Spaceshift Studio except as noted
69<br />
1<br />
01<br />
มิติของทางเข้าพื้นที่<br />
นิทรรศการถูกออกแบบ<br />
ผ่านการวางผัง เอียงทำามุม<br />
45 องศา เพื่อสร้างแนว<br />
ปะทะกับแนวระนาบของ<br />
ผืนเปลือกไม้สัก
70<br />
review<br />
ระนาบไม้สักถูกจัดเรียงรายคล้ายป่าสักขนาดย่อม<br />
ครอบคลุมพื้นที่กว่าร้อยตารางเมตรถูกออกแบบ<br />
ขึ้นอย่างโดดเด่นท่ามกลางนิทรรศการการ<br />
ออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่อยู่รายล้อม ภายใต้<br />
เงื่อนไขของการเป็นนิทรรศการที่อำานวยให้เกิด<br />
บทสนทนาต่ออนาคตของแวดวงการออกแบบ<br />
ทางสถาปัตยกรรม ระนาบของไม้สักในรูปแบบ<br />
ต่างๆนี้อยู่ภายใต้การออกแบบของทีมผู้ออกแบบ<br />
จาก PAVA architects ร่วมกับ WoodDen ผู้จัด<br />
จำาหน่ายไม้สักที่คร่ำาหวอดในการจัดจำาหน่าย<br />
ไม้สักเพื่องานสถาปัตยกรรม องค์ประกอบอาคาร<br />
และเฟอร์นิเจอร์มากว่า 60 ปี Teak Pavilion<br />
เป็นหนึ่งใน Thematic Pavilion ของงาน<br />
สถาปนิก’66 ที่ว่าด้วยเรื่อง “Time of Togetherness”<br />
ส่งผลให้เกิดการออกแบบ Pavilion ที่<br />
ไม่ได้เป็นแต่เพียงโชว์รูมจัดแสดงวัสดุก่อสร้าง<br />
หากแต่เป็นพื้นที่ชวนให้ขบคิดและตั้งคำาถามต่อ<br />
วงจรของระบบนิเวศเพื่อให้ได้มาซึ่งตัววัสดุ<br />
“เราออกแบบพื้นที่ที่คงความเป็นสัจจะของวัสดุ<br />
ให้มากที่สุด ในที่นี้คือไม้สัก เราต้องการอุปมา<br />
พื้นที่ให้เห็นวงจรชีวิตของไม้สักตั้งแต่ต้นน้ำา<br />
ไปยังปลายน้ำาให้เกิดขึ้นภายใต้นิทรรศการแห่งนี้”<br />
ทีมผู้ออกแบบจาก PAVA architects กล่าวถึง<br />
แนวความคิดเบื้องต้นของการออกแบบ เป็นที่<br />
ทราบกันดีว่าไม้เป็นวัสดุก่อสร้างที่มีความยั่งยืน<br />
สูง เพราะสามารถปลูกใหม่ได้หากวางแผนการ<br />
ปลูกและการตัดไม้เพื่อนำามาใช้งานอย่างมี<br />
ประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันเมื่อเราพิจารณา<br />
ถึงการพัฒนาองค์ความรู้ของการใช้งานไม้ใน<br />
เชิงวัสดุก่อสร้างจะพบทิศทางของการพัฒนา<br />
องค์ความรู้ด้านงานไม้ในงานสถาปัตยกรรม<br />
มากขึ้นเนื่องจากผลิตภัณฑ์จากไม้มีผลกระทบ<br />
ต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าผลิตภัณฑ์ทางอุตสาห-<br />
กรรมรูปแบบอื่น เพราะไม้มีอัตรา Carbon<br />
Footprint ที่ต่ำากว่าเมื่อเปรียบเทียบกับวัสดุ<br />
ก่อสร้างอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นปูนซีเมนต์ เคมีภัณฑ์<br />
จากการแปรรูปเชื้อเพลิงฟอสซิล เนื่องจากใช้<br />
พลังงานในการผลิตที่น้อยกว่า และผลิตภัณฑ์<br />
ขั้นสุดท้ายสามารถนำาไปใช้ซ้ำา รีไซเคิล และ<br />
ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ<br />
ปัจจุบันมีการนำาเทคโนโลยีและกระบวนการผลิต<br />
ที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิตไม้สักเพื่อเพิ่มความ<br />
แม่นยำา ลดเวลาในการผลิต และเพิ่มความเป็น<br />
ไปได้ในการใช้งาน เช่น การใช้กระบวนการ<br />
เผาซึ่งเร็วกว่าการอบแห้ง การใช้เครื่องจักรใน<br />
การเลื่อยไม้เพื่อให้ได้ความแม่นยำามากขึ้น และ<br />
เศษไม้ที่ใช้ไม่ได้น้อยลง โรงงานขึ้นรูปพื้นผิว<br />
สำาเร็จรูปยังช่วยควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์<br />
และลดปริมาณงานในสถานที่ ทำาให้การก่อสร้าง<br />
รวดเร็วขึ้น รวมถึงเทคโนโลยี Mass timber<br />
ซึ่งทำาการผนึกชั้นไม้บีบอัดและยึดด้วยกาว ที่<br />
สามารถควบคุมคุณภาพ ตรวจสอบความแข็งแรง<br />
และทนไฟ จึงสามารถนำาไปใช้ในการก่อสร้าง<br />
อาคารที่ซับซ้อนได้ ในขณะที่ไม้สักมีลักษณะ<br />
เฉพาะตัวอันเป็นเอกลักษณ์ที่ความแข็งแรงสูง<br />
อัตราการหดตัวและยืดตัวต่ำา มีความทนทาน<br />
ต่อปลวก สามารถตัด ไส เหลา และตกแต่งได้<br />
ง่าย ส่งผลให้ไม้สักได้รับความนิยมอย่างสูงต่อ<br />
การใช้เป็นวัสดุก่อสร้าง และมีอนาคตที่สดใส<br />
ในแนวทางการพัฒนางานสถาปัตยกรรมเพื่อ<br />
ความยั่งยืน<br />
ทีมผู้ออกแบบและผู้จัดจำาหน่ายให้ความสำาคัญ<br />
ต่อการสร้างความเข้าใจต่อความเป็นมาเป็น<br />
ไปเพื่อให้ได้มาซึ่งไม้สักแปรรูป เพื่อสื่อสารต่อ<br />
นักออกแบบ สถาปนิก และบุคคลในแวดวง<br />
สถาปัตยกรรม นำามาซึ่งความพยายามใน<br />
การรังสรรค์พื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจต่อวงจร<br />
ชีวิตของไม้สัก พันธุ์ไม้ที่มีความสำาคัญใน<br />
ทางเศรษฐกิจ สังคม รวมไปจนถึงการเมือง<br />
ตลอดหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ การ<br />
ออกแบบพื้นที่ป่าสักด้วยการวางผังในระบบ<br />
แนวกริด (Grid System) เอียงทำามุม 45 องศา<br />
ร่นระยะจากขอบเขตของแนวพื้นที่นิทรรศการ<br />
80 เซนติเมตร เพื่อสร้างให้เกิดมุมมองของการ<br />
ซ้อนเหลื่อมเชิงพื้นที่ ในขณะที่ความสูงของแนว<br />
ระนาบไม้สักออกแบบให้มีระนาบสูงต่ำาอุปมา<br />
อุปมัยแทนความสูงของการเติบโตของไม้สักใน<br />
ภูมิประเทศภูเขา ตามลักษณะของนิเวศวิทยา<br />
ป่าเบญจพรรณที่มีความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจาก<br />
ไม้สักที่มีคุณภาพสูงมักพบได้ตามป่าเบญจ-<br />
พรรณบนที่แห้งแล้ง โดยขึ้นอยู่ท่ามกลางพรรณ<br />
ไม้นานาชนิด ระนาบของไม้สักจึงถูกออกแบบ<br />
ความสูงให้ไล่จากสูง (ต้นน้ำา) มาสู่พื้นที่ต่ำา<br />
(ปลายน้ำา) ในพื้นที่ปลายน้ำานี้ถูกจัดให้เป็น<br />
พื้นที่นั่ง มีโต๊ะไม้ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์จากผู้จัด<br />
จำาหน่ายที่สามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งสนทนาได้<br />
ของนิทรรศการเพื่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่าง<br />
ผู้เข้าเยี่ยมชม ด้วยแนวความคิดในการลดขยะ<br />
ให้เป็นศูนย์ (Zero waste) แก่วัสดุทั้งหมดใน<br />
นิทรรศการ ผู้ออกแบบได้กำาหนดขนาดของไม้<br />
ไว้ที่ 2 4 และ 6 เมตร ตามขนาดที่เหมาะสม<br />
ต่อการออกแบบระบบประสานทางพิกัด<br />
(Module System) และเป็นการประกอบชิ้นส่วน<br />
แห้ง (Dry process) ทั้งหมดเพื่อให้ง่ายต่อการ<br />
ขนส่ง และติดตั้งนิทรรศการชั่วคราว ประกอบ<br />
กับการเลือกใช้เปลือกไม้ที่เป็นเศษไม้จาก<br />
โรงงานมาจัดแสดงเพื่อสร้างการรับรู้ต่อวัสดุ<br />
ธรรมชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในความต้องการหลัก<br />
ของทีมผู้ออกแบบที่ให้ผู้มาเยี่ยมชมได้สัมผัส<br />
กับวัสดุไม้ที่ถูกละเลย ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนของ<br />
ไม้ขนาดเล็ก เปลือกไม้ที่ถูกตัดออกระหว่าง<br />
การแปรรูป หรือไม้ที่มีตำาหนิ สิ่งเหล่านี้อาจ<br />
ถูกด้อยมูลค่าเมื่ออยู่ในระบบอุตสาหกรรม แต่<br />
อาจช่วยจุดประกายความคิดใหม่ ๆ ให้แก่<br />
นักออกแบบที่ได้สัมผัสกับความไม่สมบูรณ์<br />
แบบของวัสดุธรรมชาติ ที่นักออกแบบเองอาจ<br />
จะละเลยในจุดนี้ไป<br />
เมื่อย้อนกลับมาพิจารณาถึงวงจรของวัสดุไม้<br />
ทำาให้พบว่า อาจถึงเวลาแล้วที่เราต้องทบทวน<br />
แนวทางการพัฒนาองค์ความรู้ตั้งแต่ต้นน้ำา<br />
ไปถึงปลายน้ำาต่อวัสดุไม้อย่างเป็นระบบ เพื่อ<br />
สร้างให้เกิดพัฒนาการการใช้ประโยชน์จากไม้<br />
ตั้งแต่การวางแผนการปลูก ไปจนถึงการตัดใช้<br />
ประโยชน์ให้มีประสิทธิภาพ รวมไปจนถึงการ<br />
พัฒนาเทคโนโลยีการแปรรูป และการใช้ในงาน<br />
สถาปัตยกรรมอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างระบบ<br />
นิเวศของไม้ที่ตอบสนองต่อความต้องการของ<br />
ตลาดได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นความท้าทายครั้ง<br />
สำาคัญที่มีต่อวัสดุก่อสร้างที่เคยเป็นหัวใจสำาคัญ<br />
ของสถาปัตยกรรมในภูมิภาคที่เราสั่งสมองค์<br />
ความรู้มาถึงปัจจุบัน<br />
“เราอยากปรับทัศนคติของสังคมที่มองว่าไม้<br />
กลายเป็นวัสดุตัวแทนของความเป็นเอกสิทธิ์<br />
(Privilege) เฉพาะสำาหรับคนมีรายได้สูง ทั้ง ๆ<br />
ที่แต่เดิมเราอยู่บ้านไม้กันมาตั้งแต่อดีต ใคร ๆ<br />
ก็อยู่บ้านไม้ อยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ แต่ปัจจุบัน<br />
วิถีชีวิตของเราถูกตัดขาดออกไป” ทีมผู้ออกแบบ<br />
จาก PAVA กล่าวทิ้งท้ายถึงความสำาคัญของ<br />
วัสดุไม้ วัสดุธรรมชาติที่เติบโตไปด้วยกาลเวลา<br />
เฉกเช่น ‘Time of Togetherness’
WOODDEN × PAVA ARCHITECTS<br />
71<br />
02<br />
แนวระนาบของเปลือกไม้<br />
สอดประสานกับส่วน<br />
จัดแสดงผลิตภัณฑ์ได้<br />
อย่างกลมกลืน<br />
03<br />
ส่วนนั่งพักและเปิดดูแคต-<br />
ตาล็อกผลิตภัณฑ์ของ<br />
WoodDen<br />
“We wanted to reshape society’s perception of wood and how it is<br />
viewed as a symbol of wealth and privilege, despite the fact that<br />
people in the region historically lived in wooden houses and were<br />
closely connected to nature before the modern way of life disconnected<br />
us from all of these things.”<br />
2<br />
3
72<br />
review<br />
4<br />
04<br />
รูปด้านฝั่งส่วนจัดแสดง<br />
นิทรรศการ ออกแบบ<br />
ระนาบไม้แนวสูง (อุปมา<br />
เป็นส่วนต้นน้ำาของป่า)<br />
05<br />
รูปด้านฝั่งโต๊ะและที่นั่ง<br />
ของนิทรรศการ ออกแบบ<br />
ระนาบไม้แนวต่ำา (อุปมา<br />
เป็นส่วนปลายน้ำาของป่า)<br />
06<br />
ผังพื้นของนิทรรศการ<br />
ฝั่งซ้ายคือส่วนต้นน้ำาและ<br />
ฝั่งขวาเป็นส่วนปลายน้ำา<br />
07<br />
แนวระนาบไม้สักถูก<br />
ออกแบบเล่นระดับความ<br />
สูงลดหลั่นเป็นจังหวะ<br />
5<br />
A collection of teak wood poles were arranged in<br />
seemingly random but calculated rows, resembling<br />
a miniature forest, spanning an area of over 100<br />
square meters. This unique design was complemented<br />
by a cluster of architectural exhibitions<br />
that surround it. The teak wood forest was also<br />
created as an exhibition space with the purpose<br />
of fostering and promoting future discussions on<br />
the trajectory of architectural design and industry.<br />
The meticulous arrangement of teak wood members<br />
was the result of the collaborative efforts between<br />
the design team of PAVA architects and WoodDen,<br />
a renowned distributor of teak wood for architectural<br />
construction, building decoration, and furnishing<br />
for over six decades. The Teak Pavilion<br />
was among the thematic pavilions featured at the<br />
Architect Expo <strong>2023</strong>. With a design that reflected<br />
the theme “Time of Togetherness,” the pavilion<br />
not only served as a showroom for construction<br />
materials but also as a creative space that evoked<br />
one to contemplate and question the ecosystem’s<br />
cycle from which this natural material originates.<br />
“We have meticulously crafted the space to maintain<br />
the authentic essence of the material, which in this<br />
case was teak wood. We wanted the space to metaphorically<br />
represent the life cycle of teak wood,<br />
from inception to the end,” said the design team of<br />
PAVA architects about the initial design concept.<br />
It is widely recognized that wood is a highly sustainable<br />
construction material due to its ability to regrow<br />
through efficient planting and cutting practices. An<br />
examination of the evolution of knowledge pertaining<br />
to the utilization of wood in construction<br />
reveals a multitude of distinct directions. This is<br />
primarily attributed to the minimal environmental<br />
impact and low carbon footprint of wood, especially<br />
when compared to other industrial materials like<br />
cement and VOC chemicals. The wood production<br />
process is characterized by its low energy consumption,<br />
and the material itself can be recycled<br />
and disposed of in a biologically friendly manner.<br />
In addition, the integration of contemporary technologies<br />
and manufacturing processes has been<br />
implemented to enhance precision, reduce production<br />
time, and expand functional capabilities.<br />
For example, the use of the burning technique<br />
instead of drying, as well as the utilization of machinery<br />
for more accurate cutting, leads to a decrease<br />
in waste materials. The factory’s capacity to produce<br />
prefabricated finishing materials enables the production<br />
of higher-quality final products and reduces<br />
the need for on-site operations. As a result, construction<br />
can be completed much more efficiently.
WOODDEN × PAVA ARCHITECTS<br />
73<br />
The application of Mass timber technology involves<br />
the compression and jointing of wood components<br />
using adhesive. This innovative approach offers<br />
significant advantages in terms of enhanced quality<br />
control, durability, and fire resistance. The material<br />
produced through this method is suitable for use<br />
in complex building construction projects. Teak<br />
wood exhibits distinctive physical attributes, including<br />
exceptional durability, minimal shrinkage<br />
and expansion, as well as high resistance to termites.<br />
Teak wood possesses the advantageous qualities<br />
of being easily cut, shaped, and decorated, rendering<br />
it a widely favored option for construction<br />
purposes. Its versatility in these aspects contributes<br />
significantly to the potential for more sustainable<br />
architectural advancements, thereby paving the<br />
way for a brighter future.<br />
The design team and distributor acknowledge the<br />
significance of promoting a comprehensive understanding<br />
regarding the sourcing of processed teak<br />
wood. This is a deliberate effort to engage with<br />
designers and architects who are involved in the<br />
architectural industry. This endeavor led to the<br />
establishment of an exhibition space aimed at<br />
6<br />
7
74<br />
review<br />
8<br />
enhancing a better understanding of the life cycle<br />
of teak wood and the immense economic, social,<br />
political, and historical importance it has held<br />
throughout the course of human evolution.<br />
The narrative was conveyed through a teak wood<br />
forest design arranged in a grid system with a<br />
45-degree angle deviation. The forest’s perimeter<br />
was set back by 80 centimeters from the exhibition<br />
space, resulting in a fascinating overlap of perspectives<br />
and spaces. The different heights of the<br />
wooden members symbolize the growth of teak<br />
wood in mountainous regions, where it thrives<br />
amidst the environmental conditions of a Mixed<br />
Deciduous Forest. High-quality teak wood is typically<br />
found in the dry environment of this particular<br />
type of forest, where teak trees flourish alongside<br />
a diverse array of plants and trees. The teak wood<br />
components were intentionally designed to vary<br />
in height, descending from the highest point (the<br />
water source) to the lowest point (the downstream<br />
area). The seating area, located at the lowest point,<br />
was specifically designed to accommodate exhi-<br />
bition goers and foster their interactions, while<br />
the furniture featured in this space was from the<br />
distributor’s brand.<br />
The zero-waste approach was effectively implemented<br />
through the strategic utilization of materials<br />
in the exhibition’s design. The designer has specified<br />
the dimensions of the wood as 2, 4, and 6 meters<br />
in order to accommodate the modular system. All<br />
of the components were specifically designed to<br />
be easily assembled during the manufacturing<br />
process, thereby streamlining the logistical operations.<br />
The purpose of incorporating wood bark<br />
scraps from the manufacturing factory into the<br />
temporary exhibition was to enhance the user’s<br />
experience and perception of natural materials.<br />
Specifically, the exhibition aimed to highlight the<br />
value of smaller pieces of wood, including the<br />
barks that are usually discarded or overlooked<br />
during wood processing procedures, such as the<br />
defected timbers. The use of these components,<br />
which hold less to zero value in industrial production,<br />
hopes to inspire architects and designers to
WOODDEN × PAVA ARCHITECTS<br />
75<br />
08<br />
การเลือกใช้เปลือกไม้<br />
จากเศษไม้จากโรงงานมา<br />
จัดแสดง สะท้อนถึงการ<br />
ส่งข้อความแก่สถาปนิก<br />
และนักออกแบบ เพื่อ<br />
สร้างการรับรู้ต่อตัววัสดุ<br />
ธรรมชาติที่ถูกนำามาใช้ใน<br />
งานสถาปัตยกรรม<br />
09<br />
การจัดวางผนังไม้สัก<br />
ทั ้งหมดของนิทรรศการ<br />
ถูกออกแบบเพื่อเปิด<br />
โอกาสให้ไม้ธรรมชาติได้<br />
สนทนาต่อผู้เข้าเยี่ยมชม<br />
witness new experiences with the imperfections<br />
found in natural materials instead of overlooking<br />
the hidden values.<br />
The reevaluation of the life cycle of wood has led to<br />
the realization that perhaps it is time for everyone<br />
to thoroughly examine the body of knowledge<br />
relating to the material’s upstream and downstream<br />
development. By conducting a systematic reassess<br />
ment of the cycle, one can achieve developments<br />
in the optimal utilization of wood, encompassing<br />
various aspects such as meticulous cultivation<br />
and harvesting planning, technological enhancements<br />
in wood processing, and the systematic use<br />
of wood in architectural construction. The combination<br />
of these factors can ultimately establish an<br />
ecosystem that enables teak wood to meet market<br />
demands in a genuinely sustainable manner. This<br />
has the potential to redefine the utilization of this<br />
building material, which was once a significant<br />
component in this region’s vernacular architecture.<br />
“We wanted to assist in reshaping society’s perception<br />
of wood and how it is frequently viewed as a<br />
symbol of wealth and privilege, despite the fact<br />
that people in the region historically lived in wooden<br />
houses and were closely connected to nature before<br />
the modern way of life disconnected us from all of<br />
these things,” concluded the design team of PAVA<br />
architects about the importance of wood, whose<br />
growth is nurtured by time, just like the theme<br />
‘Time of Togetherness’ implies.<br />
pavaarchitects.com<br />
กุลพัชร์ เสนีวงศ์<br />
ณ อยุธยา<br />
ปั จจุบันเป็ นหัวหน้านักวิจัย<br />
สำารวจภาคสนามให้กับ<br />
Maritime Asia Heritage<br />
Survey Thailand<br />
Project มหาวิทยาลัย<br />
เกียวโต ประเทศญี่ปุ ่ น<br />
และนักศึ กษาปริญญา<br />
เอกสาขาสถาปั ตยกรรม<br />
พื้นถิ ่น คณะสถาปั ตย-<br />
กรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย<br />
ศิลปากร สนใจศึกษา<br />
มรดกทางวัฒนธรรมและ<br />
ขณะนี้กำาลังทำาวิจัยเกี่ยว<br />
กับสภาพแวดล้อมสรรค์<br />
สร้างในพื้นที่ภูมิทัศน์<br />
วัฒนธรรมมลายู<br />
Kullaphut Seneevong<br />
Na Ayudhaya<br />
is a Field Team Leader<br />
of the Maritime Asia<br />
Heritage Survey Thailand<br />
Project, Kyoto<br />
University, Japan, and<br />
a vernacular architecture<br />
Ph.D. candidate at<br />
Silpakorn University.<br />
His research on the<br />
built environment of<br />
the Malay cultural<br />
landscape is being<br />
done out of a passion<br />
for cultural heritage.<br />
9<br />
Project: Thematic Pavilion by WoodDen x PAVA architects at Architect Expo <strong>2023</strong> Owner: WoodDen<br />
Architect: PAVA architects Completion: <strong>2023</strong>
76<br />
Forum
ACT INTERNATIONAL FORUM <strong>2023</strong><br />
ACT<br />
77<br />
International<br />
Forum <strong>2023</strong><br />
The International Forum at <strong>ASA</strong> Expo <strong>2023</strong><br />
distinguishes itself from previous iterations through<br />
its affiliation with the ACT Forum’23. This collaboration<br />
marks the inaugural partnership between the<br />
Architect Council of Thailand, the Association<br />
of Siamese Architects under Royal Patronage,<br />
the Thai Interior Designers Association, the Thailand<br />
Association of Landscape Architects, and the Thai<br />
Urban Designers Association. The speakers at this<br />
year’s event exhibit a diverse array of perspectives<br />
and methodologies in their respective disciplines,<br />
encompassing a broad spectrum<br />
of professional domains including architecture,<br />
interior architecture, landscape architecture,<br />
and urban architecture.<br />
International Forum ในงานสถาปนิก’66 มีีความีพิิเศษแตกต่างจากการจัดบรรยายในปี อื่่นๆ เน่อื่งจากเป็ นการจัดในนามีขอื่ง ACT<br />
Forum’23 ซึ่่ งการร่วมีมี่อื่ครังแรกขอื่งสภาสถาปนิก สมีาคมีสถาปนิกสยามีในพิระบรมีราชููปถัมภ ์ สมีาคมีมีัณฑนากรแห่่งประเทศไทย<br />
สมีาคมภ ูมิิสถาปนิกประเทศไทย และสมีาคมีสถาปนิกผัังเมี่อื่งไทย ผัูบรรยายในปี นีจ่งมีีขอื่บเขตการทำางานและรูปแบบขอื่งผัลงานที<br />
ทีห่ลากห่ลาย ครอื่บคลุมีสาขาวิชูาชีีพิ ทังสถาปั ตยกรรมีห่ลัก สถาปั ตยกรรมีภายใน ภูมิิสถาปั ตยกรรมี และสถาปั ตยกรรมีผัังเมี่อื่ง<br />
Text: Asst. Prof. Saithiwa Ramasoot, Ph.D.
78<br />
Forum<br />
What It Means to Create Place<br />
Angela Spathonis -Gensler (Singapore),<br />
Tanya Suvannapong, Chakkrit Luangcharoenrat<br />
Angela Spathonis เป็น Principal และ Managing Director ของ Gensler<br />
(Singapore) เป็นผู้บรรยาย ร่วมกับคุณธัญญา สุวรรณพงศ์ และ<br />
ดร.จักรกฤษณ์ เหลืองเจริญรัตน์ ผู้บริหารของ Gensler สำ านักงานออกแบบ<br />
ที่มีสาขากระจายไปทั่วโลกและได้รับรางวัล Best Interior Design Practice<br />
เป็นเวลา 49 ปีต่อเนื่องถึงปัจจุบัน Gensler มีปรัชญาการทำ างานที่ต้องการ<br />
สร้างโลกที่ดีขึ้นผ่านการออกแบบ โดยใช้หลักการออกแบบที่ขับเคลื่อน<br />
ด้วยข้อมูล ที่ผ่านการค้นคว้าวิจัยมาอย่างเข้มข้น บริษัทแบ่งผลกำ าไรของ<br />
ทุกปีเพื่อลงทุนในการทำาวิจัยและเปิดให้สาธารณะเข้าถึงและดาวน์โหลด<br />
ข้อมูลได้ฟรี นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นที่จะนำาผลงานไปสู่ carbon net zero<br />
และพยายามลดการใช้พลังงานให้มากที่สุด<br />
1<br />
Gensler เริ่มต้นจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการออกแบบสำานักงานหรือ<br />
Workplace Design ผลงานการออกแบบสำานักงานจำานวนมากของ Gensler<br />
สะท้อนคุณสมบัติที่สำานักงานทุกแห่งจำาเป็นต้องมี อันได้แก่ Inclusivity,<br />
Sustainability และ Wellbeing สำานักงานควรทำาหน้าที่เป็นจุดหมาย<br />
ที่สร้าง Place หรือ ความเป็นถิ่นที่ มากกว่าเป็นเพียงพื้นที่ทางกายภาพ<br />
สำาหรับการทำางานเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากยุคโควิดเมื่อโลกของ<br />
การทำางานเปลี่ยนไปสู่ลักษณะ Hybrid ที่มีการผสมผสานระหว่างการ<br />
ทำางานในสำานักงานและแบบออนไลน์ในสัดส่วนต่าง ๆ กัน แต่เกิดคำาถาม<br />
ในทิศทางเดียวกันว่าเราจะทำาอย่างไรให้คนอยากกลับไปใช้สำานักงาน<br />
เป็นสถานที่ทำางาน และจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนทำางาน<br />
แบบไร้รอยต่อได้อย่างไร<br />
ตัวอย่างหลายโครงการที่นำามาประกอบการบรรยายแสดงถึงขอบเขต<br />
การทำางานของ Gensler ที่ไปไกลกว่าการออกแบบหรือแก้ปัญหาเชิงพื้นที่<br />
เช่น ในโครงการ True Digital Park ซึ่งเป็นพื้นที่ทำางานและรวมตัวกัน<br />
ของคนรุ่นใหม่ และกลุ่ม Start-up ครอบคลุมการเสนอโมเดลทางการเงิน<br />
ให้กับลูกค้าเพื่อแปลงพื้นที่ใช้สอยเป็นผลตอบแทนที่เหมาะสม โครงการ<br />
Toyohashi City Library ประเทศญี่ปุ่น ใช้การออกแบบพื้นที่สำาหรับ<br />
กิจกรรมชุมชนเพื่อปิดช่องว่างระหว่างช่วงวัย และดึงชุมชนเข้ามามีส่วน<br />
ร่วมระหว่างกระบวนการออกแบบ โครงการ Shiseido Headquarters<br />
ประเทศญี่ปุ่น สะท้อน Core value ของผลิตภัณฑ์ของบริษัทและก้าวข้าม<br />
ขอบเขตการออกแบบสำานักงานแบบอนุรักษ์นิยมสู่การนำาเสนอวิสัยทัศน์<br />
ที่ทันสมัย โครงการ Pladis Global Headquarter ใน UK สะท้อนการ<br />
ผสมผสานโครงการ Hospitality เข้ากับ Workplace เพื่อสร้างประสบการณ์<br />
พิเศษแก่ผู้ใช้งาน และสะท้อนถึงวัฒนธรรมของบริษัทนั้น โครงการ<br />
LinkedIn Omaha ต้องการสร้างความยั่งยืนด้วยพลังงานทดแทน และ<br />
การเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ช่วยลดการใช้พลังงาน โดยใช้<br />
Simulation tools ช่วยทดลองหาการสร้างเท่าที่จำาเป็นเท่านั้น โครงการ<br />
Gensler Singapore Office ทำาหน้าที่พื้นที่ทดลอง และพิสูจน์แนวคิด<br />
การออกแบบสำานักงานก่อนจะนำาไปใช้กับลูกค้า เช่น พื้นที่ปฏิสัมพันธ์<br />
ความยืดหยุ่นของพื้นที่ ระยะและสัดส่วนที่เหมาะสมสำาหรับพื้นที่<br />
ทำางานเดี่ยวและเป็นทีม เป็นต้น<br />
2
ACT INTERNATIONAL FORUM <strong>2023</strong><br />
79<br />
3<br />
What It Means to Create Place<br />
Angela Spathonis -Gensler (Singapore),<br />
Tanya Suvannapong, Chakkrit Luangcharoenrat<br />
Angela Spathonis, the Principal and Managing Director of<br />
Gensler (Singapore), is the speaker of this session together<br />
with Tanya Suvannapong and Dr. Chakkrit Luangcharoenrat,<br />
executives of the international design firm Gensler, which has<br />
won the Best Interior Design Practice award for the past 49<br />
years. Gensler has developed a design philosophy that aims to<br />
make the world a better place. It employs data-driven design<br />
principles supported by extensive research. The company<br />
invests its annual proceeds in research and provides the public<br />
with free access to and downloads of its data. Additionally,<br />
it endeavors to contribute to carbon net zero and reduce energy<br />
consumption to the greatest extent feasible.<br />
Gensler is widely regarded as an expert in office or workplace<br />
design. The extensive portfolio of the firm’s office designs<br />
reflects the qualities that every office should possess: inclusivity,<br />
Sustainability, and Wellbeing. According to Gensler, an office<br />
should be more than just a physical space for work; it should<br />
be a destination that establishes a place or a community. Especially<br />
after COVID-19, when the world of work has shifted to<br />
a hybrid style that combines working in the office and online<br />
in varying proportions, a common question arises: how can we<br />
encourage people to return to the office as their workplace,<br />
and how can we create seamless connectivity?<br />
4<br />
Examples of projects included in the lecture demonstrate that<br />
Gensler’s work extends beyond spatial design and problem<br />
solving; for instance, the True Digital Park project in Bangkok,<br />
which is a workspace and gathering place for young professionals<br />
and start-ups, includes offering financial models to<br />
convert living space into appropriate returns. The Toyohashi<br />
City Library Project in Japan uses the design of community<br />
spaces to bridge the generation divide and involve the community<br />
in the design process. The Shiseido Headquarters Project<br />
in Japan embodies the fundamental values of the company’s<br />
products and pushes the boundaries of traditional office design<br />
to deliver a vision of the future. The Pladis Global Headquarters<br />
initiative in the United Kingdom exemplifies the integration of<br />
hospitality and the workplace to create a distinctive user experience<br />
and reflect the company’s culture. The LinkedIn Omaha<br />
initiative reflects the desire to be sustainable through the use<br />
of renewable energy and materials, equipment, and technology<br />
that reduce energy consumption by using simulation tools to<br />
experiment with building only as much as is required. The<br />
Gensler Singapore Office project functions as a test and proofof-work<br />
for an office design concept, such as interactive spaces,<br />
space flexibility, and appropriate distances and proportions<br />
for individual and team workspaces, before it is implemented<br />
for clients.<br />
5<br />
Photo Reference<br />
1. The Association of Siamese Architects Under Royal Patrouge<br />
2-5. Gensler.com
80<br />
Forum<br />
ช่วงท้ายของการบรรยาย Gensler นำาเสนอข้อมูลบางส่วนจากผลการสำารวจ<br />
เพื่อทำาความเข้าใจกับการออกแบบพื้นที่ทำางานหลังยุคโควิด เช่น เหตุผล<br />
ที่คนเข้ามาทำางานในสำานักงาน สัดส่วนการทำางานใน และนอกสำานักงาน<br />
ในอุดมคติ สิ่งอำานวยความสะดวกที่ดึงดูดให้มาทำางานในสำานักงาน<br />
บรรยากาศและวิธีการใช้พื้นที่สำานักงาน เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้ถูกนำามา<br />
ปรับใช้เพื่อออกแบบสำานักงานได้เหมาะสมสำาหรับแต่ละกรณี นอกจากนี้<br />
Gensler ได้เชิญคุณเบญจวรรณ อ่องศรี จาก Lotus Thailand เพื่อ<br />
แลกเปลี่ยนข้อมูลจากลูกค้าที่ได้ทำางานร่วมกัน ซึ่งพบว่าข้อมูลทิศทาง<br />
การออกแบบที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนยุคโควิด มีทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นและ<br />
ไม่เกิดขึ้นจริงหลังยุคโควิด การออกแบบพื้นที่ทำางานต้องประกอบด้วย<br />
hardware ของสถานที่ และ software ของกิจกรรมที่ดึงดูดและรองรับ<br />
ความต้องการและสร้างชีวิตชีวา เพื่อให้พนักงานเข้ามาทำ างานในสำานักงาน<br />
และพบว่าการกลับเข้ามาทำางานในสำานักงานสำาคัญต่อการสร้างวัฒนธรรม<br />
องค์กร และกลุ่มพนักงานรุ่นใหม่ต้องการ face-to-face learning เพื่อ<br />
เรียนรู้จากผู้ที่มีประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม การออกแบบพื้นที่ทำางาน<br />
ไม่มีสูตรตายตัว แต่ละองค์กรต้องแสวงหาทิศทางที่เหมาะสมกับวัฒนธรรม<br />
และลักษณะการทำางานตัวเอง<br />
Toward the end of the talk, Gensler presented the results of<br />
a survey to understand post-COVID workspace design, such<br />
as why people come to work in the office, the proportion of<br />
work in and ideally outside the office, the facilities that attract<br />
people to work in the office, the atmosphere and how the office<br />
space is utilized, etc. These data were used to establish the<br />
most suitable office for each case. In addition, Gensler invited<br />
Benchawan Ongsri, an executive from Lotus Thailand, to exchange<br />
information from customers who have worked together.<br />
It was discovered that the information on the design direction<br />
that had been predicted prior to the COVID-19 pandemic<br />
included events that occurred and events that did not occur.<br />
In conclusion, the hardware of the venue and the software of<br />
activities that engage, support, and invigorate the requirements<br />
of office workers must be incorporated into the design of the<br />
workspace. In addition, it has been discovered that returning<br />
to work in the office is essential for the development of corporate<br />
culture. The new generation of employees requires face-toface<br />
instruction from seasoned professionals. However, there<br />
is no defined formula for the design of a workspace. Each<br />
organization must pursue a course of action suited to its ethos<br />
and work style.<br />
Form Follows Systems<br />
Wong Mun Summ, WOHA (Singapore)<br />
Wong Mun Summ เป็นกรรมการผู้ร่วมก่อตั้ง WOHA (Singapore) และ<br />
เป็นอาจารย์สอนสถาปัตยกรรมที่ National University of Singapore<br />
(NUS) การบรรยายของ Wong Mun Summ แสดงความมุ่งมั่นของเขา<br />
ในการทำางานร่วมกับธรรมชาติตั้งแต่ผลงานชิ้นแรกจนถึงปัจจุบัน เขาเชื่อว่า<br />
ชีวิตต่างๆ อยู่ร่วมกันเป็นระบบ มีความโยงใยสัมพันธ์กัน จึงจำาเป็นต้อง<br />
คำานึงถึงผลการดำาเนินการในระยะยาว WOHA ผ่านการเดินทางที่มี<br />
แนวคิดแตกต่างกันในแต่ละช่วง จากช่วงแรกที่ต้องการสร้างสถาปัตยกรรม<br />
ที่ทะเยอทะยานในการสร้างผลกระทบในวงกว้าง สถาปัตยกรรมที่พึ่งพา<br />
ตนเอง สู่สถาปัตยกรรมที่หายใจได้ และ Garden City Mega City และ<br />
สู่แนวคิด Form Follows System ในปัจจุบัน ซึ่งกำาลังถูกพัฒนากรอบ<br />
แนวคิดและวิธีการในการออกแบบสถาปัตยกรรมยั่งยืนที่ขยายสเกล<br />
กว้างขึ้นเรื่อยๆ<br />
แนวคิด Form Follows System มีหลักการให้คิดและออกแบบในภาพรวม<br />
อย่างเป็นระบบ พัฒนาผลิตภาพ สร้างความยั่งยืนและความสุข ซึ่งกระตุ้น<br />
ให้คิดถึงภาพใหญ่มากกว่าปัญหาย่อยๆ เพื่อหาทางออกที่ Win-Win<br />
ด้วยการลงทุนที่เท่าเดิม สถาปัตยกรรมของ WOHA เป็นส่วนหนึ่งของ<br />
เมืองในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบได้ โดยมีหลักการออกแบบที่ชัดเจน<br />
สำาหรับปรับใช้กับโครงการแต่ละกลุ่ม สำาหรับโครงการในกลุ่ม Stacked<br />
Mid-rise typology เน้นการซ้อนชั้นอาคารที่หนาเท่าหนึ่งหน่วยพื้นที่<br />
ใช้สอย และเปิดการเข้าถึงหลายระดับให้อาคารโปร่งพรุนสำ าหรับสอดแทรก<br />
สวนและลมพัดผ่านได้ ดังที่เห็นในตัวอย่างของ School of the Arts,<br />
Singapore แทรกที่ว่างโล่งเพื่อให้อาคารโปร่งและสร้างพื้นที่ทางสังคม<br />
Form Follows Systems<br />
Wong Mun Summ, WOHA (Singapore)<br />
Wong Mun Summ is a co-founder of the Singapore-based<br />
practice WOHA and an architecture professor at the National<br />
University of Singapore (NUS). The lectures of Mun Summ<br />
demonstrate his dedication to working with nature, from his<br />
earliest works to the present. He believes that existence coexists<br />
as a system as an interconnected network, and, as such, longterm<br />
performance must be considered. WOHA’s journey can<br />
be divided into distinct phases, beginning with the desire to<br />
create an ambitious architecture with a large impact and progressing<br />
through Self Sufficiency, Breathing Architecture,<br />
Garden City Mega City, and Form Follows System, the current<br />
framework and method for designing sustainable architecture<br />
that is expanding to a larger scale.<br />
The Form Follows System concept includes principles for<br />
systematic global thought and design, increasing productivity,<br />
fostering sustainability, and fostering pleasure. This encourages<br />
a focus on the big picture rather than specific issues,<br />
with an investment-neutral solution that benefits both parties.<br />
The architecture of WOHA is a component of a transformable<br />
future city. There are distinct design principles applicable to<br />
each project division. For developments within the Stacked<br />
Mid-rise typology, the emphasis is placed on stacking floors<br />
to a thickness of one usable unit. And multiple access points<br />
allow garden inserts and gusts to pass through the perforated<br />
building. The BRAC University, Bangladesh, project divided
ACT INTERNATIONAL FORUM <strong>2023</strong><br />
81<br />
9<br />
6<br />
7<br />
8<br />
Photo Reference<br />
6-7, 9-10. woha.net<br />
8. The Association of Siamese Architects Under Royal Patrouge<br />
10
82<br />
Forum<br />
<strong>13</strong><br />
11<br />
14<br />
12<br />
Photo Reference<br />
11-15. woha.net<br />
15
ACT INTERNATIONAL FORUM <strong>2023</strong><br />
83<br />
ให้นักศึกษาได้พบปะ โครงการ BRAC University, Bangladesh แบ่งอาคาร<br />
เป็นก้อนย่อยๆ เพื่อเปิดช่องลมและสร้างพื้นที่สาธารณะที่ระดับพื้นและ<br />
ระดับหลังคา สำาหรับโครงการ Park Royal Collection Pickering ออกแบบ<br />
ตอบรับความเขียวของสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ติดกัน ด้วยสวนลอยฟ้า<br />
หลายระดับบนอาคารที่มองเห็นได้ชัดเจนและสร้างผลกระทบให้กับ<br />
บริบทรอบข้าง ในการออกแบบโครงการที่ขนาดใหญ่ขึ้น อย่าง MSE<br />
Headquarters, Singapore ก็ยังสามารถใช้แนวคิดร่วมกันได้หลายประการ<br />
เช่น อาคารแบบ Courtyard typology ที่โอบล้อมสวนตรงกลาง ถูกแบ่งเป็น<br />
ก้อนย่อยๆ และยกขึ้นเพื่อเปิดชั้นล่างเป็นพื้นที่สาธารณะสำาหรับการมี<br />
ส่วนร่วมของชุมชน และใช้พืชพรรณประกอบอาคารช่วยลดอุณหภูมิ<br />
ในอาคารลง<br />
สำาหรับโครงการในกลุ่ม Stacked Skyscraper Typology หลักการออกแบบ<br />
ที่ใช้ร่วมกันคือการวางซ้อนพื้นที่ใช้สอยแทรกด้วยชั้นของสวนลอยฟ้า<br />
Sky park สร้าง Breezeway atrium กลางอาคารเพื่อให้ลมพัดผ่านได้<br />
ทั้งทางตั้งและทางนอน แล้วหุ้มอาคารด้วย Green façade ที่สร้างความ<br />
หลากหลายทางชีวภาพ ดังที่เห็นจากตัวอย่างผลงาน เช่น โครงการ Oasia<br />
Hotel Downtown ประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานด้วยวิธีการออกแบบ<br />
เหล่านี้สามารถวัดได้จริง ทั้งอุณหภูมิพื้นผิวอาคารที่ต่ำากว่าอาคารสูง<br />
ทั่วไปที่หุ้มด้วยเหล็กหรือกระจก และการลดการใช้พลังงานในอาคาร<br />
และการปล่อยความร้อนสู่เมือง ซึ่งสามารถใช้เป็นทางออกสำาหรับการ<br />
แก้ปัญหา Urban Heat Island ในเมืองต่างๆ รวมทั้งกรุงเทพฯ แนวคิด<br />
การออกแบบ Skyscraper นี้สามารถประยุกต์กับประเภทของการใช้สอย<br />
ที่หลากหลายได้ เช่น โครงการ Pan Pacific Orchard ที่สร้างโรงแรม<br />
บูทีคซ้อนกัน 4 แห่งตามความสูงของอาคารเพื่อนำาเสนอธีมของโรงแรม<br />
ที่แตกต่างกันและกระจายพื้นที่สีเขียวไปยังชั้นต่างๆ ให้รู้สึกเหมือนอยู่<br />
ใกล้พื้นดิน<br />
กลุ่ม Housing Vertical City Typology การกระจายสิ่งอำานวยความสะดวก<br />
และการสร้างสุขภาวะผ่านปฏิสัมพันธ์ในชุมชนเป็นสิ่งที่สำาคัญนอกเหนือ<br />
จากเทคนิคการสร้างพื้นที่สีเขียวและช่องลมคล้ายอาคารประเภทอื่น<br />
WOHA ออกแบบโครงการขนาดใหญ่เหล่านี้คล้ายการสร้างกลุ่มของ<br />
อาคารสูง โดยเว้นระหว่างอาคารด้วยช่องลมแล้วสร้างการเชื่อมต่อ<br />
แนวนอนระหว่างอาคารเป็นระยะตลอดทั้งความสูงพื้นที่สาธารณะ<br />
ที่ระดับดินและ Sky park ในระดับชั้นต่างๆ มีบทบาทในการสร้าง<br />
ปฏิสัมพันธ์ให้ชุมชน และอำานวยความสะดวกให้ผู้อยู่อาศัยโดยไม่จำาเป็น<br />
ต้องลงจากอาคารมายังพื้นดิน การเก็บข้อมูลจากโครงการ Kampung<br />
Admiralty ซึ่งเป็นอาคาร Mixed-use แสดงให้เห็นประสิทธิภาพในการ<br />
สร้างความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ รวมถึงศักยภาพ<br />
การสร้างความเป็นชุมชนให้เกิดขึ้นในอาคารสูง WOHA ยังขยายการ<br />
ประยุกต์แนวคิดเหล่านี้กับโครงการที่ขนาดใหญ่ขึ้น แม้แต่กับโครงการ<br />
ในพื้นที่ที่มีภูมิอากาศที่แตกต่างไป และเมื่อประยุกต์กับโครงการใน<br />
ระดับเมืองก็สามารถสร้างเมืองที่ยืดหยุ่นและพึ่งพาตนเองได้ ดังที่ WOHA<br />
ได้จินตนาการสำาหรับสิงคโปร์ในอนาคต<br />
the building into smaller blocks to allow for better ventilation<br />
and to create public spaces at floor and roof levels, as seen at<br />
the School of the Arts in Singapore, where the space was<br />
added to make the building airy and to create social spaces<br />
for students to meet. For the Park Royal Collection Pickering<br />
project, the design responds to the adjacent park’s vegetation<br />
with a visible multi-level sky garden on the building that has<br />
an impact on the surrounding context. In designing a larger<br />
project, such as the MSE Headquarters in Singapore, several<br />
concepts can be combined, such as the courtyard typology<br />
that wraps a central garden and was divided into small blocks<br />
and raised to open the ground floor as a public space for<br />
community participation, as well as the use of vegetation to<br />
help reduce the temperature inside the building.<br />
A common design principle for projects in the Stacked Skyscraper<br />
Typology is to stack the functional spaces with layers<br />
of sky parks, creating a Breezeway atrium in the center of the<br />
building to enable wind to flow both vertically and horizontally.<br />
Then, cover the building’s exterior with vegetation to promote<br />
biodiversity. Examples of this organization’s work include the<br />
Oasia Hotel Downtown. The effectiveness of the energy savings<br />
achieved by these design techniques can be quantified. The<br />
surface temperature of the building is lower than that of conventional<br />
high-rise buildings clad in steel or glass, and it also<br />
reduces energy consumption in buildings and heat emissions<br />
to the city, providing a solution for urban heat island problems<br />
in many cities, including Bangkok. The Stacked Skyscraper<br />
design concept can be applied to a wide range of applications,<br />
such as the Pan Pacific Orchard project, in which four boutique<br />
hotels are stacked across the height of the building to showcase<br />
different hotel themes and spread the green spaces to different<br />
floors to create a sense of proximity to the ground.<br />
For the Housing Vertical City Typology, the distribution of<br />
facilities and building wellness through community interaction<br />
is a crucial addition to the techniques of building green spaces<br />
and ventilations similar to those of other building types. WOHA’s<br />
approach is comparable to assembling a cluster of skyscrapers,<br />
adding ventilation spaces between the buildings, and establishing<br />
a horizontal connection between the buildings periodically<br />
throughout their height, with public spaces at ground level.<br />
The sky gardens at various levels facilitate community interaction<br />
and allow residents to access various points in the<br />
building without having to descend to ground level. An example<br />
of this approach is the Kampung Admiralty Project, a mixeduse<br />
building whose data collection demonstrates its efficacy<br />
in fostering biodiversity and ecosystems, as well as its potential<br />
for fostering community in high-rise buildings. Additionally,<br />
WOHA is extending the application of these concepts to larger<br />
initiatives in a variety of climates. And when applied to cityscale<br />
initiatives, it can create a resilient and self-sufficient city,<br />
as WOHA envisions for future Singapore.
84<br />
Forum<br />
Shaping Singapore through<br />
Urban Design<br />
Fun Siew Leng, Chief Urban Designer, Urban<br />
Redevelopment Authority - URA (Singapore)<br />
Fun Siew Leng เป็นหัวหน้านักออกแบบผังเมืองของ The Urban Redevelopment<br />
Authority ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับประเทศของสิงคโปร์ที่ทำ าหน้าที่<br />
วางแผนและอนุรักษ์เมือง เพื่อทำาให้สิงคโปร์เป็นเมืองที่เหมาะสำาหรับ<br />
การอยู่อาศัย ทำางาน และใช้ชีวิต ความท้าทายในการพัฒนาเมืองสิงคโปร์<br />
เกิดจากข้อจำากัดทางกายภาพในเรื่องของขนาด ลักษณะพื้นที่และทรัพยากร<br />
จึงจำาเป็นที่จะต้องประสานบริบท ผู้คนและการปฏิบัติจริงอย่างเป็นองค์รวม<br />
การสร้างสิงคโปร์ให้เป็นเมืองที่โดดเด่น สนุกสนานและมีพลัง อาศัยการ<br />
พัฒนาเมืองในระดับต่างๆ ร่วมกัน ความโดดเด่นในการออกแบบเมือง<br />
สิงคโปร์เกิดจากผังเมืองที่มีการกำาหนดลักษณะของย่าน และแผนการ<br />
อนุรักษ์อาคารเก่าจำานวนมากควบคู่ไปกับการพัฒนาเมืองไปข้างหน้า<br />
อาคารสำาคัญถูกสร้างเป็นศูนย์กลางของย่านเส้นขอบฟ้าของสิงคโปร์<br />
จึงมีลักษณะเฉพาะตัวที่เกิดจากการอยู่เคียงข้างกันระหว่างเก่าและใหม่<br />
บรรยากาศที่มีชีวิตชีวาในเมืองถูกสร้างสรรค์จากวิธีการต่างๆ ตัวอย่างเช่น<br />
การออกแบบไฟในเวลากลางคืน การอนุรักษ์อาคารขนาดเล็กบริเวณ<br />
ริมน้ำา การเปิดมุมมองสู่อาคารที่มีความสูงลดหลั่นกันในเมือง รูปทรงและ<br />
การใช้ประโยชน์หลังคา และทางเดินหลังคาคลุม โดยเฉพาะทางเดิน<br />
หน้าตึกแถวหรือ Five-foot way ที่สร้างความพรุนให้กับเมือง การ<br />
กำาหนดให้มีการใช้สอยอย่างต่อเนื่องบริเวณพื้นที่ชุมชนและย่านการค้า<br />
การวางเครือข่ายเส้นทางเดินทั้งบนดินและใต้ดิน และการร้อยเรียง<br />
พื้นที่สาธารณะตามจุดต่างๆ ให้เชื่อมต่อกัน เป็นต้น<br />
16<br />
การออกแบบเมืองยังคำานึงถึงสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นของสิงคโปร์ทำาให้<br />
จำาเป็นต้องสร้างพื้นที่สาธารณะที่อยู่ใต้ร่มเงาหรือมีหลังคาคลุมแตกต่าง<br />
จากการออกแบบลานสาธารณะของยุโรป รวมถึงการพัฒนาโครงข่าย<br />
ทางเดินใต้ดิน ที่เชื่อมต่อเมืองในทุกสภาพอากาศ นอกจากนี้ รัฐยังมี<br />
เครื่องมือกระตุ้นการพัฒนาพื้นที่ เช่น โครงการ Reinventing Spaces<br />
into Vibrant Places (RSVP) เพื่อให้เอกชนเสนอการพัฒนาพื้นที่ว่าง<br />
สำาหรับกิจกรรมใหม่ๆ ในชุมชน และมีการมอบทุนสนับสนุนเพื่อกระตุ้น<br />
การติดตั้ง Public Art ในรูปแบบต่างๆ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวและสร้าง<br />
ชีวิตชีวาให้กับพื้นที่สาธารณะ URA ให้ความสำาคัญกับการผลักดัน<br />
แผนพัฒนาให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งในกรณีของสิงคโปร์สามารถทำาได้สะดวก<br />
เนื่องจากรัฐเป็นเจ้าของพื้นที่กว่า 80% ในประเทศ URA ทำาหน้าที่<br />
กำาหนดแนวทางพัฒนาให้พื้นที่แต่ละแปลงในวิธีการต่างๆ แล้วให้โอกาส<br />
ภาคธุรกิจเสนอทิศทางการพัฒนาพื้นที่นั้นภายใต้ข้อกำาหนด เช่น แนวคิด<br />
โครงการ การเสนอราคา และการประกวดแบบ โดยเฉพาะสำาหรับพื้นที่<br />
สำาคัญและพื้นที่ริมน้ำาอย่าง Gardens by the Bay นอกจากนี้ยังมีนโยบาย<br />
ต่างๆ ที่กำาหนดแนวทางการพัฒนาเมือง เช่น Landscaping for Urban<br />
17<br />
Photo Reference<br />
16. The Association of Siamese Architects Under Royal Patrouge<br />
17. ura.gov.sg<br />
18. Gardenbythebay.com<br />
19. VllLevent Photography<br />
20. rmds2000
ACT INTERNATIONAL FORUM <strong>2023</strong><br />
85<br />
18<br />
Shaping Singapore through<br />
Urban Design<br />
Fun Siew Leng, Chief Urban Designer, Urban<br />
Redevelopment Authority - URA (Singapore)<br />
Fun Siew Leng is the Chief Urban Designer for Singapore’s<br />
national agency responsible for urban planning and conservation,<br />
The Urban Redevelopment Authority. The mission of the URA<br />
is to make Singapore an ideal place to live and work. In terms<br />
of size, topography, and available resources, Singapore’s<br />
municipal development is hampered by physical limitations.<br />
Therefore, it is essential to balance the context, the people,<br />
and the practicality.<br />
For Singapore to be Distinctive, Delightful, and Dynamic, various<br />
levels of urban development are necessary. The distinctive<br />
feature of Singapore’s urban design is the formation of ‘districts’<br />
and the preservation of many historic buildings alongside the<br />
city’s expansion. Numerous significant structures were constructed<br />
to serve as the district’s focal point. Thus, Singapore’s<br />
skyline is distinguished by the juxtaposition of old and modern<br />
buildings. The lively atmosphere in the city is created through<br />
a variety of means, including creative lighting designs at night,<br />
conservation of small buildings along the waterfront, an open<br />
vista providing perspective to the low and tall buildings in the<br />
city, the forms and uses of the roof, and a covered walkway in<br />
front of traditional shophouses known as the five-foot way, which<br />
creates porosity for the city fabric. The URA also determines<br />
continuous usage in residential and commercial areas by<br />
constructing a network of above- and below-ground walking<br />
routes and interweaving public spaces at various connection<br />
points, etc.<br />
The consideration of Singapore’s tropical climate had a significant<br />
role in urban design, necessitating the incorporation of<br />
shaded or covered public spaces, in contrast to the designs<br />
of conventional European public squares. This involves the<br />
19<br />
construction of an underground pedestrian network that connects<br />
cities regardless of the weather. The Reinventing Spaces<br />
into Vibrant Places (RSVP) program, which allows the private<br />
sector to propose the development of open spaces for new<br />
community activities, is one of the additional instruments<br />
available to the Singaporean government to stimulate development.<br />
In addition, they provide grants to encourage the<br />
installation of various forms of public art that convey stories<br />
and bring life to public spaces.<br />
20<br />
In Singapore, where the government owns more than 80 percent<br />
of the country’s land, the focus of URA is on driving the realization<br />
of plans, which is advantageous given that the government<br />
owns the majority of the land in the country. The URA is responsible<br />
for establishing Methods of Tender, which are development<br />
guidelines for each parcel of land, and for allowing the business<br />
sector to propose development directions for that area under<br />
specific requirements such as project ideas, bids, and design<br />
competitions, particularly for key areas and waterfront areas,
86<br />
Forum<br />
Spaces & High-rises (LUSH) ซึ่งกำาหนดการออกแบบเพื่อสร้างความ<br />
เขียวให้เมืองทั้งในลักษณะพื้นที่เปิดโล่งและบนอาคาร การสร้างพื้นที่<br />
สาธารณะระดับถนนภายในโครงการต่างๆ ในลักษณะ Privately-owned<br />
Public Spaces (POPS) และการกระตุ้นการสร้างพื้นที่กิจกรรมนอกอาคาร<br />
ผ่านนโยบาย Outdoor Refreshment Areas (ORA) การพัฒนา Software<br />
พร้อมไปกับ Hardware ดำาเนินการผ่านการสร้างเอกลักษณ์ให้พื้นที่และ<br />
การจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสม ย่านต่างๆ สามารถให้เสนอโปรแกรม<br />
การปรับปรุงพื้นที่และจัดกิจกรรมในย่าน โดยรัฐสนับสนุนเพิ่มงบประมาณ<br />
ในจำานวนเท่ากัน ทำาให้เกิดการมีส่วนร่วมและความยั่งยืนให้การพัฒนา<br />
โครงการพัฒนาพื้นที่ Marina South เป็นตัวอย่างการพัฒนาโครงการ<br />
เพื่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ซึ่งครอบคลุมการวางแผนและการจัดการใน<br />
ทุกระดับไว้ล่วงหน้าให้ส่งเสริมกัน ตั้งแต่การกำาหนดองค์ประกอบของ<br />
โครงการ การเดินทาง และการเข้าถึงพื้นที่สีเขียวและระบบสาธารณูปโภค<br />
การออกแบบย่านที่อยู่อาศัยที่ส่งเสริมการเดินเท้าและจักรยาน การเชื่อมต่อ<br />
พื้นที่หลายระดับจากใต้ดินสู่ระดับที่สูงขึ้น การสร้างพื้นที่สีเขียวและพื้นที่<br />
สาธารณะของชุมชน ไปจนถึงการออกแบบอาคารที่ลดการใช้พลังงาน<br />
การตอบรับสภาพภูมิอากาศ และการจัดการขยะ ในช่วงท้ายของการ<br />
บรรยาย Fun Siew Leng สรุปแนวทางในการออกแบบเมืองไว้ 4 ประการ<br />
ได้แก่ การออกแบบตอบรับบริบท การให้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง การตอบรับ<br />
วัฒนธรรม และมาตรการการปรับตัวกับภูมิอากาศ<br />
such as Gardens by the Bay. There are many urban development<br />
guidelines, such as Landscaping for Urban Spaces and Highrises<br />
(LUSH), which defines design to create a green area for<br />
the city in both open spaces and buildings; creating street-level<br />
public spaces within various projects by means of privately<br />
owned Public Spaces (POPS); stimulating the creation of outdoor<br />
activity areas by means of the Outdoor Refreshment Areas (ORA)<br />
policy; supporting software development along with hardware<br />
carried out by the Outdoor Refreshment Areas (ORA) policy;<br />
and supporting Each district can offer space enhancement<br />
programs and coordinate neighborhood activities. The government<br />
then contributes the same sum to the budget to encourage<br />
participation and long-term development.<br />
The Marina South development is an example of a sustainable<br />
development project that covers planning and management at<br />
all levels in advance to promote each other, from determining<br />
the project’s components, travel and access to green areas and<br />
utilities, designing residential neighborhoods that encourage<br />
walking and cycling, connecting multi-level areas from underground<br />
to higher levels, and creating green spaces and community<br />
public spaces, to the design of buildings that promote<br />
energy efficiency, respond to the climate, and have good waste<br />
management. Fun Siew Leng described four approaches to<br />
urban design to conclude the lecture: contextual design responses,<br />
community-centric responses, culturally appropriate<br />
responses, and ambitious climatic adaptation measures.<br />
Collaboration is Life!<br />
Damian Thompson / LatStudios, Australia<br />
Damian Thompson เป็นภูมิสถาปนิกและกรรมการของ LatStudios<br />
สำานักงานออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งให้<br />
ความสำาคัญกับความร่วมมือ ระหว่างศาสตร์และระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง<br />
หลายกลุ่ม การบรรยายจึงออกเป็น 5 ส่วน คือ Systems thinking,<br />
Catchments, Corridors, Precincts และ Places เพื่อแสดงความร่วมมือ<br />
ในระดับและประเด็นต่างๆ การออกแบบภูมิทัศน์เมืองเป็นเรื่องการเมือง<br />
ที่ต้องอาศัยผู้นำาที่มีวิสัยทัศน์ในการเปลี่ยนแปลงโลก LatStudios ใช้<br />
เมืองบริสเบนเป็นพื้นที่ทดลองเพื่อเสนอแนวคิดการพัฒนาสภาพแวดล้อม<br />
ของเมือง บริสเบนมีปัญหาพื้นที่สีเขียวผืนใหญ่ที่กระจัดกระจาย พื้นที่<br />
สีเขียวระดับท้องถิ่นขาดการใช้ประโยชน์หลากหลาย และมักถูกปิดกั้น<br />
การเข้าถึง เมืองต้องการแผนตอบรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ<br />
และภัยธรรมชาติ จึงได้เสนอแผนการเชื่อมต่อพื้นที่สีเขียวและเมือง<br />
สองฝั่งแม่น้ำาด้วยการเพิ่มจำานวนสะพานให้ทั่วถึงขึ้นและสร้างถนนที่มี<br />
ร่มเงา เพื่อดึงดูดการเคลื่อนที่ของผู้คน รวมถึงสนับสนุนเกษตรกรรมใน<br />
เมืองให้เกิดขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือระบบตารางสีเขียวหรือ A Green Grid<br />
ที่เชื่อมต่อพื้นที่เมืองเข้าด้วยกัน โดยมีโครงการที่ต่อเนื่องในธีมย่อยต่างๆ<br />
ภายใต้แนวคิด 3 ประเด็น คือ Cool City, Green city และ Healthy<br />
City การใช้ชีวิตที่สัมพันธ์กับแม่น้ำาถูกส่งเสริมและแทรกแนวคิดการ<br />
Collaboration is Life!<br />
Damian Thompson I LatStudios, Australia<br />
Damian Thompson is a landscape architect and director of<br />
LatStudios, an Australian landscape design firm that values<br />
collaborations between the sciences and between different<br />
groups of stakeholders. The lecture was divided into 5 parts:<br />
systems thinking, catchments, corridors, precincts, and places<br />
to show collaborations at different levels and issues. Urban<br />
design is political, requiring visionary leaders with visions to<br />
change the world. LatStudios uses Brisbane as an experimental<br />
site to propose an urban environmental development concept.<br />
Brisbane has a problem with large, scattered green spaces.<br />
Local green spaces lack multi-use and are often blocked. Cities<br />
need plans to respond to climate change and natural disasters.<br />
The design proposed a plan to connect green spaces and<br />
cities on both sides of the river by increasing the number of<br />
bridges and building shadeways to attract people’s movement,<br />
including supporting urban agriculture. The result is a green<br />
grid system that connects urban areas together, with continuous<br />
projects under various sub-themes under 3 concepts:<br />
cool city, green city, and healthy city.” Living in relation to the<br />
river is promoted, and the concept of economic stimulation is<br />
inserted in various public areas. The key concept is resilience<br />
through tools such as water management systems, vegetation,
ACT INTERNATIONAL FORUM <strong>2023</strong><br />
87<br />
21<br />
24<br />
22<br />
25<br />
26<br />
23<br />
Photo Reference<br />
21, 23-26. latstudios.com.au<br />
22. The Association of Siamese Architects Under Royal Patrouge
88<br />
Forum<br />
กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่สาธารณะต่างๆ แนวคิดสำาคัญคือความยืดหยุ่น<br />
รองรับความเปลี่ยนแปลง ผ่านเครื่องมือต่างๆ เช่น ระบบการจัดการ<br />
น้ำา พืชพรรณ ระบบนิเวศในเมือง การจัดการพื้นที่ทิ้งร้าง เป็นต้น<br />
ซึ่งขั้นตอนต่างๆ อาศัยการพูดคุยกันระหว่างผู้เกี่ยวข้องกลุ่มต่างๆ<br />
โดยเฉพาะความคิดเห็นจากสาธารณะ<br />
ตัวอย่างโครงการพัฒนาผังแม่บทของพื้นที่ Norman Creek ระบบการ<br />
จัดการน้ำาและแหล่งน้ำา ในชุมชนมีความสัมพันธ์ต่อระบบนิเวศและ<br />
ความเป็นอยู่ในหลายระดับ การดำาเนินโครงการจึงเกี่ยวข้องกับการ<br />
จับคู่และประสานให้หน่วยงานราชการและองค์กรที่เกี่ยวข้องได้พูดคุย<br />
และหาข้อสรุปร่วมกัน โดยเฉพาะในเรื่องของอำานาจความรับผิดชอบ และ<br />
ความเป็นเจ้าของพื้นที่ การลงรายละเอียดในข้อมูลทุกระดับและการใช้<br />
ความคิดสร้างสรรค์ในการมองภาพพื้นที่ต่างๆ รวมไปถึงการท้าทาย<br />
ภาพจำาเดิม ๆ มักจะสร้างแนวทางใหม่ที่มีชีวิตชีวามากขึ้นได้ เส้นทาง<br />
และแหล่งน้ำาถูกผสานเข้ากับเมืองผ่านการสร้างกิจกรรมและการออกแบบ<br />
ตลิ่งในรูปแบบต่างๆ ส่วนในเรื่องของการออกแบบระบบเส้นทางเดิน<br />
ซึ่งถูกอธิบายผ่านตัวอย่างโครงการพัฒนา Oxley Creek Corridors<br />
การดำาเนินโครงการมีการประสานความร่วมมือกับชุมชนและผู้เชี่ยวชาญ<br />
ทางเทคนิค เพื่อนำามาออกแบบพื้นที่และกิจกรรมให้ทุกคนสามารถได้<br />
ประโยชน์บางอย่างจากโครงการ กลยุทธ์ทั้งด้านสภาพแวดล้อม สังคม<br />
และเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนไปร่วมกันก่อนจะออกมาเป็นผังแม่บทที่ร้อยเรียง<br />
พื ้นที ่กิจกรรมย่อย ๆ และแนวทางการพัฒนาเฉพาะสำาหรับพื้นที่นั้น<br />
27<br />
โครงการพัฒนาผังแม่บทของ Gold Coast Parklands เป็นตัวอย่างงานที่<br />
เกี่ยวข้องกับการแบ่งขอบเขตพื้นที่ ซึ่งมีกระบวนการจัดแบ่งพื้นที่ตาม<br />
ลำาดับขั้นความเป็นสาธารณะ การกำาหนดมุมมองและการวางระบบเส้น<br />
ทางสัญจร ก่อนจะประสานข้อมูลเข้าด้วยกันเพื่อลงรายละเอียดการวาง<br />
ตำาแหน่งอาคาร บทบาทของการออกแบบครอบคลุมถึงแนวทางการ<br />
ใช้พืชพรรณ การออกแบบถนนและองค์ประกอบย่อย เช่น เฟอร์นิเจอร์<br />
ตามท้องถนน และงานประติมากรรมที่เป็นจุดหมายตาให้กับศูนย์กลาง<br />
พื้นที่ในแต่ละส่วน การสร้างความร่วมมือในประเด็นสุดท้ายคือการสร้าง<br />
สถานที่ และความผูกพันกับสถานที่ซึ่งเกิดขึ้นแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล<br />
28<br />
ในกรณีของ Victoria Park กิจกรรมการมีส่วนร่วมถูกจัดขึ้นในหลาย<br />
รูปแบบทั้งการสนทนากลุ่มย่อยกับชุมชนและการแสดงความคิดเห็นต่อ<br />
พื้นที่ผ่านเครื่องมืออื่น โดยการเก็บข้อมูลพยายามให้ครอบคลุมกลุ่ม<br />
ประชากรที่มีอายุและที่มาที่แตกต่าง เมื่อได้ข้อมูลอ้างอิง ศึกษาบริบท<br />
แล้วจึงนำาไปร่างแบบ โดยยังคงมีการรายงานความคืบหน้า การรับฟัง<br />
ความคิดเห็น และเสียงสะท้อนอย่างต่อเนื่อง ขั้นสุดท้ายคือการทำาให้<br />
เห็นว่าภาพที่คิดฝันโครงการไว้นั้นมีความเป็นไปได้ในการปฏิบัติจริง<br />
Damian Thompson ปิดท้ายการบรรยายด้วยการย้ำาถึงวิกฤติทาง<br />
สภาพแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศที่โลกกำาลังเผชิญ<br />
ซึ่งไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องยอมรับสถานการณ์แล้วคิดบวก เพื่อแสวงหา<br />
วิธีการที่จะรับมือให้ได้ผ่านการสร้างสรรค์ในวิชาชีพ<br />
Photo Reference<br />
27-31. latstudios.com.au<br />
29
ACT INTERNATIONAL FORUM <strong>2023</strong><br />
89<br />
urban ecosystems, the management of abandoned areas, etc.<br />
These steps rely on discussions between different groups of<br />
stakeholders, especially public hearings.<br />
In the master plan development project for the Norman Creek<br />
area, water management and catchment systems in the community<br />
are related to ecosystems and livelihoods at many levels.<br />
Implementation of the project therefore involves matching and<br />
coordinating with relevant government agencies and organizations<br />
to discuss and come to a common conclusion, especially<br />
in terms of authority, responsibility, and ownership of the area.<br />
The level of detail in the data and the creative use of visualization<br />
in different areas, including challenging old memories,<br />
are often able to create new, more dynamic approaches. Paths<br />
and waterways are integrated into the city through the creation<br />
of various activities and riverbank designs. While the design of<br />
the corridors system is illustrated through the example of the<br />
Oxley Creek Corridors development project, where the implementation<br />
involves community and technical experts to design<br />
spaces and activities that offer something for everyone. The<br />
issues of society and economy are considered and driven<br />
together to create a master plan that weaves together subactivity<br />
areas and specific development guidelines for the area.<br />
The Gold Coast Parklands masterplan development project is<br />
an example of work involving precincts, which include public<br />
realm hierarchy, vista, and routing systems before synchronizing<br />
30 the information together to detail the positioning of the building.<br />
The role of design extends to the use of vegetation, street design,<br />
and sub-elements such as street furniture and sculptures that<br />
act as nodes in each space. The final point of cooperation is<br />
building a place, and the bonding to the place varies depending<br />
on the individual.<br />
In the Victoria Park project, participation activities were arranged<br />
in a number of modes and means, including small group conversations<br />
with the community and community feedback through<br />
other technologies. The data collection aims to include demographic<br />
groups of various ages and origins. After obtaining the<br />
reference, investigate the context before moving on to the preliminary<br />
design with ongoing progress updates, public hearings,<br />
and comments. The final step was to demonstrate that the<br />
proposed project was practical. Damian Thompson completed<br />
his discussion by emphasizing the importance of the environment<br />
and climate change. In any event, we must accept the circumstances,<br />
remain optimistic, and look for solutions to cope<br />
through professional ingenuity.<br />
31
90<br />
Forum<br />
Car-free and Green. An IKEA Store as<br />
Good Neighbour<br />
Jakob Dunkl I Querkraft, Austria<br />
Jakob Dunkl เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Querkraft บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรม<br />
ที่ตั้งอยู่ที่เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย ชื่อของ Querkraft สื่อถึงการคิด<br />
นอกกรอบและการตั้งคำาถามอยู่เสมอต่อโครงการที่ได้รับเพื่อกลั่นกรอง<br />
ให้การสร้างเพิ่มในแต่ละครั้งเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด<br />
บริษัทพยายามให้พนักงานหาคำาตอบที่แตกต่างและมีการเชิญสถาปนิก<br />
ที่มีชื่อเสียงมาบรรยายเพื่อกระตุ้นแรงผลักดันในการทำางาน พวกเขา<br />
เชื่อว่าการมีสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบอยู่บ้างทำ าให้โลกนี้สนุกสนานขึ้น สถาปนิก<br />
ส่วนใหญ่มักจะสร้างสิ่งที่ดูเรียบร้อยและสมบูรณ์แบบ แต่สิ่งที่ Querkraft<br />
พยายามทำา คือสร้างความยั่งยืนทางอารมณ์ เพราะการสร้างสิ่งที่คนรัก<br />
มักจะอยู่ได้ยาวนานกว่า พวกเขาสร้างสถาปัตยกรรมที่แสดงความถ่อมตน<br />
กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม มีความง่าย ทำาน้อยแต่มีประสิทธิภาพ<br />
ในบางครั้งก็ต้องการสร้างสิ่งที่ไม่คาดคิดให้เกิดความประหลาดใจ รวมทั้ง<br />
ต้องการแสดงอิสระและมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน<br />
Querkraft ผ่านการทำางานหลายประเภท และหลายขนาดในระหว่าง 25 ปี<br />
ที่ได้ก่อตั้งสำานักงาน เช่น ในโครงการ GCLA City Gate Tower ซึ่งเป็น<br />
อาคารสูงซึ่งอาคารพักอาศัยรวม Querkraft เสนอการมีพื้นที่ส่วนกลาง<br />
ทุกชั้นในลักษณะต่างๆกันเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยต่างชั้นได้พบปะและรู ้จักกัน<br />
เป็นชุมชน การวางผังห้องพักถูกออกแบบให้กระชับเพื่อลดปริมาณวัสดุ<br />
คอนกรีตของผนังกั้นห้องและสามารถขยายตัวในอนาคตโดยการเชื่อมต่อ<br />
ระหว่างห้อง ระเบียงภายนอกสร้างพื้นที่พักผ่อนและสร้างลวดลายให้<br />
เปลือกอาคาร โครงการประกวดแบบ Museum Liaunig พิพิธภัณฑ์<br />
ศิลปะในพื้นที่ธรรมชาติริมแม่น้ำา ซึ่งถูกตีความว่าเป็นงาน Land Art<br />
จากความเรียบง่ายของก้อนอาคารที่เป็นแท่งคอนกรีตแคบยาวคล้าย<br />
ซิการ์วางลอยอยู่บนเนินดิน พื้นที่ใช้สอยส่วนใหญ่ถูกซ่อนอยู่ใต้เนินดิน<br />
ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานในการทำาความร้อนและเย็น การออกแบบให้<br />
ดูง่าย และการไม่มีเสากลางอาคารมาขวางพื้นที่แสดงงานศิลปะนั้น<br />
ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยการเลือกใช้โครงสร้างและวัสดุที่เหมาะสม<br />
เพื่อให้อาคารได้แสดงออกในรูปแบบที่ต้องการ<br />
ในโครงการ ING Museum ซึ่งเป็นการปรับปรุงอาคารเก่า Querkraft<br />
เสนอทางเลือกที่ถ่อมตนด้วยการเก็บรักษารูปแบบของอาคารเดิม แต่สร้าง<br />
ช่องเปิดที่พื้นอาคารเพื่อเชื่อมต่อกับพื้นที่ใช้สอยระดับใต้ดินที่เพิ่มขึ้น<br />
เพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์ ในโครงการ Expo Pavilion 2020 ที่ดูไบ Querkraft<br />
ต้องการแสดงแนวทางการก่อสร้างที่ช่วยลดการใช้วัสดุและพลังงาน<br />
โดยสร้างอาคารทรงกรวยตัดปลายในความสูงลดหลั่นกันทำาหน้าที่คล้าย<br />
Wind tower ที่มีอยู่ในพื้นที่นั้น อาคารทรงกรวยถูกสร้างด้วยระบบ<br />
สำาเร็จรูป ของชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กแผ่นบางที่สามารถประกอบ<br />
สร้างในพื้นที่แล้วถอดประกอบหลังเลิกงาน เพื่อนำาไปสร้างในที่ตั้งใหม่<br />
Car-free and Green. An IKEA Store as<br />
Good Neighbour<br />
Jakob Dunkl I Querkraft, Austria<br />
Jakob Dunkl is the co-founder of Querkraft, an architectural<br />
design firm based in Vienna. Querkraft’s name implies out-ofthe-box<br />
thinking and constant questioning of a given project,<br />
scrutinizing each build to make the most of its resources.<br />
The studio tries to get employees to find different answers and<br />
has invited famous architects to give lectures to stimulate motivation<br />
at work. They believe that having a few imperfections<br />
makes the world more fun. Most architects tend to create things<br />
that look neat and perfect, but what Querkraft is trying to do<br />
is create emotional sustainability because building something<br />
people love tends to last longer. They create an architecture<br />
that shows humility, harmonizes with the environment, is simple,<br />
does less but is more effective, and sometimes creates unexpected<br />
surprises. They also wish to demonstrate freedom<br />
and adaptability of use.<br />
Throughout the office’s 25-year history, Querkraft has worked<br />
on a wide range of projects of varying sizes. Querkraft, for<br />
example, designed multiple levels of common space in GCLA<br />
City Gate Tower, a high-rise residential complex, for inhabitants<br />
on different levels to mingle and get to know one another as a<br />
community. The residential units were planned to be compact<br />
in order to reduce the quantity of concrete on the partition<br />
walls and to allow for future expansion by linking the rooms.<br />
External terraces provide relaxing places as well as patterns<br />
for the building façade. In the Museum Liaunig competition<br />
proposal design, a riverside art museum in a natural setting<br />
was interpreted as land art. The structure was simple, resembling<br />
a floating cigar in the shape of a long, narrow concrete<br />
bar. The majority of the functional spaces are located beneath<br />
the mound, which reduces energy usage for heating and cooling.<br />
It is challenging to design an art space that appears clean and<br />
simple, with no columns obstructing the exhibition space, so<br />
it is dependent on the proper structure and materials in order<br />
for the building to express itself as the architect desires.<br />
In the ING Museum project, a renovation of an old building,<br />
Querkraft offers a modest alternative by preserving the original<br />
building’s characteristics and instead constructing a floor<br />
opening to connect the additional underground living space to<br />
the museum. In the Expo Pavilion 2020 in Dubai, Querkraft has<br />
demonstrated a construction method that reduces material<br />
and energy consumption by constructing conical structures of<br />
descending height, resembling the wind towers found in the<br />
region. The conical building was constructed using a prefabricated<br />
system of reinforced concrete modules that can be<br />
assembled on-site, disassembled after the show, and reassembled<br />
later at a new location.<br />
Photo Reference<br />
32. The Association of Siamese Architects Under Royal Patrouge<br />
33-36. querkraft.at
ACT INTERNATIONAL FORUM <strong>2023</strong><br />
91<br />
32<br />
33<br />
35<br />
36<br />
34
92<br />
Forum<br />
40<br />
37<br />
41<br />
38<br />
39<br />
42<br />
Photo Reference<br />
37-43. querkraft.at
ACT INTERNATIONAL FORUM <strong>2023</strong><br />
93<br />
โครงการ IKEA Store ที่เมืองเวียนนา ตอบรับนโยบายและวิถีชีวิตของ<br />
เมืองซึ่งให้ความสำาคัญกับสิ่งแวดล้อม และประชาชนที่ใช้ระบบขนส่ง<br />
มวลชนเป็นหลัก เมื่อ IKEA ต้องการมาเปิดสาขาจึงเกิดข้อกำาหนดจากรัฐ<br />
ว่าจะต้องไม่มีที่จอดรถยนต์ส่วนตัว และพื้นที่หลังคาต้องพัฒนาเป็น<br />
พื้นที่สาธารณะ IKEA Austria ใช้แนวคิด “We want to be a good<br />
neighbour” ในการพัฒนาโครงการซึ่งหมายถึงการสร้างประโยชน์และ<br />
ชีวิตชีวาให้กับเมือง รูปแบบอาคารที่เป็นมิตรกับเพื่อนบ้านแตกต่างจาก<br />
อาคาร Retail แบบเดิม ๆ ด้วยการสร้างระเบียงรอบอาคาร พื้นที่ปลูก<br />
ต้นไม้ที่ระเบียงและระดับหลังคาซึ่งช่วยลดอุณหภูมิของอาคาร และมี<br />
การเพิ่มโปรแกรมของโฮสเทลที่สองชั้นบนสุด เพื่อช่วยเพิ่มการใช้สอย<br />
และแสงสว่างในเวลากลางคืน การวางผังพื้นต้องการเปิดโล่งเพื่อสร้าง<br />
ความยืดหยุ่นให้มากที่สุด พยายามวางงานระบบอาคารและระบบสัญจร<br />
ทางตั้งไว้รอบอาคารคล้าย Centre Pompidou ในปารีส ยกเว้นทางสัญจร<br />
หลักกลางอาคารเพียงตำาแหน่งเดียว โครงสร้างอาคารที่มีลักษณะคล้าย<br />
โครงชั้นวางของของ IKEA สามารถรองรับความหลากหลายของการติดตั้ง<br />
ผนัง และองค์ประกอบของอาคารที่ปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการ<br />
การใช้สอยของพื้นที่นั้น Jakob Dunkl สรุปการบรรยายด้วยการกล่าว<br />
ถึงหนังสือที่กำาลังเขียนอยู่ที่ชื่อ Weniger ซึ่งหมายถึง Less คือแนวคิด<br />
ของเขาในการสร้างให้น้อยลงแต่สนุกมากขึ้น และมีความสร้างสรรค์ใน<br />
การค้นหาคำาตอบของการออกแบบเสมอ<br />
In the design of the IKEA Store in Vienna, the architect responded<br />
to the city’s policies and way of life, which prioritize<br />
the environment and individuals who utilize public transportation<br />
as their primary mode of movement. At the time IKEA<br />
planned to establish a shop, the government mandated that<br />
there be no private parking and that the roof area be transformed<br />
into a public space. IKEA Austria employs the philosophy “We<br />
want to be a good neighbor” in designing projects that help<br />
and revitalize the community. By adding a terrace around the<br />
structure, the neighbor-friendly concept differentiates itself<br />
from standard shop buildings. Planting spaces on the terrace<br />
and roof level that help to cool the structure. In addition, the<br />
hostel’s program on the upper two levels has been expanded<br />
to improve usability and lighting at night. The floor plan was<br />
designed to be as open as possible in order to provide the<br />
most flexibility. The design also sought to organize building<br />
systems and traffic around a structure comparable to the Center<br />
Pompidou in Paris, with the exception of a primary circulation<br />
in the center of the structure. The structure, similar to IKEA<br />
shelves, may support a range of wall installations as well as<br />
building components that adapt to the practical needs of that<br />
area. Jakob Dunkl closes the lecture by pointing to his latest<br />
book, Weniger, which translates as Less - his philosophy of<br />
making less but more fun, and always being creative in discovering<br />
design solutions.<br />
43<br />
ผัศ.ดร.สายทิวา รามีสูต<br />
เป็นอาจารย์ประจำาภาค<br />
วิชาสถาปั ตยกรรม คณะ<br />
สถาปั ตยกรรมศาสตร์<br />
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์<br />
มีความสนใจในการอยู่<br />
ร่วมกันของสถาปั ตยกรรม<br />
และสภาพแวดล้อมเก่าและ<br />
ใหม่ การปรับเปลี่ยนการ<br />
ใช้สอยของอาคารเก่า และ<br />
สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้าง<br />
เพื่อสุขภาวะ และเป็ น<br />
แฟนประจำาของงาน <strong>ASA</strong><br />
International Forum<br />
Asst. Prof.Saithiwa<br />
Ramasoot, Ph.D.<br />
is a faculty member<br />
at the Department of<br />
Architecture, Faculty<br />
of Architecture, Kasetsart<br />
University. Her<br />
academic interests<br />
include the coexistence<br />
of old and new architecture,<br />
adaptive reuse of<br />
old buildings, and built<br />
environment for health<br />
and well-being. She is<br />
a regular fan of <strong>ASA</strong><br />
International Forum.
94<br />
<strong>ASA</strong> International Design Competition <strong>2023</strong>
speacial section<br />
95<br />
<strong>ASA</strong> International<br />
Design Competition<br />
<strong>2023</strong><br />
Not Only<br />
Human<br />
Architecture defines human’s relationship with the environment.<br />
Early dwellings sheltered human from dangers and discomforts<br />
and provided a place for tools, livestock, and even intangible<br />
entities such as spirits.<br />
Putting human’s needs as the center of architecture is natural.<br />
However, amidst the ongoing environmental crisis, we are inevitably<br />
urged to reexamine the way we live and build. How can<br />
we include other lives in the total ecosystem into the manmade<br />
environment? <strong>ASA</strong> Experimental Design Competition invites all<br />
participants to investigate how architecture can embrace<br />
the complexities of environmental conditions that includes<br />
all livings, not only human.
96<br />
<strong>ASA</strong> International Design Competition <strong>2023</strong><br />
สถาปัตยกรรมเป็นเครื่องกำาหนดความสัมพันธ์ของ<br />
มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม แรกเริ่มเดิมทีสถาปัตย-<br />
กรรมเป็นที่พักพิงพื้นฐานแก่มนุษย์ปกป้องจาก<br />
ภัยอันตรายและเป็นสถานที่สำ าหรับจัดเก็บเครื่องมือ<br />
ในการดำารงชีวิต ไปจนถึงเป็นพื้นที่สำาหรับสิ่งที่<br />
เป็นนามธรรมอย่างความเชื่อในปัจจุบันเป็นเรื่อง<br />
ธรรมชาติที่จะวางความต้องการของมนุษย์ให้<br />
เป็นศูนย์กลางของสถาปัตยกรรม แต่อย่างไร<br />
ก็ตาม ท่ามกลางวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่<br />
เกิดอย่างต่อเนื่อง จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะถูก<br />
กระตุ้นให้หันมาพิจารณาถึงวิถีที่เราอยู่อาศัยให้<br />
มากขึ้น เป็นไปได้หรือไม่ที่จะรวมสรรพชีวิตอื่น<br />
ในระบบนิเวศให้มาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มนุษย์<br />
สร้างขึ้น? การประกวดแบบ <strong>ASA</strong> Experimental<br />
Design ในปีนี้ เชิญชวนตั้งคำาถามต่อลักษณะ<br />
พื้นฐานของสถาปัตยกรรมเพื่อการอยู่ร่วมกันของ<br />
มนุษย์กับสิ่งอื่น มาร่วมสำารวจว่าสถาปัตยกรรม<br />
จะสามารถโอบรับความซับซ้อนของสภาวะ<br />
แวดล้อมที่รวมสรรพชีวิตที่ไม่ใช่แค่เพียงมนุษย์<br />
ไว้ได้อย่างไรบ้าง<br />
โปรแกรมและเนื้อหา<br />
การแข่งขันแนวคิดสถาปัตยกรรมเชิงทดลองนี้<br />
ขอเชิญชวนเหล่าสถาปนิกและบุคคลในสาขา<br />
วิชาชีพอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ปฏิบัติวิชาชีพหรือ<br />
นักเรียน นักศึกษา ให้ส่งผลงานโดยไม่มีข้อจำ ากัด<br />
ด้านขนาด รูปแบบ โปรแกรม หรือสถานที่ตั้ง<br />
โดยผู้เข้าร่วมประกวดสามารถใช้ความคิด<br />
สร้างสรรค์มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเปิด<br />
กว้างสำาหรับรูปแบบวิธีการการนำาเสนอที่<br />
หลากหลายซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดวิธีคิดทางสถาปัตย-<br />
กรรม ที่เราจะสามารถอยู่ร่วมกับ องค์ประกอบ<br />
และสิ่งมีชีวิตอื่นๆได้<br />
ประเภทการประกวด<br />
1. ประเภทบุคคลทั่วไป<br />
เปิดสำาหรับสถาปนิก นักออกแบบ หรือบุคคลทั่วไป<br />
2. ประเภทนักเรียน/นักศึกษา<br />
เปิดสำาหรับนักเรียน และนักศึกษา ระดับมัธยมต้น<br />
ขึ้นไป จนถึงระดับมหาวิทยาลัย<br />
สามารถส่งผลงานเป็นรายบุคคลหรือเป็นทีมก็ได้<br />
ทีมที่มีทั้งนักเรียนนักศึกษาและไม่ใช่นักเรียน<br />
นักศึกษาควรส่งในประเภทบุคคลทั่วไป แต่ละทีม<br />
อาจมีสมาชิกได้ไม่เกิน 4 คน และอาจมีสมาชิก<br />
ที่มาจากหลายสาขาวิชาชีพก็ได้ (สถาปนิก ภูมิ-<br />
สถาปนิก นักออกแบบเมือง สถาปนิกภายใน<br />
นักออกแบบผลิตภัณฑ์ ศิลปิน)<br />
กระบวนการประเมิน<br />
ในระหว่างการประกวด คณะกรรมการจะคัดเลือก<br />
และหารือ เพื่อตัดสินผลการประกวดตามความ<br />
เชี่ยวชาญและประสบการณ์ส่วนบุคคล โดยมี<br />
เกณฑ์การประเมินดังนี้:<br />
1. ความสดใหม่ของความคิดริเริ่มและระดับของ<br />
การทดลองทางสถาปัตยกรรม<br />
2. การออกแบบเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ<br />
การประกวด<br />
3. ลักษณะและเทคนิคการนำาเสนอจะไม่ถูกนำามา<br />
ใช้เป็นเกณฑ์การประเมิน<br />
เงื่อนไขการประกวด<br />
1. ในการส่งแบบประกวด สมาชิกในทีมแต่ละคน<br />
ตกลงและยอมรับข้อกำาหนด กฎ และเงื่อนไขที่<br />
ระบุไว้ในเอกสารนี้ ตลอดจนการตัดสินขั้นสุดท้าย<br />
ของคณะกรรมการตัดสิน<br />
2. ผลงานที่ส่งต้องเป็นผลงานต้นฉบับที่สร้างสรรค์<br />
โดยผู้ส่งประกวด ซึ่งไม่เคยได้รับการตีพิมพ์<br />
เผยแพร่ หรือจ่ายแจกในรูปแบบใดๆ มาก่อนใน<br />
ที่อื่น และต้องไม่เคยใช้ในการประกวดแบบอื่นใด<br />
3. ผู้ส่งประกวดสามารถส่งแบบประกวดได้<br />
มากกว่า 1 แบบ<br />
4. ความเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์และลิขสิทธิ์ใน<br />
ผลงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการประกวดแบบนี้<br />
ยังคงเป็นของผู้ส่งประกวด อย่างไรก็ตาม สมาคม<br />
สถาปนิกสยามฯ สงวนสิทธิ์ที่จะทำาการเผยแพร่<br />
(ทางสื่อสิ่งพิมพ์หรือสื่อออนไลน์) และส่งเสริมผล<br />
งานที่ส่งมาตามดุลยพินิจเกี่ยวกับรูปแบบวิธี<br />
ของสมาคมฯ ผลงานทั้งหมดจะกลายเป็นส่วนหนึ่ง<br />
ของคลังเอกสารดิจิทัลหรือสิ่งพิมพ์ของสมาคมฯ<br />
ต่อไป<br />
5. หากผู้ส่งประกวดรายใดประสงค์จะเผยแพร่<br />
จัดแสดง หรือส่งเสริมผลงานที่ส่งประกวด ผู้ส่ง<br />
ประกวดจะได้รับสิทธิ์ ในการดำาเนินการดังกล่าว<br />
ตราบเท่าที่มีการระบุอ้างอิงชื่อของการประกวด<br />
แบบนี้อย่างถูกต้องและให้เครดิตแก่สมาคมฯ ใน<br />
ฐานะผู้จัดการประกวด<br />
6. ผู้เข้าประกวดต้องไม่ตึพิมพ์ เผยแพร่ หรือจ่าย<br />
แจกผลงานที่ส่งเข้าประกวดต่อสาธารณชนก่อน<br />
การประกาศผลการประกวดแบบ<br />
7. ผลงานที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับการจัด<br />
แสดงในงานสถาปนิก 2566 โดยสมาคมสถาปนิก<br />
สยามฯ<br />
ข้อมูลการส่งแบบประกวด<br />
1. หมดเขตส่งผลงานในวันที่ 1 เมษายน<br />
2566 เวลา 23:59:59 น. ตามเวลาท้องถิ่นใน<br />
ประเทศไทย (UTC+07:00) โดยจะถือเอาการ<br />
ประทับเวลาในอีเมลของผู้ส่งประกวดแต่ละคน<br />
เป็นเวลาที่ส่งอย่างเป็นทางการ<br />
1.1 รหัสลงทะเบียน” ให้เป็นการกำาหนดโดยผู้ส่ง<br />
ประกวดเอง โดยควรมีอักขระตัวพิมพ์ใหญ่ภาษา<br />
อังกฤษ 3 ตัวอักษร ตัวเลข 4 หลัก และหมวด<br />
หมู่การแข่งขันเป็นภาษาอังกฤษ (เช่น ABC1234<br />
General Public)<br />
1.2 ”รหัสลงทะเบียน” จะต้องอยู่ที่มุมขวาบนของ<br />
บอร์ด มีความสูง 20 มิลลิเมตร<br />
2. กรอกข้อมูลต่อไปนี้โดยระบุ “รหัสลงทะเบียน”<br />
ผ่าน Google Form ตามลิงค์ด้านล่าง<br />
2.1 ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และ<br />
อีเมลแอดเดรสของผู้ส่งประกวดแต่ละคน<br />
2.2 สำาเนาบัตรประจำาตัวประชาชนหรือ<br />
หนังสือเดินทาง ที่ได้รับการรับรอง ของผู้ส่ง<br />
ประกวดแต่ละคน<br />
2.3 กรณีส่งในประเภทนักเรียนนักศึกษา กรุณา<br />
แสดงหลักฐานโดยแนบสำาเนาบัตรนักศึกษาที่ได้<br />
รับการรับรอง<br />
กำาหนดการส่งผลงาน และตัดสินรางวัล<br />
1 เมษายน 2566<br />
กำาหนดส่งผลงาน<br />
25 เมษายน 2566<br />
ประกาศผล<br />
30 เมษายน 2566<br />
พิธีมอบรางวัล<br />
รูปแบบการนำาเสนอ<br />
1. บอร์ดขนาด A1 เพียงหนึ่ง (1) บอร์ด (84.1<br />
ซม. X 59.4 ซม.) วางแนวนอน เท่านั้น<br />
2. ชื่อของผู้เข้าร่วมจะต้องไม่ปรากฏที่ส่วนใดส่วน<br />
หนึ่งของบอร์ด<br />
3. ข้อความทั้งหมดควรเป็นภาษาอังกฤษ<br />
การส่งแบบประกวดทางออนไลน์ให้ใช้<br />
แพลตฟอร์ม WeTransfer.com โดยส่งเป็นไฟล์<br />
เดียว (20MB, 150 DPI)<br />
เป็นไฟล์ PDF เท่านั้น และส่งไปยังอีเมล<br />
แอดเดรส: asacompetition<strong>2023</strong>@gmail.com<br />
รายชื่อคณะกรรมการตัดสิน<br />
ศาวินี บูรณศิลปิน<br />
Savinee Buranasilapin<br />
Thingsmatter<br />
ผศ.ดร. รชพร ชูช่วย Rachaporn Choochuey<br />
all(zone)<br />
Tiantian Xu<br />
DnA_Design and Architecture
speacial section<br />
97<br />
PROGRAMS & CONTENT<br />
This experimental one-stage architecture<br />
idea competition invites all architects<br />
and other disciplines, both professional<br />
and students to submit compelling proposals<br />
without the constraint of scale,<br />
typology, program or site. Participants<br />
are encouraged to be as creative as<br />
possible. Proposals are open to diverse<br />
narratives that encourage rethinking of<br />
ways in which we can co-exist with other<br />
species, elements, things and beings.<br />
ELIGIBILITY<br />
1. General Public: Architects, Designers<br />
and General Public<br />
2. Students: Any current full-time student<br />
studying in high school until undergraduate<br />
levels.<br />
Entries can be submitted as an individual<br />
or as a team. A team consisting of<br />
a student and a non-student should be<br />
submitted under the General Public<br />
category. Each team can be composed<br />
of up to 4 members and may include<br />
multidisciplinary members (Architect,<br />
landscape architect, urban designer,<br />
interior architect, product designer, artist)<br />
EVALUATION PROCESS<br />
Jury members will simultaneously review,<br />
discuss and select proposals during this<br />
one-stage competition. They will base<br />
their decision on their expertise and<br />
values with the evaluation criteria as<br />
follows:<br />
• Originality and level of experimentation<br />
of design proposal<br />
• Responsiveness of the proposal to the<br />
competition’s objectives<br />
• Presentation quality shall not be a part<br />
of the evaluation criteria<br />
TERMS AND CONDITION<br />
1. By submitting a proposal for the competition,<br />
each team member agrees and<br />
accepts the requirements, rules and<br />
conditions as listed in this competition<br />
brief, as well as final decision of the jury.<br />
2. The entry must be an original work,<br />
created by the participant (s), which<br />
have never been previously published,<br />
released or distributed in any form elsewhere;<br />
and must never entered into any<br />
other competition.<br />
3. Participants are allowed to submit<br />
more than 1 proposal.<br />
4. Full ownership and copy rights of all<br />
submissions in connection to this competition<br />
are retained by the author of the<br />
work; however, <strong>ASA</strong> retains the right to<br />
publish (Print or online) and promote the<br />
submitted material at their own discretion<br />
regarding format. All submissions<br />
will subsequently become part of the<br />
<strong>ASA</strong> digital or printed archive.<br />
5. If any participant wishes to publish,<br />
exhibit or promote their competition<br />
submission, they are granted the right<br />
to do so, as long as the title of this <strong>ASA</strong><br />
competition are properly referenced and<br />
credited as the competition organizer.<br />
6. The participants must not publish,<br />
release or distribute any submitted work<br />
to the public before the announcement<br />
of the competition results.<br />
7. Entries that have been selected will<br />
be exhibited at the <strong>ASA</strong> <strong>2023</strong> Expo.<br />
SUBMISSION INFORMATION<br />
1. Deadline for all submissions will be<br />
April 1st <strong>2023</strong> at 11:59:59pm local time<br />
in Thailand (UTC+07:00). The timestamp<br />
on each participant(s) email will be<br />
considered their official submission time.<br />
• ”Registration code” will be determined<br />
by the participant(s) themselves which<br />
should contain three uppercase characters,<br />
4 numeric digits and the competition<br />
category in English (e.g. ABC1234<br />
General Public)<br />
• ”Registration code” must be located<br />
on the upper right corner of the board<br />
with 20 millimeters height.<br />
2. Fill in the following information by<br />
specifying the “Registration code”<br />
through the Google Form in the attached<br />
link below.<br />
• The participant’s full name(s), address,<br />
telephone number, and email address.<br />
• A certified copy of participant(s) identification<br />
card or passport<br />
• In the case of submission in the student<br />
and undergraduate category, please<br />
verify by attaching a certified copy of<br />
student card(s).<br />
COMPETITION TIMELINE<br />
1 st April <strong>2023</strong><br />
Submission Deadline<br />
5 th April <strong>2023</strong><br />
Award Announcement<br />
30 th April <strong>2023</strong><br />
Award ceremony<br />
SUBMISSION FORMAT<br />
Only one (1) -A1 sized panel (84.1 cm X<br />
59.4 cm), Landscape / Horizontal layout<br />
The participant’s name must not appear<br />
anywhere on any part of the board. All<br />
text should be written English<br />
Online submission using only file-transferring<br />
platform WeTransfer.com as<br />
a single file (20MB, 150 DPI)– PDF file<br />
only and send to email address: asacompetition<strong>2023</strong>@gmail.com<br />
PANEL OF JURORS<br />
Savinee Buranasilapin<br />
Thingsmatter<br />
Rachaporn Choochuey<br />
all(zone)<br />
Tiantian Xu<br />
DnA_Design and Architecture<br />
asacompetition.com
98<br />
<strong>ASA</strong> International Design Competition <strong>2023</strong><br />
First Prize / Public<br />
BREAKING<br />
SEAWALLS<br />
Parin Nawachartkosit<br />
Chanya Ieosivikul<br />
Unintentional Death Sentence<br />
Humans are drawn to the natural tr an qui llity and<br />
levity of beaches. Alarmingly, there is an unnerving<br />
phenomenon where shorelines are vanishing - a<br />
transition that is a result of climate change and<br />
legislative decisions. This unassuming reaper disguised<br />
itself as the nation’s guardian angel, in<br />
the form of an architectural infrastructure called<br />
seawalls, erected along the seaside provinces of<br />
Thailand.<br />
The seawalls were built in the hopes of stopping<br />
coastal erosion, however, they frequently end up<br />
as mere eyesores that harm adjacent beaches.<br />
In theory, the seawalls are designed to keep areas<br />
used for recreation and human habitation safe<br />
from the effects of tides and waves. In reality, its<br />
static nature acts in conflict with the coast’s<br />
dynamic nature, preventing the exchange of sediment<br />
between land and sea. Pairing the unadaptive<br />
quality with the lack of data, modelling, environmental<br />
assessments and design testing, we<br />
have coastal fortifications that amount to nothing<br />
less than a death sentence for sandy coasts and<br />
the ecology that makes up the shoreline.<br />
Thai environmentalists have urged the Cabinet to<br />
revoke its resolution that gave the Department of<br />
Public Works and Town & Country Planning permission<br />
to construct additional seawall projects.<br />
Prior to 20<strong>13</strong>, the requirement for an environmental<br />
impact assessment (EIA) on every project set a cap<br />
on the number of seawalls that may be bui It. Yet,<br />
ever since the EIA requirement was dropped in<br />
20<strong>13</strong>, seawalls have proliferated throughout Thai<br />
land’s coastline. Only 43 seawalls were constructed<br />
between 2007 and 2014, costing a total of around<br />
2 billion baht. However, 125 seawall projects with<br />
a total budget of 6.6 billion baht were completed<br />
between 2015 and 2022. Many of the constructed<br />
seawalls have already been demolished because<br />
of their apparent negative effects and adverse<br />
impacts.<br />
We now enter the chapter of reexamination and<br />
active remedy, desperate to find a way to restore<br />
lost shorelines and sustain it. The proposal aims to<br />
deliver an alternative seawalls removal methodology<br />
that rehabilitates sites in parallel, repurposing<br />
the demolition waste as part of the rejuvenation<br />
process.
Public<br />
99<br />
“The proposal touches on one of the<br />
biggest public construction controversies<br />
in Thailand: hundreds (if not<br />
thousands) kilometers of concrete<br />
walls along the coastlines. The walls<br />
are posing dangers to both marine<br />
life biodiversity and human who also<br />
conduct livelihood along the seashores.<br />
Instead of taking down the<br />
entire walls which would also create<br />
another environmental catastrophe,<br />
the proposal suggests to break down<br />
certain sections with the attempt<br />
to utilize some parts of the alreadybuilt<br />
walls. Its simplicity and sensible<br />
design approach show the potential<br />
solutions to the condition of overbuilt<br />
infrastructure.”<br />
Rachaporn Choochuey
100<br />
<strong>ASA</strong> International Design Competition <strong>2023</strong><br />
Second Prize / Public<br />
Energy Circus<br />
Chai Yi Yang<br />
Alongside with the a state horticultural show, the<br />
former Spinelli Barracks site is expected to be<br />
transformed into a public park- filled with lush<br />
greens, rich biodiversity, and active participation<br />
of communities. Such transition inspires us to<br />
forwardly express our imagination upon the future<br />
of the park: What will be the ideal relationship<br />
between people, the landscape, its wildlife, and<br />
the energy/ resources which cycles within? How<br />
would this cycle be emerged and prevailed to its<br />
community in a tactile and theatrical experience?<br />
And what could be the possible meaning of this<br />
park to its surrounding environments and its<br />
people and the other lifeforms?<br />
Responding to these initial propositions, the<br />
project Energy Circus align itself to the theme of<br />
the festive atmosphere of the horticultural show,<br />
envisioning a public park driven by flow of energy<br />
and native resources that are staged analogously<br />
to a circus. Energy Circus shall become a collective<br />
ground to cultivate intimate relationship<br />
between its community, landscape, and wildlife<br />
through a bespoke cycle of shared ecosystem.<br />
While offering an educational, participative yet<br />
playful experience, the public park is left to be<br />
embellished and grow with natural human activities<br />
and organic changes.
Public<br />
101<br />
“By demonstrating the idea that<br />
design can be scalable, the proposal<br />
creates its own self-sustained and<br />
scientifically planned system that<br />
addresses energy and the agricultural<br />
industry”<br />
Tian Tian Xu
102<br />
<strong>ASA</strong> International Design Competition <strong>2023</strong><br />
Third Prize / Public<br />
Nature and<br />
Redemption<br />
Sirut Reinhard Huehne<br />
Nature, the greatest architect who has created<br />
designs since the old times. The various forms<br />
formed by various phenomenons of nature are of<br />
incomparable beauty. From the highest mountains,<br />
the deepest ocean, the greenest forests to the<br />
smallest environment that co-exist in those ecosystems.<br />
When the human being has come to build<br />
a large towering architecture in the midst of nature.<br />
The city engulfed and sprawled around endlessly.<br />
Material prosperity grows so rapidly that we may<br />
forget the generosity to other beings. No matter<br />
how dense a city is, not all areas can be used effectively.<br />
In a city, there are nooks and crannies and<br />
abandoned architecture scattered around the area.<br />
Even if human beings could share those areas back<br />
to nature again. But in cre¬ating a space to live<br />
together, even if we prepare an area for animals<br />
to come back to live in the city again, for example<br />
making a bird house. The birds would not be able<br />
to live because there was still a lack of fruit trees to<br />
provide foraging areas. Methods that designer has<br />
propose is to bring the concrete surface that covers<br />
the ground beneath it back to the sun and air once<br />
more to let nature do its greatest job again. The<br />
mechanisms of nature are pure and grand, the same<br />
with living things. It would be very complicated if<br />
human beings were able to c01n¬pletely imitate<br />
the ecosystem. In this design work, it focuses on<br />
using nature to create various phenomena. Only<br />
when that space is suitable can other creatures<br />
truly co-exist in noisome city areas again.
Public<br />
103<br />
“The notion of abandoned and unused spaces left to be reclaimed<br />
by nature is not only a romantic idea, but also practical one.<br />
I’m particularly interested in the proposals that re-look at<br />
our existing built environment or cities for ways that we can<br />
co-exist with other living things, and to be more considerate<br />
to our environment. The provocative collages recalling Superstudio,<br />
Archigram, and also “The Last of Us” are however quite<br />
post-apocalyptic and questionable. Would these already built<br />
structures be more sustainable if put to better use by people,<br />
instead of creating a need for new construction?”<br />
Savinee Buranasilapin
104<br />
<strong>ASA</strong> International Design Competition <strong>2023</strong><br />
Finalist / Public<br />
Rooftop<br />
Neighborhood<br />
Krit Thienvutichai<br />
Nattanit Eksangkul<br />
Thatamon Boonprom<br />
Kochaporn Rongkapranee<br />
ARCHITECTURE & NATURE<br />
With population growth over the years, urban<br />
developments, mainly composed of “architecture”<br />
as a matter of subsistence for human, continues<br />
to rise simultaneously. replacing the vulnerable<br />
nature. Apart from the green area preservation,<br />
moving forward to a more sustainable future, the<br />
new architectural model should be developed<br />
inclusively with nature redefining new friendly<br />
relationships with other lives.<br />
NEIGHBOR RELATIONSHIP<br />
Taking the relationship between humans and<br />
other lives into consideration, the acceptance<br />
of living together under the same roof (24/7)<br />
might not be an option. Since both lifestyles<br />
are incompatible, and thus interfere with others<br />
instead. For example, we often witness that<br />
people get annoyed by bugs meanwhile animals<br />
also get disturbed by lights at night. Therefore,<br />
a compatible relationship should allow both to<br />
have an individual area, meanwhile, occasionally<br />
be convenient for friendly encounters, like living<br />
with the neighbor.<br />
ROOFTOP ECOSYSTEM<br />
The rooftop is a qualified architectural component<br />
for a new habitat development since the area has<br />
potential in terms of space which is not only considered<br />
unused by humans in most buildings nowadaysbut<br />
also exposed to the surrounding natural<br />
contexts, including sunlight, rain, wind, etc. The new<br />
architectural model would allow the ecosystem to<br />
form on the upper layer of the city, redefining a new<br />
closer relationship between architecture and<br />
nature with mutual benefits.<br />
CREATION & EXPANSION POLICY<br />
To unlock the full potential of the new architectural<br />
model for reclaiming the urban ecological ecosystem,<br />
a large volume of rooftop habitat must be formed<br />
as a network. For that reason, the main challenge is<br />
finding an incentive tool to persuade people to invest<br />
in habitat construction, set up mutually beneficial<br />
regulations for both investor and the city rewarding<br />
with sensible bonuses, and create a room for innovative<br />
architectural design encountering nature<br />
(CREATION POLICY). Furthermore, to influence<br />
the others to follow extending the neighborhood<br />
territories with united will (EXPANSION POLICY)
Public<br />
105<br />
Finalist / Public<br />
Naturalized<br />
Dương Minh Kỳ, Lê Thị Hải<br />
Dương<br />
How are man and nature coliving?<br />
Why do we have a dualistic concept of man-made<br />
and natural, while humans are a part of nature?<br />
Natural ecosystems have the ability to maintain<br />
the balance between flora and fauna and develop<br />
sustainably over time. In contrast, humanity, with<br />
its Independent evolution, gradually affects the<br />
primordial balance. It’s not our business to come<br />
up with designs that are not only for humans since<br />
species are inherent good without us and because<br />
humans cannot manipulate all of the development<br />
of things either. We think it is humanity’s mission to<br />
transform its man-made development into nature.
106<br />
<strong>ASA</strong> International Design Competition <strong>2023</strong><br />
Finalist / Public<br />
STRUCTURE for<br />
ENVIRONMENT<br />
Masashi Itaya<br />
STRUCTURE for ENVIRONMENT<br />
Several dams exist in the suburbs of Tokyo. Mountains<br />
have been dug down, rivers dammed, and<br />
nature has been ‘’Developed” by humans. Bit by<br />
Bit, small animals” habitats have been deprived,<br />
but we people who live in the city are somehow<br />
too far away to realize the disruption. in this proposal,<br />
a beautiful glass stage (island) is floating<br />
on the dam for urban people to visit. It is a delicate<br />
structure formed when the wooden frame’s buoyancy<br />
in the water balances the load of the entire<br />
building. This thin, porous structure in the water<br />
is beautiful for people and the environment.
Public<br />
107<br />
Finalist / Public<br />
Pollinator Parade<br />
Pattapol Tantiyabhinun<br />
Pocharaphan Prayoonrat<br />
The world is losing biodiversity. Make the productivity<br />
of the ecosystem decreasing and destabilizing<br />
ecosystems, Pollinators are part of maintaining<br />
biodiversity. But with the urban environment causing<br />
these animals to disappear away from the city as<br />
well. So we creating a design that helps these<br />
animals
DEB23<br />
108<br />
<strong>ASA</strong> International Design Competition <strong>2023</strong><br />
First Prize / Students<br />
“Untitled”<br />
Sorawit Boonpong<br />
DEB2329 STUDENTS<br />
DEB2329 STUDENTS<br />
concept<br />
By way of this house is that in the first phasewe will allow humans to live.<br />
and later if there is deterioration Thisarchitecture will be buried in the soil<br />
and make a hollow for wild animals such as rabbits, rats, earthworms, or<br />
alternatively, we can release them into the sea to build nests to restore the<br />
sea.<br />
I was inspired by the structure of caves and mounds<br />
that are not too high and different animals can take<br />
refuge. So I thought that if the shape of the cave<br />
was built, it would feel like being in a safe cave.<br />
House The meaning of the definition of each person may be d<br />
a house or residence or it may be a place in that area that fe<br />
To be a house that can not live only humans, but living things<br />
can live in.<br />
I was inspired by the By way structure of this house is of that in caves the first phase and we mounds<br />
will allow humans to live and later if there is deterioration<br />
This architecture will be buried in the soil<br />
high and different animals and make a hollow can for wild take animals such refuge. as rabbits, So I thou<br />
rats, earthworms, or alternatively, we can release<br />
them into the sea to build nests to restore the sea.<br />
shape of the cave was built, it would feel like being in<br />
House The meaning of the definition of each person<br />
may be different, it may be a house or residence or<br />
it may be a place in that area that feels warm and<br />
safe. To be a house that can not live only humans,<br />
but living things other than humans can live in.<br />
live.<br />
live.<br />
House The meaning of the definition of each person may be different, it may be<br />
House a house The or meaning residence of or the it definition may be a of place each in person that area may that be different, feels warm it and may safe. be
Students<br />
109<br />
y the structure of caves and mounds that are not too<br />
nt animals can take refuge. So I thought that if the<br />
ve was built, it would feel like being in a safe cave.<br />
By way of this house is that in the first phasewe will allow humans to live.<br />
and later if there is deterioration Thisarchitecture will be buried in the soil<br />
and make a hollow for wild animals such as rabbits, rats, earthworms, or<br />
alternatively, we can release them into the sea to build nests to restore the<br />
sea.<br />
House Th<br />
a house o<br />
To be a h<br />
can live<br />
“The proposal presents a conceptual and practical exploration<br />
into creating a symbiotic space, which is a very challenging<br />
topic for both students and professionals. Its simplicity and<br />
adaptability to various natural environments are beautiful<br />
and fascinating. Suggesting different possibilities, the intriguing<br />
lightness and transparency can be perceived as a both<br />
house and a ruin.”<br />
Tian Tian Xu
110<br />
<strong>ASA</strong> International Design Competition <strong>2023</strong><br />
Second Prize / Students<br />
“Living Under the<br />
Shadow of Death”<br />
Semyon Egorov<br />
In today’s fast world, there are so few places where<br />
animals can live in decent conditions, such as<br />
nature has created them. One of these places is a<br />
cemetery a place where people do not hurry, do<br />
not chase fate, , do not arrange business, and do<br />
not even make noise, a place, where nature reigns,<br />
and people are dead. The concept of this project<br />
implies the use of the human shell as a material for<br />
fertilizing various natural structures and thereby<br />
strengthening the wild ecosystem of the cemetery.<br />
Animals live on the territory of city parks, and feel<br />
quite ce comfortable, but the constant human presence,<br />
as well as strong noise and light pollution,<br />
negatively affects half of the population of small<br />
species of animals such as insects, rodents, birds.<br />
The cemetery is an almost closed closed ecosystem,<br />
with wild natural connections, excluding<br />
the constant human influence, we will get the most<br />
favorable structure for small animals. Also, numerous<br />
studies show that one of the best places for<br />
animals to live in large cities is cemeteries.
Students<br />
111<br />
“Proposes a new type of cemetery, which takes advantage of<br />
the relative “quietness” of humans on the site, to create an<br />
urban ecosystem that is less human-centered. Although the<br />
science behind the project seems underdeveloped and the<br />
name is misleading, the project actually emphasizes life in a<br />
thoughtful and observant way by recognizing that cemeteries<br />
are a logical place to “re-wild” with a realistic list of species<br />
such as small animals that already live in cities.”<br />
Savinee Buranasilapin
112<br />
<strong>ASA</strong> International Design Competition <strong>2023</strong><br />
Third prize / Students<br />
KIT-CHEN-KAN<br />
Pichayapak Kingpum<br />
Chanissara Sriharat<br />
Patsakorn Arporn<br />
Fist meaning is “ let’s cook”, We’ll use cooking to<br />
reconnect to nature. In the same way it also mean<br />
“I think so.“ When people turn back to respect<br />
and realize about the worth of nature, We are like<br />
minded.<br />
Everyone need cooking. it’s the one in living life<br />
process. Some time humans not only cook food<br />
but they also attack the origin of food too.<br />
Living things in biome can live together. we can<br />
exchange our resource with nature. Because there<br />
are not only human in this world. our foods might<br />
be their foods too. We will use architecture to be<br />
one part of creating food cycle space, where the<br />
nature gives their benefits to human and things<br />
from human will get back to nature too. 1% of our<br />
food waste could be 100% of their nutrition.<br />
The World Food Programme indicate that “Around<br />
1/3 of the world’s food is squandered.1.3 billion tons<br />
of waste food. Approximately trillion USD.” So, If<br />
we could completely reconnect and circulate the<br />
cycle, We would save 1.3 billion tons of waste food<br />
or trillion USD. And we would save precious life<br />
those are not only human.
Students<br />
1<strong>13</strong><br />
“A simple idea that closes the loop<br />
on how we deal with food. Although<br />
it might not be an architectural<br />
proposal, it reminds us of how<br />
we have been living before things<br />
became too elaborate, before it<br />
was necessary to buy expensive<br />
or advanced garbage bins just for<br />
recycling and decomposing garbage.<br />
The project could be more<br />
interesting if it can suggest how<br />
this idea can be modified to fit<br />
other contexts such as urban<br />
ones or condominiums.”<br />
Rachaporn Choochuey
114<br />
<strong>ASA</strong> International Design Competition <strong>2023</strong><br />
Finalist / Students<br />
Tree of Life<br />
Nikita Logaza<br />
For centuries, humanity has only taken from nature:<br />
its best places, resources, and space, without<br />
giving anything in return. But today, thanks to advances<br />
in technology, bioprogramming, and neural<br />
networks, we can repay our debt to nature. We can<br />
create a new world where architecture merges with<br />
living organisms and becomes entirely biological.<br />
We genetically modify living structures, turning<br />
them into new cities and forests. We are restoring<br />
nature to its rightful place on the planet, and even<br />
where ecosystems are completely destroyed, we<br />
are creating new species of plants capable of<br />
surviving even in the harshest conditions. They will<br />
become the guiding light for the rebirth of nature,<br />
animating dead land and creating new life. These<br />
artificial plants will not reproduce uncontrollably,<br />
but will serve only as a tool for us and nature. We<br />
are building new settlements and cities where<br />
there was once no life. A new type of plant will<br />
become a new home for humans and animals,<br />
more environmentally friendly, profitable, and<br />
convenient than any modern city.<br />
Nature has gifted us with intelligence and consciousness,<br />
and we must return everything we have<br />
taken from it and even more. Now we can start a<br />
new chapter in our history, a chapter where humans<br />
and nature live together in a common home for<br />
us - the tree of life.
Students<br />
115<br />
Finalist / Students<br />
Biodivers(C)ity”<br />
Alexandra Liasova<br />
In the modern city there are many creatures besides<br />
humans, some of the animals, birds and insects<br />
have taken root in difficult conditions, but the city<br />
has forced many out of their usual habitat. The city<br />
needs a new form of habitat that can become a<br />
home for animals, secure in the urban environment,<br />
and diversify urban flora and fauna.
116<br />
<strong>ASA</strong> International Design Competition <strong>2023</strong><br />
Finalist / Students<br />
Shrine - Relation<br />
Mooktapa Sookkeaw<br />
The shrine has long been associated with the beliefs<br />
of Thai people. It is the place of the sacred where<br />
people can gain spiritual solace and engage in a<br />
variety of religious rituals. The shrine can classified<br />
into three categories a ceremonial shrine that can<br />
only stand on the ground, with four pillars that is<br />
only applied in non-public areas, and a spirit shrine<br />
also can only stand on the ground , with one pole<br />
is applied in semi-public areas. And a Phra Phrom<br />
Shrine installable both on the roof and the ground<br />
It is offers services at various levels. applied in<br />
public areas and Each shrine have a different type<br />
and fuction, that is the city, the suburbs, a rural,<br />
and natural resources.<br />
Although the context and environment have changed<br />
throughout time, the shrine usefulness is still restricted.<br />
Also, there are issues in a variety of situations.<br />
It has an impact. for example, an abandoned<br />
shrine that makes passersby nervous, making the<br />
area feel desolate.It has turned into a haven for<br />
criminal conduct. Or the issue of offerings not being<br />
properly disposed of or used to generate waste for<br />
the neighborhood.<br />
We can observe that the shrine occasionally serves<br />
as more than just a place for the sacred in another<br />
realm. It can also serve as a haven for animals, with<br />
birds, cats, squirrels or other creatures residing in<br />
the shrinet. Also, the shrine acts as a warning of the<br />
risks that may arise. For instance, shrine are frequently<br />
put up in areas where vehicle accidents are<br />
common to encourage drivers to exercise greater<br />
caution.<br />
The issue with the conventional shrine has been<br />
addressed and brought to this project. To have<br />
functions that are better adapted to the era, as<br />
lightingthe many species of anima Is gather to eat,<br />
region for resource , rotation Animals can have a<br />
place to live and It serves as a venue for social<br />
gatherings of people out from the house.<br />
Bring up the name of this project ‘Shrine-Relation,”<br />
which connects and establishes relation between<br />
beliefs, human, animals, and environment together<br />
for better conexistence.
Students<br />
117<br />
Finalist / Students<br />
PLATALAY<br />
Tinadda Somproh<br />
Rapakorn Kampanatsanyakorn<br />
Kamphaeng Rammasut<br />
Chanakan Teekawiwantana<br />
‘Not Only Human Architecture’ as a new habitat for<br />
coral-dependent marine animal.<br />
The rising temperature of seawater, combined with<br />
the impact of increased marine tourism, has resulted<br />
in ships damaging coral reefs by anchoring. As a<br />
result, we are creating new habitats for coral-dependent<br />
marine animals, whether small fish, large<br />
fish, or even turtles, which will persist and may soon<br />
become extinct, and also provide space for turtles<br />
on an artificial beach to maintain and complete the<br />
food chain.<br />
When it comes to the design, it takes lessons from<br />
the hollow characteristics and appearance of corals,<br />
creating a new space that is suitable for the beginning<br />
of corals and algae that can also be connected<br />
to this new space from the seabed as a structure<br />
with an artificial beach on the water for turtles to<br />
lay eggs; the underwater part provides habitats and<br />
coral restoration areas for marine animals and connects<br />
with the original coral reefs, allowing for the<br />
centralization of fish homes, the continuation of the<br />
food chain, and the survival of marine ecosystems.
118<br />
<strong>ASA</strong> International Design Competition <strong>2023</strong><br />
Finalist / Students<br />
Antigarbage Boat<br />
Egor Kiselev<br />
In the modern world, the problem of water pollution<br />
is gaining more and more scale. Intensively operating<br />
factories, giant plastic production and the lack<br />
of a proper ecological idea have generated severe<br />
pollu¬tion of various water areas with garbage.<br />
According to various estimates, more than 8 million<br />
tons of plastics enter the world ocean every year.<br />
Almost all the garbage gets there through the<br />
rivers and concentrates on its surface. For example,<br />
the great Pacific garbage patch is located in the<br />
North Pacific Ocean and covers an area of about<br />
1.6 million square kilometers<br />
This project is a floating treatment facilities that<br />
are able to work completely autonomously: move,<br />
clean the reservoir and remove garbage to a special<br />
station. Their number per one area of the water<br />
area may vary. The main criterion for their work is<br />
to be located at the places where rivers flow into<br />
the ocean and at places of intense accumulation<br />
of garbage
Students<br />
119<br />
Finalist / Students<br />
Under and<br />
Upper the tree<br />
Panisara Udomlertsakul<br />
This work is inspired by the shape of a tree like a<br />
connection between people animals and Longstanding<br />
beliefs. It acts as a structure that supports<br />
the tree to be stronger, the roof can caught the<br />
fallen leaves from the tree to become a nest for<br />
birds and insects to live in. Without interfering<br />
between humans under the eaves and the droppings<br />
of the dung will not mess up in human space<br />
either. The structure under the human eaves can<br />
be used in a variety ways and flexibly.<br />
It’s can used as a seat, table, pet climbing also<br />
can be used as a place for religious rituals such<br />
as bathing the Buddha and tying tricolours to<br />
become a garden art. In addition, this structure<br />
is easily disassembled and transportable, it can<br />
be installed in various urban areas, both in parks<br />
on the ground or a garden on a condo to solve the<br />
problem of birds nesting in urban buildings. To<br />
be a coexistence between people, animals, nature<br />
and beliefs.
120<br />
<strong>ASA</strong> Platform<br />
Selected<br />
Materials<br />
<strong>2023</strong><br />
Photo Courtesy of The Association of Siamese Architects Under Royal Patrouge<br />
and Worapas Dusadeewijaiexcept as noted
<strong>ASA</strong> Platform Selected Materials <strong>2023</strong><br />
121<br />
<strong>ASA</strong> Platform Selected Materials <strong>2023</strong><br />
เป็นกิจกรรมใหม่ในงานสถาปนิก’66 โดย <strong>ASA</strong><br />
Platform เพื่อแสดงวัสดุและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ<br />
ทางสถาปัตยกรรมหลากหลาย ที่สะท้อนถึง<br />
วิวัฒนาการของแนวคิดและแนวคิดในการ<br />
ตอบสนองต่อกระแสโลก ความก้าวหน้าของ<br />
วัสดุก่อสร้างและสถาปัตยกรรมเป็นสิ่งสำาคัญ<br />
สำาหรับอุตสาหกรรมการออกแบบและการ<br />
ก่อสร้าง อีกทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนให้<br />
กับผู้ผลิตวัสดุและผู้นำาเข้าช่วยให้ผู้ประกอบ<br />
การสามารถพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์<br />
และบริการของตนได้<br />
วัสดุที่เลือกใช้สะท้อนแนวคิดและแนวคิดที่<br />
พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองวิถีและแนวโน้มของโลก<br />
เช่น การใช้ทรัพยากร ความยั่งยืน เศรษฐกิจ<br />
หมุนเวียน การจัดการของเสียจากอุตสาหกรรม<br />
และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ วัสดุ<br />
จำานวนมากเน้นไปที่แนวคิดใหม่ๆ เทคโนโลยี<br />
การใช้งานที่ชาญฉลาด และการใช้วัสดุจาก<br />
ธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความ<br />
ตระหนักที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพได้นำาไปสู่<br />
การพัฒนาวัสดุที่ออกแบบมาโดยคำานึงถึง<br />
ความปลอดภัย ความสะดวก และความเป็น<br />
อยู่ที่ดีของผู้ใช้ วัสดุเหล่านี้จะได้รับการพัฒนา<br />
อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้คุณภาพและมาตรฐาน<br />
ที่สูงขึ้น เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการ<br />
ออกแบบและการก่อสร้างในอนาคต อย่างไร<br />
ก็ตาม ด้านอื่น ๆ เช่น ความรับผิดชอบระดับโลก<br />
และสิ่งแวดล้อม กระบวนการผลิต โลจิสติกส์<br />
บริการ การใช้งาน อายุการใช้งาน และการ<br />
จัดการของเสีย จะเป็นความท้าทายที่สำาคัญ<br />
สำาหรับผู้ผลิตและแบรนด์ในปัจจุบันอย่าง<br />
หลีกเลี่ยงไม่ได้<br />
<strong>ASA</strong> Platform Selected Materials <strong>2023</strong><br />
is a new event at Architect’23 organized<br />
by <strong>ASA</strong> Platform to showcase a diverse<br />
range of architectural materials and<br />
products that reflect the evolution of<br />
ideas and concepts in response to<br />
global trends. The advancement of architectural<br />
and building materials is crucial<br />
for the design and construction industries,<br />
and the promotion and support<br />
provided to material manufacturers<br />
and importers empower entrepreneurs<br />
to develop and innovate their products<br />
and services.<br />
The materials selected reflect ideas<br />
and concepts that have evolved in<br />
response to global trajectories and<br />
trends, such as resource consumption,<br />
sustainability, the circular economy,<br />
industrial waste management, and<br />
carbon dioxide emissions. Many of the<br />
materials focus on new ideas, technology,<br />
smart living applications, and<br />
the use of natural and environmentally<br />
friendly materials. The growing awareness<br />
of health has led to the development<br />
of materials designed with user<br />
safety, convenience, and well-being in<br />
mind. These materials will continue to<br />
be developed to achieve higher quality<br />
and standards, benefiting the design<br />
and construction industries in the future.<br />
However, other aspects, such as global<br />
and environmental responsibility, manufacturing<br />
processes, logistics, services,<br />
applications, lifespan, and waste<br />
management, will continue to pose<br />
significant challenges to manufacturers<br />
and brands.
122<br />
Sustainable Material<br />
ALNEX<br />
Aluminum System<br />
Alnex เป็นแบรนด์ไทยที่เน้นงานระบบอะลูมิเนียม<br />
ตกแต่งอาคารเพื่อความยั่งยืน ด้วยประสบการณ์<br />
กว่า 40 ปี โดยนำาเสนอผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม<br />
น้ำาหนักเบา บำารุงรักษาง่าย พร้อมความสวยงาม<br />
และความปลอดภัยเหนือกาลเวลา ด้วยนวัตกรรม<br />
การออกแบบและกระบวนการผลิต Alnex มี<br />
นโยบายด้านความยั่งยืนโดยช่วยลดการปล่อย<br />
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 23% เมื่อเทียบกับ<br />
โรงงานทั่วไป ด้วยกำาลังการผลิต 42,000 ตันต่อปี<br />
ได้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง<br />
3,758 ตัน ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 400 ต้น<br />
ต่อปีโดยไม่ต้องปลูกป่า<br />
Alnex, a Thai brand, focuses on sustainable<br />
architectural decorative aluminum<br />
systems for exterior coverings. With over<br />
40 years of experience, the company<br />
offers lightweight, easy-to-maintain<br />
aluminum products with timeless beauty<br />
and safety. With innovative design and<br />
production processes, Alnex reduces<br />
carbon dioxide emissions by 23% compared<br />
to conventional factories. With a<br />
production capacity of 42,000 tonnes<br />
per year, Alnex has reduced CO2 emissions<br />
by 3,758 tonnes, equivalent to<br />
planting 400 trees per year without<br />
reforestation.<br />
alnexthailand.com
Recycled Material<br />
123<br />
Carpets Inter, a subsidiary of TCM Corporation<br />
PCL, has been a leader in sustainable<br />
carpet tiles for over 45 years. Their<br />
new product, EcoSoft® carpet mat material,<br />
made from recycled PET drinking<br />
water bottles, is a high-quality, environmentally<br />
friendly alternative to traditional<br />
carpet underlay. The brand uses 80%<br />
post-consumer waste bottles and 5%<br />
post-industrial recycled PET bottles for<br />
its raw materials. EcoSoft® carpet tiles<br />
are breathable, easy to clean, and can<br />
be replaced if damaged. The product is<br />
internationally recognized as RED LIST<br />
FREE by the International Living Future<br />
Institute. Carpets Inter aims to recycle<br />
1 billion plastic water bottles by 2025<br />
and achieve a net-zero greenhouse effect<br />
by 2050. The company also produces<br />
sound partition walls and acoustic panels<br />
for homes and commercial spaces under<br />
the RT acoustic and Royal Thai brands.<br />
carpetsinter.com<br />
EcoSoft<br />
Carpet Mat Material<br />
EcoSoft เป็นวัสดุพรมปูพื้นรุ่นใหม่จาก Carpet<br />
Inter บริษัทในเครือ บมจ.ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น<br />
ซึ่งเป็นผู้นำาด้านพรมปูพื้นอย่างยั่งยืนมากว่า 45 ปี<br />
EcoSoft ทำาจากขวดน้ำาดื่ม PET รีไซเคิล เป็น<br />
ทางเลือกคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม<br />
แทนแผ่นรองพรมแบบดั้งเดิม แบรนด์ใช้ขวด<br />
เหลือใช้ 80% และขวด PET รีไซเคิล 5% เป็น<br />
วัตถุดิบ กระเบื้องพรม EcoSoft® ระบายอากาศ<br />
ได้ดี ทำาความสะอาดง่าย และสามารถเปลี่ยนได้<br />
หากชำารุด ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการยอมรับในระดับ<br />
สากลว่าเป็น RED LIST FREE โดย International<br />
Living Future Institute Carpets Inter ตั้งเป้าที่จะ<br />
รีไซเคิลขวดน้ำาพลาสติกให้ได้ 1 พันล้านขวด<br />
ภายในปี 2568 และบรรลุภาวะเรือนกระจกสุทธิ<br />
เป็นศูนย์ภายในปี 2593 นอกจากนี้ บริษัทยังผลิต<br />
ผนังกั้นเสียงและแผงอะคูสติกสำาหรับบ้านและ<br />
พื้นที่เชิงพาณิชย์ภายใต้แบรนด์ RT acoustic และ<br />
Royal Thai
124<br />
Sustainable Material<br />
COTTO eco Collection<br />
Tiles<br />
ในยุคปัจจุบัน ผู้คนหันมาใส่ใจกับปัญหาสิ่งแวดล้อม<br />
มากขึ้นและให้ความสำาคัญกับการแก้ปัญหาอย่าง<br />
ยั่งยืน COTTO แบรนด์กระเบื้อง สุขภัณฑ์ และ<br />
ก๊อกน้ำา สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกที่ผสาน<br />
เทคโนโลยีเข้ากับการดูแลสิ่งแวดล้อม บริษัทให้<br />
ความสำาคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริม<br />
แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน กระเบื้อง COTTO Eco<br />
Collection ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล ลดการใช้<br />
ทรัพยากรธรรมชาติใหม่ได้ถึง 80% ส่งผลให้<br />
การปล่อย CO2 จากการขนส่งและน้ำาหมุนเวียน<br />
ลดลง 75% การลดลงนี้เทียบเท่ากับการปลูก<br />
ต้นไม้กว่า 944 ต้น กระบวนการผลิตปราศจาก<br />
สารอินทรีย์ระเหยง่าย สารเคมี และโลหะหนัก<br />
ที่มีผลกระทบต่อมนุษย์และธรรมชาติ ซีรีส์ ECO-<br />
TERRA ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องปั้นดินเผา<br />
ดินเผาแบบดั้งเดิม นำาเสนอการออกแบบร่วม<br />
สมัยสำาหรับทั้งการปูกระเบื้องและการตกแต่ง<br />
ECO-TERRA VISTA (MIX) ได้รับแรงบันดาลใจ<br />
จากการออกแบบของชิโนโปรตุกีส ในขณะที่<br />
ECO-TERRA BOHO มีลวดลายกราฟิกแนวทแยง<br />
และเอฟเฟกต์นูน แต่ละซีรีส์ได้รับการออกแบบ<br />
มาเพื่อตอบสนองความต้องการของไลฟ์สไตล์<br />
และผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำาคัญกับการมี<br />
ส่วนร่วมในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมเพื่อความ<br />
ยั่งยืน<br />
In the modern era, people are increasingly<br />
concerned about environmental issues<br />
and focusing on sustainable solutions.<br />
COTTO, a brand of tiles, sanitary ware,<br />
and faucets, has been creating ecofriendly<br />
products that combine technology<br />
with environmental care. The company<br />
emphasizes the importance of<br />
saving the environment and promoting<br />
sustainable practices. COTTO Eco<br />
Collection tiles, made from recycled<br />
materials, reduce the use of new natural<br />
resources by up to 80%, resulting in a<br />
75% reduction in CO2 emissions from<br />
transportation and circulating water.<br />
This reduction is equivalent to planting<br />
over 944 trees. The production process<br />
is free from volatile organic compounds,<br />
chemicals, and heavy metals that affect<br />
humans and nature.<br />
The ECO-TERRA series, inspired by<br />
traditional terracotta pottery, offers<br />
contemporary designs for both tiling<br />
and decorative purposes. The ECO-<br />
TERRA VISTA (MIX) is inspired by<br />
Chino Portuguese design, while the<br />
ECO-TERRA BOHO features diagonal<br />
graphic patterns and emboss effects.<br />
Each series is designed to meet the<br />
needs of a new lifestyle and consumers<br />
who value their participation in environmental<br />
development for sustainability.<br />
Cotto.com<br />
Cottolife.com
Innovative Material<br />
125<br />
Golhem<br />
Modified Clay Material<br />
Modified Clay Material (MCM) เป็นนวัตกรรม<br />
ทางเลือกใหม่สำาหรับวัสดุด้านหน้าอาคารแบบ<br />
ดั้งเดิมในอุตสาหกรรมสถาปัตยกรรม ซึ่งนำาเสนอ<br />
มุมมองใหม่ในด้านสุนทรียศาสตร์ MCM ผลิตจาก<br />
ดินเหนียวและหินบดละเอียดผสมแร่ธาตุอื่น ๆ<br />
ทำาให้ได้สีที่เป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้สีเคมี<br />
พิมพ์งาน หรือเลือกคอมพิวเตอร์ มันถูกบีบอัด<br />
และขึ้นรูปเป็นแผ่นโดยมีแผ่นรองตาข่ายไฟเบอร์<br />
กลาส ทำาให้ง่ายต่อการติดตั้งโดยไม่สร้างภาระให้<br />
กับโครงสร้างอาคาร เทคโนโลยีที่ใช้ใน MCM นั้น<br />
คล้ายคลึงกับการพิมพ์ 3 มิติ ทำาให้ได้ความลึก<br />
และลวดลายที่หลากหลายจากดินเหนียวและ<br />
แร่ธาตุ ผสมผสานกับคุณสมบัติตามธรรมชาติ<br />
ของพื้นผิวและสี<br />
แผ่น MCM ของ Golhem โดดเด่นด้วยสีที่แท้จริง<br />
และวิทยาศาสตร์ของส่วนผสมผงละเอียดของ<br />
แร่ธาตุหิน ทำาให้ที่ดินแต่ละรุ่นมีบุคลิกของตัวเอง<br />
ซึ่งแตกต่างจากวัสดุพื้นผิวแบบดั้งเดิมที่ต้องตัด<br />
เป็นแผ่นหินก่อนการติดตั้ง วิธีการนี้ทำ าให้ได้วัสดุ<br />
ที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นโดย<br />
ไม่จำาเป็นต้องเลียนแบบหรือลอกเลียนแบบ<br />
อนาคตของ Golhem สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ใน<br />
การร่วมสร้างนวัตกรรมและพัฒนาผลิตภัณฑ์<br />
ใหม่กับพันธมิตรในต่างประเทศ โดยใช้วัตถุดิบ<br />
ในประเทศไทย และตอบสนองความต้องการของ<br />
แวดวงการออกแบบไทย<br />
Modified Clay Material (MCM) is an<br />
innovative alternative to traditional<br />
facade materials in the architecture<br />
industry, offering a new perspective in<br />
aesthetics. MCM is made from clay<br />
and finely powdered stone, with other<br />
minerals, resulting in a natural color<br />
without the need for chemical pigments,<br />
print jobs, or computer selection. It is<br />
compressed and formed into sheets<br />
with a fiberglass mesh backing, making<br />
it easy to install without burdening<br />
the building structure. The technology<br />
used in MCM is similar to 3D printing,<br />
allowing for various depths and patterns<br />
from the clay and minerals combined<br />
with the natural properties of texture<br />
and color.<br />
Golhem’s MCM sheets are characterized<br />
by their true color and the science of fine<br />
powder ingredients of stone minerals,<br />
giving each generation of land its own<br />
personality. This is different from traditional<br />
surface materials, which require<br />
cutting into stone slabs before installation.<br />
This approach allows for more<br />
sustainable and eco-friendly materials<br />
without the need for imitation or imitation.<br />
Golhem’s future is in line with its vision<br />
of co-innovating and developing new<br />
products with overseas partners, using<br />
raw materials in Thailand, and meeting<br />
the needs of Thai design circles.<br />
matdept.com
126<br />
Sustainable Material<br />
LOQA<br />
Environmentally Friendly Brick<br />
LOQA เป็นแบรนด์อิฐที่พัฒนาจากธุรกิจครอบครัว<br />
ที่ผลิตอิฐและวัสดุก่อสร้างทนไฟ สู่การเป็นผู้ริเริ่ม<br />
ในการผลิตวัสดุก่อสร้างที่มีสไตล์และมีคุณภาพสูง<br />
ซึ่งทำาจากเศษเซรามิก LOQA ผสมผสานความ<br />
หลงใหลในวัสดุรีไซเคิลเข้ากับความคิดสร้างสรรค์<br />
และการออกแบบ โดยมุ่งเน้นที่การลดผลกระทบ<br />
ต่อสิ่งแวดล้อม เริ่มต้นจากการผลิตและจบลงด้วย<br />
การนำาวัสดุกลับมาใช้ใหม่หรือส่งคืนเพื่อดำาเนิน<br />
การผลิตใหม่ สายผลิตภัณฑ์ของ LOQA ได้รับ<br />
การพัฒนา โดยเริ่มจากกระเบื้องทรงกลมที่ทำ าจาก<br />
วัสดุรีไซเคิลและมีให้เลือกมากกว่า 60 สี บริษัท<br />
ยังได้พัฒนา Unburnt Circular Tiles ซึ่งเป็นวัสดุ<br />
ใหม่ที่ไม่ต้องใช้ความร้อนและพัฒนาด้วยเคมีและ<br />
วัสดุศาสตร์<br />
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เข้าร่วม Material Conne-<br />
Xion Bangkok ซึ่งเป็นฐานข้อมูลวัสดุของ CEA ซึ่ง<br />
เชื่อมต่อกับห้องสมุดวัสดุทั่วโลก ความคิดริเริ่มนี้<br />
สนับสนุนให้นักออกแบบและนักสร้างสรรค์ขยาย<br />
ขอบเขตจินตนาการและสร้างผลิตภัณฑ์ที่เติมเต็ม<br />
วิสัยทัศน์และจินตนาการของพวกเขา ปัจจุบัน<br />
LOQA เป็นหนึ่งในสมาชิกบริษัท 3,000 แห่งของ<br />
โครงการ 1% for the Planet ซึ่งบริจาคส่วนหนึ่ง<br />
ของยอดขายผลิตภัณฑ์ให้กับองค์กรด้าน<br />
สิ่งแวดล้อมที่มุ่งมั่นที่จะสร้างการสนับสนุนด้าน<br />
สภาพอากาศ อาหาร ที่ดิน มลพิษ น้ำ า และสัตว์ป่า<br />
LOQA, a brick brand, has evolved from<br />
a family business manufacturing bricks<br />
and fire-resistant building materials to<br />
an innovator in producing stylish, highquality<br />
building materials made from<br />
ceramic waste. The brand combines<br />
passion for recyclable materials with<br />
creativity and design, focusing on reducing<br />
environmental impact. The life<br />
cycle begins with manufacturing and<br />
ends with the materials being reused<br />
or returned for a new production run.<br />
LOQA’s product lines have evolved,<br />
starting with circular tiles made of recycled<br />
materials and available in over 60<br />
colors. The company has also developed<br />
Unburnt Circular Tiles, a new material<br />
that does not require heat and is developed<br />
through chemistry and material<br />
science.<br />
The company has also joined Material<br />
ConneXion Bangkok, CEA’s material<br />
database, which connects to material<br />
libraries worldwide. This initiative encourages<br />
designers and creators to expand<br />
their imaginations and create products<br />
that fulfill their vision and imagination.<br />
LOQA is now one of the 3,000 company<br />
members of the 1% for the Planet initiative,<br />
which donates a portion of product<br />
sales to fund environmental organizations<br />
committed to building support for<br />
climate, food, land, pollution, water, and<br />
wildlife.<br />
facebook.com/loqa.co
Healthcare and Hygiene Material<br />
127<br />
MicroWhite<br />
Fiberglass Insulation<br />
Microfiber Industries Limited, the first<br />
company in ASEAN to make fiberglass<br />
insulation in 1978, has made significant<br />
progress in technology since 1991 by<br />
changing its formula to use fiberglass<br />
instead of silica. This change has led to<br />
increased production capacity and a<br />
new product called MicroWhite, which is<br />
made entirely of recycled glass bottles<br />
and certified by Green Label Thailand.<br />
MicroWhite is a white-colored fiberglass<br />
insulation that is free of chemicals, color<br />
pigments, and VOCs. The eco-friendly<br />
properties of both raw materials and<br />
the end product are certified by formaldehyde<br />
emission testing performed<br />
globally by a renowned laboratory<br />
in Germany. The company has also<br />
improved the basic properties of fiberglass<br />
insulation, such as noise absorption,<br />
heat conduction, and temperature<br />
reduction, to meet the needs and expectations<br />
of today’s consumers. It works<br />
with partners to create new product<br />
lines that are easier to use, install, and<br />
decorate, such as VOC-free fabric<br />
insulation used in conference halls,<br />
schools, and office buildings. This<br />
commitment to sustainability is evident<br />
in providing high-quality insulation<br />
products that meet the needs of today’s<br />
consumers.<br />
microfiber.co.th<br />
Microfiber เป็นแบรนด์แรกในอาเซียนที่ผลิต<br />
ฉนวนใยแก้วในปี พ.ศ. 2521 มีความก้าวหน้า<br />
อย่างมากในด้านเทคโนโลยีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534<br />
โดยเปลี่ยนสูตรเพื่อใช้ใยแก้วแทนซิลิกา การ<br />
เปลี่ยนแปลงนี้นำาไปสู่การเพิ่มกำาลังการผลิตและ<br />
ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เรียกว่า MicroWhite ซึ่งทำ าจาก<br />
ขวดแก้วรีไซเคิลทั้งหมดและได้รับการรับรองจาก<br />
Green Label Thailand<br />
MicroWhite เป็นฉนวนใยแก้วสีขาวที่ปราศจาก<br />
สารเคมี สารสี และ VOCs คุณสมบัติที่เป็นมิตร<br />
ต่อสิ่งแวดล้อมของทั้งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ขั้น<br />
สุดท้ายได้รับการรับรองโดยการทดสอบการ<br />
ปล่อยสารฟอร์มาลดีไฮด์ที่ดำาเนินการทั่วโลกโดย<br />
ห้องปฏิบัติการที่มีชื่อเสียงในเยอรมนี บริษัทยังได้<br />
ปรับปรุงคุณสมบัติพื้นฐานของฉนวนใยแก้ว เช่น<br />
การดูดซับเสียง การนำาความร้อน และการลด<br />
อุณหภูมิ เพื่อตอบสนองความต้องการและความ<br />
คาดหวังของผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยทำางานร่วม<br />
กับพันธมิตรเพื่อสร้างไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้งาน<br />
ติดตั้ง และตกแต่งได้ง่ายขึ้น เช่น ฉนวนใยผ้า<br />
ปลอดสาร VOC ที่ใช้ในห้องประชุม โรงเรียน และ<br />
อาคารสำานักงาน ความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืนนี้<br />
แสดงให้เห็นชัดเจนในการนำาเสนอผลิตภัณฑ์<br />
ฉนวนคุณภาพสูงที่ตอบสนองความต้องการของ<br />
ผู้บริโภคในปัจจุบัน
128<br />
RecycoEX<br />
Paving Block<br />
RecycoEX ได้รับการก่อตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหา<br />
ขยะกำาพร้าในกระบวนการรีไซเคิล เป็นการรวม<br />
แนวคิดของการรีไซเคิลและการอัดขึ้นรูปเข้าด้วย<br />
กัน ทำาให้วัตถุดิบกลายเป็นชิ้นส่วนที่ต้องการ<br />
แบรนด์เริ่มต้นด้วยการสร้างแอปพลิเคชั่นเพื่อซื้อ<br />
และรวบรวมขยะ โดยเน้นที่ขยะกำาพร้าซึ่งสามารถ<br />
นำาไปใช้สร้างบล็อกปูพื้นถนนที่เป็นมิตรต่อ<br />
สิ่งแวดล้อม<br />
ขยะกำาพร้าเป็นปัญหาสำาคัญในกระบวนการ<br />
รีไซเคิล เนื่องจากขยะเหล่านี้สามารถมีชีวิตอยู่<br />
บนโลกได้นานถึง 200 ปีก่อนที่จะย่อยสลาย<br />
RecycoEX มุ่งเน้นการใช้กล่องนมและถุงขนม<br />
ขบเคี้ยว โดยทำางานร่วมกับโรงงานพันธมิตรเพื่อ<br />
แยกวัสดุบรรจุภัณฑ์แต่ละชั้น จากนั้นกระดาษ<br />
จะถูกส่งต่อไปยังอุตสาหกรรมกระดาษคราฟท์<br />
และฟิล์มพลาสติกและฟิล์มอะลูมิเนียมจะ<br />
แตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ บล็อกปูพื้น RecycoEX<br />
PAVE มีให้เลือก 4 สี ได้รับการพัฒนาเพื่อให้<br />
สามารถแข่งขันกับบล็อกคอนกรีตได้ ทำาให้<br />
ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น แบรนด์มีเป้าหมาย<br />
ที่จะคัดแยกขยะกำาพร้าเพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด<br />
ส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนและลดปริมาณขยะ<br />
ทรัพยากรธรรมชาติ และวัสดุทดแทน<br />
นอกจากการผลิตบล็อกปูพื้นแล้ว RecycoEX ยัง<br />
ให้บริการเต็มรูปแบบตลอดวงจรของเสีย รวมถึง<br />
แอปสำาหรับซื้อขยะและตลาดรีไซเคิลสุดสัปดาห์<br />
แอปเสนอราคาที่ยุติธรรมสำาหรับขยะกำาพร้า<br />
กระตุ้นกลไกและสร้างมูลค่าให้กับขยะที่ถูกลืม<br />
บริษัทตั้งเป้าที่จะสร้างระบบนิเวศสำาหรับขยะ<br />
โดยรวบรวมและใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด และ<br />
สนับสนุนให้ผู้คนเก็บขยะในบ้านของพวกเขาเพื่อ<br />
ส่งเสริมนิสัยที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม<br />
Recycled Material<br />
RecycoEX was founded to address the<br />
issue of orphan waste in the recycling<br />
process. It combines the concepts of<br />
recycle and coextrusion, forming raw<br />
materials into desired parts. The brand<br />
began by creating an application to buy<br />
and collect waste, eventually focusing<br />
on orphan waste, which can be used<br />
to create environmentally friendly road<br />
paving blocks.<br />
Orphan waste is a significant issue in<br />
the recycling process, as it can live on<br />
Earth for up to 200 years before decomposing.<br />
RecycoEX focuses on using<br />
milk cartons and snack bags, working<br />
with partner factories to separate each<br />
layer of packaging material. The paper<br />
is then passed on to the kraft paper<br />
industry, and the plastic film and aluminum<br />
film are broken into small pieces.<br />
The RecycoEX PAVE flooring block,<br />
available in four colors, has been<br />
developed to make it competitive with<br />
concrete blocks, allowing for a wider<br />
range of use. The brand aims to extract<br />
orphan waste for the best possible use,<br />
promoting the circular economy and<br />
reducing waste, natural resources, and<br />
substitute materials.<br />
In addition to producing paving blocks,<br />
RecycoEX provides full service throughout<br />
the waste cycle, including an app<br />
for buying waste and a weekend recycling<br />
market. The app offers a fair price<br />
for orphan waste, stimulating mechanisms<br />
and creating value for forgotten<br />
waste. The company aims to build an<br />
ecosystem for waste by collecting and<br />
utilizing as much as possible, and encourages<br />
people to pick up trash in their<br />
homes to promote good environmental<br />
habits.<br />
recycoex.com
Healthcare and Hygiene Material<br />
129<br />
Soft Floor<br />
Flooring material<br />
COTTO ได้สร้างสรรค์คอลเลกชั่น Soft+ Floor<br />
นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและอนามัย<br />
ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุ เด็ก และ<br />
สัตว์เลี้ยงหลีกเลี่ยงการล้ม ลดเสียงรบกวน<br />
ขณะเดิน และรักษาสิ่งแวดล้อม คอลเลกชัน<br />
นี้ฉลาด ยืดหยุ่น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม<br />
ด้วยลวดลาย Premium Natural Matt และ<br />
เทคโนโลยี EIR (Embossed In Register)<br />
โครงสร้างแกนหลายชั้นและโครงสร้าง 3 ชั้นของ<br />
คอลเลกชันช่วยดูดซับแรงกระแทก ทำาให้มีความ<br />
ยืดหยุ่นมากขึ้นและลดระดับที่ไม่สม่ำาเสมอ ชั้น<br />
กันกระแทกที่มีความหนาแน่นสูงช่วยลดเสียง<br />
รบกวน และเทคโนโลยี Core Sound Protect ได้<br />
รับการรับรองด้วยรางวัล Quiet Mark คอลเลกชัน<br />
นี้ปราศจากรังสี ทำาจากวัสดุบริสุทธิ์ 100% และ<br />
เป็นกระบวนการผลิตที่ไม่มีของเสีย การเคลือบ<br />
EPT Shield บนพื้นผิวนั้นป้องกันรอยขีดข่วน<br />
สีซีดจาง และไม่ปนเปื้อน ทำาให้ทำาความสะอาด<br />
ได้ง่าย และมีสารสุขอนามัยที่ช่วยยับยั้งการเจริญ<br />
เติบโตของแบคทีเรีย คุณสมบัติเหล่านี้เหมาะ<br />
สำาหรับสมาชิกสูงวัย ป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด<br />
และความเสี่ยงจากข้อต่อของร่างกายจากระดับ<br />
พื้นที่ไม่เท่ากัน<br />
COTTO has created the Soft+ Floor<br />
Collection, an innovative health and<br />
hygiene product designed to help the<br />
elderly, children, and pets avoid falling,<br />
reduce noise while walking, and protect<br />
the environment. The collection is smart,<br />
flexible, and environmentally friendly,<br />
with a Premium Natural Matt pattern<br />
and EIR (Embossed In Register) technology.<br />
The collection’s core multilayer<br />
structure and 3-layer structure absorb<br />
shocks, making it more flexible and<br />
reducing uneven levels. The high-density<br />
cushion layer reduces noise, and<br />
the Core Sound Protect Technology is<br />
certified with the Quiet Mark award.<br />
The collection is radiation-free, made<br />
from 100% virgin material, and is a<br />
zero-waste production process. The<br />
EPT Shield coating on the surface is<br />
scratch-resistant, fade-resistant, and<br />
non-contaminating, making it easy to<br />
clean and contains hygienic substances<br />
to inhibit bacteria growth. These properties<br />
are suitable for senior members,<br />
preventing unexpected accidents and<br />
deteriorating body joints from uneven<br />
floors.<br />
ltbycotto.com
<strong>13</strong>0<br />
Raw Material<br />
Thick and Thin<br />
Wooden Furniture<br />
Thick and Thin Studio เป็นธุรกิจของครอบครัว<br />
ที่เริ่มต้นจากการเป็นโรงเลื่อย นำ าเข้าและแปรรูปไม้<br />
จากประเทศมาเลเซีย สโลแกนของบริษัทที่ว่า<br />
“The Subtle Act of Raw and Solid” สะท้อนถึง<br />
เรื่องราวของไม้ผ่านการออกแบบ เฟอร์นิเจอร์ทำ า<br />
จากไม้กว่า 40 ชนิด คัดสรรอย่างดีตามคุณสมบัติ<br />
เฟอร์นิเจอร์เคลื่อนย้ายได้ หยิบใช้สะดวก Thick<br />
and Thin Studio มีแนวคิดที่ต้องการให้นัก<br />
ออกแบบเข้าใจไม้และวิธีแก้ปัญหาทางเทคนิคเพื่อ<br />
สร้างเฟอร์นิเจอร์ที่สมบูรณ์แบบ โดยแยกความ<br />
แตกต่างจากวิธีการผลิตเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ<br />
Thick and Thin Studio, a family business,<br />
began as a sawmill importing and<br />
processing wood from Malaysia. The<br />
company’s slogan, “The Subtle Act of<br />
Raw and Solid,” reflects the story of<br />
wood through design. The furniture is<br />
made from over 40 species of wood,<br />
carefully selected for their properties.<br />
The furniture is moveable, allowing for<br />
easy accessibility. Thick and Thin Studio<br />
challenges designers to understand<br />
wood and technical solutions to create<br />
perfect furniture, setting it apart from<br />
other furniture production methods.<br />
thickandthinstudio.com
CPAC Green Solution<br />
UHPC Concrete<br />
Smart Solution Material<br />
<strong>13</strong>1<br />
Ultra High Performance Concrete (UHPC)<br />
was created by CPAC Green Solution<br />
to improve the mechanical properties of<br />
regular concrete and open up new possibilities<br />
in the construction industry. The<br />
material was first used in the construction<br />
of the CPAC Ultra Bridge, a columnless<br />
bridge built over water at SCG’s<br />
Bangsue headquarters.<br />
UHPC’s pressure is five times higher<br />
than standard concrete and can withstand<br />
tension almost at the same level<br />
as steel. The manufacturing process<br />
uses the steam curing method to improve<br />
strength properties at a faster rate,<br />
resulting in superior qualities. UHPC has<br />
been used in more and more architectural<br />
projects, bridging the gap between<br />
traditional building methods and steel<br />
and concrete.It has broadened restrictions<br />
on concrete structures while<br />
making application and maintenance<br />
easier. The material’s strength and durability<br />
increase the structure’s longevity,<br />
while easier and more convenient maintenance<br />
reduces the long-term cost of<br />
a building and overall carbon emissions.<br />
web.cpac.co.th<br />
Ultra High Performance Concrete (UHPC)<br />
หรือคอนกรีตสมรรถนะสูงพิเศษ เป็นนวัตกรรม<br />
คอนกรีตที่สร้างสรรค์โดย CPAC Green Solution<br />
เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติเชิงกลของคอนกรีตทั่วไป<br />
และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง<br />
วัสดุดังกล่าวถูกนำามาใช้ครั้งแรกในการก่อสร้าง<br />
CPAC Ultra Bridge ซึ่งเป็นสะพานแบบไร้เสาที่<br />
สำานักงานใหญ่บางซื่อของเอสซีจี<br />
แรงกดของ UHPC สูงกว่าคอนกรีตมาตรฐานถึง<br />
ห้าเท่า และสามารถทนต่อแรงดึงได้เกือบเท่ากับ<br />
เหล็ก กระบวนการผลิตใช้วิธีการบ่มด้วยไอน้ำา<br />
เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติความแข็งแรงในอัตราที่<br />
เร็วขึ้น ทำาให้ได้คุณภาพที่เหนือกว่า UHPC ถูกนำ า<br />
มาใช้ในโครงการสถาปัตยกรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ<br />
เชื่อมช่องว่างระหว่างวิธีการสร้างแบบดั้งเดิมกับ<br />
เหล็กและคอนกรีต ได้ขยายข้อจำากัดในโครงสร้าง<br />
คอนกรีตในขณะที่ทำาให้การใช้งานและการบำารุง<br />
รักษาง่ายขึ้น ความแข็งแรงและความทนทานของ<br />
วัสดุช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของโครงสร้าง ใน<br />
ขณะที่การบำารุงรักษาที่ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นจะ<br />
ช่วยลดต้นทุนระยะยาวของอาคารและการปล่อย<br />
ก๊าซคาร์บอนโดยรวม
<strong>13</strong>2<br />
Smart Solution Material<br />
VIZIO, a new generation of automatic<br />
toilets by COTTO, is designed to improve<br />
people’s quality of life by utilizing the<br />
ION Mist innovation, which uses water to<br />
separate ions and coat the inside of the<br />
toilet bowl. The toilets also have features<br />
that make them less messy and more<br />
comfortable, such as a remote control<br />
with vibration and an automatic lid<br />
closure system.<br />
VIZIO<br />
Sanitary Ware<br />
VIZIO เป็นสุขภัณฑ์อัตโนมัติรุ่นใหม่จาก COTTO<br />
ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน<br />
ด้วยนวัตกรรม ION Mist ที่ใช้น้ำาในการแยก<br />
ไอออนและเคลือบภายในโถสุขภัณฑ์ โถสุขภัณฑ์<br />
ยังมีคุณสมบัติที่ทำาให้ไม่เลอะเทอะและสะดวก<br />
สบายยิ่งขึ้น เช่น รีโมทคอนโทรลพร้อมระบบ<br />
สั่นและระบบปิดฝาอัตโนมัติ<br />
ดีไซน์และรายละเอียดของ COTTO ตอบโจทย์<br />
ผู้ใช้ทุกเพศทุกวัย ด้วยรูปทรงที่นั่งสบาย และ<br />
ระบบอัตโนมัติที่ใช้งานง่ายสำาหรับทั้งเด็กและ<br />
ผู้สูงอายุ ระบบชำาระล้างแบบ V-Silent ทำางาน<br />
เงียบกว่าสุขภัณฑ์ทั่วไป และระบบกันน้ำา IPX4<br />
มีระบบปรับอุณหภูมิฝารองนั่ง ที่เป่าลม และ<br />
อุณหภูมิของน้ำา ความมุ่งมั่นของ COTTO ใน<br />
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาองค์กร<br />
อย่างยั่งยืนนั้นเห็นได้จากการใช้พลังงาน<br />
หมุนเวียนและแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน นี่คือ<br />
แนวทางที่คอตโต้ยังคงคิดและสร้างสรรค์ให้<br />
ทุกชีวิตบนโลกมีพื้นที่แห่งความสุข ปลอดภัย<br />
และยั่งยืน<br />
COTTO’s design and details cater to<br />
users of all ages, with large shapes,<br />
comfortable seating, and easy-to-use<br />
automation for both children and the<br />
elderly. The V-Silent flushing system is<br />
quieter than conventional sanitaryware,<br />
and the IPX4 waterproof system includes<br />
a temperature adjustment system for<br />
the seat cover, air blower, and water<br />
temperature. COTTO’s commitment to<br />
environmental conservation and sustainable<br />
organizational development is<br />
evident in their use of renewable energy<br />
and sustainable practices. This is the<br />
direction in which COTTO continues to<br />
think and create for every life on earth to<br />
have a space of happiness, safety, and<br />
sustainability.<br />
cotto.com
Alternative Material<br />
<strong>13</strong>3<br />
Windsor<br />
Vinyl Doors and Windows<br />
Windsor’s Signature Series เป็นกรอบประตูและ<br />
หน้าต่างไวนิลที่ยั่งยืนซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะ<br />
สำาหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย<br />
วัสดุนี้มีคุณสมบัติ UV Stabilizer, Heat Stabilizer,<br />
Impact Modifier และ Anti-Stain ทำาให้เหมาะ<br />
กับสภาพอากาศเขตร้อนของประเทศ นวัตกรรม<br />
ของ Windsor ประกอบด้วยเม็ดสีเย็น ลดการ<br />
ดูดซับความร้อน และลดอุณหภูมิภายในอาคาร<br />
และการใช้พลังงาน แบรนด์ให้ความสำาคัญกับ<br />
กระบวนการผลิตที่ยั่งยืน ส่งผลให้มีความทนทาน<br />
อายุยืนยาว และสามารถรีไซเคิลได้<br />
วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นทางเลือกที่ดี<br />
อย่างหนึ่งในการทดแทนไม้ธรรมชาติ ด้วย<br />
รายละเอียดที่เหมือนจริงและลามิเนตคุณภาพสูง<br />
ที่ได้มาตรฐานเยอรมัน เฟรมทำาหน้าที่เป็น<br />
องค์ประกอบป้องกันการงัดแงะและน้ำารั่วซึม และ<br />
ทนต่อแรงดันอากาศได้สูงสุด 120 กม./ชม.<br />
ทั้งยังลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างมี<br />
ประสิทธิภาพถึง 40% หรือประมาณ 32 เดซิเบล<br />
ซึ ่งดีกว่าเฟรมอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ กรอบประตู<br />
และหน้าต่างไวนิลของ Windsor มีประสิทธิภาพ<br />
ในการปิดผนึกสูงสุดด้วยระบบหลายห้องและ<br />
ยาง EPDM ปิดผนึกสองชั้น ปกป้องพื้นที่อยู่<br />
อาศัยจากมลพิษทางอากาศ และเข้ากันได้กับพื้นที่<br />
อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูง ให้ประโยชน์ทั้ง<br />
ด้านประโยชน์ใช้สอยและความสวยงาม<br />
Windsor’s Signature Series is a sustainable<br />
vinyl door and window frame<br />
designed specifically for Thailand’s<br />
hot and humid climate. The material<br />
features UV Stabilizer, Heat Stabilizer,<br />
Impact Modifier, and Anti-Stain, making<br />
it suitable for the country’s tropical<br />
climate. Windsor’s innovative formula<br />
incorporates cool pigment, reducing<br />
heat absorption and reducing interior<br />
temperature and energy consumption.<br />
The brand prioritizes a sustainable<br />
manufacturing process, resulting in<br />
superior durability, longevity, and<br />
recyclability.<br />
The eco-friendly material is a great<br />
alternative to natural wood, with real-<br />
istic details and high-quality laminate<br />
that meets German standards. The<br />
frames serve as protective elements,<br />
preventing intruders and water leakage,<br />
and can withstand up to 120 km/h of<br />
air pressure. They also effectively<br />
reduce outside noise intrusion by 40%,<br />
or approximately 32 decibels, better<br />
than most aluminum frames. Windsor<br />
frames provide ultimate sealing ability<br />
with their multi-chamber system and<br />
double-sealed EPDM rubber, protecting<br />
living spaces from air pollution, and<br />
are compatible with both low-rise and<br />
high-rise living spaces, offering both<br />
functional and aesthetic benefits.<br />
windsor.co.th
<strong>13</strong>4<br />
Smart Craft Material<br />
Zila Marble & Decoration<br />
Smart Craft<br />
Zila Marble & Decoration was founded<br />
by an interior designer who sought<br />
customized marble for his home decoration.<br />
The brand has a deep understanding<br />
of the functional aspects and<br />
processes of the material and products,<br />
from aesthetics to the use of machines<br />
and techniques that suit a design. They<br />
have a strong understanding of trends<br />
and Thai designers’ needs, allowing<br />
them to develop products that address<br />
installation-related issues and concerns<br />
for designers, contractors, builders, and<br />
end-users.<br />
Zila Marble & Decoration ก่อตั้งขึ้นโดยนัก<br />
ออกแบบภายในที่มองหาหินอ่อนสั่งทำาพิเศษ<br />
สำาหรับตกแต่ง แบรนด์นี้เน้นที่หินอ่อนธรรมชาติ<br />
นำาเข้า นำาเสนอการออกแบบและการตกแต่งที่<br />
หลากหลาย จุดแข็งของบริษัทอยู่ที่หินอ่อนนำ าเข้า<br />
คุณภาพเยี่ยมและการออกแบบที่มีเอกลักษณ์<br />
เฉพาะซึ่งสร้างสรรค์โดยนักออกแบบชาวไทยที่มี<br />
ความสามารถ มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับ<br />
ลักษณะการทำางานและกระบวนการของวัสดุและ<br />
ผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ความสวยงามไปจนถึงการใช้<br />
เครื่องจักรและเทคนิคที่เหมาะสมกับการออกแบบ<br />
พวกเขามีความเข้าใจเป็นอย่างดีเกี่ยวกับแนวโน้ม<br />
และความต้องการของนักออกแบบชาวไทย ทำาให้<br />
พวกเขาสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่แก้ไขปัญหา<br />
เกี่ยวกับการติดตั้งและข้อกังวลสำ าหรับนักออกแบบ<br />
ผู้รับเหมา ผู้สร้าง และผู้ใช้ปลายทาง<br />
แผ่นหินอ่อนของ Zila Marble เคลือบด้วยน้ำายา<br />
ป้องกันสีซึ่งมีอายุการใช้งาน 1-2 ปี และการ<br />
บำารุงรักษาก็เหมือนกับแผ่นหินอ่อนทั่วไปบริษัท<br />
มุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานระดับสูงและรักษา<br />
มาตรฐานระดับสูงในผลิตภัณฑ์และบริการของตน<br />
นอกจากสินค้ากว่า 100 รายการในหมวดการ<br />
ตกแต่งบ้านแล้ว Zila Marble & Decoration<br />
กำาลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่ เช่น เฟอร์นิเจอร์<br />
หินอ่อน และผนังที่มีรายละเอียดเซาะร่อง การ<br />
สร้างสรรค์ใหม่เหล่านี้จะถูกจดลิขสิทธิ์ภายใต้<br />
แบรนด์ Zila Marble & Decoration ซึ่งช่วยให้<br />
แบรนด์สามารถสำารวจความเป็นไปได้ใหม่ ๆ<br />
สำาหรับหินอ่อนธรรมชาติ และยังคงคิดค้นและ<br />
สร้างสรรค์งานออกแบบที่น่าทึ ่งต่อไป<br />
The brand’s marble slabs are coated<br />
with a color protection solution that<br />
lasts for 1-2 years, and maintenance<br />
is similar to other marble slabs. The<br />
company is committed to maintaining<br />
high standards and maintaining high<br />
standards in their products and services.<br />
In addition to over 100 items in their<br />
home décor category, Zila Marble &<br />
Decoration is working on larger-scale<br />
products, such as marble furniture and<br />
featured walls with grooving details.<br />
These new creations will be copyrighted<br />
under the Zila Marble & Decoration<br />
brand, allowing the brand to explore<br />
new possibilities for natural marble<br />
and continue to innovate and create<br />
stunning designs.<br />
zilamarble.com
<strong>ASA</strong> Journal <strong>13</strong>5<br />
asa Platform Selected<br />
Materials <strong>2023</strong><br />
OUT<br />
NOW!<br />
asa Platform Selected Materials<br />
<strong>2023</strong> is a new materials<br />
and product selection programme<br />
to introduce new<br />
materials to watch in architecture<br />
and construction, organised<br />
by the asa Journal and<br />
the asa Platform of the Association<br />
of Siamese Architects<br />
under Royal Patronage. This<br />
book is the official catalogue<br />
of the project, which collects<br />
the interesting stories of<br />
materials from <strong>13</strong> awardwinning<br />
brands in various<br />
categories for the year <strong>2023</strong>.<br />
asa Platform Selected Materials<br />
<strong>2023</strong> คือโครงการคัดเลือกวัสดุและ<br />
ผลิตภัณฑ์ ใหม่ สําหรับงานสถาปั ตย-<br />
กรรมbและการก่อสร้างที่น่าจับตามอง<br />
ซึ ่งจัดโดยวารสารอาษา และ asa<br />
Platform ของสมาคมสถาปนิกสยามฯ<br />
หนังสื อฉบับพิเศษเล่มนี้เป็ นสู จิบัตร<br />
อย่างเป็ นทางการของโครงการ ซึ ่ง<br />
รวบรวมที่มาและเรื่องราวที่น่าสนใจ<br />
ของวัสดุจาก <strong>13</strong> แบรนด์ที่ได้รับรางวัล<br />
ในสาขาต่าง ๆ ประจําปี <strong>2023</strong><br />
Download the e-book here
<strong>13</strong>6<br />
professional / studio<br />
Greenbox<br />
Design<br />
Surat Pongsupan<br />
THE WATERFALL HOUSE<br />
ช่่วยเล่่าถึึงที่่มาที่่ไปของ “Greenbox<br />
Design” ได้้ไหมครัับว่าเรั่มต้้นขึ นได้้<br />
อย่างไรั?<br />
จริิง ๆ แล้้ว ความสนใจของผมคืองานสถาปัตย์์<br />
แต่ผมกลัับเลืือกเอนทริานซ์์เรีีย์นสาขาอืน เมือ<br />
จบมาจึงได้้เรีีย์กได้้ว่าไม่สามาริถนำาใบปริิญญา<br />
ไปสมัคริงานในสาขาทีผมสนใจได้้ แต่หลัังจาก<br />
นัน ผมก็ได้้ทำางานกับริ่นพี่่ ได้้ล้องเรีีย์นริ้งาน<br />
เมื อทำาไปสักริะย์ะผมก็ตริะหนักได้้ว่าสิงน้ยััง<br />
ไม่ตอบโจทย์์การท ำางานของตัวเอง ทังในเริือง<br />
รููปแบบงาน หรืือความท้าทาย์ที ไม่สามาริถ<br />
ไปไกล้ได้้กว่าน้ จึงตัดสิินใจแบบกำาบันท่บดิิน<br />
เปิด้บริิษััทของตนเองขึนมาในช่่วงริาว ๆ 10 ปี<br />
ทีผ่านมา เรีีย์กได้้ว่าตังบริิษััทขึนมาแบบไม่ริ้<br />
แล้ะก็ไม่ริ้้ด้้วยซ้ำำว่่าจะสามาริถดำำาเนินงานมา<br />
ถึงท่กวันน้ได้้อย่่างไริ อีกทั งช่ือ “Greenbox”<br />
ก็ตังขึนมาแบบตริงไปตริงมา อย่่าง “green”<br />
ก็มาจากทีผมเรีีย์นจบจากมหาวิทย์าลััย์เกษัตริ-<br />
ศาสตร์์ แล้้วเริาถ้กสอนให้พี่้ด้ถึงเริือง passive<br />
design แล้ะ sustainable ก็เป็นอะไริทีพี่้ด้ถึง<br />
สีเขีย์วจึงเป็นทีมาของส่วนแริก ส่วน “box”<br />
นันก็พี่้ด้แทนรููปทริงของสถาปัตย์กริริม แล้ะ<br />
เมือนำามาริวมกันจึงเป็นอะไริทีตริงไปตริงมา<br />
แล้ะสือถึงสิงทีเริาสนใจได้้อย่่างชััด้เจน<br />
งานในแต่่ล่ะส่่วนของบริิษััที่ม่การัแบ่ง<br />
หน้าที่่จััด้การก ันอย่างไรั?<br />
จริิง ๆ แล้้วริะบบการท ำางานของเริาจะปรัับ<br />
เปล้ีย์นไปตามปัญหาทีเจอในท่ก ๆ ปี โด้ย์<br />
ปีต่อ ๆ ไปการท ำางานริวมถึงโคริงสร้้างการิ<br />
จัด้การส ่วนต่าง ๆ ก็จะเปล้ีย์นแปล้งก้าวต่อ<br />
จากสิงทีเกิด้ขึน แริกเริิมบริิษััทของเริาตังขึน<br />
ในรููปแบบบริิษััททีค่อนข้างเล็็ก ในตอนต้น<br />
เริามีกันเพี่ีย์งแค่ 7 คน แต่ในปัจจ่บันเริาได้้<br />
ขย์าย์เพิ่่มเป็นจำานวน 14 คน ซ์ึงปริะกอบ<br />
ด้้วย์ สถาปนิก 2 คน Junior architect 2 คน<br />
หัวหน้านักออกแบบภาย์ใน 1 คน นักออกแบบ<br />
ภาย์ในอีก 4 คน หลััก ๆ แล้้วก็จะมีปริะมาณ<br />
น้ครัับ ส่วนทีเหลืือก็จะทำางานในส่วนของการิ<br />
บริิหารจ ัด้การิภาย์ในแล้ะปริะสานงาน<br />
ช่่วยเล่่าแล่ะอธิิบายแนวที่างปรััช่ญาในการั<br />
ที่ำางานออกแบบของ “Greenbox Design”<br />
ให้ฟัั งหน่อยได้้ไหม?<br />
ผมคิดว่่าในส่วนน้เริาปรัับเปล้ีย์นอยู่่ตล้อด้เวล้า<br />
ผมขอเล่่าย้้อนกลัับไปในตอนทีเริาเริิมตังบริิษััท<br />
อีกคริั งนะครัับ คือตอนนันเริายัังไม่ได้้เข้าใจ<br />
ถึงเน้อหา หรืือกริะบวนการิจริิง ๆ สักเท่าไริ<br />
เริาเข้าใจกันเพี่ีย์งว่า ตอนทีเริาเรีีย์นเริืองการิ<br />
ออกแบบมา แล้้วเริาพี่้ด้ถึงเริือง sustainability<br />
แล้ะ passive design มาโด้ย์ตล้อด้ แล้ะเริา<br />
สังเกตเห็นว่า งานสถาปัตย์กริริมโดยทั่่วไป<br />
ที เริาได้้เห็นกันในช่่วงเวล้านั นไม่ได้้คำน ึงถึง<br />
ปริะเด็็นเหล่่าน้กันมากนัก ทัง ๆ ทีขณะนั น<br />
ความคิด้น้กำาล้ังเป็นกริะแส เริาจึงจับช่่ด้ความคิด้<br />
เริื อง sustainability แล้ะ passive design<br />
มาใช้้ แล้ะพี่ย์าย์ามจะเรีีย์กตัวเองว่าเป็น<br />
“green architect” หรืือ “green designer”<br />
แต่เมือเริาได้้ทำางานในช่่วงเวล้าหนึงแล้้ว เริาก็<br />
ตริะหนักได้้ว่า sustainability แล้ะ passive<br />
design ควริเป็นเพี่ีย์ง criteria สิงเหล่่าน้ไม่ควริ<br />
เป็น concept คือการิออกแบบสถาปัตย์กริริม<br />
สักแห่งนัน ควริจะคำนึึงถึงเริืองเหล่่าน้ในรููปของ<br />
criteria อยู่่แล้้ว ไม่ว่าบ้านจะออกแบบมาใน<br />
รููปทริงรููปร่่างใดก็็ตาม ก็ต้องเป็น criteria หนึง<br />
ทีบ้านต้องตอบโจทย์์กับปัญหา อย่่างสภาพภููม ิ<br />
อากาศแบบร้้อนช่ืนของบ้านเริาได้้<br />
จากนั นเริาก็เริิมตกผลึึกได้้ว่า multi design<br />
นันมีหน้าทีของตัวเอง อย่่างท่กวันน้เริาก็ทำาให้<br />
multi design ให้มีความหล้ากหล้าย์มากย์ิงขึน<br />
โดยตั้้งคำาถามผ่านม่มมองต่าง ๆ เพี่ริาะเริาเช่ือว่า<br />
ช่่ด้ปัญหาหนึงสามาริถตอบได้้ในหล้ายวิิธีีการิ<br />
แต่อย์้่ที การจััด้การิของเริาทีจะเห็นปริะเด็็นไหน<br />
สำคััญน้อย์กว่าหรืือมากกว่ากัน ณ จุุดไหน แล้้ว<br />
ริองล้งมาคือตริงไหน จากนันเริาก็จะตอบปัญหา<br />
เหล่่าน้ด้้วยว ิธีีการิแบบไหน แล้ะน้ก็ทำาให้เริา<br />
ตริะหนักไปอีกขัน เมือเริาสามาริถเรีีย์นริ้แล้ะ<br />
สามาริถจัด้การกัับปัญหา เช่่น เริาสร้้างอาคาริ<br />
ในเขตร้้อนช่ืน เริาก็เข้าใจชุุดข้้อมููลความช่ื น<br />
สัมพี่ันธ์์ ทิศทางล้ม ริวมถึงสภาพี่แวด้ล้้อมแล้ะ<br />
บริิบทโด้ย์ริอบ สิงเหล่่าน้สำาหรัับผม สามาริถ<br />
วิเคริาะห์แล้ะคาด้การณ์์ได้้ แล้ะนำาเข้ามาปรัับ<br />
จัด้การิให้สอด้คล้้องกับการิออกแบบอาคาริ<br />
โด้ย์ในปัจจ่บันสิงทีเริากำาล้ังให้ความสนใจอย่่าง<br />
มากจะเป็นเริืองของตัวบ่คคล้ ถ้าหากเห็นงาน<br />
ออกแบบของเริาจะเห็นได้้ว่าแต่ล้ะหลัังนันไม่<br />
เหมือนกันเล้ย์ ซ์ึงก็สะท้อนจากการิออกแบบที<br />
เริาปรัับให้แสด้งออกตามตัวตน ความต้องการิ<br />
แล้ะความเป็นไปได้้ในอนาคตของเจ้าของบ้าน<br />
ริวมถึงผ้้คนทีจะมาอยู่่อาศัย์
GREENBOX DESIGN<br />
<strong>13</strong>7<br />
ส่ามารัถึพูู ด้ได้้ไหมว่า การัออกแบบรููปแบบ<br />
เฉพูาะบุคคคล่ให้ลููกค้าแต่่ล่ะรัาย คือตััวต้น<br />
หรืืออัต้ล่ักษัณ์์ในการัที่ำางานออกแบบของ<br />
“Greenbox Design” ?<br />
ผมคิดว่่าใช่่นะครัับ แต่ก็ยัังจะมีเริืองของ context<br />
กับ content เข้ามาเกีย์วข้องด้้วย์ context เป็น<br />
เริื องของข้อม้ล้ต่าง ๆ โด้ย์ริอบทีเริามี ส่วน<br />
content คือเริาจะเอาชุุดข้้อม้ล้นั นมาเล่่าแล้ะ<br />
จัด้ล้ำาด้ับในการนำำาเสนอด้้วยว ิธีีการิอย่่างไริ<br />
เฉพี่าะฉะนันวิธีีการทำำางานขอเริาก็คือ การิเข้าใจ<br />
ถึงสถานะของ context ทีมีอยู่่อย่่างมากมาย์<br />
แล้ะเริาจะจับ content อะไริมาคล้ีคล้ายนำำาเสนอ<br />
เพี่ริาะเริาไม่สามาริถพี่้ด้เริืองท่กเริืองพี่ริ้อม ๆ<br />
กันในริะดัับหรืือนำาเสีย์งเดีีย์วกันได้้ การจ ัด้<br />
ลำำาด้ับภาย์ในช่่ด้ปัญหาทีล้ด้ล้ันกันล้งไป จึงจะ<br />
นำาไปส้่การิพี่้ด้ต่อถึงวิธีีการิตอบโจทย์์หรืือ<br />
จัด้การกัับปัญหาเหล่่านัน น้ คือสิงสำคััญสำาหรัับ<br />
การิตัง criteria ในการิออกแบบ เริาจึงยึึด้มัน<br />
ในการิพี่้ด้ค่ย์ สนทนา ถกถามให้ลููกค้าเข้าใจถึง<br />
ความเป็นไปของความต้องการิในรููปแบบ<br />
ที องค์ปริะกอบต่าง ๆ เหล่่านั นในอาคาริจะ<br />
สามาริถตอบโจทย์์ตัวตน ความต้องการิจริิง ๆ<br />
ของพี่วกเขาได้้ ดัังนันงานออกแบบสถาปัตย์-<br />
กริริมของเริาจึงนำาเสนอบนพื้้นฐานแนวคิด้ที<br />
สถาปัตย์กริริมต้องปรัับตัวให้เข้ากับผ้้อยู่่อาศัย์<br />
อยากให้ช่่วยยกตััวอย่างผล่งานที่่ปรัะที่ับใจั<br />
มา 2-3 ผล่งาน?<br />
สำาหรัับผมบ้าน “Day and Night” เป็นโปริเจกต์<br />
ทีผมค่อนข้างช่อบถึงแม้ในปัจจ่บันจะยัังไม่ได้้<br />
เริิมก่อสร้้างก็ตาม โด้ย์บ้านหลัังน้ตังอย์้่ติด้<br />
ริิมถนนริอบ ๆ เมืองพี่ัทย์า ซ์ึงมีสภาพี่แวด้ล้้อม<br />
บริิเวณริอบบ้านเป็นภ้เขา ด้้านหลัังเป็นบ่อนำา<br />
แล้ะเมือมองไปไกล้ ๆ ก็จะเห็นตัวเมืองพี่ัทย์า<br />
ริวมถึงเส้นขอบฟ้้า ตามปกติแล้้วเมื อลููกค้ามี<br />
พื้้นที แบบน้ก็มักจะเสนอว่า ต้องการนำำาเสนอ<br />
การิอยู่่ร่่วมกับธีริริมช่าติ หรืือต้องการิเห็น<br />
ธีริริมช่าติ แต่เวล้าเริาได้้ล้งพื้้นทีรีีเสิร์์ช่ เริาก็จะ<br />
อย์ากริ้ทุุกสิงท่กอย่่าง ริวมถึงท่กปริากฏการณ์์<br />
ทีเกิด้ขึนในช่่วงวัน แล้ะผล้กริะทบในท่กด้้าน<br />
ที จะเกิด้ขึนในพื้้นที ในจ่ด้น้เริาก็ได้้ช่วน<br />
เจ้าของบ้านพี่้ด้ค่ย์ต่อ เสนอว่าในความเป็น<br />
จริิงแล้้ว<br />
ในช่่วงเวล้าขณะกล้างคืนนั นพื้้นที ธีริริมช่าติ<br />
โด้ย์ริอบนันค่อนข้างจะน่ากลััว โด้ย์เริาไม่มี<br />
ทางทริาบได้้ว่าจะมีใคริมองย้้อนกลัับมาบ้าง<br />
แล้ะเริาก็เสนอไอเดีีย์ปริะสบการณ์์ในช่่วง<br />
กล้างคืนปริะกอบ โด้ย์ปรัับเปล้ีย์นการิมอง<br />
ไปส้่อีกด้้านทีหันไปยัังเมืองซ์ึงสามาริถเห็นวิว<br />
พี่ริะอาทิตย์์ทีกำาล้ังจะลัับขอบฟ้้า แล้ะเมืองที<br />
กำาล้ังส่องสว่าง การิออกแบบบ้านจึงถ้กแบ่ง<br />
ออกเป็นสองโซ์น โซ์นทีเป็น day life ทีจะมอง<br />
ไปยัังฝั่่งด้้านภ้เขา ส่วนทีเป็น night life ก็จะ<br />
เป็นพื้้นทีส่วนบ่คคล้ เป็นห้องนอนทีส้งขึนไป<br />
ด้้านบนเพื่่อทีจะสามาริถมองย้้อนกลัับไปยััง<br />
พื้้นที เมือง ปริะสบการณ์์ทีถ้กถ่าย์ทอดผ่่าน<br />
บ้านหลัังน้จึงจะนำาเสนอผ่านสองส่วนอาคาริ<br />
ซ์ึงสอด้ริับไปกับสองช่่วงเวล้า<br />
ARI HOUSE<br />
คุณ์วางแผนหรืือต้ังเป้ าหมายในอนาคต้<br />
สำำาหรัับ “Greenbox Design” ไว้อย่างไรั?<br />
เริามักค่ย์กันอยู่่เสมอว่า โล้กของเริาเปล้ีย์นแปล้ง<br />
อยู่่เสมอแล้ะท่กอย่่างก็ถ้กริบกวนอยู่่เสมอ<br />
ผมถามกับท่กคนก็จะมีจุุดร่่วมเดีีย์วกันคือ<br />
ท่กคนช่อบงานออกแบบ แต่ผมก็ตังคำาถาม<br />
ต่อไปถึงอนาคตว่าเริาจะเป็นอย่่างไรต่่อไป แล้้ว<br />
สถาปนิกตังแต่ริ่่นพี่่ หรืือริ่่นพี่่อของเริาได้้ขยัับ<br />
ปรัับเปล้ีย์นกันไปอย่่างไรบ้้างในแต่ล้ะริ่่น<br />
แล้้วเริาจะปรัับตัวให้เข้ากับความเป็นไปเช่่นไริ<br />
แล้ะเมือวันหนึง AI เข้ามาแทนทีเริาจะทำาเช่่น<br />
ไริ เริาก็มักจะคุุยเริืองต่าง ๆ นานา เหล่่าน้เพื่่อ<br />
มองหาลู่ทางสำาหรัับทิศทางในอนาคตเสมอ<br />
ในตอนน้เริาก็เริิมพี่ย์าย์ามปรัับตัวเริาเอง<br />
ให้ทำางานมีความหล้ากหล้าย์มากย์ิงขึน มาก<br />
ไปกว่าการทำำางานออกแบบหรืือสถาปนิก โด้ย์<br />
เริาเช่ือว่าเริาไม่จำาเป็นจะต้องเป็นสถาปนิก<br />
ในท่กวันก็ได้้ เริาอาจจะอย์ากเป็นสถาปนิก<br />
สักสามวัน อีกสักวันอาจจะอย์ากเป็น content<br />
creator บางวันอาจอย์ากเป็น creative ผม<br />
อย์ากให้ท่กคนในทีมได้้ทำาการิริีเฟ้ริช่ข้อมููล<br />
อัพี่เด้ทกับสิงอืนทีหล้ากหล้าย์ ทีเกีย์วเน้อง<br />
แล้ะส่งเสริิมซ์ึงกันแล้ะกัน โด้ย์ในขณะน้ก็อยู่<br />
ในขันตอนของการิปรัับพี่ัฒนา
<strong>13</strong>8<br />
professional / studio<br />
Can you share with us the origin<br />
of “Greenbox Design” and how it<br />
started?<br />
My interest is architecture. But I seemed<br />
to choose the wrong field to study at<br />
the university. After graduating, I couldn’t<br />
bring my degree to apply for a job in<br />
the field that I was interested in, but<br />
later I also worked with seniors. I tried<br />
to learn the job as much as possible,<br />
and after a while, I realized that this<br />
did not satisfy my work style or provide<br />
a challenge that could go any further.<br />
So I simply decided to open my own<br />
company some ten years ago. It is like<br />
setting up a company without knowing<br />
much about anything, and I didn’t even<br />
know how it could theoretically operate<br />
until today. The name “Greenbox” is<br />
pretty straightforward: “green” refers<br />
to where I graduated from, which is<br />
Kasetsart University, where we’re taught<br />
to talk about passive design and sustainability,<br />
while “box” refers to the shape of<br />
the architecture. Together, it’s straight<br />
forward and clearly conveys what<br />
we’re interested in.<br />
How do you divide the tasks in<br />
each part of the company?<br />
In fact, our working system seems to<br />
change in response to the problems<br />
encountered every year. In the following<br />
years, the work, including the management<br />
structures, will change from what<br />
happened. Our company was originally<br />
established as a relatively small one.<br />
In the beginning, there were only seven<br />
of us. But currently, we have expanded<br />
to 14 people, consisting of 2 architects,<br />
2 junior architects, 1 chief interior<br />
designer, and 4 interior designers. Basically,<br />
it is something like this. The rest are<br />
those who work in back-office management<br />
and coordination.<br />
What is the philosophy of<br />
“Greenbox Design”?<br />
I think we change all the time. Let me go<br />
back to when we started the company.<br />
That is, at that time we still did not understand<br />
the operation of the practice or<br />
how much the actual process, we only<br />
understood that when we learned about<br />
design and we’ve been taught about<br />
sustainability and passive design all<br />
along, and we’ve noticed that the architecture<br />
that we saw at that time didn’t<br />
take these issues into account seriously,<br />
even though at the time the notion of<br />
sustainability was trending. So we<br />
embraced the idea of sustainable and<br />
passive design and wanted to establish<br />
ourselves as “green architects” or “green<br />
designers.” Anyway, after working for<br />
a while, we realized that sustainable<br />
and passive design should be the only<br />
criteria. They shouldn’t be concepts. It’s<br />
just architectural design. These matters<br />
should already be taken into account<br />
in terms of criteria; no matter what<br />
shape the house is designed in, it must<br />
be one of the criteria that the house<br />
must meet to solve the problem, like<br />
the tropical climate of our home.Then<br />
we started to realize that multi-design<br />
has its own functions. Today, we make<br />
multi-design more diverse by asking<br />
questions from different perspectives<br />
because we believe that one problem<br />
can have many solutions. But it depends<br />
on our management to see which issues<br />
are less or more important at what point,<br />
and where is the next one? Then how<br />
do we answer these questions? This<br />
brings us to another level of realization.<br />
When we can learn and deal with problems,<br />
for example, when we build<br />
buildings in a tropical climate, we understand<br />
the relative humidity, wind direction,<br />
and surrounding environment and<br />
context. These things, for me, can be<br />
analyzed, predetermined, and adjusted<br />
by management in accordance with<br />
the design of the building. At present,<br />
what we are paying a lot of attention<br />
to is personalization. If you look at our<br />
designs, you can see that each house<br />
is not the same. This is reflected in the<br />
design that we approach differently to<br />
express the identity, needs, and future<br />
possibilities of the clients or owners,<br />
including the people who will come to<br />
live in or use the building.<br />
Can we say personalized design<br />
for each customer is the identity<br />
of “Greenbox Design”?<br />
I think yes. But there will still be a matter<br />
of context and content involved. Context<br />
is a matter of various pieces of information<br />
surrounding us. Content is how<br />
we will tell that data set and order it<br />
in order to present it. Specifically, our<br />
way of working is to understand the<br />
state of context in abundance and see<br />
what content we can capture to unravel<br />
and present. We can’t talk about every-<br />
WARMBLAK HOUSE
GREENBOX DESIGN<br />
<strong>13</strong>9<br />
nature. But when we went to research<br />
the area, we wanted to expe-rience more<br />
of the site, including all phenomena<br />
that occur during the day and impacts<br />
in all aspects. So we proposed to the<br />
owner that at night, the surroundings<br />
are quite scary, and there is no way to<br />
know if anyone will be around. We also<br />
offer ideas for experiences during the<br />
night byadjusting the look to the other<br />
side that faces the city, where you can<br />
see the view of the setting sun and the<br />
shining city. The design of the house is<br />
therefore divided into two zones: the<br />
daytime zone, which looks toward the<br />
mountain side, and the nighttime zone,<br />
which is a private space. It is a bedroom<br />
suite that rises upwards so that it can<br />
look back on the city area. The experience<br />
conveyed through this house is<br />
thus presented through two buildings<br />
that coincide with two periods of a day.<br />
thing at the same time, at the same level,<br />
or in the same tone. Ordering within a<br />
descending set of problems will lead to<br />
further talk about how to answer or deal<br />
with those problems. This is important<br />
for setting design criteria. We have a<br />
lot of discussions, asking customers<br />
to understand the possibility of their<br />
requirements in ways that those elements<br />
in the building can meet their<br />
identity, their real needs. So I would<br />
say our architectural designs are based<br />
on the concept that architecture must<br />
adapt to the users.<br />
THAIWAN<br />
“What we are paying a lot of attention to is<br />
personalization. You can see that each house<br />
is not the same. This is reflected in the design<br />
that we approach differently to express the<br />
identity, needs, and future possibilities of the<br />
clients or owners, including the people who<br />
will come to live in or use the building.”<br />
Can you give us some examples<br />
or designs that are challenging<br />
or impressive?<br />
For me, the house “Day and Night” is<br />
a project that I quite like, even though<br />
the construction has not started yet.<br />
This house is located on the roadside<br />
around Pattaya city, which has a mountain<br />
environment around the house and<br />
a well behind it. When looking far, you<br />
will see the city of Pattaya, including the<br />
horizon. Normally, when a customer has<br />
a space like this, they want to present<br />
coexistence with nature or want to see<br />
What are your future plans for<br />
Greenbox Design?<br />
Our world is always changing, and<br />
everything is always disrupted. I asked<br />
everyone to have the same point. Everyone<br />
likes the design, but I continue to<br />
question what the future holds. How the<br />
architects in the generation before us<br />
had adapted and changed in the way<br />
they designed and practiced. So how do<br />
we adapt to the possibilities? And when<br />
AI one day replaces us, what will we do?<br />
We always talk about these various<br />
things to look for future directions. Now<br />
we are starting to try to adjust ourselves<br />
to work more diversely. Much more than<br />
working as a designer or architect. We<br />
believe that we don’t have to be architects<br />
every day. We believe that we don’t<br />
have to be architects every day. We<br />
might want to be architects for three<br />
days. Someday I might want to be a<br />
content creator, and someday I might<br />
want to be creative. I want everyone<br />
on the team to refresh the information.<br />
Update with various other things that<br />
are related and promote each other. At<br />
this time, it is in the process of adjusting<br />
its development.<br />
facebook.com/greenboxdesignbkk
140<br />
chat
PHAITHAYA BANCHAKITIKUN<br />
141<br />
เวลาท่เรามองในเร่องของอสัังหาริมทรัพย์ มันก็เก่ยวข้องกับเม่อง<br />
โดยตรง เลยม่การพัฒนาเป็ นงาน <strong>ASA</strong> WOW ข้ นมา และนอกเหน่อ<br />
จากงานในกลุมกิจกรรมพิเศษเหลาน่แล้ว ก็ยังม่งานท่เราเข้าไปชวย<br />
ซััพพอร์ตทางกรุงเทพมหานครด้วย โดยเฉพาะในสม ัยอาจารย์ชัชชาติ<br />
เชนงานประกวดแบบลานก่ฬา<br />
ไพทยา บัญชากิติคุณ<br />
อุปนายก ฝ่ ายกิจการพิเศษ<br />
อาษา: คุณไพทยาช่วยแนะนำาตัวสั้ นๆ หน่อย<br />
ได้ ไหม<br />
ไพทยา บัญชากิติคุณ: นอกเหนือจากงานสมาคมฯ ผมก็<br />
เป็นสถาปนิกและผู้ก่อตั้งบริษัท อะตอม ดีไซน์ จำ ากัด จริง ๆ<br />
ผมก็ทำางานอยู่ในอุตสาหกรรมนี้มาร่วม 24 ปีแล้ว แล้วก็<br />
มีโอกาสได้ร่วมงานกับสมาคมฯ อื่น ๆ ด้วย เช่น เป็นกรรมการ<br />
ก่อตั้งสมาคม TBIM: Thai BIM Association ก็เป็นเรื่องของ<br />
การขับเคลื่อนการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี ในการออกแบบ โดย<br />
เฉพาะฝั่งที่เป็นด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม แล้วก็มี<br />
ทำางานในกลุ่ม strategy บ้างด้วย เหมือนกัน พวกงาน BIM<br />
งานออกแบบต่าง ๆ<br />
ในช่วงที่ผ่านมา งานที่ทำาส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานกลุ่ม commercial<br />
building เป็นส่วนใหญ่ คือมีโอกาสได้ ทำางานที่มี<br />
ความเกี่ยวข้องกับการพัฒนาพวกออฟฟิศ โรงแรม หรือ<br />
องค์กรต่าง ๆ ทำาให้มีโอกาสได้มองเห็นเมือง หรือผลกระทบ<br />
ที่เกิดขึ้นกับเมือง แล้วก็เป็นจุดหนึ่งที่อยากเข้ามาทำางานให้<br />
กับสมาคมฯ เพื่อจะซัพพอร์ตในหลาย ๆ เรื่อง<br />
อาษา: อยากให้ช่วยเล่าถึงบทบาทของฝ่ าย<br />
กิจการพิเศษว่ามีหน้าที่หรือการดูแลในส่วนใด<br />
และมีการดำาเนิน งานต่าง ๆ อย่างไรบ้าง<br />
ไพทยา บัญชากิติคุณ: งานของสมาคมฯ โดยปกติก็จะมี<br />
งานในกลุ่ม routine job เช่น งานที่เกี่ยวข้องกับการ สนับสนุน<br />
วิชาชีพและสมาชิก ส่วนกิจการพิเศษในภาคที่เป็น routine<br />
เราก็จะรู้จักกันดีในชื่อของงานสถาปนิกหรือ <strong>ASA</strong> EXPO<br />
ที่เราจัดกันเป็นประจำาทุก ๆ ปี สำาหรับงานกลุ่มอื่น ๆ ก็จะ<br />
แล้วแต่โอกาสที่เข้ามา อย่างก็จะมีงานกิจการพิเศษ ที่เข้าไป<br />
ซัพพอร์ตงานที่เกี่ยวข้องกับเมืองด้วย ถ้างานใหญ่แล้วก็<br />
เป็นงานล่าสุดที่เพิ่งทำากันไปก็คืองาน <strong>ASA</strong> WOW ก็เป็น<br />
งานใหม่เลยที่คุณชนะ สัมพลัง พยายามจะต่อยอดจาก<br />
คณะกรรมการชุดก่อนได้วางแผนไว้ ซึ่งในตอนนั้นเอง<br />
รูปแบบงานก็จะเป็นในรูปแบบของการสร้างความคุ้นเคย<br />
หรือความเป็นที่รู้จักกลุ่มสถาปนิกให้กับกลุ่มนักพัฒนา<br />
ในตอนนั้นทางสมาคมฯ รู้สึกว่าอุตสาหกรรมมันค่อนข้าง<br />
ขับเคลื่อนไปในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างเยอะ<br />
ก็เลยมีการจัดงาน Real Estate Award ขึ้น<br />
พอเราเข้ามาเป็นคณะกรรมการวาระนี้ ซึ่งเข้าสู่วาระที่ 2<br />
ก็เลยเอาโปรแกรมตัวนี้มาต่อยอด เรามองโอกาสว่าเวลาที่<br />
เรามองในเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ มันก็เกี่ยวข้องกับเมือง<br />
โดยตรงที่จะทำาให้งานนี้กระจายไปในแง่มุมที่กว้างขึ้น เลยมี<br />
การพัฒนาเป็นงาน <strong>ASA</strong> WOW ขึ้นมา และนอกเหนือจาก<br />
งานในกลุ่มกิจกรรมเหล่านี้ เราก็มีงานที่เข้าไป ช่วยซัพพอร์ต<br />
ทางกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในสมัยอาจารย์ชัชชาติเอง<br />
ท่านก็ค่อนข้างให้ความเป็นกันเองกับกลุ่มสถาปนิกหรือ<br />
สมาคมฯ ของเราด้วยค่อนข้างมาก อย่างกิจกรรมวิ่งด้วยกัน<br />
และกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งทำ าให้อาจารย์ชัชชาติ มักนึกถึงสถาปนิก<br />
เสมอ เวลาที่ต้องทำางานวางแผนเกี่ยวกับเมือง งานที่เรามี<br />
เข้าไปซัพพอร์ตมาบ้างแล้ว ตัวอย่างเช่น งานประกวดแบบ<br />
ลานกีฬาที่ทำาร่วมกับกลุ่ม WE PARK! ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้<br />
เป็นกิจกรรมที่จะมาตามวาระ ตามโอกาสมากกว่า<br />
อาษา: นโยบายและวิสัยทัศน์ของฝ่ ายกิจการ<br />
พิเศษ ในคณะกรรมบริหารชุดนี้มีแนวทางเป็ น<br />
อย่างไร<br />
ไพทยา บัญชากิติคุณ: คิดว่าคณะกรรมการบริหารชุด<br />
ปัจจุบันนี้ เราค่อนข้างให้ความสำาคัญกับประเด็นเรื่องเมือง<br />
มากขึ้น แล้วก็สิ่งที่เราพยายามจะขับเคลื่อนก็คือ เราอยาก<br />
จะทำางานที่สามารถช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเมืองให้<br />
ได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เราก็คงจะเป็นเหมือนทีมซัพพอร์ต<br />
ที่เข้ามาส่งเสริมในส่วนต่าง ๆ แต่เราอาจไม่ใช่ตัวหลัก<br />
เพราะเราไม่ใช่ เจ้าหน้าที่ประจำาที่จะดูแลส่วนต่าง ๆ ของ<br />
เมืองโดยตรง รวมถึงกิจกรรมที่เราทำาก็พยายามที่จะสร้าง<br />
เรื่องของ liberation ในหลาย ๆ กลุ่ม ทั้งประชาชนทั่วไป<br />
และก็ยังเป็นหนึ่งในพันธกิจสำาคัญที่ทำาให้สมาคมฯ ของเรา<br />
เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งฝั่งที่อยู่ในอุตสาหกรรมเอง และ<br />
ประชาชน ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่พยายามทำาให้เกิดขึ้นในสอง<br />
วาระกรรมการที่ผ่านมา
142<br />
chat<br />
เราเป็ นวิชาชีพที่ม่สัวนร่วมกับเมืองโดยตรง อยากให้กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ ้นได้<br />
รับผลตอบรับที่ดีจากสัมาชิกสัมาคมก่อน แล้วช่วยกันพัฒนาเมืองไปในฝั ่ งของ<br />
ประชาชนทั่วไป เราอยากให้กิจกรรมที่เราทำาได้จุดประกายความคิดให้กับกลุ่มคน<br />
ในวงกว้าง ให้ทุกคนได้ม่สัวนร่วมสัร้างเมืองและขับเคลื่อนเมืองไปในทิศทางที่แต่<br />
ละคนมีความถนัด เพื่อให้เมืองของเราน่าอยู่และมีการจัดการที่ดีขึ ้น<br />
อาษา: ช่วยยกตัวอย่างโครงการที่เคยจัดขึ ้ น รวมถึง<br />
โครงการที่กำาลังวางแผนจะจัดขึ ้นเร็ว ๆ นี้<br />
ไพทยา บัญชากิติคุณ: เราน่าจะมีงาน <strong>ASA</strong> WOW ครั้งที่ 2 ในปี 2024<br />
มองว่าสำาหรับงานนี้จะจัดเป็นปีเว้นปีไป ส่วนตอนนี้จริง ๆ ก็อยู่ในช่วง<br />
ปลายวาระของคณะกรรมการชุดนี้แล้ว ก็ยังมีงานที่เราทำาร่วมกับทาง<br />
กทม. อยู่ 2-3 งาน เช่น ลานกีฬา ก็น่าจะเห็นผลได้ภายในปีนี้หรือไม่เกิน<br />
ปีหน้า อีกส่วนหนึ่งเลยในส่วนของคณะกรรมการของเราที่ผ่านมา รวม<br />
กับกลุ่มคณะกรรมการส่วนภูมิภาคในสมัยของคุณชนะ สัมพลัง ก็ถือว่า<br />
เป็นสมัยที่ให้ความสำาคัญกับส่วนภูมิภาค ค่อนข้างเยอะ กิจการพิเศษ<br />
ในฝั่งภูมิภาคก็เลยจะถูกจัดขึ้นค่อนข้างถี่ด้วย คือจะจัดขึ้นแทบทุกหัวเมือง<br />
เลยที่เราอาจจะ เห็นกันผ่านตาทางโซเชียลมีเดียบ้าง เช่น การไปประดับ<br />
ไฟให้กับโบราณสถานในบางจังหวัด ซึ่งก็เป็นการขับเคลื่อนที่ดีของ กลุ่ม<br />
ภูมิภาคต่าง ๆ เพราะทุกคนจะค่อนข้างมีแรงบันดาลใจในเรื่องนี้ค่อนข้าง<br />
เยอะ ยิ่งพอหลังโควิดที่มีการเปิดเมือง กิจกรรมเหล่านี้ก็ยิ่งถูกกลับนำ ามา<br />
จัดมากขึ้น อย่างปี 2022 ที่ผ่านมา แทบจะมีกิจกรรมกันหลากหลาย<br />
มากในทุก ๆ เดือน<br />
ส่วนงานสถาปนิกส่วนภูมิภาค เช่น งานสถาปนิกล้านนา งานสถาปนิก<br />
ทักษิณ งานสถาปนิกอีสาน และงานสถาปนิกบูรพา ตรงนี้เราจะแยกกัน<br />
กับส่วนกลาง เพราะว่างานแต่ละงานก็จะมีคนที่เป็นตัวยืนหลักอยู่แล้ว<br />
แต่จะเห็นว่าในคณะกรรมการ บริหารชุดของคุณชนะ สัมพลัง การดึง<br />
กลุ่มคนในแต่ละส่วนให้เข้าไปมีส่วนร่วมเยอะ ๆ จะมีความคักคักมาก<br />
เพราะคุณชนะ ก็ต้องการผลักดันให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมกับแต่ละส่วน<br />
ของกิจกรรมสมาคมฯ ด้วย เลยทำาให้ทุกภาคส่วนมีการ พูดคุยกันเสมอ<br />
ถึงแม้จะไม่ใช่งานที่ได้เข้าไปช่วยจัดแต่ก็จะมีการหารือกันหรือช่วยดู<br />
ภาพรวมห่าง ๆ ไปในทิศทาง นั้นมากกว่า<br />
อาษา: จากการจัดกิจกรรมที ่ผ่านมา ได้รับผลตอบรับ<br />
อย่างไร และมีทิศทางในการส่งเสริมกิจกรรมอื่น ๆ ใน<br />
อนาคตอย่างไร<br />
ไพทยา บัญชากิติคุณ: ถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2021 ตัวอย่างเช่น<br />
กิจกรรมที่เป็นโรงงานกระดาษที่กาญจนบุรี ตอนนั้นก็กลับกลายเป็นว่า<br />
ทำาให้โรงงานกระดาษแห่งนั้นได้กลายเป็นที่สนใจของเมืองมากขึ้น มีผู้<br />
บริหารเมือง เข้ามาให้ความสำาคัญ และกลายเป็นว่าพื้นที่ตรงนั้นก็ได้ถูก<br />
จัดสรรให้กลายเป็นพื้นที่สาธารณะของเมืองขึ้นมาได้ ประเด็นเหล่านี้มัน<br />
ก็คือการสร้าง awareness ในภาพรวม หรือจะเป็นกิจกรรมที่เข้าไปจัด<br />
แสงสีเสียงให้กับ โบราณสถานต่างๆ ในแต่ละจังหวัด ตรงนี้ประชาชน<br />
ส่วนใหญ่ก็ให้ความสนใจกันเยอะมาก อย่างงาน <strong>ASA</strong> WOW ก็เป็นงานใหม่<br />
ที่อยู่ในช่วงภาวะเศรษฐกิจมีความน่ากังวลมาก ไม่ว่าจะเป็นสปอนเซอร์<br />
หรือการดึงแต่ละกลุ่มองค์กร เข้ามามีส่วนร่วมตรงนี้ก็ไม่ง่ายเลย แต่<br />
ผลลัพธ์ที่ออกมาก็กลับกลายเป็นได้ความสนใจค่อนข้างดี อย่างงานนี้<br />
ก็ตั้งเป้าไว้แค่มี visitor ประมาณ 50,000 คน แต่ยอดคนที่มาร่วมงาน<br />
จริง ๆ ก็อยู่ที่ 80,000 คน เลยทำาให้งานครั้งนี้ก็ถือว่าประสบ ความสำาเร็จ<br />
พอสมควร<br />
ส่วนคนที่มาร่วมจัดเค้าก็ได้มองกลับมาเห็นประโยชน์ของการจัดงาน<br />
ครั้งนี้ด้วย และยังได้รับเสียงตอบรับจากเพื่อน ของเพื่อนที่ได้มีโอกาส<br />
มาร่วมงานว่าตัวเค้าเองรู้จักสมาคมสถาปนิกฯ ก็เพราะงานนี้เลยนะ จาก<br />
ก่อนหน้านี้ที่ไม่เคย รู้เลยว่าพวกเราทำาอะไรกันบ้าง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี<br />
ที่เราอยากขับเคลื่อนต่อไปเรื่อย ๆ อีกสิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน มากคือ<br />
พอเราทำางานที่เป็นงานเมือง และมีกลุ่มที่เค้ามีความตั้งใจเดียวกันพอเค้า<br />
ได้รับทราบกิจกรรมเค้าก็ยินดีจะช่วย อย่างถ้าเปรียบเทียบกับงาน<br />
สถาปนิกที่ผ่านมา จะไม่ค่อยมีกลุ่มนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สนใจงาน<br />
สถาปนิกเท่าไหร่ แต่พอเป็นงานนี้ เค้าก็ยินดีเข้ามาช่วย หรือบางกลุ่ม<br />
เราก็ยังมีประหลาดใจว่าไปผูกมาได้ยังไง อย่าง กลุ่มกองทัพอากาศ<br />
N<strong>ASA</strong> คือมันก็เป็นอะไรที่แปลกมากเพราะไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ แต่กลาย<br />
เป็นว่างานนี้ก็ได้เปิดช่องทางใหม่ ๆ เกิดขึ้น แล้วก็น่าสนใจดี ก็ถือว่า<br />
ประสบความสำาเร็จในมุมนั้น<br />
อาษา: สิ่งที่ฝ่ ายกิจการพิเศษคาดหวังหรืออยากให้เกิด<br />
ขึ ้นกับเครือข่ายวิชาชีพสถาปนิก และสมาชิกสมาคมฯ ไป<br />
จนถึงผู้คนกลุ่มอื่น ๆ คืออะไร ช่วยทิ้งท้ายสั้น ๆ<br />
ไพทยา บัญชากิติคุณ: สุดท้ายแล้ว เราก็อยากให้สมาคมฯ ของเรา<br />
หรือกลุ่มวิชาชีพของเราเป็นประโยชน์กับคนในวง กว้างๆ มากกว่าแค่<br />
กลุ่มอุตสาหกรรมบางอุตสาหกรรม แล้วก็คิดว่าเราก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่<br />
มีส่วนร่วมกับเมืองโดยตรง ก็อยากให้กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้รับ<br />
ผลตอบรับที่ดีจากสมาชิกสมาคมฯ ก่อน ซึ่งทุกคนก็มีบทบาทเดียวกัน<br />
ในการ ขับเคลื่อนเมืองทุกคนเลย ก็อยากให้เห็นถึงความตั้งใจเดียว<br />
แล้วก็ช่วยกันพัฒนาเมืองไป ในฝั่งของประชาชนทั่วไป เราก็อยากให้<br />
กิจกรรมที่เราทำาได้จุดประกายความคิดให้กับกลุ่มคนกว้าง ๆ ให้ทุกคน<br />
ได้ร่วมสร้างเมืองและขับเคลื่อนเมืองไปในทิศทางที่แต่ละคนถนัด เพื ่อให้<br />
เมืองของเราน่าอยู่ขึ้นและมีการจัดการที่ลงตัวขึ้น
<strong>ASA</strong> Journal<br />
Wonder of Well-Being<br />
City 2022<br />
143<br />
OUT<br />
NOW!<br />
The Association of Siamese<br />
Architects held "WOW-Wonder<br />
of Well-Being City 2022,"<br />
collaborating with various<br />
institutions and organizations<br />
to explore urban development<br />
approaches. The event<br />
included academic seminars<br />
and recreational activities,<br />
aiming to create a livable city<br />
for everyone. This special<br />
publication, produced by <strong>ASA</strong><br />
Platform, is the official catalog<br />
summing up all the interesting<br />
activities in the <strong>ASA</strong> WOW<br />
2022.<br />
WOW-Wonder of Well-Being City<br />
2022 เป็ นงานที่สมาคมสถาปนิกสยาม<br />
ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับหน่วยงาน<br />
และองค์กรต่างๆ เพื่อสํารวจแนวทาง<br />
การพัฒนาเมือง ภายในงานมีทั้งสัมมนา<br />
วิชาการและกิจกรรมสันทนาการเพื่อ<br />
สร้างเมืองน่าอยู่สําหรับทุกคน หนังสื อ<br />
ฉบับพิเศษนี้ เป็ นสู จิบัตรอย่างเป็ น<br />
ทางการที่สรุปกิจกรรมที่น่าสนใจทั้งหมด<br />
ใน <strong>ASA</strong> WOW 2022<br />
Download the e-book here
144<br />
the last page<br />
ภูมิภัค บุญถนอม<br />
จบการศึกษาปริญญา<br />
ตรี จากคณะครุศาสตร์<br />
อุตสาหกรรม หลักสูตร<br />
สถาปั ตยกรรม 5 ปี<br />
สถาบันเทคโนโลยีพระ<br />
จอมเกล้าเจ้าคุณทหาร<br />
ลาดกระบัง ปริญญาโท<br />
คณะสถาปั ตยกรรม<br />
หลักสูตรสถาปั ตยกรรม<br />
พื้ นถิ ่ น มหาวิทยาลัย<br />
ศิ ลปากร ปั จจุบันเป็ น<br />
สถาปนิก และ 3D Visualizer<br />
เปิ ดบริษัท ARCHI-<br />
TISS และเป็ นพาร์ตเนอร์<br />
ของบริษัท NPPN Design<br />
& Research<br />
Poomipak Boonthanom<br />
graduated with a<br />
bachelor’s degree from<br />
the Faculty of Industrial<br />
Education. 5-year<br />
architecture program,<br />
King Mongkut’s Institute<br />
of Technology<br />
Ladkrabang, Master’s<br />
degree (vernacular<br />
architecture), Faculty<br />
of Architecture<br />
Silpakorn University.<br />
Currently, he is an<br />
architect and 3D<br />
Visualizer, the founder<br />
of ARCHITISS, and<br />
a partner at NPPN<br />
Design & Research.<br />
จุดเชื่อมโยงของรสชาติผ่านองค์ประกอบของ “ตำาถาด” คือ<br />
น้ำาปรุงรสที่ผสานรวมเอาวัตถุดิบหลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน<br />
อย่างลงตัว วัตถุดิบที่หลากรสบนถาดอาหาร เมื่อถูกอุปมา<br />
อยู่ในงานสถาปัตยกรรม จะพบว่าในงานออกแบบสถาปัตยกรรม<br />
ย่อมเกิดขึ้นมาจากการหลอมรวมองค์ความรู้จากกลุ่มคนที่<br />
หลากหลาย ตั้งแต่กลุ่มผู้ใช้แรงงานไปจนถึงเจ้าของโครงการ<br />
“นั ่งร้าน” ที ่ช่วยกอปรรูปของสถาปัตยกรรมจึงเปรียบเสมือน<br />
น้ำาปรุงรสที่หล่อหลอมให้ผลงานก่อสร้างนั้นสำาเร็จ ในขณะ<br />
เดียวกันก็ทำาหน้าที่เป็นตัวแทนของคนที่ทำางานเบื้องหลัง<br />
ให้แก่สถาปนิก นักออกแบบ ตลอดจนเจ้าของโครงการ<br />
Photo Courtesy of Poomipak Boonthanom<br />
Thai street food “Tam Taad” is characterized by a<br />
seasoning sauce that incorporates a variety of ingredients<br />
harmoniously. This sauce is the point of connection<br />
between the flavors of the various elements.<br />
When used as a metaphor for architecture, assorted<br />
ingredients on a tray inevitably result from the fusion<br />
of knowledge from various groups of individuals, from<br />
site workers to the project proprietor. It reminds me<br />
of the “scaffolding” which helps shape the architecture,<br />
like a flavorful sauce that shapes the construction<br />
work while also symbolizing those who work behind<br />
the scenes for architects, designers, and project owners.