AW TEST Audio Quest.indd - Piyanas
AW TEST Audio Quest.indd - Piyanas
AW TEST Audio Quest.indd - Piyanas
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
<strong>TEST</strong>REPORT<br />
ทำใหโมเลกุลของเสนทองแดงถูกยืดขยาย<br />
ออกไปเปนเสน ซึ่งทากับวา เสนตัวนำแบบ<br />
PSC+ นี้มีจำนวนโมเลกุลในเนื้อสายที่นอย<br />
มาก ซึ่งมีขอดีคือทำใหการถายเทอิเล็กตรอน<br />
ไปบนเนื้อสายมีความตอเนื่อง ลื่นไหล ไม<br />
เกิดอาการสะดุดเนื่องจากอิเล็กตรอนกระโดด<br />
ขามระหวางโมเลกุล<br />
Colorado ใชเสนทองแดงตัวนำถึง 3<br />
เสน (แตละเสนมีขนาดหนาตัดเทากับ 20<br />
<strong>AW</strong>G) เรียงตัวกันอยูภายในสายดวยรูปแบบ<br />
ที่เรียกวา Triple-Balanced สามารถนำไป<br />
เชื่อมตอกับขั้วตอ XLR ใชงานกับสัญญาณ<br />
บาลานซไดโดยไมตองเบิ้ลสาย เสนตัวนำ<br />
แตละเสนถูกหอหุมไวดวยฉนวนที่เขาเรียกวา<br />
Teflon Air-Tubes เปนทอเทฟลอนที่มี<br />
อากาศเติมอยูในทอเพื่อชวยลดความ<br />
ตานทานกับปญหา skin effect กอนจะถูก<br />
หุมหอดวยแผนฟอยลที่เชื่อมกับขั้วลบของ<br />
ระบบ DBS กอนจะทับหนาดวยสิ่งที่ออดิโอ<br />
เควสเรียกวา Noise-Dissipation System<br />
คือวัสดุฉนวน 3 ชั้นที่ชวยปองกันคลื่น RF ใน<br />
อากาศแทรกเขาไปรบกวนความบริสุทธิ์ของ<br />
สัญญาณที่วิ่งอยูในสายตัวนำ<br />
สวน CV-8 ซึ่งเปนสายลำโพงที่สงมา<br />
พรอมกันนั้น เปนสายลำโพงที่มีสีสันของ<br />
เปลือกฉนวนภายนอกเหมือนกับสาย<br />
สัญญาณ Colorado คือเลนสีแดง-เทา-ดำ<br />
มีการเชื่อมตอขั้วตอลำโพงแบบ single biwire<br />
คือใชสายลำโพงแบบซิงเกิลที่มีตัวนำ<br />
จำนวน 8 เสนมาทำเปนสายไบ-ไวรฯ โดยติด<br />
ตั้งขั้วตอ +/- ทางดานอินพุตของสาย (จาก<br />
หลังแอมป) ไวแคคูเดียว สวนทางดาน<br />
เอาตพุตของสาย (เขาที่หลังลำโพง) ถูกแยก<br />
ขั้วตอมาให 2 คู (+/- อยางละสอง) เหมาะใช<br />
งานกับลำโพงที่มีขั้วตอสาย 2 ชุด<br />
ทั้ง Colorado และ CV-8 ใชเทคนิค<br />
DBS System ทั้งคู ..<br />
ติดตั้ง+เซ็ตอัพ<br />
ที่จริงแลว สำหรับระบบ DBS นั้น คุณ<br />
สามารถเลือกที่จะใช (เสียบสายแบตฯ) หรือ<br />
ไมใช (ดึงสายแบตฯ ออก) ก็ได หรือจะลอง<br />
เปรียบเทียบผลของเสียงระหวางใชกับไมใช<br />
DBS ก็ได แตสำหรับผม จำเปนตองลอง<br />
เพราะมันเปนงานครับ ผมจำเปนตองคนหา<br />
วา DBS มันเขาไปทำอะไรใหเกิดขึ้นกับ<br />
คุณภาพเสียงบาง..<br />
ซึ่งหลังจากลองเทียบกันแลว ผมบอก<br />
คุณไดคำเดียววา ที่เขาใสมาใหนั้นมันมีทั้ง<br />
เหตุผล และมูลคาในตัวมันเอง จึงไมมี<br />
เหตุผลที่จะไมใชมัน และเทาที่ผมลองดูก็ยัง<br />
ไมพบวาจะมีสถานการณไหนที่ทำใหการไม<br />
ใช DBS แลวจะใหเสียงออกมาดีกวาที่จะใช<br />
(แบตเตอรี่ที่อยูในกระบอก DBS มีอายุหลาย<br />
ปครับ และมันก็เปนถานไฟฉายที่มีราคาไม<br />
แพง หาซื้อไดทั่วไป)<br />
ลูกศรปลายทาง<br />
ลูกศรตนทาง<br />
ลูกศรแสดงทิศทางของสายสัญญาณ ซึ่งจะเห็นวา กระบอก DBS ของสาย<br />
สัญญาณไดถูกติดตั้งไวทางดาน ‘ตนทาง’ ผิดกับสายลำโพง ซึ่งจะติดตั้ง<br />
กระบอก DBS ไวทางดานปลายทาง<br />
AQ ใหความสำคัญกับ ‘ทิศทาง’ ของ<br />
ตัวนำดวย เขาจะพิมพลูกศรแสดงเสนทางเดิน<br />
ของสัญญาณไวบนขั้วตอ RCA ทั้งสองดาน<br />
สวนสายลำโพงก็เชนกัน มีลูกศรแสดงทิศทาง<br />
กำกับไว เวลานำไปตอเชื่อมในซิสเต็มตอง<br />
ตรวจเช็กทิศทางที่วานี้ดวย ระหวางสาย<br />
สัญญาณกับสายลำโพงเขาติดตั้งระบบ DBS<br />
ไวคนละดานกัน คือตัวสายสัญญาณ<br />
Colorado นั้นเขาติดตั้งกระบอก DBS ไว<br />
ทางดาน ‘ตนทาง’ ของสาย สวนกระบอก<br />
DBS ของสายลำโพง CV-8 นั้นเขาติดตั้งไว<br />
ทางดานปลายทางของสาย (ดานที่ใกลกับ<br />
ลำโพง มีพิมพตัวอักษรคำวา ‘SPEAKER<br />
END’ เอาไว)<br />
สายลำโพงตัว CV-8 ที่ผมไดรับมา<br />
ทดสอบนี้เปนแบบ 1>2 คือทางฝงที่ตอกับ<br />
เอาตพุตของแอมปมีขั้วตอ +/- อยู<br />
แคคูเดียว สวนทางดานที่ตอเขากับ<br />
ลำโพงนั้นมีอยู 2 คู (+/- อยางละ<br />
สอง) และมีตัวอักษรเขียนกำกับไว<br />
ชัดเจนวาคูไหนใชตอกับขั้วตอ<br />
ลำโพงเสียงแหลม (Treble) และคู<br />
ไหนใชตอกับขั้วตอสายลำโพงเสียง<br />
ทุม (Bass) เวลาตอใชงานควร<br />
ปฏิบัติตามนั้น<br />
สายสัญญาณและสายลำโพง<br />
คูนี้แสดงพฤติกรรมออกมาบาง<br />
ประการที่แตกตางไปจากสายออดิ<br />
โอ เคเบิลอื่นๆ ที่คุนเคยมา คือผม<br />
รูสึกวามันใชเวลาในการเบิรนอิน<br />
นอยมาก!<br />
ปุมกด<br />
ปกติแลว ถาเปนสายระดับออดิโอไฟลที่<br />
มีราคาสูงๆ คุณไมควรจะรีบดวนสรุปกับน้ำ<br />
เสียงของมันถายังใชงานไมถึง 100 ชั่วโมง<br />
เพราะโดยมากแลว ลักษณะเสียงที่ไดในการ<br />
ใชงานชั่วโมงแรกๆ มักจะออกมาทึบและอั้น<br />
ตื้อ ไมเปดเผยเทาที่ควร อีกทั้งรายละเอียดก็<br />
จะยังออกมาไมกระจางชัด ตอง<br />
ผานการใชงานไปแลวอยางต่ำ 20-<br />
30 ชั่วโมงเสียงที่ไดจึงจะคอยๆ<br />
คลี่คลายออกมาในแตละดาน แต<br />
กับสายเคเบิลของออดิโอเควสคูนี้<br />
ผมพบวา มันแทบจะใหเสียงที่เปด<br />
เผยและหลุดลอยเปนอิสระออกมา<br />
ตั้งแตชั่วโมงแรกที่ไดลองใชงานนั่น<br />
เลย<br />
นาแปลกมาก..!!<br />
แมวาในชั่วโมงแรกๆ ของการ<br />
ใชงานนั้น ‘เนื้อเสียง’ โดยรวมจะยัง<br />
คงมีอาการทึบแนน ยังไมผลิฉ่ำเทา<br />
ที่ควร แตทางดาน ‘เวทีเสียง’ และ<br />
‘ไดนามิกเสียง’ นั้นมีลักษณะของการผอน<br />
ปรนและเปดเผยออกมาแทบจะในทันทีที่<br />
เสียบใชงาน เมื่อเทียบกับสายทั่วไปคุณจะพบ<br />
วาสายเคเบิลของ AQ ใชเวลา ‘เผาหัว’ สั้น<br />
กวาสายยี่หออื่นมาก ผมคิดวา ระบบ DBS ที่<br />
เขาไปชวยปรับสมดุลเรื่องไฟฟาสถิตของ<br />
ฉนวนไมใหไปรบกวนการไหลของกระแส<br />
สัญญาณบนตัวนำ อาจจะเปนตนเหตุสำคัญ<br />
ที่ทำใหเสียงออกมาเปดเผยและผอนคลายเร็ว<br />
อยางที่วา และจากการทดลองฟงติดตอกัน<br />
เปนระยะเวลานานพบวา อาการเปดเผยและ<br />
ผอนคลายที่วานี้ จะมีความเสมอตนเสมอ<br />
ปลายโดยตลอดซะดวย คือคุณจะรูสึกวา<br />
เสียงดนตรีมันเคลื่อนไหวดำเนินลีลาตอเนื่อง<br />
ไปเรื่อยๆ คลายกับวา เสียงที่ไดยินมันไมมี<br />
อะไรมา ‘ดึงรั้ง’ หรือคอย ‘กระตุก’ ใหเวที<br />
ไฟสีเขียว<br />
วิธีการเช็กปริมาณไฟในกระบอก DBS หากยังมีไฟเต็ม จะมีไฟแอลอีดีสีเขียว<br />
สวางขึ้นมาใหทราบ เมื่อคุณออกแรงกดลงไปบนปุมตรวจเช็กอันเล็กๆ ที่อยู<br />
ขางหลอดไฟคางไว<br />
เสียงและไดนามิกมีอาการผลุบๆ โผลๆ หรือ<br />
รั้งๆ ปลอยๆ เหมือนสายเคเบิลทั่วไป<br />
แตอยางไรก็ตาม เมื่อใชงานดวยการฟง<br />
เพลงหลากหลายแนวดวยระดับความดังที่<br />
สลับไป-มาระหวางดัง-คอยไปอีกระยะหนึ่ง<br />
(ประมาณ 50 ชั่วโมงผานไป) สิ่งที่แปรเปลี่ยน<br />
ไปก็คือ ‘เนื้อเสียง’ ซึ่งจะพบวามีลักษณะ<br />
ความนวลเนียนมากขึ้น ความรูสึกหยาบ<br />
กรานลดนอยลง กับอีกจุดหนึ่งที่รูสึกถึงความ<br />
เปลี่ยนแปลงก็คือ ‘ความตอเนื่อง’ ของการ<br />
ปรับเปลี่ยนระดับความดังของเสียง (ไดนามิก<br />
คอนทราสต) ที่ดีขึ้น การสวิงของเสียงทั้งจาก<br />
ดังไปเบาและจากเบาไปดังของเครื่องดนตรี<br />
ประเภทเครื่องสายอยางพวกไวโอลิน,เชลโล<br />
ฯลฯ เสียงรอง และเครื่องเปาอยางพวกแซ็กโซ<br />
โฟน,คลาริเน็ต,ฟรุต ฯลฯ มีความราบรื่น<br />
เกาะเกี่ยวตอเนื่องลื่นไหลเปนเนื้อเดียวกัน<br />
มากยิ่งขึ้น ซึ่งเปนชวงที่รูสึกไดวา ตัวสายมัน<br />
สามารถ ‘แสดง’ ความไพเราะของเพลงที่<br />
ฟงออกมามากยิ่งขึ้น สามารถปลดปลอย<br />
ความลุมลึกของอารมณเพลงออกมาไดมาก<br />
ยิ่งขึ้น<br />
หลังจากพน 50 ชั่วโมงไปแลว เมื่อมี<br />
การใชงานตอเนื่อง พบวา น้ำเสียงโดยรวม<br />
ของสายคูนี้เริ่มที่จะ ‘นิ่ง’ แลว เริ่มไมแสดง<br />
ความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนักแลว<br />
เสียง!<br />
‘.. a manufacturer should not be<br />
limited by opinions about what<br />
somebody else has made. But the<br />
reviewing community, people who<br />
aren’t actually going to go design<br />
and manufacture the product, in<br />
many ways are better off turning off<br />
their brains and just listening..’<br />
Bill Low แสดงความเห็นขางตนนี้ไวใน<br />
บทสัมภาษณที่เขามีใหกับนักวิจารณเครื่อง<br />
เสียงคนหนึ่งในเว็บไซต ซึ่งผมเห็นวามันเปน<br />
มุมมองที่นาสนใจทีเดียว เขาวา ผูผลิต<br />
(อุปกรณเครื่องเสียง) ไมควรจะจำกัดความ<br />
คิดเห็นของตนเองเอาไวแคสิ่งที่คนอื่นเคยทำ<br />
มา สวนนักวิจารณเครื่องเสียง ซึ่งไมใชกลุม<br />
คนที่จะมีหนาที่เปนผูผลิตเครื่องเสียงนั้น ไม<br />
วาจะมองจากมุมไหน (เขาวา) มันควรจะดี<br />
กวา ถา (นักวิจารณ) จะใชสมองในการคิดให<br />
นอยลง แลวเปลี่ยนมาเปนแค (ใชหู) ฟง<br />
เทานั้นพอ..<br />
แนวคิดของ Bill Low ในประเด็นนี้จะ<br />
คลายกับสิ่งที่ผมยึดเหนี่ยวอยูทุกวันนี้ในการ<br />
ทำหนาที่วิจารณอุปกรณเครื่องเสียง คือผมจะ<br />
ทดลองฟงเสียงของมันใหรูกอนวาคุณภาพ<br />
เสียงเปนอยางไร จากนั้นจึงคอยไปสนใจวา<br />
(อุปกรณชิ้นนั้น) ถูกออกแบบมาอยางไร.<br />
เพราะผมวามันเปนวิธีที่ไมเสียเวลาดี คือถา<br />
ลองฟงแลวเสียงไมถูกใจ ออกมาไมดีตาม<br />
มาตรฐานของผม ผมก็จะผานมันไปโดยไม<br />
ตองเสียเวลาไปศึกษาวามันถูกสรางขึ้นมา<br />
ดวยวิธีการใด<br />
สิ่งแรกที่สายสัญญาณและสายลำโพง<br />
AQ คูนี้สะดุดหูผม นั่นคือ คุณสมบัติของ<br />
ความอิสระโลงของเสียงที่แสดงตัวออกมาให<br />
ไดยินตั้งแตชั่วโมงแรกๆ ของการใชงาน ซึ่ง<br />
เปนคุณสมบัติที่ถือวาแปลกมากสำหรับสาย<br />
ออดิโอ เคเบิลที่ผมเคยฟงมา และถือวาเปน<br />
จุดเดนมากๆ สำหรับสายเคเบิลของ AQ คูนี้<br />
คุณสมบัติเดนขอนี้ของมันทำใหเกิดมรรคผล<br />
ตอเสียงในแงของเวทีเสียงครับ.. คือมันจะ<br />
ทำใหเวทีเสียงมีลักษณะที่เปดกวาง มิใชเพียง<br />
แคมิติใดมิติหนึ่ง หากแตเปนการแผขยายรูป<br />
วงออกไปรอบดานทั้งสามมิติ คือกวาง, ลึก<br />
และสูง กอปรเปนรูปวงที่มีมิติครบทุกดาน ให<br />
มุมมองของเลยเอาตของตำแหนงชิ้นดนตรีที่<br />
จัดเรียงกันอยางเปนสัดสวนครบทั้งสามมุม<br />
มอง มีหนา-มีหลัง ซาย-ขวา และสูง-ต่ำ<br />
ความเดนชัดของตัวตน (image) ของ<br />
เสียงดนตรีแตละชิ้นก็เปนอีกจุดหนึ่งที่สาย<br />
เคเบิลคูนี้โชวออกมาไดอยางโดดเดนมาก<br />
มันสามารถสกัดชิ้นดนตรีขึ้นมาในอากาศให<br />
ปรากฏแกหูไดอยางกับวากำลังสดับฟงเสียง<br />
จริงของเครื่องดนตรีชิ้นนั้นถูกบรรเลงสดๆ อยู<br />
ภายในหองฟง ตอหนา-ตอตา โดยไมมีมาน<br />
หมอกมากั้นขวาง<br />
สายเคเบิลบางตัวที่ไมสามารถสกัดกั้น<br />
noise หรือสัญญาณรบกวนออกไปจากระบบ<br />
ไดหมดสิ้นนั้น จะใหบุคลิกเสียงที่มีลักษณะ<br />
เหมือนเรากำลังนั่งอยูนอกหอง ฟงวงดนตรีที่<br />
กำลังบรรเลงกันอยูภายในหองโดยมีแผน<br />
กระจกขวางกั้นอยูเบื้องหนา ความสดของ<br />
บรรยากาศของวงที่กำลังบรรเลงมิไดถูก<br />
ถายเทมาถึงตัวตรงตำแหนงที่เรานั่งฟงอยู ซึ่ง<br />
คุณสมบัติขอนี้เปนคุณสมบัติที่หาไดยากจาก<br />
อุปกรณเครื่องเสียงทั่วไป<br />
แตสายสัญญาณและสายลำโพงคูนี้ให<br />
ออกมาได..!!<br />
ในอีกดานหนึ่ง นั่นสะทอนถึงคุณสมบัติ<br />
ทางดาน ‘ความใส’ ของพื้นเสียงที่ยอดเยี่ยม<br />
ที่สายเคเบิลคูนี้ถายทอดออกมาดวย ความ<br />
รูสึกนี้พุงทะลุเขามาในใจผมตอนนั่งฟง Joe<br />
Morello ตวัดไมกลองหวดฉาบตรงทอนสง<br />
ของเพลง Blue Rondo a la Turk (แทร็ค<br />
แรกในอัลบั้มชุด Time Out! ของ Dave<br />
Brubeck Quartet : Columbia/Legacy<br />
CK 65122) ลงไปอยางแรงนั้น กับสายเคเบิล<br />
คูนี้ มันทำใหผมรูสึกไดวา หลังใบฉาบถูกตี<br />
แลวนั้น มันไดแสดงอาการสั่นระรัวและแผ<br />
หางเสียงกระจายออกไปรอบๆ ตัวเอง ในขณะ<br />
ที่สวนใหญแลว เวลาเอาเพลงนี้มาฟงทดสอบ<br />
ในสภาวะทั่วไป บอยครั้งที่ผมมักจะ ‘ไดยิน’<br />
แคเสียงของฉาบที่ถูกตีกระจายอยูเบื้องหนา<br />
แตไมรูสึกถึงการแตกตัวของเสียงหลังจากนั้น<br />
อีก คลายกับเสียงฉาบที่ถูกตีนั้นมันรวบตัวกัน<br />
เปนกระจุกหนาๆ อยูแคตรงตำแหนงที่ถูกตี<br />
ไมแผขยายกระจายเปนริ้วของหางเสียงออก<br />
ไปรอบดานเหมือนตอนที่ฟงผานสายเคเบิล<br />
AQ คูนี้ และไมคอยจะรูสึกวามีสิ่งที่เรียกวา<br />
‘บรรยากาศ’ ของเสียงที่เกิดขึ้นหลังเสียงตี<br />
ฉาบนั้นแผขยายออกมาใหรูสึกสัมผัสไดชัดๆ<br />
เหมือนตอนที่ใชสาย AQ คูนี้ดวย<br />
สรุปคือสาย AQ ชุดนี้สามารถแจกแจง<br />
เสียงฉาบนั้นออกมาใหเห็น ‘รายละเอียดของ<br />
สิ่งที่เกิดขึ้นจริง’ ในปริมาณที่มากกวาที่ผม<br />
เคยสัมผัสจากสายตัวอื่น มันใหหัวเสียง (หรือ<br />
อิมแพ็ค) ของจังหวะกระทบครั้งแรกสุด<br />
ระหวางไมกลองกับใบฉาบที่ชัดเจน มีพลัง<br />
และยังสามารถแสดงใหเห็นถึงสภาวะของ<br />
เสียงใบฉาบหลังถูกตีที่แตกตัวฟุงกระจายเปน<br />
เม็ดฝอยเล็กๆ แผออกไปโดยรอบเหมือนพลุ<br />
กอนที่จะคอยๆ โรยตัวกลืนหายลงไปกับ<br />
ความมืดดำของพื้นเสียงที่เปนฉากหลังแบบมี<br />
ลีลา คือไมไดหายวับไปอยางรวดเร็ว แตทิ้ง<br />
ชวงเวลาใหหูสามารถตรวจจับไดอยูวูบหนึ่ง<br />
กอนจะลวงสลายไปจากการไดยินของหูใน<br />
ที่สุด<br />
จริงๆ แลว สิ่งที่เกิดขึ้นในยอหนาขางตน<br />
นั้น มันเปนสิ่งที่เกิดขึ้นในชวงเวลาเพียงแควูบ<br />
เดียวเทานั้น แตเนื่องเพราะวาสาย AQ คูนี้<br />
สามารถถายทอดรายละเอียดของเหตุการณ<br />
ทั้งหมดนั้นออกมาไดอยางตอเนื่อง ไม<br />
ตกหลน ทำให ‘ภาพ’ ของเสียงนั้นปรากฏตอ<br />
หูของผมไดอยางชัดเจน.. ชัดเจนซะจน<br />
สามารถสาธยายมันออกมาเปนฉากๆ โดยไม<br />
ขาดตอนอยางที่คุณไดอานไปนั่นแหละ<br />
ถาจะเทียบกับเรื่องของภาพ ผมอยากจะ<br />
พูดวา ลักษณะของเสียงที่สาย AQ คูนี้<br />
ถายทอดออกมานั้น มันมีลักษณะคลายการ<br />
สรางสัญญาณภาพแบบ Progressive scan<br />
ที่ทีวีคุณภาพสูงยุคใหมถายทอดออกมา ซึ่ง<br />
มิไดแคมีความละเอียดสูงกวาภาพแบบ<br />
interlace scan อยางที่ทีวียุคเกาใหออกมา<br />
GM2000 088<br />
089<br />
GM2000