Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
การศึกษาซากสุกรเพื่อการศึกษาวิจัย<br />
กมล ฉวีวรรณ<br />
ศูนยวิจัยและบํารุงพันธุสัตวนครราชสีมา<br />
การศึกษาซากสุกรเปน การศึกษาสวนประกอบตางๆของสุกรหลังจากชําแหละ การศึกษาคุณภาพเนื้อ และ<br />
คุณภาพซาก เพื่อใชในการประเมินซากของสุกรเพื่อวัตถุประสงคตางๆ เชน ใชประเมินความกาวหนาการพัฒนา<br />
ปรับปรุงพันธุ ประเมินคุณภาพซากสําหรับการบริโภค การกําหนดมาตรฐานของเนื้อสัตว เปนตน โดยในการศึกษา<br />
ซากประกอบดวยขั้นตอนตางๆดังตอไปนี้<br />
ขั้นตอนกอนศึกษาซาก<br />
กอนศึกษาซากสุกรตองอดอาหารสุกรกอนอยางนอย 12 ชม. เพื่อไมใหมีอาหารตกคางอยูในระบบทางเดิน<br />
อาหาร น้ําหนักของสุกรกอนฆาจะเปนน้ําหนักที่ใกลเคียงน้ําหนักของสุกร นําสุกรไปชั่งน้ําหนักกอนที่จะนําไป<br />
ศึกษาซาก ซึ่งเปนน้ําหนักมีชีวิตหรือน้ําหนักกอนฆา (Live weight หรือ Slaughter weight)<br />
การฆาสุกร<br />
1. การทําใหสุกรสลบโดยการช็อตดวยกระแสไฟฟา<br />
กอนฆาสุกรจะตองทําใหสุกรสลบดวยวิธีช็อตไฟฟา ดวยเครื่องช็อตไฟฟา (Electrical stunning instrument)<br />
ที่กระแสไฟฟา 220 โวลต<br />
2. การฆาสุกรและแทงคอเพื่อเอาเลือดออก<br />
ทันทีที่สุกรสลบ นําโซผูกมัดแขงหลังขางใดขางหนึ่งแขวนกับรอกไฟฟา จากนั้นดึงตัวสุกรขึ้นใหพนจาก<br />
พื้น เมื่อแขวนสุกรพนจากพื้นดีแลวจึงแทงคอดวยมีดปลายแหลมขนาดยาว 6-7 นิ้ว ที่ตําแหนงบริเวณกึ่งกลางอก ใต<br />
ยอดอกลงมาประมาณ 2-3 นิ้ว โดยใหปลายมีดแทงชี้ขึ้นไปทางดานบนในทิศทางทางดานหางอยางรวดเร็ว บิดปลาย<br />
มีดเล็กนอยจากนั้นดึงมีดออกมา มีดจะตัดเสนเลือดดํา (Jugular vein) และเสนเลือดแดง (Carotid artery) เพื่อให<br />
เลือดไหลออกจากรางกายมากที่สุด<br />
3. การลวกน้ํารอนและขูดขน<br />
เมื่อเลือดออกจากรางกายสุกรหมดแลว ลดซากสุกรลงมาที่เครื่องขูดขน ซึ่งมีน้ําอุนที่อุณหภูมิเหมาะสําหรับ<br />
การขูดขน ประมาณ 60-65 °ซ ระวังอยาใหน้ํารอนหรือเย็นเกินไป กรณีที่น้ําเย็นเกินไปจะขูดขนไดยาก ทําใหหนังมี<br />
ตําหนิได แตถาน้ํารอนเกินไปจะทําใหความรอนสูงซึมเขาไปใน Hair follicle เร็ว ทําใหโปรตีนภายในเกิดการ<br />
แข็งตัว (Coagulate) สงผลใหขนยึดติดแนนมากขึ้นทําใหขูดขนไดยาก ซึ่งเครื่องขูดขนจะประกอบดวยมอเตอร<br />
ไฟฟาแกนกลมขนาดเสนผาศูนยกลางประมาณ 4 ฟุต รอบๆ แกนจะติดแผนขูดขนซึ่งเปนแผนยางที่คอนขางแข็ง ดัง<br />
ภาพที่ 1 เมื่อเปดสวิทซเครื่องขูดขน แกนเครื่องจะหมุนใหแผนขูดขนซากนานประมาณ 2-4 นาที เมื่อเห็นวาสะอาด<br />
ดีขูดขนออกหมดแลว นําซากขึ้นแขวนบนรางแขวนซากโดยใชตะขอเกี่ยวที่เอ็นรอยหวาย (Achilles tendon) บริเวณ
ขาหลัง จากนั้นขูดขนที่เหลือบริเวณ หัว ซอกขาหนา-หลัง และลําตัวใหเรียบรอยดวยมีดที่มีความคมมากหรือมีด<br />
โกน (วโรชา จําปารัตน)<br />
ภาพที่ 1 เครื่องขูดขนสุกร<br />
4. ตัดแยกหัวและเปดซาก<br />
ใชน้ําเย็นลางซากใหสะอาดกอนตัดหัวแยกออกจากสวนลําตัว โดยใชมีดเลาะกระดูกแทงเขาที่ทายทอยตรง<br />
รอยตอกะโหลกศีรษะกับกระดูกคอ จากนั้นใชมีดควานมาตามกระดูกขากรรไกรจนรอบคอ ตัดแยกหัวออก และ<br />
เปดซากโดยใชมีดควานรอบชองทวาร เพื่อใหกลามเนื้อที่ยึดรอบๆ ชองทวารหลุดออกใหหมด จากนั้นใชมีดผา<br />
กลางระหวางขาหลังทั้งสอง ดังแสดงในภาพที่ 2 ระวังอยาใหปลายมีดทิ่มทะลุอวัยวะภายในชองทอง ใชมีดเลาะเอา<br />
อวัยวะออกจากชองทองอยางเบามือ เวนสวนของไตและมันเปลวใหติดอยูกับซาก แยกอวัยวะภายในสวนตางๆ<br />
นําไปชั่งน้ําหนัก<br />
การศึกษาซากสุกรเพื่อการศึกษาวิจัย 2
ภาพที่ 2 ขั้นตอนการตัดแยกหัวและเปดซาก<br />
5. การผาซาก<br />
ลางทําความสะอาดซากสุกรที่แยกอวัยวะภายในชองทองและชองอกออกไปหมดแลว จากนั้นใชเลื่อย<br />
ไฟฟาแบงซากออกเปนสองซีกตามแนวกึ่งกลางของกระดูกสันหลัง อยาใหเบี่ยงไปดานใดดานหนึ่งเนื่องจากจะทํา<br />
ใหสวนสันนอก (Longissimus dorsi) ไมสวยงาม หรือมีรอยตําหนิ จากนั้นใชน้ําลางทําความสะอาดอีกครั้ง<br />
6. การชั่งน้ําหนักซากอุน (Hot carcass weight)<br />
ชั่งน้ําหนักซากหลังจากทําความสะอาดแลวคราวละหนึ่งซีก นําน้ําหนักทั้งสองซีกมารวมกันเปนน้ําหนัก<br />
ซากอุน<br />
7. การแชเย็น (Chilled)<br />
นําซากทั้งสองซีกไปแชเย็น หรือเรียกวาการชิล (Chill) ที่อุณหภูมิ 2-5 ซ นานประมาณ 18-24 ชั่วโมง<br />
จากนั้นนําซากมาชั่งน้ําหนักโดยน้ําหนักที่ไดจะเปนน้ําหนักซาก หรือน้ําหนักซากเย็น (Chilled carcass weight)<br />
กอนจะนําไปตกแตงซากและศึกษาสวนประกอบของซากตอไป<br />
การศึกษาซากสุกรเพื่อการศึกษาวิจัย 3
การตัดแตงซากและศึกษาสวนประกอบของซาก<br />
ตัดแตงซากและศึกษาซากสุกรตามวิธีการตัดแตงซากของอเมริกา หรือ National Livestock and Meat<br />
Board ซึ่งเปนที่ยอมรับกันอยางแพรหลาย ชิ้นสวนของสุกรที่ตัดแตงซากนั้นจะมาจาก 5 ชิ้นสวนใหญ ไดแก ขาหลัง<br />
(Ham) สัน (Loin) ไหล (Boston shoulder) ขาหนา (Picnic shoulder) และสามชั้น (Belly) ดังแสดงในภาพที่ 3<br />
Ham Loin Picnic<br />
Belly<br />
ภาพที่ 3 ชิ้นสวนของสุกรที่ตัดแตงซากแบบ National Livestock and Meat Board<br />
กอนดําเนินการตัดแตงซาก จะวัดขอมูลลักษณะซากดังนี้<br />
1. ความยาวซาก วัดความยาวซากสองสวนดวยกันคือ<br />
• สวนที่ 1 ความยาวลําตัว วัดจาก Aitch Bone ถึงกระดูกอก Atlast ดังแสดงในภาพที่ 4B<br />
• สวนที่ 2 ความยาวชองทองหรือความยาวซาก (Carcass length) วัดจาก Aitch Bone ถึงกระดูก<br />
ซี่โครงซี่แรกติดกับกระดูกอก<br />
2. นับจํานวนซี่โครง<br />
3. วัดความหนาไขมันสันหลัง 3 ตําแหนง ดังรายละเอียดแสดงในภาพที่ 4C, 4D และ 4E คือ<br />
• ความหนาไขมันสันหลังตําแหนงบริเวณไหล ตรงกับกระดูกซี่โครงซี ่แรก<br />
• ความหนาไขมันสันหลังตําแหนงบริเวณซี่โครงซี่สุดทาย<br />
• ความหนาไขมัน Side fat ตําแหนงซี่โครงซี่ที่ 10-11 ณ จุดที่ 3 ใน 4 จากแนวกระดูกสันหลัง<br />
วัดใหตั้งฉากกับกลามเนื้อ<br />
4. วัดพื้นที่หนาตัดเนื้อสัน โดยใชพลาสติกหรือกระดาษไขทาบลงบนหนาตัดของเนื้อสัน และใชปากกา<br />
เมจิกชนิดติดแนน (Permanent) เขียนขอบเขตของเนื้อสัน หรือใชกลองถายภาพของหนาตัดเนื้อสัน<br />
โดยมีไมบรรทัดแสดงระยะที่ใชอางอิงได ดังแสดงในภาพที่ 4F และ 4G<br />
การศึกษาซากสุกรเพื่อการศึกษาวิจัย 4
5. วัดเปรียบเทียบระดับสีของเนื้อแดง ระดับของไขมันแทรก และระดับสีของไขมัน กับคามาตรฐาน ดัง<br />
แสดงในภาพที่ 4H และ 4I<br />
A B C<br />
D E F<br />
G H I<br />
ภาพที่ 4 ขั้นตอนการวัดซากสุกร<br />
A: การศึกษาซาก<br />
B: การวัดความยาวลําตัวจาก Aitch Bone ถึงกระดูกอก Atlast<br />
C: การวัดความหนาไขมันสันหลังตําแหนงบริเวณไหล<br />
D: การวัดความหนาไขมันสันหลัง ตําแหนงบริเวณซี่โครงซี่สุดทาย<br />
E. การวัดความหนาไขมัน Side fat ตําแหนงซี่โครงซี่ที่ 10-11<br />
F: วัดพื้นที่หนาตัดเนื้อสัน<br />
G: การถายภาพหนาตัดเนื้อสัน<br />
H: การวัดเปรียบเทียบระดับสีของเนื้อแดง<br />
I: การวัดเปรียบเทียบระดับสีของไขมัน<br />
การศึกษาซากสุกรเพื่อการศึกษาวิจัย 5
ขั้นตอนการตัดแตงซากมีดังตอไปนี้ (วโรชา จําปารัตน)<br />
1. สวนคาง (Jowl) ตัดชิ้นสวนของคางตามแนวระหวางขาหนากับคาง ตัดใหเปนแนวเสนตรงตั้งฉากกับ<br />
ลําตัว จะไดสวนของขาหนาที่เปนแนวตรง<br />
2. สวนแขง (Shank) ตัดแขงออกจากสวนขาหนาและขาหลัง โดยเลื่อยเหนือบริเวณขอศอกเล็กนอย<br />
3. สวนไหล (Shoulder) แยกสวนไหลที่ติดกับขาหนาออกโดยเลื่อยที่ตําแหนงระหวางซี่โครงซี่ที่ 3 และ 4<br />
เปนแนวตั้งฉากกับลําตัว จากนั้นเลาะกระดูกออกใหหมด เลาะเอาสวนมันและหนังของขาหนาออก<br />
4. สวนขาหลัง (Ham) แยกขาหลังออกจากซากโดยเลื่อยระหวางกระดูกสันหลังตําแหนงสะโพกขอที่ 2<br />
และ 3 ซึ่งแนวนี้ตัดทํามุม 90 องศากับขาหลัง (กระดูกแขง, Tibia) หลัง เมื่อแยกเรียบรอยแลวทําการ<br />
เลาะแยกมัน หนัง และกระดูก ออกจากชิ้นสวนขาหลัง<br />
5. สวนเนื้อสัน (Loin) แยกสวนสันนอกออกจากสวนสามชั้น (Belly) และเลาะสวนสันในออกจาก<br />
ตําแหนงที่ยึดกับกระดูกสันหลัง ใชมีดเลาะเอาหนังและมันที ่หุมหลังออกจากสวนสันนอกดวย<br />
6. สวนสามชั้น (Belly) แยกสวนสามชั้นออกจากซี่โครง จะไดเปนเนื้อสามชั้น และกระดูกซี่โครง (Rib)<br />
การรวบรวมขอมูลและการคํานวณการศึกษาซากสุกร<br />
1. จัดเก็บขอมูลการศึกษาซากโดยเปนขอมูลดังนี้<br />
• ขอมูลการทดสอบพันธุ<br />
• น้ําหนักกอนฆา<br />
• น้ําหนักเครื่องใน ไดแก หัว หัวใจ ปอด ตับ ไต มาม ลําไสเล็ก-ใหญ กระเพาะอาหาร กระเพาะ<br />
ปสสาวะ และอวัยวะเพศ<br />
• น้ําหนักซากอุนที่ตัดสวนหัว เอาเลือดและเครื่องในออกแลว (ยกเวนไตและมันเปลวที่ติดอยู กับซาก)<br />
• วัด pH และอุณหภูมิที่ตําแหนงใจกลางกลามเนื้อสันนอกที่ตําแหนงระหวางซี่โครงซี่ที่ 13 และ 14<br />
โดยแทงลึกลงไปประมาณ 5 ซม. (อุณหภูมิ) หรือ 1.5 ซม. (pH) หลังจากฆาสุกร 45 นาที<br />
• น้ําหนักซากเย็น หลังจากเก็บซากที่อุณหภูมิ 4 °ซ นาน 24 ชม.<br />
• วัด pH และอุณหภูมิที่เนื้อสันนอก หลังแชเย็นนาน 24 ชม.<br />
• น้ําหนักที่หายไปหลังฆา = น้ําหนักสุกรกอนฆา – (น้ําหนักซากอุน รวมน้ําหนักหัว และน้ําหนัก<br />
เครื่องในที่ลางแลว)<br />
• น้ําหนักที่หายไประหวางชําแหละ = น้ําหนักซากเย็นกอนชําแหละ - น้ําหนักรวมของซากเย็นแตละ<br />
สวนหลังชําแหละ<br />
• เก็บบันทึกขอมูลสวนตางๆ ตามแบบฟอรมศึกษาซาก (ดังแบบฟอรมแนบทาย)<br />
• กรอกขอมูลในแบบฟอรมศึกษาซากในโปรแกรมฐานขอมูล Access เพื่อคํานวณขอมูลสวนตางๆ<br />
การศึกษาซากสุกรเพื่อการศึกษาวิจัย 6
2. รายละเอียดการคํานวณ<br />
• น้ําหนักเนื้อแดงทั้งหมด = เนื้อแดงที่ไดจาก 4 สวน ไดแก ไหล ขาหนา เนื้อสัน (สันนอกและสัน<br />
ใน) และขาหลัง<br />
• น้ําหนักกระดูกทั้งหมด = กระดูกที่ไดจาก ไหล ขาหนา ซี่โครง-กระดูกสวนกลาง และขาหลัง<br />
• น้ําหนักไขมันและหนัง = ไขมันและหนังที่ไดจาก ไหล ขาหนา สวนกลาง (สัน) และขาหลัง<br />
• น้ําหนักกระดูก = ผลรวมของน้ําหนักกระดูกขาหลัง ขอขาหลัง กระดูกขาหนา ขอขาหนา หาง<br />
และกระดูกซี่โครง<br />
• น้ําหนักมันหนัง = ผลรวมของมันหนังขาหนา มันหนังขาหลัง มันหนังสวนกลาง (สัน) คาง และ<br />
มันเปลว<br />
• เปอรเซ็นตเนื้อแดงเทียบกับน้ําหนักมีชีวิต = น้ําหนักเนื้อแดงทั้งหมด X 100<br />
น้ําหนักมีชีวิต<br />
• เปอรเซ็นตเนื้อแดงเทียบกับน้ําหนักซาก = น้ําหนักเนื้อแดงทั้งหมด X 100<br />
น้ําหนักซากเย็น<br />
• เปอรเซ็นตกระดูกเทียบกับน้ําหนักมีชีวิต = น้ําหนักกระดูกทั้งหมด X 100<br />
น้ําหนักมีชีวิต<br />
• เปอรเซ็นตกระดูกเทียบกับน้ําหนักซาก = น้ําหนักกระดูกทั้งหมด X 100<br />
น้ําหนักซากเย็น<br />
• เปอรเซ็นตมันหนังเทียบกับน้ําหนักมีชีวิต = น้ําหนักมันหนังทั้งหมด X 100<br />
น้ําหนักมีชีวิต<br />
• เปอรเซ็นตมันหนังเทียบกับน้ําหนักซาก = น้ําหนักมันหนังทั้งหมด X 100<br />
น้ําหนักซากเย็น<br />
• เปอรเซ็นตสามชั้นเทียบกับน้ําหนักมีชีวิต = น้ําหนักสามชั้นทั้งหมด X 100<br />
น้ําหนักมีชีวิต<br />
• เปอรเซ็นตสามชั้นเทียบกับน้ําหนักซาก = น้ําหนักสามชั้นทั้งหมด X 100<br />
น้ําหนักซากเย็น<br />
• เปอรเซ็นตซากอุน = น้ําหนักซากอุน X 100<br />
น้ําหนักมีชีวิต<br />
• เปอรเซ็นตซาก (เย็น) (Dressing percentage) = น้ําหนักซากเย็น X 100<br />
น้ําหนักมีชีวิต<br />
การศึกษาซากสุกรเพื่อการศึกษาวิจัย 7
3. การคํานวณพื้นที่หนาตัดเนื้อสัน<br />
a. การคํานวณพื้นที่หนาตัดเนื้อสันดวยวิธีวาดขอบเขตพื้นที่หนาตัดเสื้อสัน ณ ตําแหนงซี่โครงที่ 10-<br />
11 บนพลาสติกหรือกระดาษไข คํานวณพื้นที่โดยใชชองตารางคํานวณที่มีขนาดของแตละชอง<br />
เทากับ 1 ตร.ซม. เปนการประมาณการโดยคราวๆ หรือพลานิมิเตอร (Planimeter) ดังภาพที่ 5 ที่ใช<br />
สําหรับวัดขนาดพื้นที่ซึ่งจะมีความแมนยํากวา<br />
b. การคํานวณพื้นที่หนาตัดเนื้อสันดวยวิธี Image analysis โดยใชการถายภาพพื้นที่หนาตัดเนื้อสันให<br />
ตั้งฉากกับพื้นที่หนาตัดเนื้อสัน ถายภาพพรอมไมบรรทัดที่มีสเกล (Scale) เปนระยะสําหรับใช<br />
อางอิง และนําไปคํานวณโดยใชวิธีตามเอกสาร “การใช Image analysis สําหรับงานทางดาน<br />
การศึกษาซากสุกร” (กมล ฉวีวรรณ)<br />
ภาพที่ 5 การคํานวณพื้นที่หนาตัดเนื้อสัน<br />
A: การคํานวณพื้นที่โดยใชชองตารางคํานวณ<br />
B: พลานิมิเตอร (Planimeter) ที่ใชสําหรับวัดขนาดพื้นที่<br />
4. การศึกษาทางดานวิทยาศาสตรเนื้อสัตว<br />
การนําเนื้อมาใชศึกษาทางดานวิทยาศาสตรเนื้อสัตว จะใชเนื้อสวนของเนื้อสันนอก ตั้งแตบริเวณซี่โครงซี่ที่<br />
10 ไปทางดานหลัง ประมาณ 1 กิโลกรัม และเนื้อแดงสวนสะโพกบริเวณ Semi membranosus หรือ Biceps femoris<br />
ประมาณ 1 กิโลกรัม ดังแสดงในภาพที่ 6) โดยเก็บตัวอยางเนื้อสุกร (เนื้อสัน กับเนื้อสะโพก) อยางละ 1 กก. ติด<br />
ฉลากใหเรียบรอยและชัดเจนถึงชนิดของเนื้อและระยะเวลาที่เก็บ บรรจุเนื้อในถุง (ถาบรรจุดวย Vacuum pack ยิ่งดี)<br />
ถาไมมีใชถุงพลาสติกอยางหนา มัดปากถุงใหแนนดวยยางหนังสติก ใสกลองโฟม ใสน้ําแข็งใหทวม ปดฝาใหมิดชิด<br />
กอนสงไปหองปฏิบัติการวิทยาศาสตรเนื้อสัตว (สุทธิพงศ อุริยะพงศสรรค)<br />
การศึกษาซากสุกรเพื่อการศึกษาวิจัย 8
1. Rectus femoris<br />
2. Vastus intermedius<br />
3. Vastus lateralis<br />
4. Vastus medialis<br />
5. Biceps femoris<br />
6. Adductor magnus<br />
7. Semimembranosus<br />
8. Semitendinosus<br />
9. Sartorius<br />
10. Gracilis<br />
ภาพที่ 6 กลามเนื้อบริเวณขาหลังของสุกร แสดงสวนกลามเนื้อที่นําไปศึกษาดานวิทยาศาสตรเนื้อสัตว<br />
(Biceps femoris หรือ Semimembranosus) (สุทธิพงศ อุริยะพงศสรรค)<br />
a. การวัดความเหนียวนุมของเนื้อ โดยการวัดดวย Texture analyzer หรือวัดดวยเครื่อง Shear force<br />
ซึ่งวัดแรงตัดเฉือนชิ้นเนื้อ โดยนําตัวอยางชิ้นเนื้อที่ผานขั้นตอนการทําใหสุก ตัดเปนชิ้นรูป<br />
สี่เหลี่ยมผืนผาโดยตามแนวยาวของเสนใยกลามเนื้อใหมีขนาดยาวประมาณ 3 ซม. มีพื้นที่หนาตัด<br />
ของขนาดชิ้นเนื้อประมาณ 1.25 ซม. จากนั้นนําชิ้นเนื้อไปวัดคาแรงตัดผานเนื้อดวยเครื่องมือวัด<br />
ความนุมของเนื้อ (Instron Model 1011) โดยตัดตามขวางของเสนใยกลามเนื้อตามวิธีการของ Van<br />
Oeckel et al.(1999)<br />
b. การศึกษาลักษณะปรากฏของเนื้อ คาความแดง ความเหลืองและคาความสวาง การวัดไขมันแทรก<br />
สีของไขมัน โดยนําตัวอยางเนื้อสันนอก หลังเก็บไวที่อุณหภูมิ 4 °ซ นาน 24 ชั่วโมง มาตัด<br />
แบงเปน 2 ชิ้น มีขนาดประมาณ 5 x 10 ซม. หนาประมาณ 3 ซม. ตัดแตงพังผืด และไขมันสันหลัง<br />
ออก นําไปวัดสีดวยเครื่องมือวัดสีของเนื้อ (Minolta Chromameter CR – 300) ซึ่งแสดงผลในรูป<br />
ของ L* (luminance) a* (redness) และ b* (yellowness) (จุฑารัตน เศรษฐกุลและคณะ)<br />
c. การวัดคาการสูญเสียน้ําหนักเนื่องจากการปรุงอาหาร (Cooking loss) โดยการนําเนื้อสวนสันนอก<br />
ขนาดประมาณ 10 x 5 ซม. หนาประมาณ 2 ซม. มาชั่งน้ําหนักบันทึกเปนน้ําหนักเริ่มตน (W1)<br />
นําไปบรรจุในถุงสุญญากาศ ทําใหสุกดวยเตาอบไฟฟา จนอุณหภูมิภายในเนื้อเทากับ 71 °ซ ทิ้งไว<br />
ใหเย็นที่อุณหภูมิหอง นําไปชั่งน้ําหนักเนื้อสุก (W2) คํานวณหาเปอรเซ็นตน้ําหนักที่สูญเสียหลัง<br />
ปรุงสุก ตามวิธีการของ Berge et al. ( 1993 )<br />
การศึกษาซากสุกรเพื่อการศึกษาวิจัย 9
เปอรเซ็นตการสูญเสียน้ําหนักระหวางการทําใหสุก = (W1 - W2) x 100<br />
W1<br />
d. การวัด Water holding capacity เปนการวัดความสามารถในการอุมน้ํา หรือการวัด Drip loss โดย<br />
การนําเนื้อสันนอกหนา 1.5 ซม. ใสถุงพลาสติกที่ปดสนิท นําไปชั่งน้ําหนัก และแขวนเก็บที่<br />
อุณหภูมิ 4 °ซ เปนเวลา 48 ชั่วโมง จากนั้นนําเนื้อออกจากถุงโดยซับของเหลวที่ติดมากันเนื้อสัน<br />
ดวยกระดาษทิชชุ ชั่งน้ําหนักเนื้อสัน คํานวณการสูญเสียน้ําจากน้ําหนักที่สูญเสีย (มก.) ตอน้ําหนัก<br />
เนื้อเริ่มตน (กรัม) หรือคํานวณเปนเปอรเซ็นตการสูญเสีย (คมกฤษณ และสุทธิพงศ)<br />
เอกสารประกอบการเรียบเรียง<br />
1. สุทธิพงศ อุริยะพงศสรรค, Personal communication<br />
2. กมล ฉวีวรรณ, การใช Image analysis สําหรับงานทางดานการศึกษาซากสุกร<br />
3. วโรชา จําปารัตน, การศึกษาซากสุกร<br />
4. คมกฤษณ ปูพันธ และ สุทธิพงศ อุริยะพงศสรรค, ผลการจัดการกอนฆาตอคุณภาพเนื้อสุกร<br />
5. จุฑารัตน เศรษฐกุล และคณะ, ผลของสารซัลบูตามอลตอคุณภาพเนื้อ<br />
การศึกษาซากสุกรเพื่อการศึกษาวิจัย 10