e book สุวัฒน์ new 5
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
Integration<br />
to<br />
สุวัฒน สุรัตนชัยการ<br />
Success<br />
1
Integration<br />
to<br />
Success<br />
สุวัฒน สุรัตนชัยการ<br />
1
Integration<br />
to สุวัฒน สุรัตนชัยการ<br />
Success<br />
2
สารบัญ<br />
บทนำ<br />
ปรัชญาการทำงาน<br />
ผู้นำกับการบริหาร<br />
ข้อคิดจากการทำงาน<br />
ประสบการณ์ที่ประทับใจในชีวิตการทำงาน<br />
ฝากถึงน้องๆ<br />
3<br />
7<br />
13<br />
21<br />
35<br />
41<br />
<strong>สุวัฒน์</strong> สุรัตนชัยการ<br />
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่<br />
สายงานโครงการ<br />
CAPEX Excellence (TPX)<br />
Senior Vice President,<br />
CAPEX Excellence<br />
พ.ศ. 2560<br />
2
บทนำ<br />
พี่จบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า<br />
จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ.2522 และศึกษาต่อที่สถาบัน<br />
บัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอนที่เรียนจบมา<br />
ใหม่ๆ อยากที่จะมาทำงานในโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งในสมัยนั้นเป็นที่ใฝ่ฝันของ<br />
เด็กวิศวะที่จบใหม่ทุกคน ซึ่งช่วงนั้นโรงกลั่นน้ำมันใหญ่ๆ ของไทยมีอยู่<br />
2 บริษัท คือ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (Thaioil) หรือ โรงกลั่น<br />
น้ำมันศรีราชาในสมัยนั้น และ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)<br />
(โรงกลั่นน้ำมันทหารในสมัยนั้น) พี่ก็ไปสมัครงานที่ Thaioil แต่ยังไม่ทัน<br />
จะเข้าทำงานก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัท Saudi Aramco เสียก่อน<br />
ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของประเทศซาอุดิอาระเบียที่ร่วมลงทุนกับบริษัท<br />
น้ำมันเอกชนของสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันประกอบธุรกิจปิโตรเคมีอย่างครบวงจร<br />
ทั้งการสำรวจและผลิตน้ำมันดิบ โรงกลั่นน้ำมัน และบุกเบิกไปจนถึงธุรกิจ<br />
ปลายน้ำอย่างปิโตรเคมี Saudi Aramco ปัจจุบันยังคงเป็นบริษัทน้ำมันที่ใหญ่<br />
ที่สุดในโลก ที่นี่ พี่ทำงานเป็นวิศวกรระบบควบคุมซึ่งเป็นสาขาหนึ่งทางด้าน<br />
วิศวกรรมไฟฟ้า ซึ่งพี่ไม่ได้เรียนจบมาโดยตรง แต่ได้มาศึกษาเพิ่มเติมและ<br />
เริ่มทำงานเป็นสายอาชีพหลังจากที่เรียนจบมา ต่อมาตัดสินใจลาออกกลับ<br />
มาทำงานกับบริษัทในประเทศไทย ที่แรกคือ บริษัทในเครือปูนซิเมนต์ไทย<br />
ต่อมาย้ายไปทำงานกับ Thaioil ตามที่หวังไว้ เพราะช่วงนั้น Thaioil ทำโครงการ<br />
ขยายโรงกลั่นที่ 3 (TOC-3) จึงได้เข้าทำงาน อยู่ที่นั่นอยู่ประมาณ 7 ปี ช่วงที่<br />
พี่ทำงาน เป็นช่วงที่มีผู้จัดการโรงงาน 2 ท่าน คือ ดร.เอนก สิงหโกสินท์ และ<br />
ดร.ธวัชชัย เฮงรัศมี<br />
2 3
4 5
ต่อมาประเทศไทยได้ขุดค้นพบก๊าซในอ่าวไทย พ.ศ 2524 ซึ่งเรียกช่วงนั้น<br />
ว่าประเทศไทยเข้าสู่ยุคโชติช่วงชัชวาล มีนโยบาย “เปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนาม<br />
การค้า” รัฐบาลมี นโยบายอนุมัติให้สร้างโรงกลั่นน้ำมันเพิ่มอีก 2 โรงในเวลา<br />
ใกล้เคียงกันที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด หนึ่งในนั้นคือ โรงกลั่นน้ ำมัน บริษัท<br />
สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน<br />
ระหว่าง Chevron (CALTEX ในสมัยนั้น) กับ ปตท. ช่วงที่พี่ลาออกจาก Thaioil<br />
ย้ายมาทำที่ SPRC เป็นช่วงที่ตัดสินใจลำบากมีหลายคนถามพี่ว่าแน่ใจหรือที่จะ<br />
ไปเริ่มงานกับ SPRC เพราะเป็นบริษัทใหม่ยังไม่มีความมั่นคงเมื่อเทียบกับ Thaioil<br />
แต่พี่ก็ตัดสินใจย้ายมา ตอนนั้นมาเป็นรุ่นบุกเบิก (Pioneer) รุ่นแรก พี่ได้ท ำงานด้าน<br />
วิศวกรรมโครงการ (Project Engineer) ของ SPRC มีโอกาสไปร่วมงานกับบริษัท<br />
CALTEX (Chevron ปัจจุบัน) ร่วมงานออกแบบวิศวกรรมเบื้องต้น (FEED)<br />
ประมูลหาผู้รับเหมา (ITB) จนได้ผู้รับเหมาก่อสร้าง (EPC) การทำงานช่วงแรก<br />
อยู่ต่างประเทศประมาณสองปี ก่อนจะที่ย้ายเข้ามาทำงานที่มาบตาพุดในช่วง<br />
ก่อสร้างโรงกลั่นฯ จนกระทั่ง Commissioning และได้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม<br />
ในปี 2539 พี่ทำงานในสาย Technical มาโดยตลอดจนถึงปี 2543 พี่จึงได้มี<br />
โอกาสทำงานในตำแหน่งผู้บริหารเบื้องต้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และมีความเจริญ<br />
ก้าวหน้าในสายงาน Technical Management มาโดยตลอด<br />
6 7
ในช่วงที่ธุรกิจโรงกลั่นอยู่ในช่วงขาลง ผลประกอบการของทั้งสอง<br />
โรงกลั่นที่มาบตาพุด คือ SPRC และบริษัท โรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด หรือ<br />
RRC ขาดทุนติดต่อกันหลายปีทำให้ทั้งสองโรงกลั่นตกลงร่วมดำเนินงานในรูป<br />
แบบพันธมิตร (Operating Alliance) เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ทางธุรกิจเพิ่มขึ้น<br />
(Synergy) และประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ (Operating Cost) ได้โอน<br />
ย้ายพนักงานทั้งสองบริษัท มาสังกัดบริษัทใหม่คือ บริษัท อัลลายแอนซ์ รีไฟน์นิ่ง<br />
จำกัด (ARC) บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ทำให้มีผลประกอบการ<br />
ที่ดีขึ้น จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่งเมื่อ Shell ตัดสินใจขายธุรกิจ<br />
โรงกลั่น RRC ให้ ปตท. ทำให้มีการยกเลิกสัญญาการร่วมด ำเนินการกลั่นในรูปแบบ<br />
พันธมิตร (ARC) และให้สิทธิ์พนักงานที่จะเลือกท ำงานในบริษัท SPRC หรือ RRC<br />
ก็ใด้หลังจากยกเลิกบริษ้ท ARC แล้ว พี่เลือกบริษัทคนไทย ปตท. จึงย้ายมา<br />
ทำงานที่ RRC และต่อมาในปี พ.ศ 2550 ก็ควบรวมกับบริษัท อะโรเมติกส์<br />
(ประเทศไทย) จำกัด (ATC) กลายมาเป็น บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และ<br />
การกลั่น จำกัด (มหาชน) (PTTAR) ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ 2556 PTTAR ก็ควบรวม<br />
กับบริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTCH) จนมาเป็น บริษัท พีทีที<br />
โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) ในที่สุด<br />
8 9<br />
ปรัชญาการทำงาน
พี่เป็นลูกคนจีน คุณพ่ออพยพมาจากเมืองจีนและมาแต่งงานกับคุณแม่<br />
ที่เมืองไทยเหมือนครอบครัวคนจีน ทั่วๆ ไปสมัยนั้น ในช่วงแรกเข้ามาค้าขาย<br />
แถวห้าแยกพลับพลาไชย เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ต่อมาได้ย้ายครอบครัวมา<br />
อยู่จังหวัดนนทบุรีซึ่งเป็นบ้านเกิดคุณแม่ ในวัยเด็กพี่ได้รับอิทธิพลจากคำสั่ง<br />
สอนของ พ่อแม่ และญาติผู้ใหญ่ ทั้งปู่ย่า และ ตายาย โดยท่านจะสอนพี่เสมอ<br />
ว่า “คนจะเก่งได้นั้นต้องเป็นคนที่มีพื้นฐานมาจากการเป็นคนดีก่อน” คนดีใน<br />
ความหมายของท่านนั้นคือ<br />
• เป็นคนซื่อสัตย์ สุจริต เป็นคนไม่คดโกง ไม่เบียดบังเอาผลประโยชน์<br />
ของส่วนรวมมาเป็นของตน ไม่เอาผลประโยชน์มาให้พวกพ้องเพื่อตอบสนอง<br />
หรือแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์อื่นๆ ที่ตนเองอยากได้ คุณสมบัติข้อนี้เกิดจาก<br />
การเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนในวัยเด็กให้มีความละอายต่อบาป (หิริ โอตัปปะ)<br />
• เป็นคนกตัญญู รู้คุณคน สำนึกคุณผู้ที่ทำดีต่อเราโดยบริสุทธิ์ใจ<br />
ข้อนี้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษว่าบุญคุณที่ว่านี้ต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้อง<br />
ไม่ใช่ทำเพื่อหวังผล หรือคดโกงใครมาไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นผลประโยชน์<br />
ต่างตอบแทน เอื้อซึ่งกันและกัน<br />
• เป็นคนมีความเมตตากรุณา มีจิตใจที่รับรู้และสัมผัสได้ถึงปัญหา<br />
และความทุกข์ร้อนของผู้ที่เราร่วมงานด้วย มีจิตสาธารณะที่อยากช่วยเหลือ<br />
ให้เขาพ้นทุกข์ ให้เขาได้รับความสุขมีจิตกุศลให้อภัยต่อผู้ที่ล่วงเกินเรา<br />
ทั้งที่โดยเจตนา และไม่เจตนา<br />
• ข้อสุดท้ายนี้พี่มาเรียนรู้ในภายหลัง ว่า คนดีควรจะทำดีทั้ง<br />
คิดดี พูดดี และทำดี ไว้ใจผู้อื่นมีความอ่อนน้อมถ่อมตน และมีความ<br />
รู้สึกชื่นชมเห็นคุณค่าของคนที่ทำงานให้เรา เห็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นด้วยความเป็น<br />
จริง เปิดใจกว้างรับสิ่งที่แตกต่างได้ถึงแม้นจะไม่ตรงกับสิ่งที่เราคาดหวัง หรือ<br />
คุ้นเคย ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงได้ ท่านสอนเสมอว่า<br />
ให้เป็นคนดีรักษาความดีเพราะความดีจะเป็นเกราะป้องกันตัวเราให้พ้นภัยเมื่อ<br />
มีเหตุใดๆ เกิดขึ้น พี่ก็ยึดคำสอนและปฏิบัติตนเรื่อยมาในการดำเนินชีวิตไม่ว่า<br />
จะเป็น ชีวิตในการทำงาน ในครอบครัว หรือในสังคมต่างๆ<br />
10 11
ซึ่งกันและกัน การให้ความช่วยเหลือคนที่รู้จักหรือเพื่อนเป็นเรื่องปกติแต่<br />
ต้องอยู่บนพื้นฐานที่คำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม ไม่เบียดบังผลประโยชน์<br />
ไม่เช่นนั้นจะเป็นการทุจริตเอื้อพวกพ้องผลประโยชน์ต่างตอบแทน ต้องแยกให้<br />
ออกระหว่างความกตัญญูรู้คุณกับการทุจริต ตอนที่พี่อยู่ในตำแหน่งที่เป็นสาย<br />
อาชีพไม่มีปัญหาพราะไม่ค่อยได้พบเรื่องราวเหล่านี้ แต่เมื่อมาเป็นผู้บริหาร<br />
แล้วจะต้องระมัดระวังให้มาก พบว่าบางครั้งมันเปรียบเสมือนเส้นผมบางๆ<br />
ระหว่างถูกกับผิด ซึ่งพี่ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมการทำงานแบบไทยๆ<br />
ค่อนข้างมาก<br />
จากประสบการณ์การพบว่ามีความแตกต่างระหว่างทำงานในบริษัทต่าง<br />
ชาติทางตะวันตก กับบริษัทคนไทย จึงอยากฝากน้องๆ ที่อาจจะได้ทำงานใน<br />
วัฒนธรรมทั้งสองรูปแบบเป็นข้อคิดของการทำงาน บริษัทต่างชาติตะวันตกนั้น<br />
จะเน้นเรื่องงานเป็นหลักสำคัญ ให้โอกาสแสดงศักยภาพในการทำงานอย่างเต็ม<br />
ที่ ยอมรับในความคิดเห็นที่แตกต่างแม้ว่าจะมีการโต้แย้งในการทำงานแต่ก็ยัง<br />
ให้เกียรติไม่ว่าจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้ร่วมงานโดยไม่มีอคติแอบแฝงใดๆ<br />
ตรงไปตรงมาไม่ผูกใจเจ็บหรือเคียดแค้น ไม่เอาเรื่องส่วนตัวหรือความ<br />
รู้สึกมามีอิทธิพลกับการทำงานร่วมกันต่อไป ไม่ยึดติดรูปแบบและแบ่ง<br />
ขั้นการทำงานทำให้มีขั้นตอน หรือ Hierarchy ต้องบริหารจัดการไม่ให้<br />
เกิดความซ้ำซ้อนหรือการมีระดับชั้นมากเกินไป มีความซื่อสัตย์ละอาย<br />
ต่อเรื่องทุจริตคดโกง ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทำงานเพื่อองค์กรและ<br />
ส่วนรวมเป็นหลัก เป็นสังคมที่หลากหลายและยอมรับในความแตกต่าง<br />
(Diversity & Respect) เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ดีเกิดจากการคิดใหม่ทำใหม่<br />
วัฒนธรรมหรือสังคมไทยจะเป็นสังคมที่มีความเกื้อหนุนมีเครือข่ายช่วยเหลือ<br />
12 13
ผู้นำกับการบริหาร<br />
ช่วงแรกเรียกว่า “Culture Shock” ก็ว่าได้ หลายครั้งเราอาจเจอเรื่อง<br />
ที่ทำให้เราต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง<br />
การฝากคนเข้าทำงาน ซึ่งตรงนั้นเราต้องทำอย่างยุติธรรม เป็นไปตามเกณฑ์<br />
และกฎระเบียบข้อบังคับของบริษัทที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ พี่เชื่อว่าผู้บริหาร<br />
ทุกคนต้องเจอเรื่องราวเหล่านี้ พี่อยากจะย้ำว่าไม่ว่าเราจะพบกับเรื่องที่ไม่คาด<br />
คิดใดๆ ก็ตาม จะทำถูกใจใครหรือไม่แต่ความดีที่เรายึดถือเป็นหลักในการ<br />
ทำงานจะเป็นเกราะป้องกันตัวเรา ให้เราทำงานได้อย่างมีความสุข<br />
14 15
ผู้นำต้องทำให้องค์กรมีทั้งคนเก่งและคนดี หากเป็นด้านสายอาชีพ<br />
“คนเก่ง” ก็คงหนีไม่พ้นคนที ่จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความชำนาญมี<br />
ประสบการณ์ในงานสาขาอาชีพนั้นๆ ถ้าหากเป็นสายบริหารแล้ว จะต้องมี<br />
คุณลักษณะเป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์ กำหนดทิศทางและสร้างแรงบันดาลใจให้กับ<br />
ทีมงานได้<br />
พี่เป็นคนที่โชคดีที่มีโอกาสได้ทำงานกับผู้นำที่เป็นทั้งคนเก่งและคนดี<br />
นอกจากจะสอนงานแล้วยังเปิดโอกาสให้พี่ได้ใช้ศักยภาพในการทำงานอย่าง<br />
เต็มที่ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้ใช้ความรู้ความสามารถในการทำงาน<br />
ได้อย่างเต็มศักยภาพ พี่มองว่าผู้นำบริษัทส่วนมากจะมุ่งเน้นเพียงทำธุรกิจให้<br />
เจริญเติบโตก้าวหน้า แต่กลับไม่ให้ความสำคัญในการสร้างผู้นำในรุ่นต่อๆ<br />
ไป ซึ่งจุดนี้ถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับ<br />
องค์กรอย่างแท้จริง<br />
16 17
ยุคแรกๆ การทำโครงการซึ่งเป็นลักษณะงานแบบชั่วคราวไม่มีโครงสร้าง<br />
ที่ชัดเจน เป็นการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา ถึงเวลาก็มอบหมายพนักงาน<br />
ที่เราดึงออกจาก Operation มาทำงานจึงมีมาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละ<br />
โครงการไม่มีมาตรฐานหรือกระบวนการตัดสินใจทำโครงการที่แน่นอน หลัง<br />
อนุมัติงบประมาณโครงการ ก็มีการบริหารโครงงานแตกต่างกันตามผู้จัดการ<br />
โครงการนั้นๆ ทำให้มีความเสี่ยงในเรื่องเวลา ค่าใช้จ่ายและคุณภาพโครงการ<br />
ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ จึงได้วางโครงสร้างของโครงการให้เป็นโครงสร้างถาวร<br />
ซึ่งตอนนั้นเราก็ไปดูโมเดลของแต่ละบริษัท เช่น Foster Wheeler, Technip<br />
และ UHDE เป็นต้น ก็พบว่าเค้ามีการจัดการโครงสร้างที่เป็นรูปแบบ Project<br />
Management Office (PMO) ที่จะคอยกำกับดูแลตลอดจนสร้างมาตรฐาน<br />
การทำโครงการ เราจึงเสนอฝ่ายบริหารขอตั้งสายงาน CAPEX Excellence<br />
โดยมีโครงสร้าง PMO ในสายงานใหม่นี้ซึ่งก็ได้รับการอนุมัติ อย่างไรก็ตาม<br />
ในสายงานเรามีพนักงานที่มีอายุการทำงานห่างกันมาก แบ่งเป็นสองกลุ่ม<br />
ใหญ่ๆ จะเรียกว่าเป็นช่องว่างระหว่างวัยก็ได้ (Generation gap) คือกลุ่ม<br />
พี่ๆ ที่ทำงานตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัท NPC & TOC (PTT Chemical) และที่ทำงาน<br />
ตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัท ATC&RRC (PTT Aromatics & Refinery) พนักงานกลุ่มนี้<br />
จะมีอายุประมาณ 45-60 (Baby boomer) และช่วงหลังจากปรับโครงสร้างมี<br />
น้องๆ เข้ามาร่วมงานมากขึ้นโดยส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณ 25-35 (Gen X<br />
และ Gen Y) และบางส่วนจะมีเด็กจบใหม่ๆ เข้ามาทำงานด้วย พี่พบว่าการ<br />
ที่ทั้งสาม generation ต้องมาทำงานร่วมกัน น้องๆ ที่เป็น PMO ก็ต้องคอย<br />
มาประสานต้องมานั่งคุยกับพี่ๆ และบางครั้งอาจต้องแนะนำพี่ๆ ว่ายังทำ<br />
อะไรที่ไม่ได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้หรือไม่ ซึ่ง PMO ก็ต้องทำงานด้าน<br />
Governance ส่วนหนึ่งด้วยจึงมีประเด็นว่า PMO เด็กๆ จะกล้าบอกพี่ๆ<br />
ที่เป็นผู้ใหญ่อย่างไรว่า คุณทำไม่ครบถ้วน ทำผิด บกพร่องไม่เป็นตามมาตรฐาน<br />
ในทีมงานโครงการก็จะมีพี่ๆ ที่อายุมากหน่อยและค่อนข้างดุเสียงดัง น้องๆ<br />
ก็จะถูก bluff ให้กลัว ช่วงแรกน้องๆ ก็จะไม่ค่อยกล้าเข้าหา แต่พี่ก็ให้<br />
ผู้จัดการ PMO ที่มีอายุมากหน่อยคอยสอนน้องๆ ให้ใช้ความอ่อนน้อม<br />
เข้าหาและให้อธิบายความรู้ เรื่องจริงที่เกิดขึ้นเพื่อให้พี่ๆ ในโครงการยอมรับ<br />
ผู้จัดการ PMO จะคอยเป็นพี่เลี้ยงให้ค ำปรึกษา ทำให้ช่วงหลังๆ การประสานงาน<br />
การทำงานได้ผลดีขึ้น พี่ๆ ก็เมตตากับน้องๆ การทำงานก็มีเสียงหัวเราะและ<br />
มีความสุขกันมากขึ้น เรื่องของช่องว่างระหว่างวัย Generation gap ก็น้อยลง<br />
18 19
20 21<br />
ข้อคิดจากการทำงาน
พี่มองว่าการบริหารกับการเป็นผู้นำเป็นคนละมิติกัน ซึ ่งองค์กร<br />
ต้องการบุคลากรที่มีคุณลักษณะทั้งสองประการ ผู้บริหารที่ดีจะต้องทำให้<br />
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้ที่เกี่ยวข้องได้เข้าใจและให้ความร่วมมือในการทำงาน<br />
ตามแผนงานที่กำหนดไว้ และให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่ต้องการ ส่วนผู้นำ<br />
เป็นผู้ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ผู้นำจะทำให้องค์กรเจริญเติบโต<br />
ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยทั้งความเข้าใจ<br />
ความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่ทำ การทำงานโดยใช้วิธีการใหม่ๆ ที่ง่ายและมี<br />
ประสิทธิภาพ การสร้างคนให้มีพลังบวกและสุดท้ายมีประสิทธิผลในการ<br />
ทำงาน ผู้นำที่ดีควรมีคุณลักษณะดังนี้<br />
1. เปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ พี่มีโอกาส<br />
ได้ทำงานในช่วงสั้นๆ ที่บริษัทในเครือปูนซิเมนต์ไทย แต่ไม่ใช่ธุรกิจซีเมนต์<br />
เป็นธุรกิจทางด้านเฟอร์นิเจอร์ไม้ หัวหน้างานเป็นผู้ที ่มีความเมตตา เป็น<br />
รุ่นพี่ที่คอยดูแลสอนงาน และให้คำแนะนำข้อคิด พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้<br />
ทดลองทำงานในแบบที่คิดว่าใช่ ให้โอกาสแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่<br />
ให้ความจริงใจจากความช่วยเหลือ และคำชมเชยเมื่อทำงานสำเร็จก่อให้เกิด<br />
แรงจูงใจการทำงานอย่างมีความสุข แต่ช่วงนั้น Thaioil เปิดรับสมัครพนักงาน<br />
ซึ่งเป็นงานเดิมที่เราเคยใฝ่ฝัน พี่จึงไปสมัครทำงานที่ Thaioil การย้ายงาน<br />
มาในครั้งนี้ ช่วงแรกมาแบบใจไม่ค่อยเต็มร้อยนัก เพราะพี่รู้สึกกังวลใจว่า<br />
รุ่นพี่บริษัทเดิมดีกับพี่มาก ให้โอกาสเราทำงานและส่งเสริมเราเป็นอย่างดีแต่เรา<br />
กลับหนีไปทำงานที่อื่น แล้วเขาจะคิดยังไง แต่ช่วงที่ตัดสินใจลาออกรุ่นพี่ก็พูดให้<br />
เราสบายใจว่าไม่ต้องเป็นห่วงเพราะก่อนที่พี่จะลาออกไปนั้น ทาง Thaioil ก็ได้<br />
ติดต่อมาหารือกับรุ่นพี่ก่อนหน้าเรียบร้อยแล้วและรุ่นพี่ก็เต็มใจที่จะให้เราได้มี<br />
โอกาสที่จะไปทำงานในสายอาชีพที่ใฝ่ฝัน หลังจากนั้นพี่จึงได้น ำหลักการทำงาน<br />
ที่เราได้เห็นมาเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติงานเรื่อยมา พี่คิดเสมอว่าพนักงานที่<br />
ทำงานมีผลงานดีมีประสิทธิภาพคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในองค์กร เราควรจะ<br />
รักษาไว้ พนักงานจะต้องทำงานอย่างมีความสุข และรักองค์กรพร้อมจะทุ่มเท<br />
เราต้องสร้างบรรยากาศในที่ทำงานให้รู้สึกว่าปลอดภัยในการแสดงความคิด<br />
22 23
เราต้องสร้างบรรยากาศในที่ทำงานให้รู้สึกว่า<br />
ปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น เปิดโอกาสให้<br />
คิดใหม่ทำใหม่ ให้ความไว้วางใจด้วยการกระจาย<br />
อำนาจให้เหมาะสม ทำให้เขารู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ<br />
และเขาจะทุ่มเททำหน้าที่เต็มกำลังความสามารถ<br />
การมีพนักงานที่เก่งและดีถือเป็น Critical Success<br />
Factor ตัวหนึ่งที่จะนำพาองค์กรให้มีความสามารถใน<br />
การแข่งขันในโลกธุรกิจได้อย่างยั่งยืน<br />
เห็นเปิดโอกาสให้คิดใหม่ทำใหม่ ให้ความไว้วางใจด้วยการกระจายอำนาจให้<br />
เหมาะสม ทำให้เขารู้สึกถึงความเป็นเจ้าของและเขาจะทุ่มเททำหน้าที่เต็ม<br />
กำลังความสามารถ การทำงานเป็นทีมมีความรับผิดชอบและการตัดสินใจที่<br />
ดีในที่สุดซึ่งจะทำให้เกิดแรงจูงใจในการทำงาน การมีพนักงานที่เก่งและดีถือ<br />
เป็น Critical Success Factor ตัวหนึ่งที่จะนำพาองค์กรให้มีความสามารถใน<br />
การแข่งขันในโลกธุรกิจได้อย่างยั่งยืน<br />
2. ต้องปรับตัวให้รวดเร็ว ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันการ<br />
แข่งขันในโลกธุรกิจสูง เราจะต้องปรับตัวให้ทันกับเหตุการณ์ที่มีการ<br />
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น ผู้ประกอบการในธุรกิจปิโตรเคมีหลายราย<br />
เข้าไปใช้วัตถุดิบราคาถูก Shale gas ในสหรัฐอเมริกาซึ่งมีความได้เปรียบ<br />
ของต้นทุน การตัดสินใจการลงทุนที่จะนำวัตถุดิบราคาถูกมาใช้อย่างไรต้อง<br />
มีความรวดเร็วและหวังผลได้ ผู้แข่งขันรายใหญ่เกิดขึ้นมากมายไม่ว่าจะเป็น<br />
ผู้ประกอบการในจีนที่มีนโยบาย Self Sufficient หรือในซาอุดิอาระเบีย บริษัท<br />
Saudi Aramco ซึ่งเดิมทำธุรกิจการขุดเจาะและกลั่นแก๊สและน้ำมันเท่านั้น<br />
ได้เปลี่ยนกลยุทธ์ที่จะมาเป็นผู้ผลิตปิโตรเคมี และมีความร่วมมือกับประเทศ<br />
ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ๆ แบบรัฐต่อรัฐมากขึ้นไม่ว่า จีน อินเดีย หรือ รัสเซีย<br />
บริษัทเหล่านี ้มีศักยภาพ มีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี สามารถสร้าง<br />
นวัตกรรมใหม่ๆ เป็นผลิตภัณฑ์ High Specialty เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว ในระยะ<br />
เวลา 3-5 ปีจากนี้ไป สำหรับ PTTGC เทคโนโลยีที่เราจะคิดและพัฒนาเป็น<br />
ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นั้น ยังไม่ทัดเทียมกับคู่แข่ง เราเปรียบเสมือนคนมีเงินพร้อม<br />
ที่จะลงทุนเพียงแต่ขาดเทคโนโลยี นวัตกรรมที่สามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์<br />
specialty ปัจจุบันสายงานวิจัยของ PTTGC ได้ก่อตั้งและทำเป็นรูปแบบสากล<br />
มากขึ้น มีการวัดและประเมินผลงานของนวัตกรรม เช่น งบประมาณที่ใช้ใน<br />
การพัฒนานวัตกรรม การร่วมสนับสนุนหรือลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีแนวโน้มที่จะ<br />
ต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของ PTTGC มีการวัดจำนวนผลิตภัณฑ์ HVS specialty<br />
ที่พัฒนาขึ้น การปรับตัวให้รวดเร็ว Economy of Speed คือการประหยัดจาก<br />
ความเร็ว หมายความว่า ความเร็วทำให้ต้นทุนต่ำลงได้ และทำให้ลูกค้าเกิด<br />
ความพึงพอใจซึ่งถือเป็นหลักสำคัญในการนำพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จใน<br />
สิ่งท้าทายใหม่ๆ ในอนาคตถือเป็น Critical Success Factor ที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง<br />
24 25
26 27
3. หาสมดุลของงานและชีวิต พี่อาจจะมองต่างจากหลายๆคนใน<br />
เรื่องการทุ่มเท การทำงานต่อเนื่องถึงหัวค่ำหรือดึกๆ อาจจะมีบ้างถ้าหาก<br />
ช่วงนั้นเป็นงานเร่งด่วน แต่ไม่ต้องการให้พนักงานในสายงานทำงานดึกๆ<br />
ทุกวันเพราะชีวิตคนเราต้องมีสมดุลจัดเวลาทำงานและเวลาส่วนตัวที่จะทำ<br />
กิจกรรมอื่นๆ ไม่ว่าจะสังคมหรือครอบครัวให้สมดุล Work Life Balanced<br />
ประสบการณ์การทำงานกับองค์กรที่มีวัฒนธรรมตะวันตกมีส่วนน้อยที่ต้องนั่ง<br />
ทำงานจนดึกดื ่นหรือนำงานกลับไปทำที่บ้าน ซึ่งในส่วนนี้อยู่ที่เราบริหารจัด<br />
การจริงๆ มีตัวอย่างที่น่าสนใจในช่วงทำงานกับองค์กรที่มีวัฒนธรรมตะวัน<br />
ตกของหน่วยงานทางด้าน Finance ซึ่งทำงานต่อเนื่องตอนเย็นจนเลิกสองทุ่ม<br />
ทุกวัน ฝรั่งที่เป็นหัวหน้าสายงานมาใหม่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพนักงานถึงยอมรับ<br />
การทำงานในรูปแบบนี้จนเป็นปกติ หลังจากวิเคราะห์ปัญหาก็พบว่า งานสามารถ<br />
จัดลำดับเวลาและลดขั้นตอนบางอย่างที่ไม่จำเป็น ทำให้ปริมาณงานที่ต้องทำ<br />
เฉลี่ยแต่ละวันน้อยลงยอมรับได้ถ้าเป็นช่วงปิดงบประมาณหรือรอบบัญชี แต่ช่วง<br />
ปกติจะไม่ยอมให้พนักงานทำงานดึกๆ ถึงสองสามทุ่ม จึงเสนอให้ตั้ง KPI ใน<br />
สายงานของตัวเองว่าทุกคนต้องบริหารจัดการเวลาทำงานให้กลับบ้านก่อนหก<br />
โมงเย็น พยายามให้พนักงานเห็นว่าทิศทางของบริษัทเป็นแบบนี้ หลังจากนั้นก็<br />
พบว่าพนักงานมีความสุขมากขึ้น รู้สึกมีเวลาให้กับสังคมมากขึ้นสภาพแวดล้อม<br />
บรรยากาศในการทำงานก็ดีขึ้น<br />
28 29
นอกจากสมดุลของชีวิตแล้วพี่อยากจะฝากเรื่องของคำว่ายุติธรรม<br />
การได้รับความเท่าเทียมในการปฏิบัติ การทำงานอาจจะโดยตั้งใจหรือไม่<br />
ตั้งใจก็ตาม ถ้าเกิดขึ้นทำให้พนักงานเกิดความไม่พอใจซึ่งส่งผลถึงขวัญและ<br />
กำลังใจในการทำงาน พนักงานคิดว่ามีเส้นมีสายมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก<br />
บางครั้งเราตัดสินใจอยู่บนเงื่อนไขนี้ในสถานการณ์หนึ่งแต่พอมีอีกสถานการณ์<br />
หนึ่งเรากลับตัดสินใจอีกแบบ ซึ่งหากพนักงานไม่ได้รับคำอธิบายอาจเข้าใจผิด<br />
ว่าเราทำงานแบบ 2 มาตรฐาน หากพนักงานรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม<br />
ขึ้นเมื่อใดนั้นมันจะกัดกร่อนความทุ่มเทที่เขามีให้กับงาน ซึ่งเรื่องเหล่านี้<br />
พี่จะไม่ปล่อยผ่าน เราต้องมี Integrity แสดงให้เห็นว่าเรามีความยุติธรรม<br />
ยกตัวอย่างงานโครงการเราต้องบริหารจัดการเรื่องของ Man power ที่<br />
จัดสรรให้โครงการอย่างเท่าเทียมกัน ช่วงนั้นมีพนักงานกลุ่มหนึ่งที่ไม่ถูก<br />
มอบหมายงานหลังโครงการแล้วเสร็จเป็นช่วงเวลาเกินสี่เดือนที่อยู่ว่างๆ<br />
ทำให้พนักงานกลุ่มอื ่นๆ ไม่เข้าใจคิดว่ากลุ่มนี้ได้รับสิทธิพิเศษไม่ต้อง<br />
ทำงานในขณะที่กลุ่มอื่นต้องทำงานกันอย่างหนัก ซึ่งจุดนี้อาจเกิดจากการ<br />
ที่เราไม่สามารถสื่อสารให้เข้าใจว่าจะมีโครงการใหม่เกิดขึ้นในอีกสองสาม<br />
เดือนข้างหน้านี้จึงมีความจำเป็นต้องเก็บพนักงานกลุ่มนี้ที่มีความรู้ความ<br />
สามารถเหมาะสมกับโครงการใหม่นี้ เราจำเป็นต้องบริหารจัดการคนให้<br />
เหมาะสมกับจำนวนงานอย่างดีที่สุดคือ เรื่องการบริหารความคาดหวังและ<br />
ไม่เป็นไปตามคาดหวังจำเป็นต้องให้พนักงานรับรู้ถึงเหตุผลในการตัดสินใจใน<br />
บางครั้ง<br />
หากพนักงานรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรมขึ ้น<br />
เมื่อใดนั้นมันจะกัดกร่อนความทุ่มเทที่เขามีให้กับ<br />
งาน ซึ่งเรื่องเหล่านี้พี่จะไม่ปล่อยผ่าน<br />
4. สร้างวัฒนธรรมองค์กร พี่พบว่าเมื่อผู้นำของเราพูดหรือให้ความ<br />
เห็นใดๆ ทีมงานจะเห็นด้วย คล้อยตามหมดไม่ค่อยมีใครกล้าขัด หรือมี<br />
ความคิดที่แตกต่างออกไป ซึ่งอาจจะเป็นวัฒนธรรมแบบไทยๆ ที่ยังติดกัน<br />
อยู่ วัฒนธรรมทางตะวันตกนั้นประธานในที่ประชุมจะให้เกียรติเรื่องของ<br />
การแสดงความคิดเห็นโดยจะเปิดโอกาสให้ทีมได้มีส่วนร่วมแสดงความ<br />
คิดเห็นก่อน แล้วประธานจะรับฟังอย่างตั้งใจแสดงถึงการให้ความสำคัญ<br />
ไม่ด่วนสรุป ส่วนภายหลังจากเปิดโอกาสให้แต่ละคนแสดงความคิดเห็น<br />
แล้วจึงสรุปและตัดสินใจ ซึ่งการเปิดโอกาสนี้จะต้องทำให้เป็นบรรยากาศ<br />
ที่ปลอดภัย กล้าคิด กล้าทำ ไม่ถูกว่ากล่าวตั้งแต่ยังไม่เริ่มแสดงข้อคิดเห็น<br />
หรืออีกสถานการณ์หนึ่งที่เคยพบ เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น แต่หาก<br />
ไม่ตรงใจ ผู้นำกลับตำหนิในทันทีซึ่งจะทำให้ทุกคนเงียบไม่กล้าแสดงความ<br />
คิด ก็เลยคิดว่าอย่างนั้นเงียบดีกว่าถ้าเสนอความคิดเห็นแล้วต้องเจ็บตัว<br />
พี่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ นอกจากนี้ การทำงานเป็นทีมจะให้ผลสัมฤทธิ์<br />
มากกว่าทำงานคนเดียว ตัวพี่เองจะสอนให้ทุกคนเล่นบทบาททั้งเป็นผู้นำ<br />
และผู้ตามในบางสถานการณ์ บางครั้งต้อง Delegate งาน ในการจะทำ<br />
ทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ พยายามสร้างทีมที่เข้มแข็งมาท ำงาน<br />
แล้วจะพบว่างานจะสำเร็จก่อให้เกิดความพึงพอใจการทำงาน<br />
30 31
32 33
34 35<br />
ประสบการณ์ที่ประทับใจ<br />
ในชีวิตการทำงาน
ประสบการณ์ที่ประทับใจมีหลายช่วงเวลา ถ้าสมัยที่ทำงานโครงการ Star<br />
Petroleum Refinery ที่ Chevron USA พี่รับผิดชอบ Instrument & Control<br />
เรื่องการออกแบบระบบ Metering ซื้อขายน้ำมันที่ท่าเรือ มีเพื่อนร่วมงานเป็น<br />
ชาวต่างชาติทั้ง อเมริกัน ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ หัวหน้างานมอบหมายงาน<br />
ให้ตัดสินใจกับผู้รับเหมาเต็มที่ empowerment ทำให้งานออกแบบท่าเรือของ<br />
SPRC ตลอดจนกลับมา commissioning กับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเก็บ<br />
ภาษีประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในปัจจุบัน จากที่พี่เล่าเมื่อกลับมาเมืองไทย<br />
ทำงานกับเครือปูนซิเมนต์ เป็นงานด้านเฟอร์นิเจอร์ไม้อัด หัวหน้างานพยายาม<br />
ให้โจทย์ที่ยากๆ challenge เราเพราะตอนนั้นคู่แข่งมีทั้งไม้อัดไทย ที่เป็นบริษัท<br />
ชั้นนำในอุตสาหกรรมไม้อัด พี่ได้รับมอบหมายให้แก้ไขปัญหาเรื่องต้นทุนของ<br />
สินค้าในผลิตภัณฑ์ประตูไม้อัดโจทย์คือต้องทำให้ต้นทุนน้อยกว่าคู่แข่งแต่ยังคง<br />
คุณภาพและความสวยงาม ทีมงานพี่ก็แก้ไขลองผิดลองถูกปรับปรุงอยู่หลายครั้ง<br />
และยอมรับว่าใช้เวลาพอสมควร แต่หัวหน้างานก็ให้กำลังใจทำให้ทีมไม่ท้อถอย<br />
จนงานประสบความสำเร็จสามารถลดต้นทุนเหนือคู่แข่ง10-20%<br />
สำหรับ PTTGC คือการก่อตั้งสายงาน Capex Excellence ซึ่งตอนนั้น<br />
ได้ไปนำเสนอความคิดเห็นให้กับประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ<br />
ผู้จัดการใหญ่ขณะนั้นคือพี่บวร วงศ์สินอุดม ท่านก็เห็นด้วยว่าบริษัทมีความจ ำเป็น<br />
ต้องจัดโครงสร้างนี้เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง งานโครงการ<br />
ควรเป็นหน่วยงานถาวรไม่ใช้งานชั่วคราวซึ่งเดิมการทำโครงการใหญ่สัก<br />
โครงการต้องขอยืมตัวมือหนึ่งของบริษัทมาช่วยเมื่อโครงการแล้วเสร็จคนเหล่า<br />
นั้นกลับไม่มีงานทำ ไม่มีโครงสร้างรองรับเหมือนถูกทิ้งขว้างความเจริญก้าวหน้า<br />
Career path ก็ไม่ต่อเนื่อง โครงสร้างใหม่นี้จะช่วยให้บริษัทมีการเจริญเติบโต<br />
อย่างยั่งยืน Sustain หลังจากตั้งหน่วยงาน TPX ก็ได้ดำเนินการโครงการสำคัญๆ<br />
4 โครงการ ได้แก่<br />
36 37
1. BV Project: เป็นการอัพเกรดผลิตภัณฑ์ C4 เป็น Butadiene (75<br />
KTA) ตอนที่เข้าไปร่วมดำเนินการใกล้ Commissioning แล้ว ซึ่งช่วงแรกกลยุทธ์<br />
คือให้บริหารจัดการแบบ EPCm ภายหลังพบว่างบประมาณจะเกินจากที่ได้<br />
รับอนุมัติจึงปรับเปลี่ยนมาเป็น EPC Lump sum แต่พบปัญหาระหว่างทางคือ<br />
อุปกรณ์ไม่สามารถทำงานได้ การกำหนด Specification ถูกตามมาตรฐานแต่<br />
การเลือกชนิดของอุปกรณ์ไม่เหมาะสม พี่จึงได้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญของหน่วย<br />
งาน Reliability ที่มีเทคนิคอลจาก Shell RRC พบว่าเค้าไม่แนะนำให้ใช้ pump<br />
ชนิดนี้จึงตัดสินใจเปลี่ยนอุปกรณ์เป็นชนิดใหม่ทำให้สามารถแก้ปัญหาเหล่านั้น<br />
ได้ตั้งแต่ช่วงต้น ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถ Start up และดำเนินการเชิงพาณิชย์<br />
ได้ แต่เราก็ต้องยอมรับค่าใช้จ่ายบางส่วนเนื่องจากเป็นความผิดพลาดของ<br />
เราด้วย<br />
2. Aromatics II Debottlenecking Project: โครงการขยายกำลัง<br />
การผลิตของโรงงานอะโรเมติกส์ หน่วยที่ 2 เพื่อให้โรงงานเดินเครื่องเพิ่ม<br />
ผลผลิตเต็มประสิทธิภาพตามที่ออกแบบไว้ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรและ<br />
พลังงานที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โครงการนี้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น<br />
จากเดิมประมาณ 28% Project Director ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและ<br />
ประสิทธิผล เข้มงวดกับผู้รับเหมาแต่ก็มีช่วงที่ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าพอ<br />
สมควรเนื่องจากโรงงานเดิมมีปัญหาต้องหยุดซ่อมระยะยาว ทำให้ทีมโครงการ<br />
ต้องเร่งให้เสร็จทันการ Start up ของงานซ่อมบำรุงซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม<br />
2 เดือน การเร่งงานที่ด่วนนี้ ผู้รับเหมาไม่มีความสามารถเพียงพอทางโครงการ<br />
ก็ต้องไปช่วยสนับสนุนจนงานสำเร็จด้วยดีทั้งงบประมาณ และเวลาก่อสร้าง<br />
38 39
3. Heavy Gas Project: โครงการนี้มีการลงทุนค่อนข้างสูง<br />
ซึ่งปัจจุบันเริ่มนำเข้ามาผลิตในเชิงพาณิชย์เนื่องจากเหตุผลความคุ้มค่า<br />
ทางเศรษฐกิจ เบื้องต้นโครงการขาดความต่อเนื่องของผู้ดูแลโครงการ มีการ<br />
เปลี่ยนตัวบุคคลหลายครั้งโดยไม่มีการประเมินผลกระทบอย่างจริงจัง เช่น<br />
Process และ Equipment ที ่ออกแบบไม่ตรงกับของจริง ภายหลังโครงการ<br />
เสร็จเรียบร้อยและอยู่ในช่วงวางแผนผลิตเชิงพาณิชย์<br />
ฝากถึงน้องๆ<br />
4. LLH Project: โครงการก่อสร้างโรงงงานผลิต LLDPE Plant 2<br />
และ Hexene 1 มีความท้าทายเนื่องจากระยะเวลาจำกัด เราได้ผู้รับเหมาที่<br />
ชำนาญด้านการบริหารงานมีประสบการณ์ก่อสร้างโรงงานที่ 1 จึงคาดว่าจะ<br />
ไม่มีปัญหาในการผลิต และปัจจุบันอยู่ระหว่างการ Commissioning ซึ่งต้อง<br />
ควบคุมดูแลด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวดควบคู่กันไป<br />
40 41
พี่คิดว่าน้องๆ รุ่นใหม่ที่ขึ้นมาบริหารหรือทำงานมีความสามารถที่จะ<br />
นำพาองค์กรให้เติบโตต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม พี่ก็มีข้อแนะนำว่าในช่วง<br />
3-5 ปีจากนี้ไปเราต้องเผชิญกับคู่แข่งที่น่ากลัวทั้งขนาดและเทคโนโลยี ผู้เล่นราย<br />
ใหญ่ของโลกหลายรายเกิดขึ้นและมีแผนขยายกำลังการผลิตและขยายตลาด<br />
เข้ามาในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะมีศักยภาพในการผลิต ผลิตภัณฑ์ specialty ถึง<br />
แม้ว่า PTTGC เองจะเริ่มปรับตัวค่อนข้างมากซึ่งถือได้ว่าเป็นองค์กรที่มีมาตรฐาน<br />
ระดับสากลแล้ว องค์กรยังต้องปรับให้รวดเร็วเพราะถ้าเราตามไม่ทันจะสูญเสีย<br />
โอกาสในการแข่งขัน และอีกเรื่องหนึ่งคือการปรับตัวของพนักงานกับวัฒนธรรม<br />
ในการทำงานแบบใหม่ที่เราควรจะพัฒนาไปสู่ความเป็นสากลมากขึ ้น ซึ่งการ<br />
เปลี่ยนแปลงทั้งหลายเหล่านี้ต้องการพลังและการทุ่มเทของพนักงานทุกๆ คน<br />
ที่จะทำให้ PTTGC ทั้งองค์กรเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต<br />
42 43<br />
(ลายเซ็นต์)<br />
จากพี่เอง<br />
<strong>สุวัฒน์</strong> สุรัตนชัยการ
44 45
46 47
48 49
นาย<strong>สุวัฒน์</strong> สุรัตนชัยการ<br />
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารโครงการที่เป็นเลิศ<br />
วันที่ดำรงตำแหน่ง : 1 สิงหาคม 2556 - 31 ธันวาคม 2560<br />
คุณวุฒิการศึกษา / ประวัติการอบรม<br />
• บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช<br />
• วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย<br />
• ประกาศนียบัตรหลักสูตร Senior Executive Program (SEP)<br />
สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย<br />
• หลักสูตร PTT Executive Leadership Program<br />
• หลักสูตร Director Certification Program (DCP) รุ่น 218/2016<br />
สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)<br />
การดำรงตำแหน่งกรรมการ / ผู้บริหารในกิจการที่เป็นบริษัทจดทะเบียน<br />
• กรรมการ บริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอ็นไวรอนเมนทอล เซอร์วิส จำกัด<br />
ประสบการณ์การทำงาน (5 ปีย้อนหลัง)<br />
• 2553 - 2556 ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมตรวจสอบ<br />
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)<br />
• 2551 - 2553 ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมโครงการ<br />
บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน)<br />
50 51
52