Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
كتاب<br />
قواعد العقائد<br />
لحجة اإلسالم اإلمام الغزالي<br />
แปลและอธิบายโดย<br />
อาริฟีน แสงวิมาน<br />
หลักอะกีดะฮ์<br />
อะฮฺลิซซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
อิหม่าม อัลฆ่อซาลีย์
كتاب قواعد العقائد<br />
لحجة الإسالم الإمام الغزا يل<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิซซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์<br />
แปลและอธิบาย อาริฟีน แสงวิมาน<br />
พิสูจน์อักษร นัจจวา แสงวิมาน และทีมงาน<br />
แบบปก Haris Jaru<br />
จัดพิมพ์โดย อาริฟีน แสงวิมาน<br />
พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2561<br />
จำนวน 2,000 เล่ม<br />
สั่งซื้อได้ที่<br />
สถาบันอัลกุดวะฮ์ เพื่อการศึกษาแนวทางซูฟีย์อิสลามอันบริสุทธิ์<br />
184 ซอย ลาดพร้าว 124 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ<br />
10310<br />
โทรศัพท์ 084-6639644<br />
ร้าน ส.วงศ์เสงี่ยม<br />
8 ซอย โภคี ถนนกรุงเกษม แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบ<br />
กรุงเทพฯ 10100<br />
โทรศัพท์ 02-222-7997 โทรสาร 02-621-7365<br />
Website: www.ransorbookshop.com
َ ك وَ لِ ل<br />
َّ ُ وَ اسْ ت ْ فِ رْ لِ َ ذ نْ بِ<br />
فَ اع َ نَّ ه َ إِ ل<br />
ُ ْ وَ مَ ث ْوَ اك<br />
وَ الل َّبَ ك<br />
อัลลอฮฺตะอาลา ทรงตรัสว่า<br />
ْ ُ ؤ َ اتِ ي نَ وَ ال ْ مِ ن<br />
َ غ ْ ُ ْ ؤ مِ نِ <br />
ْ ُ<br />
َّ ل الل<br />
َ َ إِ<br />
ْ َ ْل أ ُ ل<br />
َ ُ مُ َ ت َ قل<br />
َّ ُ يَعْ ل<br />
“ฉะนั้นพึ่งรู้เถิดว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจาก<br />
อัลลอฮฺ และจงขออภัยโทษ(ต่ออัลลอฮฺ)เนื่องจาก<br />
ความผิดของเจ้าและ(จงขออภัยโทษให้กับความ<br />
ผิด)ของบรรดาผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธา<br />
หญิง และอัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่งถึงพฤติกรรมของพวก<br />
เจ้าและที่พำนักของพวกเจ้า”[มุฮัมมัด: 19]
ي ي<br />
ْ ي<br />
ِ<br />
ف<br />
ي<br />
َ<br />
جْ<br />
ف<br />
คำนำ<br />
بِسْ<br />
ِ هللاِ الرَّ حْ نِ الرَّ حِ <br />
ْ َمْ ُ د هللِ رَ بّ<br />
ا<br />
َانِك<br />
سُ لْط<br />
وَ الصَّ الَة وَ السَّ ُ<br />
وَ سَ ل َسْ لِ<br />
َ َ ك .<br />
ِ ك<br />
َ<br />
َ َ ا يَن ْبَ <br />
ْ ي ك<br />
ُ رَ ِ<br />
ِ ي<br />
َ ل ِ ال ْ نَ َِ ، ل َ ال<br />
ِ با<br />
َ ، حَ ً ْدا طَيّ<br />
َ<br />
ال َمُ ع َ ل<br />
ْعَ ال ي<br />
َهِ را مُ بَ ارَ ً<br />
ً طا<br />
سَ يّ<br />
َ<br />
ِ<br />
ِ يْ غ لِ جَ الَلِ وَ وَ لِعَ ظِ يْ<br />
ْ َمْ د بّ<br />
َك<br />
ً اك فِ يْ هِ ، حَ ً ْدا يُوَ ْ ا نِعَ مَ كَ وَ يُكِ ي ءُ مَ زِ يْد<br />
ْ َ بْعُ وْ ثِ رَحْ َةً لِلْعَ الَ ْ نَ وَعَ ل آلِ ِ وَ َ ْ ص بِ هِ<br />
ُ َ مَّ دٍ ال<br />
نَ م<br />
ِ<br />
ِدِ <br />
ْ ً كَ ثِ ْ ً ا .<br />
นี่คือหนังสือ ก่อวาอิดุลอะกออิด ของท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์<br />
ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ฉบับแปลไทย เป็นตำราที่กล่าวถึงหลักอะกีดะฮ์<br />
อะฮฺลิซซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ที่กลั่นกรองมาจากตัวบทกิตาบุลลอฮฺ<br />
และซุนนะฮ์ของท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เพื่อ<br />
สะดวกในการยึดมั่นที่ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้กล่าวไว้ในตำรา<br />
อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน ที่โด่งดังของท่าน และเพื่อมีส่วนร่วมในการ<br />
ฟื้นฟูและเผยแผ่หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิซซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์แก่<br />
ประชาชาติอิสลาม<br />
อนึ่ง ตำรา อัลก่อวาอิดุลอะกออิด ฉบับภาษาอาหรับนั้นผู้เขียน<br />
ได้ทำการสอนจบถึงสองครั้งและได้แปลเป็นภาษาไทยเพื่อเป็นของ<br />
กำนัลให้แก่บรรดาผู้เรียนเมื่อได้สอนจบ ผู้เขียนจึงตระหนักว่า<br />
ตำราอะกีดะฮ์เล่มนี้มีบะร่อกะฮ์เพราะให้คุณประโยชน์และความ<br />
เข้าใจแก่ผู้คนที่ร่ำเรียนมากมาย ดังนั้นผู้เขียนจึงมีกระแสความคิด<br />
วนเวียนเข้ามาตลอดว่า ตำราที่มีความบะร่อกะฮ์ของท่านอิหม่าม<br />
َّ َ ت
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
5<br />
อัลฆ่อซาลีย์เล่มนี้สมควรจัดตีพิมพ์อย่างเป็นทางการ เพื่อเผยแผ่<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิซซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์และยังคุณประโยชน์แก่<br />
พี่น้องมุสลิมทั่วไป<br />
ในบทนำของหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนได้นำเสนอเกี่ยวกับชีวประวัติ<br />
ของท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์พร้อมทำการวิเคราะห์เพื่อเป็น<br />
บทเรียนสอนใจและปลุกปณิธานในการทำงานศาสนาและสร้าง<br />
ความใกล้ชิดต่ออัลลอฮฺตะอาลา และผู้เขียนจะนำตัวบทภาษา<br />
อาหรับไว้ด้านบนเพื่อสะดวกในการท่องจำพร้อมคำแปลภาษา<br />
ไทยด้านล่าง ส่วนหัวข้อเรื่องนั้นมาจากการเพิ่มของผู้เขียนเอง<br />
และทำการอธิบายในเชิงอรรถแบบพอสังเขปเพื่อให้ผู้อ่านมีความ<br />
เข้าใจมากยิ่งขึ ้น<br />
อัลลอฮฺเท่านั้นที่ผู้เขียนวอนขอต่อพระองค์ให้หนังสือเล่มนี้มี<br />
ประโยชน์แก่ตัวผู้เขียนเองและพี่น้องมุสลิมทั้งหลายในทั้งดุนยา<br />
และอาคิเราะฮ์ด้วยเถิด อามีน ยาร็อบ<br />
อาริฟีน แสงวิมาน<br />
ผู้รับใช้แนวทางอะฮฺลิซซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
สารบัญ<br />
คำนำ4<br />
บทนำ: ชีวประวัติของอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ 8<br />
ชีวิตช่วงเยาว์วัย8<br />
ความอัจฉริยะในการร่ำเรียนของอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์10<br />
สาเหตุที่ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์เข้ามาอยู่ในแนวทางตะเซาวุฟ14<br />
การเดินทางออกจากนครแบกแดด17<br />
วิเคราะห์บทเรียนจากชีวประวัติของท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์19<br />
คำยกย่องของปราชญ์เกี่ยวกับอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์26<br />
อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์กับการปฏิรูปสังคม28<br />
ความเป็นมาของตำราก่อวาอิดุลอะกออิด42<br />
ตำรา ก่อวาอิดุลอะกออิด47<br />
ศิฟัตอัลวุญูด-อัลลอฮฺทรงมี48<br />
ศิฟัตซัลบียะฮ์51<br />
ศิฟัตอัลวะหฺดานียะฮ์-ทรงหนึ่งเดียว 51<br />
ศิฟัตอัลกิดัม-ทรงเดิม 51<br />
ศิฟัตอัลบะกออฺ-ทรงถาวร52<br />
ศิฟัตอัลกิยามุบินนัฟซิ-ทรงดำรงด้วยพระองค์เอง52<br />
ศิฟัตอัลมุคอละฟะฮ์ ลิลหะวาดิษ-ทรงแตกต่างกับสิ่งบังเกิดใหม่53<br />
ปฏิเสธการมีสถานที่ให้กับอัลลอฮฺ55<br />
ความหมายการอิสติวาอฺของอัลลอฮฺเหนือบัลลังก์55<br />
ปฏิเสธการเข้าไปอยู่หรือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับอัลลอฮฺ58<br />
การเห็นอัลลอฮฺ60
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
7<br />
ศิฟัตมะอานี61<br />
ศิฟัตอัลหะยาฮ์-ทรงเป็นและอัลกุดเราะฮ์-ทรงเดชานุภาพ61<br />
ศิฟัตอัลอิลมุ้-ทรงรอบรู้63<br />
ศิฟัตอัลอิรอดะฮ์-ทรงเจตนา65<br />
ศิฟัตอัสสัมอุ้-ทรงได้ยินและอัลบะศ็อร-ทรงเห็น68<br />
ศิฟัตอัลกะลาม-การทรงพูด69<br />
มุอฺมินได้เห็นอัลลอฮฺในโลกหน้า71<br />
เตาฮีดอัฟอาล-หนึ่งเดียวในการกระทำของอัลลอฮฺ72<br />
การสร้างทุกสิ่งที่มุมกินหรือไม่สร้างในสิทธิของอัลลอฮฺ74<br />
เรื่องการเป็นนะบีย์และสิ่งที่เกี่ยวข้อง76<br />
การแต่งตั้งท่านนะบีย์มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม77<br />
อัซซัมอีย้าต (บรรดาหลักความเชื่อที่ได้ยินจากตัวบท)78<br />
อะลั่มบัรซักและการลงโทษที่กุบูร78<br />
การอีหม่านต่อตราชั่ง79<br />
สะพานศิร้อฏ80<br />
บ่อน้ำของท่านนะบีย์ ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในสวรรค์80<br />
การสอบสวน81<br />
ผู้มีเตาฮีดออกจากนรก82<br />
การชะฟาอะฮ์82<br />
เรียบเรียงความประเสริฐของศ่อฮาบะฮ์83<br />
คิดในแง่ดีงามกับศ่อฮาบะฮ์และงดเอ่ยถึงพวกเขาในทางที่ไม่ดี 83<br />
บรรณานุกรม85
บทนำ<br />
ชีวประวัติของอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์<br />
ชีวิตช่วงเยาว์วัย<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ มีนามว่า มุฮัมมัด บุตร มุฮัมมัด บุตร<br />
มุฮัมมัด บุตร อะหฺมัด เกิดที่เมืองฏูส ปี ฮ.ศ. 450 บิดามีฐานะ<br />
ยากจน มีอาชีพปั่นเส้นด้ายที่ทำมาจากขนสัตว์และนำไปขายที่ร้าน<br />
ในเมืองฏูส เขาจะไม่รับประทานและไม่ให้ครอบครัวรับประทาน<br />
อาหารใดนอกจากอาหารที่ได้มาจากการทำงานจากน้ำมือของเขา<br />
เท่านั้น บิดาของท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ชอบเรื่องศาสนา ชอบนั่ง<br />
เรียนกับปราชญ์ฟิกฮ์และนักวิชาการศาสนา เขาชอบบริการรับใช้<br />
พวกเขาเหล่านั้น และเขาเอาจริงเอาจังในการบริการสิ่งดีงามให้<br />
แก่พวกเขาสุดความสามารถ เขาจะร้องไห้เมื่อรู้สึกกินใจกับคำพูด<br />
และคำเตือนใจของนักปราชญ์เหล่านั้น หลังจากนั้นเขาก็วิงวอน<br />
ขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺให้พระองค์ทรงประทานบุตรสักคนหนึ่งที่เป็น<br />
ปราชญ์คอยปกป้องศาสนา<br />
อัลลอฮฺตะอาลาให้เขากำเนิดบุตรสองคน คนหนึ่งชื่อมุฮัมมัด<br />
และอีกคนหนึ่งชื่ออะหฺมัด เขาเห็นว่าบุตรทั้งสองนี้เป็นผลสัมฤทธิ์<br />
มาจากความหวังและดุอาอ์ของเขาพร้อมหวังว่าอัลลอฮฺจะทำให้<br />
บุตรทั้งสองเป็นนักปราชญ์นิติศาสตร์อิสลาม (ฟิกฮ์) ที่ทรงความ
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
9<br />
รู้แต่เขากลับเสียชีวิตไปก่อนในขณะที่บุตรทั้งสองยังเยาว์วัย ก่อน<br />
ตายผู้เป็นบิดาจึงฝากฝังกับเพื่อนที่เป็นคนตะเซาวุฟที่มีคุณธรรม<br />
เขาได้กล่าวกับเพื่อนของเขาว่า ฉันรู้สึกเสียใจมากที่ฉันไม่ได้รับ<br />
ความรู้ศาสนามากนัก แต่ฉันหวังว่า บุตรสองคนนี้จะเก็บตกในสิ ่ง<br />
ที่ฉันขาดไป... ดังนั้นท่านจงสั่งสอนพวกเขาให้สุดความสามารถ<br />
เถิด และจงให้พวกเขามีความสะดวกในการร่ำเรียนความรู้ และ<br />
ไม่จำเป็นที่ท่านจะต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูจากทรัพย์สินทั้งหมดที่ฉันได้<br />
ทิ้งเป็นมรดกไว้ให้แก่ทั้งสองก็ได้1<br />
เมื่อเขาได้เสียชีวิต ชายผู้มีคุณธรรมจึงทำการสั่งสอนทั้งสอง<br />
สุดความสามารถที่จะกระทำได้ แต่ทรัพย์สินอันน้อยนิดที่บิดา<br />
ได้ทิ้งไว้ให้ทั้งสองช่างหมดลงอย่างรวดเร็วเหลือเกิน และชายผู้มี<br />
คุณธรรมก็เป็นคนยากจนที่อดมื้อกินมื้อ เขาจึงกล่าวกับทั้งสองว่า<br />
เจ้าทั้งสองจงรู้ว่าฉันได้จ่ายค่าเลี้ยงดูแก่เจ้าทั้งสองจากทรัพย์สินที่<br />
เป็นของเจ้าทั้งสองหมดแล้ว ฉันเป็นคนยากจนตามที่พวกเจ้าได้<br />
เห็น ดังนั้นฉันจึงไม่มีทรัพย์สินหลงเหลืออยู่เพื่อจะจุนเจือเจ้าทั้ง<br />
สองแล้ว...แต่ฉันเห็นว่า เจ้าทั้งสองสมควรเข้าเรียนที่โรงเรียนใน<br />
ฐานะนักศึกษาแล้วเจ้าทั้งสองก็จะมีปัจจัยยังชีพในช่วงเวลาศึกษา<br />
ร่ำเรียน...ดังนั้นทั้งสองจึงน้อมรับสิ ่งดังกล่าว 2<br />
อัลฆ่อซาลีย์ มุ่งหน้าทุ่มเทในการร่ำเรียนเกี่ยวกับวิชาฟิกฮ์<br />
(นิติศาสตร์อิสลาม) ด้วยความอดทนและความฉลาดเฉียบแหลม<br />
1 หมายถึง ให้เขานำมรดกไปเป็นค่าเลี้ยงชีพตนเองและเป็นค่าตอบแทนในการเลี้ยงดู<br />
และอบรมสั่งสอนบุตรทั้งสองได้.<br />
2 อัซซุบกีย์ อับดุลวะฮ์ฮาบ บิน อะลีย์, ฏ่อบะก้อตอัชชาฟิอียะฮ์อัลกุบรอ, ตะห์กีก:<br />
มะหฺมู้ดอัฏฏ่อนาฮีย์และอับดุลฟัตตาห์ มุฮัมมัด อัลหิลวฺ (ไคโร: ฮิจญฺร์, ฮ.ศ. 1413),<br />
เล่ม 6, หน้า 193-194.
10<br />
قواعد العقائد<br />
และมีความโดดเด่นเหนือเพื่อนคนอื่นอย่างรวดเร็วและกลายเป็น<br />
ที่ชื่นชมของเพื่อนๆ ทั้งหมด<br />
ส่วนอะหฺมัดผู้เป็นน้อง มุ่งเรียนเกี่ยวกับวิชาการขัดเกลาจิตใจ<br />
และมุ่งเน้นปฏิบัติอิบาดะฮ์จนกระทั่งเป็นที่เลื่องลือถึงความมี<br />
คุณธรรมและมีความชำนาญในการบรรยายธรรมและเป็นที่รู้จัก<br />
ถึงความฉะฉานในการพูดและอธิบายอย่างลึกซึ้งน่าประทับใจ 3<br />
ความอัจฉริยะในการร่ำเรียนของอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์<br />
เรื่องราวของอัลฆ่อซาลีย์ในช่วงแรกนั้น ในปี ฮ.ศ. 465 ท่าน<br />
ได้มุ่งหน้าเดินทางไปยังเมืองญุรญานซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ใกล้กับ<br />
เมืองฏูส เพื่อร่ำเรียนกับท่านอิหม่ามอะบูนัศรฺ อัลอิสมาอีลีย์4<br />
และได้รับวิทยาการและความรู้แขนงต่างๆ มากมายจากผู้เป็น<br />
อาจารย์ ซึ่งอัลฆ่อซาลีย์ได้บันทึกมันเอาไว้ในแผ่นกระดาษบันทึก<br />
3 อิบนุอิม้าด, อับดุลหัยยฺ บิน อะหฺมัด, ชะษะร้อตอัซซะฮับ, ตะห์กีก: มะหฺมู้ด อัลอัรนะอูฏ,<br />
พิมพ์ครั้งที่ 1 (ดิมัช,เบรุต: ดารุอิบนุกะษีร, ค.ศ. 1989/ฮ.ศ.1410), เล่ม 6, หน้า 99,<br />
101.<br />
4 หมายถึง ได้บันทึกความรู้ต่างๆ ของท่านอิหม่ามอะบูนัศรฺ อัลอิสมาอีลีย์ (เสียชีวิตปี<br />
ฮ.ศ. 405) ปราชญ์หะดีษระดับแนวหน้าของเมืองญุรญาณ โดยที่มิได้ท่องจำและได้ยิน<br />
โดยตรง แต่ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์เป็นลูกศิษย์ของอิหม่ามอะบุลกอเซ็ม อิสมาอีล บิน<br />
มัสอะดะฮ์ อัลอิสมาอีลีย์ ผู้เป็นหลานของอิหม่ามอะบูนัศรฺอัลอิสมาอีลีย์ เกิดปี ฮ.ศ. 407<br />
เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 477 ซึ่งท่านเป็นนักปราชญ์ฟิกฮ์(มัซฮับชาฟิอีย์) เป็นนักปราชญ์หะดีษ<br />
มีความนอบน้อมถ่อมตน สติปัญญาฉลาดสมบูรณ์ มีบุคลิกภาพที่งดงาม ทำการฟัตวา<br />
และสอน และทำการบอกรายงานหะดีษด้วยความเข้าใจในตัวบท ซึ่งบ้านของท่าน<br />
อิหม่ามอะบุลกอเซ็มอิสมาอีล เป็นศูนย์รวมของเหล่าปราชญ์ บรรดาผู้มีคุณธรรม และ<br />
ปราชญ์ที่ได้เดินทางมาร่ำเรียนกับท่านมากมาย. ดู อิบนุนุ้กเฏาะฮ์ มุฮัมมัด บิน อับดุล<br />
ฆ่อนีย์ อัลบัฆดาดีย์, อัตตักยี้ด ลิมะอฺริฟะติ รุวาฮ์อัซซุนันวัลมะซานี้ด, ตะห์กีก: กามาล<br />
ยูซุฟ อัลหู้ต, พิมพ์ครั้งที่ 1 (เบรุต: ดารุลกุตุบ อัลอิลมียะฮ์, ปี ค.ศ. 1988 – ฮ.ศ. 1408),<br />
หน้า 205, อัซซุบกีย์, ฏ่อบะก้อตอัชชาฟิอียะฮ์อัลกุบรอ, เล่ม 4, หน้า 294.
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
11<br />
ช่วยจำ วันหนึ่งในขณะเดินทางกลับเมืองฏูส มีหมู่โจรดักปล้น<br />
สะดมระหว่างทางได้ออกมา แล้วทำการค้นตัวอัลฆ่อซาลีย์ทั ้งหมด<br />
หลังจากนั้นก็ปล่อยตัวไป แต่อัลฆ่อซาลีย์ได้เล่าว่า “ฉันกลับเดิน<br />
ติดตามพวกเขาไปเพื่อขอตำราจดบันทึกคืน แล้วหัวหน้าโจรก็หัน<br />
มาพูดกับฉันว่า เจ้าเอ๋ย จงกลับไปเถิด มิเช่นนั้น เจ้าจะต้องตาย<br />
น่ะ! ฉันจึงกล่าวกับเขาว่า ฉันขอให้ท่านส่งบรรดาเล่มสมุดบันทึก<br />
ของฉันคืนเท่านั้น เพราะมันเป็นสิ ่งที่ไม่มีประโยชน์อะไรกับพวก<br />
ท่านเลย ดังนั้นเขาจึงกล่าวกับฉันว่า อะไรคือสมุดบันทึกของเจ้า?<br />
ฉันตอบว่า มันคือบรรดาตำราที่อยู่ในถุงย่ามนั้นไง ฉันได้เดินทาง<br />
เพื่อจะได้รับฟัง จดบันทึก และได้รับข้อมูลความรู้จากมัน เขาจึง<br />
หัวเราะพร้อมกล่าวว่า เจ้าแอบอ้างได้อย่างไรว่าเจ้ามีความรู้ เมื่อ<br />
พวกเราได้ยึดมันมา เจ้าก็สูญสิ้นซึ่งความรู้และคงอยู่ในสภาพที่<br />
ปราศจากความรู้กระนั้นหรือ?! หลังจากนั้นเขาก็ใช้ให้ลูกน้องส่ง<br />
ถุงย่ามให้แก่ฉัน อัลฆ่อซาลีย์จึงกล่าวว่า นี่คือคำพูดที่อัลลอฮฺทรง<br />
ทำให้เขาพูดออกมาเพื่อชี้นำเกี่ยวกับภารกิจการศึกษาความรู้ของ<br />
ฉัน เมื่อฉันเดินทางถึงเมืองฏูส ฉันก็มุ่งให้ความสนใจอยู่กับมันถึง<br />
สามปี (ฮ.ศ. 470-473) จนกระทั่งท่องจำทั้งหมดในสิ่งที่จดบันทึก<br />
ไว้และหากมีการดักปล้นสะดมระหว่างทาง แน่นอนความรู้ของฉัน<br />
ก็จะไม่หายไป” 5<br />
ต่อมาในปี ฮ.ศ. 473 อัลฆ่อซาลีย์ได้เดินทางไปยังเมือง<br />
นัยซาบูร และอยู่ร่ำเรียนกับท่านอิหม่ามอัลหะร่อมัยน์ อับดุลมาลิก<br />
อัลญุวัยนีย์ซึ่งเป็นหัวหน้าปราชญ์ฟิกฮ์มัซฮับชาฟิอีย์และเป็น<br />
ผู้อำนวยการสำนักอันนิซอมียะฮ์ในยุคนั้น อัลฆ่อซาลีย์ร่ำเรียน<br />
อย่างขยันหมั่นเพียรจนกระทั่งแตกฉานในวิชาฟิกฮ์ วิชาเกี่ยวกับ<br />
5 อัซซุบกีย์, ฏ่อบะก้อตอัชชาฟิอียะฮ์อัลกุบรอ, เล่ม 6, หน้า 195.
12<br />
قواعد العقائد<br />
การขัดแย้ง หลักวิชาโต้แย้ง วิชาอะกีดะฮ์ และวิชารากฐานของ<br />
ฟิกฮ์และท่านมีความชำนาญในตรรกศาสตร์ และปรัชญาจน<br />
กระทั่งรอบรู้ถึงสำนักคิดต่างๆ ดังนั้นเกียรติศักดิ์ของท่านขจรไป<br />
ไกลในฐานะศิษย์ของอิหม่ามอัลหะรอมัยน์กล่าวกันว่า อิหม่าม<br />
อัลหะร่อมัยน์นั้นมีความภาคภูมิใจในอัลฆ่อซาลีย์เป็นอย่างมาก<br />
และกล่าวว่า อัลฆ่อซาลีย์นั้นคือทะเลที่ไร้ฝั่ง แต่มีบางคนกล่าวว่า<br />
ท่านอิหม่ามอัลหะร่อมัยน์แสร้งแสดงความภูมิใจทางภายนอกแต่<br />
ภายในนั ้นมีความอึดอัดเนื่องจากความพิเศษของอัลฆ่อซาลีย์<br />
ในช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงหัวใจสำคัญที่ความรู้ของอัลฆ่อซาลีย์มี<br />
ความโดดเด่นสูงสุด ท่านจึงทำการประพันธ์ตำราต่างๆ ทั้งในหลัก<br />
วิชาการด้านเหตุผลทางสติปัญญาและตัวบทหลักฐานซึ่งเป็นปัจจัย<br />
สำคัญที่สุดที่ทำให้ดุนยาหันมาสนใจและทำการเรียกร้องผู้คน<br />
ทั้งหลายให้หันเข้ามาศึกษาเรียนรู้จากตำราที่ได้ประพันธ์ขึ้นมา<br />
ซึ่งท่านอิหม่ามอัซซุบกีย์ได้กล่าวว่า มันมาจากความฉลาดปราด<br />
เปรื่องอย่างที่สุด มีมุมมองที่ถูกต้องปลอดภัย รอบรู้ได้อย่าง<br />
กระจ่าง มีความจำเป็นเลิศ มีความคิดที่ลึกซึ้ง ดื่มด่ำในความ<br />
หมายที่ละเอียดอ่อน มีความโดดเด่นในการถกเสวนา และมีความ<br />
ประณีตในการอ้างอิงหลักฐาน 6<br />
เมื่ออิหม่ามอัลหะร่อมัยน์เสียชีวิต (ฮ.ศ. 478) อัลฆ่อซาลีย์จึงเดิน<br />
ทางออกไปที่เมืองนัยซาบูร โดยมุ่งหน้าไปที่อัลมะอัสกัร (สถานที่<br />
อยู่ใกล้กับเมืองนัยซาบูร) เพื่อไปพบนิซอมอัลมุลกฺรัฐมนตรีของ<br />
กษัตริย์ซัลจูกีย์ในขณะนั้น และเข้าไปที่สำนักราชวังที่เป็นศูนย์<br />
รวมของนักวิชาการทั้งหลาย อัลฆ่อซาลีย์จึงทำการถกเสวนา<br />
6 อัซซุบกีย์, ฏ่อบะก้อตอัชชาฟิอียะฮ์อัลกุบรอ, เล่ม 6, หน้า 196.
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
13<br />
กับบรรดาผู้รู้มากมายและสามารถเอาชนะพวกเขาได้ และ<br />
นักวิชาการทั้งหมดต่างให้การยอมรับว่า อัลฆ่อซาลีย์มีพลังในการ<br />
โต้แย้ง มีหลักฐานตอบโต้ที่ชัดเจน และมีความลึกซึ้งในข้อมูลความ<br />
รู้ รัฐมนตรีนิซอมอัลมุลกฺจึงแต่งตั้งให้อัลฆ่อซาลีย์ทำการสอนที่<br />
สำนักอันนิซอมียะฮ์ (ปี ฮ.ศ. 484) ที่เสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่ง<br />
แรกของโลกอิสลาม ณ กรุงแบกแดดในยุคนั้น<br />
อัลฆ่อซาลีย์ได้ทำการสอนที่สำนักอันนิซอมียะฮ์ในช่วงระยะ<br />
เวลาหนึ ่ง ปรากฏว่าเกียรติและฐานันดรของท่านมีความยิ่งใหญ่<br />
ในหัวใจของผู้คนทั่วไปและชนชั้นนำ ท่านเป็นตัวอย่างของความ<br />
แตกฉานในด้านความรู้ ผู้คนจากทุกหัวเมืองต่างเดินทางมา<br />
แสวงหาความรู้ และตำราต่างๆ ที่ท่านประพันธ์ได้แพร่หลายทั่ว<br />
ทุกสารทิศ 7<br />
ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ อัลฆ่อซาลีย์ถูกผลักให้ไปอยู่ในการ<br />
ขับเคลื่อนทางวิชาการมากมาย เช่น การประพันธ์ตำรา การโต้ตอบ<br />
เสวนา การสอนและการตรวจสอบสำนักต่างๆ ของพวกปรัชญา<br />
ที่กำลังแพร่หลายอยู่ในขณะนั้นด้วยแรงผลักดันของอารมณ์ใฝ่ต่ำ<br />
(นัฟซูอัมมาเราะฮ์) ที่ชื่นชอบความโด่งดัง แสวงหาชื่อเสียง และ<br />
ชอบเอาชนะคู่ถกเสวนา ยิ่งกว่านั้นอัลฆ่อซาลีย์มีความรู้สึกลำพอง<br />
ตนเอง เหยียดหยามฝ่ายตรงข้ามและยังดูถูกดูแคลนผู้อื่นอีกด้วย<br />
แต่พร้อมกันนั้น อัลฆ่อซาลีย์ก็เป็นผู้ช่วยเหลือสัจธรรม ปกป้อง<br />
ศาสนาอิสลาม และขจัดบรรดาความคลุมเครือด้วยหลักฐานที่<br />
เด็ดขาดชัดเจน<br />
7 อัซซุบกีย์, ฏ่อบะก้อตอัชชาฟิอียะฮ์อัลกุบรอ, เล่ม 6, หน้า 196.
14<br />
قواعد العقائد<br />
สาเหตุที่ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์เข้ามาอยู่ในแนวทางตะเซาวุฟ<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์เห็นว่า การมีวิชาความรู้เพียง<br />
อย่างเดียวนั้นอ่อนแอเกินกว่าที่จะมาพิชิตความมัวหมองของ<br />
จิตใจได้ และท่านได้ประจักษ์แล้วว่า มุสลิมนั้นจะไม่สามารถ<br />
บรรลุถึงความใกล้ชิดต่ออัลลอฮฺตะอาลาและเข้าถึงความพึงพอ<br />
พระทัยของพระองค์ด้วยสติปัญญาที่มีข้อมูลความรู้ด้านศาสนา<br />
เพียงอย่างเดียวได้หรอก แต่มุสลิมจะบรรลุถึงเป้าหมายที่ดีงาม<br />
ดังกล่าวก็ด้วยหนทางของการอบรม บ่มเพาะ และขัดเกลาจิตใจ<br />
ให้สะอาดที่สอดคล้องกับความรู้ระดับสูงที่สติปัญญาได้รับมา เพื่อ<br />
ปกป้องสัจธรรมกับความรู้สึกของอารมณ์ใฝ่ต่ำที่ชอบแสวงหาชื่อ<br />
เสียงเกียรติยศของดุนยา และความโดดเด่นเหนือผู้อื่น ฉะนั้นท่าน<br />
อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์จึงรู้ว่า ไม่มีการเยียวยาใดที่จะทำให้รอดพ้น<br />
จากสิ่งดังกล่าวได้นอกจากการอบรม บ่มเพาะและขัดเกลาจิตใจ<br />
เท่านั้น<br />
ดังนั้นภายในจิตใจของอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์จึงมีความรู้สึกไม่<br />
พอใจในสิ่งที่ตนเองเป็นอยู่ ความรู้สึกเบื่อหน่ายได้ซึมซับเข้ามาใน<br />
หัวใจทำให้ท่านรังเกียจในการสานต่อภารกิจที่กำลังจะไปถึงจุด<br />
สูงสุดทั้งที่บรรดาหัวใจของคนทั่วไปและกลุ่มชนชั้นนำต่างก็แสดง<br />
ความภาคภูมิใจและยกย่องให้เกียรติ แล้วอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์<br />
จึงสละตำแหน่งนักวิชาการระดับแนวหน้าและสลัดความศิวิไลซ์<br />
ทั้งหมดออกไป<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้สารภาพว่า “ฉันคิดใคร่ครวญเกี่ยว<br />
กับเจตนา(เหนียต)ของฉันในการสอนวิชาความรู้ ปรากฏว่าเจตนา<br />
ของฉันนั้นมิได้มีความอิคลาศ(บริสุทธิ์ใจ)เพื่ออัลลอฮฺ แต่แรง
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
15<br />
ผลักดันและตัวขับเคลื่อนของฉันก็เพื ่อต้องการยศตำแหน่งและ<br />
ชื่อเสียง ดังนั้นฉันจึงมั่นใจว่า ฉันกำลังอยู่บนขอบเหวที่จะพังทลาย<br />
ลงมา แล้วฉันก็ใกล้จะตกลงไปในไฟนรกเป็นแน่แท้แล้วหากฉันไม่<br />
ทำการปรับปรุงสภาวะจิตใจของฉัน” 8<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ยังคงคิดใคร่ครวญอยู่เช่นนั้นถึงหก<br />
เดือนด้วยกันโดยเริ่มจากเดือนร่อญับปี ฮ.ศ. 488 จนกระทั่งมี<br />
ความมั่นใจว่าจะต้องเดินทางออกไปจากนครแบกแดดเพื่อให้พ้น<br />
จากสภาวะดังกล่าว แต่บางครั้งความปรารถนาในดุนยา เกียรติยศ<br />
และความมีชื่อเสียงได้ฉุดรั้งเอาไว้เพื่อไม่ให้เดินทางออกไป จน<br />
กระทั่ง “เสียงเรียกของอีหม่าน ได้เรียกฉันว่า ท่านต้องเดินทาง<br />
ท่านต้องเดินทาง อายุไขไม่คงเหลืออยู่แล้วนอกจากเพียงน้อยนิด<br />
เท่านั้น เบื้องหน้าของท่านยังต้องเดินทางอีกยาวไกล ความรู้และ<br />
การปฏิบัติของท่านทั้งหมดนั้นล้วนโอ้อวดและจินตนาการไปเอง<br />
(ว่าดีแล้ว) หากตอนนี้ท่านไม่เตรียมตัวเพื่ออาคิเราะฮ์แล้วเมื่อไหร่<br />
ท่านจะพร้อม และหากท่านไม่ฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านี้ไป แล้วเมื่อ<br />
ไหร่ท่านจะผ่านพ้นไปได้?” 9<br />
แรงผลักดันดังกล่าวจึงทำให้ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์มีความ<br />
มั่นใจว่าจะต้องเดินทางออกไปจากกรุงแบกแดดเพื่อขัดเกลา<br />
ตนเองและฝึกฝนจิตใจให้มีความบริสุทธิ์ ซึ่งก่อนที่อิหม่ามอัล<br />
ฆ่อซาลีย์จะเดินทางนั้น วันหนึ่งท่านได้ทำการสอนผู้คนทั้งหลาย<br />
เพื่อปลอบใจพวกเขา แต่อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์กล่าวว่า “ลิ้นของ<br />
ฉันไม่สามารถที่จะพูดออกมาได้เลยแม้สักคำเดียวและฉันก็ไม่<br />
8 อัลฆ่อซาลีย์, อัลมุนกิซฺ มินัฎฎ่อล้าล, ตะห์กีก: ญะมีลศ่อลีบาและกามิลกัยย้าด, พิมพ์<br />
ครั้งที่ 7 (เบรุต: ดารุลอันดะลุส, ปี ค.ศ. 1967), หน้า 103.<br />
9 อัลฆ่อซาลีย์, อัลมุนกิซฺ มินัฎฎ่อล้าล, หน้า 103.
16<br />
قواعد العقائد<br />
สามารถที่จะพูดออกไปได้เลยจนกระทั่งลิ ้นที่ถูกพันธนาการเอาไว้<br />
นี้ทำให้ฉันรู้สึกโศกเศร้าในหัวใจ...” 10<br />
ความโศกเศร้าในหัวใจนี้ทำให้ระบบการย่อยอาหารมีปัญหา<br />
และกินดื่มไม่ได้ แพทย์หมดปัญญาที่จะเยียวยารักษา ร่างกาย<br />
ของอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์จึงมีความทรุดโทรมและอ่อนแอ ในขณะ<br />
ที่ท่านมีความรู้สึกอ่อนแอเช่นนั้น ท่านจึงเข้าหาอัลลอฮฺ ทำการ<br />
วิงวอนและขอการพึ ่งพาต่อพระองค์ จนกระทั่งอัลลอฮฺได้ทำให้<br />
หัวใจของท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์มีความสะดวกง่ายดายในการ<br />
ผินหลังให้กับเรื่องของเกียรติยศและทรัพย์สินเงินทอง หลังจาก<br />
นั้นท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ จึงตัดสินใจเดินทางออกจากเมือง<br />
แบกแดด เพื่อฝึกฝนและขัดเกลาจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ซึ่งท่าน<br />
ได้ฝึกฝนเช่นนั้นถึงสิบปี แม้ว่าท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์เป็นปราชญ์<br />
ที่มีสติปัญญาที่ชาญฉลาดและทรงความรู้แต่ท่านก็ต้องฝากตัว<br />
เป็นศิษย์กับปราชญ์ซูฟีย์นามว่า ชัยค์อะบูอะลีย์ อัลฟาร่อมะษีย์11<br />
ศิษย์ของท่านอิหม่ามอะบุลกอเซ็ม อัลกุชัยรีย์ ซึ่งท่านอิหม่าม<br />
อัลฆ่อซาลีย์ ได้กล่าวว่า “ฉันได้รับฏ่อรีเกาะฮ์(แนวทางตะเซาวุฟ)<br />
จากอะบูอะลีย์ อัลฟาร่อมะษีย์12 และฉันได้ปฏิบัติตามสิ่งที่ท่าน<br />
10 อัลฆ่อซาลีย์, อัลมุนกิซฺ มินัฎฎ่อล้าล, หน้า 104.<br />
11 ท่านอัซซะฮะบีย์กล่าวว่า อัลฟาร่อมะซีย์ คือ อิหม่ามผู้ยิ่งใหญ่ เป็นบรมครูของเหล่า<br />
ซูฟีย์มีนามว่า อัลฟัฎล์ บุตร มุฮัมมัด อัลฟาร่อมะษีย์ เกิดปี ฮ.ศ. 407 และเสียชีวิตปี<br />
ฮ.ศ. 477. ดู อัซซะฮะบีย์, ซิยัรอะลามอันนุบะลาอฺ, ตะห์กีก: ชุอัยบ์ อัลอัรนะอูฏและ<br />
มุฮัมมัดนุอัยม์, พิมพ์ครั้งที่ 11 (เบรุต: มุอัซซะซะฮ์ อัรริซาละฮ์, ค.ศ. 1996/ ฮ.ศ. 1417),<br />
เล่ม 18, หน้า 565.<br />
12 ดังนั้นสะนัดฏ่อรีเกาะฮ์ (แนวทางตะเซาวุฟ) ของท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ ก็คือ ท่าน<br />
รับมาจาก ชัยค์อะบูอะลีย์ อัลฟาร่อมะษีย์ จากอิหม่ามอะบุลกอเซ็ม อัลกุชัยรีย์ จาก<br />
อะบิลกอเซ็ม อับดุลลอฮฺ บิน อะลีย์ บิน อับดิลลาฮฺ อัฏฏูซีย์ จากอะบีอุษมาน บิน สะลาม<br />
อัลมัฆริบีย์ จากอะบีอัมรฺ บิน มุฮัมมัด บิน อิบรอฮีม อัซซัจญาญีย์ จากอิหม่ามอัลญุนัยด์
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
17<br />
อะบูอะลีย์ได้ชี้แนะแก่ฉันเกี่ยวกับกิจวัตรต่างๆ ในการทำอิบาดะฮ์<br />
และหมั่นซิกรุลลอฮฺอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ<br />
ทางด้านจิตใจ และแบกรับความยากลำบากเหล่านั ้น” 13<br />
การเดินทางออกจากนครแบกแดด<br />
ในปี ฮ.ศ. 488 นั้นท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้เริ่มเดินทางไป<br />
ยังดิมัชก์เพื่อทำอิบาดะฮ์ ฝึกฝนตนเอง และขัดเกลาหัวใจด้วยการ<br />
หมั ่นในการซิกรุลลอฮฺและเริ่มประพันธ์หนังสืออิหฺยาอ์อุลูมิดดีน<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์อยู่ที่นั่นสองปี หลังจากนั้นก็เดินทางไป<br />
ที่อัลกุดซฺเพื่อทำอิบาดะฮ์และฝึกฝนจิตใจและเยี่ยมกุบูรของท่าน<br />
นะบีย์อิบรอฮีม อะลัยฮิสลาม จากนั้นก็เดินทางไปทำฮัจญฺเพื่อรับ<br />
บะร่อกะฮ์ต่างๆ จากนครมักกะฮ์และมะดีนะฮ์พร้อมเยี่ยมกุบูร<br />
ท่านนะบีย์มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม 14<br />
สุดท้ายท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้สารภาพและยอมรับว่า<br />
“ฉันยังคงอยู่เช่นนั้น(ในการฝึกฝนตนเองให้จิตใจสะอาดบริสุทธิ์)<br />
ถึงสิบปี ในระหว่างที่ฉันอยู่ในบรรดาการค็อลวะฮ์(วิเวกตนเองใน<br />
การทำอิบาดะฮ์และซิกรุลลอฮฺในชั่วระยะเวลาหนึ่ง)นี้ ฉันถูกเปิด<br />
ให้เห็นสิ่งต่างๆ มากมายที่ไม่สามารถคณานับได้” 15<br />
อัลบัฆดาดีย์ จากอิหม่ามอัซซะรีย์ อัซซักฏีย์ จากอิหม่ามมะอฺรูฟ อัลกัรคีย์ จากอิหม่าม<br />
ดาวูดอัฏฏออีย์ จากอิหม่ามหะบีบ อัลอัจญฺมีย์ จากอิหม่ามอัลหะซัน อัลบัศรีย์ จาก<br />
อิหม่ามอะลีย์ บิน อะบีฏอลิบจากท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม.<br />
13 อิบนุอัลเญาซีย์, อัลมุนตะซ็อม ฟีตารีคอัลมุลูกวัลอุมัม, ตะห์กีก: อับดุลกอดิร อะฏอ,<br />
พิมพ์ครั้งที่ 2 (เบรุต: ดารุลกุตุบอัลอิลมียะฮ์, พิมพ์ ค.ศ. 1995/ฮ.ศ 1415), เล่ม 17,<br />
หน้า 125-126.<br />
14 อัลฆ่อซาลีย์, อัลมุนกิซฺ มินัฎฎ่อล้าล, หน้า 115-116. และอิบนุอิม้าด, ชะษะร้อต<br />
อัซซะฮับ,เล่ม 5, หน้า 379.<br />
15 อัลฆ่อซาลีย์, เรื่องเดียวกัน, หน้า 116.
18<br />
قواعد العقائد<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้กล่าวว่า “แท้จริงฉันรู้อย่างมั่นใจ<br />
แล้วว่า บรรดาซูฟีย์นั้น พวกเขาคือผู้ที่เดินอยู่ในทางของอัลลอฮฺ<br />
ตะอาลาเป็นการเฉพาะ วิถีชีวิตของพวกเขานั้นเป็นวิถีชีวิตที่<br />
งดงามยิ่ง บรรดาแนวทางของพวกเขานั้นเป็นแนวทางที่ถูกต้อง<br />
ที่สุด จรรยามารยาทของพวกเขาเป็นจรรยามารยาทที่งดงาม ยิ่ง<br />
กว่านั้น หากได้รวมบรรดาผู้ที่มีสติปัญญาและความฉลาด และรวม<br />
ความรู้ของบรรดาผู้รู้ถึงความเร้นลับต่างๆ ในหลักการของศาสนา<br />
(ได้มาอยู่แนวทางของซูฟีย์) แน่นอนว่าพวกเขาเหล่านั้นก็จะมีการ<br />
เปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างจากวิถีการดำเนินชีวิตและจรรยา<br />
มารยาทของพวกเขา และพวกเขาเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนแปลงใน<br />
ทางที่ดีกว่าเดิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น เพราะบรรดาการหยุดนิ่ง<br />
และเคลื่อนไหวของซูฟีย์นั้น ไม่ว่าภายนอกหรือภายในจิตใจของ<br />
พวกเขา ล้วนได้ถอดแบบมาจากรัศมี(ทางนำ)แห่งนะบีย์และไม่มี<br />
เบื้องหลังจากรัศมีทางนำแห่งนะบีย์บนผืนแผ่นดินนี้ที่จะเป็นรัศมี<br />
เจิดจรัสส่องทางอีกแล้ว” 16<br />
เมื่ออิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้พบว่าตนเองได้หลุดพ้นจากความ<br />
เสียหายต่างๆ ที่มาทำให้ภารกิจในด้านวิชาการที่แบกแดดมีความ<br />
เสียหายแล้วนั้น ท่านก็ได้เดินทางกลับไปยังสำนักอันนิซอมียะฮ์ที่<br />
นัยซาบูรด้วยจิตใจที่สงบมั่นในอัลลอฮฺมิใช่ด้วยจิตอารมณ์ใฝ่ต่ำที่<br />
ท่านเคยทนทุกข์อยู่กับมัน และทำการสอนที่นั่นอีกครั้งในปี ฮ.ศ.<br />
499 หลังจากนั้นไม่กี่เดือนท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้เดินทาง<br />
ไปสู่เมืองฏูส มาตุภูมิของท่านโดยใช้เวลาหมดไปกับการปฏิบัติ<br />
อิบาดะฮ์ อ่านอัลกุรอาน ท่องจำอัลหะดีษ และทำการสอน<br />
สานุศิษย์ในสถาบันที่สร้างขึ้นใกล้บ้านของท่าน<br />
16 อัลฆ่อซาลีย์, อัลมุนกิซฺ มินัฎฎ่อล้าล, หน้า 116.
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
19<br />
ในวันจันทร์ที่ 14 เดือนญะมาดุลอาคิร ปี ฮ.ศ. 505 ท่านอิหม่าม<br />
อัลฆ่อซาลีย์ได้เสียชีวิตที่เมืองฏูสและฝังที่นั่น ซึ่งก่อนเสียชีวิตนั้น<br />
สานุศิษย์บางส่วนได้ขอให้ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ทำการสั่งเสีย<br />
โดยกล่าวกับท่านว่า ท่านจงสั่งเสียแก่ฉันเถิด ดังนั้นท่านอิหม่าม<br />
อัลฆ่อซาลีย์จึงกล่าวว่า “ท่านจงมีความอิคลาศ ท่านจงมีความ<br />
อิคลาศ ท่านจงมีความอิคลาศ” อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ ได้กล่าวซ้ำไป<br />
ซ้ำมาจากระทั่งลมหายใจสุดท้าย... 17<br />
วิเคราะห์บทเรียนจากชีวประวัติของท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์<br />
คำสอนที่ได้รับจากประวัติของท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ คือ:<br />
1. ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์เป็นอัจฉริยะบุคคลที่มีสติปัญญา<br />
ปราดเปรื่อง ประพันธ์หนังสือเก่ง สอนเก่ง เฉียบคมในการโต้แย้ง<br />
แต่หัวใจของท่านไม่มีตะเซาวุฟ ไม่มีความอิคลาศต่ออัลลอฮฺใน<br />
ขณะนั้น เพราะฉะนั้นคนที่มีความฉลาดปราดเปรื่อง และเก่งกล้า<br />
ในวิชาความรู้แต่ถูกอารมณ์ใฝ่ต่ำครอบงำและไม่มีความบริสุทธิ์ใจ<br />
ต่ออัลลอฮฺ แม้ความรู้จะสร้างประโยชน์ให้แก่ศาสนาอิสลามแต่<br />
อัลลอฮฺไม่ทรงตอบรับ<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ ได้กล่าวว่า “ชัยฏอนมันพยายาม<br />
ชักนำผู้รู้ให้ทำงานเกี่ยวกับการบรรยายสอนผู้คนทั้งหลาย หลัง<br />
จากนั้นมันก็ชักนำให้ผู้รู้นั้นสร้างภาพให้ดูดี พูดถ้อยคำดูดี และ<br />
แสดงให้เห็นซึ่งความดีงาม แล้วชัยฏอนก็พูดกับเขาว่า หากท่าน<br />
ไม่กระทำสิ่งดังกล่าว คำพูดของท่านก็จะไม่เข้าไปอยู่ในหัวใจ<br />
ของผู้คนทั้งหลายและพวกเขาก็จะไม่ได้รับทางนำไปสู่สัจธรรม<br />
17 อิบนุอัลเญาซีย์, อัลมุนตะซ็อม, เล่ม 17, หน้า 127.
ب ي<br />
ّ<br />
20<br />
قواعد العقائد<br />
ดังนั้นในขณะที่เขาได้สอนบรรยาย ชัยฏอนมันพยายามให้เขามี<br />
ความโอ้อวด ต้องการให้ผู้คนทั้งหลายยอมรับ ต้องการเกียรติยศ<br />
ตำแหน่ง มีความภาคภูมิใจที่มีผู้ติดตามมากมาย มองผู้คนทั้งหลาย<br />
ด้วยการดูถูกเหยียดหยาม ชัยฏอนพยายามหว่านล้อมให้เขาไปสู่<br />
ความหายนะ ฉะนั้นเมื่อเขาทำการพูด ก็คิดว่ามีเจตนาดี แต่ใน<br />
ความเป็นจริงแล้วเขามีเจตนาเพื่อมีเกียรติและให้ผู้คนทั้งหลาย<br />
ยอมรับ เขาจึงประสบความหายนะโดยที่เขาคิดว่ามีเกียรติ ณ ที่<br />
อัลลอฮฺตะอาลา และกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งจากบุคคลที่ท่าน<br />
ร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า<br />
َ الْفاجِ رِ<br />
ِ لرَّ جُ لِ<br />
إِنَّ الل َيُ ؤ ِ نَ <br />
َّ َ ل َ ِ يّ ُ د َ هذ َ ا الد<br />
“แท้จริงอัลลอฮฺจะทำการช่วยเหลือศาสนานี้ด้วยชายชั่ว” 18<br />
ดังนั้นการหลอกลวงของชัยฏอนนี้ ยังทำให้เกิดความเสียหาย<br />
กับบรรดาผู้รู้ นักทำอิบาดะฮ์ บรรดาผู้มีสมถะ คนยากจน คน<br />
ร่ำรวย และผู้คนทั้งหลายที่ไม่ชอบเปิดเผยความชั่ว(ที่เป็นเจตนา<br />
ไม่ดีอยู่ในจิตใจ)แต่กลับมีความพอใจในการกระทำของตนเอง 19<br />
2. ผู้รู้หรือผู้ที่ต้องการทำงานศาสนานั้น จำเป็นต้องบ่มเพาะ<br />
อบรม และขัดเกลาหัวใจให้สะอาดเสียก่อน เพื่องานศาสนานั้นจะ<br />
ได้เป็นที่ตอบรับจากอัลลอฮฺตะอาลา เนื่องจากการมีความรู้เพียง<br />
อย่างเดียวนั้นถือว่ายังไม่เพียงพอในการทำงานศาสนา เพราะ<br />
บางครั้งเขาอาจจะทำไปเพื่อต้องการชื่อเสียง ทรัพย์สินเงินทอง<br />
18 รายงานโดยอัลบุคอรีย์, หะดีษเลขที่ 2897, มุฮัมมัด บิน อิสมาอีล อัลบุคอรีย์,<br />
ศ่อฮีหฺอัลบุคอรีย์, ตะห์กีก: มุศฏอฟา ดี้บ อัลบุฆอ, พิมพ์ครั้งที่ 3 (เบรุต: ดารุอิบนิกะษีร,<br />
1987 ค.ศ./1407 ฮ.ศ.), เล่ม 3, หน้า 1114.<br />
19 อัลฆ่อซาลีย์, อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน, พิมพ์ครั้งที่ 1 (เบรุต: ดารุลกุตุบอัลอิลมียะฮ์, ค.ศ.<br />
1998/ฮ.ศ. 1419), เล่ม 3, หน้า 28.
َ<br />
ف<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
21<br />
เกียรติยศ ตำแหน่ง และการยอมรับจากผู้คนทั้งหลาย ท่านอิหม่าม<br />
อัลฆ่อซาลีย์จึงละทิ้งการสอนโดยออกจากกรุงแบกแดดเพื่อเดิน<br />
ทางไปบ่มเพาะและขัดเกลาหัวใจยังแผ่นดินที่ไม่มีใครรู้จักท่าน<br />
ถึงสิบปีด้วยกัน หลังจากนั้นท่านก็กลับมาสอนต่อไป ซึ่งวิถีชีวิต<br />
และแบบอย่างของท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์นี้ ท่านอิหม่ามอิบนุ<br />
อะฏออิลลาฮฺ (ฮ.ศ. 658-709) ได้นำมากล่าวไว้เป็นคำสอนใน<br />
บทหิกัมของท่านว่า<br />
فَ َ ا ن َ َبَت مِ َّا ل ْ ْ يُدف َ تِ ُّ يَ نِتَ اجُ هُ َنْ ل<br />
ِ ي أَرْ ضِ الخُمُ وْلِ<br />
إِدْ فِ نْ وُ جُ وْ د َ َ ك <br />
ท่านจงฝังการมีอยู่ของท่านในแผ่นดินที่ไร้ชื่อเสียง เพราะ<br />
สิ่งที่งอกเงยขึ้นมาจากเมล็ดพันธุ์ที่มิได้ถูกฝัง(ในดิน)<br />
ผลผลิตของมันจะไม่สมบูรณ์” 20<br />
ท่านอิบนุอะฏออิลลาฮฺได้เปรียบเทียบกฎแห่งการขัดเกลา<br />
อบรมบ่มจิตใจในตัวของมนุษย์ ด้วยกฎเกณฑ์เดียวกันกับโลกของ<br />
ต้นไม้! เมล็ดพืชที่ท่านต้องการจะนำมันไปเพาะปลูกนั้น หากท่าน<br />
โยนมันไว้บนพื้นดินโดยไม่ได้ฝัง ปล่อยมันทิ้งไว้ท่ามกลางดินและ<br />
กรวดทราย ภายใต้แสงอาทิตย์อันร้อนระอุที่สาดส่องลงมา และ<br />
หมู่เมฆฝนได้แวะเวียนผ่านมาไม่เว้นแต่ละวันแล้วละก็ แน่นอน<br />
เมล็ดพืชนั้นย่อมเน่าเสียและตายไปในที่สุด<br />
แต่หนทางที่จะให้เมล็ดพืชเจริญงอกงามได้นั้น ก็คือการนำไป<br />
ฝังในดินที่ชื้นและปล่อยทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง มันก็จะเกิดปฏิกิริยา<br />
และเจริญงอกงาม หลังจากนั้นอัลลอฮฺตะอะลาก็ให้มันผลิหน่อ<br />
แตกใบ มีลำต้นชูตระหง่านที่สามารถฝ่าขึ้นมาสู่ภาคพื้นดิน แทรก<br />
20 อิบนุอะฏออิลลาฮฺ, อัลหิกัมอัลอะฏออียะฮ์, พิมพ์ครั้งที่ 1 (ไคโร: ดารุสลาม, 2006<br />
ค.ศ./1427 ฮ.ศ.), หน้า 8.
22<br />
قواعد العقائد<br />
กรวดหินขึ้นมาสัมผัสบรรยากาศและรับอาหารจากแสงอาทิตย์ที่<br />
ส่องแสงเจิดจ้าหลังจากนั้นอัลลอฮฺก็ให้มันออกผลผลิตมากมาย<br />
เป็นประโยชน์แก่ผู้คนทั้งหลาย<br />
ดังนั้นหากผู้รู้หรือคนทำงานศาสนาไม่บ่มเพาะหัวใจให้สะอาด<br />
และผูกพันอยู่กับอัลลอฮฺ แต่เขากลับมุ่งหน้าสู่ภารกิจต่างๆ ทาง<br />
สังคมเข้าไปฟันฝ่ากระแสต่างๆ ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าชะตากรรม<br />
ของเขาก็จะไม่ต่างอะไรกับชะตากรรมของเมล็ดพืชที่ถูกโยนลง<br />
บนพื้นดินท่ามกลางกรวดทราย รอวันที่มันจะเน่าเสียเท่านั้นเอง!<br />
ฉะนั้นการที่ผู้รู้คนหนึ ่งได้ปฏิบัติภารกิจของเขาบนเวทีแห่งความ<br />
โด่งดัง อยู่ภายใต้แสงสีแห่งความมีชื่อเสียง บั้นปลายของเขาคือ<br />
ความล้มเหลวและความเสียหาย ถ้าหากเขาพูดก็จะไม่พูดออก<br />
มาด้วยวิชาความรู้ที่ดีมีประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นอารมณ์ใฝ่ต่ำของ<br />
เขาก็จะเข้ามาเป็นตัวชี้นำในงานศาสนาให้เขามีความอยากโด่งดัง<br />
อยากมียศตำแหน่ง อยากได้ในทรัพย์สิน และอยากให้ผู้คน<br />
ทั้งหลายยอมรับก็จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ดังกล่าวก็เพราะว่าเขา<br />
ไม่เปิดโอกาสให้ตนเองได้ขัดเกลาจิตใจด้วยการปลีกวิเวกตนเอง<br />
(ค็อลวะฮ์) และไม่บ่มเพาะจิตใจให้บริสุทธิ์ เจริญงอกงามเสมือน<br />
กับเมล็ดพืชที่ถูกฝังอยู่ในดินรอคอยที่จะเจริญงอกงามเขียวชอุ่ม<br />
และออกดอกออกผลอย่างงดงาม ผลสุดท้ายเขากลายเป็นคนชั่ว<br />
ที่ช่วยเหลือศาสนาของอัลลอฮฺตะอาลาและพระองค์ก็ไม่ตอบรับ<br />
งานศาสนาที่กระทำจนเป็นเหตุให้เขาต้องตกลงไปในขุมนรกในวัน<br />
กิยามะฮ์ วัลอิยาซุบิลลาฮฺ<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้กล่าวว่า “ความต้องการมีชื่อเสียง<br />
คือ ชอบมีเกียรติและยศตำแหน่งในหัวใจของผู้คนทั้งหลายและการ<br />
ชอบในเกียรติยศและตำแหน่งนั้นเป็นบ่อเกิดของความเสื่อมเสีย
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
23<br />
ทั้งหลาย” 21 แต่หากอัลลอฮฺให้เขามีชื่อเสียงในศาสนาโดยที่เขามิได้<br />
ปรารถนาต้องการ เช่น การมีชื่อเสียงของบรรดานะบีย์ บรรดา<br />
ค่อลีฟะฮ์ทั้งสี่ และบรรดาวะลียุลลอฮฺ ก็ถือว่าไม่เป็นไร 22<br />
3. การเรียนตะเซาวุฟนั้นต้องมีครู เพราะอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์<br />
นั้น แม้ท่านจะเป็นปราชญ์ที่อัจฉริยะ แต่ท่านต้องพึ่งพาและมีครู<br />
ผู้ชี้นำ<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ ได้กล่าวถึงความสำคัญของการมี<br />
ครูผู้ชี้นำว่า “ผู้มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเดินทางเข้าหาอัลลอฮฺนั้น<br />
หลีกเลี่ยงไม่พ้นว่าเขาจะต้องมีครูที่เขาเจริญรอยตามเพื่อชี้นำเขา<br />
ไปสู่หนทางที่เที่ยงตรง เพราะหนทางในศาสนานั้นลึกลับซับซ้อน<br />
แต่ทางของชัยฏอนนั้นมีมากมายชัดเจน ดังนั ้นผู้ใดที่ไม่มีครูคอย<br />
ชี้นำเขา แน่นอนชัยฏอนก็จะชักนำเขาไปสู่หนทางต่างๆ ของมัน<br />
อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น ฉะนั้นผู้ใดที่เดินอยู่ในหุบเขาที่อันตรายโดย<br />
ปราศจากผู้คอยคุ้มกันดูแล แน่นอนตัวเขากำลังตกอยู่ในอันตราย<br />
และกำลังทำลายตัวเอง และผู้เดินทางเข้าหาอัลลอฮฺด้วยตนเอง<br />
อย่างเอกเทศก็เสมือนกับต้นไม้ที่งอกขึ้นมาเอง(โดยไม่มีผู้ใดคอย<br />
ดูแลใส่ปุ๋ยและรดน้ำพรวนดิน) มันก็จะเหี่ยวเฉาในเวลาอันใกล้<br />
หรือหากต้นไม้อยู่ได้ในช่วงเวลาหนึ่งและออกใบแต่ก็ไม่ออกผล” 23<br />
ท่านอิหม่ามอัชชะอฺรอนีย์ (ฮ.ศ. 898-973) ได้กล่าวว่า “ท่าน<br />
อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ยังมีครูคอยชี้นำ ทั้งที่ท่านเป็นหุจญตุลอิสลาม<br />
(หลักฐานของศาสนาอิสลามในการตอบโต้พวกนักปรัชญาและ<br />
21 อัลฆ่อซาลีย์, อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน, เล่ม 3, หน้า 246.<br />
22 อัลฆ่อซาลีย์, อัลอัรบะอีน ฟีอุศูลิดดีน, ตะห์กีก: บูญุมอะฮ์ อับดุลกอดิร, พิมพ์ครั้งที่<br />
1 (เบรุต: ดารุลมันฮาจญฺ, ค.ศ. 2006/ฮ.ศ. 1426), หน้า 173.<br />
23 อัลฆ่อซาลีย์, อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน, เล่ม 3, หน้า 68-69.
24<br />
قواعد العقائد<br />
พวกกุฟฟาร) 24 และท่านชัยค์อิซซุดดีน อิบนุอับดิสลาม ก็มีครูเฉก<br />
เช่นเดียวกันทั้งที่ท่านได้รับฉายาว่า ซุลฏอนุลอุละมาอฺ(กษัตริย์ของ<br />
เหล่าปราชญ์) 25 ดังนั้นความรู้ของท่านนั้นเหมือนกับปราชญ์ทั้ง<br />
สองนี้หรือไม่? แต่กลุ่มชนยุคแรกนั้นไม่ต้องการครูเพราะโรคของ<br />
พวกเขามีน้อย เมื่อพวกเขาจากไป บรรดาโรคมากมายก็เกิดขึ้น<br />
ดังนั้นนักปราชญ์ฟิกฮ์จึงมีความต้องการครูผู้ชี้นำอย่างหลีกเลี่ยง<br />
ไม่พ้นเพื่อให้สะดวกง่ายดายต่อแนวทางในการปฏิบัติสิ่งที่เขารู้” 26<br />
4. ไม่มีแนวทางใดที่จะทำให้หัวใจมีความอิคลาศอย่างแท้จริง<br />
ทำให้หัวใจมีความใกล้ชิดอัลลอฮฺ และได้รับการเปิดจากพระองค์<br />
นอกจากวิชาตะเซาวุฟหรือหลักอิหฺซาน เพราะมนุษย์เป็นศัตรู<br />
กับสิ่งที่เขาไม่รู้ “ผู้ใดไม่ได้ลิ้มรสเขาย่อมไม่รู้” แต่เมื่ออิหม่าม<br />
อัลฆ่อซาลีย์ได้ลิ้มรสและประจักษ์แล้ว จึงเป็นเหตุให้ท่านยอมรับ<br />
ในสิ่งดังกล่าว<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ ได้กล่าวว่า “ผู้คนส่วนใหญ่ขาดการ<br />
รับรู้ถึงความสุขของความรู้27 บางครั้งเพราะไม่เคยลิ้มรส ดังนั้นผู้<br />
ใดไม่เคยลิ้มรส เขาย่อมไม่รู้จักและไม่คะนึงหาเนื่องจากการคะนึง<br />
หานั้นจะเป็นผลมาจากการได้รับการลิ้มรสแล้ว บางทีเพราะ<br />
อุปนิสัยเสื่อมโทรมและหัวใจเป็นโรคเนื่องจากตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ<br />
ซึ่งเหมือนกับคนป่วยที่ไม่สามารถรับรู้ถึงความหวานของน้ำผึ้งและ<br />
24 ครูตะเซาวุฟของท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ คือ ชัยค์อะบูอะลีย์ อัลฟาร่อมะษีย์.<br />
25 ครูตะเซาวุฟของท่านอิหม่ามอิซซุดดีน อิบนุ อับดิสลาม คือ ท่านอิหม่ามอะบุล<br />
หะซัน อัชาซิลีย์.<br />
26 อัชชะอฺรอนีย์, อัลอันวารอัลกุดซียะฮ์ ฟีบะยานิ ก่อวาอิดอัศศูฟียะฮ์, ตะห์กีก: คณะ<br />
กรรมการของดารุศอดิร, พิมพ์ครั้งที่ 1 (เบรุต: ดารุศอดิร, ค.ศ. 1999), หน้า 259.<br />
27 เช่น ความรู้เกี่ยวกับวิชาตะเซาวุฟ เป็นต้น.
َّ<br />
ِ<br />
ت َ<br />
نٌ فَ<br />
ي<br />
ْ<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
25<br />
เขาเห็นว่ามันมีรสขม” 28<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ ได้กล่าวเช่นกันว่า “ความหวานชื่น<br />
ของการมะอฺริฟะฮ์(รู้จักอัลลอฮฺอย่างลึกซึ้ง)นั้น รับรู้ได้เฉพาะ<br />
บรรดาบุรุษ(ที่ดุนยาไม่ทำให้พวกเขาลืมอัลลอฮฺ)เท่านั้น<br />
อัลลอฮฺตะอาลาทรงตรัสว่า<br />
ْ الل<br />
ِ جَ ارَ ةٌ وَ ل بَ يْ عٌ عَ نْ ذِ ك رِ<br />
َ ْهِ ي ِ مْ <br />
رِجَ ٌ ال ل<br />
“บรรดาบุรุษที่การค้าและการขายไม่ทำให้พวกเขาหันห่าง<br />
จากการซิกรุลลอฮฺ” [อันนูร: 37]<br />
และบุคคลอื่นจากพวกเขาจะไม่มีความคะนึงหาความสุขนี้<br />
เพราะความคะนึงหาจะเกิดขึ้นหลังจากได้ลิ้มรสแล้ว ผู้ใดไม่เคย<br />
ลิ้มรส เขาก็จะไม่รู้จัก และผู้ใดไม่รู้จัก เขาก็จะไม่คะนึงหา และผู้<br />
ใดไม่คะนึงหา เขาก็จะไม่แสวงหา และไม่ผู้ใดไม่แสวงหา เขาก็จะ<br />
ไม่ประจักษ์รู้ และผู้ใดไม่เคยประจักษ์รู้ เขาก็จะคงอยู่กับบรรดาผู้<br />
ถูกห้ามจากความดีงามโดยไปอยู่ในกลุ่มชนชั้นต่ำสุด<br />
อัลลอฮฺทรงตรัสว่า<br />
َرِ <br />
َ ُ ق<br />
تُل<br />
ُ وَ ل<br />
َ ُ ش نً <br />
ِ ض<br />
َ يّ<br />
ُ<br />
وَ مَ نْ يَعْ ش<br />
ُق<br />
ْ الرَّ حْ َنِ ن<br />
عَ نْ ذِ ك رِ<br />
َا<br />
ل َ يْ ط<br />
“และผู้ใดเหินห่างจากการรำลึกถึง(อัลลอฮฺ)ผู้ทรงเมตตา<br />
เราจะให้ชัยฏอนมาครอบงำเขา แล้วมันก็จะเป็นสหายของ<br />
เขา” [อัซซุครุฟ: 36] 29<br />
ท่านผู้อ่านโปรดสังเกตในปัจจุบันว่า บรรดาผู้รู้หรือคนทำงาน<br />
28 อัลฆ่อซาลีย์, อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน, เล่ม 4, หน้า 89.<br />
29 เรื่องเดียวกัน, เล่ม 3, หน้า 175.
26<br />
قواعد العقائد<br />
ศาสนาตามสื่อต่างๆ นั้นเอาศาสนามาแสวงหาประโยชน์เรื่อง<br />
ดุนยาและทรัพย์สินเงินทอง ต้องการความมีเกียรติ ต้องการยศ<br />
ตำแหน่งแม้จะได้มาด้วยวิธีที่ไม่ต้องถูกต้องตามหลักการอิสลาม<br />
ก็ตาม ยิ่งกว่านั้นการทำลายเกียรติและต้องการชนะฝ่ายตรงข้าม<br />
ในเรื่องศาสนาต่างก็มีให้เห็นในสังคมและสื่อต่างๆ มากมาย ซึ่งดัง<br />
กล่าวนี้เป็นโรคร้ายที่กำลังระบาดแพร่หลายในสังคมมุสลิมเว้นแต่<br />
แนวทางตะเซาวุฟที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะคอยเยียวยาสิ่งดังกล่าวได้<br />
คำยกย่องของปราชญ์เกี่ยวกับอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์<br />
ท่านอิหม่ามอับดุลฆอฟิร บิน อิสมาอีล อัลฟาริซีย์ (ฮ.ศ. 451-<br />
529) ได้กล่าวว่า “อะบูฮามิด อัลฆ่อซาลีย์นั้น เป็นหลักฐานของ<br />
อิสลามและบรรดามุสลิมีน เป็นผู้นำของเหล่าปราชญ์ศาสนา<br />
อิสลาม บรรดาดวงตาไม่เคยเห็นผู้ใดเสมือนท่านเลยในด้านของ<br />
การพูด การอธิบาย ความคิด ความชาญฉลาด และมารยาท” 30<br />
ท่านอิหม่ามอัซซะฮะบีย์ (ฮ.ศ. 673-748) ได้กล่าวว่า “อิหม่าม<br />
อัลฆ่อซาลีย์ คือบรมครู เป็นผู้นำด้านวิชาการ เป็นทะเลแห่งความรู้<br />
เป็นหลักฐานของอิสลาม เป็นอัจฉริยะแห่งยุคสมัย ท่านคือ<br />
ซัยนุดดีนอะบูฮามิด มุฮัมมัด บุตร มุฮัมมัด บุตร มุฮัมมัด บุตร อะหฺมัด<br />
อัลฆ่อซาลีย์ สังกัดมัซฮับชาฟิอีย์ เป็นเจ้าของตำราประพันธ์<br />
มากมาย และมีความฉลาดอย่างน่ามหัศจรรย์” 31<br />
ท่านอิหม่ามอิบนุกะษีร (ฮ.ศ. 701-774) ได้กล่าวว่า “อิหม่าม<br />
อัลฆ่อซาลีย์เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาผู้มีความฉลาดปราดเปรื่อง<br />
30 อิบนุอะซากิร, ตับยีนกัษบิลมุฟตะรี, ตะห์กีก: มุฮัมมัด ซาฮิด อัลเกาษะรีย์, พิมพ์ครั้ง<br />
ที่ 1 (ไคโร: อัลมักตะบะฮ์อัลอัซฮะรียะฮ์, ค.ศ. 2010), หน้า 223.<br />
31 อัซซะฮะบีย์, ซิยัรอะลามอันนุบะลาอฺ, เล่ม 19, หน้า 322-323.
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
27<br />
ของโลกในทุกสิ่งที่เขาพูด และอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์เป็นปราชญ์<br />
อยู่ในระดับแนวหน้าตั้งแต่ยังวัยหนุ่มจนกระทั่งได้ทำการสอนที่<br />
สำนักอันนิซอมียะฮ์แห่งนครแบกแดดเมื่อท่านอายุ 34 ปี มีบรรดา<br />
อุลามาอฺมากมายมาร่ำเรียนกับท่าน ส่วนหนึ่งจากพวกเขาคือ ท่าน<br />
อะบุลค็อฏฏ้อบและท่านอิบนุอะกีล ซึ่งทั้งสองเป็นแกนนำของ<br />
ปราชญ์มัซฮับฮัมบาลีย์ พวกเขามีความทึ่งในความฉะฉานและ<br />
ความรอบรู้ของท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ และท่านอิบนุอัลเญาซีย์<br />
ได้กล่าวว่า พวกเขาเหล่านั้นได้ทำการบันทึกคำพูดของอิหม่าม<br />
อัลฆ่อซาลีย์ไว้ในตำราของพวกเขา” 32<br />
ท่านอิหม่ามอิบนุอันนัจญาร ได้กล่าวว่า “ท่านอะบูฮามิด<br />
อัลฆ่อซาลีย์ เป็นผู้นำของเหล่าปราชญ์ฟิกฮ์โดยไม่มีข้อแม้ เป็น<br />
ปราชญ์ร็อบบานีย์แห่งประชาชาติโดยมติเอกฉันท์ เป็นปราชญ์<br />
นักวินิจฉัยในยุคนั้น เป็นปราชญ์ระดับแนวหน้าในยุคสมัยนั้น<br />
ท่านมีความแตกฉานในฟิกฮ์มัซฮับชาฟิอีย์ แตกฉานเกี่ยวกับวิชา<br />
รากฐานนิติศาสตร์อิสลาม(อุศูลฟิกฮ์) วิชาขัดแย้งระหว่างปวง<br />
ปราชญ์ วิชาหลักการโต้แย้ง วิชาตรรกศาสตร์ และท่านได้อ่าน<br />
เกี่ยวกับปรัชญาพร้อมเข้าใจคำพูดของพวกเขาและทำการตอบโต้<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์เป็นบุคคลที่มีความฉลาดอย่างมาก มีพลัง<br />
ในความเข้าใจ มีความฉลาดเฉียบแหลม และลึกซึ้งในบรรดาความ<br />
หมายทางวิชาการ” 33<br />
ท่านอิหม่ามอะบุลอับบาส อัลมุรซีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าว<br />
ถึงท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ว่า “แท้จริงเราขอยืนยันอย่างมั่นใจว่า<br />
32 อิบนุกะษีร, อัลบิดายะฮ์วันนิฮายะฮ์, (เบรุต: มักตะบะฮ์อัลมะอาริฟ, ค.ศ. 1990/<br />
ฮ.ศ. 1410), เล่ม 12, หน้า 173-174.<br />
33 อัซซะฮะบีย์, ซิยัรอะลามอันนุบะลาอฺ, เล่ม 19, หน้า 335.
28<br />
قواعد العقائد<br />
ท่านอิหม่ามฆ่อซาลีย์นั้นอยู่ในตำแหน่ง ซิดดีกียะฮ์อัลอุซมา (การ<br />
เป็นผู้สัจจริงที่ยิ่งใหญ่)” 34<br />
แต่มีอุลามาอฺส่วนน้อยที่ทำการวิจารณ์อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์<br />
ซึ่งมิใช่เป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด เนื่องจากอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์<br />
เป็นผู้รู้ที่ยิ ่งใหญ่และผู้รู้นั้นมิได้มีเงื่อนไขว่าต้องปราศจากความ<br />
ผิดพลาด 35 แต่คุณงามความดีของอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ที่มีต่อ<br />
ประชาชาติอิสลามนั้นมากมายดังมหาสมุทรย่อมมาลบล้างความ<br />
ผิดพลาดอันเล็กน้อยที่อาจจะเกิดขึ้นกับท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์<br />
ได้นั่นเอง<br />
อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์กับการปฏิรูปสังคม<br />
ต้องยอมรับความจริงว่า สังคมมุสลิมปัจจุบันอยู่ท่ามกลางพหุ<br />
อะกีดะฮ์หรือพหุหลักความเชื่อ และมีองค์กรมุสลิมพยายามปฏิรูป<br />
สังคมมุสลิมโดยใช้สโลแกนต่างๆ มากมายท่ามกลางความหลาก<br />
หลายทางอะกีดะฮ์และไม่ให้ความสนใจเกี่ยวกับการบ่มเพาะและ<br />
ขัดเกลาหัวใจที่เป็นเสมือนวิญญาณของศาสนาอิสลาม จึงทำให้ดู<br />
เหมือนว่าเป็นเรือนร่างที่ไร้ชีวิต ดังนั้นผู้เขียนคิดว่าสมควรนำเสนอ<br />
เกี่ยวกับการปฏิรูปสังคมของท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์พอสังเขป<br />
เพื่อให้ท่านผู้อ่านสามารถมองเห็นโครงสร้างการปฏิรูปสังคมแบบ<br />
องค์รวมและเรียงลำดับความสำคัญ<br />
อนึ่ง ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์นั้นอยู่ในยุคที่สังคมเสื่อมถอย<br />
เพราะเต็มไปด้วยบรรดาแนวคิดบิดเบือนต่างๆ มากมาย ดังนั้น<br />
34 อิบนุอะฏออิลลาฮฺ, ละฏออิฟุลมินัน, ตะห์กีก: ดร.อับดุลหะลีม มะหฺมู้ด, พิมพ์ครั้งที่<br />
2 (อัลกอฮิเราะฮ์: ดารุลมะอาริฟ, ม.ป.ป), หน้า 97.<br />
35 อัซซะฮะบีย์, ซิยัรอะลามอันนุบะลาอฺ, เล่ม 19, หน้า 339.
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
29<br />
ท่านจึงมีความต้องการที่จะแบกรับภารกิจในการฟื้นฟูและปฏิรูป<br />
สังคมในขณะที่พวกครูเสดกำลังวางแผนที่จะโจมตีโลกอิสลาม<br />
เนื่องจากอาณาจักรอับบาซียะฮ์ (ค.ศ. 750-1517) นั้นกำลัง<br />
อ่อนแอ ดังนั้นท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์จึงต้องการเตรียมพร้อม<br />
ที่จะเยียวยารากเหง้าของปัญหาและบรรดาสาเหตุของโรคที่คืบ<br />
คลานเข้ามาในเรือนร่างของประชาชาติอิสลาม หมายถึง ในขณะ<br />
นั้นบรรดามุสลิมต่างแตกแยกเป็นหลายกลุ่ม จึงต้องหาทางแก้<br />
ปัญหาให้บรรดามุสลิมมีแนวคิดและการเมืองที่เป็นเอกภาพ ซึ่ง<br />
ทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยการกลับไปสู่อิสลามฉบับดั้งเดิม<br />
ท่านอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวสั่งเสียแก่ไพร่พลทหารของ<br />
ท่านว่า “หากพวกเราไม่ชนะศัตรูด้วยความดีงามของเรา แน่นอน<br />
พวกเราก็ไม่สามารถชนะศัตรูด้วยกำลังของพวกเราได้หรอก และ<br />
พวกท่านอย่าพูดว่า ศัตรูของพวกเรานั้นเลวกว่าพวกเราจึงไม่<br />
สามารถพิชิตพวกเราได้หรอก เพราะบางครั้งชนกลุ่มหนึ่งอาจจะ<br />
ถูกคนชั่วปกครองเหมือนกับพวกบะนีอิสรออีลถูกปกครองในขณะ<br />
ที่พวกเขาได้กระทำการฝ่าฝืนอัลลอฮฺ” 36<br />
ด้วยมุมมองที่ล้ำลึกและความคิดที่ปราดเปรื่อง ท่านอิหม่าม<br />
อัลฆ่อซาลีย์เห็นว่า การปฏิรูปสังคมนั้นต้องอยู่บนรากฐานสี่<br />
ประการ คือ มีอีหม่านหรือหลักอะกีดะฮ์ที่ถูกต้อง มีความรู้ มีการบ่ม<br />
เพาะขัดเกลาหัวใจให้สะอาด และมีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิก<br />
ในสังคม เพื่อสามารถนำมาเป็นหลักประกันให้เกิดการปฏิรูป<br />
ในด้านอื่นๆ ของสังคมตามมาได้ และท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์<br />
ถือว่าหลักอะกีดะฮ์ที่ถูกต้องและหลักตะเซาวุฟที่จะมาขัดเกลา<br />
36 อัสอัด อัลค่อฏีบ, อัลบุฏูละฮ์วัลฟิดาอฺ อินดะอัศศูฟียะฮ์ (ดิมัชก์: ดารุลฟิกร์), หน้า<br />
168.
ّ<br />
ي ِ<br />
ّ<br />
ي ِ<br />
30<br />
قواعد العقائد<br />
หัวใจให้สะอาดนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อสังคมโดยไม่มีสิ่งใดที่จะมา<br />
แทนที่ได้ เนื่องจากอัลลอฮฺทรงตรัสสัจธรรมดังกล่าวไว้ว่า<br />
ُ مَ ا بِ َ ق وْ مٍ حَ تَّ يُغَ ُ وا مَ ا أَنْفُ سِ ِ مْ<br />
ِب<br />
َ يُغَ <br />
َّ َ ل<br />
إِنَّ الل<br />
“แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่เปลี่ยนแปลงชนกลุ่มหนึ่งจนกว่า<br />
พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที ่อยู่ในจิตใจของพวกเขาเอง”<br />
[อัรเราะอฺดุ้: 11]<br />
ดังนั้นท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ ได้ทำการประพันธ์ตำราอิหฺยาอ์<br />
อุลูมิดดีนขึ้นมาเพื่อปฏิรูปสังคมและประชาชาติอิสลามในยุคนั้น<br />
ด้วยรากฐานสี่ประการด้วยกัน:<br />
1. รากฐานของอีหม่านหรืออะกีดะฮ์ที่ถูกต้อง<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์มองว่า หลักอีหม่านหรือหลักอะกีดะฮ์<br />
คือเป้าหมายแรกในการพัฒนาจิตใจและปฏิรูปสังคม เพราะวิถี<br />
ของจิตใจของคนและสังคมนั้นจะสะท้อนออกมาจากหลักอะกีดะฮ์<br />
ดังนั้นเป้าหมายแรกในการปฏิรูปสังคมก็คือ การสอนและศึกษา<br />
เรียนรู้เกี่ยวกับหลักอะกีดะฮ์และทำการปกป้องหลักอะกีดะฮ์ใน<br />
ขณะเดียวกันด้วย ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้กล่าวว่า “ดังกล่าว<br />
ก็เพื่อรักษาไว้ซึ่งอะกีดะฮ์อะฮฺลิซซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์และป้องกัน<br />
จากการก่อกวนของพวกอะกีดะฮ์บิดอะฮ์” 37 ดังนั้นหากสังคมถูก<br />
ก่อกวนด้วยหลักอะกีดะฮ์ที่บิดอะฮ์ ก็จะทำให้เกิดความวุ่นวาย<br />
และขาดความเสถียรภาพ ส่งผลให้เกิดความถดถอยในการปฏิบัติ<br />
อิบาดะฮ์ เพราะหลักอะกีดะฮ์เป็นรากฐานของอิบาดะฮ์ เมื่อหลัก<br />
อะกีดะฮ์มีความถูกต้อง ก็จะทำให้อีหม่านมีความเข้มแข็ง ซึ่งจะ<br />
37 อัลฆ่อซาลีย์, อัลมุนกิซฺ มินัฎฎ่อล้าล, หน้า 116.
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
31<br />
เป็นสื่อทำให้อิบาดะฮ์มีความเข้มแข็งเช่นเดียวกัน<br />
2. รากฐานวิชาความรู้<br />
อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์มีความเห็นว่า ความรู้เป็นรากฐานของ<br />
สังคม และผู้มีความรู้จะเป็นผู้มีบทบาทในการขับเคลื่อนรากฐาน<br />
ดังกล่าว ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้กล่าวว่า “ท่านอัลหะซัน<br />
อัลบัศรีย์กล่าวว่า หากไม่มีบรรดาผู้รู้ แน่นอนบรรดาผู้คนทั้ง<br />
หลายก็เป็นเสมือนกับปศุสัตว์ หมายถึง บรรดาผู้รู้จะทำการสอน<br />
ผู้คนทั้งหลายเพื่อให้พวกเขาออกจากลักษณะของปศุสัตว์ไปสู่<br />
ความเป็นมนุษย์” 38 ดังนั้นผู้รู้จึงเป็นนายแพทย์ที่คอยทำหน้าที่<br />
เยียวยาผู้คนทั ้งหลายให้อยู่ในหลักการของศาสนา ขจัดโรคของ<br />
การฝ่าฝืนอัลลอฮฺ และโรคหลงดุนยาให้หมดไปจากผู้คนในสังคม<br />
แต่หากบรรดาผู้มีความรู้กลับเป็นโรคเสียเอง ก็จะทำให้เกิดความ<br />
ระส่ำระสายในสังคม ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้กล่าวว่า “บรรดา<br />
นายแพทย์นั้น ก็คือบรรดาผู้รู้ ซึ่งพวกเขาในยุคสมัยนี้มีโรคที่เจ็บ<br />
ป่วยอย่างรุนแรงที่พวกเขาไม่สามารถเยียวยาได้ จนกระทั่งพวกเขา<br />
จำเป็นต้องสร้างความหลงผิดให้แก่ผู้คนทั้งหลายและชี้แนะพวก<br />
เขาด้วยสิ่งที่ทำให้เพิ่มโรค นั่นก็คือโรคหลงดุนยา ซึ่งโรคนี้ได้มา<br />
ครอบงำบรรดานายแพทย์เสียเองจนกระทั่งไม่สามารถตักเตือน<br />
ให้ผู้คนระมัดระวังได้...ด้วยสาเหตุนี้ จึงทำให้โรคได้แผ่คลุมผู้คน<br />
ทั้งหลาย” 39<br />
ดังนั้น สิ่งดังกล่าวจะทำให้เกิดผลที่เป็นอันตรายตามมาสอง<br />
ประการ คือ<br />
38 อัลฆ่อซาลีย์, อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน, เล่ม 1, หน้า 19.<br />
39 เรื่องเดียวกัน, เล่ม 4, หน้า 45.
32<br />
قواعد العقائد<br />
1. บรรดาผู้รู้มีความหวั่นกลัวเกี่ยวกับผลประโยชน์เรื่องดุนยา จึง<br />
จำเป็นต้องประจบประแจงผู้คนทั้งหลายและไม่ยอมกำชับให้<br />
กระทำความดีงามหรือยับยั้งจากการกระทำความชั่ว<br />
2. พวกเขามีความบกพร่องในการทำความดีงามพร้อมกับกระทำ<br />
การฝ่าฝืนและกระทำสิ่งที่น่ารังเกียจเสียเองเนื่องจากมีความ<br />
ลุ่มหลงในเรื่องของดุนยา<br />
ดังนั้น การปฏิรูปและเยียวยาสังคมจึงต้องมีผู้รู้ที่ร็อบบานีย์<br />
(ผู้มีจิตผูกพันอยู่กับอัลลอฮฺ) มิใช่ผู้รู้ดุนยะวีย์(ผู้ที่หลงดุนยา) ซึ่งใน<br />
ปัจจุบันเราจะเห็นว่า บรรดาผู้รู้หรือผู้เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อน<br />
การศึกษาศาสนานั้นจะมีดุนยาเข้ามาเกี่ยวข้อง จนกระทั่งทำให้<br />
ความรู้ศาสนาถดถอยลงไป เราจะสังเกตได้ว่า สถาบันปอเนาะใน<br />
อดีตนั้นสามารถผลิตผู้รู้ได้อย่างมากมายแต่ปัจจุบันกลับน้อยลง<br />
มาก นั่นก็เพราะว่าดุนยามาเปลี่ยนวิถีในการขับเคลื่อนการทำงาน<br />
ศาสนาของพวกเขาและขาดการบ่มเพาะขัดเกลาหัวใจ<br />
3. รากฐานการบ่มเพาะและชำระหัวใจให้มีความสะอาด<br />
อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์เห็นว่า การขัดเกลาหัวใจให้สะอาดนั้นเป็น<br />
รากฐานหนึ่งในการสร้างสังคม เนื่องจากสังคมที่ดีนั้นจะดำรงอยู่<br />
ไม่ได้นอกจากต้องมีสมาชิกในสังคมที่เป็นคนดีมีคุณธรรม และ<br />
ความมีคุณธรรมจะไม่เกิดขึ้นนอกจากด้วยการมีหัวใจที่ดีและ<br />
ขัดเกลาจิตใจให้สะอาด<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์จึงตัดสินว่า การขัดเกลาหัวใจให้<br />
สะอาดนั้นเป็นฟัรดูอีนที่มีความจำเป็นบนผู้บรรลุศาสนภาวะทุก<br />
คน ท่านได้กล่าวว่า “การเยียวยา(โรคหัวใจ)ประเภทนี้ คือสิ่งที่<br />
จำเป็นสำหรับทุกคนที่มีสติปัญญาที่จะต้องศึกษาร่ำเรียน เนื่องจาก
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
33<br />
หัวใจนั้นจะไม่พ้นจากโรคทั้งหลาย ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ ก็จะทำให้<br />
โรคเพิ่มทวีคูณและเกิดขึ้นอย่างต่อเนื ่องจนกระทั่งแพร่หลาย” 40<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์จึงให้คำนิยาม การขัดเกลาจิตใจ ว่า<br />
“เป็นการขัดเกลาหัวใจให้สะอาดจากสิ่งที่อัลลอฮฺไม่ทรงรักและ<br />
ประดับประดาหัวใจด้วยกับสิ่งที่พระองค์ทรงรัก” 41 ดังนั้นการ<br />
ขัดเกลาหัวใจนี้จึงเป็นครึ่งหนึ่งของอีหม่าน ที่ท่านร่อซูลุลลอฮฺ<br />
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า<br />
ُّهُ وْ رُ<br />
ا َ لط<br />
ي َ انِ<br />
ْرُ ا إلِ ْ<br />
َ شط<br />
“ความสะอาด เป็นครึ่งหนึ่งของอีหม่าน” 42<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์มิได้เข้าใจเป้าหมายหะดีษบทนี้<br />
เพียงแค่การทำความสะอาดร่างกายทางภายนอกโดยการรด<br />
ด้วยน้ำพร้อมกับปล่อยให้หัวใจมีความเสื่อมโทรมและคงอยู่กับ<br />
คุณลักษณะที่สกปรกและโสมมทั ้งหลาย แต่อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์<br />
เข้าใจว่าเป้าหมายของความสะอาดในหะดีษบทนี้ ครอบคลุมถึงสี่<br />
ระดับด้วยกัน<br />
1. อวัยวะภายนอกสะอาดจากหะดัษ 43 และสิ่งที่สกปรกทั้งหลาย<br />
2. บรรดาอวัยวะสะอาดจากการกระทำบาปต่างๆ<br />
3. หัวใจสะอาดจากคุณลักษณะที่น่าตำหนิ<br />
4. จิตสะอาดจากสิ่งอื่นจากอัลลอฮฺ ซึ่งเป็นความสะอาดของ<br />
40 อัลฆ่อซาลีย์, อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน, เล่ม 3, หน้า 45.<br />
41 อัลฆ่อซาลีย์, อัลอัรบะอีน ฟีอุศูลิดดีน, หน้า 135.<br />
42 รายงานโดยมุสลิม, หะดีษเลขที่ 556.<br />
43 การมีญุนุบและการไม่มีน้ำละหมาด เป็นต้น.
34<br />
قواعد العقائد<br />
บรรดานะบีย์และเหล่าผู้สัจจริง 44<br />
ดังนั้นการละหมาดจึงใช้ไม่ได้เว้นแต่ต้องมีความสะอาดทาง<br />
อวัยวะภายนอก และบรรดาอวัยวะภายนอกจะไม่มีความจำเริญ<br />
ด้วยมารยาทที่ดีงามเว้นแต่บรรดาอวัยวะต้องสะอาดจากการ<br />
กระทำบาปทั้งหลาย และหัวใจจะยังไม่ถูกประดับประดาด้วย<br />
ความตักวาเว้นแต่ต้องขัดเกลาหัวใจให้สะอาดจากลักษณะที่<br />
น่าตำหนิเสียก่อน และความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺจะไม่<br />
เกิดขึ้นที่หัวใจนอกจากจิตใจต้องสะอาดจากสิ่งอื่นจากอัลลอฮฺ<br />
4. รากฐานการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม<br />
การสร้างสังคมที่ดีนั้น ต้องการการปฏิสัมพันธ์ที่มีความหลาก<br />
หลาย เพื่อให้สมาชิกในสังคมนั้นเป็นประภาคารที่ยึดเหนี่ยวซึ่งกัน<br />
และกันอย่างมั่นคง ซึ่งการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมุสลิมในสังคมที่ท่าน<br />
อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้กล่าวไว้แบบพอสังเขปนั้น มีดังนี้<br />
• มีการตักเตือนซึ่งกันและกัน<br />
การปฏิสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องมุสลิมนั้น คือการสร้างความ<br />
ผูกพันเนื่องจากความเป็นพี่น้องในศาสนาของอัลลอฮฺ ดังนั้น<br />
การตักเตือนซึ่งกันและกันจึงเป็นปรากฏการณ์แรกในการสร้าง<br />
สัมพันธไมตรีต่อกัน<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ ได้กล่าวถ่ายทอดคำพูดของท่าน<br />
ซุลนูน อัลมิศรีย์ว่า “ท่านอย่าเป็นมิตรกับอัลลอฮฺนอกจากด้วยการ<br />
ปฏิบัติตามสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งใช้ และท่านอย่าเป็นมิตรกับผู้คน<br />
ทั้งหลายนอกจากด้วยการตักเตือนซึ่งกันและกัน และท่านอย่า<br />
44 อัลฆ่อซาลีย์, อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน, เล่ม 1, หน้า 126.
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
35<br />
เป็นมิตรกับอารมณ์ใฝ่ต่ำนอกจากด้วยการขัดแย้งกับมันและอย่า<br />
เป็นมิตรกับชัยฏอนเว้นแต่ด้วยการเป็นศัตรูกับมัน” 45<br />
ดังนั้นวิถีทางนี้จึงมิได้เป็นสิ่งที่จะมาสร้างความรังเกียจให้เกิด<br />
ขึ้นในหัวใจ แต่เป็นการแสดงถึงความเมตตาและรักห่วงซึ่งกันและ<br />
กัน ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้กล่าวว่า “ผู้ที่เตือนให้รู้ถึงข้อตำหนิ<br />
ที่มีอยู่ที่ท่านเพื่อจะให้ท่านบริสุทธิ์จากมันนั้น เขาก็เปรียบเสมือน<br />
กับผู้ที่บอกให้ท่านรู้ว่ามีงูและแมลงป่องอยู่ที่ชายผ้าของท่านซึ่ง<br />
มันกำลังจะทำให้ท่านเกิดอันตราย ดังนั้นหากท่านรังเกียจการ<br />
ตักเตือนดังกล่าว ก็ช่างเป็นความโง่เขลาสำหรับท่านเหลือเกิน” 46<br />
การตักเตือนนั้นไม่สมควรทำการเปิดเผยความลับของคนอื่น<br />
แต่ให้ทำการปกปิดเอาไว้ และหากต้องการตักเตือนอย่างเปิดเผย<br />
ก็จำเป็นต้องตักเตือนอย่างนิ่มนวล ซึ่งบางครั้งอาจจะพูดตักเตือน<br />
แบบอ้อมๆ และบางครั้งพูดตักเตือนแบบชัดเจนโดยให้อยู่ใน<br />
ขอบเขตที่ไม่ทำให้เกิดความรังเกียจและตัดขาดสัมพันธ์ต่อกัน ท่าน<br />
อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้กล่าวว่า “การพูดตำหนิติเตือนในที่ลับนั้น<br />
ย่อมดีกว่าการตัดขาดสัมพันธ์ การพูดตักเตือนแบบอ้อมๆ ย่อมดี<br />
กว่าการพูดแบบชัดเจน และการเขียนตักเตือนย่อมดีกว่าการพูด<br />
โดยตรง” 47<br />
อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้ถ่ายทอดคำพูดของอิหม่ามอัชชาฟิอีย์<br />
ความว่า “ผู้ใดพูดตักเตือนพี่น้องของเขาในที่ลับ แท้จริงเขาได้<br />
ตักเตือนด้วยความหวังดีและต้องการให้เขาได้รับความดีงาม และ<br />
ผู้ใดพูดตักเตือนในที่เปิดเผย แท้จริงเขาได้ทำการเปิดโปงและสร้าง<br />
45 อัลฆ่อซาลีย์, อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน, เล่ม 2, หน้า 163.<br />
46 เรื่องเดียวกัน, หน้า 164.<br />
47 เรื่องเดียวกัน, หน้าเดียวกัน.
36<br />
قواعد العقائد<br />
ความอับอายแก่พี่น้องของเขา” 48<br />
• สร้างความรักกลมเกลียวต่อกัน<br />
บางครั้งเราต้องพูดตักเตือนพี่น้อง แต่บางครั้งก็สมควรหยุดนิ่ง<br />
หมายถึง หยุดนิ่งจากการกล่าวถึงข้อตำหนิของพี่น้องทั้งต่อหน้า<br />
และลับหลัง โดยให้แกล้งทำเป็นไม่รู้ นิ่งเฉยจากการสืบเสาะหา<br />
ข้อตำหนิของพี่น้องในสิ่งที่เขาไม่ชอบ ปกปิดความลับต่างๆ ที่ได้<br />
ถูกแพร่งพรายมายังเขาและอย่าเปิดเผยให้คนอื่นได้รับรู้ และให้<br />
หยุดนิ่งจากการตำหนิเกี่ยวกับบรรดาเพื่อนรัก ครอบครัว และลูกๆ<br />
ของเขา และหยุดนิ่งจากการบอกเล่าคำพูดของคนอื่นที่มาตำหนิ<br />
เกี่ยวกับพวกเขา 49<br />
พยายามแสวงหาสิ่งที่มาสร้างความรักกลมเกลียวต่อกัน เช่น<br />
การบอกรักกับพี่น้องมุสลิม ดังที่ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ<br />
อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า<br />
ْيُ عْ<br />
َل<br />
ُ ْ أ لِ ْ ُ ه َّ ي إِ هُ َ َخاهُ ف<br />
َحَ بَّ ُ ك<br />
أ َحَ د إِذَ ا أ<br />
“เมื่อคนใดจากพวกท่านรักพี่น้องของเขา ดังนั้นเขาก็จง<br />
บอกให้เขาได้รู้เถิด” 50<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้อธิบายหะดีษนี้ว่า “ท่านร่อซูลุลลอฮฺ<br />
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้บอกให้เราทำการบอกรักผู้อื่น<br />
เพราะสิ่งดังกล่าวนั้นจะทำให้เพิ่มพูนความรัก เพราะเมื่อเขารู้ว่า<br />
48 อัลฆ่อซาลีย์, อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน, เล่ม 2, หน้า 163.<br />
49 ดู เรื่องเดียวกัน, หน้า 158.<br />
50 รายงานโดยอัตติรมีซีย์, หะดีษเลขที่ 2392, อัตติรมีซีย์, อัลญามิอฺอัศศ่อฮีหฺ สุนันอัต<br />
ติรมีซีย์, ตะห์กีก: มุฮัมมัด อะหฺมัด ชากิร (เบรุต: ดารุอิหฺยาอ์ อัตตุร็อษ อัลอะร่อบีย์),<br />
เล่ม 4, หน้า 599.
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
37<br />
ท่านรักเขา เขาก็จะรักท่านโดยธรรมชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น<br />
และเมื่อท่านรู้ว่าเขารักท่าน ท่านก็จะรักเขาเช่นเดียวกัน ดังนั้น<br />
ความรักก็จะยังคงเพิ่มพูนทั้งสองฝ่ายนั่นเอง” 51<br />
นอกจากนี้ ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ มีความเห็นว่า ความ<br />
บริสุทธิ์ใจในการเป็นมิตรสหายนั้น ย่อมมีความหมายที ่ครอบคลุม<br />
และสำคัญที่สุด ท่านได้กล่าวว่า “ความบริสุทธิ์ใจนั้น คือลับหลัง<br />
กับต่อหน้านั้นต้องเหมือนกัน ลิ้นกับใจต้องตรงกัน ที่ลับกับที่<br />
แจ้งต้องเท่ากัน และไม่ว่าจะอยู่ตามลำพังหรืออยู่เป็นกลุ่มก็เท่า<br />
กัน...เพราะสิทธิของความเป็นมิตรสหายนั้นเป็นสิ่งที่หนักอึ้ง ไม่มี<br />
ผู้ใดสามารถแบกรับได้หรอกเว้นแต่ผู้ที่จริงใจเท่านั้น ดังนั้นผล<br />
การตอบแทนของเขา(ที่มีความจริงใจนั้น)จะได้รับมากมายอย่าง<br />
แน่นอน ซึ่งจะไม่ได้รับมันนอกจากผู้ที่ได้รับการชี้นำจากอัลลอฮฺ<br />
เท่านั้น” 52<br />
ส่วนหนึ่งจากเครื่องหมายที่บ่งชี้ว่ามีความรักต่อพี่น้องมุสลิม<br />
ก็คือ การขอดุอาอ์ให้แก่เขาในขณะที่มีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตไป<br />
แล้ว ซึ่งท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้ถ่ายทอดคำพูดอิหม่ามมุฮัมมัด<br />
อัลอัศบะฮานีย์ เกี่ยวกับภาพลักษณ์ที่สวยงามของมิตรสหายที่<br />
เป็นมุอฺมิน ว่า “คนไหนกันที่จะเหมือนกับพี่น้องที่ศอลิหฺ? ในเมื่อ<br />
ครอบครัวท่านจะทำการแบ่งมรดกของท่านและพวกเขามีความสุข<br />
กับสิ่งที่ท่านได้ทิ้งไว้ข้างหลัง แต่มิตรสหายกลับมีความโศกเศร้า<br />
กับท่านอย่างเดียวดาย เขาจะให้ความสำคัญกับอดีตที่ท่านได้ทำ<br />
มาก่อนหน้าและสิ่งที่ท่านต้องประสบ(หลังความตาย) เขาจึงขอ<br />
51 อัลฆ่อซาลีย์, อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน, เล่ม 2, หน้า 162.<br />
52 เรื่องเดียวกัน, หน้า 163.
38<br />
قواعد العقائد<br />
ดุอาอ์ให้แก่ท่านในยามค่ำคืนในขณะที่ท่านอยู่ภายใต้ผืนดิน” 53<br />
• ผ่อนปรนและอะลุ่มอล่วยต่อกัน<br />
ความเป็นพี่น้องในอีหม่านเดียวกันนั้นจะอยู่ได้ด้วยการตัก<br />
เตือนซึ่งกันและกัน และการปฏิสัมพันธ์ระหว่างพี ่น้องนั้น จะทำให้<br />
เกิดความรักและความกลมเกลียวกัน ดังนั้นการคงมั่นไว้ซึ่งความ<br />
เป็นพี่น้องจะทำให้เกิดการผ่อนปรน อะลุ่มอล่วยต่อกัน อภัยให้กัน<br />
และมีความใจกว้างต่อกัน<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ ได้วางสองมาตรฐานไว้เพื่อให้บรรลุ<br />
ถึงความอะลุ่มอล่วยระหว่างพี่น้องมุสลิม คือ<br />
1. การตีความในแง่ดี มีจิตใจกว้าง พยายามหาทางออกที่จะให้<br />
อภัย ซึ่งท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้ถ่ายทอดคำพูดของนักปราชญ์<br />
ตะเซาวุฟบางส่วนไว้ว่า “สมควรให้ท่านทำการวิเคราะห์ความผิด<br />
พลาดของพี่น้องของท่านให้ถึงเจ็ดสิบทางออกเพื่อจะให้อภัย ดังนั้น<br />
หากหัวใจท่านไม่ตอบรับ ก็จงกลับมาตำหนิหัวใจของท่านโดย<br />
กล่าวกับหัวใจของท่านว่า เจ้าช่างแข็งกระด้างเหลือเกินที่พี่น้อง<br />
ของเจ้ามีเจ็ดสิบทางออกที่อภัยกันได้แต่เจ้าไม่ตอบรับ ฉะนั้นท่าน<br />
นั่นแหละคือผู้ถูกตำหนิมิใช่พี่น้องของท่าน” 54<br />
2. ตอบรับการขออภัยจากพี่น้องโดยไม่แสดงความรุนแรง<br />
เพราะหากไม่ตอบรับ แสดงว่าหัวใจยิ่งทวีคูณความแข็งกระด้าง<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้ตอกย้ำความหมายของการปฏิรูป<br />
สังคมด้วยการผ่อนปรนและอะลุ่มอล่วยว่า คนกระทำชั ่วนั้นเมื่อ<br />
53 อัลฆ่อซาลีย์, อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน, เล่ม 2, หน้า 167.<br />
54 เรื่องเดียวกัน, หน้า 166.
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
39<br />
ได้อยู่ร่วมกับคนที่มีความยำเกรง(ตักวา)นั้น คนกระทำชั่วก็จะ<br />
พิจารณามองไปยังความกลัวของเขาที่มีต่ออัลลอฮฺและมองไปยัง<br />
การปฏิบัติของเขา ดังกล่าวจะทำให้มีอิทธิพลกับคนกระทำชั่วและ<br />
ทำให้เขามีความละอายต่อการกระทำบาป ด้วยเหตุนี้ อิหม่าม<br />
อัลฆ่อซาลีย์จึงมีความเห็นว่า ไม่ควรห้ามผู้มีความยำเกรงอยู่ร่วม<br />
กับคนกระทำชั่วและไม่ควรสร้างความแตกแยกระหว่างพี่น้อง<br />
มุสลิมด้วยสาเหตุดังกล่าว แต่ให้แสดงความนิ่มนวลอะลุ่มอล่วยแก่<br />
เขาเท่าที่สามารถกระทำได้ ซึ่งท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้อ้างอิง<br />
หลักฐานจากคำพูดของท่านอะบูอัดดัรดาอฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ55<br />
ความว่า “เมื่อพี่น้องของท่านเปลี่ยนไปจากสิ่งที่เขาเคยเป็นอยู่<br />
ดังนั้นท่านก็อย่าละทิ้งเขาเพราะสาเหตุดังกล่าว เนื ่องจากพี่น้อง<br />
ของท่านนั้นบางครั้งเขาอาจจะงอแต่บางครั้งเขาจะตรง” 56<br />
อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ยังหยิบยกอายะฮ์อัลกุรอานเพื่อมา<br />
สนับสนุนทัศนะของท่านว่า ความรังเกียจที่อัลลอฮฺสั่งใช้นั้น<br />
เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของคนชั่วไม่ใช่ตัวตนของคนชั่ว เนื่องจาก<br />
55 แต่ท่านอะบูซัรริน อัลฆิฟารีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ มีทัศนะว่า ให้ตัดขาดจากคนที่ฝ่าฝืน<br />
โดยท่านอะบูซัรริน ได้กล่าวว่า “เมื่อพี่น้องของท่านเปลี่ยนไปจากสิ่งที่เขาเคยเป็นอยู่<br />
ท่านก็จงโกรธเขาเหมือนกับที่ท่านเคยรักเขา” หมายถึง รักเพื่ออัลลอฮฺและโกรธเพื่อ<br />
อัลลอฮฺ, ดู อัลฆ่อซาลีย์, อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน, เล่ม 2, หน้า 164. ส่วนตัวผู้เขียนมีความเห็นว่า<br />
การอยู่ร่วมเป็นมิตรสหายของพวกอะกีดะฮ์บิดอะฮ์ที่ไม่สามารถเยียวยาได้นั้น การหลีก<br />
ห่างย่อมเป็นสิ่งที่ดียิ่งกว่า เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายแก่เรา ซึ่งท่านอัลบัรบะฮารีย์<br />
ได้กล่าวว่า “อุปมาพวกอะกีดะฮ์บิดอะฮ์นั้นอุปมัยดังแมลงป่องที่หัวและร่างกายของมัน<br />
ฝังอยู่ในดิน เมื่อพวกมันมีความสามารถ พวกมันก็จะต่อย เช่นเดียวกันกับพวกบิดอะฮ์<br />
ซึ่งพวกเขาซ่อนอำพรางตนเองท่ามกลางผู้คนทั้งหลาย เมื่อพวกเขามีความศักยภาพ<br />
พวกเขาก็ลงมือทำให้ลุล่วงกับสิ่งที่พวกเขาต้องการ” อิบนุอะบียะอฺลา, ฏ่อบะก้อตอัล<br />
หะนาบิละฮ์, ตะห์กีก: มุฮัมมัด ฮามิด อัลฟิกกีย์, พิมพ์ครั้งที่ 2 (เบรุต: ดารุลมะอฺริฟะฮ์),<br />
เล่ม 2, หน้า 44.<br />
56 อัลฆ่อซาลีย์, อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน, เล่ม 2, หน้า 164.
نّ<br />
40<br />
قواعد العقائد<br />
อัลลอฮฺตะอาลาทรงตรัสว่า<br />
َعْ مَ لُونَ<br />
ب ِيءٌ مِ َّا ت<br />
َ صَ وْ َ ف ُ ْ ل إِ ِ ي َ<br />
فَإِ ن ْ ع<br />
“หากพวกเขาฝ่าฝืนเจ้า ก็จงกล่าวเถิดแท้จริงฉันขอปลีกตัว<br />
ให้พ้นจากสิ่งที่พวกท่านปฏิบัติกันอยู่”[อัชชุอะรออฺ: 216]<br />
อัลลอฮฺมิทรงใช้ให้กล่าวว่า แท้จริงขอปลีกตัวให้พ้นจากพวก<br />
ท่าน นั่นก็เพื่อรักษาเอาไว้ซึ่งสิทธิของเครือญาติและวงศ์ตระกูล 57<br />
• การอุปถัมภ์ซึ่งกันและกัน<br />
การอุปถัมภ์และช่วยเหลือซึ่งกันและกันนั้น เป็นข้อพิสูจน์ถึง<br />
ความจริงใจในความเป็นพี่น้องมุสลิม ซึ่งท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์<br />
มิได้จำกัดเพียงแค่การอุปถัมภ์ในด้านทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยัง<br />
รวมไปถึงจิตสำนึกในภาระหน้าที่และความรับผิดชอบในการ<br />
ปลดเปลื้องความทุกข์ร้อนของพี่น้องมุสลิม ไม่ว่าความทุกข์ร้อน<br />
นั้นจะมากหรือน้อยก็ตาม<br />
อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้ถ่ายทอดแบบอย่างของสะลัฟศอลิหฺบาง<br />
ส่วนไว้ว่า “สะลัฟนั้น มีผู้ที่คอยสอดส่องดูแลครอบครัวและลูกๆ<br />
ของพี่น้องของเขาที่เสียชีวิตไปแล้วถึงสี่สิบปี เขาได้ปลดเปลื้อง<br />
ความทุกข์ร้อนของพวกเขา ในทุกวันเขาจะคอยแวะเวียนไปหา<br />
พวกเขาและให้ค่าเลี้ยงดูจากทรัพย์สินของเขา ดังนั้นพวกเขาจึง<br />
ไม่เคยขาด(ผู้ทำหน้าที่แทน)พ่อเว้นแต่ขาดตัวตนของพ่อ(ที่เสียชีวิต<br />
ไปแล้ว)เท่านั้นเอง...และมีสะลัฟบางส่วนได้เดินแวะเวียนไปมาที่<br />
ประตูบ้านพี่น้องของเขาและถามว่า ท่านยังมีน้ำมันพอไหม ท่าน<br />
ยังมีเกลือพอไหม และท่านมีความเดือดร้อนอะไรให้ช่วยไหม? 58<br />
57 อัลฆ่อซาลีย์, อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน, เล่ม 2, หน้า 165.<br />
58 เรื่องเดียวกัน, หน้า 157.<br />
َق ك
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
41<br />
บทสรุปคือ สมควรให้ความทุกข์ร้อนของพี่น้องมุสลิมนั้น<br />
เหมือนกับความทุกข์ร้อนของท่านหรือสำคัญยิ่งกว่าความทุกข์<br />
ร้อนของท่านนั่นเอง<br />
• การเชื่อมสัมพันธไมตรี<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์มีความเห็นว่า การเชื่อมสัมพันธไมตรี<br />
ระหว่างพี่น้องมุสลิมและการอยู่ร่วมเป็นมิตรสหายที่ดีงามกับ<br />
พวกเขานั้น ถือว่าเป็นรุกุ่น(องค์ประกอบหลัก)ของศาสนาที่จะขาด<br />
เสียมิได้ เพราะศาสนาคือการเดินทางไปสู่อัลลอฮฺ และองค์ประกอบ<br />
หลักของการเดินทางนั้นต้องอยู่ร่วมเป็นมิตรสหายที่ดีงามกับ<br />
บรรดามิตรสหายผู้ร่วมเดินทาง 59<br />
การอยู่ร่วมกันนั้น ศาสนาได้แบ่งเอาไว้หลายระดับด้วยกันใน<br />
ด้านของการแสดงถึงความรักและการปฏิบัติ อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์<br />
ได้กล่าวว่า “ผู้คนทั้งหมดจะอยู่ร่วมปะปนกับคนอื่น ดังนั้นการ<br />
อยู่ร่วมกันนั้นต้องมีมารยาท และมารยาทต้องอยู่ตามระดับสิทธิ<br />
ของเขาที่พึงได้รับ และสิทธิของเขาที่พึงได้รับนั้นก็จะได้รับตาม<br />
ระดับของความผูกพัน” 60 ซึ่งครอบคลุมถึงสิทธิของเครือญาติ<br />
สิทธิของพ่อแม่ที่มีต่อลูก สิทธิของลูกที่มีต่อพ่อแม่ สิทธิของสามี<br />
ภรรยา สิทธิของเพื่อนบ้าน และสิทธิต่อพี่น้องมุสลิมทั่วไป การ<br />
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเหล่านี้จะทำให้ความเป็นพี่น้องมุสลิม<br />
มีความมั่นคง และทำให้สังคมอิสลามมีความสมบูรณ์ เข้มแข็ง และ<br />
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน<br />
นี่ก็คือบรรดารากฐานในการปฏิรูปและสร้างสังคมที่ดี ซึ่งเป็น<br />
รากฐานที่ต้องเริ่มจากคนคนเดียวก่อนเหมือนกับอิฐก้อนหนึ่งที่วาง<br />
59 อัลฆ่อซาลีย์, อัลบัรบะอีน ฟิอุศูลิดดีน, หน้า 104.<br />
60 อัลฆ่อซาลีย์, อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน, เล่ม 2, หน้า 173.
42<br />
قواعد العقائد<br />
รากฐานในสังคม หลังจากนั้นก็จะสรรสร้างผู้คนทั้งหลายให้มีความ<br />
เข้มแข็งและมีคุณธรรมให้อยู่ในสังคมที่ดีและมีคุณธรรม<br />
ความเป็นมาของตำราก่อวาอิดุลอะกออิด<br />
ตำรา “ก่อวาอิดุลอะกออิด” อะกีดะฮ์ของท่านอิหม่าม<br />
อัลฆ่อซาลีย์คือบรรดาหลักความเชื่อต่างๆ ของอะกีดะฮ์อะฮฺลิซ<br />
ซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ที่ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้ประพันธ์ไว้ และ<br />
ท่านก็นำตำราเล่มนี้เข้าไปบรรจุไว้ในตำรา “อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน” ที่<br />
โด่งดังของท่าน 61 ท่านอิบนุอิม้าดได้กล่าวว่า “ในปี ฮ.ศ. 488 นั้น<br />
ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้เริ่มเดินทางไปยังดิมัชก์เพื่อทำอิบาดะฮ์<br />
ฝึกฝนตนเอง และขัดเกลาหัวใจด้วยการหมั่นในการซิกรุลลอฮฺและ<br />
เริ่มประพันธ์หนังสืออิหฺยาอ์อุลูมิดดีน ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์อยู่<br />
ที่นั่นสองปี” 62<br />
ตำราอะกีดะฮ์ของท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์เล่มนี้ ท่านได้<br />
ประพันธ์ในขณะที่ออกเดินทางไปเพื่อบ่มเพาะ ฝึกฝน และขัดเกลา<br />
จิตวิญญาณให้บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นหลักอะกีดะฮ์พื้นฐานในการเดินทาง<br />
เข้าหาอัลลอฮฺตะอาลา ดังนั้นหลักอะกีดะฮ์ที่ถูกต้องจึงเป็นผล<br />
ทำให้แนวทางของตะเซาวุฟมีความถูกต้องเช่นเดียวกัน<br />
ท่านอิหม่ามอิบนุอะซากิร ได้กล่าวรายงานไว้ในตำรา ตับยีน<br />
กัษบิลมุฟตะรี อะลา อะบิลหะซันอัลอัชอะรีย์ ความว่า “ฉันได้ยิน<br />
ท่านอิหม่ามอะบุลกอเซ็ม สะอัด บิน อะลีย์ บิน อะบิลก่อซัม บิน<br />
อะบีฮุร็อยเราะฮ์ อัลอิสฟิรอยินีย์ อัชชาฟิอีย์ ณ เมืองดิมัชก์ เขา<br />
ได้กล่าวว่า ฉันได้ยินอิหม่ามอะบุลฟัตหฺ บิน นะหฺฮาม บิน อามิร<br />
61 ดู อัลฆ่อซาลีย์, อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน, เล่ม 1, หน้า 88-91.<br />
62 อิบนุอิม้าด, ชะษะร้อตอัซซะฮับ, เล่ม 5, หน้า 371.
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
43<br />
อัลอะร่อบีย์ อัซซาวีย์ ณ นครมักกะฮ์ ได้กล่าวว่า ฉันได้เข้าไปที่<br />
มัสยิดอัลหะรอมในวันอาทิตย์ช่วงเวลาระหว่างซุฮ์ริกับอัสริในวันที่<br />
14 เดือนเชาวาล ปี ฮ.ศ. 545 ฉันมีอาการเจ็บขาและเวียนศีรษะ<br />
โดยไม่สามารถที ่จะยืนหรือนั่งได้... และฉันก็หาสถานที่เพื่อนอน<br />
พักสักครู่หนึ่ง แล้วฉันจึงเห็นประตูบ้านของกลุ่มคนที่ใช้เป็นที่พัก<br />
ของคนเดินทาง ณ ประตูอัลหะซูเราะฮ์(ที่มัสยิดอัลหะรอม)เปิด<br />
อยู่ ฉันจึงมุ่งเดินไปและผ่านเข้าไปทางประตูนั้น และฉันก็นอน<br />
ตะแคงขวาอยู่ข้างหน้ากะอฺบะฮ์โดยมือของฉันเท้าแก้มเอาไว้เพื่อ<br />
ไม่ให้นอนหลับเพราะเกรงว่าจะเสียน้ำละหมาด จึงมีชายคนหนึ่ง<br />
ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามาจากพวกบิดอะฮ์ได้เข้ามาและทำการปูสถานที่<br />
ละหมาดของเขาบนประตูบ้านดังกล่าวและเขาก็นำแผ่นหินออก<br />
มาจากกระเป๋าเสื้อซึ่งบนแผ่นหินนั้นจะมีรอยเขียนอยู่ด้วย แล้วเขา<br />
ทำการจูบมันและเอาไปวางข้างหน้า แล้วทำการละหมาดใช้เวลา<br />
นานโดยปล่อยมือทั้งสองข้างตามธรรมเนียมของพวกเขา เขาจะ<br />
ทำการสุญูดบนแผ่นหินนั้นทุกครั้ง เมื่อเสร็จสิ้นจากละหมาด เขาก็<br />
ทำการสุญูดบนแผ่นหินนั้น เขาสุญูดนาน และเขาก็ให้แก้มของเขา<br />
ทั้งสองข้างถูบนแผ่นหินนั้น แล้วเขาก็วิงวอนขอดุอาอ์ หลังจากนั้น<br />
เขาก็เงยศีรษะขึ้นมา แล้วทำการจูบแผ่นหินนั้นและนำมันมาวาง<br />
ประกบไว้บนสองตา หลังจากนั้นเขาก็จูบแผ่นหินเป็นครั้งที่สอง<br />
และนำเข้าไว้ในกระเป๋าเสื้อดังเดิม ดังนั้นทุกครั้งที่ฉันเห็นเขาฉัน<br />
จะรังเกียจการกระทำดังกล่าว ฉันจึงพูดในใจว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ<br />
น่าจะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางพวกเขาเพื่อจะได้บอกพวกเขาถึงการ<br />
กระทำที่ไม่ดีและสิ่งบิดอะฮ์ที่พวกเขาดำเนินอยู่ ในขณะที่กำลังคิด<br />
ในใจอยู่นี้ ฉันก็พยายามฝืนไม่ให้หลับเพื่อไม่ให้เสียน้ำละหมาด ใน<br />
ขณะนั้นฉันรู้สึกง่วงนอนมากเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น แล้วฉันก็เห็น
44<br />
قواعد العقائد<br />
ลานกว้างซึ่งมีผู้คนยืนอยู่มากมายและในมือทุกคนจะมีตำราเล่ม<br />
หนึ่งโดยที่พวกเขาทั้งหมดได้ยืนล้อมบุรุษคนหนึ ่ง ฉันจึงถามเกี่ยว<br />
กับพวกเขาและผู้ที่อยู่ในวง พวกเขากล่าวว่า เขาคือร่อซูลุลลอฮฺ<br />
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และพวกเขาเหล่านั้นก็คือบรรดา<br />
เจ้าของมัซฮับต่างๆ พวกเขาต้องการที่จะอ่านแนวทางและ<br />
อะกีดะฮ์ของพวกเขาให้ท่านร่อซูลุลลอฮฺฟังและให้ท่าน<br />
ร่อซูลุลลอฮฺแก้ไขให้ถูกต้อง ขณะดังกล่าวนั้นฉันจึงมองไปยังกลุ่ม<br />
ชนดังกล่าว ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งที่ยืนล้อมวงอยู่ได้เดินออกมา<br />
โดยในมือถือตำราอยู่เล่มหนึ่ง จึงถูกกล่าวขึ้นว่า นี่คืออัชชาฟิอีย์<br />
(ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) แล้วก็เดินเข้ามากลางวงและให้สะลามกับท่าน<br />
ร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ฉันเห็นท่านร่อซูลุลลอฮฺ<br />
มีความงดงามและสมบูรณ์โดยสวมเสื้อผ้าสีขาวสะอาดทั้งผ้าโพก<br />
สาระบั่น เสื้อข้างใน และเสื้ออื่นๆ ในชุดของชาวตะเซาวุฟ แล้วท่าน<br />
ร่อซูลุลลอฮฺก็รับสะลามและกล่าวต้อนรับ แล้วอิหม่ามอัชชาฟิอีย์<br />
ก็นั่งลงข้างหน้าท่านร่อซูลุลลอฮฺและทำการอ่านตำราเกี่ยวกับ<br />
มัซฮับและหลักอะกีดะฮ์ของท่าน หลังจากนั้นก็มีชายอีกคนหนึ่ง<br />
เข้ามา ถูกเรียกชื่อว่า อะบูหะนีฟะฮ์ (ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) ซึ่งในมือ<br />
ของเขามีตำราเล่มหนึ่ง แล้วก็ทำการให้สะลามและนั่งข้างอิหม่าม<br />
อัชชาฟิอีย์และทำการอ่านตำราเกี่ยวกับมัซฮับและหลักอะกีดะฮ์<br />
ของเขา หลังจากนั้นเจ้าของทุกมัซฮับเข้ามาทีละคนจนกระทั่งไม่<br />
เหลือผู้ใดเว้นแต่ส่วนน้อยเท่านั้น ซึ่งทุกคนจะทำการอ่านตำราและ<br />
นั่งข้างคนอื่นๆ เมื่อพวกเขาได้เสร็จสิ้นเรียบร้อย ก็มีชายคนหนึ่ง<br />
จากพวกบิดอะฮ์ที่มีฉายาว่า อัรรอฟิเฎาะฮ์ ได้เข้ามาโดยในมือมี<br />
แผ่นกระดาษ ในนั้นได้กล่าวถึงอะกีดะฮ์ของพวกเขาที่เสียหาย<br />
และเขาก็ตั้งใจจะเข้ามาในวงและทำการอ่านให้ร่อซูลุลลอฮฺฟัง จึง
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
45<br />
มีชายคนหนึ่งที่อยู่พร้อมกับท่านร่อซูลลอฮฺได้ออกมาขัดขวางเขา<br />
ไว้และเอาแผ่นกระดาษในมือของเขาโยนทิ้งไปนอกวงและขับไล่<br />
เขาออกไป<br />
เมื่อฉันเห็นกลุ่มชนเหล่านั้นได้อ่านเสร็จเรียบร้อยโดยไม่หลง<br />
เหลือคนใดอยู่เลย ฉันจึงก้าวมาข้างหน้าเล็กน้อยโดยในมือของ<br />
ฉันมีตำราเล่มหนึ่ง แล้วฉันก็กล่าวว่า โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ตำรา<br />
เล่มนี้คือหลักยึดมั่นของฉันและเป็นหลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิซซุนนะฮ์<br />
หากท่านอนุญาตให้ฉันอ่าน ฉันก็จะอ่านให้ท่านฟัง ดังนั้นท่าน<br />
ร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงกล่าวว่า ตำรานี้คือ<br />
ตำราอะไร? ฉันตอบว่า โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮฺ มันคือตำราก่อวาอิดุล<br />
อะกออิดที่อัลฆ่อซาลีย์ได้ประพันธ์ไว้ ดังนั้นท่านร่อซูลุลลอฮฺจึง<br />
อนุญาตให้ฉันอ่าน ฉันจึงนั่งและเริ่มอ่าน: “บิสมิลลาฮิรเราะหฺมา<br />
นิรร่อฮีม นี่คือตำรา ก่อวาอิดุลอะกออิดในการอธิบายถึงอะกีดะฮ์<br />
อะฮฺลิซซุนนะฮ์เกี่ยวกับสองกะลิมะฮ์ชะฮาดะฮ์ที่เป็นหนึ่งใน<br />
โครงสร้างของศาสนาอิสลาม...จนกระทั่งถึง...แท้จริงอัลลอฮฺทรง<br />
แต่งตั้งท่านนะบีย์ ผู้อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ เป็นคนในตระกูลกุเรช<br />
นามว่ามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม พร้อมกับสารจาก<br />
อัลลอฮฺสู่ชาวอาหรับ ผู้ไม่ใช่อาหรับ ญิน และมนุษย์ทั้งหมด...” เมื่อ<br />
ฉันอ่านถึงตรงนี้ ฉันจึงเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มและรอยยิ้มบนใบหน้า<br />
ของท่าน ขณะที่ฉันได้อ่านไปถึงคุณลักษณะของท่านนั้น ท่าน<br />
ร่อซูลุลลอฮฺจึงหันมายังฉันและกล่าวว่า อัลฆ่อซาลีย์อยู่ไหน ทัน<br />
ใดนั้นอัลฆ่อซาลีย์ก็ถูกเชิญมายืนอยู่ในวงต่อหน้าท่านร่อซูลุลลอฮฺ<br />
แล้วกล่าวว่า โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ฉันนี่แหละคืออัลฆ่อซาลีย์ และ<br />
ก้าวเท้าเข้ามาและสะลามกับท่านร่อซูลุลลอฮฺ แล้วท่านร่อซูลุลลอฮฺ<br />
ก็ตอบรับสะลาม และเขาก็จับมืออันมีเกียรติของท่านร่อซูลุลลอฮฺ
46<br />
قواعد العقائد<br />
พร้อมจูบมือและเอาสองแก้มาวางบนมือของท่านร่อซูลุลลอฮฺ<br />
เพื่อเอาบะร่อกะฮ์จากท่านร่อซูลุลลอฮฺและจากมืออันมีเกียรตินั้น<br />
ต่อมาอัลฆ่อซาลีย์ก็นั่งลง ดังนั้นฉันไม่เคยเห็นท่านร่อซูลุลลอฮฺ<br />
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะมีความเบิกบานแจ่มใสกับการ<br />
อ่านของคนหนึ่งคนใดที่จะมากไปกว่าฉันได้อ่านตำราก่อวาอิดุล<br />
อะกออิดให้ท่านร่อซูลุลลอฮฺฟัง<br />
หลังจากนั้นฉันก็ตื่นในสภาพที่สองตาของฉันมีร่องรอยของ<br />
น้ำตาจากสิ่งที่ฉันได้ฝันเห็น ซึ่งมันเป็นนิอฺมัตที่ยิ่งใหญ่จากอัลลอฮฺ<br />
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสุดท้ายที่มีแนวทางที่ตามอารมณ์มากมาย<br />
ดังนั้นเราวอนขอต่ออัลลอฮฺตะอาลาโปรดประทานให้เรามีความ<br />
มั่นคงบนหลักอะกีดะฮ์ของผู้อยู่ในสัจธรรมด้วยเถิด ขอให้พระองค์<br />
ทรงทำให้เรามีชีวิตและให้เราตายบนหลักอะกีดะฮ์ดังกล่าว และ<br />
ทรงทำให้เราฟื้นคืนชีพมาพร้อมกับพวกเขา พร้อมกับบรรดานะบีย์<br />
บรรดาร่อซูล บรรดาผู้สัจจริง บรรดาคนตายชะฮีด และเหล่าผู้<br />
มีคุณธรรม และพวกเขาได้อยู่ร่วมอย่างสวยงาม (ในสวรรค์ชั้น<br />
สูงสุด) ด้วยเถิด แท้จริงพระองค์นั้นคู่ควรยิ่งในการประทานความ<br />
โปรดปรานและผู้ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ ่ง 63<br />
ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า “ฝัน<br />
ดีมาจากอัลลอฮฺ” 64 ดังนั้นความฝันที่ดีข้างต้นบ่งชี้ว่า ตำราก่อวา<br />
อิดุลอะกออิด เป็นตำราที่อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้ทำการอธิบายอะ<br />
กีดะฮ์อะฮฺลิซซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ซึ่งเป็นหลักอะกีดะฮ์แนวทาง<br />
ผู้อยู่ในสัจธรรมนั่นเอง<br />
63 อิบนุอะซากิร, ตับยีนกัษบิลมุฟตะรี, หน้า 226-231.<br />
64 รายงานโดยอัลบุคอรีย์, หะดีษเลขที่ 6594. อัลบุคอรีย์, ศ่อฮีหฺอัลบุคอรีย์, เล่ม 6,<br />
หน้า 2568.
كتاب<br />
قواعد العقائد<br />
لحجة اإلسالم اإلمام الغزايل<br />
ตำรา ก่อวาอิดุลอะกออิด
ْ<br />
ي ِ<br />
َت<br />
ي<br />
َ<br />
ن ت<br />
ف<br />
ب<br />
48<br />
ِ َ ك السشَّ َ َ اد ةِ<br />
َّةِ ْ ِ<br />
: ُ<br />
قواعد العقائد<br />
ِ هللاِ الرَّ حْ نِ الرَّ حِ <br />
بِسْ<br />
َوَاعِ دِ ال ْعَ ق تَ ْحجَ َةِ عَ قِ يْ َ د ةِ أ ْ َه لِ السُّ ن<br />
كِ تَابُ ق<br />
َن ِ هللِ التَّ وْ فِ يْ ق<br />
َ أَحَ ُ د مَ بَ ِ ي ا ا إلِ سْ الَمِ ، ف<br />
ِ يْ الَّ هِ ي<br />
ْ ُ عِ يْ دِ ، ال َ ْف عَّ الِ لِ َ ا <br />
ْ ُ بْ دِ ىءِ ال<br />
ْ َمْ ُ د هللِ ال<br />
ا<br />
ف<br />
ِ ي<br />
ِ ُ يْد ...،<br />
ُ<br />
ي<br />
ْ<br />
َ ائِدِ ِ ي<br />
َ ُ ق ُ وْل وَ <br />
َ ل<br />
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงกรุณาปรานีเสมอ<br />
นี่คือตำรา ก่อวาอิดุลอะกออิด ในการอธิบายถึงอะกีดะฮ์อะฮฺลิซ<br />
ซุนนะฮ์เกี่ยวกับสองกะลิมะฮ์ชะฮาดะฮ์ที่เป็นหนึ่งในโครงสร้าง<br />
ของศาสนาอิสลาม ดังนั้น ด้วยอัลลอฮฺเท่านั้นผู้ทรงชี้นำ เรา 1 ขอ<br />
กล่าวว่า:<br />
[ศิฟัตอัลวุญูด-อัลลอฮฺทรงมี]<br />
มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้ทรงทำให้<br />
สรรพสิ่งทั้งหลายปรากฏมีขึ ้นมา 2 ผู้ทรงทำให้ทุกสิ่งหวนกลับไป 3<br />
ผู้ทรงกระทำอย่างลุล่วงกับสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์4<br />
1 คือท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์.<br />
2 เนื่องจากอัลลอฮฺทรงมี ดังนั้นพระองค์ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายให้ปรากฏมีขึ้นมา<br />
เพื่อบ่งชี้ถึงการมีอยู่ของอัลลอฮฺผู้ทรงสร้างนั่นเอง.<br />
3 หมายถึง สิ่งถูกสร้างทั้งหลายจะหวนกลับไปพึ่งพาพระองค์เพื่อให้มันดำรงอยู่ได้ต่อ<br />
ไปหรือพระองค์ทรงทำให้หวนกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกในวันกิยามะฮ์. ดู ซัรรู้ก, ชัรหฺ<br />
อะกีดะฮ์อัลอิมามอัลฆ่อซาลีย์, ตะห์กีก: มุฮัมมัด อับดุลกอดิร อันนัศศ้อร, พิมพ์ครั้งที่ 1<br />
(ไคโร: ดาร่อตุลกุรซฺ, ค.ศ. 2007/ฮ.ศ. 1427), หน้า 33-34.<br />
4 โดยพระองค์ไม่ถูกกีดกัน ไม่มีการลังเล ไม่มีการหยุดกระทำเพื่อขอความช่วยเหลือ<br />
จากผู้อื่น และไม่มีความอ่อนแอ ดังนั้นเมื่อพระองค์ทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์ทำให้<br />
บังเกิดขึ้นมาทันที. เรื่องเดียวกัน, หน้า 34.
َ<br />
يْ<br />
ب<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
َ<br />
َ ال ْعَ بِ يْ دِ إِل<br />
49<br />
ْ َ ادِ يْ صَ ْ ف وَ ة<br />
َّ الش دِ يْدِ ، ال<br />
ْشِ<br />
ْ َ جِ يْ دِ وَ الْبَ ط<br />
... ذِ ي الْعَ رْ شِ ال<br />
َّ الت وْ حِ يْ دِ<br />
َكِ السَّ دِ يْدِ ، ال ْ عِ مِ ع ِ مْ بَ عْ َ د شَ َ ادَ ةِ<br />
ِ نْ َج الرَّ شِ يْ دِ وَ ال<br />
ال<br />
ِ ِ ب رَ اسَ ةِ عَ َ قائِدِ هِ ْ َ ع نْ ظ ْ َّش كِ يْ كِ وَ تَّ ْ ال دِ يْدِ ، السَّ الِكِ <br />
ِ ِ مْ إِل<br />
َ<br />
ْ ُ ن َ ل<br />
ُ َ اتِ الت<br />
ُ ل<br />
ْ َ سْ ل<br />
َ ْ<br />
ผู้ทรงสร้างอะรัช(บัลลังก์)ที่มีเกียรติ5 ผู้ทรงจัดการอย่างเฉียบขาด 6<br />
ผู้ทรงชี้นำบรรดาปวงบ่าว 7 ที่ถูกเลือกเฟ้น 8 ให้ไปสู่แนวทางที่เที่ยง<br />
ตรงและหนทางที่ถูกต้อง 9 ผู้ทรงประทานนิอฺมัตแก่พวกเขาหลัง<br />
จาก(กล่าวถ้อยคำ)ชะฮาดะฮ์เตาฮีดแล้ว 10 ด้วยการ(ประทานอีก<br />
นิอฺมัตหนึ่งในการ)ปกปักษ์รักษาหลักอะกีดะฮ์ของพวกเขาให้พ้น<br />
จากความมืดมน 11 ของการสร้างความสงสัยและลังเล ผู้ทรงชักนำ<br />
พวกเขาไปสู่...<br />
5 อะรัชหรือบัลลังก์เป็นสิ่งถูกสร้างที่ใหญ่ที่สุดครอบจักรวาล ถูกสร้างจากนูรรัศมี ซึ่ง<br />
ไม่มีผู้ใดรู้ถึงแก่นแท้ของมันได้นอกจากอัลลอฮฺเท่านั้น. อัลบาญูรีย์, ตุหฺฟะตุลมุรี้ด,<br />
ตะห์กีก: อะลีย์ญุมุอะฮ์, พิมพ์ครั้งที่ 1 (ไคโร: ดารุสลาม, ค.ศ. 2002/ฮ.ศ. 1422), หน้า<br />
296. และพระองค์ทรงสร้างบัลลังก์เพื ่อแสดงถึงความเดชานุภาพและความยิ่งใหญ่ของ<br />
พระองค์ มิใช่สร้างเพื่อมานั่ง ประทับ สถิต และอาศัยอยู่แต่อย่างใด.<br />
6 ด้วยการลงโทษผู้อธรรมทั้งหลาย.<br />
7 ชี้นำปวงบ่าวด้วยการประทานคำสั่งใช้ที่เป็นความดีงามให้พวกเขานำไปปฏิบัติและ<br />
สร้างพลังอีหม่านให้เกิดขึ้นแก่พวกเขา. ดู ซัรรู้ก, ชัรหฺอะกีดะฮ์อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์,<br />
หน้า 36.<br />
8 หมายถึงพวกเราถูกอัลลอฮฺทรงเลือกให้เป็นผู้ที่มีอีหม่านต่อพระองค์เพราะยังมีมนุษย์<br />
อีกมากมายที่ปฏิเสธต่ออัลลอฮฺ.<br />
9 ด้วยการทำให้มีความแน่นแฟ้นในการรู้จักอย่างลึกซึ้ง ผูกพัน และมั่นคงอยู่กับอัลลอฮฺ<br />
หลังจากที่เขาได้มีอีหม่านต่อพระองค์เป็นเบื้องต้นแล้ว.<br />
10 หมายถึง ทรงประทานนิอฺมัตให้พวกเขาได้รับอิสลามและยอมรับในกะลิมะฮ์เตาฮีด<br />
“อัชฮะดุ อัลลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ วะ อัชฮะดุ อันนะ มุฮัมมะดัรร่อซูลุลลอฮฺ”<br />
11 หมายถึง ความคลุมเครือ. มุรตะฎออัซซะบีดีย์, อิตห้าฟอัซซาดะฮ์อัลมุตตะกีน<br />
(เบรุต: มุอัซซะซะฮ์อัตตารีคอัลอะร่อบีย์, ค.ศ. 1994/ฮ.ศ. 1414), เล่ม 2, หน้า 18.
َق<br />
ف<br />
شَ<br />
بِ<br />
ي<br />
ت<br />
ب ي<br />
50<br />
ْ نَ ِ لتَّأ<br />
ْرَمِ<br />
ْ ُ ك<br />
ُ َ ا<br />
َّ ْ رِ ك<br />
َ ْ بِهِ ال ْ رَمِ <br />
قواعد العقائد<br />
ْيِيْدِ<br />
َاءِ آ َرِ ث ص أَ ك ْ نَ ال<br />
ْ ُ صْ طفَ َ وَاقْتِف<br />
رَسُ وْلِ ِ ال<br />
َ لَ يُد<br />
ي ل ِ ي ذَ اتِهِ وَ أ َ حَ اسِ نِ أ وْ صَ افِ هِ الِ ي<br />
وَ الت َّسْ دِ يْدِ ، ال َ جَ لِّ<br />
َل السَّ مْ عَ وَ هُ وَ ِ يْ د<br />
إِلَّ مَ نْ أ<br />
َ ف ْعَ الِ ِ <br />
. ٌ<br />
َ ُ مْ <br />
<br />
ْ ُ ت<br />
ْ<br />
إِتْبَاع<br />
ِ<br />
...การเจริญรอยตามร่อซูลของพระองค์ที่ถูกคัดเลือก [ศ็อลลัลลอฮุ<br />
อะลัยฮิวะซัลลัม] และตามร่องรอยต่างๆ ของศ่อฮาบะฮ์ผู้ที่มี<br />
เกียรติที่สุด 12 ทั้งยังได้รับเกียรติด้วยการช่วยเหลือจากอัลลอฮฺและ<br />
ได้รับการชี้นำจากพระองค์ ผู้ทรงสำแดงให้ปรากฏเกิดขึ้นแก่(หัวใจ<br />
ของ)พวกเขา(ในการอีหม่านอย่างมั่นคงและรู้จัก)เกี่ยวกับซาตของ<br />
พระองค์13 และบรรดาการกระทำ 14 ของพระองค์ด้วย(การบ่งชี้<br />
และรู้จักถึง)ความงดงามของบรรดาคุณลักษณะ(คือบรรดาศิฟัต)<br />
ของพระองค์ที่ไม่มีผู้ใดตระหนักรู้มันได้นอกจากผู้ที่สดับฟังโดยที่<br />
เขานั้นมีหัวใจประจักษ์อย่างชัดแจ้ง 15<br />
12 ศ่อฮาบะฮ์มีเกียรติที่สุดหลังจากท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เนื่องจาก<br />
อัลลอฮฺตะอาลาทรงประทานนิอฺมัตให้พวกเขาอยู่ร่วม เป็นมิตรสหาย ทำการช่วยเหลือ<br />
ศาสนาของอัลลอฮฺ ปกปักษ์รักษาศาสนาของพระองค์ และส่งต่อคำสอนต่างๆ ไปยัง<br />
ประชาชาติของท่านนะบีย์ พร้อมกับมีความเคร่งครัดในการฏออัตภักดีต่ออัลลอฮฺและ<br />
เสียสละทุ่มเทชีวิตเพื่อสิ่งดังกล่าวทั้งหมด. ซัรรู้ก, ชัรหฺอะกีดะฮ์อิมามอัลฆ่อซาลีย์, หน้า<br />
40.<br />
13 หมายถึง รู้จักว่าซาตของอัลลอฮฺนั้นมีคุณลักษณะต่างๆ ที่วิจิตรงดงามและยิ่งใหญ่<br />
ส่วนคำว่าซาตนั้น หมายถึง แก่นแท้(การมีอยู่)ของอัลลอฮฺ.<br />
14 หมายถึงการสรรสร้างของพระองค์ในจักรวาลแห่งนี้.<br />
15 ประจักษ์แจ้งในหัวใจของพวกเขาโดยปราศจากความลังเลและสงสัย.
َ<br />
ي<br />
شَ<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
َ ُ ، ص َ َ د ٌ لَ<br />
ل<br />
َ َ<br />
َرْ ٌ د ل مَ ثِيْ ل<br />
َ ُ ، ف<br />
َ يْك ل<br />
ٌ ل ِ<br />
... ، ُ َ<br />
ُ وَ احِ ٌ د َ ق دِ يْ ٌ لَ َ أ وَّ َ ل ل<br />
ศิฟัตซัลบียะฮ์16<br />
51<br />
ف ْ ذَ اتِهِ وَ احِ د<br />
َّه ِ ي<br />
َن<br />
ِفِ إِ<br />
ْ ُ عَ رّ<br />
َل<br />
ا<br />
َّه<br />
َ د َ نِ د<br />
ضِ د رِ<br />
ُ ْ أ ُ <br />
َّ ه<br />
َ ُ . وَ َ أن<br />
َ ُ ، مُ ْ نف ٌ ل َّ ل<br />
َّ ل<br />
[ศิฟัตอัลวะหฺดานียะฮ์-ทรงหนึ ่งเดียว]<br />
(อัลลอฮฺ)ผู้ทรงทำให้พวกเขารู้จักเกี่ยวกับซาตของพระองค์ว่า<br />
แท้จริงพระองค์นั้นหนึ่งเดียวไม่มีภาคีใดๆ ให้กับพระองค์ อีกทั้ง<br />
พระองค์ทรงหนึ่งเดียวไม่มีผู้ใดมาเสมอเหมือนพระองค์17 ทรงเป็น<br />
ที่พึ่งพาไม่มีผู้เป็นปรปักษ์ให้กับพระองค์18 ทรงหนึ่งเดียวไม่มีผู้ใด<br />
มาเสมอเหมือนเทียบเท่ากับพระองค์<br />
[ศิฟัตอัลกิดัม-ทรงเดิม]<br />
แท้จริงอัลลอฮฺทรงหนึ่งเดียวที่ทรงมีมาตั้งแต่เดิมโดยไม่มีจุดเริ่มต้น<br />
16 ศิฟัตซัลบียะฮ์ คือ ศิฟัตเชิงปฏิเสธ หมายถึง ปฏิเสธคุณลักษณะที่ไม่บังควรสำหรับ<br />
อัลลอฮฺ เช่น ปฏิเสธการมีจุดเริ่มต้นของพระองค์ ปฏิเสธการดับสูญของพระองค์<br />
ปฏิเสธการคล้ายเหมือนระหว่างอัลลอฮฺกับสิ่งถูกสร้าง ปฏิเสธการที่อัลลอฮฺไปพึ่งพา<br />
อาศัยสิ่งอื่น และปฏิเสธการที่อัลลอฮฺมีจำนวนมากกว่าหนึ่ง.<br />
17 หมายถึง อัลลอฮฺทรงมีซาตเดียว ไม่ถูกประกอบขึ้นจากอวัยวะหลายส่วนแล้วมา<br />
ประกอบรวมกันเป็นซาต และไม่มีสิ่งใดจะมาเหมือนกับซาตพระองค์, อัลลอฮฺทรงหนึ่ง<br />
เดียวในด้านของศิฟัต คือ แต่ละศิฟัตของอัลลอฮฺนั้นมีหนึ่งเดียว เช่น อัลลอฮฺมีศิฟัต<br />
กุดเราะฮ์เดียวที่สร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย พระองค์มีศิฟัตอิลมุ้เดียวที่รอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง<br />
และไม่มีศิฟัตของผู้อื่นมาเหมือนกับศิฟัตของพระองค์ และอัลลอฮฺทรงหนึ่งเดียวใน<br />
การกระทำหรือสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ไม่มีผู้ใดมาช่วยเหลือในการบันดาลหรือสรรสร้าง<br />
สิ่งใดให้บังเกิดขึ้นมานอกจากอัลลอฮฺหนึ่งเดียวเท่านั้นผู้ทรงกระทำและบันดาลให้<br />
บังเกิดขึ้นมา. ดู อัลบาญูรีย์, ตะหฺกีกอัลมะกอม อะลากิฟายะตุลเอาวาม, พิมพ์ครั้งที่ 1<br />
(ไคโร: ดารุลบะศออิร, ค.ศ. 2015/ฮ.ศ. 1436), หน้า 95-100.<br />
18 หมายถึง อัลลอฮฺทรงเป็นที่พึ่งพาและทุกคนต้องมุ่งไปขอการพึ่งพาจากพระองค์<br />
โดยไม่มีผู้อื่นใดจากอัลลอฮฺมาเป็นคู่ปรปักษ์ที่ผู้คนทั้งหลายมุ่งขอการพึ่งพา. ดู ซัรรู้ก,<br />
ชัรหฺอะกีดะฮ์อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์, หน้า 42.
ي ي<br />
ئ<br />
ن<br />
<br />
52<br />
َ ُ . قَيُّ وْ مٌ<br />
َ ِ َ ايَةَ ل<br />
قواعد العقائد<br />
ْوُ جُ وْ دِ َ ل آخِ رَ ل<br />
َ ُ . مُ سْ َ ت مِ رُّ ال<br />
ي لَ بِ َ د َ ايَة ل<br />
َ لِ ٌّ<br />
ْصِ َ امَ ل<br />
َع<br />
ْقِ طا<br />
لَ ان<br />
ل ْ وَ ل مَ وْ صُ وْ ُ ً فا بِ نُ عُ وْ تِ الْ<br />
َ ُ ، أ َبَ دِ يٌّ ل<br />
جَالَلِ ،...<br />
. ُ َ<br />
... أَز<br />
َ ُ ، َ د ِ ٌ ا لَ ان<br />
َ ل<br />
َ ْ َ زَل َ َ زَال<br />
ผู้ทรงคงมีอยู่ตั้งแต่เดิมโดยไม่มีจุดเริ่มให้แก่พระองค์19<br />
[ศิฟัตอัลบะกออฺ-ทรงถาวร]<br />
พระองค์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องตลอดไปโดยไม่มีการสิ้นสุด ผู้ทรง<br />
มีตลอดไปโดยไม่มีจุดจบให้กับพระองค์20<br />
[ศิฟัตอัลกิยามุบินนัฟซิ-ทรงดำรงด้วยพระองค์เอง]<br />
พระองค์ทรงดำรงอยู่21 โดยไม่มีการขาดตอน ผู้ทรงมีเสมอไม่มีการ<br />
สิ้นสุด<br />
พระองค์ยังคงมี(บรรดาคุณลักษณะมาตั้งแต่เดิม)แล้ว และ<br />
ปัจจุบันยังคงมีคุณลักษณะ(ดำรงอยู่ที่พระองค์ตลอดไป)ด้วย<br />
บรรดาคุณลักษณะที่ยิ่งใหญ่22<br />
19 ดังนั้นโลกและจักรวาลแห่งนี้มิได้มีมาตั้งแต่เดิม แต่ล้วนมีจุดเริ่มต้นทั้งสิ้นด้วยการ<br />
สร้างของอัลลอฮฺให้บังเกิดขึ้นมา.<br />
20 เพราะสิ่งที่มีการสิ้นสุดและดับสูญสลายนั้น เป็นคุณลักษณะของสิ่งที่ถูกสร้างหรือ<br />
สิ่งที่บังเกิดขึ้นมาใหม่ แต่อัลลอฮฺทรงมีมาตั้งแต่เดิมโดยไม่มีจุดเริ่มต้น ดังนั้นจึงเป็นไป<br />
ไม่ได้ที่พระองค์จะทรงดับสูญ.<br />
21 หมายถึง อัลลอฮฺทรงดำรงอยู่โดยไม่พึ ่งพาอาศัยสิ่งใด ไม่พึ่งพาอาศัยฟากฟ้ามาเป็น<br />
สถานที่อยู่ ไม่ทรงพึ่งพาบัลลังก์มาเป็นสถานที่อาศัยอยู่ และพระองค์ทรงดำรงบริหาร<br />
จัดการสรรพสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลาย.<br />
22 หมายถึง อัลลอฮฺนั้นทรงมีคุณลักษณะที่ยิ่งใหญ่ กล่าวคือทรงมีมาตั้งแต่เดิมโดยไม่มี<br />
จุดเริ่มต้นและไม่ดับสูญสลาย ไม่ทรงคล้ายเหมือนสิ่งใด ทรงดำรงอยู่ด้วยพระองค์เอง<br />
โดยไม่พึ่งพาสิ่งใด และทรงหนึ่งเดียว ดังนั้นหากอัลลอฮฺเป็นสิ่งบังเกิดขึ้นมาใหม่ มีการ<br />
ดับสูญสลาย มีลักษณะเหมือนกับสิ่งถูกสร้าง พึ่งพาสิ่งอื่น และมีมากกว่าหนึ่ง แน่นอน<br />
ย่อมมิได้บ่งชี้ถึงความยิ่งใหญ่ที่แท้จริง. ดู มุรตะฎอ อัซซะบีดีย์, อิตห้าฟอัซซาดะฮ์<br />
อัลมุตตะกีน, เล่ม 2, หน้า 23.
ب<br />
ب<br />
ب<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
53<br />
ْقِ رَ اضِ<br />
ْفِ صَ الِ بِ َ ت صَ ُّ مِ آ ال َ دِ وَ ان<br />
... ل يُق ضَ عَ ل َيْ هِ ِ لِ نْقِ َ ضاءِ وَ الِ ن<br />
ءٍ ع<br />
ال جَ الِ ، بَ ل ُ وَ ال أَوَّ ُ ل وَ آ ال خِ رُ وَ َّ الظ اهِ رُ وَ الْبَ اطِ نُ وَ ُ ه وَ بِ ك يْ شَ<br />
آ<br />
َ لِ يْ ٌ<br />
ِّ ُ<br />
ٍ مُ صَ وَّ رٍ ، وَ لَ جَ وْ َ ه رٍ م ُ وْ دٍ مَ ق َ د َّ رٍ ،...<br />
َ ْ د<br />
َيْسَ ِ ِج سْ<br />
ُ ل<br />
ْ<br />
ه ْ<br />
)الديد: 3(.<br />
َّه ا َ َّ لت<br />
َن<br />
ِ نْ ز يْهُ : وَ أ<br />
พระองค์ไม่ถูกตัดสินให้มีการสิ้นสุดและดับสูญด้วยการสิ้นสุด<br />
ของกาลเวลา 23 แต่ “พระองค์ทรงแรกสุด(ไม่มีจุดเริ่มต้น) ทรง<br />
ท้ายสุด(ไม่ดับสูญ) ทรงปรากฏ 24 ทรงลี้ลับ 25 และพระองค์ทรงรอบรู้<br />
ทุกๆ สิ่ง” [อัลหะดีด: 3]<br />
[ศิฟัตอัลมุคอละฟะฮ์ ลิลหะวาดิษ-ทรงแตกต่างกับสิ่งบังเกิดใหม่]<br />
การยึดมั่นในความบริสุทธิ์26 ของอัลลอฮฺ: คือแท้จริงพระองค์ไม่<br />
เป็นรูปร่าง ไม่เป็นรูปทรง ไม่เป็นสสาร 27 ไม่มีขอบเขตและขนาด 28<br />
23 แต่มนุษย์ถูกอัลลอฮฺตะอาลากำหนดให้มีการสิ้นสุด ก็คือเวลาตายนั่นเอง.<br />
24 หมายถึง ทรงปรากฏให้เราได้รู้จักพระองค์ผ่านทางบรรดาศิฟัตและพระนามของ<br />
พระองค์ที่สำแดงผ่านทางบรรดาสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลาย.<br />
25 ลี้ลับโดยไม่สามารถเข้าถึงแก่นแท้ของอัลลอฮฺและศิฟัตของพระองค์ได้.<br />
26 หมายถึง อัลลอฮฺทรงบริสุทธิ์จากการมีสิ่งที่ไม่บังควรสำหรับความเป็นพระเจ้า<br />
บริสุทธิ์จากการไปเหมือนหรือคล้ายกับสิ่งถูกสร้าง ทรงบริสุทธิ์จากการเป็นรูปทรง<br />
เป็นรูปร่าง มีขอบเขต และมีขนาด เป็นต้น เพราะสิ่งดังกล่าวนั้นเป็นลักษณะของสิ่งถูก<br />
สร้างที่เป็นรูปร่าง และผลคล้อยตามจากการเป็นรูปร่างก็คือเป็นรูปทรง ดังนั้นอัลลอฮฺ<br />
ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งดังกล่าว. ดู ซัรรู้ก, ชัรหฺอะกีดะฮ์อัลฆ่อซาลีย์, หน้า 48, 52.<br />
27 สสาร คือ สิ่งที่ต้องการอาศัยอยู่ในที่ว่าง ผลคล้อยตามจากการอาศัยอยู่ในที่ว่าง คือ<br />
ถูกจำกัดขอบเขตและขนาด และเมื่อสสารมากกว่าหนึ่งขึ้นไปได้ประกอบกันขึ้นก็จะ<br />
เป็นรูปร่าง ซึ่งผลคล้อยตามจากการเป็นรูปร่างก็คือ การเป็นรูปทรง ดังนั้นอัลลอฮฺทรง<br />
บริสุทธิ์จากคุณลักษณะดังกล่าว. ดู ซัรรู้ก, ชัรหฺอะกีดะฮ์อัลฆ่อซาลีย์, หน้า 52.<br />
28 หมายถึง อัลลอฮฺมิได้เป็นรูปร่าง ไม่เป็นรูปทรงสัณฐาน จึงไม่มีลักษณะของขนาด<br />
เล็กและใหญ่ กว้างและยาว สูงและต่ำ เพราะสิ่งดังกล่าวเป็นลักษณะของสิ่งถูกสร้าง<br />
ไม่ใช่ลักษณะของอัลลอฮฺผู้ทรงสร้าง.
ُ<br />
ي<br />
ف ْ<br />
ُ<br />
ب<br />
ي<br />
شَ<br />
ي<br />
َ<br />
شَ<br />
ي<br />
ي<br />
ُ<br />
54<br />
قواعد العقائد<br />
ف<br />
ِ ي<br />
ْ قَبُوْلِ الِ نْقِ سَ امِ ، وَأَنَّهُ<br />
ْ<br />
تَ ْرَ ُ اض ، بَل<br />
أَع<br />
ُل<br />
َ<br />
ل<br />
ْ دِ ِ وَلَ <br />
ُّ ُ ال<br />
َ<br />
ِثْلِ ِ ْ ءٌ )الشورى: )11<br />
ْ أَجْ سَ امَ ، وَل َ <br />
ال<br />
َّه ... وَأَن ُ َ ل ُ َ اثِل ِ ي التَّق<br />
جَوَاهِ رُ ، وَلَ بِعَ رَضٍ وَل<br />
َيْسَ ك<br />
ُ ُ مَ وْجُ وْد<br />
ٌ: ل<br />
تَ ُّ ُ الْ<br />
َ ُل<br />
ً َ وَل ُ َ اثِل<br />
ِ جَوْ هَرٍ وَل<br />
مَ وْجُ وْدا<br />
ْل<br />
ُ ه وَ مِ ث<br />
ُ ْ ءٍ ،<br />
لَيْسَ <br />
ُ َ اثِل<br />
และแท้จริงพระองค์ไม่เหมือนกับรูปร่างทั้งหลาย ไม่มีขนาดและ<br />
ไม่รับการแบ่งส่วน 29 และแท้จริงพระองค์ไม่ใช่สสาร 30 และไม่มี<br />
บรรดาสสารใดเข้ามาอยู่กับอัลลอฮฺ และพระองค์ไม่ใช่คุณลักษณะ<br />
อุบัติ31 และไม่มีคุณลักษณะอุบัติใดเข้ามาอยู่ที่พระองค์32 ยิ่งกว่า<br />
นั้นพระองค์ทรงไม่เหมือนกับสิ่งที่มีและไม่มีสิ่งที ่มีใดนั้นเหมือน<br />
กับพระองค์ “ไม่มีสิ่งใดคล้ายเหมือนกับพระองค์” [อัชชูรอ: 11]<br />
และพระองค์ไม่เหมือนสิ่งใด 33 และไม่มีขนาดมาจำกัดพระองค์34<br />
29 หมายถึงการเป็นรูปร่างนั้นจะรับการมีสัดส่วนและถูกกำหนดให้มีขนาด เพราะการ<br />
ประกอบจากสัดส่วนต่างๆ และถูกกำหนดให้เป็นขนาดนั้น เป็นคุณลักษณะของสิ่ง<br />
ที่บังเกิดขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่เป็นไปไม่ได้สำหรับอัลลอฮฺตะอาลา. ซัรรู้ก,<br />
ชัรหฺอะกีดะฮ์อัลฆ่อซาลีย์, หน้า 52.<br />
30 เพราะสสารคือ สิ่งที่ต้องการที่ว่างเพื่ออาศัยอยู่ และหลายสสารรวมกันนั้นจะเป็น<br />
รูปร่าง.<br />
31 คุณลักษณะอุบัติ [ [ال َ “อะร็อฎ” คือลักษณะที่ต้องการอาศัยอยู่ที่สสารหรือรูปร่าง<br />
เช่น ลักษณะความใหญ่ เล็ก สูง ต่ำ กว้าง ยาว อ้วน ผอม หนา บาง การหยุดนิ่ง การ<br />
เคลื่อนไหว การง่วงนอน การหลับ การเคลื่อนย้าย การมีสีต่างๆ เป็นต้น ที่ต้องอาศัยอยู่<br />
ที่สสารหรือสิ่งที่เป็นรูปร่าง ดังนั้นอัลลอฮฺจึงไม่มีคุณลักษณะเช่นนั้น.<br />
32 ดังนั้นอัลลอฮฺทรงมีแน่นอนโดยไม่มีลักษณะใหญ่ ไม่เล็ก ไม่สูง ไม่ต่ำ ไม่สั้น ไม่ยาว<br />
ไม่หยุดนิ่ง ไม่เคลื่อนไหว ไม่เคลื่อนย้าย ไม่ง่วงนอน ไม่หลับ และไม่มีสี ณ ที่อัลลอฮฺ<br />
เพราะพระองค์มิใช่เป็นรูปร่าง และเราไม่สามารถรู้ถึงแก่นแท้ของอัลลอฮฺตะอาลาได้.<br />
33 อัลวาซิฏีย์กล่าวว่า “เว้นแต่สอดคล้องในด้านถ้อยคำเท่านั้น (เช่น อัลลอฮฺทรงรู้ เราก็<br />
รู้ อัลลอฮฺทรงเห็น เราก็เห็น และอัลลอฮฺทรงได้ยิน เราก็ได้ยิน ซึ่งเหมือนเพียงแค่ถ้อยคำ<br />
แปลแต่ไม่เหมือนในด้านความหมาย)” ซัรรู้ก, ชัรหฺอะกีดะฮ์อัลฆ่อซาลีย์, หน้า 55.<br />
34 เพราะอัลลอฮฺมิใช่เป็นรูปร่าง จึงเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะมีขนาด.<br />
ي<br />
وَ لَ<br />
ْعَ رَ ض
ُ<br />
ي<br />
ُت<br />
ج<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
َ<br />
وَل<br />
َ<br />
ِق ْ َ د ارُ . َ وَل <br />
َ ُ ُّ د هُ الْ<br />
ُ َ ل <br />
55<br />
َّه<br />
وَ أَن<br />
ْط َارُ ، وَل<br />
أَق<br />
تَ ْ وِ يْهِ ال<br />
َ<br />
َل<br />
السَّ موَات ُ . وَأَنَّهُ مُسْ تَوٍ ع<br />
ِ هَ ات<br />
ِ يْ ُ ط بِهِ الْ<br />
َ<br />
َل<br />
الْعَرْشِ ع<br />
الْوَجْ هِ<br />
َ<br />
وَل<br />
َكْتَنِفُهُ<br />
ت<br />
ال أَرْضُ وْنَ<br />
[ปฏิเสธการมีสถานที่ให้กับอัลลอฮฺ]<br />
ไม่มีอาณาเขตมาห้อมล้อมอัลลอฮฺ และไม่มีบรรดาทิศ(ทั้งหก)<br />
มาห้อมล้อมพระองค์35 และไม่มีบรรดาแผ่นฟ้าและแผ่นดินมา<br />
ครอบล้อมพระองค์36<br />
[ความหมายการอิสติวาอฺของอัลลอฮฺเหนือบัลลังก์]<br />
แท้จริงอัลลอฮฺทรงอิสติวาอฺ37 เหนือบัลลังก์ตามหนทางที่พระองค์<br />
35 ทิศทั้งหกคือ บน ล่าง ซ้าย ขวา หน้า และหลัง เพราะทิศเหล่านี้เป็นสิ่งที่บังเกิดขึ้น<br />
มาใหม่ ดังนั้นอัลลอฮฺจึงไม่อยู่ในบรรดาสิ่งที่บังเกิดขึ้นมาใหม่.<br />
36 แม้กระทั ่งอะรัช(บัลลังก์)ก็มิได้มาครอบล้อมอัลลอฮฺไว้ ดังนั้นหากมีบางกลุ่มกล่าว<br />
ว่า อัลลอฮฺลงมาจากบัลลังก์สู่ฟ้าชั้นที่หนึ่งแบบเคลื่อนย้ายลงมานั้น ก็แสดงว่าอัลลอฮฺ<br />
เคลื่อนย้ายลงมาอยู่ใต้บัลลังก์และอยู่ในฟ้าชั้นเจ็ด ชั้นหก ชั้นห้า ชั้นสี่ ชั้นสาม ชั้นสอง<br />
และชั้นที่หนึ่ง –ขอต่ออัลลอฮฺให้เราพ้นจากหลักความเชื่อหลงทางเช่นนี้ด้วยเถิด- ซึ่ง<br />
เป็นสิ่งที่มุสตะหี้ล(เป็นไปไม่ได้)สำหรับอัลลอฮฺตะอาลาผู้ทรงสูงส่ง เพราะบัลลังก์และ<br />
บรรดาชั้นฟ้าทั้งหมดนั้นเป็นสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นมา และพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงสร้าง<br />
สถานที่และกำหนดกาลเวลา ฉะนั้นพระองค์จึงไม่มาอยู่ในสิ่งถูกสร้างที ่เป็นสถานที่และ<br />
กาลเวลา.<br />
37 อัลอิสติวาอฺ นั้นเป็นคุณลักษณะหนึ่งของอัลลอฮฺที่มีความหมายหลายนัยตามหลัก<br />
ภาษาอาหรับ เช่น สูงส่ง ปกครอง ประทับนั่ง สถิตอาศัยอยู่ เป็นต้น ซึ่งท่านอิหม่าม<br />
อัลฆ่อซาลีย์ได้กล่าวว่า แนวทางของสะลัฟศอลิหฺนั้น “ให้พูดทับศัพท์ภาษาอาหรับตาม<br />
ที่ระบุไว้ในตัวบทโดยไม่แปลเป็นภาษาอื่นพร้อมทำการมอบหมายการรู้ความหมาย<br />
ที่แท้จริงไปยังอัลลอฮฺตะอาลา” ดู อัลฆ่อซาลีย์, อิลญามุลเอาวาม อันอิลมิลกะลาม,<br />
ตะห์กีก: ศ่อฟะวัต ญูดะฮ์ อะหฺมัด, พิมพ์ครั้งที่ 1 (ไคโร: ดารุลหะร็อม, ฮ.ศ. 1423),<br />
หน้า 41. แต่มีปราชญ์สะลัฟบางส่วน เช่น ท่านอิหม่ามอิบนุญะรีร อัฏฏ่อบะรีย์ (ฮ.ศ.<br />
224-310) ได้กล่าวว่า อิสติวาอฺหมายถึง อัลลอฮฺทรงสูงส่งในอำนาจและการปกครอง<br />
เหนือบัลลังก์. ดู อัฏฏ่อบะรีย์, ตัฟซีรอัฏฏ่อบะรีย์, ตะห์กีก: อะหฺมัด มุฮัมมัด ชากิร,<br />
พิมพ์ครั้งที่ 1 (เบรุต: มุอัซซะซะฮ์ อัรริซาละฮ์, ฮ.ศ. 1420), เล่ม 1, หน้า 192.
ُ<br />
ب<br />
ي<br />
ف<br />
شَ َ<br />
ي<br />
56<br />
قواعد العقائد<br />
زَّها َ نِ الُ مَ اسَّ ةِ وَ الِ سْ تِ ْ ق رَ ارِ<br />
َال نَ الَّذِ يْ أ َرَ َ اد هُ ، اِ سْ تِ وَ اءً مُ نَ<br />
الَّذِ يْ ق<br />
َتُهُ<br />
َالِ ، لَ َْمِل بَلِ الْعَرْش وَحَ َل<br />
ْتِق<br />
ُوْلِ وَالِن<br />
ُْل<br />
ُّنِ وَال<br />
وَالتَّمَك<br />
َ الْعَ رْ شِ وَالسَّ مَ اءِ<br />
َوْق<br />
ْفِ ق ْ ُد رَ تِهِ وَمَ قْ ُ وْ رُ وْ ن َ تِهِ وَ ُ ه وَ ف<br />
ُط<br />
َ ْمُ وْ ل ُوْ ن<br />
م<br />
ال َى،...<br />
تُ خُ وْ مِ ثَّ<br />
وَ فَوْ ق ْ ءٍ إِل<br />
ً ع<br />
ُ<br />
ْعَرْش<br />
ُُ ال<br />
<br />
ْ قَبْض<br />
َ ِ ي<br />
<br />
ْ َ عْ <br />
َ ُ وَ ِل<br />
َ بِل<br />
ّ ُ<br />
َ ك <br />
ِ<br />
ได้ทรงตรัสไว้(ในอัลกุรอาน)และด้วยความหมายที่พระองค์ทรง<br />
ประสงค์38 ซึ่งเป็นการอิสติวาอฺที่บริสุทธิ์จากการ(ที่อัลลอฮฺ)<br />
ไปสัมผัส(กับบัลลังก์) ปราศจากการสถิต(อาศัยอยู่บนบัลลังก์)<br />
ปราศจากการแนบติด(โดยนั่งประทับบนบัลลังก์) ปราศจากการ<br />
เข้าไปอยู่(ที่บัลลังก์) และปราศจากการเคลื่อนย้าย(จากสถานที่<br />
หนึ่งไปสู่บัลลังก์หรือจากบัลลังก์ไปสู่อีกสถานที่หนึ่ง) บัลลังก์ไม่<br />
ได้แบกพระองค์ไว้ แต่บัลลังก์และบรรดามะลาอิกะฮ์ที่ทำหน้าที่<br />
แบกบัลลังก์ของพระองค์นั้น 39 พวกเขาถูกแบกด้วยความเมตตา<br />
ของความเดชานุภาพของพระองค์ และพวกเขาถูกควบคุมอยู่ใน<br />
อำนาจของพระองค์ และพระองค์ทรงเหนือบัลลังก์40 ทรงเหนือ<br />
ฟากฟ้า และทรงเหนือทุกสิ่งจนกระทั่งไปถึงใต้ผืนดินต่ำสุด<br />
38 หมายถึง ตามแนวทางของสะลัฟศอลิหฺนั้นไม่เจาะจงความหมายของอิสติวาอฺและ<br />
ไม่ยึดมั่นในความหมายที่ไม่บังควรสำหรับอัลลอฮฺ เช่น ความหมายนั่งประทับ สถิต<br />
และอาศัยอยู่ เป็นต้น แต่ให้มอบหมายการรู้ความหมายที่แท้จริงไปยังอัลลอฮฺตะอาลา.<br />
ดู อัซซะบีดีย์, อิตห้าฟอัซซาดะฮ์อัลมุตตะกีน, เล่ม 2, หน้า 25.<br />
39 ปัจจุบันมีมะลาอิกะฮ์ทำหน้าที่แบกบัลลังก์ 4 ท่าน แต่ในวันกิยามะฮ์จะเป็น 8 ท่าน.<br />
40 ทรงเหนือ ณ ที่นี้ คือในด้านของนามธรรม ที่หมายถึงการทรงเหนือในด้านอำนาจ<br />
และการปกครอง เช่น กษัตริย์อยู่เหนือรัฐมนตรีและเจ้านายอยู่เหนือทาส เป็นต้น มิใช่<br />
เหนือแบบรูปธรรมที่มีสถานที่อยู่ข้างบนที่เรียกว่าบัลลังก์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่บังควรสำหรับ<br />
อัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่. ดู ซัรรู้ก, ชัรหฺอะกีดะฮ์อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์, หน้า 66.
شَ<br />
ي<br />
شَ<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
ً ع<br />
57<br />
ُ رْ َ ال بً إِ ل زِ تَ يْ ُ د هُ ق<br />
َّ رَجَ<br />
َوْ قِ يَّ ة ... ف ً َ ل <br />
ُ ه وَ رَ<br />
ال َى، بَ ْ ل<br />
وَ ثَّ<br />
عَنِ ال<br />
فِ يْ عُ الد اتِ ع<br />
وَال َى. وَهُوَ مَ عْ ذَلِكَ<br />
ثَّ<br />
أَرْضِ<br />
َ<br />
َل<br />
الْعَ بْدِ مِ نْ حَ بْلِ ال ْوَ رِ يْدِ وَ ه ُوَ ع<br />
َ َ ا َ ل زِ تَ يْ ُ د هُ بُ عْ<br />
ْعَ رْ شِ وَ السَّ َءِ ك<br />
َ نِ ال ْعَ رْ شِ وَ السَّ مَ اءِ ك<br />
َ َ ا أ<br />
ّ ُ<br />
دا َ نِ ال أَرْ ضِ<br />
َن ُ َّه رَ فِ يْ عُ َّ الد رَجَ اتِ<br />
ْرَبُ<br />
َق<br />
ِ ك مَ وْجُ وْدٍ وَهُوَ أ<br />
قَرِ يْبٌ مِ نْ<br />
ك<br />
ْ ءٍ ِ ٌ يْد )سبأ: ،)47<br />
ّ ُ<br />
ِ<br />
َ<br />
إِل<br />
ซึ่งเป็นการทรงเหนือ 41 ที่ไม่ทำให้พระองค์เพิ่มความใกล้ชิดกับ<br />
บัลลังก์และฟากฟ้าแต่อย่างใด 42 เสมือนกับการทรงเหนือที่ไม่<br />
ทำให้พระองค์เพิ่มความห่างไกลจากแผ่นดินและผืนดินต่ำสุด แต่<br />
พระองค์ทรงสูงส่งในเกียรติฐานันดร(โดยบริสุทธิ์จากการไปสัมผัส<br />
ไปอยู่บนและอยู่ใกล้)จากบัลลังก์และฟากฟ้าเสมือนกับที่พระองค์<br />
ทรงสูงส่งในเกียรติฐานันดร(โดยปราศจากการมีระยะทางและอยู่<br />
ใกล้)จากแผ่นดินและผืนดินชั้นต่ำสุด<br />
[ความหมายความใกล้ชิดของอัลลอฮฺกับบ่าวของพระองค์]<br />
พร้อมกับ(ที่อัลลอฮฺทรงเหนือบัลลังก์)ดังกล่าวนั้น อัลลอฮฺทรงใกล้<br />
ชิดทุกสิ่งที่มี43 โดยที่พระองค์ทรงใกล้ชิดยังบ่าวยิ่งกว่าเส้นโลหิต<br />
ที่ต้นคอ “และพระองค์ทรงประจักษ์เห็นทุกๆ สิ่ง” [สะบะอฺ: 47]<br />
41 หมายถึง ทรงเหนือในด้านของอำนาจและการปกครอง.<br />
42 เนื่องจากอัลลอฮฺทรงเหนือฟากฟ้าและบัลลังก์ในด้านอำนาจและการปกครองและ<br />
พระองค์มิใช่เป็นรูปร่าง.<br />
43 หมายถึง ใกล้ชิดอย่างครอบคลุมด้วยการทรงรอบรู้แจ้ง ทรงเห็นแจ้ง ทรงได้ยินแจ้ง<br />
ทุกสิ่งทุกอย่างที่มี และใกล้ชิดด้วยกุดเราะฮ์(ความเดชาสามารถ)ของพระองค์ในการ<br />
ขับเคลื่อนสรรพสิ่งทั้งหลายให้หยุดนิ่งหรือเคลื่อนไหวและทำให้สรรพสิ่งทั้งหลายดำรง<br />
อยู่ เป็นต้น.
َ<br />
َ<br />
ي<br />
ي<br />
ف<br />
ي<br />
شَ<br />
ي ي<br />
ب ئ<br />
شَ<br />
ي<br />
ِ<br />
58<br />
امِ .<br />
قواعد العقائد<br />
ُه<br />
أَجْ سَ امِ ك تُ َ اثِل<br />
ُرْ بَ ال<br />
ُرْ بُ ه<br />
إِذْ ل<br />
َّه ْ ءٍ وَ لَ ُّ فِ يْ هِ ْ ءٌ ، تَعَ ال عَ نْ<br />
وَ أَن<br />
َق<br />
َن<br />
َن َ ز مَ ان َبْ ل<br />
َق َّ سَ َ ع نْ أ<br />
ك<br />
ْقِ هِ ...<br />
َّه نٌ عَ نْ َ خل<br />
َن<br />
َ مَ ا عَ ل َيْ هِ اك<br />
وَ هُ وَ آ ال َ ن َ عل<br />
أَجْ سَ<br />
َ ْ وِ يَهُ مَ كَ نٌ<br />
أ ْ َن ي <br />
ْ َ ك َ ن َ ،<br />
الز َّمَ ان َ وَ ال<br />
َ َ ا َ ل ُ َ ذات ُ َ ذ َ ات ال<br />
َ ُ َ ُ اثِل ق ُ ق<br />
َ ُ ل<br />
ْ<br />
َ ُ ُّ ل ِ ي<br />
ُ َ ل <br />
َ ُ َّ د هُ ٌ ، بَ ْ ل َ اك َ ن ق َ أ ْ َ خل<br />
َ َ ا ت َ د ْ <br />
َ َ ن . وَ أ ُ َ <br />
เนื่องจากการใกล้ชิดของพระองค์นั้นไม่เหมือนการใกล้ชิดของ<br />
บรรดาสิ่งที่เป็นรูปร่าง 44 ดังเช่นที่ซาตของอัลลอฮฺก็ไม่เสมือนกับ<br />
ซาตของสิ่งที่เป็นรูปร่างทั้งหลาย<br />
[ปฏิเสธการเข้าไปอยู่หรือเป็นอันหนึ ่งอันเดียวกับอัลลอฮฺ]<br />
แท้จริงอัลลอฮฺไม่เข้าไปอยู่ในสิ่งใดและไม่มีสิ่งใดอยู่ใน<br />
พระองค์45 อัลลอฮฺทรงบริสุทธิ์จากการมีสถานที่มาห้อมล้อม<br />
พระองค์ไว้46 เสมือนกับที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์จากการมีกาลเวลา<br />
มาจำกัดพระองค์47 ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงมีก่อนที่พระองค์<br />
จะสร้างกาลเวลาและสถานที่เสียอีก 48 โดยปัจจุบันนี้พระองค์อยู่<br />
บนคุณลักษณะที่พระองค์ทรงเคยเป็นอยู่ และแท้จริงพระองค์<br />
ทรงแตกต่างจากบรรดาสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย(ซึ่งเป็นการแตกต่าง)<br />
44 เพราะการใกล้ชิดของสิ่งที่เป็นรูปร่างนั้น คือ ใกล้แบบมีระยะทางและใกล้ชิดแบบ<br />
รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน.<br />
45 หมายถึง พระองค์ไม่เข้าไปสิงสถิตอยู่ในสิ่งใดและพระองค์ไม่เป็นสถานที่ให้สิ่งใดมา<br />
อยู่เพราะพระองค์ไม่ใช่รูปร่าง.<br />
46 เพราะหากอัลลอฮฺถูกห้อมล้อมแสดงว่าพระองค์ทรงมีขนาดที่ถูกจำกัด ซึ่งเป็นไปไม่<br />
ได้เนื่องจากพระองค์มิใช่เป็นรูปร่าง<br />
47 เพราะอัลลอฮฺทรงสร้างสถานที่และกาลเวลา ดังนั้นพระองค์ทรงมีอย่างเอกเทศน์ไม่<br />
ไปผูกพันอยู่กับสถานที่และกาลเวลา.<br />
48 กล่าวคือ อัลลอฮฺทรงมีมาก่อนที่พระองค์จะสร้างบัลลังก์ เก้าอี้(กุรซีย์) บรรดาชั้นฟ้า<br />
และแผ่นดินเสียอีก. ดู อัซซะบีดีย์, อิตห้าฟอัซซาดะฮ์อัลมุตตะกีน, เล่ม 2, หน้า 25.
ف<br />
تَ<br />
ي<br />
ف<br />
ُّ<br />
ي<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
ُ، وَأ<br />
ُ ، بَ ْ ل َ ل َ ُ زَال ِ يْ <br />
َ ِ ي <br />
َ ت َعْ <br />
ف<br />
ِ ي<br />
ْ ذَاتِهِ سِ وَاهُ، وَل<br />
ْ َوَ ادِ ُ ث وَ ل<br />
تَ ُ ل<br />
َنِ<br />
َن ُ َّه مُ ق َّ َد سٌ ع<br />
ُه<br />
ْ سِ وَاهُ ذَات<br />
َ ض<br />
ِ يْهِ ال ْعَ وا رِ<br />
الِ ، ...<br />
َيْسَ <br />
ُّ ُ ال<br />
َ الِ ، َ ل <br />
59<br />
... بِصِ فَاتِهِ، ل<br />
ْتِ ق<br />
الت ِ وَ الِ ن<br />
نُعُ وْ<br />
َّ َ غ<br />
َّ وَ<br />
َلِ ِ مُ نَ زَّهاً ع َ نِ الز<br />
تِ جَ ال<br />
ด้วยบรรดาคุณลักษณะของพระองค์49 คือ ในซาตของอัลลอฮฺ<br />
นั้นไม่มีสิ่งอื่นจากอัลลอฮฺและในสิ่งอื่นจากอัลลอฮฺนั้นไม่มีซาต<br />
ของพระองค์อาศัยอยู่50 และแท้จริงอัลลอฮฺทรงบริสุทธิ์จาก<br />
การเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนย้าย 51 ไม่มีบรรดาสิ่งบังเกิดใหม่<br />
อยู่ที่อัลลอฮฺ และไม่มีคุณลักษณะที่บกพร่องทั้งหลายเกิดขึ้นที่<br />
พระองค์52 แต่พระองค์ยังคงอยู่ในบรรดาคุณลักษณะที่ยิ่งใหญ่53<br />
ทรงบริสุทธิ์จากการดับสูญหายไป 54<br />
49 เพราะคุณลักษณะ(ศิฟัต)ของพระองค์นั้นทรงก่อดีมมีมาตั้งแต่เดิมส่วนคุณลักษณะ<br />
ของสิ่งที่ถูกสร้างนั้น บังเกิดขึ้นมาใหม่.<br />
50 หมายถึง ในซาตของอัลลอฮฺนั้นไม่มีสิ่งใดอาศัยอยู่และในสรรพสิ่งทั้งหลายนั้นไม่มี<br />
ซาตของอัลลอฮฺอาศัยอยู่เช่นกัน.<br />
51 หมายถึง อัลลอฮฺทรงบริสุทธิ์จากการเปลี่ยนแปลงจากสภาพหนึ่งไปสู่อีกสภาพหนึ่ง<br />
และทรงบริสุทธิ์จากการเคลื่อนย้ายจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง. ดู อัซซะบีดีย์,<br />
อิตห้าฟอัซซาดะฮ์อัลมุตตะกีน, เล่ม 2, หน้า 25.<br />
52 เช่น ความอ่อนแอ การง่วงนอน การนอนหลับ การดับสูญ และการตาย เป็นต้น.<br />
53 หมายถึง พระองค์ทรงมีคุณลักษณะยิ่งใหญ่ที่มีมาตั้งแต่เดิม(ก่อดีม)โดยปราศจาก<br />
คุณลักษณะที่บกพร่องและเพิ่งบังเกิดขึ้นมาใหม่เพราะคุณลักษณะที่บกพร่องและ<br />
บังเกิดขึ้นมาใหม่นั้นถือว่าไม่ยิ่งใหญ่.<br />
54 เนื่องจากอัลลอฮฺทรงมีตลอดไปโดยไม่เกี่ยวข้องกับกาลเวลา.
ف<br />
ب<br />
ئ<br />
ب ي<br />
ب<br />
ي<br />
يْ<br />
ب<br />
ْ<br />
<br />
60<br />
قواعد العقائد<br />
ف<br />
ِ لأَ َالِ ، وَأَنَّهُ ْ ْ ذَاتِهِ ِ ي<br />
ً<br />
. ِ<br />
َ<br />
رِ<br />
َ مُسْ ت<br />
ْ صِ فَاتِ ك َالِ ِ<br />
مَ عْ لُوْ مُ ال ْوُجُ وْدِ ِ لْعُ ق<br />
ف ْ دَ ارِ ال َ ْق رَ ارِ . وَ تْ َ إِ ً اما مِ ن<br />
ِ ي<br />
ً<br />
ْنِيا<br />
َغ<br />
عَنْ َ زِ دَةِ الِسْ تِك<br />
ْفا<br />
ُط<br />
ِ لأَبْصَ ارِ نِعْ مَ ً ة مِ ن ُ ْه وَ ل<br />
ِ لنَّ ظ ِ هِ الْك<br />
ْ َارِ<br />
ب<br />
َ وَ ْ ج<br />
َ إِل<br />
رِ<br />
ٌّ ي َّ الذ اتِ <br />
ِ<br />
ُ وْلِ . مَ رْ<br />
ْ ُ ه َّ لِلن عِ ِ <br />
... وَ ِ ي<br />
และในบรรดาคุณลักษณะที่สมบูรณ์ของพระองค์นั้น ไม่ต้องการ<br />
เพิ่มความสมบูรณ์อีกแล้ว 55 และในซาตของพระองค์เป็นสิ่งที่รู้กัน<br />
อย่างดีว่ามีด้วย(การพิจารณาของ)สติปัญญา<br />
[การเห็นอัลลอฮฺ]<br />
ซาตของอัลลอฮฺจะถูกเห็นได้ด้วยตา 56 เพื่อเป็นความอำนวยสุข<br />
และความเมตตาจากอัลลอฮฺแก่บรรดาคนดี57 ใน(สวรรค์)ที่พำนัก<br />
อันนิรันดร์และเพื่อทำให้สมบูรณ์ซึ่งความสุขด้วยการมองซาตของ<br />
พระองค์ที่ทรงเกียรติ58<br />
55 เพราะหากเพิ่มความสมบูรณ์ แสดงว่าก่อนหน้านั้นมีความบกพร่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่<br />
มุสตะหี้ลเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นความรู้ของอัลลอฮฺจึงสมบูรณ์และความเดชานุภาพของ<br />
พระองค์นั้นสมบูรณ์ ไม่มีเพิ่มและไม่มีลด และพระองค์ไม่ต้องการเพิ่มความสมบูรณ์<br />
ด้วยการฏออัตภักดีของปวงบ่าว และการที่พวกเขาฝ่าฝืนพระองค์ก็ไม่ทำให้พระองค์<br />
ทรงถูกลดเกียรติแต่อย่างใด.<br />
56 ท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์ ได้กล่าวว่า “อัลลอฮฺตะอาลาจะทรงสร้างพลังการเห็นไว้<br />
ในปวงบ่าวเพื่อจะได้เห็นพระองค์ และไม่ถูกวางเงื่อนไขในการเห็นว่าจะต้องเกี่ยวพัน<br />
กับแสงที่สะท้อนกลับมาที่ตา และไม่มีเงื่อนไขว่าต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่ถูกเห็นและอื่นๆ<br />
ที่เป็นกฎเกณฑ์การเห็นของสิ่งที่ถูกสร้าง...และไม่จำเป็นว่าการเห็นอัลลอฮฺนั้นจะต้องมี<br />
ทิศแต่บรรดาผู้ศรัทธาจะเห็นอัลลอฮฺโดยปราศจากทิศเสมือนกับที่พวกเขารู้ว่าอัลลอฮฺ<br />
มิได้อยู่ในทิศใด วัลลอฮุอะลัม. อันนะวาวีย์, ชัรหฺศ่อฮีหฺมุสลิม, เล่ม 3, หน้า 15-16.<br />
57 เนื่องจากการเห็นอัลลอฮฺนั้นเป็นเกียรติ(กะรอมะฮ์)ที่คู่ควรแก่เหล่าผู้มีคุณธรรม<br />
ส่วนกาเฟรนั้นถูกทำให้ห่างไกลจากเกียรตินั้น. ซัรรู้ก, ชัรหฺอะกีดะฮ์อิหม่ามอัล<br />
ฆ่อซาลีย์, หน้า 82.<br />
58 ถูกกล่าวว่า มีสามสิ่งในสวรรค์ดีกว่าสวรรค์ คือ ความสุขในสวรรค์ การเห็นอัลลอฮฺ<br />
และความพึงพอพระทัยของพระองค์ที่มีต่อชาวสวรรค์ตลอดไป, เรื่องเดียวกัน, หน้า 84.
َ<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
ِ يْ هِ ق صُ وْ رٌ وَ لَ ُ تَ<br />
<br />
َ عَ ال َ حَ<br />
َ يَ عْ<br />
يٌّ ق َ ادِ رٌ جَ بَّ ارٌ ق َ اهِ رٌ ل<br />
ศิฟัตมะอานี59<br />
ُ : وَ َ أ َّ ن ُ ه ت<br />
َ ٌ ة ...<br />
61<br />
َ ل<br />
َ<br />
ْق ْ رَ ة<br />
ا ْ َيَ ُ اة وَ ال<br />
جع ٌ ْز وَ ل تَ أْخ ُ هُ سِ ن<br />
[ศิฟัตอัลหะยาฮ์-ทรงเป็น 60 และอัลกุดเราะฮ์-ทรงเดชานุภาพ] 61<br />
การทรงเป็นและทรงเดชานุภาพ: แท้จริงอัลลอฮฺตะอาลาทรง<br />
เป็น ทรงเดชานุภาพ ทรงควบคุมบังคับ ผู้ทรงอำนาจ ไม่มีความ<br />
บกพร่องและความอ่อนแอเกิดขึ้นกับพระองค์62 ไม่มีการง่วงนอน<br />
59 ศิฟัตมะอานี คือ ศิฟัตแห่งการมีอยู่(วุญูดียะฮ์) หมายถึง ศิฟัตที่มีอยู่ที่ซาตของ<br />
อัลลอฮฺ เช่น อัลลอฮฺทรงเดชาสามารถ, ทรงเจตนา, ทรงรอบรู้, ทรงเป็น, ทรงได้ยิน,<br />
ทรงเห็น, และทรงพูด ดังนั้นหากพระองค์ทรงเปิดให้เรา ก็อนุญาตให้เห็นได้ เช่น<br />
อัลลอฮฺทรงเปิดศิฟัตการทรงเห็นให้แก่เรา แน่นอนเราก็จะเห็นทุกสิ่ง หากพระองค์ทรง<br />
เปิดศิฟัตการได้ยินให้แก่เรา แน่นอนเราก็จะได้ยินทุกสิ่ง หากพระองค์ทรงเปิดศิฟัตการ<br />
รอบรู้ให้แก่เรา แน่นอนเราก็จะรอบรู้ทุกสิ่ง และหากพระองค์ทรงเปิดศิฟัตทรงพูดให้<br />
แก่เรา แน่นอนเราก็จะได้ยินการพูดของอัลลอฮฺโดยไม่มีเสียงและอักษร เป็นต้น.<br />
60 ศิฟัตอัลหะยาฮ์ คือ “คุณลักษณะที่มีมาตั้งแต่เดิม ดำรงหรือประจำอยู่ที่ซาตของ<br />
อัลลอฮฺ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่ทำให้จำเป็นต้องมีบรรดาคุณลักษณะของการรอบรู้ การ<br />
เจตนา ความเดชานุภาพ และคุณลักษณะอื่นๆ. ดู อัลบาญูรีย์, ฮาชียะฮ์อัลบาญูรีย์ อะลา<br />
อัซซะนูซียะฮ์, พิมพ์ครั้งที่ 1 (ไคโร: มักตะบะฮ์ อัลมุญัลลัด อัลอะร่อบีย์, ฮ.ศ. 1436),<br />
หน้า 142.<br />
61 ศิฟัตอัลกุดเราะฮ์ คือ “คุณลักษณะหนึ่งที่มีมาตั้งแต่เดิม ดำรงหรือประจำอยู่ที่ซาต<br />
ของอัลลอฮฺ ที่ทำให้ง่ายดายในการสร้างให้มีขึ้นหรือไม่ให้มีก็ได้กับทุกสิ่งที่มุมกิน(สิ่งที่<br />
สติปัญญายอมรับว่ามีก็ได้หรือไม่มีก็ได้)เท่านั้นโดยสอดคล้องกับอิรอดะฮ์(เจตนาของ<br />
อัลลอฮฺที่ทรงเลือกให้สิ่งหนึ่งมีขึ้นมาหรือไม่)” (ดู อัลบาญูรีย์, ตุหฺฟะตุลมุรี้ด, หน้า 120)<br />
เช่น สร้างคนหนึ่งให้เกิดเป็นชายหรือเป็นหญิงก็ได้ ให้เกิดมาสูงหรือเตี้ยก็ได้ ให้เกิดมา<br />
ในสถานที่นั้นหรือสถานที่นี้ก็ได้ ให้เกิดขึ ้นมาในช่วงเวลานั ้นหรือช่วงเวลานี้ก็ได้ เป็นต้น.<br />
62 หมายถึง ความบกพร่องและความอ่อนแอนั้น เป็นคุณลักษณะที่เป็นไปไม่ได้และไม่<br />
บังควรสำหรับอัลลอฮฺผู้ทรงเดชานุภาพ ดังนั้นเมื่ออัลลอฮฺทรงประสงค์ที่จะสร้างสิ่งใด<br />
พระองค์ก็ทรงสามารถทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นมาได้โดยไม่มีการลังเล ไม่หยุดชะงัก ไม่ถูก<br />
กีดกัน และไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใด.<br />
ُ د<br />
ُ ذ
ْ<br />
ب<br />
َ<br />
ف<br />
ب<br />
ت<br />
ي<br />
قواعد العقائد<br />
ْكِ وَ ال<br />
َّه ُ و ال<br />
َ َ َن اءٌ وَ ل مَ وْ َ ٌ ت وَ أ<br />
َوْ مٌ وَ ل يُ عَ ارِ ض<br />
... وَ َ ل ن<br />
ْط ُ َان وَ ال قَ ْ رُ وَ ال ُ ْق وَ ال أَمْ رُ وَ السَّ موَ ُ ات مَ ط<br />
وَ الْ ُ جَ وْ تِ ل<br />
ْقِ وَ الِخ<br />
َرِ د ِ لْ خَل<br />
ْف<br />
َّه<br />
َن<br />
وَ الْ خَال قْ ُ وْ رُ وْ ن َ تِهِ ، وَ أ<br />
َق َ ْق وَ أ<br />
ب جَ ادِ وا إلِ بْ د<br />
62<br />
ْ َ ل<br />
ْوِ َّ ت<br />
ْ ُ تَوَحّ<br />
ِ َ اع ال<br />
ِ<br />
ْ<br />
ْ ُ ل<br />
ُ ُ ه ف َ ن ُ ذ<br />
ْ<br />
َ ُ السُّ ل<br />
ْ قَبْض<br />
مَ َ ِ ي<br />
ْ<br />
َ اع . َ خل َ ال خَل<br />
ِ<br />
ْعِ َّ ز ةِ<br />
ُ َك وْ تِ وَ ال<br />
ٌ بِ يَ مِ يْ نِ هِ<br />
ُ<br />
ِ د<br />
ُ<br />
ْ<br />
خَل<br />
ْ ُ ن<br />
ُ ال<br />
ْ َ ُ مْ ...<br />
َع َال<br />
ُ َئِق<br />
ْ<br />
ِ إلِ ي<br />
หรือการหลับเข้ามาครอบงำพระองค์ได้63 ไม่มีการดับสูญและการ<br />
ตายมาเผชิญกับพระองค์64 และแท้จริงพระองค์ทรงเป็นเจ้าของ<br />
แห่งการปกครองโลกที่เห็นด้วยตา ทรงปกครองโลกเร้นลับ 65 ทรง<br />
แข็งแกร่งเและทรงยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงพลัง ทรงพิชิต ทรงสิทธิ์<br />
ในการสรรสร้างและบัญชา 66 และบรรดาชั้นฟ้านั้นจะถูกม้วน<br />
ด้วยความเดชานุภาพของพระองค์ และบรรดาสิ่งถูกสร้างนั้นถูก<br />
ควบคุมอยู่ในอำนาจของอัลลอฮฺ และแท้จริงพระองค์คือผู้ทรง<br />
หนึ่งเดียวในการสร้างและการประดิษฐ์ขึ ้นมา ผู้ทรงหนึ่งเดียวใน<br />
การบันดาลและสรรสร้างโดยไม่มีแบบมาก่อน พระองค์ทรงสร้าง<br />
บรรดามัคโลคทั้งหลายและทรงสร้างการกระทำของพวกเขา 67<br />
63 หมายถึง การง่วงและการหลับนอน เป็นคุณลักษณะที่เป็นไปไม่ได้และไม่บังควร<br />
สำหรับอัลลอฮฺผู้มีคุณลักษณะทรงเป็น.<br />
64 หมายถึง การดับสูญและการตายนั้น เป็นคุณลักษณะที่บกพร่อง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่<br />
ได้และไม่บังควรสำหรับอัลลอฮฺผู้ทรงมีอยู่จริง.<br />
65 คือโลกที่เรายังไม่เคยเห็นด้วยตา เช่น โลกของบรรดาวิญญาณ เป็นต้น.<br />
66 หมายถึง อัลลอฮฺทรงบริหารจัดการบรรดาสิ ่งที่ถูกสร้างอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีผู้ใดมา<br />
คัดค้านและไม่มีผู้ใดมาช่วยเหลือ เพราะสรรพสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหมดเป็นของอัลลอฮฺเพียง<br />
ผู้เดียว คำบัญชาให้เป็นไปนั้นเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ อำนาจการปกครองก็เป็นของ<br />
พระองค์เพียงผู้เดียว และทุกสิ่งดำเนินไปตามประสงค์ของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว<br />
เท่านั้น.<br />
67 หมายถึง อัลลอฮฺทรงสร้างมนุษย์มา ทรงสร้างการหยุดนิ่งหรือการเคลื่อนไหวในการ<br />
กระทำดีหรือกระทำชั่วของมนุษย์ แต่พระองค์ได้เปิดโอกาสให้พวกเขาเลือกเฟ้นและ
ُ<br />
َق<br />
ب<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
ُبُ عَنْ<br />
ُّ َ َبْض تِهِ مَ ق ُ ْد وْ رٌ َ وَل يَعْ ز<br />
َ ُمْ َ ل ي ُ َشذ عَنْ ق<br />
َّ رَ أ َرْ ز ُمْ وَآجَ ال<br />
ُوْ مَ<br />
َت َ َناهِ ي مَ عْ ل<br />
ُ د وْ رَ ات ُ ُه وَ ل<br />
تُ ْ صَ مَ ْ ق<br />
الأُمُ وْ رِ ، ل<br />
ُوْ مَ اتِ م جْ رِ يْ مِ نْ ...<br />
ْ َ عْ ل<br />
َّه ِ جَ مِ ِ يْ ع ال<br />
َن<br />
ْعِ ل<br />
ا<br />
ُه ُ .<br />
َ ت ات<br />
َ<br />
ِب َ ا ي <br />
ِ يْ طٌ<br />
َ<br />
َ ا<br />
ْ ُ : وَ أ ُ َ عالِ ٌ <br />
63<br />
... وَقَد<br />
ُ<br />
قُد ْ رَ تِهِ ت َصَ ارِ يْف<br />
พระองค์ทรงกำหนดริสกีและเวลาตายของพวกเขา สิ่งถูกสร้างใดที่<br />
ถูกกำหนดให้บังเกิดขึ้นมานั้นจะไม่สามารถออกพ้นไปจากอำนาจ<br />
ของพระองค์ได้หรอก และไม่มีการบริหารกิจการใด(ในจักรวาล<br />
แห่งนี้)ที่จะหายไปจากความเดชานุภาพของพระองค์ได้ บรรดาสิ่ง<br />
ที่ถูกสร้างให้เกิดขึ้นมาด้วยกุดเราะฮ์(ความสามารถ)ของพระองค์<br />
นั้นมีมากมายคณานับไม่ได้68 และสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ทรงรอบรู้นั้น<br />
ก็ไม่สิ้นสุด(เช่นเดียวกัน)<br />
[ศิฟัตอัลอิลมุ้-ทรงรอบรู้] 69<br />
อัลลอฮฺทรงรอบรู้: แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ทั้งหมดจากสิ่งที่<br />
ถูกรอบรู้ได้70 (ความรอบรู้ของ)พระองค์ครอบคลุมสิ่งที่ดำเนินอยู่<br />
เจตนาตัดสินใจได้ ดังนั้นพระองค์จะให้ผลบุญหรือลงโทษโดยตัดสินที่เจตนาหรือความ<br />
ตั้งใจของพวกเขา หากคนหนึ่งทำการละหมาดโดยมีเจตนาที่บริสุทธิ์ใจ อัลลอฮฺก็จะให้<br />
ผลบุญ แต่หากเขาละหมาดโดยมีเจตนาเพื่อโอ้อวด อัลลอฮฺก็จะลงโทษ หรือบุคคลหนึ่ง<br />
ดื่มเหล้าโดยไม่มีเจตนาเนื่องจากถูกบังคับ แน่นอนอัลลอฮฺก็จะไม่เอาโทษ เป็นต้น.<br />
68 ดังนั้นนรกและสวรรค์ยังคงมีอยู่ตลอดไปด้วยกุดเราะฮ์(ความเดชาสามารถ)ของ<br />
อัลลอฮฺมิใช่ด้วยตัวของมันเอง และสิ่งอำนวยสุขในสวรรค์ก็ยังเกิดขึ้นมาใหม่อยู่ตลอด<br />
เวลาด้วยกุดเราะฮ์ของพระองค์.<br />
69 ศิฟัตอัลอิลมุ้ คือ “คุณลักษณะที่มีมาตั้งแต่เดิม ดำรงหรือประจำอยู่ที่ซาตของ<br />
อัลลอฮฺทำหน้าที่แจ้งประจักษ์รู้ทุกสิ่งอย่างครอบคลุม” (อัลบาญูรีย์, ฮาชียะฮ์อัลอิมาม<br />
อัลบาญูรีย์, หน้า 134) เช่น ทรงรอบรู้ถึงแก่นแท้ของซาตและบรรดาศิฟัตของอัลลอฮฺ<br />
ทรงรอบรู้ว่าภรรยา บุตร และพระเจ้าอีกองค์หนึ่งนั้นไม่มี และทรงรอบรู้สิ่งที่ถูกสร้าง<br />
ทั้งหลาย.<br />
70 สิ่งที่ถูกรอบรู้ได้ เช่น อัลลอฮฺทรงรอบรู้ถึงแก่นแท้ของพระองค์และแก่นแท้ของ<br />
َ ل
ف<br />
ئ<br />
ي<br />
فَ<br />
ف<br />
ْ<br />
َ<br />
َ<br />
ف<br />
ّ<br />
ي يْ ْ<br />
ئ<br />
ف<br />
ف<br />
قواعد العقائد<br />
<br />
64<br />
َنْ عِل ِهِ<br />
ُبُ ع<br />
َالِ ٌ َ ل يَعْ ز<br />
َّه<br />
ْل السَّ موَاتِ وَأَن<br />
تُ خُوْ مِ ال ْ نَ إِل أَع<br />
َ السَّ وْ د<br />
ْق ِ ي الأَرْ ضِ وَ ل ِ ي السَّ مَ اءِ بَ ْ ل يَعْ ل َ بِ يْبَ الن ةِل<br />
مِ ث<br />
ُ ك حَ رَ ك ْ جَ وّ<br />
َ ْ َ اءِ وَ ْ يُد رِ<br />
الصَّ ْ خ رَ ةِ الصَّ مَّ اءِ ِ ي اللَّيْ ةِل الظ<br />
ْخَوَاطِرِ<br />
َتِ ال<br />
َخ وَيَطَّلِعُ ع هَوَاجِ سِ ال<br />
وَيَعْل<br />
َ لِ آ ال َ زا لِ ...<br />
ْ<br />
ِ ِ ا بِ عِ ل َ لِ ي مَ وْ صُ وْ فا<br />
وَ َ خ فِ يَّ اتِ السَّ َ<br />
َ<br />
َ اءِ ع َ ل<br />
ْ َ وَ اءِ<br />
ِ ال<br />
ُ ع<br />
َّ مْ<br />
َ ُ د<br />
ِ ِ ي <br />
َ َ ة َّ الذ رّ<br />
ضَّ َ وَحَرَاك<br />
ِِ<br />
ْ أَز<br />
ً بِ هِ ِ ي<br />
َّ ل<br />
َ<br />
َل<br />
َ<br />
َ ْ َ زَل<br />
ٍ ل<br />
ٍ قَدِ ٍ أَز<br />
أَرْضِ <br />
...<br />
َ ُ ال َ ذ رَّ ةٍ <br />
َُ السِّ َّ وَأ ْ <br />
จากบรรดาแผ่นดินชั้นต่ำสุดจนถึงบรรดาชั้นฟ้าสูงสุด แท้จริง<br />
อัลลอฮฺ คือ ผู้ทรงรอบรู้ โดยไม่มีสิ่งใดเลยแม้จะมีน้ำหนักเท่าธุลี<br />
ในผืนแผ่นดินและฟากฟ้าที่จะหายไปจากการรอบรู้ของพระองค์<br />
ยิ่งกว่านั้นพระองค์ทรงรอบรู้การเคลื่อนไหวของมดสีดำบนหินแข็ง<br />
ในยามค่ำคืนที่มืดมิด<br />
และพระองค์ทรงรอบรู้ถึงการเคลื่อนไหวของธุลีในลมอากาศและ<br />
ทรงรอบรู้เสียงกระซิบและสิ่งที่ค่อยกว่านั้น และพระองค์ทรง<br />
รอบรู้ถึงบรรดาความนึกคิดที่เข้ามาในจิตใจ 71 และรอบรู้ถึงกระแส<br />
ความคิดต่างๆ ที่วนเวียนอยู่ในจิตใจ(ไม่หายไปไหน) และทรงรู้<br />
ถึงบรรดาสิ่งซ่อนเร้นต่างๆ ในหัวใจทั ้งหลาย ด้วยความรอบรู้ที่มี<br />
มาตั้งแต่เดิมไม่มีจุดเริ่มต้น พระองค์ยังคงมีคุณลักษณะการรอบรู้<br />
ตั้งแต่บรรพกาลมาแล้วโดยไม่มีจุดเริ่มต้น<br />
บรรดาคุณลักษณะของพระองค์ ทรงรอบรู้สรรพสิ่งทั้งหลายและทรงรอบรู้ว่าไม่มีภาคี<br />
ใดๆ สำหรับพระองค์ เป็นต้น.<br />
71 หมายถึง ความนึกคิดที่มิได้มั่นคงอยู่ในจิตใจ คือ เข้ามาแล้วหายไป.
َ<br />
ب<br />
ي<br />
ّ<br />
ِ<br />
ي ي<br />
ب<br />
ي ي<br />
ي<br />
شَ<br />
ٌ<br />
َ<br />
ّ<br />
ْ<br />
ي<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
ْ ذَ اتِهِ <br />
َ ئِن َ َ جْرِيْ <br />
ْ ٌ أَوْ ك ْ ،ٌ َ خْ ٌ أَوْ ٌّ ، نَفْعٌ أَوْ<br />
ْ ٌ، صَ غِ<br />
ٌ أ ٌ أ ُ سْ َ ٌ ان ، زِ ٌ أ ٌ ،<br />
ْتِ َ قالِ .<br />
ُوْلِ وَ الِ ن<br />
ِ لْ ُل<br />
َاتِ مُ د ٌ لِلْحَ ثَ ادِ تِ فَال<br />
لِلْك<br />
َبِ<br />
ُق<br />
َكِ رٌ ، ف َوْ ز َوْ خ َ دَ ة َوْ ن<br />
ف<br />
ِ ي<br />
ْ صَ ان<br />
ُ ت<br />
ُ ف<br />
ُ: وَأ<br />
65<br />
ف<br />
... لَ بِ عِ ٍل مُ تَ جَ ِد دٍ حَ اصِ لٍ ِ ي <br />
َّه َعَ ال مُ رِ يْد<br />
َن<br />
إلِرَ ادَة<br />
ٌ<br />
َثِ<br />
َلِيْل أَوْ ك<br />
ُوْتِ ق<br />
َك<br />
ْكِ وَال<br />
ال<br />
َان َوْ ن<br />
َوْ ك ْ رٌ ، عِ رْ ف<br />
َ طَاع ٌ ة أ َوْ عِ صْ يَ ٌ ان ، ...<br />
َ<br />
ا<br />
ْ َ ل<br />
ْ ُ ل<br />
ضَ ٌّ ، ْ َ إِ انٌ أ<br />
มิใช่เป็นความรอบรู้ที่เพิ่งบังเกิดขึ้นมาใหม่ในซาตของอัลลอฮฺด้วย<br />
(การที่มีความรู้ใหม่ๆ)เข้ามาอยู่และเคลื่อนย้ายเข้ามาอยู่72<br />
[ศิฟัตอัลอิรอดะฮ์-ทรงเจตนา] 73<br />
อัลลอฮฺทรงเจตนา(หรือทรงประสงค์): แท้จริงพระองค์นั ้น<br />
ผู้ทรงเจตนา(ผู้ทรงประสงค์ในการสร้าง)บรรดาสิ่งที่มีทั้งหลายให้<br />
บังเกิดขึ้นมา เป็นผู้ทรงบริหารบรรดาสิ่งบังเกิดใหม่(ในจักรวาล<br />
แห่งนี้) ดังนั้นในอาณาจักรการปกครองของอัลลอฮฺนั้น จึงไม่มีสิ่ง<br />
ใดที่น้อยหรือมาก ไม่มีสิ่งที่เล็กหรือใหญ่ ไม่มีความดีหรือความ<br />
ชั่วใด ไม่มีคุณประโยชน์หรือโทษใด ไม่มีอีหม่านหรือกุฟุรใด ไม่มี<br />
ความรู้หรือความโง่เขลาใด ไม่มีความสำเร็จหรือการขาดทุน<br />
ใด ไม่มีการเพิ่มหรือการลดใด ไม่มีการฏออัตหรือการฝ่าฝืนใด<br />
72 เพราะการมีความรู้ใหม่ๆ เกิดขึ้น และมีความรู้เพิ่มเข้ามานั้น เป็นคุณลักษณะของ<br />
สิ่งถูกสร้าง มิใช่คุณลักษณะของอัลลอฮฺ.<br />
73 ศิฟัตอัลอิรอดะฮ์ คือ “คุณลักษณะหนึ่งที่มีมาตั้งแต่เดิม ดำรงหรือประจำอยู่ที่ซาต<br />
ของอัลลอฮฺ ที่ทำการให้น้ำหนักกับทุกสิ่งที่มุมกิน(สิ่งที่สติปัญญายอมรับว่ามีก็ได้ ไม่มี<br />
ก็ได้)เท่านั้นโดยสอดคล้องกับอิลมุ้(การรอบรู้ของอัลลอฮฺ)” (ดู อัลบาญูรีย์, ตุหฺฟะตุล<br />
มุรี้ด, หน้า 122) เช่น เจตนา(ให้น้ำหนักเจาะจง)ให้บุคคลหนึ่งเป็นชายหรือเป็นหญิง<br />
ก็ได้ เจตนาให้บุคคลหนึ่งเกิดมาสูงหรือเตี้ยก็ได้ เจตนาให้บุคคลหนึ่งเกิดมาในสถานที่<br />
นั้นหรือสถานที่นี้ก็ได้ สร้างให้บุคคลหนึ่งเกิดขึ้นมาในช่วงเวลานั้นหรือช่วงเวลานี้ก็ได้<br />
เป็นต้น.
ي<br />
ُ<br />
ّ<br />
ُ<br />
ي<br />
قواعد العقائد<br />
66<br />
َ َ أْ ل َ ْ يَ ُ ك نْ ،<br />
َّ ل بِ َ ق َ ض ائِ هِ وَ قَ ْ د رِ هِ وَ حِ ْ َ ك تِ هِ وَ مَ شِ يْ ئَ تِ هِ ، فَ َ ا َ ش اءَ َ اكن وَ مَ ا ل<br />
... إِ<br />
ْ ُ عِ يْ د<br />
ْ ُ بْ دِ ىءُ ال<br />
ْت َ اطِ رٍ بَ ل ُ وَ ال<br />
َل<br />
ْت نَ ظِ رٍ وَ لَ ف<br />
َف<br />
َ خْ رُ جُ َ ع نْ مَ شِ َ يْئ تِهِ ل<br />
أَمْ هِ وَل مُ عَ ِق بَ َ َ لِق ضاَئِهِ، وَلَ مَ ْرَ بَ لِعَ بْدٍ عَ نْ<br />
ُ ُ َ ل رَ َّ آد لِ رِ<br />
الْف َعَّ ال<br />
مَ عْ صِ يَ تِ هِ إِ لَّ بِ َ ت وْ فِ يْ قِ هِ وَ رَ حْ َ تِ هِ ، وَ ل ُ وَّ ة َ تِ هِ إِ ل بِ َ شِ َ يْئ تِ هِ وَ إِ رَ َ اد تِ هِ ،<br />
َ ْ يَش<br />
َّ<br />
َ ُ ة خ ْ ه<br />
َ ُ َ ع َ ل َ طاع<br />
َ ق َ ل<br />
َ ُ ة <br />
لِ َ ا ِ يْد<br />
لَ <br />
เว้นแต่ด้วยการกำหนด การทำให้บังเกิดขึ้น การบัญชา และด้วย<br />
พระประสงค์ของอัลลอฮฺทั้งสิ้น ดังนั้นสิ่งใดที่พระองค์ทรงประสงค์<br />
สิ่งนั้นก็มีขึ้นมา และสิ่งใดที่พระองค์ไม่ทรงประสงค์สิ่งนั้นก็จะไม่<br />
เกิดขึ้น<br />
ดังนั้นการเหลือบมองของผู้ที่มองและกระแสความคิดกระทันด่วน<br />
ที่เข้ามาก็ไม่ออกไปจากพระประสงค์ของอัลลอฮฺตะอาลาเลย ยิ่ง<br />
กว่านั้นพระองค์คือผู้ทรงทำให้ปรากฏ(สรรพสิ่งทั้งหลาย) ผู้ทรง<br />
ทำให้(สรรพสิ่งทั้งหลาย)หวนกลับไป(พึ่งพาต่อพระองค์) ผู้ทรง<br />
กระทำอย่างลุล่วงในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ ไม่มีผู้ใดมายับยั้ง<br />
คำบัญชาของพระองค์ได้ และไม่มีผู้ใดมาคัดค้านการกำหนดของ<br />
พระองค์ได้ และไม่มีบ่าวคนใดหลีกหนีจากการฝ่าฝืนได้เว้นแต่ด้วย<br />
การชี้นำ(เตาฟี้ก) 74 และความเมตตาของพระองค์ และไม่มีพลังใด<br />
แก่บ่าวในการฏออัตได้เว้นแต่ด้วยพระประสงค์ของพระองค์<br />
74 เตาฟี้ก คือ อัลลอฮฺสร้างพลังการฏออัตให้เกิดขึ้นแก่บ่าวและพระองค์ได้ทำให้บ่าวมี<br />
ความสะดวกง่ายดายในการทำความดีงามที่อัลลอฮฺทรงรักและทรงพึงพอพระทัย ดังนั้น<br />
หากอัลลอฮฺทรงปล่อยให้บ่าวตัดสินใจกระทำโดยไม่ได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือ<br />
ด้วยเตาฟี้กจากพระองค์ แน่นอนเราอาจจะอ่อนแอและมีความบกพร่องในการทำ<br />
อิบาดะฮ์และพ่ายแพ้นัฟซูจนกระทั่งตกไปอยู่ในการฝ่าฝืน. ดู อัลญุรญานีย์, อัตตะรีฟ้าต,<br />
ตะห์กีก: อิบรอฮีมอัลอับยารีย์, พิมพ์ครั้งที่ 1 (เบรุต: ดารุลกิตาบอัลอะร่อบีย์,<br />
ฮ.ศ. 1405), หน้า 97; และอัชชัรกอวีย์, ฮาชียะฮ์อัชชัรกอวีย์ อะลัลฮุดฮุดีย์ (ไคโร:<br />
มุศฏอฟาอัลหะละบีย์, ฮ.ศ. 1338), หน้า 144.
ف ئ<br />
ت ت ف<br />
ي<br />
ْ<br />
ْ<br />
ف ت ف<br />
ي<br />
ْ<br />
ِ<br />
ْ<br />
ْ<br />
ي<br />
ُّ<br />
ي<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
َ<br />
ِ<br />
67<br />
ف ْعَ ال<br />
ي نُ عَ ل أ يُ َ رِّ ك ِ ي ال<br />
َل َوْ اِ جْ َ ت مَ عَ ا إلِ نْسُ وَ ْجِ ال نُّ وَ ال ُ وَ الش ْ<br />
ف<br />
َعَ جَ ُ ز وْا عَنْ ذَلِكَ . وَأَنَّ إِرَ ادَتَهُ<br />
َتِهِ ل<br />
َتِهِ وَمَ شِ يْئ<br />
َا د َ ُوْن إِرَ اد<br />
َرَّ ةً أَوْ يُسَ كّ ِنُوْ ه<br />
ذ<br />
ف<br />
َ كَذ لِكَ مَوْصُ وْفا َا مُرِ يْدا ِ ي<br />
َ<br />
َاتِهِ ل<br />
قَا ْ حجُ ةِ ْل صِ ف<br />
َ َرَ اد<br />
َا َا ك َا أ<br />
َوُجِ د ْ أَوْ ق ِ<br />
َا ف<br />
َا َا ِ يْ الَّ قَد ه<br />
لِوُجُ وْدِ الأَش ْ أَوْ ق ِ<br />
َ وَ فْقِ عِ ِل هِ وَ إِرَ ادَ تِهِ مِ نْ غ<br />
ْ وَ ق َعَ تْ عَ ل<br />
أَخ رٍ ُّ بَ ل<br />
<br />
َ أَز لِ ِ مِ نْ غ ُّ مٍ وَ َ ل تَ<br />
ب َ الأُمُ وْ رَ ...<br />
َغ َّ<br />
تَبَ ُّ د لٍ وَ ل<br />
ُ وْ ا <br />
َلِ ِ<br />
ً ْ أَز<br />
َهُ ِ ي <br />
َ<br />
َ ن ْ<br />
ِب <br />
ً<br />
َ<br />
ِ ي <br />
َّ<br />
يَ اطِ <br />
َ تْ<br />
ْ َ َ ال َ ئِكة<br />
َ ْ َ زَل<br />
َّ رَ<br />
ِ َ ةٌ َ بِذ اتِهِ ِ ي <br />
ْ يَاءِ ِ ي <br />
َ َ تَقد<br />
ِ<br />
َ ، دَ <br />
َ ت ٍ<br />
ดังนั้นหากมนุษย์ ญิน บรรดามะลาอิกะฮ์ และชัยฏอนทั้งหลาย<br />
ต่างรวมตัวกันทำให้เคลื่อนไหวหรือทำให้หยุดนิ่งกับธุลีหนึ ่งในโลก<br />
นี้โดยมิได้มาจากพระประสงค์ของอัลลอฮฺ แน่นอนพวกเขาก็ไม่มี<br />
ความสามารถที่จะกระทำสิ่งดังกล่าวได้หรอก<br />
แท้จริงคุณลักษณะอิรอดะฮ์(พระประสงค์)ของอัลลอฮฺนั้น ดำรง<br />
อยู่ที่ซาตของพระองค์ อยู่ในหมวดของบรรดาศิฟัตของพระองค์75<br />
ดังนั้นเฉกเช่นดังกล่าว 76 พระองค์ยังคงมีคุณลักษณะทรงเจตนา<br />
มาตั้งแต่เดิม พระองค์เป็นผู้ทรงเจตนามาตั้งแต่เดิมแล้วที่จะให้มี<br />
สรรพสิ่งต่างๆ ขึ้นมาในช่วงเวลาต่างๆ ของมันที่พระองค์ได้ทรง<br />
กำหนดไว้ แล้วมันก็มีขึ้นมาในช่วงเวลาต่างๆ ของมันตามที่พระองค์<br />
ทรงประสงค์มาตั้งแต่เดิมแล้วโดยไม่เกิดขึ้นล่วงหน้าก่อนเวลา ไม่<br />
ได้เกิดขึ้นแบบล่าช้า แต่สรรพสิ่งทั้งหลายจะเกิดขึ้นมาตรงกับการ<br />
รอบรู้และพระประสงค์(เจตนา)ของพระองค์โดยไม่มีการเปลี่ยน<br />
ผันและไม่มีการเปลี่ยนแปลง พระองค์ทรงบริหารกิจการต่างๆ<br />
75 หมายถึง เราจะปฏิเสธว่า อิรอดะฮ์ นั้น มิใช่ศิฟัตของอัลลอฮฺย่อมไม่ได้ เพราะอิรอดะฮ์<br />
(ทรงเจตนา)เป็นคุณลักษณะของอัลลอฮฺเหมือนกับคุณลักษณะการทรงรอบรู้ ทรง<br />
เดชานุภาพ ทรงได้ยิน ทรงเห็น และทรงพูดของพระองค์.<br />
76 เฉกเช่นที่อิรอดะฮ์ของอัลลอฮฺทรงดำรงที่ซาตของพระองค์นั้น.
ي ي<br />
ئ<br />
َ<br />
َ<br />
َ<br />
ْ ف<br />
68<br />
ْنٍ .<br />
َ أ<br />
دَق َّ . وَلَ<br />
ْ ُ َ شأ ٌ ع<br />
َ ْ ي ْ َ غل<br />
َ َ لِك ل<br />
ِ ي<br />
ْ يَتِهِ مَرْ<br />
ِ يْعٌ بَصِ <br />
َ<br />
ْبَصَ ُ : وَأ ُ ت<br />
َ ، وَل<br />
َ ِ ي<br />
َ ْ يَدف<br />
قواعد العقائد<br />
ْن َ نْ ش<br />
َش<br />
َلِذ<br />
َ وَ ل تَ َ بُّ صِ َ ز مَ انٍ ف<br />
ْك رٍ<br />
َف<br />
أ<br />
ُبُ عَنْ ْتِيْبِ تَ<br />
َّه َعَ ال س ْ ٌ يَسْ مَ عُ وَ َ َى وَلَ يَعْ ز<br />
َن<br />
َلسَّ مْ عُ وَال<br />
ا<br />
َ مَسْ مُوْعٌ وَ إِن خ يَغِيْبُ عَنْ رُ ؤ ٌّ وَ إِنْ<br />
س ْعِهِ<br />
َعُ رُ ْ ؤ َ يَت ُ ه َ ظال َمٌ ...<br />
َ ْ جُ بُ َ ْ س عَ ُ ه بُ عْ ٌ د وَ ل<br />
ي<br />
... لَ بِ <br />
โดยไม่ต้องวางแผนเรียบเรียงความคิด และไม่ต้องรอคอยเวลา 77<br />
ดังนั้นด้วยเหตุดังกล่าวนี้ จึงไม่มีภารกิจใดที่ทำให้พระองค์ทรง<br />
สับสนกับอีกภารกิจหนึ่ง<br />
[ศิฟัตอัสสัมอุ้-ทรงได้ยินและอัลบะศ็อร-ทรงเห็น] 78<br />
ศิฟัตการทรงได้ยินและทรงเห็น: แท้จริงอัลลอฮฺตะอาลา<br />
เป็นผู้ทรงได้ยินยิ่ง เป็นผู้ทรงเห็นยิ่ง อัลลอฮฺทรงได้ยินและทรง<br />
เห็น โดยไม่มีสิ่งใดที่ถูกได้ยินหายไปจากการได้ยินของอัลลอฮฺ<br />
เลย หากแม้ว่ามันจะค่อยสักเพียงใดก็ตาม และสิ่งที่ถูกเห็นได้นั้น<br />
ไม่หายไปจากการเห็นของอัลลอฮฺเลยแม้ว่าสิ่งนั้นจะละเอียดสัก<br />
เพียงใดก็ตาม และความห่างไกลไม่สามารถมาปิดกั้นการได้ยิน<br />
ของพระองค์ได้ และความมืดไม่สามารถมากั้นขวางการเห็นของ<br />
พระองค์ได้<br />
77 เพราะการเรียบเรียงวางแผนและรอคอยเวลาในการกระทำสิ่งที่ตั้งใจไว้นั้น เป็น<br />
ลักษณะของมนุษย์มิใช่ลักษณะของอัลลอฮฺ.<br />
78 ศิฟัตอัสสัมอุ้และอัลบะศ็อร คือ “คุณลักษณะที่มีมาตั้งแต่เดิม ทำหน้าที่ในการแจ้ง<br />
ประจักษ์ได้ยินและแจ้งประจักษ์เห็นให้กับอัลลอฮฺในทุกสิ่งที่มีอย่างครอบคลุม” (ดู อัล<br />
บาญูรีย์, ฮาชียะฮ์อัลอิมามอัลบาญูรีย์, หน้า 142) ซึ่งการแจ้งประจักษ์ของการทรง<br />
ได้ยินและการทรงเห็นนั้นมีความแตกต่างกัน ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้ถึงแก่นแท้ของข้อแตกต่าง<br />
นี้ได้นอกจากอัลลอฮฺตะอาลาเท่านั้น ดังนั้นอัลลอฮฺทรงได้ยินและทรงเห็นทุกๆ สิ่งที่มี<br />
พระองค์ทรงได้ยินและเห็นซาตและศิฟัตของพระองค์ ทรงได้ยินและทรงเห็นสรรพสิ่ง<br />
ทั้งหลายที่ถูกสร้างให้มีขึ้นมา.
ْ<br />
ي<br />
ْ<br />
ُ<br />
ي<br />
ي<br />
ي<br />
ْ<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
َ َا<br />
َانٍ ك<br />
َ ِخةٍ وَآذ<br />
َ ْ إِذ َ ل ت ْ ُش بِ هُ صِ فَاتُهُ<br />
ةٍ<br />
َ أَص<br />
ِ<br />
ْ آل<br />
بِغَ ي ِ<br />
ْ<br />
ْقِ .<br />
خَل<br />
ِ د ٌ ...<br />
َانٍ وَ ي َسْ مَعُ مِنْ غ<br />
َةٍ وَأ َجْ ف<br />
ُق<br />
َ خْ ل<br />
ِ جَ ارِحَ ةٍ وَ<br />
ُه َ وَ اتِ ال<br />
ْ ُش بِ ه<br />
ٌ د مُ تَ وَعّ<br />
مُ تَ ك نَ هٍ وَ اعِ<br />
ي<br />
بِغَ ْ<br />
َ ات ُ ذ ُ ذ<br />
َ ّ ٌ آمِ رٌ <br />
ِ<br />
ِ َ حَدق<br />
ْ<br />
َ َى مِنْ غَ ي<br />
ُ<br />
ْبٍ وَ يَبْطِ ش<br />
َ َ ا َ ل ت<br />
69<br />
...<br />
َ قَل<br />
َ ُ بِغ ِ<br />
ْ<br />
خَل<br />
َ ل<br />
يَعْ ل<br />
ْقِ ك<br />
صِ فَ اتِ ال<br />
َّه<br />
َن<br />
ا َ ْك َمُ : وَ أ<br />
َ<br />
ُ ت َعَ ال<br />
อัลลอฮฺทรงเห็นโดยไม่มีลูกตาและเปลือกตา 79 พระองค์ทรงได้ยิน<br />
โดยไม่มีรูหูและหู เช่นเดียวกับพระองค์ทรงรอบรู้โดยไม่มีหัวใจ 80<br />
พระองค์ทรงยึดกุมโดยไม่ใช้อวัยวะ 81 และพระองค์ทรงสร้างโดย<br />
ไม่ใช้เครื่องมือ 82 เนื่องจากบรรดาคุณลักษณะ(ศิฟัต)ของอัลลอฮฺ<br />
นั้น ไม่คล้ายเหมือนกับบรรดาคุณลักษณะของสิ่งที่ถูกสร้าง เช่น<br />
เดียวกันกับซาตของพระองค์นั้นไม่คล้ายเหมือนกับตัวตนของสิ่ง<br />
ที่ถูกสร้างทั้งหลาย<br />
[ศิฟัตอัลกะลาม-การทรงพูด] 83<br />
การทรงพูด: แท้จริงอัลลอฮฺตะอาลานั้นพระองค์ทรงพูด<br />
ทรงบัญชาใช้ ทรงสัญญาให้ผลบุญ และทรงสัญญาจะลงโทษ<br />
79 เพราะการเห็นด้วยลูกตาและเปลือกตานั้น เป็นคุณลักษณะของสิ่งถูกสร้างและเป็น<br />
รูปแบบการเห็นของสิ่งที่เป็นรูปร่าง ซึ่งอัลลอฮฺทรงบริสุทธิ์จากสิ่งดังกล่าว.<br />
80 และทรงรอบรู้โดยไม่ใช้สมอง. ดู อัซซะบีดีย์, เล่ม 2, หน้า 29.<br />
81 แต่อัลลอฮฺทรงยึดกุมฟากฟ้าและแผ่นดินไว้มั่นคงอยู่ด้วยกุดเราะฮ์(ความเดชา<br />
สามารถ)ของพระองค์มิใช่ด้วยอวัยวะมือ.<br />
82 เพราะการใช้เครื่องมือมาช่วยในการสร้างสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น เป็นลักษณะความอ่อนแอ<br />
ของมนุษย์ที่ต้องการเครื่องทุ่นแรง.<br />
83 ศิฟัตอัลกะลาม คือ “คุณลักษณะที่มีตั้งแต่เดิมดำรงอยู่ที่ซาตของอัลลอฮฺ โดย<br />
ปราศจากเสียงและอักษร ซึ่งด้วยคุณลักษณะนี้พระองค์จึงเป็นผู้ทรงบัญชาใช้ ผู้บัญชา<br />
ห้าม และผู้บอกเล่า” (ดู อัลบาญูรีย์, ตุหฺฟะตุลมุรี้ด, หน้า 129) เช่น อัลลอฮฺทรงพูดบัญชา<br />
ใช้ให้ทำละหมาด ทรงบัญชาห้ามทำซินา และทรงบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ของบรรดา<br />
นะบีย์ในอัลกุรอานเป็นต้น.
يْ<br />
ئ يْ ّ<br />
ب<br />
نْ<br />
ج<br />
ب<br />
ي<br />
قواعد العقائد<br />
<br />
70<br />
َ ْ ُ د ثُ<br />
َيْسَ بِ صَ وْ تٍ <br />
َل<br />
ْقِ ف<br />
َ اتِهِ ل ْ ُش بِ ه َ َمَ ال<br />
... بِ َ ك َمٍ أ َ َز لِ ي<br />
َوْ اصْ طِ َ ك كِ أ َجْ رَ امٍ وَ ل َ رْ فٍ يَنْ ق ِ طْبَ اقِ َ ش فَةٍ أَوْ<br />
َ ه وَ اهُ أ<br />
َلِ<br />
مِ نْ انْسِ ال<br />
َ ةُ ع<br />
َن ُ ْق رْ َ آن وَ َّ الت وْ رَ َ اة وَ ا إلِ ِ يْ َ ل وَ َّ الز بُ وْ رَ ك ُ بُ ه نَ زَّل<br />
تَ ْ رِ يْكِ لِسَ انٍ ، وَ أ<br />
ْسِ َ ن ةِ ...<br />
َن ُ ْق رْ َ آن مَ ق ِ لأَ ل<br />
رُ سُ لِ ِ عَ ل ِ مُ السَّ الَمُ . وَ أ<br />
َ<br />
َ ل<br />
ُ ْ<br />
ُ ال<br />
َ طِ عُ ِ إ <br />
ُ ت<br />
ْ خَل<br />
ُ ك<br />
َ ِب <br />
ْ رُ وْءٌ <br />
َدِ ٍ ِ ٍ قَا بِ ذ َ ي<br />
ٍ ق<br />
َّ ال<br />
َّ ال<br />
َ<br />
<br />
ด้วยการพูดของพระองค์ที่มีมาตั้งแต่เดิม(โดยไม่มีจุดเริ่มต้น) ซึ่ง<br />
เป็นการพูดที่ดำรงอยู่ที่ซาตของอัลลอฮฺที่ไม่คล้ายเหมือนกับการ<br />
พูดของสิ่งที่ถูกสร้าง ดังนั้นการพูดของอัลลอฮฺจึงไม่เป็นเสียงที่เกิด<br />
ขึ้นจากการออกลมเบาๆ 84 หรือไม่ได้มาจากการกระทบของบรรดา<br />
วัตถุ(เช่นลิ้นกระทบกับเพดาน) และ(การพูดของอัลลอฮฺนั ้น)ไม่เป็น<br />
อักษรที่มีการขาดตอนด้วยการปิด(เม้ม)ริมฝีปาก 85 หรือกระดิกลิ้น<br />
(เช่น อักษรรออฺ)<br />
แท้จริงคัมภีร์อัลกุรอาน อัตเตารอฮฺ อัลอินญีล และอัซซะบูรนั้น<br />
เป็นคัมภีร์86 ที่ถูกประทานลงมาแก่บรรดาร่อซูลของอัลลอฮฺ –ขอ<br />
อัลลอฮฺทรงประทานความสันติแก่พวกเขา- และแท้จริงอัลกุรอาน<br />
ถูกอ่านด้วยลิ้น<br />
84 เพราะเมื่อมนุษย์พูด จะมีลมเบาๆ ออกมาจากปาก ซึ ่งนั่นไม่ใช่คุณลักษณะการพูด<br />
ของอัลลอฮฺ.<br />
85 คือ الضاد، الطاء، الظاء] [الصاد، เมื่ออ่านอักษรนี้แล้วจะต้องปิดปากหรือเม้มริมฝีปาก<br />
ซึ่งหากอ้าปากก็จะอ่านไม่ได้.<br />
86 บรรดาถ้อยคำต่างๆ จากบรรดาคัมภีร์ที่ถูกประทานลงมานั้น บ่งชี้ถึงศิฟัตกะลามของ<br />
อัลลอฮฺที่มีมาตั้งแต่เดิมที่ดำรงอยู่ที่ซาตซึ่งไม่มีภาษาและอักษร ด้วยเหตุนี้ถ้อยคำ<br />
ต่างๆ ในเล่มของบรรดาคัมภีร์นั้นจึงมีภาษาที่แตกต่างกันไปตามภาษาที่ประชาชาติ<br />
ของนะบีย์แต่ละท่านพูดและเข้าใจกัน ดังนั้นถ้อยคำของคัมภีร์ที่ถูกประทานลงมาเป็น<br />
ภาษาอาหรับคืออัลกุรอาน และเป็นภาษาอัลอิบรอนีย์คือคัมภีร์อัตเตารอฮฺ และเป็น<br />
ภาษาอัซซุรยานีย์คือคัมภีร์อินญีลและซะบูร.
ْ<br />
َ<br />
ٌ ف<br />
ف<br />
ب<br />
ت َ<br />
ي<br />
َ<br />
َّ<br />
ُ<br />
َ<br />
ي<br />
ف<br />
َ<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
قَدِ يْ ٌ ِئ ٌ قَا<br />
71<br />
ُوْظ ِ ي ُ الْق لُوْ بِ وَأَنَّهُ مَ عَ ذَلِكَ<br />
ْ َ صَ احِ فِ م<br />
ِ ي ال<br />
... مَ كْت ُوْ بٌ<br />
َ<br />
ُوْبِ<br />
ُل<br />
َالِ إِل الْق<br />
ْبَل الِ نْفِصَ ال وَالِ فْ ِ لِ نْتِق<br />
َعَال ل يَق<br />
َ بِذ اتِ هللاِ ت<br />
َيْهِ وَسَ ل ِ عَ َ كمَ هللاِ بِغ ِ صَ وْتٍ<br />
أَوْ رَ اقِ ، وَأَنَّ مُ وْسَ صَ ل هللاُ عَل<br />
وَال<br />
َ ْ آ ال خِ رَ ةِ مِ ِ نْ غَ جَ وْ هَرٍ<br />
هللاِ تَعَ ال<br />
ب الأَ َارُ ذَاتَ<br />
وَلَ حَ رْ فٍ . ك َ َى ْ<br />
َ<br />
ي<br />
ْ<br />
ِ َاق <br />
َّ َ س<br />
ِ ي <br />
َ ْف <br />
َ َ ا <br />
ถูกบันทึกไว้ในมุศหับ(เล่มอัลกุรอาน) 87 ถูกจดจำในหัวใจ และพร้อม<br />
ดังกล่าวนั้น อัลกุรอาน(ที่เป็นศิฟัตกะลามของอัลลอฮ์)นั้นก่อดีม(มี<br />
มาตั้งแต่เดิมไม่มีจุดเริ่มต้นและมิได้บังเกิดขึ้นมาใหม่)และดำรงอยู่<br />
ที่ซาตของอัลลอฮฺตะอาลาโดย(ศิฟัตการพูดของพระองค์นั้น) ไม่รับ<br />
การแยกออกมาด้วยการเคลื่อนย้ายเข้ามาสู่หัวใจและกระดาษ<br />
และแท้จริงนะบีย์มูซา ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ยินการพูด<br />
ของอัลลอฮฺโดยไม่มีเสียงและอักษร<br />
[มุอฺมินได้เห็นอัลลอฮฺในโลกหน้า]<br />
(แท้จริงการที่นะบีย์มูซาได้ยินการพูดของอัลลอฮฺโดยไม่มีเสียง<br />
และอักษรนั้น)เสมือนกับการที่บรรดาคนดีทั้งหลายได้เห็นซาตของ<br />
อัลลอฮฺในโลกหน้า 88 โดย(ไม่มีรูปแบบวิธีการ)ไม่เป็นสสาร(รูปร่าง)<br />
87 อัลกุรอานที่อยู่ในเล่มที่เป็นกระดาษ มีน้ำหมึกและอักษรภาษาอาหรับนั้น ก็เรียก<br />
ว่ากะลามุลลอฮฺ(พจนารถของอัลลอฮฺ)เช่นกัน โดยพิจารณาในแง่ที่ว่า ความหมายใน<br />
เล่มอัลกุรอานนั้นบ่งชี้ถึงความหมายบางส่วนของศิฟัตกะลามของอัลลอฮฺที่ดำรงอยู่ที่<br />
ซาตมาตั้งแต่เดิม(กะลามนัฟซีย์) ดังนั้นเล่มอัลกุรอานจึงเรียกว่ากะลามุลลอฮฺ เหมือน<br />
กับเจ้าเมืองได้นำคำตรัสของกษัตริย์ที่อยู่ในสารมาอ่านให้ฟังต่อหน้าประชาชน ฉะนั้น<br />
ข้อความในสาร จึงเรียกว่า คำตรัสของกษัตริย์ เช่นกัน.<br />
88 นักปราชญ์ได้กล่าวว่า เคล็ดลับที่ไม่เห็นอัลลอฮฺในโลกดุนยานั้นก็เพราะว่า หากคน<br />
ภักดีได้เห็นอัลลอฮฺในโลกดุนยา แน่นอนคนฝ่าฝืนก็จะพูดได้ว่า หากฉันได้เห็นอัลลอฮฺ<br />
ฉันก็จะอิบาดะฮ์ต่อพระองค์ และหากคนฝ่าฝืนได้เห็นอัลลอฮฺด้วย แน่นอนเขาก็มีสภาพ<br />
ที่ดีกว่าคนภักดี และหากทั้งสองเห็นอัลลอฮฺพร้อมๆ กัน แน่นอนความพิเศษของการ<br />
เห็นอัลลอฮฺก็หมดไป. ซัรรู้ก, อะกีดะฮ์อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์, หน้า 115.
ِ<br />
ْ<br />
َ<br />
َ<br />
ب ي<br />
قواعد العقائد<br />
72<br />
ً ا<br />
َ نَ<br />
ُ د<br />
ً يْد<br />
َادِرا مُرِ<br />
اك حَيًّا عَالِ ًا ق<br />
َاتُ<br />
َ ُ هَذِ هِ ِ الصّ ف<br />
َا اك ل<br />
وَل عَرَضٍ ، وَ إِذ<br />
ْعِ ِل وَ ا إلِ رَ ادَ ةِ ِ وَ السَّ مْ ع وَ ال ْبَ صَ<br />
ْق ْ رَ ةِ وَ ال<br />
ْ ً ا مُ تَ ك ِ لْ َيَ اةِ وَ ال<br />
ِس يْ عً ا بَ صِ<br />
وَ َ الْك َمِ ل ُ جَ رَّ دِ الذ<br />
أَ ُ سُ بْ حَ ان ُ وَ َ ت عَ ال مَ وْ جُ وْ َ ٌ د سِ وَ اهُ إِ ل وَ َّ ُ ه وَ حَ ادِ ٌ ث بِ فِ عْ لِ ِ<br />
َ ال فْعَ ال<br />
َ ْوُ جُ وْ<br />
فَائِض مِ نْ عَ ْ د لِ ِ َ عل أَحْ سَ نِ ال<br />
وَ ٌ<br />
هِ ...<br />
َ ل<br />
َ نَتْ<br />
َ ّ اً <br />
ِ<br />
ِب َّ اتِ .<br />
َ<br />
ُ : وَ َ أ َّ نه َ ه<br />
และไม่เป็นคุณลักษณะอุบัติ89 และเมื่ออัลลอฮฺมีบรรดาคุณลักษณะ<br />
เหล่านี้ แน่นอนพระองค์ก็มีกระบวนการของ(ศิฟัตมะอฺนะวียะฮ์<br />
ตามมา คือ)ผู้ทรงเป็น ผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงเจตนา<br />
ผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น ผู้ทรงพูด เนื่องด้วยการมี(บรรดาศิฟัตมะอานี<br />
คือ)ศิฟัตทรงเป็น ศิฟัตเดชานุภาพ ศิฟัตรู้ ศิฟัตเจตนา ศิฟัตได้ยิน<br />
ศิฟัตเห็น ศิฟัตพูด มิใช่มีเพียงแค่ซาตเท่านั้น 90<br />
[เตาฮีดอัฟอาล-หนึ่งเดียวในการกระทำของอัลลอฮฺ]<br />
บรรดากระทำของอัลลอฮฺ: แท้จริงอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะ<br />
ตะอาลานั้น ไม่มีสิ่งอื่นใดเว้นแต่สิ่งนั้นบังเกิดขึ้นมาใหม่ด้วยการ<br />
สร้างของพระองค์ทั้งสิ้น และหลั่งไหล(ปรากฏสรรพสิ่งทั้งหลาย<br />
ออกมา)จากความยุติธรรมของพระองค์บนหนทางที่สวยงามที่สุด<br />
89 อัลลอฮฺไม่มีลักษณะอุบัติอยู่ที่พระองค์ เช่น ความใหญ่ เล็ก สูง ต่ำ กว้าง ยาว อ้วน<br />
ผอม หนา บาง การหยุดนิ่ง การเคลื่อนไหว การง่วงนอน การหลับ การเคลื่อนย้าย การ<br />
มีสีต่างๆ เป็นต้น เพราะลักษณะอุบัติเหล่านี้ ต้องอาศัยอยู่ที่สสารหรือสิ่งที่เป็นรูปร่าง<br />
แต่อัลลอฮฺมิใช่เป็นรูปร่าง.<br />
90 อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้กล่าวถ้อยคำดังกล่าวเพื ่อตอบโต้พวกมุอฺตะซิละฮ์ที่ปฏิเสธ<br />
การมีศิฟัตเหล่านั้น เนื่องจากพวกเขากล่าวว่า อัลลอฮฺทรงอิลมุ้(ทรงรู้)ด้วยซาตของ<br />
อัลลอฮฺ มิใช่ด้วยศิฟัตทรงรู้ของพระองค์ และอัลลอฮฺทรงกุดเราะฮ์(เดชาสามารถ)ด้วย<br />
ซาตของอัลลอฮฺมิใช่ด้วยศิฟัตเดชาสามารถของพระองค์ ซึ่งการปฏิเสธการมีศิฟัตของ<br />
อัลลอฮฺนั้นเป็นแนวทางที่บิดอะฮ์ เนื่องจากอัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ได้ยืนยัน<br />
รับรองไว้ว่า อัลลอฮ์ทรงมีศิฟัตอิลมุ้และกุดเราะฮ์ เป็นต้น.
ْ<br />
ي<br />
ي<br />
ف<br />
ف<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
ْ أَف<br />
َ ِ ي<br />
ٌ ْ<br />
َ<br />
تَ ّ<br />
73<br />
ٌ ْ أَقْضِ يَتِهِ لَ<br />
َادِل<br />
َن ُ ّه حَ ك ْعَ الِ ِ ع<br />
َ ْد لِ َا وَأ<br />
ْ<br />
... وَأَ ك َلِهَا وَأ ِ هَا وَأَع<br />
ف ْ مُ لْكِ<br />
َصَ ُّفِهِ ِ ي <br />
ْه<br />
بْد يُتَصَ وَّ رُ مِ ن<br />
ْعِ بَادِ إِذِ ال ْعَ ُ<br />
َد ْ لِ ال<br />
َاسُ ع<br />
يُق<br />
ُ مُ لْك<br />
َ ُ َّه َ ل يُصَ ادِ ف ِهِ<br />
ْ ُ مِ نَ هللاِ ت َعَ ال فَإِن<br />
ْظ<br />
َصَ وَّ رُ ال<br />
غَ ِهِ. وَلَ يُت<br />
يَ كُ وْ ن ُ فِ يْ هِ ظ ا سِ وَ اهُ مِ نْ إِ نْسٍ وَ جِ نٍّ وَ مَ لَكٍ وَ َ ش يْ َ ط انٍ وَ سَ ءٍ<br />
َدِ ثٌ<br />
َ ْ سُ وْ سٍ حا<br />
وَ أَرْ ضٍ وَ حَ يَ وَ انٍ وَ ن َبَ اتٍ وَ حجَ َادٍ وَ جَ وْ َ ه رٍ َ وع رَ ضٍ ومُ ْ د رَ كٍ وَ م<br />
ً حَ َّت<br />
ِ ي <br />
ْ ُ بِت<br />
ُ ُّ الظل<br />
ي<br />
لِغَ ْ<br />
ُ ل<br />
ُ ْ ل ً ا فَك مَ ُ ُّ<br />
ُ ُ بِعَ د<br />
ْ ل<br />
َ َ ت صَ ُّ فُه<br />
สมบูรณ์ที่สุดและยุติธรรมที่สุด 91 และแท้จริงอัลลอฮฺทรงแยบยล<br />
ในการกระทำของพระองค์ ทรงยุติธรรมในการพิพากษา ซึ่งไม่มี<br />
ความยุติธรรมของปวงบ่าวจะมาเทียบเคียงกับความยุติธรรมของ<br />
พระองค์ได้เลย เนื่องจากบ่าวนั้น (สติปัญญา)คิดไปได้ว่าความ<br />
อธรรมจะเกิดขึ้นจากเขาด้วยเหตุที่เขาได้กระทำ(การละเมิด)ใน<br />
กรรมสิทธิ์ของผู้อื่น ส่วนความอธรรมจากอัลลอฮฺนั้น(สติปัญญา)<br />
ไม่สามารถคิดขึ้นมาได้เลย เพราะอัลลอฮฺนั้นไม่เผชิญหน้ากับ<br />
สิทธิครอบครองของผู้อื่นจนกระทั่งการกระทำของพระองค์นั้นไป<br />
อธรรมแก่ผู้อื่น<br />
ดังนั้นทุกสิ่งที่อื่นจากอัลลอฮฺ ไม่ว่าจะมาจากมนุษย์ ญิน มะลาอิกะฮ์<br />
ชัยฏอน ฟากฟ้า แผ่นดิน สัตว์ พืช วัตถุ สสาร คุณลักษณะ<br />
อุบัติที่อยู่ที่สสาร 92 สิ่งที่รับรู้ได้(ด้วยสติปัญญา) และสิ่งที่สัมผัส<br />
ได้(ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า) ล้วนเป็นสิ่งบังเกิดขึ้นมาใหม่<br />
91 หมายถึง การที่อัลลอฮฺทรงสร้างจักรวาลแห่งนี้ สร้างฟากฟ้าและแผ่นดินทั้งเจ็ดชั้น<br />
สร้างบัลลังก์(อะรัช) สร้างสวรรค์ และอื่นๆ นั้น สมบูรณ์และปราณีตแล้วโดยไม่มีข้อ<br />
บกพร่องแต่อย่างใด.<br />
92 เช่น ความใหญ่ เล็ก สูง ต่ำ กว้าง ยาว การหยุดนิ่ง การเคลื่อนไหว การง่วงนอน การ<br />
หลับการเคลื่อนย้าย การมีสีต่างๆ เป็นต้น.
ت<br />
ب<br />
ي<br />
ف<br />
ت<br />
َ<br />
قواعد العقائد<br />
<br />
74<br />
ُ نْ ش َ يْئاً<br />
َ<br />
َن<br />
ْش اءً بَ عْ د<br />
ْش َهُ إِن<br />
َن<br />
اِ ختَ َع ْ رَ تِهِ بَ عْ د ْعَ َ د مِ اِ خِ َ اعاً وَ أ<br />
َلِكَ<br />
َ ْق ذ<br />
الْخَل<br />
ُنْ مَعَه ْ ُهُ فَأ َحْ َ د ثَ<br />
إِذْ َ اك نَ مَوْجُ ً وْدا وَحْ َ دهُ وَ ل<br />
تَ ْ قِ يْ ً قا لِ َ ا سَ بَ َ ق مِ نْ إِرَ َ اد تِهِ وَ لِ َ ا حَ ق ِ ي َ الأَز لِ مِ نْ ك<br />
ظْ َ إِ ارا ْ رَ تِهِ وَ <br />
َ<br />
ل<br />
َّكْ<br />
ِ وَالت ِيْفِ<br />
ْقِ وَالِخ<br />
ِ لْ خَل<br />
َ هِ إِلَيْهِ وَحَ اجَ تِهِ. وَأَنَّهُ مُ تَفَضّ<br />
ْتِق ارِ<br />
لَ لِ ِ ف<br />
عَ نْ وُ جُ وْ<br />
ِ َ تِهِ<br />
َ ْ يَك<br />
َ أ ْ ل<br />
َ<br />
بَعْد<br />
َّ<br />
ْ ِ َ اع<br />
َ أ<br />
َ<br />
ُ غ<br />
<br />
ٌ<br />
ِ ل<br />
ْ<br />
َ ْ يَك<br />
ْ َ ُ ه ُ بِقد َ ال<br />
بٍ ...<br />
ً ُ لِقد<br />
ที่อัลลอฮฺได้ทรงสร้างขึ้นมาหลังจากที่มันไม่เคยมีมาก่อนด้วย<br />
เดชานุภาพของพระองค์ ซึ่งเป็นการสร้างและบันดาลมันขึ้นมา<br />
หลังจากที่มันไม่เคยเป็นสิ่งใด(ที่ถูกเรียกชื่อ)มาก่อนเลย เนื่องจาก<br />
พระองค์ทรงมีหนึ่งเดียวเท่านั้นโดยไม่มีสิ่งอื่นใดอยู่พร้อมกับ<br />
พระองค์ แล้วพระองค์ก็ทรงบันดาลให้สิ่งถูกสร้างทั้งหลายบังเกิด<br />
ขึ้นมาหลังจากนั้น เพื่อสำแดงถึงความเดชานุภาพของพระองค์<br />
และเพื่อทำให้บรรลุถึงเจตนาของพระองค์ที่อยู่ก่อนหน้าและ(เพื่อ<br />
ทำให้บรรลุถึง)สิ่งที่ได้มีอยู่ตั้งแต่เดิมมาแล้วจาก(พจนารถ)คำ<br />
บัญชาของพระองค์ มิใช่เพราะพระองค์ทรงพึ่งพาและต้องการ(ผล<br />
ประโยชน์ใดๆ จาก)สิ่งถูกสร้าง<br />
[การสร้างทุกสิ่งที่มุมกินหรือไม่สร้างในสิทธิของอัลลอฮฺ]<br />
แท้จริงอัลลอฮฺทรงประทานความโปรดปราน(แก่ปวงบ่าว)ด้วยการ<br />
สร้าง ประดิษฐ์ และวางบทบัญญัตินั้น มิใช่เพราะวาญิบ(จำเป็นบน<br />
พระองค์ แต่เป็นสิ่งที่มุมกินที่อัลลอฮฺจะกระทำก็ได้หรือไม่ทำก็ได้) 93<br />
93 ไม่มีสิ่งใดวาญิบสำหรับอัลลอฮฺเพราะพระองค์มิได้อยู่ภายใต้เงื่อนไขใดที่มาบังคับ<br />
เนื่องจากพระองค์เป็นพระเจ้าผู้ปกครองและทรงสิทธิ์ทุกสรรพสิ่ง ดังนั้นพระองค์จะ<br />
ทรงกระทำสิ่งมุมกินแบบใดก็ได้ตามที่พระองค์ประสงค์ เช่น การเข้านรกและสวรรค์<br />
เป็นสิ่งมุมกิน ดังนั้นพระองค์จะให้ใครเข้าสวรรค์หรือลงนรกก็ได้ พระองค์จะให้คนที่<br />
ฏออัตเข้านรกก็ได้และให้คนชั่วเข้าสวรรค์ก็ได้ โดยไม่วาญิบบนอัลลอฮฺจะต้องให้คน
ب<br />
ِ<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
َ<br />
ل<br />
<br />
َ ان<br />
75<br />
ٌ<br />
ِل<br />
... وَمُتَطَوّ<br />
ِ إلِنْعَامِ وَا إلِصْالَح<br />
وَ ِّ الن عْ مَ ُ ة وَ الِ مْ تِ ن ُ إِ ذ َ ادِ را<br />
أَوْ صَ<br />
وَ يَبْت يَ ُمْ بِ صضُ ُ وْ بِ آ ال لَمِ وَ ال<br />
َبِ يْ ً حا وَ ل<br />
يَكُ نْ مِ ن<br />
َل<br />
ُوْمٍ ف<br />
ُز<br />
عَنْ ل<br />
َ أن يَ صُ بَّ ْ<br />
َوْ ف<br />
ُ<br />
ُ إلِحْسَ ان<br />
ْل وَا<br />
َض<br />
ْف<br />
عِ بَ ادِ هِ أ ْ وَ اع ْعَ ذا<br />
َك َ مِ ن ً وَ ل<br />
َُ ال<br />
َ َ ن َ ال َ بِ<br />
َ عل<br />
ْ َ<br />
َ َ ذ َ لِك ل َ ن ْ ُ ه َ ع ْ دل<br />
َ<br />
ْ َ اك َ ن ق ً َ عل<br />
.ً<br />
َ ُ ظ ْ لا<br />
َ لِ<br />
ْ ُ ه ق<br />
َعَ ل ابِ ، وَ ل<br />
และพระองค์ทรงประทานความโปรดปรานด้วยการประทาน<br />
ปัจจัยอำนวยสุขและประทานความดีงาม(แก่ปวงบ่าว)นั้น มิใช่มา<br />
จากความจำเป็น(บนพระองค์ที่จำต้องกระทำ) ดังนั้นสำหรับ<br />
พระองค์แล้วทรงโปรดปราน(ด้วยการสร้างเราให้บังเกิดมาและ<br />
ทรงหยิบยื่นปัจจัยอำนวยสุขทั้งหลายแก่เรา) ทรงประทานความ<br />
ดีงาม(โดยไม่ต้องมีสาเหตุ) ทรงประทานปัจจัยอำนวยสุข(ทั้งหมด<br />
ไม่ว่าจะสร้างเราให้บังเกิดขึ้น หยิบยื่นอำนวยสุขทั้งหลาย ป้องกัน<br />
เราให้พ้นจากอันตราย และประทานสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์แก่เรา)<br />
และทรงประทานความโปรดปราน(ให้แก่เราก่อนที่เราจะขอเสีย<br />
อีก) เนื่องจากพระองค์มีความสามารถที่จะประทานการลงโทษ<br />
ประเภทต่างๆ ลงมาบนบ่าว และทรงทำการทดสอบพวกเขาด้วย<br />
การให้มีความเจ็บปวดและความเจ็บป่วยประเภทต่างๆ และหาก<br />
พระองค์ได้กระทำสิ่งดังกล่าว แน่นอนว่าสิ่งดังกล่าวนั้นก็เป็นความ<br />
ยุติธรรมจากพระองค์โดยไม่เคยมีสิ่งใดที่น่ารังเกียจและเป็นความ<br />
อธรรมจากพระองค์เลย 94<br />
ฏออัตเข้าสวรรค์และคนทำชั่วลงนรก แต่พระองค์จะให้คนฏออัตเข้าสวรรค์ด้วยความ<br />
โปรดปรานและเมตตา และจะให้คนชั่วตกนรกด้วยความยุติธรรมของพระองค์.<br />
94 เพราะปวงบ่าวนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ จึงไม่มีคำว่าอธรรมให้กับพระองค์<br />
เนื่องจากความอธรรมคือการไปละเมิดสิ่งที ่มิได้เป็นกรรมสิทธิ์ของเขา และอัลลอฮฺทรง<br />
ทำให้เกิดความเจ็บปวดหรือเจ็บป่วยแก่ปวงบ่าวนั้น ล้วนมีเคล็ดลับซ่อนเร้นอยู่ เช่น
ي ب<br />
ج<br />
ي<br />
يْ<br />
ج<br />
َ<br />
َ<br />
َ<br />
ْ<br />
َق<br />
ب<br />
ف<br />
قواعد العقائد<br />
76<br />
ْوَع<br />
ْ نَ نِ عَ ل الطَّاع َ رَ مِ وَ ال<br />
ْمِ<br />
يُثِيْبُ عِ بَادَ هُ ال<br />
َيْهِ لِ أَحَ دٍ فِعْ ل وَلَ يُتَصَ وَّ رُ ٌ<br />
َقِ وَالل ُ ُّز وْ مِ ل ِ بُ عَ ل<br />
ِ الِسْ تِحْ قا<br />
َّ َ الطَّاع اتِ وَجَ بَ ع<br />
َن حَ ق ِ ي<br />
ِ بُ لِ أَحَ دٍ ع َيْ هِ حَ ٌّ ق . وَ أ<br />
ْلِ وَ لَكِنَّهُ<br />
َل ِمُ السَّ الَمُ ل ُ جَ رَّ دِ الْعَ ق<br />
ْبِيَائِهِ ع<br />
َن<br />
َةِ أ<br />
ْسِ ن<br />
جَابِهِ عَل أَل<br />
ْ ُ عْ جِ َ زاتِ الظ<br />
ظْ َ رَ صِ د<br />
الرُّ سُ َ ل وَ أ<br />
الْك ْ دِ<br />
ْ ُ ؤ َ اتِ ِب ُ ِ كْ<br />
َ<br />
َ ُ ْ إِذ َ ل ي <br />
َّ<br />
َّ ز وَجَ ل<br />
ُ َ ع<br />
لَ ِب ُ كْ<br />
َ<br />
ْ ٌ َ وَل ي <br />
ُ ُ ظل<br />
ْقِ ِ إ ِ<br />
َ<br />
َّه<br />
وَ أَن<br />
مِ نْه<br />
الْ خَل<br />
بَ عَ ثَ<br />
َ ل<br />
َّ ُ ه <br />
ِب <br />
َ<br />
َّ اهِ رَ ةِ ، ...<br />
َ<br />
َ ل<br />
ِ ل<br />
ُ مْ<br />
ْ<br />
และแท้จริงพระองค์จะให้ผลบุญแก่ปวงบ่าวผู้มีศรัทธาเนื่องจาก<br />
พวกเขาฏออัตด้วยหลักการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และสัญญาที่จะให้ผล<br />
บุญ มิใช่ด้วยหลักการที่จำเป็นต้องกระทำสำหรับพระองค์ เพราะ<br />
ไม่มีความจำเป็นใดๆ บนอัลลอฮฺที่จะกระทำให้แก่ผู้ใด และจะไม่<br />
ถูกคิดจินตนาการว่ามีการอธรรมจากพระองค์เลย และไม่มีหน้าที่<br />
ใดๆ ที่จำเป็นบนอัลลอฮฺที่จะต้องกระทำให้แก่ผู้ใด<br />
เรื่องการเป็นนะบีย์และสิ่งที่เกี่ยวข้อง<br />
แท้จริงสิทธิของอัลลอฮฺในเรื่องการฏออัตที่จำเป็นแก่ปวงบ่าวนั้น<br />
ด้วยการกำหนด(บทบัญญัติ)ของพระองค์ขึ้นมาโดยผ่านบนลิ ้น(คำ<br />
พูด)ของบรรดานะบีย์ของพระองค์ -ขออัลลอฮฺทรงประทานความ<br />
สันติแก่พวกเขาด้วยเถิด- มิใช่เพียงแค่มีสติปัญญาเท่านั้น 95 แต่<br />
พระองค์ทรงแต่งตั้งบรรดาร่อซูลและทรงเปิดเผยความสัจจะของ<br />
พวกเขาด้วยอภินิหารที่ชัดเจน<br />
อัลลอฮฺทรงประสงค์จะให้คนป่วยได้รับการลบล้างบาปและยกฐานะของเขาให้สูงด้วย<br />
ความอดทนและยินดีต่อการกำหนดของพระองค์ เป็นต้น.<br />
95 หมายถึง มิใช่มนุษย์มีเพียงแค่สติปัญญาเท่านั้นที่อัลลอฮฺจะเอาโทษ เพราะต้องมี<br />
บทบัญญัติจากอัลลอฮฺมาสั่งใช้และสั่งห้ามก่อน ดังนั้นผู้ที่การเรียกร้องอิสลามยังไม่ไป<br />
ถึงเขา เช่น ผู้ที่อยู่ในยุคสมัยที่ว่างเว้นจากร่อซูล (อะฮฺลุลฟัตเราะฮ์) และชาวป่าชาวเขา<br />
ที่ห่างไกล เป็นต้น พวกเขาก็จะไม่ถูกลงโทษจากอัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์ทรงตรัสว่า "และ<br />
เราจะไม่ลงโทษจนกว่าเราจะส่งศาสนทูตมา" (อัลอิสรออฺ: 15)
ج<br />
ئ<br />
َّ ب<br />
َ<br />
َ<br />
ْ<br />
َت<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
َ<br />
ع َ ل<br />
77<br />
قُ ُ يْ مْ فِ يْ مَ ا<br />
ْقِ ت َصْ دِ<br />
َوَ جَ بَ الْ خَل<br />
َ د هُ وَ وَ عِ يْ َ د هُ ف<br />
... فَبَ ل ُ َّغ وْ ا أ َمْ رَ هُ وَ نَ ْ يَ هُ وَ وَ ْ ع<br />
جاَءُ وْ ا بِ هِ .<br />
ُ َّه بَ عَ ث<br />
َن<br />
َ وَ أ<br />
َ السشَّ َ ادَ ُ ة لِلرُّ سُ لِ ِب لرّ ِسَ ةِ ال .<br />
َ َ ةِ الثَّانِيَّ ةِ : وَ هِ ي<br />
ِ الْك<br />
مَ عْ نَ<br />
َ ع لَ يْ هِ وَ سَ ل بِ ِسَ الَ تِ هِ إِ ل َ فَّ ةِ الْ عَ رَ بِ وَ الْ عَ جَ مِ<br />
ال أَمِّ يَّ الْ ق شِ يَّ م ً صَ ل<br />
َل<br />
َا. وَ فَض<br />
َرَّ رَ هُ مِ نْ<br />
ِ يْعَ تِهِ السشَّ َ ائِعَ إِلَّ مَ ا ق<br />
ْسِ فَنَسَ خَ بِسشَ<br />
وَال ِ وَا إلِ ن<br />
َّوْحِ يْدِ<br />
َةِ الت<br />
َد<br />
ا<br />
ي َ انِ بِسشَ<br />
ْبَسشَ وَمَ نَعَ ك ا إلِ ْ<br />
ْبِيَاءِ وَجَ عَ ل ِد ال ِ .<br />
سَ اِ<br />
َق<br />
َّ مَ ا ل<br />
وَ هُ وَ ق ُ َوْل َ ))ل إِلَ إِل هللاُ ((<br />
ِ ي<br />
َ َّ الن<br />
َ ُ ع<br />
َّ ل<br />
َ اك<br />
َ<br />
َ َال<br />
َ َّ<br />
ِب َ ا ..<br />
َ ْ ت ْ ِنْ<br />
َّ هللاُ<br />
َ ُ سَ يّ<br />
<br />
ُ َ مَّ دا<br />
ُ رَ <br />
ِ نّ<br />
ِ الأَن<br />
แล้วพวกเขาก็ทำการเผยแผ่คำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ คำสั่งห้าม สัญญา<br />
ที่จะให้คุณ และสัญญาที่จะลงโทษของพระองค์ ดังนั้นจำเป็นบน<br />
ปวงบ่าวจะต้องเชื่อในสิ่งที่บรรดานะบีย์นำมา<br />
ความหมายถ้อยคำ(ชะฮาดะฮ์)ที่สอง คือ การปฏิญาณยืนยัน<br />
แก่บรรดาศาสนทูตว่าเป็นผู้นำสารจากอัลลอฮฺมาเผยแผ่<br />
[การแต่งตั้งท่านนะบีย์มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม]<br />
แท้จริงอัลลอฮฺทรงแต่งตั้งท่านนะบีย์ ผู้อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ เป็น<br />
คนในตระกูลกุเรช นามว่ามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม<br />
พร้อมกับสารจากอัลลอฮฺสู่ชาวอาหรับ ผู้ไม่ใช่อาหรับ ญินและ<br />
มนุษย์ทั้งหมด ดังนั้นอัลลอฮฺจึงยกเลิกบรรดาบทบัญญัติ(ก่อนหน้า)<br />
ด้วยบทบัญญัติของนะบีย์มุฮัมมัดเว้นแต่สิ ่งที่ท่านนะบีย์ได้ยอมรับ<br />
ไว้จากบทบัญญัติก่อนหน้านั้น และอัลลอฮฺทรงทำให้ท่านนะบีย์<br />
มีความประเสริฐเหนือบรรดานะบีย์ทั้งหลายและทรงทำให้ท่าน<br />
นะบีย์เป็นนาย(หัวหน้า)แห่งมนุษยชาติ และอัลลอฮฺทรงห้ามความ<br />
สมบูรณ์ของอีหม่านด้วยการปฏิญาณตนในเอกภาพของอัลลอฮฺซึ่ง<br />
ก็คือคำกล่าวว่า ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ ตราบใดที่ไม่อยู่พร้อมกับการ
ف<br />
ب<br />
ي<br />
بِ<br />
قواعد العقائد<br />
78<br />
ه<br />
ُ<br />
ُ َ مَّ ٌ د رَ سُ ُ وْل هللاِ ((. وَ َ أ َ لْز مَ ال ْخَلْ َ ق تَ صْ دِ يْ َ ق<br />
ُك<br />
شَ َ ادَ ُ ة الرَّ سُ وْلِ وَ ُ ه وَ ق َوْ ل<br />
ُمُ وْ رِ ُّ الدن ْيَ ا وَ آ ال خِ رَ ةِ .<br />
َخ ْ ُ ه مِ نْ أ<br />
ِ ِ يْ ع مَ ا أ<br />
ْ َ وْ تِ وَ َ أ وَّ ل<br />
َّه َ بَّ ل َ بْ دٍ حَ تَّ يُؤ َ ا أ بَ َ بِ هِ بَ عْ د<br />
وَ أ<br />
ي<br />
فِيْ بِْ قَ هِ سَ وِ ًّ<br />
شَ خْ صَ انِ مُِ يْ بَ انِ هَ ائِ الَنِ يُْ ق عِ َ د انِ الْ عَ بْ د<br />
ُ وَ نَ كِ يٍْ وَ ه<br />
سُ ؤ مُ نْ كَ رٍ<br />
َ ُ : مَ نْ رَ َ بُّك ؟<br />
َنِ ل<br />
َ وَ ُ يَق وْل<br />
َ وَجَ سَ دٍ ف َيَسْ أ َ َل نِهِ َ ع نِ التَّوْحِ يْ دِ وَ الرّ ِسَ ةِ ال<br />
ذا رُ وْ ٍ ح<br />
وَ مَ ا دِ يْ ن َ ؟ وَ مَ نْ َ ن بِ يُّ َ ك ؟ وَ ه نَ الْقب ِ ، وَ سُ ؤ ُ َ مَ ا َ أ وَّ ُ ل فِ ت َ ةٍ بَ عْ د<br />
: ُ ُ<br />
َ ال ْ َ وْ تِ .<br />
َ ال<br />
َ<br />
ْ ن<br />
َ ْ خ<br />
َ ال<br />
ْ مِ نَ <br />
ْ<br />
َ<br />
َ ))م<br />
...<br />
ْ حجَ ْ َ َ عَ ن<br />
ِ ي<br />
َ ن ُ َ ل َ يَتق ُ ْ َ إِ َ ان ع<br />
َ ال َُ ا <br />
ُ َ ا َّ فَتا<br />
ปฏิญาณตนในความเป็นศาสนทูต คือ คำกล่าวของท่านที่ว่า มุฮัมมัด<br />
ร่อซูลุลลอฮฺ<br />
อัซซัมอีย้าต(บรรดาหลักความเชื่อที่ได้ยินจากตัวบท) 96<br />
[อะลั่มบัรซักและการลงโทษที่กุบูร]<br />
อัลลอฮฺทรงบัญญัติให้ปวงบ่าวทำการเชื่อนะบีย์ในทั้งหมดจากสิ่ง<br />
ที่ท่านได้นำมาบอกจากเรื่องราวของดุนยาและอาคิเราะฮ์ และ<br />
แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ตอบรับอีหม่านของบ่าวคนหนึ่งจนกว่าเขาจะ<br />
อีหม่านต่อสิ่งที่ท่านนะบีย์ได้นำมาบอกเล่าถึงเรื่องราวหลังจาก<br />
ความตาย ประการแรก คือ การสอบถามของมุงกัรและนะกีร ซึ่ง<br />
ทั้งสองเป็นบุคคลที่น่าเกรงขามและใหญ่โต ทั้งสองจะทำให้บ่าวนั่ง<br />
ตัวตรงในกุบูรโดยมีวิญญาณและร่างกาย ทั้งสองจะถามเขาจาก<br />
เรื่องของเตาฮีดและการเป็นร่อซูล โดยทั้งสองจะกล่าวกับบ่าวว่า<br />
ใครคือพระเจ้าของท่าน? อะไรคือศาสนาของท่าน? และใครคือ<br />
นะบีย์ของท่าน? และทั้งสองนั้นจะทำหน้าที่เป็นผู้คอยสอบถามใน<br />
กุบูรและคำถามของทั้งสองเป็นบททดสอบแรกหลังจากความตาย<br />
ُ ك<br />
96 หมายถึง หลักความเชื่อต่างๆ ที่ต้องได้ยินมาจากตัวบทอัลกุรอานและหะดีษเท่านั้น<br />
โดยไม่มีสติปัญญาเข้ามาเกี่ยวข้องและจินตนาการ.
ت<br />
ف<br />
ي ي ب<br />
ُ<br />
ُ<br />
ّ<br />
ْ<br />
ف<br />
ف<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
َ<br />
ْ ُ ُ ه َ ع ْ د ٌ ل ع َ ل<br />
َ ن<br />
ْ<br />
َ<br />
79<br />
َ ن<br />
ْقب ِ وَ أ ُ َّه حَ ٌّ ق وَ حُ ك<br />
وَ أ ْ يُ ْ ؤ مِ نَ بِ عَ َ ذ ابِ ال<br />
مَ ا َ يَشاءُ .<br />
ْمِ نَ ْ زَ انِ ذِ يْ الْكِ ف ِ وَ الل<br />
وَ أَن<br />
َ<br />
ِ وْ ح َ عل<br />
ِ وَ الرُّ<br />
الْجِ سْ<br />
ُ<br />
ْل<br />
َن ُ َّه مِ ث<br />
ف ْ العِ ظَ مِ أ<br />
ِسَ انِ وَ صِ فَ ت ِ ي<br />
طَبَ َ قاتِ السَّ موَ اتِ وَ ال أَرْ ضِ ت ُوْ ز أَ ع ُ بِ ق ْ رَ ةِ هللاِ ت َعَ َ ال ، وَ الصَّ نْ جُ<br />
ْرَ حُ ص<br />
ُط<br />
تَ ْ قِ يْ ً قا تَ لِ مَ امِ ال ْعَ ْ د لِ ، وَ ت<br />
يَوْ مَ ئِ ذٍ مَ ثَاقِ يْ ل ِ وَ الْ خَرْ د<br />
ي زَانُ ْ قَد رِ<br />
ُل َا الْ ْ<br />
ْق<br />
َيَث<br />
ُّوْرِ ف<br />
الَْسَ ن ْ صُ وْرَ ةٍ حَ سَ نَةٍ ْ كِفَّةِ الن<br />
ُ السَّ يّ ْ صُ وْ رَ ةٍ قَبِ يْ حَ ةٍ<br />
ْرَ حُ َ َ صائِف<br />
ُط<br />
دَ رَجَ ِ َ اا عِ َ نْد هللاِ بِف ْ َض لِ هللاِ وَ ت<br />
َ َ ائِف<br />
َ<br />
ِ عَل<br />
ُ ُ ه <br />
ِب <br />
ِئَاتِ ِ ي <br />
ُ د<br />
َّ َ تْ ن<br />
ْ<br />
َ ُ ن ال َال<br />
َ لِ <br />
ِ ي<br />
ِ ل ِ<br />
ُ َّ الذ رّ<br />
ْ يُؤ<br />
َاتِ ِ ي <br />
และบ่าวต้องอีหม่านเกี่ยวกับการลงโทษในกุบูรและต้องเชื่อว่า<br />
มันเป็นเรื่องจริงและการตัดสินของอัลลอฮฺนั้นยุติธรรม(ในการให้<br />
มีความสุขหรือลงโทษ)ต่อร่างกายและวิญญาณตามสิ่งที่พระองค์<br />
ทรงประสงค์<br />
[การอีหม่านต่อตราชั่ง]<br />
(อัลลอฮฺจะไม่ตอบรับการอีหม่านของบ่าวคนหนึ่งจนกว่า)เขาต้อง<br />
อีหม่านเกี่ยวกับเรื่องของตราชั่ง(ความดีและความชั่ว)ที ่มีสองจาน<br />
รองตราชั่งและมีลิ้น ลักษณะของมันนั้นใหญ่เหมือนกับบรรดาชั้น<br />
แผ่นฟ้าและแผ่นดิน ซึ่งอะมัลจะถูกนำมาชั่งด้วยความเดชานุภาพ<br />
ของอัลลอฮฺตะอาลา และจานรองตราชั่งในวันนั้นมีน้ำหนักเท่า<br />
ธุลีและเมล็ดผักกาดเพื่อให้บรรลุถึงความยุติธรรมที่สมบูรณ์ และ<br />
บรรดาบัญชีบันทึกความดีงามที่อยู่ในรูปที่สวยงามจะถูกวางอยู่ใน<br />
ตราชั่งที่มีรัศมี ดังนั้นตราชั่งก็จะหนักด้วยบรรดาความดีงามตาม<br />
ขนาดของระดับของอะมัล(ที่ถูกตอบรับ)จากอัลลอฮฺด้วยความ<br />
โปรดปรานของพระองค์ และบรรดาบัญชีความชั่วที่อยู่ในรูปที่น่า<br />
รังเกียจนั้นจะถูกวาง...
ف<br />
ب<br />
ب<br />
ِ<br />
ُّ<br />
ي ب<br />
َّ<br />
ُّ<br />
ٌّ<br />
َ<br />
ُّ<br />
َ<br />
ي<br />
ي<br />
ج<br />
قواعد العقائد<br />
80<br />
َ مَ َ َ نَّ َ<br />
َل ِ<br />
َ ُ ْد ٌ وْد ع<br />
َ ْ نَ ِب ِ هللاِ<br />
فِرِ<br />
ْ ُ ؤ<br />
ْ لِ هللاِ .<br />
ِ<br />
ِ َ اط<br />
عْ َّ<br />
<br />
َ ق<br />
ِب<br />
. َ<br />
َ را رِ<br />
ْ َ ةِ ف<br />
ُ ل<br />
ْ يُؤ<br />
َ<br />
ُ ف<br />
َ<br />
َ إِل<br />
ِ ي<br />
ْ كِ فَّ ةِ الظ َيَ خِ ف َ ا الْ ْ زَ انُ بِ عَ د<br />
ْمِ نَ أَنَّ الصّ حَ ق وَ هُوَ جِ سْ ٌ م تْ ن<br />
وَأَن<br />
ْك ُكْ<br />
َق َ ْدامُ ال<br />
َيْهِ أ<br />
َد مِ نَ الش رَ ةِ تَ ز ِل عَل<br />
أَحَ ُّ د مِ نَ السَّ يْفِ وَأ<br />
ْ نَ نِ ْ بِفَض لِ هللاِ<br />
ْمِ<br />
ْدا َمُ ال<br />
َق<br />
َيْهِ أ<br />
عَل<br />
َّارِ وَتَثْبُتُ<br />
ِ ِمْ إِل الن<br />
سُ بْحَ انَه تَ ْوِىْ<br />
ْق<br />
فَيُسَ اق ُوْ ن دَ ارِ ال<br />
َنْ وَسَ ََّل<br />
َيْهِ<br />
ََمَّدٍ صَل هللاُ عَل<br />
َْوْرُوْدِ حَوْضِ م<br />
وَأ يُؤ ِ لَْوْضِ ال<br />
الصّ َِاطِ.<br />
َ<br />
جَنَّةِ وَبَعْد جَوَازِ<br />
ُوْلِ الْ<br />
دُخ<br />
ْمِنُوْنَ<br />
ُْؤ<br />
ال<br />
َسشَْبُ مِنْهُ<br />
ي<br />
َ<br />
قَبْل<br />
ْمِنَ <br />
อยู่ในตราชั่งที่มืดมิด ดังนั้นตราชั่งจึงหนักบรรดาความชั่วด้วย<br />
ความยุติธรรมของอัลลอฮฺ<br />
[สะพานศิร้อฏ]<br />
บ่าวจำเป็นต้องศรัทธาว่า สะพานศิร้อฏนั้นเป็นความจริง มัน<br />
คือสะพานที่ทอดยาวผ่านนรกญะฮันนัม คมยิ่งกว่ามีดดาบ เล็กยิ่ง<br />
กว่าเส้นผม บรรดาเท้าของบรรดาผู้ปฏิเสธจะพลาดตกลงไปด้วย<br />
การตัดสินของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ดังนั้นบรรดาเท้าของ<br />
พวกเขาก็จะตกลงไปพร้อมกับพวกเขาในนรก และบรรดาเท้าของ<br />
ผู้ศรัทธาจะมั่นคงด้วยความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ดังนั ้นพวกเขา<br />
จะถูกนำไปสู่สถานที่พำนักอันนิรันดร์(คือสวรรค์)<br />
[บ่อน้ำของท่านนะบีย์ ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในสวรรค์]<br />
บ่าวต้องศรัทธาต่อบ่อน้ำที่ประชาชาติของท่านนะบีย์ มุฮัมมัด<br />
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ต้องเดินผ่านมาดื่ม(นอกจากผู้<br />
เปลี่ยนแนวทางจะถูกกีดกัน) ซึ่งเป็นบ่อน ้ำของท่านนะบีย์มุฮัมมัด<br />
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บรรดาผู้ศรัทธาจะดื่มน้ำจากบ่อนั้น<br />
ก่อนที่จะได้เข้าสวรรค์และหลังจากที่ได้ผ่านสะพานศิร้อฏแล้ว
شَ<br />
ي<br />
ب<br />
ب<br />
ب<br />
شُ<br />
ب<br />
ُ<br />
َ<br />
ثَ<br />
ِ<br />
َ<br />
ْ<br />
َ<br />
ْ<br />
َ<br />
َ<br />
ٍ<br />
َ<br />
ي<br />
ف<br />
نُ<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
د<br />
ُّ<br />
َ َ ش<br />
َ دِ <br />
ً ع ُ ُ ه مَ سِ ُ <br />
َ َ د<br />
َ ُ أ<br />
َشٍ <br />
ْ<br />
ُ ُ ال ُق<br />
ْ<br />
ي<br />
َ وْ .ِ<br />
َ ه<br />
ْ ُ ه <br />
َ ن َّ وَأَحْل<br />
ِ<br />
ِ ل<br />
<br />
<br />
81<br />
ْ َ ا َ أ بَ دا َ رْ ض يْ َ ة شَ ْ رٍ مَ ُ اؤ هُ أ<br />
َ ْ ْ يَظ مَ أ بَ عْ د<br />
مَ نْ ِ بَ مِ ن ْ بَ ةً ل<br />
َا بِعَد جُوْ مِ<br />
ُه<br />
بَيَاضاً مِ نَ الل مِ نَ الْعَسَ لِ حَوْل َ رِ يْق عَد<br />
ْ زَ َ ا نِ يَصُ بَّ انِ فِ يْ هِ مِ نَ الْك<br />
السَّ َءِ . فِ يْ هِ مِ<br />
ْ ِسَ ابِ<br />
َّاسِ فِيْهِ إِل مُ نَاق ِ ي ال<br />
َاوُتِ الن<br />
َنْ ِسَ ابِ وَ تَف<br />
ْمِ نَ <br />
وَأ يُؤ<br />
َرَّ بُوْنَ<br />
بِغَ حِ سَ ابٍ وَه<br />
ُ َّةَ<br />
وَ إِل مُسَ ام فِيْهِ وَ إِل مَنْ ْ يَد ُ خل ال جَن ِ<br />
َبْلِيْغ الرّ َةِ ِسَال وَمَنْ<br />
َنْ ت<br />
ْبِيَاءِ ع<br />
َاءَ مِنَ أ الن<br />
ُ<br />
َل هللاَ تَعَال مَنْ ش<br />
فَيَسْأ<br />
َّةِ<br />
ْ السُّ ن<br />
عَنِ<br />
ْ ُرْسَ ْ نَ لِ وَ يَسْ أ ال ُبْتَدِ عَةَ<br />
ْذِ يْبِ ال<br />
َك<br />
َنْ ت<br />
َّارِ ع<br />
ُف<br />
ْك<br />
َ شاءَ مِنَ ال<br />
ُ<br />
َل<br />
ดังนั้นผู้ใดที่ดื่มน้ำจากบ่อนั้นหนึ่งครั้ง เขาจะไม่กระหายอีกตลอด<br />
ไป ความกว้างของบ่อน้ำเท่ากับระยะการเดินทางหนึ่งเดือน ซึ่ง<br />
น้ำของบ่อนั้นจะขาวยิ่งกว่าน้ำนม หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง รอบบ่อน้ำ<br />
จะมีกาน้ำ จำนวนของมันเท่ากับจำนวนของดวงดาวในท้องฟ้า ใน<br />
บ่อน้ำจะมีสองลำคลองไหลลงในบ่อน้ำที่มาจากบ่อน้ำอัลเกาษัร<br />
[การสอบสวน]<br />
บ่าวต้องศรัทธาเรื่องการสอบสวน และศรัทธาว่ามนุษย์จะ<br />
มีความเหลื่อมล้ำกันในการถูกสอบสวน(ซึ่งแบ่งออกเป็น)ผู้ถูก<br />
เข้มงวดในการสอบสวนและผู้ถูกผ่อนปรนในการสอบสวน และ<br />
เหลื่อมล้ำกันในผู้ที่จะเข้าสวรรค์โดยไม่ต้องถูกสอบสวน ซึ่งพวกเขา<br />
เป็นผู้มีความใกล้ชิดต่ออัลลอฮฺ ดังนั้นอัลลอฮฺตะอาลาจะทำการ<br />
สอบสวนผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากบรรดานะบีย์เกี่ยวกับเรื่อง<br />
การเผยแผ่สารและสอบถามผู้ที่พระองค์ประสงค์จากบรรดาผู้<br />
ปฏิเสธสืบเนื่องจากพวกเขากล่าวหาโกหกกับบรรดาร่อซูล และ<br />
พระองค์จะสอบถามกับพวกบิดอะฮ์เกี่ยวกับเรื่องของซุนนะฮ์(ใน
ي<br />
ثُ<br />
ي<br />
ف<br />
َ<br />
ثُ<br />
ق<br />
ي<br />
ُ<br />
ثُ<br />
ف<br />
ئ<br />
ي<br />
ي<br />
قواعد العقائد<br />
82<br />
ْ<br />
أَ الع َالِ .<br />
َل ْ نَ عَ نِ<br />
وَ يَسْ أ<br />
<br />
ْتِ َ ق امِ حَ تَّ لَ يَ بْ قَ<br />
ي نَ مِ نَ َّ الن ارِ بَ عْ َ د الِ ن<br />
وَ أ ْ يُ ؤ بِ إِ ْ خ رَ اج ْ<br />
َّد ِ ي َّ النارِ مُ وَ حّ<br />
َ ُ خَ ل<br />
َ ف ْ ض لِ هللاِ ت َعَ ال فَال<br />
جنَّ َ مُ وَ ِ حّ ٌ د بِ<br />
ْبِ يَ اءِ ل ا<br />
وَ أَن ْ مِ نَ بِش َ ةِ أَ الن<br />
ْ نَ نِ وَ ل<br />
ْمِ<br />
نْ ز عِ ن هللاِ تَعَ ال وَمَ نْ َ بَ مِ نَ ال<br />
حَ سَ بِ جَ اهِ هِ وَمَ ِلَتِهِ<br />
ْمِنٌ<br />
َّ َالَ<br />
َّد ِ ي النَّارِ مُؤ<br />
َّ َز وَجَ ل ف<br />
ْلِ هللاِ ع<br />
َض<br />
يَكُنْ َُ ل َ ش فِيْعٌ أ ْ ُخ رِجَ بِف<br />
ْ ُ سْ لِ ِ <br />
ُ ال<br />
ف<br />
ِ يْ <br />
ْ ُ وَ ِ حّ دِ <br />
ِ ال<br />
َ ن ْ مِ نَ <br />
َ ُ ِ ٌ د .<br />
َ َ<br />
ْ نَ<br />
ْ ُ ْ ؤ مِ نِ<br />
َّ سَ ِ ِ ال<br />
ْ يُؤ َ َ فاع َّ الْعُ َ َ اءِ َّ السشُّ َ َ دا ءِ<br />
ْ َ<br />
ْ ُ ؤ<br />
َ<br />
َ<br />
ِ ي<br />
ْد<br />
عَل<br />
ُ<br />
خَل <br />
ด้านอะกีดะฮ์ เป็นต้น) และพระองค์ทรงถามบรรดามุสลิมีนใน<br />
เรื่องของอะมัล<br />
[ผู้มีเตาฮีดออกจากนรก]<br />
บ่าวต้องศรัทธาว่า บรรดาผู้มีเตาฮีดนั้นจะถูกนำออกจากไฟ<br />
นรกหลังจากที่พวกเขาได้รับการลงโทษ จนกระทั่งไม่หลงเหลือผู้<br />
มีเตาฮีดอยู่ในไฟนรกด้วยความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ดังนั้นผู้มี<br />
เตาฮีดจะไม่ถูกให้อยู่ในนรกตลอดกาล<br />
[การชะฟาอะฮ์]<br />
บ่าวต้องศรัทธาเกี่ยวกับการชะฟาอะฮ์(การช่วยเหลือให้พ้น<br />
จากไฟนรก)ของบรรดานะบีย์ หลังจากนั้นบรรดาอุละมาอฺ หลัง<br />
จากนั้นบรรดาคนตายชะฮีด หลังจากนั้นบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย<br />
ตามเกียรติยศและฐานันดรของพวกเขาตามทัศนะของอัลลอฮฺ<br />
ตะอาลา และผู้ใดจากบรรดาผู้ศรัทธาได้หลงเหลืออยู่(ในนรก)<br />
โดยไม่มีผู้ใดช่วยเหลือเขา แน่นอนเขาก็จะถูกนำออกมาด้วยความ<br />
โปรดปรานของอัลลอฮฺ ดังนั้นจึงไม่มีผู้ศรัทธาคนใดถูกอยู่ในนรก<br />
ตลอดกาล
ض<br />
ي<br />
ب<br />
ض َ<br />
ٌّ ثُ ثُ ثُ<br />
َّ<br />
ّ<br />
ي<br />
يْ<br />
يْ ن<br />
نَ<br />
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
َ ُ ال ذ<br />
ِ ي<br />
َّ َ أ<br />
َ َ ن ْ قَل<br />
يَعْتَقِد<br />
َ<br />
َ َّ الن<br />
83<br />
ْ<br />
ي َ انِ .<br />
ف َ رَّ ةٍ مِ نَ ا إلِ ْ<br />
ْق<br />
ْبِ هِ مِ ث<br />
َا مَ نْ اك ِ ي<br />
ُ خْ رَ جُ مِ نْ<br />
بَ ل<br />
َنَّ<br />
َ رَ هللاُ عَ نُْمْ وَ تَْتِيْ بَُمْ وَأ<br />
َنْ<br />
ْل الصَّحَابَةِ<br />
وَأ فَض<br />
َبُ وْ بَ ك ثْ مَ انُ<br />
النَّ اسِ ِ بَ عْ د صَ ل هللاُ عَ ل َيْ هِ وَ سَ ل<br />
ُ ْ سِ نَ الظ بِ جَ مِ ِ يْ ع الصَّ حَ ابَ ةِ وَ يُثِ يَ عَ ل ِ مْ ك<br />
َن<br />
نْ ُمْ . وَ أ<br />
َيْ ه وَ سَ ل ِ مْ أَحجْ َعِ <br />
َّ<br />
هللاَ عَ َّ ز وَ جَ ل وَ رَ سُ وْ هللاُ عَ ل<br />
َ<br />
َل<br />
ْض<br />
أَف<br />
َ لِ ي<br />
َث<br />
َّ ع<br />
ْ<br />
َ َ ا أ<br />
ُ َرُ َّ عُ <br />
ْ َّ ع<br />
رٍ<br />
َ<br />
ْ<br />
ْ نَ .<br />
َ ي<br />
َّ َ عل<br />
َّ نَّ <br />
ْ<br />
َّ<br />
َ ُ صَ ل<br />
ل<br />
ِ ي<br />
َ هللاُ عَ <br />
رَ ِ ي<br />
แต่ผู้ที่ในหัวใจของเขามีอีหม่านน้ำหนักเท่าธุลี ก็จะถูกนำออกมา<br />
จากไฟนรก<br />
[เรียบเรียงความประเสริฐของศ่อฮาบะฮ์]<br />
บ่าวต้องเชื่อมั่นถึงความประเสริฐของบรรดาศ่อฮาบะฮ์<br />
ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ้ม และเรียบเรียงความประเสริฐของพวกเขา ดังนั้น<br />
มนุษย์ที่ประเสริฐสุดหลังจากท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ<br />
วะซัลลัม คือท่านอะบูบักร หลังจากนั้นท่านอุมัร หลังจากนั ้นท่าน<br />
อุษมาน และหลังจากนั้นท่านอะลีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ้ม<br />
[คิดในแง่ดีงามกับศ่อฮาบะฮ์และงดเอ่ยถึงพวกเขาในทางที่ไม่ดี]<br />
บ่าวจะต้องมีความคิดในแง่ที่ดีงามกับศ่อฮาบะฮ์ทั้งหมดและ<br />
ทำการยกย่องพวกเขาเสมือนกับที่อัลลอฮฺตะอาลาและร่อซูลของ<br />
พระองค์ได้ยกย่องพวกเขาทั้งหมด
ي<br />
ّ<br />
ّ<br />
ي<br />
ي<br />
َّ<br />
ب ِ<br />
فَ<br />
ف<br />
ي<br />
قواعد العقائد<br />
<br />
84<br />
ْ َ ت َ ق َ د حجَ<br />
َ الض<br />
ْ ن لَن<br />
ِ ِ<br />
ُ َ مَّ دٍ<br />
ِدِ <br />
فَ َ نِ اع ِ يْ عَ<br />
أَخ بَ ارُ وَ ْ شَ ْ بِ هِ آ ال<br />
َك َ مِ َّا وَ رَ َ دت بِ هِ ال<br />
ف<br />
َلِ<br />
ْلِ ال ِ وَعِ صَ ابَةِ السُّ نَّةِ وَ ف رَ هْ ط َّ ال<br />
َه<br />
ذ مُ وْ َلِكَ ً قِنا بِهِ اك َ مِ نْ أ<br />
َا<br />
َ َ وَحُ سْ نَ الثَّبَاتِ ِ ي الد<br />
َن َسْ أ هللاَ ك َال ِ الْيَقِ<br />
َةِ ف<br />
ْبِد<br />
ْبَ ال<br />
وَحِ ز<br />
َرْح ْ نَ وَ صَ ل هللاُ عَ سَ يّ نَ م<br />
َّةِ ال َحْ َتِهِ إِنَّه<br />
وَ لِك<br />
وَ عَ ِ ك عَ بْ دٍ مُ صْ ط<br />
ث َ رُ <br />
َ<br />
َارَق<br />
َ<br />
ل<br />
ِ َ دت<br />
ْ ن<br />
ْ َق<br />
َ ُ الرَّ احِ ِ <br />
ُ أ<br />
ُ ُّ َ ذ لِك<br />
َ ن<br />
ُ<br />
َل<br />
ْ ع<br />
ْ نَ <br />
ْ ُ سْ لِ ِ<br />
َ ف<br />
ّ ُ َ<br />
. َ<br />
ل<br />
ดังนั้น สิ่งดังกล่าวทั้งหมด 97 มาจากบรรดาหะดีษที่ได้รายงาน<br />
มาและมีบรรดาคำกล่าวของปราชญ์สะลัฟมาสนับสนุน ดังนั้นผู้ใด<br />
ยึดมั่นในทั้งหมดที่ผ่านมาโดยมีความมั่นใจในสิ่งดังกล่าว แน่นอน<br />
เขาก็เป็นส่วนหนึ่งจากผู้อยู่ในสัจธรรมและกลุ่มชนของอะฮฺลิซ<br />
ซุนนะฮ์และเขาได้แยกออกมาจากพวกลุ่มหลงและกลุ่มพวก<br />
บิดอะฮ์ ดังนั้นเราวอนขอต่ออัลลอฮฺซึ่งความมั่นใจที่สมบูรณ์และ<br />
ความสวยงามของการยืนหยัดในศาสนาให้แก่พวกเราด้วยเถิดและ<br />
แก่บรรดามุสลิมีนทั้งหมดด้วยความเมตตาของพระองค์ แท้จริง<br />
พระองค์ทรงเมตตายิ่งจากบรรดาผู้เมตตาทั้งหลาย และขออัลลอฮฺ<br />
ทรงประทานความเมตตาแด่นายของเรานะบีย์มุฮัมมัดและแด่บ่าว<br />
ที่ถูกคัดเลือกทุกคน<br />
<br />
97 จากบรรดาหลักอะกีดะฮ์ต่างๆ ที่ได้กล่าวมาแล้ว.
บรรณานุกรม<br />
อัลกุรอานอัลกะรีม<br />
ซัรรู้ก. (ค.ศ. 2007/ฮ.ศ. 1427). ชัรหฺอะกีดะฮ์อัลอิมาม<br />
อัลฆ่อซาลีย์. ตะห์กีก: มุฮัมมัด อับดุลกอดิร อันนัศศ้อร.<br />
พิมพ์ครั้งที่ 1. ไคโร: ดาร่อตุลกุรซฺ.<br />
มุรตะฎออัซซะบีดีย์. (ค.ศ. 1994/ฮ.ศ. 1414). อิตห้าฟอัซซาดะฮ์<br />
อัลมุตตะกีน. เบรุต: มุอัซซะซะฮ์อัตตารีคอัลอะร่อบีย์.<br />
มุสลิม บิน อัลหัจญาจญฺ. (ฮ.ศ. 1334). ศ่อฮีหฺมุสลิม. พิมพ์ครั้งที่ 1.<br />
เบรุต: ดารุลญัยล์, ถ่ายสำเนาจาก อิสตัมบูล: อัลมัฏบะอะฮ์<br />
อัตตุรกียะฮ์.<br />
อัชชะอฺรอนีย์, อับดุลวะฮฺฮ้าบ. (ค.ศ. 1999). อัลอันวารอัลกุดซียะฮ์<br />
ฟีบะยานิ ก่อวาอิดอัศศูฟียะฮ์. ตะห์กีก: คณะกรรมการของ<br />
ดารุศอดิร. พิมพ์ครั้งที่ 1. เบรุต: ดารุศอดิร.<br />
อัซซะฮะบีย์, ชัมซุดดีน มุฮัมมัด บิน อะหฺมัด. (ฮ.ศ. 1417). ซิยัร<br />
อะลามอันนุบะลาอฺ. ตะห์กีก: ชุอัยบ์อัลอัรนะอูฏและมุฮัมมัด<br />
นุอัยม์. พิมพ์ครั้งที่ 11. เบรุต: มุอัซซะซะฮ์ อัรริซาละฮ์.<br />
อัซซุบกีย์, อับดุลวะฮ์ฮาบ บิน อะลีย์. (ฮ.ศ. 1413). ฏ่อบะก้อตอัช<br />
ชาฟิอียะฮ์อัลกุบรอ. ตะห์กีก: มะหฺมูด อัฏฏ่อนาฮีย์และ<br />
อับดุลฟัตตาหฺมุฮัมมัด อัลหิลวฺ. ไคโร: ฮิจญฺร์.<br />
อัฏฏ่อบะรีย์, อะบูญะอฺฟัร มุฮัมมัด บิน ญะรีร. (ค.ศ. 2000/ฮ.ศ.<br />
1420). ตัฟซีรอัลฏ่อบะรีย์. ตะห์กีก: อะหฺมัดมุฮัมมัดชากิร.<br />
พิมพ์ครั้งที่ 1. เบรุต: มุอัซซะซะฮ์อัรริซาละฮ์.
86<br />
قواعد العقائد<br />
อัตติรมีซีย์, มุฮัมมัด บิน อีซา. (ม.ป.ป.). อัลญามิอฺอัศศ่อฮิห์ สุนัน<br />
อัตติรมีซีย์. ตะห์กีก: มุฮัมมัดอะหฺมัดชากิร. เบรุต: ดารุอิหฺยาอฺ<br />
อัตตุร้อษอัลอะร่อบีย์.<br />
อันนะวาวีย์, ยะหฺยา บิน ชัรฟฺ. (ค.ศ. 2001). ชัรหฺศ่อฮีหฺมุสลิม.<br />
ตะห์กีก: ริฎวานญามิอฺริฎวาน. พิมพ์ครั้งที่ 1. ไคโร: มุอัสสะซะฮ์<br />
อัลมุคต้าร.<br />
อัลฆ่อซาลีย์, อะบูฮามิด มุฮัมมัด บิน มุฮัมมัด. (ค.ศ. 1967). อัล<br />
มุนกิซฺ มินัฎฎ่อล้าล. ตะห์กีก: ญะมีล ศ่อลีบา และกามิล<br />
กัยย้าด. พิมพ์ครั้งที่ 7. เบรุต: ดารุลอันดะลุส.<br />
อัลฆ่อซาลีย์, อะบูฮามิด มุฮัมมัด บิน มุฮัมมัด. (ค.ศ. 1998/ฮ.ศ.<br />
1419). อิหฺยาอฺอุลูมิดดีน. พิมพ์ครั้งที่ 1. เบรุต: ดารุลกุตุบ<br />
อัลอิลมียะฮ์.<br />
อัลฆ่อซาลีย์, อะบูฮามิด มุฮัมมัด บิน มุฮัมมัด. (ค.ศ. 2006/ฮ.ศ.<br />
1426). อัลอัรบะอีน ฟีอุศูลิดดีน. ตะห์กีก: บูญุมอะฮ์ อับดุล<br />
กอดิร. พิมพ์ครั้งที่ 1. เบรุต: ดารุลมันฮาจญฺ.<br />
อัลฆ่อซาลีย์, อะบูฮามิด มุฮัมมัด บิน มุฮัมมัด. (ค.ศ. 2002/ฮ.ศ.<br />
1423). อิลญามุลเอาวาม อันอิลมิลกะลาม. ตะห์กีก: ศ่อฟะวัต<br />
ญูดะฮ์อะหฺมัด. พิมพ์ครั้งที่ 1. ไคโร: ดารุลหะร็อม.<br />
อัลบาญูรีย์. อิบรอฮีม บิน มุฮัมมัด. (ค.ศ. 2002/ฮ.ศ. 1422).<br />
ตุหฺฟะตุลมุรี้ด. ตะห์กีก: อะลีย์ ญุมุอะฮ์. พิมพ์ครั้งที่ 1. ไคโร:<br />
ดารุสลาม.<br />
อัลบาญูรีย์. อิบรอฮีม บิน มุฮัมมัด. (ค.ศ. 2015/ฮ.ศ. 1436). ตะหฺกีก<br />
อัลมะกอม อะลากิฟายะตุลเอาวาม. พิมพ์ครั้งที่ 1. ไคโร: ดารุล<br />
บะศออิร.
หลักอะกีดะฮ์อะฮฺลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์<br />
87<br />
อัลบุคอรีย์, มุฮัมมัด บิน อิสมาอีล. (ค.ศ. 1987/ฮ.ศ. 1407). ศ่อฮีหฺ<br />
อัลบุคอรีย์. ตะห์กีก: มุศฏอฟา ดี้บ อัลบุฆอ. พิมพ์ครั้งที่ 3.<br />
เบรุต: ดารุอิบนิกะษีร.<br />
อัสอัด อัลค่อฏีบ. (ม.ป.ป.). อัลบุฏูละฮ์วัลฟิดาอฺ อินดะอัศศูฟียะฮ์.<br />
ดิมัชก์: ดารุลฟิกร์.<br />
อิบนุกะษีร, อะบุลฟิดาอฺ อิสมาอีล บิน อุมัร. (ค.ศ. 1990/<br />
ฮ.ศ. 1410). อัลบิดายะฮ์วันนิฮายะฮ์. เบรุต: มักตะบะฮ์<br />
อัลมะอาริฟ.<br />
อิบนุนุ้กเฏาะฮ์, มุฮัมมัด บิน อับดุลฆ่อนีย์ อัลบัฆดาดีย์. (ค.ศ.<br />
1988/ฮ.ศ. 1408). อัตตักยี้ดลิมะอฺริฟะติ รุวาฮ์อัซซุนันวัล<br />
มะซานี้ด. ตะห์กีก: กามาล ยูซุฟ อัลหู้ต. พิมพ์ครั้งที่ 1.<br />
เบรุต: ดารุลกุตุบอัลอิลมียะฮ์.<br />
อิบนุอะซากิร, อะบุลกอซิม อะลีย์ บิน หะซัน. (ค.ศ. 2010). ตับยีน<br />
กัษบิลมุฟตะรี.ตะห์กีก: มุฮัมมัด ซาฮิด อัลเกาษะรีย์. พิมพ์<br />
ครั้งที่ 1. ไคโร: อัลมักตะบะฮ์อัลอัซฮะรียะฮ์.<br />
อิบนุอะฏออิลลาฮฺ, อะบุลฟัฎล์ อะหฺมัด บิน มุฮัมมัด. (ค.ศ. 2006/<br />
ฮ.ศ. 1427). อัลหิกัมอัลอะฏออียะฮ์. พิมพ์ครั้งที่ 1. ไคโร:<br />
ดารุสลาม.<br />
อิบนุอะฏออิลลาฮฺ, อะบุลฟัฎล์ อะหฺมัด บิน มุฮัมมัด. (ม.ป.ป.).<br />
ละฏออิฟุลมินัน. ตะห์กีก: ดร. อับดุลหะลีม มะหฺมู้ด. พิมพ์<br />
ครั้งที่ 2. อัลกอฮิเราะฮ์: ดารุลมะอาริฟ.<br />
อิบนุอะบียะอฺลา, อะบุลหุซัยน์ มุฮัมมัด บิน มุฮัมมัด. (ม.ป.ป.).<br />
ฏ่อบะก้อตอัลหะนาบิละฮ์. ตะห์กีก: มุฮัมมัดฮามิดอัลฟิกกีย์.<br />
พิมพ์ครั้งที่ 2. เบรุต: ดารุลมะอฺริฟะฮ์.
88<br />
قواعد العقائد<br />
อิบนุอัลเญาซีย์, อะบุลฟะร็อจญ์. (ค.ศ. 1995/ฮ.ศ 1415). อัล<br />
มุนตะซ็อม ฟีตารีคอัลมุลูกวัลอุมัม. ตะห์กีก: อับดุลกอดิร<br />
อะฏอ. พิมพ์ครั้งที่ 2. เบรุต: ดารุลกุตุบอัลอิลมียะฮ์.<br />
อิบนุอิม้าด, อับดุลหั้ยยฺ บิน อะหฺมัด. (ค.ศ. 1989/ฮ.ศ.1410).<br />
ชะษะร้อตอัซซะฮับ. ตะห์กีก: มะหฺมู้ดอัลอัรนะอูฏ. พิมพ์<br />
ครั้งที่ 1. ดิมัช,เบรุต: ดารุอิบนุกะษีร.
ผลงานของผู้เขียน<br />
วิทยโวหาร ฮิกัม อิบนิอะฏออิลลาฮฺ เล่ม 1<br />
พิมพ์ครั้งที่ 1 พฤศจิกายน 2552<br />
พิมพ์ครั้งที่ 2 พฤษภาคม 2555<br />
วิทยโวหาร ฮิกัม อิบนิอะฏออิลลาฮฺ เล่ม 2<br />
พิมพ์ครั้งที่ 1 กรกฎาคม 2553<br />
พิมพ์ครั้งที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558<br />
อัตเตาบะฮ์ ก้าวแรกของผู้ศรัทธา<br />
ศึกษาเชิงวิเคราะห์<br />
ISBN: 978-974-350-597-3<br />
พิมพ์ครั้งที่ 1 มิถุนายน 2554
จดหมายถึงผู้ป่วย...<br />
ISBN: 978-616-321-150-7<br />
พิมพ์ครั้งที่ 1 พฤศจิกายน 2555<br />
99 พระนามอันวิจิตรของอัลลอฮฺ<br />
ศึกษาเชิงวิเคราะห์<br />
ISBN: 978-974-365-448-0<br />
พิมพ์ครั้งที่ 1 พฤษภาคม 2557<br />
ละหมาดอย่างไรให้คุชูอฺ<br />
ศึกษาเชิงวิเคราะห์ตามหลักอิหฺซาน<br />
ISBN: 978-616-361-627-2<br />
พิมพ์ครั้งที่ 1 กรกฎาคม 2557<br />
พิมพ์ครั้งที่ 2 สิงหาคม 2560<br />
หลักอะกีดะฮ์แนวทางสะลัฟ<br />
ระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮฺฮาบียะฮ์<br />
ISBN: 978-616-382-640-4<br />
พิมพ์ครั้งที่ 1 เมษายน 2558