Re-accreditation 3
Re-accreditation 3
Re-accreditation 3
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
สาส์นคุณภาพ<br />
ปีที่<br />
7 ฉบับที่<br />
2 ประจําเดือน พ.ค.-มิ.ย. 55<br />
เตรียมระบ <strong>Re</strong>-<strong>accreditation</strong> คระ้งที่<br />
3<br />
เนื้อหาสารั<br />
ยะงคะบเลมเหมือนเดิมจา
คณะที่ปรึกษา<br />
พ.อ.สุรัตน์ ประเสริฐสุข<br />
พ.อ.สายชล สิงห์ทน<br />
พ.อ.สิมา เมืองเจริญ<br />
พ.อ.หญิงพรรณิภา สมบูรณ์<br />
บรรณาธิการอํานวยการ<br />
พ.ท.สงคราม โชคชัย<br />
บรรณาธิการ<br />
พ.ต.หญิง ทิพาพร สุดาจันทร์<br />
กองบรรณาธิการ<br />
พ.อ.พงษ์ศักดิ์<br />
จรัสรังสีชล<br />
พ.ท.หญิงฉัตรมณี คูณเรือง<br />
พ.ท.หญิงอุไรพร อิ่มอาเทศ<br />
พ.ท.หญิงวาริศา สิงห์ทน<br />
พ.ต.หญิงเบญจวรรณ์ ลอศิริกุล<br />
พ.ต.หญิงสิรวีร์ ชิตทรงสวัสดิ์<br />
พ.ต.หญิง กฤติกา โพนทัน<br />
พ.ต.หญิงเพชรนภา พรหมชนะ<br />
ร.อ.หญิงกฤติกา สวัสดิภาพ<br />
ภญ.ธิดารัตน์ ตระกาลจันทร์<br />
2<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55<br />
<br />
่<br />
่<br />
เป้าหมายสู HA<br />
เรื่อง<br />
น่ารู้คู<br />
RMC<br />
1<br />
3 <br />
อินไซต์ ESC 11<br />
มุมเภสัช HA ก 12 1-3<br />
สาส์นจาก NUR 14<br />
ชุมชนคนรักสุขภาพ PMQA GURU 16 4-5<br />
ก<br />
RMC 6-9<br />
10<br />
ก...ก IC 11<br />
บก.แถลง....<br />
<br />
หน้า<br />
IPD 12<br />
สวัสดีจนท.ทุกท่านคับ สาส์นคุณภาพฉบับนี้<br />
นําสาย<br />
ฝนอันเย็นฉ่ ํา ESC ทําให้บรรยากาศการทํางานสดชื่น<br />
เย็นสบายแม้ 13<br />
ต้องเปียกกันบ้าง<br />
ก... ช่วงนี้<br />
รพ.ค่ายฯของเรามีกิจกรรมคุณภาพเข้ามา<br />
NUR 14<br />
มากมายเลยนะครับ ทั้งภายในและจากภายนอก<br />
ทั้งที่ผ่านไป<br />
แล้วอย่างราบรื ่นและที่กําลังมาถึงในอนาคตอันใกล้นี<br />
้ เช่น<br />
กิจกรรม “อยากแข็งต้องออกแรง” ทุกวันพุธของ HRF การ<br />
อบรมการใช้งานคอมพิวเตอร์ของศคว. การเข้าตรวจเยี ่ยม<br />
จากสํานักงานป้องกันและควบคุมโรคที ่ 7 เพื่อเตรียมรับการ<br />
รับรองมาตรฐานอาชีวอนามัยในเดือน ก.ค. นี้<br />
การเข้าตรวจ<br />
เยี่ยมเพื่อรับรองมาตรฐานจากสปสช.<br />
และการเตรียมรับรอง<br />
มาตรฐานสายใยรักในเวลาอันใกล้นี้<br />
นอกจากนี้<br />
เพื่อเป็นการกระตุ้นบรรยากาศการเตรียม<br />
รับ <strong>Re</strong>-<strong>accreditation</strong> ครั้งที่<br />
3 จาก สรพ. ประมาณปลายปี<br />
นี้<br />
ทาง QIC ทีม FA และ RMC ได้ร่วมมือจัดกิจกรรมดีๆ เพื่อ<br />
ติดตามความก้าวหน้างานคุณภาพความเสี่ยงและประเมินการ<br />
ด้านแผนยุทธศาสตร์ ผ่านทางกิจกรรม “ทีม FA มาหานะ<br />
เธอ” “ผู้พิทักษ์ความปลอดภัย<br />
Safety Man Look Round”<br />
และ “ Look Like รอด” ซึ่งพบกันได้เร็วนี้ๆ<br />
สุดท้ายนี้<br />
ใกล้เวลาที ่พวกเราต้องส่งข้อมูลให้กับ<br />
สรพ. เพื่อตรวจสอบความครบถ้วนสมบูรณ์ภายใน<br />
สิ้น<br />
มิ.ย.<br />
55 จึงขอให้ทุกคนและทุกกรรมการร่วมมือกันอย่างสุด<br />
ความสามารถอีกครั้ง<br />
เพื่อให้การ<br />
<strong>Re</strong>-<strong>accreditation</strong> ครั้งนี้<br />
เป็นไปอย่างราบรื่น<br />
เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่<br />
2556 ให้กับทุก<br />
คนและรพ.ค่ายฯ ของเรา<br />
แล้วพบกันฉบับหน้า รักษาสุขภาพด้วยนะครับ<br />
Dr.K
เป้าหมายสู่......HA<br />
3<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55<br />
บทความนี้อาจเป็นเรื่องเก่านํามาเล่าใหม่<br />
หลายท่านคงทราบแล้วว่า HA เป้าหมายที่แท้จริงคืออะไร<br />
รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ผ่านการรับรองไปแล้ว และได้มีการประเมินซ้ําครั้งที่<br />
2 ไปแล้ว และในปลายปีนี้<br />
ก็<br />
จะเป็นการประเมินซ้ําครั้งที่<br />
3 อาจจะมีบางท่านที่คิดว่าเป้าหมาย<br />
HA คือการรับรองว่าผ่าน อยากจะบอกว่านี่<br />
คือ ความเข้าใจผิด จริงคะว่าเมื่อผ่านแล้วย่อมได้ใบประกาศบัตรว่าผ่าน<br />
แต่หากจะถามว่ายืนยันหรือไม่ขอฟัน<br />
ธงเลยว่า ไม่แน่นอนคะ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงเราไม่ได้ยึดไว้ให้มั<br />
่น แต่ไปยึดเพียงส่วนเปลือกคือผ่านการ<br />
รับรอง ก็อาจทําให้เราหลงลืมว่าแท้จริงแล้วคืออะไร แล้วที่ว่าแก่นของเป้าหมาย<br />
HA มีอะไรบ้าง เรามาดูกัน<br />
เลยค่ะ.....<br />
HA<br />
กระตุ้นและส่งเสริมให้โรงพยาบาลสามารถบรรลุเป้าหมายที<br />
่องค์กรได้ตั้งไว้<br />
แต่มิติ<br />
ของเป้าหมาย ไม่ใช่การรักษาอย่างเดียว แต่เป็นการส่งเสริม ป้องกัน ให้ความรู้<br />
รวมทั้งเข้าสู่ชุมชน<br />
ให้กระบวนการดูแลเป็นแบบองค์รวม มิใช่เป็นเพียงการซ่อมแซม<br />
ร่างกายเท่านั้น<br />
โดยหัวใจที่จะทําให้บรรลุเป้าหมายนี้<br />
จะต้องเกิดจากการทํางานดังนี้<br />
ผู้รับผลงานเป็นศูนย์กลาง<br />
: คือการทํางานที<br />
่ต้องไม่ยึดความต้องการของตัวเองเป็นหลัก<br />
(ความสบายของผู้ปฏิบัติ)<br />
แต่ยึดความต้องการของผู้รับผลงานเป็นหลัก<br />
นั่นคือทํางานถูกต้อง<br />
แต่อาจไม่ถูกใจผู้<br />
ปฏิบัติ และในความหมายของผู้รับผลงานมิใช่แค่ผู้ป่วยเท่านั้น<br />
แต่รวมถึงผู้ร่วมงาน<br />
องค์กร ชุมชน ครอบครัว<br />
และอื่น<br />
ๆ ที่ต้องรับ<br />
ช่วงต่อจากงานของเรา เพราะการมองผู้รับผลงานเป็นหลัก<br />
คือการมองแบบเอาใจเขามา<br />
ใส่ใจเรา หรือเราอยากให้ผู้อื่นดูแลตอนเราป่วยไข้อย่างไร<br />
ก็คือสิ่งที่เราต้องปฏิบัติต่อเค้าค่ะ<br />
การทํางานเป็นTeam Work : ทีมคือ การที่กลุ่มบุคคลมากกว่าหนึ่งคนด้วยกันมารวมกันและ<br />
ทํากิจกรรมอย่างหนึ่ง<br />
เช่น การดูแลผู้ป่วยเราปฏิเสธไม่ได้คะว่าเราต้องทํางานเป็นทีม<br />
ไม่สามารถทําคนเดียวได้<br />
เพราะต้องทําด้วยวิชาชีพที่แต่ละท่านถนัด<br />
แต่การส่งผ่านข้อมูลต่าง ๆ ต้องมีการส่งข้อมูลให้เชื่อมโยงต่อกัน<br />
ไม่<br />
ว่าเรื่องดี<br />
เรื่องร้าย<br />
การปฏิบัติและอื่น<br />
ๆ ต้องสื่อสารให้ทั่วถึงกัน<br />
พูดคุยปรึกษากัน แลกเปลี่ยน<br />
เรียนรู้<br />
ไม่ว่า<br />
ระดับบุคคล หน่วยงาน ทีม องค์กร และชุมชนนั่นคือผลลัพธ์ในการทํางานต้องมากกว่าการทํางานเพียงคน<br />
เดียว<br />
การประเมินตนเองและการพัฒนาต่อเนื ่อง : นั่นคือเราต้องกล้าบอกจุดดี<br />
จุดด้อยของ<br />
ตนเอง ถ้าเป็นจุดดีก็ชื่นชม<br />
ให้กําลังใจ แต่ถ้าเป็นจุดด้อยก็ต้องทําการมองตนเอง และปรับปรุงแก้ไข ทําแบบนี้<br />
ไปเรื่อย<br />
ๆ คือ ประเมินและพัฒนา ประเมินแล้วพัฒนาเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นและมีความสุขมากกว่าที<br />
่จะให้<br />
บุคคลภายนอกมาคอยประเมินให้เราค่ะ<br />
สิ่งทั้งหลายที่กล่าวมานี้<br />
คือเป้าหมายและแนวทางไปสู่เป้าหมาย<br />
HA ส่วนการรับรองเป็นผลพลอยได้<br />
ผู้ป่วยที่ได้รับบริการที่ได้มาตรฐานและปลอดภัยต่างหากที่เป็นเป้าหมาย...ของจริงคะ
4<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55<br />
หน่วยงานทุกหน่วยงาน ให้จัดแฟ้มเตรียมรับตรวจ ตามหัวข้อด้านล่างค่ะ<br />
1. ก / ก .<br />
2. ก / ก<br />
3. <br />
4. <br />
5. . (BSC)<br />
6. ก, (Action Plan BSC ก / )<br />
7. Core Competency <br />
8. Job Description / Job Assignment / Job Competency<br />
9. กกกก<br />
10. กก<br />
11. กก,<br />
CPR<br />
12. One Page Summary<br />
13. (Service Profile)<br />
14. ก<br />
/ RCA / ก<br />
15. Internal Survey ก<br />
/ Clinic<br />
16. <br />
17. Indicator<br />
18. กก / กก<br />
18.1 <br />
18.2 ก<br />
18.3 Good / Best Practice<br />
18.4 ก Action Plan / BSC<br />
2553, 2554, 2555
5<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55<br />
การบริหารจัดการความเสี่ยงในหน่วยงาน<br />
Risk Management<br />
ขั้นตอนการหารจัดการความเสี่ยงในหน่วยงาน<br />
RISK management<br />
Before AE (Adverse event)<br />
1. Risk Profile (บัญชีความเสี่ยง)<br />
:รู้จักความเสี่ยง/Adverse<br />
event ของหน่วยงานเพื่อวางแนวทาง<br />
ป้องกัน/แก้ไข จัดทา CPG / Clinical tracer / Standing order ที่สอดคล้องกับบริบทและศักยภาพ<br />
ของโรงพยาบาล<br />
2. Hospital risk management system : รู้<br />
และ สามารถบริหารจัดการเมื่อเกิด<br />
Adverse event<br />
ได้ถูกต้องตามระบบบริหารจัดการความเสี่ยงของโรงพยาบาล<br />
3. Training / Practice :การฝึกซ้อมรับสถานการณ์จริงที่หน้างาน<br />
(สม่ําเสมอ<br />
/ เมื่อมีเจ้าหน้าที่ใหม่)<br />
เพื่อทบทวน<br />
ปรับปรุง แก้ไขปัญหา เตรียมความพร้อมสําหรับกรณีเกิด Adverse event จริง<br />
(อัตรากําลัง , Competency แพทย์ -พยาบาล ; การผ่าตัด ทําหัตถการ การแปลผลจากเครื่อง<br />
Monitor ต่างๆ, อุปกรณ์เครื่องมือ-<br />
ยา -Special set, การประสานกับทีม CPR / NCPR หรือ Rapid<br />
response team-ทีมช่วยเหลือก่อน CPR, ระบบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาอื่นๆ-<br />
วิสัญญีแพทย์ /<br />
ศัลยแพทย์ การประสานกับหน่วยงานสนับสนุนอื่นๆ<br />
Lab / Blood Bank / OR / ICU / NICU ,<br />
ระบบ Fast tract ส่งต่อรพ.ที่มีศักยภาพสูงกว่า)<br />
4. Screening :การคัดกรองผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง<br />
เพื่อการเฝ้าระวัง<br />
ประเมินซ้ํา<br />
: ข้อมูลจาก<br />
ANC/Lab , ข้อมูลแรกรับ การจัด Zoning , การ Monitoring (ประเมิน / ประเมินซ้ํา)<br />
, Progress<br />
และ Early Warning Sign / Pre Arrest Sign<br />
5. Informed consent / Consent form : จัดเตรียมแนวทางการให้ข้อมูลผู้ป่วย/ญาติDocument<br />
และการลงนามเพื่อการตัดสินใจยินยอม/ปฏิเสธการรักษาทั้ง<br />
(สําหรับผู้ป่วยและ/หรือญาติ)<br />
6. <strong>Re</strong>cord / Document :ระบบการบันทึกเวชระเบียน (แพทย์ พยาบาล แพทย์ที่ปรึกษา<br />
การผ่าตัด/<br />
ทําหัตถการ) รวมทั้ง<br />
<strong>Re</strong>cord จากเครื่องมือต่างๆ<br />
เช่น Monitor (EFM) , Defibrillation<br />
7. Safety Culture & Awareness :การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย โดยแพทย์-หัวหน้าพยาบาล<br />
(Grand round , Walk round) , Safety Brief / การส่งเวร แพทย์-พยาบาล , การส่งต่อข้อมูลผ่าน<br />
บันทึกเวชระเบียน<br />
8. Learning :ศึกษา / ทบทวน บทเรียนกรณีเกิดปัญหา Adverse event จากโรงพยาบาลอื่นๆ<br />
/<br />
เรียนรู้จาก<br />
Expert แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
6<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55<br />
DURING AE (Adverse event)<br />
1. การจัดการแก้ไขขณะเกิด Adverse event<br />
-ผู้ป่วย<br />
: ช่วยเหลือแก้ไขตาม CPG / แนวทางที่กําหนด<br />
/ Standing Orderทั้งกายและใจ<br />
-แพทย์/พยาบาล เจ้าของไข้ :สภาพจิตใจ ความเครียด ขวัญกาลังใจ<br />
-ญาติ :การให้ข้อมูล สถานการณ์ แนวทางการดูแลรักษา Prognosis(ผู้ให้ข้อมูล<br />
ข้อมูลที่จะให้)<br />
การ<br />
ประคับประคองด้านจิตใจ<br />
2. การรายงานเพื่อการจัดการ<br />
:ตามทีมสนับสนุนเพื่อให้ความช่วยเหลือ<br />
(ทีม CPR / NCPR / Rapid<br />
response team) , ทีมไกล่เกลี่ย<br />
/ ผู้อํานวยการรพ.หรือผู้รับมอบอํานาจสูงสุด<br />
ตามระบบของ<br />
โรงพยาบาล เพื่อประสานการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย/ญาติ<br />
เพื่อลดความรุนแรงลดโอกาสร้องเรียน<br />
ฟ้องร้อง<br />
3. การเขียนใบรายงานอุบัติการณ์ :ตามระบบของโรงพยาบาล (เช่นความรุนแรงระดับ G-H-I ภายใน 6<br />
ชั่วโมง)<br />
4. การทํา Autopsy / การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ (เช่น Blood มารดากรณีสงสัย Amniotic Fluid<br />
Embolism , การส่งตรวจรก)<br />
AFTER Adverse event (<strong>Re</strong>view)<br />
1. การเตรียมความพร้อมกรณีอาจถูกร้องเรียน ฟ้องร้อง :ทบทวนเหตุการณ์/ปัญหาที่เกิดขึ้นกับทีม<br />
แพทย์/พยาบาลเจ้าของไข้(Informal), ทบทวนความสมบูรณ์ครบถ้วนของบันทึกเวชระเบียน และ<br />
ความสอดคล้องของข้อมูลในบันทึกของแพทย์/พยาบาล/วิชาชีพอื่นๆ<br />
<strong>Re</strong>cord จากเครื่อง<br />
Monitor<br />
ต่างๆ การขอคําปรึกษาจาก นิติกร ตํารวจ อัยการ ผู้เชี่ยวชาญ<br />
(ราชวิทยาลัยฯ แพทย์สภา) เพื่อ<br />
เตรียมหาแนวต่อสู้ในชั้นศาล<br />
การปรึกษากับเครือข่าย/รพ. ที่ส่งต่อ<br />
2. การเผยแพร่ข่าว ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน<br />
:ทีมผู้ให้ข้อมูล<br />
ข้อมูลที่จะให้<br />
3. การติดตามต่อเนื่อง<br />
:ติดตามดูแลให้การรักษาฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยทั้งกาย/ใจ<br />
ติดตามให้ข้อมูลแก่ญาติ<br />
และสร้างปฏิสัมพันธที่ดีกับญาติอย่างต่อเนื่อง<br />
รวมทั้งการให้ความช่วยเหลืออานวยความสะดวก<br />
ติดตามร่วมในกิจกรรมต่างๆ หลังผู้ป่วย/เสียชีวิต<br />
4. การให้ความช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่ายและสินไหมทดแทน<br />
:ตามแนวทางของรพ.และ/หรือ ตาม<br />
กฎหมายมารตรา 41<br />
5. การทบทวน : ทํา RCA ราย Case(เพื่อป้องกันการเกิดซ้ํา)<br />
, ทบทวนรายกลุ่ม<br />
(กลุ่มผู้ป่วยที่เกิดปัญหา<br />
Adverse event เช่นเดียวกันทั้งหมด<br />
เพื่อดูแนวโน้มของอุบัติการณ์<br />
ประเมินหาสาเหตุของปัญหาและ<br />
หาแนวทางแก้ไขในภาพรวม)<br />
6. การป้องกันแก้ไข :ปรับปรุงแก้ไขปัญหาในเชิงระบบ<br />
7. การประเมินประสิทธิภาพการป้องกันแก้ไขปัญหา : ติดตาม ทบทวนอุบัติการณ์การเกิดซ้ําหลังทํา<br />
RCA (ไม่ควรเกิดซ้ํา)
7<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55<br />
จุดอ่อนที่พบจากการ<br />
Survey HA<br />
หน่วยงาน / หน้างาน<br />
• องค์ความรู้<br />
/ อัตรากําลัง/ Competency (แพทย์ต้องช่วย: Round , สื่อสารผ่านเวชระเบียน)<br />
• อุปกรณ์/เครื่องมือ/ยา<br />
: การเตรียมความพร้อมใช้ , สอบเทียบ , ความชํานาญในการใช้เครื่องมือ<br />
• การซ้อมสถานการณ์ฉุกเฉิน / CPR / NCPR (ณ. สถานที่จริง)<br />
• ระบบสนับสนุน Lab , Blood Bank , <strong>Re</strong>fer<br />
• การรายงานเพื่อการจัดการ<br />
/ การเขียนรายงานอุบัติการณ์ ตามระบบ RM ของโรงพยาบาล<br />
• การสื่อสารกับผู้ป่วย<br />
/ ญาติ / สื่อมวลชน<br />
• <strong>Re</strong>cord<br />
• การดูแลให้กําลังใจ แพทย์/พยาบาล เจ้าของไข้<br />
ทีมนําทางคลินิก<br />
• แนวทางการดูแลรักษา : CPG , Care Map ,Clinical Tracer , Standing Order<br />
• การประสานการดูแลผู้ป่วยระหว่างสหสาขาวิชาชีพ<br />
/ การสื่อสาร<br />
/ การปรึกษา<br />
• การทํา RCA (แพทย์ / ผู้เชี่ยวชาญ)<br />
ทีมบริหารจัดการความเสี่ยง<br />
• การวางระบบ (Policy maker)<br />
• การสื่อสารให้ทีม/หน่วยงาน<br />
เข้าใจ ปฏิบัติตามระบบ (Policy monitor)<br />
• การสร้างความตระหนักให้เจ้าหน้าที่<br />
ค้นหาจัดการและรายงานอุบัติการณ์ (Safety Culture &<br />
Awareness)<br />
ขั้นตอนใดที่ท่านคิดว่ายังมีปัญหา<br />
?<br />
• Risk Identification / Prevention<br />
• Training / Practice : สม่ําเสมอ<br />
จนเป็น <strong>Re</strong>flex<br />
• Screening<br />
• Monitoring : ประเมิน ประเมินซ้ํา<br />
Pre arrest sign<br />
• Critical Incidence Management : CPG / Standing order : ตามบริบท<br />
• Communication : ผู้ป่วย/ญาติ<br />
ทีม/หน่วยงานสนับสนุน<br />
• <strong>Re</strong>porting System<br />
• Documentation<br />
• RCA
8<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55<br />
Safety Man<br />
“ผู้พิทักษ์ความปลอดภัย”<br />
เมื่อวันที่<br />
8-9 มี.ค. 2555 ที่ผ่านมา<br />
คณะกรรมการ RMC ได้จัดอบรมผู้พิทักษ์ความปลอดภัย<br />
“Safety<br />
Man” โดยให้หน่วยงานส่งตัวแทนหน่วยละ 2 คน เพื่อให้รับทราบบทบาทผู้พิทักษ์ความปลอดภัย<br />
ช่วยค้นหา<br />
และป้องกันความเสี่ยง<br />
ตรวจสอบ สรุป และวิเคราะห์ความเสี่ยงในหน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ<br />
ความเสี<br />
่ยงคืออะไร ?<br />
คือ โอกาสที่จะพบกับความสูญเสียหรือสิ่งที่ไม่พึงประสงค์<br />
ได้แก่ อันตราย<br />
การบาดเจ็บต่อร่างกายและจิตใจ เหตุร้าย ภาวะคุกคาม ความไม่แน่นอน<br />
exposure และการเปิดเผยความลับ<br />
ประเภทของความเสี่ยง<br />
- ความเสี่ยงทั่วไป<br />
(General Risk) เช่น น้ําท่วมขัง<br />
/เปิดน้ําทิ้งไว้<br />
ไฟฟ้าดับ<br />
เครื่องปั่นไฟไม่ทํางาน<br />
โทรศัพท์ใช้งานไม่ได้ อินเตอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ ได้รับเงินเดือนไม่ครบ ล่าช้า ไม่ชําระค่า<br />
สินค้าเงินเชื่อ<br />
ตามกําหนด<br />
- ความเสี่ยงทางคลินิก<br />
(Clinical Risk) เหตุการณ์ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหาย<br />
ขึ้นกับผู้ป่วยอันมีเหตุจากกระบวนการบริการหรือกิจกรรมตรวจวินิจฉัย<br />
และการดูแลรักษาพยาบาลหรือ<br />
อุบัติการณ์ไม่พึงประสงค์<br />
ทําไมต้องรู้เกี่ยวกับระบบบริหารความเสี่ยง
9<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55<br />
การบริหารความเสี่ยงในระดับหน่วยงานทําอย่างไร<br />
บทบาทของผู้พิทักษ์ความปลอดภัย<br />
- พิทักษ์ความปลอดภัยในหน่วยงาน<br />
- ตรวจสอบ ค้นหาแนวทางป้องกันความเสี่ยงในหน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ<br />
- มีการสื่อสารข้อมูลต่างๆ<br />
ด้านความเสี่ยง<br />
ความปลอดภัย ถึงผู้ปฏิบัติ<br />
-คณะกรรมการ RMC (Safety<br />
Briefing)<br />
- สามารถสรุปและวิเคราะห์ความเสี่ยงภายในหน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
10<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55
11<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55
12<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55<br />
My 5 Moments for Hand Hygiene<br />
สาส์น IC<br />
The My 5 Moments for Hand Hygiene approach defines the key moments when health-care<br />
workers should perform hand hygiene.<br />
This evidence-based, field-tested, user-centred approach is designed to be easy to learn,<br />
logical and applicable in a wide range of settings.<br />
This approach recommends health-care workers to clean their hands<br />
1. before touching a patient,<br />
2. before clean/aseptic procedures,<br />
3. after body fluid exposure/risk,<br />
4. after touching a patient, and<br />
5. after touching patient surroundings.<br />
Find out more about My 5 Moments for Hand Hygiene by clicking the links below.<br />
Capt. Peeranut Kaewkany<br />
( ICN Part time )
อินไซต์ ESC<br />
13<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55<br />
ในห้วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. 55 นี้<br />
คณะกรรมการ ESC มีแผนจะดําเนินการตามมาตรฐาน HA<br />
ซึ่งต้องการแจ้งให้ทุกหน่วยได้รับทราบเพื่อเตรียมความพร้อมร่วมกันดังต่อไปนี้<br />
1-20 มิ.ย. 55 เป็นเดือนแห่งการทบทวนแผนอัคคีภัยของทุกหน่วยงาน โดยขอให้มีการ<br />
ปรับปรุงแผนอัคคีภัยให้ทันสมัยทั้งสถานที่และเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ<br />
รวมทั้งมีการซักซ้อมแห้งและส่ง<br />
แผนและผลการซักซ้อมกลับมาที่<br />
จ.ส.อ.อุทัยฯ แผนกส่งกําลัง ภายในวันที่<br />
20 มิ.ย. 55<br />
21 มิ.ย. 55 จะมีการซักซ้อมการเกิดอัคคีภัยในรพ.ที่ตึก<br />
OPD ใหม่ โดยในเวลา 14.00 น.<br />
จะเป็นการทบทวนการให้เครื่องดังเพลิงของเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยจึงขอให้ผู้มีหน้าที่ดับเพลิงและ<br />
เจ้าหน้าที่ใหม่ทุกคนเข้าร่วมซักซ้อมบริเวณ<br />
ลานแอโรบิกหลังฝ่ายช่าง เวลา 15.00 น. จะเป็นการ<br />
ซักซ้อมแผนการเกิดอัคคีภัยระดับรพ. เพื่อดูความพร้อมของหน่วยงานต่างๆ<br />
ตั้งแต่<br />
ศูนย์วิทยุฯ<br />
ขนส่ง กองร้อยฯ น.เวร OPD และหน่วยข้างเคียง (ปัจจุบันได้เลื่อนกําหนด<br />
จะแจ้งให้ทราย<br />
ภายหลัง)<br />
ในเดือน กรกฎาคม จะมีงานที่ต้องปฏิบัติคือ<br />
1. การสอบเทียบเครื่องมือแพทย์ตามวงรอบประจําปี<br />
จากศูนย์วิศวกรรมการแพทย์ที่<br />
5 จึง<br />
ขอให้หน่วยงานที่มีเครื่องมือแพทย์<br />
ได้เตรียมบัญชีคุมสป.ต่างๆไว้ให้เรียบร้อย<br />
2. การสํารวจเพื่อจัดทําป้ายบอกทางต่างๆ<br />
ให้ทันสมัยและไปในแนวทางเดียวกันท่านผู้ใดมี<br />
ข้อมูลต้องการเสนอแนะ แจ้งคณะกรรมการ ESC ได้เลยจ๊ะ (ร่วมด้วยช่วยกัน)<br />
3. การสํารวจจัดทําสถานที่วางถังขยะแบบแยกประเภท<br />
ตามนโยบายของผอ.รพ.ค่ายฯ โดย<br />
จะพลิกโครงการธนาคารขยะ ให้เป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง<br />
สุดท้ายขอฝากธรรมะดีๆ ไว้ในวาระฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า<br />
• มีความสุขมากที่สุดในชีวิต<br />
คือ การมีศีลธรรมและความสงบสุข<br />
• โชคดีที่สุดของชีวิตคือ<br />
การมีสุขภาพ แข็งแรงทั้งใจ<br />
และกาย<br />
• การให้ที่มีคุณค่ามากที่สุดของชีวิตคือ<br />
การให้อภัยและให้ธรรมะ<br />
• ภาคภูมิใจที่สุด<br />
ของชีวิตคือ การช่วยเหลือผู้อื่น<br />
และชัยชนะที่สุดของชีวิต<br />
คือ ชนะสิ่งที่ไม่ดีของตนเอง<br />
สาธุ สาธุ สาธุ<br />
เลขาส้มจุก
14<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55<br />
มุมเภสัช Medication <strong>Re</strong>conciliation<br />
Medication <strong>Re</strong>conciliation เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลในการใช้ยาของผู้ป่วย<br />
ตั้งแต่ก่อนมา<br />
รับบริการ ขณะรับบริการ จนถึงการจําหน่าย โดยใน รพ. ค่าย มีการดําเนินกิจกรรมมาได้ระยะ<br />
หนึ่งแล้ว<br />
และหลายๆ คนอาจเรียกมันว่า “การทํายาเดิม”<br />
ความหมาย<br />
Medication <strong>Re</strong>conciliation จะเป็นเรื่องของการเปรียบเทียบรายการของผู้ป่วยเมื่อแรกรับ<br />
เปรียบเทียบรายการยาที่แพทย์สั่งกับรายการยาที่ผู้ป่วยรับประทานยาอย่างต่อเนื่องที่บ้านก่อนมารับการรักษา<br />
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีโรคประจําตัว<br />
เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หืด ลมชัก หรือแม้แต่วัณโรค จะดูว่ารายการ<br />
ยาที่แพทย์สั่งแรกรับนั้นครอบคลุมรายการยาที่ผู้ป่วยรับประทานยาต่อเนื่องที่บ้านหรือไม่<br />
จะดูความแตกต่าง<br />
และมีการบอกแพทย์กรณีพบความแตกต่างดังกล่าว และในทุกๆ รอยต่อของการ transfer ผู้ป่วย<br />
จากหอผู้ป่วย<br />
หนึ่งไปหอผู้ป่วย<br />
จนกระทั่งกลับบ้าน<br />
ในช่วงรอยต่อเหล่านี้<br />
ผู้ป่วยได้รับรายการยาครบถ้วนตามที่ควรจะได้หรือไม่<br />
ลองดูว่าเมื่อเรารับผู้ป่วย<br />
เข้ามาจาก ER ที่<br />
ER เรามีการซักถามการใช้ยาของผู้ป่วยหรือไม่ว่าเคยได้รับยาอะไรมาก่อน<br />
สมมติว่าผู้ป่วย<br />
เคยเป็นวัณโรคมาก่อน วันนี้มาด้วย<br />
trauma แขนขาหักหรืออุบัติเหตุ ผู้ป่วยอาจถูกส่งไปผ่าตัดเพื่อต่อกระดูก<br />
เลยและ admit ต่อ ผู้ป่วยอาจไม่ได้รับยาวัณโรคระหว่างที่นอนอยู่ในหอผู้ป่วยเลยก็ได้<br />
เพราะไม่มีใครถาม<br />
และผู้ป่วยก็ไม่พูด<br />
หรือบางทีมีคนดูแลคนดูแลก็ไม่ได้บอกว่าคนไข้ได้ยาอะไรเพราะไม่มีคนถาม คนไข้ของเรา<br />
บางครั้งไม่กล้าพูดอะไร<br />
ระหว่างที่นอนในหอผู้ป่วยอาจไม่ได้ยา<br />
ถ้าคนไข้เป็นเบาหวานน้ําตาลอาจจะขึ้น<br />
หรือที่<br />
เคยพบระหว่างการเยี่ยมสํารวจ<br />
คนไข้เป็นลมชัก ทําไมคนไข้ชัก พอดูย้อนหลังกลับไปดูปรากฏว่าผู้ป่วยเคย<br />
ได้รับยาลมชักมาตลอด แต่มาที่โรงพยาบาลด้วยสาเหตุอื่น<br />
จึงไม่ได้รับประทนยา<br />
เหตุการณ์เหล่านี้มีแน่ในโรงพยาบาล<br />
ถ้าเราย้อนกลับไปดูเราจะเห็นและเราจะเริ่มเข้าใจว่าคนไข้ที่รับ<br />
ไว้นอนโรงพยาบาลนั้นได้รับยาไม่ครบถ้วน<br />
โดยเฉพาะกรณี chronic disease<br />
Medication <strong>Re</strong>conciliation คือความพยายามซักถามประวัติการใช้ยาที่ผู้ป่วยใช้ต่อเนื่องมา<br />
แล้ว<br />
เทียบกับยาที่ผู้ป่วยได้รับในโรงพยาบาล<br />
ดูว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร และก็จะปรึกษาแพทย์ว่าจะ<br />
เปลี่ยนแปลงรายการยาตรงนี้หรือไม่<br />
อย่างไรยา จะยังให้ยาต่อไปเหมือนเดิม หรือจะปรับขนาดหรือจะเปลี่ยน<br />
ชนิดของยา นั่นก็คือเป็นเรื่องของสหสาขาวิชาชีพ
ประโยชน์<br />
15<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55<br />
ถ้าเราทํากระบวนการ reconcile ก็จะช่วยลดความคลาดเคลื่อน<br />
(medication error) ในประเด็น<br />
ต่างๆ ดังนี้<br />
1. การที่ผู้ป่วยไม่ได้รับยาที่เคยใช้อยู่อย่างต่อเนื่อง<br />
ถ้าเรามีจุดที่จะซักประวัติผู้ป่วยถึงเรื่องของยาที่ผู้ป่วย<br />
ได้รับต่อเนื่องและเรายังให้เขาต่อ<br />
อันนี้จะลดความคลาดเคลื่อนจุดนี้ลงได้<br />
2. การที่ไม่ได้หยุดยาบางตัวก่อนเข้ารับการทําหัตถการบางอย่าง<br />
ผู้ป่วยมาผ่าตัดซึ่งอาจะเป็น<br />
elective<br />
case หรือกะทันหัน ถ้าผู้ป่วยได้รับยาที่ทําให้เลือดแข็งตัวช้าบางทีนัดมาผ่าตัดก็จะผ่าตัดไม่ได้<br />
เราไปดูที่ห้อง<br />
ผ่าตัดสิว่ามีการเลื่อน<br />
case ผ่าตัดมากน้อยแค่ไหน ต้นเหตุมากจากอะไร เราจะเห็นประเด็นว่ามาจาก<br />
Medication <strong>Re</strong>conciliation สักแค่ไหน<br />
3. การที่ผู้ป่วยไม่ได้รับยาที่เคยใช้อยู่หลังจากหยุดใช้ยาชั่วคราว<br />
สมมติว่าผู้ป่วย<br />
admit มาในหอผู้ป่วย<br />
อายุรกรรม แล้วเกิดต้องไปทําผ่าตัดผู้ป่วยอาจได้รับยา<br />
warfarin หรือ plavix อยู่<br />
หมอก็จะสั่งหยุดยาก่อน<br />
คนไข้จะถูกส่งไปผ่าตัด จากห้องผ่าตัดคนไข้ก็ไป ICU อาจจะไป ICU สักวันหนึ่งแล้วกลับมาอยู่หอผู้ป่วย<br />
ศัลยกรรม ไม่ได้ไปอยู่อายุรกรรมแล้ว<br />
ตรงนี้ถือเป็นรอยต่อแล้วใช่ไหม<br />
มาอยู่หอผู้ป่วยศัลยกรรมอาจได้แต่<br />
antibiotic หรืออะไรก็ตามที่หมอศัลย์สั่ง<br />
แต่ผู้ป่วยเพราะไม่ได้กิน<br />
warfarin หรือ plavix ที่เคยได้รับ<br />
ตรงนี้<br />
เป็นรอยต่อของการให้บริการ ดังนั้นรายการยาต้องตามผู้ป่วยไปตลอด<br />
ตรงนี้เราไม่ค่อยส่งต่อกัน<br />
แพทย์<br />
เฉพาะทางจะดูแต่ยาของตัวเอง จะไปเปิดเวชระเบียนก็แสนยากเพราะต่างคนต่างสั่งเอาไว้<br />
ตรงนี้จะเป็นหน้าที่<br />
ใครไม่บอก มันเป็น multidisciplinary ไปตกลงกันเองว่าใครจะทํา เพราะมันขึ้นกับบริบทโรงพยาบาล<br />
ขึ้นอยู่<br />
กับว่าเรามีอัตรากําลังส่วนไหนเท่าไร เราจะลดความคลาดเคลื่อนลงได้<br />
4. ผู้ป่วยได้รับยาซ้ําซ้อนเพราะไม่ทราบว่าแพทย์สั่งเปลี่ยนยาแล้ว<br />
เวลาจําหน่ายผู้ป่วย<br />
เราไม่เคยเอา<br />
รายการยาตอนที่ผู้ป่วยได้รับต่อเนื่องก่อนเข้า<br />
รพ. กับรายการยาที่ผู้ป่วยได้รับในระหว่างอยู่<br />
รพ. จนจําหน่าย<br />
พอจําหน่าย เราไม่เคยเอามาเปรียบเทียบกันเลย บางครั้งแพทย์เปลี่ยนยาไปแล้ว<br />
เช่น ยาลดความดันโลหิต<br />
อาจจะเปลี่ยนเป็นอีกตัวหนึ่ง<br />
หรือตัวเดียวกันแต่เปลี่ยนขนาด<br />
แล้วเราไม่มีการทํา D/C counseling ตรง<br />
สุดท้ายอาจพูดธรรมดาเหมือนส่งมอบยาผู้ป่วย<br />
กลับไปบ้านก็กินเหมือนเดิม แล้วฉันมียาอะไรเหลืออยู่ที่บ้าน<br />
ฉันก็กินด้วย ยาใหม่ก็กินด้วยอีก เกิดความซ้ําซ้อนในการได้รับยา<br />
ตรงนี้เป็นประเด็นที่ต้องเคลียร์ในเรื่องของ<br />
รายการยาให้ครบถ้วนก่อนที่จะจําหน่ายผู้ป่วยออกไป<br />
5. การได้รับยาซ้ําซ้อนกับยาที่ผู้ป่วยซื้อกินเอง<br />
บางที interaction กัน มีอะไรกัน เราไม่ได้ซักประวัติ ไม่รู้<br />
เรื่อง<br />
ผู้ป่วยก็ยังซื้อกินอยู่นั่น<br />
แล้วน่ากลัวมากถ้าผู้ป่วยได้รับ<br />
warfarin<br />
หากสหสาขาวิชาชีพเข้าใจเนื้อแท้ของกิจกรรมนี้<br />
ก็จะสามารถช่วยเชื่อมต่อข้อมูลการใช้ยาให้กับผู้ป่วย<br />
และ ลดความคลาดเคลื่อนทางยาได้<br />
กองเภสัชกรรม
16<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55<br />
สาสน์จาก NUR<br />
1. ตามที่ได้แจกจ่ายโจทย์ปัญหาด้านจริยธรรมทางการพยาบาลไปให้หอผู้ป่วยต่างๆ<br />
นั้นขอให้ทีม<br />
พยาบาลแต่ละหอผู้ป่วยเอาโจทย์ไปทําเพื่อใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติให้องค์กรพยาบาลของเรา<br />
ซึ่งขอ<br />
บอว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด<br />
ที่อาจารย์พรจันทร์<br />
สุวรรณชาติ นี้มาให้เป็นโจทย์แก้ปัญหา<br />
และเป็น<br />
ข้อคิดในการทํางานด้านจริยธรรมต่อไป โดยจะให้แต่ละทีมนําเสนอในวันประชุมองค์กรพยาบาล วัน<br />
พุธที่<br />
20 มิ.ย. 55 เวลา 13.30 น. นี้<br />
2. ใกล้จะ <strong>Re</strong>-<strong>accreditation</strong> แล้ว ทีมบริหารการพยาบาลได้ดําเนินการทํากิจกรรมให้ครบถ้วน ขอให้<br />
ทีมพยาบาล PN, NCO, NA และ HW ทําหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด<br />
ปฏิบัติตามหัวหน้าหอผู้ป่วยบอก<br />
กล่าวไว้ อย่างน้อยขอให้ทราบประเด็นนโยบาย วิสัยทัศน์ พันธกิจ ของฝ่ายการพยาบาลต่างๆ ให้<br />
ครบถ้วน โดยจะมีทีมบริหารการพยาบาลลงสุ่มสอบถามในช่วงนี้<br />
• โครงการธรรมะของฝ่ายการพยาบาล ขอขอบคุณหัวหน้าหน่วยงานที่เข้าร่วมกิจกรรม<br />
ประจําเดือน พ.ค. ดังนี้<br />
• การพัฒนาวิสัยทัศน์กับการคิดนอกกรอบ<br />
การพัฒนาวิสัยทัศน์ ถือเป็นหัวใจสําคัญอย่างยิ่ง<br />
สําหรับองค์กรยุคปัจจุบัน ความสําเร็จของการพัฒนา<br />
วิสัยทัศน์ขององค์กร ขึ้นกับความรู้<br />
ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้บริหารเป็นสําคัญ<br />
ดํารง วัฒนา (ม.ป.ป.) กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้วการพัฒนาวิสัยทัศน์จะถูกกําหนดเมื่อ<br />
1. องค์กรมีการริเริ่มสิ่งใหม่ๆ<br />
และผู้บริหารมีความต้องการเป็นผู้นําในการเปลี่ยนแปลง<br />
2. องค์กรมีผลงานลดลงไม่เป็นที่พอใจ<br />
จึงจําเป็นต้องมีการพัฒนาวิสัยทัศน์ ซึ่งอาจเป็นการสร้างหรือ<br />
ปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์
17<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55<br />
Marguis & Huston, 2003 เน้นว่า การพัฒนาวิสัยทัศน์ เป็นสิ่งจําเป็นสําหรับผู้นําการเปลี่ยนแปลง<br />
(Transformation Leader) เพราะผู้นําการเปลี่ยนแปลงนอกจากจะเป็นผู้นําในการสร้างวิสัยทัศน์แล้ว<br />
ยังต้อง<br />
มีความสามารถในการเสริมสร้างพลังอํานาจ (empowerment) ผู้อื่นให้ดําเนินการเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ที่<br />
กําหนด<br />
1. กระบวนการพัฒนาวิสัยทัศน์ประกอบด้วย<br />
1.1 การสร้างทีมงานหรือคัดเลือกทีมงาน<br />
1.2 การกําหนดขอบเขตและวัตถุประสงค์<br />
1.3 การสร้างองค์ความรู้ให้แก่งาน<br />
1.4 การหาจุดยืนในอนาคต<br />
ความสําเร็จ อยู่ที่การมีทักษะการคิดที่หลากหลาย<br />
เช่น<br />
- การคิดเชิงวิเคราะห์ (Critical thinking)<br />
- การคิดสร้างสรรค์ (Creative thinking)<br />
- การคิดนอกกรอบ (Lateral thinking)<br />
2. กระบวนการของการคิดนอกกรอบ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน<br />
2.1 เปิดโอกาสให้แสดงความคิดอย่างอิสระ โดยไม่ปิดกั้นความคิด<br />
2.2 ปรับปรุงสถานการณ์ มีการออกแบบและสรุปแนวคิด<br />
2.3 ได้พบกับมุมมองและแนวคิดที่หลากหลาย<br />
2.4 ร่วมกันวาดภาพขึ้นใหม่จากการประมวลความคิดและแนวคิดหลากหลายที่เกิดขึ้น<br />
3. ตัวอย่างการคิดนอกกรอบ<br />
“ผู้ชายสองคนใช้เวลา<br />
2 ชั่วโมง<br />
ขุดหลุมได้ลึก 5 ฟุต คําถาม คือ หากใช้เวลา 2 ชั่วโมง<br />
และมีผู้ช่วย<br />
จํานวน 10 คน จะขุดหลุมลึกเท่าไร...?<br />
It took two hours for two men to dig a hole five feet deep How deep would it have<br />
been if ten men had dug the hole for two hours…? (de Bono, 2006)<br />
มีคําตอบเฉลยฉบับหน้า.....โปรดติดตามต่อไป 555…..<br />
คําภาษาอังกฤษที่ใช้ผิดบ่อยๆ<br />
(Correct wards)<br />
Advise Introduce suggest แนะนํา<br />
Advise ใช้ในความหมายของการให้คําแนะนําโดยผู้ที่มีความรู้หรือประสบการณ์มากกกว่า<br />
The doctor advised me to get some more excurse<br />
Introduce ใช้ในความหมายของการแนะนําให้บุคคลรู้จักกัน<br />
I introduced John to Lin Suggest ใช้ในความหมายของการแนะนําเชิงชักชวนให้บุคคลอื่นทําสิ่งนั้น<br />
สิ่งนี่<br />
He suggested buying that cheap skirt<br />
NUR
18<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55<br />
ในวันที<br />
่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ แผนกเวชกรรมป้องกัน, แผนกประกันสุขภาพ และแผนกส่งเสริมสุขภาพ<br />
ร่วมกิจกรรมรับพลทหารใหม่ ผลัด ๑/๒๕๕๕ ในการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ โดยการฉีดวัคซีนป้องกัน<br />
บาดทะยักพลทหารใหม่ทุกนาย จํานวน ๙๑๑ นาย ณ พุทธศาสนสถานค่ายสรรพสิทธิประสงค์
19<br />
<br />
7 <br />
2 ..-.. 55<br />
เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ ได้ดําเนินการตรวจคัดกรองสุขภาพพลทหารทางแผนกส่งเสริมสุขภาพบูรณาการ<br />
กิจกรรมร่วมกับแผนกพยาธิวิทยาเจาะเลือด และได้ขอความร่วมมือจาก อสม.รพ.ค่ายฯ หน่วยละ ๒ คน<br />
เริ่มตั้งแต่เวลา<br />
๑๒.๓๐ น. เป็นต้นไป พร้อมดําเนินกิจกรรมการตรวจสุขภาพและคัดกรองความเสี่ยงด้าน<br />
พฤติกรรมประจําปีทหารใหม่ ผลัด ๑/๒๕๕๕ จํานวน ๖ หน่วย โดยมีรายละเอียดดังนี้<br />
๒.๑ วันจันทร์ที่<br />
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ออกตรวจคัดกรองสุขภาพ ร.๖<br />
จํานวน ๖๘ คน<br />
๒.๒ วันอังคารที่<br />
๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ออกตรวจคัดกรองสุขภาพ ร.๖ พัน ๑<br />
จํานวน ๑๙๑ คน<br />
๒.๓ วันพุธที่<br />
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ออกตรวจคัดกรองสุขภาพ ร.๖ พัน ๒<br />
จํานวน ๑๖๕ คน<br />
๒.๔ วันพฤหัสบดีที่<br />
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ออกตรวจคัดกรองสุขภาพ ร.๖ พัน ๓<br />
จํานวน ๑๖๗ คน<br />
๒.๕ วันศุกร์ที่<br />
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ออกตรวจคัดกรองสุขภาพ ป.พัน ๖<br />
จํานวน ๗๘ คน<br />
๒.๖ วันจันทร์ที่<br />
๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ออกตรวจคัดกรองสุขภาพ มทบ.๒๒ และ รพ.ค่ายฯ<br />
จํานวน ๒๑๐ คน<br />
รวมทั้งหมด<br />
๘๗๙ คน<br />
นอกจากนี ้ทางแผนกส่งเสริมสุขภาพ ได้นําข้อมูลสรุปผลการตรวจสุขภาพและคัดกรองความเสี ่ยง<br />
ด้านพฤติกรรม ประจําปีทหารใหม่ ผลัด ๑/๒๕๕๕ จํานวน ๖ หน่วย<br />
เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ แผนกส่งเสริมสุขภาพจัดเจ้าหน้าที ่ในแผนกส่งเสริมสุขภาพพร้อมกับประสาน<br />
สหวิชาชีพในการลงเยี่ยมบ้านประชาชนกลุ่มเสี่ยง<br />
และผู้ป่วยในเขตพื้นที่รับผิดชอบ<br />
รอบที่<br />
๑ เวลา ๐๙.๓๐–<br />
๑๑.๓๐ น. และรอบที่<br />
๒ เวลา ๑๓.๓๐–๑๖.๐๐ น. (ทุกวันอังคาร และวันพฤหัสบดี) ต.แสนสุข อ.วารินชําราบ<br />
ผู้รับบริการ<br />
๒๑ คน<br />
เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ แผนกส่งเสริมสุขภาพจัดกิจกรรมกลุ ่มเบาหวาน (มะดันหวาน) ในชุมชน หมู่<br />
๒,<br />
หมู่<br />
๑๑, หมู่ที่<br />
๑๗ และหมู่<br />
๑๙ ต.แสนสุข อ.วารินชําราบ ผู้รับบริการ<br />
๒๗ คน