การอ่านคลื่นไฟฟ้าหัวใจอย่างง่าย by วินิตย์
การอ่านคลื่นไฟฟ้าหัวใจอย่างง่าย by วินิตย์
การอ่านคลื่นไฟฟ้าหัวใจอย่างง่าย by วินิตย์
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
EKG ยาขมส าหรับพยาบาลจริงหรือ?<br />
การอ่านคลื ่นไฟฟ้าหัวใจอย่างง่าย<br />
By <strong>วินิตย์</strong>
ความรู้พื ้นฐานเกี ่ยวกับคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจ<br />
(Basic ECG)<br />
โดย<br />
พยาบาล <strong>วินิตย์</strong> หลงละเลิง<br />
พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต (การพยาบาลผู้ใหญ่) , Master of Nursing Science Program in Nursing (M.N.S.)<br />
วทม. เพศศาสตร์, Master of Science Program in Human Sexuality<br />
ผู้ปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง (สาขาการพยาบาลอายุรศาสตร์-ศัลยศาสตร์), Advanced Practiced Nurse (APN)<br />
กลุ่มงานการพยาบาล โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
วัตถุประสงค์ของการเรียนรู้<br />
1.มีความรู้ความเข้าใจและสามารถอ่าน ECG ขั ้นพื ้นฐานได้อย่างถูกต้อง<br />
2. มีความรู้ความเข้าใจสามารถอ่านคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจเต้นผิดจังหวะที ่<br />
ส าคัญได้อย่างถูกต้อง<br />
3.สามารถอธิบายแนวทางการช่วยเหลือรักษาพยาบาลผู้ป่วยในภาวะ<br />
วิกฤตที ่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะเช่น AF,SVT, VF, VT, AF,<br />
Asystole ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
ความหมาย EKG<br />
• EKG คือ การบันทึก Electrical impulses ที ่ไป<br />
กระตุ้นหัวใจให้ท างานซึ ่งจะมีกระแสไฟฟ้ าเกิดขึ ้นขณะ<br />
หัวใจบีบตัวและจะแผ่กระจายไปยังผิวหนัง การน า<br />
Electrode<br />
ไปวางที ่ผิวหนังแล้วต่อเครื ่องมือที ่พัฒนามา<br />
ใช้บันทึกคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจ โดยเฉพาะจะสามารถบันทึก<br />
คลื ่นไฟฟ้ าหัวใจ ที ่เกิดขึ ้นได้
Anatomy and Physiology<br />
of heart
แหล่งก าเนิดคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจ
ลักษณะECG ที่เกิดขึ้น
เกิดคลื่นไฟฟ้ า<br />
หัวใจได้อย่างไร?
คลื ่นไฟฟ้ าที ่เกิด<br />
Depolarize และ<br />
Repolarize ของ<br />
หัวใจบันทึกได้<br />
จากการวาง lead<br />
ต าแหน่งต่างกัน
การแปรผลคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจ<br />
(Interpretation of<br />
electrocardiogram)<br />
• สิ ่งส าคัญในการแปรคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจ คือ<br />
• 1.อัตราการเต้นของหัวใจ (Heart rate)<br />
• 2.จังหวะการเต้นของหัวใจ (Rhythm)<br />
• 3.การน าสัญญาณไฟฟ้ า (Conduction)<br />
• 4.รูปร่างและต าแหน่ง (Configuration and location)<br />
(Hartshorn,Lamborn & Noll,1993 ; Master 1982)
การแปลผลคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจ<br />
• อัตรา(Rate) การเต้นของหัวใจ<br />
อัตราการเต้นของหัวใจปกติอยู่ในช่วง 60 – 100 ครั ้ง/นาที<br />
ถ้าอัตราการเต้นของหัวใจ น้อยกว่า 60 ครั ้ง/นาที เรียกว่า bradycardia<br />
ถ้าอัตราการเต้นของหัวใจ มากกว่า100 ครั ้ง/นาที เรียกว่า tachycardia<br />
การอ่านอัตราการเต้นของหัวใจให้ดูที ่ช่องแบ่งบนกระดาษบันทึกคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจและ<br />
ความเร็วของกระดาษ (paper speed) เครื ่องบันทึกคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจใช้ความเร็วกระดาษ<br />
ได้ 2 ขนาด คือ 50 มม./ วินาที และ 25 มม./วินาที การบันทึกโดยทั่วไปจะใช้ความเร็ว<br />
กระดาษ 25 มม./วินาที<br />
1 ช่องเล็ก(1 มม.)ของกระดาษบันทึกคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจมีค่าเท่ากับ 0.04 วินาที<br />
5 ช่องเล็ก หรือ 1ช่องใหญ่ ( 5 มม.) เท่ากับ 0.2 วินาที<br />
ความสูงแต่ละช่องเล็กคิดเป็นความแรงของกระแสไฟฟ้ าเท่ากับ 0.1 มิลลิโวล์ท
วิธีการอ่านอัตราการเต้นของหัวใจ<br />
สูตร<br />
1.1 ใช้เทียบบัญญัติไตรยางค์ โดย ดูช่วงระหว่าง R ถึง R ที ่อยู่<br />
ถัดไป(R-R interval) ว่าห่างกันกี ่ช่อง ซึ ่งจะได้ออกมาเป็น<br />
อัตราการเต้นของหัวใจ= 1500 / จ านวนช่องเล็ก= ? ครั ้ง/ นาที<br />
หรือ = 300 / จ านวนช่องใหญ่= ? ครั ้ง/ นาที<br />
1.2 ใช้การประมาณ โดยดูช่วง R-R interval ว่าห่างกันกี ่ช่องใหญ่<br />
แล้วจ าตัวเลข 300, 150, 100 และ 75, 60, 50 ส าหรับช่วงห่าง<br />
1, 2, 3 และ4, 5, 6 ช่องใหญ่ไว้ จะท าให้สามารถบอกอัตราการ<br />
เต้นของหัวใจได้โดยประมาณอย่างรวดเร็ว
การท าคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจ<br />
การวาง electrode ตามต าแหน่งต่างๆบนหน้าอกท าให้ได้ chest<br />
lead หรือ precordial lead V1-V6<br />
LeadV1 วาง exploring electrode ที ่ช่องระหว่างกระดูกซี ่โครงช่อง<br />
ที ่4ทางด้านขวา ติดกับขอบกระดูหน้าอก<br />
LeadV2 วางที ่ช่องระหว่างกระดูกซี ่โครงช่องที ่4 ทางด้านช้าย ติดกับ<br />
ขอบกระดูหน้าอก<br />
LeadV3 อยู่ กึ ่งกลางระหว่างV2 และV4 พอดี
Lead V4 อยู่บนเส้นกึ ่งกลางกระดูกไหปลาร้า(mid-clavicular<br />
line) ในช่องระหว่างกระดูกซี ่โครงช่องที ่5<br />
Lead V5 อยู่บนจุดซึ ่งตัดกันระหว่างเส้น anterior axillary line<br />
กับเส้นขนาน ( horizontal line) ที ่ลากจาก V4<br />
Lead V6 อยู่บนจุดซึ ่งตัดกันระหว่างเส้น mid- axillary line กับ<br />
เส้นขนาน ที ่ลากจาก V4 ไป
ECG 12Leads
RA<br />
LA inactive<br />
RA<br />
LA Ref<br />
LL<br />
Ref<br />
LL<br />
Three Lead System<br />
Five Lead System
แบบฝึ กหัดที่1<br />
ECG ดังต่อไปนี้มีอัตราการเต้นของหัวใจเท่าไร ?
1.<br />
2.
ความหมายและสาเหตุของหัวใจเต้นผิดจังหวะ<br />
• ค าว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะมาจากภาษาอังกฤษว่า “ dysrhythmia” ซึ ่งหมายถึง<br />
ภาวะที ่หัวใจเต้นล าบากหรือมีความผิดปกติของจังหวะการเต้นของหัวใจ ใน<br />
บางครั ้งอาจจะใช้ค าว่า “arrhythmia” แทนในความหมายเดียวกัน แต่<br />
ความหมายที ่แท้จริงของ arrhythmia คือ ไม่มีจังหวะ<br />
(Hartshorn,Lamborn & Noll,1993 อ้างใน อุไร , ทิพมาศและเพลิน<br />
พิศ,2544)<br />
• ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นภาวะที ่เกิดจากการรบกวนการสร้าง<br />
สัญญาณไฟฟ้ าหรือมีการขัดขวางการน าสัญญาณไฟฟ้ าภายในระบบการน า<br />
สัญญาณไฟฟ้ าของหัวใจ (Meltzer,Pinneo & Kitchell,1983)
สาเหตุของหัวใจเต้นผิดจังหวะ<br />
สาเหตุของหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีดังนี ้ (Johanson,1985)<br />
• 1.สาเหตุที ่หัวใจโดยตรง ได้แก่ กล้ามเนื ้อหัวใจขาดเลือด<br />
ตายหัวใจอักเสบ ลิ ้นไมตรัลตีบ หัวใจล้มเหลว และภายลังการ<br />
ผ่าตัดหัวใจ<br />
• 2.สาเหตุภายนอกหัวใจ ได้แก่ ภาวะเสียสมดุลอิเล็คโตรลัยท์<br />
และกรด-ด่าง ออกซิเจนต ่า คาร์บอนไดออกไซด์คั่ง ช็อก ประสาท<br />
อัตโนมัติท างานผิดปกติ ยา อาหาร ชา กาแฟ บุหรี ่ การพักผ่อน<br />
ไม่เพียงพอ โรคอื ่นๆ ได้แก่ ไทรอยด์เป็นพิษ
คลื ่นไฟฟ้ าหัวใจปกติ (Normal electrocardiogram)<br />
Normal sinus rhythm<br />
คลื ่น P คือ คลื ่นที ่เกิดจากการบีบตัวของหัวใจ ห้องบน( Atrial Depolarization )<br />
คลื ่น QRS complex คือ คลื ่นที ่เกิดจากการบีบตัวของหัวใจห้องล่าง<br />
คลื ่น T คือ คลื ่นที ่เกิดจากระยะพักของหัวใจห้องล่าง
•คลื่น P เกิดจากดีโพลาไรเซชั่นของเอเตรียม โดยปกติลักษณะของคลื่น P<br />
จะกลม มีความสูงไม่เกิน 3 mm. กว้างไม่เกิน 2.5 mm. หรือใช้เวลา<br />
0.08 – 0.10 sec.
• ช่วง PR บอกถึงเวลาของการน าสัญญาณไฟฟ้ าจากเอเตรียมไปยังเวนตริ<br />
เคิล ซึ ่งเป็นช่วงเวลาตั ้งแต่สัญญาณไฟฟ้ าถูกส่งออกจาก SA node ผ่าน<br />
เอเตรียมและ AV node ไปยังเวนตริเคิล ดังนั ้นช่วง P-R จึงวัดได้จาก<br />
คลื ่น P จนถึงจุดเริ ่มต้นของคลื ่น QRS ปกติใช้เวลาไม่เกิน 0.12 – 0.20<br />
sec. หรือกว้างไม่เกิน 5 mm.
• คลื ่น Q เป็นคลื ่นลบคลื ่นแรกที ่ตามหลังคลื ่น P และช่วง P – R อาจจะมีหรือไม่มีก็<br />
ได้ ความกว้างของคลื ่น Q ปกติไม่เกิน 1 mm. หรือ 0.04 sec. และสูงไม่เกิน 2<br />
mm. และความสูงต้องน้อยกว่า 1/3 ของความสูงของคลื ่น R<br />
• คลื ่น R เป็นคลื ่นบวกคลื ่นแรกที ่ตามหลังคลื ่น Q ในกรณีที ่ไม่มีคลื ่น Q จะพบว่า<br />
คลื ่น R เป็นคลื ่นบวกคลื ่นแรกที ่ตามหลังช่วง<br />
P – R
่<br />
• คลื ่น S เป็นคลื ่นลบคลื ่นแรกที ่ตามหลังคลื ่น R คลื ่น QRS บอกถึงดีโพลาไรเซชั่น<br />
ของเวนตริเคิล ปกติใช้เวลา 0.06 – 0.12 sec. หรือกว้างไม่เกิน 3 mm.<br />
• คลื ่น S-T เป็นส่วนที ่อยู่ระหว่างจุดสิ ้นสุดของคลื ่น QRS และจุดเริ ่มต้นของคลื ่น T<br />
คือช่วงเวลาที ่รีโพลาไรเซชั่นจะเริ ่มขึ ้น ระยะนี ้จะไม่มีความแตกต่างของประจุไฟฟ้ าที<br />
ขั ้วบวกและขั ้วลบ จึงบันทึกได้เป็นเส้นราบ (Isoelectric line)
คลื ่น T เกิดจากรีโพลาไรเซชั่นของเวนตริเคิลเป็นคลื ่นที ่ตามหลังคลื ่น S และส่วน S-T ปกติใช้เวลาไม่เกิน<br />
0.16 sec. และสูงไม่เกิน 10 mm. ในขั ้วต่อทรวงอก<br />
ช่วง Q-T วัดจากจุดเริ ่มต้นของคลื ่น QRS จนถึงจุดสิ ้นสุดของคลื ่น T เป็นคลื ่นไฟฟ้ าที ่วัดได้ในช่วงที ่เวน<br />
ตริเคิลก าลังบีบตัว ช่วง Q-T ในคนปกติแปรไปตามอัตราการเต้นของหัวใจ<br />
คลื ่น U เป็นคลื ่นบวกตามหลังคลื ่น T ปกติพบได้น้อย คลื ่นนี ้จะสูงเด่นชัดเมื ่อมีระดับโปแตสเซียมใน<br />
เลือดต ่า หรือเมื ่อเวนตริเคิลมีขนาดขยายโตขึ ้น
ความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้ าหัวใจ<br />
1<br />
2<br />
3
แบบฝึ กหัดที่ 2<br />
รูปECG เหล่านี้มีความผิดปกติอย่างไร?
กล้ามเนื่อหัวใจที่ถูก<br />
กระทบกระเทือน<br />
(wall affected)<br />
สรุปวิธีการระบุต าแหน่งกล้ามเนื ้ อหัวใจตาย ( Locating myocardial damage)<br />
ตารางเปรียบเทียบแสดงลักษณะ EKG ในภาวะ Acute MI ระบุต าแหน่งกล้ามเนื ้ อหัวใจถูกท าลาย<br />
และการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ( Loeb 1990 : 140 )<br />
EKG<br />
(lead)<br />
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับ EKG<br />
( EKG changes)<br />
ส่วนของหลอดเลือด<br />
โคโรนารีที่เกี่ยวข้อง<br />
( Artery involved)<br />
การเปลี่ยนแปลงทางตรง<br />
ข้ามที่เกิดร่วมด้วย<br />
(Reciprocal changes<br />
Inferior (diaphragmatic) II,III,AVF Q,ST,T Right coronary artery I, AVL<br />
Lateral I,AVL,V 5 , V 6 Q,ST,T Circumflex,branch of left anterior<br />
descending <br />
Anterior V 1 , V 2<br />
V 3 , V 4 , I, AVL<br />
V 1 , V 2<br />
Q,ST,T,loss of R wave progression Left coronary artery II, III, AVF<br />
Posterior V 1 , V 2 None RCA,circumflex R greater than S,ST<br />
depression ,elevated T<br />
wave<br />
Apical V 5 , V 6<br />
V 3 , V 4<br />
Anterolateral V 4 , V 5 , V 6,<br />
I,AVL<br />
Q,ST,T,loss of R wave progression LAD ,RCA None<br />
Q,ST,T LAD,circumflex II, III, AVF<br />
Anteroseptal V 1 , V 2<br />
V 3<br />
Q,ST,T,loss of R wave in V 1 LAD None
ลักษณะคลื่นไฟฟ้ าหัวใจที่ปกติ<br />
normal sinus rhythm (NSR)
ความผิดปกติที ่มีจุดก าเนิดจาก SA node<br />
1.หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ (Sinus tachycardia)<br />
เกิดจาก SA node ปล่อยสัญญาณไฟฟ้ าในอัตราเกิน 100<br />
ครั ้ง/นาที (ประมาณ 100 – 150 ครั ้ง/นาที) ลักษณะของ<br />
คลื ่นไฟฟ้ าหัวใจชนิดนี ้จะเหมือนกับคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจจังหวะปกติ<br />
(Normal sinus rhythm) ยกเว้นอัตราการเต้นของหัวใจเร็ว<br />
กว่า 100 ครั ้ง/นาที
หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ (Sinus tachycardia)
HR > 150 /min<br />
Supraventricular<br />
tachycardia (SVT)
• อาการ จะท าให้หัวใจเต้นเร็ว ปกติจะไม่มีอันตราย แต่ในผู้ป่วยที ่มี<br />
โรคหัวใจบางชนิดร่วม ท าให้อาการรุนแรงมากขึ ้นได้<br />
• การรักษา ให้ยานอนหลับ ยา Digitalis หรือ Inderal กรณีที ่สาเหตุ<br />
จากต่อมไทรอยด์เป็นพิษ<br />
• การพยาบาล<br />
- จับชีพจร<br />
- ต้องหาสาเหตุร่วม เช่น ภาวะที ่มีการออกก าลังกาย มีอารมณ์ตื ่นเต้น<br />
ตกใจ เจ็บปวด มีไข้ มีภาวะเลือดออก ตกเลือด ช็อก<br />
แก้ที ่สาเหตุ<br />
- ต้องประเมินว่าผู้ป่วยได้รับยาที ่ท าให้หัวใจเต้นเร็วหรือไม่ เช่น<br />
ยา Aminophylline , Dopamine ,Epinephrine
การพยาบาล(ต่อ)<br />
Hydralazine ,Atropine หรือไม่<br />
- มีโรคประจ าตัวเกี ่ยวกับหัวใจอยู่ก่อนหรือไม่<br />
- ยาที ่ใช้จะเป็นยาลดอัตราการเต้นของหัวใจ ทั ้งcalcium<br />
channel blocker ( Verapamil ) และbeta blocker<br />
( Propanolol)
2.หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ (Sinus bradycardia)<br />
• เกิดจาก SA node ปล่อยสัญญาณไฟฟ้ าในอัตราน้อยกว่า 60<br />
ครั ้ง/นาที (ประมาณ 40 – 60 ครั ้ง/นาที) ลักษณะของคลื ่นไฟฟ้ า<br />
หัวใจชนิดนี ้จะเหมือนกับคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจจังหวะปกติ ยกเว้นอัตรา<br />
การเต้นของหัวใจช้ากว่า 60 ครั ้ง/นาที
• ภาพแสดง หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ (Sinus bradycardia)
3.หัวใจเต้นไม่สม ่าเสมอ (Sinus arrhythmia)<br />
• หมายถึง สัญญาณเริ ่มที ่ SA node แต่อัตรา<br />
การปล่อยสัญญาณไม่คงที ่ บางครั ้งเร็วกว่า<br />
ก าหนด บางครั ้งช้ากว่าก าหนด สลับกัน<br />
• การรักษา<br />
-ไม่ต้องรักษา
• ภาพแสดง หัวใจเต้นไม่สม ่าเสมอ (Sinus arrhythmia)
Sinus arrhythmia
ความผิดปกติที ่มีจุดก าเนิดจากเอเตรียม<br />
1. เอเตรียมเต้นก่อนจังหวะ (Premature atrial contraction)<br />
เกิดจากมีจุดก าเนิดไฟฟ้ าในเอเตรียมท าหน้าที ่แทน SA node บาง<br />
จังหวะท าให้ปล่อยสัญญาณไฟฟ้ าก่อนที ่ SA node จะท างานลักษณะ<br />
ของคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจชนิดนี ้จะมีบางจังหวะที ่เกิดเร็วกว่าจังหวะอื ่นๆท าให้<br />
จังหวะไม่สม ่าเสมอ แต่อัตราการเต้นของหัวใจมักจะปกติ คลื ่น P ที ่เกิด<br />
จากจุดก าเนิดไฟฟ้ าจากเอเตรียมจะผิดปกติ ซึ ่งจะแตกต่างจากคลื ่น P<br />
อื ่นๆ ที ่เกิดจากจุดก าเนิดไฟฟ้ าจาก SA node ส าหรับช่วง P-R อาจจะ<br />
ปกติ สั ้นหรือยาวกว่าปกติก็ได้
และคลื ่น QRS ปกติเนื ่องจากจุดก าเนิดไฟฟ้ าอยู่เหนือเวนตริเคิล<br />
อาจพบในคนปกติและในโรคหัวใจรูมาติก โรคหัวใจขาดเลือด<br />
และต่อมไทรอยด์ท างานมากผิดปกติ การแก้ไขอาจไม่ต้องรักษา<br />
หรือลดสาเหตุของความเครียด ถ้ามีโรคหัวใจอยู่อาจให้พวก<br />
Digitalis,Propanolol
• ภาพแสดง เอเตรียลเต้นก่อนจังหวะ<br />
(Premature atrial contraction)
่<br />
่<br />
2. เอเตรียลฟลัตเตอร์ (Atrial flutter)<br />
• เกิดจากมีจุดก าเนิดไฟฟ้ าอื ่นภายในผนังของเอเตรียม ท าหน้าที ่แทน SA node ซึ ่งจะ<br />
กระตุ้นให้เอเตรียมบีบตัว 250 – 400 ครั ้ง/นาที (ส่วนใหญ่มักจะเท่ากับ 300 ครั ้ง/นาที)<br />
ส่วน AV node ไม่สามารถรับสัญญาณไฟฟ้ าได้ทุกจังหวะแต่อาจจะรับได้ในจังหวะที<br />
2,3 หรือ 4 ลักษณะของคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจชนิดนี ้จะมีลักษณะเด่นคือคลื ่น P มีลักษณะ<br />
หยักคล้ายฟันเลื ่อย ซึ ่งเรียกว่าคลื ่น F แทนคลื ่น P อัตราการเต้นของเอเตรียม : เวนตริ<br />
เคิล มักจะเท่ากับ 2:1 (เอเตรียมบีบตัว 300 ครั ้ง/นาที เวนตริเคิลบีบตัว 150 ครั ้ง/นาที)<br />
จังหวะการเต้นของหัวใจมักจะสม ่าเสมอ ยกเว้นสัดส่วนการน าสัญญาณไฟฟ้ าในแต่ละ<br />
จังหวะไม่เท่ากัน ช่วง P-R วัดไม่ได้ ส่วนคลื ่น QRS ปกติ เพราะจุดก าเนิดไฟฟ้ าอยู่ที<br />
เอเตรียม<br />
• พบได้ในผู้ป่วยที ่มีโรคหัวใจโคโรนารี โรคหัวใจเนื ่องจากปอด (Corpulmonale) หรือ<br />
โรคหัวใจรูมาติก
ภาพแสดง เอเตรียลฟลัตเตอร์ (Atrial flutter)
Atrial Flutter
การรักษา<br />
• ในภาวะ acute atrial flutter การรักษาจะเหมือนกับ AF<br />
วัตถุประสงค์ในการรักษาขึ ้นอยู่กับ hemodynamic ถ้าอัตราการเต้นของ<br />
หัวใจห้องล่างเร็วมาก cardiac output ลดลงต้องควบคุมอัตราการเต้นใน<br />
ขณะนั ้น<br />
-cardiovertion ใช้น้อยกว่า 100 J<br />
-rapid atrial pacing<br />
-calcium channel blocker เช่น verapamil<br />
และ diltiazem , beta blocker และ digitalis<br />
เพื ่อใช้ลดอัตราการเต้นของหัวใจ
การรักษา (ต่อ)<br />
-antiarrhythmic drug เช่น amiodarone<br />
• ในภาวะ chronic atrial flutter การ ablate โดยใช้ radio<br />
frequency
3. เอเตรียลฟิบริลเลชั่น (Atrial fibrillation)<br />
• เกิดจากจุดก าเนิดไฟฟ้ าในเอเตรียมท าหน้าที ่แทน SA node โดยปล่อย<br />
สัญญาณไฟฟ้ าในอัตรา 250 – 600 ครั ้ง/นาที เอเตรียมมีการดีโพลาไรเซชั่น<br />
และรีโพลาไรเซชั่นอย่างสับสน ท าให้การบีบตัวของเอเตรียมไม่มีประสิทธิภาพ<br />
สัญญาณไฟฟ้ าจะถูกน าไปยัง AV node อย่างไม่สม ่าเสมอ ลักษณะเด่นของ<br />
คลื ่นไฟฟ้ าหัวใจชนิดนี ้ คือ ไม่มีคลื ่น P แต่จะมีคลื ่นเล็กๆเป็นเส้นขยุกขยิก<br />
เรียกว่าคลื ่น f แทน (จึงไม่มีช่วง P-R) และจังหวะไม่สม ่าเสมอ (หากจังหวะ<br />
สม ่าเสมอ แสดงว่ามีการขัดขวางการน าสัญญาณไฟฟ้ าอย่างสมบูรณ์ที ่ AV<br />
junction หรือ complete heart block ร่วมด้วย) อัตราการเต้นของหัวใจ<br />
อาจจะเร็วหรือช้า ขึ ้นอยู่กับจ านวนสัญญาณไฟฟ้ าที ่ส่งออกจากเอเตรียมไปยัง<br />
เวนตริเคิล
ภาพแสดง เอเตรียลฟิบริลเลชั่น (Atrial fibrillation)
การรักษาพยาบาล<br />
• บันทึก าEKG 12 Lead , notify<br />
• hemodynamic ไม่คงที ่กลุ ่มนี ้อาจต้องท า synchronized cardioversion<br />
(100-200 J) ต้องประเมินก่อนท าว่ามีภาวะ hypokalemia และได้ digitalis<br />
มาก่อนหรืไม่ เนื ่องจากอาจเกิด ventricular arrhythmia ได้ง่าย<br />
• การ convert atrial fibrillation ให้กลายเป็น sinus rhythm ยาที ่ใช้ได้แก่<br />
procainamide, ibutilide, flecainide, propafenone และ<br />
amiodarone
การรักษาพยาบาล (ต่อ)<br />
• ควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจห้องล่าง ได้แก่ยาในกลุ ่ม calcium<br />
channel blocker เช่น diltiazem,<br />
beta blocker เช่น metoprolol , digoxinหรือ amiodarone<br />
• Anticoagulation โดยการให้ warfarin คุมให้ INR อยู่ที ่ 2-3
ความผิดปกติที ่มีจุดก าเนิดจาก AV junction มี<br />
การขัดขวางการน าสัญญาณไฟฟ้ าไปยัง AV node<br />
• 1.การขัดขวางขั ้นที ่ 1 (First degree AV block) จุดก าเนิดไฟฟ้ ามาจาก<br />
SA node และมีการน าสัญญาณไฟฟ้ าตามระบบการน าสัญญาณไฟฟ้ าหัวใจ<br />
แต่สัญญาณไฟฟ้ าล่าช้ากว่าปกติที ่บริเวณ AV node ก่อนที ่จะส่งสัญญาณ<br />
ต่อไปยังเวนตริเคิล ดังนั ้นลักษณะของคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจชนิดนี ้ จึงเหมือนกับ<br />
คลื ่นไฟฟ้ าหัวใจจังหวะปกติ ยกเว้นช่วง P-R ยาวกว่าปกติ คือมากกว่า 5<br />
ช่องเล็ก หรือนานหว่า 0.20 sec. เกิดขึ ้นได้ในทุกกลุ ่มอายุ และในผู้ป่วย<br />
โรคหัวใจ อาจเนื ่องจากยา ได้แก่ Digitalis,Quinidine และ Procanamind<br />
ถ้ายังส่งสัญญาณไป Ventricle ได้ก็ไม่มีปัญหา ไม่มีการรักษาที ่เฉพาะเจาะจง
First degree AV<br />
block
First degree AV block
2. การขัดขวางขั ้นที ่ 2 (Second degree AV block)<br />
• จุดก าเนิดไฟฟ้ าอยู่ใน SA node แต่การน าสัญญาณไฟฟ้ าจาก<br />
เอเตรียมไปสู่เวนตริเคิลบางจังหวะถูกขัดขวาง ท าให้อัตราการเต้น<br />
ของเวนตริเคิลน้อยกว่าของเอเตรียม
2.1 การขัดขวางขั ้นที ่ 2 แบบที ่ 1 (Mobitz type I หรือ<br />
Wenckebach)<br />
• ลักษณะของคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจชนิดนี ้ มีลักษณะส าคัญคือช่วง P-R ยาวขึ ้น<br />
เรื ่อยๆโดยอาจจะเริ ่มตั ้งแต่ช่วง P-R น้อยกว่า 0.12 sec. จนกระทั่งมาก<br />
ว่า 0.20 sec. และมีบางจังหวะที ่มีคลื ่น P แต่ไม่มีคลื ่น QRS ตาม<br />
ดังนั ้นคลื ่น P จึงมีมากกว่าคลื ่น QRS จึงท าให้จังหวะการเต้นของหัวใจ<br />
ไม่สม ่าเสมอ ส่วนรูปร่างของคลื ่น QRS จะปกติเนื ่องจากจุดก าเนิดไฟฟ้ า<br />
อยู่เหนือเวนตริเคิล<br />
• มักเกิดในผู้ป่วยที ่มีกล้ามเนื ้อหัวใจส่วนล่างตาย (Inferior wall<br />
myocardial infarction) หรือพิษจากยา Digitalis
• การขัดขวางขั ้นที ่ 2 แบบที ่ 1 (Mobitz type I)
Second degree AV block Mobitz I
่<br />
2.2 การขัดขวางขั ้นที ่ 2 แบบที ่ 2 (Mobitz type II)<br />
• ลักษณะของคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจชนิดนี ้ มีลักษณะต่างจากการขัดขวางขั ้นที ่ 2 แบบที ่ 1<br />
คือ ช่วง P-R ในจังหวะที ่มีการน าสัญญาณไฟฟ้ าจะคงที ่และปกติ แต่มีบางจังหวะที<br />
มีคลื ่น P แต่ไม่มีคลื ่น QRS ตาม ดังนั ้นคลื ่น P จึงมีจ านวนมากกว่าคลื ่น QRS<br />
ตั ้งแต่ 2,3 หรือ 4 เท่า ส่วนรูปร่างของคลื ่น P และ QRS ปกติ เพราะจุดก าเนิด<br />
สัญญาณไฟฟ้ ามาจาก SA node<br />
• การรักษาให้ยากลุ ่ม Isopertorinol และ Epinephrine ; ใส่ Pacemaker
การขัดขวางขั ้นที ่ 2 แบบที ่ 2<br />
(Second degree AV block Mobitz type II)
Second degree<br />
AV block Mobitz II
Second degree<br />
AV block Mobitz II
An 48 year olds male with alteration of conscious<br />
High grade AV blocks
High grade AV blocks
3. การขัดขวางขั ้นที ่ 3 หรือการขัดขวางอย่างสมบูรณ์ (Third<br />
degree AV block หรือ Complete heart block)<br />
• เกิดจากการขัดขวางการน าสัญญาณไฟฟ้ าอย่างสมบูรณ์ที ่ AV junction ท าให้ขัดขวาง<br />
การน าสัญญาณไฟฟ้ าทั ้งหมดจาก SA node ไม่ให้ผ่านไปยังเวนตริเคิล ดังนั ้นเอเตรียม<br />
และเวนตริเคิลท างานเป็นอิสระต่อกัน โดยเอเตรียมจะเต้นในอัตรา 60 – 120 ครั ้ง/นาที<br />
ส่วนการเต้นของเวนตริเคิลขึ ้นอยู่กับต าแหน่งของจุดก าเนิดไฟฟ้ า (ตั ้งแต่น้อยกว่า 40<br />
ครั ้ง/นาที ถึง 60 ครั ้ง/นาที) ลักษณะของคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจชนิดนี ้ มีลักษณะส าคัญ คือ<br />
จังหวะการเต้นของเอเตรียมและเวนตริเคิลสม ่าเสมอ แต่เป็นอิสระต่อกัน ดังนั ้นคลื ่น P<br />
กับคลื ่น QRS จึงไม่มีความสัมพันธ์กันท าให้ช่วง P-R ไม่สม ่าเสมอ อัตราการเต้นของ<br />
เอเตรียมเร็วกว่าเวนตริเคิล เพราะมีบางจังหวะของคลื ่น P ที ่ไม่มีคลื ่น QRS ตาม<br />
ส าหรับรูปร่างของคลื ่น QRS จะแคบหรือกว้างก็ได้ ขึ ้นกับต าแหน่งที ่สัญญาณไฟฟ้ าถูก<br />
ขัดขวาง ถ้ามีการขัดขวางและมีจุดก าเนิดไฟฟ้ าต ่ากว่า AV node คลื ่น QRS จะกว้าง<br />
กว่าปกติ
• การขัดขวางขั ้นที ่ 3 หรือการขัดขวางอย่างสมบูรณ์ (Third degree AV<br />
block หรือ Complete heart block)
Complete heart block
Sick Sinus Syndrome
ความผิดปกติที ่มีจุดก าเนิดจากเวนตริเคิล<br />
1. ความผิดปกติที ่เกิดจากการท างานของเวนตริเคิลถูกรบกวน<br />
• เกิดจากมีจุดก าเนิดไฟฟ้ าในเวนตริเคิลท าหน้าที ่ปล่อยสัญญาณไฟฟ้ าแทน<br />
SA node เป็นบางจังหวะ ลักษณะของคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจชนิดนี ้ คือ มีคลื ่น<br />
QRS กว้างกว่าปกติเป็นบางจังหวะ และเกิดขึ ้นก่อนที ่ SA node จะ<br />
ปล่อยสัญญาณไฟฟ้ า อัตราการเต้นของหัวใจมักจะปกติ นอกจากนี ้อาจ<br />
พบลักษณะที ่เรียกว่า การชดเชยแบบสมบูรณ์ (Complete<br />
compensatory pause) คือจังหวะที ่ตามหลังคลื ่นQRS ที ่ผิดปกติ จะ<br />
เกิดช้ากว่าปกติ ดังนั ้นจะพบว่าระยะระหว่างคลื ่น R ที ่น าหน้าและ<br />
ตามหลังจังหวะที ่ผิดปกติ (PVC) เท่ากับ 2 เท่าของช่วง R-R ปกติ
เวนตริเคิลเต้นก่อนจังหวะ<br />
• (Premature ventricular contraction)
้<br />
• เวนตริเคิลเต้นก่อนจังหวะ จะมีลักษณะต่างๆกัน บางประเภทไม่เป็นอันตราย<br />
แต่บางประเภทเป็นอันตราย ซึ ่งลักษณะของเวนตริเคิลเต้นก่อนจังหวะที ่เป็น<br />
อันตราย มีดังนี<br />
1.มีจังหวะที ่ผิดปกติเกิดขึ ้นมากกว่า 6 ครั ้ง/นาที<br />
2.มีจังหวะที ่ผิดปกติทุกจังหวะที ่ 2 (Ventricular bigeminy<br />
หรือ bigeminy PVCs)
เวนตริเคิลเต้นก่อนจังหวะทุกจังหวะที ่ 2 (Ventricular<br />
bigeminy)
3.จังหวะที ่ผิดปกติมีคลื ่น R อยู่บนหรือซ้อนคลื ่น T (R on T<br />
phenomenon) เกิดจากการที ่มีดีโพลาไรเซชั่นของเวนตริเคิล ในขณะที ่การ<br />
รีโพลาไรเซชั่นของเวนตริเคิลในจังหวะก่อนยังไม่สมบูรณ์ ดังภาพ<br />
คลื ่น R อยู่บนหรือซ้อนคลื ่น T (R on T phenomenon)
4.จังหวะที ่ผิดปกติเกิดจากจุดก าเนิดไฟฟ้ าที ่ต่างกัน (มากกว่า 1 ต าแหน่ง) ใน<br />
เวนตริเคิล (Multifocal PVCs) ดังภาพที ่ 14<br />
เวนตริเคิลเต้นก่อนจังหวะที ่มีจุดก าเนิดไฟฟ้าต่างกัน (Multifocal PVCs)
2.เวนตริเคิลเต้นเร็วกว่าปกติ (Ventricular tachycardia : VT)<br />
• เกิดจากมีจุดก าเนิดไฟฟ้ าในเวนตริเคิลท าหน้าที ่ปล่อยสัญญาณไฟฟ้ าแทน<br />
SA node อย่างน้อย 4 จังหวะติดต่อกัน ลักษณะของคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจ<br />
ชนิดนี ้ คือ อัตราการเต้นของเวนตริเคิลเร็วกว่าปกติ (140 – 220 ครั ้ง/<br />
นาที) และมีคลื ่น QRS กว้างเหมือนเวนตริเคิลเต้นก่อนจังหวะ (PVCs)<br />
โดยทั่วไปมักจะไม่พบคลื ่น P และไม่มีช่วง P-R
• เวนตริเคิลเต้นเร็วกว่าปกติ (Ventricular tachycardia)
3.เวนตริคิวลาร์ฟิบริลเลชั่น (Ventricular fibrillation : VF)<br />
• เกิดจากมีจุดก าเนิดไฟฟ้ าในเวนตริเคิลท าหน้าที ่ปล่อยสัญญาณไฟฟ้ า<br />
อย่างรวดเร็ว ท าให้ไม่มีการบีบตัวของหัวใจ ลักษณะของคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจ<br />
ชนิดนี ้ คือ ไม่มีคลื ่น PQRST แต่มีคลื ่นลักษณะขยุกขยุยไม่สม ่าเสมอ<br />
ถ้าคลื ่นสูงหรือหยาบเรียกว่า “Coarse VF” ถ้าคลื ่นเล็กๆหรือละเอียด<br />
เรียกว่า “Fine VF”
เวนตริคิวลาร์ฟิบริลเลชั่นชนิดหยาบ<br />
(Coarse ventricular fibrillation)
• เวนตริคิวลาร์ฟิบริลเลชั่นชนิดละเอียด<br />
(fine ventricular fibrillation)
Torsade de pointes
Junctional rhythm
4. เวนตริเคิลหยุดเต้น (Ventricular standstill)<br />
• เกิดจากสัญญาณไฟฟ้ าจาก SA node ถูกขัดขวาง ดังนั ้นการ<br />
ท างานของเวนตริเคิลจึงขึ ้นอยู่กับจุดก าเนิดไฟฟ้ าในเวนตริเคิล<br />
เท่านั ้น เมื ่อจุดก าเนิดไฟฟ้ าในเวนตริเคิลไม่ปล่อยสัญญาณไฟฟ้ า<br />
ก็จะท าให้เวนตริเคิลหยุดเต้น ลักษณะของคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจชนิดนี ้<br />
คือ คลื ่น P ปกติ ไม่มีคลื ่น QRS ตาม ไม่มีช่วง P-R ในจังหวะ<br />
ที ่เวนตริเคิลหยุดเต้น
เวนตริเคิลหยุดเต้น (Ventricular standstill)
Cardiac Defibrillation<br />
• Defibrillation เป็นการรักษาโดยการปล่อยกระแสไฟฟ้ าตรงที ่มี<br />
พลังงานสูงเข้าสู่หัวใจในช่วงเวลาสั ้นเป็นวินาทีเพื ่อให้หัวใจที ่ก าลังเต้นไม่<br />
สม ่าเสมออยู่เกิด temporary depolarization ท าให้ electrical<br />
activity ในหัวใจทุกชนิดหยุดไปชั่วขณะเปิดโอกาสให้กล้ามเนื ้อหัวใจ<br />
สามารถรับสัญญาณไฟฟ้ าจาก SA nodeตามปกติได้ใหม่<br />
• สาเหตุของหัวใจหยุดเต้นอย่างเฉียบพลันที ่เกิดขึ ้นบ่อยที ่สุดคือ VF<br />
• VF จะเปลี ่ยนเป็น asystole ภายในไม่กี ่วินาทีถ้าไม่รีบรักษา<br />
• -การท า CPR อย่างเดียวไม่สามารถเปลี ่ยน VF ให้กลับมาเต้นปกติได้
การท างานของเครื ่อง<br />
• Defibrillation เป็นการปล่อยกระแสไฟฟ้ าเข้าสู่หัวใจใน<br />
ปริมาณมากโดยไม่ค านึงถึงว่าจังหวะการปล่อย<br />
กระแสไฟฟ้ านั ้นจะสอดคล้องกับจังหวะการเต้นของหัวใจ<br />
ผู้ป่วยหรือไม่<br />
• Cardioversion เพื ่อการรักษา arrhythmia อื ่น ๆ
้<br />
พยาบาลมีบทบาทอย่างกว้างขวางในการดูแลผู้ป่วยหัวใจเต้นผิด<br />
จังหวะ การประเมินสภาพผู้ป่วย การอ่านคลื ่นไฟฟ้ าหัวใจได้อย่างถูกต้อง<br />
และการให้การพยาบาลอย่างรวดเร็วเหมาะสม นอกจากจะช่วยป้ องกัน<br />
ไม่ให้ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรงขึ ้น และช่วยป้ องกันภาวะแทรกซ้อน<br />
ต่างๆที ่อาจเกิดขึ ้นจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแล้ว ยังช่วยให้ผู้ป่วยรอด<br />
ชีวิตจากการถูกคุกคามโดยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที ่รุนแรง นอกจากนี<br />
การให้ความรู้แกผู้ป่วยในการปฏิบัติตัวก่อนกลับบ้าน จะช่วยป้ องกันการ<br />
กลับเป็นซ ้าของโรค และเพิ ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
แบบฝึ กหัดที่3<br />
ECG TEST
Thank you for attention