20.01.2015 Views

Clinical Practice Guideline for Drug Eruption

Clinical Practice Guideline for Drug Eruption

Clinical Practice Guideline for Drug Eruption

SHOW MORE
SHOW LESS

You also want an ePaper? Increase the reach of your titles

YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.

- 5 -<br />

CPG. <strong>for</strong> <strong>Drug</strong> <strong>Eruption</strong><br />

<strong>Drug</strong> <strong>Eruption</strong><br />

ความนํา<br />

แนวทางการดูแลรักษาโรคผิวหนังเปน<br />

ความเห็นรวมกันของกลุมผูรูที่ปฏิบัติการดูแล<br />

รักษาผูปวย แนวทางที่วางไวนี้เพื่อใชเปน<br />

แนวทางในการดูแลรักษาผูปวย มิใชกฎตายตัวที่<br />

ตองปฏิบัติการรักษาตามที่เขียนไวทุกประการ<br />

ทั้งนี้เพราะผูปวยแตละรายมีปญหาที่แตกตางกัน<br />

การวางแนวทางการรักษานี้เปนการสราง<br />

มาตรฐานและพัฒนาการดูแลรักษาโรคผิวหนัง<br />

เพื่อใหประชาชนที่มาพบแพทยไดรับความมั่นใจ<br />

วาจะไดรับการดูแลรักษาที่ดี<br />

คณะผูจัดทําขอสงวนสิทธิ์ในการนําไปใช<br />

อางอิงทางกฎหมายโดยไมผานการพิจารณาจาก<br />

ผูทรงคุณวุฒิหรือผูเชี่ยวชาญในแตละกรณี<br />

นิยาม<br />

ผื่นแพยาคือผลอันไมพึงประสงคจากยาที่ทํา<br />

ใหเกิดความผิดปกติทางผิวหนัง รวมทั้ง ผม, ขน,<br />

เล็บ และเยื่อบุ<br />

คําวายาหมายถึงสารเคมีซึ่งเขาสูรางกายโดย<br />

การรับประทาน, การฉีด, การสอด, การหายใจ,<br />

การสูดดม, การหยอด และการทา<br />

ผลอันไมพึงประสงคจากยาอาจเกี่ยวของกับ<br />

ระบบภูมิคุมกันของรางกาย หรือไมเกี่ยวของกับ<br />

ระบบภูมิคุมกันของรางกาย หรืออาจเกิดโดย<br />

ไมทราบสาเหตุ<br />

<br />

การวินิจฉัย<br />

1. ลักษณะทางคลินิก<br />

1.1 ประวัติ<br />

1.1.1 การซักประวัติทั่วไป<br />

1.1.2 ประวัติการไดรับยามากอน<br />

- ขนาดของยา<br />

- วันที่เริ่มและหยุดยา<br />

- ระยะเวลาที่ไดรับยา<br />

- ซักประวัติวาการไดรับยามี<br />

ความสัมพันธกับการเกิดผื่นหรือไมอยางไร<br />

- ประวัติการแพยาในอดีตอยาง<br />

ละเอียด<br />

- การเกิดผื่นซ้ําเมื่อไดยาชนิด<br />

เดิม<br />

- การที่ผื่นหายไปเมื่อลดขนาด<br />

ของยาลง หรือหยุดยาที่สงสัยวาทําใหเกิดอาการแพ<br />

1.1.3 ยาอื่นที่ผูปวยอาจใช เชน<br />

สมุนไพร, อาหารเสริม, ยาบํารุง, วิตามิน, ยาลด<br />

น้ําหนัก, ยานอนหลับ, ยาระบาย ฯลฯ<br />

1.1.4 โรคหรือภาวะอื่นที่อาจมีสวนรวม<br />

ใหเกิดผื่นแพยามากขึ้น เชน โรค infectious<br />

mononucleosis กับอาการไมพึงประสงคจากยา<br />

ampicillin, การติดเชื้อ HIV กับอาการไมพึง<br />

ประสงคจาก trimetoprim-sulfamethoxazole โรค<br />

ซิฟลิสกับปฏิกิริยา Jarisch-Herxheimer.<br />

1.1.5 ประวัติโรคผิวหนัง, ภูมิแพ,<br />

สถาบันโรคผิวหนัง


- 6 -<br />

CPG. <strong>for</strong> <strong>Drug</strong> <strong>Eruption</strong><br />

ปฏิกิริยาอันไมพึงประสงคจากยาของผูปวยและ<br />

ครอบครัว<br />

1.1.6 สิ่งแวดลอมและอาชีพที่อาจ<br />

มีสวนทําใหเกิดผื่นแพยา เชน แสงแดด<br />

1.1.7 อื่น ๆ<br />

1.2 การตรวจรางกาย<br />

1.2.1 การตรวจร างกายทั่ วไป<br />

โดยเฉพาะตอมน้ําเหลือง ตับ มาม เยื่อบุ ผม ขน<br />

เล็บ ขอ<br />

1.2.2 บรรยายลักษณะ และการ<br />

กระจายของผื่นอยางละเอียด เชน รูปราง สี ขนาด<br />

การเรียงตัว และการกระจายของผื่น<br />

1.2.3 ตรวจดูวามีลักษณะโรคผิวหนัง<br />

อยางอื่นรวมดวยหรือไม<br />

1.2.4 อื่น ๆ<br />

2. การตรวจทางหองปฏิบัติการ<br />

สวนใหญการวินิจฉัยผื่นแพยาอาศัยการซัก<br />

ประวัติและการตรวจรางกายเปนสําคัญ ในกรณีที่<br />

การซักประวัติและตรวจรางกายไมสามารถ<br />

วินิจฉัยไดแนนอน อาจพิจารณาเลือกการตรวจ<br />

ทางหองปฏิบัติการเพิ่มเติมตามความเหมาะสม<br />

ในผูปวยแตละราย<br />

2.1 การตัดผิวหนังไปตรวจทางจุลพยาธิ<br />

วิทยา<br />

2.2 การตรวจ blood chemistry เชน<br />

complete blood count, liver function test, BUN,<br />

creatinine<br />

2.3 การตรวจปสสาวะ<br />

<br />

2.4 การถายภาพรังสีปอด<br />

2.5 การตรวจหาระดับยาในเลือดหาก<br />

สามารถทําได ในผูที่สงสัยวาไดรับยาเกินขนาด<br />

2.6 หยุดยาที่สงสัยวาเปนสาเหตุในกรณีที่<br />

สามารถหยุดได<br />

2.7 ทดลองใหยาซ้ําในกรณีที่จําเปนและไม<br />

เปนอันตรายตอผูปวย เชน ลักษณะผื่นแบบ<br />

maculopapular rash, fixed drug eruption,<br />

eczematous drug eruption, photoallergic และ<br />

phototoxic reaction, lichenoid eruption โดยหาม<br />

ทําในผื่นแพยารุนแรง เชน Stevens-Johnson<br />

syndrome, toxic epidermal necrolysis, vasculitis,<br />

anaphylaxis, urticaria, exfoliative dermatitis.<br />

การทดลองใชยาซ้ําสามารถทําไดหลายวิธี<br />

ไดแก oral challenge test, patch test, prick หรือ<br />

scratch test<br />

2.8 การเพาะเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา<br />

เพื่อวินิจฉัยแยกโรคผื่นแพยาจากโรคติดเชื้อเหลานี้<br />

2.9 การทดสอบอื่นๆ เชน KOH, Tzanck<br />

smear ฯลฯ ตามความเหมาะสมเพื่อวินิจฉัยแยก<br />

โรคอื่น<br />

2.10 Serology test เพื่อแยกผื่นจากการติดเชื้อ<br />

ไวรัส และซิฟลิสระยะที่ 2<br />

2.11 อื่น ๆ<br />

3. การตรวจรางกาย และการตรวจทาง<br />

หองปฏิบัติการที่เปนขอสังเกตวาผื่นแพยา<br />

นาจะมีอาการรุนแรง ไดแก<br />

3.1 การตรวจรางกายทั่วไป<br />

- ไขสูง (เกิน 40°c) หนาวสั่น<br />

สถาบันโรคผิวหนัง


- 7 -<br />

CPG. <strong>for</strong> <strong>Drug</strong> <strong>Eruption</strong><br />

- ความดันต่ํา, ช็อก<br />

- ตัวเหลืองตาเหลือง<br />

- ตอมน้ําเหลืองโตทั่วตัว<br />

- หายใจมีเสียงหวีด<br />

- ปวดขอ, ขออักเสบ<br />

3.2 การตรวจผิวหนัง และเยื่อบุ<br />

- ผื่นแดงทั่วตัวลุกลามอยางรวดเร็ว<br />

- เจ็บที่ผิวหนัง<br />

- เยื่อบุตาขาวอักเสบ<br />

- เจ็บในปาก กลืนอาหารไมได<br />

- แผลที่ริมฝปาก และในปาก ; เยื่อบุ<br />

อวัยวะเพศ<br />

- ผิวหนังหลุดลอกเปนแผนเมื่อใชนิ้ว<br />

รูดที่ผิวหนังปกติ (Nikolsky's sign ใหผลบวก)<br />

- ตุมน้ําพองใส และผิวหนังหลุดลอก<br />

เปนแผน<br />

- จ้ําเลือดที่คลําไดนูน<br />

- มีเนื้อตาย<br />

- หนาบวม, ลิ้นบวม หรือบวมทั่วตัว<br />

- ลมพิษที่รุนแรง กระจายทั่วตัว<br />

3.3 การตรวจทางหองปฏิบัติการ<br />

- เม็ดเลือดขาวต่ํา<br />

- เกร็ดเลือดต่ํา<br />

- การทํางานของตับและหรือไตผิดปกติ<br />

- ความผิดปกติของการถายภาพรังสีปอด<br />

การรักษา<br />

การวางแผนรักษาผื่นแพยาขึ้นอยูกับ<br />

- ลักษณะชนิดของผื่น<br />

- ความรุนแรงของโรค<br />

<br />

- ความจําเปนที่ตองไดรับยาที่แพ และ<br />

สามารถหายาอื่นทดแทนไดหรือไม<br />

- อื่น ๆ<br />

การเก็บรวบรวมขอมูล<br />

เมื่อพบผูปวยที่มีผื่นแพยา ขอใหปฏิบัติตาม<br />

ระเบียบปฏิบัติเรื่องการติดตามอาการไมพึง<br />

ประสงคจากการใชผลิตภัณฑคุณภาพของสถาบัน<br />

โรคผิวหนัง แบบฟอรมใบแจงการเกิดและการ<br />

บันทึกอาการอันไมพึงประสงคจากการใช<br />

ผลิตภัณฑคุณภาพของสถาบันโรคผิวหนัง เพื่อ<br />

เก็บขอมูลและสงใหกับคณะกรรมการเภสัชกรรม<br />

และการบําบัด<br />

1. การรักษามาตรฐาน (standard treatment)<br />

1.1 การรักษาทั่วไป<br />

- ควรหยุดยาที่สงสัยวาแพ และให<br />

ยาอื่นทดแทนหากทําไดโดยตองปรึกษากับแพทย<br />

ผูใหยานั้นรักษาผูปวยกอนเพื่อรวมกันประเมิน<br />

ขอดีและขอเสียของการหยุดยาที่สงสัยวาทําให<br />

เกิดผื่น<br />

- การพิจารณาหยุดยาควรดูในแงตอไปนี้<br />

1) ความรุนแรงของผื่นแพยา<br />

2) โรคที่กําลังใชยารักษาอยู<br />

3) ความยากงายในการรักษาผื่นแพยา<br />

4) มียาอื่นที่สามารถใหทดแทน<br />

ยาตัวที่สงสัยหรือไม โดยไมควรเปนยากลุมเดียวกัน<br />

5) หากไมสามารถหยุดยานั้นได อาจ<br />

พิจารณาลดขนาดของยาลง หรือเปลี่ยนวิธีการให<br />

ยาในรายที่สามารถทําได<br />

- ในกรณีที่อาการแพยารุนแรง ควร<br />

สถาบันโรคผิวหนัง


- 8 -<br />

CPG. <strong>for</strong> <strong>Drug</strong> <strong>Eruption</strong><br />

พิจารณารับผูปวยไวรักษาในโรงพยาบาล เมื่อพบ<br />

มีลักษณะอยางใดอยางหนึ่งดังตอไปนี้<br />

5.1 Cutaneous reaction<br />

- confluent erythema<br />

- facial edema/involvement of<br />

central part of face<br />

- skin pain<br />

- palpable purpura<br />

- skin necrosis<br />

- blister or epidermal<br />

detachments<br />

- positive Nikolsky’s sign<br />

- mucous membrane erosion<br />

- urticaria<br />

- swelling of tonque<br />

5.2 general manifestation<br />

- high fever (temperature > 40 o C)<br />

- enlarged lymph node<br />

- (arthralgia/arthritis)<br />

- shortness of breath, wheezing,<br />

hypotension<br />

- lab. Result<br />

* Eo count > 1,000/mm 3<br />

* lymphocytosis with<br />

atypical lymphocytes<br />

* abn. results of LFT<br />

1.2 การรักษาผื่นผิวหนัง<br />

1.2.1 ในกรณีที่ผื่นไมรุนแรง เชน<br />

maculopapular rash, fixed drug eruption,<br />

eczematous reaction, photoallergic หรือ<br />

phototoxic reaction, lichenoid eruption<br />

- Specific treatment พิจารณาเลือกใช<br />

ยาคอรติโคสตีรอยดชนิดทา หรือรับประทาน<br />

ขนาดประมาณไมเกิน 0.5 มก./กก./วัน<br />

- Supportive treatment ใหการรักษา<br />

ตามอาการ เชน<br />

* รับประทานยาตานฤทธิ์ฮีสตามีน<br />

* ยาทาแกคัน เชน Calamine lotion<br />

* ยาใหความชุมชื้นกับผิวหนัง<br />

(emollients)<br />

* ประคบผิวหนัง (wet compression)<br />

ในรายที่มี oozing<br />

* อื่น ๆ<br />

1.2.2 ในกรณีที่ผื่นมีอาการรุนแรง เชน<br />

erythema multi<strong>for</strong>m, Stevens-Johnson syndrome,<br />

toxic epidermal necrolysis, exfoliative<br />

dermatitis, fixed drug eruption ที่มีอาการรุนแรง<br />

เปนทั่วตัว, vasculitis<br />

- Specific treatment พิจารณาเลือกใช<br />

ยาคอรติโคสตีรอยดชนิดรับประทานขนาด<br />

ประมาณ 0.5-1 มก./กก./วัน หรือฉีดตามความ<br />

เหมาะสมโดยควรใหระยะเวลาสั้น ๆ และรีบหยุดยา<br />

โดยเร็วเพื่อปองกันการติดเชื้อ แทรกซอน<br />

- Supportive treatment มีความสําคัญ<br />

มากในผื่นแพยากลุมนี้<br />

<br />

สถาบันโรคผิวหนัง


- 9 -<br />

CPG. <strong>for</strong> <strong>Drug</strong> <strong>Eruption</strong><br />

* สําหรับผูปวยที่ผิวหนังหลุดลอก<br />

มาก ถาเปนไปไดควรแยกผูปวยไวในหองแยก<br />

(reverse isolation)<br />

* ใหการทดแทนสารน้ํา, อาหาร และ<br />

เกลือแรใหเพียงพอ<br />

* เฝาระวังและรักษาการติดเชื้อแทรก<br />

ซอน<br />

* การดูแลแผลใหทําความสะอาดแผล<br />

และเยื่อบุดวย normal saline หรือยาอื่นๆ<br />

* ในกรณีดูแลแผลแบบ open<br />

dressing ใหผูปวยนอนบนวัสดุที่ไมติดกับผิวหนัง<br />

เชน ใบตองสะอาดที่ฆาเชื้อแลว หรือแผน<br />

พลาสติกที่ฆาเชื้อแลว สวนในกรณีที่ดูแลแผล<br />

แบบ closed dressing ใหดูแลเชนเดียวกับผูปวย<br />

แผลไฟไหม น้ํารอนลวก<br />

* รายที่มีอาการอักเสบของเยื่อบุตา<br />

ขาวควรปรึกษาจักษุแพทย หากเปนไปได<br />

พิจารณาเลือกใชยาหยอดตาเพื่อหลอลื่น หรือให<br />

ยาขี้ผึ้งปายตาที่มียาปฏิชีวนะเพื่อปองกัน<br />

ภาวะแทรกซอนทางตา<br />

* หากมีเนื้อตายเนาใหตัดเนื้อสวนที่<br />

ตายออก<br />

1.2.3 ผื่นแพยาแบบลมพิษ, angioedema<br />

กรุณาดูที่ guideline การดูแลผูปวยลมพิษ และ<br />

angioedema<br />

การใหความรูแกผูปวย<br />

แพทยควรใหความรูแกผูปวยดังตอไปนี้<br />

<br />

1. จดชื่อยาที่เปนสาเหตุของผื่นแพยาให<br />

ผูปวยหรือผูปกครองไวยื่นตอแพทยผูรักษาใน<br />

อนาคต<br />

2. บอกชื่อยาที่สามารถใชแทนกันได<br />

3. บอกผูปวยวายาเหลานี้ไมควรซื้อ<br />

รับประทานเอง<br />

4. ถาการแพยานั้นเกิดจากความผิดปกติทาง<br />

พันธุกรรมของผูปวย ควรใหคําแนะนําเรื่องการ<br />

ถายทอดทางพันธุกรรมแกผูปวย เชน ในกรณีของ<br />

G6PD deficiency ซึ่งถายทอดแบบ X-linked<br />

recessive<br />

References<br />

1. Assier H, Bastuji-Garin S, Revuz J, et al.<br />

Erythema multi<strong>for</strong>me with mucous<br />

membrane involvement and Stevens-<br />

Johnson syndrome are clinically different<br />

disorders with distinct causes. Arch<br />

Dermatol 1995; 131: 539-43.<br />

2. Bastuji-Garin S, Rzany B, Stern RS, et al.<br />

<strong>Clinical</strong> classification of cases of toxic<br />

epidermal necrolysis, Stevens-Johnson<br />

syndrome, and erythema multi<strong>for</strong>me. Arch<br />

Dermatol 1993; 129: 92-6.<br />

3. Bronner AK, Hood AF. Cutaneous<br />

complications of chemotherapeutic agents. J<br />

Am Acad Dermatol 1983; 9 : 645-63.<br />

4. Roujeau J-C. <strong>Clinical</strong> aspects of skin<br />

reactions to NSAIDS. Scand J Rheumatol<br />

1987; 65 (Suppl): 131-4.<br />

สถาบันโรคผิวหนัง


- 10 -<br />

CPG. <strong>for</strong> <strong>Drug</strong> <strong>Eruption</strong><br />

5. Roujeau J-C, Kelly JP, Naldi L, et al.<br />

Medication use and the risk of Stevens-<br />

Johnson syndrome or toxic epidermal<br />

necrolysis. N Engl J Med 1995; 333: 1600-<br />

7.<br />

6. Roujeau J-C, Stern RS. Severe adverse<br />

cutaneous reactions to drugs. N Engl J Med<br />

1994; 331: 1272-85.<br />

7. Shear NH. Diagnosing cutaneous adverse<br />

reactions to drugs. Arch Dermatol 1990;<br />

126: 94-7.<br />

8. Shear NH, Spielberg SP. Anticonvulsant<br />

hypersensitivity syndrome: in vitro assessment<br />

of risk. J Clin Invest 1988; 82: 1826-32.<br />

9. Shear NH, Spielberg SP, Grant DM, et al.<br />

Differences in metabolism of sulfonamides<br />

predisposing to idiosyncratic toxicity. Ann<br />

Intern Med 1986; 105: 179-84.<br />

10. Wolkenstein P, Charue D, Laurent P, et al.<br />

Metabolic predisposition to cutaneous<br />

adverse drug reactions. Arch Dermatol<br />

1995; 131: 544-51.<br />

11. Adams RM. Occupational skin disease. In:<br />

Freedberg IM, Eisen AZ, Wolff K, Austen<br />

KF, Goldsmith LA, Katz SI, eds.<br />

Fitzpatrick's dermatology in general<br />

medicine, vol.1. 5 th ed. New York: McGraw-<br />

Hill; 1998. p.1609-32.<br />

<br />

12. Stern RS, Wintroub BU. Cutaneous<br />

reactions to drugs. In: Freedberg IM, Eisen<br />

AZ, Wolff K, Austen KF, Goldsmith LA,<br />

Katz SI, eds. Fitzpatrick's dermatology in<br />

general medicine, vol. 1. 5 th ed. New York:<br />

McGraw-Hill; 1998. p.1633-42.<br />

13. Fitzpatrick JE, Yokel BE, Hood AF.<br />

Mucocutaneous complications of<br />

antineoplastic therapy. In: Freedberg IM,<br />

Eisen AZ, Wolff K, Austen KF, Goldsmith<br />

LA, Katz SI, eds. Fitzpatrick's dermatology<br />

in general medicine, vol. 1. 5 th ed. New York:<br />

McGraw-Hill; 1998. p.1642-53.<br />

14. Moy JA. Cutaneous manifestations of drug<br />

abuse. In: Freedberg IM, Eisen AZ, Wolff<br />

K. Austen KF, Goldsmith LA, Katz SI, eds.<br />

Fitzpatrick's dermatology in general<br />

medicine vol. 1. 5 th ed. New York: McGraw-<br />

Hill; 1998. p.1654-9.<br />

15. Breathnach SM. <strong>Drug</strong> reactions. In:<br />

Champion RH, Burton JL, Burns DA,<br />

Breathnach SM, eds. Textbook of<br />

dermatology, vol. 4. 6 th ed. Ox<strong>for</strong>d: Blackwell<br />

Science Ltd.; 1998. p.3349-517.<br />

16. Leenutaphong V, Sivayathorn A,<br />

Suthipinitharm P, Sunthonpalin P. Stevens-<br />

Johnson syndrome and toxic epidermal<br />

necrolysis in Thailand. Int J Dermatol 1993;<br />

32: 428-31.<br />

สถาบันโรคผิวหนัง


- 11 -<br />

CPG. <strong>for</strong> <strong>Drug</strong> <strong>Eruption</strong><br />

17. Puavilai S, Choonhakarn C. <strong>Drug</strong> eruptions<br />

in Bangkok: a 1-year study at Ramathibodi<br />

Hospital. Int J Dermatol 1998; 37: 747-51.<br />

18. Sitakalin C, Duangurai K, Niampradit N,<br />

Aunhachoke K, Sareebut V. <strong>Drug</strong> eruptions<br />

observed at skin clinic of Phramongkutklao<br />

Hospital: a 14-year study. Thai J Dermatol<br />

1999; 15: 1-10.<br />

19. Drake LA, Dinehart SM, Farmer ER, et al.<br />

<strong>Guideline</strong>s of course <strong>for</strong> cutaneous adverse<br />

drug reactions. J Am Acad Dermatol 1996;<br />

35: 458-61.<br />

<br />

สถาบันโรคผิวหนัง

Hooray! Your file is uploaded and ready to be published.

Saved successfully!

Ooh no, something went wrong!