à¸à¸à¸à¸µà¹ 1 - มหาวิà¸à¸¢à¸²à¸¥à¸±à¸¢à¸à¸¹à¸£à¸à¸²
à¸à¸à¸à¸µà¹ 1 - มหาวิà¸à¸¢à¸²à¸¥à¸±à¸¢à¸à¸¹à¸£à¸à¸²
à¸à¸à¸à¸µà¹ 1 - มหาวิà¸à¸¢à¸²à¸¥à¸±à¸¢à¸à¸¹à¸£à¸à¸²
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
1<br />
บทที่ 1<br />
1.1 ที่มาของโครงงาน<br />
ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจําวันอย่างมากมาย เพื่อช่วยอํานวยความ<br />
สะดวกต่าง ๆ ให้แก่ผู้ใช้ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็ นการสืบค้นข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล การดําเนินการต่าง<br />
ๆ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ถูกต้อง สามารถลดขั ้นตอน ลดความซํ ้าซ้อน และลดความผิดพลาดในการ<br />
ทํางานของบุคลากรเอง ช่วยให้ผู้ใช้ทํางานต่าง ๆ ได้เร็วขึ ้น และลดเวลาของผู้ใช้ด้วย<br />
และเนื่องจากในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา (บางเเสน) ซึ ่งเป็ น<br />
พิพิธภัณฑ์สัตว์นํ ้า ที่มีสัตว์นํ ้าทางทะเลชนิดต่างๆ มากมาย หากมีการนํามาวิจัยเเละเผยแพร่ เพื่อเป็ น<br />
การศึกษาและการเรียนรู้ ซึ่ งเป็ นการให้ความรู้อย่างหนึ ่ง ทําให้ผู้อื่นได้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องสัตว์นํ ้าทาง<br />
ทะเลมากขึ ้น เเละหากเราพบเจอสัตว์นํ ้าทางทะเลใหม่ๆ ก็สามารถเพิ่มไปในฐานความรู้ได้ เพื่อเป็ นการ<br />
สะสมความรู้และยังเผยแพร่ความรู้ให้ผู้อื่นได้อีกด้วย<br />
1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน<br />
1. เพื่อเป็ นแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ ซึ ่งจะเก็บข้อมูลทั ้งหมดเกี่ยวกับสัตว์นํ ้าที่มีอยู ่ในพิพิธภัณฑ์<br />
วิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา (บางแสน)<br />
2. เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในการอนุรักษ์ระบบนิเวศวิทยาชายฝั่งทะเลและ<br />
ในทะเล เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน<br />
3. เพื่อเป็ นการส่งเสริมศักยภาพ ทางด้านการเผยแพร่ความรู้ ทางด้านสัตว์นํ ้าทางทะเล ใน<br />
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา (บางแสน)<br />
1.3 ขอบเขตในการพัฒนาระบบ<br />
ศึกษาและวิจัยพันธุ์สัตว์นํ ้าที่มีอยู ่ภายในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล(บางเเสน)<br />
ประกอบด้วย<br />
1. จัดเก็บรวบรวมข้อมูลสัตว์นํ ้าทางทะเล<br />
2. แสดงข้อมูลสัตว์นํ ้าทางทะเล<br />
3. ผู้ใช้งานมีส่วนในการเพิ่มฐานความรู้<br />
จะ
2<br />
1.4 แนวทางการพัฒนาระบบ<br />
ศึกษาและวิจัยพันธุ์สัตว์นํ ้าที่มีอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา<br />
(บางแสน) และศึกษาการทํางานของระบบต่างๆ<br />
ทําการทดลองระบบเพื่อหาจุดบกพร่อง นํามาแก้ไขระบบให้มีความถูกต้องและให้บริการ<br />
งานวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ<br />
1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ<br />
1. ได้รับความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล แหล่งที่อยู่ ความสําคัญ ประโยชน์ และโทษต่างๆ<br />
2. ได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่องระบบนิเวศวิทยาทางทะเล<br />
3. สามารถนําความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้<br />
4. ผู้อื่นสามารถเข้ามาหาความรู้ได้<br />
5. สามารถต่อยอกการวิจัยต่างๆ และทําให้การค้นหาข้อมูล ทําได้ง่ายขึ ้น<br />
6. เป็ นแหล่งสะสมความรู้ ซึ ่งง่ายแก่การเพิ่มข้อมูล<br />
1.6 ระยะเวลาในการดําเนินโครงงาน<br />
ขั ้นตอนการดําเนินงาน<br />
1.ศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงานโครงงานวิจัย<br />
2.วิเคราะห์และรวบรวมความต้องการของโครงงานวิจัย<br />
3.จัดทํารายงาน<br />
ระยะเวลาการดําเนินงาน<br />
2554<br />
มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค.
้<br />
3<br />
บทที่ 2<br />
ทฤษฎีและโครงงานที่เกี่ยวข้อง<br />
2.1 ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์นํ้าภายในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล (บางแสน)<br />
สัตว์นํ ้าภายในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล (บางแสน) สามารถแบ่งออกได้เป็ น 7 หัวข้อ<br />
ใหญ่ ได้แก่<br />
2.1.1 สัตว์ที่อาศัยอยู ่ในเขตนํ้าขึ้นนํ้าลง ตามปกติแล้วระดับนํ ้าของทะเลจะมีการเปลี่ยนแปลง<br />
เป็ นประจําทุกวัน คือ วันละ ครั ้งหรือสองครั ้ง เนื่องจากอิทธิพลของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ โดยเรา<br />
ทราบได้จากการสังเกตในเวลาที่มี นํ ้าขึ ้น-นํ ้าลง ตามชายฝั่งหรือตามเกาะต่าง ๆโดยทั่ว ๆ ไปบริเวณเขตนํ ้า<br />
ขึ ้น-นํ ้าลง จะมีสิ่งมีชีวิตนานาชนิดอาศัยอยู่มากมาย ซึ ่งจะแตกต่างกันไปตามลักษณะของบริเวณเขตนํ ้า<br />
ขึ ้น-นํ ้าลง และสิ่งมีชีวิตเหล่านี ้ส่วนใหญ่จะมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่<br />
ตลอดเวลา บริเวณชายฝั่งทะเลที่เป็ นบริเวณเขตนํ ้าขึ ้น-นํ ้าลงนั ้น จะมีลักษณะแตกต่างกันไป ซึ ่งเรา<br />
สังเกตเห็นได้อย่างเด่นชัด เช่น หาดทราย หาดหิน และหาดโคลน เป็ นต้น<br />
สําหรับส่วนที่จัดแสดงไว้ในสถานเลี ้ยงสัตว์นํ ้าเค็มของสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล บางแสนนี<br />
เป็ นบริเวณเขตนํ ้าขึ ้น-นํ ้าลง บริเวณที่เป็ นหาดหิน และมีนํ ้าขังอยู่ตามแอ่งหิน ซึ ่งลักษณะเช่นนี ้เรียกกัน<br />
ทั่วไปว่า "แอ่งนํ ้าขึ ้น-นํ ้าลง" (Tidal Pool) ตามธรรมชาติตามแอ่งนํ ้าขึ ้น-นํ ้าลงเช่นนี ้จะพบ กุ้ง ลูกปลาบาง<br />
ชนิด หอยนางรม ปูเสฉวน เม่นทะเล ดอกไม้ทะเล ดาวทะเล ฯลฯ<br />
2.1.2 ปลาในแนวปะการัง บริเวณแนวปะการังนับเป็ นแหล่งที่มีความ อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ ่งของ<br />
ทะเล เพราะสัตว์ทะเลหลาย ชนิดอาศัยบริเวณนี ้เป็ นที่อยู่อาศัย เป็ นที่หลบ ซ่อนภัยและเป็ นแหล่งอาหาร<br />
นอกจากนี ้แล้ว ยังใช้เป็ นที่สําหรับผสมพันธุ์ วางไข่ และเจริญเติบ โตของสัตว์ตัวอ่อนอีกด้วย สําหรับปลา<br />
ที่อาศัยอยู ่ในบริเวณนี ้ส่วนใหญ่ จะเป็ นปลาที่มีขนาดและมีสีสันสวย งาม เช่น ปลาสลิด ปลาการ์ตูน ปลา<br />
เขียวพระอินทร์ ปลาผีเสื ้อ และปลาโนรี เป็ นต้น
่<br />
4<br />
•<br />
•<br />
2.1.3 การอยู ่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตในทะเลเหมือนกับสิ่งมีชีวิตบนบกคือ มีการอยู<br />
ร่วมกัน และพึ ่งพาอาศัยกัน ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การอยู่ร่วมกันแบบที่ เรียกว่า "ซิมไบโอซิส"<br />
(Symbiosis) ซึ ่งหมายถึงการที่สิ่ง มีชีวิตสองชนิดอาศัยอยู่รวมกัน หรืออยู ่ ปนกันโดยต่างฝ่ ายต่างได้รับ<br />
ประโยชน์ซึ ่ง กันและกัน เช่น ปลาการ์ตูน หรือ ปลาอินเดียแดงสามารถอยู่ร่วมกับ ดอกไม้ทะเล (sea<br />
anemone) ได้ โดยที่ปลา เหล่านี ้จะอาศัยดอกไม้ทะเลเป็ นที่หลบ ภัยและสืบพันธุ์ ส่วนดอกไม้ทะเลจะ<br />
ได้รับ ประโยชน์จากปลาโดยการล่อเหยื่อหรือชัก นําเหยื่อให้เข้ามาใกล้พอที่ดอกไม้ทะเล จะจับเป็ น<br />
อาหารได้<br />
ดอกไม้ทะเลมีหนวดอยู ่เป็ นจํานวนมากและ ที่บริเวณปลายหนวดของมันจะมีเข็มพิษหรือ ที่<br />
เรียกว่า "นีมาโตซีส" (Nematocyst) อยู่เป็ นจํานวน มาก นอกจากเข็มพิษนี ้แล้ว บริเวณหนวดของดอกไม้<br />
ทะเลอาจ มีเมือกเหนียว ๆ อยู ่ด้วย เวลาที่ปลาว่ายเข้า มาใกล้ตัวมันจะใช้หนวดพันปลาไว้ แล้ว จะปล่อย<br />
เข็มพิษ ทําให้ปลาสลบหรือช็อคตายแล้ว กินปลานั ้นเป็ นอาหาร<br />
สําหรับเข็มพิษของดอกไม้ทะเลเหล่านี ้ไม่ เป็ นอันตรายต่อปลาการ์ตูน ปลาอินเดียแดงหรือปลาที่<br />
อยู่ร่วมกับดอกไม้ทะเลเหล่านี ้ เพราะปลาดัง กล่าวมีสารเคมีที่มีลักษณะเป็ นเมือกหุ้ม ตัวอยู่โดยรอบ ซึ ่ง<br />
เป็ นลักษณะที่ธรรมชาติสรรค์ สร้างให้มันอาศัยอยู่ร่วมกัน โดยทั่ว ๆ ไปดอกไม้ ทะเลอาจไม่มีพิษกับคน<br />
ยกเว้นในกรณีของ บางคนอาจมีอาการแพ้เกิดขึ ้นถ้าไป สัมผัสเข้า โดยจะเกิดผื่นแดง และมีอาการคันหรือ<br />
บวมได้<br />
2.1.4 สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังนํ้าเค็มเป็ นสัตว์โครงร่างแข็งที่ไม่ใช่กระดูกอยู ่ภายในลําตัว และ<br />
บางชนิดมีเปลือกแข็งหุ้มอยู่ภายนอก เพื่อป้ องกัน อันตราย และใช้ยึดของกล้ามเนื ้อ เช่น หอย หมึก กุ้ง<br />
หนอนทะเล และ ฟองนํ ้า ว่าเป็ น สัตว์กลุ่มใหญ่ในทะเลและมหาสมุทร สัตว์จําพวกนี ้ มีลักษณะแตกต่าง
้<br />
5<br />
กันออกไปทั ้งขนาด รูปร่าง ที่ อยู ่อาศัย และอุปนิสัยในการกินอาหาร บางชนิดมี อันตราย แต่หลายชนิดก็<br />
มีประโยชน์ และมีความสําคัญ ทางเศรษฐกิจ สัตว์เหล่านี ้ ได้แก่ สัตว์ในไฟลั่ม โพริเฟอร์รา (Phylum<br />
Porifera) ไฟลั่มซีเลนเท อราต้า (Phylum Coelenterata) ไฟลั่มมอลลัสกา (Phylum Mollusca) ไฟลั่มอาร์<br />
โทรโปดา (Phylum Arthropoda) และ ไฟลั่มเอคไคโนเดิร์มมาต้า (Phylum Echinodermata) เป็ นต้น<br />
2.1.5 ปลาเศรษฐกิจ ในทะเลและมหาสมุทรเขตร้อนเป็ นบริเวณที่ค่อนข้างมีปลาชุกชุม และปลา<br />
หลายชนิดเป็ นปลาที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ เกี่ยวกับประเภทของปลาที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจนั ้นสามารถ<br />
แบ่งออกเป็ น 2 พวก คือ<br />
1. พวกที่นํามาเป็ นอาหาร ส่วนมากเป็ นปลาที่พบเห็นโดยทั่วไป และชาวประมงจับ<br />
ขึ ้นมาเป็ นส่วนใหญ่ เนื่องจากปลาเศรษฐกิจที่นํามาเป็ นอาหารนั ้นมีจํานวนมาก ฉะนั ้นเราจึงขอแนะนําให้<br />
รู้จักเพียงบางชนิด เช่น ปลากะรัง หรือที่เรียกกันว่า "ปลาเก๋า" นอกจากนี ้ก็มีปลากะพง ชนิดต่าง ๆ ปลาอี<br />
คุด ปลาสีขน ปลาสร้อยนกเขา และ ปลาหูช้าง เป็ นต้น<br />
2. พวกที่นํามาเลี ้ยงเพื่อความสวยงาม ส่วนมากเป็ นที่อาศัยอยู่ในบริเวณปะการัง ได้แก่<br />
ปลาสลิดทะเล ปลานกแก้ว ปลานกขุนทอง ปลาสินสมุทร ปลาผีเสื ้อ ปลาข้าวเม่านํ ้าลึก ปลาเหล่านี<br />
นอกจากจะนํามาเป็ นอาหารได้แล้ว ปัจจุบันยังนิยมนํามาเลี ้ยงเป็ นปลาตู้สวยงามด้วย ทําให้มีราคา<br />
ค่อนข้างแพง เป็ นที่ต้องการของตลาดทั ้งในและต่างประเทศ ฉะนั ้นเราจึงจัดปลาสวยงามเหล่านี ้ไว้ใน<br />
กลุ่มปลาเศรษฐกิจด้วย ปลาในกลุ่มนี ้มีลักษณะหลายแบบแตกต่างกันออกไป บางชนิดมีลวดลายและ<br />
สีสันที่เป็ นการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและเพื่ออําพรางศัตรู เช่น ปลาผีเสื ้อปากยาว เป็ นต้น จะ<br />
สังเกตเห็นว่าครีบหลังมีจุดดําขนาดใหญ่ ซึ ่งนักมีนวิทยาสันนิษฐานว่าจุดดําขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงครีบหลัง<br />
ของปลาผีเสื ้อปากยาวนั ้นมีลักษณะดูคล้ายกับตาของปลาที่มีขนาดใหญ่จึงทําให้ปลาอื่น ๆ ไม่กล้าเข้ามา<br />
ทําอันตราย<br />
นอกจากนี ้แล้วม้านํ ้าซึ ่งเป็ นปลาที่มีรูปร่างแปลกจัดเป็ นปลาเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ ่งด้วย เพราะ<br />
นิยมนํามาเลี ้ยงเป็ นปลาตู้และยังส่งเป็ นสินค้าออกในรูปของการตากแห้ง เพราะว่าม้านํ ้านี ้ใช้เป็ น<br />
ส่วนประกอบที่สําคัญอย่างหนึ ่งของยาจีน
6<br />
ม้านํ ้า เป็ นปลาที่มีลักษณะพิเศษ คือ ม้านํ ้าตัวผู้จะมีถุงหน้าท้องเป็ นที่สําหรับฟักไข่ที่ได้รับการ<br />
ผสมด้วยเชื ้อตัวผู้แล้ว นอกจากนี ้ยังเป็ นที่สําหรับให้ตัวอ่อนของลูกม้านํ ้าเจริญเติบโตอยู ่ชั่วระยะเวลาหนึ ่ง<br />
จนกว่ามันจะช่วยตัวเองได้ จึงจะออกมาอาศัยอยู่ภายนอก<br />
2.1.6 ปลารูปร่างแปลกและปลามีพิษ ปลาบางชนิดมีรูปร่างแปลก โดยมีรูปร่างหรือสีกลมกลืน<br />
กับสภาพแวดล้อม เพื่อหลบหลีกศัตรูหรือพรางตาเหยื่อ ปลาบางจําพวกนอกจากมีรูปร่างแปลกแล้ว ยังมี<br />
สีสันสวยงามและมีพิษด้วย ปลาประเภทนี ้มีประมาณ 500 ชนิด รวมถึงปลาบางชนิดที่รับประทานแล้ว<br />
เป็ นพิษต่อมนุษย์<br />
โดยทั่วไปปลาทะเลต่าง ๆ นั ้นมีรูปร่างผิดแปลกแตกต่างกันไปตามอุปนิสัยการกินอาหารการ<br />
หลบซ่อนตัว หรือการอยู่อาศัย บางชนิดมีรูปร่างแบนลง เพื่อให้เหมาะสมกับการหากินบริเวณหน้าดิน<br />
เช่น ปลากระเบน ปลาลิ้นหมา ปลาวัว ปลาไหลทะเล ปลาปักเป้ า ปลาสิงโต ปลาเหาฉลาม ปลาฉลามกบ<br />
หรือฉลามแมว ปลาอุบ และ ปลากะรังหัวโขน เป็ นต้น<br />
2.1.7 ปลาที่อาศัยในมหาสมุทร ในทะเลและมหาสมุทรมีปลาขนาดใหญ่หลายชนิดอาศัยอยู่ มี<br />
ขนาดตั ้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ปลาที่มีขนาดเล็กรวมทั ้งพวกที่มีสีสันสวยงามหลายพวก มักจะ<br />
อาศัยอยู่ใกล้ฝั่งหรืออยู่ในที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีที่กําบังและหลบภัย อาศัยอยู่มากในช่วงความลึกไม่<br />
เกิน 1,000 เมตร จากผิวนํ ้า ได้แก่ ปลาที่เรารู้จักดี เช่น ปลาโอ ปลากะพงขาว ปลาหมอทะเล ปลาอินทรีย์<br />
ปลากระเบน ปลาหมอทะเล ปลาฉลาม เป็ นต้น ปลาอีกหลายชนิดอาศัยอยู่ลึกลงไปเกือบถึงพื ้นสมุทร ซึ ่ง<br />
ลึกประมาณ 2,000 เมตร เช่น ปลาคอด เป็ นต้น
7<br />
2.2 ข้อมูลสัตว์นํ้าทะเลภายในพิพิธภัณฑ์<br />
ข้อมูลสัตว์นํ<br />
้าทะเลภายในพิพิธภัณฑ์ มีดังนี ้<br />
• แมงดาทะเลหางกลม หรือ แมงดาถ้วย<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : แมงดาทะเลหางกลม หรื อ แมงดาถ้วย<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Round-tail horse shoe crab<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Carcinoscorpius rotundicauda<br />
ไฟลัม (Phylum) : อาร์โทรโพดา (Arthropoda)<br />
SubPhylum :<br />
เคลิเซอราตา (Chelicerata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Merostomata<br />
อันดับ (Order) : ไซโฟซูริดา (Xiphosurida)<br />
วงศ์ (Family) : Limulidae<br />
ลักษณะทั ่วไป : มีรูปร่างกลมและกระดองนูนเหมือนชามหรื อถ้วยควํ ่า ทางด้านหัวโค้ง<br />
กลม หางเรียวยาวเป็ นทรงกลม กระดองมีสีเขียวเหลือบเหลืองคลํ ้า ใช้สําหรับปักลงกับพื ้นท้องทะเล<br />
แหล่งที่พบ : พบอาศัยในทะเลโคลนแถบป่ าชายเลนหรือปากแม่นํ ้าอาจพบได้ในเขต<br />
นํ ้ากร่อยหรือนํ ้าจืดได้ ขนาดเมื่อโตเต็มที่ยาวประมาณ 40 เซนติเมตร<br />
• ปลาดาวแสงอาทิตย์<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาดาวแสงอาทิตย์<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Eight-rayed starfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Luidia maculata<br />
ไฟลัม (Phylum) : อีคิโนเดอร์มาตา (Echinodermata)<br />
SubPhylum :<br />
Asterozoa<br />
ชั ้น (Class) :<br />
แอสเทอรอยเดีย (Asteroidea)
8<br />
• ปูเสฉวน<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปูเสฉวน<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Hermit crab<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Dardanus pepunetulatus<br />
ไฟลัม (Phylum) : อาร์โทรโพดา (Arthropoda)<br />
SubPhylum :<br />
ครัสเตเชีย (Crustacea)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Malacostraca<br />
อันดับ (Order) : Decapoda<br />
ลักษณะทั ่วไป : ส่วนบนคือหัวคล้ายปูทั่วไป มีขา 10 ขา ขาคู่แรกเป็ นก้ามใหญ่ ส่วนที่<br />
บิดเบี ้ยวมากได้แก่ ส่วนท้ายของลําตัวซึ ่งโค้งคล้ายรูปเคียว ซีกซ้ายและซีกขวาไม่เหมือนกัน ทางซีก<br />
ซ้ายมีส่วนที่คล้ายขาเล็กๆ ยื่นออกมาด้านข้างทํานองขาเทียม ใช้จับหรือยึดเหนี่ยวได้ ส่วนที่ยื่น<br />
ออกมาใช้เป็ นที่เก็บไข่ด้วย ลําตัวส่วนสุดท้ายอ่อนนิ่ม<br />
แหล่งที่พบ : อาศัยอยู่ตามชายฝั่งบริเวณหาดทรายโดยทั่วไป<br />
• ปูบึ้ง<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปูบึ ้ง<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Spider crab<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Doclea ovis<br />
ไฟลัม (Phylum) : อาร์โทรโพดา (Arthropoda)<br />
SubPhylum :<br />
ครัสเตเชีย (Crustacea)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Malacostraca<br />
อันดับ (Order) : Decapoda<br />
วงศ์ (Family) : Inachidae<br />
สกุล (Genus) : Macrocheira<br />
ชนิด (Species) : M.kaempferi
9<br />
• ปลาเสือพ่นนํ้า<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาเสือพ่นนํ ้า<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Largescale Archerfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Toxotes chatareus<br />
ลักษณะทั ่วไป : มีรูปร่างแบนข้าง ส่วนหัวเล็ก มีจะงอยปากยื่นแหลม ครีบทุกครีบสั ้น<br />
โดยเฉพาะครีบหาง ส่วนครีบกระโดงแบ่งออกเป็ นสองส่วนเชื่อมติดกัน คือส่วนที่เป็ นก้านครีบแข็ง<br />
ซึ ่งจะตั ้งเป็ นหนามแหลมกับส่วนที่เป็ นก้านครีบอ่อน ลักษณะลําตัวจากปลายปากกับแนวสันหลังจึง<br />
เกือบเป็ นเส้นตรง ปากกว้างเฉียงลงและดวงตากลมโต<br />
• ปลิงทะเล<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลิงทะเล<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Black sea cucumber<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Bohadschia atra<br />
ไฟลัม (Phylum) : อีคิโนเดอร์มาตา (Echinodermata)<br />
SubPhylum[TH] Echinozoa<br />
ชั ้น (Class) :<br />
โฮโลทูรอยเดีย (Holothuroidea)<br />
วงศ์ (Family) : Holothuriidae<br />
ลักษณะทั ่วไป : เป็ นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่มีรูปร่างกลมยาว คล้ายไส้กรอกขนาด<br />
ใหญ่ ปลายทั ้งสองข้างเป็ นช่องเปิ ดของปากและทวาร ผิวหนังส่วนนอกคล้ายเนื ้อยืดหยุ่นได้ ภายใน<br />
ผิวหนังมีตุ่มเม็ดหินปูนกระจายอยู่ทั่วไปตามผิวนอกมีติ่งเนื ้อเล็ก ๆ คล้ายหนวดสั ้น ๆ เรียงอยู ่เป็ น<br />
แถว ปากของปลิงทะเลอยู่ตอนปลายสุดด้านที่มีหนวดลักษณะคล้ายต้นไม้ล้อมรอบ ทําหน้าที่ในการ<br />
หาอาหาร<br />
แหล่งที่พบ : พบตามพื ้นทะเลที่เป็ นทรายปนโคลนใน อ่าวไทยและทะเลอันดามัน<br />
ข้อมูลเพิ ่มเติม : กินอินทรียวัตถุตามพื ้นดินโคลนและทราย ขนาด มีความยาวประมาณ<br />
30–40 ซม.
10<br />
• ปลากัดทะเล<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลากัดทะเล<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Comet<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Calloplesiops altivelis<br />
ไฟลัม (Phylum) : ครัสเตเชีย (Crustacea)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Plesiopidae<br />
สกุล (Genus) : Calloplesiops<br />
ชนิด (Species) : C. altivelis<br />
ลักษณะทั ่วไป : ลําตัวแบบข้างสีนํ ้าเงินเข้มเกือบดํา ครีบหลังและครีบท้องแผ่แบนกว้า<br />
มีจุดสีขาวกระจายอยู่ทั่วตัว และจุดสีดําขนาดใหญ่อยู่กึ ่งกลางลําตัวบริเวณครีบหลัง ขนาด 8-12<br />
เซนติเมตร<br />
แหล่งที่พบ :อาศัยในแนวปะการังทางฝั่งทะเลอันดามัน ชอบหลบซ่อนตัวตามซอกหลืบ<br />
ข้อมูลเพิ ่มเติม : ออกหากินตอนกลางคืน กินสัตว์นํ ้าที่มีขนาดเล็กกว่า เป็ นปลาสวยงาม<br />
• ปลาอมไข่จุดแดง<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาอมไขจุดแดง<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Pajama cardinalfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Sphaeramia nematoptera<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Apogonidae
11<br />
สกุล (Genus) :<br />
ชนิด (Species) :<br />
Sphaeramia<br />
S. nemanoptera<br />
• สาหร่ายพวงองุ ่น<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : สาหร่ายพวงองุ่น<br />
ชื่อ(สามัญ) : Small seagrape<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Caulerpa lentillifera<br />
ลักษณะทั ่วไป : มีลักษณะคล้ายพวงองุ่น<br />
แหล่งที่พบ :พบขึ ้นบนก้อนหินหรือซากปะการัง หรือพื ้นทรายปนโคลนในเขตชายฝั่ง<br />
ข้อมูลเพิ ่มเติม : สามารถนํามาใช้ในการบําบัดนํ ้าทิ้งจากการเลี ้ยงกุ้งได้โดยการลด<br />
ปริมาณสารอาหารที่มีในนํ ้าทิ้งจากการเลี ้ยงกุ้งก่อนปล่อยออกสู่แหล่งนํ ้าธรรมชาติ<br />
• ปลาวัวหนามดอก<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาวัวหนามดอก<br />
ชื่อ(สามัญ) : Chaetodermis spinosisimus<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Tasseled filefish
12<br />
• ปลาปักเป้ าลายแผนที่<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาปักเป้ าลายแผนที่<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Map pufferfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Tetrodon mappa<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Tetraodontiformes<br />
วงศ์ (Family) : Tetraodontidae<br />
สกุล (Genus) : Arothron<br />
ชนิด (Species) : A. mappa<br />
ลักษณะทั ่วไป : ด้านบนส่วนท้องมีแต้มสีดําขนาดใหญ่ ครีบหางมีจุด บริเวณหัว หลัง<br />
และหาง มีแถบสีดําประสานกันเป็ นร่างแห หัวกว้างทู่ มีหนามขนาดเล็กอยู่ทั่วตัว ครีบหางตัดตรง<br />
ส่วนหัว หลัง จนถึงคอดหางมีสีนํ ้าตาลจางลงในส่วนท้อง และมีแถบสีดําประสานกันเป็ นร่างแห<br />
รอบตามีแถบสีดําประสานกันเป็ นร่างแหกระจายออกไปยังบริเวณหัว ส่วนก้นมีจุดสีดํา<br />
• สาหร่ายวุ ้น<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : สาหร่ายวุ้น<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Sea Spaghetti<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Chaetomorpha crassa<br />
ไฟลัม (Phylum) : Heterokontophyta<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Phaeophyceae<br />
อันดับ (Order) : Fucales<br />
วงศ์ (Family) : Himanthaliaceae<br />
สกุล (Genus) : Himanthalia
13<br />
ชนิด (Species) : H. elongata<br />
ลักษณะทั ่วไป : มีตั ้งแต่สีดําแดง,สีแดง,สีนํ ้าตาล,สีนํ ้าตาลแดง,สีชมพู,สีม่วงเข้ม,สีม่วง<br />
แดง,สีเทา,สีเขียว,สีเหลือง หรือใส<br />
ข้อมูลเพิ ่มเติม : เกือบทุกชนิดสามารถรับประทานได้ หรือนํามาสกัดวุ้น จึงรวมเรียกว่า<br />
สาหร่ายวุ้น มีชื่อพื ้นเมืองว่า สาหร่ายผมนาง (Gracilaria fisheri)<br />
• ปลาผีเสื้อเขา<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาผีเสื ้อเขา<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Phantom bannerfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Heniochus pleurotaenia<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Chaetodontidae<br />
สกุล (Genus) : Heniochus<br />
• ปลานกขุนทองลายพาด<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลานกขุนทองลายพาด<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Redbreasted wrasse<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Cheilinus fasciatus<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes
14<br />
วงศ์ (Family) : Labridae<br />
สกุล (Genus) : Cheilinus<br />
ชนิด (Species) : C. fasciatus<br />
ลักษณะทั ่วไป : ลําตัวสั ้นและแบทางด้านข้าง เกล็ดตามตัวขนาดใหญ่ ปากกว้างและยืด<br />
หดไม่ได้ ครีบหลังทั ้งสองติดต่อกันตลอด ครีบทวารเริมประมาณกลาง ตัวยาวไปจรดโคนหาง<br />
เช่นเดียวกับครีบ หลังครีบหางเค้า และมีชายครีบส่วนบนและล่าง ยื่นยาวออกไป ขนาดยาวประมาณ<br />
30 เซนติเมตร พื ้นผิวลําตัวสีไพล บริเวณข้างแก้มสีแดง และมีลายคาดสีดําตามขวาง 7-8 แถบ รวมทั ้ง<br />
ผ่านครีบหางด้วย<br />
แหล่งที่พบ : อาศัยอยู่ตามเกาะแก่งและกองหินใต้นํ ้ากลางทะเล แนวปะการัง และพบ<br />
ทั่วไปในน่านนํ ้าไทย<br />
• ปลานกขุนทองมังกร<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) :<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ :<br />
ไฟลัม (Phylum) :<br />
ชั ้น (Class) :<br />
อันดับ (Order) :<br />
วงศ์ (Family) :<br />
สกุล (Genus) :<br />
ชนิด (Species) :<br />
ปลานกขุนทองมังกร<br />
Dragon wrasse<br />
Novaculichthys taeniourus<br />
คอร์ดาตา (Chordata)<br />
Actinopterygii<br />
Perciformes<br />
Labridae<br />
Novaculichthys<br />
N. taeniourus
15<br />
• ปลาขี้ตังเบ็ดนํ้าตาล<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาขี ้ตังเบ็ดนํ ้าตาล<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Brown tang surgeonfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Acanthurs nigrofuscus<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Acanthuridae<br />
สกุล (Genus) : Acanthurus<br />
ชนิด (Species) : A. nigrofuscus<br />
แหล่งที่พบ : พบตามแนวปะการังที่มีนํ ้าใส และมีสาหร่ายปกคลุม<br />
• ปลานกขุนทอง<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลานกขุนทอง<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Canary wrasse<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Halichoeses chrysus<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Labridae<br />
สกุล (Genus) : Halichoeres<br />
ชนิด (Species) : H. chrysus<br />
ลักษณะทั ่วไป : ขนาดของปลาขุนทองตัวเต็มวัยอยู่ที่ระหว่าง 10-50 เซนติเมตร ขึ ้นอยู่<br />
กับว่าเป็ นปลาขุนทองชนิดอะไร<br />
แหล่งที่พบ : เป็ นปลาที่โดดเด่นตามแนวปะการัง<br />
ข้อมูลเพิ ่มเติม : ปลาตัวเมียสามารถกลายเป็ นปลาตัวผู้ที่มีสีสันสดใสได้ด้วย
16<br />
• ปลาผีเสื้อคอขาว<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาผีเสื ้อคอขาว<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Redtail butterflyfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Chaetodon collare<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Chaetodontidae<br />
สกุล (Genus) : Chaetodon<br />
ชนิด (Species) : C. (R.) collare<br />
ลักษณะทั ่วไป : ลําตัวมีลักษณะเป็ นรูปไข่ และแบนข้างจะงอยปากสั ้นมีฟันเรียงเป็ น<br />
แถวเดี่ยวๆ 4-7 แถว มีลักษณะหยัก ครีบหลังและครีบก้นทางด้านท้ายมนกลม หนามแหลมก้านแรก<br />
ของครีบหลังมีขนาดสั ้นมากและค่อยยาวขึ ้นเรื่อยจนถึงหนามแหลมก้านที่ 7 ครี บหูยาวครี บท้อง<br />
ค่อนข้างยาวแลยาวไปจนถึงหนามแหลมก้านสุดท้ายหรือก้านครีบอ่อนก่อนแรกของครีบก้น หางเป็ น<br />
แบบตัดตรง ถึงเว้า<br />
• ปลาขี้ตังเบ็ดจมูกโต<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาขี ้ตังเบ็ดจมูกโต<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Bignose unicornfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Naso vla mingi<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Acanthuridae
17<br />
สกุล (Genus) :<br />
ชนิด (Species) :<br />
Naso<br />
N. vlamingii<br />
• ปลาสลิดทะเลหัวบั ้งหลังดํา<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาสลิดทะเลหัวบั ้งหลังดํา<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Magnificent rabbitfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Siganus magnificus<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Siganidae<br />
สกุล (Genus) : Siganus<br />
ชนิด (Species) : S. magnificus<br />
• ปลาผีเสื้อเทวรูป<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาผีเสื ้อเทวรูป<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Moorish idol<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Zanclus cornu<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Zanclidae<br />
สกุล (Genus) : Zanclus
18<br />
ชนิด (Species) : Z. cornutus<br />
ลักษณะทั ่วไป : คล้ายปลาโนรี ครีบยาว แต่บริเวณจงอยปากแหลมยาวมากกว่า ลําตัว<br />
ด้านท้ายมีสีเหลืองนวล ครีบหางมีสีดํา และสีครีบหางจะคลํ ้าและมีรอยคล้ายเขม่าที่บริเวณครีบหลัง<br />
ในช่วงเวลากลางคืน<br />
แหล่งที่พบ :อาศัยอยู่ในแนวปะการังและบริเวณกองหินใต้นํ ้า พบตั ้งแต่เขตนํ ้าตื ้นจนถึง<br />
ระดับความลึก 182 เมตร หากินอยู่เพียงลําพัง หรืออยู่เป็ นฝูงขนาดเล็ก<br />
ข้อมูลเพิ ่มเติม : กินฟองนํ ้าเป็ นอาหาร<br />
• ปลาสลิดปากยาว<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาสลิดปากยาว<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Foxface<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Siganus vulpinus<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Siganidae<br />
สกุล (Genus) : Siganus<br />
ชนิด (Species) : S. vulpinis<br />
ลักษณะทั ่วไป : ส่วนของลําตัวและครีบเป็ นสีเหลือง มีแถบสีนํ ้าตาลดําพาดจากฐาน<br />
ครีบหลังไปยังริมฝี ปาก บริเวณอกเป็ นสีนํ ้าตาลดํา<br />
• ปลานกขุนทองปากหลอด
19<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลานกขุนทองปากหลอด<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Bird wrasse<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Gomphosus varius<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Labridae<br />
สกุล (Genus) : Gomphosus<br />
ชนิด (Species) : G. varius<br />
• ปลาสินสมุทรจักรพรรดิ<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาสินสมุทรจักรพรรดิ<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Emperor angelfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Pomacanthus imperator<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Pomacanthidae<br />
สกุล (Genus) : Pomacanthus<br />
ชนิด (Species) : P. imperator<br />
ลักษณะทั ่วไป : ลําตัวแบนกว้าง และจะมีเงี่ยงแหลมยาวที่บริเวณใต้แก้มข้างครีบข้าง<br />
ลําตัวไว้ใช้เป็ นอาวุธป้ องก ันตัว เมื่อครั ้งเป็ นปลาวัยอ่อนจะมีสีสันและลวดลายบนลําตัวแตกต่าง<br />
ออกไปจากตัวพ่อแม่ที่โตเต็มวัยอย่างสิ้นเชิงราวกับว่าเป็ นปลาต่างชนิดกัน ปลาสินสมุทรจักรพรรดิ<br />
อ่อน จะมีสีนํ ้าเงินครามลายฟ้ าขาว มีลักษณะเป็ นลายก้นหอย<br />
แหล่งที่พบ : อาศัยอยู ่บริเวณที่มีนํ ้าทะเลใส
20<br />
• ปลาขี้ตังเบ็ดหัวเรียบ<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาขี ้ตังเบ็ดหัวเรียบ<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Orangespine unicornfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Naso lituratus<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Acanthuridae<br />
สกุล (Genus) : Naso<br />
ชนิด (Species) : N. lituratus<br />
ลักษณะทั ่วไป : บริเวณลําตัวที่เป็ นสีเหลืองอ่อนๆ จุดบนสุดของหัวปลาจะมีปานสีดํา<br />
ขนาดไม่ใหญ่มากอยู่ทางด้านบน ไล่ระดับลงมาเหนือดวงตามีสีเหลืองเป็ นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นอยู่<br />
รอบดวงตา ปากปลาจะมีสีส้ม หางมีลักษณะเป็ นแฉกไม่ลึกมากเป็ นสีขาวและมีสีดําตัดบริเวณริมเส้น<br />
ของปลา ปลาขี ้ตังเบ็ดหัวเรียบ<br />
• ปลาวัวพิคาซโซะ<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาวัวพิคาซโซะ<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Picasso Triggerfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Rhinecanthus aculeatus<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii
21<br />
อันดับ (Order) :<br />
วงศ์ (Family) :<br />
สกุล (Genus) :<br />
ชนิด (Species) :<br />
ลักษณะทั ่วไป :<br />
Tetraodontiformes<br />
Balistidae<br />
Rhinecanthus<br />
R. assasi<br />
ลายขีดตามตัวหลากสีฟ้ า แดง ปากเหลือง<br />
• กุ ้งพยาบาลหลังแดง<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : กุ้งพยาบาลหลังแดง<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Hump-back cleaner shrimp<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Lysmata amboinensis<br />
ลักษณะทั ่วไป : เป็ นกุ้งที่มีขนาดเล็ก ลําตัวจะมีแถบสีแดงมีสีขาวคาดกลางหลัง ตั ้งแต่<br />
หัวจรดหาง มีขาคู่หน้าสีขาว และมีหนวดยาวสําหรับป้ องกันตัวจากศัตรู<br />
ข้อมูลเพิ ่มเติม : ชอบหากินปรสิต เมือก และผิวหนังที่ตายแล้วของสัตว์ที่ใหญ่กว่า<br />
• ปลาผีเสื้อสี่ขีด<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาผีเสื ้อสี่ขีด<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Parachaetodon ocellatus<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : False batfish<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
SubPhylum :<br />
Vertabrata<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Chaetodontidae
22<br />
สกุล (Genus) :<br />
ชนิด (Species) :<br />
Parachaetodon<br />
Ocellatus<br />
• ปลาสลิดหินเขียว<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาสลิดหินเขียว<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Blue-green Chromis<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Chromis virids<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Pomacentridae<br />
สกุล (Genus) : Chromis<br />
ชนิด (Species) : C. viridis<br />
ลักษณะทั ่วไป : ลําตัว ทรงกลม เกล็ดมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ครีบท้องและครีบก้นมีสี<br />
เหลือง ครีบหางเว้าลึก ตัวผู้ครีบหางจะยื่นยาวเป็ นเส้นยาว และสีบนลําตัวเข้ม ขนาด 10 – 15<br />
เซนติเมตร<br />
แหล่งที่พบ : อาศัยอยู่ตามหินกองใต้นํ ้าและบริเวณหน้าดิน<br />
ข้อมูลเพิ ่มเติม : กินสาหร่าย สัตว์หน้าดิน เป็ นปลาสวยงาม<br />
• ปลาสินสมุทรแว่นเหลือง
23<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาสินสมุทรแว่นเหลือง<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Yellow-mask Angelfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Pomacanthus xanthometopon<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Pomacentridae<br />
สกุล (Genus) : Holacanthus<br />
ชนิด (Species) : H. passer<br />
ลักษณะทั ่วไป : เมื่อยังเล็กมีลวดลายบนพื ้นลําตัวเป็ นขีดสีฟ้ าตรงสลับขาว ลักษณะ<br />
ใกล้เคียงกับลูกปลาสินสมุทร แต่จะมีทรงตัวยาวกว่า เป็ นปลาที่เปลี่ยนลายได้ค่อนข้างรวดเร็ว<br />
ข้อมูลเพิ ่มเติม : เป็ นปลาที่ค่อนข้างขี ้อายและตื่นตกใจง่าย โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ แต่<br />
เมื่อปรับตัวได้แล้วก็จะค่อนข้างก้าวร้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปลาในกลุ่มเดียวกันเอง<br />
• ปลาหมูสองสี<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาหมูสองสี<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Axilspot hogfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Bodianus axillaris<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Labridae<br />
สกุล (Genus) : Bodianus<br />
ชนิด (Species) : B. axillaris
24<br />
• ปลาสลิดหินนํ้าเงิน<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาสลิดหินนํ ้าเงิน<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Blue fork thai damsel<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Chromis cyanea<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Pomacentridae<br />
สกุล (Genus) : Chromis<br />
ชนิด (Species) : C. cyanea<br />
• ปลาการ์ตูนอานม้า<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาการ์ตูนอานม้า<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Saddleback clownfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Amphiprion polymnus<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Pomacentridae<br />
สกุล (Genus) : Amphiprion
25<br />
ชนิด (Species) : A. polymnus<br />
ลักษณะทั ่วไป : ลําตัวมีสีนํ ้าตาลอมดํา มีแถบขาว 2 แถบ แถบแรกอยู่ที่หลังตา อีกแถบ<br />
เริ่มบริเวณกลางลําตัวเป็ นแถบโค้งพาดเฉียงขึ ้นไปที่ครีบหลัง ลักษณะคล้ายอานม้า<br />
แหล่งที่พบ : พบในที่ลึก ตั ้งแต่ 2-30 เมตร ขนาดโตที่สุดประมาณ 12 เซนติเมตร อยู่กับ<br />
ดอกไม้ทะเลชนิดที่ฝังตัวอยู่ตามพื ้นทราย คือ Heteractis crispa และ Stichodactyla haddoni พบเฉพาะ<br />
ในอ่าวไทย<br />
• ปลาอินเดียนแดงท้องเหลือง<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาอินเดียนแดงท้องเหลือง<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Yellow Skunk clownfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Amphiprion akallopisos<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Pomacentridae<br />
สกุล (Genus) : Amphiprion<br />
ชนิด (Species) : A. akallopisos<br />
ลักษณะทั ่วไป : ลําตัวมีสีเนื ้ออมเหลืองทองอมชมพู มีแถบขาวเล็ก ๆ พาดผ่านบริเวณ<br />
หลังตั ้งแต่ปลายจมูกจนจรดครีบหาง<br />
แหล่งที่พบ :อาศัยในที่ลึกตั ้งแต่ 3-25 เมตรขนาดโตที่สุดประมาณ 10-11 เซนติเมตร<br />
อาศัยอยู่กับดอกไม้ทะเลชนิด Heteractis magnifica และ Stichodactyla mertensii อยู่รวมกันเป็ น<br />
ครอบครัวใหญ่ข้อมูลเพิ ่มเติม :
26<br />
• ปลาการ์ตูนส้ มขาว<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาการ์ตูนส้มขาว<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Clown anemonefish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Amphiprion ocellaris<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
SubPhylum :<br />
Amphiprioninae<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Pomacentridae<br />
ลักษณะทั ่วไป : มีสีส้มเข้ม มีแถบสีขาว 3 แถบ พาดบริเวณส่วนหัว ลําตัวและบริเวณ<br />
หาง ขอบของแถบสีขาวเป็ นสีดํา ขอบนอกของครีบเป็ นสีขาวและขอบในเป็ นสีดํา ขนาดตัวโตที่สุด<br />
ประมาณ 10 เซนติเมตร อาศัยอยู่กับดอกไม้ทะเลชนิด Heteractis magnifica และ Stichodactyla<br />
gigantea เป็ นต้น<br />
แหล่งที่พบ : พบได้เฉพาะใน เขตมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิ กในบางส่วน<br />
ธรรมชาติของปลาการ์ตูนชอบอาศัยอยู่ในดอกไม้ทะเล<br />
ข้อมูลเพิ ่มเติม : ปลาการ์ตูนออกลูกเป็ นไข่และสามารถเปลี่ยนเพศได้ ปลาการ์ตูนจะ<br />
เปลี่ยนเพศเมื่อสิ่งแวดล้อมกําหนดบทบาทให้ โดยในระยะแรกเริ่มหลังจากที่ฟักออกจากไข่ยังไม่<br />
สามารถกําหนดได้ว่าเป็ นเพศใด จนกว่าจะเป็ นตัวเต็มวัยจึงจะปรากฏเป็ นปลาเพศผู้
27<br />
• ปลาการ์ตูนกํามะหยี่<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาการ์ตูนกํามะหยี่<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Spine-cheeked anemonefish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Premnas biaculeatus<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Pomacentridae<br />
สกุล (Genus) : Premnas<br />
ชนิด (Species) : Biaculeatus<br />
• ปลาสลิดเหลือง<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาสลิดเหลือง<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Lemon damselfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Pomacentrus moluccensis<br />
ชนิด (Species) : Chrysiptera biocellata<br />
ลักษณะทั ่วไป : เป็ นปลาขนาดเล็ก ลําตัวป้ อมสั ้น ครีบหลังทั ้งสองตอนเชื่อมต่อกัน<br />
ตลอด ครีบหางมนและเว้ตรงกลาง ลําตัวยาวประมาณ 6 ซม. สีเหลืองสดทั ้งตัว<br />
แหล่งที่พบ : พบตามแนวปะการัง
28<br />
• ปลาสลิดหินชมพู<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาสลิดหินชมพู<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Pink Damsel<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Chrysiptera<br />
วงศ์ (Family) : Pomacentridae<br />
• ปลาผีเสื้อลายตรงสองตอน<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาผีเสื ้อลายตรงสองตอน<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Pacfic Double-saddle Butterflyfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Chaetodon ulietensis<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Chactodotidae<br />
สกุล (Genus) : Chaetodon<br />
ชนิด (Species) : Butterflyfishes<br />
ลักษณะทั ่วไป : เป็ นปลาผีเสื ้อที่เลี ้ยงได้ไม่ยากนัก เป็ นปลาผีเสื ้อที่มีขนาด<br />
ค่อนข้างใหญ่ และโตได้ค่อนข้างรวดเร็ว ขนาดโตเต็มที่ประมาณ 16 ซม.
29<br />
• ปลาผีเสื้อลายตรง<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาผีเสื ้อลายตรง<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Lined Butterflyfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Chaetodon lineolatus<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Chactodotidae<br />
สกุล (Genus) : Chaetodon<br />
ชนิด (Species) : Butterflys<br />
ลักษณะทั ่วไป : มีขีดดําขวางลําตัว มีหน้าดําและหลังสีดําโค้ง<br />
• ปลาสร้อยนกเขาหรือปลาแตงโม<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาสร้อยนกเขาหรือปลาแตงโม<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Oriental sweetlips<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Plectorhinchus orientalis<br />
วงศ์ (Family) : Haemulidae<br />
ลักษณะทั ่วไป : หัวลาดโค้งลงเหมือนมีดอีโต้ หางแบบเว้าตื ้นขนาดค่อนข้างใหญ่ ทํา<br />
ให้ว่ายนํ ้าได้ดี ริมฝี ปากหนาและอยู่ตํ ่า เหมาะสําหรับกินสัตว์ที่อาศัยอยู่ตามพื ้น ครีบหัวและครีบท้อง<br />
มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับตัว แสดงว่าไม่ชอบว่ายนํ ้าฉวัดเฉวียน<br />
แหล่งที่พบ : พบตามกองหิน โดยเฉพาะสิมิลัน
30<br />
• ปลาหมอครีบ<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาหมอครีบ<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Vermiculated Angelfish<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Chaetodontoplus mesoleucus<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Pomacentridae<br />
ลักษณะทั ่วไป : มีลําตัวค่อนข้างแบน มีลักษณะใกล้เคียงกับปลาผีเสื ้อ<br />
แหล่งที่พบ : พบทางฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิ ก<br />
• ปะการังเห็ดหูหนู<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปะการังเห็ดหูหนู<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Corallimorpharia<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Discosoma sp.<br />
ไฟลัม (Phylum) : ซีเลนเทอราต (Coelenterata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
แอนโทซัว (Anthozoa)<br />
อันดับ (Order) : Corallimorpharia<br />
วงศ์ (Family) : Corallimorphidae
31<br />
• ปลาสลิดหินหลังนํ้าเงิน<br />
ชื่อ(ภาษาไทย) : ปลาสลิดหินหลังนํ ้าเงิน<br />
ชื่อ(สามัญ) :<br />
Rolland's Demoiselle<br />
ชื่อวิทยาสาสตร์ : Chrysiptera rollandi<br />
ไฟลัม (Phylum) : คอร์ดาตา (Chordata)<br />
ชั ้น (Class) :<br />
Actinopterygii<br />
อันดับ (Order) : Perciformes<br />
วงศ์ (Family) : Pomacentridae<br />
สกุล (Genus) : Chrysiptera<br />
ชนิด (Species) : Chrysiptera Rollandi<br />
ลักษณะทั ่วไป : มีลําตัวแบนข้าง พื ้นลําตัวมีสีดํา และมีแถบสีนํ ้าเงินสะท้อนผ่านเหนือ<br />
และใต้ตา ส่วนกลางลําตัวจะคาดด้วยสีทอง<br />
2.3 ระบบฐานความรู ้<br />
2.3.1. ความหมาย<br />
การจัดการความรู ้ คือ เครื่องมือ เพื่อการบรรลุเป้ าหมายอย่างน้อย 4 ประการไปพร้อมกัน ได้แก่<br />
1) บรรลุเป้ าหมายของงาน 2) บรรลุเป้ าหมายการพัฒนาคน 3) บรรลุเป้ าหมายการพัฒนาองค์กรไปเป็ น<br />
องค์กรเรียนรู้ และ 4) บรรลุความเป็ นชุมชน เป็ นหมู่คณะ ความเอื ้ออาทรระหว่างกันในที่ทํางาน<br />
ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence : AI) หมายถึง การทําให้คอมพิวเตอร์สามารถคิดหาเหตุ<br />
ผลได้ เรียนรู้ได้ ทํางานได้เหมือนสมองมนุษย์ เช่น หุ่นยนต์ เป็ นต้น<br />
นวัตกรรมการศึกษา (Educational Innovation) หมายถึง เทคนิคที่ช่วยให้การศึกษา และการ<br />
เรียนการสอนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ ้น ผู้เรียนเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิผลกว่าเดิม เกิดแรงจูงใจในการเรียน<br />
และประหยัดเวลา<br />
ปัจจุบันมีการใช้นวัตกรรมการศึกษาที่หลากหลาย อาทิ การเรียนการสอนที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วย<br />
สอน (Computer Aids Instruction) ระบบอีเลินนิ่ง (E-Learning System) การใช้แผ่นวิดีทัศน์เชิงโต้ตอบ<br />
(Interactive Video) สื่อหลายมิติ ( Multimedia ) และอินเทอร์เน็ต (Internet)
32<br />
2.3.2. ประเภทของความรู ้<br />
1. ความรู้ที่ฝังอยู่ในคน (Tacit Knowledge) เป็ นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ พรสวรรค์หรือ<br />
สัญชาติญาณของแต่ละบุคคลในการทําความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ เป็ นความรู้ที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมา<br />
เป็ นคําพูดหรือลายลักษณ์อักษรได้โดยง่าย เช่น ทักษะในการทํางาน งานฝี มือ หรือการคิดเชิงวิเคราะห์<br />
บางครั ้ง จึงเรียกว่าเป็ นความรู้แบบนามธรรม<br />
2. ความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เป็ นความรู้ที่สามารถรวบรวม ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธี<br />
ต่าง ๆ เช่น การบันทึกเป็ นลายลักษณ์อักษร ทฤษฎี คู่มือต่าง ๆ และบางครั ้งเรียกว่าเป็ นความรู้แบบ<br />
รูปธรรม<br />
2.3.3. กระบวนการจัดการความรู ้ ตามแนว กพร.<br />
1. การบ่งชี ้ความรู้<br />
2. การสร้างและแสวงหาความรู้<br />
3. การจัดความรู้ให้เป็ นระบบ<br />
4. การประมวลและกลั่นกรองความรู้<br />
5. การเข้าถึงความรู้<br />
6. การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้<br />
7. การเรียนรู้<br />
2.3.4. เครื่องมือจัดการความรู ้<br />
1. ชุมชนนักปฏิบัติ (Community of practice : CoP)<br />
2. การศึกษาดูงาน (Study tour)<br />
3. การทบทวนหลังปฏิบัติการหรือการถอดบทเรียน (After action review : AAR)<br />
4. การเรียนรู้ร่วมกันหลังงานสําเร็จ (Retrospect)<br />
5. เรื่องเล่าเร้าพลัง (Springboard Storytelling)<br />
6. การค้นหาสิ่งดีรอบตัว หรือสุนทรียสาธก (Appreciative Inquiring)<br />
7. เวทีเสวนา หรือสุนทรียสนทนา (Dialogue)<br />
8. เพื่อนช่วยเพื่อน (Peer Assist)<br />
9. การเรียนรู้โดยการปฏิบัติ (Action Learning)<br />
10. มาตรฐานเปรียบเทียบ (Benchmarking)<br />
11. การสอนงาน (Coaching)<br />
12. การเป็ นพี่เลี ้ยง (Mentoring)
33<br />
13. ฟอรัม ถาม – ตอบ (Forum)<br />
14. บทเรียนจากความผิดพลาด (Lesson Learning)<br />
15. เวทีกลุ่มเฉพาะ (Focus Group)<br />
2.3.5. ขอบเขตของปัญญาประดิษฐ์<br />
1.ระบบผู ้เชี่ยวชาญ (Expert Systems) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่แสดงความสามารถได้<br />
เหมือนกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ หรือในงานเฉพาะอย่าง<br />
1. ภาษาธรรมชาติ (Natural Languages)<br />
ภาษาที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารโดยตรงกับคอมพิวเตอร์ ทั ้งคอมพิวเตอร์เข้าใจ<br />
ภาษามนุษย์ และมนุษย์เข้าใจการรับรู้ของคอมพิวเตอร์<br />
2. ระบบจับภาพ (Vision System)<br />
การที่คอมพิวเตอร์สามารถทํางานได้โดยอาศัยการมอง และการจดจํารูปแบบ เช่น<br />
การตรวจหาชิ้นส่วนที่บกพร่อง การให้คอมพิวเตอร์แข่งเตะบอล เป็ นต้น<br />
3. ศาสตร์ด้านหุ ่นยนต์ (Robotics)<br />
เกี่ยวกับการออกแบบ การสร้าง และการนําไปใช้งาน ให้เคลื่อนไหวได้คล้ายมนุษย์<br />
โดยเฉพาะใช้งานที่เสี่ยงอันตรายแทนมนุษย์<br />
4. เครือข่ายเส้ นประสาท (Neural Networks)<br />
ระบบที่อาศัยความรู้เป็ นพื ้นฐาน สร้างเรียนแบบเส้นใยประสาทของมนุษย์ เป็ นการ<br />
ทํากิจกรรมแบบขนานที่ทํางานพร้อมกัน เพื่อให้ได้คําตอบเดียว<br />
2.3.6. ประโยชน์ของระบบผู ้เชี่ยวชาญ<br />
อารมณ์<br />
สินค้า<br />
1. ช่วยรักษาความรู้ที่อาจสูญหาย เมื่อผู้เชี่ยวชาญลาออก<br />
2. ช่วยทําให้ข้อมูลมีคุณภาพ ที่จะนําไปใช้งาน<br />
3. ช่วยทําให้เกิดความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่<br />
4. ช่วยแก้ปัญหาความไม่มีเสถียรภาพของมนุษย์ เช่น ความเมื่อยล้า ความสับสนหรือ<br />
5. ช่วยเป็ นแหล่งสารสนเทศกับงานด้านการตลาด การลดต้นทุน และการปรับปรุงพัฒนา
34<br />
2.3.7. การนําระบบผู ้เชี่ยวชาญไปใช้งาน<br />
1. การผลิต (Production)<br />
2. การตรวจสอบ (Inspection)<br />
3. การประกอบชิ้นส่วน (Assembly)<br />
4. การบริการ (Field Service)<br />
5. การซ่อมแซมอุปกรณ์ (Equipment Repair)<br />
6. การตรวจสอบบัญชี (Auditing)<br />
7. การคํานวณภาษี (Tax Accounting)<br />
8. การวางแผนด้านการเงิน (Financial Planning)<br />
9. การลงทุน (Investments)<br />
10. งานบุคคล (Personnel)<br />
11. การตลาด และการขาย (Marketing and Sales)<br />
12. การอนุมัติสินเชื่อ (Credit Authorization)<br />
13. การบริการของรัฐ (Human Services Agency)<br />
14. การทํานายทางการแพทย์ (Medical Prognosis)<br />
2.3.8. ระบบการได้มาซึ่งนวัตกรรม<br />
1. การตรวจหาความจริง (Investigation)<br />
2. การตระเตรียม (Preparation)<br />
3. การบ่มเพาะ (Incubation)<br />
4. การทําให้ส่องสว่าง (Illumination)<br />
5. การตรวจสอบยืนยัน (Verification)<br />
6. การนําไปใช้ (Application)
35<br />
บทที่ 3<br />
วิธีดําเนินงานวิจัย<br />
3.1. ประชากรและกลุ ่มตัวอย่าง<br />
ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ สัตว์นํ ้าทางทะเลภายในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล มีการ<br />
จัดเก็บรวบรวมและจัดแสดงสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล โดยแยกประเภทสัตว์นํ ้าตามสภาพแวดล้อม และความ<br />
เป็ นอยู ่ของสัตว์แต่ละชนิด ซึ ่งพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล เก็บรวบรวมตัวอย่างพืชและสัตว์ทะเล<br />
หลากหลายชนิดที่พบในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน รวมทั ้งจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่อาศัย<br />
อยู่ในทะเลตั ้งแต่ขนาดเล็ก เช่น แพลงก์ตอน สาหร่ายทะเล ฟองนํ ้า ปะการัง เม่นทะเล และหอยชนิดต่าง<br />
ๆ จนถึงสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ ได้แก่ ปลาทะเล เต่าทะเล จระเข้นํ ้าเค็ม และสัตว์เลี ้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ใน<br />
ทะเล โดยจัดแสดงไว้ในตู้ขนาดต่าง ๆ ที่มีความจุตั ้งแต่ ½ ตัน ถึง 200 ตัน จํานวนทั ้งหมด 43 ตู้<br />
กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยคือ สัตว์นํ ้าทางทะเลภายในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล ในส่วนที่มี<br />
การจัดแสดงไว้ตามตู้ต่างๆ ภายในพิพิธพันธ์ ซึ ่งมีจํานวนทั ้งหมด 43 ตู้<br />
3.2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยหรือวิธีการรวบรวมข้อมูล<br />
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลนํ ้าทางทะเลภายในพิพิธภัณฑ์<br />
วิทยาศาสตร์ทางทะเล โดยข้อมูลประกอบด้วย 4 ส่วนคือ<br />
1. ข้อมูลเกี่ยวกับชื่อ และการจําแนกประเภท<br />
2. ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะทั่วไป<br />
3. ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่พบ<br />
4. ข้อมูลเกี่ยวกับเพิ่มเติม
36<br />
User Interface<br />
รูปที่ 1 หน้าหลักของระบบ<br />
รูปที่ 2 หน้าค้นหา
37<br />
รูปที่ 3 หน้ารายการหลังการค้นหา<br />
รูปที่ 4 หน้าแสดงรายละเอียดข้อมูลสัตว์นํ ้า
38<br />
รูปที่ 5 หน้าแก้ไขรายละเอียดข้อมูลสัตว์นํ ้า<br />
รูปที่ 6 หน้าเพิ ่มรายละเอียดข้อมูลสัตว์นํ ้า
รูปที่ 7 หน้าติดต่อเรา<br />
39