25.05.2024 Views

ตัวอย่างหนังสือ ชายแดน: ฉบับกระชับ สารบัญ และบางส่วนของบทที่ 1

ตัวอย่างหนังสือ ชายแดน: ฉบับกระชับ สารบัญ และบางส่วนของบทที่ 1 ชายแดน…ฉบับกระชับ อเล็กซานเดอร์ ดีเนอร์ และ โจชัว ฮาเกน : เขียน ธนเชษฐ วิสัยจร: แปล

ตัวอย่างหนังสือ ชายแดน: ฉบับกระชับ สารบัญ และบางส่วนของบทที่ 1
ชายแดน…ฉบับกระชับ
อเล็กซานเดอร์ ดีเนอร์ และ โจชัว ฮาเกน : เขียน
ธนเชษฐ วิสัยจร: แปล

SHOW MORE
SHOW LESS

Create successful ePaper yourself

Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.

สารบััญ<br />

กิตติกรรมประกาศ<br />

รายชื่อภาพประกอบัเนื้อหา vii<br />

ix<br />

1.โลกใบัที่ถูกแบั่งเขตแดนอย่างยิ่ง 2<br />

2.<strong>ชายแดน</strong>และดินแดนในโลกโบัราณ 42<br />

3.ระบับัรัฐสมัยใหม่ 84<br />

4.ปฏิบััติการขีดเส้น<strong>ชายแดน</strong> 130<br />

5.คนข้ามแดนและการข้ามแดน 180<br />

6.สถาบัันและระบับัข้ามแดน 222<br />

7.ปัจฉิมบัท:อนาคตที่ถูกแบั่งเขตแดนอย่างยิ่ง 266<br />

หนังสืออ่านเพิ่มเติม 275<br />

เว็บัไซต์ 281<br />

ประวัติผู้เขียน 284<br />

ประวัติผู้แปล 286


รายชื่อภาพประกอบัเนื้อหา<br />

1. คนงานได้ติดตั้งรั้วตามแนว<strong>ชายแดน</strong>สหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก<br />

9<br />

ขึ้นมาใหม่ใกล้ๆกับัเมืองเอลปาโซ(ElPaso)มลรัฐเท็กซัส<br />

ราวๆปีค.ศ.2011<br />

2. ประเทศอิสราเอลได้สร้างกำาแพงมหึมาและสิ่งกีดขวางไว้<br />

22<br />

เพื่อปิดกั้น<strong>ชายแดน</strong>ในเขตเวสต์แบังค์ที่ติดกับัปาเลสไตน์<br />

3. ป้อมปราการโบัราณเช่นกำาแพงเมืองจีนแทบัจะไม่ได้ระบัุ<br />

78<br />

<strong>ชายแดน</strong>ทางการเมืองที่ตายตัวแต่อย่างใด<br />

4. แผนที่ฉบัับันี้แสดงเขตแดนอาณานิคมของชาวยุโรปใน<br />

114<br />

ทวีปแอฟริกา,ปีค.ศ.1710<br />

5. ชุมชนที่มีรั้วรอบัขอบัชิดในมลรัฐแคลิฟอร์เนียแห่งนี้<br />

126<br />

จำาแนกพื้นที่อยู่อาศัยให้กับัผู้ที่มีอันจะกิน<br />

6. การอ้างอธิปไตยภาคพื้นสมุทรในทะเลจีนใต้ 175<br />

7. กองกำาลังรักษาสันติภาพจากประเทศไทยทักทายเด็กๆ<br />

189<br />

ที่ค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองดาร์ฟูร์ประเทศซูดาน,ปีค.ศ.2011<br />

8. กองทัพสหรัฐฯได้เข้าจับักุมโจรสลัดโซมาเลียในอ่าวเอเดน,ปีค.ศ.2009 217<br />

9. กลุ่มคนเร่ร่อนในประเทศมองโกเลียสามารถเชื่อมต่อถึงกัน 228<br />

และได้รับัข้อมูลข่าวสารผ่านระบับัดาวเทียมได้<br />

10. การกู้ทุ่นระเบัิดในประเทศศรีลังกาถือเป็นส่วนหนึ่งของการขับัเคลื่อน 265<br />

ระดับัโลกที่องค์กรรณรงค์เพื่อยุติกับัระเบัิดเข้าไปดำาเนินการ


กิตติกรรมประกาศ<br />

คณะผู้เขียนขอขอบคุณทุกคนที่สำนักพิมพ์แห่งมห­<br />

วิทยลัยอ็อกซ์ฟอร์ด (Oxford University Press) โดย<br />

เฉพะอย่งยิ่งแนนซี่ ทอฟฟ์ (Nancy Toff ) และโซเนีย<br />

ทิคโก (Sonia Tycko) ที ่พยยมทำให้หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์<br />

ได้สำเร็จ นอกจกนี้พวกเรยังซบซึ้งใจเป็นอย่งยิ่งกับ<br />

ข้อเสนอแนะของคณะผู้ตรวจทนซึ่งไม่ประสงค์จะออกนม<br />

งนเขียนต้นฉบับของอเล็กซนเดอร์ ดีเนอร์ (Alexander<br />

Diener) ส่วนใหญ่เขียนในขณะที ่เขเป็นนักวิชกรอวุโส<br />

ด้นยูเรเชียศึกษ ณ สถบันยุโรป รัสเซีย และยูเรเชีย­<br />

ศึกษ (Institute for European, Russian, and Eurasian<br />

Studies) ณ โรงเรียนกิจกรระหว่งประเทศเอลเลียต<br />

(Elliott School of International Affairs) มหวิทยลัย<br />

จอร์จ วอชิงตัน (George Washington University) ส่วน<br />

ระหว่งที่โจชัว ฮเกน (Joshua Hagen) เขียนหนังสือ<br />

เล่มนี้ เขก็ได้รับกรสนับสนุนจกมหวิทยลัยมร์แชล<br />

(Marshall University) และมูลนิธิอเล็กซนเดอร์ ฟอน<br />

ฮัมโบลต์ (Alexander von Humboldt Foundation) ท้ย<br />

ix


ที่สุด พวกเรต้องขอบคุณครอบครัว จอย แอน ซูลินญี่<br />

(Joy Ann Souligny) เรเชล ซบีน (Rachel Sabina)<br />

และโอลิเวอร์ ฮเกน (Oliver Hagen) ที่สนับสนุนพวก<br />

เรเสมอม<br />

x


ชยแดน <strong>ฉบับกระชับ</strong><br />

BORDERS<br />

A VERY SHORT INTRODUCTION


บัทที่1<br />

โลกใบัที่ถูกแบั่งเขตแดนอย่างยิ่ง


เรใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยกรกำหนดเขตแดน<br />

ข่วในแต่ละวันก็มีแต่เรื่องข้อถกเถียงเกี่ยวกับชยแดน<br />

ทงกรเมือง ทงวัฒนธรรม และทงเศรษฐกิจซึ่งขีด<br />

ทบทับพื้นผิวโลก ชยแดนเป็นประเด็นสำคัญของข้อ<br />

พิพทระหว่งประเทศในปัจจุบันซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็น<br />

ควมมั่นคง กรอพยพ กรค้ขย และทรัพยกรทง<br />

ธรรมชติ ชยแดนยังเป็นปัจจัยสำคัญซึ่งส่งผลต่อกร<br />

ถกเถียงระดับท้องถิ่นว่ด้วยเรื่องกรใช้ที่ดินและสิทธิ<br />

ด้นกรถือกรรมสิทธิ์ แต่ไม่ว่จะเป็นกรถกเถียงใน<br />

ระดับใด เป็นที่ชัดเจนว่มนุษย์ตีเส้นแบ่งโลกออกเป็น<br />

พื้นที่อันจำเพะ มีเขตขัณฑ์และกรจัดประเภทต่ง ๆ<br />

ดังนั้นพวกเรจึงล้วนเป็น “สิ่งมีชีวิตเชิงภูมิศสตร์” โดย<br />

เห็นว่กรกำเนิดขึ้นของพื้นที่ต่ง ๆ และผลของมันคือ<br />

กระบวนกรแบ่งกั้นเขตแดนซึ่งเป็นเรื่องธรรมชติ แต่<br />

ชยแดนไม่ใช่ปรกฏกรณ์ “ทงธรรมชติ” ชยแดน<br />

ดำรงอยู่ในโลกได้เพระมนุษย์มองเห็นว่มันมีควมหมย<br />

3


หนังสือ<strong>ชายแดน</strong>…<strong>ฉบับกระชับ</strong>เล่มนี้จึงพยยมนำเสนอ<br />

ชยแดนหรือขอบเขตเชิงภูมิศสตร์ในลักษณะที่เผยให้<br />

เห็นถึงคุณสมบัติที่ถูกประกอบสร้งขึ้นโดยสังคม รวมทั้ง<br />

ควมสมรถของเรในกรใช้ประโยชน์จกมัน เปลี่ยน<br />

แปลงมัน หรือแม้แต่ยกเลิกชยแดนเหล่นั้นให้หมดไป<br />

พวกเรสำรวจควมซับซ้อนเชิงทฤษฎีและเชิงประจักษ์<br />

เกี่ยวกับชยแดนและกระบวนกรสร้งชยแดน โดยใน<br />

ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงผลกระทบในภพกว้งที่<br />

ปรกฏกรณ์เหล่นี้มีต่อชีวิตประจำวันของเร ควม<br />

จริงก็คือว่ผู้คนส่วนใหญ่ก้วข้มขอบเขตเชิงภูมิศสตร์<br />

จำนวนหลยร้อยแห่งอยู่เป็นประจำ บงแห่งเป็นชย­<br />

แดนที่เป็นทงกรที่ขีดแบ่งควมเป็นเจ้ของหรือขอบเขต<br />

อำนจทง กรปกครอง ในขณะที่หลย ๆ แห่งเป็นเพียง<br />

ควมเชื่อมโยงเชิงสัญลักษณ์หรือควมเกี่ยวข้องแบบ<br />

ไม่เป็นทงกรของสถนที่นั้น ๆ กับกลุ่มทงสังคมหรือ<br />

ควมคิดต่ง ๆ<br />

ชีวิตประจำวันของเรเป็นตัวอย่งอันเรียบง่ย<br />

ประกรหนึ่ง ทุก ๆ ช่วงเช้ธรรมดทั่ว ๆ ไปเกี่ยวข้องกับ<br />

พื้นที่ซึ่งถูกออกแบบมอย่งเฉพะเจะจงเพื่อจำกัดกร<br />

เข้ถึง เช่น ห้องนอนและห้องนำ้ รวมถึงพื้นที่เปิดอื่น ๆ<br />

เช่น ห้องครัวและพื้นที่รับประทนอหร กรเดินทง<br />

4


ไปทำงนก็มักจะต้องมีกรเดินทงออกจกพื้นที่ส่วนตัว<br />

และกรเดินทงผ่นพื้นที่สธรณะหลยแห่งบริเวณบ้น<br />

ใกล้เรือนเคียง หรือเขตเทศบลต่ง ๆ แม้แต่สถนที่<br />

ทำงนก็ยังถูกแบ่งออกเป็นพื้นที่ต่ง ๆ ซึ่งมีไว้สำหรับจุด­<br />

ประสงค์ต่ง ๆ เป็นกรเฉพะ (เช่น ห้องทำงน ห้องรับ­<br />

ประทนอหรกลงวัน ห้องโถงในโรงงนอุตสหกรรม<br />

ฯลฯ) ชยแดนที่นิยมพื้นที่หลกหลยเหล่นี้ ไม่ว่จะ<br />

เป็นพื้นที่ทงครอบครัว ทงสังคม ทงเศรษฐกิจ หรือ<br />

ทง กรเมืองก็ตม ต่งรับมือกับประเด็นกรเข้ถึง กร<br />

เคลื่อนย้ยถ่ยเท และกรสร้งควมรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง<br />

ในลักษณะที่แตกต่งกัน ยกตัวอย่งเช่น ประตูทงเข้<br />

โรงงนมีเพื่อจำกัดกรเข้ออกของคนบงกลุ่ม แต่ใน<br />

ขณะที่ทงเข้ห้งสรรพสินค้กลับได้รับกรออกแบบไว้<br />

เพื่อเชิญชวนให้ผู้คนเดินเข้ไปด้นใน ประเด็นนี้เน้นยำ้<br />

ให้เห็นถึงบทบทที่ดูเหมือนจะขัดแย้งของชยแดนว่เป็น<br />

ได้ทั้งสะพน ประตูทงเข้และจุดนัดพบ หรือเป็นสิ่ง<br />

กีดขวง อีกทั้งยังอจเป็นอุปสรรค และจุดแห่งกรแบ่ง<br />

แยกก็ได้<br />

นอกจกอิทธิพลที่มีต่อกรเคลื่อนที่แล้ว ชยแดน<br />

เชิงภูมิศสตร์ยังกำหนดพื้นที่ทงกฎหมยและปทัสถน<br />

ทงสังคมที่แตกต่งกัน ด้วยเหตุนี้เอง ชยแดนจึงได้สร้ง<br />

5


และกำหนดพันธะหน้ที่ทงกฎหมย กรจัดประเภท<br />

ทงสังคม และควมคดหวังเชิงพฤติกรรมสำหรับพื้นที่<br />

ที่แตกต่งกันไป ย้อนกลับมยังตัวอย่งของเร พื ้นที ่กร<br />

ทำงนบงแห่งอจเรียกร้องให้สวมใส่หมวกนิรภัยหรือ<br />

เครื่องป้องกันหู ในขณะที่ควมคดหวังให้ใช้เสียงที่เบ<br />

กว่ และสวมใส่เครื่องแต่งกยแบบนักธุรกิจเกิดขึ้น สัญ­<br />

ลักษณ์จำกัดกรเข้ถึงบงพื้นที่ของพนักงนหรือลูกค้ที่<br />

มจับจ่ยสื่อนัยยะของอำนจเหนือพื้นที่และกรจำแนก<br />

กลุ่มคน ตัวอย่งสมัญเหล่นี้เผยให้เห็นถึงบทบทที่<br />

หลกหลยของชยแดน ในฐนะที่เป็นตัวแบ่งแยกพื้นที่<br />

ตัวกำหนดเชิงสัญลักษณ์ของกรควบคุม และกระบวนกร<br />

ทงสังคมต่ง ๆ ในชีวิตประจำวัน เมื่อพิจรณควมสำคัญ<br />

ของชยแดนแล้ว ชยแดนได้กลยเป็นประเด็นสำคัญ<br />

ของกรศึกษทั่วทั้งในสังคมศสตร์และมนุษยศสตร์<br />

หนังสือเล่มนี้แสดงให้เห็นถึงควมสำคัญของ<br />

ชยแดนในฐนะหัวข้อทงกรศึกษ โดยทบทวนว่กร<br />

กำหนดขอบเขตของพื้นที่ได้เป็นองค์ประกอบสำคัญของ<br />

กิจกรรมของมนุษย์มนับสหัสวรรษได้อย่งไร เริ่มจก<br />

พื้นที่ที่พร่เลือนระหว่งชนเผ่ต่ง ๆ ปรกฏกรณ์กร<br />

แบ่ง “พรมแดน” ก็วิวัฒน์มจนกินควมครอบคลุมพื้นที่<br />

ท่มกลงระหว่งเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบไปจนถึงอณ­<br />

6


บริเวณของจักรวรรดิต่ง ๆ ในท้ยที่สุด หลังจกสงครม<br />

ศสนในคริสต์ศตวรรษที่สิบหกซึ่งสิ้นสุดลงที่กรลงนม<br />

ในสนธิสัญญสันติภพเวสต์ฟเลีย เมื่อปี ค.ศ. 1648<br />

พรมแดนทั่วทั้งยุโรปค่อยกลยสภพไปเป็นเส้นที่ดูเหมือน<br />

จะเด็ดขดชัดเจนซึ่งแบ่งแยกรัฐชติต่ง ๆ รูปแบบของ<br />

กรจัดกรพื้นที่ทงกรเมืองเช่นนี้ภยหลังถูกส่งออกไป<br />

ยังส่วนที่เหลือของโลกผ่นกรล่อณนิคมของชวยุโรป<br />

ซึ่งเห็นได้อย่งชัดเจนที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่สิบแปดและ<br />

สิบเก้ ควมพยยมที่จะควบคุมพื้นที่ด้วยระบบรชกร<br />

ในรัฐเหล่นี้ได้ผลักดันให้เกิดกรแบ่งแยกของพื้นที่เพิ่ม<br />

มกขึ้นให้เป็นมณฑล ตำบล เมือง นคร เขตสงวน และ<br />

เขตกรบริหรกรปกครองอื่น ๆ นอกเหนือจกโครงสร้ง<br />

กรปกครองที่เป็นทงกรเหล่นี้ ซึ่งหลยครั้งมักรวม<br />

ถึงควมแตกต่งทงชติพันธุ์ วัฒนธรรม หรือศสน<br />

ด้วย ขอบเขตทงสังคมที่ไม่เป็นทงกรอีกนับไม่ถ้วน<br />

เช่น พื้นที่ทงเพศ ดินแดนของกลุ่มแก๊ง เขตชุมชนที่มี<br />

กรกั้นรั้วเป็นสัดส่วน และพื้นที่ของกลุ่มชติพันธุ์ล้วน<br />

แสดงออกอย่งขึ้นต่อพื้นที่ ทั้งหมดเหล่นี้มีชยแดนที่<br />

เป็นทงกรหรือไม่เป็นทงกรบงรูปแบบซึ่งแบ่งแยก<br />

พวกมันออกจกพื้นที่ทงกรเมืองและทงสังคมอื่น ๆ<br />

ท้ยที่สุดแล้ว โลกใบนี้ก็มีเส้นอณเขตเชิงภูมิศสตร์<br />

7


้<br />

ขีดเขียนตัดไปมเป็นจำนวนมกเสียจนประหนึ่งว่เส้น<br />

เหล่นี้เกิดขึ้นเองตมธรรมชติและอยู่เหนือกลเวล<br />

แต่ควมเป็นจริงกลับสลับซับซ้อนยิ่งกว่นั้น แม้ว่กร<br />

กำหนดขอบเขตของพื้นที่อจเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปใน<br />

กรจัดกรทงสังคมของมนุษย์ แต่ชยแดนกลับไม่ได้<br />

เป็นปรกฏกรณ์ทงธรรมชติโดยตัวของมันเอง หรือ<br />

กล่วอีกนัยหนึ่งได้ว่ มนุษย์อจเป็นสิ่งมีชีวิตเชิงภูมิ­<br />

ศสตร์ที่มีธรรมชติในกรชื่นชอบกรจัดกรทงพื้นที่<br />

แต่กรที่เรกำหนดดินแดนอย่งไรและเพื่ออะไรนั้น ได้<br />

มีวิวัฒนกรที่ค่อนข้งรุนแรงตมกลเวลซึ่งสะท้อนให้<br />

เห็นถึงบริบททงกรเมือง สังคม และเศรษฐกิจที่เปลี่ยน<br />

ไป รกฐนทงทฤษฎีของพื้นที่ถูกกำหนดขอบเขตครอบ­<br />

คลุมมุมมองทงวิชกรในวงกว้งหลกหลย แม้ว่<br />

หนังสือเล่มนี้ไม่อจสมรถกล่วถึงสขวิชที่กว้งขวง<br />

และกำลังเติบโตนี้ได้อย่งครอบคลุมทั้งหมด แต่เรหวัง<br />

ว่กรสำรวจประวัติศสตร์ชยแดนและงนวิจัยร่วมสมัย<br />

เกี่ยวกับชยแดนในภพกว้งนี้ จะสร้งควมตระหนักรู<br />

ที่มกขึ้น รวมทั้งกรศึกษเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็น<br />

เหล่นี้ในหมู่นักวิชกร นักศึกษ และนักอ่นทั่วไป<br />

8


1. คนงนได้ติดตั้งรั้วตมแนวชยแดนสหรัฐอเมริก-เม็กซิโกขึ้นม<br />

ใหม่ ใกล้ ๆ กับเมืองเอล ปโซ (El Paso) มลรัฐเท็กซัส รว ๆ<br />

ปี ค.ศ. 2011


ดินแดนอำานาจอธิปไตยและ<strong>ชายแดน</strong><br />

หน้ที่หลักของชยแดนเชิงภูมิศสตร์คือกรสร้งและ<br />

แบ่งแยกสถนที่ ในอีกนัยหนึ่ง ชยแดน (border) แบ่ง<br />

แยกควมหมยของพื้นที่เชิงภูมิศสตร์จกพื้นที่หนึ่ง<br />

ออกจกอีกพื้นที่หนึ่ง ไม่ว่จะเป็นด้นสังคม กรเมือง<br />

เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ในขณะที่โลกใบนี้เต็มไปด้วย<br />

ขอบเขตเขตเชิงภูมิศสตร์หลกหลย แต่ปรกฏกรณ์<br />

ที่เป็นระบบของชยแดนมักเกี่ยวข้องกับแนวคิดเรื่องดิน­<br />

แดน ในหลย ๆ ภษ เช่น ภษฝรั่งเศส ภษสเปน<br />

และภษอิตเลียน คำว่ดินแดน (territory) เป็นคำ<br />

พ้องควมหมยกับคำว่ “สถนที่” (place) หรือ “พื้นที่”<br />

(space) ซึ่งมักจะพบเห็นได้บ่อยมกที่สุดในภษเหล่นี้<br />

อย่งไรก็ตม ในภษอังกฤษ กรใช้คำว่ “ดินแดน”<br />

ในวิชสังคมศสตร์โดยทั่วไปแล้วระบุถึงขอบเขตอำนจ<br />

กรใช้กฎหมยของประเทศ (หรือรัฐ) หนังสือเล่มนี้<br />

นิยม “ดินแดน” ว่เป็นพื้นที่เชิงภูมิศสตร์ที่มีไว้สำหรับ<br />

จัดระเบียบกรเคลื่อนที่ของผู้คน และส่งเสริมให้เกิด<br />

ปทัสถนของพฤติกรรมบงประกร กระบวนกรสร้ง<br />

ดินแดนจำเป็นจะต้องมีรูปแบบของกรลกเส้นเขตแดน<br />

บงประกร<br />

10


้<br />

กรลกเส้นเขตแดน เป็นวิธีกรที่มนุษย์ใช้สร้ง<br />

สื่อสร และควบคุมพื้นที่เชิงภูมิศสตร์ ไม่ว่จะเป็นใน<br />

ระดับปัจเจกหรือผ่นหน่วยทงสังคมหรือทงกรเมือง<br />

รูปแบบต่ง ๆ ของกรลกเส้นเขตแดนแตกต่งกันไป<br />

อย่งมีนัยสำคัญตมกลเวลและตมพื้นที่ซึ่งส่งผลให้<br />

เกิดวิธีปฏิบัติในกรขีดเส้นชยแดนที่หลกหลย ควม<br />

หลกหลยนี้พบได้ตั้งแต่จุดที่ระบุเส้นแบ่งถวรไปจนถึง<br />

กรแสดงพิธีกรต่ง ๆ ที่เกิดขึ้นชั่วครว และตั้งแต่กร<br />

ขีดเส้นแบ่งแยกพื้นที่อันชัดเจนไปจนถึงกรกำหนดขอบ­<br />

เขตของพื้นที่เปลี่ยนผ่นต่ง ๆ อย่งกว้ง ๆ ดังนั้น กร<br />

ลกเส้นเขตแดนและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับกรขีดเส้นชย­<br />

แดนจึงไม่คงที่หรือคงเส้นคงว หกแต่ไม่แน่นอนอย่งยิ่ง<br />

และปรับเปลี่ยนได้อยู่ตลอด แม้ว่ จะเป็นที่พบเห็นได้แพร่<br />

หลยในประวัติศสตร์ที่มีกรบันทึกไว้ สเหตุอันเป็น<br />

รกเหง้ในกรลกเส้นเขตแดนได้เป็นประเด็นโต้แย้งกัน<br />

ในหมู่นักวิชกรมอย่งยวนน บ้งก็เห็นดีเห็นงมกับ<br />

ชีวสังคมวิทย (sociobiology) หรือวิธีกรแบบรกเหง้­<br />

นิยม (primordialist approach) ที่เชื่อว่กรลกเส้นเขต­<br />

แดนเกิดจกสัญชตญณก่อนประสบการณ์ ในมุมมองนี<br />

กลุ่มทงสังคมต่ง ๆ แสวงหกรควบคุมดินแดนเพื่อรักษ<br />

ทรัพยกรที่จำเป็นต่อกรมีชีวิตรอดตมสัญชตญณ<br />

11


วิธีคิดเช่นนี้เสนอว่มนุษย์ตกอยู่ภยใต้กรแข่งขันเพื่อ<br />

“กรอยู่รอดของผู้ที่เหมะสมที่สุด” อยู่เสมอ เมื่อกลุ่ม<br />

ต่ง ๆ แสวงหกรควบคุมดินแดน รักษทรัพยกร และ<br />

กีดกันไม่ให้กลุ่มคู่แข่งอื่นเข้ถึงพื้นที่ มุมมองเช่นนี้จะ<br />

กลยเป็นปัญหอย่งมก ยกตัวอย่งเช่น แม้ว่สัตว์<br />

ต่ง ๆ จะแสดงกรลกเส้นเขตแดนเพื่อระบุพิสัยกรล่<br />

เหยื่อ แต่ควมพยยมในกรเชื่อมโยงกรลกเส้นเขต­<br />

แดนของมนุษย์เข้กับสัญชตญณล้วน ๆ นั้นลดทอน<br />

กระบวนกรที่ซับซ้อนยิ่งกว่มกให้เหลือเพียงปฏิกิริย<br />

รีเฟล็กซ์ทงธรรมชติ (natural reflex) อย่งไม่สมควร<br />

กรสร้งสถนที่และกรลกเส้นเขตแดนของมนุษย์ต่ง<br />

จกของสัตว์อยู่สองประกร<br />

ประกรแรก กรควบคุมดินแดนไม่เป็นและไม่เคย<br />

เป็นวิธีกรเพียงหนึ่งเดียวที่มนุษย์ใช้แสดงอำนจทง<br />

กรเมือง รูปแบบกรแสดง “อำนจ” (กรใช้อำนจที่<br />

ชอบธรรม) ที่ไม่ได้ผูกติดกับดินแดนจำนวนนับไม่ถ้วน<br />

ดำรงอยู่ในประวัติศสตร์และยังคงดำรงอยู่จนถึงทุกวันนี้<br />

ตัวอย่งร่วมสมัยครอบคลุมกรเคลื่อนไหวทงสังคมและ<br />

ศสนอย่งหลยหลก รวมทั้งองค์กรที่ไม่ได้เป็นของ<br />

รัฐที่เกี่ยวข้องกับกรอนุรักษ์ธรรมชติ สิทธิมนุษยชน<br />

และสตรีนิยมซึ่งเผยแพร่อุดมกรณ์ของพวกเขว่มีควม<br />

12


เป็นสกลและอ้งอำนจทั่วทั้งพื้นที่ ชนชั้น และรูปแบบ<br />

อันหลกหลยของอัตลักษณ์ อิทธิพลที่มีอยู่ทั่วโลกใน<br />

วงกรธุรกิจหลยประเภท เช่น บริษัทผลิตชิปอินเทล<br />

(intel) ยักษ์ใหญ่อจเป็นตัวอย่งของกรใช้อำนจที่ไม่ได้<br />

ผูกติดกับดินแดน เนื่องจกเป็นที่ชัดเจนว่เทคโนโลยี<br />

เหล่นี้ได้ข้มพ้นเรื่องของขอบเขตทงดินแดนไปแล้ว<br />

ประกรที่สอง กรลกเส้นเขตแดนของมนุษย์ต่ง<br />

จกของสัตว์นั้นเกี่ยวข้องกับวิวัฒนกรของกรลกเส้น<br />

เขตแดนของมนุษย์ ด้วยควมที่ไม่เหมือนกับสัตว์ วิธีคิด<br />

เชิงพื้นที่ของมนุษย์จึงแสดงออกมหลกหลยรูปแบบ<br />

ตมกลเวล เช่น พรมแดน หรือพื้นที่ซึ่งมีกรบังคับ<br />

ใช้กฎหมยอย่งจำกัดนั้น ครั้งหนึ่งเคยเป็นสิ่งธรรมด<br />

ที่พบเห็นได้ทั่วไปบนโลก แต่ทุกวันนี้เป็นเรื่องที่ได้รับ<br />

ควมสนใจและพบเห็นได้น้อย นอกจกนี้ ชุมชนมนุษย์<br />

บงแห่งก็ไม่ได้มีแนวคิดว่ด้วยเรื่องกรถือ “กรรมสิทธิ์”<br />

ที่ดินจนกระทั่งชุมชนนั้นถูกกลุ่มคนอื่นที่เคยกระทำเช่น<br />

นั้นบังคับให้ทำ แม้ว่กรลกเส้นเขตแดนปรกฏอยู่ใน<br />

ทั้งสองกลุ่ม แต่ก็ชัดเจนว่ปรกฏกรณ์นี้แสดงตัวออกม<br />

ได้แตกต่งกันเป็นอย่งมก<br />

กรพิจรณเกี่ยวกับวิวัฒนกรว่ด้วยกรคิดเชิง<br />

พื้นที่ของมนุษย์ได้กระตุ้นให้เกิดทฤษฎีทงเลือกเกี่ยวกับ<br />

13


สเหตุของกรลกเส้นเขตแดนหลยทฤษฎี นักวิชกร<br />

บงคนเห็นดีกับแนวทงแบบสร้งสรรค์นิยม (constructivist<br />

approach) ซึ่งปฏิเสธแนวคิดแบบนิยัตินิยมทงสิ่ง­<br />

แวดล้อม (environmental determinist notions) ของนัก<br />

รกเหง้นิยม ส่วนนักคิดสำนักสร้งสรรค์นิยมโต้แย้งว่<br />

กรลกเส้นเขตแดนเป็นผลมจกบริบททงประวัติ­<br />

ศสตร์ ควมจำเป็นในทงปฏิบัติ และควมไม่แน่นอน<br />

ทงภูมิรัฐศสตร์ นักวิชกรเหล่นี้เสนอว่กรกำหนด<br />

“พวกเร” และ “พวกเข” “คนใน” และ “คนนอก”<br />

รวมทั้ง “ในพื้นที่” และ “นอกพื้นที่” ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ<br />

สิ่งที่เรมักระบุได้โดยทั่วไปว่เป็นกรแบ่งประเภทที่มีม<br />

โดยกำเนิด เช่น เชื้อชติและควมเป็นชติพันธุ์ หรือ<br />

แม้กระทั่งลักษณะทงวัฒนธรรม เช่น ภษหรือศสน<br />

แต่เกิดขึ้นจกควมสัมพันธ์เชิงอำนจที่ไม่เท่เทียมภยใน<br />

และระหว่งระบบทงสังคม กรลกเส้นเขตแดนจึงทำ<br />

หน้ที่เป็นกลไกทงสังคมเพื่อกรควบคุมนี้ โดยขับเคลื่อน<br />

กรกำหนดว่สิ่งใดเป็น “ของพวกเร” ซึ ่งตรงกันข้มกับ<br />

สิ่งที่เป็น “ของพวกเข” ด้วยวิธีกรปักปันและปกป้อง<br />

ดินแดน กลุ่มคนได้ควบคุมพื้นที่และทรัพยกรอันจำเพะ<br />

เพื่อที่จะควบคุมวิถีปฏิบัตินอกเขตอำนจ เช่น กรเข้<br />

และกรออกจกพื้นที่ รวมไปจนถึงวิถีปฏิบัติภยในพื้นที่<br />

14


เช่น ลำดับชนชั้นทงสังคมและกรบริหรกรปกครอง<br />

โดยไม่ต้องสนใจจุดกำเนิดของมัน กรลกเส้นเขตแดน<br />

กลยเป็นวิถีปฏิบัติอันปรกติธรรมดในโลกปัจจุบัน ซึ่ง<br />

มพร้อมกับผลที่ทำให้กระบวนกรขีดเส้นชยแดนเชิง<br />

สังคมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชติอย่งเปิดเผย<br />

ในฐนะที่เป็นกรแสดงตัวของกรลกเส้นเขต­<br />

แดน ชยแดนได้เอื้ออำนวยให้เกิดวิธีกรในกรกำหนดว่<br />

สิ่งใดควรอยู่ในพื้นที่ใดและควบคุมจัดกรระเบียบกรเข้<br />

ถึงและ/หรือออกจกพื้นที่ที่มีควมเฉพะ กระบวนกร<br />

ทงสังคมและกรเมืองที่เรพบตั้งแต่เกิดนี้เกี่ยวโยงกับ<br />

แนวคิดกรถือครองกรรมสิทธิ์และกรเป็นเจ้ของที่ดิน<br />

โดยสิทธิถวร ตลอดระยะเวลหลยศตวรรษให้หลังนี้<br />

พัฒนกรของควมไม่เท่เทียมกันทงอำนจอันดุเดือด<br />

ทั้งภยในและระหว่งมนุษย์กลุ่มต่ง ๆ ซึ่งได้ให้กำเนิด<br />

แนวคิดเรื่องอำนจอธิปไตยและเขตอำนจรัฐ แม้ว่จะ<br />

เป็นประดิษฐกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นน แต่แนวคิดเหล่นี้<br />

เป็นแก่นกลงที่กำหนดเขตขัณฑ์อำนจของชติ และ<br />

สถปนชยแดนให้เป็นหลักเกณฑ์กรจัดระเบียบสำหรับ<br />

ระบบรัฐสมัยใหม่<br />

อำนจอธิปไตยสมรถถูกนิยมว่เป็นกรใช้อำนจ<br />

สูงสุดและกรควบคุมพื้นที่จำเพะหนึ่ง ๆ รวมทั ้งประชกร<br />

15


และทรัพยกรของพื้นที่นั้น ขอบเขตอำนจระบุถึงพื้นที่<br />

ที่มีขอบเขตซึ่งภยในนั้นมีกรใช้อำนจของบุคคล กลุ่ม<br />

หรือสถบันใดสถบันหนึ่งที่ได้รับกรยอมรับทงกฎหมย<br />

ในพื้นที่นั้น แม้ว่ จะคล้ยคลึงกันในรูปแบบและกรปฏิบัติ<br />

แต่โดยทั่วไปแล้ว ขอบเขตอำนจเกี่ยวข้องกับพื้นที่ทงกร<br />

ใช้อำนจที่เล็กกว่ซึ่งอยู่ภยในสิ่งที่มีอำนจอธิปไตยใน<br />

ลำดับที่สูงกว่ ทั้งสองเป็นแนวคิดที่ซับซ้อนมกซึ่งช่วย<br />

กำหนดพื้นที่ของกรจัดกรปกครอง (เช่น รัฐ ดินแดน<br />

ชติพันธุ์ จังหวัด เขตเทศบล ฯลฯ) และธรรมชติของ<br />

กรควบคุมพื้นที่นั้น ในบงกรณี กรควบคุมอจเป็นเรื่อง<br />

ดีหรือมีคุณประโยชน์เพระเป็นพื ้นที ่หลบภัยและเป็นพื ้นที่<br />

แห่งควมปลอดภัย แต่ในกรณีอื่น ๆ กรควบคุมอจมี<br />

ลักษณะกดขี่หรือรุนแรงจนเกิดสภวะกรกักขังคนที่อยู่<br />

ข้งในและเป็นปรกรกีดกันคนที่อยู่ข้งนอก<br />

อำนจอธิปไตยและขอบเขตอำนจรัฐอย่งน้อยก็<br />

กำหนดรูปแบบบงประกรของอำนจรัฐอันเป็นที่ยอมรับ<br />

อย่งได้รับควมนิยมเหนือดินแดนที่มีขอบเขต ในขณะ<br />

เดียวกันก็แอบซ่อนจุดกำเนิดที่มักจะมีควมรุนแรงของ<br />

กฎเกณฑ์เหล่นั้น สิ่งเหล่นี้ปิดบังกระบวนกรต่ง ๆ ซึ่ง<br />

“ควมเป็นพื้นที่” อื่น ๆ หรือแนวทงปฏิสัมพันธ์รูปแบบ<br />

อื่นที่มนุษย์มีต่อพื้นที่และอัตลักษณ์ถูกฝังกลบ เนื่องจก<br />

16


อัตลักษณ์ไม่ใช่สิ่งตยตัว และรูปแบบของปฏิสัมพันธ์เชิง<br />

พื้นที่และกรแลกเปลี่ยนก็ไม่ตยตัว อำนจอธิปไตยเหนือ<br />

ดินแดนและขอบเขตอำนจรัฐ (“ในรูปแบบเคร่งครัด”)<br />

ที่สมบูรณ์แบบจึงไม่เคยเกิดขึ้นอย่งเต็มเม็ดเต็มหน่วย<br />

แม้กระทั่งโลกหลังม่นเหล็ก (Iron Curtain) อันเลื่องชื่อ<br />

ก็ไม่สมรถปิดกั้นแนวคิดและสินค้ จกภยนอกได้อย่ง<br />

สมบูรณ์ เมื่อเป็นดังนี้ อำนจอธิปไตยเหนือดินแดนและ<br />

ขอบเขตอำนจรัฐ รวมทั้งกรลกเส้นแบ่งเขตแดนระดับ<br />

ชติ จึงยังคงเป็นทั้งสเหตุและกรตอบสนองต่อควมตึง<br />

เครียดและกรณีพิพทจกภยในและนอกรัฐ ยกตัวอย่ง<br />

เช่น ผู้ตั้งถิ่นฐนชวอิสรเอลได้ย้ยถิ่นออกไปนอกขอบ ­<br />

เขตดินแดนอำนจอธิปไตยรัฐตนเพื่อพยยมจะถือครอง<br />

ดินแดนที่พวกเขเชื่อว่เป็นของพวกเขและเพิ่มควม<br />

มั่นคงให้กับส่วนกลงของประเทศ กรกระทำเช่นนี้ทำให้<br />

เกิดกรต่อต้นของชวปเลสไตน์และมีมตรกรตอบโต้<br />

เพื่อแสดงถึงอำนจอธิปไตยและเพิ่มควมมั่นคงให้กับชว<br />

ปเลสไตน์เอง ตมตัวอย่งที่กล่วมนี้และตัวอย่งอื่น ๆ<br />

ชยแดนเป็นแรงขับเคลื่อนเชิงรุกซึ่งช่วยประกอบสร้ง<br />

พลวัตของควมเป็นระเบียบและควมไร้ระเบียบในพื้นที่<br />

ระดับโลกและระดับท้องถิ่นที่มีควมหลกหลย<br />

ทุกวันนี้ กรเพิ่มสูงขึ้นของกระบวนกร แบบแผน<br />

17


และปัญหต่ง ๆ ว่ด้วยกรข้มแดน ซึ่งบ่อยครั้งถูกจัด<br />

รวมเข้ด้วยกันภยใต้คำว่ “โลกภิวัตน์” ได้ท้ทย<br />

แนวคิดเรื่องอำนจอธิปไตยเหนือดินแดน ตัวอย่งเช่น<br />

ผลกระทบทงสิ่งแวดล้อมที่เป็นผลจกมลภวะหรือกร<br />

เปลี่ยนแปลงทงภูมิอกศนั้นอยู่เหนือเรื่องของพื้นที่ซึ่ง<br />

ถูกแบ่งแยก ควมพยยมของประเทศหนึ่งที่จะ “เป็น<br />

มิตรต่อสิ่งแวดล้อม” อจต้องล้มพับเพระประเทศเพื่อน<br />

บ้นมีแนวปฏิบัติทงอุตสหกรรมที่สกปรกกว่ซึ่งส่ง<br />

ผลกระทบต่อคุณภพของอกศและนำ้ที่ใช้ร่วมกันอย่ง<br />

สมำ ่เสมอ ในทงเศรษฐศสตร์และธุรกิจ บรรษัทข้ มชติ<br />

ได้รับผลประโยชน์มกขึ้นเรื่อย ๆ จกตลดร่วม (เช่น<br />

สหภพยุโรป [อียู หรือ EU] หรือข้อตกลงกรค้เสรี<br />

อเมริกเหนือ [นฟต หรือ NAFTA]) และกรลด<br />

กำแพงภษีเมื่อตลดร่วมเหล่นี้ได้สร้งสินค้และห่วง­<br />

โซ่อุปทนที่แผ่ขยยไปทั่วโลก เครือข่ยข้อมูลข่วสร<br />

ระดับโลก นวัตกรรม และกรศึกษในขณะนี้เชื่อมโลก<br />

ตะวันออก ตะวันตก เหนือ และใต้เข้ ด้วยกันอย่งใกล้ชิด<br />

จนช่องว่งระหว่ง “คนที่มี” กับ “คนที่ไม่มี ” ได้กลยเป็น<br />

ข้อเท็จจริงที่สังเกตเห็นได้ชัดของชีวิต สถบันเหนือชติ<br />

(supranational institution) และภคเอกชนหลยแห่งได้<br />

พยยมทำงนข้มชยแดนเพื่อลดช่องว่งนี้ แต่พวกเข<br />

18


ก็ไม่ประสบควมสำเร็จเสมอไป กรถือสองสัญชติ หลย<br />

สัญชติ หรือกรเปลี่ยนสัญชติเป็นสิ่งที่สมชิกที่มีควม<br />

สมรถในกรเคลื่อนย้ยถิ่นฐนในระดับสูงในสังคมอัน<br />

หลกหลยแสวงหอย่งเพิ่มมกขึ้น สิ่งนี้รวมเอทั้ง<br />

คนรำ่คนรวยที่ชื่นชอบกรเดินทงท่องเที่ยวระหว่งเมือง<br />

ต่ง ๆ ในโลกและผู้อพยพที่หลบหนีภัยสงครม ทุพภิก­<br />

ขภัย กรเสื่อมสภพของสิ่งแวดล้อม ภวะกดขี่ และ<br />

ควมยกจน นอกจกผู้อพยพจำนวนมกที่ข้มชยแดน<br />

เพื่อตมหโอกสในชีวิตแล้ว นักรบที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐ<br />

จำนวนมก เช่น ผู้ก่อกรร้ย โจรสลัด ทหรรับจ้ง ต่ง<br />

ได้ข้มชยแดนเพื่อเข้ร่วมกิจกรรมต่ง ๆ ที่ผิดกฎหมย<br />

และก่อให้เกิดควมเสียหย<br />

กิจกรรมข้มชยแดนทั้งหมดนี้ได้ทำให้รัฐต่ง ๆ ทั่ว<br />

โลกยกระดับควมปลอดภัยทงชยแดนโดยจัดกรกร<br />

เคลื่อนย้ยเข้และออกจกดินแดนให้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่ง<br />

เช่น สหรัฐอเมริกได้สร้งรั้วที่มีควมยวนับร้อยไมล์<br />

ตลอดชยแดนที่ติดกับประเทศเม็กซิโก ประเทศอินเดีย<br />

สร้งรั้วที่มีควมยว 2,500 ไมล์ (4,000 กิโลเมตร) กั้น<br />

ชยแดนกับประเทศบังกลเทศ และรั้วที่ยว 1,800 ไมล์<br />

(2,900 กิโลเมตร) กับประเทศปกีสถน ประเทศปกี­<br />

สถนก็สร้งรั้วและวงทุ่นระเบิดไว้ตมจุดต่ง ๆ ตลอด<br />

19


แนวชยแดนที่ติดกับประเทศอัฟกนิสถน และประเทศ<br />

อิหร่นสร้งกำแพงที่มีระยะทง 430 ไมล์ (700 กิโล­<br />

เมตร) ตรงชยแดนซึ่งกั้นประเทศปกีสถน ประเทศ<br />

อิสรเอลก็กำลังก่อสร้งเครื่องกีดขวงไว้รักษควม<br />

ปลอดภัยที่มีควมยว 470 ไมล์ (760 กิโลเมตร) ใน<br />

พื้นที่ของปเลสไตน์หลย ๆ แห่งในเขตเวสต์แบงค์ อีกทั้ง<br />

ในเวลเดียวกันก็กำลังสร้งรั้วเตี้ย ๆ ไว้ป้องกันชย แดน<br />

อิสรเอลที่ฉนวนกซ่และประเทศอียิปต์ นอกจก<br />

ตัวอย่งที่เป็นที่รับรู้ของสธรณะโดยทั่วกันแล้ว ประเทศ<br />

อื่น ๆ อีกหลยประเทศซึ่งประกอบด้วยประเทศจีน กรีซ<br />

คูเวต โมร็อกโก ซอุดีอระเบีย ไทย อุซเบกิสถน<br />

และสหรัฐอหรับเอมิเรตส์ได้วงโครงกรก่อสร้งรั้วกั้น<br />

ชยแดนไว้แล้ว กล่วโดยสรุปคือ จวบจนถึงปี ค.ศ.<br />

2011 ประมณ 12,500 ไมล์ (รว ๆ 20,000 กิโลเมตร)<br />

ของพื้นที่ที่เป็นชยแดนบนโลกใบนี้จะมีกำแพงและรั้วกั้น<br />

ตรึงอยู่และพื้นที่เพิ่มเติมอีก 11,000 ไมล์ (ประมณ<br />

18,000 กิโลเมตร) มีกรเพิ่มกรรักษควมปลอดภัย<br />

อย่งเห็นได้ชัด เช่น เทคโนโลยีไว้สอดส่องควมเคลื่อน­<br />

ไหวและกรลดตระเวนตมแนวชยแดน<br />

ควมขัดแย้งเหล่นี้สื่อว่ชยแดนอจถูกมองว่<br />

เป็นปฏิบัติกรเชิงพื้นที่ซึ่งประกอบไปด้วยและดำรงคงอยู่<br />

20

Hooray! Your file is uploaded and ready to be published.

Saved successfully!

Ooh no, something went wrong!