Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
ไกลกว่าปารีส-ลอนดอน มาก)<br />
ในปี 1919 เจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งในนคร<br />
นิวยอร์กตั้งรางวัล<br />
คงเหมือนท้าขึ้นมาว่า<br />
ใครขับเครื่องบิน<br />
บินเดี่ยวรวดเดียวไม่หยุดเลยจากนิวยอร์กไปถึงปารีส<br />
(๕,๘๐๐ กม.) ได้ จะให้เงิน $25,000<br />
เมื่อตั้งรางวัลขึ้นแล้ว<br />
เวลาผ่านไปจนถึงปี 1927/<br />
๒๔๗๐ ได้มีผู้พยายามบินหลายครั้ง<br />
แต่ไม่มีผู้ใดประสบ<br />
ความสาเร็จ มีแต่กลายเป็นการสละชีวิต เท่าที่ทราบว่า<br />
ตายไป ๖ ราย<br />
ในปี 1927 นั้น<br />
หนุ่มขี้อาย<br />
อายุ ๒๕ ปี มีชื่อว่า<br />
ชาร์ลส์ เอ. ลินด์เบอร์ก (Charles A. Lindbergh, 1902-<br />
1974) ในฐานะที่เป็นนักบินคนหนึ่ง<br />
ย่อมได้ยินข่าวเรื่องนี้<br />
เรื่อยมา<br />
เขาคิดว่า เขาต้องทาได้ ขอแต่ให้มีเครื่องบินที่ดี<br />
ครั้นแล้ว<br />
ลินด์เบอร์กหาผู้สนับสนุนเงินทุนค่า<br />
เครื่องบิน<br />
เขาไปพบบริษัทใหญ่ๆ ที่เป็นผู้ผลิตหลายราย<br />
ก็ล้วนปฏิเสธ ไม่ยอมขายเครื่องบินให้<br />
ในที่สุด<br />
เขาจ้าง<br />
บริษัทหนึ่งทาเครื่องบินขึ้น<br />
โดยตัวเขาเองช่วยออกแบบ<br />
จนเสร็จ ตั้งชื่อเครื่องบินนั้นว่า<br />
Spirit of St. Louis<br />
ครั้นแล้ว<br />
เช้าวันที่<br />
๒๐ พ.ค. เวลา ๐๗.๕๒ น.<br />
ชาร์ลส์ เอ. ลินด์เบอร์ก ก็นา Spirit of St. Louis ขึ้น<br />
จาก Long Island เมืองนิวยอร์ก เนื่องจากเครื่องบินนั้น<br />
เล็กเครื่องยนต์เดียว<br />
และต้องบรรทุกน้ามันมาก<br />
เขาจึง<br />
พยายามลดน้าหนักของอื่นให้เหลือน้อยที่สุด<br />
แม้แต่ร่ม<br />
ชูชีพ และวิทยุก็ไม่เอาไป ที่นั่งนักบินก็ใช้ไม้สาน<br />
มองทาง<br />
ข้างหน้าด้วยกล้องเปริสโคป (periscope)<br />
ลินด์เบอร์กคนเดียวแล่นลอยอยู่เหนือมหาสมุทร<br />
แอตแลนติก ในเครื่องบินลาน้อย<br />
ที่มีความเร็วเฉลี่ย<br />
๑๐๗<br />
ไมล์ ต่อชั่วโมง<br />
(๑๗๒ กม./ชม.) ตลอดวัน ตลอดคืน<br />
กลางท้องฟ้าเวิ้งว้าง<br />
มีอากาศและกระแสลมที่น่าพรั่นกลัว<br />
ฝ่าทั้งหิมะ<br />
ทั้งฝนและลูกเห็บ<br />
น้าแข็งจับปีกเครื่องบิน<br />
หลายครั้งต้องผ่านไปกลางเมฆหนาทึบ<br />
มองไม่เห็นอะไร<br />
เลย ทั้งหิวกระหาย<br />
และเมื่อยล้าอ่อนเพลีย<br />
บ่อยครั้งที่<br />
เขาหมดความรู้สึกหรือผลอยหลับไป<br />
แล้วรู้สึกตัวขึ้นมา<br />
ใหม่ทันพอดีก่อนที่เครื่องบินจะดิ่งลงบนพื้นมหาสมุทรที่<br />
เย็นเยือก ขณะเดียวกัน ผู้คนทั่วโลกที่รอฟังข่าว<br />
ก็ได้แต่<br />
หวั่นใจว่า<br />
วันหนึ่งกับคืนหนึ่ง<br />
แล้วก็อีกวันหนึ่งผ่านไปแล้ว<br />
เครื่องบินน้อยลานั้นอยู่ตรงไหน<br />
มีชะตากรรมเป็นอย่างไร<br />
จะไปถึงที่หมายหรือไม่<br />
ในที่สุด<br />
คืนวันรุ่งขึ้น<br />
๒๑ พ.ค. ๒๔๗๐ เวลา<br />
๒๒.๒๒ น. ชาร์ลส์ เอ. ลินด์เบอร์ก ก็ไปถึงเมืองปารีส เขา<br />
นาเครื่องบินลงจอดที่สนาม<br />
Le Bourget รวมใช้เวลาบิน<br />
๓๓ ชั่วโมงครึ่ง<br />
เป็นระยะทาง ๕,๘๐๐ กม. (๓,๖๐๐ ไมล์)<br />
นี่คือการบินเดี่ยวรวดเดียวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก<br />
สาเร็จครั้งแรก<br />
(first nonstop solo flight across the<br />
Atlantic)<br />
ที่สนามบินกรุงปารีสนั้น<br />
แม้จะเป็นเวลากลางคืน<br />
ปรากฏว่าประชาชนที่ตามข่าวพากันมารอรับด้วยความ<br />
ตื่นเต้นเนืองแน่นมากมาย<br />
(Walter Cronkite แห่ง CBS<br />
บรรยายว่า คนมารับที่สนามบินมากกว่าแสนคน)<br />
ลินด์<br />
เบอร์กกลายเป็นวีรบุรุษ ๒ ฟากมหาสมุทร เขาทาให้ทั้ง<br />
การบินและนักบิน เป็นข่าวหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ไป<br />
ทั่วโลก<br />
หนังสือพิมพ์เรียกเขาว่า “Lucky Lindy” (ลินดี้ผู้<br />
มีโชค) บ้าง “Lone Eagle” (อินทรีย์เดี่ยว)<br />
บ้าง<br />
เมื่อกลับมาอเมริกา<br />
เพื่อนร่วมชาติได้จัดงาน<br />
ต้อนรับลินด์เบอร์กอย่างวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่<br />
ที่ได้นาความ<br />
สาเร็จและเกียรติยศมาให้แก่ประเทศชาติ เป็นงานฉลอง<br />
ชัยครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของชาติหลังการชนะในสงครามโลก<br />
ครั้งที่<br />
๑ ริ้วกระดาษที่คนโปรยลงมาตามถนนบนทาง<br />
ที่เขาผ่านไป<br />
รวมน้าหนักได้สัก<br />
๑,๘๐๐ ตัน มากกว่าที่<br />
เคยโปรยคราวสิ้นสงครามโลกครั้งที่<br />
๑ นั้นเกิน<br />
๑๐ เท่า<br />
เป็นเหตุการณ์ที่ได้รับการบันทึกไว้อย่างเป็นเกียรติภูมิ<br />
ของชาวอเมริกัน เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดท่านหนึ่งใน<br />
ประวัติศาสตร์การบิน<br />
นอกจากเงินรางวัล $25,000 ที่ตั้งไว้<br />
และ<br />
เครื่องหมายเกียรติยศที่ประธานาธิบดีอเมริกันมอบให้<br />
แล้ว รัฐสภาอเมริกัน (Congress) ได้ออกกฎหมายพิเศษ<br />
มอบเหรียญ Congressional Medal of Honor แก่เขา<br />
(เหรียญตราสูงสุดนี้<br />
ตามปกติให้เฉพาะแก่ทหาร เพื่อเชิดชู<br />
“conspicuous gallantry and intrepidity at the<br />
risk of life, above and beyond the call of duty.”)<br />
ความสาเร็จครั้งนี้<br />
ด้านหนึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ถึง<br />
ความก้าวหน้าและความหวังที่สดใสของเทคโนโลยี<br />
พร้อม<br />
กับที่อีกด้านหนึ่ง<br />
เป็นการพิสูจน์ความสามารถของมนุษย์<br />
แสดงถึงความเข้มแข็งกล้าหาญ และเป็นพยานแห่งคตินิยม<br />
อเมริกันอันชื่นชมในความสาเร็จที่ทาได้ยาก (“hard-won<br />
achievement”) นอกจากเป็นความสาเร็จของตัวนักบิน<br />
แล้ว ก็ทาให้ประชาชนสนใจเครื่องบิน<br />
สนใจการบิน และ<br />
มีความมั่นใจในการเดินทางด้วยเครื่องบิน<br />
ตลอดจนการที่<br />
จะมีใจให้แก่การเดินทางทางอากาศเพิ่มขึ้นด้วย<br />
เวลาผ่านมาอีก ๕ ปี ในปี 1932/๒๔๗๕ อะมีเลีย<br />
แอร์ฮาร์ท (Amelia Earhart) ได้เป็นสตรีคนแรกที่บิน<br />
ห้ามซื้อ-ขาย<br />
อนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาส่วนตัวเท่านั้น<br />
ภาพประกอบส่วนใหญ่มีลิขสิทธิ์<br />
หากประสงค์จะนําไปใช้ต่อ ต้องติดต่อขออนุญาตจากเจ้าของก่อน<br />
ภาคพิเศษ 243