รายงานสถานการณความรุนแรง จังหวัดสระแก้ว ประจำปี 2556
รายงานสถานการณความรุนแรง จังหวัดสระแก้ว ประจำปี 2556
รายงานสถานการณความรุนแรง จังหวัดสระแก้ว ประจำปี 2556
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
รายงานการเฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม<br />
เรื่อง สถานการณ์ความรุนแรงทางสังคม<br />
สระแก้ว <strong>2556</strong><br />
สิงหาคม <strong>2556</strong><br />
ส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
ศาลากลาง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ชั้น 2 อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว 27000<br />
http://www.sakaeo.m-society.go.th E-mail: sakaeo@m-society.go.th
รายงานการเฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
เรื่อง สถานการณ์ความรุนแรงทางสังคม
เอกสารวิชาการ เลขที่ 3/<strong>2556</strong><br />
รายงานการเฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
เรื่อง สถานการณ์ความรุนแรงทางสังคม<br />
ที่ปรึกษา<br />
นายพงษ์พิชญ์ ทองหิตานุวัฒน์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
คณะผู้ด าเนินการ<br />
ส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
นายบรรจบ ปัทมินทร์ นักพัฒนาสังคมช านาญการพิเศษ<br />
หัวหน้ากลุ่มนโยบายและวิชาการ<br />
นางพรทิพย์ เงาทอง นักพัฒนาสังคมช านาญการ<br />
นางสาวเพชรไพลิน วิสุทธิอุทัยกุล นักพัฒนาสังคมปฏิบัติการ<br />
นายณรกฤต ประมวล นักพัฒนาสังคม<br />
นางสาวณิชชากร รัชอินทร์ เจ้าหน้าที่ระบบงานคอมพิวเตอร์<br />
มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตสระแก้ว<br />
นายชิตพล ชัยมะดัน และคณะ ที่ปรึกษาด้านวิชาการและด าเนินการ<br />
รายงานการเฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
เรื่อง สถานการณ์ความรุนแรงทางสังคม<br />
หน่วยงานที่เผยแพร่ ส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
พิมพ์ครั้งที่ 1 สิงหาคม <strong>2556</strong><br />
จ านวน<br />
ศาลากลาง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ถนนสุวรรณศร อ าเภอเมืองสระแก้ว <strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
โทรศัพท์ 037-425068-9 โทรสาร 037-425201<br />
100 เล่ม
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
บทสรุปส ำหรับผู้บริหำร<br />
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong> ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ<br />
ส ารวจสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาสและศึกษารูปแบบในการ<br />
ป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
ตลอดจน ศึกษาข้อเสนอเชิงนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของ<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
คณะผู้วิจัยได้ก าหนดวิธีการด าเนินการวิจัยทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพสระแก้ว ซึ่งในการวิจัยครั้งนี้<br />
ได้ท าการเก็บข้อมูลจาก กลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม คือ 1) ประชาชนในพื้นที่ 9 อ าเภอ ทั้ง 58 ต าบลของ<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> จ านวน 2,720 คนวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) กลุ่มเด็ก<br />
และเยาวชน กลุ่มผู้ที่มีงานท า และกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบ<br />
โควตา (Quota Sampling) เพื่อใช้ในการเก็บข้อมูลแบบสอบถาม โดยใช้แบบส ารวจข้อมูล<br />
สถานการณ์ความรุนแรง ปี <strong>2556</strong> ของศูนย์เฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม ส านักงานมาตรฐานการ<br />
พัฒนาและความมั่นคงของมนุษย์ ส านักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์<br />
และท าการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา โดยแบบสอบถามปลายปิดจะใช้วิธีการวิเคราะห์<br />
ข้อมูลด้วยการแจกแจงค่าความถี่ ค่าร้อยละ ส่วนของปลายเปิดจะใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย<br />
ค่าความถี่และการจัดกลุ่มของปัญหาและข้อเสนอแนะ 2) ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องการป้องกันและแก้ไข<br />
ปัญหาความรุนแรงของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> จ านวน 3 แห่ง<br />
ประกอบด้วย 1) ชุมชนบ้านคลองอาราง ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว 2) องค์การบริหาร<br />
ส่วนต าบลพระเพลิง อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว และ3) องค์การบริหารส่วนต าบลทับพริก อ.อรัญ<br />
ประเทศ จ.สระแก้ว โดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ผู้บริหารและผู้มีส่วน<br />
เกี่ยวข้อง เพื่อท าการสัมภาษณ์ข้อมูลและท าการวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content<br />
Analysis) ตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย โดยคณะผู้วิจัยข้อเสนอผลการส ารวจดังนี้<br />
1. สถำนกำรณ์ควำมรุนแรงในครอบครัว<br />
จากผลการส ารวจข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัว พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม<br />
ส่วนใหญ่ มีความสัมพันธ์ของบุคคลในครอบครัวอบอุ่น มีจ านวนร้อยละ 89.90 และความสัมพันธ์<br />
ในครอบครัวไม่อบอุ่น มีจ านวนร้อยละ 10.10 มีบุคคลในครอบครัวที่มีอารมณ์รุนแรงหรือชอบใช้ก าลัง<br />
มีจ านวนร้อยละ 4.40 เคยถูกกระท าความรุนแรงจากคนในครอบครัว มีจ านวนร้อยละ 2.00 ภายใน<br />
ครอบครัว มีการกระท าความรุนแรง มีจ านวนร้อยละ 2.40<br />
เมื่อจ าแนกตามความรุนแรง พบว่า ภายในครอบครัวมีการกระท าความรุนแรงด้านร่างกาย<br />
โดยส่วนใหญ่ มีการกระท าความรุนแรงทางร่างกาย 1 - 2 ครั้ง มีการกระท าความรุนแรงทางจิตใจ<br />
1 - 2 ครั้ง มีการกระท าความรุนแรงทางเพศ 1 - 2 ครั้ง ซึ่งเมื่อเกิดความรุนแรงในครอบครัวผู้ตอบ<br />
แบบสอบถามส่วนใหญ่เคยคิดหรือกระท าในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว โดย<br />
ส่วนใหญ่ ท ากิจกรรมนอกบ้าน ส่วน สาเหตุของการเกิดความรุนแรงในครอบครัวมาจากการเมาสุรา<br />
ลักษณะความสัมพันธ์ของผู้กระท าและผู้ถูกกระท าส่วนใหญ่เป็น ผู้ที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยา(ไม่ได้จด<br />
ทะเบียน)
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
หากเกิดความรุนแรงในครอบครัว โดยส่วนใหญ่ ช่วยห้ามปราม/ไกล่เกลี่ย และส าหรับการ<br />
ขอความช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุหากเกิดความรุนแรงในครอบครัว โดยส่วนใหญ่ เพื่อนบ้าน/คนใน<br />
ชุมชน/อบต./เทศบาล ส่วนการการรับทราบถึงพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระท าด้วยความรุนแรงใน<br />
ครอบครัว พ.ศ.2550 พบว่า ส่วนใหญ่ ไม่เคยได้ยิน ไม่สนใจ<br />
2. ควำมรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชนและควำมรุนแรงในชุมชน<br />
จากผลการส ารวจข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชนและความ<br />
รุนแรงในชุมชน พบว่า ส่วนใหญ่ภายในชุมชนไม่มีการกระท าความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
95.40 และ ภายในชุมชนมีการกระท าความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 4.60<br />
เมื่อจ าแนกตามความรุนแรง พบว่า พบว่า ภายในชุมชนมีการกระท าความรุนแรงทาง<br />
ร่างกาย โดยส่วนใหญ่ มีการกระท าความรุนแรงทางร่างกาย 1 - 2 ครั้ง เคยมีการกระท าความรุนแรง<br />
ทางจิตใจ 1 - 2 ครั้ง และเคยมีการกระท าความรุนแรงทางเพศ 1 - 2 ครั้ง<br />
ส่วนสถานที่ในการกระท าความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชนพบว่า มีการกระท า<br />
ความรุนแรงที่บ้าน มากที่สุด โดยสาเหตุของการเกิดความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชนของ เกิด<br />
จาก เมาสุรา และเมื่อเกิดความรุนแรง ส่วนใหญ่ไม่เคยไกล่เกลี่ยความรุนแรง ลักษณะความสัมพันธ์<br />
ของผู้กระท าและผู้ถูกกระท าของคนในชุมชน ส่วนใหญ่เป็น ผู้ที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยา(ไม่ได้จด<br />
ทะเบียน)<br />
หากเกิดความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชน โดยส่วนใหญ่ ขอความช่วยเหลือ/แจ้ง<br />
เหตุ และการขอความช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุหากเกิดความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชน โดย<br />
ส่วนใหญ่ ขอความช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุจาก เพื่อนบ้าน/คนในชุมชน/อบต./เทศบาล<br />
ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชนโดยส่วนใหญ่ ให้<br />
ร่วมกันเฝ้าระวังปัญหาความรุนแรง รองลงมาคือ ปลูกจิตส านึกให้คนในชุมชนตระหนักถึงปัญหาความ<br />
รุนแรงในชุมชน และให้มีส่วนร่วมกับหน่วยงาน/องค์กรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง<br />
3. ควำมรุนแรงในที่ท ำงำน<br />
จากผลการส ารวจข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงในที่ท างาน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม<br />
โดยส่วนใหญ่ ไม่ได้ท างาน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 57.70 รองลงมาคือ ท างาน แต่ไม่มีการกระท า<br />
ด้วยความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 40.60 และท างานและเคยพบเห็นการกระท าด้วยความ<br />
รุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 1.30<br />
และพบว่า เคยถูกกระท าความรุนแรงทางร่างกายในที่ท างาน (โดย หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อน<br />
ร่วมงาน เจ้าของกิจการ) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ0.10 เคยถูกกระท าความรุนแรงทางจิตใจในที่ท างาน<br />
มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 0.70 เคยถูกกระท าความรุนแรงทางเพศในที่ท างาน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
0.40<br />
และพบว่าสถานที่ท างานของผู้ตอบแบบสอบถามเคยมีการกระท าความรุนแรงทางร่างกาย<br />
มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 1.00 เคยมีการกระท าความรุนแรงทางจิตใจ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 1.00<br />
และและ เคยมีการกระท าความรุนแรงทางเพศ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 0.20<br />
ส่วนสาเหตุของการเกิดความรุนแรงในที่ท างาน เกิดจาก เมาสุรา ส่วนการแก้ไขปัญหาของ<br />
ผู้ถูกกระท าความรุนแรงในที่ท างานส่วนใหญ่ คือ หลบเลี่ยง ผู้ถูกกระท าความรุนแรงในที่ท างานของ
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ คือ สตรี และเมื่อมีการเกิดความรุนแรงในที่ท างานพบว่า ไม่เคยไกล่<br />
เกลี่ยความรุนแรง<br />
และหากเกิดความรุนแรงในสถานที่ท างาน พบว่า โดยส่วนใหญ่ ช่วยห้ามปราม/ไกล่เกลี่ย<br />
ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสถานที่ท างาน โดยส่วนใหญ่ปลูกจิตส านึกให้คนในที่<br />
ท างานตระหนักถึงปัญหาความรุนแรง รองลงมาคือ ให้ร่วมกันเฝ้าระวังปัญหาความรุนแรง และให้มี<br />
ส่วนร่วมกับหน่วยงาน/องค์กรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง<br />
และจากการส ารวจความเครียด วิตกกังวล จากความรุนแรงด้านต่าง ๆ พบว่าโดยส่วนใหญ่<br />
เครียดและวิตกกังวลจากความรุนแรงของครอบครัวของคนในชุมชน โดยบุคคลอื่นที่ไม่รู้จักกัน(คนร้าย<br />
คนแปลกหน้า ฯลฯ จากปัญหาความขัดแย้ง การเมือง ปัญหาชายแดนใต้ การระเบิด ปล้น จี้<br />
อาชญากรรมฯลฯ ) ส าหรับการช่วยลดความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงอื่นๆ พบว่า โดยส่วน<br />
ใหญ่ เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่(คนในครอบครัว คนในชุมชน เพื่อนบ้าน ฯลฯ) รองลงมาคือ<br />
แจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบเหตุการณ์ต่างๆ และช่วยไกล่เกลี่ยประนีประนอม<br />
4. รูปแบบกำรป้องกันและแก้ไขปัญหำควำมรุนแรงของชุมชนและองค์กรปกครองส่วน<br />
ท้องถิ่น<br />
จากการวิเคราะห์ข้อมูลความรุนแรงที่เกิดขึ้นและวิธีการป้องกันและแก้ไขปัญหาของชุมชน<br />
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>พบว่าการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงใน<br />
ครอบครัวและชุมชนต้องมีองค์ประกอบที่ส าคัญ 4 องค์ประกอบ คือ ครอบครัว ชุมชน องค์กร<br />
ปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคีเครือข่าย โดยมีกลไกที่ส าคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง<br />
ได้แก่ กระบวนการมีส่วนรวม การสร้างความสามัคคีในชุมชน การสร้างองค์ความรู้และการ<br />
ประสานงาน และบูรณาการงาน<br />
5. ข้อเสนอเชิงนโยบำย<br />
คณะผู้วิจัยจึงได้ก าหนดเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความ<br />
รุนแรงงออกเป็น 2 ระยะดังนี้<br />
5.1 นโยบำยและมำตรกำรระยะสั้น<br />
5.1.1 ควรมีนโยบายและมาตรการในการเร่ง รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ความ<br />
เข้าใจในเรื่องความรุนแรงในครอบครัว ชุมชนและที่ท างานเช่น พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระท าด้วยความ<br />
รุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 กับประชาชนทุกภาคส่วน โดยการใช้สื่อประชาสัมพันธ์อย่าง<br />
หลากหลาย ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์และสื่อออนไลน์ รวมถึงการจัดอบรมให้กับกลุ่มเป้าหมาย<br />
เด็ก เยาวชนและสตรี ผู้สูงอายุซึ่งเป็นผู้ถูกกระท าความรุนแรงโดยส่วนใหญ่ ให้ครอบคลุมทุก<br />
กลุ่มเป้าหมายและทุกพื้นที่<br />
5.1.2 ควรมีนโยบายและมาตรการเพิ่มภาคีเครือข่ายทั้งในหน่วยงานภาครัฐและ<br />
ภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้กลไกด้านต่างๆ ของเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ร่วมกันป้องกันและ<br />
แก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและสังคม<br />
5.1.3 ควรมีนโยบายและมาตรการให้หน่วยงานยุติธรรมเร่งรัดในการจัดการคดีความ<br />
รุนแรงในครอบครัวทั้งต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุอย่างจริงจัง
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
5.1.4 ควรมีนโยบายและมาตรการมาตรการในการให้ความช่วยเหลือทางสังคมแก่<br />
ประชาชนเพื่อบรรเทาภาวะวิกฤตต่าง ๆ อาทิ ปัญหาการว่างงาน ปัญหาความยากจน และการ<br />
ส่งเสริมผู้ด้อยโอกาสทางสังคม เป็นต้น เพื่อไม่น าไปสู่การกระท าความรุนแรงในครอบครัวและสังคม<br />
5.1.5 ควรมีนโยบายและมาตรากรส่งเสริมการจัดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่<br />
ดีในครอบครัวและชุมชน<br />
5.1.6 ควรมีนโยบายและมาตรากรส่งเสริมและสนับสนุนการรวมกลุ่มของครอบครัว<br />
ในชุมชนเพื่อเฝ้าระวังป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและสังคม<br />
5.1.7 ควรมีนโยบายและมาตรากรส่งเสริมองค์กรทางศาสนาเข้ามามีบทบาทร่วมใน<br />
การป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและสังคม<br />
5.1.8 ควรมีนโยบายและมาตรการขับเคลื่อนบทบาทของศูนย์ประชาบดีหรือศูนย์<br />
อื่นๆของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นที่รู้จักและยอมรับของประชาชน<br />
โดยทั่วไป<br />
5.1.9 ควรมีนโยบายและมาตรการรณรงค์ยุติความรุนแรงในที่ท างาน<br />
5.2 นโยบำยและมำตรกำรระยะยำว<br />
5.2.1 ควรเสนอให้รัฐบาลประกาศนโยบาย การยุติความรุนแรงในครอบครัว ความ<br />
รุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาส ให้เป็นนโยบายที่ส าคัญของชาติ เพื่อแก้ปัญหารากเหง้า<br />
ของความรุนแรงในสังคมไทย<br />
5.2.2 ควรมีนโยบายและมาตรการรณรงค์สร้างทัศนคติในการปกป้องผู้หญิงและ<br />
เด็กผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาสไม่ให้ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง<br />
5.2.3 ควรมีนโยบายหน่วยงานให้ค าปรึกษาแนะแนวด้านครอบครัว ให้ครอบคลุม<br />
ทุกพื้นที่<br />
5.2.4 ควรมีนโยบายในการป้องกันและจัดการสิ่งเสพติด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิด<br />
ความรุนแรงในครอบครัวและสังคมอย่างจริงจัง<br />
5.2.5 ควรมีนโยบายสร้างความมั่นคงในชีวิต เช่น ส่งเสริมการมีงานท าเพื่อสร้าง<br />
ความมั่นคงในชีวิต ให้กับผู้ถูกกระท าความรุนแรงให้สามารถกลับมาด ารงชีวิตในสังคมได้
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ค ำน ำ<br />
ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมีความรุนแรง และมีผลกระทบต่อทุกคนในสังคมเป็นอย่าง<br />
มาก การเฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคมจึงมีบทบาทและมีความส าคัญ เพราะจะท าให้สังคมได้รับรู้ถึง<br />
ปัญหาสังคมที่อาจเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นแล้ว สังคมจะได้มีการตื่นตัวและตระหนักถึงผลกระทบ<br />
ที่จะเกิดขึ้นและร่วมมือป้องกัน หรือแก้ไขปัญหาสังคมให้ลดระดับความรุนแรงและควบคุมได้ต่อไป<br />
ส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ได้ด าเนินการส ารวจข้อมูล<br />
ตามแบบสอบถามของศูนย์เฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม ส านักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคม<br />
และความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมทั้งสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ตัวอย่าง<br />
3 พื้นที่ เพื่อน ามาประมวลเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายของ<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>และจัดท ารายงานเฝ้าระวัง<br />
และเตือนภัยทางสังคม เรื่องสถานการณ์ความรุนแรงทางสังคม<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> พ.ศ.<strong>2556</strong> ฉบับนี้<br />
หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานการเฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong> ฉบับนี้จะเป็น<br />
ประโยชน์ต่อสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสังคมที่จะใช้เป็นข้อมูลประกอบการด าเนินงาน<br />
ในการร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคมตามสมควรต่อไป<br />
ส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
สิงหาคม <strong>2556</strong>
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong>
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
บทสรุปส าหรับผู้บริหาร<br />
ค าน า<br />
สารบัญ<br />
สารบัญตาราง<br />
สารบัญภาพ<br />
สำรบัญ<br />
หน้า<br />
บทที่<br />
1 บทน ำ 1<br />
ความเป็นมาและความส าคัญของปัญหา 1<br />
วัตถุประสงค์การวิจัย 2<br />
ขอบเขตการวิจัย 3<br />
นิยามศัพท์เฉพาะ 3<br />
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 4<br />
2 แนวคิด ทฤษฎี และงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง 5<br />
แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับความรุนแรง 5<br />
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท าด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 10<br />
สถานการณ์ด้านสังคมและความรุนแรงในครอบครัว 11<br />
สถานการณ์ด้านสังคม<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> 15<br />
เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 19<br />
กรอบแนวคิดในการวิจัย 22<br />
3 วิธีกำรด ำเนินกำรวิจัย 23<br />
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 23<br />
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล 25<br />
การเก็บรวบรวมข้อมูล 25<br />
การวิเคราะห์ข้อมูล 25
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
สำรบัญ(ต่อ)<br />
บทที่ หน้ำ<br />
4 ผลกำรวิจัย 27<br />
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 27<br />
ส่วนที่ 2 ข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรง 29<br />
ส่วนที่ 3 ข้อมูลการสัมภาษณ์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องการป้องกันและแก้ไขปัญหาความ 50<br />
รุนแรงของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<br />
5 สรุป อภิปรำยผลและข้อเสนอแนะ 57<br />
สรุปผลการศึกษา<br />
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 58<br />
ส่วนที่ 2 ข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรง 58<br />
ส่วนที่ 3 รูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชนและองค์กร 62<br />
ปกครองส่วนท้องถิ่น<br />
ภาคผนวก<br />
บรรณานุกรม<br />
ข้อเสนอเชิงนโยบาย 67<br />
69<br />
75
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
สำรบัญตำรำง<br />
ตำรำงที่ หน้ำ<br />
2-1 แสดงการจ าแนกระดับพฤติกรรมก้าวร้าวในสัมพันธภาพระหว่างคู่สมรส 8<br />
2-2 สรุปสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัวปี 2549-2555 15<br />
2-3 ตัวชี้วัดที่ไม่บรรลุเป้าหมายตามเกณฑ์ จปฐ. ปี 2554 15<br />
2-4 สถิติคดีและการจับกุมผู้กระท าความผิดในแต่ละกลุ่มคดี ตุลาคม 2554 - กันยายน 16<br />
2555<br />
2-5 สถิติการจับกุมคดียาเสพติด ตุลาคม 2554 - กันยายน 2555 17<br />
3-1 จ านวนกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการเก็บข้อมูลจ าแนกตาม 9 อ าเภอ 24<br />
4-1 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามจ าแนกตามเพศ 27<br />
4-2 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามจ าแนกตามอายุ 28<br />
4-3 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามจ าแนกตามระดับการศึกษา 28<br />
4-4 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามจ าแนกตามสถานภาพ 28<br />
4-5 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามจ าแนกตามอาชีพ 29<br />
4-6 จ านวนและร้อยละของความสัมพันธ์ของบุคคลในครอบครัวผู้ตอบแบบสอบถาม 29<br />
4-7 จ านวนและร้อยละของบุคคลในครอบครัวที่มีอารมณ์รุนแรงหรือชอบใช้ก าลัง 30<br />
4-8 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่เคยถูกกระท าความรุนแรงจากคนใน 30<br />
ครอบครัวในรอบ 1 ปี<br />
4-9 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในครอบครัวมีการกระท าความ 30<br />
รุนแรงในรอบ 1 ปี<br />
4-10 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในครอบครัวมีการกระท าความ 31<br />
รุนแรงทางร่างกาย<br />
4-11 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในครอบครัวมีการกระท าความ 31<br />
รุนแรงทางจิตใจ<br />
4-12 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในครอบครัวมีการกระท าความ 32<br />
รุนแรงทางเพศ<br />
4-13 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความ<br />
รุนแรงในครอบครัว<br />
32
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
สำรบัญตำรำง (ต่อ)<br />
ตำรำงที่ หน้ำ<br />
4-14 จ านวนและร้อยละของสาเหตุของการเกิดความรุนแรงในครอบครัว 33<br />
4-15 จ านวนและร้อยละของลักษณะความสัมพันธ์ของผู้กระท าและผู้ถูกกระท าใน 33<br />
ครอบครัว<br />
4-16 จ านวนและร้อยละผู้ถูกกระท าความรุนแรงในครอบครัวผู้ตอบแบบสอบถาม 34<br />
4-17 จ านวนและร้อยละความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามหากเกิดความรุนแรงใน 34<br />
ครอบครัว<br />
4-18 จ านวนและร้อยละความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามในการขอความช่วยเหลือ 34<br />
หรือแจ้งเหตุหากเกิดความรุนแรงในครอบครัว<br />
4-19 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ทราบถึง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระท า 35<br />
ด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550<br />
4-20 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในชุมชนมีการกระท าความ 36<br />
รุนแรงในรอบ 1 ปี<br />
4-21 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในชุมชนมีการกระท าความ 36<br />
รุนแรงทางร่างกาย<br />
4-22 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในชุมชนมีการกระท าความ 36<br />
รุนแรงทางจิตใจ<br />
4-23 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในชุมชนมีการกระท าความ 37<br />
รุนแรงทางเพศ<br />
4-24 จ านวนและร้อยละสถานที่ในการกระท าความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชน 37<br />
4-25 จ านวนและร้อยละของสาเหตุของการเกิดความรุนแรงในครอบครัวของคนใน 38<br />
ชุมชน<br />
4-26 จ านวนและร้อยละของการไกล่เกลี่ยความรุนแรงของคนในชุมชน 38<br />
4-27 จ านวนและร้อยละของลักษณะความสัมพันธ์ของผู้กระท าและผู้ถูกกระท าใน 38<br />
ครอบครัวของคนในชุมชน<br />
4-28 จ านวนและร้อยละผู้ถูกกระท าความรุนแรงในครอบครัวในชุมชนผู้ตอบ 39<br />
แบบสอบถาม
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
สำรบัญตำรำง (ต่อ)<br />
ตำรำงที่ หน้ำ<br />
4-29 จ านวนและร้อยละความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามหากเกิดความรุนแรงใน 39<br />
ครอบครัวของคนในชุมชน<br />
4-30 จ านวนและร้อยละความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามในการขอความช่วยเหลือ 40<br />
หรือแจ้งเหตุหากเกิดความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชน<br />
4-31 จ านวนและร้อยละข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวของคน 40<br />
ในชุมชน<br />
4-32 จ านวนและร้อยละของคนในชุมชนที่ถูกกระท าความรุนแรงจากบุคคลที่รู้จักกัน 41<br />
(ญาติ แฟน/กิ๊ก เพื่อน เพื่อนบ้าน) ในรอบ 1 ปี<br />
4-33 จ านวนและร้อยละของคนในชุมชนที่ถูกกระท าความรุนแรงจากบุคคลที่ไม่รู้จักกัน 41<br />
(คนร้าย คนแปลกหน้า การปล้น การจี้ อาชญากรรม) รอบ 1 ปี<br />
4-34 จ านวนและร้อยละของคนในชุมชนที่เคยถูกกระท าความรุนแรงจากบุคคลที่ไม่รู้จัก 41<br />
กัน<br />
4-35 จ านวนและร้อยละสถานที่ที่คนในชุมชนถูกกระท าความรุนแรงจากบุคคลที่ไม่รู้จัก 42<br />
กัน<br />
4-36 จ านวนและร้อยละของคนในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงจากบุคคลที่ 42<br />
ไม่รู้จักกัน<br />
4-37 จ านวนและร้อยละของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงจากบุคคลที่ไม่รู้จักกัน 42<br />
4-38 จ านวนและร้อยละข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงจากบุคคลที่ไม่รู้จัก 43<br />
4-39 จ านวนและร้อยละการท างานกับความรุนแรงในที่ท างานของผู้ตอบแบบสอบถาม 44<br />
4-40 จ านวนและร้อยละผู้ตอบแบบสอบถามถูกกระท าความรุนแรงทางร่างกายในที่ 44<br />
ท างาน(โดย หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน เจ้าของกิจการ)<br />
4-41 จ านวนและร้อยละผู้ตอบแบบสอบถามถูกกระท าความรุนแรงทางจิตใจในที่ท างาน 44<br />
(โดย หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน เจ้าของกิจการ)<br />
4-42 จ านวนและร้อยละผู้ตอบแบบสอบถามถูกกระท าความรุนแรงทางเพศในที่ท างาน 45<br />
(โดย หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน เจ้าของกิจการ)
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
สำรบัญตำรำง (ต่อ)<br />
ตารางที่ หน้า<br />
4-43 จ านวนและร้อยละสถานที่ท างานของผู้ตอบแบบสอบถามมีการกระท าความ 45<br />
รุนแรงทางร่างกายในที่ท างาน(โดย หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน เจ้าของ<br />
กิจการ)<br />
4-44 จ านวนและร้อยละสถานที่ท างานของผู้ตอบแบบสอบถามมีการกระท าความ 45<br />
รุนแรงทางจิตใจในที่ท างาน(โดย หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน เจ้าของกิจการ)<br />
4-45 จ านวนและร้อยละสถานที่ท างานของผู้ตอบแบบสอบถามมีการกระท าความ 45<br />
รุนแรงทางเพศในที่ท างาน(โดย หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน เจ้าของกิจการ)<br />
4-46 จ านวนและร้อยละของสาเหตุของการเกิดความรุนแรงในที่ท างาน 46<br />
4-47 จ านวนและร้อยละการแก้ไขปัญหาของผู้ถูกกระท าความรุนแรงในที่ท างาน 46<br />
4-48 จ านวนและร้อยละของผู้ถูกกระท าความรุนแรงในที่ท างาน 47<br />
4-49 จ านวนและร้อยละของการไกล่เกลี่ยความรุนแรงในที่ท างาน 47<br />
4-50 จ านวนและร้อยละความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามหากเกิดความรุนแรงใน 47<br />
สถานที่ท างาน<br />
4-51 จ านวนและร้อยละข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสถานที่ท างาน 48<br />
4-52 จ านวนและร้อยละความเครียด วิตกกังวล จากความรุนแรงด้านต่าง ๆ ของผู้ตอบ 48<br />
แบบสอบถาม<br />
4-53 จ านวนและร้อยละการช่วยลดความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงอื่น ๆ 49<br />
ของผู้ตอบแบบสอบถาม
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
สำรบัญภำพ<br />
ภาพที่ หน้า<br />
2-1 กรอบแนวคิดในการวิจัย 22<br />
5-1 รูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและชุมชนของ 63<br />
องค์การบริหารส่วนต าบลพระเพลิง<br />
5-2 รูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและชุมชนของ 64<br />
องค์การบริหารส่วนต าบลทับพริก<br />
5-3 รูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและชุมชนของบ้าน 65<br />
คลองอาราง ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว<br />
5-4<br />
5-5<br />
รูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและชุมชนของ<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
วิสัยทัศน์ของส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
66<br />
67
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong>
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
บทที่ 1<br />
บทน ำ<br />
ควำมเป็นมำและควำมส ำคัญของปัญหำ<br />
ความรุนแรง เป็นปัญหาที่พบอยู่เสมอทั้งในครอบครัวและในสังคม มีนักวิชาการทางด้าน<br />
สังคมศาสตร์ ได้อธิบายความหมายของความรุนแรง หมายถึง พฤติกรรมและการกระท าใดที่เป็น<br />
การล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลทั้งร่างกาย วาจา จิตใจ ทางเพศ โดยการบังคับ ขู่เข็ญ ทุบตี เตะต่อย<br />
ตลอดจนคุกคามจ ากัด และกีดกันสิทธิเสรีภาพทั้งในที่สาธารณะ และในการด าเนินชีวิตส่วนตัว ซึ่งเป็น<br />
ผลหรืออาจจะเป็นผลให้เกิดความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจแก่ผู้ถูกกระท า (อนงค์ อินทร-<br />
จิตรและนรินทร์ กรินชัย, 2552, หน้า 3)<br />
ซึ่งในปัจจุบันสถานการณ์ความรุนแรงมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะ<br />
ในบุคคลที่อ่อนแอหรือด้อยโอกาส อาทิเช่น เด็ก สตรี คนชรา ผู้มีสติปัญญาอ่อน คนยากจน<br />
เป็นต้น มักจะถูกกระท าในลักษณะต่าง ๆ ได้แก่ การทุบตีท าร้ายร่างกาย การท าร้ายทางจิตใจโดย<br />
การแสดงออกด้วยวาจา กิริยาท่าทาง หรือการกระท าที่ท าให้ได้รับความกระทบกระเทือนทาง<br />
อารมณ์และจิตใจ เช่น การพูดจาดูถูกเหยียดหยาม การด่าว่าด้วยค าหยาบคาย เป็นต้น การใช้ความ<br />
รุนแรงทางเพศ ได้แก่ การพูดคุยเรื่องลามกหยาบคาย การลวนลามทางเพศ การข่มขืนกระท า<br />
ช าเรา เป็นต้น ลักษณะอื่น ๆ ของความรุนแรงที่อาจพบได้อีก ได้แก่ การเอาเปรียบทางด้าน<br />
การเงิน แรงงาน การค้าประเวณี เป็นต้น ซึ่งความรุนแรงในสังคมนั้นสามารถพบได้ทั่วไป ทั้งใน<br />
ครอบครัว ในโรงเรียน และในสถานที่ท างานความรุนแรง มีผลกระทบต่อสุขภาพทั้งทางร่างกาย<br />
และจิตใจ การบาดเจ็บทางร่างกายเป็นผลกระทบต่อสุขภาพทางกายที่เห็นได้อย่างชัดเจน<br />
จากรายงานภาวะสังคมไทยปี 2555 ของส านักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ<br />
และสังคมแห่งชาติ พบว่า ความรุนแรงในเด็กและสตรีเกิดขึ้นทั้งในครอบครัว โรงเรียน รวมทั้งยัง<br />
เกิดในลักษณะของการค้ามนุษย์ ข่มขืนและค้าประเวณี ปัญหาดังกล่าวมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะ<br />
การกระท ารุนแรงทางเพศในเด็กจากรายงานภาวะสังคมไทยปี 2555 ของส านักงานคณะกรรมการ<br />
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่า เด็กถูกกระท ารุนแรงทางเพศมากที่สุด โดยเด็กหญิงถูก<br />
ท าร้ายประมาณ 8 เท่าของเด็กชาย ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยรุ่นอายุ 10-15 ปีเป็นการกระท ารุนแรงทาง<br />
เพศมากที่สุดถึงร้อยละ 74.1 และทางกายร้อยละ 21.0 โดยผู้กระท ารุนแรงจากคนใกล้ชิด โดยเป็น<br />
แฟนร้อยละ 40.2 เพื่อนร้อยละ 25.1 คนไม่รู้จักร้อยละ 9.6 และพ่อแม่/ ผู้ดูแลอุปการะร้อยละ 8.1<br />
โดยสาเหตุที่เกิดส่วนใหญ่มาจากสภาพแวดล้อม ได้แก่ สื่อลามกต่าง ๆ ความใกล้ชิด และโอกาส<br />
เอื้ออ านวย การใช้สารกระตุ้น เช่น สุรา และยาเสพติด และสัมพันธภาพในครอบครัวการค้ามนุษย์<br />
การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์<br />
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีอ านาจหน้าที่เกี่ยวกับการพัฒนา<br />
สังคม การสร้างความเป็นธรรม และความเสมอภาคในสังคม การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพและ<br />
ความมั่นคงในชีวิต สถาบันครอบครัว และชุมชน ซึ่งภายใต้แผนยุทธศาสตร์กระทรวงพัฒนาสังคมและ<br />
1
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ความมั่นคงของมนุษย์ (พ.ศ. 2555 -2559) นั้น ได้มีวิสัยทัศน์ คือ “มุ่งสู่สังคมคุณภาพ บนพื้นฐาน<br />
ความรับผิดชอบร่วมกัน”และได้มีการก าหนดประเด็นยุทธศาสตร์ที่ส าคัญไว้ 4 ประเด็น คือ<br />
1. การผลักดันให้เกิดสังคมสวัสดิการ<br />
2. การพัฒนาสังคมเข้มแข็ง พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง<br />
3. การเสริมสร้างพลังทางสังคม<br />
4. การยกระดับขีดความสามารถการบริหารจัดการด้านการพัฒนาสังคม<br />
โดยมีภารกิจหลักในการดูแลประชาชน ครอบครัว และชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความ<br />
เป็นธรรมและความเสมอภาคในสังคมดูแลประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งสอดคล้องกับ แผนพัฒนา<br />
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2555 - 2559 ที่ได้ให้ความส าคัญกับการพัฒนาสังคม<br />
และคุณภาพคนจากแนวคิดของสังคมคุณภาพ (Social Quality) ซึ่งสอดคล้องกับอ านาจหน้าที่ของ<br />
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพและความ<br />
มั่นคงในชีวิต การพัฒนาเด็กและเยาวชน การพัฒนาผู้สูงอายุการพัฒนาศักยภาพสตรีและสร้างความ<br />
เสมอภาคหญิงชาย และสถาบันครอบครัวและชุมชน ซึ่งสถานการณ์การพัฒนาสังคมในระยะต่อไปจะ<br />
มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งโครงสร้างประชากร ผลกระทบจากการพัฒนาเศรษฐกิจ และ<br />
โครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนความคาดหวังจากประชาชนกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ที่ต้องการกระบวนการ<br />
คุ้มครองและเสริมสร้างหลักประกันในรูปแบบต่าง ๆ<br />
จากความเป็นมาและส าคัญดังกล่าวข้างต้น ส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ<br />
มนุษย์<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> หน่วยงานในสังกัด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มี<br />
บทบาทหน้าที่ส าคัญในการศึกษาวิเคราะห์และรายงานสถานการณ์ทางสังคมและเศรษฐกิจเพื่อ<br />
ก าหนดนโยบายในระดับจังหวัดรวมทั้งเสนอแนวทางแก้ไข จึงได้มีความสนใจที่จะศึกษาถึง<br />
สถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาสใน<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>ในปัจจุบันเป็น<br />
อย่างไร และชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>มีรูปแบบการป้องกันและแก้ไข<br />
ปัญหาความรุนแรงอย่างไร รวมถึงน าผลการศึกษาที่ได้ไปจัดท าข้อเสนอเชิงนโยบายในการป้องกัน<br />
และแก้ไขปัญหาความรุนแรง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของ<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>ต่อไป<br />
วัตถุประสงค์กำรวิจัย<br />
1. เพื่อส ารวจสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาสใน<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
2. เพื่อศึกษารูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชนและองค์กร<br />
ปกครอง<br />
3. เพื่อศึกษาข้อเสนอเชิงนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของจังหวัด<br />
สระแก้ว<br />
2
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ขอบเขตของกำรวิจัย<br />
ขอบเขตด้ำนเนื้อหำ: การวิจัยครั้งนี้มุ่งส ารวจสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก เยาวชน<br />
สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาสใน<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ซึ่งเป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว ในที่ท างาน<br />
และความรุนแรงที่เกิดขึ้นในชุมชน และศึกษารูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของ<br />
ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ตลอดจนการศึกษาข้อเสนอเชิงนโยบายในการ<br />
ป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของ<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
ขอบเขตด้ำนพื้นที่และประชำกร: การศึกษาครั้งนี้มุ่งส ารวจสถานการณ์ความรุนแรงต่อ<br />
เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาสใน<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> โดยการสอบถามความคิดเห็นของ<br />
ประชาชนในพื้นที่<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ครอบคลุมพื้นที่ 9 อ าเภอ 58 ต าบล จ านวนประชากรทั้งหมด<br />
546,782 คน (สถิติข้อมูล: ส านักงานปกครอง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> มิถุนายน พ.ศ.2555)<br />
และท าการศึกษารูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชนและองค์กร<br />
ปกครองส่วนท้องถิ่น<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> โดยการสัมภาษณ์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จ านวน 3 แห่ง ประกอบด้วย<br />
1) ชุมชนบ้านคลองอาราง ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว<br />
2) องค์การบริหารส่วนต าบลพระเพลิง อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว<br />
3) องค์การบริหารส่วนต าบลทับพริก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว<br />
ขอบเขตด้ำนระยะเวลำ : ระยะเวลาในการศึกษาครั้งนี้ ช่วงเดือน มิถุนายน ถึง กรกฎาคม<br />
พ.ศ.<strong>2556</strong><br />
นิยำมค ำศัพท์เฉพำะ<br />
ควำมรุนแรง หมายถึง การกระท าใดๆที่เป็นการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ทั้งทางกาย<br />
วาจา จิตใจและทางเพศ โดยการบังคับ ขู่เข็ญ ท าร้ายทุบตี คุกคาม จ ากัดกีดกันเสรีภาพ ทั้งในที่<br />
สาธารณะและในการด าเนินชีวิตส่วนตัวซึ่งเป็นผลหรืออาจจะเป็นผลให้เกิดความทุกข์ทรมานทั้งทาง<br />
ร่างกายและจิตใจแก่ผู้ถูกกระท า ซึ่งในการการถูกกระท ารุนแรง ประกอบด้วย การกระท ารุนแรงทาง<br />
ร่างกาย การกระท ารุนแรงทางจิต การกระท ารุนแรงทางเพศ<br />
กำรกระท ำรุนแรงทำงร่ำงกำย หมายถึง การใช้ก าลังหรืออุปกรณ์ใดๆเป็นการท าร้าย<br />
ร่างกายเกินกว่าเหตุมีผลท าให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บ<br />
กำรกระท ำรุนแรงทำงจิต หมายถึง การกระท าใดๆที่มีผลให้ผู้ถูกกระท าได้รับความ<br />
กระทบกระเทือนด้านจิตใจหรือสิทธิเสรีภาพ ได้แก่ การถูกทอดทิ้ง การดูถูก เหยียดหยามหรือดุด่า<br />
การกักขังหน่วงเหนี่ยว<br />
กำรกระท ำรุนแรงทำงเพศ หมายถึง การกระท าที่มีผลให้ผู้ถูกกระท าได้รับความ<br />
กระทบกระเทือนหรือเสียหายเกี่ยวกับเรื่องเพศ ได้แก่ การถูกข่มขืน การถูกลวนลาม อนาจาร และถูก<br />
บังคับค้าประเวณี<br />
ควำมรุนแรงในครอบครัว หมายถึง การกระท าใด ๆ โดยมุ่งประสงค์ให้เกิดอันตรายแก่<br />
ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพ หรือกระท าโดยเจตนาในลักษณะที่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย<br />
จิตใจ หรือสุขภาพของบุคคลในครอบครัว หรือบังคับ หรือใช้อ านาจครอบง าผิดครองธรรม ให้บุคคล<br />
3
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ในครอบครัวต้องกระท าการ ไม่กระท าการ หรือยอมรับการกระท าอย่างหนึ่งอย่างใดโดยมิชอบ<br />
แต่ไม่รวมถึงการกระท าโดยประมาท<br />
บุคคลในครอบครัว หมายถึง คู่สมรส คู่สมรสเดิม ผู้ที่อยู่กินหรือเคยอยู่กินกินฉันสามี<br />
ภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส บุตร บุตรบุญธรรม สมาชิกในครอบครัว รวมทั้งบุคคลใด ๆ ที่ต้อง<br />
พึ่งพาอาศัยและอยู่ในครัวเรือนเดียวกัน (พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระท าด้วยความรุนแรงในครอบครัว<br />
พ.ศ.2555)<br />
ควำมรุนแรงประเภทอื่น หมายถึง ความรุนแรงที่เกิดขึ้นโดยผู้ที่กระท าและผู้ถูกกระท าไม่<br />
มีความสัมพันธ์กันหรือไม่ได้เป็นบุคคลที่รู้จักกันหรือไม่ได้เป็นบุคคลในครอบครัวหรือไม่ได้เป็นบุคคล<br />
ในที่ท างานเดียวกันหรือโดยเป็นบุคคลอื่น คนร้าย คนแปลกหน้า ท าให้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตอาทิ การ<br />
ชกต่อย การปล้น การจี้ อาชญากรรม จากปัญหาทางการเมือง ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัด<br />
ชายแดนภาคใต้ ฯลฯ เป็น<br />
รูปแบบกำรป้องกันและแก้ไขปัญหำควำมรุนแรง หมายถึง แบบแผนหรือวิธีการในการ<br />
ป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงซึ่งวิเคราะห์จากข้อมูลความรุนแรงที่เกิดขึ้นและวิธีการป้องกัน<br />
และแก้ไขปัญหาของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ<br />
1. ท าให้ทราบสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาสใน<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
2. ท าให้ทราบรูปแบบในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชนและองค์กร<br />
ปกครองส่วนท้องถิ่น<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
3. ท าให้ทราบข้อเสนอเชิงนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของจังหวัด<br />
สระแก้ว<br />
4. ข้อมูลที่ได้จากผลการศึกษาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องน าไปใช้เป็นแนวทางในการป้องกัน<br />
และแก้ไขปัญหาความรุนแรงของ<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
4
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
บทที่ 2<br />
แนวคิด ทฤษฎี และงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง<br />
การวิจัยเรื่องการส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong> ครั้งนี้<br />
มีวัตถุประสงค์เพื่อส ารวจสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาสและ<br />
ศึกษารูปแบบในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ตลอดจน ศึกษาข้อเสนอเชิงนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง<br />
ของ<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ผู้วิจัยได้ท าการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาใช้เป็น<br />
กรอบแนวคิดดังต่อไปนี้<br />
1. แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง<br />
1.1 ความหมายของความรุนแรง<br />
1.2 แนวคิดความรุนแรงในครอบครัว<br />
2. พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท าด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550<br />
3. สถานการณ์ด้านสังคมและความรุนแรงในครอบครัว<br />
3.1 สถานการณ์ด้านสังคม<br />
3.2 สถานการณ์ความมั่นคงของมนุษย์<br />
4. สถานการณ์ด้านสังคม<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
5. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง<br />
6. กรอบแนวคิดในการวิจัย<br />
1. แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับควำมรุนแรง<br />
คณะผู้วิจัยได้ท าการศึกษาและรวบรวมแนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงจาก<br />
ทั้งรายงานการวิจัย บทความ และผลงานวิทยานิพนธ์ ซึ่งได้มีนักวิชาการและนักวิจัยได้ก าหนด<br />
ความหมายของความหมายความรุนแรงไว้ดังนี้<br />
ควำมหมำยของควำมรุนแรง<br />
ได้มีนักวิชาการและนักวิจัยได้ก าหนดความหมายของ”ความรุนแรง” ไว้อย่างหลากหลาย<br />
ดังนี้<br />
บุญวดี เพชรรัตน์ (2543, หน้า 200) ได้ให้ความหมายของความรุนแรงไว้ว่า ความรุนแรง<br />
หมายถึง พฤติกรรมที่ปลดปล่อยความโกรธ ความกลัว และภาวะหวาดหวั่น ไปยังบุคคลอื่น<br />
เช่น คนรอบข้าง หรือวัตถุสิ่งของด้วยขาดการยับยั้งชั่งใจ เป็นเหตุให้ผู้อื่นเดือดร้อนด้วยการท า<br />
อันตราย ผู้อื่น ซึ่งอาจเป็นอันตรายสาหัสจนถึงแก่ชีวิตได้<br />
อนุช อาภาภิรม (2547, หน้า 11) ได้ให้ความหมายของความรุนแรงไว้ว่า ความรุนแรง<br />
หมายถึง การใช้ก าลังคุกคามหรือท าร้าย เพื่อควบคุมหรือครอบครองบุคคลหรือทรัพย์สิน<br />
อรอนงค์ อินทรจิตร และนรินทร์ กรินชัย (2542, หน้า 3) ได้ให้ความหมายของความ<br />
รุนแรงไว้ว่า ความรุนแรง หมายถึง พฤติกรรมและการกระท าใดที่เป็นการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคล<br />
5
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ทั้งร่างกาย วาจา จิตใจ ทางเพศ โดยการบังคับ ขู่เข็ญ ทุบตี เตะต่อย ตลอดจนคุกคามจ ากัด และ<br />
กีดกันสิทธิเสรีภาพทั้งในที่สาธารณะ และในการด า เนินชีวิตส่วนตัว ซึ่งเป็นผลหรืออาจจะเป็นผลให้<br />
เกิดความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจแก่ผู้ถูกกระท า<br />
Corsini (1999, p. 1052) ได้ให้ความหมายของความรุนแรงไว้ดังนี้<br />
1. ความรุนแรง หมายถึง การแสดงความเกลียดชัง ความเป็นปรปักษ์ และดุด่าว่ากล่าว<br />
ตลอดจนใช้ก าลังทางกายโดยตรงต่อบุคคลหรือทรัพย์สิน<br />
2. ความรุนแรง หมายถึง พฤติกรรมที่ท า อันตรายต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยปราศจากความ<br />
เกลียดชัง ความเป็นปรปักษ์ หรือดุด่าว่ากล่าวต่อสิ่งนั้นจากความหมายของความรุนแรงดังกล่าว<br />
ข้างต้นได้ว่าความรุนแรงหมายถึงการกระท า ใด ๆ ที่เป็นการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลทั้งทางร่างกาย<br />
และจิตใจ ซึ่งเป็นผลหรืออาจจะเป็นผลให้เกิดความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจของ<br />
ผู้ถูกกระท า ซึ่งแบ่งออกเป็น<br />
ความรุนแรงต่อร่างกาย หมายถึงการใช้ก าลัง และหรืออุปกรณ์ใด ๆ เป็นอาวุธคุกคามหรือ<br />
ท าร้าย ขว้างปาทุ่มของใส่ ผลัก กระชาก เขย่า ใช้มือฟาด ตบทุบตี เตะต่อย และใช้มีดหรือปืนเข้าท า<br />
ร้าย ส่งผลให้ผู้ถูกกระท า ได้รับบาดเจ็บต่อร่างกายหรืออาจจะถึงแก่ชีวิตความรุนแรงต่อจิตใจ<br />
หมายถึงการกระท าใด ๆ ซึ่งมีผลท า ให้ผู้ถูกกระท า ได้รับความเสียใจ หวาดกลัวหรือตกใจ เสียสิทธิ<br />
และเสรีภาพ เช่นการพูดจาดูถูก ด่าทอ ข่มขู่ ตะคอกใส่มองด้วยความเหยียดหยามไม่ให้เกียรติ<br />
ตลอดจนจ า กัดและกีดกันสิทธิเสรีภาพทั้งในที่สาธารณะและในการด าเนินชีวิตส่วนตัว เป็นต้น<br />
ในการส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>ได้ก าหนดความหมายของค าว่า<br />
“ความรุนแรง” ตามความหมายของศูนย์เฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม ส านักงานมาตรฐานการ<br />
พัฒนาและความมั่นคงของมนุษย์ (2555) ซึ่งได้ก าหนดความหมายดังนี้<br />
ความรุนแรง หมายถึง การกระท าใดๆที่เป็นการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ทั้งทางกาย<br />
วาจา จิตใจและทางเพศ โดยการบังคับ ขู่เข็ญ ท าร้ายทุบตี คุกคาม จ ากัดกีดกันเสรีภาพ ทั้งในที่<br />
สาธารณะและในการด าเนินชีวิตส่วนตัวซึ่งเป็นผลหรืออาจจะเป็นผลให้เกิดความทุกข์ทรมานทั้งทาง<br />
ร่างกายและจิตใจแก่ผู้ถูกกระท า ซึ่งในการการถูกกระท ารุนแรง ประกอบด้วย การกระท ารุนแรงทาง<br />
ร่างกาย การกระท ารุนแรงทางจิต การกระท ารุนแรงทางเพศ<br />
การกระท ารุนแรงทางร่างกาย หมายถึง การใช้ก าลังหรืออุปกรณ์ใดๆเป็นการท าร้าย<br />
ร่างกายเกินกว่าเหตุมีผลท าให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บ<br />
การกระท ารุนแรงทางจิต หมายถึง การกระท าใดๆที่มีผลให้ผู้ถูกกระท าได้รับความ<br />
กระทบกระเทือนด้านจิตใจหรือสิทธิเสรีภาพ ได้แก่ การถูกทอดทิ้ง การดูถูก เหยียดหยามหรือดุด่า<br />
การกักขังหน่วงเหนี่ยว<br />
การกระท ารุนแรงทางเพศ หมายถึง การกระท าที่มีผลให้ผู้ถูกกระท าได้รับความ<br />
กระทบกระเทือนหรือเสียหายเกี่ยวกับเรื่องเพศ ได้แก่ การถูกข่มขืน การถูกลวนลาม อนาจาร และถูก<br />
บังคับค้าประเวณี<br />
6
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
แนวคิดควำมรุนแรงในครอบครัว<br />
ควำมหมำย ขอบเขต ของควำมรุนแรงในครอบครัว<br />
ปฏิญญาสากลว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อผู้หญิง (Declaration on the Elimination<br />
of Violence against Women) ซึ่งที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้มีมติรับรองเมื่อวันที่<br />
20 ธันวาคม 2536 สรุปความหมาย “ความรุนแรงต่อผู้หญิง” ว่าหมายถึงการกระท า ใด ๆ ที่เป็น<br />
ความรุนแรงจากเพศสภาพ ซึ่งเป็นผลหรืออาจจะเป็นผลให้เกิดการท า ร้ายทางร่างกาย ทางเพศหรือ<br />
ทางจิตใจ เป็นผลให้เกิดความทุกข์ทรมานแก่ผู้หญิง รวมทั้งการขู่เข็ญ คุกคาม กีดกันเสรีภาพทั้งในที่<br />
สาธารณะและชีวิตส่วนตัว และหมายรวมถึง<br />
1. ความรุนแรงต่อร่างกาย เพศ และจิตใจที่เกิดขึ้นในครอบครัวรวมทั้งการทุบตี<br />
การทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กผู้หญิงในบ้าน ความรุนแรงอันมีเหตุมาจากสินสอด การข่มขืนโดยคู่<br />
สมรสการขลิบอวัยวะเพศของผู้หญิง การปฏิบัติตามประเพณีต่าง ๆ อันเป็นอันตรายต่อผู้หญิง ความ<br />
รุนแรงที่กระท า ต่อผู้ที่มิใช่คู่สมรส และความรุนแรงที่เกี่ยวกับการหาประโยชน์จากผู้หญิง<br />
2. ความรุนแรงต่อร่างกาย เพศ และจิตใจที่เกิดขึ้นภายในชุมชนทั่วไป รวมถึงการข่มขืน<br />
การทารุณกรรมทางเพศ การคุกคามทางเพศ การข่มขู่ในสถานที่ท า งาน ในสถานการศึกษา และ<br />
สถานที่อื่น ๆ การค้าหญิงและการบังคับให้ค้าประเวณี<br />
3. การเพิกเฉยของรัฐต่อความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงที่เกิดต่อร่างกาย เพศ และ<br />
จิตใจไม่ว่าจะเกิดขึ้น ณ สถานที่ใด (วิระดา สมสวัสดิ์, 2546: 149)<br />
ความหมายและขอบเขตของความรุนแรงต่อผู้หญิงที่ครอบคลุมถึงความรุนแรงในครอบครัว<br />
ของปฏิญญาฉบับนี้ ได้ถูกน า มากล่าวซ ้าอีกครั้งในการประชุมระดับโลกว่าด้วยเรื่องสตรี ครั้งที่ 4 ณ<br />
กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเดือนกันยายน 2538 และบรรจุไว้ในปฏิญญาปักกิ่ง<br />
และแผนปฏิบัติการเพื่อความก้าวหน้าของสตรี (Beijing Declaration and Platform for Action)<br />
ซึ่งประเทศไทยได้ประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจน และยืนยันถึงพันธกรณีที่จะด า เนินการตาม<br />
แผนปฏิบัติการดังกล่าว เพื่อน า ไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังและเป็นพื้นฐานในการลดความไม่เสมอ<br />
ภาคระหว่างบุรุษและสตรี อีกทั้งเป็นการเร่งรัดส่งเสริมความก้าวหน้าของสตรีไทย โดย บูรณาการเข้า<br />
ในแผนพัฒนาสตรีในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540-2544)<br />
(ส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ ส านักงานปลัดส านักนายกรัฐมนตรี<br />
,2543)<br />
ตามนัยข้างต้น จึงอาจกล่าวได้ว่านานาประเทศรวมทั้งประเทศไทยได้ยอมรับความหมาย<br />
ของความรุนแรงในครอบครัวที่เป็นความรุนแรงต่อผู้หญิง โดยหมายถึงความรุนแรงต่อร่างกายเพศ<br />
และจิตใจที่เกิดขึ้นในครอบครัว รวมทั้งการทุบตีและการข่มขืนโดยคู่สมรส<br />
ลักษณะและรูปแบบของควำมรุนแรงในครอบครัว<br />
เมื่อกล่าวถึงลักษณะหรือรูปแบบของความรุนแรงต่อผู้หญิงโดยทั่วไป Zimmerman และ<br />
คณะ(1994) ได้ศึกษาโดยการสัมภาษณ์ผู้หญิงกัมพูชาที่ถูกกระท า รุนแรงโดยสามีของตนกว่า 50 คน<br />
พบว่า ความรุนแรงมีหลายรูปแบบ พอสรุปว่าแบ่งได้เป็น 4 รูปแบบ คือ ความรุนแรงทางร่างกายทาง<br />
เพศ ทางจิตใจ และในทางเศรษฐกิจ และที่พบมากที่สุดคือในรูปแบบของการท า ร้ายร่างกายอย่างไรก็<br />
ดีในกรณีการท า ร้ายคู่สมรส (spouse abuse) ซึ่งหมายรวมทั้งการที่สามีท า ร้ายภรรยาและภรรยา<br />
7
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ท าร้ายสามีด้วยเช่นกัน แม้กรณีหลังจะมีจ านวนไม่มากนัก โอเลียรี่ เคแดเนียล O’Leary(1993 อ้างถึง<br />
ในจุฑารัตน์ เอื้ออ านวย, 2545ก: 5) ได้ระบุว่ามีระดับความรุนแรงของพฤติกรรมแตกต่างกัน<br />
ดังต่อไปนี้<br />
ตารางที่ 2-1 แสดงการจ าแนกระดับพฤติกรรมก้าวร้าวในสัมพันธภาพระหว่างคู่สมรส<br />
ควำมก้ำวร้ำวทำงวำจำ ควำมก้ำวร้ำวต่อร่ำงกำย ควำมก้ำวร้ำวขั้น<br />
รุนแรงฆำตกรรม<br />
ดูถูกเหยียดหยาม<br />
ตะโกนใส่<br />
ตั้งฉายา<br />
อันเนื่องมำจำกเหตุที่<br />
ต้องการควบคุม<br />
แสดงพลังความเป็นชาย<br />
อิจฉาริษยา<br />
คู่สมรสไม่ปรองดองกัน<br />
ที่มำ : จุฑารัตน์ เอื้ออ านวย, 2545<br />
ผลัก<br />
ตบตี<br />
ผลัก กระแทก<br />
ยอมรับและน าเอาการควบคุม<br />
โดยวิธีการรุนแรงมาใช้<br />
เลียนแบบการแสดงความ<br />
ก้าวร้าวรุนแรงต่อร่างกาย<br />
ถูกกระท าทารุณตั้งแต่เด็ก<br />
มี บุ ค ลิ ก ภ า พที่ นิ ย ม ค ว า ม<br />
ก้าวร้าว/ติดสุรา<br />
ทุบตี<br />
เตะ ต่อย<br />
ทุบตีด้วยวัตถุ/อาวุธ<br />
มีบุคลิกภาพแปรปรวน<br />
เก็บอารมณ์ไม่อยู่<br />
มีความยกย่องนับถือตนเองต่ า<br />
จากภาพข้างบน จะเห็นได้ว่าระดับความรุนแรงของพฤติกรรมเริ่มจากพฤติกรรมที่มีระดับ<br />
ความรุนแรงน้อยกว่าไปสู่ระดับความรุนแรงมากขึ้น จนกระทั่งมีระดับความรุนแรงสูงที่สุด คือ เริ่ม<br />
จากความก้าวร้าวทางวาจา ไปสู่ ความก้าวร้าวทางร่างกาย และพัฒนาไปสู่ ความก้าวร้าวขั้นรุนแรงซึ่ง<br />
บางกรณีระดับความก้าวร้าวที่สั่งสมต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจน า ไปสู่การเกิด ความก้าวร้าวรุนแรง<br />
สูงสุด ในระหว่างคู่สมรสคือการฆาตกรรมคู่สมรส ได้แก่สามีฆ่าภรรยาหรือภรรยาฆ่าสามี<br />
8
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
แบบจ ำลองเพื่อช่วยอธิบำยควำมรุนแรงในครอบครัว<br />
จากการศึกษาพบว่ามีแบบจ าลอง (model) ที่น่าสนใจและช่วยอธิบายเรื่องความรุนแรงใน<br />
ครอบครัวกรณีสามีท าร้ายภรรยา 3 ตัวแบบ คือ<br />
1. แบบจ าลองเรื่องวัฏจักรของความรุนแรง (สายใจ คุ้มขนาบ, 2542: 182-183)<br />
2. แบบจ าลองเรื่องอ านาจและวงล้อการควบคุม (โซเรธัส อ้างถึงใน สายใจ คุ้มขนาบ,<br />
2542: 184-186)<br />
3. แบบจ าลองเรื่องระบบนิเวศน์ของความรุนแรง (Lori, 1997) โดยแต่ละตัวแบบมีจุดเน้น<br />
แตกต่างกันและช่วยเพิ่มเติมส่วนที่ไม่สมบูรณ์ให้กับตัวแบบอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี<br />
ดังมีสาระส าคัญของแต่ละตัวแบบสรุปได้ดังนี้<br />
1. แบบจ าลองเรื่องวัฏจักรของความรุนแรง เป็นตัวแบบจ า ลองอย่างง่ายและรู้จักกัน<br />
อย่างกว้างขวางในการอธิบายกระบวนการ ขั้นตอนของความรุนแรง ซึ่งท า ให้เข้าใจได้มากขึ้นว่าท าไม<br />
เหยื่อหรือผู้หญิงที่ถูกท าร้ายจากคู่ของตนจึงไม่สามารถออกจากวัฏจักรนี้ไปได้ง่าย ๆ โดยแบบจ าลองนี้<br />
ระบุว่าความรุนแรงในครอบครัวมีวัฏจักรหรือวงจรที่อาจจ าแนกได้เป็น 6 ระยะ กล่าวคือ (1) ระยะ<br />
ก่อตัว หมายถึงระยะที่มีความตึงเครียดเกิดขึ้นในครอบครัว และผู้ชายที่มีความรุนแรงมักจะแสดงตน<br />
ว่าขาดทักษะในการแก้ไขความขัดแย้ง (2) ระยะข่มขู่ เป็นระยะที่ผู้ชายจะใช้ความก้าวร้าวข่มขู่ผู้หญิง<br />
ซึ่งเป็นคู่ครองให้เกิดความหวาดกลัว (3) ระยะแตกหัก เป็นระยะที่ความรุนแรงระเบิดขึ้นและผู้กระท า<br />
ผิดจะรู้สึกว่าเป็นการสมควรและตัวเองก็ไม่ได้ท าผิดอะไร (4) ระยะส านึกผิด ระยะนี้ผู้ชายอาจจะรู้สึก<br />
ละอาย แต่ก็ยังให้เหตุผลความชอบธรรมกับความทารุณโหดร้ายของตัวเอง (5)ระยะงอนง้อ ผู้กระท า<br />
รุนแรงจะมีพฤติกรรมส า นึกถึงผลการกระท า ของตน และใช้กลวิธีกลับไปกลับมาระหว่างการข่มขู่<br />
และขอร้องฉุดรั้งผู้หญิงซึ่งคิดจะทิ้งหรือหนีจากไปชั่วคราวไว้โดยวิธีท าให้กลัวหรือสงสาร (6) ระยะคืน<br />
ดีหรือระยะหวานชื่น ถ้าหากความสัมพันธ์ยังไม่สลายไปหลังจากความรุนแรงความสัมพันธ์ในระยะนี้<br />
จะใกล้ชิดและมีอารมณ์เข้มข้นมาก ผู้หญิงที่อยู่กับผู้ชายที่มีความรุนแรงมักจะรักเขาและคู่สมรส<br />
อาจจะมีการพึ่งพิงซึ่งกันและกันในหลาย ๆ เรื่อง นี่คือหนึ่งในหลายเหตุผลที่ซับซ้อนว่าท าไมผู้หญิงจึง<br />
พบว่ายากล าบากที่จะทิ้งคู่ครองที่โหดร้ายไป<br />
2. แบบจ าลองเรื่องอ านาจและวงล้อการควบคุม พัฒนาขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานใน<br />
โครงการช่วยเหลือการทารุณกรรมในครอบครัว เมืองดูลูธ รัฐมินนิโซต้า เพื่อสร้างค า อธิบายที่เป็น<br />
ระบบมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการที่ชายผู้เป็นสามีใช้ในการควบคุมภรรยา ทั้งที่เป็นความรุนแรงทาง<br />
กายภาพและทางเพศ ซึ่งจ าแนกได้เป็น 8 ประการ คือ (1) ใช้การข่มขวัญ ได้แก่ การท า ให้กลัวโดย<br />
การปรามทางสายตา การกระท า ท่าทาง การขว้างปาข้าวของ ท าลายทรัพย์สิน ทารุณสัตว์เลี้ยง<br />
เอาอาวุธออกมาถือ (2) ใช้การทารุณทางอารมณ์ โดยการท าให้ผู้หญิงรู้สึกเลวร้าย ประณามตนเองคิด<br />
ว่าตนเองเป็นบ้า เล่นเกมทางจิตใจกับเธอ ท า ให้เธอรู้สึกอับอาย (3) ใช้วิธีให้อยู่ตามล าพัง โดยควบคุม<br />
ทุกอย่าง ไม่ให้ท าอะไรทั้งสิ้น ไม่ให้พบหรือพูดกับใคร ควบคุมการรับข้อมูลข่าวสาร<br />
เสรีภาพในการเดินทาง การติดต่อกับคนภายนอก โดยใช้การหึงหวงเป็นข้ออ้าง (4) ลดความรุนแรง<br />
ปฏิเสธและกล่าวโทษ ท าให้น้ าหนักความรุนแรงที่เกิดขึ้นเบาลง พูดเหมือนกับว่าไม่มีการทารุณเกิดขึ้น<br />
ปัดความรับผิดชอบต่อพฤติกรรมทารุณที่เกิดขึ้นไปให้ภรรยา โดยกล่าวหาว่าผู้หญิงเป็นต้นเหตุ (5)<br />
ใช้ลูกเป็นเครื่องมือ ท าให้ผู้หญิงรู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องลูก ๆ ใช้ลูกเป็นสื่อกลางในการส่งข่าวใช้การมาหา<br />
9
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ลูกเพื่อระรานผู้หญิง ขู่ว่าจะพรากลูกไปจากผู้หญิง (6) ใช้สิทธิของความเป็นผู้ชายกระท าต่อผู้หญิง<br />
เหมือนเป็นคนรับใช ตัดสินใจในเรื่องส าคัญๆเองทั้งหมด ควบคุมบทบาทหญิงชาย (7) ใช้การทารุณ<br />
ทางเศรษฐกิจ โดยการกีดกันไม่ให้ผู้หญิงท า งานหรือได้งาน ท าให้ผู้หญิงต้องพึ่งพิงทางเศรษฐกิจ<br />
จ ากัดการใช้เงิน ไม่ให้รับรู้เกี่ยวกับการเงินของครอบครัว (8) ใช้การบังคับและขู่เข็ญคุกคามหรือขู่ว่า<br />
จะท าร้ายโดยวิธีต่าง ๆ เช่น การทิ้งไป จะฆ่าตัวตาย ขู่ให้ละทิ้งการแจ้ง ความด าเนินคดี<br />
3. แบบจ าลองเรื่องระบบนิเวศน์ของความรุนแรง (Ecological Model of Factor<br />
Associated with partner Abuse) เป็นตัวแบบที่ได้รับอิทธิพลของทฤษฎีสตรีนิยม ซึ่งให้ค าอธิบาย<br />
ที่จะเกี่ยวกับระบบสังคมหรือเงื่อนไขส าคัญทั้งภายในและภายนอกคู่สามีภรรยากับปัญหาความรุนแรง<br />
ในครอบครัวสาเหตุของความรุนแรงเกิดจากองค์ประกอบร่วม 4 ระดับ ที่ส่งผลปฏิสัมพันธ์ไปมา<br />
ระหว่างกันจากวงกลมชั้นในสุดจะแสดงถึงลักษณะบุคคล วงกลมชั้นที่สองเป็นพื้นที่ที่เกิดความขัดแย้ง<br />
และน าไปสู่ความรุนแรง วงกลมชั้นที่สามแสดงถึงสถาบันและโครงสร้างทางสังคมทั้งที่เป็นทางการ<br />
และไม่เป็นทางการ ซึ่งเป็นตัวก าหนดความสัมพันธ์ของคู่กรณี และวงกลมชั้นที่สี่เป็นสภาพทาง<br />
เศรษฐกิจ สังคม และความเชื่อทางวัฒนธรรมที่เป็นสิ่งแวดล้อมบุคคลหนึ่งๆ ดังนั้นการแก้ไขปัญหา<br />
ความรุนแรงในครอบครัวจึงไม่สามารถเจาะจงเฉพาะบุคคลได้ แต่ต้องปรับเปลี่ยนทั้ง 2 ส่วน<br />
คือบุคคลและบริบททางสังคมไปพร้อมๆ กัน<br />
2. พระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550<br />
เนื่องจากปัญหาการแก้ไขการใช้ความรุนแรงในครอบครัวมีความละเอียดอ่อนซับซ้อน<br />
เกี่ยวพันกับบุคคลใกล้ชิด มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากการท าร้ายร่างกายระหว่างบุคคลโดยทั่วไป<br />
การใช้มาตรการทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาบังคับกับการกระท าด้วยความรุนแรงใน<br />
ครอบครัวจึงไม่เหมาะสม เนื่องจากกฎหมายอาญามีเจตนารมณ์ที่จะลงโทษผู้กระท าความผิดมากกว่า<br />
ที่จะแก้ไขฟื้นฟูผู้กระท าผิดหรือปกป้องคุ้มครองผู้ที่ถูกกระท าด้วยความรุนแรงในครอบครัว ดังนั้น การ<br />
มีกฎหมายคุ้มครองถูกผู้กระท าด้วยความรุนแรงในครอบครัวจึงมีความเหมาะสมกว่าการใช้<br />
กระบวนการทางอาญา เพราะสามารถก าหนดรูปแบบ วิธีการ และขั้นตอนที่มีลักษณะแตกต่างจาก<br />
การด าเนินคดีทางอาญาโดยทั่วไป โดยให้ผู้กระท าความผิดมีโอกาสกลับตัวและยับยั้งการกระท าผิดซ้ า<br />
รวมทั้งสามารถรักษาความสัมพันธ์อันดีในครอบครัวไว้ได้ประกอบกับ เด็ก เยาวชนและบุคคลใน<br />
ครอบครัว มีสิทธิได้รับความคุ้มครองโดยรัฐจากการใช้ความรุนแรงและการปฏิบัติอันไม่เป็นธรรม จึง<br />
จ าเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้<br />
มำตรำ 3 ในพระรำชบัญญัตินี้<br />
“ความรุนแรงในครอบครัว” หมายความว่า การกระท าใด ๆ โดยมุ่งประสงค์ให้เกิด<br />
อันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพ หรือกระท าโดยเจตนาในลักษณะที่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่<br />
ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพของบุคคลในครอบครัว หรือบังคับหรือใช้อ านาจครอบง าผิดคลองธรรมให้<br />
บุคคล ในครอบครัวต้องกระท าการ ไม่กระท าการ หรือยอมรับการกระท าอย่างหนึ่งอย่างใดโดยมิชอบ<br />
แต่ไม่รวมถึงการกระท าโดยประมาท<br />
10
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
“บุคคลในครอบครัว” หมายความว่า คู่สมรส คู่สมรสเดิม ผู้ที่อยู่กินหรือเคยอยู่กินฉันสามี<br />
ภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส บุตร บุตรบุญธรรม สมาชิกในครอบครัว รวมทั้งบุคคลใดๆที่ต้องพึ่งพา<br />
อาศัยและอยู่ในครัวเรือนเดียวกัน<br />
มาตรา 4 ผู้ใดกระท าการอันเป็นความรุนแรงในครอบครัว ผู้นั้นกระท าความผิดฐานกระท า<br />
ความรุนแรงในครอบครัว ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจ า<br />
ทั้งปรับให้ความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นความผิดอันยอมความได้ แต่ไม่ลบล้างความผิดตามประมวล<br />
กฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่น หากการกระท าความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดฐานท าร้าย<br />
ร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ด้วย ให้ความผิดดังกล่าวเป็นความผิดอันยอมความ<br />
ได้<br />
มาตรา 5 ผู้ถูกกระท าด้วยความรุนแรงในครอบครัว หรือผู้ที่พบเห็นหรือทราบการกระท า<br />
ด้วยความรุนแรงในครอบครัว มีหน้าที่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อด าเนินการตามพระราชบัญญัตินี้<br />
การแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง เมื่อได้กระท าโดยสุจริต ย่อมได้รับความคุ้มครองและไม่<br />
ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และทางปกครอง<br />
มาตรา 6 การแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 5 อาจกระท าโดยวาจา เป็นหนังสือ<br />
ทางโทรศัพท์ วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีการอื่นใด<br />
3. สถำนกำรณ์ด้ำนสังคมและควำมรุนแรงในครอบครัว<br />
คณะผู้วิจัยได้ท ำกำรศึกษำและรวบรวมข้อมูลสถำนกำรณ์ด้ำนสังคม สถำนกำรณ์ควำม<br />
มั่นคงของมนุษย์ ดังนี้<br />
1. กำรเปลี่ยนแปลงโครงกำรสร้ำงประชำกร: สังคมไทยเข้ำสู่สังคมผู้สูงอำยุ<br />
มีข้อมูลของสอดคล้องตรงกันว่า สังคมไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว กล่าวคือ ในปี<br />
พ.ศ.2533 ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุประมาณ 4 ล้านคนหรือราวร้อยละ 7 ของพลเมืองทั้ง<br />
ประเทศ และคาดการณ์ว่าอีก 13 ปีข้างหน้า คือปี 2563 จ านวนผู้สูงอายุจะเพิ่มเป็นเป็น 11 ล้านคน<br />
หรือเท่ากับร้อยละ 17 ของคนไทยทั้งประเทศ คิดเป็น 1 ใน 6 ของประชาชนไทยจ านวน 65 ล้านคน<br />
ในขณะที่ประชากรวัยเด็กมีสัดส่วนลดลงอย่างรวดเร็วจากร้อยละ 24.3 ในปี 2543 เป็นร้อยละ 20.2<br />
ในปี 2548 และประชากรวัยท างาน จะลดลงเป็นร้อยละ 66.0 ในปี 2558 (สถาบันวิจัยประชากรและ<br />
สังคม มหาวิทยาลัยมหิดล, 2550, น. 88)<br />
2. อัตรำกำรว่ำงต่ ำ มีกำรจ้ำงงำนเพิ่มขึ้น<br />
จากรายงานภาวะสังคมไทยปี 2555 ของส านักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ<br />
สังคมแห่งชาติ พบว่า อัตราการว่างงานเท่ากับร้อยละ 0.48 โดยมีจ านวน 190,245 คน ลดลงจาก<br />
อัตราร้อยละ 0.63 ในช่วงเดียวกันปีที่แล้ว การจ้างงานมีผู้มีงานท า 39.6 ล้านคน ขยายตัวจากช่วง<br />
เดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.7 โดยการจ้างงานภาคเกษตรขยายตัวมากที่สุดร้อยละ 3 ตลอดทั้งปี<br />
2555 อัตราการว่างงานเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ าร้อยละ 0.66 มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2<br />
(ส านักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, <strong>2556</strong>)<br />
11
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
3. สถำนกำรณ์พฤติกรรมของวัยรุ่น<br />
จากข้อมูลศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงการพัฒนาสังคมและ<br />
ความมั่นคงของมนุษย์ พบว่า การตั้งครรภ์ของวัยรุ่นไทยในปี 2554 มีแม่อายุต่ ากว่า 20 ปี จ านวน<br />
114,001 คน หรือร้อยละ 14.32 ของแม่ทุกอายุ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์การเฝ้าระวังการตั้งครรภ์ (≥10)<br />
และจากรายงานภาวะสังคมไทยปี 2555 ของส านักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม<br />
แห่งชาติ พบว่าการมีพฤติกรรมทางเพศไม่เหมาะสมของวัยรุ่นน าไปสู่การตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมนับเป็น<br />
จุดเริ่มต้นของปัญหาคุณภาพชีวิตของแม่วัยรุ่นและเด็ก การท าแท้ง เด็กถูกทอดทิ้ง ผลการเฝ้าระวัง<br />
พฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อ HIV ในประชากรกลุ่มนักเรียน พบเด็กไทยมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น<br />
ในปี 2554 เด็กเริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกตอนอายุเฉลี่ย 12 ปี และส่วนใหญ่เป็นความสมัครใจ แต่กว่า<br />
ร้อยละ 50 ไม่มีการป้องกัน<br />
4. สถำนกำรณ์ควำมรุนแรงในเด็กและสตรี<br />
ความรุนแรงในเด็กและสตรีเกิดขึ้นทั้งในครอบครัว โรงเรียน รวมทั้งยังเกิดในลักษณะของ<br />
การค้ามนุษย์ ข่มขืนและค้าประเวณี ปัญหาดังกล่าวมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะการกระท ารุนแรง<br />
ทางเพศในเด็กจากรายงานภาวะสังคมไทยปี 2555 ของส านักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ<br />
และสังคมแห่งชาติ พบว่า เด็กถูกกระท ารุนแรงทางเพศมากที่สุด โดยเด็กหญิงถูกท าร้ายประมาณ 8<br />
เท่าของเด็กชาย ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยรุ่นอายุ 10-15 ปีเป็นการกระท ารุนแรงทางเพศมากที่สุดถึงร้อย<br />
ละ 74.1 และทางกายร้อยละ 21.0 โดยผู้กระท ารุนแรงจากคนใกล้ชิด โดยเป็นแฟนร้อยละ 40.2<br />
เพื่อนร้อยละ 25.1 คนไม่รู้จักร้อยละ 9.6 และพ่อแม่/ผู้ดูแลอุปการะร้อยละ 8.1 โดยสาเหตุที่เกิดส่วน<br />
ใหญ่มาจากสภาพแวดล้อม ได้แก่ สื่อลามกต่างๆ ความใกล้ชิด และโอกาสเอื้ออ านวย การใช้สาร<br />
กระตุ้น เช่น สุรา และยาเสพติด และสัมพันธภาพในครอบครัวการค้ามนุษย์ การตั้งครรภ์ไม่พึง<br />
ประสงค์<br />
5. ปัญหำยำเสพติด<br />
จากรายงานภาวะสังคมไทยปี 2555 ของส านักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ<br />
สังคมแห่งชาติ พบว่าคดีอาญารวมเพิ่มสูงทุกประเภท โดยคดียาเสพติดมีสัดส่วนมากสุดร้อยละ 83.9<br />
รับแจ้ง 100,401 คดี เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2554 และไตรมาส 3/2555 ร้อยละ 17.1 และ 12.3<br />
ทั้งปี 2555 คดียาเสพติดเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 อีกทั้งยังพบว่าเด็กและเยาวชนยังคงเป็นกลุ่มเป้าหมาย<br />
หลักของการค้ายาเสพติด โดยนักค้ายาเสพติดกระจายยาเสพติดลงในพื้นที่ชุมชน จากข้อมูลในระบบ<br />
ติดตามและเฝ้าระวังปัญหายาเสพติด ในปี 2555 กลุ่มผู้เข้ารับการบ่าบัดรักษามากสุดร้อยละ 35.5<br />
อยู่ในช่วงอายุ 18-24 ปี และกลุ่มอายุ 12-17 ปีถูกส่งเข้ารับการบ่าบัดรักษาเพิ่มขึ้นร้อยละ 68.3<br />
จากในปี 2554 สาเหตุอันดับแรกมาจากการทดลองร้อยละ 46.1 จึงได้มีการขยายโครงการชุมชนอุ่น<br />
ใจได้ลูกหลานกลับคืน เพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนที่กระท่าผิดได้มีที่ยืนในสังคมได้<br />
6. สถำนกำรณ์ควำมมั่นคงของมนุษย์ของประเทศไทยปี 2554<br />
จากรายงานสถานการณ์ความมั่นคงของมนุษย์ของประเทศไทย ในปี 2554 ส านัก<br />
มาตรฐานการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง<br />
ของมนุษย์ ในภาพรวมทั้ง 76 จังหวัด(ยกเว้นจังหวัดบึงกาฬ) โดยประเมินค่าความมั่นคงของมนุษย์<br />
จากองค์ประกอบความมั่นคงของมนุษย์ 12 มิติ 41 ตัวชี้วัด ผลการศึกษา พบว่า ดัชนีความมั่นคง<br />
12
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ของมนุษย์ของประเทศไทย ปี 2554 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 69.51 โดยค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์มิติที่มี<br />
ค่าดัชนีสูงสุดคือ มิติศาสนาและวัฒนธรรม ร้อยละ 70.37 รองลงมามิติที่อยู่อาศัย ร้อยละ 70.32 และ<br />
อันดับสาม มิติสิทธิและความชอบธรรม ร้อยละ 70.24 และมิติที่มีค่าดัชนีต่ าสุดคือ มิติมีงานท าและ<br />
รายได้ ร้อยละ 69.21<br />
เมื่อพิจารณาดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ของประเทศไทย ปี 2554 รายภาค พบว่า<br />
กลุ่มจังหวัดภาคเหนือมีค่าดัชนีสูงที่สุดร้อยละ 78.37 รองลงมาคือ กลุ่มจังหวัด 3 จังหวัดชายแดน<br />
ภาคใต้ ร้อยละ 76.29 และกลุ่มจังหวัดที่มีค่าดัชนีน้อยที่สุดคือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ร้อย<br />
ละ 37.37<br />
ส่วนส าหรับกลุ่มจังหวัดภาคกลางซึ่ง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>อยู่ในกลุ่มจังหวัดดังกล่าว พบว่า<br />
ค่าดัชนีเป็นอันดับ 5 ร้อยละ 67.67 โดยมิติที่มีค่าดัชนีสูง คือ มิติการเมือง การศึกษา และมิติชุมชน<br />
และสนับสนุนทางสังคม และยังพบว่า<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>มีค่าดัชนีสูงสุดในกลุ่มจังหวัดภาคกลางในมิติ<br />
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ร้อยละ76.85<br />
7. สถำนกำรณ์ควำมมั่นคงของมนุษย์ของ<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>ปี 2554<br />
จากรายงานสถานการณ์ความมั่นคงของมนุษย์ของประเทศไทย ในปี 2554 ส านัก<br />
มาตรฐานการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง<br />
ของมนุษย์ พบว่า <strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>มีค่าดัชนีในภาพรวม ร้อยละ 65.94 เมื่อจ าแนกเป็นรายมิติพบว่า<br />
1. มิติที่อยู่อาศัย หมายถึง การที่บุคคลมีความ สามารถพึ่งตนเองได้ในเรื่องที่อยู่อาศัย<br />
มีที่อยู่อาศัยเป็น หลักแหล่ง แน่นอน ที่อยู่อาศัยมีความมั่นคงแข็งแรง อยู่ในระดับ ร้อยละ 66.06<br />
2. มิติสุขภาพ หมายถึง การที่บุคคลมีสุขภาพ กายใจแข็งแรง ไม่มีโรคร้ายแรง หรือโรค<br />
เรื้อรังเบียดเบียน มีความรู้ พื้นฐานในการดูแลสุขภาพ และมีพฤติกรรมในการสร้างเสริมสุขภาพ<br />
ของตนเองให้แข็งแรงอยู่ ตลอดเวลา อยู่ในระดับร้อยละ 44.64<br />
3. มิติอาหาร หมายถึง การที่บุคคลมีความพอประมาณความรู้ในการบริโภค มีคุณธรรมใน<br />
การผลิตอาหารที่ปลอดภัย อยู่ในระดับร้อยละ 75.39<br />
4. มิติการศึกษา หมายถึง การที่บุคคลมีความรู้จากการศึกษา ได้รับโอกาสในการศึกษา<br />
ต่อเนื่องในระดับที่สูงขึ้น ได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นปัจจุบัน อยู่ในระดับร้อยละ 65.32<br />
5. มิติการมีงานท าและมีรายได้ หมายถึง การที่บุคคลมีความรู้ ความสามารถในอาชีพการ<br />
งาน รู้จักใช้จ่ายอย่างพอประมาณ มีการเก็บออมและไม่มีปัญหา หนี้สิน รวมทั้งมีความสุขกับงานที่ท า<br />
อยู่ในระดับร้อยละ 63.26<br />
6. มิติครอบครัว หมายถึง การที่บุคคลสามารถท าบทบาทหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม มีการ<br />
ท ากิจกรรมส่งเสริมให้ครอบครัวเข้มแข็ง อยู่ในระดับร้อยละ 71.65<br />
7. มิติชุมชนและการสนับสนุนทางสังคม หมายถึง การที่บุคคลมีคุณธรรม เสียสละ<br />
ท าความดีเพื่อส่วนรวม มีน้ าใจเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน มีพลังอ านาจในการต่อรองกับภายนอก อยู่ในระดับ<br />
ร้อยละ 59.28<br />
8. มิติศาสนาและวัฒนธรรม หมายถึง การที่บุคคลมีการปฏิบัติตามค าสั่งสอนในศาสนา<br />
ที่ตนเอง ยึดถือ มีการปกป้องรักษา ประเพณีวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ ที่ตนเองคงอยู่ อยู่ในระดับ<br />
ร้อยละ 68.53<br />
13
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
9. มิติความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หมายถึง การที่บุคคลมีความ ปลอดภัยในชีวิต<br />
และทรัพย์สิน ไม่มีความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติอยู่ในระดับร้อยละ 76.85<br />
10. มิติสิทธิและความเป็นธรรม หมายถึง การที่บุคคลมีการปฏิบัติ ต่อกันอย่างเสมอภาค<br />
มีความรู้ที่จะรักษาสิทธิขั้นพื้นฐานของตนเอง อยู่ในระดับร้อยละ 73.87<br />
11. มิติการเมือง หมายถึง การที่บุคคลมีเหตุผลในการตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมทางการ<br />
เมือง และมีจิตสาธารณะในการท างานเพื่อสังคมส่วนรวม อยู่ในระดับร้อยละ 77.07<br />
12. มิติสิ่งแวดล้อมและทรัพยากร พลังงาน หมายถึง การที่บุคคลมีที่อยู่อาศัย ที่ท างาน<br />
ที่ปลอดมลภาวะ มีการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด รู้ถึงคุณค่า และเข้าร่วมในกิจกรรม การอนุรักษ์<br />
สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน อยู่ในระดับร้อยละ 65.94<br />
8. สถำนกำรณ์ปัญหำกำรกระท ำรุนแรงในครอบครัว<br />
จากรายงานข้อมูลสถานการณ์ด้านความรุนแรงของประเทศไทยและตามมารตรา 17 แห่ง<br />
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท ารุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 เกี่ยวกับภาพรวมของสถิติ<br />
ความรุนแรงในครอบครัว ปี 2553 ของส านักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2553 พบว่า<br />
จ านวนเหตุการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัวมีจ านวน 916 เหตุการณ์<br />
มีจ านวนผู้กระท าความรุนแรงเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง หรือคิดเป็นร้อยละ 86.23 ของจ านวน<br />
ผู้กระท าทั้งหมด โดยความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระท าและผู้ถูกกระท าความรุนแรงในครอบครัวเป็นสามี<br />
ทาร้ายภรรยา 531 รายคือร้อยละ 61.1 ที่เหลือเป็นความสัมพันธ์แบบอื่นๆสาหรับประเภทความ<br />
รุนแรงแบ่งออกเป็นความรุนแรงทาง ร่างกาย ทางจิตใจ ทางเพศ ทางสังคม จากจ านวนเหตุการณ์<br />
ความรุนแรง 1,191 เหตุการณ์ พบว่า เป็นความรุนแรงทางร่างกายมากที่สุด คือร้อยละ 61.29<br />
รองลงมาคือ ความรุนแรงทางจิตใจ คือร้อยละ 27.54 จ านวนผู้ถูกกระท าความรุนแรงทุกประเภท<br />
มีเพศหญิงถูกกระท าความรุนแรงมากกว่าเพศชาย คิดเป็นสัดส่วน 8.5 : 1 ในประเภทความรุนแรง แม้<br />
ผู้ถูกกระท าความรุนแรงทางเพศ จะมีจ านวนน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับความรุนแรงทางร่างกายและ<br />
จิตใจ แต่ผู้หญิงถูกกระท าความรุนแรงทางเพศมากที่สุดคือร้อยละ 94.55 เมื่อเปรียบเทียบกับ<br />
ผู้ถูกกระท าที่เป็นผู้ชาย รองลงมาเป็นความรุนแรงทางกาย จิตใจ และสังคมตามล าดับ<br />
และจากรายงานสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัวผ่านเว็บไซต์ www.violence.in.th<br />
ของส านักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับประเทศและได้จัดท าระบบ<br />
ข้อมูลความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและความรุนแรงในครอบครัว พบว่าสถิติความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและ<br />
ความรุนแรงในครอบครัวตามจ านวนเหตุการณ์ความรุนแรงในตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 - 2555 พบว่ามี<br />
จานวนเหตุการณ์ความรุนแรงสูงเพิ่มขึ้นทุกปี ดังปรากฏในตารางที่ 2<br />
14
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ตารางที่ 2-2 สรุปสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัวปี 2549-2555<br />
ปี<br />
ผู้ถูกกระท ำอยู่ในวิสัยที่จะ<br />
ร้องทุกข์<br />
รอให้ หมดอายุ<br />
ผู้ถูกกระท า ความ 5 ปี<br />
อยู่ในวิสัยที่<br />
จะร้องทุกข์<br />
อยู่ระหว่าง<br />
ไกล่เกลี่ย<br />
เบื้องต้น<br />
ผู้ถูกกระท ำไม่อยู่ในวิสัยที่จะร้องทุกข์<br />
หมดอายุ<br />
ความ 3<br />
เดือน<br />
ผู้ถูกกระท า<br />
ไม่ประสงค์<br />
จะร้องทุกข์<br />
ผู้ถูกกระท า<br />
ประสงค์จะ<br />
ร้องทุกข์<br />
2549 0 0 0 0 0 0 0<br />
2551 13 0 10 1 20 7 51<br />
2552 59 0 57 5 184 48 353<br />
2553 219 0 107 3 463 150 942<br />
2554 258 0 168 2 466 172 1066<br />
2555 197 0 76 0 403 167 843<br />
ที่มำ : ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันการกระท าความรุนแรงในครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและ<br />
ความมั่นคงของมนุษย์<br />
4. สถำนกำรณ์ด้ำนสังคม<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
จากรายงานข้อมูลบรรยายสรุปข้อมูล<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี 2555 (http://www.sakaeo.go.th/<br />
websakaeo/roadmap.php) ในด้านสภาพสังคม พบว่า<br />
1. ด้ำนคุณภำพชีวิต<br />
จากการจัดเก็บข้อมูลความจ าเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) ปี 2554 ซึ่งจัดเก็บทุกครัวเรือนในเขตพื้นที่<br />
ชนบทใน<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> จ านวน 82,352 ครัวเรือน 712 หมู่บ้าน 57 ต าบล 9 อ าเภอในภาพรวมของ<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> พบว่า ผลการจัดเก็บข้อมูลความจ าเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) รายตัวชี้วัด จ านวน 6 หมวด<br />
42 ตัวชี้วัด ตัวชี้วัดที่บรรลุเป้าหมายความจ าเป็นพื้นฐาน จ านวน 24 ตัวชี้วัด และตัวชี้วัดที่ยังไม่บรรลุ<br />
เป้าหมายตามเกณฑ์ จปฐ. ที่ควรให้ความส าคัญในการแก้ไขปัญหาเป็นล าดับต้นของ<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
จ านวน 18 ตัวชี้วัด<br />
ตารางที่ 2-3 ตัวชี้วัดที่ไม่บรรลุเป้าหมายตามเกณฑ์ จปฐ. ปี 2554<br />
ตัวชี้วัดที่ เกณฑ์กำรวัด จ ำนวนที่ต้องแก้ไข<br />
4 เด็กแรกเกิดได้กินนมแม่อย่างน้อย 4 เดือนติดต่อกัน 147 คน<br />
6 เด็กแรกเกิดถึง 5 ปี เจริญเติบโตตามเกณฑ์มาตรฐาน 2 คน<br />
7 เด็กอายุ 6-15 ปี เจริญเติบโตตามเกณฑ์มาตรฐาน 4 คน<br />
10 คนในครัวเรือนมีความรู้ในการใช้ยาที่ถูกต้องเหมาะสม 28 ครัวเรือน<br />
14 ครัวเรือนมีความมั่นคงในที่อยู่อาศัยและบ้านมีสภาพคงทน 59 ครัวเรือน<br />
ถาวร<br />
18 ครัวเรือนไม่ถูกรบกวนจากมลพิษ 461 ครัวเรือน<br />
19 ครัวเรือนมีการป้องกันอุบัติภัยอย่างถูกวิธี 13 คน<br />
รวม<br />
15
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ตัวชี้วัดที่ เกณฑ์กำรวัด จ ำนวนที่ต้องแก้ไข<br />
20 ครัวเรือนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 290 คน<br />
21 ครอบครัวมีความอบอุ่น 31 ครัวเรือน<br />
24 เด็กอายุ 6-15 ปี ได้รับการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี 2 คน<br />
26 มัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า และยังไม่มีงานท าได้รับ 27 คน<br />
การฝึกอบรมอาชี<br />
27 คนอายุ 15-60 ปีเต็ม อ่าน เขียนภาษาไทย และคิดเลขอย่าง 86 คน<br />
ง่ายได้ทุกคน<br />
28 คนในครัวเรือนรับรู้ข่าวสารที่เป็นประโยชน์อย่างน้อยสัปดาห์ 15 คน<br />
ละ 5 ครั้ง<br />
32 คนในครัวเรือนไม่ติดสุรา 807 คน<br />
35 คนอายุ 6 ปีขึ้นไปทุกคนได้ปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาอย่าง 141 ครัวเรือน<br />
น้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง<br />
36 คนสูงอายุได้รับการดูแลเอาใจใส่จากคนในครัวเรือน 2 คน<br />
37 คนพิการได้รับการดูแลเอาใจใส่จากคนในครัวเรือน 2 คน<br />
41 คนในครัวเรือน มีส่วนร่วมท ากิจกรรมสาธารณะของหมู่บ้าน/<br />
ชุมชน<br />
161 ครัวเรือน<br />
2. ด้ำนควำมปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน<br />
จากข้อมูลผลส ารวจสถานการณ์ทางสังคมของผู้แทนและเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครอง<br />
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งใน<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ของส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ<br />
มนุษย์<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> พบว่า ปัญหาด้านความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ส่วนใหญ่เป็นปัญหา<br />
ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยในรอบปี (ทั้งที่เกิดจากภัยธรรมชาติและมนุษย์) รองลงมา<br />
เป็นปัญหาประชาชนได้รับอุบัติเหตุจากยานพาหนะ และปัญหาประชาชนถูกลักทรัพย์/ชิงทรัพย์/ ถูก<br />
ท าลายทรัพย์สิน<br />
ส าหรับข้อมูลการจับกุมผู้กระท าผิดในคดีแต่ละกลุ่มที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ 2555 มีดังนี้<br />
ตารางที่ 2-4 สถิติคดีและการจับกุมผู้กระท าความผิดในแต่ละกลุ่มคดี ตุลาคม 2554 - กันยายน<br />
2555<br />
กลุ่มควำมผิด<br />
จ ำนวนคดี จ ำนวนคดี<br />
(คดี) ที่จับกุมได้ (คดี)<br />
1. คดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญ 28 22 22<br />
2. คดีประทุษร้ำยต่อชีวิต ร่ำงกำย เพศ 222 162 162<br />
3. คดีประทุษร้ำยต่อทรัพย์ 407 177 177<br />
4. คดีที่รัฐเป็นเสียหำย 3,523 3,523 4,211<br />
5. คดีอื่น ๆ ที่น่ำสนใจ 283 63 63<br />
ที่มำ : ต ารวจภูธร<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> (ข้อมูล ณ 16 ตุลาคม 2555)<br />
16<br />
จ ำนวนผู้กระท ำ<br />
ควำมผิด (รำย)
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
จากตารางสถิติคดี และการจับกุมผู้กระท าความผิดในแต่ละกลุ่มคดี ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554<br />
ถึง เดือนกันยายน 2555 พบว่า คดีที่เกิดขึ้นเป็นอันดับหนึ่งได้แก่ คดีที่รัฐเป็นเสียหาย จ านวน 3,523 คดี<br />
รองลงมาได้แก่ คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ จ านวน 407 คดี คดีอื่น ๆ ที่น่าสนใจ จ านวน 283 คดี ตามล าดับ<br />
ตารางที่ 2-5 สถิติการจับกุมคดียาเสพติด ตุลาคม 2554 - กันยายน 2555<br />
ประเภท จ ำนวนคดียำเสพติด (คดี)<br />
จ ำนวนผู้ต้องหำคดียำเสพติด<br />
(รำย)<br />
1. ยำบ้ำ 2,587 2,772<br />
2. กัญชำ 37 38<br />
3. สำรระเหย 15 15<br />
4. กระท่อม 5 5<br />
5. ยำอี 0 0<br />
6. เคตำมีน 1 1<br />
7. ไอซ์ 137 166<br />
8. อื่นๆ 18 20<br />
รวม 2,800 3,017<br />
ที่มำ : ต ารวจภูธร<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> (ข้อมูล ณ 16 ตุลาคม 2555)<br />
จากตารางสถิติการจับกุมคดียาเสพติด ตุลาคม 2554 - กันยายน 2555 พบว่า คดียาเสพติดที่<br />
เกิดขึ้นมีจ านวน 2,800 คดี จ าแนกตามประเภทของยาเสพติด พบว่า ยาบ้า เป็นอันดับหนึ่ง จ านวน 2,587 คดี<br />
รองลงมา ไอซ์ จ านวน 137 คดี และ กัญชา จ านวน 37 คดี<br />
2. ด้ำนกำรมีงำนท ำและรำยได้<br />
จากข้อมูลส ารวจสถานการณ์แรงงาน<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี 2554 พบว่า<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>มี<br />
จ านวนประชากรรวมทั้งสิ้น 554,887 คน เป็นผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป 443,521 คน คิดเป็นร้อยละ<br />
79.93 ของประชากรรวม แยกเป็น ผู้ที่อยู่ในก าลังแรงงาน รวม 317,087 คน คิดเป็นร้อยละ 57.14<br />
และเป็นผู้ที่ไม่อยู่ในก าลังแรงงาน 126,434 คน คิดเป็นร้อยละ 22.79 ส่วนผู้ที่มีอายุ ต่ ากว่า 15 ปี<br />
จ านวน 111,367 คน คิดเป็นร้อยละ 20.07<br />
ภำวกำรณ์มีกำรท ำของประชำกร พบว่า ผู้มีงานท าส่วนใหญ่ คือ ประมาณร้อยละ 40.64<br />
หรือประมาณ 127,088 คน เป็นผู้ปฏิบัติงานที่มีฝีมือในด้านการเกษตรและการประมง รองลงมาคือ<br />
พนักงานบริการและพนักงานในร้านค้าและตลาด มีประมาณ 53,467 คน คิดเป็นร้อยละ 17.10 และ<br />
มีอาชีพขั้นพื้นฐานต่างๆ ในด้านการขายและการบริการมีประมาณ 47,892 คน คิดเป็นร้อยละ 15.31<br />
ผู้ปฏิบัติงานด้านความสามารถทางฝีมือ และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มีประมาณ 32,903 คน คิดเป็น<br />
ร้อยละ 10.52 นอกจากนั้นประกอบอาชีพอื่นๆ<br />
ภำวกำรณ์ว่ำงงำนของประชำกร พบว่า ประชากรของ<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ที่ว่างงาน<br />
มีประมาณ 3,277 คน เป็นชาย 1,123 คน และหญิง 2,154 คน คิดเป็นร้อยละ 34.27 และ 65.73<br />
ของผู้ว่างงาน<br />
17
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
เมื่อเปรียบเทียบสถานภาพแรงงาน พ.ศ.2553 และ พ.ศ.2554 เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบ<br />
สถานภาพแรงงาน ระหว่าง พ.ศ.2553 และ พ.ศ.2554 พบว่า ใน พ.ศ. 2554 มีจ านวนประชากร<br />
เพิ่มขึ้นประมาณ 5,794 คน ภาวะผู้อยู่ในก าลังแรงงาน พบว่า พ.ศ.2554 จ านวนผู้มีงานท ามีสัดส่วน<br />
เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากร้อยละ 56.32 ในปี 2553 เป็นร้อยละ 56.36 และผู้ว่างงานลดลงจากร้อยละ<br />
0.92 ใน พ.ศ.2553 เหลือร้อยละ 0.59 ใน พ.ศ.2554<br />
4. ด้ำนกำรศึกษำ<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> มีหน่วยงานรับผิดชอบจัดการศึกษาทั้ง 3 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ<br />
การศึกษานอกระบบ และการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติการศึกษา<br />
แห่งชาติ พ.ศ.2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 แบ่งเขตพื้นที่การศึกษาออกเป็น 2 เขต<br />
ดังนี้<br />
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 1 ได้แก่ อ าเภอเมืองสระแก้ว อ าเภอคลอง<br />
หาด อ าเภอเขาฉกรรจ์ อ าเภอวังน้ าเย็น และอ าเภอวังสมบูรณ์<br />
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 2 ได้แก่ อ าเภอตาพระยา อ าเภออรัญ<br />
ประเทศ อ าเภอวัฒนานคร และอ าเภอโคกสูง ในปีการศึกษา 2555 <strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
โดยทั้ง 2 เขตพื้นที่การศึกษา มีสถานศึกษารวมทั้งสิ้น 331 แห่ง มีครู/อาจารย์ 4,993 คน<br />
และนักเรียน นักศึกษา 106,513 คน อัตราส่วนครู/อาจารย์ต่อนักเรียน นักศึกษา เป็น 1 : 21<br />
5. ด้ำนสำธำรณสุข<br />
ในปี 2555 <strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> มีจ านวนสถานพยาบาลแผนปัจจุบันในสังกัดกระทรวง<br />
สาธารณสุขที่มีเตียงรับผู้ป่วยค้างคืนทั้งสิ้น 7 แห่ง มีจ านวนเตียง 699 เตียง และมีจ านวนโรงพยาบาล<br />
ที่ไม่ได้สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางจ านวน ๒ แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาล<br />
จิตเวช อ าเภอวัฒนานคร และโรงพยาบาลค่ายสุรสิงหนาท อ าเภออรัญประเทศ<br />
ส่วนบุคลากรทางสาธารณสุขที่ส าคัญคือ แพทย์และพยาบาล มีจ านวนดังนี้<br />
แพทย์ 59 คน อัตราส่วน แพทย์ : ประชากร เท่ากับ 1 : 7,431<br />
พยาบาล 736 คน อัตราส่วน พยาบาล : ประชากร เท่ากับ 1 : 827<br />
6. ด้ำนทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม<br />
ปัญหำด้ำนน้ ำเสียชุมชนและมลพิษทำงน้ ำ จากสถิติข้อมูลการร้องเรียนของส านักงาน<br />
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี 2550-2554 พบว่า มีเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 43<br />
ครั้ง เป็นเรื่องร้องเรียนด้านมลพิษทางน้ า 24 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 56 ของเรื่องร้องเรียนทั้งหมด<br />
ปัญหำด้ำนขยะมูลฝอยชุมชน <strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>มีปริมาณขยะเกิดขึ้นประมาณ 280.47<br />
ตัน/วัน ปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นมากที่สุด ได้แก่ เทศบาลเมืองอรัญประเทศ รองลงมา ได้แก่<br />
เทศบาลเมืองสระแก้ว และเทศบาลเมืองวังน้ าเย็น ตามล าดับ<br />
ปัญหำด้ำนมลพิษทำงอำกำศและเสียง มลพิษทางอากาศเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะบาง<br />
จุดที่เป็นชุมชนหนาแน่น บริเวณริมถนนและบริเวณใกล้เคียงโรงงานอุตสาหกรรมและสถาน<br />
ประกอบการหรือโรงงานที่มีการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง หรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการระเหยของสารเคมี<br />
กลิ่นเหม็น รวมถึงการเผาขยะของชาวบ้าน<br />
18
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ส าหรับมลพิษทางเสียง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>ยังไม่มีข้อมูลการตรวจวัดระดับเสียงเฉลี่ยเพื่อให้<br />
ทราบถึงสถานการณ์มลพิษทางเสียงโดยทั่วไปในพื้นที่<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> แต่อย่างไรก็ตาม มลพิษทาง<br />
เสียงหรือเหตุเดือดร้อนร าคาญจากแหล่งที่ก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่างๆในพื้นที่<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>ยังถือ<br />
ว่าไม่มีความรุนแรงแต่อย่างใด<br />
5. เอกสำรงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง<br />
ปัญชลี โชติคุต (2541) ได้ศึกษาเรื่อง การใช้ความรุนแรงต่อคู่สมรส จากกลุ่มตัวอย่าง<br />
บุคลากรซึ่งสมรสแล้วของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทั้งหมดจ านวน 321 ปรากฏว่ามีผู้ที่ใช้ความรุนแรง<br />
ต่อคู่สมรส จ านวน 255 คนแบ่งเป็นชาย 108 คน หญิง 147 คน รูปแบบการใช้ความรุนแรง แบ่งเป็น<br />
1. การท า ร้ายทางจิตใจ ใช้รูปแบบ นิ่งเฉยเอาหูทวนลม ออกจากห้อง/บ้าน ร้องไห้ ใช้<br />
เสียงข่มขู่ เถียงเสียงดัง พูดประชด พูดดูถูกเหยียดหยาม ด่าว่า และร้องไห้<br />
2. การมุ่งท าร้ายทางร่างกาย พูดขู่อาฆาต ขู่จะตี จะขว้างสิ่งของใส่ ทับ และ การท าลาย<br />
สิ่งของ<br />
3. การท าร้ายทางร่างกาย ขว้างสิ่งของใส่ ผลัก ฉุดกระชาก ตบตี เตะ ชกต่อย บีบคอ<br />
พยายามจะตีด้วยวัตถุ ขู่จะท า ร้ายด้วยอาวุธ<br />
ผลของการศึกษาพบว่า เมื่อเปรียบเทียบการใช้ความรุนแรงระหว่างเพศชายกับเพศหญิง<br />
แล้ว ส่วนใหญ่รูปแบบที่เพศหญิงใช้จะเป็นการท าร้ายทางจิตใจ พบว่าเพศหญิงเข้าท าร้ายคู่สมรสโดย<br />
ไม่มีการใช้อาวุธเลย แต่ว่าพบว่าเพศชายซึ่งมีความแข็งแกร่งกว่า กลับใช้ทั้งร่างกายและวัตถุต่างๆ<br />
เป็นอาวุธในการท าร้ายคู่สมรส<br />
บุศรินทร์ คล่องพยาบาล (2542) ได้ศึกษาเรื่อง ความรุนแรงในครอบครัว: ปัจจัยที่มี<br />
ความสัมพันธ์กับการถูกกระท าร้ายของภรรยาในเขตอ าเภอเมือง <strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> เก็บข้อมูลแบบ<br />
สัมภาษณ์ จากภรรยาที่อยู่อ าเภอเมือง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> จ านวน 337 คน ผลการศึกษาพบว่า<br />
ปัจจัยพื้นฐานของภรรยา อันเป็นเหตุให้เกิดความรุนแรงถูกท าร้ายจากสามี ได้แก่ อายุ การศึกษา<br />
การใช้เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การเล่นการพนัน และพบว่าภรรยาถูกท าร้ายทางจิตใจมากกว่าทาง<br />
ร่างกาย ปัจจัยพื้นฐานที่สามีท าร้ายภรรยามาจาก อายุ ระดับการศึกษา การประกอบอาชีพแรงงาน<br />
รายได้ปานกลาง ใช้เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เล่นการพนัน การเผชิญกับปัญหา วิธีจัดการกับอารมณ์<br />
ท าร้ายด้วยส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมากกว่าอาวุธ<br />
กฤตยา อาชวนิจกุลและคณะ (2543) ได้ศึกษาเรื่อง ความรุนแรงต่อผู้หญิงในชีวิตคู่ ขนาด<br />
ของปัญหาผลกระทบต่อสุขภาพและทางออก โดยเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ เชิงปริมาณและสนทนากลุ่ม<br />
บุคคล จ านวน 2,078 คน ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดนครสวรรค์ ในการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอ<br />
เชิงนโยบายต่อรัฐและต่อสาธารณชน คือ นอกจากความรุนแรงต่อผู้หญิงในชีวิตคู่จะเป็นการละเมิด<br />
สิทธิทางร่างกายและจิตใจแล้ว ยังเป็นปัญหาทางด้านสาธารณสุขที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพของ<br />
สังคม โดยรวมอีกด้วย ในสังคมควรตระหนักถึงความส าคัญของการป้องกันและแก้ไขโดยมีข้อเสนอ<br />
การแก้ไขดังนี้ มาตรการระยะสั้น ได้แก่ รณรงค์เพื่อให้กลไกด้านต่าง ๆ เครือข่ายภาครัฐและเอกชน<br />
ร่วมสร้างรักและสันติในชุมชนที่ตนเองอาศัยอยู่ จัดอบรมต ารวจและเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม<br />
อื่น ๆ ให้มีทักษะในการจัดการคดีความรุนแรงที่มีต่อเด็กและผู้หญิง สร้างระบบการให้ค าปรึกษา<br />
19
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ทักษะชีวิตก่อนมีชีวิตคู่ให้เป็นจริงหรือค าปรึกษาด้านอื่น ๆ มาตรการระยะยาวได้แก่ รัฐต้องประกาศ<br />
นโยบาย การยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง เป็นวาระส าคัญของชาติ เพื่อแก้ปัญหารากเหง้าของความ<br />
รุนแรง และเริ่มเสริมสร้างรัฐไทยให้เป็นสังคมที่ปลอดความรุนแรงทุกประเภทให้จัดตั้งหน่วยงานของ<br />
รัฐขึ้นใหม่ที่ให้บริการแก่ผู้หญิง และเด็กที่ประสบปัญหาความรุนแรงต่างๆ<br />
สุวรรณา จารุทัศนีย์ (2544) ศึกษาเรื่อง มาตรการทางกฎหมายเพื่อคุ้มครองและป้องกัน<br />
หญิงที่ถูกสามีท า ร้าย : ศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายต่างประเทศ โดยการวิจัยเอกสาร พบว่า<br />
สาเหตุที่สามีท า ร้ายภริยาเป็นผลจากวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ที่สะท้อนอยู่ในระบบกฎหมายโรมัน<br />
อังกฤษสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และกฎหมายตราสามดวงของไทย ซึ่งให้สิทธิสามีมีอ านาจเด็ดขาด<br />
เหนือชีวิตและร่างกายของภริยา โดยภริยาถือเป็นส่วนหนึ่งแห่งกองทรัพย์สิน ไม่มีสิทธิในร่างกายของ<br />
ตนเองการศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายที่คุ้มครองปกป้องสิทธิของภริยาที่ถูกท า ร้ายในสามประเทศ<br />
คืออังกฤษ สหรัฐอเมริกา และ ออสเตรเลีย พบว่า ยังมีข้อโต้เถียงกันว่าการจัดการกับความรุนแรงใน<br />
ครอบครัวควรใช้มาตรการที่มีความยืดหยุ่นกว่ามาตรการทางอาญา เพื่อให้ผู้กระท าผิดมีโอกาสได้รับ<br />
การแก้ไขปรับปรุงพฤติกรรม หรือควรจะต้องใช้มาตรการทางอาญาที่เคร่งครัด เพื่อให้ผู้กระท าผิด<br />
ส านึกถึงความร้ายแรง ยอมรับการกระท า ของตน ทั้งนี้ประเทศทั้งสามมีการใช้มาตรการทั้งทางแพ่ง<br />
เช่น การแยกกันอยู่ต่างหากเป็นการชั่วคราว การออกค า สั่งคุ้มครอง ใช้มาตรการทางอาญา เช่น<br />
การปรับ การคุมประพฤติ การจ า คุก ส า หรับประเทศไทยนั้น มีประมวลกฎหมายอาญาเป็นพื้นฐาน<br />
เช่น การชะลอฟ้องในขั้นอัยการ ซึ่งเป็นมาตรการที่ใช้แทนการด า เนินคดีอาญา (Diversion)<br />
ข้อสังเกตคือ มาตรการนี้อาจไม่เหมาะในกรณีที่มีการท า ร้ายกันรุนแรง หรือหลังขั้นตอนการพิจารณา<br />
คดีในศาลมีมาตรการการคุมประพฤติหรือมาตรการเพื่อความปลอดภัย แต่กลับพบว่ามาตรการเหล่านี้<br />
มีการน ามาใช้น้อยมาก<br />
ภูรวัจน์ อินทร์ตุ้ม (2548) ศึกษาวิจัยเรื่อง ศักยภาพของชุมชนชนบทในการจัดการปัญหา<br />
ด้านสุขภาพอนามัย ผลการวิจัยพบว่า โครงสร้างทางสังคมของชุมชนที่มีความล้มพันธ์ทันในระดับ<br />
ครอบครัวเครือญาติ เพื่อนบ้าน องค์กรชุมชนและเครือข่ายการเรียนรู้ทั้งในและนอกชุมชน มีผลต่อ<br />
สภาพการจัดการด้านสุขภาพอนามัยของชุมชน ไนด้านการขวยเหลือ เกื้อกูล การดูแลยามเจ็บป่วย<br />
ให้ค าปรึกษา การตัดสินใจการให้ก าลังใจ การรวมกลุ่มเพื่อแก้ปัญหาและการประสานความ ช่วยเหลือ<br />
จากภายนอกชุมชน เพื่อจัดการปัญหาด้านสุขภาพอนามัยชองชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ คนใน<br />
ชุมชนมีรูปแบบ ความคิด ความเชื่อในการจัดการด้านสุขภาพอนามัยทั้งในภาวะ ปกติและขณะ<br />
เจ็บป่วย ในภาวะปกติโดยปฏิบัติในรูปแบบของการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกัน โรค ขณะเจ็บป่วย<br />
มีการปฏิบัติตนในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การปล่อยให้หายเองโดยไม่ใช้ยา การรักษาด้วยยาทั้งแผน<br />
ปัจจุบันและแผนโบราณ การใช้สมุนไพร การไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุข<br />
การรักษาด้วยพิธีกรรม ไสยศาสตร์และความเชื่อต่าง ๆ การตัดสินใจเลือกปฏิบัติขึ้นอยู่กับ<br />
ประสบการณ์ความเชื่อ ความศรัทธา ทั้งนี้เพื่อให้ตนเองและบุคคลรอบข้างมีสุขภาพที่ดี<br />
ชุมชนมีกลไกทางสังคม ได้แก่ ผู้น า สถาบันหลักในชุมชน องค์กรชุมชนและ ภูมิปัญญา<br />
พื้นบ้านด้านต่าง ๆ ท าให้ชุมชนมีการช่วยเหลือพึ่งพาและร่วมมือกันแก้ไขปัญหาของครอบครัว ชุมชน<br />
โดยมีเงื่อนไขที่สนับสนุนการจัดการด้านสุขภาพอนามัย ได้แก่ เครือข่ายทางลังคม เครือข่ายการเรียนรู้<br />
ความเอื้ออาทร ประเพณีวัฒนธรรม ภาวะผู้น า การมีส่วนร่วมของชุมชน และประชาสังคม ที่ช่วยให้<br />
20
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
มีการให้ค าปรึกษา การแนะน า การถ่ายทอด การแลกเปลี่ยน ประสบการณ์และการรวมตัวกันเพื่อ<br />
แก้ไขปัญหาด้านสุขภาพอนามัยของชุมชนชุมชนมีศักยภาพในการจัดการปัญหาด้านสุขภาพอนามัย<br />
เพราะชุมชนมีทรัพยากร บุคคลซึ่งเป็นกลไกทางสังคม เช่น ผู้น า กลุ่ม/องค์กร ภูมิปัญญาชุมชนที่จะ<br />
แสดงบทบาทของตนเพื่อแก้ไขปัญหา<br />
บุญเลิศ ธงสะอาดและสมศักดิ์ บุญชุบ (2551) ศึกษาเรื่อง “รูปแบบความเป็นสถาบัน<br />
ครอบครัวที่เข้มแข็งและยั่งยืน : กรณีศึกษา 3 ชุมชนในจังหวัดอุบลราชธานี” พบว่า รูปแบบความเป็น<br />
สถาบันครอบครัวที่เข้มแข็งและยั่งยืนในชุมชน 3 แห่งมีลักษณะที่เหมือนกัน คือ (1) มีโครงสร้างทาง<br />
ครอบครัวขนาดใหญ่ มีหลายวัยมีอิสระในการเลือกคู่ครอง การเลือกที่อยู่อาศัย มีการสืบทอดมรดก<br />
และสืบทอดวงศ์สกุล (2) มีความมั่นคงทางอาชีพรายได้ในการด ารงชีวิต (3) ครอบครัวมีความสัมพันธ์<br />
ที่ดีต่อกัน (4) มีการใช้อ านาจในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในครอบครัวร่วมกัน (5) มีการอบรมเลี้ยงดู<br />
และขัดเกลาสมาชิกในครอบครัวให้คนดี (6) มีการเอาใจใส่ดูแลสุขภาวะของสมาชิกในครอบครัว (7)<br />
การสืบทอดสถาบันครอบครัวในอนาคต<br />
ปัจจัยที่ท าให้สถาบันครอบครัวที่เข้มแข็งและยั่งยืนของชุมชน เกิดจากการมีที่อยู่อาศัยที่<br />
เป็นของตนเองและมั่นคง มีเศรษฐกิจที่ดีครอบครัวทุกคนมีโอกาสทางการศึกษาที่ดีและเท่าเทียมกัน<br />
ครอบครัวยึดหลักศาสนาและเชื่อมั่นในการส่งเสริมจริยธรรมและคุณธรรมในการด าเนินชีวิต มีการ<br />
สาธารณสุขที่สมาชิกในครอบครัวรู้จักดูแลตนเอง ครอบครัวมีภาษาถิ่นและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี<br />
สื่อสารท้องถิ่นที่สามารถน าไปใช้ในครอบครัวสมัยใหม่อย่างรู้เท่าทันครอบครัวมีกิจกรรมนันทนาการ<br />
ร่วมกัน มีระบบการเมืองท้องถิ่นและกฎหมายที่มีความยุติธรรมในชุมชน และปัจจัยอื่น ๆ เช่น มีผู้น า<br />
ชุมชนที่เสียสละและสมาชิกในครอบครัวมีความซื่อสัตย์<br />
ปัญหาและอุปสรรคที่ท าให้ครอบครัวขาดความเข้มแข็ง คือ ปัญหาที่มีผลกระทบมาจาก<br />
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมและทางเศรษฐกิจ เช่น รายได้น้อย ความยากจน ยาเสพติด<br />
การไม่ไว้วางใจกันและกันในครอบครัว การพนัน หนี้สินปัญหาทางการเกษตร เช่น การใช้ปุ๋ยเคมี<br />
มีผลกระทบต่อดิน น้ า สัตว์ต่าง ๆ ปัญหาเด็กและเยาวชนที่ก้าวร้าวและสอนยาก โรคภัยที่น่ากลัวและ<br />
รักษายากขึ้นล้วนเป็นตัวบั่นทอนให้สถาบันครอบครัวอ่อนแอลง<br />
แนวทางที่จะสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีแก่สถาบันครอบครัว คือ ครอบครัวมีส่วนร่วมในการเรียนรู้<br />
และมีกิจกรรมร่วมกันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ปัญหากันปละกันในชุมชน จนกระทั่งเกิดเป็นโครงการ<br />
สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่สถาบันครอบครัวในชุมชนขึ้น ผลการด าเนินการตามโครงการท าให้ครอบครัว<br />
มีกิจกรรมร่วมกันในชุมชนเป็นบทเรียนที่จะสร้างทักษะให้เกิดการเรียนรู้แก่สถาบันครอบครัวให้<br />
สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาทางครอบครัวด้วยตนเองและน าไปสู่การสืบทอดและการด ารงอยู่ใน<br />
รูปแบบสถาบันครอบครัวที่เข้มแข็งและยั่งยืนสืบไป<br />
21
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
6. กรอบแนวคิดในกำรวิจัย<br />
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong> ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ<br />
ส ารวจสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาสและศึกษารูปแบบใน<br />
การป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
ตลอดจน ศึกษาข้อเสนอเชิงนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของ<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
ในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้น าแนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับความรุนแรง สถานการณ์ความรุนแรง และนโยบาย<br />
ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง รวมทั้งผลการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง มาเป็นแนวทาง<br />
ในการศึกษา โดยได้ก าหนดกรอบแนวคิดในการศึกษาดังนี้<br />
สถำนกำรณ์ควำมรุนแรง<br />
ความรุนแรงในครอบครัว<br />
ความรุนแรงในครอบครัวของ<br />
คนในชุมชนและความรุนแรง<br />
ในชุมชน<br />
ความรุนแรงในที่ท างาน<br />
ข้อเสนอเชิงนโยบายในการป้องกันและ<br />
แก้ไขปัญหาความรุนแรงของจังหวัด<br />
สระแก้ว<br />
รูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหา<br />
ความรุนแรงของชุมชนและองค์กร<br />
ปกครองส่วนท้องถิ่น<br />
ภำพที่ 2-1 กรอบแนวคิดในการวิจัย<br />
22
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
บทที่ 3<br />
วิธีกำรด ำเนินกำรวิจัย<br />
การวิจัยเรื่องการส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong> ครั้งนี้ มี<br />
วัตถุประสงค์เพื่อส ารวจสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาสและ<br />
ศึกษารูปแบบในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ตลอดจน ศึกษาข้อเสนอเชิงนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของ<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>คณะผู้วิจัยได้ก าหนดวิธีการด าเนินการวิจัยทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยมี<br />
รายละเอียดดังนี้<br />
ประชำกรและกลุ่มตัวอย่ำง<br />
การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ท าการก าหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง เป็น 2 กลุ่มได้แก่การวิจัย<br />
เชิงปริมาณ ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ ประชาชนในพื้นที่<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
ครอบคลุมพื้นที่ 9 อ าเภอ 58 ต าบล จ านวนประชากรทั้งหมด 546,782 คน (สถิติข้อมูล: ส านักงาน<br />
ปกครอง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> มิถุนายน พ.ศ.2555) เพื่อส ารวจสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก เยาวชน<br />
สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาสใน<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> โดยท าการก าหนดกลุ่มตัวอย่างด้วยการค านวณตาม<br />
สูตรของทาโร่ยามาเน่ (Taro Yamane) ที่ระดับความเชื่อมั่นในการเลือกตัวอย่าง 95% เมื่อก าหนด<br />
ระดับความคลาดเคลื่อน + 2% ดังนี้<br />
N<br />
1<br />
Ne<br />
n =<br />
2<br />
N = ขนาดของประชากรทั้งหมด<br />
n = ขนาดของกลุ่มตัวอย่าง<br />
e = ความคลาดเคลื่อนของการสุ่มตัวอย่างที่ระดับ 0.05<br />
น าจ านวนประชากรมาแทนค่าในสูตร ดังนี้<br />
= 546,782<br />
1+546,782 (0.02 2 )<br />
= 2,488.62 2,489 ตัวอย่าง<br />
23
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
จากการก าหนดกลุ่มตัวอย่างข้างต้น ได้กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการเก็บข้อมูล 2,489 ตัวอย่าง<br />
ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างขั้นต่ า เพื่อให้การเก็บข้อมูลครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 58 ต าบลของ<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>และ<br />
สะดวกในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล คณะผู้วิจัยจึงก าหนดกลุ่มตัวอย่างที่ 2,900 ตัวอย่าง โดยได้<br />
ท าเลือกกลุ่มตัวอย่างจากประชากรทั้งหมดโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive<br />
Sampling) กลุ่มเด็กและเยาวชน กลุ่มผู้ที่มีงานท า และกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส โดยใช้<br />
วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบโควตา (Quota Sampling) ดังนี้<br />
- กลุ่มเด็กและเยาวชน 10 ตัวอย่าง<br />
- กลุ่มผู้ที่มีงานท า 30 ตัวอย่าง<br />
- กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส 10 ตัวอย่าง<br />
ซึ่งในการเก็บข้อมูลครั้งนี้ท าการเก็บข้อมูลทั้งหมด 58 ต าบล ของ<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> รวมกลุ่ม<br />
ตัวอย่างทั้งสิ้น 2,900 ตัวอย่าง ดังตารางที่ 1<br />
ตำรำงที่ 3-1 จ านวนกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการเก็บข้อมูลจ าแนกตาม 9 อ าเภอ<br />
อ ำเภอ จ ำนวนต ำบล กลุ่มตัวอย่ำง รวม<br />
1.เมืองสระแก้ว 8 50 400<br />
2.เขำฉกรรจ์ 4 50 200<br />
3.วังน้ ำเย็น 4 50 200<br />
4.วังสมบูรณ์ 3 50 150<br />
5.คลองหำด 7 50 350<br />
6.วัฒนำนคร 11 50 550<br />
7.อรัญประเทศ 12 50 600<br />
8.โคกสูง 4 50 200<br />
9.ตำพระยำ 5 50 250<br />
รวมทั้งหมด 58 450 2,900<br />
1. การวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลส าคัญ (Key Informant)ที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่<br />
ผู้มีที่ส่วนเกี่ยวข้องและมีประสบการณ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชนและ<br />
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> โดยใช้วิธีการสุ่มแบบเจาะจง(Purposive Sampling) ผู้มี<br />
ส่วนเกี่ยวข้องจากชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจ านวน 3 แห่ง ประกอบด้วย<br />
1) ชุมชนบ้านคลองอาราง ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว<br />
2) องค์การบริหารส่วนต าบลพระเพลิง อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว<br />
3) องค์การบริหารส่วนต าบลทับพริก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว<br />
24
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
เครื่องมือที่ใช้ในกำรรวบรวมข้อมูล<br />
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย<br />
1. เครื่องที่ใช้ในการวิจัยเชิงปริมาณ คือ แบบส ารวจข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรง ปี <strong>2556</strong><br />
ของศูนย์เฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม ส านักงานมาตรฐานการพัฒนาและความมั่นคงของมนุษย์<br />
ส านักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยแบบส ารวจแบ่งออกเป็น 2<br />
ส่วนดังนี้<br />
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม เป็นแบบสอบถามแบบเลือกตอบ ได้แก่<br />
เพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพสมรส การท างาน/อาชีพ จ านวน 5 ข้อ<br />
ส่วนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับความรุนแรง เป็นแบบสอบถามแบบเลือกตอบ จ านวน 49 ข้อ<br />
2. เครื่องที่ใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพ ได้แก่<br />
2.1 การสัมภาษณ์(Interview) ผู้ให้ข้อมูลส าคัญกับผู้มีที่ส่วนเกี่ยวข้องและมี<br />
ประสบการณ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ประกอบด้วย นายกองค์การบริหารส่วนต าบล ปลัดองค์การบริหารส่วนต าบล และผู้<br />
บ้านใหญ่บ้าน<br />
2.2 การจัดสนทนากลุ่ม (Focus Group) ในส่วนของคณะกรรมการศูนย์ประสานงาน<br />
เครือข่ายองค์กรชุมชน และคณะกรรมชุมชนผู้มีที่ส่วนเกี่ยวข้องและมีประสบการณ์ในการป้องกันและ<br />
แก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
กำรเก็บรวบรวมข้อมูล<br />
การวิจัยครั้งนี้คณะผู้วิจัยได้ท าการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบส ารวจข้อมูลสถานการณ์<br />
ความรุนแรง ปี <strong>2556</strong> ระหว่างเดือนมิถุนายน ถึง กรกฎาคม <strong>2556</strong> โดยทีมงานคณะผู้วิจัยลงเก็บข้อมูล<br />
ในพื้นที่ทั้ง 58 ต าบลของ<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ซึ่งสามารถจัดเก็บข้อมูลได้ 2,720 ชุดคิดเป็นร้อยละ 93.79<br />
ของแบบสอบถามทั้งหมด และตรวจสอบความถูกต้องของแบบส ารวจก่อนน าไปใช้ในการวิเคราะห์<br />
ข้อมูลต่อไป<br />
ส่วนการสัมภาษณ์และสนทนากลุ่ม คณะผู้วิจัยได้ท าการสัมภาษณ์ข้อมูลจากผู้มีส่วน<br />
เกี่ยวข้องจากชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจ านวน 3 แห่งในเดือนกรกฎาคม <strong>2556</strong><br />
กำรวิเครำะห์ข้อมูล<br />
ในการด าเนินการวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ก าหนดวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลดังนี้<br />
1. การวิจัยเชิงปริมาณ ข้อมูลจากแบบส ารวจสถานการณ์รุนแรงปี <strong>2556</strong> คณะผู้วิจัยได้<br />
ท าการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจกแจงค่าความถี่ ค่าร้อยละ ส่วนของ<br />
ปลายเปิดจะใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าความถี่และการจัดกลุ่มของปัญหาและข้อเสนอแนะ<br />
2. การวิจัยเชิงคุณภาพ ข้อมูลจากการสัมภาษณ์และสนทนากลุ่ม คณะผู้วิจัยได้ท าการ<br />
วิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ในหลายลักษณะ ประกอบด้วย<br />
25
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
- การวิเคราะห์ข้อมูลแบบอุปนัย (Analytic Induction) หลังจากผู้วิจัยได้เก็บรวบรวม<br />
ข้อมูลแล้ว จะสร้างข้อมูลที่เป็นข้อสรุปชั่วคราว จากนั้นจะท าการเชื่อมโยงข้อสรุปย่อยต่าง ๆ เพื่อ<br />
แสดงความสัมพันธ์และน าไปสู่ข้อสรุปที่ใหญ่ขึ้น<br />
- การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการตีความข้อมูล (Interpretative Analysis) เป็นการ<br />
วิเคราะห์ข้อมูลโดยตีความจากข้อมูลที่มี<br />
- การวิเคราะห์ด้วยวิธีวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) แบบหน่วยบริบท<br />
(contextual unit) โดยการแบ่งรูปแบบของหัวข้อเรื่อง (Categories) ที่ท าการวิเคราะห์<br />
26
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
บทที่ 4<br />
ผลกำรวิจัย<br />
การวิจัยเรื่องการส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong> ครั้งนี้ มี<br />
วัตถุประสงค์เพื่อส ารวจสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาสและ<br />
ศึกษารูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ตลอดจน ศึกษาข้อเสนอเชิงนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของ<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> โดยได้ท าการส ารวจข้อมูลจากประชาชนใน<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>ทั้ง 9 อ าเภอ 58 ต าบล<br />
จ านวน 2,720 คน และศึกษารูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชนและองค์กร<br />
ปกครองส่วนท้องถิ่น<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> จ านวน 3 แห่ง ซึ่งคณะผู้วิจัยได้น าเสนอผลการวิจัยออกเป็น 3<br />
ส่วน ดังนี้<br />
1. ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม<br />
2. ข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรง<br />
2.1 ความรุนแรงในครอบครัว<br />
2.2 ความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชนและความรุนแรงในชุมชน<br />
2.3 ความรุนแรงในที่ท างาน<br />
3. ข้อมูลการสัมภาษณ์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของ<br />
ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<br />
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถำม<br />
ตำรำงที่ 4-1 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามจ าแนกตามเพศ<br />
เพศ จ ำนวน ร้อยละ<br />
ชาย 1,205 44.30<br />
หญิง 1,515 55.70<br />
รวม 2,720 100.00<br />
จากตารางที่ 4-1 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็น เพศหญิง มีจ านวนคิดเป็นร้อย<br />
ละ 55.70 รองลงมาเป็น เพศชาย มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 44.30<br />
27
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ตำรำงที่ 4-2 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามจ าแนกตามอายุ<br />
อำยุ จ ำนวน ร้อยละ<br />
ต่ ากว่า 18 ปีบริบูรณ์(เด็ก) 426 15.70<br />
18 – 25 ปีบริบูรณ์(เยาวชน) 417 15.30<br />
26 – 59 ปีบริบูรณ์(วัยท างาน) 1,369 50.30<br />
60 ปีขึ้นไป 508 18.70<br />
รวม 2,720 100.00<br />
จากตารางที่ 4-2 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 26 – 59 ปีบริบูรณ์<br />
(วัยท างาน) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 50.30 รองลงมา อายุ 60 ปีขึ้นไป มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ18.70<br />
และอายุต่ ากว่า 18 ปีบริบูรณ์(เด็ก) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 15.70 ตามล าดับ<br />
ตำรำงที่ 4-3 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามจ าแนกตามระดับการศึกษา<br />
ระดับกำรศึกษำ จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่ได้ศึกษา 225 8.30<br />
ประถมศึกษาหรือต่ ากว่า 855 31.40<br />
มัธยมต้น 487 17.90<br />
มัธยมปลาย/ ปวช. 549 20.20<br />
ปวส./อนุปริญญา 234 8.60<br />
ปริญญาตรีหรือสูงกว่า 370 13.60<br />
รวม 2,720 100.00<br />
จากตารางที่ 4-3 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ มีการศึกษาในระดับประถมศึกษาหรือ<br />
ต่ ากว่า มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 31.40 รองลงมา มีการศึกษาระดับมัธยมปลาย/ ปวช. มีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 20.20 และการศึกษาระดับมัธยมต้น มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 17.90 ตามล าดับ<br />
ตำรำงที่ 4-4 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามจ าแนกตามสถานภาพ<br />
สถำนภำพ จ ำนวน ร้อยละ<br />
โสด 779 28.70<br />
สมรส 1,632 60.00<br />
สมรสแยกกันอยู่ 20 0.70<br />
หย่าร้าง 62 2.30<br />
หม้าย (คู่สมรสเสียชีวิต) 227 8.30<br />
รวม 2,720 100.00<br />
28
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
จากตารางที่ 4-4 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีสถานภาพสมรส คิดเป็นร้อยละ<br />
60.00 รองลงมา มีสถานภาพโสด คิดเป็นร้อยละ 28.70 และมีสถานภาพ หม้าย(คู่สมรสเสียชีวิต)<br />
คิดเป็นร้อยละ 8.30 ตามล าดับ<br />
ตำรำงที่ 4-5 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามจ าแนกตามอาชีพ<br />
อำชีพ จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่ได้ท างาน/ไม่มีอาชีพ 514 18.90<br />
นักเรียน/นักศึกษา 590 21.70<br />
ข้าราชการ/พนักงานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/องค์กร<br />
366 13.50<br />
มหาชน เช่น ครู อาจารย์ ทหาร งานธนาคาร การ<br />
ไฟฟ้า ฯลฯ<br />
พนักงาน/ลูกจ้างเอกชน/บริษัท เช่น งานโรงงาน<br />
424 15.60<br />
ศูนย์รถยนต์/อู่ซ่อมรถ โรงแรม สถานบริการ ห้าง/<br />
ร้านค้า ฯลฯ<br />
สมาชิกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น(เทศบาล<br />
230 8.40<br />
อบต.)/อาสาสมัคร(อพม.) อาสาสมัครอื่นๆ<br />
อื่นๆ เช่น (ลูกจ้างทั่วไป ท านา ท าไร่) 596 21.90<br />
รวม 2,720 100.00<br />
จากตารางที่ 4-5 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ อื่นๆ(เช่น ลูกจ้าง<br />
ทั่วไป ท านา ท าไร่) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 21.90 รองลงมาประกอบอาชีพ นักเรียน/ นักศึกษา มี<br />
จ านวนคิดเป็นร้อยละ 21.70 และไม่ได้ท างาน/ ไม่มีอาชีพ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 18.90 ตามล าดับ<br />
ส่วนที่ 2 ข้อมูลสถำนกำรณ์ควำมรุนแรง<br />
2.1 ควำมรุนแรงในครอบครัว<br />
ตำรำงที่ 4-6 จ านวนและร้อยละของความสัมพันธ์ของบุคคลในครอบครัวผู้ตอบแบบสอบถาม<br />
ควำมสัมพันธ์ของบุคคลในครอบครัว จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่อบอุ่น 276 10.10<br />
อบอุ่น 2,444 89.90<br />
รวม 2,720 100.00<br />
จากตารางที่ 4-6 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ มีความสัมพันธ์ของบุคคลในครอบครัว<br />
อบอุ่น มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 89.90 และความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่อบอุ่น มีจ านวนคิดเป็น<br />
ร้อยละ 10.10<br />
29
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ตำรำงที่ 4-7 จ านวนและร้อยละของบุคคลในครอบครัวที่มีอารมณ์รุนแรงหรือชอบใช้ก าลัง<br />
บุคคลในครอบครัวที่มีอำรมณ์รุนแรงหรือชอบใช้ก ำลัง จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่มี 2,600 95.60<br />
มี 120 4.40<br />
รวม 2,720 100.00<br />
จากตารางที่ 4-7 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ไม่มีบุคคลในครอบครัวที่มีอารมณ์รุนแรง<br />
หรือชอบใช้ก าลัง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 95.60 และมีบุคคลในครอบครัวที่มีอารมณ์รุนแรงหรือชอบ<br />
ใช้ก าลัง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 4.40<br />
ตำรำงที่ 4-8 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่เคยถูกกระท าความรุนแรงจากคนใน<br />
ครอบครัวในรอบ 1 ปี<br />
เคยถูกกระท ำควำมรุนแรงจำกคนในครอบครัวรอบ 1 ปี จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่เคย 2,666 98.00<br />
เคย 54 2.00<br />
รวม 2,720 100.00<br />
จากตารางที่ 4-8 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ไม่เคยถูกกระท าความรุนแรงจากคนใน<br />
ครอบครัว มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 98.00 และเคยถูกกระท าความรุนแรงจากคนในครอบครัว มี<br />
จ านวนคิดเป็นร้อยละ 2.00<br />
ตำรำงที่ 4-9 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในครอบครัวมีการกระท าความ<br />
รุนแรงในรอบ 1 ปี<br />
ภำยในครอบครัวมีกำรกระท ำควำมรุนแรงในรอบ 1 ปี จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่มี 2,657 97.60<br />
มี 63 2.40<br />
รวม 2,720 100.00<br />
จากตารางที่ 4-9 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ภายในครอบครัว ไม่มีการกระท าความ<br />
รุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 97.60 และภายในครอบครัว มีการกระท าความรุนแรง มีจ านวนคิด<br />
เป็นร้อยละ 2.40<br />
30
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ตำรำงที่ 4-10 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในครอบครัวมีการกระท าความ<br />
รุนแรงทางร่างกาย<br />
ภำยในครอบครัวมีกำรกระท ำควำมรุนแรงทำงร่ำงกำย จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่มี 9 14.30<br />
มี 1 - 2 ครั้ง 35 55.60<br />
มี 3 – 5 ครั้ง 13 20.60<br />
มี 6 – 10 ครั้ง 2 3.20<br />
มีมากกว่า 10 ครั้ง 4 6.30<br />
รวม 63 100.00<br />
จากตารางที่ 4-10 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในครอบครัวมีการกระท าความรุนแรง<br />
ด้านร่างกาย โดยส่วนใหญ่ มีการกระท าความรุนแรงทางร่างกาย 1 - 2 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
55.60 รองลงมา มีการกระท าความรุนแรงทางร่างกาย 3 - 5 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 20.60 และ<br />
ไม่มีการกระท าความรุนแรงทางร่างกาย มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 14.30<br />
ตำรำงที่ 4-11 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในครอบครัวมีการกระท าความ<br />
รุนแรงทางจิตใจ<br />
ภำยในครอบครัวมีกำรกระท ำควำมรุนแรงทำงจิตใจ จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่มี 9 14.30<br />
มี 1 - 2 ครั้ง 34 54.00<br />
มี 3 – 5 ครั้ง 11 17.50<br />
มี 6 – 10 ครั้ง 4 6.30<br />
มีมากกว่า 10 ครั้ง 5 7.90<br />
รวม 63 100.00<br />
จากตารางที่ 4-11 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในครอบครัวมีการกระท าความรุนแรง<br />
ทางจิตใจ โดยส่วนใหญ่ มีการกระท าความรุนแรงทางจิตใจ 1-2 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ54.00<br />
รองลงมา มีการกระท าความรุนแรงทางจิตใจ 3-5 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 17.50 และไม่มีการ<br />
กระท าความรุนแรงทางจิตใจ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 14.30<br />
31
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ตำรำงที่ 4-12 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในครอบครัวมีการกระท าความ<br />
รุนแรงทางเพศ<br />
ภำยในครอบครัวมีกำรกระท ำควำมรุนแรงทำงเพศ จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่มี 52 82.60<br />
มี 1 - 2 ครั้ง 5 7.90<br />
มี 3 – 5 ครั้ง 3 4.70<br />
มี 6 – 10 ครั้ง 1 1.60<br />
มีมากกว่า 10 ครั้ง 2 3.20<br />
รวม 63 100.00<br />
จากตารางที่ 4-12 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในครอบครัวมีการกระท าความรุนแรง<br />
ทางเพศ โดยส่วนใหญ่ ไม่มีการกระท าความรุนแรงทางเพศ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 82.60 รองลงมา<br />
มีการกระท าความรุนแรงทางเพศ 1 - 2 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 7.90 และ มีการกระท าความ<br />
รุนแรงทางเพศ 3 - 5 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 4.70<br />
ตำรำงที่ 4-13 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง<br />
ในครอบครัว<br />
กำรป้องกันและแก้ไขปัญหำควำมรุนแรงในครอบครัว จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่คิดท าอะไร 21 18.80<br />
หนีออกจากบ้าน 20 17.90<br />
ท ากิจกรรมนอกบ้าน 28 25.00<br />
กินยาคลายเครียด 16 14.30<br />
คิดหรือเคยคิดหรือเคยท าเพื่อฆ่าตัวตาย 9 8.00<br />
แจ้งต ารวจ/ขอความช่วยเหลือ 12 10.60<br />
อื่นๆ 6 5.40<br />
รวม 112 100.00<br />
จากตารางที่ 4-13 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เคยคิดหรือกระท าในการป้องกันและ<br />
แก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว โดยส่วนใหญ่ ท ากิจกรรมนอกบ้าน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
25.00 รองลงมา ไม่คิดท าอะไร มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 18.80 และ หนีออกจากบ้าน มีจ านวนคิด<br />
เป็นร้อยละ 17.90<br />
32
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ตำรำงที่ 4-14 จ านวนและร้อยละของสาเหตุของการเกิดความรุนแรงในครอบครัว<br />
สำเหตุของกำรเกิดควำมรุนแรงในครอบครัว จ ำนวน ร้อยละ<br />
เมาสุรา 50 31.80<br />
เสพยาเสพติด 17 10.80<br />
เจ็บป่วย/สุขภาพกาย 9 5.70<br />
เครียด/สุขภาพจิต 16 10.20<br />
หึงหวง/นอกใจ 21 13.40<br />
ตกงาน/เศรษฐกิจ 26 16.60<br />
ความสัมพันธ์ในครอบครัวห่างเหิน 14 9.00<br />
อื่นๆระบุ 4 2.50<br />
รวม 157 100.00<br />
จากตารางที่ 4-14 พบว่า สาเหตุของการเกิดความรุนแรงในครอบครัวของผู้ตอบ<br />
แบบสอบถามส่วนใหญ่ เมาสุรา มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 31.80 รองลงมา ตกงาน/เศรษฐกิจ มีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 16.60 และ หึงหวง/นอกใจ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 13.40<br />
ตำรำงที่ 4-15 จ านวนและร้อยละของลักษณะความสัมพันธ์ของผู้กระท าและผู้ถูกกระท าในครอบครัว<br />
ลักษณะควำมสัมพันธ์ของผู้กระท ำและผู้ถูกกระท ำ จ ำนวน ร้อยละ<br />
คู่สมรส (สามีภรรยา) 20 23.50<br />
ผู้ที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยา(ไม่ได้จดทะเบียน) 28 33.00<br />
สามีสมรสที่เป็นคู่สมรสเดิม 3 3.50<br />
ผู้ที่เคยอยู่กินกันฉันสามีภรรยา(ไม่ได้จดทะเบียน) 2 2.40<br />
บุตร บุตรบุญธรรม(เด็ก เยาวชนฯลฯ)โดยคนในครอบครัว 24 28.20<br />
ผู้สูงอายุหรือผู้พิการ ถูกกระท าโดยคนในครอบครัว 4 4.70<br />
อื่นๆ เช่น คนงาน ฯลฯ (ระบุ) 4 4.70<br />
รวม 85 100.00<br />
จากตารางที่ 4-15 พบว่า ลักษณะความสัมพันธ์ของผู้กระท าและผู้ถูกกระท าของผู้ตอบ<br />
แบบสอบถามส่วนใหญ่เป็น ผู้ที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยา(ไม่ได้จดทะเบียน) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
33.00 รองลงมา บุตร บุตรบุญธรรม(เด็ก เยาวชนฯลฯ)โดยคนในครอบครัว มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
28.20 และ คู่สมรส (สามีภรรยา) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 23.50<br />
33
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ตำรำงที่ 4-16 จ านวนและร้อยละผู้ถูกกระท าความรุนแรงในครอบครัวผู้ตอบแบบสอบถาม<br />
ผู้ถูกกระท ำควำมรุนแรงในครอบครัว จ ำนวน ร้อยละ<br />
เด็กหรือเยาวชน 46 43.00<br />
สตรี 48 44.90<br />
ผู้สูงอายุหรือผู้พิการ 11 10.20<br />
อื่นๆ (ระบุ) 2 1.90<br />
รวม 107 100.00<br />
จากตารางที่ 4-16 พบว่า ผู้ถูกกระท าความรุนแรงในครอบครัวของผู้ตอบแบบสอบถาม<br />
ส่วนใหญ่ คือ สตรี มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 44.90 รองลงมา เด็กหรือเยาวชน มีจ านวนคิดเป็น<br />
ร้อยละ 43.00 และ ผู้สูงอายุหรือผู้พิการ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 10.20<br />
ตำรำงที่ 4-17 จ านวนและร้อยละความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามหากเกิดความรุนแรงใน<br />
ครอบครัว<br />
หำกเกิดควำมรุนแรงในครอบครัว จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่คิดท าอะไร 87 3.20<br />
ช่วยห้ามปราม/ไกล่เกลี่ย 1,537 56.50<br />
ขอความช่วยเหลือ/แจ้งเหตุ 385 14.20<br />
ช่วยห้ามปรามไกล่เกลี่ยและขอความช่วยเหลือ/แจ้งเหตุ 706 26.00<br />
อื่นๆ ระบุ 5 0.10<br />
รวม 2,720 100.00<br />
จากตารางที่ 4-17 พบว่า ความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามหากเกิดความรุนแรงใน<br />
ครอบครัว โดยส่วนใหญ่ช่วยห้ามปราม/ไกล่เกลี่ยมีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 56.50 รองลงมาช่วยห้าม<br />
ปรามไกล่เกลี่ยและขอความช่วยเหลือ/แจ้งเหตุ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 26.00 และขอความ<br />
ช่วยเหลือ/แจ้งเหตุ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 14.20<br />
ตำรำงที่ 4-18 จ านวนและร้อยละความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามในการขอความช่วยเหลือหรือ<br />
แจ้งเหตุหากเกิดความรุนแรงในครอบครัว<br />
กำรขอควำมช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุหำกเกิดควำมรุนแรงใน จ ำนวน ร้อยละ<br />
ครอบครัว<br />
เพื่อนบ้าน/คนในชุมชน/อบต./เทศบาล 2,045 51.30<br />
โรงพยาบาล 245 6.10<br />
สถานีต ารวจ 1,337 33.50<br />
ส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด/ศูนย์<br />
347 8.70<br />
ประชาบดี 1300<br />
อื่นๆ ระบุ 14 0.40<br />
รวม 3,988 100.00<br />
34
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
จากตารางที่ 4-18 พบว่า การขอความช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุหากเกิดความรุนแรงใน<br />
ครอบครัว โดยส่วนใหญ่ เพื่อนบ้าน/คนในชุมชน/อบต./เทศบาล มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 51.30<br />
รองลงมาคือ สถานีต ารวจ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 33.50 และ ส านักงานพัฒนาสังคมและความ<br />
มั่นคงของมนุษย์จังหวัด/ศูนย์ประชาบดี 1300 มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 8.70<br />
ตำรำงที่ 4-19 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ทราบถึง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระท าด้วย<br />
ความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550<br />
พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระท ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 จ ำนวน ร้อยละ<br />
ทราบดี 158 5.80<br />
พอทราบบ้าง 640 23.50<br />
ไม่ทราบแต่สนใจ 847 31.20<br />
ไม่เคยได้ยิน ไม่สนใจ 1,075 39.50<br />
รวม 2,720 100.00<br />
จากตารางที่ 4-19 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่ ไม่เคยได้ยิน ไม่สนใจ มีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 39.50 รองลงมา ไม่ทราบแต่สนใจ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 31.20 และ พอทราบบ้าง<br />
มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 23.50<br />
35
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
2.2 ควำมรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชนและควำมรุนแรงในชุมชน<br />
ตำรำงที่ 4-20 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในชุมชนมีการกระท าความรุนแรง<br />
ในรอบ 1 ปี<br />
ภำยในชุมชนมีกำรกระท ำควำมรุนแรงในรอบ 1 ปี จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่มี 2,594 95.40<br />
มี 126 4.60<br />
รวม 2,720 100.00<br />
จากตารางที่ 4-20 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ภายในชุมชนไม่มีการกระท าความ<br />
รุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 95.40 และ ภายในชุมชนมีการกระท าความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็น<br />
ร้อยละ 4.60<br />
ตำรำงที่ 4-21 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในชุมชนมีการกระท าความรุนแรง<br />
ทางร่างกาย<br />
ภำยในชุมชนมีกำรกระท ำควำมรุนแรงทำงร่ำงกำย จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่เคย 9 7.10<br />
เคย 1 - 2 ครั้ง 63 50.00<br />
เคย 3 – 5 ครั้ง 37 29.40<br />
เคย 6 – 10 ครั้ง 3 2.40<br />
เคยมากกว่า 10 ครั้ง 14 11.10<br />
รวม 126 100.00<br />
จากตารางที่ 4-21 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในชุมชนมีการกระท าความรุนแรงทาง<br />
ร่างกาย โดยส่วนใหญ่ มีการกระท าความรุนแรงทางร่างกาย 1 - 2 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
50.00 รองลงมา มีการกระท าความรุนแรงทางร่างกาย 3 - 5 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 29.40<br />
และ มีการกระท าความรุนแรงทางร่างกาย มากกว่า 10 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 11.10<br />
ตำรำงที่ 4-22 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในชุมชนมีการกระท าความรุนแรง<br />
ทางจิตใจ<br />
ภำยในชุมชนมีกำรกระท ำควำมรุนแรงทำงจิตใจ จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่เคย 21 16.70<br />
เคย 1 - 2 ครั้ง 48 38.10<br />
เคย 3 – 5 ครั้ง 38 30.10<br />
เคย 6 – 10 ครั้ง 5 4.00<br />
เคยมากกว่า 10 ครั้ง 14 11.10<br />
รวม 126 100.00<br />
36
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
จากตารางที่ 4-22 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในชุมชนมีการกระท าความรุนแรงทาง<br />
จิตใจ โดยส่วนใหญ่ มีการกระท าความรุนแรงทางจิตใจ 1 - 2 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 38.10<br />
รองลงมา มีการกระท าความรุนแรงทางจิตใจ 3 - 5 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 30.10 และ ไม่มีการ<br />
กระท าความรุนแรงทางจิตใจ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 16.70<br />
ตำรำงที่ 4-23 จ านวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในชุมชนมีการกระท าความรุนแรง<br />
ทางเพศ<br />
ภำยในชุมชนมีกำรกระท ำควำมรุนแรงทำงเพศ จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่เคย 112 88.90<br />
เคย 1 - 2 ครั้ง 14 11.10<br />
รวม 126 100.00<br />
จากตารางที่ 4-23 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในชุมชนมีการกระท าความรุนแรงทาง<br />
เพศ โดยส่วนใหญ่ ไม่เคยมีการกระท าความรุนแรงทางเพศ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 88.90 และ เคยมี<br />
การกระท าความรุนแรงทางเพศ 1 - 2 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 11.10<br />
ตำรำงที่ 4-24 จ านวนและร้อยละสถานที่ในการกระท าความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชน<br />
สถำนที่ในกำรกระท ำควำมรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชน จ ำนวน ร้อยละ<br />
ที่บ้าน 103 58.50<br />
ที่พัก/หอพัก ฯลฯ 7 4.00<br />
ทางเท้า ถนน สวนสาธารณะ 29 16.50<br />
ห้างสรรพสินค้า/ร้านค้า 7 4.00<br />
ตลาด 23 13.10<br />
สถานบริการ โรงหนัง โรงแรม ฯลฯ 3 1.70<br />
อื่นๆ ระบุ 4 2.20<br />
รวม 176 100.00<br />
จากตารางที่ 4-24 พบว่า สถานที่ในการกระท าความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชน<br />
ผู้ตอบแบบสอบถาม โดยส่วนใหญ่ มีการกระท าความรุนแรง ที่บ้าน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 58.50<br />
รองลงมา ทางเท้า ถนน สวนสาธารณะ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 16.50 และ ตลาด มีจ านวนคิดเป็น<br />
ร้อยละ 13.10<br />
37
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ตำรำงที่ 4-25 จ านวนและร้อยละของสาเหตุของการเกิดความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชน<br />
สำเหตุของกำรเกิดควำมรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชน จ ำนวน ร้อยละ<br />
เมาสุรา 97 39.10<br />
เสพยาเสพติด 8 3.20<br />
เจ็บป่วย/สุขภาพกาย 10 4.00<br />
เครียด/สุขภาพจิต 35 14.10<br />
หึงหวง/นอกใจ 49 19.80<br />
ตกงาน/เศรษฐกิจ 29 11.70<br />
ความสัมพันธ์ในครอบครัวห่างเหิน 13 5.20<br />
อื่นๆ ระบุ 7 2.90<br />
รวม 248 100.00<br />
จากตารางที่ 4-25 พบว่า สาเหตุของการเกิดความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชนของ<br />
ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เกิดจาก เมาสุรา มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 39.10 รองลงมา หึงหวง/<br />
นอกใจ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 19.80 และ เครียด/สุขภาพจิต มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 14.10<br />
ตำรำงที่ 4-26 จ านวนและร้อยละของการไกล่เกลี่ยความรุนแรงของคนในชุมชน<br />
กำรไกล่เกลี่ยควำมรุนแรงของคนในชุมชน จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่เคย 49 38.90<br />
เคย 41 32.50<br />
ไม่ทราบ 36 28.60<br />
รวม 126 100.00<br />
จากตารางที่ 4-26 พบว่า การไกล่เกลี่ยความรุนแรงของคนในชุมชนของผู้ตอบแบบสอบถาม<br />
ส่วนใหญ่ ไม่เคยไกล่เกลี่ยความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 38.90 รองลงมา เคยไกล่เกลี่ยความ<br />
รุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 32.50 และไม่ทราบ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 28.60<br />
ตำรำงที่ 4-27 จ านวนและร้อยละของลักษณะความสัมพันธ์ของผู้กระท าและผู้ถูกกระท าในครอบครัว<br />
ของคนในชุมชน<br />
ลักษณะควำมสัมพันธ์ของผู้กระท ำและผู้ถูกกระท ำ จ ำนวน ร้อยละ<br />
คู่สมรส (สามีภรรยา) 55 24.30<br />
ผู้ที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยา(ไม่ได้จดทะเบียน) 63 27.90<br />
สามีภรรยาที่เป็นคู่สมรสเดิม 11 4.90<br />
ผู้ที่เคยอยู่กินกันฉันสามีภรรยา(ไม่ได้จดทะเบียน) 29 12.80<br />
บุตร บุตรบุญธรรม(เด็ก เยาวชนฯลฯ)โดยคนในครอบครัว 45 19.90<br />
ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ถูกกระท าโดยคนในครอบครัว 14 6.20<br />
อื่นๆ ระบุ 9 4.00<br />
รวม 226 100.00<br />
38
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
จากตารางที่ 4-27 พบว่า ลักษณะความสัมพันธ์ของผู้กระท าและผู้ถูกกระท าของคนในชุมชน<br />
ของผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่เป็น ผู้ที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยา(ไม่ได้จดทะเบียน) มีจ านวนคิดเป็น<br />
ร้อยละ 27.90 รองลงมา คู่สมรส (สามีภรรยา) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 24.30 และบุตร บุตรบุญธรรม<br />
(เด็ก เยาวชนฯลฯ)โดยคนในครอบครัว มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 19.90<br />
ตำรำงที่ 4-28 จ านวนและร้อยละผู้ถูกกระท าความรุนแรงในครอบครัวในชุมชนผู้ตอบแบบสอบถาม<br />
ผู้ถูกกระท ำควำมรุนแรงในครอบครัวในชุมชน จ ำนวน ร้อยละ<br />
เด็กหรือเยาวชน 90 40.50<br />
สตรี 73 32.90<br />
ผู้สูงอายุหรือผู้พิการ 51 23.00<br />
อื่นๆ ระบุ 8 3.60<br />
รวม 222 100.00<br />
จากตารางที่ 4-28 พบว่า ผู้ถูกกระท าความรุนแรงในครอบครัวในชุมชนของผู้ตอบแบบ<br />
สอบถามส่วนใหญ่ คือ เด็กหรือเยาวชน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 40.50 รองลงมา สตรี มีจ านวนคิด<br />
เป็นร้อยละ 32.90 และผู้สูงอายุหรือผู้พิการ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 23.00<br />
ตำรำงที่ 4-29 จ านวนและร้อยละความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามหากเกิดความรุนแรงใน<br />
ครอบครัวของคนในชุมชน<br />
หำกเกิดควำมรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชน จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่คิดท าอะไร 298 11.00<br />
ช่วยห้ามปราม/ไกล่เกลี่ย 825 30.20<br />
ขอความช่วยเหลือ/แจ้งเหตุ 856 31.50<br />
ช่วยห้ามปรามไกล่เกลี่ยและขอความช่วยเหลือ/แจ้งเหตุ 734 27.00<br />
อื่นๆ ระบุ 7 0.30<br />
รวม 2,720 100.00<br />
จากตารางที่ 4-29 พบว่า ความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามหากเกิดความรุนแรงใน<br />
ครอบครัวของคนในชุมชน โดยส่วนใหญ่ ขอความช่วยเหลือ/แจ้งเหตุ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 31.50<br />
รองลงมา ช่วยห้ามปราม/ไกล่เกลี่ย มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 30.20 และช่วยห้ามปรามไกล่เกลี่ยและ<br />
ขอความช่วยเหลือ/แจ้งเหตุ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 27.00<br />
39
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ตำรำงที่ 4-30 จ านวนและร้อยละความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามในการขอความช่วยเหลือหรือ<br />
แจ้งเหตุหากเกิดความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชน<br />
กำรขอควำมช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุหำกเกิดควำมรุนแรงใน จ ำนวน ร้อยละ<br />
ครอบครัวของคนในชุมชน<br />
เพื่อนบ้าน/คนในชุมชน/อบต./เทศบาล 1,752 45.60<br />
โรงพยาบาล 153 4.00<br />
สถานีต ารวจ 1644 42.80<br />
ส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด/ศูนย์ 271 7.10<br />
ประชาบดี 1300<br />
อื่นๆ ระบุ 18 0.50<br />
รวม 3,838 100.00<br />
จากตารางที่ 4-30 พบว่า การขอความช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุหากเกิดความรุนแรงใน<br />
ครอบครัวของคนในชุมชน โดยส่วนใหญ่ ขอความช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุจาก เพื่อนบ้าน/คนในชุมชน/<br />
อบต./เทศบาล มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 45.60 รองลงมาคือ สถานีต ารวจ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
42.80 และส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด/ศูนย์ประชาบดี 1300มีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 7.10<br />
ตำรำงที่ 4-31 จ านวนและร้อยละข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวของคนใน<br />
ชุมชน<br />
ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหำควำมรุนแรงในครอบครัว จ ำนวน ร้อยละ<br />
ให้ร่วมกันท ากิจกรรม/สร้างความอบอุ่นในครอบครัวของตนเองและ 1,718 37.30<br />
ครอบครัวของคนในชุมชน<br />
ปลูกจิตส านึกให้คนในชุมชนตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงในชุมชน 1,797 39.00<br />
และร่วมกันเฝ้าระวังปัญหา<br />
ให้มีส่วนร่วมกับหน่วยงาน/องค์กรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความ 1,080 23.40<br />
รุนแรง<br />
อื่นๆ ระบุ 17 0.30<br />
รวม 4,612 100.00<br />
จากตารางที่ 4-31 พบว่า ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวของคนใน<br />
ชุมชน โดยส่วนใหญ่ ปลูกจิตส านึกให้คนในชุมชนตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงในชุมชนและร่วมกัน<br />
เฝ้าระวังปัญหา มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 39.00 รองลงมาคือ ให้ร่วมกันท ากิจกรรม/สร้างความอบอุ่น<br />
ในครอบครัวของตนเองและครอบครัวของคนในชุมชน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 37.30 และให้มีส่วน<br />
ร่วมกับหน่วยงาน/องค์กรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 23.40<br />
40
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ตำรำงที่ 4-32 จ านวนและร้อยละของคนในชุมชนที่ถูกกระท าความรุนแรงจากบุคคลที่รู้จักกัน(ญาติ<br />
แฟน/กิ๊ก เพื่อน เพื่อนบ้าน) ในรอบ 1 ปี<br />
คนในชุมชนที่ถูกกระท ำควำมรุนแรงจำกบุคคลที่รู้จักกัน จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่เคย 2,516 92.50<br />
เคย 204 7.50<br />
รวม 2,720 100.00<br />
จากตารางที่ 4-32 พบว่า คนในชุมชนไม่เคยถูกกระท าความรุนแรงจากคนที่รู้จัก มีจ านวนคิด<br />
เป็นร้อยละ 92.50 และ เคยถูกกระท าความรุนแรงจากคนที่รู้จัก มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 7.50<br />
ตำรำงที่ 4-33 จ านวนและร้อยละของคนในชุมชนที่ถูกกระท าความรุนแรงจากบุคคลที่ไม่รู้จักกัน<br />
(คนร้าย คนแปลกหน้า การปล้น การจี้ อาชญากรรม) รอบ 1 ปี<br />
คนในชุมชนที่ถูกกระท ำควำมรุนแรงจำกบุคคลที่ไม่รู้จักกัน จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่เคย 2,695 99.10<br />
เคย 25 0.90<br />
รวม 2,720 100.00<br />
จากตารางที่ 4-33 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ไม่เคยถูกกระท าความรุนแรงจากคนที่<br />
ไม่รู้จักกัน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 99.10 และเคยถูกกระท าความรุนแรงจากคนที่ไม่รู้จักกันมีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 0.90<br />
ตำรำงที่ 4-34 จ านวนและร้อยละของคนในชุมชนที่เคยถูกกระท าความรุนแรงจากบุคคลที่ไม่รู้จักกัน<br />
เคยถูกกระท ำควำมรุนแรงจำกบุคคลที่ไม่รู้จักกัน จ ำนวน ร้อยละ<br />
เคย 1 - 2 ครั้ง 20 80.00<br />
เคย 3 – 5 ครั้ง 5 20.00<br />
รวม 25 100.00<br />
จากตารางที่ 4-34 พบว่า คนในชุมชนที่เคยถูกกระท าความรุนแรงจากบุคคลที่ไม่รู้จักกัน ของ<br />
ผู้ตอบแบบสอบถาม โดยส่วนใหญ่ เคยถูกกระท าความรุนแรง 1 - 2 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
80.00 และ เคยถูกกระท าความรุนแรง 3 – 5 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 20.00<br />
41
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ตำรำงที่ 4-35 จ านวนและร้อยละสถานที่ที่คนในชุมชนถูกกระท าความรุนแรงจากบุคคลที่ไม่รู้จักกัน<br />
สถำนที่ที่คนในชุมชนถูกกระท ำควำมรุนแรงจำกบุคคลที่ไม่รู้จักกัน จ ำนวน ร้อยละ<br />
ที่บ้าน 30 41.10<br />
ที่พัก/หอพัก ฯลฯ 7 9.60<br />
ทางเท้า ถนน สวนสาธารณะ 14 19.20<br />
ห้างสรรพสินค้า/ร้านค้า 7 9.60<br />
ตลาด 13 17.80<br />
สถานบริการ โรงหนัง โรงแรม ฯลฯ 2 2.70<br />
รวม 73 100.00<br />
จากตารางที่ 4-35 พบว่า สถานที่ที่คนในชุมชนถูกกระท าความรุนแรงจากบุคคลที่ไม่รู้จักกัน<br />
ผู้ตอบแบบสอบถาม โดยส่วนใหญ่ คนในชุมชนถูกกระท าความรุนแรง ที่บ้าน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
41.10 รองลงมาคือ ทางเท้า ถนน สวนสาธารณะ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 19.20 และตลาด มีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 17.80<br />
ตำรำงที่ 4-36 จ านวนและร้อยละของคนในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงจากบุคคลที่ไม่<br />
รู้จักกัน<br />
คนในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจำกควำมรุนแรงจำกบุคคล จ ำนวน ร้อยละ<br />
ที่ไม่รู้จักกัน<br />
เด็กหรือเยาวชน 32 43.20<br />
สตรี 31 41.90<br />
ผู้สูงอายุหรือผู้พิการ 11 14.90<br />
รวม 74 100.00<br />
จากตารางที่ 4-36 พบว่า คนในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงของ ผู้ตอบ<br />
แบบสอบถามส่วนใหญ่ คือ เด็กหรือเยาวชน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 43.20 รองลงมาคือ สตรี<br />
มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 41.90 และผู้สูงอายุหรือผู้พิการ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 14.90<br />
ตำรำงที่ 4-37 จ านวนและร้อยละของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงจากบุคคลที่ไม่รู้จักกัน<br />
ผู้ที่ได้รับผลกระทบจำกควำมรุนแรงจำกบุคคลที่ไม่รู้จักกัน จ ำนวน ร้อยละ<br />
คนในครอบครัวของตนเอง 12 19.70<br />
คนในชุมชน เพื่อนบ้าน 32 52.50<br />
ประชาชนที่เข้ามาในชุมชนชั่วคราว 13 21.30<br />
ผู้ท างาน/ปฏิบัติงานในชุมชน เช่น ข้าราชการ ทหาร ต ารวจ ครู 4 6.50<br />
ฯลฯ<br />
รวม 61 100.00<br />
42
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
จากตารางที่ 4-37 พบว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงของ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วน<br />
ใหญ่ คือ คนในชุมชน เพื่อนบ้าน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 52.50 รองลงมาคือ ประชาชนที่เข้ามาใน<br />
ชุมชนชั่วคราว มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 21.30 และคนในครอบครัวของตนเอง มีจ านวนคิดเป็น<br />
ร้อยละ 19.70<br />
ตำรำงที่ 4-38 จ านวนและร้อยละข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงจากบุคคลที่ไม่รู้จัก<br />
ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหำควำมรุนแรงจำกบุคคลที่ไม่รู้จัก จ ำนวน ร้อยละ<br />
ปลูกจิตส านึกให้คนในชุมชนตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงในชุมชน 1,360 30.80<br />
ให้ร่วมกันเฝ้าระวังปัญหาความรุนแรง 1,990 45.10<br />
ให้มีส่วนร่วมกับหน่วยงาน/องค์กรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความ 1,054 23.90<br />
รุนแรง<br />
อื่นๆ ระบุ 9 0.20<br />
รวม 4,413 100.00<br />
จากตารางที่ 4-38 พบว่า ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวของคนใน<br />
ชุมชนโดยส่วนใหญ่ ให้ร่วมกันเฝ้าระวังปัญหาความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 45.10 รองลงมา<br />
คือ ปลูกจิตส านึกให้คนในชุมชนตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงในชุมชน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
30.80 และให้มีส่วนร่วมกับหน่วยงาน/องค์กรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง มีจ านวนคิด<br />
เป็นร้อยละ 23.90<br />
43
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
2.3 ควำมรุนแรงในที่ท ำงำน<br />
ตำรำงที่ 4-39 จ านวนและร้อยละการท างานกับความรุนแรงในที่ท างานของผู้ตอบแบบสอบถาม<br />
กำรท ำงำนกับควำมรุนแรงในที่ท ำงำน จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่ได้ท างาน 1,104 40.60<br />
ท างาน แต่ไม่มีการกระท าด้วยความรุนแรง 1,572 57.70<br />
ท างานและเคยถูกกระท าความรุนแรง 10 0.40<br />
ท างานและเคยพบเห็นการกระท าด้วยความรุนแรง 34 1.30<br />
รวม 2,720 100.00<br />
จากตารางที่ 4-39 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม โดยส่วนใหญ่ ท างาน แต่ไม่มีการกระท าด้วย<br />
ความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 57.70 รองลงมาคือ ไม่ได้ท างาน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
40.60 และท างานและเคยพบเห็นการกระท าด้วยความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 1.30<br />
ตำรำงที่ 4-40 จ านวนและร้อยละผู้ตอบแบบสอบถามถูกกระท าความรุนแรงทางร่างกายในที่ท างาน<br />
(โดย หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน เจ้าของกิจการ)<br />
กำรถูกกระท ำควำมรุนแรงทำงร่ำงกำยในที่ท ำงำน จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่เคย 1,614 99.90<br />
เคย 2 0.10<br />
รวม 1,616 100.00<br />
จากตารางที่ 4-40 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามไม่เคยถูกกระท าความรุนแรงทางร่างกายในที่<br />
ท างาน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 99.90 และ เคยถูกกระท าความรุนแรงทางร่างกายในที่ท างาน มี<br />
จ านวนคิดเป็นร้อยละ 0.10<br />
ตำรำงที่ 4-41 จ านวนและร้อยละผู้ตอบแบบสอบถามถูกกระท าความรุนแรงทางจิตใจในที่ท างาน<br />
(โดย หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน เจ้าของกิจการ)<br />
กำรถูกกระท ำควำมรุนแรงทำงจิตใจในที่ท ำงำน จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่เคย 1,606 99.30<br />
เคย 10 0.70<br />
รวม 1,616 100.00<br />
จากตารางที่ 4-41 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามไม่เคยถูกกระท าความรุนแรงทางจิตใจในที่<br />
ท างาน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 99.30 และ เคยถูกกระท าความรุนแรงทางจิตใจในที่ท างาน มีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 0.70<br />
44
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ตำรำงที่ 4-42 จ านวนและร้อยละผู้ตอบแบบสอบถามถูกกระท าความรุนแรงทางเพศในที่ท างาน(โดย<br />
หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน เจ้าของกิจการ)<br />
กำรถูกกระท ำควำมรุนแรงทำงเพศในที่ท ำงำน จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่เคย 1,610 99.60<br />
เคย 6 0.40<br />
รวม 1,616 100.00<br />
จากตารางที่ 4-42 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามไม่เคยถูกกระท าความรุนแรงทางเพศในที่<br />
ท างาน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 99.60 และ เคยถูกกระท าความรุนแรงทางเพศในที่ท างาน มีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 0.40<br />
ตำรำงที่ 4-43 จ านวนและร้อยละสถานที่ท างานของผู้ตอบแบบสอบถามมีการกระท าความรุนแรง<br />
ทางร่างกายในที่ท างาน(โดย หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน เจ้าของกิจการ)<br />
สถำนที่ท ำงำนมีกำรกระท ำควำมรุนแรงทำงร่ำงกำย จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่เคย 1,600 99.00<br />
เคย 16 1.00<br />
รวม 1,616 100.00<br />
จากตารางที่ 4-43 พบว่า สถานที่ท างานของผู้ตอบแบบสอบถามไม่เคยมีการกระท าความ<br />
รุนแรงทางร่างกาย มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 99.00 และ เคยมีการกระท าความรุนแรงทางร่างกาย มี<br />
จ านวนคิดเป็นร้อยละ 1.00<br />
ตำรำงที่ 4-44 จ านวนและร้อยละสถานที่ท างานของผู้ตอบแบบสอบถามมีการกระท าความรุนแรง<br />
ทางจิตใจในที่ท างาน(โดย หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน เจ้าของกิจการ)<br />
สถำนที่ท ำงำนมีกำรกระท ำควำมรุนแรงทำงจิตใจ จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่เคย 1,601 99.00<br />
เคย 15 1.00<br />
รวม 1,616 100.00<br />
จากตารางที่ 4-44 พบว่า สถานที่ท างานของผู้ตอบแบบสอบถามไม่เคยมีการกระท าความ<br />
รุนแรงทางจิตใจ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 99.00 และ เคยมีการกระท าความรุนแรงทางจิตใจ มี<br />
จ านวนคิดเป็นร้อยละ 1.00<br />
ตำรำงที่ 4-45 จ านวนและร้อยละสถานที่ท างานของผู้ตอบแบบสอบถามมีการกระท าความรุนแรง<br />
ทางเพศในที่ท างาน(โดย หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน เจ้าของกิจการ)<br />
สถำนที่ท ำงำนมีกำรกระท ำควำมรุนแรงทำงเพศ จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่เคย 1,613 99.80<br />
เคย 3 0.20<br />
รวม 1,616 100.00<br />
45
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
จากตารางที่ 4-45 พบว่า สถานที่ท างานของผู้ตอบแบบสอบถามไม่เคยมีการกระท าความ<br />
รุนแรงทางเพศ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 99.80 และ เคยมีการกระท าความรุนแรงทางเพศ มีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 0.20<br />
ตำรำงที่ 4-46 จ านวนและร้อยละของสาเหตุของการเกิดความรุนแรงในที่ท างาน<br />
สำเหตุของกำรเกิดควำมรุนแรงในที่ท ำงำน จ ำนวน ร้อยละ<br />
เมาสุรา 40 26.00<br />
เสพยาเสพติด 1 0.60<br />
เจ็บป่วย/สุขภาพกาย 11 7.20<br />
เครียด/สุขภาพจิต 31 20.10<br />
หึงหวง/นอกใจ 24 15.60<br />
ตกงาน/เศรษฐกิจ 16 10.40<br />
ความสัมพันธ์ในครอบครัวห่างเหิน 26 16.90<br />
อื่นๆ ระบุ 5 3.20<br />
รวม 154 100.00<br />
จากตารางที่ 4-46 พบว่า สาเหตุของการเกิดความรุนแรงในที่ท างานของผู้ตอบแบบสอบถาม<br />
ส่วนใหญ่ เกิดจาก เมาสุรา มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 26.00 รองลงมาคือ เครียด/สุขภาพจิต มีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 20.10 และความสัมพันธ์ในครอบครัวห่างเหิน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 16.90<br />
ตำรำงที่ 4-47 จ านวนและร้อยละการแก้ไขปัญหาของผู้ถูกกระท าความรุนแรงในที่ท างาน<br />
กำรแก้ไขปัญหำของผู้ถูกกระท ำควำมรุนแรงในที่ท ำงำน จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่แก้ไข เฉยๆ 5 11.30<br />
หลบเลี่ยง 24 54.50<br />
ปกป้องตนเอง (ตอบโต้ ร้องเรียน แจ้งต ารวจ แจ้งหน่วยงานที่ 12 27.30<br />
เกี่ยวข้อง ฯลฯ)<br />
อื่นๆ ระบุ 3 6.90<br />
รวม 44 100.00<br />
จากตารางที่ 4-47 พบว่า การแก้ไขปัญหาของผู้ถูกกระท าความรุนแรงในที่ท างานของ ผู้ตอบ<br />
แบบสอบถามส่วนใหญ่ คือ หลบเลี่ยง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 54.50 รองลงมาคือ ปกป้องตนเอง<br />
(ตอบโต้ ร้องเรียน แจ้งต ารวจ แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 27.30 และไม่<br />
แก้ไข เฉยๆ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 11.30<br />
46
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ตำรำงที่ 4-48 จ านวนและร้อยละของผู้ถูกกระท าความรุนแรงในที่ท างาน<br />
ผู้ถูกกระท ำควำมรุนแรงในที่ท ำงำน จ ำนวน ร้อยละ<br />
เด็กหรือเยาวชน 18 27.70<br />
สตรี 42 64.60<br />
อื่นๆ (ระบุ ) 5 7.70<br />
รวม 65 100.00<br />
จากตารางที่ 4-48 พบว่า ผู้ถูกกระท าความรุนแรงในที่ท างานของ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วน<br />
ใหญ่ คือ สตรี มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 64.60 รองลงมาคือ เด็กหรือเยาวชน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
27.70 และอื่นๆ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 7.70<br />
ตำรำงที่ 4-49 จ านวนและร้อยละของการไกล่เกลี่ยความรุนแรงในที่ท างาน<br />
กำรไกล่เกลี่ยควำมรุนแรงในที่ท ำงำน จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่เคย 24 54.50<br />
เคย 20 45.50<br />
รวม 44 100.00<br />
จากตารางที่ 4-49 พบว่า การไกล่เกลี่ยความรุนแรงในที่ท างานของ ผู้ตอบแบบสอบถาม<br />
ส่วนใหญ่ คือ ไม่เคยไกล่เกลี่ยความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 54.50 และ เคยไกล่เกลี่ยความ<br />
รุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 45.50<br />
ตำรำงที่ 4-50 จ านวนและร้อยละความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามหากเกิดความรุนแรงใน<br />
สถานที่ท างาน<br />
หำกเกิดควำมรุนแรงในสถำนที่ท ำงำน จ ำนวน ร้อยละ<br />
ไม่คิดจะท าอะไร 86 5.30<br />
ช่วยห้ามปราม/ไกล่เกลี่ย 1,099 68.10<br />
ขอความช่วยเหลือ/แจ้งเหตุ 168 10.40<br />
ช่วยห้ามปรามไกล่เกลี่ยและขอความช่วยเหลือ/แจ้งเหตุ 263 16.20<br />
รวม 1,616 100.00<br />
จากตารางที่ 4-50 พบว่า ความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามหากเกิดความรุนแรงใน<br />
สถานที่ท างาน โดยส่วนใหญ่ ช่วยห้ามปราม/ไกล่เกลี่ย มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 68.10 รองลงมาคือ<br />
ช่วยห้ามปรามไกล่เกลี่ยและขอความช่วยเหลือ/แจ้งเหตุ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 16.20 และขอความ<br />
ช่วยเหลือ/แจ้งเหตุ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 10.40<br />
47
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ตำรำงที่ 4-51 จ านวนและร้อยละข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสถานที่ท างาน<br />
ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหำควำมรุนแรงในสถำนที่ท ำงำน จ ำนวน ร้อยละ<br />
ปลูกจิตส านึกให้คนในที่ท างานตระหนักถึงปัญหาความรุนแรง 762 39.50<br />
ให้ร่วมกันเฝ้าระวังปัญหาความรุนแรง 749 38.80<br />
ให้มีส่วนร่วมกับหน่วยงาน/องค์กรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความ 404 21.00<br />
รุนแรง<br />
อื่นๆ ระบุ 13 0.70<br />
รวม 1,928 100.00<br />
จากตารางที่ 4-51 พบว่า ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสถานที่ท างาน โดย<br />
ส่วนใหญ่ ปลูกจิตส านึกให้คนในที่ท างานตระหนักถึงปัญหาความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
39.50 รองลงมาคือ ให้ร่วมกันเฝ้าระวังปัญหาความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 38.80 และให้มี<br />
ส่วนร่วมกับหน่วยงาน/องค์กรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
21.00<br />
ตำรำงที่ 4-52 จ านวนและร้อยละความเครียด วิตกกังวล จากความรุนแรงด้านต่าง ๆ ของผู้ตอบ<br />
แบบสอบถาม<br />
ด้ำนควำมรุนแรง จ ำนวน ร้อยละ<br />
ความรุนแรงในครอบครัวของตนเอง 276 6.80<br />
ความรุนแรงในที่ท างานของตนเอง 342 8.50<br />
ความรุนแรงของครอบครัวของคนในชุมชน โดยบุคคลในครอบครัว 512 12.70<br />
ด้วยกันเอง<br />
ความรุนแรงของครอบครัวของคนในชุมชน โดยบุคคลอื่นที่รู้จักกัน 658 16.30<br />
(ญาติ แฟน กิ๊ก เพื่อน เพื่อนบ้าน คนในชุมชน ฯลฯ)<br />
ความรุนแรงของครอบครัวของคนในชุมชน โดยบุคคลอื่นที่ไม่รู้จักกัน 1,341 33.30<br />
(คนร้าย คนแปลกหน้า ฯลฯ จากปัญหาความขัดแย้ง การเมือง<br />
ปัญหาชายแดนใต้ การระเบิด ปล้น จี้ อาชญากรรมฯลฯ )<br />
อื่นๆ ระบุ 904 22.40<br />
รวม 4,033 100.00<br />
จากตารางที่ 4-52 พบว่า ความเครียด วิตกกังวล จากความรุนแรงด้านต่าง ๆ ของผู้ตอบ<br />
แบบสอบถาม โดยส่วนใหญ่ เครียดและวิตกกังวลจากความรุนแรงของครอบครัวของคนในชุมชน<br />
โดยบุคคลอื่นที่ไม่รู้จักกัน(คนร้าย คนแปลกหน้า ฯลฯ จากปัญหาความขัดแย้ง การเมือง ปัญหา<br />
ชายแดนใต้ การระเบิด ปล้น จี้ อาชญากรรมฯลฯ ) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 33.30 รองลงมาคือ<br />
อื่นๆ (ระบุ ) ไม่เครียด มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 22.40 และความรุนแรงของครอบครัวของคนใน<br />
ชุมชน โดยบุคคลอื่นที่รู้จักกัน(ญาติ แฟน กิ๊ก เพื่อน เพื่อนบ้าน คนในชุมชน ฯลฯ) มีจ านวนคิดเป็น<br />
ร้อยละ 16.30<br />
48
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ตำรำงที่ 4-53 จ านวนและร้อยละการช่วยลดความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงอื่นๆของ<br />
ผู้ตอบแบบสอบถาม<br />
กำรช่วยลดควำมรุนแรงในครอบครัวและควำมรุนแรงอื่นๆ จ ำนวน ร้อยละ<br />
เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่(คนในครอบครัว คนในชุมชน เพื่อนบ้าน 1,525 20.70<br />
ฯลฯ)<br />
แจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบเหตุการณ์ต่างๆ 1,489 20.20<br />
ร่วมกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อ เด็ก สตรี และความรุนแรงใน 939 12.70<br />
ครอบครัว ความรุนแรงอื่นๆ ฯลฯ<br />
เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สร้างความตระหนักการไม่กระท าความรุนแรง 892 12.10<br />
ช่วยไกล่เกลี่ยประนีประนอม 1,153 15.60<br />
ท ากิจกรรมร่วมกันกับบุคคลในครอบครัว ชุมชน 782 10.60<br />
ให้มีส่วนร่วมกับหน่วยงาน/องค์กรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความ 582 7.90<br />
รุนแรง<br />
อื่นๆ ระบุ 17 0.20<br />
รวม 7,379 100.00<br />
จากตารางที่ 4-53 พบว่า การช่วยลดความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงอื่นๆ ของ<br />
ผู้ตอบแบบสอบถาม โดยส่วนใหญ่ เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่(คนในครอบครัว คนในชุมชน เพื่อนบ้าน<br />
ฯลฯ) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 20.70 รองลงมาคือ แจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบเหตุการณ์ต่างๆมีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 20.20 และช่วยไกล่เกลี่ยประนีประนอม มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 15.60<br />
49
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ส่วนที่ 3 ข้อมูลกำรสัมภำษณ์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกำรป้องกัน<br />
และแก้ไขปัญหำควำมรุนแรงของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<br />
จากการสัมภาษณ์ข้อมูลผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของ<br />
ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจ านวน 3 แห่ง ประกอบด้วย 1) ชุมชนบ้านคลองอาราง ต.บ้าน<br />
แก้ง อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว 2)องค์การบริหารส่วนต าบลพระเพลิง อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว 3)<br />
องค์การบริหารส่วนต าบลทับพริก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการ<br />
ป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง ผลการสัมภาษณ์ พบว่า<br />
1. สถำนกำรณ์ควำมรุนแรงในครอบครัวและชุมชน<br />
จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชน<br />
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 3 แห่ง พบว่า สถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัวและชุมชน<br />
ของทั้ง 3 พื้นที่ในปัจจุบันนั้น มีบ้างแต่เป็นส่วนน้อย ส าหรับปัญหาที่พบพื้นที่คือ ปัญหายาเสพติด<br />
ปัญหาเยาวชนตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ปัญหาสามีมีภรรยาน้อย ปัญหาความขัดแย้งระหว่างญาติ<br />
พี่น้อง และบางพื้นที่มีปัญหาความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นในชุมชน ซึ่งผู้ถูกกระท าได้รับความ<br />
ช่วยเหลือและเข้าไปแก้ไขปัญหาจากหน่วยงานในพื้นที่และหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบเป็นที่<br />
เรียบร้อย<br />
ส าหรับปัญหาความรุนแรงในชุมชนที่พบในพื้นที่ชายแดน ไทย – กัมพูชา ยังพบปัญหาใน<br />
เรื่องของ การลักทรัพย์จักรยานยนต์) เป็นต้น<br />
“สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่อบต.พระเพลิงก็มีบ้างแต่ไม่มาก ท่านนายกองค์การ<br />
บริหารส่วนต าบลได้ให้ความส าคัญในการแก้ไขปัญหานี้เป็นอย่างมาก”<br />
(ปลัดองค์การบริหารส่วนต าบลพระเพลิง ,8 กรกฎาคม <strong>2556</strong>)<br />
“ในอดีตเมื่อประมาณ 3 ปีก่อนเยาชนในพื้นที่มีปัญหาเรื่องของการท้องก่อนวัยอันควร<br />
เรียนจบเพียงชั้นมัธยมศึกษา 3 ก็มีลูกแล้ว”<br />
(บุคลากรองค์การบริหารส่วนต าบลทับพริก ,8 กรกฎาคม <strong>2556</strong>)<br />
“ในชุมชนของเรามีปัญหาอะไรก็มีคณะกรรมชุมชนเข้ามาช่วยในการแก้ไขปัญหา เช่น<br />
ปัญหาที่สามีไปมีภรรยาน้อย ญาติพี่น้องทะเลาะกันเรื่องที่ดิน และยังมีความขัดแย้งระหว่างเพื่อน<br />
บ้าน ซึ่งทางคณะกรรมการหมู่บ้านเข้าไปแก้ไขปัญหาทั้งหมด”<br />
(ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคลองอาราง ,29 กรกฎาคม <strong>2556</strong>)<br />
2. บทบำทของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในกำรแก้ไขปัญหำควำมรุนแรง<br />
จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง<br />
ของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 3 แห่ง พบว่าผู้น าชุมชน(ก านัน ผู้ใหญ่บ้าน<br />
คณะกรรมการหมู่บ้าน) ในทั้ง 3 พื้นที่มีบทบาทส าคัญในการเข้าไปแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น<br />
ในครอบครัวและชุมชน ทั้งการเจรจา ประนีประนอมและไกล่เกลี่ยปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งช่วยสามารถ<br />
คลี่คลายปัญหาและลดข้อพิพาท รวมถึงคดีความที่เกิดขึ้นในชุมชนได้<br />
และในบางพื้นที่มีประชาชนที่มีจิตอาสา โดยอาสาสมัครเข้ามาเพื่อเข้ามาดูแลและแก้ไข<br />
ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่โดยไม่ได้รับค่าตอบแทน<br />
50
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
นอกจากนั้นเมื่อเกิดปัญหาในพื้นที่เจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึง<br />
อาสาสมัครในแต่ละด้านจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการดูแลเก็บข้อมูลปัญหาและน าไปสู่การแก้ไขปัญหา<br />
ต่อไป<br />
“ พื้นที่องค์การบริหารส่วนต าบลพระเพลิง ไม่กลไกในการดูแลเฝ้าระวังความรุนแรง แต่ด้วย<br />
วัฒนธรรมชุมชน ความสามารถของ ก านัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาจะสามารถ เข้ามาร่วมแก้ไข<br />
ปัญหาต่างๆได้โดยมีการรวมตัวเป็นเครือข่ายภายในชุมชน เป็นครั้งคราวเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นๆ”<br />
(นายกองค์การบริหารส่วนต าบลพระเพลิง ,8 กรกฎาคม <strong>2556</strong>)<br />
“ในการท างานบริหารและพัฒนาชุมชนผมไม่สามารถท างานคนเดียวได้ ท้องถิ่นของเรามี<br />
ประชาชนที่มีจิตอาสา อาสาสมัครเข้ามาท างานด้านการเฝ้าระวังความรุนแรงและสถานการณ์ทาง<br />
สังคม โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนใดใด”<br />
(นายกองค์การบริหารส่วนต าบลทับพริก ,8 กรกฎาคม <strong>2556</strong>)<br />
“ในชุมชนของเรามีคณะกรรมการหมู่บ้านที่เข้าไปแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น รวมทั้งมี<br />
ธรรมนูญหมู่บ้านที่ทุกคนในชุมชนต้องปฏิบัติร่วมกัน”<br />
(ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคลองอาราง ,29 กรกฎาคม <strong>2556</strong>)<br />
3. วิธีกำรหรือแนวทำงในกำรป้องกันและแก้ไขปัญหำควำมรุนแรง<br />
จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง<br />
ของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 3 แห่ง พบว่า ทั้ง 3 พื้นที่มีวิธีการและรูปแบบการ<br />
ป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงทั้งที่คล้ายกันและแตกต่างกัน ตามบริบทของพื้นที่<br />
1) องค์กำรบริหำรส่วนต ำบลพระเพลิง<br />
เน้นวิธีการและแนวทางในการท า<br />
นโยบายเชิงรุก โดยการป้องกันไม่ให้เกิดความ<br />
รุนแรงในพื้นที่ โดยอาศัยกิจกรรมที่เสริมสร้าง<br />
ความรักความสามัคคี และสอดคล้องกับ<br />
ขนบธรรมเนียม ประเพณีวัฒนธรรม เช่น โครงการ<br />
ลดละเลิกสุราในช่วงเข้าพรรษา โครงการบวชเณร<br />
ใน 1 ชั้นเรียนของโรงเรียนในพื้นที่ โครงการ<br />
ต้นกล้าพระเพลิง เป็นต้น<br />
ส่วนแนวทางในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงนั้น พื้นที่องค์กรบริหารส่วนต าบลพระเพลิง<br />
ไม่มีกลไกการบริหารงานหรือคณะกรรมการที่ดูแลโดยตรง แต่โดยรูปแบบของวัฒนธรรมท้องถิ่นใน<br />
พื้นที่มีความเข็มแข็งและสมัครสมานสามัคคีในชุมชน จึงอาศัยความสามารถของ นายกองค์การ<br />
บริหารส่วนต าบล ก านัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าไปแก้ไขและจัดการปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น<br />
51
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
2) องค์กำรบริหำรส่วนต ำบลทับพริก<br />
มียุทธศาสตร์ รูปแบบและกลไกที่<br />
ชัดเจนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความ<br />
รุนแรงในพื้นที่ โดยองค์การบริหารส่วนต าบล<br />
ทับพริกมีการขับเคลื่อนบน ยุทธศาสตร์ 3<br />
สายใย<br />
1. สายใยรักจากอสม.สู่ชุมชน – ตรวจคัดกรองโรค มีการเยี่ยมผู้ป่วยและติดตาม<br />
อาการของผู้ป่วยตามบ้าน<br />
2. สายใยรักจากอบต.สู่ชุมชน - ดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม ผู้ป่วยเรื้อรัง รถฉุกเฉินเพื่อ<br />
รับส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาล โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย<br />
3. สายใยรักจากผู้น าสู่ชุมชน – ก านัน ผู้ใหญ่บ้าน อพปร. ร่วมมือกันในการแก้ไข<br />
ปัญหายาเสพย์ติด (การจัดท าฐานข้อมูลยาเสพย์ติดในชุมชน เพื่อที่จัดการกับกลุ่มเสี่ยงก่อนที่จะเกิด<br />
ความรุนแรง) จัดระเบียบสังคม ในพื้นที่อ าเภอทับพริก (ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน ศูนย์เฝ้าระวัง<br />
หญิง (หญิงไทยใสสวยด้วยชุมชน)<br />
โดยมีศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กรชุมชน ต.ทับพริก(ศอชต.) เป็นกลไกส าคัญ<br />
ประกอบด้วย<br />
1. ศูนย์เฝ้าระวังหญิง(หญิงไทยใสสวยด้วยชุมชน)<br />
2. ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน<br />
3. ศูนย์เฝ้าระวังป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน<br />
4. สภาเด็กและเยาวชนต าบลทับพริก<br />
5. ศูนย์ต ารวจชุมชน<br />
6. ศูนย์ต่อสู้เอาชนะยาเสพติด<br />
7. ศูนย์รับส่งผู้ป่วยฉุกเฉินและเรื้อรัง<br />
โดยการน าและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์โดยองค์การบริหารส่วนต าบลร่วมกับหน่วยงานพื้นที่<br />
เช่นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบล เป็นต้น และภาคีเครือข่าย เช่น ส านักงานพัฒนาสังคมและ<br />
ความมั่นคงของมนุษย์<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> และที่ส าคัญที่สุดคือ ประชาชนที่มีจิตอาสาเข้ามามีส่วนร่วมใน<br />
ศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กรชุมชน ต.ทับพริก(ศอชต.) แต่ละศูนย์<br />
52
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
3) ชุมชนหมู่บ้ำนคลองอำรำง<br />
ต.บ้ำนแก้ง อ.เมืองสระแก้ว<br />
มีรูปแบบและกลไกที่ชัดเจนในการ<br />
ป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ โดย<br />
อาศัยกลไกของคณะกรรมการหมู่บ้านในการเข้าไป<br />
ป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น และ<br />
ที่ส าคัญมีธรรมนูญสุขภาพบ้านคลองอารางหมู่บ้าน<br />
น่าอยู่ด้วยกระบวนการจัดการตนเองอย่างยั่งยืน<br />
(ฉบับที่1) พ.ศ.2555 เป็นเสมือนข้อตกลงร่วมกัน<br />
ของชาวบ้านคลองอาราง หน่วยงาน องค์กรกลุ่มชุมชน ภาคีเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อสร้างสุขภาวะทาง<br />
กาย จิต สติปัญญา ของประชาชนในหมู่บ้าน<br />
และสิ่งที่น่าสนใจของชุมชนบ้านคลองอาราง คือ การถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจทางด้าน<br />
ประเพณีวัฒนธรรม และการอยู่อย่างมีความสุข ด้วยการคิดเชิงบวก ซึ่งเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในกับ<br />
เด็ก เยาวชน ประชาชนในหมู่บ้าน ห่างไกลจากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัวและ<br />
ชุมชน จากรุ่นสู่รุ่น จากอดีตจนถึงปัจจุบัน<br />
4. กิจกรรมโครงกำรในกำรป้องกันและแก้ไขปัญหำควำมรุนแรง<br />
จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง<br />
ของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 3 แห่ง พบว่า มีกิจกรรมโครงการในการป้องกันและ<br />
แก้ไขปัญหาความรุนแรงดังนี้<br />
องค์กำรบริหำรส่วนต ำบลพระเพลิง<br />
1. โครงการสภาเด็กและเยาวชน<br />
2. โครงการต้นกล้าพระเพลิง<br />
3. โครงการเพื่อเสริมสร้างความรักความสามัคคีในครอบครัว<br />
4. โครงการลดละเลิกสุราช่วงเข้าพรรษา<br />
5. โครงการบวชเณร ใน 1 ชั้นเรียนของโรงเรียนในพื้นที่<br />
6. โครงการเยี่ยมบ้านเยี่ยมใจ<br />
7. โครงการห่วงใยผู้สูงอายุผู้พิการ เด็กและเยาวชน<br />
8. โครงการจูงมือลูกหลานเข้าวัด<br />
53
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
องค์กำรบริหำรส่วนต ำบลทับพริก<br />
1. โครงการสภาเด็กและเยาวชน<br />
2. โครงการสวยใสไม่ท้อง<br />
3. โครงการ 25 ตาสัปปะรด<br />
4. โครงการลดละเลิกสุราช่วงเข้าพรรษา<br />
5. โครงการกีฬาต้านยาเสพติด<br />
6. โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน<br />
7. โครงการหมู่บ้านคู่ขนานชายแดนกับประเทศกัมพูชา<br />
8. โครงการต่างๆภายใต้ศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กรชุมชน ต.ทับพริก(ศอชต.)<br />
ชุมชนบ้ำนอำรำง ต.บ้ำนแก้ง อ.เมืองสระแก้ว<br />
1. โครงการครอบครัวประชาธิปไตย<br />
2. โครงการกีฬาต้านยาเสพติด<br />
3. โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน<br />
4. โครงการครอบครัวอบอุ่น(ร่วมกิจกรรมเข้าค่ายทั้งครอบครัว พ่อ แม่ ลูก)<br />
ช่วงวันสงกรานต์<br />
5. โครงการค่ายธรรมะ<br />
6. โครงการก่อนเกษียณอายุ<br />
7. โครงการเข้าค่ายเยาวชน<br />
8. โครงการต ารวจจิ๋ว<br />
54
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
5. ภำคีเครือข่ำยที่เข้ำมำมีส่วนร่วมในกำรป้องกันและแก้ไขปัญหำควำมรุนแรง<br />
จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง<br />
ของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 3 แห่ง พบว่า ทั้ง 3 พื้นที่มีหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่<br />
เข้ามามีส่วนร่วมและส่งเสริมกิจกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงโดยเฉพาะหน่วยงาน<br />
ภาครัฐ โดยเข้ามาสนับงบประมาณ กิจกรรม โครงการ และวิทยากร ได้แก่ ส านักพัฒนาสังคมและ<br />
ความมั่นคงของมนุษย์<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> (ส่งเสริมอาชีพ ผู้สูงอายุ เยาวชนและเครือข่ายเฝ้าระวัง)<br />
ส านักงานพัฒนาชุมชน(เศรษฐกิจพอเพียง) สาธารณสุขจังหวัด(ด้านสุขภาพ) หน่วยงานด้านความ<br />
มั่นคง เช่น กองอ านวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> กองก าลังบูรพา<br />
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานีต ารวจภูธรในพื้นที่ และส านักงานยุติธรรมจังหวัด เป็นต้น<br />
และในบ้างพื้นที่มีภาคีเครือข่ายกับประเทศเพื่อนบ้านในการประสานงานระหว่างเครือข่าย<br />
กับประเทศเพื่อนบ้าน (กัมพูชา) จัด “โครงการหมู่บ้านคู่ขนานชายแดนกับประเทศกัมพูชา”<br />
เป็นโครงการของกองก าลังบูรพา มีการท างานร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศ มีการแลกเปลี่ยนเบอร์<br />
โทรศัพท์ และใช้วิทยุสื่อสารเป็นช่องทางในการประสานงาน ที่ผ่านมาได้ท างานร่วมกันในเรื่องของการ<br />
โจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์<br />
6. ปัจจัยที่ส่งผลควำมส ำเร็จในกำรป้องกันและแก้ไขปัญหำควำมรุนแรง<br />
จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง<br />
ของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 3 แห่ง พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อความส าเร็จ คือ ความ<br />
สามัคคีประชาชนในชุมชนและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้น ากับประชาชนในพื้นที่ ทั้งสองปัจจัยมี<br />
ความส าคัญต่อความส าเร็จในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง<br />
“ ปัจจัยที่ท าให้การแก้ไขปัญหาของอบต.ประสบความส าเร็จได้ คือ ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง<br />
ผู้น าชุมชนภายในพื้นที่อบต.พระเพลิง ที่ไม่มีความขัดแย้ง มีความสามัคคี ท าให้การแก้ไขปัญหาได้ง่าย<br />
”<br />
(นายกองค์การบริหารส่วนต าบลพระเพลิง ,8 กรกฎาคม <strong>2556</strong>)<br />
“ ความสามัคคีของชุมชน ประชาชนในชุมชนมีจิตอาสา ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่<br />
เกี่ยวข้องในแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ”<br />
(นายกองค์การบริหารส่วนต าบลทับพริก ,8 กรกฎาคม <strong>2556</strong>)<br />
“ ความสามัคคีของชุมชน และความร่วมมือจากประชาชนที่เกี่ยวข้องในแก้ไขปัญหาอย่าง<br />
จริงจังรวมถึงวัฒนธรรมชุมชนของที่นี้ด้วย ”<br />
(ผู้ใหญ่บ้านคลองอาราง ,29 กรกฎาคม <strong>2556</strong>)<br />
55
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
7. ปัญหำอุปสรรคและข้อเสนอแนะในกำรป้องกันและแก้ไขปัญหำควำมรุนแรง<br />
จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง<br />
ของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 3 แห่ง พบว่า มีปัญหาในเรื่องของงบประมาณที่ใช้ใน<br />
การจัดกิจกรรม และจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง และบางพื้นที่<br />
ประสบปัญหาความรุนแรงของยาเสพติดที่แพร่ระบาดเข้ามาในชุมชน ซึ่งต้องการให้หน่วยงานที่<br />
เกี่ยวข้องให้ความส าคัญเป็นพิเศษ<br />
“ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากยาเสพย์ติดในชุมชนนั้น เป็นปัญหาส าคัญในทุกชนชน ซึ่ง<br />
จ าเป็นจะต้องได้รับการแก้ไขปัญหาในประเทศจากนโยบายของรัฐ ต้องใช้เจ้าหน้าที่ต ารวจในการ<br />
แก้ปัญหา เพราะในระดับชุมชนยังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้”<br />
(นายกองค์การบริหารส่วนต าบลพระเพลิง ,8 กรกฎาคม <strong>2556</strong>)<br />
“งบประมาณในการสนับสนุนในส่วนของวิทยุสื่อสาร และค่าน้ ามันรถในการออกตรวจความ<br />
เรียบร้อยภายในต าบล”<br />
56
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
บทที่ 5<br />
สรุปผลกำรวิจัยและข้อเสนอแนะ<br />
การวิจัยเรื่องการส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong> ครั้งนี้<br />
มีวัตถุประสงค์ เพื่อส ารวจสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาสและ<br />
ศึกษารูปแบบในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ตลอดจน ศึกษาข้อเสนอเชิงนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของ<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>คณะผู้วิจัยได้ก าหนดวิธีการด าเนินการวิจัยทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ การวิจัยครั้ง<br />
นี้มุ่งส ารวจสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาสใน<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ซึ่ง<br />
เป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว ในที่ท างานและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในชุมชน และศึกษา<br />
รูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัด<br />
สระแก้ว ตลอดจนการศึกษาข้อเสนอเชิงนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของ<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ซึ่งในการวิจัยครั้งนี้ ได้ท าการเก็บข้อมูลจาก กลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม คือ<br />
1. ประชาชนในพื้นที่ 9 อ าเภอทั้ง 58 ต าบลของ<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> จ านวน 2,720 คน<br />
วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) กลุ่มเด็กและเยาวชน กลุ่มผู้ที่มีงานท า และ<br />
กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบโควตา (Quota Sampling) เพื่อใช้<br />
ในการเก็บข้อมูลแบบสอบถาม โดยใช้แบบส ารวจข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรง ปี <strong>2556</strong> ของศูนย์<br />
เฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม ส านักงานมาตรฐานการพัฒนาและความมั่นคงของมนุษย์ ส านักงาน<br />
ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และท าการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิง<br />
พรรณนา โดยแบบสอบถามปลายปิดจะใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการแจกแจงค่าความถี่ ค่าร้อย<br />
ละ ส่วนของปลายเปิดจะใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าความถี่และการจัดกลุ่มของปัญหาและ<br />
ข้อเสนอแนะ<br />
2. ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชนและองค์กร<br />
ปกครองส่วนท้องถิ่น<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> จ านวน 3 แห่ง ประกอบด้วย 1) ชุมชนบ้านคลองอาราง ต.บ้าน<br />
แก้ง อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว 2) องค์การบริหารส่วนต าบลพระเพลิง อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว และ<br />
3) องค์การบริหารส่วนต าบลทับพริก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง<br />
(Purposive Sampling) ผู้บริหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อท าการสัมภาษณ์ข้อมูลและท าการ<br />
วิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย<br />
โดยคณะผู้วิจัยสามารถสรุปผลการศึกษาและข้อเสนอแนะได้ดังนี้<br />
57
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
สรุปผลกำรวิจัย<br />
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถำม<br />
จากผลการศึกษาผู้ตอบแบบสอบถามจ านวน 2,720 คน ส่วนใหญ่เป็น เพศหญิง<br />
มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 55.70 รองลงมาเป็น เพศชาย มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 44.30 ส่วนใหญ่มีอายุ<br />
ระหว่าง 26 – 59 ปีบริบูรณ์ (วัยท างาน) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 50.30 มีการศึกษาในระดับ<br />
ประถมศึกษาหรือต่ ากว่า มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 31.40 มีสถานภาพสมรส คิดเป็นร้อยละ 60.00 ส่วน<br />
ใหญ่ประกอบอาชีพ อื่น ๆ (เช่น ลูกจ้างทั่วไป ท านา ท าไร่) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 21.90 รองลงมา<br />
ประกอบอาชีพ นักเรียน/ นักศึกษา มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 21.70 และไม่ได้ท างาน/ ไม่มีอาชีพ<br />
มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 18.90<br />
ส่วนที่ 2 ข้อมูลสถำนกำรณ์ควำมรุนแรง<br />
2.1 ควำมรุนแรงในครอบครัว<br />
จากผลการส ารวจข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัว พบว่า ผู้ตอบ<br />
แบบสอบถามส่วนใหญ่ มีความสัมพันธ์ของบุคคลในครอบครัวอบอุ่น มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 89.90<br />
และความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่อบอุ่น มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 10.10 มีบุคคลใน ครอบครัวที่มี<br />
อารมณ์รุนแรงหรือชอบใช้ก าลัง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 4.40 เคยถูกกระท าความรุนแรงจากคนใน<br />
ครอบครัว มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 2.00 ภายในครอบครัว มีการกระท าความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็น<br />
ร้อยละ 2.40<br />
จากจ านวนผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในครอบครัวมีการกระท าความรุนแรง จ านวน<br />
63 คน (ร้อยละ 2.40) เมื่อจ าแนกตามความรุนแรง พบว่า ภายในครอบครัวมีการกระท าความรุนแรง<br />
โดยส่วนใหญ่ มีการกระท าความรุนแรงทางร่างกาย 1 - 2 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 55.60 มีการ<br />
กระท าความรุนแรงทางจิตใจ 1 - 2 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 54.00 มีการกระท าความรุนแรงทาง<br />
เพศ 1 - 2 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 7.90<br />
ซึ่งเมื่อเกิดความรุนแรงในครอบครัวผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เคยคิดหรือเคยท าใน<br />
การป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว โดยส่วนใหญ่ ท ากิจกรรมนอกบ้าน มีจ านวนคิด<br />
เป็นร้อยละ 25.00 รองลงมา ไม่คิดท าอะไร มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 18.80 และ หนีออกจากบ้าน มี<br />
จ านวนคิดเป็นร้อยละ 17.90<br />
สาเหตุของการเกิดความรุนแรงในครอบครัวของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เมา<br />
สุรา มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 31.80 รองลงมา ตกงาน/เศรษฐกิจ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 16.60 และ<br />
หึงหวง/นอกใจ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 13.40<br />
ลักษณะความสัมพันธ์ของผู้กระท าและผู้ถูกกระท าของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่<br />
เป็น ผู้ที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยา(ไม่ได้จดทะเบียน) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 33.00 รองลงมา บุตร<br />
บุตรบุญธรรม(เด็ก เยาวชนฯลฯ)โดยคนในครอบครัว มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 28.20 และคู่สมรส<br />
(สามีภรรยา) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 23.50<br />
58
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ผู้ถูกกระท าความรุนแรงหรือได้รับผลกระทบจากความรุนแรงของผู้ตอบ<br />
แบบสอบถามส่วนใหญ่ คือ สตรี มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 44.90 รองลงมา เด็กหรือเยาวชน มีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 43.00 และ ผู้สูงอายุหรือผู้พิการ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 10.20<br />
หากเกิดความรุนแรงในครอบครัว โดยส่วนใหญ่ ช่วยห้ามปราม/ไกล่เกลี่ย มีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 56.50 รองลงมาช่วยห้ามปรามไกล่เกลี่ยและขอความช่วยเหลือ/แจ้งเหตุ มีจ านวนคิด<br />
เป็นร้อยละ 26.00 และขอความช่วยเหลือ/แจ้งเหตุ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 14.20 การขอความ<br />
ช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุหากเกิดความรุนแรงในครอบครัว โดยส่วนใหญ่ เพื่อนบ้าน/คนในชุมชน/<br />
อบต./เทศบาล มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 51.30 รองลงมาคือ สถานีต ารวจ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
33.50 และ ส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด/ศูนย์ประชาบดี 1300 มีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 8.70<br />
การรับทราบถึงพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระท าด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550<br />
พบว่า ส่วนใหญ่ ไม่เคยได้ยิน ไม่สนใจ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 39.50 รองลงมา ไม่ทราบแต่สนใจ<br />
มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 31.20 และ พอทราบบ้าง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 23.50<br />
2.2 ควำมรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชนและควำมรุนแรงในชุมชน<br />
จากผลการส ารวจข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชนและ<br />
ความรุนแรงในชุมชน พบว่า ส่วนใหญ่ภายในชุมชนไม่มีการกระท าความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็น<br />
ร้อยละ 95.40 และ ภายในชุมชนมีการกระท าความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 4.60<br />
จากจ านวนผู้ตอบแบบสอบถามที่ภายในชุมชนมีการกระท าความรุนแรง 126 คน<br />
(ร้อยละ 4.60) พบว่า ภายในชุมชนมีการกระท าความรุนแรง โดยส่วนใหญ่ เคยมีการกระท าความ<br />
รุนแรงทางร่างกาย 1 - 2 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 50.00 ภายในชุมชนเคยมีการกระท าความ<br />
รุนแรงทางจิตใจ 1 - 2 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 38.10 และเคยมีการกระท าความรุนแรงทางเพศ<br />
1 - 2 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 11.10<br />
ส่วนสถานที่ในการกระท าความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชนผู้ตอบ<br />
แบบสอบถามโดยส่วนใหญ่ มีการกระท าความรุนแรง ที่บ้าน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 58.50 รองลงมา<br />
ทางเท้า ถนน สวนสาธารณะ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 16.50 และ ตลาด มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
13.10<br />
สาเหตุของการเกิดความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชนของผู้ตอบแบบสอบถาม<br />
ส่วนใหญ่ เกิดจาก เมาสุรา มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 39.10 รองลงมา หึงหวง/นอกใจ มีจ านวนคิดเป็น<br />
ร้อยละ 19.80 และ เครียด/สุขภาพจิต มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 14.10<br />
การไกล่เกลี่ยความรุนแรงของคนในชุมชนของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ ไม่เคย<br />
ไกล่เกลี่ยความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 38.90 รองลงมา เคยไกล่เกลี่ยความรุนแรง มีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 32.50<br />
ลักษณะความสัมพันธ์ของผู้กระท าและผู้ถูกกระท าของคนในชุมชนของผู้ตอบ<br />
แบบสอบถาม ส่วนใหญ่เป็น ผู้ที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยา(ไม่ได้จดทะเบียน) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
59
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
27.90 รองลงมา คู่สมรส (สามีภรรยา) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 24.30 และบุตร บุตรบุญธรรม(เด็ก<br />
เยาวชนฯลฯ)โดยคนในครอบครัว มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 19.90<br />
ผู้ถูกกระท าหรือผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในครอบครัวในชุมชนของผู้ตอบ<br />
แบบสอบถามส่วนใหญ่ คือ เด็กหรือเยาวชน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 40.50 รองลงมา สตรี มีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 32.90 และผู้สูงอายุหรือผู้พิการ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 23.00<br />
หากเกิดความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชน โดยส่วนใหญ่ ขอความช่วย<br />
เหลือ/แจ้งเหตุ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 31.50 รองลงมา ช่วยห้ามปราม/ไกล่เกลี่ย มีจ านวนคิดเป็น<br />
ร้อยละ 30.20 และช่วยห้ามปรามไกล่เกลี่ยและขอความช่วยเหลือ/แจ้งเหตุ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
27.00<br />
การขอความช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุหากเกิดความรุนแรงในครอบครัวของคนใน<br />
ชุมชน โดยส่วนใหญ่ ขอความช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุจาก เพื่อนบ้าน/คนในชุมชน/อบต./เทศบาล<br />
มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 45.60 รองลงมาคือ สถานีต ารวจ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 42.80 และ<br />
ส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด/ศูนย์ประชาบดี 1300 มีจ านวนคิดเป็น<br />
ร้อยละ 7.10<br />
ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวของคนในชุมชน โดยส่วน<br />
ใหญ่ ปลูกจิตส านึกให้คนในชุมชนตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงในชุมชนและร่วมกันเฝ้าระวังปัญหา<br />
มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 39.00 รองลงมาคือ ให้ร่วมกันท ากิจกรรม/สร้างความอบอุ่นในครอบครัวของ<br />
ตนเองและครอบครัวของคนในชุมชน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 37.30 และให้มีส่วนร่วมกับหน่วยงาน/<br />
องค์กรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 23.40<br />
ในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา คนในชุมชนไม่เคยถูกกระท าความรุนแรงจากคนที่รู้จัก<br />
มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 92.50 และ เคยถูกกระท าความรุนแรงจากคนที่รู้จัก มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
7.50<br />
ในรอบ 1 ปี ผ่านมา คนในชุมชนส่วนใหญ่ไม่เคยถูกกระท าความรุนแรงจากคนที่ไม่<br />
รู้จักกัน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 99.10 และเคยถูกกระท าความรุนแรงจากคนที่ไม่รู้จักกัน<br />
มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 0.90<br />
จากจ านวนผู้ตอบแบบสอบถาม คนในชุมชนเคยถูกกระท าความรุนแรงจากบุคคลที่<br />
ไม่รู้จักกัน จ านวน 25 คน (ร้อยละ 0.90) พบว่า คนในชุมชนเคยถูกกระท าความรุนแรง โดยส่วน<br />
ใหญ่ เคยถูกกระท าความรุนแรง 1 - 2 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 80.00 และ เคยถูกกระท าความ<br />
รุนแรง 3 – 5 ครั้ง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 20.00<br />
สถานที่ที่คนในชุมชนถูกกระท าความรุนแรงจากบุคคลที่ไม่รู้จักกันของผู้ตอบ<br />
แบบสอบถาม โดยส่วนใหญ่ คนในชุมชนถูกกระท าความรุนแรง ที่บ้าน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
41.10 รองลงมาคือ ทางเท้า ถนน สวนสาธารณะ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ19.20 และตลาดมีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 17.80<br />
60
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
คนในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง (โดยบุคคลอื่นที่ไม่รู้จัก) ของผู้ตอบ<br />
แบบสอบถามส่วนใหญ่ คือเด็กหรือเยาวชน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 43.20 รองลงมาคือสตรีมีจ านวน<br />
คิดเป็นร้อยละ 41.90 และผู้สูงอายุหรือผู้พิการ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 14.90<br />
ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง (โดยบุคคลอื่นที่ไม่รู้จัก) ของผู้ตอบ<br />
แบบสอบถามส่วนใหญ่ คือ คนในชุมชน เพื่อนบ้าน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 52.50 รองลงมาคือ<br />
ประชาชนที่เข้ามาในชุมชนชั่วคราว มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 21.30 และคนในครอบครัวของตนเอง<br />
มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 19.70<br />
ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ปัญหาความรุนแรงจากบุคคลที่ไม่รู้จักกันในชุมชน โดยส่วนใหญ่<br />
ให้ร่วมกันเฝ้าระวังปัญหาความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 45.10 รองลงมาคือ ปลูกจิตส านึกให้<br />
คนในชุมชนตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงจากบุคคลที่ไม่รู้จักกัน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 30.80 และ<br />
ให้มีส่วนร่วมกับหน่วยงาน/องค์กรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงมีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
23.90<br />
2.3 ควำมรุนแรงในที่ท ำงำน<br />
จากผลการส ารวจข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงในที่ท างาน พบว่า ผู้ตอบ<br />
แบบสอบถามโดยส่วนใหญ่ ท างาน แต่ไม่มีการกระท าด้วยความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
57.70 รองลงมาคือ ไม่ได้ท างาน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 40.60 และท างานและเคยพบเห็นการ<br />
กระท าด้วยความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 1.30<br />
โดยพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่ท างานมีจ านวน 1,616 คน (คิดเป็นร้อยละ59.40)<br />
เคยถูกกระท าความรุนแรงทางร่างกายในที่ท างาน (โดย หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน เจ้าของ<br />
กิจการ) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 0.10 เคยถูกกระท าความรุนแรงทางจิตใจในที่ท างาน มีจ านวนคิด<br />
เป็นร้อยละ 0.70 เคยถูกกระท าความรุนแรงทางเพศในที่ท างาน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 0.40<br />
และพบว่าสถานที่ท างานของผู้ตอบแบบสอบถาม เคยมีการกระท าความรุนแรง<br />
ทางร่างกาย มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 1.00 เคยมีการกระท าความรุนแรงทางจิตใจ มีจ านวนคิดเป็น<br />
ร้อยละ 1.00 และเคยมีการกระท าความรุนแรงทางเพศ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 0.20<br />
ส่วนสาเหตุของการเกิดความรุนแรงในที่ท างานของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่<br />
เกิดจาก เมาสุรา มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 26.00 รองลงมาคือ เครียด/สุขภาพจิต มีจ านวนคิดเป็น<br />
ร้อยละ 20.10 และความสัมพันธ์ในครอบครัวห่างเหิน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 16.90<br />
ส่วนการแก้ไขปัญหาของผู้ถูกกระท าความรุนแรงในที่ท างานของผู้ตอบ<br />
แบบสอบถามส่วนใหญ่ คือ หลบเลี่ยง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 54.50 รองลงมาคือ ปกป้องตนเอง<br />
(ตอบโต้ ร้องเรียน แจ้งต ารวจ แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 27.30 และ<br />
ไม่แก้ไข เฉยๆ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 11.30<br />
61
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ผู้ถูกกระท าความรุนแรงในที่ท างานของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ คือ สตรี<br />
มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 64.60 รองลงมาคือ เด็กหรือเยาวชน มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 27.70 และ<br />
อื่นๆ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 7.70 และเมื่อมีการเกิดความรุนแรงในที่ท างานพบว่า ไม่เคยไกล่เกลี่ย<br />
ความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 54.50 และ เคยไกล่เกลี่ยความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
45.50<br />
และหากเกิดความรุนแรงในสถานที่ท างาน พบว่า โดยส่วนใหญ่ ช่วยห้ามปราม/ไกล่<br />
เกลี่ย มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 68.10 รองลงมาคือ ช่วยห้ามปรามไกล่เกลี่ยและขอความช่วยเหลือ/<br />
แจ้งเหตุ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 16.20 และขอความช่วยเหลือ/แจ้งเหตุ มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
10.40<br />
ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสถานที่ท างาน โดยส่วนใหญ่ ปลูก<br />
จิตส านึกให้คนในที่ท างานตระหนักถึงปัญหาความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 39.50 รองลงมา<br />
คือ ให้ร่วมกันเฝ้าระวังปัญหาความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 38.80 และให้มีส่วนร่วมกับ<br />
หน่วยงาน/องค์กรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 21.00<br />
และจากการส ารวจความเครียด วิตกกังวล จากความรุนแรงด้านต่าง ๆ ของผู้ตอบ<br />
แบบสอบถาม โดยส่วนใหญ่ เครียดและวิตกกังวลจากความรุนแรงของครอบครัวของคนในชุมชน<br />
โดยบุคคลอื่นที่ไม่รู้จักกัน(คนร้าย คนแปลกหน้า ฯลฯ จากปัญหาความขัดแย้ง การเมือง ปัญหา<br />
ชายแดนใต้ การระเบิด ปล้น จี้ อาชญากรรมฯลฯ) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 33.30 รองลงมาคือ อื่นๆ<br />
(ระบุ ) ไม่เครียด มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 22.40 และความรุนแรงของครอบครัวของคนในชุมชน โดย<br />
บุคคลอื่นที่รู้จักกัน(ญาติ แฟน กิ๊ก เพื่อน เพื่อนบ้าน คนในชุมชน ฯลฯ) มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ<br />
16.30<br />
ส าหรับการช่วยลดความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงอื่นๆ ของผู้ตอบ<br />
แบบสอบถาม โดยส่วนใหญ่ เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่(คนในครอบครัว คนในชุมชน เพื่อนบ้าน ฯลฯ)<br />
มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 20.70 รองลงมาคือ แจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบเหตุการณ์ต่างๆ มีจ านวนคิดเป็น<br />
ร้อยละ 20.20 และช่วยไกล่เกลี่ยประนีประนอม มีจ านวนคิดเป็นร้อยละ 15.60<br />
ส่วนที่ 3 รูปแบบกำรป้องกันและแก้ไขปัญหำควำมรุนแรงของชุมชนและองค์กรปกครอง<br />
ส่วนท้องถิ่น<br />
จากการวิเคราะห์ข้อมูลความรุนแรงที่เกิดขึ้นและวิธีการป้องกันและแก้ไขปัญหาของชุมชน<br />
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>สามารถก าหนดรูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหา<br />
ความรุนแรงของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ดังนี้<br />
1) องค์กำรบริหำรส่วนต ำบลพระเพลิง เน้นวิธีการและแนวทางในการท านโยบายเชิงรุก โดย<br />
การป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ โดยอาศัยกิจกรรมที่เสริมสร้างความรักความสามัคคี และ<br />
สอดคล้องกับขนบธรรมเนียม ประเพณีวัฒนธรรม เช่น โครงการลดละเลิกสุราในช่วงเข้าพรรษา<br />
โครงการบวชเณร ใน 1 ชั้นเรียนของโรงเรียนในพื้นที่ โครงการต้นกล้าพระเพลิง เป็นต้น<br />
62
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ส่วนแนวทางในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงนั้น พื้นที่องค์กรบริหารส่วนต าบลพระเพลิง<br />
ไม่มีกลไกการบริหารงานหรือคณะกรรมการที่ดูแลโดยตรง แต่โดยรูปแบบของวัฒนธรรมท้องถิ่นใน<br />
พื้นที่มีความเข็มแข็งและสมัครสมานสามัคคีในชุมชน จึงอาศัยความสามารถของ นายกองค์การ<br />
บริหารส่วนต าบล ก านัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าไปแก้ไขและจัดการปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น<br />
อบต.พระเพลิง<br />
การป้องกันและ<br />
แก้ไขปัญหา<br />
ความรุนแรง<br />
ภำคีเครือข่ำย<br />
ภำพที่ 5-1 รูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและชุมชนของ<br />
องค์การบริหารส่วนต าบลพระเพลิง<br />
2) องค์กำรบริหำรส่วนต ำบลทับพริก มียุทธศาสตร์ รูปแบบและกลไกที่ชัดเจนในการป้องกัน<br />
และแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ โดยองค์การบริหารส่วนต าบลทับพริกมีการขับเคลื่อนบน<br />
ยุทธศาสตร์ 3 สายใย<br />
1. สายใยรักจากอสม.สู่ชุมชน – ตรวจคัดกรองโรค มีการเยี่ยมผู้ป่วยและติดตาม<br />
อาการของผู้ป่วยตามบ้าน<br />
2. สายใยรักจากอบต.สู่ชุมชน - ดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม ผู้ป่วยเรื้อรัง รถฉุกเฉินเพื่อ<br />
รับส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาล โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย<br />
3. สายใยรักจากผู้น าสู่ชุมชน – ก านัน ผู้ใหญ่บ้าน อปพร. ร่วมมือกันในการแก้ไข<br />
ปัญหายาเสพติด (การจัดท าฐานข้อมูลยาเสพติดในชุมชน เพื่อที่จัดการกับกลุ่มเสี่ยงก่อนที่จะเกิด<br />
ความรุนแรง) จัดระเบียบสังคม ในพื้นที่อ าเภอทับพริก (ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน ศูนย์เฝ้าระวัง<br />
หญิง (หญิงไทยใสสวยด้วยชุมชน)<br />
63
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
โดยมีศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กรชุมชน ต.ทับพริก(ศอชต.) เป็นกลไกส าคัญ<br />
ประกอบด้วย<br />
1. ศูนย์เฝ้าระวังหญิง(หญิงไทยใสสวยด้วยชุมชน)<br />
2. ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน<br />
3. ศูนย์เฝ้าระวังป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน<br />
4. สภาเด็กและเยาวชนต าบลทับพริก<br />
5. ศูนย์ต ารวจชุมชน<br />
6. ศูนย์ต่อสู้เอาชนะยาเสพติด<br />
7. ศูนย์รับส่งผู้ป่วยฉุกเฉินและเรื้อรัง<br />
โดยการน าและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์โดยองค์การบริหารส่วนต าบลร่วมกับหน่วยงานพื้นที่<br />
เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบล เป็นต้น และภาคีเครือข่าย เช่น ส านักงานพัฒนาสังคมและ<br />
ความมั่นคงของมนุษย์<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> และที่ส าคัญที่สุดคือ ประชาชนที่มีจิตอาสาเข้ามามีส่วนร่วมใน<br />
ศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กรชุมชน ต.ทับพริก(ศอชต.) แต่ละศูนย์<br />
ภาคีเครือข่าย<br />
1.เครือข่ายภาครัฐ<br />
2.เครือข่ายภาคเอกชน<br />
3.เครือข่ายประเทศเพื่อน<br />
บ้าน<br />
ประชาชนที่<br />
มีจิตอาสา<br />
ผู้น าชุมชน<br />
เครือข่าย<br />
พื้นที่<br />
องค์การบริหารส่วนต าบลทับพริก<br />
ยุทธศาสตร์ 3 สายใย<br />
1.สายใยรักจาก อสม.สู่ชุมชน<br />
2.สายใยรักจากอบต.สู่ชุมชน<br />
3.สายใยรักจากผู้น าสู่ชุมชน<br />
ศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กร<br />
ชุมชน<br />
1. ศูนย์เฝ้าระวังหญิง(หญิงไทยใสสวย<br />
ด้วยชุมชน)<br />
2. ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน<br />
3. ศูนย์เฝ้าระวังป้องกันและแก้ไข<br />
ปัญหาเด็กและเยาวชน<br />
4. สภาเด็กและเยาวชนต าบลทับพริก<br />
5. ศูนย์ต ารวจชุมชน<br />
6. ศูนย์ต่อสู้เอาชนะยาเสพติด<br />
การป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว<br />
7. ศูนย์รับส่งผู้ป่วยฉุกเฉินและเรื้อรัง<br />
และชุมชน<br />
ภาพที่ 5-2 รูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและชุมชนของ<br />
องค์การบริหารส่วนต าบลทับพริก<br />
64
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
3) ชุมชนหมู่บ้ำนคลองอำรำง ต.บ้ำนแก้ง อ.เมืองสระแก้ว มีรูปแบบและกลไกที่<br />
ชัดเจนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ โดยอาศัยกลไกของคณะกรรมการหมู่บ้าน<br />
ในการเข้าไปป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น และที่ส าคัญมีธรรมนูญสุขภาพบ้านคลอง<br />
อารางหมู่บ้านน่าอยู่ด้วยกระบวนการจัดการตนเองอย่างยั่งยืน(ฉบับที่ 1) พ.ศ.2555 เป็นเสมือน<br />
ข้อตกลงร่วมกันของชาวบ้านคลองอาราง หน่วยงาน องค์กร กลุ่มชุมชน ภาคีเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อ<br />
สร้างสุขภาวะทางกาย จิต สติปัญญา ของประชาชนในหมู่บ้าน<br />
และสิ่งที่น่าสนใจของชุมชนบ้านคลองอาราง คือ การถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจทางด้าน<br />
ประเพณีวัฒนธรรม และการอยู่อย่างมีความสุข ด้วยการคิดเชิงบวก ซึ่งเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับ<br />
เด็ก เยาวชน ประชาชนในหมู่บ้าน ห่างไกลจากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัวและ<br />
ชุมชน จากรุ่นสู่รุ่น จากอดีตจนถึงปัจจุบัน<br />
กฎหมำยและระเบียบ<br />
ของส่วนรำชกำรที่เกี่ยวข้อง<br />
ภาพที่ 5-3 รูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและชุมชนของ<br />
บ้านคลองอาราง ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว<br />
65
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
จากการวิเคราะห์รูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและชุมชน<br />
ของทั้ง 3 พื้นที่ คณะผู้วิจัยจึงเสนอรูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและ<br />
ชุมชนของ<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>ดังนี้<br />
ภาพที่ 5-4 รูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและชุมชนของ<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
จากภาพที่ 5-4 อธิบายถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและชุมชน<br />
ต้องมีองค์ประกอบที่ส าคัญ 4 องค์ประกอบ คือ ครอบครัว ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและ<br />
ภาคีเครือข่าย โดยมีกลไกที่ส าคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง ได้แก่ กระบวนการมี<br />
ส่วนร่วม การสร้างความสามัคคีในชุมชน การสร้างองค์ความรู้และการประสานงาน และบูรณาการ<br />
งาน<br />
66
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ภาพที่ 5-5 วิสัยทัศน์ของส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
ข้อเสนอเชิงนโยบำย<br />
การวิจัยเรื่องการส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong> ครั้งนี้<br />
มีวัตถุประสงค์เพื่อส ารวจสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาสและ<br />
ศึกษารูปแบบในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ตลอดจน ศึกษาข้อเสนอเชิงนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงของ<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>ซึ่งจากผลการศึกษาจะพบว่า สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว ในที่<br />
ท างานและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในชุมชน<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> แม้มีความรุนแรงไม่มากนัก แต่ยังมีประเด็น<br />
จากการศึกษาที่น่าสนใจ ทั้งสาเหตุของการเกิดความรุนแรงซึ่งเกิดจากการเมาสุราเป็นอันดับหนึ่ง<br />
โดยผลความรุนแรงมักเกิดขึ้นกับคู่สามีภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส และเมื่อเกิดความรุนแรงขึ้น<br />
มักจะเป็นการไกล่เกลี่ยในครอบครัว โดยมีเพียงจ านวนไม่มากนักที่เลือกแจ้งศูนย์ประชาบดี<br />
ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และผลการส ารวจยังพบว่าประชาชน ส่วนใหญ่<br />
ไม่ทราบถึงพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระท าด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 เป็นต้น<br />
คณะผู้วิจัยได้ศึกษาวิสัยทัศน์ของส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์<br />
<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> พร้อมทั้งประเด็นยุทธศาสตร์และเป้าประสงค์ของแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี<br />
พ.ศ. 2555 – 2558 และเมื่อพิจารณาสถานการณ์ความรุนแรงของ<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>ที่มีระดับความ<br />
รุนแรงเพียงเล็กน้อย จึงได้ก าหนดแนวทางการด าเนินการด้านเฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม เรื่อง<br />
สถานการณ์ความรุนแรง เป็นระดับกลยุทธ์ของวิสัยทัศน์ดังกล่าว เนื่องจากมีความเหมาะสมกับ<br />
สถานการณ์และระดับความส าคัญ (ภาพที่ 5-5 วิสัยทัศน์ของส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคง<br />
ของมนุษย์<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>) โดยเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงระดับกลยุทธ์ แบ่ง<br />
ออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้<br />
1. นโยบำยและมำตรกำรระยะสั้น<br />
1.1 ควรมีนโยบายและมาตรการในการเร่ง รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ความ<br />
เข้าใจในเรื่องความรุนแรงในครอบครัว ชุมชนและที่ท างาน เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระท าด้วยความ<br />
รุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 กับประชาชนทุกภาคส่วน โดยการใช้สื่อประชาสัมพันธ์อย่าง<br />
67
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
หลากหลาย ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์และสื่อออนไลน์ รวมถึงการจัดอบรมให้ความรู้กับเด็กและ<br />
เยาวชนทั้งในและนอกระบบการศึกษาและกับกลุ่มเป้าหมาย เด็ก สตรีและเยาวชน ผู้สูงอายุซึ่งเป็น<br />
ผู้ถูกกระท าความรุนแรง ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายและทุกพื้นที่<br />
1.2 ควรมีนโยบายและมาตรการในการให้ความช่วยเหลือทางสังคมแก่ประชาชนเพื่อ<br />
บรรเทาภาวะวิกฤตต่าง ๆ อาทิ ปัญหาการว่างงาน ปัญหาความยากจน และการส่งเสริมผู้ด้อยโอกาส<br />
ทางสังคม เป็นต้น เพื่อไม่น าไปสู่การกระท าความรุนแรงในครอบครัวและสังคมอย่างเป็นรูปธรรม<br />
1.3 ควรมีนโยบายและมาตรการส่งเสริมการจัดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดี<br />
ในครอบครัวและชุมชน<br />
1.4 ควรมีนโยบายและมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการรวมกลุ่มของครอบครัวใน<br />
ชุมชนเพื่อเฝ้าระวังป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและสังคม<br />
2. นโยบำยและมำตรกำรระยะกลำง<br />
2.1 ควรมีนโยบายและมาตรการเพิ่มภาคีเครือข่ายทั้งในหน่วยงานภาครัฐและ<br />
ภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้กลไกด้านต่างๆ ของเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ร่วมกันป้องกันและ<br />
แก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและสังคม<br />
2.2 ควรมีนโยบายและมาตรการให้หน่วยงานยุติธรรมเร่งรัดในการจัดการคดีความ<br />
รุนแรงในครอบครัวทั้งต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุอย่างจริงจัง<br />
2.3 ควรมีนโยบายและมาตรการส่งเสริมองค์กรทางศาสนาเข้ามามีบทบาทร่วมในการ<br />
ป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและสังคม<br />
2.4 ควรมีนโยบายและมาตรการขับเคลื่อนบทบาทของศูนย์ประชาบดีของกระทรวง<br />
การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือศูนย์อื่นๆ เป็นที่รู้จักและยอมรับของประชาชน<br />
โดยทั่วไป<br />
2.5 ควรมีนโยบายและมาตรการรณรงค์ยุติความรุนแรงในที่ท างาน<br />
3. นโยบำยและมำตรกำรระยะยำว<br />
3.1 ควรเสนอให้รัฐบาลประกาศนโยบาย การยุติความรุนแรงในครอบครัว ความ<br />
รุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาส ให้เป็นนโยบายที่ส าคัญของชาติ เพื่อแก้ปัญหา<br />
รากเหง้าของความรุนแรงในสังคมไทย<br />
3.2 ควรมีนโยบายและมาตรการรณรงค์สร้างทัศนคติในการปกป้องผู้หญิงและเด็ก<br />
ผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาสไม่ให้ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง<br />
3.3 ควรมีนโยบายหน่วยงานให้ค าปรึกษาแนะแนวด้านครอบครัว ให้ครอบคลุมทุก<br />
พื้นที่<br />
3.4 ควรมีนโยบายในการป้องกันและจัดการสิ่งเสพติด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความ<br />
รุนแรงในครอบครัวและสังคมอย่างจริงจัง<br />
3.5 ควรมีนโยบายสร้างความมั่นคงในชีวิต เช่น ส่งเสริมการมีงานท าเพื่อสร้างความ<br />
มั่นคงในชีวิตให้กับผู้ถูกกระท าความรุนแรงให้สามารถกลับมาด ารงชีวิตในสังคมได้<br />
68
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ภำคผนวก<br />
69
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
นายพงษ์พิชญ์ ทองหิตานุวัฒน์<br />
พัฒนำสังคมและควำมมั่นคงของมนุษย์<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> เป็นประธำนเปิดกำรประชุม<br />
ผู้เข้ำร่วมประชุม<br />
70
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
นายชิตพล ชัยมะดัน<br />
อำจำรย์จำกมหำวิทยำลัยบูรพำ วิทยำเขตสระแก้ว<br />
ที่ปรึกษำฝ่ำยวิชำกำรและร่วมด ำเนินกำรโครงกำร<br />
71
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ภำพบรรยำกำศในกำรประชุม<br />
72
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
สัมภาษณ์ผู้บริหาร<br />
องค์กำรบริหำรส่วนต ำบลพระเพลิง อ ำเภอเขำฉกรรจ์ <strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
สัมภาษณ์คณะกรรมการ<br />
หมู่บ้ำนคลองอำรำง ต ำบลบ้ำนแก้ง อ ำเภอเมืองสระแก้ว <strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
73
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
สัมภาษณ์ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่<br />
องค์กำรบริหำรส่วนต ำบลทับพริก อ ำเภออรัญประเทศ <strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
74
9<br />
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
บรรณำนุกรม<br />
กฤตยา อาชวนิจกุล และคณะ. (2543). เอกสารเผยแพร่ สรุปผลการวิจัยเบื้องต้น เรื่อง ความรุนแรง<br />
ต่อผู้หญิงและชีวิตคู่. สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดลร่วมกับมูลนิธิ<br />
ผู้หญิง. (อัดส าเนา)<br />
คณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ. (2537). ร่างนโยบายและแผนงานในการ<br />
พัฒนาสถาบันครอบครัว. ใน เอกสารประกอบการประชุมสมัชชาแห่งชาติด้าน<br />
ครอบครัว. กรุงเทพฯ: คณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ.<br />
จุฑารัตน์ เอื้ออ านวย. (2545). “กระบวนกำรยุติธรรมเชิงสมำนฉันท์กับกำรเยียวยำรอยร้ำวแห่ง<br />
สัมพันธภำพอันเกิดจำกควำมรุนแรงในครอบครัว”. เอกสารประกอบการประชุมทาง<br />
วิชาการ เรื่อง กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์กับคดีความรุนแรงในครอบครัว:<br />
ความเป็นไปได้ในการน า โครงการโรงซ่อมสามีมาใช้ในสังคมไทย. กรุงเทพมหานคร:<br />
ส านักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.<br />
บุญเลิศ ธงสะอาดและสมศักดิ์ บุญชุบ. (2551) รูปแบบควำมเป็นสถำบันครอบครัวที่เข้มแข็งและ<br />
ยั่งยืน : กรณีศึกษำ 3 ชุมชนในจังหวัดอุบลรำชธำนี. งานวิจัยได้รับการสนับสนุนทุน<br />
จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์.<br />
บุญวดี เพชรรัตน์. (2543). การพยาบาลผู้ป่วยมีพฤติกรรมรุนแรง. การพยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช<br />
,6(2), 200-202.<br />
บุศรินทร์ คล่องพยาบาล. (2542). ความรุนแรงในครอบครัว: ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการถูกท าร้าย<br />
ของภรรยาในเขตอ าเภอเมือง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong>. กรุงเทพมหานคร: วิทยานิพนธ์ปริญญาโท,<br />
มหาวิทยาลัยมหิดล.<br />
ปัญชลี โชติคุต. (2541). การใช้ความรุนแรงต่อคู่สมรส. กรุงเทพมหานคร: วิทยานิพนธ์ปริญญาโท,<br />
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.<br />
ภูรวัจน์ อินทร์ตุ้ม. ศึกษาวิจัยเรื่อง ศักยภาพของชุมชนชนบทในการจัดการปัญหาด้านสุขภาพอนามัย 2<br />
ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต 30การศึกษานอกระบบ 31มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,2548.<br />
วิระดา สมสวัสดิ์. (2546). กฎหมายครอบครัว (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: โครงการจัดพิมพ์คบไฟ.<br />
สายใจ คุ้มขนาบ. (2542). “ความรุนแรงภายในบ้าน: กรณีการข่มเหงรังแก”. ข่มเหงรังแก<br />
จากบ้าน-โรงเรียน สู่ องค์การ-ธุรกิจ. กรุงเทพมหานคร: ส า นักพิมพ์คบไฟ.<br />
สุวรรณา จารุทัศนีย์. (2544). มาตรการทางกฎหมายเพื่อคุ้มครองและป้องกันหญิงที่ถูกสามีท า ร้าย:<br />
ศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายต่างประเทศ. กรุงเทพมหานคร: วิทยานิพนธ์ปริญญาโท,<br />
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.<br />
75
การส ารวจสถานการณ์ความรุนแรง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ปี <strong>2556</strong><br />
ส านักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว. (2553). รายงานข้อมูลสถานการณ์ด้านความ รุนแรงของ<br />
ประเทศไทยและตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทา ด้วยความ<br />
รุนแรง<br />
ใน ครอบครัว พ.ศ. 2550 ประจาปี 2551-2552, น.3,21,32-33<br />
ส านักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว. (<strong>2556</strong>) รายงานสถานการณ์ความรุนแรงใน ครอบครัว<br />
ผ่านเว็บไซต์. เข้าถึงเมื่อ 27 กรกฎาคม <strong>2556</strong>, จาก<br />
http://www.violence.in.th/publicweb<br />
อนุช อาภาภิรม. (2543). ฉากความรุนแรงในยุคโลกาภิวัตน์. กรุงเทพฯ: อมรินทรพริ้นติ้ง แอนด์<br />
พับลิชชิ่ง.<br />
อรอนงค์ อินทรจิตร และ นรินทร์ กรินชัย. (2542). ผู้หญิงและเด็ก: เหยื่อความรุนแรงใน ครอบครัว.<br />
กรุงเทพฯ: สถาบันจิตวิทยาฮอทไลน์.<br />
Corsini, R. L. (1999). The Dictionary of Psychology. New York: Brunner Mazel.<br />
Zimmerman Cathy. 1994. Plates in a Basket will Rattle : Domestic Violence in<br />
Cambodia.<br />
Phnom Penh: The Asia Foundation.<br />
76
รายงานการเฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม<br />
เรื่อง สถานการณ์ความรุนแรงทางสังคม <strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
ส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong><br />
ศาลากลาง<strong>จังหวัดสระแก้ว</strong> ชั้น 2 อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว 27000<br />
http://www.sakaeo.m-society.go.th E-mail: sakaeo@m-society.go.th