Abstract & Full Text Links
Abstract & Full Text Links
Abstract & Full Text Links
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
บทสรุปผู ้บริหาร<br />
ตลาดทุนเป็ นกลไกสําคัญในการขับเคลือนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทําหน้าทีเสมือน<br />
สะพานเชือมระหว่างผู้มีเงินทุนส่วนเกินกับภาคธุรกิจทีต้องการเงินทุนเพือการดําเนินกิจการ ในขณะที<br />
จํานวนนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (ตลาดหุ้นไทย) ยังมี<br />
ค่อนข้างน้อยมาก เพียงร้อยละ 1.92 ของประชากรในประเทศเท่านั น โดยผู้มีเงินออมส่วนใหญ่นิยมฝากเงิน<br />
ในธนาคารและลงทุนในตลาดตราสารหนี ทีมีผลตอบแทนค่อนข้างตํ าและตํ ากว่าอัตราเงินเฟ้ อ ส่งผลให้<br />
อํานาจซื อในอนาคต (power of purchase) ของผู้มีเงินออมลดลง ขณะเดียวกันเมือพิจารณาการลงทุนใน<br />
ตลาดหุ้นไทย พบว่า บริษัทจดทะเบียนไทยมีศักยภาพสูงในการปรับตัวต่อการเปลียนแปลงของสภาวะ<br />
แวดล้อมทางธุรกิจ สังเกตได้จากกําไรสุทธิรวมของบริษัทจดทะเบียนในปี 2554 ทีมีมูลค่าสูงถึง 597,574.19<br />
ล้านบาท ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในสถาวะซบเซาและเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากอุทกภัย กําไร<br />
สุทธิรวมของบริษัทจดทะเบียนไทยในปี 2554 ยังมีมูลค่าสูงสุดเป็ นประวัติการณ์นับตั งแต่ตลาดหลักทรัพย์<br />
แห่งประเทศไทยเริ มดําเนินการซื อขายในปี 2518<br />
เมือพิจารณาอัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยเปรียบเทียบกับตลาดอืนๆ ในภูมิภาค<br />
พบว่า ตลาดหุ้นไทยอยู ่ใน 3 อันดับแรกทีมีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงสุด ในช่วงปี 2549 -2554 ซึ งทําให้<br />
เห็นถึงความน่าสนใจของ “หุ้นปันผล” ของตลาดหุ้นไทย ดังนั นในการศึกษานี จะแสดงถึงศักยภาพของ<br />
“หุ้นปันผล” ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยทั งในด้านผลตอบแทนและด้านเสถียรภาพทางด้าน<br />
ราคา ตลอดจนการเปรียบเทียบผลตอบแทนรวมระหว่างการลงทุนใน “หุ้นปันผล” กับการฝากเงินใน<br />
ธนาคารพาณิชย์ รวมถึงการแสดงข้อมูลในประเด็นเกียวกับความเชือทีผู้มีเงินออมอาจเข้าใจผิดต่อ “หุ้นปัน<br />
ผล” เพือสนับสนุนให้ผู้มีเงินออมเลือกใช้ “หุ้นปันผล” เป็ นทางเลือกในการออมให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดใน<br />
ระยะยาวภายใต้ความเสียงทียอมรับได้<br />
ในการศึกษานี ผู้วิจัยศึกษาบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย จํานวน 512 บริษัท ซึ งพบว่า<br />
บริษัททีจ่ายปันผลต่อเนืองในช่วงปี 2549 - 2553 มีมากถึง 288 บริษัท หรือคิดเป็ นร้อยละ 56.3 ของบริษัท<br />
จดทะเบียนทั งหมด ซึ งหุ้นของบริษัทเหล่านี จัดเป็ นกลุ่ม “หุ้นปันผล” โดยสามารถแบ่งหุ้นกลุ่มนี ออกเป็ น 3<br />
กลุ่มย่อยตามอัตราเงินปันผลตอบแทนโดยกําหนดสูงสุด 30 อันดับแรก 50 อันดับแรก และ 100 อันดับแรก<br />
และศึกษาเปรียบเทียบกับกลุ่ม “หุ้นปันผล” ตามดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index (SETHD) ทีจัดทํา<br />
โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนั น ในการศึกษานี จึงมีการเปรียบเทียบ “หุ้นปันผล” ทั งหมด 5<br />
กลุ่ม ได้แก่ “หุ้นปันผล” ทั งหมด (DVS) “หุ้นปันผล” 3 กลุ่มย่อยจําแนกตามอัตราเงินปันผลตอบแทน<br />
i