04.07.2014 Views

Abstract & Full Text Links

Abstract & Full Text Links

Abstract & Full Text Links

SHOW MORE
SHOW LESS

You also want an ePaper? Increase the reach of your titles

YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.

สถาบันวิจัยเพือตลาดทุน<br />

Capital Market Research Institute<br />

เอกสารงานวิจัยฉบับที 1/2555<br />

หุ้นปันผล: ขุมทรัพย์ของการลงทุน<br />

พัดชา จุนอนันตธรรม<br />

สุมิตรา ตั งสมวรพงษ์ พฤษภาคม 2555<br />

Disclaimer: รายงานนีเป็ นความเห็นส่วนตัวของผู ้เขียนโดยเฉพาะ จัดทําบนพืนฐานของข้อมูลทีเชือว่ามีความน่าเชือถือ โดยมี<br />

วัตถุประสงค์เพือให้ความรู ้ และแนวคิดแก่ผู ้อ่านเท่านัน มิได้สะท้อนความเห็นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแต่อย่างใด


สารบัญ<br />

บทสรุปผู ้บริหาร<br />

บทที 1 บทนํา 1<br />

บทที 2 บทความและงานวิจัยทีเกียวข้อง 4<br />

บทที 3 ขอบเขตและนิยามในการศึกษา 7<br />

บทที 4 ศักยภาพของ “หุ้นปันผล” ในตลาดหุ้นไทย 12<br />

บทที 5 ความเข้าใจผิดเกียวกับ “หุ้นปันผล” ในตลาดหุ้นไทย 19<br />

บทที 6 นัยสําคัญสําหรับนักลงทุนและผู้มีเงินออม 33<br />

บรรณานุกรม 39<br />

ภาคผนวก 40<br />

หน้า<br />

i


สารบัญตาราง<br />

หน้า<br />

ตารางที 1 รายได้รวมของบริษัทจดทะเบียนในช่วงปี 2548 - 2554 1<br />

ตารางที 2 จํานวนบริษัทจดทะเบียนและสัดส่วนจํานวนบริษัท<br />

9<br />

จําแนกตามสัดส่วนจํานวนปี งบการเงินทีมีการจ่ายปันผลและปี ทีเข้าจดทะเบียน<br />

ตารางที 3 การเปรียบเทียบกลุ่ม “หุ้นปันผล” แต่ละกลุ่มในการศึกษา 11<br />

ตารางที 4 จํานวนบริษัทจดทะเบียนของกลุ่ม “หุ้นปันผล” จําแนกตามกลุ่มดัชนี 13<br />

ตารางที 5 อัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลียของกลุ่ม “หุ้นปันผล” จําแนกตามกลุ่มดัชนี 13<br />

ตารางที 6 ผลตอบแทนรวมรายปี จําแนกตามกลุ่ม “หุ้นปันผล” 14<br />

ตารางที 7 อัตราเงินปันผลตอบแทน (dividend yield) จําแนกตามกลุ่ม “หุ้นปันผล” 15<br />

ตารางที 8 กําไรจากส่วนต่างราคา (capital gain) จําแนกตามกลุ่ม “หุ้นปันผล” 15<br />

ตารางที 9 ราคาปิ ดเฉลียรายวันของหลักทรัพย์ในกลุ่ม “หุ้นปันผล” ในปี 2554 17<br />

ตารางที 10 รายได้รวมของบริษัทจดทะเบียนในช่วงปี 2548 - 2553 19<br />

ตารางที 11 กําไรสุทธิรวมของบริษัทจดทะเบียน ในช่วงปี 2548 - 2553 19<br />

ตารางที 12 อัตราการเติบโตเฉลียของกําไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน 20<br />

ตารางที 13 อัตราการเติบโตเฉลียของสินทรัพย์รวมของบริษัทจดทะเบียน 22<br />

ตารางที 14 อัตราการเติบโตเฉลียของรายได้รวมของบริษัทจดทะเบียน 22<br />

ตารางที 15 ความสอดคล้องระหว่างผลประกอบการ และการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียน 24<br />

ในกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

ตารางที 16 ความสัมพันธ์ระหว่างการเติบโตของกําไรสุทธิและการเติบโตของเงินปันผล<br />

25<br />

ของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

ตารางที 17 จํานวนบริษัทจดทะเบียน จําแนกตามลักษณะของอัตราการจ่ายเงินปันผล 26<br />

ตารางที 18 อัตราการจ่ายปันผลโดยเฉลีย (Average Payout Ratio) 27<br />

ตารางที 19 การเปรียบเทียบระหว่างอัตราการจ่ายเงินปันผลทีจ่ายจริง (real payout ratio)<br />

28<br />

สําหรับผลประกอบการปี 2553 กับอัตราจ่ายจ่ายเงินปันผลทีระบุในนโยบาย<br />

ตารางที 20 สัดส่วนการถือครองหุ้นโดยนักลงทุนรายย่อย (free float) จําแนกตามกลุ่ม<br />

29<br />

“หุ้นปันผล” ในช่วงปี 2549 -2553<br />

ตารางที 21 สัดส่วนการถือครองหุ้นโดยนักลงทุนรายย่อย (free float) ปี 2553<br />

30<br />

จําแนกตามกลุ่ม “หุ้นปันผล” และดัชนีหลักทรัพย์<br />

ตารางที 22 กลุ่มนักลงทุน จําแนกตามผลการศึกษาโครงการวิจัยผู้ลงทุน ประจําปี 2553 35


ตารางที 23 กองทุนรวมตราสารทุนทีมีการจ่ายเงินปันผลและมีนโยบายเน้นการลงทุนในหุ้นทีมี<br />

การจ่ายปันผลหรือคํานึงถึงการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียนทีจะลงทุน<br />

39<br />

สารบัญภาพ<br />

หน้า<br />

ภาพที 1 สัดส่วนระหว่างรายได้รวมของบริษัทจดทะเบียน<br />

1<br />

และผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ในช่วงปี 2548 -2553<br />

ภาพที 2 การออมและการลงทุนของไทย และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของตลาดหุ้น ณ 2<br />

สินปี 2553<br />

ภาพที 3 จํานวนบริษัทจดทะเบียนทีใช้ในการศึกษา จําแนกตามตลาดหลักทรัพย์ กลุ่มดัชนี 7<br />

และอุตสาหกรรม<br />

ภาพที 4 ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ในช่วงปี 2549 - 2553 8<br />

ภาพที 5 อัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ไทย<br />

12<br />

เปรียบเทียบตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ณ สินปี 2549 – 2554<br />

ภาพที 6 อัตราผลตอบแทนรวมเฉลียรายปี (total return) ในช่วง ปี 2549 - 2553 14<br />

ภาพที 7 อัตราผลตอบแทนรวมของ “หุ้นปันผล” และเงินฝากประจํา 12 เดือน 16<br />

ภาพที 8 จํานวนหลักทรัพย์ในกลุ่ม “หุ้นปันผล” จําแนกตามราคาปิ ดรายวันเฉลีย 17<br />

ภาพที 9 ค่าความผันผวนของราคาหลักทรัพย์จากข้อมูลในอดีต (30-day Historical Volatility) 18<br />

ภาพที 10 อัตราเงินปันผลตอบแทนและอัตราการเติบโตของกําไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน 21<br />

ภาพที 11 อัตราเงินปันผลตอบแทนและอัตราการเติบโตของสินทรัพย์รวมของบริษัทจด<br />

23<br />

ทะเบียน<br />

ภาพที 12 อัตราเงินปันผลตอบแทนและอัตราการเติบโตของรายได้รวมของบริษัทจดทะเบียน 23<br />

ภาพที 13 จํานวนบริษัทจดทะเบียน จําแนกตามอัตราการจ่ายเงินปันผลสําหรับผลประกอบการ 27<br />

ปี 2553<br />

ภาพที 14 สัดส่วนการถือครองหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อยเฉลีย 5 ปี (ในช่วงปี 2549 - 2553)<br />

30<br />

จําแนกตามกลุ่มดัชนีและกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

ภาพที 15 อัตราการหมุนเวียนของหลักทรัพย์เฉลีย (turnover velocity) ในช่วงปี 2549 – 2553<br />

จําแนกตามกลุ่มดัชนี และกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

31


สารบัญภาพ (ต่อ)<br />

หน้า<br />

ภาพที 16 อัตราการหมุนเวียนของหลักทรัพย์เฉลีย (free float turnover velocity)<br />

31<br />

ในช่วงปี 2549 -2553 จําแนกตามกลุ่มดัชนี และกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

ภาพที 17 การเปรียบเทียบอัตราเงินเฟ้ อ ดอกเบี ยเงินฝากประจํา 12 เดือน<br />

34<br />

อัตราเงินปันผลตอบแทนของกลุ่ม DVS ณ สินปี 2549 - 2553<br />

ภาพที 18 การเปรียบเทียบอัตราดอกเบี ยทีแท้จริงของเงินฝากประจํา 12 เดือน<br />

34<br />

กับอัตราเงินปันผลตอบแทนทีแท้จริงของกลุ่ม DVS ณ สินปี 2549 – 2553<br />

ภาพที 19 การเปรียบเทียบสัดส่วนจํานวนบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

36<br />

และ ค่าเฉลียอัตราเงินปันผลตอบแทน จําแนกตามหมวดธุรกิจ<br />

ภาพที 20 Investment Pyramid และเหตุผล 3 อันดับแรก ทีคนทีรู้จักแต่ไม่สนใจลงทุนในหุ้น 38<br />

ภาพที 21 จํานวนกองทุนรวมทีมีนโยบายจ่ายปันผลและอัตราผลตอบแทนรวม (% YTD) ณ<br />

วันที 17 กุมพาพันธ์ 2555<br />

38<br />

สารบัญกล่อง<br />

กล่องที 1 อัตราการจ่ายเงินปันผล (dividend payout ratio) ทีกําหนดในนโยบาย<br />

การจ่ายเงินปันผล(dividend policy) และพฤติกรรมการจ่ายปันผลของ<br />

บริษัทจดทะเบียน<br />

หน้า<br />

26


บทสรุปผู ้บริหาร<br />

ตลาดทุนเป็ นกลไกสําคัญในการขับเคลือนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทําหน้าทีเสมือน<br />

สะพานเชือมระหว่างผู้มีเงินทุนส่วนเกินกับภาคธุรกิจทีต้องการเงินทุนเพือการดําเนินกิจการ ในขณะที<br />

จํานวนนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (ตลาดหุ้นไทย) ยังมี<br />

ค่อนข้างน้อยมาก เพียงร้อยละ 1.92 ของประชากรในประเทศเท่านั น โดยผู้มีเงินออมส่วนใหญ่นิยมฝากเงิน<br />

ในธนาคารและลงทุนในตลาดตราสารหนี ทีมีผลตอบแทนค่อนข้างตํ าและตํ ากว่าอัตราเงินเฟ้ อ ส่งผลให้<br />

อํานาจซื อในอนาคต (power of purchase) ของผู้มีเงินออมลดลง ขณะเดียวกันเมือพิจารณาการลงทุนใน<br />

ตลาดหุ้นไทย พบว่า บริษัทจดทะเบียนไทยมีศักยภาพสูงในการปรับตัวต่อการเปลียนแปลงของสภาวะ<br />

แวดล้อมทางธุรกิจ สังเกตได้จากกําไรสุทธิรวมของบริษัทจดทะเบียนในปี 2554 ทีมีมูลค่าสูงถึง 597,574.19<br />

ล้านบาท ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในสถาวะซบเซาและเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากอุทกภัย กําไร<br />

สุทธิรวมของบริษัทจดทะเบียนไทยในปี 2554 ยังมีมูลค่าสูงสุดเป็ นประวัติการณ์นับตั งแต่ตลาดหลักทรัพย์<br />

แห่งประเทศไทยเริ มดําเนินการซื อขายในปี 2518<br />

เมือพิจารณาอัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยเปรียบเทียบกับตลาดอืนๆ ในภูมิภาค<br />

พบว่า ตลาดหุ้นไทยอยู ่ใน 3 อันดับแรกทีมีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงสุด ในช่วงปี 2549 -2554 ซึ งทําให้<br />

เห็นถึงความน่าสนใจของ “หุ้นปันผล” ของตลาดหุ้นไทย ดังนั นในการศึกษานี จะแสดงถึงศักยภาพของ<br />

“หุ้นปันผล” ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยทั งในด้านผลตอบแทนและด้านเสถียรภาพทางด้าน<br />

ราคา ตลอดจนการเปรียบเทียบผลตอบแทนรวมระหว่างการลงทุนใน “หุ้นปันผล” กับการฝากเงินใน<br />

ธนาคารพาณิชย์ รวมถึงการแสดงข้อมูลในประเด็นเกียวกับความเชือทีผู้มีเงินออมอาจเข้าใจผิดต่อ “หุ้นปัน<br />

ผล” เพือสนับสนุนให้ผู้มีเงินออมเลือกใช้ “หุ้นปันผล” เป็ นทางเลือกในการออมให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดใน<br />

ระยะยาวภายใต้ความเสียงทียอมรับได้<br />

ในการศึกษานี ผู้วิจัยศึกษาบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย จํานวน 512 บริษัท ซึ งพบว่า<br />

บริษัททีจ่ายปันผลต่อเนืองในช่วงปี 2549 - 2553 มีมากถึง 288 บริษัท หรือคิดเป็ นร้อยละ 56.3 ของบริษัท<br />

จดทะเบียนทั งหมด ซึ งหุ้นของบริษัทเหล่านี จัดเป็ นกลุ่ม “หุ้นปันผล” โดยสามารถแบ่งหุ้นกลุ่มนี ออกเป็ น 3<br />

กลุ่มย่อยตามอัตราเงินปันผลตอบแทนโดยกําหนดสูงสุด 30 อันดับแรก 50 อันดับแรก และ 100 อันดับแรก<br />

และศึกษาเปรียบเทียบกับกลุ่ม “หุ้นปันผล” ตามดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index (SETHD) ทีจัดทํา<br />

โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนั น ในการศึกษานี จึงมีการเปรียบเทียบ “หุ้นปันผล” ทั งหมด 5<br />

กลุ่ม ได้แก่ “หุ้นปันผล” ทั งหมด (DVS) “หุ้นปันผล” 3 กลุ่มย่อยจําแนกตามอัตราเงินปันผลตอบแทน<br />

i


(TOP30DIY, TOP50DIY, และ TOP100DIY) และ“หุ้นปันผล” ตามดัชนีราคา SET High Dividend 30<br />

Index (SETHD)<br />

เมือพิจารณาผลตอบแทนและความเสียงจากความผันผวนของราคา พบว่า กลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

ทั ง 5 กลุ่มดังกล่าวมีผลตอบแทนรวม (total return) เฉลีย ในช่วงปี 2549 - 2553 สูงถึงร้อยละ 25.3 - 36.5 ต่อ<br />

ปี ซึ งสูงกว่าผลตอบแทนรวมของตลาดซึ งอยู ่ทีร้อยละ 21.1 ต่อปี อีกทั งเมือพิจารณารายปี พบว่า แม้ในช่วง<br />

เศรษฐกิจตกตํ าในปี 2551 กลุ่ม “หุ้นปันผล” ยังให้ผลตอบแทนรวมสูงกว่าตลาดโดยรวม เนืองจากมี<br />

ผลตอบแทนจากเงินปันผลชดเชยผลขาดทุนจากราคาหุ้นทีปรับลดลง และเมือพิจารณาความเสียงจากความ<br />

ผันผวนราคา พบว่า “หุ้นปันผล” ทุกกลุ่มมีความเสียงจากความผันผวนของราคาหุ้นตํ ากว่าตลาดโดยรวม<br />

นอกจากนี เมือพิจารณาเปรียบเทียบผลตอบแทนรวมจาก 2 ทางเลือก ระหว่างการลงทุนในกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

และการฝากเงินทีธนาคารพาณิชย์ สําหรับช่วงเวลา 10 ปี (ปี 2543 - 2553) พบว่า การลงทุนในกลุ่ม “หุ้นปัน<br />

ผล” ให้ผลตอบแทนรวมสูงกว่าการฝากเงินไว้ในธนาคารพาณิชย์ถึง 6.65 เท่า และผลต่างของผลตอบแทน<br />

รวมนี มีแนวโน้มเพิ มขึ นเมือช่วงระยะเวลาการลงทุนเพิ มขึ น<br />

ในการศึกษานี ได้แสดงให้เห็นข้อเท็จจริงเกียวกับความเชือทีผู้มีเงินออมอาจเข้าใจผิดต่อ “หุ้น<br />

ปันผล” ใน 3 ประเด็น กล่าวคือ<br />

(1) บริษัททีจ่ายเงินปันผลในอัตราสูง ไม่ได้มีธุรกิจใกล้อิ มตัวหรือมีโอกาสเติบโตน้อยจึงไม่<br />

ต้องเก็บกําไรสะสมไว้สําหรับการลงทุนเพิ มในอนาคต โดยข้อมูลงบการเงินในช่วงปี 2549 - 2553 แสดงให้<br />

เห็นว่าอัตราการเติบโตของรายได้รวมและสินทรัพย์รวมของบริษัททีหุ้นจัดเป็ น “หุ้นปันผล” สูงกว่าตลาด<br />

ตรงกันข้ามกับความเชือของนักลงทุน<br />

(2) บริษัทจดทะเบียนไทยจ่ายปันผลสอดคล้องกับผลการดําเนินงานทีแข็งแกร่ง โดยเฉพาะ<br />

บริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม “หุ้นปันผล” ทีเฉลียร้อยละ 97.5 ของบริษัททั งหมดมีกําไรสุทธิและจ่ายเงินปันผล<br />

ในช่วงปี 2549 - 2553 และมีอัตราการจ่ายปันผลเฉลีย (average payout ratio) สูงถึงร้อยละ 50.6 ของกําไร<br />

สุทธิ สําหรับการจ่ายปันผลสําหรับผลประกอบการปี 2553<br />

(3) เมือพิจารณาเกียวกับการถือครองหุ้นโดยนักลงทุนรายย่อย พบว่า “หุ้นปันผล” มีการถือ<br />

ครองหุ้นโดยนักลงทุนรายย่อยตํ ากว่าตลาด อย่างไรก็ตาม เมือพิจารณาสภาพคล่องเฉพาะหุ้นทีถือครองโดย<br />

นักลงทุนรายย่อย พบว่า แม้ “หุ้นปันผล” มีอัตราการหมุนเวียนในการซื อขายหลักทรัพย์ตํ ากว่าตลาด<br />

โดยรวม แต่อยู่ในระดับทีสูงกว่าหุ้นในกลุ่ม SET50<br />

ii


จากความโดดเด่นของ “หุ้นปันผล” ทั งด้านผลตอบแทนและความเสียงและข้อเท็จจริงเกียวกับ<br />

“หุ้นปันผล” ชี ให้เห็นว่า “หุ้นปันผล” ให้ผลตอบแทนทีสมํ าเสมอต่อเนืองเช่นเดียวกับการฝากเงินทีธนาคาร<br />

พาณิชย์ แต่ผลตอบแทนจาก “หุ้นปันผล” อยู ่ในระดับทีสูงกว่าการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์และสูงกว่า<br />

อัตราเงินเฟ้ อ อีกทั ง ถ้าเป็ นการออมในระยะยาวผู้มีเงินออมไม่ต้องกังวลเกียวกับความผันผวนของราคาหุ้น<br />

กล่าวคือ หากราคาหุ้นมีความผันผวนมากแต่ผู้มีเงินออมไม่ได้ขายหุ้นก็เป็ นเพียงการขาดทุนทางบัญชี<br />

เท่านั น ดังนั น “หุ้นปันผล” จึงเหมาะสําหรับการเป็ นผลิตภัณฑ์เริ มต้นในตลาดหุ้นไทยสําหรับผู้มีเงินออม<br />

ทั งนี ผู้มีเงินออมสามารถเลือกลงทุนได้ด้วยตัวเองหรือผ่านมืออาชีพ สําหรับการลงทุนด้วย<br />

ตัวเองนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนใน “หุ้นปันผล” รายตัว ซึ งจากการศึกษานี มี “หุ้นปันผล” มากถึง 288<br />

หลักทรัพย์ ในหลายระดับราคาทีอยู ่ในหลายหมวดธุรกิจ โดยเฉพาะในหมวดปิ โตรเคมีและเคมีภัณฑ์ หมวด<br />

ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ ชินส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และหมวดธุรกิจการเกษตร ทีมี “หุ้นปันผล” จํานวน<br />

มาก และ “หุ้นปันผล” ในหมวดธุรกิจเหล่านี ยังมีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงกว่า “หุ้นปันผล” ในหมวด<br />

ธุรกิจอืนๆ ด้วย<br />

ในกรณีทีผู้มีเงินออมมีข้อจํากัดด้านข้อมูลหรือข้อจํากัดเรืองเวลาในการติดตามข้อมูลหุ้น ผู้มี<br />

เงินออมสามารถเลือกลงทุนหน่วยลงทุนของกองทุนเปิ ดไทยเด็กซ์ SET High Dividend ETF (1DIV) ทีมี<br />

นโยบายเน้นการลงทุนในหุ้นทีเป็ นส่วนประกอบของดัชนี SET High Dividend 30 Index (SETHD) ซึ งซื อ<br />

ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือเลือกลงทุนผ่านมืออาชีพโดยการซื อขายหน่วยลงทุนของ<br />

กองทุนรวมทีมีนโยบายเน้นการลงทุนใน “หุ้นปันผล” ผ่านทางบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.) ซึ ง ณ<br />

17 กุมภาพันธ์ 2555 กองทุนรวมตราสารทุนทีมีนโยบายการลงทุนทีคํานึงถึงการจ่ายปันผลของบริษัทจด<br />

ทะเบียนในขณะเดียวกันกองทุนรวมดังกล่าวนั นมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลด้วย มีทั งหมด 13 กองทุน จาก<br />

8 บลจ.<br />

iii


บทที 1 บทนํา<br />

“ตลาดทุน” ถือได้ว่าเป็ นกลไกสําคัญในการขับเคลือนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทํา<br />

หน้าทีเสมือนสะพานเชือมระหว่างผู้มีเงินทุนส่วนเกินกับภาคธุรกิจทีต้องการเงินทุนเพือการดําเนินกิจการ<br />

โดยในปี 2554 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย มีรายได้รวมสูงถึง 9.18 ล้านล้านบาท (ตารางที 1) ซึ ง<br />

สูงสุดเป็ นประวัติการณ์นับตั งแต่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเริ มดําเนินการซื อขายในปี 2518 หรือมี<br />

มูลค่าสูงถึงร้อยละ 87.11 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ 1 ทีสําคัญในปี 2551 ขณะทีทั วโลกประสบ<br />

ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยยังคงมีสัดส่วนรายได้รวมต่อผลิตภัณฑ์มวลรวม<br />

ในประเทศเพิ มสูงถึงร้อยละ 82.92 (ภาพที 1) สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทจดทะเบียนไทยเป็ นแหล่งสร้างรายได้<br />

ทีสําคัญของประเทศ และเป็ นฟันเฟื องสําคัญของระบบเศรษฐกิจ<br />

ตารางที 1 รายได้รวมของบริษัทจดทะเบียน 2 ในช่วงปี 2548 - 2554<br />

หน่วย: ล้านบาท<br />

2548 2549 2550 2551 2552 2553 2554<br />

รายได้รวม 4,531,750 5,441,100 6,135,949 7,529,497 6,611,428 7,869,415 9,181,042<br />

กําไรสุทธิรวม 496,646 441,355 417,819 293,391 425,542 579,758 601,826<br />

จํานวนบริษัท 446 458 471 483 500 509 534<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

ภาพที 1 สัดส่วนระหว่างรายได้รวมของบริษัทจดทะเบียน<br />

และผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ในช่วงปี 2548 –2554<br />

หน่วย: ร้อยละ<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ<br />

1<br />

2<br />

ข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ณ ราคาปัจจุบัน จากสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ณ 17 เมษายน 2555<br />

ข้อมูล ณ สินเดือนมิถุนายน 2554 ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนทีอยู ่ระหว่างฟื นฟูการดําเนินงาน<br />

1


อย่างไรก็ตาม เมือพิจารณาปริมาณเงินออมและเงินลงทุนในระบบเศรษฐกิจของไทย 3 ทีอยู่ใน<br />

รูปเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ตราสารหนี กองทุนรวม เงินสํารองประกันภัย และเงินลงทุนในหุ้น ณ สินปี<br />

2553 (ภาพที 2) พบว่า ปริมาณเงินส่วนใหญ่อยู่ในรูปเงินฝากและการลงทุนในตราสารหนี มูลค่าหลักทรัพย์<br />

ตามราคาตลาดของตลาดหุ้นไทยคิดเป็ นเพียงร้อยละ 42.34 ของเงินออมและเงินลงทุนในระบบเศรษฐกิจ<br />

อีกทั ง เมือพิจารณาจํานวนนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย พบว่า ฐานนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังมีจํานวนน้อย<br />

โดยใน ณ สินปี 2553 มีนักลงทุนเพียง 1,264,870 ราย 4<br />

เท่านั น 5<br />

หรือ คิดเป็ นร้อยละ 1.92 ของประชากรของประเทศ<br />

ภาพที 2 การออมและการลงทุนของไทย และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของตลาดหุ ้น ณ สินปี 2553<br />

หน่วย: พันล้านบาท<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมตราสารหนี <br />

ไทย<br />

3<br />

4<br />

5<br />

เงินรับฝากธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ (ไม่รวมสาขาทีอยู ่ในต่างประเทศ) สาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศทีอยู ่ในประเทศไทย<br />

กิจการวิเทศธนกิจ (Out-in และ Out-out) และสถาบันการเงินเฉพาะกิจทีรับฝากเงิน, ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย<br />

ยอดคงค้างตราสารหนี นับรวมพันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรเอกชน, ข้อมูลจากสมาคมตลาดตราสารหนี ไทย<br />

มูลค่าสินทรัพย์สุทธิกองทุนรวมภายใต้การจัดการ ณ สินปี , ข้อมูลจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน<br />

เงินสํารองประกันภัยตามรายงานสถิติธุรกิจประกันชีวิตประจําปี , ข้อมูลจากสมาคมประกันชีวิตไทย<br />

เงินลงทุนในหุ้น พิจารณาจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ<br />

ข้อมูลจํานวนบัญชีนักลงทุนจากบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จํากัด<br />

จํานวนประชากรไทย ณ วันสํามะโน (1 กันยายน 2553) อยู่ที 65.9 ล้านคน, ข้อมูลจาก สํานักงานสถิติแห่งชาติ<br />

2


ในสภาวะเศรษฐกิจทีผลตอบแทนจากการฝากเงินในธนาคารหรือการลงทุนในพันธบัตร<br />

รัฐบาลอยู ่ในระดับตํ า ดอกเบี ยเงินฝากประจํา 12 เดือน 6 ณ สินปี 2553 อยู่เพียงร้อยละ 1.6 ตํ ากว่าอัตราเงิน<br />

เฟ้ อทําให้อัตราดอกเบี ยทีแท้จริงติดลบ (negative real interest rate) 7 หรือผู้ออมเงินมีอํานาจในการใช้จ่าย<br />

(power of purchase) ในอนาคตลดลง ขณะทีอัตราเงินปันผลตอบแทน (dividend yield) ของตลาด<br />

หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอยู ่ทีร้อยละ 2.92 ดังนั น การลงทุนในตลาดหุ้นไทยจึงเป็ นอีกทางเลือกหนึ งทีผู้<br />

มีเงินออมไม่ควรมองข้ามโดยเฉพาะ “หุ้นปันผล” หรือหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนทีมีการจ่ายปันผล<br />

อย่างต่อเนือง จึงเหมาะสําหรับการเป็ นผลิตภัณฑ์เริ มต้นในการลงทนในตลาดหุ้นไทยของผู้มีเงินออมที<br />

คุ้นเคยกับการได้รับผลตอบแทนอย่างต่อเนืองและสมํ าเสมอจากดอกเบี ยเงินฝาก<br />

งานวิจัยฉบับนี จึงมีวัตถุประสงค์ทีเพือแสดงถึงศักยภาพของ “หุ้นปันผล” ของบริษัทจด<br />

ทะเบียนในตลาดหุ้นไทยทั งในด้านผลตอบแทนและด้านเสถียรภาพด้านราคา และศึกษาเปรียบเทียบ<br />

ระหว่างผลตอบแทนของ “หุ้นปันผล” และการฝากประจําทีธนาคารพาณิชย์ รวมถึงการพิสูจน์เพือทราบ<br />

ข้อเท็จจริงเกียวกับความเชือทีผู้ลงทุนมีต่อ “หุ้นปันผล” พร้อมแนะช่องทางการลงทุนใน“หุ้นปันผล” ทีมีทั ง<br />

การลงทุนด้วยตัวเองและการลงทุนผ่านมืออาชีพ ซึ งคณะผู้วิจัยหวังเป็ นอย่างยิ งว่า “หุ้นปันผล” จะเป็ น<br />

ผลิตภัณฑ์ทางเลือกในการลงทุนในตลาดหุ้นทีผู้มีเงินออมและนักลงทุนใช้เป็ นเครืองมือในการบริหาร<br />

การเงินส่วนบุคคลให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดภายใต้ความเสียงทียอมรับได้<br />

6<br />

7<br />

ค่าเฉลียอัตราดอกเบี ยเงินฝากประจํา 12 เดือน ณ สินปี ของธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์<br />

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย และธนาคารนครหลวงไทย, ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย<br />

อัตราดอกเบี ยทีแท้จริง คํานวณจากดอกเบี ยเงินฝากลบอัตราเงินเฟ้ อ<br />

3


บทที 2 บทความและงานวิจัยทีเกียวข้อง<br />

จากการศึกษางานวิจัยและบทความต่างๆ เกียวกับการลงทุนในหุ้นปันผล พบว่า ในช่วง 6 ปี ที<br />

ผ่านมา (ปี 2549 - 2554) มีการเผยแพร่บทความเกียวกับการส่งเสริมการลงทุนในหุ้นปันผลเพิ มมากขึ น<br />

โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศออสเตรเลีย ทีนําเสนอเกียวกับศักยภาพของหุ้นปันผลทีให้<br />

ผลตอบแทนรวมสูงกว่าตลาดและสูงกว่าทางเลือกในการลงทุนรูปแบบอืน และเงินปันผลทีมีบทบาทสําคัญ<br />

ต่อผลตอบแทนรวม ขณะทีบทความเกียวกับหุ้นปันผลในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็ นการศึกษาเกียวกับ<br />

ปัจจัยทีมีผลต่อพฤติกรรมการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียน และการศึกษาผลกระทบของการจ่ายเงินปัน<br />

ผลต่อราคาหลักทรัพย์ ดังนั น ในการศึกษานี จึงพิจารณาเฉพาะบทความในต่างประเทศ ซึ งสรุปได้ดังนี <br />

Krishnamsetty (2010) ได้ศึกษาเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นปันผลกับ<br />

ผลตอบแทนในการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล อายุ 10 ปี ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยในประเทศสหรัฐอเมริกา<br />

สําหรับช่วงเดือนพฤษภาคม 2481 - เดือนตุลาคม 2493 ซึ งในช่วงเวลาดังกล่าวพันธบัตรรัฐบาลให้<br />

ผลตอบแทนตํ ากว่าร้อยละ 2.50 ในการศึกษานี ผู้ศึกษาได้คัดเลือกหุ้นทีมีอัตราเงินปันผลตอบแทน สูงสุด 20<br />

อันดับแรกจากกลุ่มหุ้นทีมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงสุด 200 อันดับแรกในตลาดสหรัฐอเมริกา<br />

พบว่า กลุ่มหุ้นปันผลทีคัดเลือกส่วนใหญ่เป็ นหุ้นของบริษัททีเติบโตเต็มที (mature companies) มีธุรกิจ<br />

มั นคง มีกระแสเงินสดเพียงพอทีจะจ่ายเงินปันผลได้ซึ งมีผลตอบแทนรวมเฉลียสูงถึงร้อยละ 18.10 ขณะที<br />

ตลาดมีผลตอบแทนร้อยละ 12.70 เมือเปรียบเทียบรายปี พบว่ากลุ่มหุ้นปันผลทีคัดเลือกให้ผลตอบแทน<br />

เฉลียสูงกว่าตลาดในเกือบทุกปี (11 ใน 13 ปี ) ดังนั น กล่าวได้ว่า กลุ่มหุ้นปันผล (high dividend stocks) เป็ น<br />

ทางเลือกทีดีแม้ในช่วงตลาดขาลง<br />

Morningstar (2011) ได้เผยแพร่บทความเรือง “Income or growth? Why it pays to look for<br />

the best total return” ซึ งแนะให้นักลงทุนพิจารณาวัตถุประสงค์ก่อนซื อหุ้นว่า ต้องการลงทุนหรือต้องการ<br />

เก็งกําไร เพราะลักษณะของหุ้นทีเลือกจะมีความแตกต่างกัน โดยแบ่งหุ้นออกเป็ น 2 กลุ่ม กลุ่มที 1 หุ้นสร้าง<br />

รายได้ (income stocks) ทีมีการจ่ายปันผลในอัตราทีสูงมีกําไรจากส่วนต่างราคาน้อย เพราะบริษัทไม่ได้นํา<br />

เงินปันผลไปสร้างความเติบโตเพิ มขึ นให้กิจการ เช่น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เป็ นต้น ซึ งเหมาะกับนัก<br />

ลงทุนทีต้องการลงทุนระยะยาว และกลุ่มที 2 หุ้นเน้นเติบโต (growth stocks) ทีมีแนวโน้มสร้างกําไรจาก<br />

ส่วนต่างราคามากกว่าผลตอบแทนจากเงินปันผล หุ้นกลุ่มนี เน้นนําเงินไปลงทุนสร้างความเติบโตของ<br />

กิจการซึ งจะทําให้ราคาของหุ้นเพิ มขึ น ซึ งเหมาะกับนักลงทุนทีต้องการเก็งกําไร ผู้วิจัยได้เสนอว่า ไม่อาจ<br />

4


สรุปได้ว่าหุ้นกลุ่มใดดีกว่ากัน ทั งนี ขึ นอยู่กับความต้องการส่วนบุคคล (personal needs) ในการคัดเลือก<br />

กลุ่มหุ้นทีเหมาะสมกับตัวเอง<br />

Siegel (2010) ได้ศึกษาพฤติกรรมการจ่ายเงินปันผลของหุ้นในดัชนี Standard & Poor's 500<br />

Index ตั งแต่วันที 1 มกราคม 2518 - 1 ธันวาคม 2552 ในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า หุ้นทีมีอัตราเงินปัน<br />

ผลตอบแทนสูงสุด 100 อันดับแรก มีอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลียต่อปี สูงถึงร้อยละ 12.50 ซึ งสูงกว่า<br />

ผลตอบแทนของตลาด (S&P index) ถึงร้อยละ 2.50 ดังนั น จะเห็นได้ว่าหุ้นปันผลเป็ นทางเลือกทีดีในการ<br />

ลงทุนในระยะยาว เนืองจากบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มจ่ายปันผลสูงขึ นเรือยๆ ยกเว้น ในช่วงวิกฤติ<br />

เศรษฐกิจในปี 2551 ทีมีการจ่ายปันผลลดลง และในงานศึกษานี ได้เสนอแนะการเลือกลงทุนในช่วงวิกฤติ<br />

เศรษฐกิจ ว่าควรเลือกซื อหน่วยลงทุนอีทีเอฟเพราะมีความเสียงน้อยกว่าการลงทุนในหุ้นปันผลราย<br />

หลักทรัพย์ เนืองจากบริษัทจดทะเบียนบางบริษัทอาจงดจ่ายปันผลในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจได้<br />

Tweedy, Browne Company LLC (n.d.) ได้เผยแพร่บทความเรือง “The high dividend yield<br />

return advantage: an examination of empirical data associating investment in high dividend yield<br />

securities with attractive returns over long measurement periods” ซึ งมีวัตถุประสงค์เพือศึกษาถึง<br />

ความสําคัญของเงินปันผลและความสัมพันธ์ระหว่างอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลและอัตรา<br />

ผลตอบแทนรวมในการลงทุนระยะยาว กรณีศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ผลตอบแทนจากเงิน<br />

ปันผลคิดเป็ นสัดส่วนสูงในอัตราผลตอบแทนรวม และจากหลักฐานเชิงประจักษ์ซึ งพิสูจน์ พบว่า ในการ<br />

ลงทุนระยะยาวนั นพอร์ตการลงทุนทีประกอบด้วยหุ้นทีมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง (high<br />

dividend yield portfolio) มีผลตอบแทนรวมสูงกว่าตลาด และสูงกว่าพอร์ตการลงทุนทีประกอบด้วยหุ้นทีมี<br />

อัตราเงินปันผลตอบแทนตํ า (low dividend yield portfolio)<br />

Williams, Saryan, and Yan (2011) ได้ศึกษาผลตอบแทนรวมในอดีตและลักษณะสําคัญของ<br />

หุ้นปันผลในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยพิจารณาเฉพาะหุ้นในกลุ่ม Standard & Poor's<br />

500 Index การศึกษาชี ให้เห็นว่า เมือเปรียบเทียบกับทางเลือกการลงทุนอืนๆ พบว่า ในช่วงปี 2569 - 2553<br />

(84 ปี ) หุ้นให้ผลตอบแทนรายปี เฉลียมากทีสุด อยู ่ทีร้อยละ 9.9 ขณะทีตราสารหนี ให้ผลตอบแทนรวมเฉลีย<br />

รายปี ร้อยละ 5.9 และเงินสดให้ผลตอบแทนรวมเฉลียรายปี ร้อยละ 3.6 โดยมากกว่าร้อยละ 40 ของ<br />

ผลตอบแทนรวมของหุ้นเป็ นผลตอบแทนจากเงินปันผล และในช่วงปี 2515 - 2553 (38 ปี ) หุ้นทีจ่ายปันผล<br />

ให้ผลตอบแทนรวม อยู ่ทีร้อยละ 8.8 มากว่าหุ้นทีไม่ได้จ่ายปันผล ซึ งให้ผลตอบแทนรวมรวมอยู ่ทีร้อยละ<br />

1.7 นอกจากหุ้นปันผลให้ผลตอบแทนทีโดดเด่นและสูงกว่าอัตราเงินเฟ้ อแล้ว หุ้นปันผลยังมีความผันผวน<br />

ตํ าด้วย<br />

5


บทความและงานวิจัยต่างๆ ทีเกียวกับหุ้นปันผลในต่างประเทศข้างต้นชี ให้เห็นว่า หุ้นปันผล<br />

เป็ นทางเลือกหนึ งในการลงทุนระยะยาวโดยในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ หุ้นปันผลให้ผลตอบแทนรวมสูงกว่า<br />

ตลาด และพอร์ตทีมีองค์ประกอบด้วยหุ้นปันผลทีมีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงให้อัตราผลตอบแทนรวม<br />

สูงกว่าพอร์ตทีมีองค์ประกอบด้วยหุ้นปันผลทีมีอัตราเงินปันผลตอบแทนตํ า สูงกว่าการลงทุนในพันธบัตร<br />

ระยะยาว และสูงกว่าเงินฝากธนาคาร นอกจากนี อัตราเงินปันผลตอบแทนมีผลต่ออัตราผลตอบแทนรวมใน<br />

สัดส่วนค่อนข้างสูง ดังนั นหุ้นปันผลจึงเป็ นอีกทางเลือกหนึ งในการลงทุนในระยะยาวและการลงทุน<br />

ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจทีน่าสนใจ<br />

6


บทที 3 ขอบเขตและนิยามในการศึกษา<br />

3.1 กลุ ่มตัวอย่างทีใช้ในการศึกษา<br />

ประกอบด้วยบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาด<br />

หลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ณ สินปี 2553 จํานวน 512 บริษัท โดยแบ่งเป็ นบริษัทจดทะเบียนในหลักทรัพย์<br />

แห่งประเทศไทย จํานวน 447 บริษัท ซึ งอยู ่ใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรมตามการจัดกลุ่มอุตสาหกรรมของตลาด<br />

หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็ นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จํานวน 65 บริษัท<br />

(ภาพที 3)<br />

ทั งนี ในการศึกษานี ไม่นับรวมกลุ่มดังต่อไปนี (1) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (2) บริษัทจด<br />

ทะเบียนทีอยู ่ระหว่างฟื นฟูการดําเนินงาน (non-performing groups) และ (3) บริษัทจดทะเบียนทีถูกเพิก<br />

ถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ ในช่วงวันที 1 มกราคม - 10 ตุลาคม 2554<br />

ภาพที 3 จํานวนบริษัทจดทะเบียนทีใช้ในการศึกษา จําแนกตามตลาดหลักทรัพย์ กลุ ่มดัชนี และ<br />

อุตสาหกรรม<br />

หน่วย: ร้อยละ; (จํานวนบริษัท)<br />

จําแนกตามตลาดหลักทรัพย์ จําแนกตามกลุ่มดัชนี จําแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรม<br />

0&<br />

&<br />

&<br />

&<br />

ตลาดหลักทรัพย์<br />

เอ็ม เอ ไอ (65)<br />

ตลาดหลักทรัพย์<br />

เอ็ม เอ ไอ (65)<br />

SET 50 (50)<br />

SET 51-100 (50)<br />

ตลาดหลักทรัพย์<br />

เอ็ม เอ ไอ (65)<br />

ทรัพยากร (27)<br />

เทคโนโลยี (38)<br />

สินค้าอุปโภคบริโภค (39)<br />

เกษตรและอุตสาหกรรม<br />

อาหาร (40)<br />

ธุรกิจการเงิน (58)<br />

สินค้าอุตสาหกรรม (80)<br />

&<br />

<br />

ตลาดหลักทรัพย์<br />

ประเทศไทย (447)<br />

Non-SET100<br />

(347)<br />

อสังหาริมทรัพย์<br />

และก่อสร้าง (81)<br />

บริการ (84)<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

7


3.2 กรอบเวลาทีใช้ในการศึกษา<br />

ในช่วงปี 2549 - 2553 บริษัทจดทะเบียนไทยได้รับผลกระทบทั งในแง่บวกและลบจากปัจจัย<br />

ภายนอก เห็นได้จากการเปลียนแปลงของดัชนีราคาหลักทรัพย์ (SET Index) ในช่วงเวลาดังกล่าว (ภาพที 4)<br />

จึงทําการศึกษาในช่วงปี 2549 - 2553 เพือพิจารณาถึงความสามารถในการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียน<br />

ทั งในช่วงตลาดขาขึ นและลง<br />

1,200<br />

ภาพที 4 ดัชนีราคาหุ ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ในช่วงปี 2549 - 2553<br />

หน่วย: จุด<br />

1,000<br />

800<br />

600<br />

400<br />

200<br />

0<br />

ปี 2549 ปี 2550 ปี 2551 ปี 2552 ปี 2553<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

3.3 นิยามของ “หุ ้นปันผล” สําหรับการศึกษานี<br />

เมือกล่าวถึงการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยในช่วงปี 2549 - 2553 บริษัท<br />

จดทะเบียนส่วนใหญ่จ่ายปันผลในรูปของเงินสด (cash dividend) โดยมี 34 บริษัททีจ่ายปันผลในรูปของเงิน<br />

สด (cash dividend) และจ่ายเป็ นหุ้น (equity stock dividend) ซึ งนิยามของ “หุ้นปันผล” ในการศึกษานี คือ<br />

หลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนทีจ่ายปันผลอย่างต่อเนืองทุกปี งบการเงิน ในช่วงปี 2549 - 2553 (5 ปี ) หรือ<br />

ทุกปี งบการเงินหลังเข้าจดทะเบียน โดยพิจารณาการจ่ายปันผลทั งในรูปของเงินสดและหุ้น<br />

จากการประกาศจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียนทั งหมด ณ วันที 11 ตุลาคม 2554 พบว่า มี<br />

288 หลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนจัดเป็ น “หุ้นปันผล” (Dividend Stock: DVS) ตามคํานิยามของ<br />

การศึกษานี ซึ งคิดเป็ นร้อยละ 56.25 ของบริษัทจดทะเบียนทั งหมด (ตารางที 2) แบ่งออกเป็ น (1) บริษัทที<br />

8


จดทะเบียนซื อขายในตลาดหุ้นไทยก่อนปี 2550 จํานวน 246 บริษัท และ (2) บริษัททีจดทะเบียนซื อขายใน<br />

ตลาดหุ้นไทยในช่วงปี 2550 - 2553 จํานวน 42 บริษัท<br />

ตารางที 2 จํานวนบริษัทจดทะเบียน และสัดส่วนจํานวนบริษัท<br />

จําแนกตามสัดส่วนจํานวนปี งบการเงินทีมีการจ่ายปันผลและปี ทีเข้าจดทะเบียน<br />

การจ่ายเงินปันผลใน<br />

ปี งบการเงิน 2549 - 2553<br />

จํานวนบริษัท<br />

สัดส่วนจํานวน<br />

บริษัท<br />

จํานวนบริษัท<br />

สัดส่ วนจํานวน<br />

บริษัท<br />

จํานวนบริษัท<br />

สัดส่ วนจํานวน<br />

จ่ายครบทุกปี 246 54% 42 78% 288 56%<br />

จ่ายไม่ครบทุกปี 145 32% 10 19% 155 30%<br />

ไม่จ่ายแลย 67 15% 2 4% 69 13%<br />

บริษัท<br />

ทั งหมด 458 100% 54 100% 512 100%<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

หมายเหตุ: ข้อมูลการประกาศจ่ายปันผล ณ 11 ตุลาคม 2554<br />

ปี (ปฏิทิน) ทีเข้าจดทะเบียน<br />

ก่อนปี 2550 2550 - 2553<br />

3.4 การจัดกลุ ่ม “หุ ้นปันผล” ในการศึกษา<br />

รวม<br />

การศึกษา<br />

คณะผู้วิจัยได้จัดแบ่งกลุ่มหลักทรัพย์ทีทําการศึกษา เป็ น 5 กลุ่ม (ตารางที 3) เพือประโยชน์ใน<br />

กลุ่มที 1 กลุ่ม SET High Dividend (SETHD)<br />

เป็ นการจัดกลุ่มตามดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index (SETHD) ของตลาดหลักทรัพย์<br />

แห่งประเทศไทย จํานวน 30 หลักทรัพย์ ตามประกาศรายชือทีใช้ในการคํานวณดัชนีราคา SET High<br />

Dividend 30 Index ในระหว่างวันที 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2554 โดยเกณฑ์ในการคัดเลือกหลักทรัพย์<br />

เพือใช้คํานวณดัชนีนี แสดงในภาคผนวก 1<br />

กลุ่มที 2 กลุ่ม Dividend Stocks (DVS)<br />

เป็ นการคัดเลือก “หุ้นปันผล” จากหลักทรัพย์ทั งหมดในตลาดหุ้นไทย โดยพิจารณาถึงความ<br />

ต่อเนืองในการจ่ายเงินปันผล โดยหลักทรัพย์ทีอยู่ในกลุ่มนี จะเป็ นหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนทีมีการ<br />

จ่ายปันผลต่อเนืองตลอดช่วง 5 ปี สําหรับผลประกอบการปี 2549 - 2553 หรือหลักทรัพย์ของบริษัทจด<br />

ทะเบียนทีจ่ายปันผลต่อเนืองนับตั งแต่เริมเข้าจดทะเบียนซื อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงเวลาที<br />

9


ทําการศึกษา ซึ งมีจํานวน 288 บริษัท จาก 512 บริษัท 8 หรือ คิดเป็ นร้อยละ 56.30 ของบริษัทจดทะเบียน<br />

ทั งหมด ตามทีกล่าวมาแล้วในนิยาม “หุ้นปันผล” ภายใต้การศึกษานี <br />

กลุ่มที 3 กลุ่ม Top30 Dividend Yield (TOP30DIY)<br />

หลักทรัพย์ในกลุ่ม “หุ้นปันผล” (Dividend Stock: DVS) ทีมีอัตราเงินปันผลตอบแทนซึ งคือ<br />

อัตราเปรียบเทียบเงินปันผลจ่ายต่อหุ้นต่อราคาหุ้น เฉลียรายวัน ในช่วง ปี 2549 - 2553 สูงสุด 30 อันดับแรก<br />

(ภาคผนวก 2)<br />

กลุ่มที 4 กลุ่ม Top50 Dividend Yield (TOP50DIY)<br />

หลักทรัพย์ในกลุ่ม “หุ้นปันผล” (Dividend Stock: DVS) ทีมีอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลีย<br />

รายวัน ในช่วง ปี 2549 - 2553 สูงสุด 50 อันดับแรก (ภาคผนวก 2)<br />

กลุ่มที 5 กลุ่ม Top100 Dividend Yield (TOP100DIY)<br />

หลักทรัพย์ในกลุ่ม “หุ้นปันผล” (Dividend Stock: DVS) ทีมีอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลีย<br />

รายวัน ในช่วง ปี 2549 - 2553 สูงสุด 100 อันดับแรก (ภาคผนวก 2)<br />

8<br />

ข้อมูลบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ณ สินปี 2553 โดยไม่นับรวมกลุ ่มดังต่อไปนี <br />

(1) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (2) บริษัทจดทะเบียนทีอยู่ระหว่างฟื นฟูการดําเนินงาน (3) บริษัทจดทะเบียนถูกเพิกถอนออกจากตลาด ในช่วง<br />

วันที 1 มกราคม 2554 - 10 ตุลาคม 2554<br />

10


เกณฑ์<br />

กลุ ่มหลักทรัพย์<br />

ความต่อเนือง<br />

ในการจ่ายปันผล<br />

ตารางที 3 การเปรียบเทียบกลุ ่ม “หุ ้นปันผล” แต่ละกลุ ่มในการศึกษา<br />

Dividend<br />

Stocks<br />

(DVS)<br />

การจัดอันดับ -<br />

อัตราการจ่ายเงินปันผล<br />

ต่อกําไรสุทธิ<br />

TOP30<br />

Dividend Yield<br />

(TOP30DIY)<br />

TOP50<br />

Dividend Yield<br />

(TOP50DIY)<br />

บริษัทจดทะเบียน ณ สินปี 2553 จํานวน 512 บริษัท<br />

สูงสุด 30 อันดับ<br />

แรก<br />

5 ปี ล่าสุด<br />

(ปี 2549 - 2553)<br />

ค่าเฉลียอัตราเงินปันผลตอบแทนรายวัน<br />

ในช่วงปี 2549 – 2553 (5 ปี )<br />

สูงสุด 50 อันดับ<br />

แรก<br />

ไม่ได้กําหนดเป็ นเกณฑ์ในการคัดเลือก<br />

TOP100<br />

Dividend Yield<br />

(TOP100DIY)<br />

สูงสุด 100 อันดับ<br />

แรก<br />

SETHD<br />

SET100<br />

ณ สินปี 2553<br />

3 ปี ล่าสุด<br />

(ปี 2551 - 2553)<br />

ค่าเฉลียอัตราเงินปัน<br />

ผลตอบแทนรายวัน<br />

ในช่วง 3 เดือนล่าสุด<br />

ก่อนประกาศปรับอันดับ<br />

30 อันดับ<br />

ไม่เกินร้อยละ 85 ของ<br />

กําไรสุทธิ<br />

ติดต่อกัน 3 ปี ในช่วงปี<br />

2551 - 2553<br />

จํานวนบริษัท 288 30 50 100 30<br />

ค่าเฉลียอัตราเงินปัน<br />

ผลตอบแทนเฉลีย<br />

รายวันในช่วงปี<br />

2549 - 2553<br />

อัตราเฉลีย<br />

อัตราสูงสุด<br />

อัตราตํ าสุด<br />

5.92%<br />

16.19%<br />

0.94 %<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

10.67%<br />

16.19%<br />

8.81%<br />

3.5 แหล่งข้อมูลทีใช้ในการศึกษา<br />

9.73%<br />

16.19%<br />

7.94%<br />

8.46%<br />

16.19%<br />

6.59%<br />

5.92%<br />

11.52%<br />

2.60 %<br />

ประกอบด้วยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ข้อมูลจากสํานักงานคณะกรรมการ<br />

กํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ข้อมูลจากสมาคมตลาดตราสาร<br />

หนี ไทย ข้อมูลจากสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ข้อมูลจากสํานักงานสถิติ<br />

แห่งชาติ ข้อมูลจากสํานักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ข้อมูลจากบริษัท ศูนย์รับ<br />

ฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จํากัด ข้อมูลจาก Bloomberg และงานศึกษาวิจัยทั งหน่วยงานทั งภายในและ<br />

ภายนอกประเทศ<br />

11


บทที 4 ศักยภาพของ “หุ ้นปันผล” ในตลาดหุ ้นไทย<br />

4.1 ความโดดเด่นของหุ ้นปันผลในด้านผลตอบแทน<br />

4.1.1 ในภาพรวม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีอัตราเงินปันผลตอบแทนค่อนข้างสูง<br />

เมือเทียบกับประเทศอืนในภูมิภาค<br />

เมือพิจารณาเปรียบเทียบอัตราเงินปันผลตอบแทน (market dividend yield) ของตลาด<br />

หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกับตลาดหลักทรัพย์อืนในภูมิภาคในช่วงปี 2549 - 2553 พบว่า อัตราเงินปัน<br />

ผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจัดอยู ่ใน 3 ตลาดหลักทรัพย์แรกทีให้อัตราเงินปัน<br />

ผลตอบแทน (top 3 market dividend yield) ทุกปี ซึ ง ณ สินปี 2554 อัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาด<br />

หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอยู ่ทีร้อยละ 4.03 สูงเป็ นอันดับที 3 รองจากตลาดไต้หวัน และตลาดสิงคโปร์<br />

(ภาพที 5)<br />

ภาพที 5 อัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ไทย<br />

เปรียบเทียบตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ณ สินปี 2549 – 2554<br />

หน่วย: ร้อยละ<br />

ไต้หวัน (TA) สิงคโปร์* (S) ฮ่องกง (H) มาเลเซีย (M) ฟลิปปนส์ (P) อินโดนีเซีย (I) เกาหลีใต้ (KS) ไทย (TH)<br />

9.00<br />

8.00<br />

7.00<br />

6.00<br />

5.00<br />

4.00<br />

3.00<br />

2.00<br />

1.00<br />

0.00<br />

TA<br />

H<br />

M<br />

P<br />

TH<br />

I KS<br />

TA<br />

H<br />

M<br />

P<br />

I<br />

TH<br />

KS<br />

TA<br />

S<br />

H<br />

M P<br />

I<br />

TH<br />

KS<br />

S P<br />

TA H<br />

M<br />

I<br />

TH TA<br />

S H<br />

KS<br />

M P<br />

I<br />

TH<br />

KS<br />

TA<br />

S H<br />

M P<br />

I<br />

KS<br />

TH<br />

2549 2550 2551 2552 2553 2554<br />

...<br />

อันดับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมือเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ของ<br />

ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย ฟิ ลิปปิ นส์ อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้<br />

ทีมา : Bloomberg<br />

อัตราเงินปันผลตอบแทน คือ มูลค่าเงินปันผลต่อหุ้น ย้อนหลัง 12 เดือน หารด้วยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ สินเดือน<br />

* ไม่มีข้อมูลอัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ในปี 2549 - 2550<br />

12


4.1.2 บริษัทจดทะเบียนไทยทีหุ้นจัดอยู ่ในกลุ่ม “หุ้นปันผล” มีหลายขนาด โดยเฉพาะบริษัท<br />

ในกลุ่ม Non-SET100 และบริษัทในกลุ่ม mai ซึ งมีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูง<br />

เมือพิจารณาจํานวนบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม “หุ้นปันผล” แบ่งตามกลุ่มดัชนี (ตารางที 4)<br />

พบว่า กลุ่ม “หุ้นปันผล” ตามความนิยามของศึกษานี (ยกเว้น SETHD) ประกอบด้วยบริษัทจดทะเบียนทั ง<br />

ขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ โดยส่วนใหญ่เป็ นบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม NON-SET100 และ mai ทั งนี เมือ<br />

พิจารณาอัตราเงินปันผลตอบแทนของบริษัททีอยู ่ในกลุ่มหุ้นปันผลแต่ละกลุ่ม (ตารางที 5) พบว่า กลุ่ม<br />

TOP30DIY เป็ นกลุ่มทีมีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงสุดทีร้อยละ 10.07 ทั งนี เนืองจากกลุ่มนี ประกอบด้วย<br />

บริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม NON-SET100 และ mai ทีมีอัตราเงินปันผลตอบแทนทีค่อนข้างสูง<br />

ตารางที 4 จํานวนบริษัทจดทะเบียนของกลุ ่ม “หุ ้นปันผล” จําแนกตามกลุ ่มดัชนี<br />

หน่วย: จํานวนบริษัท<br />

กลุ ่มดัชนี 9 DVS TOP30DIY TOP50DIY TOP100DIY SETHD<br />

SET50 43 2 3 8 14<br />

SET51-100 35 4 5 14 16<br />

NON-SET100 170 20 35 67 N/A<br />

mai 40 4 7 11 N/A<br />

รวม 288 30 50 100 30<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

ตารางที 5 อัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลียของกลุ ่ม “หุ ้นปันผล” จําแนกตามกลุ ่มดัชนี<br />

หน่วย: ร้อยละ<br />

2<br />

กลุ ่มดัชนี DVS TOP30DIY TOP50DIY TOP100DIY SETHD<br />

SET50 4.73 9.96 9.37 8.07 5.26<br />

SET51-100 6.07 10.14 9.84 8.13 6.50<br />

NON-SET100 6.22 10.80 9.75 8.50 N/A<br />

mai 5.77 10.91 9.75 8.93 N/A<br />

รวม 5.92 10.07 9.73 8.46 5.92<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

9 แบ่งตามรายชือหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนทีใช้ในการคํานวณดัชนีในระหว่างวันที 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2553<br />

13


4.1.3 ผลตอบแทนรวม 10 ของ “หุ้นปันผล” ทุกกลุ่มโดดเด่นสูงกว่าตลาดโดยรวม<br />

จากการเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนรวม (total return) ของกลุ่ม “หุ้นปันผล” และตลาด<br />

โดยรวม (ตารางที 6) ซึ งประกอบด้วยผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา (capital gain / loss) และผลตอบแทน<br />

จากเงินปันผล (dividend yield) ในช่วงปี 2549 - 2553 พบว่า กลุ่ม “หุ้นปันผล” มีผลตอบแทนรวมเฉลียอยู ่<br />

ในช่วงร้อยละ 25.3 - 36.5 ต่อปี (ภาพที 6) โดยกลุ่ม SETHD มีอัตราผลตอบแทนรวมสูงสุดทีร้อยละ 36.5<br />

มากกว่าอัตราผลตอบแทนรวมเฉลียของตลาดซึ งอยู ่ทีร้อยละ 21.1 ต่อปี ทั งนี หากพิจารณาอัตรา<br />

ผลตอบแทนรวมรายปี พบว่า กลุ่ม “หุ้นปันผล” มีผลตอบแทนรวมเฉลียต่อปี สูงกว่าตลาดในเกือบทุกปี แม้<br />

ในช่วงเศรษฐกิจตกตํ าในปี 2551 กลุ่ม “หุ้นปันผล” มีผลตอบแทนรวมเฉลียอยู ่ในช่วงร้อยละ -28.08 ถึง -<br />

17.07 ในขณะทีตลาดโดยรวมให้ผลตอบแทนรวมเฉลียอยู ่ทีร้อยละ -30.07<br />

ภาพที 6 อัตราผลตอบแทนรวมเฉลียรายปี (total return) ในช่วง ปี 2549 - 2553<br />

หน่วย: ร้อยละต่อปี<br />

50%<br />

40%<br />

30%<br />

20%<br />

21.1%<br />

36.5%<br />

25.3%<br />

33.1%<br />

28.8% 29.1%<br />

10%<br />

0%<br />

Market SETHD DVS TOP30DIY TOP50DIY TOP100DIY<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

ตารางที 6 อัตราผลตอบแทนรวมรายปี จําแนกตามกลุ ่ม “หุ ้นปันผล”<br />

หน่วย: ร้อยละต่อปี<br />

2549 2550 2551 2552 2553<br />

MARKET 9.24 16.93 -30.07 61.95 47.51<br />

SETHD 27.48 17.38 -28.08 99.73 65.73<br />

DVS 14.97 14.79 -24.24 63.62 57.13<br />

TOP30DIY 21.24 9.42 -17.07 81.82 70.12<br />

TOP50DIY 22.11 13.35 -17.84 69.36 56.89<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

10<br />

อัตราผลตอบแทนรวมคํานวณจาก (1) ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา ณ สินปี และ (2) อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ วันสินปี โดยอัตรา<br />

ผลตอบแทนรวมของหุ้นแต่ละกลุ ่มคํานวณจากค่าเฉลียของอัตราผลตอบแทนรวมของทุกหลักทรัพย์ภายในกลุ ่ม<br />

14


เมือแยกพิจารณาองค์ประกอบของผลตอบแทนรวม ออกเป็ น 2 ส่วน คือ อัตราเงินปัน<br />

ผลตอบแทน และกําไรจากส่วนต่างราคา พบว่า<br />

1) “หุ้นปันผล” ทุกกลุ่มมีผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าตลาดในทุกปี แม้แต่ในปี 2551 ที<br />

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง (ตารางที 7) โดยกลุ่ม “หุ้นปันผล” มีอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลีย<br />

ในช่วงปี 2549 - 2553 อยู่ในช่วงร้อยละ 5.76 - 10.31 ขณะทีตลาดมีอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลียอยู ่ทีร้อย<br />

ละ 4.18<br />

ตารางที 7 อัตราเงินปันผลตอบแทน (dividend yield) จําแนกตามกลุ ่ม “หุ ้นปันผล”<br />

หน่วย: ร้อยละต่อปี<br />

2549 2550 2551 2552 2553 เฉลีย 5 ปี<br />

MARKET 3.91 3.78 6.27 3.85 3.09 4.18<br />

SETHD 4.80 5.27 9.38 5.13 4.23 5.76<br />

DVS 5.20 5.34 8.87 5.51 4.37 5.86<br />

TOP30DIY 8.21 10.96 14.45 10.44 7.47 10.31<br />

TOP50DIY 7.31 9.58 14.27 9.51 7.08 9.55<br />

TOP100DIY 6.81 7.99 12.84 7.77 6.15 8.31<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

2) “หุ้นปันผล” แต่ละกลุ่มมีกําไรจากส่วนต่างราคาใกล้เคียงกับตลาด ยกเว้น SETHD โดย<br />

กําไรจากส่วนต่างราคาของกลุ่ม “หุ้นปันผล” เฉลีย 5 ปี อยู่ในช่วงร้อยละ 19.65 - 31.08 สูงกว่าตลาดซึ งอยู ่ที<br />

ร้อยละ 17.06 ส่วน SETHD มีกําไรจากส่วนต่างราคาเฉลียในช่วง 5 ปี สูงกว่าตลาดอย่างชัดเจน (ตารางที 8)<br />

ทั งนี ในช่วงทีเศษฐกิจตกตํ า ปี 2551 ตลาดโดยรวมและกลุ่ม “หุ้นปันผล” ขาดทุนจากส่วนต่างราคา (capital<br />

loss) แต่เนืองจาก “หุ้นปันผล” มีผลตอบแทนจากเงินปันผลชดเชยผลขาดทุนจากส่วนต่างราคาส่งผลให้<br />

ผลตอบแทนรวมของกลุ่ม “หุ้นปันผล” ยังคงสูงกว่าตลาด<br />

ตารางที 8 กําไรจากส่วนต่างราคา (capital gain) จําแนกตามกลุ ่ม “หุ ้นปันผล”<br />

หน่วย: ร้อยละต่อปี<br />

2549 2550 2551 2552 2553 เฉลีย 5 ปี<br />

MARKET 5.35 13.21 -36.82 58.96 44.60 17.06<br />

SETHD 22.69 12.11 -38.79 97.87 61.51 31.08<br />

DVS 9.81 9.49 -33.67 59.49 53.13 19.65<br />

TOP30DIY 13.02 -1.54 -32.73 71.38 62.65 22.56<br />

TOP50DIY 14.80 3.77 -32.84 59.85 49.80 19.08<br />

TOP100DIY 8.09 9.72 -33.31 63.51 55.53 20.71<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

15


180<br />

160<br />

140<br />

120<br />

100<br />

80<br />

60<br />

40<br />

20<br />

0<br />

4.1.4 เมือเปรียบเทียบการลงทุนใน “หุ้นปันผล” กับการฝากเงินธนาคารในช่วงเวลาการลงทุน<br />

10 ปี (ปี 2543 - 2553) พบว่า “หุ้นปันผล” ให้ผลตอบแทนรวมสูงกว่าการฝากเงินธนาคารถึง 6.65 เท่า<br />

ในการศึกษานี เปรียบเทียบการลงทุนใน “หุ้นปันผล” กับการฝากเงินธนาคาร ในช่วงเวลาการ<br />

ลงทุน 10 ปี โดยจําลองการลงทุนของนักลงทุน 2 ท่าน<br />

นักลงทุน A ซื อ “หุ้นปันผล” ณ สินปี 2543 บริษัทละ 1 หุ้น เป็ นเงินทั งหมด 6,068 บาท และ<br />

ถือหุ้นดังกล่าวจนถึงสินปี 2553 แล้วจึงขายหุ้นทั งหมด นอกจากนักลงทุน A จะได้รับผลตอบแทนจากการ<br />

ลงทุนในรูปส่วนต่างราคาแล้ว ยังได้รับเงินปันผลอย่างต่อเนืองในช่วง 10 ปี ทีลงทุนในหุ้นดังกล่าวด้วย มี<br />

ผลตอบแทนรวมในช่วงปี 2543 - 2553 สูงถึงร้อยละ 153 ของเงินทุนเริมต้น<br />

นักลงทุน B ฝากธนาคารพาณิชย์ประเภทบัญชีประจํา 12 เดือน ด้วยเงินจํานวนเดียวกันกับ<br />

จํานวนเงินทีลงทุนใน “หุ้นปันผล” โดยเริ มฝาก ณ สินปี 2543 ในช่วงระยะเวลาการลงทุนเดียวกัน นัก<br />

ลงทุน B จะได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี ย 11 ในแต่ละปี ซึ งมีผลตอบแทนรวมคิดเป็ นร้อยละ 23 ของ<br />

เงินทุนเริ มต้น<br />

ดังนั น หากเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุนของนักลงทุนทั ง 2 ท่านในช่วงเวลาการ<br />

ลงทุน 10 ปี (ปี 2543 - 2553) การลงทุนใน “หุ้นปันผล” ให้ผลตอบแทนรวมสูงกว่าการฝากเงินธนาคารถึง<br />

6.65 เท่า และหากเปรียบเทียบผลตอบแทนรวมจากการลงทุนใน “หุ้นปันผล” และ การฝากประจํา 12 เดือน<br />

ทีธนาคารพาณิชย์ ตามช่วงระยะเวลาลงทุนทีแตกต่างกันจากระยะสั น 1 ปี จนถึงระยะยาว 10 ปี (ภาพที 7)<br />

แสดงให้เห็นว่า ผล++รวมจากการลงทุนใน “หุ้นปันผล” ทีสูงกว่าการฝากเงินในธนาคารจะมีแนวโน้มเพิ ม<br />

มากขึ นเมือระยะเวลาการลงทุนนานขึ น ทั งนี ขึ นกับภาวะตลาดและวัฏจักรเศรษฐกิจด้วย<br />

ภาพที 7 อัตราผลตอบแทนรวมของ “หุ ้นปันผล” และเงินฝากประจํา 12 เดือน 11<br />

หุ้นปนผล (DVS) เงินฝากประจํา 12 เดือน<br />

2543-2544 2543-2545 2543-2546 2543-2547 2543-2548 2543-2549 2543-2550 2543-2551 2543-2552 2543-2553<br />

ปทีลงทุน<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

หน่วย: ร้อยละ<br />

153<br />

23<br />

11<br />

ค่าเฉลียอัตราดอกเบี ยเงินฝากประจํา 12 เดือน ณ ทุกสินปี ของธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์<br />

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย และธนาคารนครหลวงไทย<br />

16


4.2 ความโดดเด่นของ “หุ ้นปันผล” ทางเสถียรภาพด้านราคา<br />

จํานวนหลักทรัพย์<br />

140<br />

120<br />

100<br />

80<br />

60<br />

40<br />

20<br />

0<br />

เมือพิจารณาราคาของหุ้นในกลุ่ม “หุ้นปันผล” ในปี 2554 พบว่า ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 46.18)<br />

เป็ นหุ้นขนาดเล็ก มีราคาเฉลียตํ ากว่า 10 บาทต่อหุ้น (ภาพที 8) และมีราคาปิ ดเฉลีย 12 อยู่ที 34.41 ต่อหุ้น<br />

(ตารางที 9) ทําให้นักลงทุนใช้เงินลงทุนจํานวนไม่มากในการลงทุน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนทีมี<br />

ความกังวลเกียวกับความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ การศึกษานี ชี ให้เห็นว่า “หุ้นปันผล” ทุกกลุ่มมีความ<br />

ผันผวนของราคาตํ ากว่าตลาดโดยรวม (ภาพที 9) โดยตํ ากว่าตลาดถึงร้อยละ 17.50 เมือพิจารณาจากค่าความ<br />

ผันผวนของราคาหลักทรัพย์จากข้อมูลในอดีต (30-day Historical Volatility) 13 เฉลียในช่วงปี 2549 - 2553<br />

ภาพที 8 จํานวนหลักทรัพย์ในกลุ ่ม “หุ ้นปันผล” จําแนกตามราคาปิ ดรายวันเฉลีย 12<br />

หน่วย: จํานวนหลักทรัพย์ (แกนตั ง), บาท (แกนนอน)<br />

น้อยกว่า 10-20 20-30 30-40 40-50 50-60 60-70 70-80 80-90 90-100 มากกว่า<br />

10<br />

ราคาปดรายวันเฉลีย<br />

100<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

ตารางที 9 ราคาปิ ดเฉลียรายวันของหลักทรัพย์ในกลุ ่ม “หุ ้นปันผล” ในปี 2554<br />

หน่วย: บาทต่อหุ้น<br />

กลุ ่ม “หุ ้นปันผล” ราคาปิ ดรายวันเฉลีย<br />

SETHD 50.62<br />

DVS 34.41<br />

TOP30DIY 11.53<br />

TOP50DIY 15.70<br />

TOP100DIY 21.75<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

12<br />

13<br />

ค่าเฉลียราคาปิ ดทุกวันในปี 2554 ของแต่ละหลักทรัพย์ และคํานวณเป็ นราคาเฉลียของหลักทรัพย์แต่ละกลุ ่ม<br />

ค่าความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในช่วง 30 วัน คือ ส่วนเบียงเบนมาตรฐานของลอการิทึมการเปลียนแปลงราคาปิ ดรายวัน ในช่วง 30<br />

วันล่าสุด ซึ งค่าดังกล่าวถูกปรับฐานให้เป็ นข้อมูลรายปี ทั งนี ร้อยละ 6 บริษัทจดทะเบียนในการศึกษา ไม่มีข้อมูลค่าความผันผวนของราคา<br />

17


ภาพที 9 ค่าความผันผวนของราคาหลักทรัพย์จากข้อมูลในอดีต (30-day Historical Volatility)<br />

55<br />

หน่วย : ร้อยละ<br />

ค่าความผันผวนของราคาหลักทรัพย์<br />

50<br />

45<br />

40<br />

35<br />

30<br />

25<br />

20<br />

(-16.7%) (-15.0%)<br />

2549 2550 2551 2552 2553<br />

(...) ความแตกต่างระหว่างค่าความผันผวนของราคาหลักทรัพย์จากข้อมูลในอดีตของตลาดและของกลุ ่ม DVS<br />

ทีมา: Bloomberg<br />

ปี<br />

(-18.2%) (-20.8%)<br />

(-16.8%)<br />

Market<br />

DVS<br />

TOP30DIY<br />

TOP50DIY<br />

TOP100DIY<br />

SETHD<br />

18


บทที 5 ความเข้าใจผิดเกียวกับ “หุ ้นปันผล” ในตลาดหุ ้นไทย<br />

ในตลาดหุ้นทั วไปรวมทั งตลาดหุ้นไทยต่างมีความเข้าใจผิดเกียวกับ “หุ้นปันผล” ที<br />

หลากหลาย ซึ งความเข้าใจผิดบางส่วนนี ส่งผลให้นักลงทุนไม่ลงทุนใน “หุ้นปันผล” ดังนั น ในการศึกษานี <br />

จึงมีวัตถุประสงค์ในการแสดงข้อมูลทีอาจจะมีความเข้าใจผิดเกียวกับ “หุ้นปันผล” ใน 3 ประเด็น ได้แก่<br />

5.1 บริษัททีจ่ายปันผลในอัตราทีสูง มีธุรกิจใกล้อิ มตัว หรือมีโอกาสเติบโตได้น้อย<br />

5.2 บริษัทอาจจ่ายปันผลสูงเพียงเพือดึงดูดให้คนลงทุนใน “หุ้นปันผล” การจ่ายปันผลไม่<br />

สะท้อนผลประกอบการทีดีจริงของบริษัทจดทะเบียน และ<br />

5.3 หุ้นปันผล” เป็ นหุ้นทีมีสภาพคล่องตํ า เนืองจากเป็ นหุ้นดี นักลงทุนเน้นลงทุนระยะยาว<br />

หรือ “หุ้นปันผล” มักเป็ นหุ้นของ strategic shareholders<br />

5.1 บริษัททีจ่ายปันผลในอัตราทีสูง มีธุรกิจใกล้อิมตัวหรือมีโอกาสเติบโตได้น้อย<br />

หากพิจารณาการเติบโตของรายได้รวมและกําไรสุทธิรวมของตลาดโดยรวม 14 พบว่า ในช่วงปี<br />

2549 - 2553 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีอัตราการเติบโตของรายได้รวมสูงถึงร้อยละ 12.48 ต่อปี<br />

(ตารางที 10) และมีอัตราการเติบโตด้านกําไรสุทธิรวม ร้อยละ 7.01 ต่อปี (ตารางที 11) สะท้อนความ<br />

แข็งแกร่งและการเติบโตอย่างต่อเนืองของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย<br />

ตารางที 10 รายได้รวมของบริษัทจดทะเบียนในช่วงปี 2548 - 2553<br />

หน่วย: ล้านบาท<br />

2548 2549 2550 2551 2552 2553<br />

รายได้รวม 4,531,750 5,441,100 6,135,949 7,529,497 6,611,428 7,869,415<br />

จํานวนบริษัท 446 458 471 483 500 509<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

ตารางที 11 กําไรสุทธิรวมของบริษัทจดทะเบียน ในช่วงปี 2548 - 2553<br />

หน่วย: ล้านบาท<br />

2548 2549 2550 2551 2552 2553<br />

กําไรสุทธิรวม 496,646 441,355 417,819 293,391 425,542 579,758<br />

จํานวนบริษัท 446 458 471 483 500 509<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

14<br />

ข้อมูล ณ สินเดือนมิถุนายน 2554 ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และบริษัททีอยู ่ระหว่างฟื นฟูการดําเนินงาน<br />

19


จากความเข้าใจผิดในประเด็นที 1 สะท้อนว่า นักลงทุนกังวลเกียวกับการเติบโตในอนาคตของ<br />

กิจการเนืองจากตามแนวคิดด้านการเงินเมือบริษัทมีกําไรสุทธิจะจัดสรรกําไรสุทธิออกเป็ น 2 ส่วน ส่วน<br />

แรก คือการจ่ายผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นในรูปของปันผล (cash and equity stock dividend) และส่วนทีเหลือ<br />

เก็บไว้ในรูปของกําไรสะสม (retained earning) เพือเตรียมการลงทุนหรือขยายกิจการในอนาคต ดังนั น เมือ<br />

บริษัทมีการจ่ายปันผลในอัตราทีสูงอาจทําให้เข้าใจว่า บริษัทจะไม่ลงทุนเพิ มเติมส่งผลต่อการเติบโตของ<br />

กิจการในอนาคต<br />

ในการศึกษานี บริษัทจดทะเบียนทีจ่ายปันผลในอัตราทีสูง คือ บริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม<br />

“หุ้นปันผล” สําหรับการเติบโตของกิจการพิจารณาจากการเติบโต 3 ด้าน คือ กําไรสุทธิ สินทรัพย์ และ<br />

รายได้รวม<br />

บริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม TOP30DIY TOP100DIY มีอัตราการเติบโตเฉลียของกําไรสุทธิสูง<br />

กว่าตลาดโดยรวม ทั งนี เนืองจากบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม “หุ้นปันผล” มีอัตราการเติบโตของสินทรัพย์<br />

รวมและรายได้รวมสูงกว่าตลาด<br />

จากการศึกษาการเติบโตของกําไรสุทธิรวมของบริษัทจดทะเบียน พบว่า ในช่วง 5 ปี (ปี 2549<br />

- 2553) กลุ่ม TOP30DIY และ TOP100DIY (ตารางที 12) มีอัตราการเติบโตของกําไรสุทธิเฉลียร้อยละ<br />

15.17 ต่อปี และร้อยละ 10.80 ต่อปี ตามลําดับ ซึ งสูงกว่าตลาดโดยรวมทีมีอัตราการเติบโตอยู ่ทีร้อยละ 7.01<br />

ขณะทีกลุ่ม “หุ้นปันผล” กลุ่มอืนๆ มีอัตราการเติบโตตํ ากว่าตลาดโดยรวม<br />

ตารางที 12 อัตราการเติบโตเฉลียของกําไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน 15 หน่วย: ร้อยละ<br />

2549 2550 2551 2552 2553 เฉลีย 5 ปี<br />

MARKET -11.13 -5.33 -29.78 45.04 36.24 7.01<br />

SETHD 2.10 4.87 -25.89 21.55 30.24 6.57<br />

DVS -10.64 9.65 -23.52 24.59 29.02 5.82<br />

TOP30DIY -10.46 0.61 -48.95 147.63 -12.99 15.17<br />

TOP50DIY -4.26 -0.40 -18.57 29.72 6.16 2.53<br />

TOP100DIY -11.67 30.54 -47.30 72.84 9.57 10.80<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

15<br />

คํานวณจากมูลค่ารวมของกําไรสุทธิรวมของบริษัทจดทะเบียนในกลุ ่มหุ้นปันผลแต่ละกลุ ่ม โดยไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 29<br />

กองทุน และบริษัทจดทะเบียนทีอยู ่ระหว่างฟื นฟูการดําเนินงาน<br />

20


หากพิจารณาเปรียบเทียบอัตราเงินปันผลตอบแทนและอัตราการเติบโตของกําไรสุทธิของ<br />

กิจการระหว่างบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม “หุ้นปันผล” แต่ละกลุ่มกับตลาดโดยรวม (ภาพที 10) พบว่า กลุ่ม<br />

TOP30DIY และกลุ่ม TOP100DIY นอกจากจะมีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงกว่าตลาดแล้ว กลุ่ม “หุ้นปัน<br />

ผล” 2 กลุ่มนี ยังมีอัตราการเติบโตของกําไรสุทธิสุทธิสูงกว่าตลาดโดยรวมด้วย<br />

ภาพที 10 อัตราเงินปันผลตอบแทนและอัตราการเติบโตของกําไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน<br />

กลุ่มทีพิจารณา<br />

อัตราเงินปัน อัตราการเติบโตของ<br />

ผลตอบแทนเฉลีย (%), กําไรสุทธิ (%)<br />

อัตราการเติบโตของกําไรสุทธิ<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

อัตราเงินปันผลตอบแทน<br />

ทั งนี เนืองจากบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม “หุ้นปันผล” มีการเติบโตดีกว่าตลาด สังเกตได้จาก<br />

อัตราการเติบโตของรายได้รวมและอัตราการเติบโตของสินทรัพย์รวมของบริษัทในกลุ่ม “หุ้นปันผล” ทุก<br />

กลุ่มทีสูงกว่าตลาด โดยในช่วงปี 2549 - 2553 บริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม “หุ้นปันผล” มีอัตราการเติบโตของ<br />

สินทรัพย์รวมเฉลียอยู่ในช่วงร้อยละ 10.17 - 17.23 ต่อปี ซึ งสูงกว่าตลาดโดยรวมทีมีอัตราการเติบโตอยู ่ที<br />

ร้อยละ 9.61 (ตารางที 13) และเมือพิจารณาอัตราการเติบโตของรายได้รวมของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม<br />

“หุ้นปันผล” พบว่า มีอัตราการเติบโตของรายได้รวมเฉลียในช่วงร้อยละ 13.98 - 47.00 ต่อปี สูงกว่าตลาด<br />

โดยรวมทีมีการอัตราการเติบโตของรายได้รวมอยู ่ทีร้อยละ 12.48 (ตารางที 14)<br />

21


ตารางที 13 อัตราการเติบโตเฉลียของสินทรัพย์รวมของบริษัทจดทะเบียน 16<br />

หน่วย: ร้อยละ<br />

2549 2550 2551 2552 2553 เฉลีย 5 ปี<br />

MARKET 9.03 6.06 10.01 8.25 14.71 9.61<br />

SETHD 10.36 12.61 7.70 14.93 20.06 13.13<br />

DVS 10.61 9.33 12.12 11.65 16.47 12.04<br />

TOP30DIY 10.43 11.12 44.38 13.49 6.72 17.23<br />

TOP50DIY 13.56 6.13 25.42 4.51 1.23 10.17<br />

TOP100DIY 7.74 6.77 28.32 6.41 4.87 10.82<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

ตารางที 14 อัตราการเติบโตเฉลียของรายได้รวมของบริษัทจดทะเบียน 16<br />

หน่วย: ร้อยละ<br />

2549 2550 2551 2552 2553 เฉลีย 5 ปี<br />

MARKET 20.07 12.77 22.71 -12.19 19.03 12.48<br />

SETHD 26.10 18.26 21.75 -14.49 19.86 14.30<br />

DVS 21.16 17.60 23.12 -12.13 20.14 13.98<br />

TOP30DIY 5.38 3.15 234.96 -19.72 11.23 47.00<br />

TOP50DIY 11.01 13.04 76.63 -15.90 11.56 19.27<br />

TOP100DIY 11.71 32.78 37.59 -15.45 16.27 16.58<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

เมือพิจารณาเปรียบเทียบอัตราเงินปันผลตอบแทนและอัตราการเติบโตของรายได้รวมและ<br />

อัตราการเติบโตของสินทรัพย์รวม (ภาพที 11-12) พบว่า บริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม “หุ้นปันผล” ทุกกลุ่ม<br />

นอกจากจะมีผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าตลาดโดยรวมแล้ว ทุกกลุ่มยังมีอัตราการเติบโตของ<br />

สินทรัพย์รวมและรายได้รวมสูงกว่าตลาดโดยรวมด้วย<br />

16<br />

คํานวณจากมูลค่ารวมของสินทรัพย์รวมของบริษัทจดทะเบียนทีอยู ่ในกลุ ่มหุ้นปันผลแต่ละกลุ ่ม โดยไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 29<br />

กองทุน และบริษัทจดทะเบียนทีอยู ่ระหว่างฟื นฟูการดําเนินงาน<br />

22


ภาพที 11 อัตราเงินปันผลตอบแทนและอัตราการเติบโตของสินทรัพย์รวมของบริษัทจดทะเบียน<br />

อัตราการเติบโตของสินทรัพย์รวม<br />

กลุ่มทีพิจารณา<br />

อัตราเงินปัน<br />

ผลตอบแทนเฉลีย (%),<br />

อัตราการเติบโตของ<br />

สินทรัพย์รวม (%)<br />

อัตราเงินปันผลตอบแทน<br />

ภาพที 12 อัตราเงินปันผลตอบแทนและอัตราการเติบโตของรายได้รวมของบริษัทจดทะเบียน<br />

อัตราการเติบโตของรายได้รวม<br />

กลุ่มทีพิจารณา<br />

อัตราเงินปัน<br />

ผลตอบแทนเฉลีย (%),<br />

อัตราการเติบโตของ<br />

รายได้รวม (%)<br />

อัตราเงินปันผลตอบแทน<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

23


จากข้อมูลข้างต้นสรุปได้ว่า บริษัทจดทะเบียนทีจ่ายปันผลในอัตราสูง มีการเติบโตทั งในด้าน<br />

สินทรัพย์รวม รายได้รวม และกําไรสุทธิรวม นอกจากนี บริษัทจดทะเบียนทีจัดอยู ่ในกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

TOP30DIY และ TOP100DIY มีอัตราการเติบโตของกําไรสุทธิ สินทรัพย์รวม และรายได้รวมสูงกว่าตลาด<br />

โดยรวม ซึ งแสดงว่า ความเชือของนักลงทุนทีว่าบริษัททีจ่ายปันผลในอัตราทีสูง มีธุรกิจใกล้อิ มตัวหรือมี<br />

โอกาสเติบโตได้น้อยอาจมีความคลาดเคลือนจากข้อเท็จจริง<br />

5.2 บริษัทอาจจ่ายปันผลสูงเพียงเพือดึงดูดให้คนลงทุนใน “หุ ้นปันผล” การจ่ายปันผลไม่<br />

สะท้อนผลประกอบการทีดีจริงของบริษัทจดทะเบียน<br />

นอกจากความกังวลเรืองการเติบโตของกิจการในอนาคตแล้ว นักลงทุนบางส่วนยังมีความ<br />

เข้าใจผิดว่า การจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียนอาจไม่สะท้อนถึงผลประกอบการทีดีจริงของกิจการ แต่<br />

เป็ นการจ่ายปันผลเพียงเพือดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทเท่านั น จากความเชือนี ชี ให้เห็น<br />

ว่า นักลงทุนมีความกังวลเกียวกับแหล่งทีมาและการใช้ไปของเงินทุน (source and use of fund)<br />

เพือพิสูจน์ความเชือในประเด็นนี กําหนดให้บริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม “หุ้นปันผล” เป็ น<br />

ตัวแทนของบริษัทจดทะเบียนทีจ่ายปันผลในอัตราสูง และจากศึกษาพฤติกรรมการจ่ายปันผลในช่วงปี 2549<br />

- 2553 ของบริษัทในกลุ่มนี สรุปว่าบริษัททีจ่ายเงินปันผลส่วนใหญ่ร้อยละ 97.54 เป็ นบริษัททีมีกําไรสุทธิ<br />

จากผลประกอบการ (ตารางที 15) และอีกร้อยละ 2.46 เป็ นบริษัททีขาดทุนสุทธิแต่จ่ายเงินปันผล โดยบริษัท<br />

เหล่านี เป็ นบริษัทจดทะเบียนทีมีกําไรสุทธิในการดําเนินงานแต่มีผลขาดทุนจากการลงทุนในบริษัทย่อย จึง<br />

ทําให้บริษัทมีผลการดําเนินงานโดยรวมขาดทุนสุทธิ และมีการจ่ายเงินปันผลจากกําไรสะสมของบริษัท<br />

ตารางที 15 ความสอดคล้องระหว่างผลประกอบการและการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียน<br />

ในกลุ ่ม “หุ ้นปันผล”<br />

หน่วย: จํานวนบริษัท<br />

2549 2550 2551 2552 2553<br />

สัดส่วนต่อจํานวน<br />

บริษัททั งหมด<br />

(1) ทีมีกําไรสุทธิ และจ่ายเงินปันผล 244 247 253 269 280 97.54%<br />

(2) ทีขาดทุนสุทธิและงดจ่ายปันผล - - - - - 0.00%<br />

(3) ทีมีกําไรสุทธิแต่งดจ่ายปันผล - - - - - 0.00%<br />

(4) ทีขาดทุนสุทธิ และจ่ายเงินปันผล 2 7 8 9 8 2.46%<br />

รวม 246 253 261 278 288 100.00%<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

24


เมือพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างการเติบโตของกําไรสุทธิ (profit growth) และการเติบโต<br />

ของเงินปันผล (dividend growth) ในช่วงปี 2549 - 2553 (ตารางที 16) พบว่าร้อยละ 68.95 ของบริษัท<br />

จดทะเบียนในกลุ่ม “หุ้นปันผล” มีอัตราการเติบโตสอดคล้องในทิศทางเดียวกัน กล่าวคือ เมือกําไรสุทธิมี<br />

อัตราการเติบโตเพิ มขึ น อัตราการเติบโตของเงินปันผลปรับเพิ มขึ น หรือในทางตรงกันข้าม เมือกําไรสุทธิมี<br />

อัตราการเติบโตลดลง อัตราการเติบโตของเงินปันผลปรับลดลงเช่นกัน และบริษัทจดทะเบียนอีกร้อยละ<br />

16.64 มีการจ่ายเงินปันผลในอัตราคงที (เช่น 2 บาทต่อหุ้น เป็ นต้น) ตามทีระบุในนโยบายการจ่ายเงินปันผล<br />

ส่งผลให้การเติบโตของกําไรสุทธิและการเติบโตของเงินปันผลของบริษัทกลุ่มนี ไม่มีความสัมพันธ์กัน<br />

ขณะทีส่วนทีเหลืออีกร้อยละ 14.41 มีการเติบโตของกําไรสุทธิและเงินปันผลในทิศทางตรงข้าม<br />

กัน แบ่งออกเป็ น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกทีมีอัตราการเติบโตของกําไรสุทธิลดลงแต่จ่ายปันผลในอัตราทีสูงขึ น<br />

อาจเป็ นเพราะบริษัทกลุ่มนี ยังไม่มีนโยบายขยายกิจการในระยะเวลาอันใกล้จึงมีการจ่ายผลตอบแทนให้นัก<br />

ลงทุนในอัตราทีสูง ขณะทีกลุ่มที 2 เป็ นกลุ่มทีมีอัตราการเติบโตของกําไรสุทธิเพิ มขึ นแต่มีการจ่ายปันผลใน<br />

อัตราทีลดลง ทั งนี อาจเป็ นเพราะบริษัทกลุ่มนี มีแผนการลงทุนในอนาคตจึงเก็บเงินสดไว้<br />

ตารางที 16 ความสัมพันธ์ระหว่างการเติบโตของกําไรสุทธิและการเติบโตของเงินปันผล<br />

ของบริษัทจดทะเบียนในกลุ ่ม “หุ ้นปันผล”<br />

หน่วย: ร้อยละ<br />

2549 2550 2551 2552 2553 เฉลีย<br />

(1) บริษัททีมีการเติบโตของกําไรสุทธิและเงินปันผลเพิ มขึ น 40.09 41.08 39.02 48.0 54.74 44.59<br />

(2) บริษัททีมีการเติบโตของกําไรสุทธิและเงินปันผลลดลง 27.31 24.48 30.89 23.41 15.69 24.36<br />

รวม 6.40 65.56 69.92 71.43 70.44 68.95<br />

(3) บริษัทจดทะเบียนทีจ่ายปันผลในมูลค่ารวมคงที 18.50 20.33 16.26 13.89 14.23 16.64<br />

(4) บริษัทจดทะเบียนทีมีการเติบโตของกําไรสุทธิและเงินปันผล 14.10 14.11 13.82 14.68 15.33 14.41<br />

ในทิศทางตรงกันข้าม<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

จากข้อมูลทีกล่าวมาทั งหมดเบื องต้น สรุปได้ว่า บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไทยมี<br />

การจ่ายปันผลสอดคล้องตามผลประกอบการ และบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ในกลุ่ม “หุ้นปันผล”มีการ<br />

เติบโตของกําไรสุทธิและเงินปันผลเป็ นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ งพิสูจน์ว่าความเชือของนักลงทุนมีความ<br />

คลาดเคลือนจากข้อเท็จจริง<br />

25


กล่องที 1 อัตราการจ่ายเงินปันผล (dividend payout ratio) ทีกําหนดในนโยบายการจ่ายเงินปันผล<br />

(dividend policy) และพฤติกรรมการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียน<br />

จากอัตราการจ่ายเงินปันผล (dividend payout ratio) ทีกําหนดในนโยบายการจ่ายเงินปันผล<br />

(dividend policy) ณ สินปี 2553 พบว่า บริษัทจดทะเบียนกําหนดอัตราการจ่ายเงินปันผลใน 5 ลักษณะ ได้แก่<br />

1) ไม่กําหนดอัตราทีแน่นอน แต่ระบุว่า ขึ นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน<br />

2) กําหนดอัตรา / มูลค่าคงที เช่น 2 บาทต่อหุ้น หรือ ร้อยละ 40 ของกําไรสุทธิ<br />

3) กําหนดอัตราเป็ นช่วง เช่น ร้อยละ 40 - 70 ของกําไรสุทธิ<br />

4) กําหนดจ่ายปันผลไม่เกินกว่าอัตราทีกําหนด เช่น ไม่เกินร้อยละ 40 ของกําไรสุทธิ<br />

5) กําหนดจ่ายปันผลไม่ตํ ากว่าอัตราทีกําหนด เช่น ไม่ตํ ากว่าร้อยละ 40 ของกําไรสุทธิ<br />

บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ 309 บริษัท จาก 512 บริษัท หรือ คิดเป็ นร้อยละ 60.35 กําหนดอัตรา<br />

การจ่ายเงินปันผลในลักษณะ“กําหนดจ่ายปันผลไม่ตํ ากว่าอัตราทีกําหนด” (ตารางที 17) และจากการศึกษา<br />

อัตรา (rate) ทีกําหนดในนโยบายการจ่ายเงินปันผล (dividend policy) พบว่า ร้อยละ 68 ของบริษัทจดทะเบียน<br />

ทั งหมด กําหนดนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้จ่ายเงินปันผลมากกว่าร้อยละ 50 ของกําไรสุทธิ<br />

ตารางที 17 จํานวนบริษัทจดทะเบียน จําแนกตามลักษณะของอัตราการจ่ายเงินปันผล<br />

ลักษณะของอัตราการจ่ายเงินปันผล<br />

หน่วย: จํานวนบริษัท<br />

จํานวนบริษัทจดทะเบียน<br />

ขึ นอยู่กับผลประกอบการ 49<br />

กําหนดอัตรา / มูลค่าคงที 100<br />

กําหนดเป็ นช่วงของอัตรา 14<br />

กําหนดจ่ายปันผลไม่เกินกว่าอัตราทีกําหนด 40<br />

กําหนดจ่ายปันผลไม่ตํากว่าอัตราทีกําหนด 309<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

รวม 512<br />

เมือพิจารณาอัตราการจ่ายเงินปันผลสําหรับผลประกอบการปี 2553 ของบริษัทจดทะเบียน<br />

(ภาพที 13) จํานวน 360 บริษัท พบว่า 184 บริษัทจ่ายเงินปันผลในอัตราทีสูงกว่าร้อยละ 50 ของกําไรสุทธิ<br />

ส่งผลให้อัตราการจ่ายเงินปันผลเฉลียสําหรับผลประกอบการปี 2553 สูงถึงร้อยละ 50.63 ของกําไรสุทธิ<br />

(ตารางที 18)<br />

26


ภาพที 13 จํานวนบริษัทจดทะเบียน จําแนกตามอัตราการจ่ายเงินปันผลสําหรับผลประกอบการ ปี 2553<br />

หน่วย: จํานวนบริษัท<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

ตารางที 18 อัตราการจ่ายปันผลโดยเฉลีย (Average Payout Ratio)<br />

หน่วย: ร้อยละ<br />

2549 2550 2551 2552 2553 เฉลีย<br />

MARKET 52.03% 52.60% 49.12% 52.12% 50.63% 51.30%<br />

SETHD 45.97% 47.43% 48.48% 49.62% 48.43% 47.99%<br />

DVS 52.95% 54.83% 51.46% 54.51% 52.05% 53.16%<br />

TOP30DIY 66.24% 67.04% 67.56% 69.26% 65.99% 67.22%<br />

TOP50DIY 65.71% 68.03% 67.37% 69.59% 66.37% 67.42%<br />

TOP100DIY 63.31% 65.83% 61.09% 65.27% 62.90% 63.68%<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

เมือเปรียบเทียบอัตราการจ่ายเงินปันผลทีจ่ายจริง (real payout ratio) สําหรับผลประกอบการปี<br />

2553 กับอัตราจ่ายจ่ายเงินปันผลทีระบุในนโยบายฯ (ตารางที 19) พบว่า บริษัทจดทะเบียนจํานวน 272 บริษัท<br />

จาก 360 บริษัท จ่ายปันผลตามนโยบายหรือจ่ายปันผลสูงกว่าทีระบุในนโยบาย<br />

27


ตารางที 19 การเปรียบเทียบระหว่างอัตราการจ่ายเงินปันผลทีจ่ายจริง (real payout ratio)<br />

สําหรับผลประกอบการปี 2553 กับอัตราจ่ายจ่ายเงินปันผลทีระบุในนโยบาย<br />

ลักษณะของอัตราการจ่ายเงินปันผล<br />

ตามนโยบาย<br />

หน่วย: จํานวนบริษัท<br />

ตามนโยบาย สูงกว่านโยบาย ตํากว่านโยบาย รวม<br />

ขึ นอยู่กับผลประกอบการ 33 0 0 33<br />

กําหนดอัตรา / มูลค่าคงที 9 31 20 60<br />

ช่วงของอัตราทีกําหนด 8 3 1 12<br />

ไม่เกินกว่าอัตราทีกําหนด 21 1 0 22<br />

ไม่ตํ ากว่าอัตราทีกําหนด 21 145 67 233<br />

รวม 92 180 88 360<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

5.3 “หุ ้นปันผล” เป็ นหุ ้นทีมีสภาพคล่องตํา เนืองจากเป็ นหุ ้นดี นักลงทุนเน้นลงทุนระยะยาว<br />

หรือ “หุ ้นปันผล” มักเป็ นหุ ้นของ strategic shareholders<br />

ตามความเชือของนักลงทุนในประเด็นนี แบ่งการพิจารณาเป็ น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ การถือ<br />

ครองหุ้นโดย strategic shareholders และประเด็นที 2 คือ ความซื อง่ายขายคล่อง<br />

ตามนิยามของ strategic shareholders คือ ผู้ถือหุ้นทีถือครองหุ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพือการ<br />

บริหารหรือควบคุมกิจการเพือการเติบโตของกิจการ ดังนั นการถือครองหุ้นโดย strategic shareholders จึง<br />

เป็ นการถือครองหุ้นในระยะยาว ส่งผลให้หุ้นของบริษัทนั นๆ เหลืออยู่ในการถือครองของนักลงทุนรายย่อย<br />

(free float) 17 ในสัดส่วนทีน้อยลงซึ งอาจส่งผลกระทบต่อการซื อขายหุ้นในตลาด<br />

17<br />

จากความหลักเกณฑ์ในการประมาณค่าสัดส่วนการถือครองหุ้นโดยนักลงทุนรายย่อย (Free Float) ของสํานักงาน ก.ล.ต.<br />

Free Float หมายถึง หุ้นของบริษัทจดทะเบียนในส่วนทีไม่ได้ถือโดย strategic shareholder และไม่ได้เป็ นหุ้นทีซื อคืน ซึ ง Free Float ของแต่ละ<br />

หลักทรัพย์แสดงใน Website ของ กลต. ซึ ง Strategic shareholder หมายถึง ผู้ลงทุนทีถือหุ้นเพือการมีส่วนร่วมในการบริหารหรือเพือเชิงกลยุทธ์<br />

ทางธุรกิจ ในทีนี รวมผู้ถือหุ้นกลุ่มต่อไปนี (1) รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ (2) กรรมการ ผู้จัดการ และผู้บริหาร 4 ระดับแรกนับ<br />

ต่อจากผู้จัดการลงมา รวมถึงผู้ทีเกียวข้อง (3) ผู้ถือหุ้นทีถือหุ้นมากกว่าร้อยละ 5 โดยนับรวมผู้ทีเกียวข้อง ยกเว้นบริษัทหลักทรัพย์ บริษัท<br />

ประกันชีวิต บริษัทประกันภัย กองทุนรวม และกองทุนทีออมแบบมีภาระผูกพัน (4) ผู้ถือหุ้นทีมีอํานาจควบคุม และ (5) ผู้ถือหุ้นทีมีข้อตกลงใน<br />

การห้ามขายหุ้นภายในเวลาทีกําหนด<br />

ดังนั น สรุปได้ว่า หุ้นในการถือครองของนักลงทุนรายย่อย คือ หุ้นจดทะเบียนในส่วนทีไม่ได้อยู ่ในการถือครองของ strategic shareholders<br />

Free float shares (%) = 1 - strategic shareholders’ shares (%)<br />

28


บริษัทจดทะเบียนทีจัดอยู ่ในกลุ่ม “หุ้นปันผล” มีการถือครองหุ้นโดย strategic shareholders<br />

ในสัดส่วนทีสูงกว่าค่าเฉลียของตลาดโดยรวม หรือมี float shares น้อยกว่าค่าเฉลียของตลาด<br />

เมือพิจารณาข้อมูลการถือครองหุ้นโดยนักลงทุนรายย่อย หรือ free float ของแต่ละบริษัท<br />

ในช่วงปี 2549 - 2553 18 (ตารางที 20 และภาพที 14) พบว่า บริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม “หุ้นปันผล” ทุกกลุ่ม<br />

(ยกเว้นกลุ่ม SETHD) มี free float ตํ ากว่าตลาดในทุกปี กลุ่ม “หุ้นปันผล” ส่วนใหญ่เป็ นบริษัทจดทะเบียน<br />

นอกกลุ่ม SET100 หรือเป็ นบริษัทจดทะเบียนในตลาดเอ็ม เอ ไอ ทีมี free float เฉลียตํ ากว่าตลาด (ตารางที<br />

21) หรือ บริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม “หุ้นปันผล” มีการถือครองโดย strategic shareholders สูงกว่าตลาด<br />

สอดคล้องกับความเชือของนักลงทุน<br />

ตารางที 20 สัดส่วนการถือครองหุ ้นโดยนักลงทุนรายย่อย (free float) จําแนกตามกลุ ่ม “หุ ้นปันผล”<br />

ในช่วงปี 2549 -2553<br />

หน่วย: ร้อยละ<br />

2549 2550 2551 2552 2553 เฉลีย 5 ปี<br />

MARKET 19 39.16 36.88 37.93 37.63 38.46 38.01<br />

SETHD 50.79 46.45 49.47 50.86 50.92 49.70<br />

DVS 37.38 33.36 35.15 34.88 35.90 35.33<br />

TOP30DIY 35.68 32.53 36.57 32.27 35.55 34.52<br />

TOP50DIY 34.51 31.99 34.14 31.98 34.41 33.41<br />

TOP100DIY 37.04 34.86 37.06 34.81 36.18 35.99<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

18<br />

สัดส่วนการถือครองหุ้นโดยนักลงทุนรายย่อย (free float) ของแต่ละบริษัท ใช้ข้อมูลจากการปิ ดสมุดทะเบียนครั งล่าสุดในปี นั นๆ ของ<br />

บริษัทจดทะเบียน<br />

19<br />

คํานวณจากค่าเฉลียของสัดส่วนการถือครองหุ้นโดยนักลงทุนรายย่อยของแต่ละบริษัท จํานวน 512 บริษัท ไม่รวมกองทุนรวม<br />

อสังหาริมทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนทีอยู ่ระหว่างฟื นฟูการดําเนินงาน<br />

29


ภาพที 14 สัดส่วนการถือครองหุ ้นโดยผู ้ถือหุ ้นรายย่อยเฉลีย 5 ปี (ในช่วงปี 2549 – 2553)<br />

จําแนกตามกลุ ่มดัชนีและกลุ ่ม “หุ ้นปันผล”<br />

หน่วย: ร้อยละ<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

ตารางที 21 สัดส่วนการถือครองหุ ้นโดยนักลงทุนรายย่อย (free float) ปี 2553<br />

จําแนกตามกลุ ่ม “หุ ้นปันผล” และดัชนีหลักทรัพย์<br />

หน่วย: ร้อยละ (จํานวนบริษัท)<br />

SETHD DVS TOP3ODIY TOP50DIY TOP100DIY<br />

SET50 53.99 (14) 46.19 (43) 47.79 (2) 43.88 (3) 42.75 (9)<br />

SET51-100 48.23 (16) 46.11 (35) 43.44 (4) 42.36 (5) 52.55 (16)<br />

NON-SET100 32.16 (170) 33.33 (20) 32.12 (35) 32.15 (66)<br />

mai 31,81 (40) 32.60 (4) 36.13 (7) 35.10 (9)<br />

free float เฉลีย 50.92 (30) 35.90 (288) 35.55 (30) 34.41 (50) 36.18 (100)<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

บริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม “หุ้นปันผล” แม้มีอัตราการหมุนเวียนในการซื อขายหลักทรัพย์<br />

(turnover velocity) ตํ ากว่าตลาด แต่สูงกว่า SET50<br />

จากสัดส่วนการถือครองหุ้นโดยนักลงทุนรายย่อยตามทีกล่าวมาข้างต้น ทําให้ทราบว่าบริษัท<br />

จดทะเบียนในกลุ่ม “หุ้นปันผล” มีการถือครองหุ้นโดย strategic shareholders สูงกว่าตลาด แต่จะมีผลต่อ<br />

ความซื อง่ายขายคล่องของหุ้นในตลาดหรือไม่นั น จะพิจารณาจากอัตราการหมุนเวียนในการซื อขาย<br />

หลักทรัพย์ หรือ turnover velocity ซึ งเป็ นสัดส่วนระหว่างมูลค่าการซื อขายหลักทรัพย์ (trading value) และ<br />

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) พบว่า กลุ่ม “หุ้นปันผล” ทุกกลุ่มมี turnover<br />

velocity ตํ ากว่าตลาด (ภาพที 15) โดย อยู ่ระหว่างร้อยละ 70.96 - 103.62 ขณะทีตลาดโดยรวมมี turnover<br />

velocity เฉลียอยู่ทีร้อยละ 164.83<br />

30


หากพิจารณาตามคํานิยามของ strategic shareholders ทีลงทุนระยะยาว มูลค่าซื อขายควรจะ<br />

เกิดจากหุ้นในการถือครองของนักลงทุนรายย่อย ดังนั นจึงปรับการคํานวณค่า turnover velocity ให้เป็ น<br />

free float turnover velocity โดยพิจารณามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเฉพาะในส่วนของหุ้นทีเหลืออยู ่ใน<br />

ตลาด (float shares) เท่านั น ซึ งกลุ่ม “หุ้นปันผล” มี free float turnover velocity อยู่ในช่วง 191.13 - 226.71<br />

(ภาพที 16) ตํ ากว่าตลาดทีมี free float turnover velocity อยู่ทีร้อยละ 375.74 อย่างไรก็ตาม กลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

ยังมี free float turnover velocity สูงกว่า SET50 ซึ งอยู่ทีร้อยละ 164.77<br />

ภาพที 15 อัตราการหมุนเวียนของหลักทรัพย์เฉลีย (turnover velocity) ในช่วงปี 2549 - 2553<br />

จําแนกตามกลุ ่มดัชนี และกลุ ่ม “หุ ้นปันผล”<br />

หน่วย: ร้อยละ<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

ภาพที 16 อัตราการหมุนเวียนของหลักทรัพย์เฉลีย (free float turnover velocity) ในช่วงปี 2549 -2553<br />

จําแนกตามกลุ ่มดัชนี และกลุ ่ม “หุ ้นปันผล”<br />

หน่วย: ร้อยละ<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

โดยสรุป บริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม “หุ้นปันผล” มีการถือครองโดย strategic shareholders สูง<br />

กว่าตลาดแต่หุ้นของบริษัทเหล่านี ยังมีสภาพคล่องในการซื อขาย โดยมีอัตราการหมุนเวียนในการซื อขายสูง<br />

กว่า SET50 หากพิจารณาจาก free float turnover velocity<br />

31


จากการพิสูจน์ความเชือเกียวกับ “หุ้นปันผล” ในตลาดหุ้นไทย 3 ประเด็น สรุปได้ว่า บริษัท<br />

จดทะเบียนในกลุ่ม “หุ้นปันผล” มีการเติบโตอย่างต่อเนืองทั งรายได้รวม สินทรัพย์ และกําไรสุทธิ<br />

นอกจากนี บริษัทจดทะบียนไทยส่วนใหญ่มีการจ่ายเงินปันผลสอดคล้องกับผลการประกอบการ และด้วย<br />

ความโดดเด่นเรืองผลตอบแทนจากเงินปันผลส่งผลให้ “หุ้นปันผล” เป็ นหุ้นทีให้ผลตอบแทนรวมสูงเมือ<br />

ลงทุนในระยะยาว ทําให้มีการถือครองหุ้นโดย strategic shareholders อยู ่ในสัดส่วนทีสูงกว่าตลาด อย่างไร<br />

ก็ตาม “หุ้นปันผล” ยังมีสภาพคล่องในการซื อขายโดยมี free float turnover velocity สูงกว่า SET50<br />

32


บทที 6 นัยสําคัญสําหรับนักลงทุนและผู ้มีเงินออม<br />

6.1 “หุ ้นปันผล” เหมาะสําหรับเป็ นผลิตภัณฑ์เริมต้นในตลาดหุ ้นไทย เนืองจากพบว่ามี<br />

ผลตอบแทนรวมสูงกว่าอัตราเงินเฟ้ อและยังมีผลตอบแทนสูงกว่าตลาด ขณะทีมีความเสียงตํากว่า<br />

ในช่วงทีผลตอบแทนจากการฝากเงินในธนาคารอยู ่ในระดับตํ า โดยตั งแต่ปี 2552 เป็ นต้นมา<br />

อัตราดอกเบี ยทีแท้จริง (real interest rate) มีค่าเป็ นลบ เนืองจากอัตราดอกเบี ยเงินฝากประจํา 12 เดือน 20 อยู่<br />

ในระดับตํ ากว่าอัตราเงินเฟ้ อ 21 (ภาพที 17) หรืออีกนัยหนึ งคือ ผู้ออมเงินมีอํานาจซื อในอนาคต (power of<br />

purchase) ลดลง เนืองจากระดับราคาสินค้าปรับเพิ มขึ นมากกว่าอัตราดอกเบี ยทีได้รับ ซึ ง ณ สินปี 2553<br />

อัตราดอกเบี ยฝากประจํา 12 เดือน อยู่ทีร้อยละ 1.60 ในขณะทีระดับราคาสินค้า ณ สินปี 2554 เทียบกับ ณ<br />

สินปี 2553 เพิมขึ นร้อยละ 3.50 (อัตราเงินเฟ้ อ) ส่งผลให้อัตราดอกเบี ยทีแท้จริงอยู ่ทีร้อยละ -1.90<br />

เมือเปรียบเทียบกับ “หุ้นปันผล” และเงินฝาก (ภาพที 18) พบว่า “หุ้นปันผล” มีอัตราเงินปัน<br />

ผลตอบแทนทีแท้จริง 22 ณ สินปี 2553 อยู่ทีร้อยละ 5.86 สูงกว่าอัตราดอกเบี ยทีแท้จริงทีอยู ่ทีร้อยละ -1.90<br />

อีกทั งผลการศึกษาในบทที 4 - 5 แสดงให้เห็นถึงความโดนเด่นด้านผลตอบแทนของ “หุ้นปันผล” ทีสูงกว่า<br />

ตลาดโดยรวมขณะทีมีความเสียงตํ ากว่าตลาด ดังนั นหากผู้มีเงินออมต้องการเพิ มช่องทางในการเพิ มอํานาจ<br />

ซื อ จะต้องพิจารณาช่องทางการลงทุนทีให้ได้ผลตอบแทนทีสูงกว่าอัตราเงินเฟ้ อ ซึ ง “หุ้นปันผล” เป็ นอีก<br />

ทางเลือกทีน่าสนใจเหมาะสําหรับการเป็ นผลิตภัณฑ์เริ มต้นของการลงทุนในตลาดหุ้นไทย<br />

20<br />

21<br />

22<br />

ค่าเฉลียอัตราดอกเบี ยเงินฝากประจํา 12 เดือน ณ สินปี ของธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์<br />

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย และธนาคารนครหลวงไทย, ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย<br />

อัตราการเปลียนแปลงดัชนีราคาผู้บริโภคทั วไปรวมทุกรายการเทียบกับเดือนเดียวกันของปี ก่อนหน้า<br />

อัตราเงินปันผลตอบแทนทีแท้จริง คํานวณจากอัตราเงินปันผลตอบแทนหักลบด้วยอัตราเงินเฟ้ อ<br />

33


10.00<br />

8.00<br />

6.00<br />

4.00<br />

2.00<br />

0.00<br />

ภาพที 17 การเปรียบเทียบอัตราเงินเฟ้ อ ดอกเบียเงินฝากประจํา 12 เดือน<br />

4.39<br />

อัตราเงินปันผลตอบแทนของกลุ ่ม DVS ณ สินปี 2549 - 2553<br />

5.20 5.34<br />

3.2<br />

อัตราเงินเฟอ<br />

2.44<br />

0.4<br />

8.87<br />

3.5<br />

1.86<br />

5.51<br />

3.0<br />

0.88<br />

หน่วย: ร้อยละ<br />

อัตราเงินปน<br />

ผลตอบแทนของ DVS<br />

4.37<br />

1.60<br />

2549 2550 2551 2552 2553<br />

3.5<br />

อัตราดอกเบีย<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย และสํานักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สํานักงาน<br />

ปลัดกระทรวงพาณิชย์<br />

6.00<br />

5.00<br />

4.00<br />

3.00<br />

2.00<br />

1.00<br />

0.00<br />

-1.00<br />

-2.00<br />

-3.00<br />

ภาพที 18 การเปรียบเทียบอัตราดอกเบียทีแท้จริงของเงินฝากประจํา 12 เดือน<br />

กับอัตราเงินปันผลตอบแทนทีแท้จริงของกลุ ่ม DVS ณ สินปี 2549 – 2553<br />

2.00<br />

1.19<br />

อัตราดอกเบีย<br />

ทีแท้จริง<br />

4.94<br />

2.04<br />

5.37<br />

-1.64<br />

2.51<br />

-2.12 -1.90<br />

หน่วย: ร้อยละ<br />

อัตราเงินปนผลตอบแทน<br />

ทีแท้จริงของ DVS<br />

0.87<br />

2549 2550 2551 2552 2553<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย และสํานักดัชนีเศรษฐกิจการค้า<br />

สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์<br />

34


เมือพิจารณาทัศนคติของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยจากผลการศึกษาโครงการวิจัยผู้ลงทุน<br />

ประจําปี 2553 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทีสํารวจความคิดเห็นนักลงทุนไทยจํานวน 2,276 คน<br />

จําแนกนักลงทุนออกเป็ น 4 กลุ่ม ตามทัศนคติในการลงทุน และการถือครองผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ประเภท<br />

หุ้นและกองทุนรวมหุ้น (ตารางที 22) พบว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่ (ร้อยละ 53) เป็ นนักลงทุน<br />

ในกลุ่ม conservative investor และ long-term investor มีความคาดหวังการมีรายได้สมํ าเสมอจากเงินปันผล<br />

ซึ งเห็นได้ว่าจาก “หุ้นปันผล” ในการศึกษานี มีคุณสมบัติทีสามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุน<br />

ได้เป็ นอย่างดี<br />

ตารางที 22 กลุ ่มนักลงทุน จําแนกตามผลการศึกษาโครงการวิจัยผู ้ลงทุน ประจําปี 2553<br />

หน่วย: ร้อยละ<br />

กลุ ่มนักลงทุน ลักษณะของนักลงทุน สัดส่วนนักลงทุนใน<br />

ตลาด<br />

Followers • ให้ความสําคัญกับผลตอบแทนสูง<br />

29<br />

• ลงทุนตามกระแส<br />

• พิจารณาลงทุนจากปัจจัยด้านเทคนิคและปัจจัยพื นฐาน<br />

• รับความเสียงได้ค่อนข้างมาก แม้ว่าการขาดทุนในอดีตหรือความ<br />

ล้มเหลวของผู้อืนมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนอยู ่บ้าง<br />

Long-term Investors • เน้นการลงทุนทีให้ผลตอบแทนสูง<br />

29<br />

• ลงทุนด้วยความรู้ของตนเองโดยใช้ข้อมูลสนับสนุน<br />

• พิจารณาลงทุนจากปัจจัยพื นฐานเป็ นหลัก<br />

• คาดหวังรายได้สมํ าเสมอจากเงินปันผล<br />

• รับความเสียงได้มาก<br />

Conservative • ระมัดระวัง รอบคอบในการลงทุน เน้นการลงทุนทีมั นใจว่าไม่<br />

24<br />

Investors<br />

ขาดทุนแม้ได้ผลตอบแทนตํ า<br />

• คาดหวังรายได้สมํ าเสมอจากเงินปันผลมากกว่านักลงทุนกลุ ่มอืน<br />

• รับความเสียงได้น้อย<br />

• ประสบการณ์ขาดทุนในอดีตหรือความล้มเหลวของผู้อืนมีผลอย่าง<br />

มากต่อการตัดสินใจลงทุน<br />

Risk Takers • ให้ความสําคัญมากทีสุดกับผลตอบแทนสูง<br />

18<br />

• หวังกําไรจากส่วนต่างราคา ชอบความผันผวนของราคาหลักทรัพย์<br />

• พิจารณาลงทุนจากปัจจัยเทคนิคมากกว่านักลงทุนกลุ ่มอืน<br />

• รับความเสียงได้สูงสุด<br />

• ประสบการณ์ขาดทุนในอดีตหรือความล้มเหลวของผู้อืน ไม่มีผล<br />

ต่อการตัดสินใจลงทุน<br />

ทีมา: โครงการวิจัยผู้ลงทุน ประจําปี 2553 (Investor Research survey 2010), ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

35


6.2 ผู ้มีเงินออมสามารถเลือกลงทุนได้ด้วยตนเอง โดยมี “หุ ้นปันผล” ให้เลือกหลายขนาดและ<br />

ในหลายอุตสาหกรรม หรือลงทุนผ่านมืออาชีพในกองทุนทีมีนโยบายลงทุนในหุ ้นปันผล<br />

เมือนักลงทุนพร้อมทีจะลงทุนใน “หุ้นปันผล” นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ด้วยตัวเอง<br />

หรือผ่านมืออาชีพ สําหรับการลงทุนด้วยตัวเอง นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนใน “หุ้นปันผล” รายตัว ซึ งจาก<br />

การศึกษานี มี “หุ้นปันผล” (DVS) 288 หลักทรัพย์ มีหลายระดับราคา โดยมีราคาปิ ดเฉลียในปี 2554 อยู ่ที<br />

34.41 บาทต่อหุ้น หรือเลือกลงทุนในกลุ่ม TOP30DIY ทีมีราคาเฉลียเพียง 10.41 บาทต่อหุ้นเท่านั น<br />

นอกจากนี “หุ้นปันผล” มีการกระจายตัวอยู ่ในหลายหมวดธุรกิจ (ภาพที 19)โดยเฉพาะใน<br />

หมวดปิ โตรเคมีและเคมีภัณฑ์ หมวดการแพทย์ หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ หมวดพาณิชย์ หมวด<br />

ชินส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หมวดอาหารและเครืองดืม หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดธนาคาร และ<br />

ธุรกิจการเกษตร ทีมีบริษัทจดทะเบียนอยู ่ในกลุ่ม “หุ้นปันผล” เป็ นสัดส่วนทีสูงเมือเทียบกับจํานวนบริษัท<br />

จดทะเบียนในหมวดธุรกิจนั นๆ นอกจากนี บริษัทจดทะเบียนในหมวดปิ โตรเคมีและเคมีภัณฑ์ หมวดของใช้<br />

ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ ชินส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และธุรกิจการเกษตรยังมีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงกว่า<br />

“หุ้นปันผล” ในหมวดธุรกิจอืนๆ<br />

101.3<br />

ภาพที 19 การเปรียบเทียบสัดส่วนจํานวนบริษัทจดทะเบียนในกลุ ่ม “หุ ้นปันผล”<br />

และ ค่าเฉลียอัตราเงินปันผลตอบแทน 23 จําแนกตามหมวดธุรกิจ<br />

สัดส่วนจํานวนบริษัททีหุ้นจัดว่าเปนหุ้นปนผลต่อบริษัททังหมด 1 (ร้อยละ)<br />

90.0<br />

78.8<br />

67.5<br />

56.3<br />

45.0<br />

33.8<br />

22.5<br />

11.3<br />

การแพทย์<br />

พาณิชย์<br />

อาหารและเครืองดืม<br />

พลังงานฯ<br />

ธนาคาร<br />

แฟชัน<br />

ประกันภัยและประกันชีวิต<br />

การท่องเทียวและสันทนาการ<br />

พัฒนาอสังหาริมทรัพย์<br />

ยานยนต์<br />

ธุรกิจขนาดกลาง<br />

บรรจุภัณฑ์<br />

ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์<br />

ชินส่วนอิเล็กทรอนิกส์<br />

วัสดุก่อสร้าง<br />

ปโตรเคมีและเคมีภัณฑ์<br />

ธุรกิจการเกษตร<br />

เทคโนโลยีฯ<br />

สือและสิงพิมพ์<br />

เงินทุนและหลักทรัพย์<br />

ของใช้ในครัวเรือนฯ<br />

ขนส่งและโลจิสติกส์<br />

วัสดุอุตสาหกรรมและเครืองจักร<br />

เหมืองแร่<br />

เหล็ก<br />

0.0<br />

2.7 3.8 4.9 5.9 7.0 8.1<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

ค่าเฉลียอัตราเงินปนผลตอบแทน 23 (ร้อยละ)<br />

23 ค่าเฉลียอัตราเงินปันผลตอบแทนรายวันในช่วงปี 2549 - 2553<br />

36


หากผู้มีเงินออมต้องการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ทีมีอัตราเงินปันผลตอบแทนในระดับสูง<br />

สามารถเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียน 30 บริษัททีอยู่ในกลุ่ม SET High Dividend 30 Index<br />

(SETHD) ซึ งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้คัดเลือกหุ้นจากบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม SET100โดย<br />

พิจารณาจากมูลค่าตามราคาตลาดทีสูง มีสภาพคล่องสูงอย่างสมํ าเสมอ มีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงและมี<br />

การจ่ายเงินปันผลต่อเนือง<br />

ผลการศึกษาโครงการสํารวจกลุ่มผู้มีศักยภาพเป็ นผู้ลงทุนใหม่ ประจําปี 2552 ของตลาด<br />

หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ภาพที 20) พบว่า เหตุผลอันดับแรกทีทําให้ผู้มีศักยภาพในการลงทุนหรือผู้มี<br />

เงินออม (potential investors) ยังไม่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย คือ การไม่มีเวลาในการติดตามความเคลือนไหว<br />

ของตลาด ดังนั นหากผู้มีเงินออมต้องการลงทุนเพือเงินปันผล สามารถเลือกลงทุนในหน่วยลงทุนของ<br />

กองทุนเปิ ดไทยเด็กซ์ SET High Dividend ETF (1DIV) ซึ งมีนโยบายการลงทุนเน้นการลงทุนใน<br />

หลักทรัพย์ทีเป็ นส่วนประกอบของดัชนี SET High Dividend 30 Index (SETHD) ซึ งกองทุนรวมนี บริหาร<br />

จัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน วรรณ จํากัด และมีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จํากัด<br />

(มหาชน) เป็ นผู้ร่วมจัดตั งกองทุนและผู้ดูแลสภาพคล่อง โดย 1DIV เริ มซื อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่ง<br />

ประเทศไทยตั งแต่วันที 16 สิงหาคม 2554 ทั งนี นักลงทุนทีมีความสนใจสามารถซื อขาย 1DIV ในตลาด<br />

หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยผ่านบริษัทหลักทรัพย์เหมือนการซื อขายหลักทรัพย์ทัวไป ซึ งราคาปิ ดของ<br />

1DIV ณ 30 ธันวาคม 2554 อยู ่ที 11.79 บาทต่อหุ้น<br />

นอกจากนั นแล้ว ผู้มีเงินออมสามารถเลือกลงทุนผ่านมืออาชีพโดยการซื อขายหน่วยลงทุนของ<br />

กองทุนรวมตราสารทุนทีมีนโยบายเน้นการลงทุนใน “หุ้นปันผล” ผ่านทางบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน<br />

(บลจ.) ซึ ง ณ วันที 17 กุมภาพันธ์ 2555 กองทุนรวมตราสารทุนทีมีการจ่ายเงินปันผล มีจํานวนมากถึง 93<br />

กองทุน จาก 18 บลจ. (ภาพที 21) ซึ งมีอยู ่ 13 กองทุน จาก 8 บลจ. (ตารางที 23) ทีมีการจ่ายเงินปันผลและมี<br />

นโยบายเน้นการลงทุนในหุ้นทีมีการจ่ายปันผลหรือคํานึงถึงการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียนทีจะลงทุน<br />

โดยมีผลตอบแทนเฉลียตั งแต่ต้นปี ถึง 17 กุมภาพันธ์ 2555 สูงถึงร้อยละ 8.05<br />

37


ภาพที 20 Investment Pyramid และเหตุผล 3 อันดับแรก ทีคนทีรู ้จักแต่ไม่สนใจลงทุนในหุ ้น<br />

หน่วย: ร้อยละ<br />

เหตุผล 3 อันดับแรกทีคนทีรู ้จักแต่ไม่สนในลงทุนในหุ ้น<br />

• ไม่มีเวลาเพียงพอทีจะติดตามความเคลือนไหว<br />

ของตลาด<br />

• คิดว่าการลงทุนมีความเสียงเกินกว่าขอบเขตที<br />

ยอมรับได้<br />

• แนวโน้มเศรษฐกิจไม่เหมาะกับการลงทุน<br />

ฐานข้อมูล: ผู้ให้สัมภาษณ์ทุกคน (N=817) ฐานข้อมูล: ถามเฉพาะการลงทุนทีตอบว่ารู้จัก แต่ไม่<br />

สนใจทีจะลงทุนหุ้น (N=341)<br />

ทีมา: โครงการสํารวจกลุ่มผู้มีศักยภาพเป็ นผู้ลงทุนใหม่ ประจําปี 2552 (Potential Investor Survey 2009)<br />

ภาพที 21 จํานวนกองทุนรวมตราสารทุนทีมีนโยบายจ่ายปันผลและอัตราผลตอบแทนรวม (% YTD)<br />

ณ วันที 17 กุมภาพันธ์ 2555<br />

หน่วย: กองทุน (ซ้าย); ร้อยละ (ขวา)<br />

ทีมา: Morningstar, ข้อมูล ณ 17 กุมภาพันธ์ 2555<br />

38


ตารางที 23 กองทุนรวมตราสารทุน 24 ทีมีการจ่ายเงินปันผลและมีนโยบายเน้นการลงทุนในหุ ้นทีมีการจ่าย<br />

ปันผลหรือคํานึงถึงการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียนทีจะลงทุน<br />

หน่วย: ร้อยละ<br />

ชือผู ้บริหาร<br />

กองทุน<br />

ชือกองทุน ชือย่อกองทุน<br />

อัตราผลตอบแทน<br />

(% YTD)<br />

AYSAM กองทุนเปิ ดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล KFLTFDIV 6.34<br />

AYSAM<br />

กองทุนเปิ ดกรุงศรีหุ้นระยะยาวอิควิตี 70 ปันผล KFLTFEQ70D 6.25<br />

AYSAM กองทุนเปิ ดกรุงศรีหุ้นปันผล KFSDIV 6.15<br />

AYSAM กองทุนเปิ ดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล 70/30 KFLTFD70 4.37<br />

FINANSA กองทุนเปิ ดฟิ นันซ่า SET เพิมพูนปันผล FAM EEF 10.21<br />

KASSET กองทุนเปิ ดเค 70:30 หุ้นระยะยาวปันผล K70LTF 8.52<br />

MANULIFE<br />

กองทุนเปิ ด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิควิตี ปันผล MS-EQ DIV 11.54<br />

MFC กองทุนเปิ ดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์ HI-DIV 10.17<br />

ONEAM กองทุนเปิ ดวรรณเอเอ็มหุ้นคุณค่าปันผล 1VAL-D 5.97<br />

SCBAM กองทุนเปิ ดไทยพาณิชย์หุ้นทุนปันผล SCBDV 9.24<br />

SCBAM กองทุนเปิ ดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 SCBLT1 7.42<br />

TMBAM กองทุนเปิ ด JUMBO 25 ปันผล หุ้นระยะยาว JB25 LTF 10.82<br />

TMBAM กองทุนเปิ ด JUMBO PLUS ปันผล หุ้นระยะยาว JBP LTF 7.63<br />

ทีมา: Morningstar, ข้อมูล ณ 17 กุมภาพันธ์ 2555 และข้อมูลจาก บลจ. ผู้บริหารกองทุน<br />

24<br />

กองทุนรวม equity large cap หรือ equity general ตามการจัดกลุ ่มของ Morningstar<br />

39


บรรณานุกรม<br />

บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จํากัด. (2553). โครงการวิจัยผู ้ลงทุนประจําปี 2553 (Investor<br />

Research survey 2010). กรุงเทพฯ<br />

บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จํากัด. (2552). โครงการสํารวจกลุ ่มผู ้มีศักยภาพเป็ นผู ้ลงทุน<br />

ใหม่ ประจําปี 2552 (Potential Investor Research survey 2009) . กรุงเทพฯ<br />

Krishnamsetty, M. (2010). High dividend stocks - Can they beat 10 -year bonds or the stock market?.<br />

Retrieved October 30, 2011. from http://www.insidermonkey.com/blog/can-high-dividendstocks-beat-10-year-bonds-or-the-stock-market-369/<br />

Morningstar. (2011). Income or growth? Why it pays to look for the best total return. Retrieved October<br />

30, 2011. from http://www.asx.com.au/resources/investor-update-newsletter/income-orgrowth.htm<br />

Siegel, J. J. (2010). Scoop Up Dividends. Retrieved May 30, 2011. from http://www.kiplinger.com<br />

/columns/goinglong/archives/scoop-up-dividends.html<br />

Tweedy, Browne Company LLC. (n.d.). The high dividend yield return advantage: an examination of<br />

empirical data associating investment in high dividend yield securities with attractive<br />

returns over long measurement periods. Retrieved October 30, 2011. from http://www.<br />

tweedy.com/research/papers_speeches.php<br />

Williams, A. D., Saryan, J. A., and Yan, L. Y. (2011). Dividend investing: Favorable long-term<br />

opportunities for total return and income. Retrieved October 30, 2011. from<br />

http://funds.eatonvance.com/Dividends.php<br />

40


ภาคผนวก<br />

41


ภาคผนวก 1 ดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index 25<br />

วัตถุประสงค์ของการจัดทําดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index<br />

เพือให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีสินค้าและผลิตภัณฑ์ด้านดัชนีราคาหลักทรัพย์ที<br />

หลากหลาย สอดคล้องกับพัฒนาการของตลาดทุน และสามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนได้<br />

ในทุกด้าน ทั งเป็ นดัชนีอ้างอิงผลการลงทุนและเป็ นดัชนีอ้างอิงสําหรับผลิตภัณฑ์อืนๆ ตลาดหลักทรัพย์แห่ง<br />

ประเทศไทยจึงพัฒนาดัชนี SET High Dividend 30 Index ขึ นเพือสะท้อนความเคลือนไหวราคาของกลุ่ม<br />

หลักทรัพย์หุ้นทีมีมูลค่าตามราคาตลาดสูง (Market Capitalization) มีสภาพคล่องสูงอย่างสมํ าเสมอ และมี<br />

อัตราเงินปันผลตอบแทนสูงและต่อเนือง โดยเริ มเผยแพร่อย่างเป็ นทางการในวันจันทร์ที 4 กรกฎาคม 2554<br />

เป็ นต้นไป<br />

วิธีการคํานวณดัชนี<br />

ดัชนี SET High Dividend 30 Index ใช้วิธีการคํานวณดัชนีและการปรับฐานการคํานวณดัชนีใน<br />

ลักษณะใกล้เคียงกับการคํานวณ SET Index กล่าวคือ ใช้การคํานวณแบบถ่วงนํ าหนักด้วยมูลค่าหลักทรัพย์<br />

ตามราคาตลาด (Market Capitalization Weight) และปรับฐานการคํานวณดัชนีทุกครั งทีมีการเปลียนแปลง<br />

มูลค่าของหลักทรัพย์ทีใช้ในการคํานวณ เนืองจากการเปลียนแปลงจํานวนหุ้นของหลักทรัพย์ทีเป็ นผลมา<br />

จากเหตุการณ์ต่างๆ อย่างไรก็ตาม เพือให้ความสําคัญกับการจ่ายเงินปันผล ดัชนี SET High Dividend 30<br />

Index จะนําอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ของแต่ละหลักทรัพย์มาร่วมถ่วงนํ าหนักในการ<br />

คํานวณด้วย โดยจะกําหนดอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงสุดที ใช้ในการคํานวณทีร้อยละ 15 ของแต่ละ<br />

หลักทรัพย์<br />

SET High Dividend 30 Index = มูลค่าตลาดรวม ณ วันปัจจุบัน X 1,000<br />

ถ่วงนํ าหนักด้วยอัตราเงินปันผลตอบแทน<br />

มูลค่าตลาดรวม ณ วันฐาน<br />

25<br />

ทีมา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย<br />

42


SET High Dividend 30 Index<br />

วันฐาน 30 มิถุนายน 2554<br />

ค่าดัชนี ณ วันฐาน<br />

1,000 จุด<br />

หลักเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์<br />

หลักเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์ในดัชนี SET High Dividend 30 Index ประกอบด้วย 2 ส่วน<br />

คือ (1) หลักเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์ตามรอบการทบทวนรายชือ ซึ งใช้คัดเลือกหลักทรัพย์ตามรอบ<br />

การทบทวนเช่นเดียวกับ SET50 และ SET100 Index (periodic review of constituent companies) ซึ ง<br />

ดําเนินการทุกครึ งปี ในช่วงเดือนมิถุนายนและธันวาคม และ (2) หลักเกณฑ์พิจารณาการเปลียนแปลงรายชือ<br />

หลักทรัพย์ระหว่างรอบ (ongoing maintenance)<br />

(1) หลักเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์ตามรอบการทบทวนรายชือ (periodic Review of<br />

constituent companies)<br />

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทําการคัดเลือกหลักทรัพย์ ทั งสิน 35 หลักทรัพย์ โดยใช้หลักทรัพย์<br />

30 ลําดับแรกเป็ นองค์ประกอบของดัชนี SET High Dividend 30 Index และส่วนทีเหลืออีก 5 ลําดับ ใช้เป็ น<br />

รายชือหลักทรัพย์สํารอง ตามหลักการดังนี <br />

1. เป็ นหลักทรัพย์ทีได้รับการคัดเลือกเป็ นองค์ประกอบของดัชนี SET100 Index<br />

2. เป็ นหลักทรัพย์ทีมีการจ่ายปันผลต่อเนือง โดยพิจารณาจาก<br />

2.1 มีการจ่ายปันผล (cash dividend) ต่อเนืองกันอย่างน้อย 3 ปี ในฐานะบริษัทจด<br />

ทะเบียน<br />

2.2 มีอัตราส่วนการจ่ายปันผลต่อกําไรสุทธิ (dividend payout ratio) ไม่เกินร้อยละ 85<br />

ในแต่ละปี ย้อนหลัง 3 ปี<br />

3. นําหลักทรัพย์ทีผ่านการคัดเลือกตามข้อ 2 มาจัดลําดับตามค่าเฉลียอัตราเงินปัน<br />

ผลตอบแทน (average dividend yield) ดังนี <br />

3.1 ให้หลักทรัพย์ทีได้รับการจัดอันดับใน 20 อันดับแรก เป็ นองค์ประกอบของดัชนี<br />

SET High Dividend 30 Index<br />

43


3.2 ส่วนทีเหลืออีก 10 ลําดับ ให้พิจารณาจากหลักทรัพย์ทีได้รับการจัดอันดับใน<br />

ลําดับที 21 - 40 โดยจะพิจารณาคัดเลือกหลักทรัพย์ทีเคยเป็ นองค์ประกอบของ<br />

ดัชนี SET High Dividend 30 Index ในรอบก่อนหน้าก่อน จากนั นจึงจะพิจารณา<br />

หลักทรัพย์ทีเหลือในกลุ่มลําดับที 21 - 40 ดังกล่าวถัดมา<br />

4. หากมีหลักทรัพย์ผ่านเกณฑ์การพิจารณาตามข้อ 3 น้อยกว่า 35 หลักทรัพย์ ให้<br />

ดําเนินการต่อดังนี <br />

4.1 เพิมอัตราส่วนการจ่ายปันผลต่อกําไรสุทธิจากเดิมไม่เกินร้อยละ 85 ของกําไรสุทธิ<br />

ขึ นครั งละร้อยละ 5 แต่ไม่เกินร้อยละ 100<br />

4.2 ลดจํานวนปี พิจารณาการจ่ายปันผลต่อเนือง จากเดิม 3 ปี ย้อนหลัง ลดลงครั งละ 1<br />

ปี ทั งนี ต้องไม่น้อยกว่า 1 ปี<br />

อนึ ง เพือให้ได้หลักทรัพย์ครบตามจํานวนทีกําหนด ตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจพิจารณาตาม<br />

หลักเกณฑ์อืนใด คณะทํางานด้านดัชนีราคาหลักทรัพย์ฯ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นว่า<br />

เหมาะสม<br />

5. หลักทรัพย์นั นๆ จะต้องไม่มีเหตุใดเหตุหนึ ง ดังต่อไปนี <br />

5.1 เป็ นหลักทรัพย์ทีเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนตามข้อกําหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ<br />

5.2 เป็ นหลักทรัพย์ทีจะเพิกถอนตัวเองออกในระยะเวลาอันใกล้<br />

5.3 อยู่ในระหว่างถูกสั งพักการซื อขาย (SP) เป็ นระยะเวลานาน<br />

5.4 มีแนวโน้มทีจะถูกพักการซื อขายเป็ นระยะเวลานาน (เช่น 3 เดือน เนืองจากไม่<br />

สามารถนําส่งงบการเงินได้ เป็ นต้น)<br />

6. การทบทวนหลักทรัพย์จะกระทําทุก 6 เดือน ในช่วงเดือนมิถุนายน (สําหรับรายชือใน<br />

ครึ งหลังของปี ) และในช่วงเดือนธันวาคม (สําหรับรายชือในครั งแรกของปี ถัดไป)<br />

โดยใช้ข้อมูลการจ่ายเงินปันผลตามรอบบัญชีย้อนหลัง 3 ปี<br />

(2) หลักเกณฑ์การพิจารณาการเปลียนแปลงรายชือหลักทรัพย์ระหว่างรอบ (ongoing<br />

maintenance)<br />

1. หลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนใหม่ (new issue) ไม่ถูกนํามาพิจารณาระหว่างรอบ<br />

44


2. การควบรวมกิจการหรือการซื อขายกิจการ (merger and acquisition) การครอบงํา<br />

กิจการ (takeover) หรือการปรับโครงสร้างการถือหลักทรัพย์ทีมีผลให้มีการเปลียน<br />

โครงสร้างกิจการอย่างมีนัยสําคัญ ให้ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับการพิจารณา<br />

เปลียนแปลงรายชือหลักทรัพย์ของดัชนี SET100<br />

3. การนําหลักทรัพย์จากกลุ่มหลักทรัพย์สํารองมารวมคํานวณ SET High Dividend 30<br />

Index เมือมีการนําหลักทรัพย์ออกจากการคํานวณดัชนีให้นําหลักทรัพย์ทีอยู่ใน<br />

รายชือหลักทรัพย์สํารองเข้าไปรวมในการคํานวณแทน โดยให้นําหลักทรัพย์สํารอง<br />

อันดับสูงสุดทีประกาศในรอบนั นๆ มาแทนทีและใช้ค่า dividend yield ทีกําหนดแล้ว<br />

มาใช้คํานวณดัชนี ในกรณีทีมีจํานวนหลักทรัพย์สํารองไม่เพียงพอในการนําเข้าไป<br />

รวมคํานวณแทน ให้เป็ นดุลยพินิจของคณะทํางานด้านดัชนีราคาหลักทรัพย์ในการ<br />

พิจารณาเพิ มจํานวนหลักทรัพย์ให้ครบในกลุ่ม SET High Dividend 30 Index<br />

4. หลักทรัพย์ทีถูกห้ามการซื อขายเป็ นระยะเวลานาน กรณีหลักทรัพย์ถูกสั งห้ามซื อขาย<br />

(SP) ติดต่อกันเป็ นระยะเวลาตั งแต่ 20 วันทําการขึ นไป ตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจ<br />

พิจารณานําหลักทรัพย์ดังกล่าวออกจากการคํานวณ<br />

45


ตารางแนบ 1 รายชือทีใช้ในการคํานวณดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index<br />

ในระหว่างวันที 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2554<br />

หมวดธุรกิจ ชือหลักทรัพย์ ชือย่อหลักทรัพย์<br />

1 ธุรกิจการเกษตร บริษัท จีเอฟพีที จํากัด (มหาชน) GFPT<br />

2 ธุรกิจการเกษตร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จํากัด (มหาชน) STA<br />

3 ธนาคาร ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) BBL<br />

4 ธนาคาร ธนาคารเกียรตินาคิน จํากัด (มหาชน) KK<br />

5 ธนาคาร บริษัท ทุนธนชาต จํากัด (มหาชน) TCAP<br />

6 ธนาคาร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จํากัด (มหาชน) TISCO<br />

7 วัสดุก่อสร้าง บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จํากัด(มหาชน) SCC<br />

8 วัสดุก่อสร้าง บริษัท วนชัย กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) VNG<br />

9 ชินส่วนอิเล็กทรอนิกส์ บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จํากัด (มหาชน) HANA<br />

10 พลังงานและสาธารณูปโภค บริษัท ผลิตไฟฟ้ า จํากัด (มหาชน) EGCO<br />

11 พลังงานและสาธารณูปโภค บริษัท โกลว์ พลังงาน จํากัด (มหาชน) GLOW<br />

12 พลังงานและสาธารณูปโภค บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) PTT<br />

13 พลังงานและสาธารณูปโภค บริษัท ผลิตไฟฟ้ าราชบุรีโฮลดิง จํากัด (มหาชน) RATCH<br />

14 พลังงานและสาธารณูปโภค บริษัท นํ าประปาไทย จํากัด (มหาชน)<br />

15 พลังงานและสาธารณูปโภค บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จํากัด (มหาชน) LANNA<br />

16 อาหารและเครืองดืม บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จํากัด (มหาชน) CPF<br />

17 อาหารและเครืองดืม บริษัท ไทยยูเนียน โฟรเซ่น โปรดักส์ จํากัด (มหาชน) TUF<br />

18 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสาร บริษัท สามารถคอร์ปอเรชัน จํากัด (มหาชน) SAMART<br />

19 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสาร บริษัท สามารถเทลคอม จํากัด (มหาชน) SAMTEL<br />

20 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสาร บริษัท โทเทิ ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั น จํากัด (มหาชน)<br />

21 เหมืองแร่ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จํากัด (มหาชน) PDI<br />

22 บรรจุภัณฑ์ บริษัท เอ.เจ.พลาสท์ จํากัด (มหาชน) AJ<br />

23 พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัท เอเชียนพร็อพเพอร์ตี ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน)<br />

24 พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด (มหาชน) LPN<br />

25 พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ควอลิตี เฮ้าส์ จํากัด (มหาชน)<br />

26 พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จํากัด (มหาชน) STPI<br />

TTW<br />

DTAC<br />

27 พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ศุภาลัย จํากัด (มหาชน) SPALI<br />

28 เหล็ก บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จํากัด (มหาชน) MCS<br />

29 ขนส่งและโลจิสติกส์ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) BECL<br />

30 ขนส่งและโลจิสติกส์ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ ง จํากัด (มหาชน) PSL<br />

AP<br />

QH<br />

46


หมวดธุรกิจ ชือหลักทรัพย์ ชือย่อหลักทรัพย์<br />

รายชือหลักทรัพย์สํารอง<br />

1 ธนาคาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) SCB<br />

2 พลังงานและสาธารณูปโภค บริษัท บ้านปู จํากัด (มหาชน) BANPU<br />

3 พลังงานและสาธารณูปโภค บริษัท ปตท. สํารวจและผลิตปิ โตรเลียม จํากัด (มหาชน) PTTEP<br />

4 พลังงานและสาธารณูปโภค บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิ โตรเคมีคัลส์ จํากัด (มหาชน) SGP<br />

5 พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัท เหมราชพัฒนาทีดิน จํากัด (มหาชน) HEMRAJ<br />

47


ค่าเฉลี่ยอัตราเงินปันผลตอบแทน<br />

ชื่อย่อหลักทรัพย์ ชื่อหลักทรัพย์ หมวดธุรกิจ<br />

ในช่วง 2549 - 2553 TOP100DIY TOP50DIY TOP30DIY<br />

PATO บริษัท พาโตเคมีอุตสาหกรรม จ ากัด (มหาชน) ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 11.04 YES YES YES<br />

ESSO บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค 10.97 YES YES YES<br />

SPACK บริษัท เอส. แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ จ ากัด (มหาชน) บรรจุภัณฑ์ 10.90 YES YES YES<br />

ASK บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จ ากัด (มหาชน) เงินทุนและหลักทรัพย์ 10.80 YES YES YES<br />

PAP บริษัท แปซิฟิกไพพ์ จ ากัด (มหาชน) เหล็ก 10.68 YES YES YES<br />

CFRESH บริษัท ซีเฟรชอินดัสตรี จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 10.59 YES YES YES<br />

SVI บริษัท เอสวีไอ จ ากัด (มหาชน) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 10.15 YES YES YES<br />

TPC บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จ ากัด (มหาชน) ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 10.13 YES YES YES<br />

PL บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จ ากัด (มหาชน) เงินทุนและหลักทรัพย์ 10.00 YES YES YES<br />

AIT บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จ ากัด (มหาชน) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 9.67 YES YES YES<br />

PRANDA บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จ ากัด (มหาชน) แฟชั่น 9.57 YES YES YES<br />

MCS บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จ ากัด (มหาชน) เหล็ก 9.57 YES YES YES YES<br />

UPF บริษัท ยูเนี่ยนไพโอเนียร์ จ ากัด (มหาชน) แฟชั่น 9.54 YES YES YES<br />

JMART บริษัท เจ มาร์ท จ ากัด (มหาชน) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 9.48 YES YES YES<br />

PTSEC บริษัท ทุนภัทร จ ากัด (มหาชน) เงินทุนและหลักทรัพย์ 9.33 YES YES YES<br />

DRT บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จ ากัด (มหาชน) วัสดุก่อสร้าง 9.32 YES YES YES<br />

TLUXE บริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจการเกษตร 9.15 YES YES YES<br />

GFM บริษัท โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอเรอส์ จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 8.98 YES YES YES<br />

KK ธนาคารเกียรตินาคิน จ ากัด (มหาชน) ธนาคาร 8.95 YES YES YES YES<br />

MFEC บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จ ากัด (มหาชน) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 8.81 YES YES YES<br />

MODERN บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จ ากัด (มหาชน) ของใช้ในครัวเรือนและส านักงาน 8.76 YES YES<br />

UPOIC บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ ามันปาล์ม จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจการเกษตร 8.71 YES YES<br />

JCT บริษัท แจ๊กเจียอุตสาหกรรม (ไทย) จ ากัด (มหาชน) ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ 8.69 YES YES<br />

GC บริษัท โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ จ ากัด (มหาชน) ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 8.67 YES YES<br />

PDI บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จ ากัด (มหาชน) เหมืองแร่ 8.62 YES YES YES<br />

TPA บริษัท ไทยโพลีอะคริลิค จ ากัด (มหาชน) ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 8.60 YES YES<br />

* รายชื่อที่ใช้ในการค านวณดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index ในระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2554<br />

ภาคผนวก 2 รายชื่อหลักทรัพย์ในกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

SETHD<br />

Group*


ภาคผนวก 2 รายชื่อหลักทรัพย์ในกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

ค่าเฉลี่ยอัตราเงินปันผลตอบแทน<br />

ชื่อย่อหลักทรัพย์ ชื่อหลักทรัพย์ หมวดธุรกิจ<br />

ในช่วง 2549 - 2553 TOP100DIY TOP50DIY TOP30DIY<br />

AS บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จ ากัด (มหาชน) สื่อและสิ่งพิมพ์ 8.56 YES YES<br />

UBIS บริษัท ยูบิส (เอเชีย) จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 8.56 YES YES<br />

TK บริษัท ฐิติกร จ ากัด (มหาชน) เงินทุนและหลักทรัพย์ 8.55 YES YES<br />

ADVANC บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จ ากัด (มหาชน) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 8.20 YES YES<br />

TICON บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 8.18 YES YES<br />

TAPAC บริษัท ทาพาโก้ จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 8.16 YES YES<br />

WORK บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จ ากัด (มหาชน) สื่อและสิ่งพิมพ์ 8.13 YES YES<br />

CPL บริษัท ซี.พี.แอล.กรุ๊พ จ ากัด (มหาชน) แฟชั่น 8.12 YES YES<br />

SENA บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 8.10 YES YES<br />

CCET บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 8.10 YES YES<br />

LEE บริษัท ลีพัฒนาผลิตภัณฑ์ จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจการเกษตร 8.00 YES YES<br />

UVAN บริษัท ยูนิวานิชน้ ามันปาล์ม จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจการเกษตร 7.97 YES YES<br />

LTX บริษัท ลัคกี้เท็คซ์ (ไทย) จ ากัด (มหาชน) แฟชั่น 7.94 YES YES<br />

UEC บริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 7.94 YES YES<br />

2S บริษัท 2 เอส เมทัล จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 7.90 YES<br />

TCCC บริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี จ ากัด (มหาชน) ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 7.83 YES<br />

PTTAR บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค 7.75 YES<br />

SIRI บริษัท แสนสิริ จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 7.75 YES<br />

TVO บริษัท น้ ามันพืชไทย จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 7.64 YES<br />

MK บริษัท มั่นคงเคหะการ จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 7.62 YES<br />

CM บริษัท เชียงใหม่โฟรเซ่นฟู้ดส์ จ ากัด(มหาชน) ธุรกิจการเกษตร 7.61 YES<br />

MAKRO บริษัท สยามแม็คโคร จ ากัด (มหาชน) พาณิชย์ 7.58 YES<br />

TIP บริษัท ทิพยประกันภัย จ ากัด (มหาชน) ประกันภัยและประกันชีวิต 7.58 YES<br />

SPALI บริษัท ศุภาลัย จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 7.56 YES YES<br />

P-FCB บริษัท ประกิต โฮลดิ้งส์ จ ากัด (มหาชน) สื่อและสิ่งพิมพ์ 7.55 YES<br />

KCAR บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จ ากัด (มหาชน) เงินทุนและหลักทรัพย์ 7.53 YES<br />

* รายชื่อที่ใช้ในการค านวณดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index ในระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2554<br />

SETHD<br />

Group*


ภาคผนวก 2 รายชื่อหลักทรัพย์ในกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

ค่าเฉลี่ยอัตราเงินปันผลตอบแทน<br />

ชื่อย่อหลักทรัพย์ ชื่อหลักทรัพย์ หมวดธุรกิจ<br />

ในช่วง 2549 - 2553 TOP100DIY TOP50DIY TOP30DIY<br />

MACO บริษัท มาสเตอร์ แอด จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 7.50 YES<br />

SE-ED บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จ ากัด (มหาชน) สื่อและสิ่งพิมพ์ 7.49 YES<br />

EASON บริษัท อีซึ่น เพ้นท์ จ ากัด (มหาชน) ยานยนต์ 7.47 YES<br />

TPAC บริษัท พลาสติค และหีบห่อไทย จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 7.45 YES<br />

TTA บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จ ากัด (มหาชน) ขนส่งและโลจิสติกส์ 7.44 YES<br />

DELTA บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 7.43 YES<br />

SSSC บริษัท ศูนย์บริการเหล็กสยาม จ ากัด (มหาชน) เหล็ก 7.40 YES<br />

TMD บริษัท อุตสาหกรรมถังโลหะไทย จ ากัด (มหาชน) บรรจุภัณฑ์ 7.39 YES<br />

CHARAN บริษัท จรัญประกันภัย จ ากัด (มหาชน) ประกันภัยและประกันชีวิต 7.34 YES<br />

AYUD บริษัท ศรีอยุธยาประกันภัย จ ากัด (มหาชน) ประกันภัยและประกันชีวิต 7.33 YES<br />

ASP บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จ ากัด (มหาชน) เงินทุนและหลักทรัพย์ 7.32 YES<br />

SPPT บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 7.21 YES<br />

SYNEX บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 7.20 YES<br />

TKT บริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม จ ากัด (มหาชน) ยานยนต์ 7.19 YES<br />

SSF บริษัท สุรพลฟู้ดส์ จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 7.18 YES<br />

TSC บริษัท ไทยสตีลเคเบิล จ ากัด (มหาชน) ยานยนต์ 7.09 YES<br />

SAUCE บริษัท ไทยเทพรส จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 7.07 YES<br />

CITY บริษัท ซิตี้ สตีล จ ากัด (มหาชน) เหล็ก 7.06 YES<br />

QLT บริษัท ควอลลีเทค จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 7.05 YES<br />

SITHAI บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จ ากัด (มหาชน) ของใช้ในครัวเรือนและส านักงาน 6.96 YES<br />

MSC บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จ ากัด (มหาชน) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6.92 YES<br />

CHOTI บริษัท ห้องเย็นโชติวัฒน์หาดใหญ่ จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจการเกษตร 6.92 YES<br />

TOP บริษัท ไทยออยล์ จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค 6.92 YES<br />

SNC บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จ ากัด (มหาชน) วัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร 6.87 YES<br />

THRE บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จ ากัด (มหาชน) ประกันภัยและประกันชีวิต 6.83 YES<br />

PRG บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจการเกษตร 6.82 YES<br />

SETHD<br />

Group*<br />

* รายชื่อที่ใช้ในการค านวณดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index ในระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2554


ภาคผนวก 2 รายชื่อหลักทรัพย์ในกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

ค่าเฉลี่ยอัตราเงินปันผลตอบแทน<br />

ชื่อย่อหลักทรัพย์ ชื่อหลักทรัพย์ หมวดธุรกิจ<br />

ในช่วง 2549 - 2553 TOP100DIY TOP50DIY TOP30DIY<br />

ROJNA บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 6.78 YES<br />

DCC บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จ ากัด (มหาชน) วัสดุก่อสร้าง 6.77 YES<br />

HANA บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จ ากัด (มหาชน) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 6.73 YES YES<br />

LHK บริษัท โลหะกิจ เม็ททอล จ ากัด (มหาชน) เหล็ก 6.72 YES<br />

STA บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจการเกษตร 6.71 YES YES<br />

WG บริษัท ไว้ท์กรุ๊ป จ ากัด (มหาชน) ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 6.70 YES<br />

KGI บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) เงินทุนและหลักทรัพย์ 6.70 YES<br />

INTUCH บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จ ากัด (มหาชน) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6.67 YES<br />

PTL บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) บรรจุภัณฑ์ 6.65 YES<br />

THANI บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จ ากัด (มหาชน) เงินทุนและหลักทรัพย์ 6.62 YES<br />

S&P บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 6.62 YES<br />

TIW บริษัท ไทยแลนด์ไอออนเวิคส์ จ ากัด (มหาชน) เหล็ก 6.59 YES<br />

TKS บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จ ากัด (มหาชน) สื่อและสิ่งพิมพ์ 6.59<br />

SST บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จ ากัด (มหาชน) ขนส่งและโลจิสติกส์ 6.57<br />

SPG บริษัท สยามภัณฑ์กรุ๊ป จ ากัด (มหาชน) ยานยนต์ 6.53<br />

KDH บริษัท โรงพยาบาลกรุงธน จ ากัด (มหาชน) การแพทย์ 6.52<br />

KEST บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) เงินทุนและหลักทรัพย์ 6.51<br />

NNCL บริษัท นวนคร จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 6.50<br />

HEMRAJ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 6.41<br />

APRINT บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จ ากัด (มหาชน) สื่อและสิ่งพิมพ์ 6.37<br />

BAT-3K บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จ ากัด (มหาชน) ยานยนต์ 6.35<br />

PTTCH บริษัท ปตท.เคมิคอล จ ากัด (มหาชน) ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 6.34<br />

MCOT บริษัท อสมท จ ากัด (มหาชน) สื่อและสิ่งพิมพ์ 6.34<br />

NOBLE บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 6.31<br />

LPN บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 6.30 YES<br />

IT บริษัท ไอที ซิตี้ จ ากัด (มหาชน) พาณิชย์ 6.30<br />

* รายชื่อที่ใช้ในการค านวณดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index ในระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2554<br />

SETHD<br />

Group*


ภาคผนวก 2 รายชื่อหลักทรัพย์ในกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

ชื่อย่อหลักทรัพย์ ชื่อหลักทรัพย์ หมวดธุรกิจ<br />

ค่าเฉลี่ยอัตราเงินปันผลตอบแทน<br />

ในช่วง 2549 - 2553 TOP100DIY TOP50DIY TOP30DIY<br />

MBK บริษัท เอ็ม บี เค จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 6.27<br />

SMIT บริษัท สหมิตรเครื่องกล จ ากัด (มหาชน) เหล็ก 6.24<br />

BJC บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จ ากัด (มหาชน) พาณิชย์ 6.23<br />

SC บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 6.19<br />

SUC บริษัท สหยูเนี่ยน จ ากัด (มหาชน) แฟชั่น 6.19<br />

SCC บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จ ากัด(มหาชน) วัสดุก่อสร้าง 6.19 YES<br />

FE บริษัท ฟาร์อีสท์ ดีดีบี จ ากัด (มหาชน) สื่อและสิ่งพิมพ์ 6.13<br />

GRAMMY บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จ ากัด (มหาชน) สื่อและสิ่งพิมพ์ 6.09<br />

SCCC บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จ ากัด (มหาชน) วัสดุก่อสร้าง 6.08<br />

BLS บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จ ากัด (มหาชน) เงินทุนและหลักทรัพย์ 6.07<br />

EASTW บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ าภาคตะวันออก จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค 6.06<br />

MAJOR บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จ ากัด (มหาชน) สื่อและสิ่งพิมพ์ 6.06<br />

THANA บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 6.01<br />

GFPT บริษัท จีเอฟพีที จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจการเกษตร 5.98 YES<br />

TCAP บริษัท ทุนธนชาต จ ากัด (มหาชน) ธนาคาร 5.96 YES<br />

SWC บริษัท เชอร์วู้ด เคมิคอล จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 5.93<br />

SCG บริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค 5.92<br />

TOG บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จ ากัด (มหาชน) ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ 5.92<br />

PR บริษัท เพรซิเดนท์ไรซ์โปรดักส์ จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 5.91<br />

TWFP บริษัท ไทยวาฟูดโปรดักส์ จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 5.91<br />

SSC บริษัท เสริมสุข จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 5.90<br />

KYE บริษัท กันยงอีเลคทริก จ ากัด (มหาชน) ของใช้ในครัวเรือนและส านักงาน 5.84<br />

GLOW บริษัท โกลว์ พลังงาน จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค 5.82 YES<br />

VNG บริษัท วนชัย กรุ๊ป จ ากัด (มหาชน) วัสดุก่อสร้าง 5.82 YES<br />

OGC บริษัท โอเชียนกลาส จ ากัด (มหาชน) ของใช้ในครัวเรือนและส านักงาน 5.81<br />

LH บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 5.80<br />

* รายชื่อที่ใช้ในการค านวณดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index ในระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2554<br />

SETHD<br />

Group*


ภาคผนวก 2 รายชื่อหลักทรัพย์ในกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

ค่าเฉลี่ยอัตราเงินปันผลตอบแทน<br />

ชื่อย่อหลักทรัพย์ ชื่อหลักทรัพย์ หมวดธุรกิจ<br />

ในช่วง 2549 - 2553 TOP100DIY TOP50DIY TOP30DIY<br />

METCO บริษัทมูราโมโต้ อีเล็คตรอน (ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 5.75<br />

BECL บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จ ากัด (มหาชน) ขนส่งและโลจิสติกส์ 5.74 YES<br />

TBSP บริษัท ไทยบริติช ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง จ ากัด (มหาชน) สื่อและสิ่งพิมพ์ 5.72<br />

OISHI บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 5.71<br />

ILINK บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 5.70<br />

TMW บริษัท ไทยมิตซูวา จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 5.69<br />

SIMAT บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 5.64<br />

LALIN บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 5.63<br />

DRACO บริษัท ดราโก้ พีซีบี จ ากัด (มหาชน) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 5.60<br />

SMK บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จ ากัด (มหาชน) ประกันภัยและประกันชีวิต 5.59<br />

NBC บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 5.55<br />

NTV บริษัท โรงพยาบาลนนทเวช จ ากัด (มหาชน) การแพทย์ 5.54<br />

L&E บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 5.53<br />

LST บริษัท ล่ าสูง (ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 5.49<br />

S & J บ.เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ จ ากัด (มหาชน) ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ 5.48<br />

LRH บริษัท ลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ โฮเท็ล จ ากัด (มหาชน) การท่องเที่ยวและสันทนาการ 5.44<br />

SIAM บริษัท สยามสตีลอินเตอร์เนชั่นแนล จ ากัด (มหาชน) ของใช้ในครัวเรือนและส านักงาน 5.43<br />

RATCH บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค 5.42 YES<br />

DSGT บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ 5.40<br />

MFC บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จ ากัด(มหาชน) เงินทุนและหลักทรัพย์ 5.38<br />

BAFS บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค 5.35<br />

NKI บริษัท นวกิจประกันภัย จ ากัด (มหาชน) ประกันภัยและประกันชีวิต 5.34<br />

TOPP บริษัท ไทย โอ.พี.พี. จ ากัด (มหาชน) บรรจุภัณฑ์ 5.31<br />

LANNA บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค 5.28 YES<br />

SPORT บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จ ากัด (มหาชน) สื่อและสิ่งพิมพ์ 5.28<br />

EGCO บริษัท ผลิตไฟฟ้า จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค 5.27 YES<br />

* รายชื่อที่ใช้ในการค านวณดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index ในระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2554<br />

SETHD<br />

Group*


ภาคผนวก 2 รายชื่อหลักทรัพย์ในกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

ค่าเฉลี่ยอัตราเงินปันผลตอบแทน<br />

ชื่อย่อหลักทรัพย์ ชื่อหลักทรัพย์ หมวดธุรกิจ<br />

ในช่วง 2549 - 2553 TOP100DIY TOP50DIY TOP30DIY<br />

AEONTS บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จ ากัด (มหาชน) เงินทุนและหลักทรัพย์ 5.25<br />

CNS บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จ ากัด (มหาชน) เงินทุนและหลักทรัพย์ 5.22<br />

PG บริษัท ประชาอาภรณ์ จ ากัด (มหาชน) แฟชั่น 5.22<br />

BOL บริษัท บิซิเนส ออนไลน์ จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 5.17<br />

SGP บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค 5.16<br />

IRPC บริษัท ไออาร์พีซี จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค 5.16<br />

TTI บริษัท โรงงานผ้าไทย จ ากัด (มหาชน) แฟชั่น 5.06<br />

QH บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 5.05 YES<br />

INET บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จ ากัด (มหาชน) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5.03<br />

TUF บริษัท ไทยยูเนียน โฟรเซ่น โปรดักส์ จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 5.01 YES<br />

TISCO บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จ ากัด (มหาชน) ธนาคาร 5.01 YES<br />

SIS บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 4.98<br />

DCON บริษัท ดีคอนโปรดักส์ จ ากัด (มหาชน) วัสดุก่อสร้าง 4.97<br />

UKEM บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 4.95<br />

TTW บริษัท น้ าประปาไทย จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค 4.92 YES<br />

UST บริษัท ยูไนเต็ด แสตนดาร์ด เทอร์มินัล จ ากัด (มหาชน) ขนส่งและโลจิสติกส์ 4.91<br />

OCC บริษัท โอ ซี ซี จ ากัด (มหาชน) ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ 4.86<br />

TNH บริษัท โรงพยาบาลไทยนครินทร์ จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 4.82<br />

BFIT บริษัทเงินทุน กรุงเทพธนาทร จ ากัด (มหาชน) เงินทุนและหลักทรัพย์ 4.81<br />

ALUCON บริษัท อลูคอน จ ากัด (มหาชน) บรรจุภัณฑ์ 4.80<br />

M-CHAI บริษัท โรงพยาบาลมหาชัย จ ากัด (มหาชน) การแพทย์ 4.74<br />

THIP บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จ ากัด (มหาชน) บรรจุภัณฑ์ 4.74<br />

AGE บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 4.73<br />

TNL บริษัท ธนูลักษณ์ จ ากัด (มหาชน) แฟชั่น 4.72<br />

PPM บริษัท พรพรหมเม็ททอล จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 4.69<br />

TTCL บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 4.62<br />

* รายชื่อที่ใช้ในการค านวณดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index ในระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2554<br />

SETHD<br />

Group*


ภาคผนวก 2 รายชื่อหลักทรัพย์ในกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

ค่าเฉลี่ยอัตราเงินปันผลตอบแทน<br />

ชื่อย่อหลักทรัพย์ ชื่อหลักทรัพย์ หมวดธุรกิจ<br />

ในช่วง 2549 - 2553 TOP100DIY TOP50DIY TOP30DIY<br />

AMATA บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 4.62<br />

KTB ธนาคารกรุงไทย จ ากัด (มหาชน) ธนาคาร 4.61<br />

BUI บริษัท บางกอกสหประกันภัย จ ากัด (มหาชน) ประกันภัยและประกันชีวิต 4.61<br />

AP บริษัทเอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 4.59 YES<br />

BKI บริษัท กรุงเทพประกันภัย จ ากัด (มหาชน) ประกันภัยและประกันชีวิต 4.59<br />

CMR บริษัท เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ จ ากัด (มหาชน) การแพทย์ 4.56<br />

MATI บริษัท มติชน จ ากัด (มหาชน) สื่อและสิ่งพิมพ์ 4.55<br />

BROCK บริษัท บ้านร็อคการ์เด้น จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 4.54<br />

KWC บริษัท กรุงเทพโสภณ จ ากัด (มหาชน) ขนส่งและโลจิสติกส์ 4.48<br />

TTTM บริษัท ไทยโทเรเท็กซ์ไทล์มิลลส์ จ ากัด (มหาชน) แฟชั่น 4.47<br />

CPF บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 4.47 YES<br />

GLAND บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 4.42<br />

CPI บริษัท ชุมพรอุตสาหกรรมน้ ามันปาล์ม จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจการเกษตร 4.41<br />

OHTL บริษัท โอเอชทีแอล จ ากัด (มหาชน) การท่องเที่ยวและสันทนาการ 4.40<br />

TNDT บริษัท ไทย เอ็น ดี ที จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 4.39<br />

CSR บริษัท เทพธานีกรีฑา จ ากัด (มหาชน) การท่องเที่ยวและสันทนาการ 4.38<br />

SAMART บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จ ากัด (มหาชน) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 4.38 YES<br />

BEC บริษัท บีอีซี เวิลด์ จ ากัด (มหาชน) สื่อและสิ่งพิมพ์ 4.37<br />

HTECH บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 4.35<br />

BCP บริษัท บางจากปิโตรเลียม จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค 4.32<br />

AJ บริษัท เอ.เจ.พลาสท์ จ ากัด (มหาชน) บรรจุภัณฑ์ 4.28 YES<br />

IRC บริษัท อิโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) ยานยนต์ 4.22<br />

VNT บริษัท วีนิไทย จ ากัด (มหาชน) ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 4.19<br />

STANLY บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จ ากัด (มหาชน) ยานยนต์ 4.17<br />

TPCORP บริษัท เท็กซ์ไทล์เพรสทีจ จ ากัด (มหาชน) แฟชั่น 4.13<br />

VIBHA บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จ ากัด (มหาชน) การแพทย์ 4.12<br />

* รายชื่อที่ใช้ในการค านวณดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index ในระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2554<br />

SETHD<br />

Group*


ภาคผนวก 2 รายชื่อหลักทรัพย์ในกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

ค่าเฉลี่ยอัตราเงินปันผลตอบแทน<br />

ชื่อย่อหลักทรัพย์ ชื่อหลักทรัพย์ หมวดธุรกิจ<br />

ในช่วง 2549 - 2553 TOP100DIY TOP50DIY TOP30DIY<br />

BGT บริษัท บีจีที คอร์ปอเรชั่น จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 4.06<br />

AOT บริษัท ท่าอากาศยานไทย จ ากัด (มหาชน) ขนส่งและโลจิสติกส์ 4.04<br />

SHANG บริษัท แชงกรี-ลา โฮเต็ล จ ากัด (มหาชน) การท่องเที่ยวและสันทนาการ 4.00<br />

BANPU บริษัท บ้านปู จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค 3.92<br />

PTT บริษัท ปตท. จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค 3.91 YES<br />

TC บริษัท ทรอปิคอลแคนนิ่ง (ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 3.84<br />

KH บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จ ากัด (มหาชน) การแพทย์ 3.84<br />

GYT บริษัท กู๊ดเยียร์(ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) ยานยนต์ 3.82<br />

KIAT บริษัท เกียรติธนา ขนส่ง จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 3.80<br />

ROBINS บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จ ากัด (มหาชน) พาณิชย์ 3.77<br />

CNT บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 3.74<br />

WACOAL บริษัท ไทยวาโก้ จ ากัด (มหาชน) แฟชั่น 3.69<br />

TPOLY บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 3.64<br />

TMI บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 3.64<br />

DTC บริษัท ดุสิตธานี จ ากัด (มหาชน) การท่องเที่ยวและสันทนาการ 3.62<br />

BIGC บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จ ากัด (มหาชน) พาณิชย์ 3.61<br />

SAMCO บริษัท สัมมากร จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 3.54<br />

PB บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 3.54<br />

HMPRO บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จ ากัด (มหาชน) พาณิชย์ 3.49<br />

TRC บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 3.48<br />

SORKON บริษัท ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 3.46<br />

UV บริษัท ยูนิ เวนเจอร์ จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 3.46<br />

TF บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 3.35<br />

CPALL บริษัท ซีพี ออลล์ จ ากัด (มหาชน) พาณิชย์ 3.34<br />

DTAC บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จ ากัด (มหาชน) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 3.34 YES<br />

CI บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 3.33<br />

* รายชื่อที่ใช้ในการค านวณดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index ในระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2554<br />

SETHD<br />

Group*


ภาคผนวก 2 รายชื่อหลักทรัพย์ในกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

ค่าเฉลี่ยอัตราเงินปันผลตอบแทน<br />

ชื่อย่อหลักทรัพย์ ชื่อหลักทรัพย์ หมวดธุรกิจ<br />

ในช่วง 2549 - 2553 TOP100DIY TOP50DIY TOP30DIY<br />

TCB บริษัท ไทยคาร์บอนแบล็ค จ ากัด (มหาชน) ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 3.31<br />

PS บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 3.17<br />

CPR บริษัท ซีพีอาร์ โกมุ อินดัสเตรียล จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 3.07<br />

SCB ธนาคารไทยพาณิชย์ จ ากัด (มหาชน) ธนาคาร 3.04<br />

TR บริษัท ไทยเรยอน จ ากัด (มหาชน) แฟชั่น 3.00<br />

SMT บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 2.92<br />

MOONG บริษัท มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 2.90<br />

DEMCO บริษัท เด็มโก้ จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 2.90<br />

PTTEP บริษัท ปตท. ส ารวจและผลิตปิโตรเลียม จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค 2.77<br />

SPC บริษัท สหพัฒนพิบูล จ ากัด (มหาชน) พาณิชย์ 2.75<br />

SIM บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จ ากัด (มหาชน) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 2.74<br />

PYLON บริษัท ไพลอน จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 2.63<br />

SAMTEL บริษัท สามารถเทลคอม จ ากัด (มหาชน) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 2.61 YES<br />

BBL ธนาคารกรุงเทพ จ ากัด (มหาชน) ธนาคาร 2.60 YES<br />

ETG บริษัท อีเทอร์นิตี้ แกรนด์ โลจิสติคส์ จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 2.59<br />

KBANK ธนาคารกสิกรไทย จ ากัด (มหาชน) ธนาคาร 2.56<br />

CENTEL บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จ ากัด (มหาชน) การท่องเที่ยวและสันทนาการ 2.49<br />

BH บริษัท โรงพยาบาลบ ารุงราษฎร์ จ ากัด (มหาชน) การแพทย์ 2.49<br />

GLOBAL บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จ ากัด (มหาชน) พาณิชย์ 2.43<br />

ICC บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จ ากัด (มหาชน) แฟชั่น 2.41<br />

RAM บริษัท โรงพยาบาลรามค าแหง จ ากัด (มหาชน) การแพทย์ 2.36<br />

UOBKH บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) เงินทุนและหลักทรัพย์ 2.31<br />

DIMET บริษัท ไดเมท (สยาม) จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 2.27<br />

AHC บริษัท โรงพยาบาลเอกชล จ ากัด (มหาชน) การแพทย์ 2.21<br />

KASET บริษัท ไทยฮา จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง 2.08<br />

BGH บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จ ากัด(มหาชน) การแพทย์ 1.98<br />

* รายชื่อที่ใช้ในการค านวณดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index ในระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2554<br />

SETHD<br />

Group*


ค่าเฉลี่ยอัตราเงินปันผลตอบแทน<br />

ชื่อย่อหลักทรัพย์ ชื่อหลักทรัพย์ หมวดธุรกิจ<br />

ในช่วง 2549 - 2553 TOP100DIY TOP50DIY TOP30DIY<br />

KSL บริษัท น้ าตาลขอนแก่น จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 1.94<br />

TWZ บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จ ากัด (มหาชน) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 1.89<br />

CPN บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 1.85<br />

UNIQ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จ ากัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 1.84<br />

MINT บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จ ากัด (มหาชน) อาหารและเครื่องดื่ม 1.56<br />

IVL บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จ ากัด (มหาชน) ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 1.42<br />

BLA บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จ ากัด (มหาชน) ประกันภัยและประกันชีวิต 1.10<br />

SABINA บริษัท ซาบีน่า จ ากัด (มหาชน) แฟชั่น 1.08<br />

SPI บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จ ากัด (มหาชน) พาณิชย์ 1.06<br />

NEW บริษัท วัฒนาการแพทย์ จ ากัด (มหาชน) การแพทย์ 0.94<br />

GUNKUL** บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จ ากัด (มหาชน) พลังงานและสาธารณูปโภค<br />

IFS** บริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย) จ ากัด (มหาชน) เงินทุนและหลักทรัพย์<br />

SYMC** บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จ ากัด (มหาชน) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร<br />

UAC** บมจ. ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ ธุรกิจขนาดกลาง<br />

OFM** บริษัท ออฟฟิศเมท จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง<br />

PHOL** บริษัท ผลธัญญะ จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง<br />

ARIP** บริษัท เออาร์ไอพี จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง<br />

NINE** บริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ จ ากัด (มหาชน) ธุรกิจขนาดกลาง<br />

* รายชื่อที่ใช้ในการค านวณดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index ในระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2554<br />

ภาคผนวก 2 รายชื่อหลักทรัพย์ในกลุ่ม “หุ้นปันผล”<br />

** บริษัทที่เข้าจดทะเบียนในปี 2553 และประกาศจ่ายปันผลปีงบการเงิน 2553 ในช่วงปี 2554 ท าให้ไม่มีข้อมูลอัตราเงินปันผลตอบแทน<br />

SETHD<br />

Group*

Hooray! Your file is uploaded and ready to be published.

Saved successfully!

Ooh no, something went wrong!