ASA NEWSLETTER 05-06_61
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
ครั ้งที่ 1 เมื่อเริ่มทำการก่อสร้าง ครั ้งที่ 2 เมื่อทำการก่อสร้าง<br />
โครงสร้างของอาคาร และครั ้งที่ 3 เมื่อดำเนินการก่อสร้างแล้ว<br />
เสร็จ<br />
• การออกใบรับรองการก่อสร้างอาคาร กำหนดให้<br />
อาคารประเภทควบคุมการใช้ที่ไม่เป็นอาคารขนาดใหญ่ ต้อง<br />
ดำเนินการออกใบรับรองการก่อสร้างภายใน จากเดิม 30 วัน<br />
เหลือ 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงาน<br />
ท้องถิ่นทราบ<br />
• หากพบว่ามีการก่อสร้างโดยมิได้รับอนุญาต ให้ทำ<br />
รายงานพร้อมความเห็นเสนอต่อผู้บังคับบัญชาตามล ำดับชั้นโดย<br />
เร็ว เพื่อให้เจ้าพนักงานท้องถิ่น ออกคำสั่งให้ระงับการก่อสร้าง<br />
และให้ถือปฏิบัติตามแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับคดีความ<br />
ผิดตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารที่ผู้ว่าฯ กทม. สั่งการ<br />
อนึ่ง ระเบียบกรุงเทพมหานครฉบับนี ้ ได้ยกเลิกระเบียบ<br />
ฉบับเดิมคือ ระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับ<br />
การขออนุญาตและการควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2525<br />
ซึ่งออกมานานแล้วและครอบคลุมถึงขั้นตอนการอนุญาตด้วย แต่<br />
ในระเบียบฉบับใหม่ ไม่ได้ครอบคลุมถึงขั ้นตอนดังกล่าวด้วย<br />
ดาวน์โหลด : www.asa.or.th/laws/news2018<strong>05</strong>17/<br />
พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก<br />
14 พ.ค. 25<strong>61</strong><br />
พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 25<strong>61</strong><br />
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ.<br />
25<strong>61</strong> เพื่อดำเนินการพัฒนาพื ้ นที่ภาคตะวันออกให้เป็นระบบ<br />
และโดยสอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะ<br />
อย่างยิ่งการส่งเสริมการประกอบพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม<br />
ที่ใช้เทคโนโลยีขั ้นสูง ทันสมัย สร้างนวัตกรรม และเป็นมิตรต่อ<br />
สิ่งแวดล้อม<br />
ก่อนหน้านี ้ รัฐบาลที่จัดตั ้งโดยคณะรักษาความสงบ<br />
แห่งชาติ (คสช.) ได้กำหนดพื ้ นที่ “ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาค<br />
ตะวันออก” (Eastern Economic Corridor) ขึ ้ นเพื่อส่งเสริมการ<br />
ค้าและการลงทุนและการอำนวยความสะดวกในการประกอบ<br />
กิจการ ครอบคลุมพื ้ นที่สามจังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่<br />
จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง และเขตจังหวัดอื่นที่ติดต่อ<br />
หรือเกี่ยวข้อง ซึ่งมีศักยภาพในการพัฒนาด้วยความพร้อมด้าน<br />
การคมนาคม การขนส่ง โครงสร้างพื ้ นฐาน ความต้องการของผู้<br />
ประกอบการ การจัดหาทรัพยากรต่าง ๆ และความเชื่อมโยงกับ<br />
ศูนย์กลางเศรษฐกิจอื่น ๆ และ คสช. ได้ออกคำสั่งหัวหน้าคณะ<br />
รักษาความสงบแห่งชาติหลายฉบับเพื่อกำหนดมาตรการพัฒนา<br />
ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกขึ ้ นเพื ่อดำเนินการไป<br />
พลางก่อนมาตั ้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2560 รวมทั ้งต่อมาได้มีการออก<br />
ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเรื่องมาตรการส่งเสริม<br />
การลงทุนในพื ้ นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก และประกาศ<br />
คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวัน<br />
ออกเพื่อกำหนดเขตส่งเสริมในนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง<br />
“เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก” ได้แก่พื ้ นที่จังหวัด<br />
ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง และพื ้ นที่อื่นใดที่อยู่ในภาคตะวัน<br />
ออกที่กำหนดเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาเป็นเขตพัฒนาพิเศษ<br />
ภาคตะวันออก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ<br />
(1) พัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทันสมัยและเป็น<br />
มิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ<br />
ประเทศ<br />
(2) จัดให้มีการให้บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จครบ<br />
วงจรเพื่อลดอุปสรรคและต้นทุนในการประกอบกิจการ<br />
(3) จัดทำโครงสร้างพื ้ นฐานและระบบสาธารณูปโภคที่<br />
มีประสิทธิภาพ มีความต่อเนื่อง ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดย<br />
สะดวกและเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบโดยสมบูรณ์<br />
(4) กำหนดการใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างเหมาะสมกับ<br />
สภาพและศักยภาพของพื ้ นที่โดยสอดคล้องกับหลักการพัฒนา<br />
อย่างยั่งยืน<br />
(5) พัฒนาเมืองให้มีความทันสมัยระดับนานาชาติที่<br />
เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยอย่างสะดวก ปลอดภัย เข้าถึงได้โดย<br />
ถ้วนหน้าและการประกอบกิจการอย่างมีคุณภาพ<br />
พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.<br />
25<strong>61</strong> ได้ให้เหตุผลในการตราพระราชบัญญัติฉบับนี ้ ไว้ว่า โดยที่<br />
ภาคตะวันออกเป็นพื ้ นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง หากมี<br />
การพัฒนาพื ้ นที่อย่างต่อเนื่อง เป็นระบบและโดยสอดคล้องกับ<br />
หลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนแล้วจะทำให้การใช้ที่ดินในภาคตะวัน<br />
ออกเป็นไปอย่างเหมาะสมกับสภาพและศักยภาพของพื ้ นที่ได้<br />
อย่างแท้จริง ทั ้งยังจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน<br />
ของประเทศโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การส่งเสริมให้มีการ<br />
ประกอบพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ทัน<br />
สมัย สร้างนวัตกรรม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการเกษตร<br />
กรรมดั ้งเดิม ตลอดจนวิถีชีวิตของชุมชนในพื ้ นที่ดังกล่าว แต่<br />
กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันไม่เอื ้ อต่อการพัฒนาพื ้ นที่ตาม<br />
แนวทางดังกล่าว ไม่มีการวางแผนการบริหารพื ้ นที่แบบองค์รวม<br />
การพัฒนาด้านต่าง ๆ จึงเป็นไปอย่างแยกส่วนและกระจัดกระจาย<br />
ผลของการขาดการบูรณาการดังกล่าว ทำให้ไม่สามารถพัฒนา<br />
พื ้ นที่ภาคตะวันออกได้อย่างเต็มศักยภาพทั ้งการจัดทำระบบ<br />
สาธารณูปโภคขั ้นพื ้ นฐานของหน่วยงานของรัฐต่างๆ ยังขาด<br />
ความต่อเนื่องและเชื่อมโยงกัน กรณีจึงสมควรกำหนดให้ภาค