cache
cache
cache
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
ในแหลงน้ําที่อยูชั้นลางสุดและในตะกอนดินในปริมาณที่คอนขางสูง<br />
เนื่องจากบริเวณนี้มีพวกซาก<br />
สิ่งมีชีวิตและอนินทรียสารมากและไมคอยมีสารที่สามารถออกซิไดซได<br />
จึงมักตองอาศัยการทํางาน<br />
ของแบคทีเรียชวยยอยสลายเทานั้น<br />
ซึ่ง<br />
Novazhilova and Berezina (1966) พบวาจํานวนแบคทีเรียที่<br />
ใชในการรีดิวซซัลเฟอรนั้นจะมีอยูในน้ํานอยมาก<br />
เมื่อเปรียบเทียบกับในตะกอนดินโคลนและปริมาณ<br />
ของแบคทีเรียจะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลดวยคือ<br />
ในฤดูรอนจะพบวามีปริมาณไฮโดรเจนซัลไฟด<br />
ในตะกอนโคลนมากกวาในฤดูใบไมผลิ ซึ่งอาจเกิดจากหลังกระบวนการที่เกิดขึ้นในฤดูหนาว<br />
ซึ่ง<br />
มักจะมีกระแสลมและพายุมาก ทําใหแหลงน้ําเกิดการหมุนเวียนไฮโดรเจนซัลไฟดจึงมีโอกาสฟุง<br />
กระจายในมวลน้ํา<br />
ทําใหสัตวน้ําตายเปนจํานวนมากและบางสวนของกาซไขเนานั้นจะระเหยออกสู<br />
บรรยากาศได<br />
5.3 ลักษณะการแพรกระจายของปริมาณซัลไฟดในดินตะกอน<br />
จารุมาศ (2548) กลาวไววาซัลไฟดในรูปแบบตาง ๆ ที่เกิดขึ้นในดินตะกอน<br />
เกิดจาก<br />
กระบวนการชีวภาพและกระบวนการทางอนินทรียเคมี สิ่งมีชีวิตที่มีบทบาทโดยตรงตอการเกิดซัลไฟด<br />
2-<br />
คือ แบคทีเรียกลุมที่ทําการยอยสลายสารอินทรียในดินแบบไมใชออกซิเจน<br />
แตใชซัลเฟต (SO4 )<br />
เปนตัวรับอิเลคตรอนในปฏิกิริยาแบคทีเรียกลุมนี้เรียกวา<br />
sulfate reducing bacteria (เชน<br />
Desulfovibrio) และปฏิกิริยาที่เกิดการยอยสลายของสารอินทรียในกระบวนการ<br />
sulfate reduction<br />
ผลของปฏิกิริยา sulfate reduction จะใหสารประกอบ เชน แอมโมเนียและซัลไฟด<br />
ออกมาสะสมอยูในดินบริเวณนั้นและ/หรืออาจมีการแพรกระจายขึ้นไปที่ผิวดินไดซัลไฟดที่ผลิตใน<br />
ดินจะมีการรวมตัวกับธาตุเหล็กเกิดเปนสารประกอบในรูป FeS ซึ่ง<br />
FeS ก็ยังมีการเปลี่ยนรูปแบบได<br />
สารประกอบที่เรียกวา<br />
pyrite (FeS2) ซึ่งเปนรูปที่ไมละลายน้ําและถือเปนองคประกอบหลักขั้น<br />
สุดทายจากกระบวนการ sulfate reduction ในสภาพดินที่ไมมีออกซิเจนอยูเลย<br />
แตจะพบวาบริเวณ<br />
ผิวหนาดิน โดยทั่วไปที่มีโอกาสสัมผัสกับออกซิเจนในน้ําเหนือผิวดินหรือผิวหนาดินที่มีลักษณะ<br />
โปรง ซึ่งน้ําแทรกซึมผานไดดีจะไมพบปริมาณซัลไฟดอยูเลย<br />
ปฏิกิริยาการยอยสลายสารอินทรียที่<br />
บริเวณดังกลาวก็จะเกิดขึ้นภายใตสภาพที่มีออกซิเจนโดยที่ซัลไฟดหรือไฮโดรเจนซัลไฟดจะเริ่ม<br />
ปรากฏขึ้นเมื่อระดับความลึกของดินเพิ่มมากขึ้น<br />
ระดับที่มีการสะสมของซัลไฟดสูงสุดมีความ<br />
แตกตางกันขึ้นอยูกับชนิดและองคประกอบทางอินทรียสารของดินตะกอนนั้น<br />
ดินตะกอนใน<br />
ธรรมชาติที่มีลักษณะเปนทรายอาจมีระดับสูงสุดของไฮโดรเจนซัลไฟดที่ประมาณ<br />
6-8 เซนติเมตร<br />
ขณะที่ในดินที่เปนโคลนปนทรายอาจมีระดับสูงสุดอยูที่ใกลผิวดินมากกวา<br />
คือ ในระดับประมาณ<br />
19