ฉบับที่ 17 : พฤษภาคม 2554 - มหาวิทยาลัยนเรศวร
ฉบับที่ 17 : พฤษภาคม 2554 - มหาวิทยาลัยนเรศวร
ฉบับที่ 17 : พฤษภาคม 2554 - มหาวิทยาลัยนเรศวร
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
MED NU<br />
May 2011 3
Leader Guide<br />
“<br />
คณะแพทยศาสตร์<br />
<strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong><br />
เลือกที่จะเป็น<br />
โรงเรียน<br />
แพทย์<br />
สร้างเสริม<br />
สุขภาพ<br />
“<br />
พ.ศ. ๒๕๕๔ คณะแพทยศาสตร์ <strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong> ปรับวิสัยทัศน์ใหม่ “เป็นโรงเรียนแพทย์<br />
สร้างเสริมสุขภาพชั้นนําระดับประเทศ” (To be the leading medical school in promoting health for all<br />
stages of human life)<br />
วิสัยทัศน์นี้ รวบรวมจากความคิดเห็นในที่ประชุมภายในและภายนอกคณะแพทยศาสตร์หลายๆ ครั้ง<br />
จากองค์ประกอบผู้เข้าประชุมหลายๆ ระดับ เป็นการประชุมเพื่อค้นหาตัวตนของคณะแพทยศาสตร์ หลังจาก<br />
ก่อตั้งขึ้นมากว่า ๑๗ ปี มีสมาชิกองค์กรมากขึ้นเป็นจํานวนพันคน และยังมีเครือข่ายสถาบันร่วมผลิตแพทย์ อีก<br />
๖ แห่ง โดยโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์เป็นเครือข่ายในอดีต แต่ก็มีส่วนร่วมแข็งขันในการร่างวิสัย<br />
ทัศน์ใหม่ด้วย<br />
เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ใหม่ในเวลาอันสมควร สมาชิกคณะแพทยศาสตร์ รวมทั้งองค์กรที่เกี่ยวข้องต้อง<br />
เข้าใจความหมายอันลึกซึ้งของวิสัยทัศน์ดังกล่าว<br />
คณะแพทยศาสตร์ <strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong> เลือกที่จะเป็น “โรงเรียนแพทย์สร้างเสริมสุขภาพ” เพื่อ<br />
สร้างความโดดเด่นในการผลิตบัณฑิตแพทย์ให้เชี่ยวชาญด้านการสร้างเสริมสุขภาพแก่ผู้ป่วยและประชาชน<br />
การสร้างเสริมสุขภาพ ตีความไว้อย่างกว้างขวางว่า เป็นการเพิ่ม “สุขภาพ” หรือ “คุณภาพชีวิต” ให้<br />
กับกลุ่มเป้าหมายทุกคน ทุกระยะของช่วงชีวิตมนุษย์ ไม่ว่าอยู่ในช่วงเจ็บป่วยหรือสุขภาพดี ถ้าเป็นช่วงเจ็บป่วย<br />
ผู้ป่วยควรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกสักนิด หรืออย่างน้อยไม่ทรุดลงเร็วเกินควร ถ้าเป็นช่วงสุขภาพดี ก็ให้ภาวะ<br />
สุขภาพดีเป็นไปอย่างยั่งยืน ยาวนานขึ้น<br />
การจะทําสิ ่งดังกล่าวได้ดี บัณฑิตแพทย์นเรศวรจะต้องมี ความปรารถนาดี และ ทักษะ ในการสนับสนุน<br />
ให้ผู้ป่วยและผู้มีสุขภาพดี สามารถเลือกและปฏิบัติตามวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับภูมิปัญญาความหยั่งรู้ด้านสุขภาพ<br />
(health literacy) ได้อย่างถูกต้องและมีความสุข<br />
บัณฑิตแพทย์จะมีคุณสมบัติดังกล่าวได้ ก็ด้วยการอบรมบ่มเพาะจากอาจารย์เป็นตัวอย่างและวัฒนธรรม<br />
องค์กรเป็นปัจจัยเกื้อหนุน<br />
ที่กล้าและมั่นใจเช่นนี้ เพราะคณะแพทยศาสตร์ เชื่อว่าองค์กรมีความได้เปรียบ หรือสมรรถนะหลัก<br />
ได้แก่ การเป็นโรงเรียนแพทย์ต่างจังหวัดที่ใกล้ชุมชนและครัวเรือน ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนส่วนใหญ่ การ<br />
มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจํานวนมาก ความเชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร และด้านระบบและนโยบายสุขภาพ<br />
อัตลักษณ์ของอาจารย์ บุคลากร และบัณฑิต ของคณะแพทยศาสตร์ จะบ่มเพาะกล่อมเกลาจนเป็น<br />
วัฒนธรรมองค์กร คือ การมีคุณสมบัติ Naresuan (นเรศวร) ได้แก่ Novelty สร้างสรรค์สิ ่งใหม่ Accountability<br />
รับผิดชอบต่อสังคม Respect เคารพผู้อื่น Excellence ใฝ่หาความเป็นเลิศ Sufficiency ยึดหลักพอเพียง<br />
Unity สามัคคี Agility คล่องแคล่วว่องไว Network มีเครือข่าย<br />
จึงเห็นได้ว่า วิสัยทัศน์ใหม่ นอกจากเน้นความเป็นตัวตนของคณะแพทยศาสตร์ที ่เป็นคณะแพทยศาสตร์<br />
ในภูมิภาค แต่ก็ไม่ละเลยความเป็นเลิศในด้านต่างๆ ที่จะนําไปสู่การที่ประชาชนและผู้ป่วยมีสุขภาพที่ดีขึ้น<br />
ศ.นพ.ดร.ศุภสิทธิ์ พรรณารุโณทัย<br />
คณบดีคณะแพทยศาสตร์<br />
4 MED NU<br />
May 2011
กลุ่มอาคารเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา 1 (อาคารโรงพยาบาลส่วนขยาย)<br />
ดําเนินการหล่อ ค.ส.ล.เสารับพื้น คานและพื้น ชั้นที่ 6 และชั้นที่ 7 แล้วเสร็จ 95%<br />
ก่ออิฐผนังบนพื้นชั้นที่1 รวมถึงติดตั้งท่อระบบที่ต้องฝังในผนังและบนพื้นชั้น 1 แล้วเสร็จ 60%<br />
กลุ่มอาคารเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา 2 (อาคารศูนย์ความเป็นเลิศ)<br />
ดําเนินการหล่อ ค.ส.ล.เสารับพื้น คานและพื้น ชั้นที่ 8 แล้วเสร็จ 95%<br />
หล่อ ค.ส.ล. เสารับพื้น คานและพื้น ชั้นดาดฟ้า แล้วเสร็จ 95%<br />
ติดตั้งท่อระบบที่ต้องฝังในผนังและบนพื้นชั้น 1 แล้วเสร็จ 60%<br />
กลุ่มอาคารเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา 3 (อาคารจอดรถ)<br />
งานทางพื้น ค.ส.ล. ทางขึ้น Ramp (7ชั้น) แล้วเสร็จ 100%<br />
ก่ออิฐผนังบนพื้นและฉาบปูนผนังภายในพื้น ชั้นที่ 1, 2, 3 แล้วเสร็จ 95%<br />
ติดตั้งท่อระบบที่ต้องฝังในผนังและบนพื้นชั้น 1, 2, 3 แล้วเสร็จ 95%<br />
หล่อ ค.ส.ล. เสารับพื้นชั้นหลังคา คานและพื้นชั้นหลังคา 40%<br />
ประจํางวดงานที่ 9 ณ วันที่ 25 <strong>พฤษภาคม</strong> <strong>2554</strong><br />
MED NU<br />
May 2011 5
คณะแพทยศาสตร์ จัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติ<br />
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี<br />
เมื่อวันที่ 1 เมษายน <strong>2554</strong> ศ.นพ.ดร.ศุภสิทธิ์ พรรณารุโณทัย<br />
คณบดีคณะแพทยศาสตร์ พร้อมด้วยผู้บริหารและบุคลากรคณะแพทยศาสตร์<br />
ร่วมพิธีเทิดพระเกียรติและถวายพระพร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ<br />
สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ บริเวณหน้าห้อง<br />
ศูนย์สุขภาพ<strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong> ชั้น 1 โรงพยาบาล<strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong><br />
มูลนิธิโรงพยาบาล<strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong> มอบเงินช่วยเหลือผู ้ป่วย<br />
เมื่อวันที่ 1 เมษายน <strong>2554</strong> ศ.นพ.ดร.ศุภสิทธิ์ พรรณารุโณทัย คณบดี<br />
คณะแพทยศาสตร์ ประธานมูลนิธิโรงพยาบาล<strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong> มอบ<br />
เงินให้แก่ผู้ป่วยโรคมะเร็ง จํานวน 2 ราย เป็นเงิน 15,000 บาท<br />
ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์<br />
จัดการแสดงดนตรีบําบัด ครั้งที่ 1<br />
เมื่อวันที่ 4 เมษายน <strong>2554</strong><br />
6<br />
MED NU<br />
May 2010
รพ.ม.น. ซ้อมแผนเตรียมรับ<br />
อุบัติภัยหมู่ ประจําปี <strong>2554</strong><br />
เมื ่อวันที ่ 5 เมษายน <strong>2554</strong><br />
โดยหน่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน<br />
ฝ่ายการพยาบาล<br />
University of Health Sciences (UHS) ประเทศ<br />
สาธารณรัฐประชาชนลาว เข้าศึกษาดูงานคณะ<br />
แพทยศาสตร์ ม.น.<br />
เมื ่อวันที ่ 7 เมษายน <strong>2554</strong><br />
โรงพยาบาล<strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong><br />
ร่วมสืบสานประเพณีวันสงกรานต์<br />
จัดสรงน้ําพระเคลื่อนที่ ประจําปี<br />
<strong>2554</strong><br />
เมื ่อวันที<br />
่ 11 เมษายน <strong>2554</strong><br />
MED NU<br />
May 2011 7
หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ รพ.ม.น. ตรวจสุขภาพเด็ก<br />
กว่า 100 คน ที่บ้านร่มพระคุณ จ.พิษณุโลก<br />
เมื่อวันที่ 23 เมษายน <strong>2554</strong><br />
คณะแพทยศาสตร์ <strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong><br />
จัดโครงการค่ายเด็กโรคหืด ครั้งที่ 4<br />
(Asthma Camp)<br />
เมื่อวันที่ 23 เมษายน <strong>2554</strong><br />
“สิทธิการรักษาในวาระสุดท้าย...<br />
เพื่อลมหายใจที่สงบ ณ รพ.ม.น.<br />
เมื่อวันที่ 4 <strong>พฤษภาคม</strong> <strong>2554</strong><br />
นายวรชัย อุตตมชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัด<br />
พิษณุโลก เป็นประธานในพิธีเปิด โครงการ<br />
เสวนาวิชาการเรื่อง “สิทธิการรักษาในวาระ<br />
สุดท้าย... เพื่อลมหายใจที่สงบ<br />
8<br />
MED NU<br />
May 2010
โรงพยาบาล<strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong><br />
จัดโครงการรณรงค์ป้องกันโรคความดันโลหิตสูงและอัมพาตโลก<br />
เมื่อวันที่ 24 เมษายน <strong>2554</strong> ณ เทศบาลตําบลบ้านใหม่ ต.วัดพริก อ.เมือง จ.พิษณุโลก<br />
นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย<br />
ผู้ตรวจราชการกระทรวง<br />
สาธารณสุข พร้อมทีม<br />
ตรวจเยี่ยมชม รพ.สต.วังน้ําคู้<br />
เมื่อวันที่ 27 <strong>พฤษภาคม</strong> <strong>2554</strong><br />
ชมรมรถถีบ คณะแพทยศาสตร์<br />
<strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong> จัดการแข่งขัน<br />
จักรยานแรลลี่ ครั้งที่ 2<br />
เมื่อวันที่ 18 <strong>พฤษภาคม</strong> <strong>2554</strong><br />
MED NU<br />
May 2011 9
MED NU<br />
May 2011 11
12<br />
MED NU<br />
May 2010
บทความ/ภาพ: จามรี อ่อนโฉม<br />
หนึ่งในภาพถ่ายชุด “ในต้นไม้มีกวีธรรม” ที่จัดแสดงในโครงการประชุมวิชาการ “สิทธิการรักษาในวาระสุดท้าย<br />
เพื่อลมหายใจที่สงบ : A living will that allows us to die In peace” เมื่อวันที่ 4 <strong>พฤษภาคม</strong> <strong>2554</strong> ที่คณะแพทยศาสตร์<br />
<strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong>เป็นเจ้าภาพร่วมกับสํานักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ มีผู ้เข้าร่วมกว่า 250 คน เป็นบุคลากรทางการแพทย์<br />
จากโรงพยาบาลในเขต 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง มาร่วมรับฟังรายละเอียดของกฎกระทรวง ตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติ<br />
สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 วิทยากรโดยศาสตราจารย์แสวง บุญเฉลิมวิภาส ผู ้อํานวยการศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์คณะนิติศาสตร์<br />
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายแพทย์ชาตรี เจริญศิริ รองผู ้อํานวยการสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 2 พิษณุโลก เพื ่อให้เข้าใจ<br />
ถึงเจตนารมณ์ของกฎหมาย การนําไปใช้ แนวทางปฏิบัติ การอธิบายความหมายร่วมกัน เรื่องวาระสุดท้ายของชีวิต โดยมี นายแพทย์<br />
รัฐพล แสงรุ้ง รองคณบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพ เป็นผู้ดําเนินรายการ<br />
ผลการประเมินโครงการพบว่าผู้เข้าร่วมประชุมมีความพึงพอใจต่อโครงการครั้งนี้ในระดับมาก ก่อนการเข้ารับฟังการเสวนา<br />
มีความรู้ ความเข้าใจในเนื้อหา อยู่ในระดับปานกลาง หลังการเข้ารับฟังการเสวนา อยู่ในระดับมากและสามารถนําความรู้ที่ได้รับจาก<br />
การเสวนาวิชาการในครั้งนี้ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานหรือการดําเนินชีวิตได้ เท่านี้ก็นับว่าน่าภาคภูมิใจแล้วค่ะ<br />
เรื่องน่าทึ่งที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง คือ แขกรับเชิญ เธอเป็นเด็กวัยรุ่นที่ยินดีเล่าประสบการณ์ที่กําลังประสบอยู่ให้เราฟัง<br />
คุณแม่ของเธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายและกําลังเข้ารับการรักษาอยู่บนชั้น 5 ของโรงพยาบาล เธอบอกว่าที่เธอเข้มแข็งและเข้าใจ<br />
วาระนี้ของชีวิต เป็นเพราะว่าตั้งแต่เด็กจนโต คุณแม่ของเธอมอบธรรมะให้แก่เธอทางอ้อม คุณแม่ไม่ได้สอนตรงๆ แต่อาศัยเปิดวิทยุ<br />
ฟังธรรมและทําบุญสม่ําเสมอ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้อยู่กับเธอโดยไม่รู้ตัว และตอนนี้เธอก็ไม่ได้รู้สึกทุกข์และอยากให้แม่จากไปอย่างสงบ<br />
โดยไม่ต้องยื้อชีวิต<br />
ในขณะขึ้นพูดบนเวทีคุณพ่อและคุณแม่ของเธอก็ได้รับฟังผ่านการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัย<br />
นเรศวร FM 107.25 MHz. นอกจากนี้ยังจัดให้มีการถ่ายทอดสดทาง www.med.nu.ac.th อีกทางหนึ่ง<br />
ถึงแม้คุณแม่ของเธอจะไม่มีหนังสือแสดงเจตนารมณ์ในวาระสุดท้าย แต่ทุกคนรู้ดีว่าคุณแม่ต้องการจากไปอย่างสงบ<br />
ก่อนจากกันเธอบอกว่า “หนูเต็มใจที่จะมาเล่าประสบการณ์ แม้จะเป็นเวลาช่วงสุดท้ายที่หนูควรจะอยู่กับแม่ เพราะสิ่งที่แม่สอนไว้ก็จะ<br />
ได้มาถ่ายทอดให้คนอื่นฟังด้วยแม่ก็ได้เป็นครูอีกครั้ง” ... 2 วันต่อมาคุณแม่ของเธอก็จากไปอย่างสงบโดยปราศจากการยื้อชีวิตใดๆ<br />
หากจะเปรียบว่า หนังสือแสดงเจตนารมณ์ในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือ Living will คือ คําขอสุดท้ายที่เป็นลายลักษณ์<br />
อักษร ก็คงไม่ผิดนัก ยิ่งถ้าเราทําความเข้าใจเจตนาของมาตรา 12 นี้เท่าไหร่ Living will อาจเป็นได้มากกว่าเรื่องว่าวาระสุดท้าย<br />
จะตายอย่างไร<br />
Living will คือเครื่องเตือนใจว่า<br />
“เราจะใช้ชีวิตอย่างไร...<br />
และเมื่อถึงทางแยกไม่ว่าทางไหน<br />
หากเป็นทางที่เลือกเอง ทุกเส้นทางคือ ความ<br />
สบายใจ... เพียงแค่บอกไว้ให้คนอยู่ทําตาม”<br />
MED NU<br />
May 2011 13
เมื่อวันที่ 4-14 <strong>พฤษภาคม</strong> <strong>2554</strong> ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดร.ศุภสิทธิ์ พรรณารุโณทัย คณบดีคณะแพทยศาสตร์ พร้อม<br />
ผู้บริหารคณะ และผู้บริหารของโรงพยาบาลในเครือข่ายผลิตแพทย์ <strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong> ศึกษาดูงานที่ the Northern Ontario School<br />
of Medicine (NOSM) เพื่อศึกษารูปแบบการเป็นโรงเรียนแพทย์ที่เน้นการสอนแบบ Community bases มีการเรียนการสอนและแหล่ง<br />
งานวิจัยกระจายอยู่ตามโรงพยาบาลชุมชน โดยมุ่งหวังที่จะดูแลสุขภาพของประชาชน และเปิดสอนในระดับ Residency Programs<br />
8 สาขา ได้แก่ Community medicine, General surgery, OB – GYN, Anesthesia, Psychiatry, Orthopedics, Pediatrics<br />
โดยภาพรวมที่ Sudbury นี้ มีบริบทหลายอย่างที่คล้าย<strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong> แนวคิดการจัดการและรูปแบบการเรียนการสอน<br />
อาจนํามา ประยุกต์ใช้ในรายวิชาเวชศาสตร์ชุมชนโดยใช้โรงพยาบาลชุมชนเป็นแหล่งศึกษาของนักศึกษาแพทย์ได้ ทั้งนี้ต้องมีระบบ<br />
การสื่อสารที่ดี เพื่อให้นักศึกษาแพทย์สามารถค้นคว้าหาความรู้และสามารถปรึกษาและจัดทํางานส่งให้กับอาจารย์ในมหาวิทยาลัย<br />
หรือศูนย์แพทย์ได้<br />
14<br />
MED NU<br />
May 2010
จากนั้นในวันที่ 9-10 <strong>พฤษภาคม</strong> <strong>2554</strong> เข้าร่วมประชุม<br />
วิชาการ CANADIAN CONFERENCE ON MEDICAL EDUCATION<br />
(CCME) : SCHOLARSHIP IND MEDICAL EDUCATION<br />
ณ เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา เพื ่อแลกเปลี ่ยนประสบการณ์ใน<br />
การศึกษาต่อเนื่องทางการแพทย์ใน ด้านการเรียนรู้ระดับการศึกษา<br />
ปริญญาตรี ปริญญาโท เพื่อพัฒนาทางการแพทย์ ซึ่งเป็นประโยชน์<br />
ต่อผู้บริหารทางการศึกษาด้านแพทยศาสตรศึกษาที่จะได้เข้าร่วม<br />
ประชุมและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิดเห็นในการพัฒนา<br />
แพทยศาสตรศึกษา<br />
ต่อมาในวันที ่ 11 <strong>พฤษภาคม</strong> <strong>2554</strong> ศึกษาดูงานที ่ Calgary<br />
ในระดับ primary care ในสถานดูแล ผู้สูงอายุที่อยู่ในระยะสุดท้าย<br />
ของโรคผู ้สูงอายุที ่ต้องได้รับการดูแลทางกายภาพบําบัดอย่างต่อเนื ่อง<br />
ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โดยมีทีมดูแลหลัก ประกอบด้วย<br />
team health workers มีพยาบาลเป็นหลัก ผู้ช่วยพยาบาล เภสัชกร<br />
ส่วนแพทย์จะมาดูแลเป็นระยะๆ นอกจากนี ้ยังมีตารางการจัดกิจกรรม<br />
ต่างๆ ที่คนในชุมชนมาร่วมทํากิจกรรมกับกับผู้สูงอายุ<br />
ในอนาคตผู้สูงอายุในประเทศไทยและทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น การศึกษาดูงานที่ Calgary ในระดับ primary care นั้น<br />
เป็นแรงบันดาลใจให้หลายท่านอยากนําแนวคิดบางส่วนที่สามารถมาปรับใช้ได้มาเป็นฐานคิดแบบองค์รวมเพื่อก้าวสู่วิสัย<br />
ทัศน์ใหม่ของคณะแพทยศาสตร์ คือ<br />
“เป็นโรงเรียนแพทย์สร้างเสริมสุขภาพชั้นนําระดับประเทศ”<br />
“To be Thailand’s leading medical school<br />
in promoting health for all stages of human life”<br />
MED NU<br />
May 2011 15
บทความ: นสพ.พันภูมิ ชูชัยมังคลา อุปนายก สนพ.มน.
บทความ: เภสัชกรหญิงกนกวรรณ แพรขาว หัวหน้างานพัฒนาคุณภาพการศึกษา<br />
Basic Building Block ของการพัฒนาคุณภาพ ได้แก่ 3P(PDSA)<br />
ทําได้ดี<br />
Purpose<br />
Plan/Design<br />
เราทํางานกันอย่างไร<br />
ทําไมต้องมีเรา<br />
Process<br />
Do<br />
จะทําให้ดีขึ ้นอย่างไร<br />
ทําไปเพื ่ออะไร<br />
Performance<br />
Study/learn<br />
การตามรอยเป็นกระบวนการหนึ่งในการสร้างการรับรู้ และสร้างความเข้าใจจากการนํามาตรฐานสู่การปฏิบัติโดยการเห็นของจริง<br />
จากการปฏิบัติงานจริง โดยลงไปตามรอยดูว่าเราทํางานกันอย่างไร ไปเยี่ยมชมกัน เล่าให้ฟัง ทําให้ดูว่าเราทํากันอย่างไร เราเข้าใจกันอย่างไร<br />
ความสเยงอยู่ตรงไหน เราป้องกันอย่างไร ถ้าเป็นอย่างนั้รจะทําอย่างไร เป็นอย่างนี้จะทําอย่างไร มีการทําจริงหรือไม่ ดูได้จากตรงไหน ถามได้<br />
จากใคร และจําทําอย่างไรให้ทําได้ง่ายขึ้น ในการตามรอยมีการวางแผนการตามรอยโดยใช้หลัก 5P<br />
Purpose เป้าหมายของมาตรฐาน ในการตามรอยนั้นควรเข้าใจเป้าหมายของมาตรฐานที่เราจะตามรอย เช่น เป้าหมายของหน่วยงาน<br />
เป้าหมายของการดูแลผู้ป่วยแต่ละโรค เป้าหมายของมาตรฐาน เป้าหมายขององค์กร<br />
Pathway เส้นทางที่จะตามรอย ควรมีการกําหนดเส้นทางที่จะตามรอยให้ชัดเจนว่าจะตามรอยหน่วยงานไหนหรือสัมภาษณ์ใคร<br />
เส้นทางที่จะตามรอยเป็นอย่างไร<br />
Process-Normal วิธีการทํางานในยามปกติ/การสื่อสาร/ส่งมอบในภาวะปกติมีกระบวนการ/ขั้นตอนการทํางานอย่างไร มีการสื่อสาร<br />
และการส่งมอบระหว่างขั้นตอนอย่างไร<br />
Preparedness การเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ไม่ปกติ เช่นกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเฉพาะ ช่วงเวลาบางช่วง สิ่งแวดล้อมที่ไม่พร้อมหรือ<br />
ไป่เป็นไปตามคาด อุบัติการณ์ที่เคยเกิดขึ้น<br />
Performance-Learning เรียนรู้จากการประเมินและปรับปรุง มีการเรียนรู้จากการประเมินผลหรือใช้ประโยชน์จากข้อมูลเครื่องชี้วัด<br />
ที่ได้จากการวัดผลและนําไปสู่การปรับปรุงกระบวนการอย่างไร<br />
การตามรอยสามารถนําไปใช้กับระดับหน่วยงาน การดูแลผู้ป่วย ระบบงาน และองค์กรได้ โดยมีลักษณะและเป้าหมายของการตาม<br />
รอยแต่ละเรื่องดังนี้<br />
หน่วยงาน<br />
การดูแลผู้ป่วย<br />
ระดับ<br />
ระบบงาน/องค์กร<br />
ลักษณะและเป้าหมายของการตามรอย<br />
ตามรอย 3P ระดับหน่วยงาน ดูการบรรลุเป้าหมายของหน่วยงาน<br />
ตามรอยอุบัติการณ์ ดูความรัดกุมของการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน<br />
ตามรอย SIMPLE ดูการปฏิบัติตาม Evidence-based guideline<br />
ตามรอยทางคลินิก ดูกระบวนการและผลลัพธ์ในภาพรวมของการดูแลผู้ป่วยแต่ละกลุ่ม<br />
ตามรอยผู้ป่วยแต่ละราย ดูคุณภาพ ความปลอดภัยในแต่ละขั้นตอน และการสื่อสารระหว่างขั้นตอน<br />
ตามรอยมาตรฐาน ดูการปฏิบัติตามแนวทางในมาตรฐานและSPA<br />
ตามรอย 3P ระดับองค์กร ดูการบรรลุเป้าหมายในแผนกลยุทธ์<br />
ตามรอยการประเมินตนเอง ยันยันสิ่งที่ตอบในรายงานประเมินตนเอง<br />
20<br />
MED NU<br />
May 2011
MED NU<br />
May 2011 21
บทความ: วสี เลิศขจรสิน หัวหน้างานสนับสนุนบริการสุขภาพ<br />
พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 มาตรา 5 กําหนดให้ บุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับ<br />
บริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพตามที่กําหนดในพระราชบัญญัติ ซึ่งบุคคลในที่นี้หมายถึงบุคคล<br />
ที่มีสัญชาติไทย ดังนั้น ผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า คือ บุคคลที่มีสัญชาติไทย มีเลขประจําตัว<br />
ประชาชน 13 หลัก และไม่มีสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลอื่นใดที่รัฐจัดให้<br />
การเข้ารับบริการกรณีเจ็บป่วยทั่วไป<br />
1. เข้ารับการรักษาพยาบาลที่หน่วยบริการปฐมภูมิ/หน่วยบริการประจํา<br />
ก่อนทุกครั้ง<br />
2. แจ้งความจํานงขอใช้สิทธิพร้อมแสดงหลักฐานประกอบ ได้แก่ บัตร<br />
ประจําตัวประชาชน หรือหลักฐานอื ่นใดที ่ราชการออกให้และมีรูปถ่าย หากเป็นเด็ก<br />
ใช้สูติบัตร (ใบเกิด)<br />
3. หากเกินศักยภาพของหน่วยบริการประจํา จะมีการส่งต่อผู้ป่วยไปยัง<br />
โรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า ตามระบบการส่งต่อผู้ป่วย<br />
การเข้ารับบริการกรณีอุบัติเหตุ/เจ็บป่วยฉุกเฉิน<br />
ผู้มีสิทธิสามารถเข้ารับบริการทางการแพทย์ที่หน่วยบริการอื่นนอกเหนือ<br />
หน่วยประจําครอบครัวได้ไม่จํากัดจํานวนครั้ง<br />
การวินิจฉัยว่า เจ็บป่วยฉุกเฉิน แพทย์จะพิจารณาตามข้อบ่งชี้ ดังนี้<br />
1. โรคหรืออาการของโรคที่มีลักษณะรุนแรงอันอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต<br />
หรืออันตรายต่อผู้อื่น<br />
2. โรคหรืออาการของโรคที่มีลักษณะรุนแรง ต้องรักษาเป็นการเร่งด่วน<br />
3. โรคที่ต้องผ่าตัดด่วน หากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต<br />
4. โรคหรือลักษณะอาการของโรคที่คณะกรรมการกําหนด<br />
ทั้งนี้ แพทย์จะพิจารณาจากความดันโลหิต ชีพจร อาการของโรค การ<br />
วินิจฉัยโรคแนวทางการรักษาและความเร่งด่วนในการรักษาประกอบ<br />
22<br />
MED NU<br />
May 2010 2011
บทความ: ร.อ.หญิง ธารินี ฟังเสนาะ รก.หัวหน้าหอผู้ป่วย 7B<br />
การสูบบุหรี่นอกจากจะเกิดผลร้ายโดยตรงต่อตัวเองแล้ว บางครั้งก็เกิดผลร้ายต่อคนอื่นหรือคนใกล้ชิด<br />
ที่สูดเอาควันบุหรี่ที่คุณกําลังสูบโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเด็กซึ่งมีภูมิคุ้มกันน้อย หากสูดควันบุหรี่เข้าไปมากๆ ก็จะ<br />
เกิดอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ และเป็นการสะสมสารก่อมะเร็งโดยตรง<br />
โรงพยาบาล<strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong> ได้ตระหนักถึงความสําคัญของปัญหาดังกล่าว<br />
โดยเฉพาะในเด็กที่ได้รับผลกระทบจากการสัมผัสกับควันบุหรี่ จึงร่วมกับสถาบันสุขภาพ<br />
เด็กแห่งชาติมหาราชินีเป็นเครือข่ายในการรณรงค์ให้บ้านปลอดบุหรี่ โดยมุ่งเน้นให้<br />
ผู้ปกครองของเด็กที่เข้ามารับบริการที่โรงพยาบาล<strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong>มีความรู้ เข้าใจ<br />
ตระหนักถึงโทษของควันบุหรี่มือสองที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็ก การสนับสนุนให้ลด<br />
/เลิกสูบบุหรี่ รวมไปถึงการรณรงค์ให้บ้านเป็นเขตปลอดบุหรี่ โดยจัดสิ่งแวดล้อมของโรง<br />
พยาบาลที่สื่อถึงประชาชนที่มาใช้บริการในการทําบ้านให้ปลอดบุหรี่ เช่น ป้าย สติ๊กเกอร์<br />
โปสเตอร์ ประชาสัมพันธ์เสียงตามสายของโรงพยาบาล และมีการจัดกิจกรรมสร้างกระแส<br />
บ้านปลอดบุหรี่เป็นระยะๆ ในโอกาสต่างๆ เช่น วันงดสูบบุหรี่ วันเด็ก ร่วมการจัดกิจกรรม<br />
ของโรงพยาบาลที่อาจเกี่ยวข้องเช่นAsthma camp<br />
อีกหนึ่งกิจกรรมคือการประกวดคําขวัญบ้านปลอดบุหรี่ เพื่อกระตุ้นให้<br />
บุคลากรมีความสนใจและตระหนักถึงผลกระทบที่มีต่อเด็ก ซึ่งมีบุคลากรส่งคําขวัญเข้า<br />
ประกวดหลายท่าน คําขวัญที่ได้รับรางวัล ได้แก่<br />
รางวัลที่1 ลูกหลานสุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ห่างไกลควันบุหรี่<br />
น.ส.ยุพิน ดอกไม้ (ผู้แต่ง)<br />
รางวัลที่2. ครอบครัวสดใส ร่วมมือร่วมใจ ต้านภัยบุหรี่<br />
น.ส.สุขุมาล แสงอรุณ (ผู้แต่ง)<br />
รางวัลที่3. บุหรี่มีพิษ หยุดคิดก่อนสูบ เพื่อลูกหลานคุณ<br />
น.ส.นิรินธนา แจ้งเปี่ยม (ผู้แต่ง)<br />
ผลที่คาดว่าจะได้รับ<br />
1. โรงพยาบาลได้แสดงบทบาทของการเป็นศูนย์กลางในการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในบ้าน<br />
2. เกิดวัฒนธรรมใหม่ที่คนไทยไม่สูบบุหรี่ในบ้าน<br />
3. ลดการเจ็บป่วยของเด็กๆ จากการได้รับควันบุหรี่มือสอง และลดอัตราการสูบบุหรี่ของประชาชนทั้ง ผู้ใหญ่และ<br />
เยาวชนในอนาคต<br />
MED NU<br />
May 2011 23