Ship Design - สภาวิศวà¸à¸£
Ship Design - สภาวิศวà¸à¸£
Ship Design - สภาวิศวà¸à¸£
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
สาขา: เครื่องกล วิชา: ME22 <strong>Ship</strong> <strong>Design</strong><br />
ขอที่ : 1<br />
ขอที่ : 2<br />
ขอที่ : 3<br />
ขอที่ : 4<br />
การออกแบบเรือมีขั้นตอนดําเนินการที่เปนการทําซ้ํา (Iteration) ในลักษณะกนหอย (<strong>Design</strong> Sprial) ขั้นตอนใดเริ่มตนกอน<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Conceptual <strong>Design</strong><br />
Preliminary <strong>Design</strong><br />
Detail <strong>Design</strong><br />
Contract <strong>Design</strong><br />
การออกแบบเรือใหมีความเหมาะสมตามความตองการของผูใชเรือ หรือผูวาจางสรางเรือ ผูออกแบบเรือจําเปนตองพิจารณาสิ่งตาง ๆ ที่เกี่ยวของกับความตองการเหลานี้ ยกเวนขอใด<br />
คําตอบ 1 : ความสามารถการทรงตัวของเรือ (Stability)<br />
คําตอบ 2 : ระบบขับเคลื่อนและเครื่องตนกําลังขับ (Propulsion System)<br />
คําตอบ 3 : ระยะหางของโครงสรางตัวเรือ ทางยาวและทางขวางของเรือ (Frame Spacing)<br />
คําตอบ 4 : ขีดความสามารถของการบรรทุก และปริมาตรภายในเรือ (Dead Weight)<br />
การวัดความยาวเรือ (Length) มีการวัดความยาวที่ตําแหนงตาง ๆ ความยาวที่มีคามากที่สุดของเรือ เรียกวา<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Length between Perpendicular (Lpp)<br />
Length at Waterline (LWL)<br />
Length at <strong>Design</strong> Waterline (LDWL)<br />
Length Overall (LOA)<br />
การออกแบบเรือใหมีรูปทรงเหมาะสมตามการใชงาน ซึ่งจะเปนตัวกําหนดขีดความสามารถดานตาง ๆ ของเรือ เชน ความทนทะเล การทรงตัวของเรือ ความตานทานและพลังขับ<br />
เคลื่อน สิ่งที่เปนตัวกําหนดคือ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Hull Form<br />
Hydrostatic Curve<br />
Cross Curve<br />
Stability Curve<br />
ขอที่ : 5<br />
1 of 140
ขอที่ : 6<br />
ขอที่ : 7<br />
ขอที่ : 8<br />
การกําหนดขนาดของเรือใหมีขีดความสามารถตามความตองการของเจาของเรือ จําเปนตองคํานึงถึงสิ่งอํานวยความสะดวกในการดูแล ซอมบํารุง และสิ่งอํานวยความสะดวกตาง ๆ ขอ<br />
ใดไมเกี่ยวของ<br />
คําตอบ 1 : อูตอเรือ และซอมเรือ<br />
คําตอบ 2 : ลักษณะของระวางบรรทุกสินคา<br />
คําตอบ 3 : เครน และขนาดของทาเทียบเรือ<br />
คําตอบ 4 : กําลังของเครื่องยนตขับเคลื่อน<br />
ระยะความสูงของพื้นดาดฟาในแนว Centerline ที่มีความสูงมากกวาความสูงของพื้นดาดฟาบริเวณกราบเรือ เรียกวาอะไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Chamber<br />
Sheer<br />
Tumble Home<br />
Rise of Floor<br />
คา Block Coefficient, CB เปนความสัมพันธ ของคาระวางขับน้ําของเรือ กับความยาว ความกวาง และระดับกินน้ําลึก ซึ่งเรื่อแตละประเภทจะมีคานี้อยูในยานตาง ๆ เรือประเภทใดที่<br />
มีคา Block Coefficient, CB มากที่สุด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Fast Ferry<br />
Oil Carrier<br />
Fishery Boat<br />
Sailing Boat<br />
คา Waterplane Coefficient, CWP เปนคาสัมประสิทธิ์ของพื้นที่แนวน้ําที่ระดับเสนแนวน้ําตาง ๆ ของเรือ ขอใดถูกตองมากที่สุด<br />
คําตอบ 1 : คาสัมประสิทธิ์ของพื้นที่แนวน้ํา ที่เสนแนวน้ําออกแบบจะมีคานอยที่สุด<br />
คําตอบ 2 : คาสัมประสิทธิ์ของพื้นที่แนวน้ํา ที่เสนแนวน้ําออกแบบมีคามากที่สุด<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 3 : คาสัมประสิทธิ์ของพื้นที่แนวน้ํา ที่เสนแนวน้ําออกแบบมีคามากกวาที่เสนแนวน้ําเสนลางสุด<br />
คําตอบ 4 : คาสัมประสิทธิ์ของพื้นที่แนวน้ํา มีคาเปลี่ยนแปลงที่ทุกระดับของเสนแนวน้ํา<br />
ขอที่ : 9<br />
การกําหนดเสนแนวน้ําออกแบบของเรือ ไดจากการคํานวณหาคาน้ําหนักของเรือ เครื่องจักร และอุปกรณทุกชนิดที่ติดตั้งอยางถาวรบนเรือ รวมถึงน้ําหนักของสัมภาระที่บรรทุก ตลอด<br />
จนวัสดุหมดเปลืองที่ตองใชในการปฏิบัติภารกิจในทะเล เรือสินคาจะกําหนดเสนแนวน้ําออกแบบที่ภาระการบรรทุกในลักษณะใด<br />
คําตอบ 1 : ภาระการบรรทุกสินคาเต็มที่ วัสดุหมดเปลือง น้ําและน้ํามันเชื้อเพลิงเต็มที่<br />
2 of 140
คําตอบ 2 : ภาระการบรรทุกเต็มที่ วัสดุหมดเปลือง น้ํา เสบียง และน้ํามันเชื้อเพลิงเพียงพอตอภารกิจของแตละเที่ยวของการขนสงสินคา<br />
คําตอบ 3 : ภาระการบรรทุก วัสดุหมดเปลือง น้ํา เสบียง และน้ํามันเชื้อเพลิงเพียงพอตอภารกิจของแตละเที่ยวของการขนสงสินคา<br />
คําตอบ 4 :<br />
ภาระการบรรทุกเต็มที่ วัสดุหมดเปลือง น้ํา เสบียง และน้ํามันเชื้อเพลิงเพียงครึ่งหนึ่งของปริมาณที่บรรจุไดเพื่อใหเกิดความประหยัด ในการกําหนดขนาดของเครื่อง<br />
ยนตขับเคลื่อน<br />
ขอที่ : 10<br />
ขอที่ : 11<br />
ขอที่ : 12<br />
การกําหนดประเภทของเรือกําหนดจากภารกิจ เรือที่จะไดรับใบรับรองใหเปนเรือโดยสาร (Passenger Certificate) ซึ่งจะตองผานการตรวจรับรองตามกฎสากล จะตองมีผูโดยสารผาน<br />
ในเรือจํานวนมากกวากี่คน<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
90 คน<br />
60 คน<br />
30 คน<br />
12 คน<br />
ระยะความสูงของพื้นดาดฟาในแนว Centerline ที่มีความสูงมากกวาความสูงของพื้นดาดฟาบริเวณกึ่งกลางลํา (Midship) เรียกวาอะไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
คําตอบ 1 : 10.3<br />
คําตอบ 2 : 12.3<br />
คําตอบ 3 : 15.3<br />
คําตอบ 4 : 17.3<br />
Camber<br />
Sheer<br />
Tumble Home<br />
Rise of Floor<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 13<br />
3 of 140
ขอที่ : 14<br />
ขอที่ : 15<br />
ขอที่ : 16<br />
คําตอบ 1 : 0.98<br />
คําตอบ 2 : 1.48<br />
คําตอบ 3 : 1.98<br />
คําตอบ 4 : 2.48<br />
กําหนดให โมเมนตของพื้นที่แนวน้ํารอบแกนกึ่งกลางลํา 420 m3 คา TPC = 5 (น้ําทะเล) จงหา ระยะจุดศูนยกลางการลอยจากกึ่งกลางลํา (LCF) กี่เมตร<br />
คําตอบ 1 : 0.06<br />
คําตอบ 2 : 0.36<br />
คําตอบ 3 : 0.86<br />
คําตอบ 4 : 1.36<br />
คําตอบ 1 : 3.96<br />
คําตอบ 2 : 4.46<br />
คําตอบ 3 : 4.96<br />
คําตอบ 4 : 5.46<br />
ทานคิดวาสิ่งใดนาจะเปนปจจัยหลักในการออกแบบเรือสินคาทั่วไป<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ปจจัยทางเศรษฐศาสตร<br />
ปจจัยดานความเร็ว<br />
ปจจัยดานความสะดวกสบาย<br />
4 of 140
คําตอบ 4 :<br />
ปจจัยดานความปลอดภัย<br />
ขอที่ : 17<br />
เสนแนวน้ําออกแบบ (<strong>Design</strong>ed Water Line) มักกําหนดไวที่ใด<br />
คําตอบ 1 : ระดับกินน้ําลึกเมื่อเรือตัวเปลา<br />
คําตอบ 2 : ระดับกินน้ําลึกเมื่อเรือบรรทุกครึ่งตัว<br />
คําตอบ 3 : ระดับกินน้ําลึกเมื่อเรือบรรทุกเต็มที่<br />
คําตอบ 4 : ใตดาดฟา 3 เมตร<br />
ขอที่ : 18<br />
Center of Buoyancy (B)ของเรือหมายถึงI จุดศูนยถวงปริมาตรใตแนวน้ําII จุดที่แรงลัพธเนื่องจากแรงลอยตัวมีทิศขึ้นในแนวดิ่งกระทําผาน<br />
ขอที่ : 19<br />
ขอที่ : 20<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
I<br />
II<br />
I และ II<br />
ผิดทุกขอ<br />
คําตอบ 1 : เรือบรรทุกน้ํามัน<br />
คําตอบ 2 : เรือยอชท<br />
คําตอบ 3 : เรือหาปลา<br />
คําตอบ 4 : เรือสินคา<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
5 of 140
คําตอบ 1 : 0.6<br />
คําตอบ 2 : 0.7<br />
คําตอบ 3 : 0.8<br />
คําตอบ 4 : 0.9<br />
ขอที่ : 21<br />
ขอที่ : 22<br />
คําตอบ 1 : 0.55<br />
คําตอบ 2 : 0.65<br />
คําตอบ 3 : 0.75<br />
คําตอบ 4 : 0.85<br />
คําตอบ 1 : 0.75<br />
คําตอบ 2 : 0.80<br />
คําตอบ 3 : 0.85<br />
คําตอบ 4 : 0.9<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 23<br />
6 of 140
ขอที่ : 24<br />
ขอที่ : 25<br />
คําตอบ 1 : 0.60<br />
คําตอบ 2 : 0.70<br />
คําตอบ 3 : 0.80<br />
คําตอบ 4 : 0.90<br />
คําตอบ 1 : 0.60<br />
คําตอบ 2 : 0.70<br />
คําตอบ 3 : 0.80<br />
คําตอบ 4 : 0.90<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 :<br />
21,600 ตัน<br />
7 of 140
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
23,400 ตัน<br />
24,300 ตัน<br />
26,100 ตัน<br />
ขอที่ : 26<br />
คําตอบ 1 : 1,224 ตัน<br />
คําตอบ 2 : 1,264.8 ตัน<br />
คําตอบ 3 : 1,989 ตัน<br />
คําตอบ 4 : 2,055.3 ตัน<br />
ขอที่ : 27<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
0.1 เมตร<br />
0.2 เมตร<br />
0.3 เมตร<br />
0.4 เมตร<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 28<br />
8 of 140
คําตอบ 1 : 0.1 เมตร<br />
คําตอบ 2 : 0.2 เมตร<br />
คําตอบ 3 : 0.3 เมตร<br />
คําตอบ 4 : 0.4 เมตร<br />
ขอที่ : 29<br />
คําตอบ 1 : 2,536 ตัน<br />
คําตอบ 2 : 3,536 ตัน<br />
คําตอบ 3 : 3,825 ตัน<br />
คําตอบ 4 : 4,235 ตัน<br />
ขอที่ : 30<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
9 of 140
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
1,233 ตัน<br />
1,453 ตัน<br />
1,533 ตัน<br />
1,643 ตัน<br />
ขอที่ : 31<br />
ขอที่ : 32<br />
ขอที่ : 33<br />
โจทย เรือลําหนึ่งมีคาความยาวของ Half Breadth ตําแหนงตางๆ ดังนี้ L0 เทากับ 0 เมตร L1 เทากับ 12 เมตร L2 เทากับ 20 เมตร L3 เทากับ 25 เมตร L4 เทากับ 30 เมตร L5<br />
เทากับ 30 เมตร L6 เทากับ 30 เมตร L7 เทากับ 30 เมตร L8 เทากับ 30 เมตร L9 เทากับ 30 เมตร L10 เทากับ 20 เมตร โดยมีระยะหางระหวางตําแหนง (Station) เทากับ 4.5<br />
เมตร จงคํานวณหาพื้นที่แนวน้ําของเรือลํานี้<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
1,496 ตารางเมตร<br />
1,596 ตารางเมตร<br />
1,654 ตารางเมตร<br />
1,696 ตารางเมตร<br />
1,800 ตัน<br />
2,000 ตัน<br />
2,300 ตัน<br />
2,500 ตัน<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
10 of 140
ขอที่ : 34<br />
ขอที่ : 35<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
คําตอบ 1 : 83<br />
คําตอบ 2 : 84<br />
คําตอบ 3 : 85<br />
คําตอบ 4 : 86<br />
6 เมตร<br />
7 เมตร<br />
8 เมตร<br />
9 เมตร<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 :<br />
5 เมตร<br />
11 of 140
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
6 เมตร<br />
7 เมตร<br />
8 เมตร<br />
ขอที่ : 36<br />
ขอที่ : 37<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
500 แรงมา<br />
600 แรงมา<br />
700 แรงมา<br />
800 แรงมา<br />
ตามการแบงประเภทของเรือ เรือสินคาทั่วไป (General Cargo <strong>Ship</strong>) มีรูปรางลักษณะจัดอยูในประเภทใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Displacement <strong>Ship</strong><br />
Semi-Displacement <strong>Ship</strong><br />
Planning Hull<br />
Catamaran<br />
ขอที่ : 38<br />
Molded Dimensions หมายถึง<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : ขนาดที่ปรากฏในการจดทะเบียนเรือ<br />
คําตอบ 2 : ขนาดตางๆของเรือซึ่งวัดระหวางขอบดานในของแผนเหล็กหรือไมรวมความหนาของแผนเหล็ก<br />
คําตอบ 3 : ขนาดตางๆของเรือซึ่งวัดระหวางขอบดานนอกของแผนเหล็ก<br />
คําตอบ 4 : ระยะอางอิงที่วัดในทางดิ่งและทางระดับที่ตําแหนงใด ๆ ตลอดความยาวเรือ<br />
ขอที่ : 39<br />
12 of 140
คําตอบ 1 : 8 เมตร<br />
คําตอบ 2 : 9 เมตร<br />
คําตอบ 3 : 10 เมตร<br />
คําตอบ 4 : 11 เมตร<br />
ขอที่ : 40<br />
ขอใดไมถูกตอง เมื่อออกแบบเรือลําเกาใหมีความกวางมากขึ้นโดยความยาวและพื้นที่หนาตัดขวาง(Cross-Sectional Area)ที่กลางลํา(จนถึงดาดฟา)ของเรือยังเทาเดิม<br />
คําตอบ 1 : ความตานทานของเรือเพิ่มขึ้น<br />
คําตอบ 2 : การทรงตัวของเรือเริ่มตน(Initial Stability) เพิ่มขึ้น<br />
คําตอบ 3 : คาใชจายในการสรางเรือเพิ่มขึ้น<br />
คําตอบ 4 : เรือกินน้ําลึกเพิ่มขึ้น<br />
ขอที่ : 41<br />
ขอใดเปนความตองการเบื้องตนที่เจาของเรือจะระบุใหกับบริษัทตอเรือในการวาจางตอเรือ<br />
คําตอบ 1 : ชนิดของเรือ-น้ําหนักบรรทุก-ความเร็ว<br />
คําตอบ 2 : การทรงตัวของเรือ<br />
คําตอบ 3 : ความแข็งแรงของตัวเรือ<br />
คําตอบ 4 : ลายเสนเรือ<br />
ขอที่ : 42<br />
กึ่งกลางลําเรือ (Amidships) อยูที่ใด<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : จุดกึ่งกลางของความยาวเรือทั้งหมด<br />
คําตอบ 2 : จุดกึ่งกลางระหวางเสนตั้งฉากหัว(Forward Perpendicular) และเสนตั้งฉากทาย (After Perpendicular)<br />
คําตอบ 3 : จุดเดียวกับจุด Center of Flotation<br />
คําตอบ 4 : จุดเดียวกับจุด Center of Buoyancy<br />
ขอที่ : 43<br />
จงหาพื้นที่แนวน้ํา(Waterplane Area) ของเรือ ยาว 36 เมตร กวาง 6 เมตร กินนาลึกเต็มที่ 2 เมตร และคาสัมประสิทธิ์พื้นที่แนวน้ํา(Waterplane Coefficient) = 0.8<br />
13 of 140
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
156.2 เมตร<br />
162.4 เมตร<br />
172.8 เมตร<br />
191.6 เมตร<br />
ขอที่ : 44<br />
คําตอบ 1 : 2002.5 ตัน<br />
คําตอบ 2 : 2201.1 ตัน<br />
คําตอบ 3 : 2507.8 ตัน<br />
คําตอบ 4 : 2956.3 ตัน<br />
ขอที่ : 45<br />
ขอที่ : 46<br />
การนําเรือเขาอูควรทราบความยาวใดของเรือ<br />
คําตอบ 1 : LWL (Length on Waterline)<br />
คําตอบ 2 : LBP (Length between Perpendicular)<br />
คําตอบ 3 : LOA (Length Overall)<br />
คําตอบ 4 : DWL (<strong>Design</strong>ed Waterline)<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
จุด C.F. (Center of Flotation) คือจุดเดียวกับขอใด<br />
คําตอบ 1 : จุดศูนยถวงของปริมาตรใตแนวน้ํานั้นๆ<br />
คําตอบ 2 : จุดศูนยถวงของพื้นที่แนวนั้นๆ<br />
คําตอบ 3 : จุดศูนยถวงของน้ําหนักเรือ<br />
คําตอบ 4 : จุดกึ่งกลางของความยาวเรือทั้งหมด<br />
14 of 140
ขอที่ : 47<br />
ขอที่ : 48<br />
ขอที่ : 49<br />
ขอที่ : 50<br />
การออกแบบเรือ มีขั้นตอนการออกแบบในลักษณะการทําซ้ําเปนวงรอบของการดําเนินการ ที่เรียกวา <strong>Design</strong> Spiral โดยทั่วไป ไมวาจะเปนเรือที่ใชทางการคาหรือทางทหาร จะยัง<br />
คงใชขั้นตอนการออกแบบในลักษณะเดียว ในขอใดที่เปนความแตกตางพื้นฐานขั้นตนของการออกแบบ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
วิธีการคํานวณ Trim & Stability<br />
การออกแบบกําหนดการจัดวางโครงสรางตัวเรือ Structure Arrangement<br />
คําตอบ 3 : การกําหนดตําแหนงและระยะหางของผนังกั้นน้ําและฝากั้นตาง ๆ<br />
คําตอบ 4 : รูปทรงตัวเรือ (Hull Form) ที่เปนตัวกําหนดคาความตานทานและพลังขับเคลื่อน<br />
การกําหนดความตองการเรือที่ใชในการพาณิชยโดยทั่วไป ตอการออกแบบจะตองมีการกําหนดความตองการของการใชเรือ (<strong>Design</strong> Requirement) ซึ่งโดยปกติเจาของเรือจะตอง<br />
ทราบถึงขอจํากัดบางอยาง เชน ความยาวเรือที่จะตองมีอูที่สามารถรองรับการซอมทําได ขอใดไมเกี่ยวของ<br />
คําตอบ 1 : การกําหนดมาตรฐานและขอกําหนดที่ใชกับวัสดุและอุปกรณใหเหมาะสมกับการออกแบบ<br />
คําตอบ 2 : การกําหนดขีดความสามารถการบรรทุกและพื้นที่ใชสอย<br />
คําตอบ 3 : การกําหนดขีดความสามารถดานการทรงตัวของเรือ<br />
คําตอบ 4 : การกําหนดเสนทางและทาเรือในการใชเรือ<br />
การออกแบบกําหนดขนาดเรือ ใหมีความเหมาะสมตามความตองการที่กําหนด คาความสัมพันธในขอใดที่ควรนํามาพิจารณาในขั้นตน<br />
คําตอบ 1 : ความสัมพันธระหวาง ความยาว (L) กับ ความกวาง (B)<br />
คําตอบ 2 : ความสัมพันธระหวาง ความยาว (L) กับ ความสูงกราบเรือ (D)<br />
คําตอบ 3 : ความสัมพันธระหวาง ความยาว (L) กับ ระดับกินน้ําลึก (T)<br />
คําตอบ 4 : ความสัมพันธระหวาง ความยาว (L) กับ ระวางขับน้ํา (Δ)<br />
เรือสินคาลําหนึ่งจอดเทียบทาเรือภูเก็ต มีความยาว 105 เมตร กวาง 18 เมตร กินน้ําลึก 6เมตร มีระวางขับน้ําอานคาจาก Hydrostatic Curve ได 9298.80 ตัน คา Block<br />
Coefficient มี่คาเทาไร<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : 0.8<br />
คําตอบ 2 : มากกวา 0.8<br />
คําตอบ 3 : นอยกวา 0.8<br />
คําตอบ 4 : ขอมูลไมเพียงพอ<br />
ขอที่ : 51<br />
15 of 140<br />
เสนโคง Hydrostatic ที่แสดงความสัมพันธของคุณสมบัติดานตาง ๆ ที่สัมพันธกับระดับกินน้ําลึกของเรือ เสนที่มีแนวโนมการเปลี่ยนแปลงคามากบางนอยบาง ขอใดตอไปนี้มีการ
ขอที่ : 52<br />
ขอที่ : 53<br />
ขอที่ : 54<br />
ขอที่ : 55<br />
เปลี่ยนแปลงคอนขางคงที่<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Longitudinal Center of Buoyancy<br />
Longitudinal Center of Flotation<br />
Moment to Change Trim one Centimeter<br />
Ton per one centimeter<br />
คาคุณสมบัติทาง Hydrostatic ของเรือที่เปนคา Ton per one centimeter immersion มีความสัมพันธโดยตรงตอคุณลักษณะของเรือในขอใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Displacement<br />
Length & Breadth<br />
Midship Cross Section<br />
Waterplane Area<br />
การเปรียบเทียบอัตราสวนของ ความยาวเรือ (Length) และความกวางเรือ (Breadth) เรือประเภทใดที่มีอัตราสวนของคาทั้งสองอยูในเกณฑที่มาก<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Sailing Boat & Speed Boat<br />
Fishing Vessel & Passenger Vessel<br />
Bulk Carrier & Frigate<br />
Fishing Vessel & Frigate<br />
เรือลําหนึ่งมีความยาวที่แนวน้ํา 100 เมตร ความกวางมากสุด 15 เมตร Coefficient of fineness of the water-plane = 0.8 จงหาคา Ton Per Centimeter<br />
คําตอบ 1 : 10.3<br />
คําตอบ 2 : 11.3<br />
คําตอบ 3 : 12.3<br />
คําตอบ 4 : 13.3<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : 8100.0<br />
16 of 140
คําตอบ 2 : 8201.5<br />
คําตอบ 3 : 8302.5<br />
คําตอบ 4 : 8403.5<br />
ขอที่ : 56<br />
ขอที่ : 57<br />
ขอที่ : 58<br />
คําตอบ 1 : 180<br />
คําตอบ 2 : 200<br />
คําตอบ 3 : 380<br />
คําตอบ 4 : 450<br />
คําตอบ 1 : 27<br />
คําตอบ 2 : 46<br />
คําตอบ 3 : 75<br />
คําตอบ 4 : 95<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : 590.4<br />
คําตอบ 2 : 1377.6<br />
คําตอบ 3 : 1968.0<br />
คําตอบ 4 : 2558.4<br />
17 of 140
ขอที่ : 59<br />
ขอที่ : 60<br />
ขอที่ : 61<br />
ขอที่ : 62<br />
เรือทรงกลองยาว 24 เมตร กวาง 5 เมตร กินน้ําลึก 2 เมตร ระยะ KG = 1.5 เมตร จงหาระยะ GM กี่เมตร<br />
คําตอบ 1 : 0.50<br />
คําตอบ 2 : 0.54<br />
คําตอบ 3 : 0.56<br />
คําตอบ 4 : 0.58<br />
คําตอบ 1 : 0.984<br />
คําตอบ 2 : 0.964<br />
คําตอบ 3 : 0.944<br />
คําตอบ 4 : 0.924<br />
คําตอบ 1 : 0.714<br />
คําตอบ 2 : 0.734<br />
คําตอบ 3 : 0.754<br />
คําตอบ 4 : 0.774<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : 58.2<br />
คําตอบ 2 : 68.2<br />
คําตอบ 3 : 78.2<br />
18 of 140
คําตอบ 4 : 88.2<br />
ขอที่ : 63<br />
ขอที่ : 64<br />
ขอที่ : 65<br />
คําตอบ 1 : 6.5<br />
คําตอบ 2 : 8.0<br />
คําตอบ 3 : 12.5<br />
คําตอบ 4 : 14.0<br />
เรือทรงกลองยาว 30 เมตร กวาง 3 เมตร ลึก 6 เมตร กินน้ําลึก 1.5 เมตร(น้ําทะเล) ถาหองกลางลําซึ่งยาว 3 เมตร มีน้ําทวมสูง 1.5 เมตร จงหาวาเรือจะจมลงไปอีกกี่ ซม.<br />
คําตอบ 1 : 9<br />
คําตอบ 2 : 10<br />
คําตอบ 3 : 12<br />
คําตอบ 4 : 15<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : A, B, C และ E.<br />
คําตอบ 2 : A, B, D และ E.<br />
คําตอบ 3 : A, B, D และ E.<br />
คําตอบ 4 : A, D และ F.<br />
19 of 140
ขอที่ : 66<br />
คําตอบ 1 : B, C และ E.<br />
คําตอบ 2 : A, B และ C.<br />
คําตอบ 3 : A, D และ C<br />
คําตอบ 4 : C<br />
ขอที่ : 67<br />
คําตอบ 1 : A, B และ C<br />
คําตอบ 2 : A, B และ F<br />
คําตอบ 3 : A และ F<br />
คําตอบ 4 : C, D และ F<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 68<br />
20 of 140
ขอที่ : 69<br />
ขอที่ : 70<br />
ขอที่ : 71<br />
คําตอบ 1 : 0.75<br />
คําตอบ 2 : 0.80<br />
คําตอบ 3 : 0.85<br />
คําตอบ 4 : 0.90<br />
เสนโคง Hydrostatic ที่แสดงความสัมพันธของคุณสมบัติดานตาง ๆ ที่สัมพันธกับระดับกินน้ําลึกของเรือ เสนใดที่มีแนวโนมของการเปลี่ยนแปลงคาเพิ่มขึ้นเสมออยางเห็นไดชัด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Displacement<br />
Moment to change trim one centimeter<br />
Transverse Metacentric Height<br />
Longitudinal of Buoyancy<br />
รูปทรงตัวเรือ เปนตัวกําหนดคาความตานทานของเรือ ที่ตองการเคลื่อนที่ไปขางหนาตามความเร็วที่ตองการในการปฏิบัติภาระกิจของเรือ คาความตานทานของเรือเกิดจากขอใดตอไป<br />
นี้ถูกตองมากที่สุด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Form Resistance and Frictional Resistance<br />
Viscous Pressure Resistance and Frictional Resistance<br />
Wave – making Resistance and Appendage Resistance<br />
Wave – making Resistance and Frictional Resistance<br />
ขั้นตอนการคํานวณคาความตานทานของเรือในขั้นตอนการออกแบบมีวิธีการและสูตรการคํานวณในรูปแบบตาง ๆ เพื่อใหทราบถึงความตองการพลังขับเคลื่อนของเรือ จากนั้นจะมีขั้น<br />
ตอนที่สําคัญเพื่อตรวจสอบความถูกตองในการกําหนดความตองการพลังขับเคลื่อนที่ใกลเคียงความเปนจริง คือการทําการทดสอบแบบจําลองเรือ ซึ่งจะทําใหทราบคาความตานทาน<br />
ของเรือ เรียกวา ขอใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Effective Power, Pe<br />
Delivery Power, Pd<br />
Shaft Power, Ps<br />
Break Power, Pb<br />
21 of 140
ขอที่ : 72<br />
ขอที่ : 73<br />
ขอที่ : 74<br />
การหาคาความตองการพลังขับเคลื่อนของเรือ จะตองทราบคาความตานทานที่เกิดขึ้นกับเรือที่ความเร็วของการออกแบบ และนํามาคํานวณหาเครื่องจักรขับเคลื่อนที่เหมาะสม ขอใด<br />
เปนการคํานวณความตองการตามลําดับที่ถูกตอง<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Delivery Power , Shaft Power, Effective Power, Break Power<br />
Break Power, Shaft Power, Delivery Power , Effective Power<br />
Break Power, Delivery Power , Shaft Power, Effective Power<br />
Shaft Power, Delivery Power , Effective Power, Break Power<br />
ผลการทดสอบแบบจําลองเรือจากสถาบันทดลองเรือจําลอง ไดคาความตานทานของแบบจําลอง โดยแปลงเปนคาความตานทานของเรือจริง (Effective Power) 1800 kw เรือลํานี้<br />
ไดรับการออกแบบใหติดตั้งระบบขับเคลื่อน 2 เครื่องยนต 2 เพลาใบจักร จงหาเครื่องจักรขับเคลื่อนที่มีกําลังเครื่องยนตเหมาะสมในการติดตั้งบนเรือลํานี้<br />
คําตอบ 1 : เครื่องจักรมีกําลังขับไมนอยกวา 1500 Kw<br />
คําตอบ 2 : เครื่องจักรมีกําลังขับไมนอยกวา 1800 Kw<br />
คําตอบ 3 : เครื่องจักรมีกําลังขับไมนอยกวา 3000 Kw<br />
คําตอบ 4 : เครื่องจักรมีกําลังขับไมนอยกวา 6000 Kw<br />
คําตอบ 1 : 17.3<br />
คําตอบ 2 : 18.3<br />
คําตอบ 3 : 19.3<br />
คําตอบ 4 : 20.3<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 75<br />
22 of 140
ขอที่ : 76<br />
ขอที่ : 77<br />
ขอที่ : 78<br />
คําตอบ 1 : 120<br />
คําตอบ 2 : 170<br />
คําตอบ 3 : 220<br />
คําตอบ 4 : 270<br />
เรือลําหนึ่งวัดความตานทานรวมได 578 KN ที่ความเร็ว 14 นอต กําหนดให Propulsive Coefficiency = 0.70 จงหา Brake Horsepower สําหรับเรือลํานี้กี่ KW<br />
คําตอบ 1 : 4946<br />
คําตอบ 2 : 5446<br />
คําตอบ 3 : 5946<br />
คําตอบ 4 : 6446<br />
สวนประกอบความตานทานของเรือในขอใดเปนสวนประกอบหลักหรือมีคามากที่สุดของความตานทานเรือทั้งหมด<br />
คําตอบ 1 : ความตานทานเนื่องจากแรงเสียดทานระหวางน้ํากับตัวเรือ (Frictional Resistance )<br />
คําตอบ 2 : ความตานทานเนื่องจากคลื่นที่เกิดขึ้นเมื่อเรือเคลื่อนที่ในน้ํา (Wave-making Resistance)<br />
คําตอบ 3 : ความตานทานเนื่องจากกระแสน้ําวน(Eddy Current Resistance)<br />
คําตอบ 4 : ความตานทานเนื่องจากอากาศ (Air Resistance)<br />
ถาคํานวณความตานทานทั้งหมดของเรือลําหนึ่งได 20000 นิวตัน ที่ความเร็ว 20 เมตร/วินาที จะตองติดตั้งเครื่องยนตที่มีกําลังมากกวาเทาไรเรือจะสามารถทําความเร็วได 20 เมตร/<br />
วินาที<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
1000 วัตต<br />
4000 วัตต<br />
100000 วัตต<br />
400000 วัตต<br />
ขอที่ : 79<br />
23 of 140<br />
เรือสินคาลําหนึ่งมีเครื่องยนตขนาด 20000 แรงมา หาก Transmission Gear มีประสิทธิภาพ 98% และพบวามีการสูญเสียจากแรงเสียดทานในระบบเพลาใบจักร 3% จงหาวาจะมี
กําลังงานปอนใหกับเพลาใบจักรเทาไร<br />
คําตอบ 1 : 18526 แรงมา<br />
คําตอบ 2 : 18875 แรงมา<br />
คําตอบ 3 : 19012 แรงมา<br />
คําตอบ 4 : 19532 แรงมา<br />
ขอที่ : 80<br />
การลากเรือจําลองเพื่อนําผลที่ไดมาใชหาความตานทานกับเรือจริงไดอยางถูกตอง ความเร็วของการลากเรือจําลองตองสอดคลองกับความเร็วของเรือจริง โดยลากให<br />
คําตอบ 1 : ความเร็วของเรือทั้งสองเทากัน<br />
คําตอบ 2 : Mach Number ของเรือทั้งสองเทากัน<br />
คําตอบ 3 : Froude Number ของเรือทั้งสองเทากัน<br />
คําตอบ 4 : Renolds Number ของเรือทั้งสองเทากัน<br />
ขอที่ : 81<br />
แรงตานทานเนื่องจากแรงเสียดทานหรือความหนืดของน้ําขึ้นอยูกับปริมาณทางฟสิกสในขอใด<br />
คําตอบ 1 : Froude number<br />
คําตอบ 2 : Mach number<br />
คําตอบ 3 : Reynold number<br />
คําตอบ 4 : Charles number<br />
ขอที่ : 82<br />
ในการหาความตานทานของเรือจริง เมื่อลากเรือจําลองดวยความเร็วสอดคลอง (Corresponding Speed) กับความเร็วของเรือจริง ขอใดถูกตอง<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 4 :<br />
24 of 140
ขอที่ : 83<br />
ขอที่ : 84<br />
ขอที่ : 85<br />
ขอที่ : 86<br />
การออกแบบหัวเรือแบบ Bulbous Bow มีวัตถุประสงคเพื่ออะไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
ลดอาการโคลงของเรือ<br />
คําตอบ 2 : ลดความเสียหายเมื่อหัวเรือชนวัตถุที่เปนของแข็ง<br />
คําตอบ 3 : ลดความตานทานของเรือเนื่องจากความหนืดของน้ํา<br />
คําตอบ 4 : ลดความตานทานของเรือเนื่องจากเรือทําใหเกิดคลื่น<br />
พลังงานที่ใชในการลากเรือใหเรือเคลื่อนที่เพื่อเอาชนะความตานทานที่ความเร็วตางๆในน้ํานิ่งเรียกวา<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Shaft Power<br />
Deliver Power<br />
Thrust Power<br />
Effective Power<br />
เรือลําหนึ่งมีคา Hull Efficiency 0.9, Behind Efficiency 0.8 และ Shaft Transmission 0.75 จงหาประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน (Propulsive efficiency)<br />
คําตอบ 1 : 0.72<br />
คําตอบ 2 : 0.675<br />
คําตอบ 3 : 0.6<br />
คําตอบ 4 : 0.54<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
25 of 140
คําตอบ 3 :<br />
ขอที่ : 87<br />
ขอที่ : 88<br />
ขอที่ : 89<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอใดกลาวไมถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : ความเร็วเว็ค (Wake speed) คือความแตกตางระหวางความเร็วเรือกับความเร็วน้ําที่ไหลเขาสูใบจักร (Speed of Advance)<br />
คําตอบ 2 : Thrust Deduction คือความแตกตางระหวางความตานทานเรือกับแรงผลัก (Thrust) ของใบจักร<br />
คําตอบ 3 : แรงผลัก (Thrust) ของใบจักรมีคานอยกวาความตานทานเรือ<br />
คําตอบ 4 : ความเร็วของน้ําที่ไหลเขาสูใบจักร (Speed of Advance) มีคานอยกวาความเร็วเรือ<br />
เสนโคง Hydrostatic ที่แสดงความสัมพันธของคุณสมบัติดานตาง ๆ ที่สัมพันธกับระดับกินน้ําลึกของเรือ เสนที่แสดงคาระวางขับน้ําของเรือ ในน้ําจืดและในน้ําทะเลจะมีลักษณะตาม<br />
ขอใด<br />
คําตอบ 1 : เสนที่แสดงระวางขับน้ําในน้ําทะเลอยูเหนือเสนที่แสดงระวางขับน้ําในน้ําจืด<br />
คําตอบ 2 : เสนที่แสดงระวางขับน้ําในน้ําทะเลอยูใตเสนที่แสดงระวางขับน้ําในน้ําจืด<br />
คําตอบ 3 : เสนที่แสดงระวางขับน้ําในน้ําทะเลและเสนที่แสดงระวางขับน้ําในน้ําจืดทับกัน<br />
คําตอบ 4 : เสนที่แสดงระวางขับน้ําในน้ําทะเลอยูเหนือหรือใตเสนที่แสดงระวางขับน้ําในน้ําจืด ขึ้นอยูกับประเภทของเรือ<br />
ความตานทานรวมที่เกิดขึ้นกับรูปทรงตัวเรือในขณะที่วิ่งอยูในน้ําที่ความความเร็วตาง ๆ มีองคประกอบที่สําคัญของความตานทานอะไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Skin Friction Resistance & Residuary Resistance<br />
Skin Friction Resistance & Rotational Friction Resistance<br />
Added Mass Resistance & Residuary Resistance<br />
Skin Friction & Added Mass Resistance<br />
ขอที่ : 90<br />
26 of 140
ขอที่ : 91<br />
ขอที่ : 92<br />
ขอที่ : 93<br />
ในการออกแบบคํานวณหาคาความตานทานเรือที่เกิดขึ้น เพื่อใชในการกําหนดหาความตองการกําลังของเครื่องจักรขับเคลื่อนเรือที่มีกําลังเหมาะสมที่จะทําใหเรือมีความเร็วตามที่ตอง<br />
การ มีสัมประสิทธิ์ที่สําคัญที่ไมมีหนวยมีสวนประกอบของสมการเปนความเร็ว (V) และความยาว (L)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Froude Number & Hull Efficiency<br />
Froude Number & Reynolds Number<br />
Hull Efficiency & Reynolds Number<br />
Propeller Efficiency & Hull Efficiency<br />
การทดสอบแบบจําลองเรือ โดยใชการยอขนาดของเรือจริงกับเรือจําลองอัตราสวน สิ่งที่ไดรับจากการทดลองเรือ ในลักษณะการทดลอง Bare Hull Resistance คือขอใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Delivery Power & Effective Power<br />
Effective Power & Engine Power<br />
Hull Resistance & Effective Power<br />
Hull Resistance & Engine Power<br />
Quasi-Propulsive Efficiency<br />
Propulsion Efficiency<br />
Power Delivery Efficiency<br />
Transmission Efficiency<br />
การออกแบบระบบขับเคลื่อนของเรือ ในขั้นตอนเริ่มตนจะใชวิธีการคํานวณ เพื่อหาคาความตองการกําลังขับเคลื่อนของเรือที่ความเร็วตาง ๆ ตามที่กําหนด ขอใดเรียงลําดับของความ<br />
ตองการพลังขับเคลื่อนไดอยางถูกตอง<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Effective Power, Delivery Power, Break Power, Shaft Power, Engine Power<br />
Effective Power, Shaft Power, Delivery Power, Break Power, Engine Power<br />
Effective Power, Delivery Power, Break Power, Shaft Power, Engine Power<br />
Effective Power, Delivery Power, Shaft Power, Break Power, Engine Power<br />
ขอที่ : 94<br />
27 of 140<br />
การคํานวณหาความตานทานของเรือ ที่เปนคาความตานทานรวม ในสวนที่เปนคาความตานทานที่เกิดจากตัวเรือ ที่เรียกวา Skin Friction Resistance จําเปนตองหาคา Wetted
ขอที่ : 95<br />
ขอที่ : 96<br />
ขอที่ : 97<br />
Surface (S) หากทานเปนผูออกแบบเรือจะหาคานี้ โดยใชขอมูลที่จะไดจากขอใดตอไปนี้<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Hydrostatic Properties Curve<br />
Bonjean Curve<br />
Cross Curve<br />
Lines Plan<br />
การคํานวณหาคาความตองการพลังขับของเครื่องยนตที่จะใชติดตั้งบนเรือ จากความตองการกําลังขับเคลื่อนที่ทราบจากผลการทดลองแบบจําลอง Model Test ไดคา Effective<br />
Power จะมีคาประสิทธิ์ภาพของระบบขับเคลื่อนที่ผานสวนประกอบตาง ๆ ขอใดเรียงลําดับไดอยางถูกตอง<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
วรรค กอน ลูกน้ํา<br />
การคํานวณหาคาความตองการกําลังขับเคลื่อน Effective Power มีวิธีการคํานวณหลายวิธี ขอใดตอไปนี้ไมใชวิธีการที่ถูกตอง<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Holtrop and Mennen’s Method<br />
Taylor’s Method<br />
ITTC Method<br />
Moor’s Method<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
28 of 140
คําตอบ 1 : Reynolds Number, Froude Number<br />
คําตอบ 2 : Reynolds Number, Length (meter), Speed (m/s)<br />
คําตอบ 3 : Froude Number, Length (meter), Speed (m/s)<br />
คําตอบ 4 : Length (meter), Speed (m/s)<br />
ขอที่ : 98<br />
คําตอบ 1 :<br />
ขอที่ : 99<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
การทดสอบแบบจําลองเรือ Model Test จะไดเสนโคงแสดงคาความสัมพันธจากผลการทดลอง โดยปกติจะเปนการแสดงคาความสัมพันธในลักษณะเชนใด<br />
คําตอบ 1 : เสนแนวนอนแสดงความเร็วเรือ และเสนแนวตั้งแสดงคากําลังของเครื่องยนต<br />
คําตอบ 2 : เสนแนวนอนแสดงคากําลังของเครื่องยนต และเสนแนวตั้งแสดงความเร็วเรือ<br />
คําตอบ 3 : เสนแนวนอนแสดงความเร็วเรือ และเสนแนวตั้งแสดงคาความตานทาน<br />
คําตอบ 4 : เสนแนวนอนแสดงคาความตานทาน และเสนแนวตั้งแสดงความเร็วเรือ<br />
ขอที่ : 100<br />
29 of 140
คําตอบ 1 : 450 HP<br />
คําตอบ 2 : 500 HP<br />
คําตอบ 3 : 550 HP<br />
คําตอบ 4 : 600 HP<br />
ขอที่ : 101<br />
คําตอบ 1 : 100 HP<br />
คําตอบ 2 : 110 HP<br />
คําตอบ 3 : 120 HP<br />
คําตอบ 4 : 130 HP<br />
ขอที่ : 102<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
30 of 140
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 103<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 104<br />
13.70 HP<br />
14.70 HP<br />
15.70 HP<br />
16.70 HP<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
31 of 140
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
120 HP<br />
140 HP<br />
160 HP<br />
180 HP<br />
ขอที่ : 105<br />
คําตอบ 1 : 124 HP<br />
คําตอบ 2 : 134 HP<br />
คําตอบ 3 : 144 HP<br />
คําตอบ 4 : 154 HP<br />
ขอที่ : 106<br />
ขอที่ : 107<br />
คําตอบ 1 : 100 HP<br />
คําตอบ 2 : 120 HP<br />
คําตอบ 3 : 130 HP<br />
คําตอบ 4 : 140 HP<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
32 of 140
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
80 HP<br />
100 HP<br />
120 HP<br />
140 HP<br />
ขอที่ : 108<br />
ขอที่ : 109<br />
ขอที่ : 110<br />
ขอที่ : 111<br />
เรือลําหนึ่งยาว 140 เมตร ความเร็ว 16 นอต จงหาความเร็วสอดคลองของเรือจําลองยาว 5 เมตร กําหนด 1 นอต = 0.5144 m/s<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
คําตอบ 1 : 456<br />
คําตอบ 2 : 496<br />
คําตอบ 3 : 536<br />
คําตอบ 4 : 576<br />
1.55 m/s<br />
1.75 m/s<br />
1.95 m/s<br />
2.15 m/s<br />
เรือลําหนึ่ง ความตานทานรวม 220 KN ถาตองการใหเรือมีความเร็ว 14 นอต จงหาคา Effective Horsepower กี่กิโลวัตต กําหนด 1 นอต = 0.5144 m/s<br />
คําตอบ 1 : 1184<br />
คําตอบ 2 : 1384<br />
คําตอบ 3 : 1584<br />
คําตอบ 4 : 1784<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
33 of 140
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
ขอที่ : 112<br />
ขอที่ : 113<br />
ขอที่ : 114<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ใบจักรเรือใหแรงผลัก 38 KN และมี Advanced Speed 12 นอต จงหา Thrust Power กี่กิโลวัตต กําหนด 1 นอต = 0.5144 m/s<br />
คําตอบ 1 : 159.6<br />
คําตอบ 2 : 184.6<br />
คําตอบ 3 : 209.6<br />
คําตอบ 4 : 234.6<br />
เรือลําหนึ่งระวางขับน้ํา 250 ตัน ความเร็ว 27 นอต เรืออีกลํามีรูปรางเดียวกัน ระวางขับน้ํา 10000 ตัน จงหาความเร็วสอดคลองของเรือลํานี้ กี่นอต<br />
คําตอบ 1 : 49.9<br />
คําตอบ 2 : 53.9<br />
คําตอบ 3 : 57.9<br />
คําตอบ 4 : 61.9<br />
เรือลําหนึ่งยาว 92 เมตร ความเร็ว 15 นอต เรืออีกลํามีรูปรางเดียวกัน ความยาว 107 เมตร จงหาความเร็วสอดคลองของเรือลํานี้กี่นอต<br />
คําตอบ 1 : 13.2<br />
คําตอบ 2 : 16.2<br />
คําตอบ 3 : 19.2<br />
คําตอบ 4 : 22.2<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 115<br />
34 of 140<br />
เรือทรงกลองยาว 3 เมตร กวาง 2 เมตร ลึก 1 เมตร มีน้ําทะเลอยูภายในสูง 0.5 เมตร จงหาวาตองใชกําลังงาน กี่กิโลนิวตันเมตร จึงจะสามารถยกน้ําภายในขึ้นเหนือตัวเรือ
คําตอบ 1 : 18.6<br />
คําตอบ 2 : 20.6<br />
คําตอบ 3 : 22.6<br />
คําตอบ 4 : 24.6<br />
ขอที่ : 116<br />
ขอที่ : 117<br />
ขอที่ : 118<br />
ขอที่ : 119<br />
ใบจักรเรือลําหนึ่งเสนผาศูนยกลาง 0.3 เมตร พิชใบจักร = 1 ความเร็วรอบเพลา 690 รอบตอนาที วัดคาแรงบิดที่เพลา 10 KNm จงหากําลังมาหนาใบจักร (Delivered Power) กี่<br />
กิโลวัตต<br />
คําตอบ 1 : 632.6<br />
คําตอบ 2 : 662.6<br />
คําตอบ 3 : 692.6<br />
คําตอบ 4 : 722.6<br />
เรือลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 65.00 m. B = 9.00 m. กินน้ําลึก = 3.70 m. ระวางขับน้ํา 1,346.70 ตัน เมื่อแลนดวยความเร็ว 12 นอต คํานวณความตานทานทั้งหมดได 48.7 kN<br />
ถาใชใบจักรที่ให Propeller Eff., =0.530Shaft Eff. = 0.908 และมี Hull Eff. = 0.889 เรือลํานี้จะตองใชเครื่องขับเคลื่อนที่มี Brake Power เทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Brake Power = 800 kW<br />
Brake Power = 703 kW<br />
Brake Power = 750 kW<br />
Brake Power = 780 kW<br />
เรือลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 67.00 m. B = 9.00 m. กินน้ําลึก = 3.70 m. ระวางขับน้ํา 1,346.70 ตัน เมื่อแลนดวยความเร็ว 12 นอต มีพื้นที่ผิวเปยก = 774.77 ตร.ม. และคํานวณ<br />
Total Resistance Coefficient, 103.CT = 3.0880 - เรือลํานี้ มี Total Resistance เทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Total Resistance = 46.7 kN<br />
Total Resistance = 48.7 kN<br />
Total Resistance = 50.7 kN<br />
Total Resistance = 56.7 kN<br />
เรือลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 154.00 m. B = 24.60 m. กินน้ําลึก = 9.00 m. ระวางขับน้ํา 21,982.3 ตัน เมื่อแลนดวยความเร็ว 19.00 นอต คํานวณความตานทานทั้งหมดได<br />
766.2 kN ถาใชใบจักรที่ให Propeller Eff., = 0.500 Shaft Eff. = 0.9008 และมี Hull Eff. = 0.889 เรือลํานี้จะตองใชเครื่องขับเคลื่อนที่มี Brake Power เทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Brake Power =17, 876 kW<br />
35 of 140
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Brake Power = 18,687kW<br />
Brake Power = 19,780 kW<br />
Brake Power = 20,760 kW<br />
ขอที่ : 120<br />
ขอที่ : 121<br />
ขอที่ : 122<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Total Resistance = 766.1 kN<br />
Total Resistance = 848.7 kN<br />
Total Resistance = 660.2 kN<br />
Total Resistance = 856.7 kN<br />
เรือลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 62.00 m. B = 11.50 m. กินน้ําลึก = 3.60 m. ระวางขับน้ํา 1,578.60 ตัน เมื่อแลนดวยความเร็ว 11.5 นอต คํานวณความตานทานทั้งหมดได 50.9<br />
kN ถาใชใบจักรที่ให Propeller Eff., = 0.500 Shaft Eff. = 0.9008 และมี Hull Eff. = 0.889 เรือลํานี้จะตองใชเครื่องขับเคลื่อนที่มี Brake Power เทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Brake Power = 800 kW<br />
Brake Power = 752.3 kW<br />
Brake Power = 760 kW<br />
Brake Power = 780 kW<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
Total Resistance = 50.9 kN<br />
Total Resistance = 48.7 kN<br />
36 of 140
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Total Resistance = 60.2 kN<br />
Total Resistance = 56.7 kN<br />
ขอที่ : 123<br />
ขอที่ : 124<br />
ขอที่ : 125<br />
เรือ CRUISE LINER ลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 170.00 m. B = 26.00 m. กินน้ําลึก = 7.00 m. ระวางขับน้ํา 20,325.2 ตัน เมื่อแลนดวยความเร็ว 19.00 นอต คํานวณความตาน<br />
ทานทั้งหมดได 621.3 kN ถาใชใบจักรที่ให Propeller Eff., = 0.5300 Shaft Eff. = 0.9008 และมี Hull Eff. = 0.8890 เรือลํานี้จะตองใชเครื่องขับเคลื่อนที่มี Brake Power<br />
เทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Brake Power =14,800 kW<br />
Brake Power = 14,306 kW<br />
Brake Power = 14,760 kW<br />
Brake Power = 14,780 kW<br />
Total Resistance = 316.2 kN<br />
Total Resistance = 348.7 kN<br />
Total Resistance = 360.2 kN<br />
Total Resistance = 356.7 kN<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : 12181<br />
คําตอบ 2 : 12681<br />
คําตอบ 3 : 13181<br />
37 of 140
คําตอบ 4 : 13681<br />
ขอที่ : 126<br />
ขอที่ : 127<br />
เรือลําหนึ่งมีความยาว 120 เมตร กวาง 15 เมตร ลอยลําในน้ําจืด ระดับกินน้ําลึก 7 เมตร จงหาน้ําหนักสินคากี่ตันที่สามารถ Load ลงเรือได ถาเรือออกสูทะเลแลวยังคงมีระดับกินน้ํา<br />
ลึกเทาเดิม<br />
คําตอบ 1 : 315<br />
คําตอบ 2 : 330<br />
คําตอบ 3 : 380<br />
คําตอบ 4 : 430<br />
เรือลําหนึ่งมีระวางขับน้ํา 1000 ตัน มีจุดศูนยถวง 2 เมตรเหนือกระดูกงู (The Center of Gravity Above The Keel) เมื่อทําการเติมน้ํามันจํานวน 50 ตันซึ่งมีจุดศูนยถวง 1 เมตร<br />
เหนือกระดูกงู จงหาจุดศูนยถวงใหมของเรือซึ่งเหนือกระดูกงู<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
1.75 เมตร<br />
1.85 เมตร<br />
1.95 เมตร<br />
2.15 เมตร<br />
ขอที่ : 128<br />
น้ําหนักของเรือตัวเปลา(Light <strong>Ship</strong>) หมายถึงขอใด<br />
ขอที่ : 129<br />
คําตอบ 1 : เรือที่บรรทุกน้ํา น้ํามัน เสบียง แตยังไมไดบรรทุกสินคา<br />
คําตอบ 2 : เรือที่บรรทุกน้ําและเสบียง แตยังไมไดบรรทุกสินคาและน้ํามัน<br />
คําตอบ 3 : เรือที่บรรทุกเสบียงแตยังไมไดบรรทุกน้ํา น้ํามันและสินคา<br />
คําตอบ 4 : เรือที่ยังไมไดบรรทุกน้ํา น้ํามัน เสบียง และสินคา<br />
เรือลําหนึ่งมีระวางขับน้ํา 1000 ตัน ถาสินคาที่อยูในเรือจํานวน 100 ตัน ถูกเคลื่อนยายไปทางกราบขวาเปนระยะ 4 เมตร จุด G (Center of Gravity) ใหมของเรือจะเลื่อนจากจุด G<br />
เดิมเปนระยะเทาไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
0.363 เมตร ไปทางซาย<br />
0.363 เมตร ไปทางขวา<br />
0.4 เมตร ไปทางซาย<br />
0.4 เมตร ไปทางขวา<br />
38 of 140
ขอที่ : 130<br />
ในการวาจางตอเรือสินคาลําหนึ่ง เจาของเรือไดระบุความตองการวาเรือจะตองแลนได 20 Knots และมีน้ําหนักบรรทุก (Deadweight) 9000 Tons จากฐานขอมูลของเรือตนแบบที่<br />
คลายคลึงกันซึ่งถูกสรางกอนแลว แนะนําใหใชสัมประสิทธิ์น้ําหนักบรรทุก (Dead weight Coefficient) เทากับ 0.715 จงหาระวางขับน้ําเมื่อเรือบรรทุกเต็มที่ของเรือลําดังกลาว<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
6,435 Tons<br />
12,587 Tons<br />
128,700 Tons<br />
251,740 Tons<br />
ขอที่ : 131<br />
Displacement หรือระวางขับน้ําของเรือประกอบดวย<br />
ขอที่ : 132<br />
ขอที่ : 133<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Lightweight + Steel Hull Weight<br />
Deadweight + Steel Hull Weight<br />
Lightweight + Deadweight<br />
Gross Tonnage + Net Tonnage<br />
การคํานวณหาระวางขับน้ําของเรือผูออกแบบเรือจะตองดําเนินการจัดทําขอมูลจํานวนมาก ซึ่งโดยปกติจะใชโปรแกรมตารางคํานวณ (Spread Sheet) ชวยในการทํางาน ขอใดไมถูก<br />
ตอง<br />
คําตอบ 1 : จัดทําตารางการคํานวณน้ําหนักของวัสดุและเครื่องจักรอุปกรณที่ใชติดตั้งบนเรือ โดยจัดทําตามแบบฟอรมที่สรางขึ้นใชงานเอง<br />
คําตอบ 2 : กําหนดตําแหนงของการติดตั้งเครื่องจักร และอุปกรณ ใหใกลเคียงกับการติดตั้งจริง โดยการใชขอมูลตําแหนงจุดศูนยกลางน้ําหนัก (C.G.)<br />
คําตอบ 3 : กําหนดคาตัวเลขของน้ําหนักตัวเรือ และเครื่องจักรอุปกรณ โดยไดจากการคํานวณหรือหาจากแหลงขอมูลที่เชื่อถือได<br />
คําตอบ 4 : ตารางการคํานวณขอมูลน้ําหนักของเรือในการออกแบบ จะตองมีการปรับปรุงขอมูลอยูเสมอตามชวงเวลาที่เหมาะสม<br />
เรือลําหนึ่งมีความยาว 150 เมตร กวาง 20 เมตร ลอยลําในน้ําทะเล เมื่อบรรทุกเต็มที่ มีระดับกินน้ําลึก 8 เมตร และมี CB=0.75 ขณะ Light Displacement มีระดับกินน้ําลึก 3 เมตร<br />
และมี CB=0.65 จงหา <strong>Ship</strong> Deadweight กี่ตัน<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
12,000 ton<br />
12,150 ton<br />
13,000 ton<br />
13,150 ton<br />
ขอที่ : 134<br />
39 of 140<br />
เรือลําหนึ่งมีความยาว 100 เมตร กวาง 20 เมตร ลอยลําในน้ําทะเล เมื่อบรรทุกเต็มที่ มีระดับกินน้ําลึก 6 เมตร และมี CB=0.75 ขณะ Light Displacement มีระดับกินน้ําลึก 3 เมตร
ขอที่ : 135<br />
ขอที่ : 136<br />
ขอที่ : 137<br />
และมี CB=0.65 จงหา <strong>Ship</strong> Deadweight กี่ตัน<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
4,800 ton<br />
4,900 ton<br />
5,000 ton<br />
5,100 ton<br />
เรือกลองลําหนึ่งมีความยาว 120 เมตร กวาง 15 เมตร ลอยลําในน้ําจืด ระดับกินน้ําลึก 6 เมตร จงหาน้ําหนักสินคากี่ตันที่สามารถ Load ลงเรือได ถาเรือออกสูทะเลแลวยังคงมีระดับ<br />
กินน้ําลึกเทาเดิม<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
250 ton<br />
270 ton<br />
300 ton<br />
320 ton<br />
เรือกลองลําหนึ่งมีความยาว 60 เมตร กวาง 15 เมตร ลอยลําในน้ําจืด ระดับกินน้ําลึก 4 เมตร จงหาน้ําหนักสินคากี่ตันที่สามารถ Load ลงเรือได ถาเรือออกสูทะเลแลวยังคงมีระดับกิน<br />
น้ําลึกเทาเดิม<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
60 ton<br />
90 ton<br />
120 ton<br />
150 ton<br />
เรือลําหนึ่งลอยลําในน้ําจืด เมื่อบรรทุกสินคาเพิ่ม 175 ตัน พบวาเมื่อเรือออกสูทะเลระดับกินน้ําลึกเทาเดิม (กอนบรรทุก) จงหาระวางภายหลังการบรรทุก กี่ตัน<br />
คําตอบ 1 : 6995<br />
คําตอบ 2 : 7055<br />
คําตอบ 3 : 7115<br />
คําตอบ 4 : 7175<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 138<br />
เรือลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 65.00 m. B = 9.00 m. T = 3.70 m. Block Coeff. = 0.6070 เรือลํานี้มีระวางขับน้ําเทาใด<br />
คําตอบ 1 : ระวางขับน้ํา 1,634.70 ตัน<br />
คําตอบ 2 : ระวางขับน้ํา 1,436.70 ตัน<br />
40 of 140
คําตอบ 3 : ระวางขับน้ํา 1,764.70 ตัน<br />
คําตอบ 4 : ระวางขับน้ํา 1,346.70 ตัน<br />
ขอที่ : 139<br />
ขอที่ : 140<br />
ขอที่ : 141<br />
ขอที่ : 142<br />
เรือลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 65.00 m. B = 9.00 m. T = 3.70 m. มีระวางขับน้ํา = 1,350.0 ตัน เมื่อบรรทุกเต็มที่ มีรายการน้ําหนักตางๆ ซึ่งมีหนวยเปน “ ตัน ” ดังนี้ F.O =<br />
180.0 , L.O = 4.2 , STORE = 3.1 , F.W = 18.8 , CREW = 1.2 , PROVISIONS = 2.5 , CARGO = 370 ,เรือลํานี้ มี DEADWEIGHT เทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
DEADWEIGHT = 795.8 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 579.8 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 679.8 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 1,350.0 ตัน<br />
เรือลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 154.00 m. B = 24.60 m. T = 9.00 m. Block Coeff. = 0.6290 ลอยอยูในน้ําทะเล ถ.พ. = 1.025 เรือลํานี้มีระวางขับน้ําเทาใด<br />
คําตอบ 1 : ระวางขับน้ํา 1,634.70 ตัน<br />
คําตอบ 2 : ระวางขับน้ํา 1,436.70 ตัน<br />
คําตอบ 3 : ระวางขับน้ํา 1,764.70 ตัน<br />
คําตอบ 4 : ระวางขับน้ํา 21,982.3 ตัน<br />
เรือลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 57.00 m. B = 9.60 m. T = 3.80 m. มีระวางขับน้ํา = 1,445.1 ตัน เมื่อบรรทุกเต็มที่ มีรายการน้ําหนักตางๆ ซึ่งมีหนวยเปน “ ตัน ” ดังนี้ F.O =<br />
100.0 , L.O = 2.8 STORE = 2.80, F.W = 50.0, CREW = 3.0, PROVISIONS = 2.3, CARGO = 800 ,เรือลํานี้ มี DEADWEIGHT เทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
DEADWEIGHT = 795.8 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 960.9 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 879.8 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 1,003.0 ตัน<br />
เรือลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 98.00 m. B = 15.50 m. T = 6.58 m. มีระวางขับน้ํา = 7,030.0 ตัน เมื่อบรรทุกเต็มที่ มีรายการน้ําหนักตางๆ ซึ่งมีหนวยเปน “ ตัน ” ดังนี้ F.O =<br />
396.0, L.O = 8.6 STORE = 3.5, F.W = 20.0, CREW = 1.4, PROVISIONS = 2.1, CARGO = 4,567.4,เรือลํานี้ มี DEADWEIGHT เทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
DEADWEIGHT = 3,795.8 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 4,999.0 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 4,795.8 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 4,356.8 ตัน<br />
41 of 140
ขอที่ : 143<br />
ขอที่ : 144<br />
ขอที่ : 145<br />
ขอที่ : 146<br />
เรือลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 154.0 m. B = 24.60 m. T = 9.00 m. มีระวางขับน้ํา = 21,982.3 ตัน เมื่อบรรทุกเต็มที่ มีรายการน้ําหนักตางๆ ซึ่งมีหนวยเปน “ ตัน ” ดังนี้ F.O =<br />
2,700.0, L.O = 90.1 STORE = 30.3, F.W = 1,094.9, CREW = 12.6, PROVISIONS = 199.7, CARGO = 8,500.0, เรือลํานี้ มี DEADWEIGHT เทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
DEADWEIGHT = 14,999.0 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 13,789.0 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 12,627.6 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 12,345.0 ตัน<br />
เรือลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 54.60 m. B = 11.00 m. T = 3.40 m. Block Coeff. = 0.6069 ลอยอยูในน้ําทะเล ถ.พ. = 1.025 เรือลํานี้มีระวางขับน้ําเทาใด<br />
คําตอบ 1 : ระวางขับน้ํา 1,634.70 ตัน<br />
คําตอบ 2 : ระวางขับน้ํา 1,436.70 ตัน<br />
คําตอบ 3 : ระวางขับน้ํา 1,764.70 ตัน<br />
คําตอบ 4 : ระวางขับน้ํา 1,270.3 ตัน<br />
เรือลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 62.00 m. B = 11.50 m. T = 3.60 m. มีระวางขับน้ํา = 1,578.6 ตัน เมื่อบรรทุกเต็มที่ มีรายการน้ําหนักตางๆ ซึ่งมีหนวยเปน “ ตัน ” ดังนี้ F.O =<br />
145.0 , L.O = 7.63, STORE = 27.39, F.W = 273.91, CREW = 9.6 , PROVISIONS = 19.57, CARGO = 370 ,เรือลํานี้ มี DEADWEIGHT เทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
DEADWEIGHT = 795.8 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 853.1 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 679.8 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 1,003.0 ตัน<br />
เรือ OIL TANKER ลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 125.00 m. B = 20.00 m. T = 8.00 m. มีระวางขับน้ํา = 15,000.0 ตัน เมื่อบรรทุกเต็มที่ มีรายการน้ําหนักตางๆ ซึ่งมีหนวยเปน “<br />
ตัน ” ดังนี้ F.O = 720.0 , L.O = 8.46, STORE = 4.3 , F.W = 64.3 , CREW = 1.4 , PROVISIONS = 6.40 , CARGO = 10,800.0, เรือลํานี้ มี DEADWEIGHT เทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
DEADWEIGHT = 11,795.8 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 11,604.9 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 11,679.8 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 11,350.0 ตัน<br />
ขอที่ : 147<br />
42 of 140
ขอที่ : 148<br />
ขอที่ : 149<br />
ขอที่ : 150<br />
เรือ OIL TANKER ลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 125.00 m. B = 20.00 m. T = 8.00 m. Block Coeff. = 0.7317 ลอยอยูในน้ําทะเล ถ.พ. = 1.025 เรือลํานี้มีระวางขับน้ําเทาใด<br />
คําตอบ 1 : ระวางขับน้ํา 15,634.70 ตัน<br />
คําตอบ 2 : ระวางขับน้ํา 13,436.70 ตัน<br />
คําตอบ 3 : ระวางขับน้ํา 14,764.70 ตัน<br />
คําตอบ 4 : ระวางขับน้ํา 15,000.0 ตัน<br />
เรือ OIL TANKER ลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 125.00 m. B = 20.00 m. T = 8.00 m. มีระวางขับน้ํา = 15,000.0 ตัน เมื่อบรรทุกเต็มที่ มีรายการน้ําหนักตางๆ ซึ่งมีหนวยเปน “<br />
ตัน ” ดังนี้ F.O = 720.0, L.O = 8.46, STORE = 4.30, F.W = 64.30, CREW = 1.40, PROVISIONS = 6.40, CARGO = 10,800.0 ตัน เรือลํานี้ มี DEADWEIGHT<br />
เทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
DEADWEIGHT = 11,795.8 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 11,604.9 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 11,879.8 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 11,003.0 ตัน<br />
เรือ BULK CARRIER ลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 130.00 m. B = 18.00 m. T = 7.50 m. มีระวางขับน้ํา = 147,000.0 ตัน เมื่อบรรทุกเต็มที่ มีรายการน้ําหนักตางๆ ซึ่งมีหนวย<br />
เปน “ ตัน ” ดังนี้ F.O = 520.0, L.O = 11.4 STORE = 3.20, F.W = 64.3, CREW = 1.4, PROVISIONS = 4.80, CARGO = 9,000.0, เรือลํานี้ มี DEADWEIGHT<br />
เทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
DEADWEIGHT = 9,795.8 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 9,605.1 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 9,695.8 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 9,635.8 ตัน<br />
เรือ CONTAINER ลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 130.00 m. B = 22.00 m. T = 7.80 m. มีระวางขับน้ํา = 14,325.4 ตัน เมื่อบรรทุกเต็มที่ มีรายการน้ําหนักตางๆ ซึ่งมีหนวยเปน “<br />
ตัน ” ดังนี้ F.O = 1,500.0, L.O = 39.70, STORE = 2.80, F.W = 55.00, CREW = 1.80, PROVISIONS = 4.10, CARGO = 7,396.7, เรือลํานี้ มี DEADWEIGHT<br />
เทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
DEADWEIGHT = 9,099 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 9,789.0 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 9,000.0 ตัน<br />
DEADWEIGHT = 10,034 ตัน<br />
ขอที่ : 151<br />
43 of 140
ขอที่ : 152<br />
คําตอบ 1 : 19.87<br />
คําตอบ 2 : 29.87<br />
คําตอบ 3 : 39.73<br />
คําตอบ 4 : 49.73<br />
คําตอบ 1 : 35.5<br />
คําตอบ 2 : 46.0<br />
คําตอบ 3 : 67.5<br />
คําตอบ 4 : 68.0<br />
ขอที่ : 153<br />
Body Plan ของเรือเกิดจาก<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : การตัดเรือดวยระนาบที่ขนานกับเสนแนวน้ํา<br />
คําตอบ 2 : การตัดเรือตามแนวหัวทายดวยระนาบในแนวดิ่ง<br />
คําตอบ 3 : การตัดเรือทางขวางดวยระนาบในแนวดิ่ง<br />
คําตอบ 4 : การตัดเรือดวยระนาบเฉียง (Diagonal Plan)<br />
ขอที่ : 154<br />
44 of 140
นอกจากลายเสนเรือแลวยังนิยมแสดงขนาดเรือในลักษณะที่เปนตารางตัวเลขที่เรียกวา<br />
คําตอบ 1 : Table of Offsets<br />
คําตอบ 2 : Hydrostatic Curve<br />
คําตอบ 3 : Data Sheet<br />
คําตอบ 4 : Hydrostatic Table<br />
ขอที่ : 155<br />
ขอที่ : 156<br />
ขอที่ : 157<br />
ขอที่ : 158<br />
เสน Buttock Line ปรากฏบน Sheer หรือ Profile Plan เปน<br />
คําตอบ 1 : เสนตรงในแนวดิ่ง<br />
คําตอบ 2 : เสนโคง<br />
คําตอบ 3 : เสนประ<br />
คําตอบ 4 : เสนตรงในแนวระดับ<br />
ขอใดไมควรที่จะใชเปนแนวทางสําหรับการเขียนลายเสนเรือ (Line Drawing) เบื้องตน<br />
คําตอบ 1 : วางแบบใหอยูในตําแหนงที่สัมพันธกัน<br />
คําตอบ 2 : Sheer Plan ควรหันหัวเรือไปในทิศทางเดียวกับ Half-breadth Plan<br />
คําตอบ 3 : เรือที่มีรูปรางสมมาตรกันเขียนลายเสนแสดงเพียงครึ่งลําก็พอ<br />
คําตอบ 4 : พยายามเขียนคุณลักษณะและลายละเอียดเพิ่มเติมลงไปใหมากที่สุด<br />
บริเวณใดที่มักแบงเรือใหเปน Sub-station<br />
คําตอบ 1 : บริเวณที่ตัวเรือเปลี่ยนแปลงรูปรางเร็วมาก<br />
คําตอบ 2 : สวนที่อยูใตแนวน้ําของเรือ<br />
คําตอบ 3 : บริเวณที่อยูบริเวณกลางลํา<br />
คําตอบ 4 : สวนที่เปน Superstructure<br />
ระยะ Entrance ของรูปทรงตัวเรือ คือ<br />
คําตอบ 1 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ความเอียงของเสนแนวกระดูกงูเทียบกับแนวระดับ<br />
คําตอบ 2 : ความเอียงของเสนแนวกระดูกงูเทียบกับแนวดิ่ง<br />
คําตอบ 3 : ตัวเรือสวนจมใตน้ําที่บริเวณหัวเรือกอนถึงสวนขนานของกึ่งกลางลํา (Parallel Middle Body)<br />
45 of 140
คําตอบ 4 : ตัวเรือสวนจมใตน้ําที่บริเวณทายเรือทางทายสวนขนานของกึ่งกลางลํา (Parallel Middle Body)<br />
ขอที่ : 159<br />
ขอที่ : 160<br />
ขอที่ : 161<br />
ขอที่ : 162<br />
เมื่อมองที่หนาตัดขวางของเรือ ดาดฟาบริเวณกลางลําจะโคงสูงขึ้นจากดานขางเรือเพื่อระบายน้ําบนดาดฟาออกดานขางเรือ เราเรียกรูปรางลักษณะของเรือนี้วา<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Camber<br />
Half Siding<br />
Bilge Radius<br />
Sheer<br />
ขอใดเรียงลําดับคา Block Coefficient (Cb) จากคานอยไปมากไดเหมาะสม<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Sailing Boat, Passenger, Cargo Liner, Bulk Carrier<br />
Passenger, Sailing Boat, Cargo Liner, Bulk Carrier<br />
Sailing Boat, Cargo Liner, Passenger, Bulk Carrier<br />
Sailing Boat, Passenger, Bulk Carrier, Cargo Liner<br />
จากการตรวจสอบคาสัมประสิทธิ์ Block Coefficient (Cb) , และ Midship Coefficient (Cm) ของเรือ สองลําที่เสนอมาใหพิจารณาสามารถสรุปอะไรไดดังตอไปนี้<br />
คําตอบ 1 : เรือที่มีคาสัมประสิทธิ์สูงกวามีขนาดใหญกวา<br />
คําตอบ 2 : เรือที่มีคาสัมประสิทธิ์ Block Coefficient สูงกวามีขนาดใหญกวา<br />
คําตอบ 3 : เรือที่มีคาสัมประสิทธิ์ Midship Coefficient สูงกวามีขนาดใหญกวา<br />
คําตอบ 4 : ไมสามรถเปรีบเทียบขนาดของเรือได<br />
ลักษณะของรูปทรงตัวเรือสวนทายของเรือยนตความเร็วสูง จะมีลักษณะเปนไปตามขอใด<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : มีลักษณะโคงมนทายตัด และมีความกวางเทากับบริเวณกลางลํา เพื่อชวยการทรงตัว และลดแรงกระแทก<br />
คําตอบ 2 : มีลักษณะแบนทายตัดมีมุมยก Deadrise เล็กนอย และมีความกวางเทา หรือมากกวาบริเวณกลางลํา เพื่อการยกตัวขณะวิ่งดวยความเร็ว<br />
คําตอบ 3 : มีลักษณะโคงมนทายมน และมีความกวางนอยกวาบริเวณการลํา เพื่อชวยลดความตานทานที่เกิดจากกระแสน้ําปนปวน (Turbulence)<br />
คําตอบ 4 : มีลักษณะแบนทายมน และมีความกวางเทาหรือมากกวาบริเวณทายเรือ เพื่อการทรงตัวที่ดีในการหันเลี้ยว<br />
ขอที่ : 163<br />
การออกแบบรูปทรงตัวเรือบริเวณทายเรือ หรือติดตั้งชิ้นงานเสริมที่สวนทายเรือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของพลังขับเคลื่อนใหดีขึ้น ในขอใดมิใชการดําเนินการที่ถูกตอง<br />
46 of 140
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Stern Wedge<br />
Stern Plate<br />
Bulbous Bow<br />
Tunnel Form<br />
ขอที่ : 164<br />
ขอที่ : 165<br />
ขอที่ : 166<br />
ขอที่ : 167<br />
รูปทรงตัวเรือของเรือโดยสารที่มีลักษณะหัวแหลมทายตัด ที่มีใชกันอยูทั่วไป เชน เรือหางยาว และเรือดวนเจาพระยา จะมีคุณสมบัติอยางไรดังตอไปนี้<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
จุดศูนยกลางการลอย (LCB) คอนไปทางทายเรือ และคา Residuary Resistance มีคามาก<br />
จุดศูนยกลางการลอย (LCB) คอนไปทางทายเรือ และคา Residuary Resistance มีคานอย<br />
จุดศูนยกลางการลอย (LCB) คอนไปทางหัวเรือ และคา Residuary Resistance มีคามาก<br />
จุดศูนยกลางการลอย (LCB) คอนไปทางทายเรือ และคา Residuary Resistance มีคานอย<br />
รูปทรงตัวเรือที่มีลักษณะหัวแหลมทายมน จะมีคุณสมบัติที่เหมาะสมดังตอไปนี้<br />
คําตอบ 1 : ใชสําหรับเรือบรรทุกสินคา เนื่องจากสามารถประหยัดพลังงานไดดี<br />
คําตอบ 2 : ใชสําหรับเรือยาว เนื่องจากสามารถลดความตานทานไดมาก<br />
คําตอบ 3 : ใชสําหรับเรือยนตความเร็วสูง เนื่องจากมีความตานทานนอย ใชเครื่องจักรขนาดเล็กได<br />
คําตอบ 4 : ใชสําหรับเรือลากจูง เนื่องจากสามารถมีความตานทานนอย ลากจูงไดดี<br />
เราสามารถคํานวณระวางขับน้ําของเรือไดโดยใชขอมูลจาก<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Body Plan<br />
Sheer Plan<br />
Half Breadth Plan<br />
Table of Offset<br />
เรือลําหนึ่งมีคา Thrust Deduction Fraction 0.085 และ Froude Wake Fraction 0.105 จงหาประสิทธิภาพตัวเรือ<br />
คําตอบ 1 : 1.00<br />
คําตอบ 2 : 1.02<br />
คําตอบ 3 : 1.04<br />
คําตอบ 4 : 1.06<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
47 of 140
ขอที่ : 168<br />
ขอที่ : 169<br />
ขอที่ : 170<br />
เรือลําหนึ่งมีคา Thrust Deduction Fraction 0.012 และ Froude Wake Fraction 0.110 จงหาประสิทธิภาพตัวเรือ<br />
คําตอบ 1 : 1.11<br />
คําตอบ 2 : 1.21<br />
คําตอบ 3 : 1.31<br />
คําตอบ 4 : 1.41<br />
สิ่งใดตอไปนี้ที่แสดงถึงความเพรียวของรูปทรงตัวเรือ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
0.83, 2,220 ตัน<br />
0.83, 2,050 ตัน<br />
0.85, 2,225 ตัน<br />
0.85, 2,275.5 ตัน<br />
48 of 140
ขอที่ : 171<br />
ขอที่ : 172<br />
ขอที่ : 173<br />
เรือลําหนึ่งยาว 30 เมตร กวาง 15 เมตร เมื่อกินน้ําลึก 6 เมตร จะมีปริมาตรตัวเรือใตแนวน้ําเทากับ 2,200 ลบ.ม. จงคํานวณหาคา CB และ ระวางขับน้ําของเรือลํานี้เมื่อลอยอยูในน้ํา<br />
ทะเลที่ระดับกินน้ําลึกเทากับ 6 เมตร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
0.81, 2,200 ตัน<br />
0.81, 2,225 ตัน<br />
0.82, 2,700 ตัน<br />
0.8, 2,725 ตัน<br />
เรือลําหนึ่งยาว 40 เมตร กวาง 15 เมตร เมื่อกินน้ําลึก 4 เมตร จะมีปริมาตรตัวเรือใตแนวน้ําเทากับ 2,200 ลบ.ม. จงคํานวณหาคา CB และ ระวางขับน้ําของเรือลํานี้เมื่อลอยอยูในน้ํา<br />
ทะเลที่ระดับกินน้ําลึกเทากับ 4 เมตร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
คําตอบ 1 : 24.90<br />
คําตอบ 2 : 25.43<br />
คําตอบ 3 : 34.30<br />
คําตอบ 4 : 34.83<br />
0.82, 2,200 ตัน<br />
0.82, 2,255 ตัน<br />
0.92, 2,200 ตัน<br />
0.92, 2,255 ตัน<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 174<br />
49 of 140
คําตอบ 1 : 9286.7<br />
คําตอบ 2 : 18900.0<br />
คําตอบ 3 : 21262.5<br />
คําตอบ 4 : 23706.7<br />
ขอที่ : 175<br />
Buttock เปนอีกชื่อหนึ่งของ Line Plan ใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Body Plan<br />
Half-Breadth Plan<br />
Sheer Plan<br />
Section Plan<br />
ขอที่ : 176<br />
Bonjean Curves คือเสนโคงที่เกิดจากความสัมพันธใด<br />
คําตอบ 1 : พื้นที่แนวน้ํากับระดับแนวน้ํา<br />
คําตอบ 2 : พื้นที่หนาตัดขวางกับระดับแนวน้ํา<br />
คําตอบ 3 : ปริมาตรเรือกับระดับแนวน้ํา<br />
คําตอบ 4 : พื้นที่ผิวเปยกกับระดับแนวน้ํา<br />
ขอที่ : 177<br />
Floodable Length Curve คือเสนโคงที่เกิดจากการวัดระยะในขอใด<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : ความกวางสูงสุดของฝากั้น<br />
คําตอบ 2 : ความสูงมากสุดของฝากั้น<br />
คําตอบ 3 : พื้นที่ของฝากั้นแตละหอง<br />
คําตอบ 4 : ระยะหางระหวางฝากั้นแตละหอง<br />
50 of 140<br />
ขอที่ : 178
ขอที่ : 179<br />
ขอที่ : 180<br />
ขอที่ : 181<br />
โจทย เรือสินคาทั้งหมดที่มีความยาวตั้งแต 24 เมตร ขึ้นไปจะตองมีระยะ FREEBOARD (FB) โดยคํานวณตามแตชนิดของเรือซึ่งแบงออกเปนชนิดตางๆ ดังนี้ : (1) Type A , (2)<br />
Type B(3) Type B-60 and B-100, (4) Timber, (5) Dredger เรือ Type A เปนเรือชนิดใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
เรือ Container<br />
เรือ Bulk Carrier<br />
คําตอบ 3 : เรือ ที่ออกแบบมาเพื่อบรรทุกสินคาเหลวอยางเดียว โดยไมไดบรรจุหีบหอ ซึ่งชองเปดถังมีขนาดเล็ก และฝาปดมีปะเกนผนึกน้ํา<br />
คําตอบ 4 : เรือ General Cargo<br />
เรือสินคาทั้งหมดที่มีความยาวตั้งแต 24 เมตร ขึ้นไปจะตองมีระยะ FREEBOARD (FB) โดยคํานวณตามแตชนิดของเรือซึ่งแบงออกเปนชนิดตางๆ ดังนี้ : (1) Type A , (2) Type<br />
B(3) Type B-60 and B-100, (4) Timber, (5) Dredger. เรือ Type B เปนเรือชนิดใด<br />
คําตอบ 1 : เรือ General Cargo<br />
คําตอบ 2 : เรือ Bulk Carrier<br />
คําตอบ 3 : เรือ Container<br />
คําตอบ 4 : เรือทั้งหมด ที่ไมจัดเขาอยูในเรือ Type A<br />
เรือลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 65.00 m. B = 9.00 m. T = 3.70 m. Midship Coeff. = 0.9600 เรือลํานี้มีพื้นที่หนาตัดกลางลํา ที่อยูใตแนวน้ําเทาใด<br />
คําตอบ 1 : พื้นที่หนาตัดกลางลํา = 35.97 ตร.ม.<br />
คําตอบ 2 : พื้นที่หนาตัดกลางลํา = 33.97 ตร.ม.<br />
คําตอบ 3 : พื้นที่หนาตัดกลางลํา = 31.97 ตร.ม.<br />
คําตอบ 4 : พื้นที่หนาตัดกลางลํา = 30.97 ตร.ม.<br />
เรือลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 154.00 m. B = 24.60 m. T = 9.00 m. Midship Coeff. = 0.9500 เรือลํานี้มีพื้นที่หนาตัดกลางลํา ที่อยูใตแนวน้ําเทาใด<br />
คําตอบ 1 : พื้นที่หนาตัดกลางลํา = 135.97 ตร.ม.<br />
คําตอบ 2 : พื้นที่หนาตัดกลางลํา = 233.97 ตร.ม.<br />
คําตอบ 3 : พื้นที่หนาตัดกลางลํา = 210.33 ตร.ม.<br />
คําตอบ 4 : พื้นที่หนาตัดกลางลํา = 338.97 ตร.ม.<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 182<br />
เรือลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 54.60 m. B = 11.00 m. T = 3.60 m. Midship Coeff. = 0.9614 เรือลํานี้มีพื้นที่หนาตัดกลางลํา ที่อยูใตแนวน้ําเทาใด<br />
คําตอบ 1 : พื้นที่หนาตัดกลางลํา = 35.97 ตร.ม.<br />
คําตอบ 2 : พื้นที่หนาตัดกลางลํา = 33.97 ตร.ม.<br />
51 of 140
คําตอบ 3 : พื้นที่หนาตัดกลางลํา = 38.07 ตร.ม.<br />
คําตอบ 4 : พื้นที่หนาตัดกลางลํา = 38.97 ตร.ม.<br />
ขอที่ : 183<br />
ขอที่ : 184<br />
ขอที่ : 185<br />
ขอที่ : 186<br />
เรือ CONTAINER ลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 130.00 m. B = 22.00 m. T = 7.80 m. Midship Coeff. = 0.9355 เรือลํานี้มีพื้นที่หนาตัดกลางลํา ที่อยูใตแนวน้ําเทาใด<br />
คําตอบ 1 : พื้นที่หนาตัดกลางลํา = 135.97 ตร.ม.<br />
คําตอบ 2 : พื้นที่หนาตัดกลางลํา = 233.97 ตร.ม.<br />
คําตอบ 3 : พื้นที่หนาตัดกลางลํา = 160.53 ตร.ม.<br />
คําตอบ 4 : พื้นที่หนาตัดกลางลํา = 138.97 ตร.ม.<br />
จากการทดลองใบจักรจําลองแบบหนึ่ง ที่ความเร็วรอบ 720 RPM โดยมี Speed of Advance = 6 knot วัดคา แรงผลัก 180 N และ แรงบิด 10 Nm จงหาเปอรเซ็นตประสิทธิภาพ<br />
ใบจักร<br />
คําตอบ 1 : 62 %<br />
คําตอบ 2 : 66 %<br />
คําตอบ 3 : 70 %<br />
คําตอบ 4 : 74 %<br />
เรือลําหนึ่งมีคา Thrust Deduction Fraction 0.09 และ Froude Wake Fraction 0.107 จงหาเปอรเซ็นตประสิทธิภาพตัวเรือ<br />
คําตอบ 1 : 70.7 %<br />
คําตอบ 2 : 80.7 %<br />
คําตอบ 3 : 90.7 %<br />
คําตอบ 4 : 100.7 %<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
52 of 140
คําตอบ 1 : 0.019<br />
คําตอบ 2 : 0.039<br />
คําตอบ 3 : 0.089<br />
คําตอบ 4 : 0.139<br />
ขอที่ : 187<br />
ขอที่ : 188<br />
ขอที่ : 189<br />
ขอที่ : 190<br />
เมื่อมองตามแกนเพลาใบจักร ปลายใบจักรจะไมอยูในแนวเดียวกับเสนตรงที่ลากมาจากจุดศูนยกลางของดุมใบจักรขึ้นไปในแนวดิ่ง แตจะเยื้องออกจากแนวเสนดังกลาวไปในทิศทาง<br />
ตรงขามกับทิศทางการหมุนของใบจักร ระยะที่ปกใบจักรเลื่อนออกจากเสนดังกลาวเรียกวา Skew การออกแบบใบจักรใหมีลักษณะดังกลาวมีวัตถุประสงคเพื่ออะไร<br />
คําตอบ 1 : เพิ่มแรงผลักของใบจักร<br />
คําตอบ 2 : ลดการสั่นสะเทือน<br />
คําตอบ 3 : ลดการเกิดโพรงอากาศ<br />
คําตอบ 4 : ลดอาการโคลงของเรือ<br />
พิทช (Pitch) ของใบจักรหมายถึง<br />
คําตอบ 1 : ระยะที่ใบจักรเคลื่อนที่ไปขางหนา เมื่อใบจักรหมุนครบหนึ่งรอบและไมมีการเลื่อนไถล (slip)<br />
คําตอบ 2 : มุมของใบจักร<br />
คําตอบ 3 : ระยะที่ปลายปกใบจักรเอียงไปขางหลัง<br />
คําตอบ 4 : ระยะที่ปลายปกใบจักรเอียงไปดานขาง<br />
การแบงทิศการหมุนของใบจักรมี 2 แบบ คือ หมุนขวา และหมุนซาย ขอใดถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : มองจากทายไปหัวเรือใบจักรหมุนขวาจะหมุนทวนเข็ม เมื่อเรือเดินหนา<br />
คําตอบ 2 : มองจากหัวไปทายเรือใบจักรหมุนขวาจะหมุนตามเข็ม เมื่อเรือเดินหนา<br />
คําตอบ 3 : มองจากหัวไปทายเรือใบจักรหมุนซายจะตามทวนเข็ม เมื่อเรือเดินหนา<br />
คําตอบ 4 : มองจากทายเรือไปหัวเรือใบจักรหมุนซายจะหมุนทวนเข็ม เมื่อเรือถอยหลัง<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขณะใบจักรเคลื่อนที่ผานน้ํา ความดันบนผิวดานหนาปกใบจักร(ดานที่มองมาจากทายเรือ) กับความดันบนผิวดานหลังปกใบจักร (ดานที่มองมาจากหัวเรือ) เปนอยางไรเมื่อเทียบกับ<br />
ความดันของน้ํารอบๆใบจักร<br />
คําตอบ 1 : เพิ่มขึ้น – เพิ่มขึ้น<br />
คําตอบ 2 : ลดลง – ลดลง<br />
คําตอบ 3 : เพิ่มขึ้น – ลดลง<br />
53 of 140
คําตอบ 4 : ลดลง - เพิ่มขึ้น<br />
ขอที่ : 191<br />
ขอที่ : 192<br />
ขอที่ : 193<br />
ขอที่ : 194<br />
การเกิด Cavitation หรือการเกิดโพรงอากาศกับใบจักรมาจากสาเหตุใด<br />
คําตอบ 1 : ใบจักรหมุนเร็วมากจนกระทั่งน้ํารอนเดือดเปนไอ<br />
คําตอบ 2 : ความดันดานหลังใบจักร(ดานที่มองมาจากทายเรือ)ลดต่ํากวาความดันไอของน้ํา<br />
คําตอบ 3 : ความดันดานหนาใบจักร(ดานที่มองมาจากทายเรือ)ลดต่ํากวาความดันไอของน้ํา<br />
คําตอบ 4 : ความดันดานหนาใบจักร(ดานที่มองมาจากทายเรือ)สูงกวาความดันไอ<br />
เรือลําหนึ่งที่ความเร็วรอบเพลาใบจักร 100 รอบตอนาที มี Shaft Power 5000 กิโลวัตต Delivered Power 4750 กิโลวัตต และ Thrust Power 3168 กิโลวัตต จงหาประสิทธิภาพ<br />
ของใบจักร<br />
คําตอบ 1 : 59.8<br />
คําตอบ 2 : 66.7<br />
คําตอบ 3 : 75.2<br />
คําตอบ 4 : 81.5<br />
การออกแบบใบจักรเรือ เพื่อหาคา แรงผลัก (Thrust) และ แรงบิด (Torque) โดยการนําคาคุณสมบัติของใบจักรตอไปนี้มาใชในการคํานวณ ยกเวนคุณสมบัติในขอใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Propeller Diameter, D<br />
Rate of Revolution, N<br />
Propeller Pitch, P<br />
การเลือกใบจักรใหมีคุณสมบัติเหมาะสมกับเครื่องตนกําลังขับจะใช Thrust, Torque and Efficiency Curve ซึ่งแกนนอนเปนคาของอะไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
Advance Coefficient, J<br />
54 of 140
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 195<br />
ขอที่ : 196<br />
ขอที่ : 197<br />
ขอที่ : 198<br />
ใบจักร ประเภท Screw Propeller มีคุณลักษณะเฉพาะในการใชงาน โดยการหมุนรอบแกน ปกของใบจักรจะเปนตัวผลักน้ํา ทําใหเกิดระยะทางหนาในลักษณะเปนเกลียว ขอใดตอไป<br />
นี้ที่ไมไดกลาวถึงคุณสมบัติของใบจักรประเภทนี้<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Disc Area<br />
Trailing Edge<br />
Leading Edge<br />
Diameter<br />
ในขณะใชงานใบจักรประเภท Screw Propeller เมื่อใบจักรหมุนจะทําใหเกิดแรงผลักน้ําทําใหเรือเคลื่อนที่ไปขางหนา ทําใหกําลังดันที่เกิดขึ้นที่ผิวหนาของใบจักรมีลักษณะเชนใด<br />
คําตอบ 1 : เกิดกําลังดันสูงที่ผิวใบจักรดานหนา และกําลังดันต่ําดานทายเรือที่อาจทําใหเกิด Cavitation<br />
คําตอบ 2 : เกิดกําลังดันสูงที่ผิวใบจักรดานทายเรือที่อาจทําใหเกิด Cavitation และกําลังดันต่ําดานหนา<br />
คําตอบ 3 : เกิดกําลังดันสูงที่ผิวใบจักรดานหนา และกําลังดันต่ําดานทายเรือที่อาจทําใหเกิด Cavitation<br />
คําตอบ 4 : เกิดกําลังดันสูงที่ผิวใบจักรดานทายเรือที่อาจทําใหเกิด Cavitation และกําลังดันต่ําดานหนา<br />
อุปกรณขับเคลื่อนเรือ (Propulsor) มีรูปแบบตาง ๆ ผูออกแบบเรือจะตองเลือกใช หรือแนะนําใหเจาของเรือเลือกใชอยางเหมาะสม อุปกรณในขอใดตอไปนี้ที่มีการจัดเรียงปกใบจักร<br />
ในลักษณะวางตัวในแนวตั้ง<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Voith Schneider<br />
Steerable Thruster<br />
Contra Rotating<br />
Paddle Wheel<br />
อุปกรณขับเคลื่อนเรือ (Propulsor) มีรูปแบบตาง ๆ ผูออกแบบเรือจะตองเลือกใช หรือแนะนําใหเจาของเรือเลือกใชอยางเหมาะสม อุปกรณในขอใด มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะนํามา<br />
ใชกับเรือลากจูง<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Controllable Pitch, Steerable Thruster<br />
Voith Schneider, Steerable Thruster<br />
Voith Schneider, Controllable Pitch<br />
Paddle Wheel, Highly Skewed<br />
55 of 140
ขอที่ : 199<br />
ขอที่ : 200<br />
ขอที่ : 201<br />
ขอที่ : 202<br />
จากการทดลองใบจักรจําลองแบบหนึ่ง ที่ความเร็วรอบ 720 RPM โดยมี Speed of Advance = 20 เมตร/วินาที วัดคา แรงผลัก 70 N และ แรงบิด 20 Nm จงหาเปอรเซ็นต<br />
ประสิทธิภาพใบจักร<br />
คําตอบ 1 : 91 %<br />
คําตอบ 2 : 93 %<br />
คําตอบ 3 : 95 %<br />
คําตอบ 4 : 97 %<br />
คําตอบ 1 : 24<br />
คําตอบ 2 : 28<br />
คําตอบ 3 : 32<br />
คําตอบ 4 : 36<br />
เรือ Hydrofoil ลําหนึ่งมี ถูกออกแบบใหแลนที่ความเร็ว 40 knot จงเลือกรูปแบบของระบบขับเคลื่อนที่เหมาะสมของเรือลํานี้<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Gas Turbine with Waterjet<br />
Gas Turbine with Propeller<br />
Diesel Engine with Waterjet<br />
Diesel Engine with Propeller<br />
ในการทดลองใบจักรขนาดเสนผานศูนยกลาง 1 เมตร วัดคาแรงผลักไดเทากับ 150 N หากนําผลที่ไดไปใชกับใบจักรเรือแบบเดียวกันที่มีขนาดเสนผานศูนยกลาง 3 เมตร จะทําให<br />
เกิดแรงผลักที่ใบจักรขนาดเทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
450 N<br />
1,350 N<br />
56 of 140
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
4,050 N<br />
12,150 N<br />
ขอที่ : 203<br />
ขอที่ : 204<br />
ขอที่ : 205<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
22.5 เมตร/วินาที<br />
23.5 เมตร/วินาที<br />
24.5 เมตร/วินาที<br />
25.5 เมตร/วินาที<br />
22.5 เมตร/วินาที<br />
23.5 เมตร/วินาที<br />
24.5 เมตร/วินาที<br />
25.5 เมตร/วินาที<br />
แบบจําลองใบจักรอันหนึ่งมีเสนผานศูนยกลาง 2.0 เมตร เมื่อตองการใหเกิดประสิทธิภาพสูงสุด จะตองทําการหมุนดวยแรงบิดเทากับ 120 N-m หากนําใบจักรแบบเดียวกันนี้แตมี<br />
ขนาดเสนผานศูนยกลาง 4 เมตร ระบบขับเคลื่อนเรือตองสามารถสงแรงบิดใหกับใบจักรเทากับเทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
240 N-m<br />
480 N-m<br />
960 N-m<br />
57 of 140
คําตอบ 4 :<br />
1,920 N-m<br />
ขอที่ : 206<br />
ขอที่ : 207<br />
ขอที่ : 208<br />
ขอที่ : 209<br />
ในการทดลองใบจักรขนาดเสนผานศูนยกลาง 1 เมตร วัดคาแรงผลักไดเทากับ 100 N หากนําผลที่ไดไปใชกับใบจักรเรือแบบเดียวกัน แตมีขนาดเสนผานศูนยกลาง 4 เมตร จะทําให<br />
เกิดแรงผลักที่ใบจักรขนาดเทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
400 N<br />
1,600 N<br />
6,400 N<br />
25,600 N<br />
คําตอบ 1 : 0.35<br />
คําตอบ 2 : 0.40<br />
คําตอบ 3 : 0.45<br />
คําตอบ 4 : 0.50<br />
เครื่องจักรขับเคลื่อนที่ติดตั้งในเรือมีกําลัง 9300 KW ถาประสิทธิภาพทางกลทั้งหมดของเครื่อง 74% การสูญเสียการสงกําลังของเพลาทั้งหมด 6% การสูญเสียกําลังงานที่ใบจักร<br />
และตัวเรือ 32% จงหากําลังงานประสิทธิผล (Effective Horsepower) ของเรือ กี่กิโลวัตต<br />
คําตอบ 1 : 2070<br />
คําตอบ 2 : 3234<br />
คําตอบ 3 : 4399<br />
คําตอบ 4 : 5563<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
58 of 140
ขอที่ : 210<br />
ขอที่ : 211<br />
คําตอบ 1 : 305.76<br />
คําตอบ 2 : 330.76<br />
คําตอบ 3 : 355.76<br />
คําตอบ 4 : 380.76<br />
คําตอบ 1 : 4288.7<br />
คําตอบ 2 : 4338.7<br />
คําตอบ 3 : 4388.7<br />
คําตอบ 4 : 4438.7<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ประสิทธิภาพของตัวเรือ (Hull Efficiency) ขึ้นอยูกับ Wake fraction (w) และ Thrust Deduction Fraction (t) ถาเรือลําหนึ่งแลนที่ความเร็ว 14 นอต และวัดคาได w = 0.180<br />
และ t = 0.207 ที่ความเร็ว 14 นอต นี้ จะคํานวณหาคา Hull Efficiency ไดเทาใด<br />
คําตอบ 1 : Hull Efficiency = 97.71 %<br />
คําตอบ 2 : Hull Efficiency = 95.71 %<br />
คําตอบ 3 : Hull Efficiency = 94.71 %<br />
59 of 140
คําตอบ 4 : Hull Efficiency = 96.71 %<br />
ขอที่ : 212<br />
ขอที่ : 213<br />
ขอที่ : 214<br />
ขอที่ : 215<br />
ประสิทธิภาพของตัวเรือ (Hull Efficiency) ขึ้นอยูกับ Wake fraction (w) และ Thrust-deduction fraction (t) ถาเรือลําหนึ่งแลนที่ความเร็ว 12 นอต และวัดคาได w = 0.260<br />
และ t = 0.300 ที่ความเร็ว 12 นอต นี้ จะคํานวณหาคา Hull Efficiency ไดเทาใด<br />
คําตอบ 1 : Hull Efficiency = 95.71 %<br />
คําตอบ 2 : Hull Efficiency = 94.59 %<br />
คําตอบ 3 : Hull Efficiency = 96.59 %<br />
คําตอบ 4 : Hull Efficiency = 97.59 %<br />
ประสิทธิภาพของตัวเรือ (Hull Efficiency) ขึ้นอยูกับ Wake fraction (w) และ Thrust-deduction fraction (t) ถาเรือลําหนึ่งแลนที่ความเร็ว 13 นอต และวัดคาได w = 0.280<br />
และ t = 0.320 ที่ความเร็ว 13 นอต นี้ จะคํานวณหาคา Hull Efficiency ไดเทาใด<br />
คําตอบ 1 : Hull Efficiency = 95.74 %<br />
คําตอบ 2 : Hull Efficiency = 94.74 %<br />
คําตอบ 3 : Hull Efficiency = 94.44 %<br />
คําตอบ 4 : Hull Efficiency = 96.74 %<br />
ประสิทธิภาพของตัวเรือ (Hull Efficiency) ขึ้นอยูกับ Wake fraction (w) และ Thrust-deduction fraction (t) ถาเรือลําหนึ่งแลนที่ความเร็ว 11 นอต และวัดคาได w = 0.240<br />
และ t = 0.280 ที่ความเร็ว 11 นอต นี้ จะคํานวณหาคา Hull Efficiency ไดเทาใด<br />
คําตอบ 1 : Hull Efficiency = 94.74 %<br />
คําตอบ 2 : Hull Efficiency = 97.74 %<br />
คําตอบ 3 : Hull Efficiency = 96.74 %<br />
คําตอบ 4 : Hull Efficiency = 95.74 %<br />
เรือลําหนึ่งแลนดวยความเร็ว 14 นอต มีความตานทานทั้งหมด (Total Resistance) = 150.4 kN ถาเรือนี้ใชใบจักรขับน้ําทางทายเรือ และมีคา Thrust-deduction fraction (t) =<br />
0.207 ใบจักรจะทําใหเกิดแรงผลัก (Thrust) ที่เพลาใบจักร(เมื่อ 1 kp = 9.80665 N)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
แรงผลัก (Thrust) = 17,541.20 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 19,339.89 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 19,541.20 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 19,721.20 kp<br />
60 of 140
ขอที่ : 216<br />
ขอที่ : 217<br />
ขอที่ : 218<br />
ขอที่ : 219<br />
เรือลําหนึ่งแลนดวยความเร็ว 13 นอต มีความตานทานทั้งหมด (Total Resistance) = 96.5 kN ถาเรือนี้ใชใบจักรขับน้ําทางทายเรือ และมีคา Thrust-deduction fraction (t) =<br />
0.320 ใบจักรจะทําใหเกิดแรงผลัก (Thrust) ที่เพลาใบจักร(เมื่อ 1 kp = 9.80665 N)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
แรงผลัก (Thrust) = 17,761.20 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 17,541.20 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 14,470.97 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 15,541.20 kp<br />
เรือลําหนึ่งแลนดวยความเร็ว 12 นอต มีความตานทานทั้งหมด (Total Resistance) = 62.8 kN ถาเรือนี้ใชใบจักรขับน้ําทางทายเรือ และมีคา Thrust-deduction fraction (t) =<br />
0.300 ใบจักรจะทําใหเกิดแรงผลัก (Thrust) ที่เพลาใบจักร(เมื่อ 1 kp = 9.80665 N)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
แรงผลัก (Thrust) = 9,148.30 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 11,544.00 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 11,104.00 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 11,144.00 kp<br />
เรือลําหนึ่งแลนดวยความเร็ว 11 นอต มีความตานทานทั้งหมด (Total Resistance) = 45.0 kN ถาเรือนี้ใชใบจักรขับน้ําทางทายเรือ และมีคา Thrust-deduction fraction (t) =<br />
0.280 ใบจักรจะทําใหเกิดแรงผลัก (Thrust) ที่เพลาใบจักร(เมื่อ 1 kp = 9.80665 N)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
แรงผลัก (Thrust) = 9,333.20 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 9,773.20 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 11,333.20 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 6,373.20 kp<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ประสิทธิภาพของตัวเรือ (Hull Efficiency) ขึ้นอยูกับ Wake fraction (w) และ Thrust Deduction Fraction (t) ถาเรือลําหนึ่งแลนที่ความเร็ว 11.0 นอต และวัดคาได w = 0.150<br />
และ t = 0.175 ที่ความเร็ว 11.0 นอต นี้ จะคํานวณหาคา Hull Efficiency ไดเทาใด<br />
คําตอบ 1 : Hull Efficiency = 92.71 %<br />
คําตอบ 2 : Hull Efficiency = 95.71 %<br />
คําตอบ 3 : Hull Efficiency = 93.71 %<br />
คําตอบ 4 : Hull Efficiency = 97.06 %<br />
61 of 140
ขอที่ : 220<br />
ขอที่ : 221<br />
ขอที่ : 222<br />
ขอที่ : 223<br />
ประสิทธิภาพของตัวเรือ (Hull Efficiency) ขึ้นอยูกับ Wake fraction (w) และ Thrust Deduction Fraction (t) ถาเรือลําหนึ่งแลนที่ความเร็ว 11.5 นอต และวัดคาได w = 0.240<br />
และ t = 0.2800 ที่ความเร็ว 11.5 นอต นี้ จะคํานวณหาคา Hull Efficiency ไดเทาใด<br />
คําตอบ 1 : Hull Efficiency = 97.71 %<br />
คําตอบ 2 : Hull Efficiency = 95.71 %<br />
คําตอบ 3 : Hull Efficiency = 93.71 %<br />
คําตอบ 4 : Hull Efficiency = 94.74 %<br />
ประสิทธิภาพของตัวเรือ (Hull Efficiency) ขึ้นอยูกับ Wake fraction (w) และ Thrust-deduction fraction (t) ถาเรือลําหนึ่งแลนที่ความเร็ว 12.5 นอต และวัดคาได w = 0.300<br />
และ t = 0.345 ที่ความเร็ว 12.5 นอต นี้ จะคํานวณหาคา Hull Efficiency ไดเทาใด<br />
คําตอบ 1 : Hull Efficiency = 95.71 %<br />
คําตอบ 2 : Hull Efficiency = 93.57 %<br />
คําตอบ 3 : Hull Efficiency = 96.59 %<br />
คําตอบ 4 : Hull Efficiency = 97.59 %<br />
ประสิทธิภาพของตัวเรือ (Hull Efficiency) ขึ้นอยูกับ Wake fraction (w) และ Thrust-deduction fraction (t) ถาเรือลําหนึ่งแลนที่ความเร็ว 12 นอต และวัดคาได w = 0.285<br />
และ t = 0.335 ที่ความเร็ว 12 นอต นี้ จะคํานวณหาคา Hull Efficiency ไดเทาใด<br />
คําตอบ 1 : Hull Efficiency = 95.74 %<br />
คําตอบ 2 : Hull Efficiency = 94.74 %<br />
คําตอบ 3 : Hull Efficiency = 93.01 %<br />
คําตอบ 4 : Hull Efficiency = 96.74 %<br />
ประสิทธิภาพของตัวเรือ (Hull Efficiency) ขึ้นอยูกับ Wake fraction (w) และ Thrust-deduction fraction (t) ถาเรือลําหนึ่งแลนที่ความเร็ว 11 นอต และวัดคาได w = 0.265<br />
และ t = 0.315 ที่ความเร็ว 11 นอต นี้ จะคํานวณหาคา Hull Efficiency ไดเทาใด<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : Hull Efficiency = 93.20 %<br />
คําตอบ 2 : Hull Efficiency = 97.74 %<br />
คําตอบ 3 : Hull Efficiency = 96.74 %<br />
คําตอบ 4 : Hull Efficiency = 95.74 %<br />
ขอที่ : 224<br />
62 of 140
ขอที่ : 225<br />
ขอที่ : 226<br />
ขอที่ : 227<br />
เรือลําหนึ่งแลนดวยความเร็ว 12.5 นอต มีความตานทานทั้งหมด (Total Resistance) = 65.8 kN ถาเรือนี้ใชใบจักรขับน้ําทางทายเรือ และมีคา Thrust-deduction fraction (t) =<br />
0.345 ใบจักรจะทําใหเกิดแรงผลัก (Thrust) ที่เพลาใบจักร(เมื่อ 1 kp = 9.80665 N)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
แรงผลัก (Thrust) = 8,770.6 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 10,243.9 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 9,770.6 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 9,860.6 kp<br />
เรือลําหนึ่งแลนดวยความเร็ว 14 นอต มีความตานทานทั้งหมด (Total Resistance) = 150.4 kN ถาเรือนี้ใชใบจักรขับน้ําทางทายเรือ และมีคา Thrust-deduction fraction (t) =<br />
0.207 ใบจักรจะทําใหเกิดแรงผลัก (Thrust) ที่เพลาใบจักร(เมื่อ 1 kp = 9.80665 N)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
แรงผลัก (Thrust) = 17,761.20 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 17,541.20 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 19,339.89 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 15,541.20 kp<br />
เรือลําหนึ่งแลนดวยความเร็ว 11.5 นอต มีความตานทานทั้งหมด (Total Resistance) = 46.8 kN ถาเรือนี้ใชใบจักรขับน้ําทางทายเรือ และมีคา Thrust-deduction fraction (t) =<br />
0.325 ใบจักรจะทําใหเกิดแรงผลัก (Thrust) ที่เพลาใบจักร(เมื่อ 1 kp = 9.80665 N)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
แรงผลัก (Thrust) = 7,070.0 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 5,772.0 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 5,552.0 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 5,572.0 kp<br />
เรือลําหนึ่งแลนดวยความเร็ว 11 นอต มีความตานทานทั้งหมด (Total Resistance) = 45.0 kN ถาเรือนี้ใชใบจักรขับน้ําทางทายเรือ และมีคา Thrust-deduction fraction (t) =<br />
0.175 ใบจักรจะทําใหเกิดแรงผลัก (Thrust) ที่เพลาใบจักร(เมื่อ 1 kp = 9.80665 N)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
แรงผลัก (Thrust) = 9,333.10 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 9,773.10 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 11,333.10 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 5,562.10 kp<br />
ขอที่ : 228<br />
ประสิทธิภาพของตัวเรือ (Hull Efficiency) ขึ้นอยูกับ Wake fraction (w) และ Thrust Deduction Fraction (t) ถาเรือลําหนึ่งแลนที่ความเร็ว 14 นอต และวัดคาได w = 0.365<br />
และ t = 0.420 ที่ความเร็ว 14 นอต นี้ จะคํานวณหาคา Hull Efficiency ไดเทาใด<br />
63 of 140
คําตอบ 1 : Hull Efficiency = 97.71 %<br />
คําตอบ 2 : Hull Efficiency = 95.71 %<br />
คําตอบ 3 : Hull Efficiency = 94.71 %<br />
คําตอบ 4 : Hull Efficiency = 91.34 %<br />
ขอที่ : 229<br />
ขอที่ : 230<br />
ขอที่ : 231<br />
ขอที่ : 232<br />
ประสิทธิภาพของตัวเรือ (Hull Efficiency) ขึ้นอยูกับ Wake fraction (w) และ Thrust-deduction fraction (t) ถาเรือลําหนึ่งแลนที่ความเร็ว 12 นอต และวัดคาได w = 0.325<br />
และ t = 0.380 ที่ความเร็ว 12 นอต นี้ จะคํานวณหาคา Hull Efficiency ไดเทาใด<br />
คําตอบ 1 : Hull Efficiency = 95.71 %<br />
คําตอบ 2 : Hull Efficiency = 91.85 %<br />
คําตอบ 3 : Hull Efficiency = 96.59 %<br />
คําตอบ 4 : Hull Efficiency = 97.59 %<br />
ประสิทธิภาพของตัวเรือ (Hull Efficiency) ขึ้นอยูกับ Wake fraction (w) และ Thrust-deduction fraction (t) ถาเรือลําหนึ่งแลนที่ความเร็ว 13 นอต และวัดคาได w = 0.345<br />
และ t = 0.400 ที่ความเร็ว 13 นอต นี้ จะคํานวณหาคา Hull Efficiency ไดเทาใด<br />
คําตอบ 1 : Hull Efficiency = 95.74 %<br />
คําตอบ 2 : Hull Efficiency = 94.74 %<br />
คําตอบ 3 : Hull Efficiency = 91.60 %<br />
คําตอบ 4 : Hull Efficiency = 96.74 %<br />
ประสิทธิภาพของตัวเรือ (Hull Efficiency) ขึ้นอยูกับ Wake fraction (w) และ Thrust-deduction fraction (t) ถาเรือลําหนึ่งแลนที่ความเร็ว 11 นอต และวัดคาได w = 0.305<br />
และ t = 0.360 ที่ความเร็ว 11 นอต นี้ จะคํานวณหาคา Hull Efficiency ไดเทาใด<br />
คําตอบ 1 : Hull Efficiency = 92.60 %<br />
คําตอบ 2 : Hull Efficiency = 97.74 %<br />
คําตอบ 3 : Hull Efficiency = 96.74 %<br />
คําตอบ 4 : Hull Efficiency = 95.74 %<br />
เรือ BULK CARRIER ลําหนึ่งแลนดวยความเร็ว 14 นอต มีความตานทานทั้งหมด (Total Resistance) = 270.80 kN ถาเรือนี้ใชใบจักรขับน้ําทางทายเรือ และมีคา Thrustdeduction<br />
fraction (t) = 0.420 ใบจักรจะทําใหเกิดแรงผลัก (Thrust) ที่เพลาใบจักร(เมื่อ 1 kp = 9.80665 N)<br />
คําตอบ 1 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
แรงผลัก (Thrust) = 38,770.6 kp<br />
64 of 140
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
แรงผลัก (Thrust) = 47,601.4 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 39,770.6 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 49,860.6 kp<br />
ขอที่ : 233<br />
ขอที่ : 234<br />
ขอที่ : 235<br />
ขอที่ : 236<br />
เรือ CRUISER LINER ลําหนึ่งแลนดวยความเร็ว 19 นอต มีความตานทานทั้งหมด (Total Resistance) = 648.30 kN ถาเรือนี้ใชใบจักรขับน้ําทางทายเรือ และมีคา Thrustdeduction<br />
fraction (t) = 0.300 ใบจักรจะทําใหเกิดแรงผลัก (Thrust) ที่เพลาใบจักร(เมื่อ 1 kp = 9.80665 N)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
แรงผลัก (Thrust) = 98,880.6 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 93,770.6 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 94,437.4 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 87,770.6 kp<br />
เรือ OIL TANKER ลําหนึ่งแลนดวยความเร็ว 12 นอต มีความตานทานทั้งหมด (Total Resistance) = 193.6 kN ถาเรือนี้ใชใบจักรขับน้ําทางทายเรือ และมีคา Thrust-deduction<br />
fraction (t) = 0.460 ใบจักรจะทําใหเกิดแรงผลัก (Thrust) ที่เพลาใบจักร(เมื่อ 1 kp = 9.80665 N)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
แรงผลัก (Thrust) = 36,562.5 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 35,772.0 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 35,552.0 kp<br />
แรงผลัก (Thrust) = 35,572.0 kp<br />
ประสิทธิภาพของตัวเรือ (Hull Efficiency) ขึ้นอยูกับ Wake fraction (w) และ Thrust Deduction Fraction (t) ถาเรือลําหนึ่งแลนที่ความเร็ว 11.0 นอต และวัดคาได w = 0.340<br />
และ t = 0.400 ที่ความเร็ว 11.0 นอต นี้ จะคํานวณหาคา Hull Efficiency ไดเทาใด<br />
คําตอบ 1 : Hull Efficiency = 90.71 %<br />
คําตอบ 2 : Hull Efficiency = 92.71 %<br />
คําตอบ 3 : Hull Efficiency = 91.71 %<br />
คําตอบ 4 : Hull Efficiency = 90.91 %<br />
การคํานวณคาการทรงตัวของเรือ มีจดุศูนยกลางตาง ๆ ที่เกี่ยวของคือ จุดศูนยกลางน้ําหนัก (Center of Gravity, G) จุดศูนยกลางการลอย (Center of Buoyancy, B) ซึ่งเมื่อเรือ<br />
เอียงเปนมุมนอย ๆ จะทําใหเกิดจุด Metacenter (M) คา GM เรียกวา Metacentric Height เรือที่ไดรับการออกแบบอยางปลอดภัย ความสัมพันธระหวางจุด M และ จุด G ควรอยู<br />
ในลักษณะใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
M above G<br />
65 of 140
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
M at G<br />
M below G<br />
M and G always Change<br />
ขอที่ : 237<br />
การคํานวณคาการทรงตัวของเรือ มีจุดศูนยกลางตาง ๆ ที่เกี่ยวของคือ จุดศูนยกลางน้ําหนัก (Center of Gravity, G) จุดศูนยกลางการลอย (Center of Buoyancy, B) ซึ่งเมื่อเรือ<br />
เอียง จะทําใหเกิดแขนของแรงตานอาการเอียง เรียกวา Righting Lever (GZ) เรือที่ไดรับการออกแบบอยางปลอดภัยคา GZ ควรเปนเชนไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
GZ มีคาเปนบวก<br />
GZ มีคาเปนศูนย<br />
GZ มีคาเปนลบ<br />
คําตอบ 4 : GZ มีคาเปลี่ยนแปลง<br />
ขอที่ : 238<br />
Free Surface Effect เกิดจากการที่ของเหลวภายในเรือมีผิวหนาอิสระ ทําใหเกิดผลกระทบตอขีดความสามารถดานการทรงตัวของเรือ วิธีการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นสามารถทําได<br />
โดยวิธีใดที่ไดผลดีที่สุด<br />
คําตอบ 1 : ติดตั้งผนังผนึกน้ําทางขวางเพิ่มภายในถังบรรจุของเหลว<br />
คําตอบ 2 : ติดตั้งผนังผนึกน้ําทางยาวเพิ่มภายในถังบรรจุของเหลว<br />
คําตอบ 3 : ลดความยาวถังบรรจุของเหลว<br />
คําตอบ 4 : ลดความกวางถังบรรจุของเหลว<br />
ขอที่ : 239<br />
Free Surface Effect เกิดจากการที่ของเหลวภายในเรือมีผิวหนาอิสระ ทําใหเกิดผลกระทบตอขีดความสามารถดานการทรงตัวของเรือ การติดตั้งผนังกันน้ําในตําแหนงที่ถูกตอง<br />
จํานวน 1 ผนังจะทําใหคา Second Moment เปลี่ยนแปลงลดลงเพียงใด<br />
ขอที่ : 240<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
2 เทา<br />
4 เทา<br />
8 เทา<br />
16 เทา<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
การเคลื่อนยายน้ําหนักภายในเรือที่ลอยในลักษณะ Even keel จะทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงตําแหนงของจุดศูนยกลางการน้ําหนักเรือ (Center of Gravity Change) ในกรณีมีการ<br />
เคลื่อนยายน้ําหนักภายในเรือขนาด 30 ตัน เปนระยะทางในแนวยาว 6 เมตรไปทางทายเรือ และคา Moment to change trim 1 centimeter มีคา 20 ton-m/cm จะทําใหเรือเกิดการ<br />
เปลี่ยนแปลงทริมมีคาเทากับขอใด<br />
คําตอบ 1 : คาทริมเรือ เปลี่ยนแปลง 4 cm, trim by stern<br />
66 of 140
คําตอบ 2 : คาทริมเรือ เปลี่ยนแปลง 9 cm, trim by stern<br />
คําตอบ 3 : คาทริมเรือ เปลี่ยนแปลง 4 cm, trim by bow<br />
คําตอบ 4 : คาทริมเรือ เปลี่ยนแปลง 9 cm, trim by bow<br />
ขอที่ : 241<br />
Cross Curve of Stability เปนเสนโคงที่แสดงความสัมพันธ ของขอใด<br />
ขอที่ : 242<br />
ขอที่ : 243<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
คําตอบ 1 : 0.636<br />
คําตอบ 2 : 1.636<br />
คําตอบ 3 : 2.636<br />
คําตอบ 4 : 3.636<br />
Displacement VS Righting Arm at difference Inclination Angles<br />
Displacement VS Inclination Angle at Difference Righting Arms<br />
Inclination Angle VS Righting Arm at Difference Displacements<br />
Displacement VS Righting Arm at Difference Waterlines<br />
เรือบรรทุกขาวสาร (เทกองในระวาง) ขณะเรือเอียง ขาวสารจํานวน 100 ตัน เลื่อนไปอีกกราบหนึ่งโดยมี cg (ขาวสาร) เลื่อนไปตามขวาง 10 เมตร และเลื่อนขึ้นแนวดิ่ง 1.5 เมตร ถา<br />
เรือมีระวางขับน้ํา 9000 ตัน และ GM เดิม 0.5 เมตร จงหามุมเอียงของเรือกี่องศา<br />
คําตอบ 1 : 9.9<br />
คําตอบ 2 : 10.9<br />
คําตอบ 3 : 11.9<br />
คําตอบ 4 : 12.9<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 244<br />
เรือลําหนึ่งมีระวางขับน้ํา 8500 ตัน MCT1cm = 100 t.m จุด C.F. อยูกลางลํา กินน้ําลึกหัว 6.5 เมตร กินน้ําลึกทาย 7 เมตร ถา Load สินคาลงในระวางหัว (cg ระวาง 50 เมตร<br />
67 of 140<br />
จากกลางลํา) 220 ตัน จงหาวาตอง Load สินคาลงระวางทาย (cg ระวาง 45 เมตรจากกลางลํา) กี่ตัน ถึงจะทําใหเรือมีทริมเปนศูนย
คําตอบ 1 : 93<br />
คําตอบ 2 : 113<br />
คําตอบ 3 : 133<br />
คําตอบ 4 : 153<br />
ขอที่ : 245<br />
ขอที่ : 246<br />
ขอที่ : 247<br />
ขอที่ : 248<br />
เรือลําหนึ่งหันเลี้ยวดวยความเร็ว 25 นอต รัศมีวงหัน 260 เมตร ระยะ CG เรืออยูหางจาก Lateral Resistance 3 เมตร วัดมุมเอียงได 10 องศา ถาคา GM = 1.2 เมตร มุมที่<br />
Righting Arm สูงสุด = 60 องศา จงหาวาที่จุดตัดของ Heeling Arm เปนกี่ % ของ Righting Arm สูงสุด<br />
คําตอบ 1 : 14.4<br />
คําตอบ 2 : 16.4<br />
คําตอบ 3 : 18.4<br />
คําตอบ 4 : 20.4<br />
เรือจะไมเกิดทริมเมื่อเพิ่มหรือลดสินคาตรงจุดใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Center of Gravity (G)<br />
Center of Floatation (F)<br />
Metacenter (M)<br />
Center of Buoyancy (B)<br />
เรือรูปกลองสี่เหลี่ยมยาว 10 ม. กวาง 5 ม. สูง 4 ม. กินน้ําลึก 2 ม. มี KB (The Center of Buoyancy above The Keel) เทาใด<br />
คําตอบ 1 : 5 ม.<br />
คําตอบ 2 : 2.5 ม.<br />
คําตอบ 3 : 1 ม.<br />
คําตอบ 4 : 2 ม.<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 :<br />
50 ตัน<br />
68 of 140
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
100 ตัน<br />
150 ตัน<br />
200 ตัน<br />
ขอที่ : 249<br />
เรือกลอง (BARGE) ลําหนึ่ง ยาว เทากับ 30 เมตร กวาง เทากับ 15 เมตร กินน้ําลึก เทากับ 5 เมตร ความลึก เทากับ 7 เมตรจงคํานวณหาคา GMT ของเรือลํานี้<br />
คําตอบ 1 : 2.55 เมตร<br />
คําตอบ 2 : 2.75 เมตร<br />
คําตอบ 3 : 9.75 เมตร<br />
คําตอบ 4 : 10.5 เมตร<br />
ขอที่ : 250<br />
เรือกลอง (BARGE) ลําหนึ่ง ยาว เทากับ 20 เมตร กวาง เทากับ 12 เมตร กินน้ําลึก เทากับ 2 เมตร ความลึก เทากับ 4 เมตรจงคํานวณหาคา GMT ของเรือลํานี้<br />
ขอที่ : 251<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
4.0 เมตร<br />
4.5 เมตร<br />
5.0 เมตร<br />
6.5 เมตร<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
69 of 140
คําตอบ 1 : 6.0 เมตร<br />
คําตอบ 2 : 6.5 เมตร<br />
คําตอบ 3 : 7.0 เมตร<br />
คําตอบ 4 : 7.5 เมตร<br />
ขอที่ : 252<br />
คําตอบ 1 : 9.0 เมตร<br />
คําตอบ 2 : 9.5 เมตร<br />
คําตอบ 3 : 10.0 เมตร<br />
คําตอบ 4 : 10.5 เมตร<br />
ขอที่ : 253<br />
ทริม หมายถึงอะไร<br />
คําตอบ 1 : คามุมที่เรือเอียงซาย – ขวา<br />
คําตอบ 2 : ความแตกตางของระดับกินน้ําลึกซาย - ขวา<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 3 : ความแตกตางของระดับกินน้ําลึกหัว – ทาย<br />
คําตอบ 4 : ความแตกตางของระดับกินน้ําลึกเกา และใหม<br />
ขอที่ : 254<br />
TPC (Tons per Centimeter Immersion) หมายถึงอะไร<br />
คําตอบ 1 : น้ําหนักที่ทําใหระดับกินน้ําลึกเปลี่ยน 1 ซม.<br />
70 of 140
คําตอบ 2 : โมเมนตที่ทําใหระดับกินน้ําลึกเปลี่ยน 1 ซม.<br />
คําตอบ 3 : น้ําหนักที่ทําใหทริมเปลี่ยน 1 ซม.<br />
คําตอบ 4 : โมเมนตที่ทําใหทริมเปลี่ยน 1 ซม.<br />
ขอที่ : 255<br />
ขอที่ : 256<br />
ขอที่ : 257<br />
เรือเกยตื้นทําใหเรือสูญเสียการทรงตัวไปเนื่องจาก<br />
คําตอบ 1 : การเลื่อนตามยาวของจุด Center of Gravity<br />
คําตอบ 2 : การเลื่อนลงในทางดิ่งของจุด Center of Gravity<br />
คําตอบ 3 : การเลื่อนขึ้นในทางดิ่งของจุด Center of Gravity<br />
คําตอบ 4 : การเลื่อนตามขวางของจุด Center of Gravity<br />
เรือมีระวางขับน้ํา 15000 ton เมื่อเรือเอียง 5 องศา เรือมี Righting Arm (GZ) 2 ft, GM 22.94 ft เรือมี Righting Moment เทาใดเมื่อเรือเอียง 5 องศา<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
5000 ton-ft<br />
7500 ton-ft<br />
30000 ton-ft<br />
45000 ton-ft<br />
เมื่อทําการยายสินคาที่อยูบนเรือจะมีผลอยางไรตอจุด G (Center of Gravity) ของเรือ<br />
คําตอบ 1 : จุด G จะเลื่อนไปในทิศทางเดียวและขนานกับทิศทางที่ยายสินคา<br />
คําตอบ 2 : จุด G จะเลื่อนขึ้น-ลง<br />
คําตอบ 3 : จุด G จะเลื่อนซาย-ขวา<br />
คําตอบ 4 : จุด G จะเลื่อนไปในทิศตรงกันขามกับทิศทางที่ยายสินคา<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 258<br />
Curve of Statical Stability (เสนโคงการทรงตัว) คือ<br />
คําตอบ 1 : กราฟแสดงความสัมพันธระหวาง BM กับคามุมเอียงของเรือที่ KG และระวางขับน้ํานั้นๆ<br />
คําตอบ 2 : กราฟแสดงความสัมพันธระหวาง KM กับคามุมเอียงของเรือที่ KG และระวางขับน้ํานั้นๆ<br />
คําตอบ 3 : กราฟแสดงความสัมพันธระหวาง Righting Arm (GZ) กับคามุมเอียงของเรือที่ KG และระวางขับน้ํานั้นๆ<br />
คําตอบ 4 : กราฟแสดงความสัมพันธระหวาง GM กับคามุมเอียงของเรือที่ KG และระวางขับน้ํานั้นๆ<br />
71 of 140
ขอที่ : 259<br />
Free surface เกิดขึ้นในการบรรทุกของเหลวแบบใดและมีผลตอการทรงตัวของเรืออยางไร<br />
ขอที่ : 260<br />
ขอที่ : 261<br />
ขอที่ : 262<br />
ขอที่ : 263<br />
คําตอบ 1 : การบรรทุกของเหลวไมเต็มถัง ทําใหจุด G (Center of Gravity ของเรือต่ําลง<br />
คําตอบ 2 : การบรรทุกของเหลวเต็มถัง ทําใหจุด G (Center of Gravity) ของเรือสูงขึ้น<br />
คําตอบ 3 : การบรรทุกของเหลวเต็มถัง ทําใหจุด G (Center of Gravity ของเรือต่ําลง<br />
คําตอบ 4 : การบรรทุกของเหลวไมเต็มถัง ทําใหจุด G (Center of Gravity ของเรือสูงขึ้น<br />
จุดตัดระหวางเสนแนวแรงลอยตัวในแนวดิ่งเมื่อเรือตั้งตรงกับเสนแนวแรงลอยตัวในแนวดิ่งเมือเรือเอียงเปนมุมเล็กนอยจะทําใหเกิดจุดใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
M (Metacenter)<br />
F (Center of Flotation)<br />
B (Center of Buoyancy)<br />
G (Center of Gravity)<br />
ถาคา KG ของเรือนอยกวาคา KM เรือมีการทรงตัวแบบใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Unstable Equilibrium<br />
Stable Equilibrium<br />
Neutral Equilibrium<br />
ผิดทุกขอ<br />
ระยะ KM ของเรือลบดวย ระยะ KG จะเทากับระยะ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
GM<br />
KB<br />
BM<br />
BG<br />
เรือระวางขับน้ํา 2000 ตันมีระดับกินน้ําลึกหัว-ทาย 7 เมตร เมื่อทําการยายสินคา 200 ตัน จากหัวเรือไปทางทายเรือเปนระยะ 5 เมตร ทําใหเรือมีระดับกินน้ําลึกทายเรือ 8 เมตร –หัว<br />
เรือ 6 เมตร จงหา MCT 1 cm (Moment to Change Trim 1 Centimeter)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
0.5 ตัน-เมตร<br />
5 ตัน-เมตร<br />
72 of 140
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
50 ตัน-เมตร<br />
500 ตัน-เมตร<br />
ขอที่ : 264<br />
ขอที่ : 265<br />
ขอที่ : 266<br />
ขอที่ : 267<br />
การอานคา Longitudinal Center of Buoyancy (LCB) ของเรือจาก Hydrostatic Curve ที่การเปลี่ยนแปลงที่สามารถเปนไปไดทั้งในทิศทางหัวเรือ และทายเรือ เนื่องจากสาเหตุ<br />
ในขอใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Displacement<br />
Hull Form<br />
Cargo Load<br />
Free Surface Effect<br />
การเปรียบเทียบคา Transverse Metacentric Height ของเรือสองลําที่มีระวางขับน้ําเทากัน ลําใดที่จะมีคา Transverse Metacentric Height มากกวา<br />
คําตอบ 1 : ลําที่มีความกวางมากกวา<br />
คําตอบ 2 : ลําที่มีความยาวมากกวา<br />
คําตอบ 3 : ลําที่มีระดับกินน้ําลึกมากกวา<br />
คําตอบ 4 : ไมมีขอมูลเพียงพอ<br />
การสรางเสนโคงการทรงตัวของเรือ (Statical Stability Curve) ที่จะแสดงใหทราบถึงความสามารถการทรงตัวของเรือ ซึ่งจะตองผานเกณฑความปลอดภัย (Criteria) ตามลักษณะ<br />
ของเรือประเภทนั้น ๆ การสรางเสนโคงการทรงตัวของเรือ (Statical Stability Curve) จะใชของมูลที่ไดจาก Cross Curve of Stability ซึ่งเปนเสนโคงแสดงคาความสัมพันธตรง<br />
ตามขอใด<br />
คําตอบ 1 : หาคา Righting Arm ที่สัมพันธกับ Inclination Angle และ Displacement<br />
คําตอบ 2 : หาคา Righting Moment ที่สัมพันธกับ Inclination Angle และ Displacement<br />
คําตอบ 3 : หาคา Metacentric Height (GM) ที่สัมพันธกับ Inclination Angle และ Displacement<br />
คําตอบ 4 : หาคา Metacentric Height (GM) ที่สัมพันธกับ Inclination Angle และ Vertical Center of Gravity (VCG)<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
เรือจะตองถูกออกแบบใหผานเกณฑความปลอดภัย (Criteria) ตามลักษณะของเรือประเภทนั้น ๆ การสรางเสนโคงการทรงตัวของเรือ (Statical Stability Curve) ที่จะแสดงให<br />
ทราบถึงความสามารถการทรงตัวของเรือ การกําหนดการจัดวางสินคาสามารถทําใหเสนโคงการทรงตัวของเรือ (Statical Stability Curve) มีการเปลี่ยนแปลงขอใดถูกตองมากที่สุด<br />
คําตอบ 1 : ตําแหนงของจุดศูนยกลางน้ําหนักต่ําลง จะทําใหเสนโคงการทรงตัวสูงขึ้น คา GM และ Vanishing Point เพิ่มขึ้น<br />
คําตอบ 2 : ตําแหนงของจุดศูนยกลางน้ําหนักต่ําลง จะทําใหเสนโคงการทรงตัวสูงขึ้น คา GM และ Vanishing Point ลดลง<br />
คําตอบ 3 : ตําแหนงของจุดศูนยกลางน้ําหนักต่ําลง จะทําใหเสนโคงการทรงตัวสูงขึ้น คา GM ลดลง และ Vanishing Point เพิ่มขึ้น<br />
73 of 140
คําตอบ 4 : ตําแหนงของจุดศูนยกลางน้ําหนักต่ําลง จะทําใหเสนโคงการทรงตัวสูงขึ้น คา GM เพิ่มขึ้น และ Vanishing Point ลดลง<br />
ขอที่ : 268<br />
ขอที่ : 269<br />
ขอที่ : 270<br />
การสรางเสนโคงการทรงตัวของเรือ (Statical Stability Curve) ที่จะแสดงใหทราบถึงความสามารถการทรงตัวของเรือ ซึ่งจะตองผานเกณฑความปลอดภัย (Criteria) ตามลักษณะ<br />
ของเรือประเภทนั้น ๆ เสนโคงการทรงตัวของเรือ (Statical Stability Curve) เปนความสัมพันธถูกตองตามขอใด<br />
คําตอบ 1 : คา Righting Arm ที่สัมพันธกับ Inclination Angle ที่ Displacement และ KG ของเรือ<br />
คําตอบ 2 : คา Righting Moment ที่สัมพันธกับ Inclination Angle ที่ Displacement และ KG ของเรือ<br />
คําตอบ 3 : คา Righting Arm ที่สัมพันธกับ Inclination Angle ที่ Displacement ของเรือ<br />
คําตอบ 4 : คา Righting Moment ที่สัมพันธกับ Inclination Angle ที่ Displacement ของเรือ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
0.5 เมตร<br />
0.7 เมตร<br />
0.9 เมตร<br />
1.1 เมตร<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
10.6 เมตร<br />
11.6 เมตร<br />
12.6 เมตร<br />
74 of 140
คําตอบ 4 :<br />
13.6 เมตร<br />
ขอที่ : 271<br />
คําตอบ 1 : 2.34 เมตร<br />
คําตอบ 2 : 2.58 เมตร<br />
คําตอบ 3 : 2.74 เมตร<br />
คําตอบ 4 : 2.98 เมตร<br />
ขอที่ : 272<br />
ขอที่ : 273<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
5.0 เมตร<br />
5.2 เมตร<br />
5.4 เมตร<br />
5.6 เมตร<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
75 of 140
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 274<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 275<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
76 of 140
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 276<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 277<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
13 เมตร<br />
14 เมตร<br />
15 เมตร<br />
16 เมตร<br />
ขอที่ : 278<br />
77 of 140
ขอที่ : 279<br />
ขอที่ : 280<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
คําตอบ 1 : 3.2<br />
คําตอบ 2 : 4.2<br />
คําตอบ 3 : 5.2<br />
คําตอบ 4 : 6.2<br />
24.2 เมตร<br />
25.2 เมตร<br />
26.2 เมตร<br />
27.2 เมตร<br />
15.5 เมตร<br />
16.5 เมตร<br />
17.5 เมตร<br />
18.5 เมตร<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 281<br />
เรือลําหนึ่งระวางขับน้ํา 1500 ตัน ลอยตั้งตรง GM = 0.4 เมตร ถาเลื่อนน้ําหนัก 10 ตัน ไปตามขวางเปนระยะ 10 เมตร เรือจะเอียงเปนมุม กี่องศา<br />
78 of 140
คําตอบ 1 : 7.46<br />
คําตอบ 2 : 8.46<br />
คําตอบ 3 : 9.46<br />
คําตอบ 4 : 10.46<br />
ขอที่ : 282<br />
ขอที่ : 283<br />
ขอที่ : 284<br />
คําตอบ 1 : 2.458<br />
คําตอบ 2 : 3.458<br />
คําตอบ 3 : 4.458<br />
คําตอบ 4 : 5.458<br />
เรือลําหนึ่งระวางขับน้ํา 10000 ตัน GM = 0.5 เมตร จงหาโมเมนตการทรงตัวสถิต วากี่ตัน-เมตร ขณะเรือเอียงเปนมุม 7 ¾ องศา<br />
คําตอบ 1 : 634<br />
คําตอบ 2 : 654<br />
คําตอบ 3 : 674<br />
คําตอบ 4 : 694<br />
เรือลําหนึ่งระวางขับน้ํา 12000 ตัน ขณะเอียงเปนมุม 5 ¼ องศา วัดคาโมเมนตการทรงตัวสถิต = 300 ton-m คา KG = 7.5 เมตร จงหาวาระยะ KM เปนกี่เมตร<br />
คําตอบ 1 : 5.77<br />
คําตอบ 2 : 7.77<br />
คําตอบ 3 : 9.77<br />
คําตอบ 4 : 11.77<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 285<br />
79 of 140
ขอที่ : 286<br />
ขอที่ : 287<br />
ขอที่ : 288<br />
คําตอบ 1 : 6.027<br />
คําตอบ 2 : 6.527<br />
คําตอบ 3 : 7.027<br />
คําตอบ 4 : 7.527<br />
คําตอบ 1 : 71.4<br />
คําตอบ 2 : 83.4<br />
คําตอบ 3 : 95.4<br />
คําตอบ 4 : 107.4<br />
คําตอบ 1 : 211.5<br />
คําตอบ 2 : 236.5<br />
คําตอบ 3 : 261.5<br />
คําตอบ 4 : 286.5<br />
เรือลําหนึ่งยาว 150 เมตร กินน้ําลึกหัวเรือ 7.2 เมตร กินน้ําลึกทายเรือ 7.4 เมตร MCT1cm = 200 ton-m จุด C.F. อยูกึ่งกลางลํา เมื่อทําการยายน้ําหนักขนาด 450 ตัน ไปทางหัว<br />
เรือเปนระยะทาง 60 เมตร จงหาระดับกินน้ําลึกหัวเรือใหม<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
7.475 เมตร<br />
7.875 เมตร<br />
8.275 เมตร<br />
80 of 140
คําตอบ 4 :<br />
8.675 เมตร<br />
ขอที่ : 289<br />
ขอที่ : 290<br />
ขอที่ : 291<br />
เรือลําหนึ่งยาว 100 เมตร กินน้ําลึกหัว 5.2 เมตร กินน้ําลึกทาย 5.3 เมตร MCT1cm = 33 t-m จุด C.F. อยูกึ่งกลางลํา ยายน้ําหนัก 5 ตัน ไปทางทายเรือ 60 เมตร จงหาระดับกินน้ํา<br />
ลึกทายใหม กี่เมตร<br />
คําตอบ 1 : 5.345<br />
คําตอบ 2 : 5.545<br />
คําตอบ 3 : 5.745<br />
คําตอบ 4 : 5.945<br />
เรือลําหนึ่งกินน้ําลึกหัว 6.1 เมตร กินน้ําลึกทาย 6.7 เมตร MCT1cm = 200 ton-m จุด C.F. อยูกึ่งกลางลํา จงหาวาตองยายน้ําหนัก 150 ตัน ไปทางหัวเรือกี่เมตร ทริมถึงจะมีคาเปน<br />
ศูนย<br />
คําตอบ 1 : 75<br />
คําตอบ 2 : 80<br />
คําตอบ 3 : 85<br />
คําตอบ 4 : 90<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : GM = 1.00 m.<br />
คําตอบ 2 : GM = 1.20 m.<br />
คําตอบ 3 : GM = 0.900 m.<br />
คําตอบ 4 : GM = 0.985 m.<br />
ขอที่ : 292<br />
81 of 140
ขอที่ : 293<br />
ขอที่ : 294<br />
คําตอบ 1 : ระดับกินน้ําลึก หัว = 5.10 ม.ระดับกินน้ําลึก ทาย = 4.60 ม.<br />
คําตอบ 2 : ระดับกินน้ําลึก หัว = 5.15 ม.ระดับกินน้ําลึก ทาย = 4.65 ม.<br />
คําตอบ 3 : ระดับกินน้ําลึก หัว = 5.20 ม.ระดับกินน้ําลึก ทาย = 4.66 ม.<br />
คําตอบ 4 : ระดับกินน้ําลึก หัว = 5.40 ม.ระดับกินน้ําลึก ทาย = 4.60 ม.<br />
คําตอบ 1 : ระดับกินน้ําลึก หัว = 5.10 ม.ระดับกินน้ําลึก ทาย = 5.60 ม.<br />
คําตอบ 2 : ระดับกินน้ําลึก หัว = 4.15 ม.ระดับกินน้ําลึก ทาย = 4.65 ม.<br />
คําตอบ 3 : ระดับกินน้ําลึก หัว = 4.60 ม.ระดับกินน้ําลึก ทาย = 5.40 ม.<br />
คําตอบ 4 : ระดับกินน้ําลึก หัว = 4.50 ม.ระดับกินน้ําลึก ทาย = 4.966 ม.<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : ระดับกินน้ําลึก หัว = 4.610 ม.ระดับกินน้ําลึก ทาย = 5.680 ม.<br />
คําตอบ 2 : ระดับกินน้ําลึก หัว = 5.185 ม.ระดับกินน้ําลึก ทาย = 5.765 ม.<br />
คําตอบ 3 : ระดับกินน้ําลึก หัว = 4.205 ม.ระดับกินน้ําลึก ทาย = 5.66 5ม.<br />
คําตอบ 4 : ระดับกินน้ําลึก หัว = 5.320 ม.ระดับกินน้ําลึก ทาย = 4.680 ม.<br />
82 of 140
ขอที่ : 295<br />
ขอที่ : 296<br />
คําตอบ 1 : ระดับกินน้ําลึก หัว = 4.680 ม.ระดับกินน้ําลึก ทาย = 5.320 ม.<br />
คําตอบ 2 : ระดับกินน้ําลึก หัว = 5.015 ม.ระดับกินน้ําลึก ทาย = 5.965 ม.<br />
คําตอบ 3 : ระดับกินน้ําลึก หัว = 4.720 ม.ระดับกินน้ําลึก ทาย = 5.686 ม.<br />
คําตอบ 4 : ระดับกินน้ําลึก หัว = 4.789 ม.ระดับกินน้ําลึก ทาย = 5.965 ม.<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 297<br />
เรือที่มีขีดความสามารถในดานการทรงตัวที่ดี เหมาะสมกับการใชงานตามคุณลักษณะที่ถูกออกแบบ จากขอมูลเสนโคงการทรงตัวของเรือ (Statical Stability Curve) สามารถหาคา<br />
83 of 140<br />
Metacentric Height (GM) ที่เหมาะสมกับเรือโดยสารขอใดถูกตอง
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
คา GM เปนบวกมาก ๆ<br />
คา GM เปนบวก<br />
คา GM เปนศูนย<br />
คา GM เปนลบ<br />
ขอที่ : 298<br />
ขอที่ : 299<br />
ขอที่ : 300<br />
คาใดไมอยูใน Hydrostatic Curve<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
TPC<br />
TRIM<br />
MCT 1 cm<br />
LCF<br />
การอานคา Moment to Change trim one Centimeter ของเรือลําหนึ่งจาก Hydrostatic Curves ไดคา 30 ton-cm. ตองการเคลื่อนยายสินคาภายในเรือที่มีน้ําหนัก เทาใด ที่จะ<br />
ทําใหทริมเรือเปลี่ยนไป 2 ซม. ทางทายเรือ เกิดจากการเคลื่อนยายน้ําหนักในขอใด<br />
คําตอบ 1 : เคลื่อนสินคาที่มีน้ําหนัก 1 ตัน ไปทางทายเรือเปนระยะ 30 เมตร<br />
คําตอบ 2 : เคลื่อนสินคาที่มีน้ําหนัก 2 ตัน ไปทางทายเรือเปนระยะ 30 เมตร<br />
คําตอบ 3 : เคลื่อนสินคาที่มีน้ําหนัก 2 ตัน ไปทางทายเรือเปนระยะ 60 เมตร<br />
คําตอบ 4 : เคลื่อนสินคาที่มีน้ําหนัก 2 ตัน ไปทางทายเรือเปนระยะ 15 เมตร<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : GM = 1.00 m.<br />
คําตอบ 2 : GM = 1.20 m.<br />
คําตอบ 3 : GM = 0.900 m.<br />
คําตอบ 4 : GM = 1.114 m.<br />
ขอที่ : 301<br />
84 of 140
ขอที่ : 302<br />
ขอที่ : 303<br />
คําตอบ 1 : GM = 1.08 m.<br />
คําตอบ 2 : GM = 1.28 m.<br />
คําตอบ 3 : GM = 1.39 m.<br />
คําตอบ 4 : GM = 1.49 m.<br />
เรือ PASSENGER BOAT ลําหนึ่ง มีขนาดดังนี้ Lpp = 28.00 m. B = 6.00 m. T = 2.60 m. มีระวางขับน้ํา = 273.90 ตัน เมื่ออยูในน้ําทะเล ถ.พ. = 1.025 มีจุดศูนยกลางกําลัง<br />
ลอย อยูสูงจากกระดูกงู (KB) = 1.531 m. และ BM = 1.700 m. จากการทดลองเอียงเรือ ไดจุด KG = 2.240 m., จงคํานวณหาคา GM <br />
คําตอบ 1 : GM = 1.00 m.<br />
คําตอบ 2 : GM = 1.20 m.<br />
คําตอบ 3 : GM = 0.900 m.<br />
คําตอบ 4 : GM = 0.991 m.<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : GM = 1.430 m.<br />
คําตอบ 2 : GM = 1.420 m.<br />
คําตอบ 3 : GM = 1.490 m.<br />
คําตอบ 4 : GM = 1.463 m.<br />
ขอที่ : 304<br />
85 of 140
ขอที่ : 305<br />
ขอที่ : 306<br />
การออกแบบเรือยนตความเร็วสูง หากเจาของเรือใหทานเปนผูออกแบบเรือ โดยมีความตองการความเร็วสูงเปนสําคัญ เครื่องจักรขับเคลื่อนที่จะสามารถตอบสนองความตองการของ<br />
เจาของเรือไดดีที่สุดควรเปนเครื่องจักรประเภทใด<br />
คําตอบ 1 : เครื่องยนตดีเซลรอบสูง (High Speed Diesel)<br />
คําตอบ 2 : เครื่องยนตติดทายความเร็วสูง (High Speed Outboard)<br />
คําตอบ 3 : เครื่องยนตกังหันกาซ (Gas Turbine)<br />
คําตอบ 4 : เครื่องยนตพลังนิวเคลียร (Nuclear Generator)<br />
คําตอบ 1 : 1700<br />
คําตอบ 2 : 1900<br />
คําตอบ 3 : 2100<br />
คําตอบ 4 : 2300<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 3 :<br />
86 of 140
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 307<br />
ขอที่ : 308<br />
ขอที่ : 309<br />
ขอที่ : 310<br />
ขอใดเปนหลักเกณฑการพิจารณาเลือกระบบการขับเคลื่อนที่เหมาะสมในการออกแบบเรือ<br />
คําตอบ 1 : กําลังของเครื่องจักร<br />
คําตอบ 2 : เนื้อที่ที่ใชในการติดตั้ง<br />
คําตอบ 3 : น้ําหนักของเครื่องจักรและอุปกรณ<br />
คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />
เรือลําหนึ่งใชเครื่องยนตดีเซลในการขับเคลื่อนเมื่อวิ่งในชวงความเร็วต่ําๆ แตเมื่อตองการความเร็วสูงขึ้นจะใชเครื่องยนต Gas turbine ในการขับเคลื่อนแทน เรือลํานี้ใชระบบขับ<br />
เคลื่อนแบบใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
CODOG (COMBINED DIESEL OR GAS TURBINE)<br />
CODAG (COMBINED DIESEL AND GAS TURBINE)<br />
COGOG (COMBINED GAS TURBINE OR GAS TURBINE)<br />
COGAG (COMBINED GAS TURBINE AND GAS TURBINE)<br />
ขอใดคือขอเสียเปรียบของการวางเครื่องจักรใหญไวที่ทายเรือสุดเมื่อเทียบกับการวางเครื่องจักรใหญไวกลางลํา<br />
คําตอบ 1 :<br />
กีดขวางการทํางานของเครนหรืออุปกรณขนถายสินคา<br />
คําตอบ 2 : บรรทุกสินคาไดนอยลงเนื่องจากการกีดขวางของอุโมงคเพลา<br />
คําตอบ 3 : อาจมีปญญาหาเรือมีทริมทายมากเกินไปเมื่อเรือตัวเปลาเนื่องจากน้ําหนักของเครื่องจักร<br />
คําตอบ 4 : เมื่อเรือบรรทุกเต็มที่อาจเกิดความเคนที่กลางลําแบบ hogging<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับเรือที่ใชเครื่องยนตดีเซลในการขับเคลื่อน<br />
คําตอบ 1 : เครื่องยนตมีประสิทธิภาพสูงทุกภาระการทํางาน<br />
คําตอบ 2 : มีอัตราความหมดเปลืองน้ํามันเชื้อเพลิงต่ําเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนตแบบอื่น<br />
คําตอบ 3 : คาใชจายในการผลิตต่ําเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนตแบบอื่น<br />
คําตอบ 4 : มีอัตราสวนน้ําหนักตอแรงมาเพลานอยกวาเมื่อเทียบกับเครื่องยนตกังหันกาซ<br />
87 of 140
ขอที่ : 311<br />
ขอที่ : 312<br />
ขอที่ : 313<br />
ขอที่ : 314<br />
การเลือกเครื่องจักรใหญที่จะนํามาติดตั้งบนเรือประเภทตาง ๆ ไดอยางเหมาะสม มีปจจัยในการเลือกอยางหนึ่งที่ตองพิจารณาคือ อัตราสวนกําลังตอน้ําหนักของเครื่องยนต ขอใดเรียง<br />
ลําดับเครื่องยนตที่มี อัตราสวนของกําลังตอน้ําหนักของเครื่องยนตจากมากไปหานอยไดอยางถูกตอง<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
Gas Turbine, High Speed Diesel, Medium Speed Diesel, Slow Speed Diesel<br />
Slow Speed Diesel, Medium Speed Diesel, High Speed Diesel, Gas Turbine<br />
High Speed Diesel, Medium Speed Diesel, Slow Speed Diesel, Gas Turbine,<br />
คําตอบ 4 : ไมสามารถเรียงลําดับไดเนื่องจากไมระบุตราอักษรของผูผลิต<br />
ผูออกแบบเรือ จะตองรวบรวมขอมูลของเครื่องจักรขับเคลื่อนเรือที่มีคุณภาพเหมาะสมที่จะนํามาติดตั้งบนเรือ โดยเครื่องยนตจะตองมีคุณสมบัติที่สามารถทําใหเรือมีสมรรถนะตามที่<br />
ตองการ คุณสมบัติในขอใดตอไปนี้ที่มีความสําคัญมากที่สุด<br />
คําตอบ 1 : กําลังเครื่องยนตที่ตองการ น้ําหนักเครื่องยนต ขนาดเครื่องยนต คาความสั่นสะเทือน<br />
คําตอบ 2 : น้ําหนักเครื่องยนต ขนาดเครื่องยนต คาความสั่นสะเทือน ราคา<br />
คําตอบ 3 : กําลังเครื่องยนตที่ตองการ น้ําหนักเครื่องยนต ขนาดเครื่องยนต สมรรถนะของเครื่องยนต<br />
คําตอบ 4 : กําลังเครื่องยนตที่ตองการ น้ําหนักเครื่องยนต ขนาดเครื่องยนต ราคา<br />
สําหรับเรือที่ตองการความประหยัดเมื่อเดินทางดวยความเร็วต่ํา และตองการความรวดเร็วในการปฏิบัติการ เรือจะถูกออกแบบใหมีระบบขับเคลื่อนที่สามารถเลือกใชเครื่องจักรขับ<br />
เคลื่อนตามความเร็ว ที่ตองการเรียกวา Combine Engine Propulsion System ระบบขับเคลื่อนในขอใดที่จะทําใหเรือลํานั้น ๆ มีระวางขับน้ํานอยที่สุด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
CODAD (Combine Diesel and Diesel Engine)<br />
CODOG (Combine Diesel or Gas Turbine Engine)<br />
COGAG (Combine Gas Turbine and Gas Turbine)<br />
COSTAG (Combine Steam and Gas Turbine)<br />
เครื่องยนตดีเซลสามารถแบบออกเปนกลุมตามความเร็วรอบของเครื่องยนต ได 3 กลุม คือ เครื่องยนตรอบต่ํา (Low Speed) รอบปานกลาง (Medium Speed) และรอบสูง (High<br />
Speed) โดยมียานการแบงตามความเร็วรอบของเครื่องยนตดังตอไปนี้<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Low Speed 150 - 200 RPM, Medium Speed 450 – 800 RPM, High Speed 1000 – 3000 RPM<br />
Low Speed 60 - 150 RPM, Medium Speed 450 – 800 RPM, High Speed 1000 – 4000 RPM<br />
Low Speed 60 - 150 RPM, Medium Speed 450 – 800 RPM, High Speed 1000 – 3000 RPM<br />
Low Speed 150- 200 RPM, Medium Speed 450 – 800 RPM, High Speed 1000 – 4000 RPM<br />
ขอที่ : 315<br />
88 of 140
คําตอบ 1 : 800 HP<br />
คําตอบ 2 : 850 HP<br />
คําตอบ 3 : 900 HP<br />
คําตอบ 4 : 950 HP<br />
ขอที่ : 316<br />
คําตอบ 1 : 420 HP<br />
คําตอบ 2 : 450 HP<br />
คําตอบ 3 : 470 HP<br />
คําตอบ 4 : 500 HP<br />
ขอที่ : 317<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
89 of 140
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
200 HP<br />
250 HP<br />
300 HP<br />
380 HP<br />
ขอที่ : 318<br />
คําตอบ 1 : 400 HP<br />
คําตอบ 2 : 450 HP<br />
คําตอบ 3 : 500 HP<br />
คําตอบ 4 : 550 HP<br />
ขอที่ : 319<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
500 HP<br />
550 HP<br />
600 HP<br />
650 HP<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 320<br />
90 of 140
ขอที่ : 321<br />
ขอที่ : 322<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
400 HP<br />
450 HP<br />
500 HP<br />
550 HP<br />
400 HP<br />
450 HP<br />
500 HP<br />
550 HP<br />
ในการจัดวางเครื่องยนตซึ่งจะมีผลตอองศาการเอียงของเพลา (Upper Limit ของเพลา) ขณะเรือลอยลํากับขณะเดินเรือ ควรมีคาองศาของมุมเพลาเปนเทาใด ตามลําดับ<br />
คําตอบ 1 : 4 และ 8<br />
คําตอบ 2 : 6 และ 10<br />
คําตอบ 3 : 8 และ 12<br />
คําตอบ 4 : 10 และ 14<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 323<br />
91 of 140
ขอที่ : 324<br />
ขอที่ : 325<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 80 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 95 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 110 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 125 kW<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 125 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 150kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 175 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 200 kW<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
92 of 140
ขอที่ : 326<br />
ขอที่ : 327<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 140 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 155 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 160 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 175 kW<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 145 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 160 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 185 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 200 kW<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
93 of 140
ขอที่ : 328<br />
ขอที่ : 329<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 105 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 120 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 145 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 170 kW<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 175 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 195 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 215 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 235 kW<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
94 of 140
ขอที่ : 330<br />
ขอที่ : 331<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 190 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 220 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 250 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 270 kW<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 225 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 250 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 275 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 300 kW<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
95 of 140
ขอที่ : 332<br />
ขอที่ : 333<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 220 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 250 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 280 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 310 kW<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 250 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 300 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 350 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 400 kW<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
96 of 140
ขอที่ : 334<br />
ขอที่ : 335<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 320 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 340 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 360 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 380 kW<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 425 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 450 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 475 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 500 kW<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
97 of 140
ขอที่ : 336<br />
ขอที่ : 337<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 700 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 750 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 800 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 850 kW<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 925 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,000 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,500 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,725 kW<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
98 of 140
ขอที่ : 338<br />
ขอที่ : 339<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,000 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,200 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,400 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,600 kW<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,000 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,200 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,400 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,600 kW<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
99 of 140
ขอที่ : 340<br />
ขอที่ : 341<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 900 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,000 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,100 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,200 kW<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,400 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,500 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,600 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,700 kW<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
100 of 140
ขอที่ : 342<br />
ขอที่ : 343<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,700 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,800 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,900 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 2,000 kW<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,900 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 2,000 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 2,100 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 2,200 kW<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
101 of 140
ขอที่ : 344<br />
ขอที่ : 345<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,700 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,800 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 1,900 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 2,000 kW<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 2,000 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 2,200 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 2,400 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 2,600 kW<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
102 of 140
ขอที่ : 346<br />
ขอที่ : 347<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 2,400 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 2,600 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 2,800 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 3,000 kW<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 3,300 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 3,500 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 3,700 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 3,900 kW<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
103 of 140
ขอที่ : 348<br />
ขอที่ : 349<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 2,700 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 2,900 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 3,100 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 3,300 kW<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 3,300 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 3,600 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 3,900 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 4,200 kW<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
104 of 140
ขอที่ : 350<br />
ขอที่ : 351<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 4,500 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 4,700 KW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 4,900 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 5,100 kW<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 5,400 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 5,600 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 5,800 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 6,000 kW<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
105 of 140
ขอที่ : 352<br />
ขอที่ : 353<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 4,200 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 4,400 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 4,600 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 4,800 kW<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power =5,600 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 5,800 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 6,000 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 6,200 kW<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
106 of 140
ขอที่ : 354<br />
ขอที่ : 355<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 7,700 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 7,900 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 8,100 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 8,300 kW<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 9,000 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 9,200 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 9,400 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 9,600 kW<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
107 of 140
ขอที่ : 356<br />
ขอที่ : 357<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 6,500 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 6,700 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 6,900 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 7,100 kW<br />
คําตอบ 1 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 9,000 kW<br />
คําตอบ 2 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 9,200 kW<br />
คําตอบ 3 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 9,400 kW<br />
คําตอบ 4 : เครื่องขับเคลื่อน Brake Power = 9,600 kW<br />
การทดลอง Zig – Zag Maneuvers ปกติใชมุมหางเสือกราบละกี่องศา<br />
คําตอบ 1 : 5<br />
คําตอบ 2 : 10<br />
คําตอบ 3 : 15<br />
คําตอบ 4 : 20<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
108 of 140
ขอที่ : 358<br />
ขอที่ : 359<br />
ขอที่ : 360<br />
ขอที่ : 361<br />
คําตอบ 1 : 270<br />
คําตอบ 2 : 360<br />
คําตอบ 3 : 450<br />
คําตอบ 4 : 540<br />
การเคลื่อนที่ของเรือในทิศทางใด สงผลตอการทํางานของบุคลากรภายในเรือมากที่สุด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Pitch<br />
Heave<br />
Roll<br />
Yaw<br />
ขอใดไมใชแนวทางแกไขเมื่อเรือมีอาการโคลงมากๆใหเรือโคลงนอยลง<br />
คําตอบ 1 : ทําใหจุด G (Center of Gravity) ของเรือเลื่อนต่ําลง<br />
คําตอบ 2 : เปลี่ยนความเร็วเรือ<br />
คําตอบ 3 : ลดคา GM ของเรือใหนอยลง<br />
คําตอบ 4 : เปลี่ยนเข็มในการเดินทาง<br />
การเคลื่อนที่ของเรือแบบใดจะทําใหเรือเกิด Slamming มากที่สุด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Surge<br />
Pitch<br />
Sway<br />
Yaw<br />
ขอที่ : 362<br />
109 of 140
ขอที่ : 363<br />
ขอที่ : 364<br />
ขอที่ : 365<br />
ถาทานสังเกตคลื่นลูกหนึ่ง ประมาณความยาวจากยอดคลื่น(Crest) ถึงทองคลื่น(Trough)ได 200 ft และจับเวลาที่ยอดคลื่นผานทานไดที่ทุกๆ 6.25 second คลื่นลูกนี้มีความเร็ว<br />
เทาไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
8 ft/s<br />
16 ft/s<br />
32 ft/s<br />
64 ft/s<br />
ลักษณะการเคลื่อนที่รอบแกนทั้งสามของเรือ ในขอใดถูกตอง<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Rolling, Pitching, Sway<br />
Rolling, Pitching, Yaw<br />
Rolling, Pitching, Surge<br />
Surge, Yaw, Sway<br />
ลักษณะการออกแบบรูปทรงตัวเรือ คุณลักษณะในขอใดที่สามารถเสริมประสิทธิภาพดาน Seakeeping ใหกับเรือ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Flared Forward, Bulbous Bow, Camber<br />
Flared Forward, Bulbous Bow, Bilge Keel<br />
Flared Forward, Bulbous Bow, Freeboard<br />
Flared Forward, Camber, Bilge Keel<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
2.5 วินาที<br />
3.0 วินาที<br />
3.5 วินาที<br />
4.0 วินาที<br />
110 of 140
ขอที่ : 366<br />
คําตอบ 1 : 2.5 วินาที<br />
คําตอบ 2 : 2.8 วินาที<br />
คําตอบ 3 : 3.1 วินาที<br />
คําตอบ 4 : 3.4 วินาที<br />
ขอที่ : 367<br />
คําตอบ 1 : 2.0 วินาที<br />
คําตอบ 2 : 3.0 วินาที<br />
คําตอบ 3 : 4.0 วินาที<br />
คําตอบ 4 : 5.0 วินาที<br />
ขอที่ : 368<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
111 of 140
คําตอบ 1 : 3.065<br />
คําตอบ 2 : 4.065<br />
คําตอบ 3 : 5.065<br />
คําตอบ 4 : 6.065<br />
ขอที่ : 369<br />
การเคลื่อนที่ของเรือในทะเลจะมีลักษณะการออกแบบใหเรือมีคุณสมบัติที่ดี ซึ่งจะทําใหเรือสามารถใชงานไดอยางมีประสิทธิภาพ ขอใดไมเกี่ยวของกับคุณสมบัติ Seakeeping<br />
คําตอบ 1 : Heeling<br />
คําตอบ 2 : Pitching<br />
คําตอบ 3 : Slamming<br />
คําตอบ 4 : Broaching<br />
ขอที่ : 370<br />
คําตอบ 1 : Diameter of Rudder Stock = 187 mm<br />
คําตอบ 2 : Diameter of Rudder Stock = 180 mm<br />
คําตอบ 3 : Diameter of Rudder Stock = 197 mm<br />
คําตอบ 4 : Diameter of Rudder Stock = 170 mm<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 371<br />
112 of 140
คําตอบ 1 : Torque = 23.35 kN.m<br />
คําตอบ 2 : Torque = 24.35 kN.m<br />
คําตอบ 3 : Torque = 25.35 kN.m<br />
คําตอบ 4 : Torque = 26.35 kN.m<br />
ขอที่ : 372<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Bending Moment = 40 kN.m,<br />
Bending Moment = 39 kN.m,<br />
Bending Moment = 38 kN.m,<br />
Bending Moment = 37 kN.m,<br />
ขอที่ : 373<br />
113 of 140
ขอที่ : 374<br />
ขอที่ : 375<br />
คําตอบ 1 : 8230<br />
คําตอบ 2 : 8730<br />
คําตอบ 3 : 9230<br />
คําตอบ 4 : 9730<br />
การคํานวณแนวน้ําบรรทุกเต็มที่ของเรือหาไดจากความสูงของเรือหักหรือลบออกดวยคาใด<br />
คําตอบ 1 : ระยะฟรีบอรด (Freeboard)<br />
คําตอบ 2 : ความกวาง (Beam)<br />
คําตอบ 3 : กินน้ําลึก (Draft)<br />
คําตอบ 4 : ทริม (Trim)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
9,084 ตัน<br />
9,384 ตัน<br />
9,684 ตัน<br />
9,984 ตัน<br />
114 of 140
ขอที่ : 376<br />
คําตอบ 1 : 100 ตัน<br />
คําตอบ 2 : 150 ตัน<br />
คําตอบ 3 : 200 ตัน<br />
คําตอบ 4 : 250 ตัน<br />
ขอที่ : 377<br />
คําตอบ 1 : 1.95 เมตร<br />
คําตอบ 2 : 2.05 เมตร<br />
คําตอบ 3 : 2.15 เมตร<br />
คําตอบ 4 : 2.25 เมตร<br />
ขอที่ : 378<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
การคํานวณตันเนช (Tonnage) ก็เพื่อใหทราบปริมาตรของระวางบรรทุกเพื่อวัตถุประสงคในขอใด<br />
คําตอบ 1 : เสียภาษีคาธรรมเนียมผานประตูน้ํา<br />
คําตอบ 2 : เสียคาธรรมเนียมในการเขาอู<br />
คําตอบ 3 : เสียคาธรรมเนียมในการเทียบทา<br />
คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />
ขอที่ : 379<br />
115 of 140
ขอที่ : 380<br />
ขอที่ : 381<br />
ขอที่ : 382<br />
ขอที่ : 383<br />
Freeboard คือ<br />
คําตอบ 1 : ความสูงของกราบเรือเหนือแนวน้ําเมื่อเรือบรรทุกที่ระวางขับน้ําต่ําสุด (Light Load)<br />
คําตอบ 2 : ความสูงของกราบเรือเหนือแนวน้ําเมื่อเรือบรรทุกสินคาเต็มที่<br />
คําตอบ 3 : ความสูงของกราบเรือจากแนวกระดูกงู<br />
คําตอบ 4 : ความสูงจากกระดูกงูถึงแนวน้ําเมื่อเรือบรรทุกสินคาเต็มที่<br />
เรือที่มีรูปแบบและคุณสมบัติแตกตางไปจากเรือมาตรฐาน การคํานวณหาระยะ Freeboard ของเรือสามารถกระทําไดโดย<br />
คําตอบ 1 : เพิ่มความสูง Freeboard ของเรือมาตรฐาน<br />
คําตอบ 2 : ลดความสูง Freeboard ของเรือมาตรฐาน<br />
คําตอบ 3 : ปรับแตงคา Freeboard ของเรือมาตรฐาน<br />
คําตอบ 4 : ตรวจสอบความสูงของหัวเรือจากแนวน้ําบรรทุกเต็มที่ในฤดูรอน<br />
การคํานวณ Gross Tonnage สามารถคํานวณไดจาก<br />
คําตอบ 1 : ปริมาตรของเรือทั้งหมด<br />
คําตอบ 2 : ปริมาตรของเรือทั้งหมดลบออกดวยปริมาตรที่เพิ่มความปลอดภัยใหแกเรือ (Exempted Space)<br />
คําตอบ 3 : ปริมาตรของเรือทั้งหมดลบออกดวยปริมาตรที่ใชในการเดินเรือ(Deducted Space)<br />
คําตอบ 4 : Net Tonnage ลบออกดวยปริมาตรที่ใชในการเดินเรือ (Deducted Space)<br />
การกําหนดระดับตําแหนงของเสน Load Line ของเรือสินคา เพื่อใหเรือมีความปลอดภัย มีแรงลอยตัวสํารองที่เพียงพอ (Reserve of Buoyancy) การกําหนดระยะที่แสดงความ<br />
สัมพันธของเสน Load Line และ เสน Deck Line ที่เปนหลักสําคัญของเรือแตละลํา เรียกวา อะไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Winter Freeboard<br />
Summer Freeboard<br />
Fresh Water Freeboard<br />
Seawater Freeboard<br />
เสนระดับกินน้ําลึกของเรือที่กําหนดใหมีที่ตัวเรือบริเวณกลางลํา แสดงถึงขีดความสามารถในการบรรทุกของเรือแตละลํา เรียกวา Load Line การหมายตําแหนงของเสนใดตอไปนี้ที่<br />
แสดงเปนเสนบนสุด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Winter Load Line<br />
Tropical Load Line<br />
116 of 140
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Fresh Water Load Line<br />
Tropical Fresh Water Load Line<br />
ขอที่ : 384<br />
ขอที่ : 385<br />
ขอที่ : 386<br />
เรือกลองลําหนึ่งมีความยาว 40 เมตร กวาง 10 เมตร เมื่อลอยลําในแมน้ําจะมีระดับกินน้ําลึก 3 เมตร หากในระหวางเดินทางจากแมน้ําไปยังทาเรือใชน้ําจืดและน้ํามันไปเทากับ 20 ตัน<br />
จะสามารถบรรทุกสินคาลงในเรือไดจํานวนเทาใด หากตองการใหเรือมีระดับการกินน้ําลึกของเรือเทากับเมื่อเรือจอดอยูในแมน้ํา<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
50 ตัน<br />
60 ตัน<br />
70 ตัน<br />
80 ตัน<br />
เรือกลองลําหนึ่งมีความยาว 60 เมตร กวาง 15 เมตร เมื่อลอยลําในแมน้ําจะมีระดับกินน้ําลึก 4 เมตร หากในระหวางเดินทางจากแมน้ําไปยังทาเรือที่อยูในทะเล ใชน้ําจืดและน้ํามันไป<br />
เทากับ 20 ตัน จะสามารถบรรทุกสินคาลงในเรือไดจํานวนเทาใดเพื่อใหเรือมีระดับการกินน้ําลึกเทากับเมื่อเรือจอดอยูในแมน้ํา<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
100 ตัน<br />
110 ตัน<br />
120 ตัน<br />
130 ตัน<br />
คําตอบ 1 : 7412.5<br />
คําตอบ 2 : 7512.5<br />
คําตอบ 3 : 7612.5<br />
คําตอบ 4 : 7712.5<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 387<br />
เรือทรงกลองขนาดยาว 24 เมตร กวาง 6 เมตร ลึก 3 เมตร เมื่อลอยลําในน้ําจืด จะมีระวางขับน้ํา 150 ตัน ถาเรือลํานี้ลอยในน้ําทะเล จะมีระดับกินน้ําลึกเทากับกี่เมตร<br />
คําตอบ 1 : 0.990<br />
117 of 140
คําตอบ 2 : 1.016<br />
คําตอบ 3 : 1.042<br />
คําตอบ 4 : 1.068<br />
ขอที่ : 388<br />
ขอที่ : 389<br />
ขอที่ : 390<br />
คําตอบ 1 : 187.5<br />
คําตอบ 2 : 197.5<br />
คําตอบ 3 : 207.5<br />
คําตอบ 4 : 217.5<br />
คําตอบ 1 : 6.608<br />
คําตอบ 2 : 6.808<br />
คําตอบ 3 : 7.008<br />
คําตอบ 4 : 7.208<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
118 of 140
ขอที่ : 391<br />
ขอที่ : 392<br />
ขอที่ : 393<br />
คําตอบ 1 : 168<br />
คําตอบ 2 : 204<br />
คําตอบ 3 : 228<br />
คําตอบ 4 : 264<br />
คําตอบ 1 : 68.2<br />
คําตอบ 2 : 73.2<br />
คําตอบ 3 : 78.2<br />
คําตอบ 4 : 83.2<br />
ลักษณะแรงกระทําของคลื่น ที่ทําใหเกิดแรงกระทําที่เปน แรงดึง (Tensile Stress) และแรงอัด (Compression Stress) ที่เรียกวาการเกิด Hogging และ Sagging มีความสัมพันธ<br />
ตามขอใด<br />
คําตอบ 1 : Sagging ทําใหเกิดแรงอัด (Compression Stress) ที่ทองเรือ และแรงดึง (Tensile Stress) ที่ดาดฟาเรือ<br />
คําตอบ 2 : Hogging ทําใหเกิดแรงอัด (Compression Stress) ที่ทองเรือ และแรงดึง (Tensile Stress) ที่ดาดฟาเรือ<br />
คําตอบ 3 : Hogging ทําใหเกิดแรงดึง (Tensile Stress) ที่ทองเรือ และ แรงอัด (Compression Stress)ที่ดาดฟาเรือ<br />
คําตอบ 4 : Sagging หรือ Hogging ไมทําใหเกิดแรงอัด (Compression Stress) ที่ทองเรือ และแรงดึง (Tensile Stress) ที่ดาดฟาเรือ ที่เปลี่ยนกลับไปกลับมา<br />
การออกแบบโครงสรางชิ้นสวนตัวเรือ ที่เปนโครงสรางหลัก (Primary Structure) หรือโครงสรางรอง (Secondary Structure) มีความจําเปนที่จะตองหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงรูป<br />
ทรงกระทันหัน หรือมีแนวเชื่อมตอที่เปนมุมคม โดยการเสริมชิ้นงาน หรือเสริมโครงสราง เพื่อหลีกเลี่ยงสาเหตุการเกิดความเสียหายในขอใดถูกตอง<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Built - in Stress<br />
Cracking and Brittle Fracture<br />
119 of 140
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Fatigue Stress<br />
Stress Concentration<br />
ขอที่ : 394<br />
ขอที่ : 395<br />
ขอที่ : 396<br />
การเกิดความเสียหายกับโครงสรางของเรือ มีสาเหตุมาจากการออกแบบชิ้นงานที่ไมเหมาะสมกับแรงกระทําที่เกิดขึ้น ณ บริเวณที่ชิ้นงานนั้นตองรับภาระ ลักษณะการเกิดความเสียหาย<br />
ในขอใดมีคุณลักษณะที่แตกตางจากขออื่น ๆ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Buckling<br />
Bending<br />
Cracking<br />
Fatigue<br />
ในการออกแบบ หรือการเลือกแบบของเครื่องจักรที่จะนํามาติดตั้งภายในเรือ จําเปนตองพิจารณาถึงความสามารถในการทํางานของเครื่อง ขณะเกิดสภาวะ Pitching หรือ Rolling ขอ<br />
ใดคือองศาที่เครื่องจักรควรทํางานได (Pitching – Rolling ตามลําดับ)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ในการติดตั้งใบจักรเรือ ขนาด 3.5 เมตร ถากําหนดให Tip Clearance = 20% จงหาวาศูนยกลางดุมใบจักรจะอยูหางจากเปลือกเรือเหนือใบจักรกี่เมตร<br />
คําตอบ 1 : 1.65<br />
คําตอบ 2 : 2.45<br />
คําตอบ 3 : 3.25<br />
คําตอบ 4 : 4.20<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 397<br />
การวางจัดวางน้ําหนักที่อยูบนเรือ เชน น้ํา น้ํามัน สินคา เสบียง หรือสิ่งของในลักษณะใดทําเกิดโมเมนตดัด (Bending Moment) นอยที่สุด<br />
120 of 140
คําตอบ 1 : จัดวางน้ําหนักทั้งหมดไวที่กลางลํา<br />
คําตอบ 2 : จัดวางน้ําหนักโดยครึ่งหนึ่งอยูที่หัวเรืออีกครึ่งหนึ่งอยูที่ทายเรือ<br />
คําตอบ 3 : จัดวางน้ําหนักใหกระจายเทากันตลอดลําเรือ<br />
คําตอบ 4 : จัดวางน้ําหนักไวที่ต่ําที่สุดเทาที่จะทําได<br />
ขอที่ : 398<br />
ขอที่ : 399<br />
คลื่นที่ทําใหเกิด Hogging Moment ซึ่งทําใหชวงกลางลําของเรือแอนขึ้น มีลักษณะเชนใด<br />
คําตอบ 1 : ยอดคลื่นอยูที่ตําแหนงกึ่งกลางลําทางยาว<br />
คําตอบ 2 : ยอดคลื่นอยูที่ตําแหนงหัวเรือและทายเรือ<br />
คําตอบ 3 : ยอดคลื่นอยูที่ตําแหนงกึ่งกลางลําทางขวาง<br />
คําตอบ 4 : ยอดคลื่นอยูที่ตําแหนงกราบซายและขวา<br />
โครงสรางของเรือในขอใดไมนํามาคิดในการคํานวณหาความแข็งแรงตามยาวของเรือ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 400<br />
Shear Strakes คือ<br />
ขอที่ : 401<br />
แผนเหล็กเปลือกเรือ (Shell Plating)<br />
แผนเหล็กทองเรือดานใน (Inner Bottom Plating)<br />
กงตามขวาง (Transverse Frame)<br />
กระดูกงู (Vertical Keel)<br />
คําตอบ 1 : แนวแผนเหล็กดานขางตัวเรือทั้ง 2 กราบ เฉพาะแถวแรกที่ถัดจากดาดฟาบนสุดลงมา<br />
คําตอบ 2 : แนวแผนเหล็กดานขางตัวเรือทั้ง 2 กราบ เฉพาะแถวที่ติดกับกระดูกงู<br />
คําตอบ 3 : แนวแผนเหล็กดานนอกสุดของดาดฟาเรือทั้งสองกราบ<br />
คําตอบ 4 : แนวแผนเหล็กตรงกึ่งกลางลําตามยาวของดาดฟาเรือ<br />
ความยาวคลื่นที่กอใหเกิดภาระสูงสุดกระทําตอโครงสรางตัวเรือตามยาวมีคาเทากับเทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
1/2 เทาของความยาวเรือ<br />
ความยาวเรือ<br />
3/2 เทาของความยาวเรือ<br />
2 เทาของความยาวเรือ<br />
121 of 140
ขอที่ : 402<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 403<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 404<br />
เรือที่ปฏิบัติงานในทะเลระหวางการเดินทาง เมื่อทะเลมีคลื่นลมโดยเฉพาะอยางยิ่ง กรณีที่ความยาวคลื่นเทากับความยาวเรือจะเกิด Hogging และ Sagging มีผลอยางไรกับโครง<br />
122 of 140<br />
สรางเรือ ดังตอไปนี้
คําตอบ 1 : กรณี Sagging โครงสรางบริเวณชั้นดาดฟาบนจะเกิดแรงอัด (Compression) ทองเรือเกิดแรงดึง (Tension)<br />
คําตอบ 2 : กรณี Sagging โครงสรางบริเวณชั้นดาดฟาบนจะเกิดแรงดึง (Tension) ทองเรือเกิดแรงอัด (Compression)<br />
คําตอบ 3 : กรณี Hogging โครงสรางบริเวณชั้นดาดฟาบนจะเกิดแรงอัด (Compression) ทองเรือเกิดแรงดึง (Tension)<br />
คําตอบ 4 : โครงสรางบริเวณชั้นดาดฟาบนจะเกิดแรงอัด (Compression) ทองเรือเกิดแรงดึง (Tension)<br />
ขอที่ : 405<br />
ขอที่ : 406<br />
ขอที่ : 407<br />
ขอที่ : 408<br />
การคํานวณหาคาความแข็งแรงของเรือ (Longitudinal Strength) ของเรือ รูปทรงของเรือและการติดตั้งอุปกรณและน้ําหนักบรรทุกบนเรือ จะใชในการหาคาภาระ(Load)ทีเกิดขึ้น ซึ่ง<br />
เปนผลมาจากแรงกระทําในขอใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Buoyancy Curve & Stability Curve<br />
Buoyancy Force & Weight Distribution<br />
Stability Curve & Weight Distribution<br />
Buoyancy force & Stability Curve<br />
การกําหนดชิ้นสวนของโครงสรางตัวเรือ ที่จะตองมีความแข็งแรงเพียงพอ และไมสูงจนเกินไป ซึ่งการคํานวณหาคาแรงกระทําที่เกิดขึ้นกับโครงสรางเรือ คาที่นํามาใชในการพิจารณา<br />
คือ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Bending Moment in Wave<br />
Bending Moment in Still Water<br />
Total Bending Moments<br />
Permissible Stress<br />
ขอใดไมใชความไดเปรียบของการใชแผนเหล็กตอเรือ ชนิด High Tensile Steel คือ<br />
คําตอบ 1 : สามรถลดน้ําหนักรวมของโครงสรางตัวเรือ<br />
คําตอบ 2 : สามารถลดชิ้นสวนงาน ไดกับเรือทุกขนาด<br />
คําตอบ 3 : สามารถลดคาแรงลงได กับเรือทุกขนาด<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 4 : ราคาวัสดุตอเรือสูงกวาตอหนวยของน้ําหนัก<br />
การออกแบบชิ้นงานโครงสรางความแข็งแรงตัวเรือ มีความสําคัญอยางยิ่งตอความแข็งแรงของเรือ การออกแบบจะตองหลีกเลี่ยง หรือใหมีนอย ขอใดไมใชการจํากัด<br />
คําตอบ 1 : การเปลี่ยนแปลงขนาดและรูปทรง ที่จะทําใหศูนยเสียความตอเนื่องของโครงสราง<br />
คําตอบ 2 : การเกิดความสั่นสะเทือนกับชิ้นงาน โครงสราง และชิ้นงานทั่วไป<br />
คําตอบ 3 : จํากัดการเกิดสนิมของชิ้นงานตาง ๆ และใหสามารถเขาถึงสําหรับการซอมทํา และบํารุงรักษา<br />
123 of 140
คําตอบ 4 : การเลือกใชการเชื่อม และแนวเชื่อมที่เหมาะสมกับชิ้นงาน<br />
ขอที่ : 409<br />
ขอที่ : 410<br />
ขอที่ : 411<br />
เรือกลองลําหนึ่งมีระวางขับน้ํา 400 ตัน ยาว 40 เมตร แบงระวางออกเปน 4 หองยาวเทากัน ทําการบรรทุกสินคาดังนี้ ระวางหมายเลข 1 จํานวน 20 ตัน ระวางหมายเลข 2 จํานวน 40<br />
ตัน ระวางหมายเลข 3 จํานวน 40 ตัน และ ระวางหมายเลข 4 จํานวน 20 ตัน จงคํานวณหาคาโมเมนตดัดสูงสุด(Maximum Bending Moment)ที่กระทําตอตัวเรือ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
เรือกลองลําหนึ่งมีระวางขับน้ํา 600 ตัน ยาว 60 เมตร แบงระวางออกเปน 4 หองยาวเทากัน ทําการบรรทุกสินคาดังนี้ ระวางหมายเลข 1 จํานวน 30 ตัน ระวางหมายเลข 2 จํานวน 60<br />
ตัน ระวางหมายเลข 3 จํานวน 60 ตัน และ ระวางหมายเลข 4 จํานวน 30 ตัน จงคํานวณหาคาโมเมนตดัดสูงสุด(Maximum Bending Moment)ที่กระทําตอตัวเรือ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
เรือกลองลําหนึ่งมีระวางขับน้ํา 600 ตัน ยาว 60 เมตร แบงระวางออกเปน 4 หองยาวเทากัน ทําการบรรทุกสินคาดังนี้ ระวางหมายเลข 1 จํานวน 60 ตัน ระวางหมายเลข 2 จํานวน 30<br />
ตัน ระวางหมายเลข 3 จํานวน 30 ตัน และ ระวางหมายเลข 4 จํานวน 60 ตัน จงคํานวณหาคาโมเมนตดัดสูงสุด(Maximum Bending Moment)ที่กระทําตอตัวเรือ<br />
124 of 140
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
ขอที่ : 412<br />
ขอที่ : 413<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
เรือกลองลําหนึ่งมีระวางขับน้ํา 600 ตัน ยาว 40 เมตร แบงระวางออกเปน 4 หองยาวเทากัน ทําการบรรทุกสินคาดังนี้ ระวางหมายเลข 1 จํานวน 20 ตัน ระวางหมายเลข 2 จํานวน 60<br />
ตัน ระวางหมายเลข 3 จํานวน 60 ตัน และ ระวางหมายเลข 4 จํานวน 20 ตัน จงคํานวณหาคาโมเมนตดัดสูงสุด(Maximum Bending Moment)ที่กระทําตอตัวเรือ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
เรือกลองลําหนึ่งมีระวางขับน้ํา 800 ตัน ยาว 40 เมตร แบงระวางออกเปน 4 หองยาวเทากัน ทําการบรรทุกสินคาดังนี้ ระวางหมายเลข 1 จํานวน 40 ตัน ระวางหมายเลข 2 จํานวน 20<br />
ตัน ระวางหมายเลข 3 จํานวน 20 ตัน และ ระวางหมายเลข 4 จํานวน 40 ตัน จงคํานวณหาคาโมเมนตดัดสูงสุด(Maximum Bending Moment)ที่กระทําตอตัวเรือ<br />
คําตอบ 1 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
125 of 140
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 414<br />
เรือลอยลําในน้ํานิ่ง พบวาน้ําหนักสวนมากอยูบริเวณกึ่งกลางลํา เรือจะมีสภาพเชนใด และบริเวณดาดฟาเกิดความเคนประเภทใด<br />
คําตอบ 1 : Hogging และ Tensile<br />
คําตอบ 2 : Sagging และ Tensile<br />
คําตอบ 3 : Hogging และ Compressive<br />
คําตอบ 4 : Sagging และ Compressive<br />
ขอที่ : 415<br />
เรือเดินในทะเล พบวายอดคลื่นสูงเกิดบริเวณกึ่งกลางลํา ทองคลื่นอยูบริเวณหัว – ทายเรือ เรือจะมีสภาพเชนใด และบริเวณดาดฟาเกิดความเคนประเภทใด<br />
คําตอบ 1 : Hogging และ Tensile<br />
คําตอบ 2 : Sagging และ Tensile<br />
คําตอบ 3 : Hogging และ Compressive<br />
คําตอบ 4 : Sagging และ Compressive<br />
ขอที่ : 416<br />
ขณะคลื่นผานตัวเรือ และเรือเกิดสภาวะ Sagging และ Hogging โมเมนตดัดที่เกิดขึ้นจะมีคาเปนเชนใด ถาสมมุติให โมเมนตดัดของเรือในน้ํานิ่งเปนศูนย<br />
ขอที่ : 417<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
เปนลบ และ เปนบวก ตามลําดับ<br />
เปน บวก และ เปนลบ ตามลําดับ<br />
เปนบวก และเปนศูนย ตามลําดับ<br />
เปนลบ และ เปนศูนย ตามลําดับ<br />
คา Section Modulus Requirement ที่คํานวณไดจากกฎของสมาคม กับคาที่ไดจากโครงสรางหนาตัดกลางลํา คาจากโครงสรางควรเปนเทาใดกับของสมาคม<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
เทากัน<br />
นอยกวา<br />
มากกวา<br />
คําตอบ 4 : ยิ่งมากยิ่งดี<br />
ขอที่ : 418<br />
126 of 140
ขอที่ : 419<br />
ขอที่ : 420<br />
ขอที่ : 421<br />
เรือบารจทรงสี่เหลี่ยมยาว 32 เมตร ระวางขับน้ําเรือเปลา 352 ตัน แบงเปน 4 ระวาง บรรทุกสินคา 192 ตัน 224 ตัน 272 ตัน 176 ตัน ตามลําดับ จงหาคาแรงความลอยที่กระทํากับ กี่<br />
ตันตอเมตร<br />
คําตอบ 1 : 38<br />
คําตอบ 2 : 27<br />
คําตอบ 3 : 16<br />
คําตอบ 4 : 11<br />
โครงสรางใดไมรองรับการเกิด Racking Stresses<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Beam Knees<br />
Web Frames<br />
Longitudinal Frames<br />
Transverse Bulkheads<br />
เรือที่มีขนาดยาวมากๆควรมีการวางกงแบบใดเพื่อปองกันเรือหักที่กลางลํา<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
วางกงตามยาว (Longitudinal Framing)<br />
วางกงตามขวาง (Transverse Framing)<br />
วางกงแบบผสม (Combination Framing)<br />
ผิดทุกขอ<br />
การคํานวณหาคา Still Water Bending Moment ซึ่งจะตองแบงการดําเนินการตลอดความยาวของเรือ โดยแบงเปนสวน ๆ การคํานวณนี้ จะใชขอมูลเริ่มตนจากขอใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Stability Curve<br />
Hydrostatic Curve<br />
Cross Curve<br />
Load Curve<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 422<br />
เรือกลอง (BARGE) ลําหนึ่ง ยาว เทากับ 30 เมตร กวาง เทากับ 20 เมตร กินน้ําลึก เทากับ 2 เมตร ความลึก เทากับ 3 เมตรจงคํานวณหาคา GM T<br />
ของเรือลํานี้<br />
คําตอบ 1 : 8.22<br />
คําตอบ 2 : 10.23<br />
127 of 140
คําตอบ 3 : 15.14<br />
คําตอบ 4 : 16.16<br />
ขอที่ : 423<br />
เรือกลอง (BARGE) ลําหนึ่ง ยาว เทากับ 36 เมตร กวาง เทากับ 15 เมตร กินน้ําลึก เทากับ 3 เมตร ความลึก เทากับ 5 เมตรจงคํานวณหาคา GM T<br />
ของเรือลํานี้<br />
คําตอบ 1 : 4.05<br />
คําตอบ 2 : 4.58<br />
คําตอบ 3 : 5.25<br />
คําตอบ 4 : 6.58<br />
ขอที่ : 424<br />
เรือกลอง (BARGE) ลําหนึ่ง ยาว เทากับ 24 เมตร กวาง เทากับ 15 เมตร กินน้ําลึก เทากับ 3 เมตร ความลึก เทากับ 5 เมตรจงคํานวณหาคา GM T<br />
ของเรือลํานี้<br />
คําตอบ 1 : 3.25<br />
คําตอบ 2 : 4.25<br />
คําตอบ 3 : 5.25<br />
คําตอบ 4 : 6.25<br />
ขอที่ : 425<br />
เรือสินคาลําหนึ่งระวางขับน้ํา 1,200 ตัน มีคา GM T<br />
= 10 เมตร เมื่อทําการขนยายสินคาขนาด 50 ตัน ขวางแนวลําเรือเปนระยะทาง 10 เมตร จะทําใหเรือเอียงไปจากเดิมเปนมุมกี่องศา<br />
ขอที่ : 426<br />
คําตอบ 1 : 1.6<br />
คําตอบ 2 : 2.4<br />
คําตอบ 3 : 3.2<br />
คําตอบ 4 : 3.6<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
เรือสินคาลําหนึ่งระวางขับน้ํา 2,000 ตัน มีคา GM T<br />
= 15 เมตร เมื่อทําการขนยายสินคาขนาด 100 ตัน ขวางแนวลําเรือเปนระยะทาง 10 เมตร จะทําใหเรือเอียงไปจากเดิมเปนมุมกี่องศา<br />
คําตอบ 1 : 1.9<br />
คําตอบ 2 : 2.5<br />
คําตอบ 3 : 3.4<br />
128 of 140
คําตอบ 4 : 4.5<br />
ขอที่ : 427<br />
โปะเทียบเรือมีระวางขับน้ํา 400 ตัน มีคา GM T<br />
= 3.5 เมตร เมื่อทําการขนยายสินคาขนาด 10 ตัน ขวางแนวโปะเทียบเรือเปนระยะทาง 10 เมตร จะทําใหโปะเทียบเรือเอียงไปจากเดิม<br />
เปนมุมกี่องศา<br />
คําตอบ 1 : 2.5<br />
คําตอบ 2 : 3.6<br />
คําตอบ 3 : 6.8<br />
คําตอบ 4 : 8.1<br />
ขอที่ : 428<br />
โปะเทียบเรือมีระวางขับน้ํา 500 ตัน มีคา GM T<br />
= 3.0 เมตร เมื่อทําการขนยายสินคาขนาด 15 ตัน ขวางแนวโปะเทียบเรือเปนระยะทาง 15 เมตร จะทําใหโปะเทียบเรือเอียงไปจากเดิม<br />
เปนมุมกี่องศา<br />
คําตอบ 1 : 2.5<br />
คําตอบ 2 : 3.6<br />
คําตอบ 3 : 6.8<br />
คําตอบ 4 : 8.5<br />
ขอที่ : 429<br />
เรือลําหนึ่งยาว 40 เมตร กวาง 20 เมตร กินน้ําลึก 2.5 เมตร มีคาสัมประสิทธิ์แทงตัน (Block Coefficient, CB) เทากับ 0.8 เมื่อจอดอยูที่ทาเรือในแมน้ํา มีคาความหนาแนนของของเหลว<br />
เทากับ 1.000 ton/m 3 เมื่อเรือลํานี้เดินทางจากทาเรือในแมน้ําไปยังทาเรือที่อยูในทะเล (คาความหนาแนนของของเหลวเทากับ 1.025 ton/m 3 ) โดยในระหวางเดินทางใชน้ําและน้ํามันเชื้อ<br />
เพลิงไป 10 ตัน จะสามารถบรรทุกน้ําและน้ํามันลงในเรืออีกจํานวนเทาใดเพื่อใหเรือมีระวางขับน้ําเทาเดิม<br />
คําตอบ 1 : 20<br />
คําตอบ 2 : 30<br />
คําตอบ 3 : 40<br />
คําตอบ 4 : 50<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 430<br />
129 of 140<br />
เรือลําหนึ่งยาว 60 เมตร กวาง 20 เมตร กินน้ําลึก 2.5 เมตร มีคาสัมประสิทธิ์แทงตัน (BLOCK COEFFICIENT, CB) เทากับ 0.8 เมื่อจอดอยูที่ทาเรือในแมน้ํา (คาความหนาแนน
ขอที่ : 431<br />
ขอที่ : 432<br />
ขอที่ : 433<br />
ของของเหลว = 1.000 ton/m 3 )เมื่อเรือลํานี้เดินทางจากทาเรือในแมน้ําไปยังทาเรือที่อยูในทะเล (คาความหนาแนนของของเหลว = 1.025 ton/m 3 ) โดยในระหวางเดินทางใชน้ํา<br />
และน้ํามันเชื้อเพลิงไป 15 ตัน จะสามารถบรรทุกน้ําและน้ํามันเชื้อเพลิงลงในเรืออีกจํานวนเทาใดเพื่อใหเรือมีระวางขับน้ําเทาเดิม<br />
คําตอบ 1 : 25<br />
คําตอบ 2 : 30<br />
คําตอบ 3 : 45<br />
คําตอบ 4 : 60<br />
เรือลําหนึ่งยาว 60 เมตร กวาง 20 เมตร กินน้ําลึก 3 เมตร มีคาสัมประสิทธิ์แทงตัน (BLOCK COEFFICIENT, CB) เทากับ 0.8 เมื่อจอดอยูที่ทาเรือในแมน้ํา มีคาความหนาแนน<br />
ของของเหลว = 1.000 ton/ เมื่อเรือลํานี้เดินทางจากทาเรือในแมน้ําไปยังทาเรือที่อยูในทะเล (คาคาความหนาแนนของของเหลว = 1.025 ton/m 3 ) โดยในระหวางเดินทางใชน้ําและ<br />
น้ํามันเชื้อเพลิงไป 20 ตัน จะสามารถบรรทุกน้ําและน้ํามันลงในเรืออีกจํานวนเทาใดเพื่อใหเรือมีระวางขับน้ําเทาเดิม<br />
คําตอบ 1 : 25<br />
คําตอบ 2 : 37<br />
คําตอบ 3 : 42<br />
คําตอบ 4 : 52<br />
เรือกลอง (BARGE) ลําหนึ่ง ยาว เทากับ 30 เมตร กวาง เทากับ 20 เมตร กินน้ําลึก ไดสูงสุดเทากับ 2 เมตร หากตองการขนสงสินคาจากทาเรือที่อยูในทะเลเขาสูทาเทียบเรือที่อยู<br />
ในแมน้ํา จะตองทําการบรรทุกสินคาใหเรือมีระวางขับน้ํานอยกวาระวางขับน้ําสูงสุดเทากับกี่ตัน<br />
คําตอบ 1 : 30<br />
คําตอบ 2 : 50<br />
คําตอบ 3 : 70<br />
คําตอบ 4 : 100<br />
เรือกลอง (BARGE) ลําหนึ่ง ยาว เทากับ 40 เมตร กวาง เทากับ 20 เมตร กินน้ําลึก ไดสูงสุดเทากับ 2.5 เมตร หากตองการขนสงสินคาจากทาเรือที่อยูในทะเลเขาสูทาเทียบเรือที่<br />
อยูในแมน้ํา จะตองทําการบรรทุกสินคาใหเรือมีระวางขับน้ํานอยกวาระวางขับน้ําสูงสุดเทากับกี่ตัน<br />
คําตอบ 1 : 30<br />
คําตอบ 2 : 50<br />
คําตอบ 3 : 70<br />
คําตอบ 4 : 100<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 434<br />
130 of 140
ขอที่ : 435<br />
ขอที่ : 436<br />
ขอที่ : 437<br />
เรือกลอง (BARGE) ลําหนึ่ง ยาว เทากับ 40 เมตร กวาง เทากับ 20 เมตร กินน้ําลึก ไดสูงสุดเทากับ 2 เมตร หากตองการขนสงสินคาจากทาเรือที่อยูในทะเลเขาสูทาเทียบเรือที่อยู<br />
ในแมน้ํา จะตองทําการบรรทุกสินคาใหเรือมีระวางขับน้ํานอยกวาระวางขับน้ําสูงสุดเทากับกี่ตัน<br />
คําตอบ 1 : 30<br />
คําตอบ 2 : 40<br />
คําตอบ 3 : 50<br />
คําตอบ 4 : 60<br />
เรือบารจทรงสี่เหลี่ยมยาว 30 เมตร ระวางขับน้ําเรือเปลา 300 ตัน แบงเปน 4 ระวาง บรรทุกสินคา 150 ตัน 250 ตัน 200 ตัน 150 ตัน ตามลําดับ จงหาคาแรงความลอยที่กระทําตอเรือ<br />
เทากับกี่ตันตอเมตร<br />
คําตอบ 1 : 35<br />
คําตอบ 2 : 40<br />
คําตอบ 3 : 45<br />
คําตอบ 4 : 50<br />
เรือบารจทรงสี่เหลี่ยมยาว 40 เมตร ระวางขับน้ําเรือเปลา 400 ตัน แบงเปน 4 ระวาง บรรทุกสินคา 100 ตัน 200 ตัน 200 ตัน 100 ตัน ตามลําดับ จงหาคาแรงความลอยที่กระทําตอเรือ<br />
เทากับกี่ตันตอเมตร<br />
คําตอบ 1 : 25<br />
คําตอบ 2 : 30<br />
คําตอบ 3 : 35<br />
คําตอบ 4 : 40<br />
โครงสรางใดที่มีผลตอการเกิด RACKING STRESSES นอยที่สุด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
BEAM KNEES<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
WEB FRAMES<br />
LONGITUDINAL FRAMES<br />
TRANSVERSE BULKHEADS<br />
ขอที่ : 438<br />
131 of 140
ขอที่ : 439<br />
โดยทั่วไปแลวกงเรือในบริเวณฐานแทนเครื่องจักรใหญ หรือ อุปกรณที่มีน้ําหนักมากมักถูกออกแบบใหมีการวางกงแบบใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
วางกงตามยาว (Longitudinal Framing)<br />
วางกงตามขวาง (Transverse Framing)<br />
วางกงแบบผสม (Combination Framing)<br />
ผิดทุกขอ<br />
เรือลําหนึ่งหาดถูกออกแบบใหมีระบบกงตามยาวแตในบริเวณฐานแทนเครื่องจักรใหญ หรือ อุปกรณที่มีน้ําหนักมากถูกออกแบบใหมีการวางกงแบบขวางใด และเรือลํานี้จะมีระบบกง<br />
แบบใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ระบบกงตามยาว<br />
ระบบกงตามขวาง<br />
ระบบกงแบบผสม<br />
ถูกทุกขอ<br />
ขอที่ : 440<br />
การออกแบบเรือมีขั้นตอนดําเนินการที่เปนการทําซ้ํา (Iteration) ในลักษณะกนหอย (<strong>Design</strong> Spiral) ในขั้นตอนแรกที่เรียกวา Conceptual <strong>Design</strong> นาวาสถาปนิกจะตองทราบถึงความ<br />
ตองการของเจาของเรือ เพื่อที่จะสามารถดําเนินการออกแบบเรือที่มีคุณสมบัติเหมาะสม สิ่งใดเปนวัตถุประสงคหลักของการออกแบบเรือ<br />
คําตอบ 1 : มาตรฐานของสมาคมจัดชั้นเรือ (Classification Society)<br />
คําตอบ 2 :<br />
ขอกําหนดขององคกรทางทะเลระหวางประเทศ(Intermational Maritime Organization, IMO)<br />
คําตอบ 3 : ขีดความสามารถของเรือที่จะตอบสนองความตองการของเจาของเรือ (Owner Requirement)<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ความปลอดภัยของเรือ และบุคคลบนเรือ<br />
ขอที่ : 441<br />
การออกแบบเรือใหมีความเหมาะสมตามความตองการของผูใชเรือ หรือผูวาจางสรางเรือ ในงานการกําหนดวัสดุ อุปกรณ เครื่องจักร และขนาดโครงสราง เพื่อใหไดเรือที่มี<br />
ประสิทธิภาพเหมาะสมสอดคลองกับความตองการมากที่สุด ผูออกแบบเรือจําเปนตองพิจารณาตัดสินใจเลือกที่จะทําการใด ๆ ปจจัยขอใดที่มีความจําเปนสูงสุด 132 of 140
คําตอบ 1 :<br />
ความสามารถการทรงตัวของเรือ (Stability)<br />
คําตอบ 2 : ระบบขับเคลื่อนและเครื่องตนกําลังขับ (Propulsion System)<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ความสมดุลยลงตัว (Optimization)<br />
ขีดความสามารถของการบรรทุก และปริมาตรภายในเรือ (Dead Weight)<br />
ขอที่ : 442<br />
เรือลําหนึ่ง มีความยาวตลอดลําเทากับ 85 เมตร ความยาวที่เสนแนวน้ําเทากับ 80 เมตร กวางเทากับ 15 เมตร สูงเทากับ 6 เมตร กินน้ําลึกเทากับ 4 เมตร มีระวางขับน้ําเทากับ 2400 ตัน<br />
ลอยอยูในน้ําจืดที่มีคาความหนาแนนเทากับ 1.00 ตันตอลูกบาศกเมตร เรือลํานี้จะมีคาสัมประสิทธิ์แทงตัน(CB, BLOCK COEFFICIENT) เทากับเทาใด<br />
คําตอบ 1 : 0.31<br />
คําตอบ 2 : 0.33<br />
คําตอบ 3 : 0.47<br />
คําตอบ 4 : 0.50<br />
ขอที่ : 443<br />
คา PARAMETRIC STUDIES ที่นํามาทําการวิเคราะห และการออกแบบเรือใหมีคุณสมบัติที่เหมาะสมตามความตองการของเจาของเรือ ขอใดไมเกี่ยวของ วัดความยาวที่ตําแหนงตาง ๆ<br />
ความยาวที่มีคามากที่สุดของเรือ เรียกวา<br />
ขอที่ : 444<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
RESISTANCE CALCULATION<br />
AREA, VOLUME AND WEIGHT ESTIMATION<br />
COST ESTIMATION<br />
SHIPYARD FACILITIES<br />
การออกแบบเรือจําเปนตองคํานึง คาที่เพิ่มขึ้นของการคํานวณที่ใชสําหรับการออกแบบดานตาง ๆ เชน WEIGHT ESTIMATION, POWER PREDICTION คาที่วานี้เรียกวา<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
MARGINS<br />
SAFETY FACTOR<br />
133 of 140
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
FUTURE GROWTH<br />
LIFE ALLOWANCE<br />
ขอที่ : 445<br />
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของน้ําหนักและปริมาตรของเรือ (WEIGHT AND VOLUME IMPACT) มีผลอยางกวางขวางในงานออกแบบ ขอใดไมเปนผลโดยตรง<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
POWER REQUIREMENT<br />
INTACT STABILITY<br />
SUPPORT SYSTEMS<br />
VENTILATING SYSTEM<br />
ขอที่ : 446<br />
การออกแบบรือจําเปนตองทําการคํานวณน้ําหนักของตัวเรือ เครื่องจักร และอุปกรณตาง ๆ รวมกัน เพื่อใหทราบถึงระวางขับน้ําที่แทจริงของเรือลํานั้น ๆ ขีดจํากัดของระวางขับน้ํา<br />
(LIMITS ON DISPLACEMENT) ประกอบดวยสามสวนสําคัญ ขอใดไมใช<br />
คําตอบ 1 : STRENGTH LIMIT<br />
คําตอบ 2 : DAMAGED STABILITY LIMIT<br />
คําตอบ 3 : MARGINS LIMIT<br />
คําตอบ 4 : SPEED / ENDURANCE LIMIT<br />
ขอที่ : 447<br />
การทดสอบแบบจําลองเรือ MODEL TEST เปนขั้นตอนที่สําคัญในการหาคาความตองการกําลังขับเคลื่อน อัตราสวนระหวางเรือจริงและเรือจําลองมีความสําคัญตอความถูกตองของ<br />
การแปลงคาผลการทดสอบเปนคาของเรือจริงที่ตองการสราง หากคา Scale Ratio 1:12 เรือจําลองมีความยาว 3.6 เมตร เรือจริงจะยาวเทาใด<br />
คําตอบ 1 : 44.2<br />
คําตอบ 2 : 43.2<br />
คําตอบ 3 : 42.2<br />
คําตอบ 4 : 41.2<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
134 of 140
ขอที่ : 448<br />
คาที่เพิ่มขึ้นของการคํานวณที่ใชสําหรับการออกแบบจะมีคามากหรือนอย ขึ้นอยูกับระดับขั้นตอนของการออกแบบในเบื้องตนจะมีคามาก ขั้นออกแบบรายละเอียดจะมีคาลดลง มีอยู<br />
สามลักษณะ (3 TYPES OF MARGINS) ขอใดไมถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : DESIGN AND CONSTRUCTION<br />
คําตอบ 2 : ACCEPTANCE TEST<br />
คําตอบ 3 : FUTURE GROWTH<br />
คําตอบ 4 : ASSURANCE<br />
ขอที่ : 449<br />
คาความตานทานของเรือ (SHIP RESISTANCE) โดยปกติเปนการแสดงความสัมพันธที่เปลี่ยแปลงจะแสดงดวยคาความตานทานกับขอใด<br />
คําตอบ 1 : SPEED<br />
คําตอบ 2 : DISPLACEMENT<br />
คําตอบ 3 : WETTED SURFACE<br />
คําตอบ 4 : BLOCK COEFFICIENT<br />
ขอที่ : 450<br />
แหลงกําเนิดคาความตานทานของเรือ (RESISTANCE SOURCE SUMMARY) ที่เกิดขึ้นจากตัวเรือและสวนประกอบ ขอใดมีความแตกตางจากขออื่น ๆ ตามลักษณะของการทําใหเกิด<br />
คาความตานทานที่ไมใชตัวเรือ<br />
คําตอบ 1 : FRICTION<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 2 : WAVE MAKING<br />
คําตอบ 3 : EDDY /FORM<br />
คําตอบ 4 : AIR / APPENDAGE<br />
ขอที่ : 451<br />
135 of 140
คาประสิทธิภาพตัวเรือ (Hull Efficiency, η H<br />
) เปนคาความสัมพันธระหวาง EFFECTIVE POWER หรือ THRUST POWER หรือ DELIVERY POWER ขอใดเปนความ<br />
สัมพันธที่ถูกตอง<br />
เมื่อ PE = EFFECTIVE POWER, PT = THRUST POWER, PD = DELIVERY POWER<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
η H<br />
= PE/PT<br />
η H<br />
= PT/PE<br />
คําตอบ 3 : η H<br />
= PD/PT<br />
คําตอบ 4 : η H<br />
= PT/PD<br />
ขอที่ : 452<br />
คาประสิทธิภาพใบจักร (PROPELLER EFFICIENCY, η o<br />
) เปนคาความสัมพันธระหวาง EFFECTIVE POWER หรือ THRUST POWER หรือ DELIVERY POWER ขอ<br />
ใดเปนความสัมพันธที่ถูกตอง<br />
เมื่อ PE = EFFECTIVE POWER, PT = THRUST POWER, PD = DELIVERY POWER<br />
ขอที่ : 453<br />
คําตอบ 1 : η O<br />
= PE/PT<br />
คําตอบ 2 : η O<br />
= PT/PE<br />
คําตอบ 3 : η O<br />
= PD/PT<br />
คําตอบ 4 : η O<br />
= PT/PD<br />
ใบจักรเรือที่มีลักษณะพิเศษของการทํางานที่แตกตางจากใบจักรประเภทในขอเลือกขอใดหนึ่ง<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
FIXED PITCH PROPELLER<br />
CONTROLLABLE PITCH PROPELLER<br />
CONTRA ROTATING PROPELLER<br />
136 of 140
คําตอบ 4 :<br />
VOITH SCHNEIDER PROPELLER<br />
ขอที่ : 454<br />
เสนโคงใบจักรเรือแสดงคาความสัมพันธตาง ๆ ที่มีความเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน คาสัมประสิทธิ์ที่แสดงมีคาใด<br />
คําตอบ 1 : THRUST COEFFICIENT (KT), TORQUE COEFFICIENT (KQ), ADVANCE RATIO (J)<br />
คําตอบ 2 : THRUST COEFFICIENT (KT), TORQUE COEFFICIENT (KQ), OPEN COEFFICIENT (η O<br />
)<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
THRUST COEFFICIENT (KT), OPEN COEFFICIENT (η O<br />
) ADVANCE RATIO (J)<br />
TORQUE COEFFICIENT (KQ), OPEN COEFFICIENT (η O<br />
) ADVANCE RATIO (J)<br />
ขอที่ : 455<br />
การเลือกใบจักรเรือมีคาสัมประสิทธิ์ที่จะตองนํามาพิจารณาหลายคา เชน เสนผาศูนยกลาง ความเร็วเรือ ความตานทาน อัตราสวนพื้นที่ เปนตน หากผูออกแบบเลือกใบจักรที่มี<br />
คุณสมบัติไมเหมาะสม จะทําใหเกิดสิ่งที่สามารถทําใหเกิดเสียงดัง และเกิดการชํารุดบนผิวใบจักร คือขอใด<br />
คําตอบ 1 : WAKE FRACTIONS<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
CAVITATIONS<br />
SLIP RATIO<br />
THRUST DEDUCTION<br />
ขอที่ : 456<br />
การปรับปรุงสมรรถนะของรูปทรงตัวเรือ (HULL PERFORMANCE IMPROVEMENTS)เพื่อลดคาความตานทานที่เกิดขึ้นตามลักษณะของรูปทรงตัวเรือ ประเภทนั้น ๆ สามารถ<br />
กระทําไดตามตัวเลือกที่ระบุยกเวนขอใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
BULBOUS BOW<br />
FIN STABILIZER<br />
TRANSOM STERN<br />
137 of 140
คําตอบ 4 :<br />
STERN WEDGES<br />
ขอที่ : 457<br />
เรือบรรทุกสินคามีขีดความสามารถในการจัดวางสินคาไดที่ระดับชั้นตาง ๆ บนเรือ ขอใดเปนผลกระทบที่เกิดขึ้น กับคาการทรงตัวของเรือ เมื่อจัดวางสินคาใหมีคา KG มีคาต่ําสุด<br />
คําตอบ 1 : คา MAX. GZ มีคามากที่สุด<br />
คําตอบ 2 : จุดมุมเอียงสูงสุด (VANISHING) มีคามากที่สุด<br />
คําตอบ 3 : ลดคา GM ของเรือใหนอยที่สุด<br />
คําตอบ 4 : พื้นที่ใตเสนโคงแสดงคาการทรงตัวมีคามากที่สุดปลี่ยนเข็มในการเดินทาง<br />
ขอที่ : 458<br />
เรือสองลํามีความยาวเทากัน ความกวางสูงสุดบริเวณกลางลําแตกตางกัน ระดับกินน้ําลึกมีคาใกลเคียงกัน และมีตําแหนงของจุดศูนยถวงอยูในระดับเทากัน เรือในขอใดมีคุณสมบัติถูก<br />
ตอง<br />
คําตอบ 1 : เรือลําที่มีความกวางนอยมีคา Max. GZ มากกวา<br />
คําตอบ 2 : เรือลําที่มีความกวางมีมุมเอียงสูงสุด (Vanishing) มากกวา<br />
คําตอบ 3 : เรือลําที่มีความกวางนอยมีคา GM ของเรือมากกวา<br />
คําตอบ 4 : พื้นที่ใตเสนโคงแสดงคาการทรงตัวมีคาใกลเคียงกัน<br />
ขอที่ : 459<br />
เรือตรวจการณสองลํามีความยาวเทากัน ความสูงกราบเรือ และระวางขับน้ําที่มีคาใกลเคียงกัน และมีตําแหนงของจุดศูนยถวงอยูในระดับเทากัน แตมีความกวางแตกตางกัน มีผลทําให<br />
คา GM ของเรือแตกตางกันในขอใดมีคุณสมบัติไมถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : คา GM มากแสดงวาเรือมีการทรงตัวที่ดีกวา<br />
คําตอบ 2 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คา GM แสดงคา INITIAL STABILITY<br />
คําตอบ 3 : คา GM เปนองคประกอบหนึ่งของการคํานวณคา ROLLING PERIOD<br />
คําตอบ 4 : เรือลําที่มีคา GM นอยกวาเรือมีอาการโคลงชา (TENDER)<br />
138 of 140
ขอที่ : 460<br />
การกําหนดตําแหนงของผนังกันน้ํา (WATERTIGHT BULKHEAD) ที่เปนการแบงสวนตัวเรือ (SUBDIVISION) เพื่อความปลอดภัยของเรือในกรณีเกิดความเสียหายน้ําเขาเรือ ซึ่งเปน<br />
ขอกําหนดตามประเภทของเรือ และขนาดเรือ ขอใดแสดงขอมูลใชสําหรับการกําหนดตําแหนงผนังกันน้ํา<br />
คําตอบ 1 : BONJEAN CURVE<br />
คําตอบ 2 : STATICAL STABILITY CURVE<br />
คําตอบ 3 : FLOODABLE LENGTH CURVE<br />
คําตอบ 4 : BUOYANCY CURVE<br />
ขอที่ : 461<br />
เรือยนตความเร็วสูง มีขีดจํากัด ของพื้นที่ติดตั้งเครื่องจักรขับเคลื่อน และมีความตองการกําลังขับเคลื่อนสูง เมื่อเปรียบเทียบคา กําลังขับเคลื่อนตอน้ําหนักของเครื่องยนต ที่มีคามาก มี<br />
ความเหมาะสมที่จะใชเปนเครื่องยนตขับของเรือเร็ว เครื่องยนตดีเซลชนิดใดที่ควรเลือกใช<br />
คําตอบ 1 : LOW SPEED DIESEL<br />
คําตอบ 2 : MEDIUM SPEED DIESEL<br />
คําตอบ 3 : HIGH SPEED DIESEL<br />
คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />
ขอที่ : 462<br />
เรือลําหนึ่งกําหนดความตองการใหมีระยะปฎิบัติการ 8,000 ไมลทะเล ที่ความเร็ว 15 นอต ขับเคลื่อนดวยเครื่องยนตดีเซลความเร็งปานกลาง มีคาความหมดเปลืองจําเพาะ (SPECIFIC<br />
FUEL CONSUMPTION, SFC) = 190 gm./kw-hr. ใหคํานวณหาปริมาณน้ํามันเชื้อเพลิงที่ตองการใช สําหรับการออกแบบถังเก็บบนเรือ<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : 200 ตัน<br />
คําตอบ 2 : 250 ตัน<br />
คําตอบ 3 : 310 ตัน<br />
คําตอบ 4 : มีขอมูลไมเพียงพอ<br />
139 of 140
ขอที่ : 463<br />
เครื่องยนตขับเคลื่อนเรือที่มีคากําลังขับเคลื่อนตอน้ําหนักของเครื่องยนตสูงที่สุด ขอใดถูกตองที่สุด<br />
คําตอบ 1 : HIGH SPEED DIESEL<br />
คําตอบ 2 : MEDIUM SPEED DIESEL<br />
คําตอบ 3 : LOW SPEED DIESEL<br />
คําตอบ 4 : GAS TURBINE<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
140 of 140