Thermal System Design - สภาวิศวà¸à¸£
Thermal System Design - สภาวิศวà¸à¸£
Thermal System Design - สภาวิศวà¸à¸£
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
สาขา: เครื่องกล วิชา: ME72 <strong>Thermal</strong> <strong>System</strong> <strong>Design</strong><br />
1 of 130<br />
ขอที่ : 1<br />
ขอที่ : 2<br />
ขอที่ : 3<br />
ขอที่ : 4<br />
ขั้นตอนใดเปนขั้นตอนแรกในการออกแบบทางวิศวกรรม<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
<strong>System</strong> design and cost estimation.<br />
Defined need or opportunity<br />
Market analysis.<br />
Probability of success<br />
เปาหมายสูงสุดในการออกแบบระบบ <strong>Thermal</strong> system design คือ<br />
คําตอบ 1 : ระบบที่คุมทุนและสามารถทํางานไดตามที่ตองการ<br />
คําตอบ 2 : ระบบที่ทันสมัยและทํางานไดดีที่สุด<br />
คําตอบ 3 : ระบบที่ถูกที่สุดที่สามารถทํางานได<br />
คําตอบ 4 : ระบบที่ออกแบบตรงตามความตองการของลูกคา<br />
ขอใดเรียงลําดับขั้นตอนที่ถูกตองในการออกแบบระบบหรือผลิตภัณฑตามหลักวิศวกรรม<br />
คําตอบ 1 :<br />
ระบุความตองการและโอกาส – วิเคราะหตลาด – วิเคราะหความนาจะเปนของความสําเร็จ<br />
คําตอบ 2 : วิเคราะหตลาด – ศึกษาความเปนไปไดของโครงการ – เริ่มกอสรางหรือผลิต<br />
คําตอบ 3 : ศึกษาความเปนไปไดของโครงการ – วิเคราะหตลาด – เริ่มกอสรางหรือผลิต<br />
คําตอบ 4 : วิเคราะหตลาด – กอสรางหรือผลิต – ประเมินความสําเร็จ<br />
ขั้นตอนตอไปนี้จะเกิดหลังขั้นตอนการศึกษาความนาจะเปนของโครงการ (Feasibility Study) ยกเวนขอใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Criteria for Success<br />
Market Analysis<br />
Research and Development<br />
Project Cancellation<br />
ขอที่ : 5<br />
ขั้นตอนการศึกษาความนาจะเปนของโครงการ (Feasibility Study) ควรจะดําเนินการตอเนื่องจากขั้นตอนใด
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Marketing Analysis<br />
Research and Development<br />
Product or <strong>System</strong> <strong>Design</strong> and Cost Estimation<br />
Need or Opportunity<br />
2 of 130<br />
ขอที่ : 6<br />
ในบางโครงการจําเปนตองมีขั้นตอน Research and Development เพื่อใหโครงการมีประสิทธิภาพและมีความเปนไปไดมากขึ้น ขั้นตอนนี้ควรอยูระหวางขั้นตอนใด<br />
คําตอบ 1 : Criteria for Success และ Probability of Success<br />
คําตอบ 2 : Need or Opportunity และ Criteria for Success<br />
คําตอบ 3 : Marketing Analysis และ Feasibility Study<br />
คําตอบ 4 : Feasibility Study และ Implement Construction<br />
ขอที่ : 7<br />
สิ่งใดไมไดอยูในขั้นตอนการออกแบบทางความรอน<br />
คําตอบ 1 : การทําความเขาใจปญหา (Understanding the problem)<br />
คําตอบ 2 : การพัฒนาแนวความคิด (Concept development)<br />
คําตอบ 3 : การออกแบบอยางละเอียด (Detailed design)<br />
คําตอบ 4 : การตั้งสมมุติฐานในการออกแบบ (Hypothesis)<br />
ขอที่ : 8<br />
ขอที่ : 9<br />
ขั้นตอนสุดทายในการออกแบบคืออะไร<br />
คําตอบ 1 : การออกแบบในแตละอุปกรณ<br />
คําตอบ 2 : การวิเคราะหทางเศรษฐศาสตร<br />
คําตอบ 3 : การดําเนินการกับผลลัพธ<br />
คําตอบ 4 : การเลิกกิจการ<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
จากแผนภูมิแสดงผลการวิเคราะหตลาด (Market Analysis) ขอใดแสดงถึงตัวแปรตางๆ ในแผนภูมิ ไดถูกตองโดย เรียงตัวแปร A-B-C-D ตามลําดับ
3 of 130<br />
ขอที่ : 10<br />
ขอที่ : 11<br />
ขอที่ : 12<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Potential volume of sales- High sales and advertising effort-Low effort-Price<br />
Price- High sales and advertising effort-Low effort- Potential volume of sales<br />
Potential volume of sales- Low effort- sales and advertising effort- Price<br />
Price- Low effort- High sales and advertising effort- Potential volume of sales<br />
ขอไมใชตัวแปรในการพิจารณาในกระบวนการศึกษาความเปนไปไดของโครงการกอสรางหรือการ ออกแบบ (Feasibility study)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Investment capital<br />
Economics<br />
Zoning regulations<br />
Land costs<br />
ขั้นตอนใดไมจําเปนทางทฤษฎีในการออกแบบทางวิศวกรรม (Engineering Undertaking)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Determine probability of success<br />
Market Analysis<br />
Research and Development<br />
Feasibility study<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
การคํานวนหาจุดคุมทุน (Optimized) ของการออกแบบระบบ สิ่งใดที่ตองพิจารณาเปนสําคัญ<br />
คําตอบ 1 : ดูวาระบบนั้นใชทําอะไร<br />
คําตอบ 2 : ดูวาระบบทํางานไดหรือไม<br />
คําตอบ 3 : ดูวาคุมคาตอการลงทุนหรือไม<br />
คําตอบ 4 : ดูวาระบบมีประสิทธิภาพดีหรือไม
ขอที่ : 13<br />
ขอที่ : 14<br />
ขอที่ : 15<br />
ขอที่ : 16<br />
ในการออกแบบทางวิศวกรรม ขั้นตอนหลังจากที่ทราบความตองการหรือเห็นวามีโอกาสความเปนไปไดแลว คือ<br />
คําตอบ 1 : หาผูรวมทุน<br />
คําตอบ 2 : หาตลาด<br />
คําตอบ 3 : กําหนดแนวคิดในการออกแบบ<br />
คําตอบ 4 : พิจารณาโอกาสที่จะสําเร็จ<br />
หลังจากศึกษาไดวาโปรเจคมีความนาจะเปนสูงที่จะมีความสําเร็จ ขั้นตอนตอไปที่ตองศึกษาคือ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
ศึกษาตลาด<br />
กําหนดวิธีการการออกแบบ<br />
คําตอบ 3 : กําหนดวัสดุที่จะใช<br />
คําตอบ 4 : กําหนดความตองการ<br />
หลังจากศึกษาไดวาโปรเจคมีความนาจะเปนสูงที่จะมีความสําเร็จ ขั้นตอนตอไปที่ตองศึกษาคือ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
ศึกษาตลาด<br />
กําหนดวิธีการการออกแบบ<br />
คําตอบ 3 : กําหนดวัสดุที่จะใช<br />
คําตอบ 4 : กําหนดความตองการ<br />
หลังจากขั้นตอนการทํา Feasibility แลว ถาพบวามีโอกาสที่สําเร็จสูง ขั้นตอนใดควรเปนขั้นตอนตอไป<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Market analysis<br />
Research and Development<br />
Technical design<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ไมมีขอถูก<br />
4 of 130<br />
ขอที่ : 17<br />
อะไรคือขั้นตอนตอไปหลังจากการทํา Market analysis<br />
คําตอบ 1 : Specify criteria of success<br />
คําตอบ 2 : Feasibility study
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Technical design<br />
R&D<br />
5 of 130<br />
ขอที่ : 18<br />
ขอที่ : 19<br />
ขอที่ : 20<br />
ขอที่ : 21<br />
หลังจากทํา R&D แลวพบแนวคิดใหมๆขึ้นมา ควรตองกลับไปเริ่มที่ขั้นตอนใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Market analysis<br />
Feasibility study<br />
Technical design<br />
Define need or opportunity<br />
หลังจากทําขั้นตอน Feasibility study แลว และพบวามีโอกาสเปนไปได หากไมจําเปนตองทํา R&D สามารถดําเนินขั้นตอนใดได<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Technical design<br />
Market analysis<br />
Implement<br />
Specify criteria of success<br />
ในการออกแบบหากเราขาดขอมูลสําคัญหรือมีขอมูลคลุมเครืออยู ควรทําอยางไร<br />
คําตอบ 1 : หาแนวทางการออกแบบใหมที่ไมใชขอมูลนั้น<br />
คําตอบ 2 : ทําการจําลองและทดสอบในหองทดลอง<br />
คําตอบ 3 : ออกแบบโดยสมมุติขอมูลนั้นใหชัดเจน<br />
คําตอบ 4 : ทํางานในขั้นตอนอื่นๆ ไปกอน<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ผลผลิตที่เกิดขึ้นทันทีจากขบวนการออกแบบคือ<br />
คําตอบ 1 : รายงานการคํานวณและแบบตาง ๆ ที่จะนํามาผลิตตอไป<br />
คําตอบ 2 : สินคาที่ผลิตได<br />
คําตอบ 3 : ความรูความเขาใจในขบวนการผลิตนั้น ๆ<br />
คําตอบ 4 : การติดตอสื่อสารกับบุคคลากรที่เกี่ยวของ<br />
ขอที่ : 22
คําวา <strong>Thermal</strong> <strong>System</strong> หมายถึง<br />
คําตอบ 1 : ระบบที่พลังงานตาง ๆ ไปขับเคลื่อนทําใหเกิดขบวนการตาง ๆ ขึ้นมา<br />
คําตอบ 2 : ระบบทางความรอนที่เกี่ยวของกับพลังงานทั้งในของแข็ง ของเหลวและกาซ<br />
คําตอบ 3 : ระบบทางความรอนซึ่งของไหลและพลังงานที่อยูในรูปของความรอนและงานเกิดการสงถายและเปลี่ยนแปลงไปมา<br />
คําตอบ 4 : ระบบทางเทอรโมไดนามิคสที่เกี่ยวพันกับของไหลและพลังงาน<br />
6 of 130<br />
ขอที่ : 23<br />
Methodology หรือ Morphology ในงานทางดานวิศวกรรมคือ<br />
ขอที่ : 24<br />
ขอที่ : 25<br />
ขอที่ : 26<br />
คําตอบ 1 : ความรูความสามารถ ความเขาใจในงานที่ตองตัดสินใจ<br />
คําตอบ 2 : การวิเคราะหขั้นตอนและขบวนการในแตละขั้นเพื่อนําไปสูการตัดสินใจในขั้นตอนสุดทาย<br />
คําตอบ 3 : การสรางวิธีการในการแกปญหาทางดานวิศวกรรม<br />
คําตอบ 4 : การประยุกตใชวิธีการทางทฤษฎีใหปรับใชไดในทางปฏิบัติเพื่อใหงานทางดานวิศวกรรมสําเร็จลงได<br />
สิ่งที่จะตองมีมากอนเปนอยางแรกในการตัดสินใจทํางานทางดานวิศวกรรมคือ<br />
คําตอบ 1 : เงินลงทุนในปริมาณที่เพียงพอ<br />
คําตอบ 2 : ปริมาณวิศวกรสาขาตาง ๆ ที่พอเพียงตอการทํางานนั้น<br />
คําตอบ 3 : กําหนดนิยามของความตองการหรือโอกาสของงานทางดานวิศวกรรมไดอยางถูกตองและแมนยํา<br />
คําตอบ 4 : ความแข็งแกรงของคูแขงในตลาดเพื่อรักษาสวนแบงทางดานการตลาด<br />
การแจกแจงความนาจะเปนแบบไหนที่เหมาะสมสําหรับใชเปนเครื่องมือการตัดสินใจ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
การแจกแจงแบบยกกําลัง (Exponential Distribution)<br />
การแจกแจงแบบแกมมา (Gamma Distribution)<br />
การแจกแจงแบบที (T Distribution)<br />
การแจกแจงแบบปกติ ( Normal Distribution)<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
สิ่งสําคัญที่สุดสําหรับนักตัดสินใจที่จําเปนตองทราบ เพื่อการตัดสินใจทํางานทางดานวิศวกรรมคือ<br />
คําตอบ 1 : ผลตอบแทนที่คุมคา<br />
คําตอบ 2 : เงินลงทุนที่ไมบานปลาย<br />
คําตอบ 3 : โอกาสที่สินคานั้นจะผลิตขึ้นโดยมีการสูญเสียนอย
คําตอบ 4 : ผลตอบแทนและความนาจะเปนที่จะไดรับผลตอบแทนนั้น ๆ<br />
ขอที่ : 27<br />
ขอที่ : 28<br />
ขอที่ : 29<br />
ขอที่ : 30<br />
ความเปนไปไมไดในเชิงไมสามารถทําไดของโครงการเปนผลมาจากอะไรไดบาง<br />
คําตอบ 1 : ขัดตอกฎหมายและขอบังคับตาง ๆ ขาดแรงงาน ขาดเงินทุนและที่ดิน<br />
คําตอบ 2 : ขาดความรูความสามารถ มีความไมปลอดภัยในการทํางาน<br />
คําตอบ 3 : ขาดคนตั้งใจทํางาน ขาดความสามัคคี<br />
คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />
การวิเคราะหความนาจะเปนของความสําเร็จจะเปนตัวบงชี้ใหเกิดขบวนการอะไรตอไป<br />
คําตอบ 1 : การกําหนดเงื่อนไขของความสําเร็จ<br />
คําตอบ 2 : การกําหนดความตองการหรือโอกาส<br />
คําตอบ 3 : เงินลงทุนที่จะตองใช<br />
คําตอบ 4 : การวิเคราะหดานตลาด<br />
ขอใดจัดเปนการออกแบบเชิงเทคนิค<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
ตนทุนการผลิต<br />
คุณสมบัติของอุปกรณและระบบ<br />
คําตอบ 3 : กลุมเปาหมายทางการตลาด<br />
คําตอบ 4 : วิเคราะหปจจัยทางเศรษฐศาสตร<br />
ขอไมใชตัวแปรในการพิจารณาในกระบวนการศึกษาความเปนไปไดของการ ออกแบบ ในการวิเคราะหแบบ (Feasibility study)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Fix Cost<br />
Operating Cost<br />
Equipment or <strong>System</strong> Cost<br />
Maintenance Cost<br />
7 of 130<br />
ขอที่ : 31<br />
ในการออกแบบระบบ บางครั้งจําเปนตองมีการพิจารณาซ้ํา (Iteration) เพื่อเปนการตรวจสอบ ยืนยัน ปรับปรุง กระบวนการ ออกแบบใหมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น ขั้นตอนตอไปนี้ ยกเวน ขั้น
ตอนใด ไมจัดอยูภายใตกระบวนการพิจารณาซ้ําตามหลักการออกแบบทาง วิศวกรรม<br />
คําตอบ 1 : Criteria for Success<br />
คําตอบ 2 : Marketing Analysis<br />
คําตอบ 3 : Feasibility Study<br />
คําตอบ 4 : Cost Estimation<br />
8 of 130<br />
ขอที่ : 32<br />
ขอที่ : 33<br />
ขอที่ : 34<br />
ขอที่ : 35<br />
ในการออกแบบทางวิศวกรรม บางครั้งอาจจะไมเหมาะสมในการดําเนินการตอ (โครงการยกเลิก) อาจเกิดขึ้นภายหลังขั้นตอนใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Need or Opportunity<br />
Criteria of Success<br />
Probability of Success<br />
Market Analysis<br />
ในการออกแบบทางวิศวกรรม บางครั้งอาจจะไมเหมาะสมในการดําเนินการตอ (โครงการยกเลิก) อาจเกิดขึ้นภายหลังขั้นตอนใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Feasibility Study<br />
<strong>Design</strong> and Cost Estimates<br />
Research and Development<br />
Implementation or Construction<br />
จากแผนภูมิแสดงผลการวิเคราะหตลาด (Market Analysis) ราคาขายสินคามักจะแปรผกผันกับสิ่งใด หากพิจารณาทําการตลาด ของสินคาชนิดเดียวกัน เทาๆ กัน<br />
คําตอบ 1 :<br />
จํานวนสินคาคงเหลือ<br />
คําตอบ 2 : จํานวนสินคาที่ขายได<br />
คําตอบ 3 : ขอจํากัดทางเศรษฐศาสตร<br />
คําตอบ 4 : จํานวนเงินลงทุน<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ในการพิจารณาแผนภูมิแสดงผลการวิเคราะหตลาด (Market Analysis) หากยอดขายคงที่ วิธีใดเปนวิธีการเพิ่มราคาสินคาใหมี ราคาสูงขึ้น<br />
คําตอบ 1 : เพิ่มเงินลงทุนในการผลิต<br />
คําตอบ 2 : ลดตนทุนในการผลิต<br />
คําตอบ 3 : เพิ่มราคาสินคา
คําตอบ 4 : เพิ่มการโฆษณาหรือสงเสริมการขาย<br />
ขอที่ : 36<br />
ขั้นตอนใดไมจัดเปนกระบวนการเทคนิคทางดานวิศวกรรม (Technical Engineering Undertaking)<br />
คําตอบ 1 : Research<br />
คําตอบ 2 : <strong>System</strong> design<br />
คําตอบ 3 : Implement and Construction<br />
คําตอบ 4 : Development<br />
ขอที่ : 37<br />
ขั้นตอนใดจัดเปนกระบวนการเทคนิคทางดานวิศวกรรม (Technical Engineering Undertaking)<br />
คําตอบ 1 : Marketing Analysis<br />
คําตอบ 2 : Feasibility Study<br />
คําตอบ 3 : Cost Estimation<br />
คําตอบ 4 : Specify criteria for success<br />
ขอที่ : 38<br />
ขั้นตอนใดจัดเปนกระบวนการเทคนิคทางดานวิศวกรรม (Technical Engineering Undertaking)<br />
คําตอบ 1 : Define need and opportunity<br />
คําตอบ 2 : Marketing Analysis<br />
คําตอบ 3 : Specify criteria for success<br />
คําตอบ 4 : ผิดทุกขอ<br />
ขอที่ : 39<br />
ขั้นตอนใดตอไปนี้ควรพิจารณาและกระทําภายหลังเสร็จสินการทํางานทางดานวิศวกรรม (Engineering Undertaking)<br />
คําตอบ 1 : บริหารตนทุนการดําเนินการใหต่ําที่สุด<br />
คําตอบ 2 : วิเคราะหสวนแบงทางตลาด<br />
คําตอบ 3 : วิจัยและพัฒนาสินคาหรือระบบ<br />
คําตอบ 4 : กําหนดจุดมุงหมายและความสําเร็จ<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
9 of 130<br />
ขอที่ : 40<br />
ขั้นตอนใดจะเปนตัวบงชี้ใหเกิดขบวนการ ศึกษาความเปนไปไดของโครงการ (Feasibility Study) ตอไป
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
การดําเนินการผลิต หรือ กอสราง ระบบ หรือ อุปกรณ<br />
การดําเนินการออกแบบ และประเมินราคาของระบบ หรืออุปกรณ<br />
การวิจัยและพัฒนาระบบ หรืออุปกรณ<br />
การกําหนดนิยามของความตองการหรือโอกาสของงานทางดานวิศวกรรม<br />
10 of 130<br />
ขอที่ : 41<br />
ขอที่ : 42<br />
ขอที่ : 43<br />
ขอที่ : 44<br />
ขอใดไมใชความหมายของระบบใชงานได (Workable <strong>System</strong>)<br />
คําตอบ 1 : ระบบที่มีคาดําเนินการและคาบํารุงรักษาที่ดี<br />
คําตอบ 2 : ระบบที่ตรงวัตถุประสงคในการออกแบบ<br />
คําตอบ 3 : ระบบที่มีจุดคุมทุนดีที่สุด<br />
คําตอบ 4 : ระบบที่เปนไปตามขอกําหนดเบื้องตนในการออกแบบ<br />
ขอใดกลาวถูกตองที่สุด<br />
คําตอบ 1 : ระบบที่ทํางานไดกับระบบที่เหมาะสมที่สุด แทจริงแลวมีความหมายเหมือนกัน<br />
คําตอบ 2 : ระบบที่เหมาะสมที่สุดเปนซับเซตของระบบที่ทํางานได<br />
คําตอบ 3 : ระบบที่ทํางานได คือระบบที่คุมคาตอการลงทุนที่สุด<br />
คําตอบ 4 : ระบบที่ทํางานไดเปนซับเซตของระบบเหมาะสมที่สุด<br />
ในการออกแบบที่เหมาะสมที่สุดสําหรับอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนแบบของไหลไหลสวนทางกัน (Counter flow heat exchanger) ซึ่งมีตัวแปรในการออกแบบ คือ ผลตางของ<br />
อุณหภูมิต่ําสุดระหวางของของไหลทั้งสองที่แลกเปลี่ยนความรอนกัน (ΔTmin) จะตอง ออกแบบอยางไร<br />
คําตอบ 1 : ออกแบบใหเกิดคาใชจายโดยรวมทั้งหมดมีคาต่ําที่สุด เมื่อคิดตลอดการใชงาน<br />
คําตอบ 2 : ออกแบบใหคา ΔTmin สูงสุด เพื่อประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนความรอน<br />
คําตอบ 3 : ออกแบบใหอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนมีราคาถูกที่สุด<br />
คําตอบ 4 : ออกแบบใหคาใชจายเริ่มตนในตอนลงทุนต่ําที่สุด เพื่อแสดงใหเห็นถึงความเปนไปไดของโครงการ<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ตองการสงน้ําขึ้นถังซึ่งสูงจากพื้น 20 เมตร ใหไดในอัตรา 200 ลูกบาศกเมตร ตอชั่วโมง ขอใดเปนการออกแบบที่ระบบทํางานได (Workable <strong>System</strong>)<br />
คําตอบ 1 : ติดตอผูขายเครื่องสูบน้ํา สั่งซื้อเครื่องสูบน้ําที่มีความดัน 20 เมตร<br />
คําตอบ 2 : เลือกใชทอขนาด 8 นิ้ว จากนั้นหาคาความดันสูญเสียในทอ แลวนําคาที่ไดไปเลือกซื้อเครื่องสูบน้ํา<br />
คําตอบ 3 : คํานวณหาขนาดทอโดยพิจารณาความเร็วของน้ําในทอ จากนั้นคํานวณความดันสูญเสียในทอรวมกับ Static Head เพื่อนําไปซื้อเครื่อง สูบ<br />
คําตอบ 4 : คํานวณหาขนาดทอและขนาดเครื่องสูบที่เหมาะสมโดยพิจารณาถึงเงินลงทุนและคาดําเนินการดวย
ขอที่ : 45<br />
ขอที่ : 46<br />
ขอที่ : 47<br />
เกณฑที่ใชในการหาสภาพที่เหมาะสมที่สุดคืออะไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ประสิทธิภาพการทํางานของแตละอุปกรณ<br />
ประสิทธิภาพการทํางานของระบบโดยรวม<br />
สภาพทางเศรษฐศาสตร<br />
สภาพทางเศรษฐกิจ<br />
จากแผนภูมิระหวาง ความหนาของฉนวนกันความรอน (Insulation thickness, แกนX) และ คาลงทุนทั้งหมด (Total cost, แกนY) จงพิจารณาวาคาความหนาของฉนวนที่อยูบริเวณ<br />
ใด เปน ความหนาที่มีคาการลงทุน (Total cost) ต่ําสุด หากพิจารณาคาลงทุนของฉนวน (Insulation cost) และ คาลงทุนเนื่องจากการสูญเสียความรอน (Cost of lost energy)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
A<br />
B<br />
C<br />
D<br />
ขอใดอธิบายความหมายของคําวา ระบบที่สามารถทํางานได (Workable system) ไดเหมาะสมที่สุด<br />
คําตอบ 1 : หมายถึงระบบที่ใชอุปกรณที่มีคุณภาพสูง<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 2 : หมายถึงระบบที่ออกแบบไดถูกตองตามมาตรฐาน<br />
คําตอบ 3 : หมายถึงระบบที่สามารถทํางานไดตามความตองการ<br />
คําตอบ 4 : หมายถึงระบบที่ออกแบบไดคุมทุนและสามารถทํางานไดตามที่ตองการ<br />
11 of 130<br />
ขอที่ : 48<br />
ขอใดคือนิยามของคําวาระบบที่ทํางานได(Workable system)ที่เหมาะสมทีสุด
คําตอบ 1 : คือระบบที่ออกแบบไดถูกตองตามาตรฐานและใชอุปกรณที่มีคุณภาพ<br />
คําตอบ 2 : คือระบบที่ออกแบบใหสามารถทํางานไดตามที่ตองการ<br />
คําตอบ 3 : คือระบบที่ออกแบบไดคุมคาที่สุด<br />
คําตอบ 4 : คือระบบที่ออกแบบแลวใชเงินลงทุนนอยที่สุด<br />
12 of 130<br />
ขอที่ : 49<br />
การออกแบบใดเหมาะสมกับคําวาระบบที่สามารถทํางานได(Workable system)มากที่สุด<br />
คําตอบ 1 : ออกแบบระบบทอและเลือกขนาดปมน้ําที่สามารถสงน้ําไดตามปริมาณที่ตองการ<br />
คําตอบ 2 : ออกแบบระบบทอและเลือกขนาดปมน้ําที่ใชพลังงานนอยที่สุดและสามารถสงน้ําไดตามตองการ<br />
คําตอบ 3 : ออกแบบระบบทอและเลือกขนาดปมน้ําที่สามารถทํางานไดและใชวัสดุที่ดีที่สุด<br />
คําตอบ 4 : ออกแบบระบบทอและเลือกขนาดปมน้ําโดยมีคาติดตั้งนอยที่สุด<br />
ขอที่ : 50<br />
ระบบใดอธิบายคําวาระบบที่สามารถทํางานได(Workable system)ไดเหมาะสมที่สุด<br />
ขอที่ : 51<br />
คําตอบ 1 : ระบบทําความเย็นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดโดยที่เสียคาลงทุนนอยที่สุด<br />
คําตอบ 2 : ระบบสงน้ําที่เมื่อเดินปมแลวสามารถสงน้ําขึ้นถังเก็บไดปริมาณตามที่ตองการ<br />
คําตอบ 3 : ระบบอัดอากาศที่เสียคาใชจายในการเดินเครื่องและการติดตั้งนอยที่สุด<br />
คําตอบ 4 : ระบบแลกเปลี่ยนความรอนที่ใชวัสดุดีที่สุดและมีขนาดเล็กที่สุด<br />
ระบบใดเหมาะสมกับคําวา Workable system มากที่สุด<br />
คําตอบ 1 : ระบบสงน้ําถึงถังเก็บบนภูเขาโดยพิจารณาความดันสูญเสียในทอและความสูงของภูเขาเปนสําคัญ<br />
คําตอบ 2 : ระบบสงน้ําที่พิจารณาถึงผลกระทบของขนาดทอที่มีตอการใชพลังงานของปมน้ําและเลือกขนาดของทอและปมที่เหมาะสมที่สุด<br />
คําตอบ 3 : ระบบสงน้ําที่พิจารณาถึงความมั่นคงของระบบเปนสําคัญ<br />
คําตอบ 4 : ระบบสูบน้ําที่เลือกใชทอและปมที่มีขนาดเล็กที่สุดเพื่อใหสูบน้ําไดตามตองการ<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 52<br />
การออกแบบใดถือวาเปนการออกแบบที่เหมาะสมคุมคา(Optimum system)<br />
คําตอบ 1 : การออกแบบระบบที่ทํางานไดตามความตองการของผูออกแบบ<br />
คําตอบ 2 : การออกแบบที่พิจารณาถึงคุณภาพของอุปกรณที่ใชเพื่อใหไดระบบที่มั่นคงที่สุด<br />
คําตอบ 3 : การออกแบบที่ทําใหระบบทํางานไดตามตองการโดยมีการลงทุนและใชพลังงานนอยที่สุด<br />
คําตอบ 4 : การออกแบบที่ทําใหไดระบบที่มีมูลคาต่ําที่สุด
ขอที่ : 53<br />
ขอที่ : 54<br />
ขอที่ : 55<br />
ขอที่ : 56<br />
เสี่ยรายหนึ่งตองการสงน้ําไปยังถังเก็บที่บานตากอากาศบนเขาสูงจากแหลงน้ํา 20 เมตร โดยประมาณมามีคนในบาน 10 คน (ใหใช น้ําคนละ 300 ลิตรตอคนตอวัน) การเลือกปมน้ําใน<br />
ขอใดจะทําใหเสี่ยมีน้ําใชไดพอดีตามตองการ<br />
คําตอบ 1 : สั่งซื้อปมน้ําที่มีจุดทํางานที่อัตราการไหล 125 ลิตรตอชั่วโมง ที่ความดัน 2 บาร<br />
คําตอบ 2 : สั่งซื้อปมน้ําที่มีจุดทํางานที่อัตราการไหล 300 ลิตรตอชั่วโมง ที่ความดัน 2 บาร<br />
คําตอบ 3 : สั่งซื้อปมน้ําที่มีจุดทํางานที่อัตราการไหล 125 ลิตรตอชั่วโมง ที่ความดัน 2 บาร บวกความดันสูญเสียในทอ<br />
คําตอบ 4 : สั่งซื้อปมน้ําที่มีจุดทํางานที่อัตราการไหล 300 ลิตรตอชั่วโมง ที่ความดัน 2 บาร บวกความดันสูญเสียในทอ<br />
ถามีความตองการสงน้ําในอัตรา 250 แกลอนตอนาที ไปยังถังน้ํามันสูง 10 เมตร โดยมีความดันสูญเสียในทอเทากับ 32 บาร การ เลือกปมในขอใดสามารถทําใหระบบทํางานได<br />
คําตอบ 1 : เลือกปมขนาด 270 แกลอนตอนาที ที่ความดัน 33 บาร<br />
คําตอบ 2 : เลือกปมขนาด 300 แกลอนตอนาที ที่ความดัน 33 บาร<br />
คําตอบ 3 : เลือกปมขนาด 250 แกลอนตอนาที ที่ความดัน 33 บาร<br />
คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />
ระบบในขอใดถือวาเปนระบบที่ทํางานได<br />
คําตอบ 1 : ระบบที่ทําไดตามวัตถุประสงค<br />
คําตอบ 2 : ระบบที่เปนไปตามขอกําหนด<br />
คําตอบ 3 : ระบบที่มีอายุใชงานและคาบํารุงรักษาเปนที่นาพอใจ<br />
คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />
สองขั้นตอนหลักในการทําใหระบบทํางานไดคือ<br />
คําตอบ 1 : กําหนดแนวคิดการออกแบบและกําหนดคาตัวแปรตางๆที่จะใชเลือกอุปกรณ<br />
คําตอบ 2 : กําหนดเงินลงทุนและวิธีการทํางาน<br />
คําตอบ 3 : กําหนดวิธีการและกําหนดตลาด<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 4 : กําหนดจุดคุมทุนและวิธีการทํางาน<br />
13 of 130<br />
ขอที่ : 57<br />
บริษัทรับออกแบบแหงหนึ่งออกแบบระบบปมน้ําและทอสงน้ําโดยคํานึงถึงความดันสูญเสียในทอ , ความแตกตางของระดับปมกับ ถังน้ํา และอัตราการไหลที่ตองการ เพื่อกําหนดขนาด<br />
ปม อยากทราบวาการออกแบบนี้ถือเปนการออกแบบชนิดใด
คําตอบ 1 : เปนการออกแบบตามมาตรฐาน<br />
คําตอบ 2 : เปนการออกแบบใหระบบทํางานได<br />
คําตอบ 3 : เปนการออกแบบอยางคุมคา<br />
คําตอบ 4 : เปนการออกแบบที่ผิด<br />
14 of 130<br />
ขอที่ : 58<br />
ขอที่ : 59<br />
ขอที่ : 60<br />
ขอที่ : 61<br />
การออกแบบทอระบบหนึ่ง จากการคํานวณไดวาจะตองใชทอขนาดไมเล็กกวา 4.12 นิ้ว วิศวกรผูออกแบบควรแจงใหผูรับเหมา ติดตั้งทอขนาดใด<br />
คําตอบ 1 : 4.12 นิ้ว<br />
คําตอบ 2 : 4.00 นิ้ว<br />
คําตอบ 3 : 4.50 นิ้ว<br />
คําตอบ 4 : 6.00 นิ้ว<br />
ผูใหญบานตองการใหออกแบบทอสงน้ําใชในหมูบาน โดยมีความตองการใชน้ํา 10,000 ลิตรตอวัน แหลงน้ําหางจากถังเก็บน้ํา 100 เมตรและอยูสูงจากระดับปม 10 เมตร วิศวกรผู<br />
ออกแบบคํานวณไดวาตองใชทอขนาด 20 นิ้ว ทานคิดวาผลการคํานวณนี้เปนอยางไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
เหมาะสมดีแลว<br />
คําตอบ 2 : ขนาดทอที่คํานวณได นาจะมีขนาดเล็กเกินไป<br />
คําตอบ 3 : ขนาดทอที่คํานวณได นาจะมีขนาดใหญเกินไป<br />
คําตอบ 4 : ตองใชทอขนาด 22 นิ้ว เพราะขนาด 20 นิ้ว ไมมีขายในตลาด<br />
ขอใดไมใชขอกําหนดของระบบที่สามารถทํางานได<br />
คําตอบ 1 : สามารถทํางานไดตามวัตถุประสงคที่ตองการ<br />
คําตอบ 2 : ใหอายุการทํางานยาวนานเปนที่นาพอใจ<br />
คําตอบ 3 : ตองสามารถทํางานไดจริง แมจะไมไดอยูภายใตเงื่อนไขที่กําหนดไว<br />
คําตอบ 4 : การทํางานจะตองอยูภายใตเงื่อนไขที่กําหนด<br />
ระบบที่ใชงานไดคือ<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : ระบบที่บรรลุความตองการตามวัตถุประสงคของระบบ<br />
คําตอบ 2 : ระบบที่มีคาบํารุงรักษาและอายุการใชงานในระดับที่นาพึงพอใจ<br />
คําตอบ 3 : ระบบที่เปนไปตามเงื่อนไขขอบังคับที่ระบุไวทุกอยาง<br />
คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ
ขอที่ : 62<br />
ขอที่ : 63<br />
ขอที่ : 64<br />
ขอที่ : 65<br />
ขั้นตอนในการออกแบบเพื่อใหไดระบบที่ทํางานได มีดังนี้<br />
คําตอบ 1 : เลือกแนวคิดในการออกแบบที่จะใช<br />
คําตอบ 2 : กําหนดคาตัวแปรที่จําเปนในการเลือกสวนประกอบของระบบ<br />
คําตอบ 3 : พิจารณาความเปนไปไดในดานการลงทุนรวมทั้งความประหยัดทางดานเศรษฐศาสตร<br />
คําตอบ 4 : ถูกเฉพาะขอ 1 และ 2<br />
สิ่งที่ทําใหการออกแบบระบบใหเหมาะสมตางจากการออกแบบระบบโดยทั่ว ๆ ไปคือ<br />
คําตอบ 1 :<br />
ตองมีการสรางแบบจําลองทางคณิตศาสตร<br />
คําตอบ 2 : ตองคํานึงถึงความคุมคาทางดานการลงทุน<br />
คําตอบ 3 : ตองใชวิธีการคํานวณที่ซับซอน<br />
คําตอบ 4 : ตองอาศัยความรูทางดานวิศวกรรมขั้นสูง<br />
หัวใจสําคัญของการคัดเลือกแนวคิดในการออกแบบคือ<br />
คําตอบ 1 : เลือกใชวิธีการที่เคยใชไดมาแลวกับงานออกแบบที่มีลักษณะคลายกัน เพื่อความปลอดภัย<br />
คําตอบ 2 : พยายามคิดทบทวนถึงแนวคิดตาง ๆ ที่เปนไปไดรวมทั้งแนวคิดที่เคยเปนไปไมไดดวย เพื่อใหไดแนวทางการเลือกแนวคิดการออกแบบ ที่หลากหลาย<br />
คําตอบ 3 : คัดเลือกแนวคิดตามระยะเวลาที่อํานวยเพื่อใหงานออกแบบนั้นเสร็จสิ้นเรียบรอยทันตามกําหนดเวลา<br />
คําตอบ 4 : เลือกแนวคิดการออกแบบตามที่วิศวกรอาวุโสแนะนําและไมใชแนวคิดการออกแบบที่ไมไดรับการสนับสนุนจากวิศวกรอาวุโส<br />
วิศวกรคํานวณขนาดเครื่องปรับอากาศสําหรับอาคารหลังหนึ่ง โดยคิดตัวประกอบความปลอดภัยในการคํานวณไว 10 % ทานคิด วาการออกแบบดังกลาวเปนการออกแบบแบบไหน<br />
คําตอบ 1 : การออกแบบเพื่อใหระบบทํางานได (Workable <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />
คําตอบ 2 : การออกแบบระบบที่เหมาะสม (Optimum <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />
คําตอบ 3 : การออกแบบตามวิธีการที่ใชทั่วไป (Conventional <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />
คําตอบ 4 : การออกแบบตามวิธีการคํานวณภาระการทําความเย็นตามวิธีกรคํานวณของสมาคมวิศวกรทําความรอน ทําความเย็น และปรับอากาศ แหงสหรัฐอเมริกา (ASHRAE)<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
15 of 130<br />
ขอที่ : 66<br />
วิศวกรออกแบบระบบเครื่องทําความเย็นโดยมีขอกําหนดวาระบบดังกลาวตองใชเงินลงทุนนอยสุด ในขณะเดียวกันตองสามารถทํา ความเย็นไดเพียงพอหากวาภาระการทําความเย็น<br />
สูงสุดเพิ่มขึ้น 10% ในความคิดของทาน วิศวกรผูนี้ตองใชการออกแบบระบบแบบ ไหน<br />
คําตอบ 1 : การออกแบบระบบที่เหมาะสม (Optimum <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)
คําตอบ 2 : การออกแบบตามวิธีการที่ใชทั่วไป (Conventional <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />
คําตอบ 3 : การออกแบบเพื่อใหระบบทํางานได (Workable <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />
16 of 130<br />
คําตอบ 4 : การออกแบบตามวิธีการคํานวณภาระการทําความเย็นตามวิธีกรคํานวณของสมาคมวิศวกรทําความรอน ทําความเย็น และปรับอากาศ แหงสหรัฐอเมริกา (ASHRAE)<br />
ขอที่ : 67<br />
ขอที่ : 68<br />
ขอที่ : 69<br />
ขอที่ : 70<br />
ทานคิดวาประโยคใดตอไปนี้ถูก<br />
คําตอบ 1 : วิศวกรควรเลือกใชวิธีการออกแบบระบบที่เหมาะสม (Optimum <strong>System</strong> <strong>Design</strong>) ในทุก ๆ งาน เนื่องจากปจจุบันเครื่องคอมพิวเตอรหา ไดงาย<br />
คําตอบ 2 : เพื่อความปลอดภัย วิศวกรควรเลือกออกแบบระบบใหสามารถทํางานไดกอน (Workable <strong>System</strong> <strong>Design</strong>) เพื่อปองกันความผิดพลาด เสียหายที่จะเกิดขึ้น<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
การที่จะเลือกใชวิธีการออกแบบอยางใดอยางหนึ่งระหวางการออกแบบระบบใหทํางานได (Workable <strong>System</strong> <strong>Design</strong>) กับการออกแบบ ระบบใหเหมาะสม<br />
(Optimum <strong>System</strong> <strong>Design</strong>) ตองดูวาคาใชจายในการออกแบบจะคุมหรือไม<br />
ประโยคขางตนผิดหมด<br />
การออกแบบระบบที่เหมาะสม (Optimum <strong>System</strong> <strong>Design</strong>) คืออะไร<br />
คําตอบ 1 : การออกแบบที่คํานึงถึงความสัมพันธระหวางตัวแปรตาง ๆ ที่มีในระบบทั้งหมด โดยมีฟงชั่นวัตถุประสงค (Objective function) เปนตัว ชี้นําการออกแบบ<br />
คําตอบ 2 : การออกแบบที่ใหความสําคัญกับตัวแปรที่สําคัญที่สุดเปนพิเศษ โดยไมคํานึงถึงความสําคัญของตัวแปรอื่น ๆ ที่มีในระบบ<br />
คําตอบ 3 : การออกแบบที่อาศัยแนวคิดการออกแบบที่หลากหลายรูปแบบ เพื่อใหไดระบบที่เหมาะสมที่สุด<br />
คําตอบ 4 : การออกแบบเพื่อใหผูใชพึงพอใจ<br />
ขอใดตอไปนี้เปนการออกแบบระบบขั้นเหมาะสมที่สุด (Optimum <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />
คําตอบ 1 : ออกแบบใหระบบสามารถทํางานไดตรงตามคา design ที่กําหนดไว<br />
คําตอบ 2 : ออกแบบระบบใหมีความปลอดภัยสูงสุด<br />
คําตอบ 3 : ออกแบบระบบใหตรงตามความพึ่งพอใจของลูกคา<br />
คําตอบ 4 : ผิดทุกขอ<br />
ขอใดคือขอแตกตางที่สําคัญที่สุดระหวางการออกแบบเพื่อใหระบบทํางานได (Workable <strong>System</strong> <strong>Design</strong>) และ การออกแบบระบบ ขั้นเหมาะสมที่สุด (Optimum <strong>System</strong><br />
<strong>Design</strong>)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
พิจารณาคํานึงถึงดานตนทุนในการออกแบบและผลิต<br />
พิจารณาคํานึงถึงความสามารถในการทํางานไดอยางมีประสิทธิภาพ<br />
พิจารณาคํานึงถึงความปลอดภัยของระบบตอสภาพแวดลอม<br />
พิจารณาคํานึงถึงขอขอบังคับหรือกฎหมาย
ขอที่ : 71<br />
ขอใดตอไปนี้ถือวาเปนการออกแบบระบบที่ทํางานได (Workable <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />
คําตอบ 1 : วิศวกร A ออกแบบเครื่องปรับอากาศที่มีความจุความเย็นต่ํากวาคาความสบายของบุคคลทั่วไป<br />
คําตอบ 2 : วิศวกร B ออกแบบอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนจําพวกหอหลอเย็นใหมีขนาดเหมาะสมกับระบบ<br />
คําตอบ 3 : วิศวกร C ออกแบบระบบสูบน้ําโดยพิจารณาคาดําเนินการและคาบํารุงรักษาใหต่ําที่สุด<br />
คําตอบ 4 : ไมมีวิศวกรทานใด ออกแบบตามหลัก การออกแบบระบบที่ทํางานได<br />
ขอที่ : 72<br />
ขอใดตอไปนี้ไมถือวาเปนการออกแบบระบบที่ทํางานได (Workable <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />
คําตอบ 1 : การออกแบบที่มีการใชสารเคมีในกระบวนการ<br />
คําตอบ 2 : การออกแบบโดยใชวัสดุที่มีความแข็งแรงเกินกวาคาสภาวออกแบบ (design condition) ที่กําหนดไว<br />
คําตอบ 3 : ระบบที่มีเสียงดังเกิดกวาคามาตรฐานหรือกฎหมายกําหนด<br />
คําตอบ 4 : ทุกขอไมถือเปนการออกแบบระบบที่ทํางานได<br />
ขอที่ : 73<br />
ขอใดตอไปนี้เปนการกระทําที่ถือวาเปนการออกแบบระบบขั้นเหมาะสมที่สุด (Optimum <strong>System</strong> <strong>Design</strong>) ในการออกแบบระบบ สูบน้ํา<br />
คําตอบ 1 : เปลี่ยนเครื่องสูบน้ําใหมีขนาดเล็กลง<br />
คําตอบ 2 : เปลี่ยนวัสดุทอจากทอเหล็กเปนทอพลาสติกโดยความดันภายในทอไมเกินคากําหนดของทอพลาสติก<br />
คําตอบ 3 : เพิ่มขนาดทอจากทอเล็กเปนทอขนาดใหญเพื่อสงน้ําในปริมาณที่มากขึ้น<br />
คําตอบ 4 : เปลี่ยนวัสดุทอจากทอพลาสติกเปนทอเหล็กเพื่อยืดอายุการใชงาน<br />
ขอที่ : 74<br />
ขอใดตอไปนี้ ไมใชขั้นตอนเพื่อใหไดระบบที่ทํางานได (Workable <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />
คําตอบ 1 : พิจารณาเปาหมายของการออกแบบและเงื่อนไขบังคับ<br />
คําตอบ 2 : กําหนดฟงกชั่นประสงค (Objective Function) (เชน น้ําหนักเบาสุด หรือ พื้นผิวมากสุด ฯลฯ), เปาหมายการออกแบบ และเงื่อนไขบังคับ<br />
คําตอบ 3 : เลือกสมการพื้นฐานทางฟสิกสและวิศวกรรมที่เกี่ยวของมาใช<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
17 of 130<br />
กําหนดตัวแปรบางตัวในสมการทางฟสิกส เปนตัวแปรตรึงซึ่งจําเปนตอการเลือกอุปกรณยอย และคํานวณตัวแปรที่เหลือ โดยคาที่ คํานวณไดตองสอดคลองกับ<br />
เงื่อนไขบังคับ<br />
ขอที่ : 75<br />
ขอใดคือความสามารถของระบบขั้นทํางานได<br />
คําตอบ 1 : ระบบนั้นตองทํางานตรงตามเปาหมายหรือวัตถุประสงค
คําตอบ 2 : ระบบนั้นตองมีอายุการใชงานและคาบํารุงรักษาอยูในเกณฑที่ตองการ<br />
คําตอบ 3 : สอดคลองกับเงื่อนไขบังคับทั้งหมด (Constraints)<br />
คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />
18 of 130<br />
ขอที่ : 76<br />
ขอใดตอไปนี้ ไมใชขั้นตอนเพื่อใหไดระบบขั้นเหมาะสมที่สุด (Optimum <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />
คําตอบ 1 : กําหนดฟงกชั่นประสงค (Objective Function) (เชน น้ําหนักเบาสุด หรือ พื้นผิวมากสุด ฯลฯ), เปาหมายการออกแบบ และเงื่อนไขบังคับ<br />
คําตอบ 2 : เลือกสมการพื้นฐานทางฟสิกสและวิศวกรรมที่เกี่ยวของมาใช รวมกับฟงกชั่นประสงค<br />
คําตอบ 3 : ใชเทคนิคทางคณิตศาสตรเฉพาะเพื่อแกสมการพื้นฐานทางฟสิกสและวิศวกรรม โดยไมกําหนดตัวแปรคงที่ หรือตัวแปรตรึง<br />
คําตอบ 4 : ใชเทคนิคทางคณิตศาสตรเฉพาะเพื่อแกสมการพื้นฐานทางฟสิกสและวิศวกรรม โดยกําหนดตัวแปรคงที่ หรือตัวแปรตรึง<br />
ขอที่ : 77<br />
จะตองจายเงินตนและดอกเบี้ยคืนเทาไหร ณ ปที่ 5 เมื่อกูเงิน 5,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 8% ตอป เปนระยะเวลา 5 ป<br />
คําตอบ 1 : 7,346,600 บาท<br />
คําตอบ 2 : 6,456,040 บาท<br />
คําตอบ 3 : 8,365,930 บาท<br />
คําตอบ 4 : 7,125,500 บาท<br />
ขอที่ : 78<br />
มูลคาในอนาคตของเงินจํานวน 1,000 บาท ใน 15 ปขางหนา จะเปนเทาไหร ถาอัตราดอกเบี้ย 8 % ตอป คิดดอกเบี้ยทบตนทุกสาม เดือน<br />
คําตอบ 1 : 25,489 บาท<br />
คําตอบ 2 : 23,598 บาท<br />
คําตอบ 3 : 27,671 บาท<br />
คําตอบ 4 : 24,598 บาท<br />
ขอที่ : 79<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
หากคุณยืมเงินมาลงทุน 1000 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยตอป 15 % คิดอัตราดอกเบี้ยทบตนทุกเดือน คุณมีความสามารถในการ ชําระเงินคืนตอเดือนได 38 บาท จะตองใชระยะเวลา<br />
ประมาณกี่เดือนจึงจะสามารถชําระหนี้ไดทั้งหมด<br />
คําตอบ 1 : 28 เดือน<br />
คําตอบ 2 : 32 เดือน<br />
คําตอบ 3 : 35 เดือน<br />
คําตอบ 4 : 38 เดือน
ขอที่ : 80<br />
ขอที่ : 81<br />
ขอที่ : 82<br />
ขอที่ : 83<br />
ขอใดคือขอจํากัดของการประเมินโครงการโดยพิจารณาจากอัตราคืนผลภายใน (Internal rate of return)<br />
คําตอบ 1 :<br />
ไมสามารถพิจารณาอัตราสวนของผลตอบแทนตอตนทุนได<br />
คําตอบ 2 : อัตราดอกเบี้ยตองมีคาคงที่ตลอดโครงการ<br />
คําตอบ 3 : สามารถใชไดกับสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงได<br />
คําตอบ 4 : ไมสามารถประเมินผลกําไรที่แทจริงได<br />
วิธีการประเมินโครงการวิธีใดที่ควรใชวิเคราะหในสภาวะที่เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ<br />
คําตอบ 1 : วิธีพิจารณาจากอัตราสวนระหวางผลตอบแทนและตนทุน (Benefit-cost ratio, BCR)<br />
คําตอบ 2 : วิธีพิจารณาจากอัตราคืนผลภายใน (Internal rate of return)<br />
คําตอบ 3 : วิธีพิจารณาจากระยะเวลาถอนทุน (Pay back period)<br />
คําตอบ 4 : วิธีพิจารณาจากอัตราคืนผลเฉลี่ย (Average rate of return)<br />
นายสมชายกูเงินจากธนาคารมาซื้อเครื่องจักรราคา 500,000 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยเงินกู 10 % ตอป คิดดอกเบี้ยทบตนทุกเดือน โดยชําระคืนเปนรายเดือนๆ ละ 20,000 บาท นาย<br />
สมชายจะใชเวลานานเทาใดในการชําระคืน<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
27 เดือน<br />
28 เดือน<br />
29 เดือน<br />
30เดือน<br />
หากมีการลงทุนเพื่อซื้ออุปกรณความรอนชุดหนึ่ง ในชวงเวลา 5 ป ดังนี้ ตนปที่ 1 ลงทุน 100,000 บาท ตนปที่ 2 ลงทุน 90,000 บาท ตนปที่ 3 ลงทุน 80,000 บาท ตนปที่ 4 ลงทุน<br />
70,000 บาท ตนปที่ 5 ลงทุน 60,000 บาท ใหทําการวิเคราะหทางเศรษฐศาสตร เพื่อหามูลคาในปจจุบันโดยคิดอัตราดอกเบี้ย 8 % ตอป<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
325,547 บาท<br />
351,591 บาท<br />
460,321 บาท<br />
497,147 บาท<br />
19 of 130<br />
ขอที่ : 84<br />
ในการฝากเงิน 150,000 บาท ธนาคารใหดอกเบี้ย 1.5% ตอป โดยคิดดอกเบี้ยให 6 เดือนตอครั้ง เมื่อสิ้นปที่ 5 จะไดรับเงินคืน ทั้งหมดเทาไร
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
152,250 บาท<br />
161,593 บาท<br />
161,637 บาท<br />
161,667 บาท<br />
20 of 130<br />
ขอที่ : 85<br />
ขอที่ : 86<br />
ขอที่ : 87<br />
ขอที่ : 88<br />
กูเงินมา 750,000 บาท เพื่อมาตั้งสายการผลิตสินคาเพิ่มในโรงงาน เงินกูดังกลาวตองใชคืนภายใน 10 ป โดยที่จะตองสงเงินคืนทุก ๆ ไตรมาส โดยเริ่มตนจายเงินเมื่อสิ้นสุดไตรมาส<br />
แรก อัตราดอกเบี้ยเทากับ 8% ตอป คิดแบบทบตนรายวัน ใหคํานวณหาเงินที่ตองจาย คืนในแตละ ไตรมาส<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
26,868.27 บาท, 27,166.81 บาท, 27,465.34 บาท, 27,465.34 บาท<br />
26,786.34 บาท, 27,366.81 บาท, 27,565.34 บาท, 27,465.34 บาท<br />
29,790.34 บาท, 229,145.81 บาท, 29,565.34 บาท, 29,465.34 บาท<br />
26,786.34 บาท, 27,366.81 บาท, 28,565.34 บาท, 29,465.34 บาท<br />
หากยืมเงินมา 5,000 บาท โดยธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ยทบตน 4% ตอป อยากทราบวาในปที่ 8 จะตองจายคืนเงินตนและดอกเบี้ย รวมกันเทาไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
5,320.00 บาท<br />
6,842.85 บาท<br />
6,600.00 บาท<br />
6,654.75 บาท<br />
ทักษิณกูเงินจํานวน 300 ลานบาท โดยผูใหกูกําหนดดอกเบี้ย 5% ตอป และไมคิดเปนดอกเบี้ยทบตน อยากทราบวา ณ. ปที่ 9 ทักษิณตองจายเงินคืนเทาไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
450 ลานบาท<br />
465 ลานบาท<br />
435 ลานบาท<br />
440 ลานบาท<br />
มูลคาของเงินที่ตองใชคืนจะเปนเทาไร เมือเวลาผานไป 5 ป ถากูเงินจํานวน 500 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ย 8% และคิดดอกเบี้ยทบ ตนทุกไตรมาส<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
742.97 บาท<br />
800 บาท<br />
2,330.48 บาท<br />
1,300 บาท
ขอที่ : 89<br />
ขอที่ : 90<br />
ขอที่ : 91<br />
ขอที่ : 92<br />
จะตองใชคืนจะเปนเทาไร เมือเวลาผานไป 5 ป ถากูเงินจํานวน 500 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ย 8% และคิดดอกเบี้ยทบตนทุกครึ่งป<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
1,300 บาท<br />
740.12 บาท<br />
800 บาท<br />
900 บาท<br />
จะตองใชคืนจะเปนเทาไร เมือเวลาผานไป 15 ป ถากูเงินจํานวน 525 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ย 7% และคิดดอกเบี้ยทบตนทุกครึ่งป<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
1,473.57 บาท<br />
1,447.35 บาท<br />
1,532.33 บาท<br />
1,488.68 บาท<br />
ถากูเงินจากธนาคารมาจํานวน 5 ลานบาท ระยะเวลาการใชคืน 20 ป โดยธนาคารคิดดอกเบี้ยในอัตรา 3% ตอป และคิดดอกเบี้ยทบ ตนทุกๆครึ่งป จงหาวาจะตองนําเงินมาชําระคืน<br />
เทาไรเมื่อครบเวลา 20 ป<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
8.01 ลานบาท<br />
16.02 ลานบาท<br />
11.05 ลานบาท<br />
9.07 ลานบาท<br />
กําหนดใหยืมเงินมา 1,000 บาท โดยผูใหยืมคิดคาดอกเบี้ย 15% ตอปโดยคิดดอกเบี้ยทบตนทุกเดือน ถาสามารถที่จะจายคืนได 38 บาท ตอเดือน อยากทราบวาตองใชเวลากี่เดือน<br />
จึงสามารถจายคืนเงินยืมได<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
35 เดือน<br />
40 เดือน<br />
33 เดือน<br />
50 เดือน<br />
21 of 130<br />
ขอที่ : 93<br />
วิศวกรรายหนึ่งกูเงินมาลงทุนจํานวน 500,000 บาท โดยตองเสียดอกเบี้ย 12% ตอปโดยคิดดอกเบี้ยทบตนทุกหกเดือน จงหาวา เมือถึงปที่ 5 จํานวนเงินทั้งหมดจะเปนเทาไร
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
620,000 บาท<br />
895,424 บาท<br />
800,000 บาท<br />
11,000,000 บาท<br />
22 of 130<br />
ขอที่ : 94<br />
ขอที่ : 95<br />
ครอบครัวหนึ่งตองการมีเงินเพื่อใชสรางบานจํานวน 2 ลานบาท โดยมีระยะเวลาลงทุน 12 ป ถาผลตอบแทนจากการลงทุนคิดเปน 9% โดยจะไดทุกๆครึ่งป อยากทราบวาครอบครัวนี้<br />
ตองใชเงินลงทุนเทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
660,879.90 บาท<br />
674,889.50 บาท<br />
695,406.95 บาท<br />
736,997.25 บาท<br />
ชัยยุทธตองการมีเงิน 1,000,000 บาท จึงเลือกลงทุนกับหลักทรัพยแหงหนึ่ง ซึ่งใหผลตอบแทน 9% ตอป โดยคิดดอกเบี้ยทบตน ทุกไตรมาตร ตามขอตกลงมีระยะเวลาลงทุน 12 ป<br />
จงหาวาชัยยุทธตองหาเงินมาลงทุนจํานวนเทาไร<br />
คําตอบ 1 : 343,685.18<br />
คําตอบ 2 : 355,675.55<br />
คําตอบ 3 : 465,886.45<br />
คําตอบ 4 : 554,323.77<br />
ขอที่ : 96<br />
นส. พจมาน ไดประมาณคาบํารุงรักษารถยนตคันใหมเทากับ 2,000 บาท ในปแรก และเพิ่มขึ้นปละ 1,000 บาท เธอตั้งใจจะเก็บ รถยนตไวเปนเวลา 6 ป เธออยากทราบวาจะตองฝาก<br />
เงินเขาธนาคารเทาไร ถาธนาคารจายดอกเบี้ยให 5.5 % ตอป ทบตนทุกป เพื่อใหเพียงพอกับคาบํารุงรักษารถยนตคันนี้<br />
ขอที่ : 97<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
21,701 บาท<br />
21,806 บาท<br />
22,701 บาท<br />
27,000 บาท<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
สมคิดตองการฝากเงินที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย ซึ่งจายดอกเบี้ย 10 % ตอป ทบตนทุกวัน จงคํานวณหาดอกเบี้ยที่แทจริงที่เขา ไดรับตอป (1 ป มี 365 วัน)<br />
คําตอบ 1 : 9.500 %<br />
คําตอบ 2 : 9.515 %
คําตอบ 3 : 10.500 %<br />
คําตอบ 4 : 10.515 %<br />
23 of 130<br />
ขอที่ : 98<br />
ขอที่ : 99<br />
ขอที่ : 100<br />
ขอที่ : 101<br />
ธนาคารออมสินขายพันธบัตรออมทรัพยระยะยาว ซึ่งจายดอกเบี้ยในอัตรา 7.5 % ตอป ทบตนตอเนื่อง อยากทราบวา ผลประโยชนที่ไดรับจริงตอปคือเทาใด<br />
คําตอบ 1 : 7.50 %<br />
คําตอบ 2 : 7.65 %<br />
คําตอบ 3 : 7.79 %<br />
คําตอบ 4 : 8.00 %<br />
ขอใดตอไปนี้เปนทรัพยสินที่ไมเสื่อมราคา<br />
คําตอบ 1 :<br />
รถยนตประจําตําแหนง<br />
คําตอบ 2 : เครื่องจักรกลในโรงงาน<br />
คําตอบ 3 : คอมพิวเตอรในสํานักงาน<br />
คําตอบ 4 : ที่ดินที่ใชในการประกอบกิจการ<br />
ลงทุน 300,000 บาท ไดรับกําไรรายปเปน 86,000 บาท ซึ่งกระจายสม่ําเสมอตลอดป และถูกนํากลับไปลงทุนอีกโดยทันที ถา อายุเปน 6 ป และมูลคาหลังจาก 6 ป เปนศูนย จงหา<br />
อัตราการคืนทุน<br />
คําตอบ 1 : 12 %<br />
คําตอบ 2 : 16 %<br />
คําตอบ 3 : 20 %<br />
คําตอบ 4 : 22 %<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ในการวิเคราะหการลงทุนในทางเศรษฐศาสตร วิธีการ Total Capitalized Cost เหมาะสําหรับโครงการใด<br />
คําตอบ 1 : โครงการที่สภาวะดอกเบี้ยไมคงที่<br />
คําตอบ 2 : โครงการที่สามารถประเมินผลกําไรจริงออกมาได<br />
คําตอบ 3 : โครงการที่สามารถพิจารณาอัตราสวนของผลตอบแทนตอตนทุนได<br />
คําตอบ 4 : โครงการที่ไมสามารถประเมินผลกําไรได
ขอที่ : 102<br />
ขอที่ : 103<br />
ขอที่ : 104<br />
ขอที่ : 105<br />
ขอใดตอไปนี้กลาวไมถูกตองเกี่ยวกับวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming)<br />
คําตอบ 1 : ในการแกปญหาลิเนียรโปรแกรมมิ่งดวยกราฟตองกําหนดแกนและแบงสเกลของตัวแปรอิสระกอน<br />
คําตอบ 2 : ในการแกปญหาลิเนียรโปรแกรมมิ่งสามารถใชไดกับปญหาที่มีตัวแปรมากกวา 3 ตัวได<br />
คําตอบ 3 : ในการแกปญหาลิเนียรโปรแกรมมิ่งจะใชในการหาคาต่ําสุดหรือสูงสุดของฟงกชันวัตถุประสงค<br />
คําตอบ 4 : ในการแกปญหาลิเนียรโปรแกรมมิ่ง ฟงกชันวัตถุประสงคและเงื่อนไขบังคับจะตองมีลักษณะเปนเชิงเสนเทานั้น<br />
ขอใดตอไปนี้กลาวไมถูกตองเกี่ยวกับวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming)<br />
คําตอบ 1 : ในการแกปญหาลิเนียรโปรแกรมมิ่งดวยกราฟตองกําหนดแกนและแบงสเกลของตัวแปรอิสระกอน<br />
คําตอบ 2 : ในการแกปญหาลิเนียรโปรแกรมมิ่งสามารถใชไดกับปญหาที่มีตัวแปรมากกวา 3 ตัวได<br />
คําตอบ 3 : ในการแกปญหาลิเนียรโปรแกรมมิ่งจะใชในการหาคาต่ําสุดหรือสูงสุดของฟงกชันวัตถุประสงค<br />
คําตอบ 4 : ในการแกปญหาลิเนียรโปรแกรมมิ่ง ฟงกชันวัตถุประสงคและเงื่อนไขบังคับจะตองมีลักษณะเปนเชิงเสนเทานั้น<br />
คําตอบ 1 : คาสูงสุดเทากับ 6.25<br />
คําตอบ 2 : คาต่ําสุดเทากับ 6.25<br />
คําตอบ 3 : คาสูงสุดเทากับ 5.00<br />
คําตอบ 4 : คาต่ําสุดเทากับ 5.00<br />
กูเงินมาลงทุนทํารานอาหาร 600,000 บาทที่อัตราดอกเบี้ย 11 % ตอป คิดทบตนทุกครึ่งป รายไดที่คาดวาจะไดหลังจากหัก คาใชจายแลวทุก ๆ 6 เดือนเปนเงิน 60,000 บาท หาก<br />
ไมคิดรายไดจากการขายรานอาหารไปหลังจากเลิกกิจการ เจาของรานจะตองใช เวลาเทาไรในการจายคืนเงินกูทั้งหมด<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : 5 ป ครึ่ง<br />
คําตอบ 2 : 6 ป ครึ่ง<br />
คําตอบ 3 : 7 ป ครึ่ง<br />
คําตอบ 4 : 8 ป ครึ่ง<br />
24 of 130<br />
ขอที่ : 106<br />
กูเงินมาจากธนาคารออมสินตามนโยบายปลอยกูรายยอยเปนเงิน 40,000 บาท ระยะเวลาใชคืน 15 ปที่อัตราดอกเบี้ย 10 % ตอป คิดทบตนทุกเดือน โดยกําหนดใหชําระทุก ๆ เดือน<br />
อยากทราบวาดอกเบี้ยทั้งหมดที่จายไปใน 2 ปแรกคิดเปนเงินเทาไร
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
8,542.52 บาท<br />
7,763.57 บาท<br />
5,759.77 บาท<br />
9,861.25 บาท<br />
25 of 130<br />
ขอที่ : 107<br />
ขอที่ : 108<br />
ขอที่ : 109<br />
ขอที่ : 110<br />
ฝากเงินสะสมทุกป ป ละ 1,000 บาท เปนเวลา 15 ป โดยธนาคารคิดดอกเบี้ยให 8 % ตอป ทบตนทุก 3 เดือน เมื่อครบ 15 ป จะ ไดเงินเทาไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
27,671 บาท<br />
31,512 บาท<br />
19,895 บาท<br />
26,358 บาท<br />
เงินกูยืมเพื่อซื้อบานไดรับการขยายระยะเวลาการชําระเปน 20 ป ที่อัตราดอกเบี้ย 8 % ตอป คิดทบตนทุกเดือน กําหนดการชําระ เปนรายเดือน ถามวาจะตองใชเวลากี่เดือน เงินตนที่กู<br />
ยืมมาจึงจะลดลงเหลือครึ่งหนึ่งจากเงินตนเดิม<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
154 เดือน<br />
174 เดือน<br />
144 เดือน<br />
164 เดือน<br />
บริษัทเงินกูรายหนึ่งเสนอใหการกูยืมแกลูกคาเปนระยะเวลา 1 ป โดยไมตองมีหลักทรัพยค้ําประกัน ทั้งนี้บริษัทคิดอัตราดอกเบี้ย 8 % ตอป แตลูกคาตองเริ่มชําระดอกเบี้ยตั้งแตตน<br />
แทนที่จะไปเปนปลายปดังเชนที่เคยทํามา ถามวา อัตราดอกเบี้ยที่คิดเทียบเทากับกรณี ที่กําหนดใหลูกคาตองชําระเบี้ยปลายป จะเปนเทาไรจึงจะเทียบเทากับในกรณีดังกลาวขางตน<br />
คําตอบ 1 : 8.1 %<br />
คําตอบ 2 : 8.5 %<br />
คําตอบ 3 : 8.7 %<br />
คําตอบ 4 : 8.9 %<br />
ลงทุนในกองทุนประกันชีวิต เปนเงิน 10,000 บาท โดยไดรับดอกเบี้ยคิดเปน 8 % ตอป ทบตนรายป กองทุนอนุญาตใหถอนเงินได ในปลายปของแตละปเปนเงิน 1,000 บาท ถามวา<br />
จะถอนเงินจากกองทุนนี้ไดหมดภายในกี่ป<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
25 ป<br />
21 ป
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
23 ป<br />
27 ป<br />
26 of 130<br />
ขอที่ : 111<br />
ขอที่ : 112<br />
ขอที่ : 113<br />
ขอที่ : 114<br />
รายไดจากการปลอยเครื่องจักรใหเชาคิดเปนเงิน 120,000 บาท ตอป คาบํารุงรักษาเครื่องจักรเทากับ 60,000บาทตอป มูลคาของ เครื่องจักรเมื่อครบอายุการใชงาน 12 ป คิดเปน 20<br />
% ของเงินที่ซื้อเครื่องจักรมา ถามวาตองซื้อเครื่องจักรมาเปนเงินเทาไร จึงจะได อัตราผลตอบแทนจากการปลอยเชาเทากับ 15 %<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
337,868 บาท<br />
438,532 บาท<br />
335,845 บาท<br />
364,475 บาท<br />
เครื่องจักรตัวหนึ่งเมื่อซื้อแลวจะไมสามารถทํากําไรไดใน 5 ปแรก แตใน 10 ปหลังจากนั้น จะสามารถทํากําไรกลับคืนมาไดในอัตรา 80,000 บาทตอป ถาหากวาตองการผลตอบแทน<br />
จากการลงทุนซื้อเครื่องจักรคิดเปน 12 % (คิดทบตนรายป) ถามวาตองซื้อเครื่องจักรมา เปนเงินเทาไร จึงจะทําใหผลตอบแทนดังกลาวเปนไปได<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
246,000 บาท<br />
258,800 บาท<br />
248,700 บาท<br />
256,500 บาท<br />
กูเงินมา 100,000 บาท กําหนดชําระคืนภายใน 5 ป ที่อัตราดอกเบี้ย 8 % ตอป จะตองชําระเปนเงินทั้งหมดเทาไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
150,000 บาท<br />
140,000 บาท<br />
120,000 บาท<br />
180,000 บาท<br />
จะตองจายเงินตนและดอกเบี้ยคืนประมาณเทาไหร ณ ปที่ 30 เมื่อกูเงิน 3,200,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 14% ตอป<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
153 ลานบาท<br />
163 ลานบาท<br />
165 ลานบาท<br />
169 ลานบาท
ขอที่ : 115<br />
ขอที่ : 116<br />
ขอที่ : 117<br />
ขอที่ : 118<br />
นางสมหญิงตองการวางแผนหาเงินเพื่อสงเสียบุตรใหเรียนหนังสือตอนอายุ 12 ป โดยที่คาเลาเรียนบุตรในปนั้นมีคาเทากับ 400,000 บาท นางสมหญิงตองลงทุนเทาไรในเวลานี้ไปลง<br />
27 of 130<br />
ทุนในกองทุนรวม ที่ใหผลตอบแทนรอยละ 8 คิดทุกๆ 6 เดือน เพื่อที่จะ สามารถสงบุตรใหเขาเรียนไดอีก 12 ปขางหนา (สมมติวา คาเลาเรียนคงที่ที่ปที่ 12)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
125,000 บาท<br />
147,500 บาท<br />
156,000 บาท<br />
172,000 บาท<br />
แมวารัฐบาลจะรณรงคไมใหประชาชนไปกูหนี้นอกระบบ แตนายหลงผิดก็ยังไปกูเงินจากนายดอกโหดซึ่งเปนเจาหนี้นอกระบบ จํานวนเงิน 100,000 บาท โดยเสียดอกเบี้ยรอยละ 30<br />
ตอปคงที่ หากนายหลงผิดจะชําระในปที่ 10 ตองจายเงินทั้งเงินตนและดอกเบี้ยให เจาหนี้รวมเปนเงินเทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
1,258,571 บาท<br />
1,378,584 บาท<br />
1,394,682 บาท<br />
1,429,527 บาท<br />
มูลคาในอนาคตของเงินจํานวน ฝากทุกๆ ป ปละ 7,000 บาท ใน 10 ปขางหนา จะเปนเทาไหร ถาอัตราดอกเบี้ย 5 % ตอป คิด ดอกเบี้ยทบตนทุกๆ หกเดือน.<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
88,300 บาท<br />
89,980 บาท<br />
91,250 บาท<br />
92,250 บาท<br />
หากตองการยืมเงินจากธนาคารมาลงทุนในการกอสรางโรงงานผลิตชิ้นสวนรถยนตจํานวน 200 ลานบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยตอป 18 % คิดอัตราดอกเบี้ยทบตนทุกเดือน คุณมีความ<br />
สามารถในการชําระเงินคืนตอเดือนได 7 ลานบาท จะตองใชระยะเวลาประมาณกี่ เดือนจึงจะสามารถชําระหนี้ธนาคารไดทั้งหมด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
31 เดือน<br />
34 เดือน<br />
38 เดือน<br />
40 เดือน<br />
ขอที่ : 119<br />
เจาของโรงงานแหงหนึ่งตองการจะจะสรรเงินไวซื้อเครื่องจักรตัวใหมราคา 640,000 บาท ซึ่งเปนราคาประเมิน ใน 10 ป ขางหนา โดยการนําเงินไปลงทุนโดยฝากประจํา ซึ่งได
ดอกเบี้ยเงินฝากทบตนรอยละ 8 ตอป เจาของโรงงานนี้ตองฝากประจําตอปเทาใด จึงจะมี เงินมาซื้อเครื่องจักรตัวใหม<br />
คําตอบ 1 : 42,510 บาท<br />
คําตอบ 2 : 43,675 บาท<br />
คําตอบ 3 : 43,980 บาท<br />
คําตอบ 4 : 44,180 บาท<br />
28 of 130<br />
ขอที่ : 120<br />
ขอที่ : 121<br />
ขอที่ : 122<br />
เงินจํานวน 10,000 บาท นําไปลงทุนในกิจการเทาๆ กันทุกป โดยไมถอดเงินลงทุนออกมา หาก ROI (Return of Investment) มี คาเทากับ 14 % ตอปทบตนทุกเดือน อีก 12 ป<br />
ขางหนา จะไดเงินกอน ออกมาจํานวนเทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
272,700 บาท<br />
290,700 บาท<br />
301,700 บาท<br />
321,700 บาท<br />
หากตองการยืมเงินจากธนาคารมาลงทุนในการกอสรางโรงงานผลิตน้ําแข็งจํานวน 15 ลานบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยตอป 12 % คิด อัตราดอกเบี้ยทบตนทุกป แตละเดือนคุณมีความ<br />
สามารถในการชําระเงินคืนตอได 350,000 บาท จะตองใชระยะเวลาประมาณกี่เดือนจึง จะสามารถชําระหนี้ธนาคารไดทั้งหมด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
55 เดือน<br />
60 เดือน<br />
65 เดือน<br />
68 เดือน<br />
กูเงินจากสหกรณออมทรัพยมาลงทุนทํารานขนมปงจํานวน 3 ลานบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยตอป 12 % คิดอัตราดอกเบี้ยทบตนทุก ป แตละปคุณมีความสามารถในการชําระเงินคืนตอ<br />
ได 600,000 บาท จะตองใชระยะเวลาประมาณกี่ปจึงจะสามารถชําระหนี้ธนาคารได ทั้งหมด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
6 ป<br />
7 ป<br />
8 ป<br />
9 ป<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 123<br />
มูลคาในอนาคตของเงินจํานวน ฝากทุกๆ ป ปละ 8,000 บาท ใน 10 ปขางหนา มูลคาเงินฝากนี้จะเปนเทาไหร ถาอัตราดอกเบี้ย เงินฝากคิดเปน 5 % คงที่ตอปและคิดดอกเบี้ยทบตน<br />
ทุกๆ ไตรมาส
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
101,018 บาท<br />
101,068 บาท<br />
101,108 บาท<br />
101,168 บาท<br />
29 of 130<br />
ขอที่ : 124<br />
ขอที่ : 125<br />
ขอที่ : 126<br />
ขอที่ : 127<br />
หากตองการยืมเงินจากธนาคารมาลงทุนในการกอสรางโรงงานผลิตน้ําแข็งจํานวน 15 ลานบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยตอป 12 % คิด อัตราดอกเบี้ยทบตนทุกป แตละเดือนคุณมีความ<br />
สามารถในการชําระเงินคืนตอได 350,000 บาท จะตองใชระยะเวลาประมาณกี่เดือนจึง จะสามารถชําระหนี้ธนาคารไดทั้งหมด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
4.52 เดือน<br />
5 เดือน<br />
5.42 เดือน<br />
5.67 เดือน<br />
มูลคาในอนาคตของเงินจํานวน ฝากทุกๆ ป ปละ 65,000 บาท ใน 10 ปขางหนา มูลคาเงินฝากนี้จะเปนเทาไหร ถาอัตราดอกเบี้ย เงินฝากคิดเปน 3.75 % คงที่ตอปและคิดดอกเบี้ย<br />
ทบตนทุกๆ เดือน<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
763,756 บาท<br />
769,340 บาท<br />
772,130 บาท<br />
773,740 บาท<br />
เงินจํานวน 100,000 บาท นําไปลงทุนในกิจการเทาๆ กันทุกป โดยไมถอดเงินลงทุนออกมา หาก Return of Investment มีคา เทากับ 8 % ตอปทบตนทุกป อีก 15 ปขางหนา จะได<br />
เงินกอน ออกมาจํานวนเทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
317,217 บาท<br />
763,756 บาท<br />
2,715,210 บาท<br />
2,918,430 บาท<br />
จะตองจายเงินตนและดอกเบี้ยคืนประมาณเทาไหร หากทําสัญญาเงินกูระยะยาว เปนเวลา 15 ปจากแหลงเงินทุนแหงหนึ่งจํานวน 150 ลานบาท อัตราดอกเบี้ย 7% คงที่ตอป<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
414 ลานบาท<br />
416 ลานบาท
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
418 ลานบาท<br />
420 ลานบาท<br />
30 of 130<br />
ขอที่ : 128<br />
จากสมการดังตอไปนี้ (NPM) X1 – 4X2 + 3X3 = -7 3X1 + X2 – 2X3 = 14 2X1 + X2 + X3 = 5 จงหาคาตัวแปร X2<br />
คําตอบ 1 : 0<br />
คําตอบ 2 : 1<br />
คําตอบ 3 : 2<br />
คําตอบ 4 : 3<br />
ขอที่ : 129<br />
27. ใหคํานวณหาคาคงที่ในสมการ Y=A0+A1X+A2X2 โดยใชวิธีกําลังสองต่ําสุด สําหรับ (X,Y) ดังนี้ (1,10.5), (2,8), (5,18) และ (10,25) ขอใดถูกตอง<br />
ขอที่ : 130<br />
คําตอบ 1 : A0 = 2.329<br />
คําตอบ 2 : A0 = 6.337<br />
คําตอบ 3 : A3 = -2.329<br />
คําตอบ 4 : A3 = 6.337<br />
สมการแสดงความสัมพันธระหวางความดันอิ่มตัวกับอุณหภูมิสัมบูรณเขียนไดเปน ln P = A + B/T เมื่อ P คือ ความดันอิ่มตัว(kPa) และ T คือ อุณหภูมิสัมบูรณ (K) ใหใชวิธี กําลัง<br />
สองต่ําสุด ในการหาคาคงที่ A จากขอมูลตอไปนี้<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : 0.051<br />
คําตอบ 2 : 0.69<br />
คําตอบ 3 : 41.12<br />
คําตอบ 4 : 591.71<br />
ขอที่ : 131<br />
การสรางเสนโคงจากขอมูลในรูปแบบโพลิโนเมียลสองตัวแปรที่มีกําลังติดลบ ควรจะใชเมื่อใด
คําตอบ 1 : เมื่อกลุมขอมูลมีการกระจายตัวมาก<br />
คําตอบ 2 : เมื่อขอมูลมีคาเปนลบมากขึ้น ในขณะที่คาตัวแปรอิสระมีคามากขึ้น<br />
คําตอบ 3 : เมื่อขอมูลมีคาเขาใกลคาคงที่หนึ่ง ในขณะที่ตัวแปรอิสระมีคามากขึ้น<br />
คําตอบ 4 : เมื่อขอมูลมีคาเขาใกลศูนย เมื่อตัวแปรอิสระมีคานอยลงเรื่อยๆ<br />
31 of 130<br />
ขอที่ : 132<br />
ขอที่ : 133<br />
ขอที่ : 134<br />
ในการสรางเสนโคงสําหรับศึกษาการการนําความรอนในรูปทรงกระบอก (Cylindrical wall) ระหวางอุณหภูมิกับระยะทางตามแนว รัศมี ควรเลือกรูปแบบในการสรางเสนโคงอยางไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
แบบเสนตรง<br />
แบบโพลิโนเมียลกําลังสอง<br />
แบบล็อกการิทึม<br />
แบบล็อกการิทึมรวมกับโพลิโนเมียลกําลังสอง<br />
ขอใดกลาวถูกตองในการสรางเสนโคงจากขอมูลที่มีอยู<br />
คําตอบ 1 : วิธีกําลังสองต่ําสุดสามารถใชไดกับรูปแบบสมการที่ไมใชโพลิโนเมียลทุกรูปแบบ<br />
คําตอบ 2 : วิธีกําลังสองต่ําสุดสามารถใชไดกับรูปแบบสมการโพลิโนเมียลเทานั้น<br />
คําตอบ 3 : การจัดรูปขอมูลในรูปแบบโพลิโนเมียล โดยใชวิธีลากรองจ (Lagrange Interpolation) จะทําไดกับขอมูลที่ไมมีการกระจายตัวมาก เกินไปเทานั้น<br />
คําตอบ 4 : วิธีกําลังสองต่ําสุดไมสามารถใชไดกับรูปแบบสมการที่มีสัมประสิทธิ์คงที่เทานั้น<br />
จงใชขอมูลในตารางดานลาง ที่อุณหภูมิ 0, 50 และ 100 oC เพื่อสราง สมการ โพลิโนเมียล กําลังสอง ระหวางคา Enthalpy hg เทียบกับ อุณหภูมิ (t) เพื่อหาคา Enthalpy ที่<br />
อุณหภูมิ 80 oC กําหนดให สมการ โพลิโนเมียล กําลังสอง (Second-degree polynomial) y= a+bx+cx2, a and b = constant value<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
2625.3 kJ/kg<br />
2633.7 kJ/kg<br />
2640.5 kJ/kg<br />
2643.3 kJ/kg
ขอที่ : 135<br />
ขอที่ : 136<br />
ขอที่ : 137<br />
จากสมการ Y-yo = a1(X-1) + a2(X-1)2 จงหาคาคงที่ a1 โดยกําหนดให คาพิกัด (X, Y) = (1, 4), (2, 8) และ (3, 10)<br />
คําตอบ 1 : -1<br />
คําตอบ 2 : 3<br />
คําตอบ 3 : 4<br />
คําตอบ 4 : 5<br />
คําตอบ 1 : 1.000<br />
คําตอบ 2 : 0.500<br />
คําตอบ 3 : 0.000<br />
คําตอบ 4 : 0.717<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : a = 0.20<br />
คําตอบ 2 : a = 0.67<br />
คําตอบ 3 : b = 0.20<br />
คําตอบ 4 : b = 0.46<br />
32 of 130<br />
ขอที่ : 138<br />
ในงานวิศวกรรมโดยทั่วไป ถาลองพลอตขอมูลไดเปนรูปตัว S ควรใชสมการรูปแบบใดในการสรางเสนโคงแสดงความสัมพันธ ดังกลาว
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
สมการโพลิโนเมียลกําลังสอง<br />
สมการโพลิโนเมียลกําลังสาม<br />
คําตอบ 3 : สมการโพลิโนเมียลที่มีกําลังติดลบ<br />
คําตอบ 4 : สมการ Gompertz<br />
33 of 130<br />
ขอที่ : 139<br />
ขอที่ : 140<br />
ขอที่ : 141<br />
ถาหากขอมูลมีลักษณะเขาใกลคาคงที่คาหนึ่ง ในขณะที่ตัวแปรอิสระมีคามาก ควรใชสมการใดในการแสดงความสัมพันธของขอมูล ดังกลาว<br />
คําตอบ 1 : สมการโพลิโนเมียลที่มีกําลังสอง<br />
คําตอบ 2 : สมการโพลิโนเมียลที่มีกําลังติดสาม<br />
คําตอบ 3 : สมการโพลิโนเมียลที่มีกําลังติดลบ<br />
คําตอบ 4 : สมการ Gompertz<br />
คําตอบ 1 : 0.2<br />
คําตอบ 2 : 2<br />
คําตอบ 3 : 4<br />
คําตอบ 4 : 6<br />
ในการเก็บขอมูลการทดลองอยางหนึ่ง หากเราไดขอมูลจํานวนเทากับ n เราจะสามารถใชสมการโพลีโนเมียลดีกรีสูงสุดเทากับ เทาไร ในการแทนความสัมพันธระหวางขอมูลดังกลาว<br />
คําตอบ 1 : n-2<br />
คําตอบ 2 : n-1<br />
คําตอบ 3 : n<br />
คําตอบ 4 : n+1<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 142
คําตอบ 1 :<br />
34 of 130<br />
ขอที่ : 143<br />
ขอที่ : 144<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอใดเปนความสัมพันธโดยทั่วไปของกําลังของปมกับอัตราการไหลของของไหล เมื่อ ρ แทนความหนาแนนของของไหล , w แทนอัตราการไหลของของไหล และ C, n แทนคาคงที่<br />
ที่เปนจํานวนบวก<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย
คําตอบ 1 : 7.524, 4.564, -0.258<br />
คําตอบ 2 : 6.424, 3.953, -0.585<br />
คําตอบ 3 : 5.238, 4.589, -0.278<br />
คําตอบ 4 : 6.589, 3.287, -0.687<br />
35 of 130<br />
ขอที่ : 145<br />
ขอที่ : 146<br />
คําตอบ 1 : a = 4 และ 7/9 b = -1 และ – 7/3<br />
คําตอบ 2 : a = 3 และ 5/9 b = -5 และ – 4/3<br />
คําตอบ 3 : a = 1 และ 5/8 b = -4 และ – 5/2<br />
คําตอบ 4 : a = 4 และ -1 b = 7/9 และ – 7/3<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 4 :
ขอที่ : 147<br />
36 of 130<br />
ขอที่ : 148<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
คําตอบ 1 : c = 1450 m = -0.6587<br />
คําตอบ 2 : c = 1350 m = -0.6687<br />
คําตอบ 3 : c = 1250 m = -0.6989<br />
คําตอบ 4 : c = 1550 m = -0.7489<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 149<br />
โรงงานแหงหนึ่งผลิตของในรอบ 6 ป ติดตอกันไดดังนี้ 100 102.4 106.9 108.3 107.9 111.0 หากเอาขอมูลนี้มา พล็อตเปนเสนตรง โดยใชวิธี Least square method ใหทํานาย<br />
ผลผลิตที่จะเกิดขึ้นในอีก 2 ปถัดไปวาจะไดเทาไร
คําตอบ 1 : 112.5, 117.2<br />
คําตอบ 2 : 113.4, 118.4<br />
คําตอบ 3 : 114.6, 120.9<br />
คําตอบ 4 : 113.4, 115.5<br />
37 of 130<br />
ขอที่ : 150<br />
ขอที่ : 151<br />
คําตอบ 1 : a = 15.8, b = 0.0272, c = -0.000762<br />
คําตอบ 2 : a = 12.5, b = 0.8572, c = -0.001562<br />
คําตอบ 3 : a = 5.9, b = 0.4275, c = -0.004572<br />
คําตอบ 4 : a = 17.4, b = 0.5243, c = -0.007748<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 3 :
คําตอบ 4 :<br />
38 of 130<br />
ขอที่ : 152<br />
ขอที่ : 153<br />
ขอที่ : 154<br />
จงใชวิธีของ Cramer เพื่อหาคา y จากชุดสมการเสนตรงดานลาง<br />
คําตอบ 1 : -1<br />
คําตอบ 2 : -2<br />
คําตอบ 3 : 1<br />
คําตอบ 4 : 3<br />
จงใชวิธีของ เพื่อหาคา x - z จากชุดสมการเสนตรงดานลาง<br />
คําตอบ 1 : -3<br />
คําตอบ 2 : 1<br />
คําตอบ 3 : 2<br />
คําตอบ 4 : 3<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
จงคํานวณหาคาของสมการ determinants 4X4 ดานลาง
39 of 130<br />
ขอที่ : 155<br />
ขอที่ : 156<br />
คําตอบ 1 : 50<br />
คําตอบ 2 : 52<br />
คําตอบ 3 : 54<br />
คําตอบ 4 : 56<br />
จงคํานวณหาคาของสมการ determinants 4X4 ดานลาง<br />
คําตอบ 1 : 50<br />
คําตอบ 2 : 52<br />
คําตอบ 3 : 54<br />
คําตอบ 4 : 56<br />
จงหาผลลัพธผลคูณของ matrix เหลานี้<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 :
คําตอบ 2 :<br />
40 of 130<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 157<br />
ขอใดตอไปนี้จัดเปนสมการ Nonpolynomial<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 158<br />
ขอใดตอไปนี้จัดเปนสมการ Polynomial<br />
คําตอบ 1 :สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย
คําตอบ 2 :<br />
41 of 130<br />
ขอที่ : 159<br />
ขอที่ : 160<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
จงใชวิธีของ Cramer เพื่อหาคา X4 จากชุดสมการเสนตรงดานลาง<br />
คําตอบ 1 : -1<br />
คําตอบ 2 : 0<br />
คําตอบ 3 : 3<br />
คําตอบ 4 : 4<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : 18.752
คําตอบ 2 : 23.437<br />
คําตอบ 3 : 24.336<br />
คําตอบ 4 : 31.222<br />
42 of 130<br />
ขอที่ : 161<br />
ขอที่ : 162<br />
ขอที่ : 163<br />
คําตอบ 1 : 5.436<br />
คําตอบ 2 : 5.924<br />
คําตอบ 3 : 6.215<br />
คําตอบ 4 : 6.396<br />
จงคํานวณหา Effectiveness ของ Heat Exchanger ชนิด Counter flow ซึ่งมีคา UA = 24 kW/K โดยที่ mass flow, specific heat ของของไหลชนิดแรกมีคา 10 kg/s, 2<br />
kJ/kg.K และของไหลชนิดทีสองมีคา 4 kg/s, 4 kJ/kg.K<br />
คําตอบ 1 : 0.636<br />
คําตอบ 2 : 0.754<br />
คําตอบ 3 : 0.543<br />
คําตอบ 4 : 0.876<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
อุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนแบบ Counter flow ซึ่งมีน้ําอุณหภูมิขาเขา 20 C ไหลดวยอัตราการไหล 2 kg/s อุณหภูมิขาออก 40 C และมีน้ํามันอุณหภูมิขาเขา 60 C ขาออก 30 C<br />
ถากําหนดใหอุปกรณมีการแลกเปลี่ยนความรอนเปนแบบสมบูรณ (อุณหภูมิของน้ํามัน ขาออกเทากับอุณหภูมิของน้ําขาเขา) อัตราการไหลคงที่ตลอด (ให Cp ของน้ํา = 4.19 kJ/kg<br />
K). จงคํานวณหา Rate of heat transfer<br />
คําตอบ 1 : 220.0<br />
คําตอบ 2 : 223.5
คําตอบ 3 : 190.0<br />
คําตอบ 4 : 280.0<br />
43 of 130<br />
ขอที่ : 164<br />
อุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนแบบ Counter flow มีอัตราไหลของน้ําในวงจรที่ 1 0.5 kg/s ไหลเขา ที่อุณหภูมิ 30 นC และมีน้ําใน วงจรที่ 2 อุณหภูมิ 65 oC ไหลดวยอัตราเทากัน<br />
จงหา Mean Temperature Different ระหวางน้ําทั้งสองวงจร โดยกําหนดใหคา UA = 4 kW/K. กําหนดใหคาความรอนจําเพาะของน้ํา Cp = 4.19 kJ/kg K, U = Overall heat<br />
transfer coefficient, A = Heat transfer area.<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
6 อาศาเซลเซียส<br />
12 อาศาเซลเซียส<br />
15 อาศาเซลเซียส<br />
18 อาศาเซลเซียส<br />
ขอที่ : 165<br />
37. ขอใดคือความหมายของ Heat exchanger effectiveness<br />
ขอที่ : 166<br />
ขอที่ : 167<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
อัตราสวนระหวาง Actual heat transfer area : Theoretical heat transfer area<br />
อัตราสวนระหวาง อุณหภูมิของไหลเขา : อุณหภูมิของไหลออก<br />
คําตอบ 3 : อัตราสวนระหวางอัตราการไหลของของไหลทั้งสอง<br />
คําตอบ 4 : อัตราสวนระหวาง Actual heat rate : Maximum heat rate<br />
ในระบบการทําความเย็นแบบอัด (Compression refrigeration plant) ขอความใดถูกตอง<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คอนเดนเซอร (Condenser) ใชในการอัดสารทําความเย็น หลังจากวาลวลดความดัน (Throttle valve)<br />
อุปกรณที่ใชในการลดความดันใหต่ําที่สุดในระบบ คือ เทอรโมสแตติกเอกซเพนชันวาลว (Thermostatic expansion valve) ซึ่งใชระบบที่ มีอีวาโปเรเตอร<br />
(Evaporator) หลายตัว<br />
คําตอบ 3 : ในระบบที่มีโซลินอยดวาลว (Solenoid valve) ในการควบคุมความดันของระบบ<br />
คําตอบ 4 : ในระบบทําความเย็นขนาดเล็กอาจใชทอแคปลารี่ (Capillary tube) แทนเทอรโมสแตติกเอกซเพนชันวาลว (Thermostatic expansion valve) ได<br />
ในการเพิ่มอุณหภูมิน้ําดวยไอน้ําโดยใชไอน้ําอิ่มตัวแหงเขาในเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนที่อุณหภูมิ 100 oC และออกในสถานะไอ น้ําอิ่มตัวเปยกที่อุณหภูมิ 100 oC เพื่อเพิ่มอุณหภูมิ<br />
น้ําในทอทองแดง ซึ่งไหลดวยความเร็ว 0.8 kg/s จากอุณหภูมิทางเขา 15oC และ ออกที่ 60 oC โดยทอทองแดงมีขนาด 15 mm ใหคํานวณหาความยาวของทอทองแดงที่ตองใช<br />
กําหนดใหคา hi = 2778 W/(m2-K) (ในทอทองแดง)และ ho = 18838 W/(m2-K) (นอกทอทอ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
1.5 เมตร<br />
3.4 เมตร
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
2.2 เมตร<br />
4.4 เมตร<br />
44 of 130<br />
ขอที่ : 168<br />
ขอที่ : 169<br />
ขอที่ : 170<br />
ขอที่ : 171<br />
ถังบรรจุกาซไนโตรเจน 2 kg และกาซคารบอนไดออกไซด 4 kg ที่อุณหภูมิ 25 oC และความดัน 2 MPa ใหหาความดันยอยของกาซ ไนโตรเจนและคารบอนไดออกไซด ตามลําดับ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
0.88 MPa และ 1.12 MPa<br />
1.12 MPa และ 0.88 MPa<br />
0.66 MPa และ 1.34 MPa<br />
1.34 MPa และ 0.66 MPa<br />
เหตุใด Heat Exchanger ชนิด Fin Coil จึงมักใชสําหรับการแลกเปลี่ยนความรอนระหวางของเหลวกับอากาศ (Liquid and Air)<br />
คําตอบ 1 : เนื่องจากอากาศมีคา Heat Transfer Coefficient ต่ํา จึงใช Fin ชวยเพิ่มพื้นที่แลกเปลี่ยนความรอนดานอากาศ<br />
คําตอบ 2 : เนื่องจากน้ําระบายความรอนยากจึงเพิ่มพื้นที่ใหดานอากาศ<br />
คําตอบ 3 : อากาศระบายความรอนไดดี ตองติด Fin เพิ่ม เพื่อเพิ่มอัตราการระบายความรอน<br />
คําตอบ 4 : น้ําระบายความรอนไดดี จึงเพิ่ม Fin เพื่อใหระบายความรอนไดดียิ่งขึ้น<br />
ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนชนิดระบายความรอนดวยอากาศกับชนิดระบายความรอนดวยน้ําที่มีขนาด การถายเทความรอนเทากัน<br />
คําตอบ 1 : ทั้งสองชนิดมีขนาดเทากัน<br />
คําตอบ 2 : ชนิดระบายความรอนดวยน้ําจะมีขนาดเล็กกวา<br />
คําตอบ 3 : ชนิดระบายความรอนดวยอากาศจะมีขนาดเล็กกวา<br />
คําตอบ 4 : ทั้งสองชนิดใชแทนกันไมได<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
จากสมการตอไปนี้ q = w1(t1,i-t1,o) , q = w2(t2,o-t2,i), q = UA((t1,i-t2,o)-(t1,o-t2,i))/ln[(t1,i-t2,o)/(t1,o-t2,i)] ใหเครื่องแลกเปลี่ยนความรอน เปนชนิด Counter Flow<br />
ขอใดตอไปนี้ถูกตอง โดยให t1 เปนอุณหภูมิของของไหลชนิดที่หนึ่ง; t2 เปนอุณหภูมิของของไหลชนิดที่สอง; w = mcp m เปน mass ของของไหล และ cp คือ specific heat; U<br />
เปน Overall heat transfer coefficient; A เปน Heat transfer area<br />
คําตอบ 1 : คา q เปนลบถาของไหลชนิดที่หนึ่งรอนกวาชนิดที่สอง<br />
คําตอบ 2 : คา q เปนบวกถาของไหลชนิดที่หนึ่งรอนกวาชนิดที่สอง<br />
คําตอบ 3 : คา q เปนบวกถาของไหลชนิดที่สองรอนกวาชนิดที่หนึ่ง<br />
คําตอบ 4 : คา q เปนลบถาของไหลทั้งสองชนิดอุณหภูมิเทากัน
ขอที่ : 172<br />
ขอที่ : 173<br />
ขอที่ : 174<br />
ขอที่ : 175<br />
เครื่องแลกเปลี่ยนความรอนแบบ Counter Flow มีน้ําหลอเย็นไหลเขาเครื่องดวยอัตรา 0.7 kg/s ที่อุณหภูมิ 32 deg.C ถาน้ํารอนจาก เครื่องยนตไหลเขาเครื่องแลกเปลี่ยนความรอน<br />
45 of 130<br />
นี้ ที่อุณหภูมิ 90 deg.C โดยมีอัตราไหลเดียวกัน จงหาวาน้ําจากเครื่องยนตที่ไหลออก จากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนจะมีอุณหภูมิเทาไร กําหนดให UA ของเครื่องแลกเปลี่ยนความ<br />
รอนมีคาเทากับ 5 kW/K; specific heat ของน้ํา = 4.19 kj/kg K<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
73.44 deg.C<br />
53.44 deg.C<br />
43.44 deg.C<br />
32.44 deg.C<br />
โรงงานผลิตเสนกวยเตี๋ยวตองการลดอุณหภูมิน้ําลวกกวยเตี๋ยวกอนทิ้งจึงติดตั้งเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนแบบ Counter Flow ที่มี คา UA = 4 kW/K ถาน้ํากอนเขาเครื่องมี<br />
อุณหภูมิ 70 deg.C น้ําหลอเย็นที่ใชมีอุณหภูมิ 32 deg.C โดยมีอัตราการไหลผานเครื่อง แลกเปลี่ยนความรอนเทากันที่ 0.3 kg/s จงหาวาน้ําลวกกวยเตี๋ยวกอนทิ้งจะมีอุณหภูมิเทาไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
60 deg.C<br />
58 deg.C<br />
41 deg.C<br />
32 deg.C<br />
ของไหลชนิดที่ 1 ไหลเขาอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอน (Heat Exchanger) แบบ Counter flow ที่มีคา UA เทากับ 30 kW/K และ ของไหลชนิดที่ 2 โดยกําหนดให ของไหล<br />
ชนิดที่ 1 อุณหภูมิขาเขา เทากับ 60 oC อัตราการไหล เทากับ 1 Kg/s คา Specific heat, cp เทากับ 3.2 kJ/kg K ของไหลชนิดที่ 2 อัตราการไหล เทากับ 0.8 Kg/s คา Specific<br />
heat, cp เทากับ 4 kJ/kg K หากกําหนดให คา w1Cp1 = w2Cp2 จงหาอุณหภูมิขาออก ของของ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
35.65 องศาเซลเซียส<br />
40.65 องศาเซลเซียส<br />
45.65 องศาเซลเซียส<br />
50.65 องศาเซลเซียส<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
กระบวนการผลิตหนึ่ง ตามรูป กําหนดให อัตราการไหล เทากับ 1.2 Kg/s คา Specific heat, cp เทากับ 3.0 kJ/kg K คา UA ของอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอน เทากับ 2.1 kW/K<br />
จงหาอุณหภูมิขาออก (t) มีคาเทาใด
46 of 130<br />
ขอที่ : 176<br />
ขอที่ : 177<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
50 องศาเซลเซียส<br />
54 องศาเซลเซียส<br />
58 องศาเซลเซียส<br />
62 องศาเซลเซียส<br />
สารละลายของเหลวสองชนิด และ ไออิ่มตัวที่สภาวะสมดุล คาสัดสวนโมเลกุล (Mole fraction) ของสารละลาย A และ B มีคา เทากับ 0.4 และ 0.6 ตามลําดับ ความดันอิ่มตัวที่<br />
สภาวะสมดุลของสารบริสุทธิ์ A และ B มีคาเทากับ 530 kPa และ 225 kPa จงหา สัดสวนโมเลกุล ในสภาวะไออิ่มตัวที่สภาวะสมดุล กําหนดให Raoult’s Law มีสูตรคํานวณดังตอ<br />
ไปนี้ px = xx,lPx โดยที่ px = ความดันไอ ของสาร X, kPa xx,l = สัดสวนโมเลกุลของ สาร X<br />
คําตอบ 1 : 0.51<br />
คําตอบ 2 : 0.61<br />
คําตอบ 3 : 0.71<br />
คําตอบ 4 : 0.81<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
จากรูป ระบบสารละลายสองชนิด (Binary Solution) ประกอบไปดวย butane และ heptane ที่ความดัน 700 Kpa และสัดสวนโมเลกุลของ n-butane เทากับ 0.4 ที่อุณหภูมิ<br />
ประมาณเทาใด n-butane จึงจะเริ่มตนการกลั่นตัว
47 of 130<br />
คําตอบ 1 : 80 องศาเซลเซียส<br />
คําตอบ 2 : 105 องศาเซลเซียส<br />
คําตอบ 3 : 140องศาเซลเซียส<br />
คําตอบ 4 : 165 องศาเซลเซียส<br />
ขอที่ : 178<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
จากรูป ระบบสารละลายสองชนิด (Binary Solution) ประกอบไปดวย butane และ heptane ที่ความดัน 700 Kpa และสัดสวนโมเลกุลของ n-butane เทากับ 0.4 ที่ อุณหภูมิ<br />
ประมาณเทาใด n-butane จึงจะสิ้นสุดการกลั่นตัว
48 of 130<br />
ขอที่ : 179<br />
คําตอบ 1 : 80 องศาเซลเซียส<br />
คําตอบ 2 : 105 องศาเซลเซียส<br />
คําตอบ 3 : 140 องศาเซลเซียส<br />
คําตอบ 4 : 165 องศาเซลเซียส<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
จากรูป ระบบสารละลายสองชนิด (Binary Solution) ประกอบไปดวย butane และ heptane ที่ความดัน 2800 Kpa และสัดสวนโมเลกุลของ n-heptaneเทากับ 0.3 ที่ อุณหภูมิ<br />
ประมาณเทาใด n-heptane จึงจะเริ่มตนการกลั่นตัว
49 of 130<br />
ขอที่ : 180<br />
ขอที่ : 181<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
160 องศาเซลเซียส<br />
200 องศาเซลเซียส<br />
218 องศาเซลเซียส<br />
245 องศาเซลเซียส<br />
น้ําหลอเย็น Cooling water ไหลเขา condenser ซึ่งจัดเปนเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนชนิดหนึ่ง ซึ่งมีอุณหภูมิไอน้ําขาเขา Condenser เทากับ 100 oC ทําใหน้ําหลอเย็นขาเขาที่<br />
อุณหภูมิ 15 oC มีคาอุณหภูมิขาออกเทากับ 62 oC ในกรณีที่อุณหภูมิน้ําหลอ เย็นขาเขาสูงขึ้นเปน 20 oC อุณหภูมิน้ําหลอเย็นขาออกจะมีคาเทาใด เมื่อพิจารณาไมเปลี่ยนแลง<br />
ปริมาณน้ําหลอเย็นและไอน้ํา เทาเดิม และCondenser มีความสามารถในการแลก<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
60.2 องศาเซลเซียส<br />
62.2 องศาเซลเซียส<br />
64.2 องศาเซลเซียส<br />
66.2 องศาเซลเซียส<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ในการจําลองแบบการทํางานของเครื่องสูบน้ําในระบบเปด ถาเราไมคิดความยาวทอทางดานดูด และใหความดันทางดานขาเขา ของเครื่องสูบน้ําเทากับความดันบรรยากาศ ขอสรุปใด<br />
ถูกตองทีสุดในการสรางแบบจําลองการทํางานของระบบดังกลาว<br />
คําตอบ 1 : ความดันลดในทอเทากับผลตางความดันทางขาเขาและขาออกของเครื่องสูบน้ํา
คําตอบ 2 : ความดันลดในทอต่ํากวาผลตางความดันทางขาเขาและขาออกของเครื่องสูบน้ํา<br />
คําตอบ 3 : อัตราการไหลขึ้นอยูกับเสนผาศูนยกลางของทอ ความยาวทอ<br />
คําตอบ 4 : ไมสามารถสรุปอะไรไดจากขอมุลที่ได<br />
50 of 130<br />
ขอที่ : 182<br />
ขอที่ : 183<br />
ขอที่ : 184<br />
ขอที่ : 185<br />
ในการสรางแบบจําลองการถายเทความรอนใหกับน้ําระบายความรอนในวัฎจักรไอน้ํา ถาสภาวะของไอน้ําขาเขากังหันไอน้ําและ อัตราการไหลของไอน้ําคงที่ แบบจําลองการถายเท<br />
ความรอนใหกับน้ําระบายความรอนในขอใดจะถูกตองที่สุด<br />
คําตอบ 1 : การถายเทความรอนของน้ําระบายความรอนจะขึ้นกับอุณหภูมิของไอน้ําและอุณหภูมิขาเขาของน้ําระบายความรอน<br />
คําตอบ 2 : การถายเทความรอนของน้ําระบายความรอนจะขึ้นอยูกับชนิดของตัวแลกเปลี่ยนความรอน<br />
คําตอบ 3 : การถายเทความรอนของน้ําระบายความรอนจะขึ้นอยูกับความดันขาออกของไอน้ําเพียงอยางเดียว<br />
คําตอบ 4 : การถายเทความรอนของน้ําระบายความรอนจะขึ้นอยูกับอัตราการไหลของน้ําระบายความรอน<br />
สมมติฐานที่ใชในการวิเคราะหตัวแลกเปลี่ยนความรอนคือขอใด<br />
คําตอบ 1 : สภาวะสม่ําเสมอ<br />
คําตอบ 2 : คุณสมบัติของของไหลคงที่<br />
คําตอบ 3 : สัมประสิทธิ์การถายเทความรอนทั้งหมดมีคาคงที่<br />
คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />
สมรรถนะของคอมเพรสเซอรแบบลูกสูบสามารถแสดงไดในขอใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
งานอะเดียบาติก (Adiabatic work) หารดวยกําลังขาเขาอะเดียบาติก (Adiabatic input)<br />
งานอะเดียบาติก (Adiabatic work) หารดวยงานอินดิเคตเต็ด (Indicated work)<br />
งานไอโซเทอรมัล (Isothermal work) หารดวยงานอินดิเคตเต็ด (Indicated work)<br />
งานไอโซเทอรมัล (Isothermal work) หารดวยงานอะเดียบาติก (Adiabatic work)<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
จากกราฟแสดงสมรรถนะของเครื่องสูบน้ําแบบหอยโขง เครื่องสูบน้ําแบบหอยโขงจะทํางานในขณะที่วาลวทางดานสงปดก็ตอเมื่อ<br />
คําตอบ 1 : เครื่องสูบน้ําตองการกําลังงานที่มากขึ้นในการทํางาน<br />
คําตอบ 2 : หัวน้ํา (Head) ที่สรางขึ้นมีคาเพียงครึ่งหนึ่งของคาสูงสุด<br />
คําตอบ 3 : ประสิทธิภาพการทํางานของเครื่องสูบน้ําอยูที่คาต่ําสุด<br />
คําตอบ 4 : ประสิทธิภาพการทํางานของเครื่องสูบน้ํามีคาสุงสุด
ขอที่ : 186<br />
ขอที่ : 187<br />
ขอที่ : 188<br />
ขอที่ : 189<br />
การจําลองรูปแบบการไหลแบบไหนในอุปกรณที่เราไมสามารถละทิ้งการคํานวณพลังงานจลนได<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
High speed flow<br />
Low speed flow<br />
Steady flow<br />
Equilibrium flow<br />
ตองการออกแบบ Heat Exchanger เครื่องหนึ่งใชไอน้ําเปนของไหลที่ใหความรอน ตองการอุนน้ําจากอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ให รอนขึ้น 60 องศา หากในการออกแบบใชไอน้ํา<br />
อิ่มตัวที่แรงดัน 3 Bar.g จะตองใชพื้นที่การถายเทความรอนเทากับ 50 ตารางเมตร ถาใช ไอน้ําอิ่มตัวที่แรงดัน 8 Bar.g จะตองใชพื้นที่การถายเทความรอนเปนอยางไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
นอยลง<br />
เทาเดิม<br />
คําตอบ 3 : มากขึ้น<br />
คําตอบ 4 : ไมสามารถใชไอน้ําอิ่มตัว 8 Bar.g ได<br />
พัดลม Force Draft ของหมอน้ําเครื่องหนึ่ง เปน Centrifugal Fan แบบ Backward Curve Blade โดยมีลักษณะ Performance Curve เปนแบบ Steady rising กลาวคือ Static<br />
Pressure สูงขึ้น เมื่อ Air Flow ลดนอยลง ดังนั้น หากวัด Static Pressure ดวย Pressure Gauge ซึ่งติดตั้งที่ Outlet Flange ของพัดลมตัวนี้ โดยมี Control Damper ซึ่งทํา<br />
หนาที่ปรับ Air Flow อยู Down stream ของ Pressure Gauge จะอาน Pressure Gauge<br />
คําตอบ 1 : หมอน้ําเดินเครื่อง 100 %<br />
คําตอบ 2 : หมอน้ําเดินเครื่อง 10%<br />
คําตอบ 3 : หมอน้ําเดินเครื่อง 110 %<br />
คําตอบ 4 : หมอน้ําเดินเครื่อง 50%<br />
น้ําไหลในทอสองขนาดซึ่งยาวเทากันวางในแนวราบดวยอัตราการไหลเทากัน ขอใดถูกตองที่สุด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Pressure drop ในทอเล็กนอยกวาทอใหญ<br />
Pressure drop ในทอใหญและทอเล็กเทากัน<br />
Pressure drop ในทอเล็กสูงกวาทอใหญ<br />
คําตอบ 4 : Pressure drop ในทอเล็กสูงมาก ทําใหความเร็วของน้ําในทอเขาใกลศูนย<br />
51 of 130<br />
ขอที่ : 190
ขอที่ : 191<br />
กังหันไอน้ําเครื่องหนึ่งใหกําลังเพลา 10 MW โดยเดินเครื่องที่ความดันของไอน้ําใน Condenser เทากับ 0.01 Bar.A (ความดัน สมบูรณ) กังหันเครื่องนี้ถูกใชงานมาเปนเวลานาน<br />
ทําใหเกิดความสกปรกในระบบระบายความรอน จึงทําใหความดันของไอน้ําใน Condenser สูงขึ้นเปน 0.1 Bar.A หากอัตราการไหลและความดันของไอน้ําเขากังหันนี้คงที่ กําลัง<br />
52 of 130<br />
เพลาที่ไดจะเปนอยางไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
มากกวา 10 MW<br />
นอยกวา 10 MW<br />
ไมสามารถผลิตกําลังเพลาได<br />
เทาเดิม<br />
เครื่องสูบน้ําสองเครื่องแบบ Centrifugal Pump มี Performance Curve เทากันทุกประการ น้ํามาตอ Series กัน จะได Performance รวมเปนอยางไร<br />
คําตอบ 1 : ณ อัตราการไหลคาใดคาหนึ่ง จะมีความดันเปนสองเทาของเครื่องสูบน้ําหนึ่งเครื่อง<br />
คําตอบ 2 : ณ ความดันคาใดคาหนึ่ง จะมีอัตราการไหลเปนสองเทาของเครื่องสูบน้ําหนึ่งเครื่อง<br />
คําตอบ 3 : ณ อัตราการไหลคาใดคาหนึ่ง จะมีความดันเปนครี่งหนึ่งของเครื่องสุบน้ําหนึ่งเครื่อง<br />
คําตอบ 4 : ณ ความดันคาใดคาหนึ่ง จะมีอัตราการไหลเปนครึ่งหนึ่งของเครื่องสูบน้ําหนึ่งเครื่อง<br />
ขอที่ : 192<br />
Tubular Air Heater เครื่องหนึ่งทํางานโดยการถายเทความรอนจากไอเสียของโรงไฟฟาซึ่งมีอุณหภูมิสูงกวาใหกับอากาศเย็นที่จะ นําไปใชในการเผาไหมในหมอน้ํา การเดินเครื่อง<br />
เปนปรกติดี จนกระทั่งเกิดรอยรั่วขึ้นที่ทอแลกเปลี่ยนความรอน จึงตองทําการอุดทอ เหลานั้น เปนจํานวน 10 ทอ และใชงานตอไปจนกวาจะถึงวาระการซอมใหญประจําป อยากทราบ<br />
วา Performance ของ Tubular Air Heater นี้ หลังจากไดทําการอุดทอดังกลาว<br />
คําตอบ 1 : ไอเสียที่ออกจาก Tubular Air Heater จะมีอุณหภูมิต่ําลง<br />
คําตอบ 2 : อากาศที่ออกจาก Tubular Air Heater จะมีอุณหภูมิสูงขึ้น<br />
คําตอบ 3 : ไอเสียที่ออกจาก Tubular Air Heater จะมีอุณหภูมิสูงขึ้น<br />
คําตอบ 4 : อากาศที่ออกจาก Tubular Air Heater จะมีอุณหภูมิเทาเดิม<br />
ขอที่ : 193<br />
Boiler Feed Pump เครื่องหนึ่ง ปรับอัตราการไหลของน้ําเพื่อเขา Boiler โดยใช Control Valve เมื่อเวลาเดินเครื่อง Boiler 100% valve เปด 70% ดังนั้นหากตองการเดินเครื่อง<br />
Boiler ที่ 50 % จะตองเปด Valve อยางไร สมมติตัวแปรอื่นคงที่<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : นอยกวา 70%<br />
คําตอบ 2 : เทาเดิม<br />
คําตอบ 3 : มากกวา 70%<br />
คําตอบ 4 : เปด Valve ใหเต็มที่<br />
ขอที่ : 194<br />
ถาตองการเพิ่มอัตราการไหลของเครื่องสูบน้ําแบบ Centrifugal เครื่องหนึ่งซึ่งสูบน้ําขึ้นถังสูง 20 เมตร ผานทอขนาดเสนผาศูนยกลาง 50 มิลลิเมตร จะตองทําอยางไร
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
ลดระดับถังลงเหลือ 15 เมตร<br />
ลดขนาดทอลงเหลือเสนผาศูนยกลาง 32 มิลลิเมตร<br />
คําตอบ 3 : เพิ่มขนาดมอเตอรขับเครื่องสูบน้ําอีกสองเทา<br />
คําตอบ 4 : ปดวาลวดานสงของเครื่องสูบน้ําลง 50%<br />
53 of 130<br />
ขอที่ : 195<br />
เครื่องทําน้ํารอนเครื่องหนึ่งใชพลังความรอนจํานวนหนึ่ง ทําน้ํารอนอุณหภูมิ 50 องศา เซลเซียส ไดชั่วโมงละ 20,000 ลิตร ถาการใช พลังงานทําความรอนอยูในอัตราเทาเดิม แตปรับ<br />
ลดปริมาณน้ําลงเหลือ 15,000 ลิตรตอชั่วโมง จะไดน้ําอุณหภูมิเทาใด สมมติให สัมประสิทธิ์การถายเทความรอนเทาเดิม และตัวแปรอื่นคงที่<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
นอยกวา 50 องศา เซลเซียส<br />
เทาเดิม<br />
มากกวา 50 องศา เซลเซียส<br />
คําตอบ 4 : เทาอุณหภูมิของน้ําที่เขาเครื่องทําน้ํารอน<br />
ขอที่ : 196<br />
Cooling Water Pump แบบ Centrifugal Mixed Flow ขนาดเทากันทุกประการจํานวน 2 เครื่อง เดินเครื่องขนานกัน สงน้ําเพื่อ ระบายความรอนให Condenser ของกังหันไอน้ํา<br />
และระบายความรอนออกที่ Cooling Tower หากเครื่องหนึ่งขัดของ เหลือเครื่องสูบน้ํา ที่ทํางานเพียงเครื่องเดียว ปริมาณน้ําที่สงให Condenser จะเปนอยางไร<br />
ขอที่ : 197<br />
คําตอบ 1 :<br />
เทาเดิม<br />
คําตอบ 2 : นอยลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับขณะที่เดินพรอมกัน 2 เครื่อง<br />
คําตอบ 3 : นอยลงเหลือเพียง ¼ ของปริมาณน้ําที่ไดเมื่อเดินพรอมกัน 2 เครื่อง<br />
คําตอบ 4 : มากกวาครึ่งหนึ่งของปริมาณน้ําขณะที่เดินพรอมกัน 2 เครื่อง<br />
ไอน้ําแบบ Superheated ถูกสงมาจากหมอน้ําไปยังกังหันไอน้ําโดยทอ Main Steam ขณะที่เดินเครื่องกังหันไอน้ําที่ Full Capacity มีแรงดัน ณ จุดวัดกอน Governor Valve ของ<br />
กังหันไอน้ําวัดได 60 Bar.g หากตองการเดินเครื่องกังหันไอน้ําเพียง Half capacity ความ ดันของไอน้ํา ณ จุดวัดกอน Governor Valve จะเปนอยางไร สมมติใหหมอน้ําเดินเครื่อง<br />
แบบความดันคงที่<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
นอยกวา 60 Bar.g<br />
มากกวา 60 Bar.g<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
เทาเดิม<br />
คําตอบ 4 : เทากับความดันไอน้ําที่หมอน้ํา<br />
ขอที่ : 198<br />
Tubular heat exchanger เครื่องหนึ่งมีอากาศเย็นไหลเขาที่อุณหภูมิ 34 C และไหลออกทีอุณหภูมิ 95 C สวนอีกดานหนึ่งมีไอเสีย ไหลเขาที่ อุณหภูมิ 260 C และไหลออกที่<br />
อุณหภูมิ 140 C หากอัตราการไหลและคาสัมประสิทธิ์การถายเทความรอนคงที่ ในกรณีที่ไอ เสียไหลเขามีอุณหภูมิลดลง 10 C ดังนั้นอุณหภูมิของไอเสียจะไหลออกเปนเทาไร
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
130 C<br />
140 C<br />
150 C<br />
160 C<br />
54 of 130<br />
ขอที่ : 199<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 200<br />
LMTD ความหมายที่เกี่ยวของกับเครื่องแลกเปลี่ยนความรอน คือ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Load Method Test Device<br />
Least Method Temperature <strong>Design</strong><br />
Low Mass Transfer Difference<br />
Log Mean Temperature Difference<br />
ขอที่ : 201<br />
Counter Flow Heat Exchanger มีลักษณะเฉพาะอยางไร
คําตอบ 1 : ของไหลแลกเปลี่ยนความรอนโดยการไหลในทิศทางเดียวกัน<br />
คําตอบ 2 : ของไหลแลกเปลี่ยนความรอนกันโดยมีการไหลในทิศทางตั้งฉากกัน<br />
คําตอบ 3 : ของไหลแลกเปลี่ยนความรอนกันโดยมีทิศทางการไหลไมแนนอน<br />
คําตอบ 4 : ของไหลแลกเปลี่ยนความรอนกันโดยมีทิศทางการไหลตรงกันขาม<br />
55 of 130<br />
ขอที่ : 202<br />
Heat exchanger effectiveness คื<br />
ขอที่ : 203<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Actual rate of heat transfer / maximum rate of heat transfer<br />
Minimum rate of heat transfer / Maximum rate of heat transfer<br />
Maximum rate of heat transfer / Ideal rate of heat transfer<br />
Actual rate of heat transfer / Maximum possible rate of heat transfer with the same inlet temperature, flow rate and specific heats as actual case.<br />
ถาใหแกนนอนของกราฟเปนพื้นที่ถายเทความรอนและแกนตั้งเปนอุณหภูมิ กราฟของอุณหภูมิของของไหลใน Steam Condenser : ซึ่งใชน้ําหลอเย็นจะเปนอยางไร<br />
คําตอบ 1 : อุณหภูมิของไอน้ําที่กําลังควบแนนจะเปนเสนตรงและ slope ลงไปทางขวา<br />
คําตอบ 2 : อุณหภูมิของน้ําหลอเย็นจะมีลักษณะเปน exponential<br />
คําตอบ 3 : อุณหภูมิของไอน้ําที่กําลังควบแนนจะมีลักษณะเปน Exponential<br />
คําตอบ 4 : อุณหภูมิของน้ําหลอเย็นจะเปนเสนตรงและ slope ลงไปทางขวา<br />
ขอที่ : 204<br />
Positive Displacement Pump จะมีลักษณะ Ideal Characteristic Curve เปนอยางไร ถ้ํากําหนดใหแกนนอนเปนอัตราการไหลและ แกนตั้งเปน Head<br />
ขอที่ : 205<br />
คําตอบ 1 :<br />
เปนเสนตรงขนานกับแกนนอน<br />
คําตอบ 2 : เปนเสนตรงขนานกับแกนตั้ง<br />
คําตอบ 3 : เปน Parabola<br />
คําตอบ 4 : เปน Sine Curve<br />
กราฟแรงเสียดทานของน้ําที่ไหลในทอจะมีลักษณะเปนอยางไร ใหแกนนอนเปนอัตราการไหล แกนตั้งเปนความดันสูญเสีย<br />
คําตอบ 1 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
เปนเสนตรงขนานกับแกนนอน<br />
คําตอบ 2 : เปนเสนตรงขนานกับแกนตั้ง<br />
คําตอบ 3 : เปน Parabola แสดงคาความดันสูญเสียมากขึ้นเมื่ออัตราการไหลมากขึ้น<br />
คําตอบ 4 : เปนเสนตรงแสดงคาความดันสูญเสียมากขึ้นเมื่ออัตราการไหลมากขึ้น
ขอที่ : 206<br />
ขอที่ : 207<br />
ขอที่ : 208<br />
ขอที่ : 209<br />
ถาตองการใหพัดลมแบบ Centrifugal ซึ่งมีความเร็วรอบคงที่ ลดปริมาณการสงลมลงจะทําไดอยางไร<br />
คําตอบ 1 : เปด Damper ที่ดานสงของพัดลมใหนอยลง<br />
คําตอบ 2 : ขยายทอสงลมใหใหญขึ้น<br />
คําตอบ 3 : เพิ่มความเร็วรอบของพัดลม<br />
คําตอบ 4 : ลดความดันสถิตดานสงของพัดลม<br />
เครื่องสูบน้ําแบบ Centrifugal เครื่องหนึ่ง มีความเร็วของใบพัดคงที่ สงน้ําไปยังถังสูงโดยสูบจากบอน้ําที่ระดับพื้นดิน ดวยอัตราการ ไหลคาหนึ่ง ขอความใดถูกตองที่สุด<br />
คําตอบ 1 : ตองการใหน้ําไหลมากขึ้นก็ตองเพิ่มขนาดทอ<br />
คําตอบ 2 : ติด Control valve ควบคุมเขาไปในทอดานสงและควบคุมการไหลใหดี น้ําจะไหลมากกวาตอนที่ไมมี Control valve<br />
คําตอบ 3 : ถาทอดานสงรั่ว น้ําที่ไหลผานเครื่องสูบน้ําจะนอยลง<br />
คําตอบ 4 : ถาทอดานดูดรั่ว น้ําที่ไหลผานเครื่องสูบน้ําจะมากขึ้น<br />
เครื่องสูบน้ําสองเครื่องตออนุกรมกันโดยทั้งสองเครื่องมี Characteristic Curve เหมือนกันทุกประการ สงน้ําออกจากบอเหมืองไปยัง แหลงน้ําภายนอก โดยมีเครื่องสูบน้ําเครื่องที่<br />
หนึ่งอยูติดกับบอเหมืองและตัวที่สองตออยูบนทอดานสงของตัวที่หนึ่ง ซึ่งหางจากตัวที่หนึ่ง 2 กิโลเมตร ขอความใดถูกตองที่สุด<br />
คําตอบ 1 : ถาทอน้ํารั่วระหวางเครื่องสูบน้ําทั้งสองตัว จะทําใหน้ําผานเครื่องสูบน้ําตัวแรกนอยลง<br />
คําตอบ 2 : ถาทอน้ํารั่วระหวางเครื่องสูบน้ําทั้งสองตัวจะทําใหน้ําสงไปยังปลายทางภายนอกเหมืองมากขึ้น<br />
คําตอบ 3 : ถาทอน้ํารั่วหลังจากเครื่องสูบน้ําตัวที่สอง น้ําจะไหลผานเครื่องสูบน้ําตัวที่สองมากขึ้น<br />
คําตอบ 4 : ถาทอน้ํารั่วหลังจากเครื่องสูบน้ําตัวที่สอง น้ําจะไหลผานเครื่องสูบน้ําตัวที่หนึ่งนอยลง<br />
เครื่องแลกเปลี่ยนความรอนเครื่องหนึ่งแบบ Shell and Tube ใชไอน้ํามาทําการอุนน้ําเพื่อเขาหมอน้ํา โดยออกแบบใหอุนน้ําจาก อุณหภูมิ 90 C เปน 150 C โดยใชไอน้ําอิ่มตัว 10<br />
ตันตอชั่วโมงที่ 3 Bar.g ขอความใดถูกตองที่สุด หากสมมติใหตัวแปรอื่นคงที่<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : ถาความดันของไอน้ําอิ่มตัวนอยลงจะทําใหอุณหภูมิของน้ําสูงขึ้น<br />
คําตอบ 2 : ถาอัตราการไหลของน้ํานอยลงจะทําใหอุณหภูมิของน้ําที่ออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนสูงขึ้น<br />
คําตอบ 3 : ถาความดันของน้ําสูงขึ้นจะทําใหอุณหภูมิของน้ําที่ออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนสูงขึ้น<br />
คําตอบ 4 : ถาอัตราการไหลของไอน้ําอิ่มตัวมากขึ้นจะทําใหอุณหภูมิของน้ําที่ออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนนอยลง<br />
56 of 130<br />
ขอที่ : 210<br />
น้ําไหลในทอสองขนาดซึ่งยาวเทากันวางในแนวราบดวยอัตราการไหลเทากัน ขอใดไมถูกตอง
คําตอบ 1 : ความดันสูญเสียในทอขนาดเล็กมากกวาทอขนาดใหญ<br />
คําตอบ 2 : ความเร็วของน้ําในทอขนาดเล็กต่ํากวาทอขนาดใหญ<br />
คําตอบ 3 : จะใหน้ําในทอขนาดเล็กไหลมากกวาจะตองใสพลังงานในเครื่องสูบน้ํามากขึ้น<br />
คําตอบ 4 : กําลังงานในเครื่องสูบน้ําของทอขนาดใหญจะนอยกวากําลังงานที่ใชในทอขนาดเล็ก<br />
57 of 130<br />
ขอที่ : 211<br />
ขอที่ : 212<br />
ขอที่ : 213<br />
ขอที่ : 214<br />
เครื่องสูบน้ําสองเครื่องแบบ Centrifugal Pump มี Performance Curve เทากันทุกประการ น้ํามาตอ Parallel กัน จะได Performance รวมเปนอยางไร<br />
คําตอบ 1 : ณ อัตราการไหลรวมคาใดคาหนึ่ง จะมีความดัน ณ จุดที่ทอจากเครื่องสูบทั้งสองตอกันเปนสองเทาของเครื่องสูบน้ําหนึ่งเครื่อง<br />
คําตอบ 2 : ณ ความดันรวมของทอดานสงคาใดคาหนึ่ง จะมีอัตราการไหลรวมเปนสองเทาของเครื่องสูบน้ําหนึ่งเครื่อง<br />
คําตอบ 3 : น้ําไหลผานเครื่องสูบน้ําเครื่องหนึ่งมากกวาอีกเครื่องหนึ่งเสมอ<br />
คําตอบ 4 : ความดันดานสงของเครื่องสูบน้ําเครื่องหนึ่งจะมากกวาอีกเครื่องหนึ่งเสมอ<br />
น้ําไหลจากถังสูงซึ่งอยู 50 เมตร ลงสูถังที่พื้นดินดวยอัตราการไหล 100 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง ผานทอขนาดเสนผาศูนยกลาง 100 มิลลิเมตร ขอความตอไปนี้ขอความใดเปนแนว<br />
โนมที่ถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : ถาติดตั้ง Control valve ขนาด 80 มิลลิเมตร เขาไปที่ทอกอนจะเขาถังที่พื้นดิน จะทําใหน้ําไหลนอยกวา 100 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />
คําตอบ 2 : ยกถังสูงขึ้นอีก 20 เมตร คํานวณแลวความดันสูญเสียในทอที่ยาวขึ้น 2 เมตร แตปรากฏวาทําใหน้ําไหลออนลงเหลือ 80 ลูกบาศกเมตร ตอชั่วโมง<br />
คําตอบ 3 : เปลี่ยนทอใหเล็กลงเหลือขนาด 80 มิลลิเมตรทําใหน้ําไหลแรงขึ้นเปน 120 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />
คําตอบ 4 : เอา Strainer ไปติดในทอกอนเขาถังที่พื้นดิน ทําใหน้ําไหลดีขึ้นเนื่องจากไมมีตะกอน อัตราการไหลเพิ่มเปน105 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />
น้ําไหลดวยความดันตนทางคงที่ผานทอเสนผาศูนยกลาง 50 มิลลิเมตร ยาว 50 เมตร ไปยังทอแยกสองทอซึ่งตอขนานกันขนาด 25 และ 15 มิลลิเมตร ตามลําดับ ทอแยกทั้งสองยาว<br />
เทากันคือ 20 เมตร น้ําไหลรวมที่ทอขนาด 50 มิลลิเมตร เทากับ 20 ลูกบาศกเมตรตอ ชั่วโมง ขอความตอไปนี้ขอใดเปนแนวโนมที่ผิด<br />
คําตอบ 1 : น้ําไหลผานทอขนาด 15 มิลลิเมตรมากกวาทอขนาด 25 มิลลิเมตร<br />
คําตอบ 2 : น้ําไหลผานทอขนาด 50 มิลลิเมตรเทากับน้ําที่ไหลผานทอขนาด 15 และ 25 มิลลิเมตร รวมกัน<br />
คําตอบ 3 : ถาติดตั้ง Control valve ที่ทอขนาด 25 มิลลิเมตรและเปด 50% น้ําจะไหลผานทอขนาด 15 มิลลิเมตรมากขึ้น<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 4 : ถาความดันตนทางลดลงจะทําใหอัตราการไหลของน้ําผานทอขนาด 15 มิลลิเมตรลดลง<br />
ถาน้ํามันมี Viscosity ต่ําลงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ขอความใดผิด<br />
คําตอบ 1 : สูบน้ํามันที่อุณหภูมิสูงใชกําลังขับเครื่องสูบนอยกวาอุณหภูมิต่ํา ถาขนาดทอเทากัน<br />
คําตอบ 2 : น้ํามันรอนไหลชากวาน้ํามันเย็น ถาใชกําลังขับเครื่องสูบเทากัน ถาขนาดทอเทากัน<br />
คําตอบ 3 : ถาตองการสูบน้ํามันที่มีอุณหภูมิต่ําใหไดอัตราการไหลเทากับน้ํามันที่มีอุณหภูมิสูงโดยใชกําลังขับเทากัน จะตองใชทอขนาดใหญขึ้น
ขอที่ : 215<br />
ขอที่ : 216<br />
ขอที่ : 217<br />
คําตอบ 4 : ถาจะใหไดอัตราการไหลเทากันและใชทอขนาดเดียวกันกําลังขับเครื่องสูบสําหรับน้ํามันอุณหภูมิต่ําจะตองมากกวา<br />
ถาใหแกนนอนของกราฟเปนพื้นที่ถายเทความรอนและแกนตั้งเปนอุณหภูมิ กราฟของอุณหภูมิของของไหลใน Steam Condenser : ซึ่งใชน้ําหลอเย็นจะเปนอยางไร<br />
คําตอบ 1 : อุณหภูมิของไอน้ําที่กําลังควบแนนจะเปนเสนตรงขนานกับแกนนอน<br />
คําตอบ 2 : อุณหภูมิของน้ําหลอเย็นจะมีลักษณะเปนเสนตรง Slope ไปทางซาย<br />
คําตอบ 3 : อุณหภูมิของไอน้ําที่กําลังควบแนนจะมีลักษณะเปน Exponential<br />
คําตอบ 4 : อุณหภูมิของน้ําหลอเย็นจะเปนเสนตรงและ slope ลงไปทางขวา<br />
เครื่องทําน้ํารอนดวยไฟฟาขนาด 4,800 Watts ทําน้ํารอนใชอาบจากอุณหภูมิ 25 C เปน อุณหภูมิ 40 C ดวยอัตราการไหล 15 ลิตร ตอนาที หากเครื่องควบคุมอุณหภูมิของน้ํารอน<br />
เสีย ขอความตอไปนี้ขอใดถูกตอง หากตัวแปรอื่นที่ไมไดกลาวถึงคงที่<br />
คําตอบ 1 : เปดน้ํา 10 ลิตรตอนาที จะทําใหอุณหภูมิน้ํารอนที่ไดสูงกวา 40 C<br />
คําตอบ 2 : เปดน้ํา 20 ลิตรตอนาที จะทําใหอุณหภูมิน้ํารอนที่ไดสูงกวา 40 C<br />
คําตอบ 3 : ไปซอมอุปกรณควบคุมจนใชงานไดเปนปรกติ แลวเปดน้ํา 5 ลิตรตอนาที จะไดอุณหภูมิน้ํารอน 30 C<br />
คําตอบ 4 : ไปซอมอุปกรณควบคุมจนใชงานไดเปนปรกติ แลวเปดน้ํา 10 ลิตรตอนาที จะไดอุณหภูมิน้ํารอน 45 C<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
58 of 130<br />
คําตอบ 4 :
ขอที่ : 218<br />
59 of 130<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 219<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 3 :
คําตอบ 4 :<br />
60 of 130<br />
ขอที่ : 220<br />
คําตอบ 1 : 16,500 Btu/hr<br />
คําตอบ 2 : 16,605 Btu/hr<br />
คําตอบ 3 : 16,786 Btu/hr<br />
คําตอบ 4 : 17,867 Btu/hr<br />
ขอที่ : 221<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 222
61 of 130<br />
ขอที่ : 223<br />
ขอที่ : 224<br />
ขอที่ : 225<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
2.0 MPa<br />
1.0 MPa<br />
2.4 MPa<br />
1.6 MPa<br />
คําตอบ 1 : 1,913<br />
คําตอบ 2 : 1,931<br />
คําตอบ 3 : 2,018<br />
คําตอบ 4 : 2,108<br />
อุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนแบบใดที่นิยมนํามาใชสําหรับการแลกเปลี่ยนความรอนระหวางแกสและของเหลว<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
แบบเปลือกและทอ (Shell and Tube)<br />
แบบขดทอมีครีบ (Finned Coil)<br />
แบบกะทัดรัด (Compact)<br />
แบบสองกลับ (Two Tube Pass)<br />
อุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนแบบใดที่ใชเปนมาตรฐานในการเปรียบเทียบกับอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนประเภทอื่นๆ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
แบบของไหลไหลสวนทางกัน<br />
แบบของไหลไหลในทางเดียวกัน<br />
แบบของไหลไหลขวางกัน<br />
แบบของไหลผสมกัน
ขอที่ : 226<br />
ขอใดเปนความหมายของประสิทธิผล (Effectiveness) ของอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอน<br />
คําตอบ 1 : อัตราสวนระหวางอัตราการถายเทความรอนต่ําสุดที่เปนไปไดตออัตราการถายเทความรอนจริง<br />
คําตอบ 2 : อัตราสวนระหวางอัตราการถายเทความรอนจริงตออัตราการถายเทความรอนต่ําสุดที่เปนไปได<br />
คําตอบ 3 : อัตราสวนระหวางอัตราการถายเทความรอนจริงตออัตราการถายเทความรอนสูงสุดที่เปนไปได<br />
คําตอบ 4 : อัตราสวนระหวางอัตราการถายเทความรอนสูงสุดที่เปนไปไดตออัตราการถายเทความรอนจริง<br />
ขอที่ : 227<br />
ปมในระบบของไหล ขอใดแตกตางจากพวก<br />
คําตอบ 1 : ปมหอยโขง<br />
คําตอบ 2 : ปมโรตารี่<br />
คําตอบ 3 : ปมลูกสูบ<br />
คําตอบ 4 : ปมฟนเฟอง<br />
ขอที่ : 228<br />
ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับการจําลองระบบ<br />
คําตอบ 1 : กลุมสมการที่ใชในการแสดงความสัมพันธของตัวแปรทั้งหมดในระบบ จะมีลักษณะเปนกลุมของสมการเชิงเสนเทานั้น<br />
คําตอบ 2 : กลุมสมการที่ใชในการแสดงความสัมพันธของตัวแปรทั้งหมดในระบบ จะมีลักษณะเปนกลุมของสมการไมเชิงเสนเทานั้น<br />
คําตอบ 3 : การจําลองระบบจะใชกับเฉพาะระบบที่มีอยูแลวเทานั้น<br />
คําตอบ 4 : การจําลองระบบไมจําเปนตองทําในสภาวะที่ออกแบบไวเทานั้น<br />
ขอที่ : 229<br />
เหตุใดอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนแบบขดทอมีครีบ (Finned Coil Heat Exchanger) จึงตองมีครีบเพิ่มขึ้นมา<br />
คําตอบ 1 : เนื่องจากความตานทานการถายเทความรอนดานแก็สมีคาสูง<br />
คําตอบ 2 : เนื่องจากความตานทานการถายเทความรอนดานแก็สมีคาต่ํา<br />
คําตอบ 3 : เนื่องจากความตานทานการถายเทความรอนดานของเหลวมีคาสูง<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 4 : เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการสัมผัสทางดานของเหลวใหมากยิ่งขึ้น<br />
62 of 130<br />
ขอที่ : 230
63 of 130<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 231<br />
ขอที่ : 232<br />
คาประสิทธิผลของอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนไมไดเปนฟงกชันของสิ่งใด<br />
คําตอบ 1 : คาสัมประสิทธิ์การถายเทความรอน<br />
คําตอบ 2 : อุณหภูมิการไหลของของไหล<br />
คําตอบ 3 : อัตราการไหลของของไหล<br />
คําตอบ 4 : พื้นที่ที่ใชในการถายเทความรอน<br />
ขอใดไมใชปจจัยในการพัฒนาคุณสมบัติของสารละลายผสมของสารสองชนิด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
กฎของราวอูลท (Raoult’s Law)<br />
กฎของดาลตัน (Dalton’s Law)<br />
กฎของบอย (Boyle’s Law)<br />
คําตอบ 4 : ความสัมพันธของอุณหภูมิและความดันที่สภาวะอิ่มตัวของสารสองชนิด<br />
ขอที่ : 233
เครื่องสูบน้ําที่เหมาะสําหรับกรณีที่ตองการหัวน้ําสูง ๆ ( High Head) ค ือ<br />
คําตอบ 1 : เครื่องสูบน้ําแบบลูกสูบ<br />
คําตอบ 2 : เครื่องสูบน้ําแบบหอยโขง<br />
คําตอบ 3 : เครื่องสูบน้ําแบบโรตารี่<br />
คําตอบ 4 : เครื่องสูบน้ําแบบไดอะแฟรม<br />
64 of 130<br />
ขอที่ : 234<br />
ขอที่ : 235<br />
ขอที่ : 236<br />
กราฟแสดงสมรรถนะการทํางานของเครื่องสูบน้ําจะตองประกอบไปดวยตัวแปรอะไรบาง<br />
คําตอบ 1 : หัวน้ํา (Head), ปริมาตรอัตราการไหล, เสนผาศูนยกลางของใบพัด, ประสิทธิภาพของเครื่องสูบน้ํา, ความเร็วรอบ<br />
คําตอบ 2 : หัวน้ํา (Head), ปริมาตรอัตราการไหล, ประสิทธิภาพของเครื่องสูบน้ํา, ความเร็วรอบ<br />
คําตอบ 3 : หัวน้ํา (Head), ปริมาตรอัตราการไหล, ความเร็วรอบ<br />
คําตอบ 4 : หัวน้ํา (Head), ปริมาตรอัตราการไหล, ประสิทธิภาพของเครื่องสูบน้ํา<br />
ความแตกตางระหวางพัดลมแบบ Backward Curve ก ับ Backward Inclined อยูที่<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
Backward curve จะเปนแบบ Non-overload type แต Backward Inclined จะไมใช<br />
Backward curve จะมีชวงของความมีเสถียรภาพในการทํางานมากกวา Backward Inclined<br />
คําตอบ 3 : Backward curve จะใชเมื่อตองการความเร็วสูง แต Backward Inclined จะใชเมื่อตองการความเร็วต่ํา<br />
คําตอบ 4 : Backward curve มีราคาโดยทั่วไปถูกกวา Backward Inclined<br />
ในการเลือกตัวแลกเปลี่ยนความรอนแบบ Shell and Tube ตองกําหนดคาตัวแปรอะไรบาง<br />
คําตอบ 1 : อัตราการไหล อุณหภูมิเขาและออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนของของไหลสองชนิดที่แลกเปลี่ยนความรอนซึ่งกันและกัน<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
อัตราการไหล อุณหภูมิเขาและออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนของของไหลสองชนิดที่แลกเปลี่ยนความรอนซึ่งกันและกัน ขนาด เสนผาศูนยของ Shell และ<br />
ความยาวของ Tube<br />
อัตราการไหล อุณหภูมิเขาและออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนของของไหลสองชนิดที่แลกเปลี่ยนความรอนซึ่งกันและกัน ขนาด เสนผาศูนยของ Shell และ<br />
ความยาวของ Tube จํานวนของ Tube<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
อัตราการไหล อุณหภูมิเขาและออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนของของไหลสองชนิดที่แลกเปลี่ยนความรอนซึ่งกันและกัน ขนาด เสนผาศูนยของ Shell และ<br />
ความยาวของ Tube จํานวนของ Tube จํานวนทางเดินของ Tube ที่ของไหลจะไหลผาน<br />
ขอที่ : 237<br />
ความรอนที่แลกเปลี่ยนกันในตัวแลกเปลี่ยนความรอนแบบ Shell and Tube มีกี่ขนาด (ไมคิดความสูญเสีย)<br />
คําตอบ 1 : 2 ขนาด
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
3 ขนาด<br />
1 ขนาด<br />
4 ขนาด<br />
65 of 130<br />
ขอที่ : 238<br />
ขอที่ : 239<br />
ขอที่ : 240<br />
ขอที่ : 241<br />
คาประสิทธิผล (Effectiveness) ของตัวแลกเปลี่ยนความรอนจะดูไดจาก<br />
คําตอบ 1 : คาอัตราสวนระหวางความรอนที่ถายเทจริงกับความรอนที่ถายเทไดสูงสุดเทาที่เปนไปได<br />
คําตอบ 2 : คาอัตราสวนระหวางคาความรอนถายเทที่ของไหลตัวหนึ่งไดรับกับคาความรอนถายเทที่ของไหลอีกตัวหนึ่งไดใหไป<br />
คําตอบ 3 : คาอัตราสวนระหวางคาความรอนถายเทที่ของไหลไดรับกับคาความรอนถายเทที่เสียใหกับวัสดุที่ใชทําตัวแลกเปลี่ยนความรอน<br />
คําตอบ 4 : คาอัตราสวนระหวางคาความรอนถายเทสูงสุดในทางทฤษฎีกับคาความรอนถายเทที่สูญเสียไปกับความเสียดทานที่เกิดขึ้นภายในตัว แลกเปลี่ยนความรอน<br />
ความสัมพันธระหวากําลังงานกับความดันลดที่เกิดขึ้นในเครื่องสูบน้ําสามารถเขียนไดดังนี้<br />
คําตอบ 1 : กําลังงานเทากับความดันลดคูณกับปริมาตรอัตราการไหล<br />
คําตอบ 2 : กําลังงานเทากับความดันลดคูณกับปริมาตรอัตราการไหลยกกําลัง 1.5<br />
คําตอบ 3 : กําลังงานเทากับความดันลดคูณกับปริมาตรอัตราการไหลยกกําลัง 2<br />
คําตอบ 4 : กําลังงานเทากับความดันลดคูณกับปริมาตรอัตราการไหลยกกําลัง 1.2<br />
ความสัมพันธระหวางความดันลดกับอัตราการไหลสําหรับเครื่องสูบน้ํามีดังนี้<br />
คําตอบ 1 : วามดันลดเทากับคาคงที่คูณอัตราการไหลยกกําลัง 1.2<br />
คําตอบ 2 : วามดันลดเทากับคาคงที่คูณอัตราการไหลยกกําลัง 2.2<br />
คําตอบ 3 : ความดันลดเทากับคาคงที่คูณอัตราการไหลยกกําลัง 1.9<br />
คําตอบ 4 : ความดันลดเทากับคาคงที่คูณอัตราการไหลยกกําลัง 2.5<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย
66 of 130<br />
ขอที่ : 242<br />
คําตอบ 1 : 0.623<br />
คําตอบ 2 : 0.626<br />
คําตอบ 3 : 0.879<br />
คําตอบ 4 : 0.894<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 243
67 of 130<br />
ขอที่ : 244<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย
68 of 130<br />
ขอที่ : 245<br />
คําตอบ 1 : 39<br />
คําตอบ 2 : 37<br />
คําตอบ 3 : 32<br />
คําตอบ 4 : 30<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 3 :
69 of 130<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 246<br />
ขอที่ : 247<br />
คําตอบ 1 : 0.636<br />
คําตอบ 2 : 0.754<br />
คําตอบ 3 : 0.918<br />
คําตอบ 4 : ผิดทุกขอ<br />
คําตอบ 1 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 2 :
70 of 130<br />
คําตอบ 3 :<br />
ขอที่ : 248<br />
ขอที่ : 249<br />
คําตอบ 4 :<br />
เครื่องสูบน้ําแบบ Centrifugal สองตัวมีอัตราไหลที่เทากัน แตตัวหนึ่งมีแรงดันสูงกวาอีกตัวหนึ่ง นํามาตอขนานกันและสงน้ําเขาทอ เดียวกัน อัตราการไหลของเครื่องสูบน้ําทั้งสองจะ<br />
เปนอยางไร<br />
คําตอบ 1 : ตัวที่มีแรงดันสูงกวามีอัตราการไหลนอยกวา<br />
คําตอบ 2 : อัตราการไหลเทากัน<br />
คําตอบ 3 : ตัวที่มีแรงดันต่ํากวามีอัตราการไหลมากกวา<br />
คําตอบ 4 : ตัวที่มีแรงดันสูงกวามีอัตราการไหลมากกวา<br />
ถาพบวาเครื่องสูบน้ําแบบ Centrifugal ไมสามารถสูบน้ําเขาถังสูงไดตามอัตราที่ตองการจะมีวิธีแกไขระบบไดอยางไร<br />
คําตอบ 1 : เปลี่ยนขนาดที่ใหเล็กลง<br />
คําตอบ 2 : เปลี่ยนเครื่องสูบใหมีแรงดันนอยลง<br />
คําตอบ 3 : เปลี่ยนขนาดทอใหใหญขึ้น<br />
คําตอบ 4 : ติดตั้งวาลวควบคุม<br />
ขอที่ : 250<br />
55. เครื่องกังหันไอน้ําออกแบบใหใชงานโดยมีความดันใน condenser ต่ํากวาบรรยากาศ โดยอาศัยน้ําหลอเย็น กําหนดใหความสัมพันธ ของ parameter เปนดังนี้ 1. กังหันไอน้ํา<br />
ผลิตกําลังงานไดนอยลงเมื่อความดันใน condenser สูงขึ้น 2. การถายเทความรอนใน condenser นอยลง เมื่ออุณหภูมิของน้ําหลอเย็นขาเขาสูงขึ้น 3. ความดันใน condenser ลดลง<br />
ถาการถายเทความรอนดีขึ้น ดังนั้น หากอุณหภูมิของน้ําหลอเย็นขาเขาสูงขึ้น จะ<br />
คําตอบ 1 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ความดันใน condenser ลดลง<br />
คําตอบ 2 : เครื่องกังหันไอน้ําสามารถผลิตกําลังงานไดมากขึ้น<br />
คําตอบ 3 : เครื่องกังหันไอน้ําสามารถผลิตกําลังงานไดลดลง<br />
คําตอบ 4 : การถายเทความรอนที่ condenser มากขึ้น
ขอที่ : 251<br />
ขอที่ : 252<br />
ขอที่ : 253<br />
ขอที่ : 254<br />
จงหาจุดทํางานของระบบ Fan และ Duct โดยกําหนดใหสมการเปนดังนี้ Duct SP = 80 + 10.73Q1.8 Fan Q = 15 – (73.5 x 10-6) x SP2 โดยที่ SP = Static<br />
71 of<br />
Pressure<br />
130<br />
(Pa),<br />
Q = Air Flow rate (m3/s) โดยใหเลือกคา Trail Value SP = 200 Pa หรือ Q = 10 m3/s<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
6 m3/s และ 350 Pa<br />
8 m3/s และ 400 Pa<br />
4 m3/s และ 200 Pa<br />
10 m3/s และ 500 Pa<br />
พัดลมแบบ centrifugal 2 เครื่อง มี performance curve แบบเดียวกัน เมื่อนํามาตอแบบขนานจะมีลักษณะของ performance curve รวมเปนอยางไร<br />
คําตอบ 1 : อัตราการไหลเปนสองเทาของพัดลม 1 เครื่อง ณ จุดความดันสถิตเทากัน<br />
คําตอบ 2 : ความดันสถิตเปนสองเทาของพัดลม 1 เครื่อง ณ จุดที่มีอัตราการไหลเทากัน<br />
คําตอบ 3 : อัตราการไหลเทากับครึ่งหนึ่งของพัดลม 1 เครื่อง ณ ความดันสถิตเทากัน<br />
คําตอบ 4 : ความดันเปนครึ่งหนึ่งของพัดลม 1 เครื่อง ณ อัตราการไหลเทากัน<br />
ทอน้ําสองทอทําดวยวัสดุชนิดเดียวกันยาวเทากัน แตทอหนึ่งใหญกวาอีกทอหนึ่ง หากตอจากทอประธาน (Header) เดียวกันซึ่งมี แรงดันน้ําตนทางเทากัน ไปยังถังน้ําสูงเทากัน<br />
ลักษณะการไหลของน้ําของทั้งสองทอจะเปนอยางไร<br />
คําตอบ 1 : อัตราการไหลของน้ําของทอใหญจะนอยกวาทอเล็ก<br />
คําตอบ 2 : ความเร็วของน้ําทอเล็กจะเปนครึ่งหนึ่งของทอใหญ<br />
คําตอบ 3 : ความเร็วของน้ําในทอเล็กสูงกวาทอใหญ<br />
คําตอบ 4 : อัตราการไหลรวมทั้งสองทอเปนสองเทาของทอเล็ก<br />
รดน้ําตนไมดวยสายยางปลายเปดเสนหนึ่งขนาด ½ นิ้ว ยาว 20 เมตร โดยตอจากเครื่องสูบน้ําซึ่งสูบจากถังเก็บน้ํา แตพบวาน้ําไหล ไมพอกับที่ตองการ ถาตองการใหน้ําไหลมากขึ้น<br />
จะทําอยางไร<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : บีบสายยางที่ปลายใหน้ําฉีดออกไปแรงขึ้นและพุงไปไดไกล<br />
คําตอบ 2 : ตัดสายยางออก 10 เมตร<br />
คําตอบ 3 : ตอสายยางออกไปอีก 10 เมตร<br />
คําตอบ 4 : เอาหัวฉีดน้ํา (nozzle) มาใสที่ปลายใหน้ําฉีดไดแรง<br />
ขอที่ : 255<br />
คําวา “Off <strong>Design</strong>” หมายถึงอะไร
คําตอบ 1 : การออกแบบในระบบปด<br />
คําตอบ 2 : สภาวะที่อยูภายใตสภาวะที่ออกแบบไว<br />
คําตอบ 3 : สภาวะที่นอกเหนือสภาวะที่ออกแบบไว<br />
คําตอบ 4 : สภาวะที่ไมสามารถใชงานได<br />
72 of 130<br />
ขอที่ : 256<br />
ขอที่ : 257<br />
ขอที่ : 258<br />
ขอที่ : 259<br />
ใหใชวิธีการนิวตัน-ราฟสัน ในการหาคา x ของ x(tan x) = 2.0 เมื่อ x มีหนวยเปนเรเดียน โดยใหใชคาเริ่มตนของ x = 2<br />
คําตอบ 1 : 1.0769<br />
คําตอบ 2 : 3.6436<br />
คําตอบ 3 : 6.5783<br />
คําตอบ 4 : 9.6296<br />
ทานคิดวา Friction loss curve ของของไหลที่ไหลผานทอมีลักษณะเปนกราฟชนิดใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Linear<br />
Sine Wave<br />
Parabola<br />
Hyperbola<br />
ทานคิดวา Friction loss curve ของของไหลที่ไหลผานทอมีลักษณะเปนกราฟชนิดใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Linear<br />
Sine Wave<br />
Parabola<br />
Hyperbola<br />
เครื่องสูบน้ําแบบ Centrifugal Pump เครื่องหนึ่ง ถาเพิ่มความเร็วรอบใหเปนสองเทา จะไดปริมาณน้ําเพิ่มเปนกี่เทา<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
สองเทา<br />
สามเทา<br />
คําตอบ 3 : สี่เทา<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 4 : ปริมาณน้ําไมเพิ่ม
ขอที่ : 260<br />
ทอที่ใชแลกเปลี่ยนความรอนใน Condenser ของกังหันไอน้ําเครื่องหนึ่ง ซึ่งสัมผัสกับน้ํา Cooling ซึ่งมาจาก Cooling Tower มีความ สกปรกมากขึ้น ทําใหการถายเทความรอนไมดี<br />
หากปริมาณการไหลของน้ํา Cooling และปริมาณการไหลของไอน้ําเขากังหัน คงที่ อยาก ทราบวาเหตุการณตอไปนี้ขอใดถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : กังหันไอน้ําสามารถผลิตกําลังงานไดมากขึ้น<br />
คําตอบ 2 : อุณหภูมิของน้ํา Cooling ที่ไหลออกจาก Condenser สูงขึ้น<br />
คําตอบ 3 : ความดันใน Condenser ต่ําลง<br />
คําตอบ 4 : ไอน้ําใน Condenser กลั่นตัวที่อุณหภูมิสูงขึ้น<br />
ขอที่ : 261<br />
65. ถา LMTD (Log Mean Temperature Different) ของของไหลที่ไหลเขา Heat Exchanger ลดลงจะมีผลกระทบอยางไรตอการ ออกแบบ Heat Exchanger นั้น<br />
ขอที่ : 262<br />
ขอที่ : 263<br />
คําตอบ 1 : การถายเทความรอนดีขึ้น<br />
คําตอบ 2 : องการพื้นที่ถายเทความรอนนอยลง<br />
คําตอบ 3 : อุณหภูมิขาออกของของไหลที่รับความรอนจะต่ําลง<br />
คําตอบ 4 : อุณหภูมิขาออกของของไหลที่ใหความรอนจะต่ําลง<br />
66.ระบบการทํางานของปมน้ําชุดหนึ่ง มีความสัมพันธระหวางความดัน (P, bar) และอัตราการไหล (Q, m3/s) ดังนี้ P = 50 + 15.65Q0.8 และ Q = 54.27 – 0.005P2 ใหหาจุดทํา<br />
งานของความดันในระบบ โดยใชวิธีแทนคาอยางตอเนื่อง (Successive Substitution) กําหนดคาเริ่มตนเปน Q = 5 m3/s<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
99.0 bar<br />
99.3 bar<br />
100.0 bar<br />
106.7 bar<br />
ขอใดกลาวไมถูกตองในการจําลองระบบ<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : รูปแบบโดยทั่วไปของการจําลองระบบในทางวิศวกรรมนิยมแสดงในลักษณะแผนภาพแบบบล็อก (Block diagram)<br />
คําตอบ 2 : กรณีที่ระบบซับซอนการจําลองสามารถแบงระบบเปนสวนยอยๆ แลวจึงนํามาเชื่อมโยงกัน<br />
คําตอบ 3 : ในการจําลองระบบที่มีสภาวะสม่ําเสมอ แตละบล็อกจะแทนสมการเชิงพีชคณิต<br />
คําตอบ 4 : ในการจําลองระบบแบบพลศาสตรนั้นจะมีความซับซอน จึงไมสามารถนํามาใชในการจําลองระบบสวนยอยๆ ได<br />
73 of 130<br />
ขอที่ : 264<br />
ในการจําลองระบบจําเปนตองกําหนดใหอยูในสภาวะที่ออกแบบไว (<strong>Design</strong> Condition) ตามเดิมหรือไม
คําตอบ 1 :<br />
จําเปน เพราะทําใหอุปกรณสามารถทํางานไดอยางเหมาะสม<br />
คําตอบ 2 : จําเปน เพราะทําใหคาใชจายในการเดินเครื่องมีคาต่ําที่สุด<br />
คําตอบ 3 : ไมจําเปน เพราะโดยปกติอุปกรณออกแบบเผื่อไวอยูแลว จึงสามารถใชงานได<br />
คําตอบ 4 : ไมจําเปน เพราะในการออกแบบสามารถกําหนดขนาดของตัวแปรในการทํางานตางๆ ได<br />
74 of 130<br />
ขอที่ : 265<br />
ขอที่ : 266<br />
ขอที่ : 267<br />
อุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนเครื่องหนึ่ง ใหความรอนแกน้ําที่ไหลเขามาที่อุณหภูมิ 30 oC จนกระทั่งน้ํามีอุณหภูมิ 48 oC ดวยไอ น้ําอิ่มตัวที่อุณหภูมิ 50 oC และไหลออกเปนคอน<br />
เดนเสท (Condensate) ที่อุณหภูมิ 50 oC ตองการทราบอัตราการไหลของน้ําที่ไหล เขามา โดยกําหนดใหพื้นที่ในการถายเทความรอนเทากับ 1.4 m2 และคา U ตามพื้นที่นี้คือ 1/U<br />
= (0.0445/w0.8) + 0.185 เมื่อ w เปนอัตราการไหลของน้ําในหนวย kg/s<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
0.693 kg/s<br />
0.652 kg/s<br />
0.552 kg/s<br />
0.523 kg/s<br />
การจําลองวัฎจักรการทําความเย็นจะจําลองใหเปนอะไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ระบบเปด<br />
ระบบปด<br />
ระบบผสม (Mixed system)<br />
ระบบไฮบริด (Hybrid system)<br />
การจําลองแบบการทํางานของวัฎจักรกังหันกาซ ความรอนจะถูกสงเขาสูวัฎจักรในขั้นตอนของขบวนการใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Isothermal Process<br />
Isothermal Process<br />
Isentropic Process<br />
Isobaric Process<br />
ขอที่ : 268<br />
Boiler Feed Pump แบบ Multi Stages Centrifugal Type (Fixed speed) เครื่องหนึ่งสูบน้ําจาก Deaerator ไปยัง Boiler Drum ที่มี ความดัน 120 Bar.g สวน Deaerator มี<br />
ความดัน 3.0 Bar.g Boiler Feed Pump มีแรงดัน 150 Bar โดยในการเดินเครื่องจะมี Control valve คอยควบคุมอัตราการไหล โดยมีความดันตกครอม Control Valve อยูที่ 20<br />
Bar โดย Valve เปด 80% ณ อัตราการไหลขณะ เดินเครื่อง Boiler เต็มที่ ดังนั้นถาเดินเครื<br />
คําตอบ 1 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Control valve เปด 90% และความดันตกครอม Valve 20 Bar
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Control valve เปด 100 % และความดันตกครอม valve 15 Bar<br />
Control valve เปด 20% และความดันตกครอม Valve 10 Bar<br />
Control valve เปด 60% และความดันตกครอม Valve 40 Bar<br />
75 of 130<br />
ขอที่ : 269<br />
Cooling Water Pump สงน้ําจากแมน้ําบางปะกงไปหลอเย็น Condenser ของโรงไฟฟา โดยมีอุณหภูมิ 30 C และมีอุณหภูมิน้ําไหล ออกจาก Condenser 38 C ขณะที่เครื่องกังหัน<br />
ไอน้ําเดินเครื่องเต็มที่ ถาอัตราการไหลของน้ําจาก Cooling Water Pump คงที่ แตกังหัน ไอน้ําเดินเครื่องลดลงเหลือ 50 % แนวโนมอุณหภูมิของน้ําหลอเย็นที่ออกควรจะเปน<br />
เทาไร<br />
ขอที่ : 270<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
42 C<br />
40 C<br />
38 C<br />
34 C<br />
พัดลมแบบ Centrifugal Fan แบบความเร็วรอบคงที่ เครื่องหนึ่งมีกราฟความสัมพันธระหวางกําลังงานที่ใชขับกับอัตราการไหลดังนี้ พัดลมจะใชกําลังขับนอยที่อัตราการไหลต่ํา และ<br />
ตองใชกําลังงานขับสูงเมื่ออัตราการไหลสูง ดังนั้นหากการควบคุมอัตราการไหลของพัด ลมใช Damper ติดตั้งที่ดานสงของพัดลมr ความสัมพันธของเปอรเซ็นตการเปด Damper กับ<br />
กําลังที่ใชขับพัดลมจะเปนอยางไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
เปด Damper 20, 40, 60, 80, 100 % จะใชกําลังขับ 100, 80, 60, 40, 20 % ตามลําดับ<br />
เปด Damper 20, 40, 60, 80, 100 % จะใชกําลังขับ 50 % เทากัน<br />
เปด Damper 20, 40, 60, 80, 100 % จะใชกําลังขับ 20, 40, 60, 80, 100 % ตามลําดับ<br />
เปด Damper 20, 40, 60, 80, 100 % จะใชกําลังขับ 20, 60, 100, 80, 60 % ตามลําดับ<br />
ขอที่ : 271<br />
Centrifugal pump เครื่องหนึ่งมี shut off head ( zero flow rate) ที่ 1000 เมตร (น้ํา) และ ทํางานที่ best efficiency point 80% ดวย capacity 90 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง และ<br />
pump head 800 เมตร สงน้ําให Boiler โดยมี Control valve คอยควบคุมอัตราการไหลของ น้ําสู Boiler, Pump เครื่องนี้ยังมี bypass recirculation control valve เพื่อสงน้ํา<br />
กลับจากดานสงของ Pump ไปยังดานดูด เพื่อปองกัน ไมให Pump overhea<br />
คําตอบ 1 : น้ําไหลไปยัง Boiler มากขึ้น<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 2 : น้ําไหลผาน bypass valve ทําใหความดันดานสงลดลง และน้ําไหลไปยัง boiler ลดลง<br />
คําตอบ 3 : ความดันดานสงของ Pump เพิ่มขึ้น เนื่องจาก bypass เปด<br />
คําตอบ 4 : ความดันดานสงของ Pump ลดลง น้ําไหลผาน bypass valve และ control valve รวมกันลดลง<br />
ขอที่ : 272<br />
ทอสงน้ํามันยาว 200 กิโลเมตร โดยมีสถานีสูบน้ํามันดวยเครื่องสูบแบบ Fixed speed Centrifugal Pump จํานวน 10 สถานี ตอกัน แบบอนุกรม หางกันสถานีและ 20 กิโลเมตร ขณะ<br />
เดินเครื่องสูบทุกเครื่องตามปรกติ สามารถวัด Pump Head ได 20 Bar เทากันทุก เครื่อง Pump ทุกเครื่องมี characteristic curve เปนแบบ steady rising (Pump head เพิ่มขึ้น
เมื่ออัตราการไหลนอยลง) เหมือนกันทุก เครื่อง ขอความตอไปนี้ขอใดเปนแนวโน<br />
คําตอบ 1 : Pump เครื่องหนึ่งเสีย ตอง bypass น้ํามันไมใหผาน Pump เครื่องที่เสีย ทําให head ของ pump ตัวที่เหลือลดลงและอัตราการไหลลดลง<br />
คําตอบ 2 : ทอรั่วที่ pump เครื่องที่ 2 ทําใหตองใช pump head มากขึ้น เพื่อทําใหอัตราการไหลเทาเดิม<br />
คําตอบ 3 : ทอที่ปลายทางมีการอุดตัน ทําให pump head แตละเครื่องสูงขึ้นและอัตราการไหลลดลง<br />
คําตอบ 4 : ทอที่ตนทางกอนเขา pump เครื่องแรกมีการอุดตัน ทําใหความดันดานดูดของ pump เครื่องแรกสูงขึ้นและอัตราการไหลลดลง<br />
76 of 130<br />
ขอที่ : 273<br />
ขอที่ : 274<br />
ขอที่ : 275<br />
น้ําไหลจากถังสูงซึ่งอยู 50 เมตร ลงสูถังที่พื้นดินดวยอัตราการไหล 100 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง ผานทอขนาดเสนผาศูนยกลาง 100 มิลลิเมตร ขอความตอไปนี้ขอความใดเปนแนว<br />
โนมที่ถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : ถาติดตั้ง Control valve ขนาด 80 มิลลิเมตร เขาไปที่ทอกอนจะเขาถังที่พื้นดิน จะทําใหน้ําไหลแรงขึ้นเปน 110 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />
คําตอบ 2 : ยกถังสูงขึ้นอีก 20 เมตร คํานวณแลวความดันสูญเสียในทอที่ยาวขึ้น 2 เมตร แตปรากฏวาทําใหน้ําไหลออนลงเหลือ 80 ลูกบาศกเมตร ตอชั่วโมง<br />
คําตอบ 3 : เปลี่ยนทอใหเล็กลงเหลือขนาด 80 มิลลิเมตรทําใหน้ําไหลแรงขึ้นเปน 120 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />
คําตอบ 4 : เอา Strainer ไปติดในทอกอนเขาถังที่พื้นดิน ทําใหน้ําไหลออนลงนิดหนอย เหลือ 95 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโม<br />
ในระบบระบายความรอนดวยน้ําแบบ Closed Loop ใช Centrifugal pump มี characteristic curve dp = 6 + 2Q - 0.5Q^2 และ มี ระบบทอซึ่งมีสมการ dp = 0.1 Q^2 ขอความ<br />
ตอไปนี้ขอใดถูกตอง (p = pressure rise/drop, Q = flow rate)<br />
คําตอบ 1 : หากติดตั้ง control valve เขาไปในทอจะทําใหสมการ dp = 0.1 Q^2 เปลี่ยนแปลง โดย สัมประสิทธิ์ 0.1 จะเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น<br />
คําตอบ 2 : หากติดตั้ง Control valve แลวปดวาลวไมใหน้ําไหลจะอานความดันตางที่ pump ได 8<br />
คําตอบ 3 : ถาอัตราการไหลของน้ําเทากับ 1 จะตองทําความดันตางที่ control valve เทากับ 7<br />
คําตอบ 4 : ติดตั้ง control valve ทําใหน้ําไหลมากขึ้น<br />
เครื่องแลกเปลี่ยนความรอนแบบ shell and tube ใชในการอุนน้ํากอนเขา boiler จาก 50 C เปน 120 C โดยใชไอน้ําอิ่มตัวความดัน 10 Bar.g โดยมีอัตราการไหลของไอน้ํา 5 ตันตอ<br />
ชั่วโมง หากสัมประสิทธิ์ การถายเทความรอนคงที่ ขอความตอไปนี้ขอใดเปนแนวโนมที่ ถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : ลดอัตราการไหลของไอน้ําลงเหลือ 3 ตันตอชั่วโมงและอัตราการไหลของน้ําคงที่ จะทําใหอุณหภูมิของน้ําออกจากเครื่องสูงขึ้น<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 2 : เพิ่มอัตราการไหลของไอน้ําขึ้นเปน 6 ตันตอชั่วโมงและอัตราการไหลของน้ําคงที่ จะทําใหอุณหภูมิของน้ําออกจากเครื่องต่ําลง<br />
คําตอบ 3 : ลดอัตราการไหลของน้ําลงแตใหอัตราการไหลของไอน้ําคงที่ ทําใหอุณหภูมิขาออกของน้ําสูงขึ้น<br />
คําตอบ 4 : ลดความดันของไอน้ําลงแตใหอัตราการไหลเทาเดิมทั้งไอน้ําและน้ําที่จะอุน อุณหภูมิขาออกของน้ําจะสูงขึ้น<br />
ขอที่ : 276<br />
เครื่องสูบน้ําสองเครื่องแบบ Centrifugal มี Characteristic Curve แบบ Steadily rising (ความดันลดลงเมื่ออัตราการไหลเพิ่มขึ้น) เหมือนกันทุกประการ ตอเขากันแบบขนานเพื่อ<br />
สูบน้ําไประบายความรอนให condenser ของโรงไฟฟา ขณะเดินเครื่องเต็มที่อาน pressure gauge ที่ทอดานสงของเครื่องสูบน้ําทั้งสองไดเทากัน เทากับ 2 Bar.g ขอความตอไปนี้<br />
ขอใดเปนแนวโนมที่ถูกตอง
ขอที่ : 277<br />
ขอที่ : 278<br />
ขอที่ : 279<br />
คําตอบ 1 : เครื่องสูบตัวหนึ่งหยุดทําใหความดันของน้ําทีอานได ณ ดานสงของเครื่องสูบที่ยังเดินเครื่องอยูเพิ่มขึ้น<br />
คําตอบ 2 : น้ําไหลผานเครื่องสูบทั้งสองไมเทากัน<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ถากราฟของกําลังขับที่ใชขับเครื่องสูบเปนแบบ steady rising (เครื่องสูบกินกําลังมากขึ้นเมื่ออัตราการไหลมากขึ้น) แลวเครื่องสูบเครื่อง หนึ่งหยุด จะทําใหเครื่องสูบ<br />
อีกเครื่องหนึ่งที่ยังทํางานกินกําลังมากขึ้น<br />
ถาติด Control valve ที่เหมือนกันทุกประการ ไวที่ดานสงของเครื่องสูบทั้งสองเครื่องแลวปรับการเปด Control valve ใหเปด 50% สําหรับเครื่องที่ 1 และใหเปด<br />
80% ของเครื่องที่ 2 จะทําใหน้ําไหลผานเครื่องที่ 1 มากกวาเครื่องที่ 2<br />
ไอน้ําไหลจาก Boiler ดวยอุณหภูมิ 480 C ณ ความดัน 68 Bar.g ไปยังกังหันไอน้ําดวยอัตราการไหล 90 ตันตอชั่วโมง โดยควบคุม โดย Control valve ที่ทางเขาของกังหันไอน้ํา<br />
ขอความตอไปนี้ขอใดเปนแนวโนมที่ถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : เปด control valve นอยลงเพื่อใหกังหันไอน้ําผลิตไฟฟานอยลง จะทําใหความดันใน boiler สูงขึ้น ถาอัตราการผลิตไอน้ําของ boiler คง เดิม<br />
คําตอบ 2 : เปด control valve มากขึ้นเพื่อใหกังหันไอน้ําผลิตไฟฟามากขึ้น จะทําใหความดันใน boiler สูงขึ้น ถาอัตราการผลิตไอน้ําของ boiler นอยลง<br />
คําตอบ 3 : ถาอัตราการผลิตไอน้ําของ boiler นอยลงแตเปด control valve เทาเดิม จะทําใหความดันใน boiler สูงขึ้น<br />
คําตอบ 4 : ถาอัตราการผลิตไอน้ําของ boiler เทาเดิมและเปด control valve เทาเดิม จะทําใหการผลิตไฟฟาของกังหันลดลง<br />
น้ําไหลดวยความดันตนทางคงที่ผานทอเสนผาศูนยกลาง 50 มิลลิเมตร ยาว 50 เมตร ไปยังทอแยกสองทอซึ่งตอขนานกันขนาด 25 และ 15 มิลลิเมตร ตามลําดับ ทอแยกทั้งสองยาว<br />
เทากันคือ 20 เมตร น้ําไหลรวมที่ทอขนาด 50 มิลลิเมตร เทากับ 20 ลูกบาศกเมตรตอ ชั่วโมง ขอความตอไปนี้ขอใดเปนแนวโนมที่ถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : น้ําไหลผานทอขนาด 15 มิลลิเมตรมากกวาทอขนาด 25 มิลลิเมตร<br />
คําตอบ 2 : น้ําไหลผานทอขนาด 50 มิลลิเมตรมากกวาน้ําที่ไหลผานทอขนาด 15 และ 25 มิลลิเมตร รวมกัน<br />
คําตอบ 3 : ถาติดตั้ง Control valve ที่ทอขนาด 25 มิลลิเมตรและเปด 50% น้ําจะไหลผานทอขนาด 15 มิลลิเมตรมากขึ้น<br />
คําตอบ 4 : ถาความดันตนทางลดลงจะทําใหอัตราการไหลของน้ําผานทอขนาด 15 มิลลิเมตรเพิ่มขึ้น<br />
กังหันกาซเครื่องหนึ่งสงกาซไอเสียใหกับหมอน้ําเพื่อทําไอน้ําสงใหกังหันไอน้ํา โปรดพิจารณาขอความขางลางวาขอใดถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : เพิ่มปริมาณไอเสียของกังหันกาซโดยการเพิ่มเชื้อเพลิง จะทําใหเกิดไอน้ําไปยังกังหันไอน้ํามากขึ้น<br />
คําตอบ 2 : ถาใชไอน้ําที่กังหันไอน้ําลดลงโดยที่ไมลดการปอนเชื้อเพลิงใหกังหันกาซ จะทําใหความดันในหมอน้ําคงที่<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 3 : ถากังหันไอน้ําหยุดเดินเครื่อง โดยที่การปอนเชื้อเพลิงใหกังหันกาซคงที่ จะทําใหหมอน้ํารอนอยูได โดยที่ความดันไมสูงขึ้น<br />
คําตอบ 4 : ถากังหันกาซหยุดเดินเครื่องจะทําใหกังหันไอน้ําไดรับไอน้ําที่ความดันสูงขึ้น<br />
77 of 130<br />
ขอที่ : 280<br />
ถาน้ํามันมี Viscosity ต่ําลงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ขอความใดถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : สูบน้ํามันที่อุณหภูมิสูงใชกําลังขับเครื่องสูบมากกวาอุณหภูมิต่ํา
คําตอบ 2 : น้ํามันรอนไหลชากวาน้ํามันเย็น ถาใชกําลังขับเครื่องสูบเทากัน<br />
คําตอบ 3 : ถาตองการสูบน้ํามันที่มีอุณหภูมิต่ําใหไดอัตราการไหลเทากับน้ํามันที่มีอุณหภูมิสูงโดยใชกําลังขับเทากัน จะตองใชทอขนาดใหญขึ้น<br />
คําตอบ 4 : สูบน้ํามันที่มีอุณหภูมิสูงใชทอใหญ สูบน้ํามันที่มีอุณหภูมิต่ําใชทอเล็ก ถาจะใหไดอัตราการไหลเทากันและกําลังขับเครื่องสูบเทากัน<br />
78 of 130<br />
ขอที่ : 281<br />
พัดลมสงลมเย็นไปตามทอสงไปยังหองที่ 1 และหองที่ 2 แตหองที่ 1 อยูใกลพัดลมมากกวา หองที่ 1 และหองที่ 2 ตองการปริมาณลม เย็นเทากัน แตดวยการออกแบบทอที่ตอไปยัง<br />
หองที่ 2 มีขนาดเล็กกวาเนื่องจากปริมาณลมเย็นนอยลงหลังจากไดแยกสงใหหองที่ 1 แลว หัวจายลมเย็นของทั้งสองหองมีขนาดเทากันและเปด Damper เต็มที่ จงพิจารณาวาขอ<br />
ความตอไปนี้ขอใดถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : ลมเย็นไหลไปหองที่ 1 นอยกวาหองที่ 2<br />
คําตอบ 2 : ลมเย็นไหลไปหองที่ 1 เทากับหองที่ 2<br />
คําตอบ 3 : จะทําใหลมเย็นทั้งสองหองเทากันจะตองปด Damper ของหองหนึ่งลงเล็กนอย<br />
คําตอบ 4 : เปด Damper ของหองที่ 2 นอยๆ จะทําใหลมแรง และจะไดอัตราการไหลของลมเย็นไปหองที่ 2 มากขึ้น<br />
ขอที่ : 282<br />
Condensate pump แบบ Centrifugal มี Characteristic Curve แบบ Steady rising (pump head ลดลงเมื่ออัตราการไหลมากขึ้น) สูบน้ําจาก Hot Well ผาน Control valve ไป<br />
ยัง Deaerator โดยเมื่อเครื่องเดินเต็มที่ Control valve เปด 80% และมีความดันตกครอม Control valve เทากับ 2 Bar ขอความตอไปนี้ขอใดถูกตอง<br />
ขอที่ : 283<br />
คําตอบ 1 :<br />
ถาตองการลดอัตราการไหล จะตองทําความดันตกครอม control valve เปน 4 Bar<br />
คําตอบ 2 : ถาความดันใน Hot Well ลดลง จะทําใหอัตราการไหลมากขึ้น<br />
คําตอบ 3 : ถาความดันใน Deaerator มากขึ้นจะทําใหอัตราการไหลมากขึ้น<br />
คําตอบ 4 : ถาปด Control valve จะทําใหความดันที่ดานสงของ Condensate pump ต่ําลง<br />
เครื่องสูบน้ําเครื่องหนึ่งแบบ Centrifugal มี Characteristic curve เปนแบบ steady rising (pump head ลดลงเมื่ออัตราการไหล เพิ่มขึ้น) สูบน้ําผานเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนใช<br />
ไอน้ําซึ่งทําใหน้ําจาก 25 C มีอุณหภูมิสูงขึ้นเปน 50 C ดวยอัตราการไหล 30 ลูกบาศก เมตรตอชั่วโมง และสามารถอานความดันที่ดานสงของเครื่องสูบน้ําได 4 Bar.g ขอความตอไป<br />
นี้ขอใดผิด<br />
คําตอบ 1 : ลดอัตราการไหลของน้ําลงดวย Control valve ซึ่งติดตั้งใกลกับเครื่องแลกเปลี่ยนความรอน ทําใหอานความดันที่ดานสงของเครื่องสูบได สูงขึ้น<br />
คําตอบ 2 :<br />
เพิ่มอัตราการไหลของน้ําดวยเปด Control valve ซึ่งติดตั้งใกลกับเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนมากขึ้น ทําใหอุณหภูมิของน้ํารอนที่ออก จากเครื่องแลกเปลี่ยนความ<br />
รอนลดลง ถาไมมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการไหลของไอน้ํา<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 3 : ลดอัตราการไหลของไอน้ําทําใหอุณหภูมิของน้ําออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนลดลง ถาปริมาณน้ํายังคงเดิม<br />
คําตอบ 4 : เพิ่มอัตราการไหลของไอน้ําจะทําใหอุณหภูมิของน้ําที่ออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนสูงขึ้น ถาปริมาณน้ํายังคงเดิม<br />
ขอที่ : 284<br />
การระบายความรอนของ Steam Turbine Condenser ดวย Cooling Tower แบบ Closed Loop ใชน้ํา 5,000 ลูกบาศกเมตรตอ ชั่วโมง โดยอุณหภูมิของน้ําเขาและออก<br />
Condenser เทากับ 33 C และ 42 C ตามลําดับ Cooling Tower มีพัดลมเดินเครื่องสองตัว ถูก ออกแการระบายความรอนของ Steam Turbine Condenser ดวย Cooling Tower
แบบ Closed Loop ใชน้ํา 5,000 ลูกบาศกเมตรตอ ชั่วโมง โดยอุณหภูมิของน้ําเขาและออก Condenser เทากับ 33<br />
คําตอบ 1 : ถาอุณหภูมิบรรยากาศ Wet bulb ลดลง จะทําใหอุณหภูมิน้ําเขาและออก Condenser ลดลง<br />
คําตอบ 2 : ถาอุณหภูมิบรรยากาศ Dry Bulb สูงขึ้น จะทําใหอุณหภูมิน้ําเขาและออก Condenser ลดลง<br />
คําตอบ 3 : ถาน้ํา Cooling เหลือ 4,000 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง จะทําใหอุณหภูมิที่แตกตางระหวางน้ําเขาและออก Condenser ลดลง<br />
คําตอบ 4 : ถาพัดลม Cooling tower เสียไปหนึ่งตัว จะทําใหอุณหภูมิของน้ําเขา Condenser ลดลง<br />
79 of 130<br />
ขอที่ : 285<br />
hydraulic Water Turbine ของเขื่อนแหงหนึ่ง เดินเครื่องโดยมี Head เทากับ 120 เมตร โดยสามารถผลิตไฟฟาได 80 MW เมื่อ Governor Valve ซึ่งคอยควบคุมอัตราการไหล<br />
ของน้ํา เปดที่ 95% ขอความตอไปนี้ขอใดถูกตอง<br />
ขอที่ : 286<br />
ขอที่ : 287<br />
คําตอบ 1 : เปด Governor Valve 50% จะทําใหน้ําไหลแรงขึ้นและจะผลิตไฟฟาไดมากวา 80 MW<br />
คําตอบ 2 : ระดับน้ําเหนือเขื่อนต่ําลงทําให Head ของ Turbine เหลือ 100 เมตร ตองเปด Governor Valve นอยลง เพื่อใหกําลังผลิตไฟฟาเทาเดิม<br />
คําตอบ 3 : ถาตองการกําลังไฟฟานอยลง ตองเปด Governor Valve ใหมากขึ้น<br />
คําตอบ 4 : ถาเปด Governor Valve เพียง 90 % แตตองการกําลังไฟฟาเทาเดิม จะตองเพิ่ม Head ของ Turbine มากขึ้น<br />
เครื่องทําน้ํารอนดวยไฟฟาขนาด 4,800 Watts ทําน้ํารอนใชอาบจากอุณหภูมิ 25 C เปน อุณหภูมิ 40 C ดวยอัตราการไหล 15 ลิตร ตอนาที หากเครื่องควบคุมอุณหภูมิของน้ํารอน<br />
เสีย ขอความตอไปนี้ขอใดถูกตอง หากตัวแปรอื่นที่ไมไดกลาวถึงคงที่<br />
คําตอบ 1 : เปดน้ํา 10 ลิตรตอนาที จะทําใหอุณหภูมิน้ํารอนที่ไดต่ํากวา 40 C<br />
คําตอบ 2 : เปดน้ํา 20 ลิตรตอนาที จะทําใหอุณหภูมิน้ํารอนที่ไดสูงกวา 40 C<br />
คําตอบ 3 : ไปซอมอุปกรณควบคุมจนใชงานไดเปนปรกติ แลวเปดน้ํา 5 ลิตรตอนาที จะไดอุณหภูมิน้ํารอน 30 C<br />
คําตอบ 4 : ไปซอมอุปกรณควบคุมจนใชงานไดเปนปรกติ แลวเปดน้ํา 10 ลิตรตอนาที จะไดอุณหภูมิน้ํารอน 40 C<br />
พัดลมแบบ Centrifugal เครื่องหนึ่งมี Performance Curve มีลักษณะดังนี้คือ เมื่ออัตราการไหลสูงขึ้น ความดันสถิตของพัดลมลดลง ใชงานสงลมเย็นผาน Air Handling Unit ไป<br />
ยัง Distribution Duct สูหองตางๆของอาคาร ขอความตอไปนี้ขอใดเปนแนวโนมที่ถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : ลมสงไปยังหองปลายทางที่อยูไกลที่สุดไมพอ เนื่องจาก Duct ปลายทางมีขนาดเล็กเกินไป<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 2 : หองที่อยูตนทางไดรับลมเย็นมากไป จะตองเปด Damper ที่หัวจายและทางแยกเขาหองดังกลาวใหมากขึ้น เพื่อใหมีลมเย็นเหลือไป ปลายทาง<br />
คําตอบ 3 : ลดความเร็วรอบของพัดลม เนื่องจากลมเย็นถูกสงไปหองตนทางมากเกินไป ทําใหลมเย็นไมไปปลายทาง<br />
คําตอบ 4 : ขยายขนาด Duct ที่แยกไปยังหองตนทางใหมากขึ้น เพื่อใหลดความดันสถิตยใหลดลง และมีลมเย็นสงไปปลายทางมากขึ้น<br />
ขอที่ : 288<br />
ทอน้ําสองทอขนาดทอที่ 1 ขนาดเสนผาศูนยกลาง 100 มม สวนทอที่ 2 มีขนาดเสนผาศูนยกลาง 80 มม ทอทั้งสองยาว 50 เมตร เทากัน ตอขนานกันเขากับเครื่องสูบน้ําแบบ<br />
Centrifugal ซึ่งมี Performance Curve แบบ steady rising (ความดันนอยลงเมื่ออัตราการ ไหลมากขึ้น) ปลายของทอทั้งสองอยูที่ระดับเดียวกัน ขอความตอไปนี้ขอใดถูกตอง
คําตอบ 1 : น้ําไหลผานทอที่ 2 มากกวาทอที่ 1 เพราะทอที่ 2 มีความเร็วสูงกวาทอที่ 1<br />
คําตอบ 2 : ถาตองการใหน้ําไหลไปทอที่ 2 มากกวาทอที่1 จะตองใส control valve ในทอที่ 1 เพื่อเพิ่ม friction ในทอที่ 1<br />
คําตอบ 3 : ถายกปลายทอของทอที่ 1 ขึ้นสูงกวาทอที่ 2 จะทําใหน้ําไหลไปทอที่ 2 ลดลง<br />
คําตอบ 4 : ยกปลายทอทั้งสองขึ้นเทากันจะทําใหอัตราการไหลของทอทั้งสองเทากัน<br />
80 of 130<br />
ขอที่ : 289<br />
Fire pump เครื่องหนึ่ง สูบน้ําไปยัง Hydrant สองตัวเหมือนกันทุกประการ ซึ่งอยูบนทอสงน้ําเดียวกัน Hydrant ตัวที่ 1 อยูใกล Fire pump มากวาตัวที่ 2 โปรดพิจารณาขอความตอ<br />
ไปนี้วาขอใดผิด<br />
ขอที่ : 290<br />
ขอที่ : 291<br />
ขอที่ : 292<br />
คําตอบ 1 : แรงดันน้ําที่ Hydrant ตัวที่ 1 มากกวาตัวที่ 2<br />
คําตอบ 2 : อัตราการไหลของ Hydrant ตัวที่ 2 นอยกวาตัวที่ 1<br />
คําตอบ 3 : อัตราการไหลของ Hydrant ทั้งสองรวมกันเทากับอัตราการไหลของ Fire pump<br />
คําตอบ 4 : อาน pressure gauge ที่ Fire pump ไดคานอยกวาที่ Hydrant<br />
การระบายความรอนของ Steam Turbine Condenser ดวย Cooling Tower แบบ Closed Loop ใชน้ํา 5,000 ลูกบาศกเมตรตอ ชั่วโมง โดยอุณหภูมิของน้ําเขาและออก<br />
Condenser เทากับ 33 C และ 42 C ตามลําดับ Cooling Tower มีพัดลมเดินเครื่องสองตัว ถูก ออกแบบดวยอุณหภูมิบรรยากาศ 28.5 C Wet Bulb 38 C Dry Bulb ขอความใด<br />
ถูกตอง ถา parameter ตัวที่ไมกลาวถึงคงที่<br />
คําตอบ 1 : ถาอุณหภูมิบรรยากาศ Wet bulb สูงขึ้น จะทําใหอุณหภูมิน้ําเขาและออก Condenser ลดลง<br />
คําตอบ 2 : ถาอุณหภูมิบรรยากาศ Dry Bulb สูงขึ้น จะทําใหอุณหภูมิน้ําเขาและออก Condenser ลดลง<br />
คําตอบ 3 : ถาน้ํา Cooling เหลือ 4,000 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง จะทําใหอุณหภูมิที่แตกตางระหวางน้ําเขาและออก Condenser สูงขึ้น<br />
คําตอบ 4 : ถาพัดลม Cooling tower เสียไปหนึ่งตัว จะทําใหอุณหภูมิของน้ําเขา Condenser ลดลง<br />
กังหันกาซเครื่องหนึ่งสงกาซไอเสียใหกับหมอน้ําเพื่อทําไอน้ําสงใหกังหันไอน้ํา โปรดพิจารณาขอความขางลางวาขอใดไมถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : เพิ่มปริมาณไอเสียของกังหันกาซโดยการเพิ่มเชื้อเพลิง จะทําใหเกิดไอน้ําไปยังกังหันไอน้ํามากขึ้น<br />
คําตอบ 2 : ถาใชไอน้ําที่กังหันไอน้ําลดลงโดยที่ไมลดการปอนเชื้อเพลิงใหกังหันกาซ จะทําใหความดันในหมอน้ําสูงขึ้น<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 3 : ถากังหันไอน้ําหยุดเดินเครื่อง โดยที่การปอนเชื้อเพลิงใหกังหันกาซคงที่ จะทําใหหมอน้ํารอนอยูได โดยที่ความดันไมสูงขึ้น<br />
คําตอบ 4 : ถากังหันกาซหยุดเดินเครื่องจะทําใหกังหันไอน้ําไดรับไอน้ําที่ความดันต่ําลง<br />
ระบบสงน้ําในหมูบานแหงหนึ่ง สงน้ําโดยใชปมแบบหอยโขง(Centrifugal pump) สงผานทอขนาดหกนิ้วไปยังถังเก็บน้ําซึ่งอยูหาง จากที่ตั้งปม 800 เมตร หากวาทอสงน้ําถูกแอบ<br />
เจาะตอทอขนาดหนึ่งนิ้วซึ่งยาว 20 เมตร ที่ระยะหางจากปม 80 เมตร อยากทราบวาผลที่ เกิดขึ้นในขอใดถูกตองที่สุด<br />
คําตอบ 1 : ไมมีการเปลี่ยนแปลง ระบบยังคงทํางานไดเหมือนเดิม
คําตอบ 2 : จะตองจายคาไฟฟาสําหรับการเดินปมเพิ่มขึ้น<br />
คําตอบ 3 : อานคาความดันดานสง(discharge pressure)ไดมากขึ้น<br />
คําตอบ 4 : อัตราการไหลที่ปมทําไดลดลง<br />
81 of 130<br />
ขอที่ : 293<br />
สถานีสูบจายน้ําแหงหนึ่งติดตั้งเครื่องสูบน้ําแบบหอยโขง(centrifugal pump)จํานวน 8 ตัว โดยปมตออยูแบบขนาน ปรากฎวาตอนที่ เริ่มเดินปมวาลวดานสงทุกตัวอยูในตําแหนงปด<br />
อยากทราบวาขอใดกลาวไดถูกตอง<br />
ขอที่ : 294<br />
ขอที่ : 295<br />
ขอที่ : 296<br />
คําตอบ 1 : เปนวิธีการที่ผิด อาจทําใหปมเสียหายได<br />
คําตอบ 2 : เปนวิธีการที่ถูกตองเพราะจะสามารถควบคุมการไหลของน้ําได<br />
คําตอบ 3 : เปนวิธีการที่ถูกตอง เพราะกําลังที่ใชสําหรับเริ่มเดินปมจะต่ําที่สุด<br />
คําตอบ 4 : ไมเกิดผลอะไรไมวาวาลวจะปดหรือเปด<br />
ปมน้ําแบบ centrifugal ที่มีขนาดความดัน 20 บารเกจ ที่อัตราการไหล 150 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง ขอใดกลาวไดถูกตองเกี่ยวกับ ปมตัวนี้<br />
คําตอบ 1 : สามารถนําไปติดตั้งกับทอทุกขนาด เพื่อใหไดอัตราการไหลที่ 150 ลูกบาศกเมตร<br />
คําตอบ 2 : ไมวาจะติดตั้งกับระบบทอขนาดใด ก็จะทําความดันได 20 บารเกจ<br />
คําตอบ 3 : เมื่อติดตั้งกับระบบทอ อาจไมไดความดันและอัตราการไหลตามที่ระบุ ขึ้นกับความดันสูญเสียในระบบดวย<br />
คําตอบ 4 : เมื่อติดตั้งกับระบบทอ จะไมไดความดันและอัตราการไหลตามที่กําหนด เพราะเปนคาตามทฤษฎีเทานั้น<br />
การออกแบบระบบสงน้ําแหงหนึ่งกําหนดใหใชทอขนาด 8 นิ้ว แตผูรับเหมาไมสามารถหาทอขนาดดังกลาวได จึงติดตั้งทอขนาด 6 นิ้วแทน โดยที่ขนาดของปมที่ใชคงเดิม ขอใดกลาว<br />
ไดถูกตองที่สุด<br />
คําตอบ 1 : สามารถสงน้ําไดปริมาณมากขึ้น ไกลมากขึ้น<br />
คําตอบ 2 : ไดน้ําแรงขึ้นและปริมาณมากขึ้น<br />
คําตอบ 3 : ไดปริมาณน้ําลดลง แตสามารถสงไดไกลขึ้น<br />
คําตอบ 4 : ไดปริมาณน้ําลดลง ความดันที่ใชสูงขึ้น และความเร็วในทออาจจะมากขึ้น<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ปมน้ําแบบ centrifugal สองตัวขนาด 120 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง ที่ความดัน 15 บาร ตอรวมกับแบบขนาน หากเดินปมพรอมกัน ทั้งสองตัว ขอใดถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : ความดันที่ไดเพิ่มขึ้นเปน 30 บาร<br />
คําตอบ 2 : อัตราการไหลเพิ่มขึ้นเปน 240 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />
คําตอบ 3 : ความดันเพิ่มขึ้น แตไมถึง 30 บาร<br />
คําตอบ 4 : อัตราการไหลเพิ่มขึ้น แตไมถึง 240 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง
ขอที่ : 297<br />
ขอที่ : 298<br />
ขอที่ : 299<br />
ขอที่ : 300<br />
ปมแบบลูกสูบ (positive displacement) ทําหนาที่สูบ-จายน้ํามันเตาจากถังเก็บไปยังโรงไฟฟา พบวาขณะเริ่มเดินปมวาลวดานสงอยู ในตําแหนงปด ขอใดกลาวไดถูกตองที่สุด<br />
คําตอบ 1 : เปนวิธีการที่ถูกตองแลว เพราะเปนการดึงกระแสไฟฟาตอนเริ่มเดินปม<br />
คําตอบ 2 : เปนวิธีการที่ถูกตอง เพราะสามารถควบคุมการไหลของน้ํามันได<br />
คําตอบ 3 : เปนวิธีการที่ไมถูกตอง เพราะจะเกิดความดันที่ดานสงของปมสูงขึ้น อาจทําใหปมเสียหายได<br />
คําตอบ 4 : เปนวิธีการที่ไมถูกตอง เพราะจะไมสามารถเปดวาลวหลังจากปมทํางานแลวได<br />
เครื่องแลกเปลี่ยนความรอนทําหนาที่ลดอุณหภูมิน้ําเสียกอนปลอยสูแมน้ํา ถาเกิดการทํางานผิดผลาดโดยที่ผูเดินเครื่องเปดวาลวผิด ทําใหน้ําเสียไหลเขาเครื่องในอัตราที่สูงกวาคาที่<br />
ออกแบบ ผลที่เกิดขึ้นในขอใดถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : น้ําเสียที่ไหลออกจะมีอุณหภูมิเทากับที่ไหลเขา<br />
คําตอบ 2 : จะเกิดความเสียหายกับเครื่องแลกเปลี่ยนความรอน ตองรีบ By-pass ทันที<br />
คําตอบ 3 : น้ําเสียที่ไหลออกจะมีอุณภูมิสูงกวาที่เคยปลอยออก<br />
คําตอบ 4 : ไมมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ<br />
ระบบสงน้ําในหมูบานแหงหนึ่ง สงน้ําถึงถังเก็บที่ตั้งอยูสูง 30 เมตร โดยใชทอขนาด 3 นิ้ว หากมีความตองการที่จะเพิ่มอัตราการ ไหล จะตองทําอยางไร ถาตองการใชปมตัวเดิม<br />
คําตอบ 1 :<br />
ลดขนาดทอ<br />
คําตอบ 2 : เพิ่มขนาดทอ<br />
คําตอบ 3 : เพิ่มขนาดมอเตอรที่ขับปม<br />
คําตอบ 4 : ลดขนาดมอเตอรที่ขับปม<br />
ทอสงน้ํามันแหงหนึ่ง ถูกคนรายแอบเจาะทอขโมยน้ํามันที่บริเวณไมไกลจากตนทาง ถามีติดตั้งอุปกรณวัดตางๆที่ปลายทอ อยาก ทราบวาผลที่ไดจะเปนอยางไร<br />
คําตอบ 1 : คาความเร็วที่อานไดจะเพิ่มขึ้น<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 2 : คาความดันที่อานไดลดลง<br />
คําตอบ 3 : คาความดันที่อานไดเทาเดิม<br />
คําตอบ 4 : คาความดันที่อานไดสูงขึ้น<br />
82 of 130<br />
ขอที่ : 301<br />
ปมน้ําแบบ centrifugal จํานวน 8 ตัว ตอกันอยูแบบขนาน โดยปมแตละตัวมีขนาด 120 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง ที่ความดัน 30 บาร ถาเราเปลี่ยนมอเตอรขับปมทุกตัว ใหมีขนาดใหญ<br />
ขึ้น ผลที่เกินขึ้นจะเปนอยางไร
คําตอบ 1 : จะไดอัตราการไหลมากกวา 960 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />
คําตอบ 2 : จะไดอัตราการไหลนอยกวา 960 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />
คําตอบ 3 : จะไดความดันสูงกวา 30 บาร<br />
คําตอบ 4 : ไมมีการเปลี่ยนแปลงทั้งความดันแลอัตราการไหล<br />
83 of 130<br />
ขอที่ : 302<br />
โรงสูบน้ําแหงหนึ่งติดตั้งเครื่องสูบแบบหอยโขง( Centrifugal )จํานวน 10 ชุด โดยที่ปมแตละตัวมีขนาด 100 ลูกบาศกเมตรตอ ชั่วโมง ที่ความดัน 25 บาร ตอมาพบวามอเตอรของ<br />
ปม 5 ตัว มีปญหาจึงตองเปลี่ยน แตมอเตอรที่นํามาเปลี่ยนมีขนาดใหญกวาเดิม อยากทราบวาจะมีผลตออัตราการไหลและความดันอยางไร<br />
ขอที่ : 303<br />
ขอที่ : 304<br />
ขอที่ : 305<br />
คําตอบ 1 : อัตราการไหลและความดันคงที่ ไมเปลี่ยนแปลง<br />
คําตอบ 2 : อัตราการไหลจะสูงขึ้น<br />
คําตอบ 3 : ความดันจะสูงขึ้น<br />
คําตอบ 4 : ความดันสูงขึ้น แตอัตราการไหลลง<br />
ระบบทอสงน้ําแหงหนึ่งใชทอขนาด 8 นิ้ว ถาเปลี่ยนไปใชทอขนาด 4 นิ้ว โดยอุปกรณอยางอื่นคงเดิม ขอใดถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : ความดันของระบบจะเพิ่มขึ้น<br />
คําตอบ 2 : ความดันของระบบจะเพิ่มขึ้น 25%<br />
คําตอบ 3 : ความดันของระบบจะเพิ่มขึ้น 50%<br />
คําตอบ 4 : ความดันของระบบจะเพิ่มขึ้น 75%<br />
ทอสงน้ําแหงหนึ่งประกอบดวยปมหอยโขง (centrifugal pump) และทอขนาด 2 นิ้ว ถาการติดตั้งเปลี่ยนไปใชทอขนาด 4 นิ้ว ขอใด กลาวไดถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : ความดันของระบบจะเพิ่มขึ้น<br />
คําตอบ 2 : อัตราการไหลจะลดลง<br />
คําตอบ 3 : อัตราการไหลจะเพิ่มขึ้น<br />
คําตอบ 4 : อัตราการไหลจะเพิ่มขึ้น 2 เทา<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ทอสงน้ําแหงหนึ่งประกอบดวยปมหอยโขง (centrifugal pump) และระบบทอ โดยออกแบบมาใหเหมาะสมกับทอขนาด 2 นิ้ว ถา การติดตั้งเปลี่ยนไปใชทอขนาด 6 นิ้ว ขอใดกลาว<br />
ไดถูกตองที่สุด<br />
คําตอบ 1 : เปนผลดี จะสามารถสงน้ําไดมากขึ้น<br />
คําตอบ 2 : เปนผลดี เพราะความดันสูญเสียในระบบจะลดลงมาก ทําใหน้ําไหลไดดี<br />
คําตอบ 3 : เปนผลเสีย เพราะอาจทําใหปมเสียหายเนื่องจากความดันสูงเกิน
ขอที่ : 306<br />
ขอที่ : 307<br />
ขอที่ : 308<br />
ขอที่ : 309<br />
คําตอบ 4 : เปนผลเสีย เพราะอาจทําใหปมตองใชพลังงานมากเกิน มอเตอรที่ติดตั้งมาอาจเสียหายได<br />
ปมหอยโขง (centrifugal pump) ตัวหนึ่งถูกออกแบบมาใหเหมาะสมกับทอขนาด 6 นิ้ว ถานําไปใชกับทอขนาด 12 นิ้ว โดยมีความ ยาวของทอเทาเดิม เหตุการณใดจะเกิดขึ้น<br />
คําตอบ 1 : ความดันของปมจะลดลง<br />
คําตอบ 2 : อาจทําใหมอเตอรขับปมเสียหายได<br />
คําตอบ 3 : อาจเกิดเสียงดังในขณะที่ปมทํางาน<br />
คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />
สําหรับการจําลองระบบในวิชาควบคุมอัตโนมัติ (Automatic Control) จะใชแผนภาพแบบบลอก (Block Diagram) ในการแสดง ระบบ ซึ่งแตละบล็อกจะเปนตัวแทนของสิ่งใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Transfer Function<br />
Transform Function<br />
Transport Function<br />
Transient Function<br />
ขอใดกลาวไมถูกตองในการจําลองระบบ<br />
คําตอบ 1 : การจําลองระบบอาจถูกใชในขั้นตอนออกแบบ เพื่อหาทางปรับปรุงรูปแบบการออกแบบ<br />
คําตอบ 2 : การจําลองระบบอาจใชประยุกตเขากับระบบที่มีอยูแลว เพื่อปรับปรุงระบบนั้นๆ<br />
คําตอบ 3 : การจําลองระบบไมจําเปนตองทําที่สภาวะที่ออกแบบ (<strong>Design</strong> Condition)<br />
คําตอบ 4 : การจําลองระบบจะนํามาใชในการออกแบบระบบใหมเทานั้น<br />
คําตอบ 1 : -1/9<br />
คําตอบ 2 : -1<br />
คําตอบ 3 : 9/2<br />
คําตอบ 4 : 1/2<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
84 of 130
ขอที่ : 310<br />
85 of 130<br />
ขอที่ : 311<br />
ขอที่ : 312<br />
คําตอบ 1 : -1.54<br />
คําตอบ 2 : -1.44<br />
คําตอบ 3 : -1.34<br />
คําตอบ 4 : -1.24<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอใดไมใชการจัดแบงประเภทของระบบ (<strong>System</strong> Classification)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Continuous & Discrete<br />
Deterministic & Stochastic
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Steady state & Dynamic<br />
Steady State Steady Flow & Uniform State Uniform Flow<br />
86 of 130<br />
ขอที่ : 313<br />
ขอที่ : 314<br />
ขอที่ : 315<br />
ประโยคใดที่ไมถูกตองเกี่ยวการจําลองระบบ (<strong>System</strong> Simulation)<br />
คําตอบ 1 : การจําลองระบบเปนสิ่งที่ตองทําทั้งในสภาวะที่ออกแบบ (<strong>Design</strong> Condition) และในสภาวะที่ไมใชสภาวะที่ออกแบบ (Non-design Condition)<br />
คําตอบ 2 : ไมจําเปนตองใชการจําลองระบบ เมื่อทําการคํานวณ ณ สภาวะที่ออกแบบ (<strong>Design</strong> Condition)<br />
คําตอบ 3 : การจําลองระบบจะชวยใหวิศวกรสามารถปรับปรุงการออกแบบใหดีขึ้นได<br />
คําตอบ 4 : การจําลองระบบทําใหวิศวกรสามารถตรวจสอบการทํางานของระบบ ณ สภาวะที่ไมใชสภาวะการออกแบบได<br />
ในการจําลองระบบที่สภาวะคงที่ (Steady State) สมการที่ปรากฏอยูใน Block Diagram จะเปนสมการประเภทใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Differential Equation<br />
Integral Equation<br />
Algebraic Equation<br />
Transfer Function<br />
ขอใดจัดวาเปน Information Flow Diagram ที่เปน Sequential Approach<br />
คําตอบ 1 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 2 :
87 of 130<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
ขอที่ : 316
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
23.89 kg/s<br />
22.45 kg/s<br />
21.56 kg/s<br />
24.08 kg/s<br />
88 of 130<br />
ขอที่ : 317<br />
คําตอบ 1 : 0.5748, -0.4389<br />
คําตอบ 2 : 0.4879, -0.8795<br />
คําตอบ 3 : 0.5652, -0.7391<br />
คําตอบ 4 : 0.7489, -0.5879<br />
ขอที่ : 318<br />
70. ระบบทอสงน้ํามันมีความยาวทอทั้งหมด 2,000 เมตร จงหาขนาดทอที่ทําใหระบบมีจุดคุมทุนมากที่สุด โดยมีขอกําหนดดังนี้ • ทอขนาด 100mm มีความดันสูญเสียเทากับ 1.2<br />
bar / 1,000 m มีราคา 300 บาท/เมตร • ทอขนาด 150mm มีความดันสูญเสียเทากับ 0.5 bar / 1,000 m มีราคา 350 บาท/เมตร • ทอขนาด 200mm มีความดันสูญเสียเทากับ 0.2<br />
bar / 1,000 m มีราคา 500 บาท/เมตร • ทอขนาด 250mm มีความดันสูญเสียเทากับ 0.05 b<br />
คําตอบ 1 : 100<br />
คําตอบ 2 : 150<br />
คําตอบ 3 : 200<br />
คําตอบ 4 : 250<br />
ขอที่ : 319<br />
Fire Tube Boiler เครื่องหนึ่งถูกออกแบบใหมีประสิทธิภาพ 70% โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 10 kg ตอนาที แตเนืองจาก ปจจุบันราคาคาเชื้อเพลิงสูงขึ้น จงพิจารณาวาขอ<br />
ความใดถูกตองที่สุดในการทํา <strong>Design</strong> Optimization<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : ลดการใชเชื้อเพลิงและใชอยางประหยัด<br />
คําตอบ 2 : เพิ่มพื้นที่ถายเทความรอน และเปรียบเทียบคาใชจายเชื้อเพลิงตอป และคาลงทุน<br />
คําตอบ 3 : ลดพื้นที่การถายเทความรอนเพื่อประหยัดชื้อเพลิง<br />
คําตอบ 4 : ใชเชื้อเพลิงที่มี heating value มากขึ้น<br />
ขอที่ : 320<br />
Fire Tube Boiler เครื่องหนึ่งถูกออกแบบใหมีประสิทธิภาพ 70% โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 10 kg ตอนาที แตเนืองจาก ปจจุบันราคาคาเชื้อเพลิงสูงขึ้น จงพิจารณาวาขอ
ความใดถูกตองที่สุดในการทํา <strong>Design</strong> Optimization<br />
คําตอบ 1 : ลดการใชเชื้อเพลิงและใชอยางประหยัด<br />
คําตอบ 2 : เพิ่มพื้นที่ถายเทความรอน และเปรียบเทียบคาใชจายเชื้อเพลิงตอป และคาลงทุน<br />
คําตอบ 3 : ลดพื้นที่การถายเทความรอนเพื่อประหยัดชื้อเพลิง<br />
คําตอบ 4 : ใชเชื้อเพลิงที่มี heating value มากขึ้น<br />
89 of 130<br />
ขอที่ : 321<br />
ขอที่ : 322<br />
ขอที่ : 323<br />
ขอที่ : 324<br />
ขอใดเปนวิธีการออกแบบที่ถูกตองสําหรับการหุมฉนวนความรอนสําหรับเครื่องจักรหรืออุปกรณ<br />
คําตอบ 1 : หุมใหหนาที่สุดจะไดไมสูญเสียความรอน<br />
คําตอบ 2 : หุมใหบางที่สุดเพื่อใหเสียเงินลงทุนนอยที่สุด<br />
คําตอบ 3 : หุมใหสูญเสียความรอนคิดเปนเงินปจจุบันตลอดอายุใชงานรวมกับเงินลงทุนแลวนอยที่สุด<br />
คําตอบ 4 : เลือกใชฉนวนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด<br />
ระบบสงน้ําประกอบดวยเครื่องสูบน้ําและทอขอใดเปนแนวคิด Optimization<br />
คําตอบ 1 : ออกแบบสูบน้ําใหมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยใหใชพลังงานนอยที่สุด<br />
คําตอบ 2 : ออกแบบระบบสูบน้ําใหมีการลงทุนรวมคาใชจายพลังงานรายปนอยที่สุด<br />
คําตอบ 3 : ออกแบบระบบใหมีเครื่องสูบขนาดใหญเพื่อประหยัดเวลาการสูบ<br />
คําตอบ 4 : ออกแบบใหทอมีขนาดใหญเพื่อใหเปลืองพลังงานในการสูบน้ํานอยลง<br />
ระบบ Oil Cooler ตองการ Oil Pump เพื่อเอาชนะ Friction ในเครื่องแลกเปลี่ยนความรอน ขอใดเปนการออกแบบที่ถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : เพิ่มแรงดันของ Oil Pump เพื่อให Heat Transfer Coefficient ดีขึ้น ทําใหขนาดพื้นที่ของ Heat Exchanger นอยลง เพื่อให Heat Exchanger มีขนาดเล็ก<br />
คําตอบ 2 : เลือกแรงดันของ Oil Pump เพื่อใหพื้นที่ของการถายเทความรอนเหมาะสม แลวทําใหคาลงทุนและคาเดินเครื่องต่ําสุด<br />
คําตอบ 3 : ลดแรงดัน Oil Pump และเพิ่มพื้นที่การถายเทความรอน เพื่อลดการใชพลังงานในการ Pump<br />
คําตอบ 4 : ขยายพื้นที่การถายเทความรอนโดยใช Fin เพื่อประหยัดพลังงานในการ Pump<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
สําหรับฟงกชัน y = 1/2x1 + 1/x2 + 4x1x2 2 จงหาคา x1 ที่ทําใหคา y มีคาต่ําสุด เมื่อคา x1 และ x2 มีคามากกวาศูนย<br />
คําตอบ 1 : 1.414<br />
คําตอบ 2 : 1.500<br />
คําตอบ 3 : 0.500
ขอที่ : 325<br />
ขอที่ : 326<br />
ขอที่ : 327<br />
คําตอบ 4 : 0.354<br />
กําหนดใหฟงกชันวัตถุประสงค (C) เปนราคาในการออกแบบอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนชนิดหนึ่ง คือ C = 500 + 300D2.5L + 150DL โดยมีเงื่อนไขบังคับเปน 500πD2L =<br />
200 เมื่อ D เปนเสนผานศูนยกลางของเปลือกของอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอน และ L เปนความยาวของอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอน ใหหาขนาดเสนผานศูนยกลางของอุปกรณ<br />
แลกเปลี่ยนความรอนที่ใหตนทุนต่ําสุด<br />
คําตอบ 1 : 1.432<br />
คําตอบ 2 : 1.000<br />
คําตอบ 3 : 1.273<br />
คําตอบ 4 : 2.865<br />
สําหรับการแกปญหาดวยวิธีจีโอเมตริกซโปรแกรมมิ่ง (Geometric Programming) ของฟงกชันวัตถุประสงคและมีเงื่อนไขดังตอไปนี้มีดีกรีความยาก (Degree of difficulty) เปน<br />
เทาใด<br />
คําตอบ 1 : 0<br />
คําตอบ 2 : 1<br />
คําตอบ 3 : 2<br />
คําตอบ 4 : 3<br />
วิธีการตอไปนี้เปนวิธีการหาการคาเหมาะสมที่สุด (optimization) ยกเวนวิธีการใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Marketing analysis<br />
<strong>System</strong> simulation<br />
Search method<br />
Linear programming<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
90 of 130<br />
ขอที่ : 328<br />
กระบวนการพิจารณาใดไมจัดเปนการพิจารณาทางออกแบบที่เหมาะสมที่สุดoptimization<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
พิจารณากําไรสูงสุด<br />
พิจารณาความพอใจสูงสุดของลูกคา
คําตอบ 3 : พิจารณาตนทุนต่ําสุด<br />
คําตอบ 4 : พิจารณาคาดําเนินการต่ําสุด<br />
91 of 130<br />
ขอที่ : 329<br />
จากแผนภูมิระหวาง ความหนาของฉนวนกันความรอน (Insulation thickness, แกนX) และ คาลงทุนทั้งหมด (Total cost, แกนY) จงพิจารณาวาคาความหนาของ ฉนวนที่อยูบริเวณ<br />
ใด เปนความหนาที่มีคาการลงทุน (Total cost) ต่ําสุด หากพิจารณา คาลงทุนของฉนวน (Insulation cost) และ คาลงทุนเนื่องจากการสูญเสียความรอน (Cost of lost energy)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
A<br />
B<br />
C<br />
D<br />
ขอที่ : 330<br />
81. คาใชจายรายปของอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนชุดหนึ่ง (y) แสดงไดดังสมการตอไปนี้ y = C1x2 + C2x โดยที่ x คือ ความยาวของทอภายในอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอน จง<br />
หาคาแฟคเตอร (Weighting factor) w1 และ w2 จากวิธีจีโอเมตริกซโปรแกรมมิ่ง (Geometric Programming)<br />
ขอที่ : 331<br />
คําตอบ 1 : w1 = -1 , w2 = 2<br />
คําตอบ 2 : w1 = 2 , w2 = 1<br />
คําตอบ 3 : w1 = 0 , w2 = 1<br />
คําตอบ 4 : w1 = 1 , w2 = -2<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming)<br />
คําตอบ 1 : ลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming) เปนวิธีการสําหรับการหาคาสูงสุดของฟงกชันวัตถุประสงค (Objective function) เทานั้น<br />
คําตอบ 2 : การใชวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming) จํานวนตัวแปรจะตองเทากับจํานวนเงื่อนไขบังคับเทานั้นจึงจะสามารถหาคําตอบ ได<br />
คําตอบ 3 : การใชวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming) จํานวนตัวแปรจะตองนอยกวาจํานวนเงื่อนไขบังคับเทานั้นจึงจะสามารถหาคําตอบ ได
คําตอบ 4 :<br />
วิธีการลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming) ความสัมพันธของตัวแปรทั้งในฟงกชันวัตถุประสงค (Objective function) และ เงื่อนไขบังคับ (Constraint) จะ<br />
ตองมีลักษณะเปนเสนตรง<br />
92 of 130<br />
ขอที่ : 332<br />
ขอที่ : 333<br />
ขอที่ : 334<br />
ใหหาคาต่ําสุดของฟงกชัน y ตอไปนี้ y = –x1 – 2x2 โดยมีเงื่อนไขบังคับดังนี้ x1 + x2 ≤ 20 – x1 + 4x2 ≤ 20 x1 > 8 และ x2 > 6<br />
คําตอบ 1 : – 28<br />
คําตอบ 2 : – 26<br />
คําตอบ 3 : – 30<br />
คําตอบ 4 : – 22<br />
ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับวีการไดนามิกโปรแกรมมิ่ง (Dynamic Programming)<br />
คําตอบ 1 : เปนวิธีการหาสภาพที่เหมาะสมที่สุดสําหัรบกระบวนการทํางานแบบเปนขั้นตอน (Stage process) เทานั้น<br />
คําตอบ 2 : เปนวิธีการหาสภาพที่เหมาะสมที่สุดสําหัรบกระบวนการทํางานแบบเปนฟงกชันตอเนื่อง (Continuous function) เทานั้น<br />
คําตอบ 3 : เปนวิธีการหาสภาพที่เหมาะสมที่สุดสําหัรบฟงกชันที่ไมสามารถหาคาอนุพันธ (Nondifferentiable) ไดทานั้น<br />
คําตอบ 4 :<br />
เปนวิธีการพยายามจัดการปญหาการตัดสินใจหลายขั้นตอน (Multistage decision problem) ใหอยูในลักษณะเรียงตอเนื่องกันของ ปญหาการตัดสินใจขั้นตอนเดียว<br />
(A sequence of single stage decision problem)<br />
ถาดีกรีความยาก (Degree of difficulty) ของจีโอเมตริกซโปรแกรมมิ่ง (Geometric Programming) มีคามากกวาศูนยแลว จะคงใช วิธีการจีโอเมตริกซโปรแกรมมิ่ง (Geometric<br />
Programming) ไดหรือไม<br />
คําตอบ 1 : ได เพราะรูปแบบของปญหายังคงเปนรูปแบบเชิงเสน (Linear) อยู<br />
คําตอบ 2 : ได แตจะยุงยากมากขึ้น เนื่องจากรูปแบบของปญหาไมเปนแบบเชิงเสน (Nonlinear)<br />
คําตอบ 3 : ไมได เพราะรูปแบบของปญหาไมเปนแบบเชิงเสน (Nonlinear)<br />
คําตอบ 4 : ไมได เพราะวิธีการจีโอเมตริกซโปรแกรมมิ่ง (Geometric Programming) ไมสามารถแกปญหาที่ดีกรีความยาก (Degree of difficulty) มากกวาศูนยได<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 335<br />
86. ในการหาราคาทอระบบหนึ่งพบวา ราคาโดยรวม (y) แบงออกเปนสองสวนคือ ราคาทอเริ่มตน (First cost) เปน 2000D และราคา คาใชจายดานพลังงานตลอดอายุการใชงาน<br />
เปน 50x1012 /D5 นั่นคือ y = 2000D + (50x1012/D5) โดยที่ D คือ ขนาดเสนผาน ศูนยกลางของทอมีหนวยเปน mm และจากการวิเคราะหดวยวิธีจีโอเมตริกซโปรแกรมมิ่ง<br />
(Geometric Programming) พบวาคาแฟก เเตอรถวงน้ําหนัก (Weighting factor) สําหรับราคาท<br />
คําตอบ 1 : ลดลง 29%<br />
คําตอบ 2 : เพิ่มขึ้น 29%<br />
คําตอบ 3 : ลดลง 22%
คําตอบ 4 : เพิ่มขึ้น 22%<br />
ขอที่ : 336<br />
ขอใดไมเกี่ยวของกับการแกปญหาดวยวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear programming)<br />
คําตอบ 1 : Simplex Method<br />
คําตอบ 2 : Big-M Technique<br />
คําตอบ 3 : Slack Variable<br />
คําตอบ 4 : Lagrange Method<br />
ขอที่ : 337<br />
ขอใดไมใชประเภทของปญหาสําหรับการตัดสินใจหลายขั้นตอนเชิงอันดับ (Multistage decision problem)<br />
คําตอบ 1 : ปญหาคาเริ่มตน (Initial value problem)<br />
คําตอบ 2 : ปญหาคากึ่งกลาง (Middle value problem)<br />
คําตอบ 3 : ปญหาคาสุดทาย (Final value problem)<br />
คําตอบ 4 : ปญหาคาขอบเขต (Boundary value problem)<br />
ขอที่ : 338<br />
ขอใดไมเกี่ยวของกับวิธีการคนหา (Search method)<br />
คําตอบ 1 : การคนหาแบบไมมีขอบเขตจํากัด (Unrestricted search)<br />
คําตอบ 2 : การคนหาทวิภาคโดยลําดับ (Sequential dichotomous search)<br />
คําตอบ 3 : การคนหาเอกภพ (Universe search)<br />
คําตอบ 4 : การคนหาแบบฟโบนักชี Fibonacci search)<br />
ขอที่ : 339<br />
การแกปญหาโดยใช วิธีการ Linear programming ความสัมพันธระหวางจํานวนตัวแปรกับจํานวน constraints เปนดังนี้<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
จํานวนตัวแปรมากกวาจํานวน constraints<br />
จํานวนตัวแปรนอยกวาจํานวน constraints<br />
จํานวนตัวแปรเทากับจํานวน constraints<br />
ถูกทุกขอ<br />
93 of 130<br />
ขอที่ : 340<br />
ตัวเลขใดที่ไมใชตัวเลขฟโบนาชี่ (Fibonacci Number)
คําตอบ 1 : 1<br />
คําตอบ 2 : 2<br />
คําตอบ 3 : 5<br />
คําตอบ 4 : 6<br />
94 of 130<br />
ขอที่ : 341<br />
จะตองใชกําลังขับเครื่องสูบน้ํามากถาใชทอขนาดเล็กเพื่อจะใหไดอัตราการไหลที่ตองการ จะตัดสินใจอยางไรในการเลือกขนาดทอ และกําลังขับของเครื่องสูบ<br />
คําตอบ 1 : เลือกขนาดทอที่ทําใหกําลังขับเครื่องสูบต่ําสุดเพื่อใหมีคาใชจายในการเดินเครื่องตลอดอายุใชงานต่ําสุด<br />
คําตอบ 2 : เลือกขนาดทอที่ทําใหกําลังขับเครื่องสูบสูงสุดเพื่อใหคาลงทุนต่ําสุด<br />
คําตอบ 3 : เลือกขนาดของกําลังขับเครื่องสูบใหเหมาะกับขนาดทอและทําใหคาลงทุนรวมกับคาใชจายในการเดินเครื่องสูบตลอดอายุใชงานต่ําสุด<br />
คําตอบ 4 : เลือกขนาดของกําลังขับเครื่องสูบใหเหมาะกับขนาดทอและทําใหคาใชจายในการเดินเครื่องสูบตลอดอายุใชงานต่ําสุด<br />
ขอที่ : 342<br />
Optimization ในการออกแบบระบบ <strong>Thermal</strong> <strong>System</strong> คือ<br />
ขอที่ : 343<br />
ขอที่ : 344<br />
คําตอบ 1 : การออกแบบเพื่อใหไดประโยชนสูงสุด เพื่อใหการทํางานของระบบสามารถทํากําไรคืนการลงทุนไดอยางรวดเร็ว<br />
คําตอบ 2 : การออกแบบระบบและโดยใหมีอุปกรณตางๆ รวมกันแลวสามารถที่บรรลุวัตถุประสงคและอยูในขอบเขตที่ยอมใหการออกแบบในทุก ดาน<br />
คําตอบ 3 : การออกแบบระบบโดยใหมีอุปกรณตางๆรวมกันแลวสามารถทํางานไดอยางมีประสิทธิภาพและประหยัด<br />
คําตอบ 4 : การออกแบบระบบโดยใหมีอุปกรณตางๆ นอยที่สุดและยังสามารถทํางานได<br />
ถาตองการเลือกขนาดความหนาของ Insulation ของทอไอน้ํา ขอความใดแสดงถึงแนวคิด Optimization<br />
คําตอบ 1 : เลือกความหนาของ Insulation เพื่อใหเกิด Heat Loss นอยที่สุด<br />
คําตอบ 2 : เลือกความหนาของ Insulation เพื่อใหเสียเงินคาลงทุนซื้อและติดตั้ง Insulation นอยที่สุด<br />
คําตอบ 3 : เลือกความหนา Insulation ใหเสียเงินคาเชื้อเพลิงในการผลิตไอน้ําตลอดอายุใชงานรวมกับคาลงทุน Insulation นอยที่สุด<br />
คําตอบ 4 : เลือกความหนาของ Insulation โดยจะตองดูคุณสมบัติของ Insulation วามีคา <strong>Thermal</strong> Conductivity ต่ํา เพื่อใหสูญเสียความรอนนอย ที่สุด<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
การเพิ่มประสิทธิภาพใหโรงไฟฟาพลังไอน้ํา มีวิธีทําไดโดยเพิ่มการติด Feed Water Heater เพื่อทําการอุนน้ํากอนเขา Boiler ขอความใดถูกตองที่สุด<br />
คําตอบ 1 : ใส Heater ใหมากที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโรงไฟฟา<br />
คําตอบ 2 : พิจารณาการลงทุนเพื่อติดตั้ง Heater และประสิทธิภาพของโรงไฟฟาที่ไดคืนมา<br />
คําตอบ 3 : คิดคาลงทุนในการติดตั้ง feed water heater เปรียบเทียบกับประสิทธิภาพที่ไดเพิ่มขึ้นตลอดอายุใชงาน<br />
คําตอบ 4 : คิดคาลงทุนในการติดตั้ง feed water heater เปรียบเทียบกับประสิทธิภาพที่ไดเพิ่มขึ้นในหาปแรก
ขอที่ : 345<br />
จะตองใชกําลังขับเครื่องสูบน้ํามากถาใชทอขนาดเล็กเพื่อจะใหไดอัตราการไหลที่ตองการ การตัดสินใจอยางไรในการเลือกขนาดทอ และกําลังขับของเครื่องสูบที่ถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : เลือกขนาดทอที่ทําใหกําลังขับเครื่องสูบต่ําสุด<br />
คําตอบ 2 : เลือกขนาดของกําลังขับเครื่องสูบใหเหมาะกับขนาดทอและทําใหคาลงทุนรวมกับคาใชจายในการเดินเครื่องสูบตลอดอายุใชงานต่ําสุด<br />
คําตอบ 3 : เลือกขนาดทอใหเล็กที่สุดเพื่อจะไดประหยัดคาลงทุน<br />
คําตอบ 4 : เลือกขนาดทอใหเสียกําลังงานในการสูบนอยที่สุด<br />
ขอที่ : 346<br />
คําวา Optimization มีความหมายตรงกับขอใดมากที่สุด<br />
คําตอบ 1 : หมายถึงวิธีการที่ทําใหระบบสามารถทํางานได<br />
คําตอบ 2 : หมายถึงวิธีการหรือขั้นตอนในการหาคาสูงสุดหรือต่ําสุดของสมการที่เราสนใจ<br />
คําตอบ 3 : หมายถึงวิธีการหรือขั้นตอนในการหาคาลงทุนต่ําสุด<br />
คําตอบ 4 : หมายถึงวิธีการในการหาระบบที่ทํางานไดมั่นคงที่สุด<br />
ขอที่ : 347<br />
ขอใดอธิบายคําวา Optimization ไดเหมาะสมที่สุด<br />
คําตอบ 1 : คือขบวนการในการหาจุดที่ระบบทํางานไดประสิทธิภาพสูงสุด<br />
คําตอบ 2 : คือขบวนการในการหาจุดที่ระบบทํางานไดมั่นคงที่สุด<br />
คําตอบ 3 : คือขบวนการในการหาจุดที่ระบบทํางานมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยที่การลงทุน และคาดําเนินการต่ําสุด<br />
คําตอบ 4 : คือขบวนการในการหาระบบที่ใชตนทุนต่ําสุด<br />
ขอที่ : 348<br />
ระบบสงน้ําไปยังหมูบานที่มีอัตราการไหล 5,000 ลูกบาศกเมตรตอวัน หากตองการติดตั้งระบบคุมทุนที่สุด(Optimum system) จะตองพิจารณาตัวแปรใดบาง<br />
คําตอบ 1 : ขนาดและความยาวของทอที่ใช<br />
คําตอบ 2 : ขนาดของปมและชนิดวัสดุของทอที่ใช<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 3 : ชนิดของปมและราคาของอุปกรณรวมถึงคาติดตั้ง<br />
คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />
95 of 130<br />
ขอที่ : 349<br />
ขอใดเปนการออกแบบโดยพิจารณาเรื่อง Optimization ของระบบสงน้ํามันขนาด 500 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง ที่เหมาะสมที่สุด<br />
คําตอบ 1 : พิจารณาเลือกขนาดทอที่ใชเพื่อใหความดันสูญเสียในทอนอยที่สุดและเลือกใชปมที่เหมาะกับแรงดันนั้น
คําตอบ 2 : เลือกขนาดทอที่สงผลใหปมใชพลังงานนอยที่สุดโดยพิจารณาราคาของทอและราคาของปมดวย<br />
คําตอบ 3 : เลือกขนาดทอใหเล็กที่สุดเพราะราคาของทอจะถูกที่สุด<br />
คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />
96 of 130<br />
ขอที่ : 350<br />
Linear Programming มีความเหมาะสมในการใชก็ตอเมื่อ<br />
ขอที่ : 351<br />
ขอที่ : 352<br />
คําตอบ 1 : ความสัมพันธของสมการนั้นเปนแบบ Log scale<br />
คําตอบ 2 : ลักษณะความสัมพันธของตัวแปรในสมการนั้นเปนแบบเสนตรง<br />
คําตอบ 3 : สมการที่ใชเปนแบบยกกําลัง<br />
คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />
เจาของตองการสงน้ํามันจากฝงอาวไทยไปยังฝงทะเลอันดามัน ขั้นตอนการพิจารณาในขอใดที่เหมาะสมที่สุดสําหรับการทําใหการสง น้ํามันคุมคามากที่สุด<br />
คําตอบ 1 : หาระยะหางระหวางจุดจายกับจุดรับ, หาปริมาณที่ตองการสง, หาขนาดทอ, หาขนาดปม<br />
คําตอบ 2 : หาปริมาณที่ตองการสง, หาขนาดทอ, หาขนาดปม, หาขนาดของถังเก็บ<br />
คําตอบ 3 : หาปริมาณที่ตองการสง, เลือกวิธีการสงน้ํามันที่เหมาะสมกับปริมาณน้ํามัน, หาขนาดของอุปกรณที่เหมาะสมกับวิธีการสงที่เลือก<br />
คําตอบ 4 : เลือกวิธีการสงน้ํามันที่เหมาะสมกับปริมาณน้ํามัน, หาปริมาณที่ตองการสง, หาขนาดของอุปกรณที่เหมาะสมกับวิธีการสงที่เลือก<br />
เจาของโรงงานตองการจะใหเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องแลกเปลี่ยนความรอน แนวทางในขอใดที่จะทําใหประสิทธิภาพของเครื่อง เพิ่มขึ้นไดบาง<br />
คําตอบ 1 : เพิ่มพื้นที่ของคอลย<br />
คําตอบ 2 : เพิ่มเวลาของของไหลที่อยูในระบบ<br />
คําตอบ 3 : เพิ่มผลตางของอุณหภูมิ<br />
คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />
ขอที่ : 353<br />
หอระบายความรอน(cooling tower)ในโรงงาน ทําหนาที่ลดอุณภูมิน้ําจากโรงงานกอนปลอยออกสูแมน้ํา ถาตองการเพิ่ม ประสิทธิภาพของหอระบายความรอน สามารถดําเนินการ<br />
อยางไรบาง<br />
คําตอบ 1 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ลดความสูงของหอระบายความรอน<br />
คําตอบ 2 : เพิ่มอัตราการไหลของน้ําที่ไหลเขาหอระบายความรอน<br />
คําตอบ 3 : เพิ่มความเร็วของพัดลม<br />
คําตอบ 4 : ไมมีคําตอบที่ถูกตอง
ขอที่ : 354<br />
ขอที่ : 355<br />
ขอที่ : 356<br />
ขอที่ : 357<br />
การทํา Optimization ขอใดกลาวไมถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : เปนการออกแบบระบบที่มีการคิดเรื่องเงินเกี่ยวของดวย<br />
คําตอบ 2 : เปนการทําเพื่อหาจุดที่คุมคาของระบบ<br />
คําตอบ 3 : เปนการเปรียบเทียบหาวิธีการทํางานที่ดีที่สุด<br />
คําตอบ 4 : เปนการเปรียบเทียบหาจุดที่ดีที่สุดในแตละวิธีการทํางาน<br />
วิศวกรทานหนึ่งไดคํานวณหาจุดคุมทุนของระบบสงน้ํามันทางทอ ขอสรุปในขอใดไมถูกตอง<br />
คําตอบ 1 : จะตองใชทอขนาด 16 นิ้ว<br />
คําตอบ 2 : จะตองใชปมขนาด 30 บาร<br />
คําตอบ 3 : ควรจะตองใชเวลาในการสงน้ํามัน 20 ชั่วโมงตอวัน<br />
คําตอบ 4 : ควรจะตองใชการสงน้ํามันทางรถแทนทางทอ<br />
ขั้นตอนในการทํา Optimization ของระบบหนึ่งๆจะไมเกิดผลขอใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
สามารถหาระบุขนาดของอุปกรณได<br />
คําตอบ 2 : สามารถหาคาต่ําสุดที่จะเกิดจากระบบได<br />
คําตอบ 3 : สามารถหาคาสูงสุดที่เกิดจากระบบได<br />
คําตอบ 4 : สามารถหาไดวาควรใชวิธีการอื่นในการทําใหระบบคุมทุน<br />
ในการออกแบบเพื่อใชงานจริง ผูออกแบบควรตองพิจารณาในเรื่องใดบาง<br />
คําตอบ 1 : ตองออกแบบใหถูกตองตามมาตรฐานเทานั้น<br />
คําตอบ 2 : ตองออกแบบใหถูกที่สุด<br />
คําตอบ 3 : ตองออกแบบใหทํางานได<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 4 : ตองออกแบบใหทํางานได ถูกตองตามมาตรฐาน และใชเงินลงทุนนอยที่สุด<br />
97 of 130<br />
ขอที่ : 358<br />
ขอใดกลาวไมถูกตองในการหาสภาพที่เหมาะสมที่สุด<br />
คําตอบ 1 : รูปแบบทางคณิตศาสตรในการหาสภาพที่เหมาะสมที่สุด ประกอบดวยพารามิเตอร (Parameter) ซึ่งหมายถึงตัวแปรที่ไมรูคา (Unknown) ที่เราตองการหา
คําตอบ 2 : เงื่อนไขบังคับ (Constraint) จะเปนตัวแสดงขอจํากัดทางกายภาพ (Physical limitation) ของระบบ<br />
ในการพิจารณาหาสภาพที่เหมาะสมที่สุด เมื่อนําเงื่อนไขบังคับ (Constraint) รวมกันจะเกิดบริเวณขึ้น 2 แบบ คือ บริเวณที่เปนไปได (Feasible region) 98 of 130และบริเวณที่<br />
คําตอบ 3 :<br />
เปนไปไมได (Infeasible region)<br />
คําตอบ 4 : ฟงกชันวัตถุประสงค (Objective function) จะแสดงเปาหมายที่ตองการในรูปของฟงกชันทางคณิตศาสตร<br />
ขอที่ : 359<br />
ขอที่ : 360<br />
ขอที่ : 361<br />
ขอที่ : 362<br />
ขอใดไมใชคุณสมบัติของระบบสมการที่จะหาสภาพที่เหมาะสมที่สุด<br />
คําตอบ 1 : ในการบวกคาคงที่เขากับฟงกชันวัตถุประสงค จะสงผลตอคาตัวแปรอิสระที่ทําใหไดคาคําตอบที่เหมาะสม<br />
คําตอบ 2 : การหาคาสูงสุดของฟงกชันวัตถุประสงคจะหมายถึง การหาคาต่ําสุดของคาลบของฟงกชันวัตถุประสงคเดิม<br />
คําตอบ 3 : การคูณเครื่องหมายลบเขาไปในอสมการของเงื่อนไขบังคับ จะมีผลทําใหเครื่องหมายอสมการเปลี่ยนจากคามากกวาเปนคานอยกวา<br />
คําตอบ 4 : สมการเงื่อนไขบังคับใดๆ อาจแทนไดดวยอสมการในทิศทางตรงขาม 2 อันพรอมกัน<br />
ขอใดไมใชวิธีการหาสภาพเหมาะสมที่สุด<br />
คําตอบ 1 : วิธีการตัวคูณลากรองจ (Lagrange Multiplier)<br />
คําตอบ 2 : วิธีการกําลังสองต่ําสุด (Least Square)<br />
คําตอบ 3 : ลิเนียนรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming)<br />
คําตอบ 4 : จีโอเมตริกโปรแกรมมิ่ง (Geometric Programming)<br />
ขอใดไมใชขอจํากัดของการหาคาที่เหมาะสมที่สุดโดยวิธีตัวคูณลากรองจ (Lagrange Multiplier)<br />
คําตอบ 1 : เงื่อนไขบังคับตองอยูในรูปอสมการเทานั้น<br />
คําตอบ 2 : เงื่อนไขบังคับตองอยูในรูปสมการเทานั้น<br />
คําตอบ 3 : เงื่อนไขบังคับตองสามารถหาอนุพันธได<br />
คําตอบ 4 : ฟงกชันวัตถุประสงคตองสามารถหาอนุพันธได<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ชนิดของปญหาใดไมอยูในปญหาสําหรับการตัดสินหลายขั้นตอน<br />
คําตอบ 1 : ปญหาคาเริ่มตน (Initial value problem)<br />
คําตอบ 2 : ปญหาคากึ่งกลาง (Mid-value problem)<br />
คําตอบ 3 : ปญหาคาสุดทาย (Final value problem)<br />
คําตอบ 4 : ปญหาคาขอบเขต (Boundary value problem)
ขอที่ : 363<br />
ขอที่ : 364<br />
ขอที่ : 365<br />
ขอที่ : 366<br />
ขอใดตอไปนี้กลาวไมถูกตองเกี่ยวกับวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming)<br />
คําตอบ 1 : วิธีการลิเนียรโปรแกรมมิ่งเปนวิธีการหาสภาพที่เหมาะสมที่สุดวิธีหนึ่ง<br />
คําตอบ 2 : ตัวแปรในฟงกชันวัตถุประสงคที่สามารถใชวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่งได จะตองมีลักษณะเปนเชิงเสน (Linear relationship)<br />
คําตอบ 3 : ตัวแปรในเงื่อนไขบังคับที่สามารถใชวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่งได จะตองมีลักษณะเปนเชิงเสน (Linear relationship)<br />
คําตอบ 4 : ตัวแปรในสมการและอสมการที่ใชไดสําหรับวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่งจะตองมีดีกรีเปนหนึ่ง<br />
ขอใดตอไปนี้กลาวถูกตองเกี่ยวกับวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming)<br />
คําตอบ 1 : วิธีการลิเนียรโปรแกรมมิ่งใชกับฟงกชันที่เปนสมการเทานั้น<br />
คําตอบ 2 : ฟงกชันวัตถุประสงคสําหรับปญหาที่แกดวยวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่งจะเปนรูปแบบของฟงกชันที่ตองการหาจุดต่ําสุด ,จุดสูงสุด หรือจุด เปลี่ยนเวาเทานั้น<br />
คําตอบ 3 : วิธีการลิเนียรโปรแกรมมิ่งสามารถใชไดกับเงื่อนไขบังคับแบบอสมการได ในขณะที่วิธีการตัวคูณลากรองจใชไมได<br />
คําตอบ 4 : วิธีการลิเนียรโปรแกรมมิ่งใชได แมในกรณีที่จํานวนตัวแปรนอยกวาจํานวนเงื่อนไขบังคับเทานั้น<br />
คําตอบ 1 : 1<br />
คําตอบ 2 : 2<br />
คําตอบ 3 : 5<br />
คําตอบ 4 : ไมสามารถหาคาได<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
99 of 130<br />
คําตอบ 1 : -12<br />
คําตอบ 2 : -2<br />
คําตอบ 3 : 0
ขอที่ : 367<br />
ขอที่ : 368<br />
ขอที่ : 369<br />
ขอที่ : 370<br />
คําตอบ 4 : 6<br />
ขอใดไมใชวิธีการในการตั้งเงื่อนไขบังคับที่ใชกันทั่วไป<br />
คําตอบ 1 : ระบุเงื่อนไขบังคับโดยตรง (Direct constraint)<br />
คําตอบ 2 : เขียนสมดุลมวล<br />
คําตอบ 3 : เขียนสมดุลพลังงาน<br />
คําตอบ 4 : เขียนสมการเชิงอนุพันธ<br />
วิธีการหาคาเหมาะสมที่สุด (Optimization) ขอใดไมสามารถใชไดกับเงื่อนไขบังคับแบบอสมการ<br />
คําตอบ 1 : วิธีการตัวคูณลากรองจ (Lagrange Multiplier)<br />
คําตอบ 2 : วิธีการลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (linear Programming)<br />
คําตอบ 3 : วิธีการนอนลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Non-linear Programming)<br />
คําตอบ 4 : วิธีการคนหา (Search Method)<br />
ขอใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับสมการตัวคูณลากรองจ (Lagrange Multiplier) เมื่อฟงกชันวัตถุประสงคมีตัวแปรไมทราบคา n จํานวน และมีเงื่อนไขบังคับจํานวน m สมการ<br />
คําตอบ 1 : ตัวคูณลากรองจเปนสัมประสิทธิ์ของเกรเดียนเวกเตอรของเงื่อนไขบังคับ<br />
คําตอบ 2 : วิธีการใชตัวคูณลากรองจจะใหสมการทั้งหมด m + n สมการ<br />
คําตอบ 3 : ในกรณีที่ m มีคาเทากับ n เงื่อนไขบังคับจะเปนตัวกําหนดคาที่แนนอนของของตัวแปร ทําใหไมสามารถหาคาที่เหมาะสมที่สุดได<br />
คําตอบ 4 : หากวาจํานวนเงื่อนไขบังคับ m สมการ มีจํานวนนอยกวาตัวแปร n จํานวน จะไมสามารถหาสภาพที่เหมาะสมที่สุดได<br />
ขอใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับวิธีการตัวคูณลากรองจ (Lagrange Multiplier)<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : ในกรณีที่จํานวนของเงื่อนไขบังคับมีจํานวนเทากับตัวแปร จะทําใหไมสามารถหาสภาพที่เหมาะสมที่สุดได<br />
คําตอบ 2 : วิธีการตัวคูณลากรองจใชไดเฉพาะกับเงื่อนไขบังคับแบบสมการเทานั้น<br />
คําตอบ 3 : วิธีการตัวคูณลากรองจใชไดกับการหาสภาพที่เหมาะสมที่สุดแบบมีเงื่อนไขบังคับเทานั้น<br />
คําตอบ 4 : วิธีการตัวคูณลากรองจไมสามารถใชไดกับเงื่อนไขบังคับแบบอสมการ<br />
100 of 130<br />
ขอที่ : 371<br />
ในการหาสภาพเหมาะสมที่สุดแบบไมมีเงื่อนไขบังคับดวยวิธีการตัวคูณลากรองจ (Lagrange Multiplier) จะไดจุดที่อนุพันธมีคาเปน ศูนย ซึ่งเรียกวาจุดอะไร
คําตอบ 1 : จุดวิกฤต (Critical point)<br />
คําตอบ 2 : จุดอานมา (Saddle point)<br />
คําตอบ 3 : จุดนิ่ง (Stationary point)<br />
คําตอบ 4 : จุดเปลี่ยนเวา (Inflection point)<br />
101 of 130<br />
ขอที่ : 372<br />
ขอที่ : 373<br />
ขอที่ : 374<br />
คําตอบ 1 : 6<br />
คําตอบ 2 : 2.5<br />
คําตอบ 3 : 1.5<br />
คําตอบ 4 : 0<br />
คําตอบ 1 : -1.5<br />
คําตอบ 2 : 0<br />
คําตอบ 3 : 2<br />
คําตอบ 4 : 4<br />
คําตอบ 1 : 18<br />
คําตอบ 2 : 25<br />
คําตอบ 3 : 30<br />
คําตอบ 4 : 35<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอที่ : 375
ขอที่ : 376<br />
ขอที่ : 377<br />
ขอที่ : 378<br />
คําตอบ 1 : 5<br />
คําตอบ 2 : 7<br />
คําตอบ 3 : 9<br />
คําตอบ 4 : 11<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
178,570 บาท<br />
188,870 บาท<br />
200,570 บาท<br />
258,570 บาท<br />
ขอใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับวิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่ง (Geometric Programming)<br />
คําตอบ 1 : วิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่งใชกับฟงกชันวัตถุประสงคที่อยูในรูปผลบวกของโพลีโนเมียล<br />
คําตอบ 2 : วิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่งใชกับเงื่อนไขบังคับที่อยูในรูปผลบวกของโพลีโนเมียล<br />
คําตอบ 3 : ปญหาที่เหมาะสมกับการใชวิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่งคือ ปญหาที่มีดีกรีความยากเปนศูนย<br />
คําตอบ 4 : จีโอเมตริกโปรแกรมมิ่งใชไดกับปญหาที่มีเงื่อนไขบังคับแบบอสมการที่อยูในรูปโพลีโนเมียลที่มีกําลังเปนบวกเทานั้น<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอใดคือความหมายของโพซีโนเมียล<br />
คําตอบ 1 : โพลีโนเมียลที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็มทั้งหมด<br />
คําตอบ 2 : โพลีโนเมียลที่มีเลขชี้กําลังเปนเลขทศนิยม<br />
คําตอบ 3 : โพลีโนเมียลที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็มบวกทั้งหมด<br />
คําตอบ 4 : โพลีโนเมียลที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็มลบทั้งหมด<br />
102 of 130<br />
ขอที่ : 379
103 of 130<br />
ขอที่ : 380<br />
ขอที่ : 381<br />
ขอที่ : 382<br />
คําตอบ 1 : 0<br />
คําตอบ 2 : 1<br />
คําตอบ 3 : 2<br />
คําตอบ 4 : 3<br />
คําตอบ 1 : 0<br />
คําตอบ 2 : 1<br />
คําตอบ 3 : 2<br />
คําตอบ 4 : 3<br />
ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับวิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่ง (Geometric Programming)<br />
คําตอบ 1 : วิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่งใชไดกับฟงกชันวัตถุประสงคที่อยูในรูปผลบวกของโพลีโนเมียลที่มีเลขชี้กําลังเปนบวกเทานั้น<br />
คําตอบ 2 : วิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่งใชไดกับฟงกชันวัตถุประสงคที่อยูในรูปผลบวกของโพลีโนเมียลที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็มเทานั้น<br />
คําตอบ 3 : วิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่งใชไดกับปญหาที่มีดีกรีความยากมากกวาศูนย<br />
คําตอบ 4 : วิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่งใชไดกับปญหาที่มีดีกรีความยากเทากับศูนยเทานั้น<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
62.5 เมตร<br />
70.5 เมตร<br />
71.4 เมตร
คําตอบ 4 :<br />
79.4 เมตร<br />
104 of 130<br />
ขอที่ : 383<br />
จงหามิติของทอลมสี่เหลี่ยม (h, w) ที่จะใหพื้นที่หนาตัดมากสุดของทอลมเพื่อลอดโครงสรางดังรูป<br />
ขอที่ : 384<br />
ขอที่ : 385<br />
คําตอบ 1 : h = 0.5, w = 0.5<br />
คําตอบ 2 : h = 0.4, w = 0.6<br />
คําตอบ 3 : h = 0.3, w = 0.5<br />
คําตอบ 4 : h = 0.3, w = 0.4<br />
คําตอบ 1 : 5.7 %<br />
คําตอบ 2 : 4.7 %<br />
คําตอบ 3 : 8.5 %<br />
คําตอบ 4 : 6.7 %<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย
105 of 130<br />
ขอที่ : 386<br />
ขอที่ : 387<br />
คําตอบ 1 : 5.7 %<br />
คําตอบ 2 : 4.7 %<br />
คําตอบ 3 : 8.5 %<br />
คําตอบ 4 : 6.7 %<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย
106 of 130<br />
ขอที่ : 388<br />
ขอที่ : 389<br />
ขอที่ : 390<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
5 จุด<br />
6 จุด<br />
7 จุด<br />
8 จุด<br />
กลยุทธอยางหนึ่งในการใชวิธี Search Method บางวิธี สามารถทําไดโดยการแบงชวงการคนหาแบบหยาบ ๆ กอนในตอนแรก เพื่อหาบริเวณโดยประมาณที่จะมีคา optimum เกิดขึ้น<br />
จากนั้นจึงคอยทําการแบงชวงอยางละเอียดมากขึ้น เพื่อใชวิธี การ Search ครั้ง ที่สอง ในปญหา 1 ตัวแปร หากวาเรากําหนดจุดคนหาทั้งหมด 16 จุด ถามวา อัตราสวนระหวางชวง<br />
ความไมแนนอนในตอนเริ่มตนกับ ชวงความไมแนนอนในตอนสุดทายจะมีคาเทาไร<br />
คําตอบ 1 : 1458<br />
คําตอบ 2 : 1789<br />
คําตอบ 3 : 1597<br />
คําตอบ 4 : 1285<br />
คําตอบ 1 : 5<br />
คําตอบ 2 : 7<br />
คําตอบ 3 : 4<br />
คําตอบ 4 : 6<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย
คําตอบ 1 : 19.56<br />
คําตอบ 2 : 19.33<br />
คําตอบ 3 : 19.45<br />
คําตอบ 4 : 19.89<br />
107 of 130<br />
ขอที่ : 391<br />
ขอที่ : 392<br />
ขอที่ : 393<br />
คําตอบ 1 : 5.5<br />
คําตอบ 2 : 3.5<br />
คําตอบ 3 : 4.5<br />
คําตอบ 4 : 6.5<br />
คําตอบ 1 : -0.9246<br />
คําตอบ 2 : -0.8597<br />
คําตอบ 3 : -1.0646<br />
คําตอบ 4 : -1.2465<br />
คําตอบ 1 : -5<br />
คําตอบ 2 : -4<br />
คําตอบ 3 : -3<br />
คําตอบ 4 : -2<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย
ขอที่ : 394<br />
108 of 130<br />
ขอที่ : 395<br />
ขอที่ : 396<br />
ขอที่ : 397<br />
คําตอบ 1 : 36.58<br />
คําตอบ 2 : 46.94<br />
คําตอบ 3 : 56.87<br />
คําตอบ 4 : 78.59<br />
คําตอบ 1 : 30<br />
คําตอบ 2 : 50<br />
คําตอบ 3 : 40<br />
คําตอบ 4 : 20<br />
คําตอบ 1 : 25<br />
คําตอบ 2 : 35<br />
คําตอบ 3 : 45<br />
คําตอบ 4 : 55<br />
วิธีการใดเปนวิธีการหาคําตอบโดยวิธีทาง Calculus ในขั้นออกแบบเหมาะสมที่สุด (Optimization Procedure)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Search Method<br />
Lagrange Multipliers
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Liner Programming<br />
Dynamic Programming<br />
109 of 130<br />
ขอที่ : 398<br />
ขอที่ : 399<br />
ขอที่ : 400<br />
วิธีการหาหรือวิเคราะหคําตอบที่เหมาะสม ในขั้นออกแบบเหมาะสมที่สุด (Optimization Procedure) โดยมีฟงกชั่นประสงค (Objective function) และเงื่อนไขบังคับ<br />
(Constraints) อยูในรูปผลรวมของตัวแปรในรูปสมการโพลีโนเมียล (Polynomial)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
Linear Programming<br />
Geometric Programming<br />
Dynamic Programming<br />
Lagrange Multiplier<br />
ขอใดกลาวไดถูกตอง เกี่ยวกับการกําหนดการเชิงพลวัต (Dynamic Programming) เพื่อหาหรือวิเคราะหคําตอบที่เหมาะสม ในขั้น ออกแบบเหมาะสมที่สุด (Optimization<br />
Procedure)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
การวิเคราะหปญหาในเชิงตัวเลข เนนเปรียบเทียบคาของฟงกชั่นประสงค (Objective Function) ระหวางจุดอางอิงกับจุดใหม บริเวณที่ ใหฟงกชั่นประสงคที่ไมดีนั้น<br />
จะถูกตัดลดบริเวณลงไป จะเลือกบริเวณที่ใหฟงกชั่นประสงคที่ดีกวาเพื่อพิจารณาเปรียบเทียบตอไปจนกวา จะไดคาที่เหมาะสมที่สุด<br />
เหมาะสําหรับปญหาหรือระบบที่มีการทํางานเปนลูกโซ หรือ ประกอบดวยอุปกรณที่ตอเนื่องกันเปนระยะๆ โดยภาวะออก (Output Condition) ของจุดหรืออุปกรณนั้น<br />
จะเปนภาวะเขา (Input Condition) ของจุดหรืออุปกรณตัวตอไป<br />
คําตอบ 3 : อาศัยการคํานวณทางคณิตศาสตรเปนหลัก โดยเงื่อนไขบังคับที่ใชตองเปนเงื่อนไขบังคับในรูปสมการ และ ฟงกชั่นและเงื่อนไขบังคับ ตองเปนเงื่อนไขที่หาอนุพันธได<br />
คําตอบ 4 : เปนวิธีวิเคราะหที่ขั้นเหมาะสมที่สุดสําหรับปญหาที่มีฟงกชั่นประสงคและเงื่อนไขบังคับเปนฟงกชั่นเชิงเสน และใชไดกับเงื่อนไขบังคับใน รูปของสมการและอสมการ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
Search Method<br />
Dynamic Programming<br />
Liner Programming<br />
Geometric Programming
ขอที่ : 401<br />
ขอที่ : 402<br />
ขอที่ : 403<br />
ขอที่ : 404<br />
ปญหาตอไปนี้ ยกเวน ขอใดไมเหมาะสําหรับการวิเคราะหชั้นเหมาะสมที่สุดดวยวิธี Linear Programming<br />
คําตอบ 1 :<br />
การวิเคราะหเลือกเสนทางเดินทอสงกาซ หลายๆแนว<br />
คําตอบ 2 : การกําหนดเวลาทํางานของเครื่องจักร<br />
คําตอบ 3 : การจัดการดานการขนสง<br />
คําตอบ 4 : การจัดแผนการผลิตและการเก็บสินคา<br />
ขอใดกลาวไดถูกตอง เกี่ยวกับการกําหนดการเชิงเสน (Linear Programming) เพื่อหาหรือวิเคราะหคําตอบที่เหมาะสม ในขั้น ออกแบบเหมาะสมที่สุด (Optimization Procedure)<br />
คําตอบ 1 : อาศัยการคํานวณทางคณิตศาสตรเปนหลัก โดยเงื่อนไขบังคับที่ใชตองเปนเงื่อนไขบังคับในรูปสมการ และ ฟงกชั่นและเงื่อนไขบังคับ ตองเปนเงื่อนไขที่หาอนุพันธได<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
การวิเคราะหปญหาในเชิงตัวเลข เนนเปรียบเทียบคาของฟงกชั่นประสงค (Objective Function) ระหวางจุดอางอิงกับจุดใหม บริเวณที่ ใหฟงกชั่นประสงคที่ไมดีนั้น<br />
จะถูกตัดลดบริเวณลงไป จะเลือกบริเวณที่ใหฟงกชั่นประสงคที่ดีกวาเพื่อพิจารณาเปรียบเทียบตอไปจนกวา จะไดคาที่เหมาะสมที่สุด<br />
เหมาะสําหรับปญหาหรือระบบที่มีการทํางานเปนลูกโซ หรือ ประกอบดวยอุปกรณที่ตอเนื่องกันเปนระยะๆ โดยภาวะออก (Output Condition) ของจุดหรืออุปกรณนั้น<br />
จะเปนภาวะเขา ( Input Condition) ของจุดหรืออุปกรณตัวตอไป<br />
ไมมีขอใดกลาวถูกตอง<br />
ขอใดกลาวไดถูกตอง เกี่ยวกับวิธีการสืบ(Search Method) เพื่อหาหรือวิเคราะหคําตอบที่เหมาะสม ในขั้นออกแบบเหมาะสมที่สุด (Optimization Procedure)<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
การวิเคราะหปญหาในเชิงตัวเลข เนนเปรียบเทียบคาของฟงกชั่นประสงค (Objective Function) ระหวางจุดอางอิงกับจุดใหม บริเวณที่ ใหฟงกชั่นประสงคที่ไมดีนั้น<br />
จะถูกตัดลดบริเวณลงไป จะเลือกบริเวณที่ใหฟงกชั่นประสงคที่ดีกวาเพื่อพิจารณาเปรียบเทียบตอไปจนกวา จะไดคาที่เหมาะสมที่สุด<br />
เหมาะสําหรับปญหาหรือระบบที่มีการทํางานเปนลูกโซ หรือ ประกอบดวยอุปกรณที่ตอเนื่องกันเปนระยะๆ โดยภาวะออก (Output Condition) ของจุดหรืออุปกรณนั้น<br />
จะเปนภาวะเขา (Input Condition) ของจุดหรืออุปกรณตัวตอไป<br />
คําตอบ 3 : อาศัยการคํานวณทางคณิตศาสตรเปนหลัก โดยเงื่อนไขบังคับที่ใชตองเปนเงื่อนไขบังคับในรูปสมการ และ ฟงกชั่นและเงื่อนไขบังคับ ตองเปนเงื่อนไขที่หาอนุพันธได<br />
คําตอบ 4 : เปนวิธีวิเคราะหที่ขั้นเหมาะสมที่สุดสําหรับปญหาที่มีฟงกชั่นประสงคและเงื่อนไขบังคับเปนฟงกชั่นเชิงเสน และใชไดกับเงื่อนไขบังคับใน รูปของสมการและอสมการ<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
110 of 130<br />
คําตอบ 1 : 5, 5, -1
คําตอบ 2 : 4, -1, 5<br />
คําตอบ 3 : 4, 5, -1<br />
คําตอบ 4 : 5, -1, 5<br />
111 of 130<br />
ขอที่ : 405<br />
เงื่อนไขของความสําเร็จในธุรกิจเชิงพาณิชยทั่วไป มักจะอยูที่<br />
คําตอบ 1 : ยอดขายที่สูง<br />
คําตอบ 2 : ตนทุนต่ํา<br />
คําตอบ 3 : ความยอดเยี่ยมของผลิตภัณฑ<br />
คําตอบ 4 : ผลกําไรที่ได<br />
ขอที่ : 406<br />
ความสัมพันธระหวางปริมาณยอดขายกับราคาจะมีผลกระทบตอขนาดของโรงงานผลิตหรือกระบวนการผลิต เพราะวา<br />
คําตอบ 1 : ราคาตอหนวยที่ไดมักจะต่ําเมื่อผลิตในโรงงานที่มีขนาดใหญ<br />
คําตอบ 2 : ยอดขายที่สูงแสดงวาตองการโรงงานผลิตที่ใหญขึ้น<br />
คําตอบ 3 : ราคาที่สูงจะสงผลใหยอดขายต่ําลง<br />
คําตอบ 4 : ราคาที่สูงทําใหโรงงานตองเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิต<br />
ขอที่ : 407<br />
ขอใดตอไปนี้ที่ถูก<br />
คําตอบ 1 : การออกแบบระบบคือการกําหนดคาตัวแปรในการออกแบบ<br />
คําตอบ 2 : ปญหาการออกแบบทั้งหมดจะมีเงื่อนไขแบบไมเทากันทั้งสิ้น<br />
คําตอบ 3 : ตัวแปรในการออกแบบควรจะเปนอิสระตอกันใหนอยที่สุดเทาที่จะนอยได<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย
การออกแบบที่เปนไปไดอาจจะทําใหตองไปละเมิดเงื่อนไขแบบเทากัน<br />
112 of 130<br />
ขอที่ : 408<br />
ขอใดตอไปนี้ที่ผิด<br />
ขอที่ : 409<br />
ขอที่ : 410<br />
คําตอบ 1 : คําตอบในชุดสมการแสดงเงื่อนไขของปญหาการออกแบบจะเปนสวนหนึ่งของคําตอบที่เปนไปไดในการออกแบบ<br />
คําตอบ 2 : คําตอบที่เหมาะสมจะตองเปนไปตามสมการเงื่อนไขแบบเทากันดวย<br />
คําตอบ 3 : ปญหาในการหาคําตอบที่เหมาะสมนั้นจะตองมีตัวแปรที่เรียกวาตัวแปรในการออกแบบ<br />
คําตอบ 4 : จํานวนสมการเงื่อนไขแบบไมเทากันตองมีนอยกวาจํานวนตัวแปรในการออกแบบเพื่อใหสามารถที่จะแกปญหาในการหาคาที่เหมาะสมได<br />
จงหาคาต่ําสุดของ (x 1<br />
-3) 2 +(x 2<br />
-3) 2 โดยที่ x 1<br />
+x 2<br />
< 4 และ x 1<br />
, x 2<br />
>0<br />
คําตอบ 1 : 2<br />
คําตอบ 2 : 3.1<br />
คําตอบ 3 : 1<br />
คําตอบ 4 : 1.1<br />
บริษัทผูผลิตแหงหนึ่งตองการผลิตชิ้นงานที่ประกอบไปดวยวัสดุ 2 ชนิดคือ a และ b จํานวนของชิ้นงานที่ผลิต W = 200a 1/2 b 1/4 โดยที่ a และ b หนวยเปนจํานวนตันของวัสดุ a และ b<br />
ตามลําดับ สมมติวา วัสดุ a และ b มีราคา 50 บาทตอตัน และ 100 บาทตอตันตามลําดับ ใหหาจํานวนที่มากที่สุดของชิ้นงานที่ผลิตไดโดยกําหนดใหคาวัสดุของชิ้นงานนั้นตองไมเกิน<br />
150 บาท<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : 240 ชิ้น<br />
คําตอบ 2 : 340 ชิ้น<br />
คําตอบ 3 : 238 ชิ้น
คําตอบ 4 : 218 ชิ้น<br />
113 of 130<br />
ขอที่ : 411<br />
กูเงินจากธนาคาร 100,000 บาท เปนเวลา 5 ป ธนาคารคิดดอกเบี้ย 5% ตอป เมื่อครบกําหนด 5 ป ตองจายเงินคืนใหธนาคารเทาไร<br />
คําตอบ 1 : 110,000 บาท<br />
คําตอบ 2 : 125,000 บาท<br />
คําตอบ 3 : 120,000 บาท<br />
คําตอบ 4 : 130,000 บาท<br />
ขอที่ : 412<br />
นาย ก. ตองการเก็บเงินเพื่อไวเปนทุนการศึกษาในการเรียนตอปริญญาโทตางประเทศ โดยเขาคาดวาจะตองใชเงินทั้งสิ้น 1,000,000 บาท นาย ก. ตั้งใจจะใชเวลาเก็บเงิน 4 ป โดยจะนํา<br />
เงินไปฝากธนาคารซึ่งใหดอกเบี้ย 8% ตอปและทบตนทุกป ถามวาเขาจะตองนําเงินไปฝากปละเทาไร<br />
คําตอบ 1 : 221,840 บาท<br />
คําตอบ 2 : 222,458 บาท<br />
คําตอบ 3 : 221,921 บาท<br />
คําตอบ 4 : 231,090 บาท<br />
ขอที่ : 413<br />
จงหาคําตอบของสมการตอไปนี้เฉพาะคา x 1<br />
และ x 2<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
2x 1<br />
+2x 2<br />
+x 3<br />
= 5 x 1<br />
-2x 2<br />
+2x 3<br />
= 1 x 2<br />
+2x 3<br />
= 3<br />
คําตอบ 1 : x 1<br />
= 2, x 2<br />
= 1<br />
คําตอบ 2 : x 1<br />
= 1, x 2<br />
= 2
คําตอบ 3 : x 1<br />
= 1, x 2<br />
= 1<br />
คําตอบ 4 : x 1<br />
= 3, x 2<br />
= 2<br />
114 of 130<br />
ขอที่ : 414<br />
จงหาสมการ y = ax+b ที่สามารถเขาไดกับขอมูล (x,y) ดังตอไปนี้ (1.2,1.1), (2.3,2.1), (3.0,3.1), (3.8,4.0), (4.7,4.9), (5.9,5.9) โดยหาคาเฉพาะคา a<br />
คําตอบ 1 : 0.943<br />
คําตอบ 2 : 0.966<br />
คําตอบ 3 : 0.986<br />
คําตอบ 4 : 0.978<br />
ขอที่ : 415<br />
จงหาคา Effectiveness ของ Counterflow Heat Exchanger ที่มีคา UA = 24 kW/K ถาคาอัตราการไหลและคาความรอนจําเพาะของของไหล 2 ชนิดที่แลกเปลี่ยนความรอนซึ่งกันและกัน<br />
มีคาเทากับ 10 kg/s, 2 kJ/(kg.K) และ 4 kg/s, 4 kJ/(kg.K) ตามลําดับ<br />
ขอที่ : 416<br />
คําตอบ 1 : 0.745<br />
คําตอบ 2 : 0.478<br />
คําตอบ 3 : 0.934<br />
คําตอบ 4 : 0.636<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ตัวแลกเปลี่ยนความรอนซึ่งอากาศไหลผานระหวางการอัดขั้นที่ 1 และการอัดขั้นที่ 2 ของเครื่องอัดอากาศเรียกวา<br />
คําตอบ 1 : An Aftercooler<br />
คําตอบ 2 : Cooling Tower<br />
คําตอบ 3 : An Intercooler
คําตอบ 4 : Condenser<br />
115 of 130<br />
ขอที่ : 417<br />
จงหาคาสูงสุดของ x 2 y + 2y โดยมีเงื่อนไขวา x 2 + y 2 = 1<br />
คําตอบ 1 : 2<br />
คําตอบ 2 : 3<br />
คําตอบ 3 : 4<br />
คําตอบ 4 : 6<br />
ขอที่ : 418<br />
ลักษณะของปญหาที่สามารถแกไดโดยใชวิธีการ Dynamic Programming ไดแก<br />
คําตอบ 1 : ปญหาที่แบงเปนขั้น ๆ<br />
คําตอบ 2 : ปญหาที่ในแตละขั้นแบงเปนหลาย ๆ สภาวะ<br />
คําตอบ 3 : ปญหาที่ตองอาศัยการตัดสินใจในแตละขั้น<br />
คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />
ขอที่ : 419<br />
ผูผลิตรายหนึ่งมีเครื่องจักรอยู 10 เครื่อง เพื่อใชผลิตสินคา A และ B เขาตองการใชเครื่องจักรอยางนอย 7 เครื่อง อยางไรก็ตาม เขามีทุนอยูเพียง 1,200 เหรียญและสินคา A ที่ผลิตจาก<br />
เครื่องจักรแตละตัวจะตองใชเงิน 200 เหรียญ ในขณะที่สินคา B จะใชเงิน 100 เหรียญ ยิ่งไปกวานั้น ผูผลิตรายนี้ตองการผลิตสินคาใหเสร็จภายใน 12 ชั่วโมง โดยสินคา A จะใชเวลา 1<br />
ชั่วโมงตอ 1 เครื่องจักร ในขณะที่สินคา B ใชเวลา 2 ชั่วโมงตอ 1 เครื่องจักร ถากําไรในการผลิตสินคา A และ B ตอเครื่องจักรเทากับ 500 และ 300 เหรียญตามลําดับ จากขอมูลที่ไดจง<br />
ตอบคําถามตอไปนี้<br />
ถาผูผลิตรายนี้ตองการจะวางแผนการใชงานเครื่องจักรกี่เครื่องตอการผลิตสินคาแตละอยางเพื่อใหไดกําไรสูงสุด สมการวัตถุประสงคจะตองเปนอยางไร ถาให x = จํานวนเครื่องจักรที่<br />
ผลิตสินคา A และ y = จํานวนเครื่องจักรที่ผลิตสินคา B<br />
คําตอบ 1 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย
กําไร = (500-200)x+300y<br />
คําตอบ 2 : กําไร = 500x+300y<br />
คําตอบ 3 :<br />
กําไร = 1200-200x-100y<br />
คําตอบ 4 : กําไร = (500+300)(x+y)<br />
ขอที่ : 420<br />
ผูผลิตรายหนึ่งมีเครื่องจักรอยู 10 เครื่อง เพื่อใชผลิตสินคา A และ B เขาตองการใชเครื่องจักรอยางนอย 7 เครื่อง อยางไรก็ตาม เขามีทุนอยูเพียง 1,200 เหรียญและสินคา A ที่ผลิตจาก<br />
เครื่องจักรแตละตัวจะตองใชเงิน 200 เหรียญ ในขณะที่สินคา B จะใชเงิน 100 เหรียญ ยิ่งไปกวานั้น ผูผลิตรายนี้ตองการผลิตสินคาใหเสร็จภายใน 12 ชั่วโมง โดยสินคา A จะใชเวลา 1<br />
ชั่วโมงตอ 1 เครื่องจักร ในขณะที่สินคา B ใชเวลา 2 ชั่วโมงตอ 1 เครื่องจักร ถากําไรในการผลิตสินคา A และ B ตอเครื่องจักรเทากับ 500 และ 300 เหรียญตามลําดับ สมการเงื่อนไขที่<br />
ถูกตองสําหรับปญหานี้คือ<br />
คําตอบ 1 : x+y < 10 , x+y> 7, x+2y > 12, 200x + 100 y > 1,200<br />
คําตอบ 2 : 200x + 100 y > 1,200, x+y < 10 , x+y> 7, x+2y < 12<br />
คําตอบ 3 : x+2y < 12, x+y < 10 , x+y> 7, 200x + 100 y < 1,200<br />
คําตอบ 4 : x+2y < 12, x+y > 10 , x+y> 7, 200x + 100 y < 1,200<br />
ขอที่ : 421<br />
ผูผลิตรายหนึ่งมีเครื่องจักรอยู 10 เครื่อง เพื่อใชผลิตสินคา A และ B เขาตองการใชเครื่องจักรอยางนอย 7 เครื่อง อยางไรก็ตาม เขามีทุนอยูเพียง 1,200 เหรียญและสินคา A ที่ผลิตจาก<br />
เครื่องจักรแตละตัวจะตองใชเงิน 200 เหรียญ ในขณะที่สินคา B จะใชเงิน 100 เหรียญ ยิ่งไปกวานั้น ผูผลิตรายนี้ตองการผลิตสินคาใหเสร็จภายใน 12 ชั่วโมง โดยสินคา A จะใชเวลา 1<br />
ชั่วโมงตอ 1 เครื่องจักร ในขณะที่สินคา B ใชเวลา 2 ชั่วโมงตอ 1 เครื่องจักร ถากําไรในการผลิตสินคา A และ B ตอเครื่องจักรเทากับ 500 และ 300 เหรียญตามลําดับ ถามวาจํานวน<br />
เครื่องจักรที่ตองใชเพื่อผลิตสินคา A เพื่อใหไดกําไรสูงสุดไดแก<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 1 : 5 เครื่อง<br />
คําตอบ 2 : 6 เครื่อง<br />
คําตอบ 3 : 2 เครื่อง<br />
คําตอบ 4 : 4 เครื่อง<br />
116 of 130
ขอที่ : 422<br />
ผูผลิตรายหนึ่งมีเครื่องจักรอยู 10 เครื่อง เพื่อใชผลิตสินคา A และ B เขาตองการใชเครื่องจักรอยางนอย 7 เครื่อง อยางไรก็ตาม เขามีทุนอยูเพียง 1,200 เหรียญและสินคา A ที่ผลิตจาก<br />
เครื่องจักรแตละตัวจะตองใชเงิน 200 เหรียญ ในขณะที่สินคา B จะใชเงิน 100 เหรียญ ยิ่งไปกวานั้น ผูผลิตรายนี้ตองการผลิตสินคาใหเสร็จภายใน 12 ชั่วโมง โดยสินคา A จะใชเวลา 1<br />
ชั่วโมงตอ 1 เครื่องจักร ในขณะที่สินคา B ใชเวลา 2 ชั่วโมงตอ 1 เครื่องจักร ถากําไรในการผลิตสินคา A และ B ตอเครื่องจักรเทากับ 500 และ 300 เหรียญตามลําดับ จงหากําไรสูงสุด<br />
ที่ไดจากการผลิตสินคา A และ B วาจะเทากับเทาไร<br />
คําตอบ 1 : 3,100 เหรียญ<br />
คําตอบ 2 : 3,200 เหรียญ<br />
คําตอบ 3 : 2,500 เหรียญ<br />
คําตอบ 4 : 3,900 เหรียญ<br />
ขอที่ : 423<br />
ผูผลิตทองคํารายหนึ่งมีแหลงแรทองคําอยู 2 แหง คือแหลง A และ B เพื่อที่จะทําใหเหมืองทองคําของเขายังดําเนินการอยูได ตัวเหมืองจะตองทําการรอนแรอยางนอยวันละ3 ตัน แรที่มา<br />
จาก A และ B มีราคาในการรอนแรเทากับ 20 และ 10 เหรียญตอตันตามลําดับ ตนทุนในการทํางานแตละวันจะตองนอยกวา 80 เหรียญตอวัน ยิ่งไปกวานั้น ขอกําหนดของทองถิ่นยัง<br />
ระบุวาจํานวนแรที่มาจากแหลง B จะตองไมมากกวา 2 เทาของจํานวนแรที่มาจากแหลง A ถา แรจากแหลง A เมื่อทําการรอนแลวไดทองคํา 2 ออนซตอตัน ในขณะที่จากแหลง B จะได<br />
3 ออนซตอตัน ถาตองการไดปริมาณทองคําสูงสุดจากการรอนแรในแตละวันตามเงื่อนไขที่กําหนด จะตองเขียนสมการวัตถุประสงคอยางไร ให x , y = จํานวนตันของแรจาก A และ<br />
B ตามลําดับ<br />
ขอที่ : 424<br />
คําตอบ 1 : 2x + 3y<br />
คําตอบ 2 : 3x + 2y<br />
คําตอบ 3 : 20x + 10y<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 4 : 80-20x - 3y<br />
117 of 130<br />
ผูผลิตทองคํารายหนึ่งมีแหลงแรทองคําอยู 2 แหง คือแหลง A และ B เพื่อที่จะทําใหเหมืองทองคําของเขายังดําเนินการอยูได ตัวเหมืองจะตองทําการรอนแรอยางนอยวันละ3 ตัน แรที่มา<br />
จาก A และ B มีราคาในการรอนแรเทากับ 20 และ 10 เหรียญตามลําดับ ตนทุนในการทํางานแตละวันจะตองนอยกวา 80 เหรียญตอวัน ยิ่งไปกวานั้น ขอกําหนดของทองถิ่นยังระบุวา
จํานวนแรที่มาจากแหลง B จะตองไมมากกวา 2 เทาของจํานวนแรที่มาจากแหลง A ถา แรจากแหลง A เมื่อทําการรอนแลวไดทองคํา 2 ออนซตอตัน ในขณะที่จากแหลง B จะได 3<br />
118 of 130<br />
ออนซตอตัน ถา x , y = จํานวนตันของแรจาก A และ B ตามลําดับ จงหาสมการเงื่อนไขสําหรับปญหานี้<br />
คําตอบ 1 : x+y < 3, 20x+10y < 80, y< 2x<br />
คําตอบ 2 : x+y > 3, 20x+10y < 80, y< 2x<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
x+y > 3, 20x+10y >80, y< 2x<br />
x+y < 3, 20x+10y < 80, y> 2x<br />
ขอที่ : 425<br />
ผูผลิตทองคํารายหนึ่งมีแหลงแรทองคําอยู 2 แหง คือแหลง A และ B เพื่อที่จะทําใหเหมืองทองคําของเขายังดําเนินการอยูได ตัวเหมืองจะตองทําการรอนแรอยางนอยวันละ3 ตัน แรที่มา<br />
จาก A และ B มีราคาในการรอนแรเทากับ 20 และ 10 เหรียญตอตันตามลําดับ ตนทุนในการทํางานแตละวันจะตองนอยกวา 80 เหรียญตอวัน ยิ่งไปกวานั้น ขอกําหนดของทองถิ่นยัง<br />
ระบุวาจํานวนแรที่มาจากแหลง B จะตองไมมากกวา 2 เทาของจํานวนแรที่มาจากแหลง A ถา แรจากแหลง A เมื่อทําการรอนแลวไดทองคํา 2 ออนซตอตัน ในขณะที่จากแหลง B จะได<br />
3 ออนซตอตัน ถา x , y = จํานวนตันของแรจาก A และ B ตามลําดับ จะ ตองใชแรจากแหลง A เทาไรในแตละวันเพื่อใหไดปริมาณทองคําสูงสุดจากสมการเงื่อนไขที่กําหนด<br />
คําตอบ 1 : 3 ตัน<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
1 ตัน<br />
2 ตัน<br />
4 ตัน<br />
ขอที่ : 426<br />
ผูผลิตทองคํารายหนึ่งมีแหลงแรทองคําอยู 2 แหง คือแหลง A และ B เพื่อที่จะทําใหเหมืองทองคําของเขายังดําเนินการอยูได ตัวเหมืองจะตองทําการรอนแรอยางนอยวันละ3 ตัน แรที่มา<br />
จาก A และ B มีราคาในการรอนแรเทากับ 20 และ 10 เหรียญตามลําดับ ตนทุนในการทํางานแตละวันจะตองนอยกวา 80 เหรียญตอวัน ยิ่งไปกวานั้น ขอกําหนดของทองถิ่นยังระบุวา<br />
จํานวนแรที่มาจากแหลง B จะตองไมมากกวา 2 เทาของจํานวนแรที่มาจากแหลง A ถา แรจากแหลง A เมื่อทําการรอนแลวไดทองคํา 2 ออนซตอตัน ในขณะที่จากแหลง B จะได 3<br />
ออนซตอตัน จงหาปริมาณทองคําสูงสุดที่ผลิตไดเทากับกี่ออนซ<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
20 ออนซ<br />
16 ออนซ
คําตอบ 3 :<br />
คําตอบ 4 :<br />
12 ออนซ<br />
18 ออนซ<br />
119 of 130<br />
ขอที่ : 427<br />
ตองการจะหาคาลงทุนต่ําสุดในการกอสรางอาคารรูปทรงสี่เหลี่ยมรวมทั้งที่ดินของอาคาร โดยมีเงื่อนไขวาตัวอาคารจะตองมีปริมาตรทั้งสิ้น 14,000 ลบ.ม. ทั้งนี้ คาใชจายตาง ๆ ตอ<br />
ตารางเมตรของอาคารไดแก ที่ดิน = $90, หลังคา = $14, พื้น = $8, ผนังกําแพง = $11 ดังนั้น เพื่อใหไดคาลงทุนต่ําสุด อาคารควรจะตองมีความสูงเทาไร<br />
คําตอบ 1 : 81.4 เมตร<br />
คําตอบ 2 : 91.4 เมตร<br />
คําตอบ 3 : 71.4 เมตร<br />
คําตอบ 4 :<br />
61.4 เมตร<br />
ขอที่ : 428<br />
ตองการจะหาคาลงทุนต่ําสุดในการกอสรางอาคารรูปทรงสี่เหลี่ยมรวมทั้งที่ดินของอาคาร โดยมีเงื่อนไขวาตัวอาคารจะตองมีปริมาตรทั้งสิ้น 14,000 ลบ.ม. ทั้งนี้ คาใชจายตาง ๆ ตอ<br />
ตารางเมตรของอาคารไดแก ที่ดิน = $90, หลังคา = $14, พื้น = $8, ผนังกําแพง = $11 ถามวา คาลงทุนต่ําสุดของอาคารหลังนี้คิดเปนเงินเทาไร<br />
คําตอบ 1 : $ 65,823<br />
คําตอบ 2 : $65,758<br />
คําตอบ 3 : $65,934<br />
คําตอบ 4 : $65,453<br />
ขอที่ : 429<br />
Fibonacci No. 11 มีคาเทากับ<br />
คําตอบ 1 : 98<br />
คําตอบ 2 : 79<br />
คําตอบ 3 : 89<br />
คําตอบ 4 : 97<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย
ขอที่ : 430<br />
จะตองจายเงินตนและดอกเบี้ยคืนเพิ่มขึ้นจากเงินกูประมาณเทาไหร ณ ปที่ 12 หากกูเงิน 100,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 7.25 % ตอป<br />
คําตอบ 1 : 132 ลานบาท<br />
คําตอบ 2 :<br />
232 ลานบาท<br />
คําตอบ 3 : 283 ลานบาท<br />
คําตอบ 4 : 312 ลานบาท<br />
ขอที่ : 431<br />
นายสมัครกูเงินไปรักษาตัวที่ตางประเทศ โดยกูจาก นายสนธิ จํานวน 200,000 บาท โดยคิดดอกเบี้ยราย 3 เดือน ที่ 9% โดยนายสมัครจะคืนเงินให ภายในระยะเวลา 3 ป, ดังนั้น นาย<br />
สมัครจายเงินคืนใหนายสนธิ ประมาณเทาใด ในปที่ 3<br />
คําตอบ 1 : 244,340 บาท<br />
คําตอบ 2 : 260,200 บาท<br />
คําตอบ 3 : 260,954 บาท<br />
คําตอบ 4 : 285,150 บาท<br />
ขอที่ : 432<br />
ฝากเงินเปนประจําทุกๆ ตนป ปละ 8,500 บาท เมื่อสิ้นสุดปลายปที่ 4 เงินจํานวนนี้จะมีมูลคาทั้งหมดเทาไหร ถาอัตราดอกเบี้ยเทากับ 5 % ตอป.<br />
คําตอบ 1 : 34,000 บาท<br />
คําตอบ 2 : 34,860 บาท<br />
คําตอบ 3 : 35,418 บาท<br />
คําตอบ 4 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
36,636 บาท<br />
120 of 130<br />
ขอที่ : 433<br />
ตองการจัดสรรเงินไวซื้ออุปกรณเครื่องจักรซึ่งมีราคาประเมินในอีก 10 ปขางหนาเทากับ 640,000 บาท โดยการนําเงินไปลงทุนโดยฝากประจํา ซึ่งไดดอกเบี้ยเงินฝากเทากับรอยละ 4
ทบตนทุกครึ่งป เจาของโรงงานนี้ตองฝากประจําตอเดือนเทาใด จึงจะมีเงินมาซื้อเครื่องจักรตัวใหมเมื่อฝากครบ 10 ป<br />
คําตอบ 1 : 3,680 บาท<br />
คําตอบ 2 : 4,442 บาท<br />
คําตอบ 3 : 44,180 บาท<br />
คําตอบ 4 : 53,300 บาท<br />
ขอที่ : 434<br />
กูธนาคารมาสรางบาน จํานวน 4 ลานบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ย 8 % ตอป คิดอัตราดอกเบี้ยทบตนทุกเดือน คุณมีความสามารถในการชําระเงินคืนตอเดือนได 30,000 บาท จะตองใช<br />
ระยะเวลาประมาณกี่เดือนจึงจะสามารถชําระหนี้ธนาคารไดทั้งหมด<br />
ขอที่ : 435<br />
คําตอบ 1 : 312 เดือน<br />
คําตอบ 2 : 325 เดือน<br />
คําตอบ 3 : 335 เดือน<br />
คําตอบ 4 :<br />
ไมมีคําตอบถูกตอง<br />
จงใชวิธีของ Crammer ในการหาคาของ X 1<br />
X 4<br />
+ X 2<br />
/X 3<br />
จากชุดสมการเสนตรงดานลาง<br />
คําตอบ 1 : 0.75<br />
คําตอบ 2 : 1.0<br />
คําตอบ 3 : 1.25<br />
คําตอบ 4 : ∞<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
121 of 130
ขอที่ : 436<br />
ขอใดตอไปนี้จัดเปนสมการ Nonpolynomial<br />
ขอที่ : 437<br />
คําตอบ 1 : Y = 3+7X -1 -2X -2<br />
คําตอบ 2 : Y = 8+2X 2<br />
คําตอบ 3 : Y = 0.5sin4X+3lnX 5<br />
คําตอบ 4 :<br />
ไมมีขอใดถูก<br />
จงใชวิธีของ Cramer เพื่อหาคาผลคุณของ xyz จากชุดสมการเสนตรงดานลางนี้<br />
คําตอบ 1 : 0<br />
คําตอบ 2 : 1<br />
คําตอบ 3 : 3<br />
คําตอบ 4 : ผิดทุกขอ<br />
x+y+4z = 4<br />
4x+8y+10z = 20<br />
0.5x-2y+2.5z = -0.5<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
122 of 130<br />
ขอที่ : 438<br />
จงหาคาผลรวมคาคงที่ w x y และ z ที่ไดจากชุดสมการเสนตรงดานลาง
w+4x+y+5z = -2<br />
3w-2y+z = 11<br />
123 of 130<br />
คําตอบ 1 : 0<br />
คําตอบ 2 : 1<br />
คําตอบ 3 : 2<br />
คําตอบ 4 : 3<br />
2w-x+5z = -1<br />
-w-5X+2y-4z = - 4<br />
ขอที่ : 439<br />
จงหาคาประสิทธิผล (effectiveness) ของเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนแบบ counter flow ที่มีคาตัวแปรตาง ๆ ดังนี้<br />
U (overall heat transfer coefficient) = 5 W/(m2*K)<br />
A (heat transfer area) = 15 m2<br />
Mass flow and specific heat ของของไหล A = 3kg/s และ 4 kJ/(kg*K)<br />
Mass flow and specific heat ของของไหล B = 6 kg/s และ 5.5 kJ/(kg*K)<br />
คําตอบ 1 : 0.895<br />
คําตอบ 2 : 0.918<br />
คําตอบ 3 : 0.988<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 4 : ผิดทุกขอ
ขอที่ : 440<br />
ตองการทราบอุณหภูมิแตกตางเฉลี่ย (Mean Temperature Difference) ระหวางของไหลที่มีอุณหภูมิต่ํา ขาเขา และ อุณหภูมิสูง ขาออก ที่มีปริมาณของไหลเทากันที่ 1241.5 of 130 kg/s ผาน<br />
อุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนแบบสวนทาง (Counter Flow Heat Exchanger) ที่อุณหภูมิ 80 o C และ 40 o C ตามลําดับ<br />
กําหนดให คาสัมประสิทธิ์การถายเทความรอนโดยรวม (U) มีคาเทากับ 0.45 W/(m 2 K) และ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรอน มีขนาด 10 ตารางเมตร<br />
คําตอบ 1 :<br />
13.3 o C<br />
คําตอบ 2 : 23.3 o C<br />
คําตอบ 3 : 43.3 o C<br />
คําตอบ 4 : 63.3 o C<br />
ขอที่ : 441<br />
จงประมาณคาอุณหภูมิของของไหลอุณหภูมิต่ํา ณ ตําแหนงขาออก โดยอัตราการไหลของของไหลทั้งอุณหภูมิสูงและต่ํามีคาเทากันที่ 2.0 kg/s และไหลผานทอขนาด 2 นิ้ว จํานวน 6<br />
ทอ ทอแตละทอยาว 10 เมตร วางตัวอยูภายในอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนแบบสวนทาง (Counter Flow Heat Exchanger) โดยของไหลอุณหภูมิต่ํา ณ ตําแหนงขาเขามีอุณหภูมิเทากับ<br />
25 o C และของไหลอุณหภูมิสูง ณ ตําแหนงขาเขามีอุณหภูมิเทากับ 95 o C<br />
กําหนดให คาสัมประสิทธิ์การถายเทความรอนโดยรวม (U) ของทอ มีคาเทากับ 0.52 W/(m 2 K)<br />
คําตอบ 1 : 36.41 o C<br />
คําตอบ 2 : 57.27 o C<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 3 : 62.73 o C<br />
คําตอบ 4 : 83.58 o C<br />
ขอที่ : 442<br />
ภายในอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอน แบบ Counter Flow ประกอบไปดวยทอทองแดง ซึ่งถูกติดตั้งเพื่อทําหนาที่แลกเปลี่ยนความรอนระหวางของไหลสองชนิด หาก กําหนดให
1. คาสัมประสิทธิ์การถายเทความรอนโดยรวม (U) ของทอ มีคาเทากับ 0.6 W/(m 2 K)<br />
125 of 130<br />
ขอที่ : 443<br />
2. ของไหลอุณหภูมิสูงมีปริมาณเทากับ 2.0 kg/s<br />
3. อุณหภูมิตามที่กําหนด<br />
จงหาขนาดทอทองแดงและจํานวนเสนทอทองแดงที่ ติดตั้งภายในอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนที่สามารถทําใหคา T 22<br />
≤ 40 o C<br />
คําตอบ 1 : ทอ 1 นิ้ว ยาว 1.5 เมตร จํานวน 20 เสน<br />
คําตอบ 2 : ทอ 1 นิ้ว ยาว 2 เมตร จํานวน 25 เสน<br />
คําตอบ 3 : ทอ 2 นิ้ว ยาว 1 เมตร จํานวน 30 เสน<br />
คําตอบ 4 : ทอ 2 นิ้ว ยาว 2 เมตร จํานวน 20 เสน<br />
การวิเคราะหตลาดแบบขอมูลราคาสินคาตอหนวยกับปริมาณการขายมีประโยชนอยางไรในการออกแบบทางวิศวกรรม<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
คําตอบ 3 :<br />
ทําใหสามารถออกแบบโรงงานใหมีกําลังการผลิตที่เหมาะสม โดยอาศัยขอมูลจากราคาสินคาตอหนวยและปริมาณการขายที่ไดจากการวิเคราะหตลาด<br />
ใชเปนขอมูลเพื่อวิเคราะหความเปนไปไดของโครงการ<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ใชเปนขอมูลในการออกแบบระบบเพื่อใหไดราคาสินคาตอหนวยตามที่ตองการ<br />
คําตอบ 4 :<br />
ทําใหการออกแบบทางวิศวกรรมสอดคลองกับความเหมาะสมทางดานเศรษฐศาสตร
ขอที่ : 444<br />
วิศวกรทานใดตอไปนี้ออกแบบระบบที่เหมาะสม (Optimum system)<br />
คําตอบ 1 : สมศักดิ์คํานวณขนาดเครื่องปรับอากาศสําหรับอาคารหลังหนึ่ง โดยคิดตัวประกอบความปลอดภัยในการคํานวณไว 10 %<br />
126 of 130<br />
คําตอบ 2 : สมชายออกแบบระบบเครื่องทําความเย็นโดยมีขอกําหนดวาระบบดังกลาวตองใชเงินลงทุนนอยสุด ในขณะเดียวกันตองสามารถทําความเย็นไดเพียงพอหากวาภาระ<br />
คําตอบ 3 :<br />
การทําความเย็นสูงสุดเพิ่มขึ้น 10%<br />
สมยศออกแบบระบบปรับอากาศตามวิธีการคํานวณภาระการทําความเย็นตามวิธีการคํานวณของสมาคมวิศวกรทําความรอน ทําความเย็น และปรับอากาศแหงสหรัฐ<br />
อเมริกา (ASHRAE)<br />
คําตอบ 4 : สมสมานออกแบบระบบปรับอากาศตามความตองการของผูใชงาน<br />
ขอที่ : 445<br />
นําบานไปจํานองไว 20 ปในอัตราดอกเบี้ยทบตน 8% ตอป โดยแบงชําระเปนรายเดือน อยากทราบวาชําระแลวกี่งวดจึงจะถือวาไดชําระคืนเงินตนแลวครึ่งหนึ่ง<br />
ขอที่ : 446<br />
คําตอบ 1 : 100<br />
คําตอบ 2 : 160<br />
คําตอบ 3 : 164<br />
คําตอบ 4 : 500<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
ขอมูลจากการวัดปริมาณการกินน้ํามันเชื้อเพลิงของรถยนต (y) เทียบกับความเร็วของรถยนต (x) มีดังนี้<br />
อัตราการกินน้ํามัน , y, km/litre = 15.2 14.4 13.1 11.4 9.1<br />
ความเร็วรถยนต , x, km/h = 50 65 80 95 110
ขอที่ : 447<br />
ควรใชสมการรูปแบบใดเพื่อแสดงความสัมพันธระหวางปริมาณการกินน้ํามันเชื้อเพลิงกับความเร็วรถยนต<br />
คําตอบ 1 : สมการเอกโพเนลเชียน<br />
คําตอบ 2 : สมการโพลิโนเมียลที่มีกําลังสอง<br />
คําตอบ 3 : สมการ Gompertz<br />
คําตอบ 4 : สมการเลนตรง<br />
ขอมูลจากการวัดปริมาณการกินน้ํามันเชื้อเพลิงของรถยนต (y) เทียบกับความเร็วของรถยนต (x) มีดังนี้<br />
อัตราการกินน้ํามัน , y, km/litre = 15.2 14.4 13.1 11.4 9.1<br />
ความเร็วรถยนต , x, km/h = 50 65 80 95 110<br />
เลือกใชความสัมพันธระหวาง x และ y ดังนี้ y = a + bx + cx 2<br />
จงหาวาที่ความเร็ว 120 km/h อัตราการกินน้ํามันเชื้อเพลิงจะอยูที่เทาใด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
16.3 km/litre<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
14.3 km/litre<br />
127 of 130<br />
คําตอบ 3 :<br />
10.3 km/litre<br />
คําตอบ 4 :
8.10 km/litre<br />
128 of 130<br />
ขอที่ : 448<br />
ถาตองการเพิ่มอัตราการไหลของเครื่องสูบน้ําแบบ Centrifugal เครื่องหนึ่งซึ่งสูบน้ําขึ้นถังสูง 20 เมตร ผานทอขนาดเสนผาศูนยกลาง 50 มิลลิเมตร จะตองทําอยางไร<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
ลดระดับถังลงเหลือ 15 เมตร<br />
เปลี่ยนขนาดทอเปนเสนผาศูนยกลาง 65 มิลลิเมตร<br />
คําตอบ 3 : เปดวาลวดานสงของเครื่องสูบน้ํามากขึ้น<br />
คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />
ขอที่ : 449<br />
Cooling Water Pump แบบ Centrifugal Mixed Flow ขนาดเทากันทุกประการจํานวน 2 เครื่อง เดินเครื่องขนานกัน สงน้ําเพื่อระบายความรอนให Condenser ของกังหันไอน้ํา และ<br />
ระบายความรอนออกที่ Cooling Tower โดยมีอุณหภูมิน้ําขาเขา 30 o C และมีอุณหภูมิน้ําไหลออกกจาก Condenser 38 o C ขณะที่เครื่องกังหันไอน้ําเดินเครื่องเต็มที่ เมื่อเครื่องหนึ่งขัด<br />
ของเหลือเครื่องสูบน้ําที่ทํางานเพียงเครื่องเดียว operator จึงใหกังหันไอน้ําเดินเครื่องลดลงเหลือ 50 % แนวโนมอุณหภูมิของน้ําหลอเย็นที่ออกควรจะเปนเทาไร<br />
คําตอบ 1 : 42 o C<br />
คําตอบ 2 : 40 o C<br />
คําตอบ 3 : 38 o C<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
คําตอบ 4 : 36 o C<br />
ขอที่ : 450<br />
โรงงานขนาดใหญแหงหนึ่ง ตองการปรับปรุงระบบปรับอากาศโดยเปลี่ยนจากเดิมซึ่งเปนแบบ Split type มาเปนแบบรวมศูนยทําน้ําเย็นแลวสงไปยัง เครื่องเปาลมเย็น (Air handling<br />
Unit, AHU) ตามอาคารตาง ๆ ซึ่งอาคารสวนใหญจะอยูหางจากศูนยทําน้ําเย็น 200-500 เมตร ในความเห็นของทาน ทานคิดวาควรจะพิจารณาการปรับปรุงระบบปรับอากาศนี้อยางไร
คําตอบ 1 : ควรทําเปนแบบศูนยรวมเพื่อความสะดวกในการเดินเครื่องและบํารุงรักษา<br />
คําตอบ 2 : ถาโรงงานมีไอน้ําใชใน Process อยูแลวควรใช Steam Absorption Chiller แทน Electric Chiller<br />
คําตอบ 3 : ควรใชเปนแบบแยกสวน (Split Type) เหมือนเดิม แตเลือกใชรุนที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อประหยัดพลังงาน<br />
คําตอบ 4 : ควรพิจารณาเลือกระบบที่ใชพลังงานนอยที่สุดโดยทําการเปรียบเทียบถึงราคาอุปกรณและคาติดตั้งรวมทั้งคาบํารุงรักษาของแตละระบบนํามาประกอบการพิจารณา<br />
ขอที่ : 451<br />
ระบบสงน้ําในหมูบานแหงหนึ่ง สงน้ําโดยใชปมแบบหอยโขง(Centrifugal pump) สงผานทอขนาดหกนิ้วไปยังถังเก็บน้ําซึ่งอยูหางจากที่ตั้งปม 800 เมตร หากวามอเตอรของปมได<br />
ชํารุดและไดมีการเปลี่ยนมอเตอรของปมใหมใหมีขนาดใหญกวาเดิมสองเทา(kW เพิ่มขึ้นเปนสองเทา) อยากทราบวาผลที่เกิดขึ้นในขอใดถูกตองที่สุด<br />
คําตอบ 1 :<br />
คําตอบ 2 :<br />
ระบบยังคงทํางานไดอัตราการไหลและความดันเหมือนเดิม<br />
จะตองจายคาไฟฟาสําหรับการเดินปมเพิ่มขึ้นเทาตัว<br />
คําตอบ 3 : อานคาความดันดานสง(discharge pressure)ไดมากขึ้น<br />
คําตอบ 4 :<br />
อัตราการไหลที่ปมทําไดเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่ง<br />
ขอที่ : 452<br />
ปมน้ําแบบ Centrifugal มี Characteristic Curve แบบ Steadily rising (ความดันลดลงเมื่ออัตราการไหลเพิ่มขึ้น) ที่มีขนาดความดัน 20 บารเกจ ที่อัตราการไหล 150 ลูกบาศกเมตรตอ<br />
ชั่วโมง ขอใดกลาวไดถูกตองเกี่ยวกับปมตัวนี้<br />
คําตอบ 1 :<br />
ที่อัตราการไหลเปนศูนย shut off head จะมีคามากกวา 20 บารเกจ<br />
คําตอบ 2 : เมื่อติดตั้งกับระบบทอ อาจไมไดความดันและอัตราการไหลตามที่ระบุ ขึ้นกับความดันสูญเสียในระบบดวย<br />
คําตอบ 3 :<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />
129 of 130
ถาวัดความดันครอมปมได 20 บารเกจ จะมีอัตราการไหลของน้ําผานปมที่ 150 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />
130 of 130<br />
คําตอบ 4 :<br />
ถูกทุกขอ<br />
ขอที่ : 453<br />
ทอสงน้ําแหงหนึ่งประกอบดวยปมหอยโขง (centrifugal pump) และระบบทอสงน้ําไปเก็บที่ถังสูง 15 เมตร ตอมาไดมีการปรับปรุงถังใหสูงขึ้นอีก 3 เมตร ขอใดกลาวไดถูกตองที่สุด<br />
คําตอบ 1 : ปมจะสงน้ําไดดวยอัตราการไหลลดลง<br />
คําตอบ 2 : ปมจะสงน้ําไดดวยอัตราการไหลมากขึ้น<br />
คําตอบ 3 : ปมจะสงน้ําไดดวยอัตราการไหลเทาเดิม<br />
คําตอบ 4 : ที่กลาวมาทั้งหมดไมมีขอใดถูกตอง<br />
ขอที่ : 454<br />
ระบบสงน้ําเดิมของหมูบานแหงหนึ่งใชปมน้ําแบบ centrifugal สงน้ําที่ 120 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง ความดันขาออก 15 บารเกจ ตอมาตองการใหสงน้ําไดมากขึ้นจึงมีการสั่งปมขนาด<br />
120 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง ที่ความดัน 15 บารเกจ มาตอรวมกับแบบขนานกับระบบทอเดิมและเดินปมพรอมกันทั้งสองตัว ขอใดถูกตอง<br />
ขอที่ : 455<br />
คําตอบ 1 : สามารถสงน้ําไดเพิ่มขึ้นเปน 240 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง และวัดความดันขาออกได 15 บารเกจ<br />
คําตอบ 2 : สงน้ําไดเทาเดิมแตไดความดันขาออกเพิ่มเปน 30 บารเกจ<br />
คําตอบ 3 : สงน้ําไดมากขึ้นแตไมถึง 240 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง และไดความดันขาออกมากกวา 15 บารเกจแตไมถึง 30 บารเกจ<br />
คําตอบ 4 : ที่กลาวมาทั้งหมดไมมีขอใดถูกตอง<br />
จงหาคา y ที่ x = 3 ของกราฟที่ผานจุด (1,3), (2,4) และ (4,8) โดยใชวิธีการ second degree Lagrange interpolation equation ในการหาคา<br />
คําตอบ 1 : 4.67<br />
คําตอบ 2 : 5.67<br />
คําตอบ 3 : 6.67<br />
คําตอบ 4 : 7.67<br />
สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย