Growth - Thai Union Frozen Products PCL
Growth - Thai Union Frozen Products PCL
Growth - Thai Union Frozen Products PCL
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
Business Highlight<br />
<br />
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน<br />
โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟ ผู้ผลิตและส่งออกอาหาร<br />
ทะเลแช่แข็งและบรรจุกระป๋องรายใหญ่ของไทย เผยถึง ผลการดำเนินการ<br />
ไตรมาส 2 ประจำปี 2551 ว่า “บริษัทสามารถทำรายได้จากการขาย<br />
ในรูปของเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 518.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 30.7%<br />
เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2550 ที่เท่ากับ 396.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วน<br />
รายได้จากการขายในรูปของเงินบาทก็เพิ่มขึ้น 22.3% จากยอดขาย<br />
13,728.4 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2550 มาอยู่ที่ 16,792.3 ล้านบาท<br />
สำหรับไตรมาส 2 ปี 2551 และสำหรับรายได้รวมนั้นก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมี<br />
รายได้รวมเท่ากับ 16,873.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลา<br />
เดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับ 13,877.8 ล้านบาท และสำหรับในไตรมาส 2 นี้<br />
บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักกำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน<br />
เติบโตสูงถึง 72% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว และนับเป็น<br />
ตัวเลขที่สูงสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาของบริษัท โดยในไตรมาสนี้ทำกำไร<br />
จากการดำเนินงานได้เท่ากับ 936.9 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 2 ปี 2550<br />
อย่างไรก็ดี โดยภาพรวมแล้ว ค่าเงินบาทยังคงเป็นปัจจัยส่วนหนึ่ง<br />
สำหรับการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากมีการแข็งค่าขึ้นถึง 6% เมื่อเทียบกับ<br />
ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน รวมถึงราคาน้ำมัน และราคาวัตถุดิบปลาทูน่า<br />
ที่สูงขึ้นมากจากปีก่อน แต่ด้วยความสามารถในการบริหารจัดการอย่างมี<br />
ประสิทธิภาพ ควบคู่กับการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยรวมถึงการ<br />
ปรับกลยุทธ์ทางด้านการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขาย ทำให้บริษัทสามารถ<br />
ทำยอดขายในรูปของเงินเหรียญสหรัฐ ยอดขายในรูปของเงินบาท และยอดขาย<br />
รวมเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น โดยเพิ่มขึ้น 30.7% 22.3% และ 21.6%<br />
ตามลำดับ นับเป็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของบริษัทมา<br />
ตั้งแต่ในช่วงไตรมาสแรก ยอดขายของทุกผลิตภัณฑ์มีการเติบโตขึ้นอย่าง<br />
ต่อเนื่อง เช่น ปลาทูน่า กุ้งแช่แข็ง และอาหารกุ้ง ที่มียอดขายโตขึ้น 30%<br />
23% และ 20.5% ตามลำดับ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ปลาซาร์ดีนบรรจุกระป๋องก็<br />
เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโตที่ดีมากในไตรมาสนี้ ทำให้ปริมาณขาย<br />
โดยรวมเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อน” <br />
<br />
สัดส่วนยอดขายตามผลิตภัณฑ์ ในไตรมาส 2/ 2551 <br />
ปลาทูน่าสุกแช่แข็ง / ปลาทูน่าบรรจุกระป๋อง 50% <br />
กุ้งแช่แข็ง 18% <br />
อาหารแมวบรรจุกระป๋อง 8% <br />
อาหารทะเลบรรจุกระป๋อง 7% <br />
อาหารกุ้ง 6% <br />
ผลิตภัณฑ์ในประเทศ 6% <br />
ปลาซาร์ดีนบรรจุกระป๋อง 3% <br />
ปลาหมึกแช่แข็ง 2% <br />
ทำได้ 544.7 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลงานที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับไตรมาส 2 นี้<br />
แต่ในส่วนของกำไรสุทธิ บริษัททำกำไรสุทธิเท่ากับ 403.4 ล้านบาท โดยลดลง<br />
เพียงเล็กน้อย 6.2 % เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2550 ที่เท่ากับ 430.2 ล้าน<br />
บาท นั่นเป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่ผันผวนในไตรมาสนี้ ทำให้กระทบกับ<br />
บริษัทในส่วนของกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยนี้จะลด<br />
น้อยลง เนื่องจากขณะนี้ค่าเงินเริ่มมีแนวโน้มที่เสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งทำให้<br />
เรามั่นใจว่า จะไม่ส่งผลกับกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลังอย่างแน่นอน <br />
<br />
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ที่ออกมานี้ นายธีรพงศ์<br />
ชี้แจงต่อว่า “ลักษณะของธุรกิจที่เน้นการส่งออกเป็นหลัก รายได้ส่วนใหญ่<br />
จะมาจากเงินตราต่างประเทศ ดังนั้นการทำธุรกรรมเพื่อป้องกันความเสี่ยง<br />
จากอัตราแลกเปลี่ยนจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้บริษัทมีทั้งกำไรและ<br />
ขาดทุนอันเกิดจากค่าเงินที่ผันผวน แต่อย่างไรก็ดี เรายังมีความสามารถ<br />
ในการรับมือ และรักษา Margin ของบริษัทได้เป็นอย่างดี <br />
<br />
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกนั้น บริษัทมี<br />
รายได้จากการขายในรูปเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 996.5 ล้านเหรียญสหรัฐ<br />
เพิ่มขึ้น 31.5% เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2550 ที่เท่ากับ 757.9<br />
ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่รายได้จากการขายในรูปเงินบาทก็เพิ่มขึ้น<br />
เช่นเดียวกัน โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 21.4% จาก 26,529.9 ล้านบาทในช่วง<br />
6 เดือนแรกของปีก่อน มาอยู่ที่ 32,207.9 ล้านบาทสำหรับช่วง 6 เดือนแรก<br />
ของปีนี้ และในครึ่งปีแรกนี้ บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้นเท่ากับ 32,531.7 ล้าน<br />
บาท เพิ่มขึ้น 20.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับ<br />
26,905.5 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็สามารถทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 2.6% จาก<br />
957.9 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2550 มาอยู่ที่ 982.7 ล้านบาท<br />
สำหรับ 6 เดือนแรกของปี 2551 โดยคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.11 บาท เพิ่มขึ้น<br />
0.9% เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปีก่อนที่เท่ากับ 1.10 บาท<br />
<br />
TUF NEWS