file_20140204135352
file_20140204135352
file_20140204135352
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
VOLUME 7 ISSUE 29 JANUARY • MARCH 2014<br />
ไปเยี่ยม<br />
LAB<br />
เมืองมะกัน<br />
• VOLUME 7 • ISSUE 29 • JANUARY • MARCH 2014<br />
ท่องเมืองใน<br />
พิพิธภัณฑ์<br />
ร่างกายมนุษย์<br />
คณะทันตแพทยศาสตร์<br />
จุฬาฯ
ปี 2557 นี้แมกกาซีนเราปรับปรุงใหม่ เพิ่มความเข้มข้นด้านการ<br />
ต่างประเทศให้ “ทันโลก” แนะนำระบบบริการของประเทศใน AEC ให้กับสมาชิก<br />
เพิ ่มเรื่องเล่าเกี่ยวกับการทำฟันในต่างประเทศ แต่ด้านวิชาการเรายังคงมุ่งมั่นคัด<br />
สรรสาระวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อการทำคนไข้ของเรา และวิชาการทันสมัยใน<br />
แนวกว้างเพื่อความ “รอบรู้” ในฐานะบุคลากรทางการแพทย์ นอกจากนั้นยังคง<br />
พยายามนำเสนอ “ราก” หรือประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวงการทันตแพทย์ไทย<br />
ตามจังหวะที่ทำได้ค่ะ<br />
การดูแลคนไข้ในอนาคตต้องเป็นไปแบบบูรณาการสหวิชาชีพ คำนึงถึง<br />
สังคมสิ่งแวดล้อม เราจึงมีบทความที่เขียนโดยหมอ หู คอ จมูก ที่ทำงานประสานกับทันตแพทย์เพื่อดูแลคนไข้กลุ่มปากแหว่ง<br />
เพดานโหว่ ว่าทำอย่างไรจะส่งต่อคนไข้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด<br />
และเราทำงานดักกระแสการอ่าน online ของท่านๆ โดยเราปรับโฉม online magazine<br />
ให้โดนใจและเป็นที่อ้างอิงได้มากขึ้น มี QR code กะเขาด้วย<br />
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดขึ้นได้ ด้วยความอนุเคราะห์จากกูรู และพี่น้องทันตแพทย์ที่น่ารักทั้ง<br />
หลาย บางท่านช่วยแนะนำประเด็น บางท่านช่วยเขียน บางท่านแนะนำคนให้เราไปสัมภาษณ์<br />
ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้<br />
สวัสดีปีมะเมียค่ะ ขอสัญญาว่าจะทำดีที่สุด เพื่อท่านสมาชิกค่ะ<br />
บรรณาธิการ<br />
ทญ. แพร จิตตินันทน์<br />
CONTENTS<br />
VOLUME 7 ISSUE 29<br />
JANUARY-MARCH 2014<br />
65<br />
04 TPP PART 2<br />
09 ภาพ TIDC 2013<br />
12 ล้างให้หมด Episode 2<br />
14 Health tip - กินยาปฏิชีวนะทำาให้อ้วน<br />
19 2014 Online magazine update<br />
20 ย้อนรอยการแปรงฟันของคนไทย<br />
24 สหสาขาเพื่อรอยยิ้มที่สดใส<br />
26 เล่าสู่กันฟัง<br />
28 Current Stage of art for<br />
Zirconia and new dental<br />
adhesives<br />
32 พิพิธภัณฑ์ร่างกายมนุษย์<br />
40 เยี่ยมแลบ US<br />
46 Brunai Darussalam<br />
52 สมดุลชีวิต<br />
54 Dent Dining<br />
56 ทันตแพทย์กับการอดบุหรี่<br />
58 Dent Adirek ต่อยมวย<br />
60 Dent Adirek ตีกอล์ฟ<br />
65 Dental Away มอสโคว<br />
70 ดื่มด่ำาความเดิม เชียงใหม่<br />
54<br />
40<br />
32
สารจากนายก<br />
เจ้าของ<br />
ทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย<br />
ในพระบรมราชูปถัมภ์<br />
ที่ปรึกษา<br />
ทพ.อดิเรก ศรีวัฒนาวงษา<br />
ทพ.สุชิต พูลทอง<br />
รศ.ดร.ทพ.ประสิทธิ์ ภวสันต์<br />
บรรณาธิการ<br />
ทญ.แพร จิตตินันทน์<br />
กองบรรณาธิการ<br />
ทพ.ปริญญา อมรเศรษฐชัย<br />
ทญ.อภิญญา บุญจารัส<br />
ทพ.สุธี สุขสุเดช<br />
ทญ.ดวงตา อิสสระพานิชกิจ<br />
ทญ.ธิติมา วิจิตรจรัลรุ่ง<br />
ทพ.กิตติธัช มงคลศิวะ<br />
ทญ.เดือน ปัญจปิยะกุล<br />
ทพ.สมดุลย์ หมั่นเพียรการ<br />
ทพ.อภิสิทธิ์ อารยะเจริญชัย<br />
นายอนุสรณ์ ศรีคาขวัญ<br />
ทพ.บัญชา เหลืองอร่าม<br />
ติดต่อโฆษณาที่<br />
คุณ ชิตศักดิ์ สุวรรณโมลี 02-539-4748<br />
ทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ<br />
71 ลาดพร้าว 95 วังทองหลาง<br />
กรุงเทพฯ 10310<br />
โทร. 02-5394748<br />
แฟกซ์ 02-5141100<br />
e-mail: thaidentalnet@gmail.com<br />
เรื่อง ศาสตราจารย์พิเศษ พลโท พิศาล เทพสิทธา<br />
ข้อเรียกร้องของสหรัฐอเมริกาในการเจรจา<br />
ข้อเรียกร้องของสหรัฐอเมริกาที่สำคัญมี ดังนี้<br />
ประการที่ 1 ภาพรวมการเจรจาการค้าสินค้า<br />
แนวทางการเจรจาในหัวข้อการเปิดตลาดสินค้า แบ่งเป็นสินค้า เกษตรกรรม<br />
สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และ อุตสาหกรรม<br />
ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ<br />
ต้องการการเจรจาแบบทวิภาคี แบ่งสินค้าเป็น 4 ตะกร้า คือ<br />
สินค้าที่ลดภาษีนำเข้าเป็นศูนย์ทันที<br />
สินค้าที่ลดภาษีนำเข้าภายใน 5 ปี<br />
สินค้าที่ลดภาษีนำเข้าภายใน 10 ปี<br />
สินค้าที่ยกเว้นการลดภาษี<br />
ประการที่ 2 ทรัพย์สินทางปัญญา<br />
ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ<br />
สิทธิบัตรยาและการเข้าถึงยาที่จำเป็น<br />
ขยายอายุสิทธิบัตร จาก 20 ปี ออกไปอีกไม่เกิน 5 ปี<br />
การผูกขาดข้อมูลยา 5 ปี สำหรับยาใหม่ และ 3 ปี สำหรับ<br />
ยาที่ได้รับสิทธิบัตรแล้ว และระบบการเชื่อมโยงสถานะสิทธิบัตรกับ<br />
การขึ้นทะเบียนยา (Patent Linkage System)<br />
สิทธิบัตรพืชและสัตว์<br />
ไทยต้องเข้าร่วมอนุสัญญาคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ (UPOV)<br />
ประการที่ 3 แรงงาน<br />
ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ไทยต้อง<br />
ยอมรับหลักการของปฏิญญา ILO ว่าด้วย หลักการและสิทธิ<br />
บัตรขั้นพื้นฐานในการทำงาน 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ การยกเลิก<br />
แรงงานเด็กอย่างมีประสิทธิผล ห้ามมิให้มีการใช้แรงงานเด็กใน<br />
รูปแบบที่เลวร้ายที่สุด ขจัดการเลือกปฏิบัติในการจ้างงานและ<br />
ประกอบอาชีพ การยอมรับสิทธิในการร่วมเจรจาเสรีภาพในการ<br />
สมาคม และการขจัดแรงงานบังคับและการเกณฑ์แรงงานในทุก<br />
รูปแบบ<br />
ประการที่ 4 สิ่งแวดล้อม<br />
ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ไทยต้อง<br />
เข้าร่วมเป็นสมาชิกในความตกลงสิ่งแวดล้อม<br />
ระหว่างประเทศ 7 ฉบับ<br />
ลดภาษีสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือศูนย์ทั้งหมด<br />
และขยายขอบเขตของมาตรการห้ามการค้าสินค้า<br />
ของป่าที่เก็บเกี่ยวโดยผิดกฎหมาย ร่างกรอบ<br />
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม<br />
ให้มีบทบัญญัติเฉพาะการอนุรักษ์ สัตว์ป่า การประมงทางทะเล<br />
และไม้แปรรูป หรือการลักลอบตัดต้นไม้<br />
ประการที่ 5 การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ<br />
ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ<br />
• ไทยต้องไม่ให้มีการจัดซื้อจัดจ้างโดยหน่วยงานรัฐ เช่น<br />
รัฐวิสาหกิจ<br />
• ไทยต้องมีการจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใส<br />
สหรัฐฯ เห็นว่าไทยมีหน่วยงานของรัฐ ที่ทำหน้าที่บริหารเรื่อง<br />
การจัดซื้อยาของประเทศ ตามนโยบายสาธารณสุขของประเทศ<br />
และเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวของหน่วยงานของรัฐ ส่งผล<br />
กระทบต่อผู้ผลิตยาของสหรัฐฯ เนื่องจากการบริหารจัดการโดย<br />
รัฐบาล และกระบวนการจัดทำบัญชียาหลักนั ้น สามารถกีดกัน<br />
สินค้ายาของสหรัฐฯ ระหว่างการจัดซื้อ นอกจากนี้อาจมีความไม่<br />
โปร่งใสเกิดขึ้นในกระบวนการดังกล่าว<br />
4 • THAI DENTAL MAGAZINE
ประการที่ 6 นโยบายการแข่งขัน<br />
ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ<br />
ประเทศไทยฯ ต้องป้องกันพฤติกรรมกีดกันการแข่งขัน และ<br />
ดูแลให้รัฐวิสาหกิจใช้อำนาจในลักษณะที่ไม่เลือกปฏิบัติสอดคล้อง<br />
กับพันธกรณีในข้อตกลง<br />
ประการที่ 7 การค้าบริการและการลงทุน<br />
ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ไทยต้อง<br />
• เปิดให้ชาวต่างชาติสามารถถือหุ้นได้ 100%<br />
• ให้การโอนเงินทำได้โดยเสรีและไม่มีอุปสรรค<br />
• ห้ามกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ในการลงทุนประกอบธุรกิจ เช่น<br />
การบังคับให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี หรือกำหนดสัดส่วนภายใน<br />
ประเทศ<br />
• ต้องกำกับดูแลที่โปร่งใส และไม่เลือกปฏิบัติ<br />
• ต้องมีการคุ้มครองการลงทุนจากการเวนคืน<br />
• ต้องมีบทบัญญัติเรื่องการอนุญาโตตุลาการ<br />
ประการที่ 8 การเงินและประกันภัย<br />
ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ไทยต้อง<br />
• เปิดเสรีให้ชาวต่างชาติสามารถลงทุนได้ 100%<br />
• มีการเปิดเสรีบริการทางการเงินใหม่<br />
• ให้เปิดให้มีบริการข้ามพรมแดน<br />
• มีมาตรการกำกับดูแลที่ไม่เป็นภาระต่อการทำธุรกิจ<br />
ประการที่ 9 โทรคมนาคม<br />
ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ไทยต้องทำให้<br />
• มีการเข้าถึงโครงข่าย และโครงสร้างพื้นฐานทางโทรคมนาคม<br />
อย่างเท่าเทียมกัน<br />
• ต้องมีการแข่งขันที่เป็นธรรม<br />
• ต้องมีหน่วยงานกำกับดูแลที่โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ<br />
ประการที่ 10 บริการจัดส่งด่วน<br />
ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ไทยต้อง<br />
ไม่ให้ผู้ผูกขาดบริการไปรษณีย์ ใช้อำนาจผูกขาดไปในทางที่<br />
เอาเปรียบผู้ให้บริการจัดส่งด่วนในตลาดมีการปรับปรุงกระบวน<br />
การศุลกากร<br />
ประการที่ 11 พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์<br />
ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ไทยต้อง<br />
• ไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อสินค้าดิจิตอล<br />
• นิยามคำว่าสินค้าดิจิตอล ให้ครอบคลุมสินค้าดิจิตอลที่<br />
บรรจุอยู่ในวัสดุสื่อกลาง และสินค้าเสมือน (Virtual Goods) เช่น<br />
ซอฟท์แวร์ เพลง วิดีโอ หนังสือ ดิจิตอล เป็นต้น<br />
• ให้งดเว้นการเก็บภาษีศุลกากรจากการซื้อขายสินค้าทาง<br />
อิเล็กทรอนิกส์<br />
• การเก็บภาษีสินค้าดิจิตอล ให้ประเมินราคาจากวัสดุสื่อ<br />
กลาง มิใช่ราคาของข้อมูลที่บรรจุในสื่อนั้น<br />
• การยอมรับการยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์<br />
• ให้คุ้มครองผู้บริโภคออนไลน์<br />
• ยืนยันสิทธิของผู้บริโภคในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต และ<br />
เลือกใช้<br />
• ให้มีการส่งข้อมูลข้ามพรมแดนโดยเสรีและลดอุปสรรคด้าน<br />
การปิดกั้นข้อมูลข่าวสารบนอินเตอร์เน็ต<br />
เป็นที่เสียดายว่าหมดพื้นที่นำเสนอในฉบับนี้แล้ว<br />
ท่านผู้อ่านคงกำลังคิดว่าแล้วไทยจะได้อะไรเสียอะไร และ<br />
ท่าน อ.พิศาลของเราท่านคิดเห็นประการใดต่อประเด็นนี้<br />
ลองประเมินกันดู หากท่านใจร้อนอยากอ่านต่อจนจบ เข้าไป<br />
อ่านได้ที่ www.thaidentalmag.com เราลงฉบับเต็มที่นั่นค่ะ<br />
AD<br />
6 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 7
TIDC 2013<br />
AD<br />
8 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 9
TIDC 2013<br />
AD<br />
10 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 11
Episode 2<br />
ฉบับที่แล้ว<br />
เราได้ทำาความรู้จัก<br />
สารละลาย<br />
โซเดียมไฮโปคลอไรต์<br />
ในบางแง่มุมที่<br />
คุณหมอหลายท่าน<br />
อาจจะยังไม่ทราบ<br />
นอกจากเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหลักในคลองรากฟันแล้ว<br />
เชื้อบางชนิด เช่น E.faecalis ที่มักพบในเคสรักษารากฟันซ้ำ หรือ<br />
ล้างและใส่ยาหลายครั้ง ก็ไม่หาย ซึ่งหลายการศึกษาพบว่าเชื้อ<br />
ดังกล่าวสามารถทนต่อฤทธิ์ของสารละลายโซเดียมไฮโปคลอไรต์<br />
ได้มากกว่าเชื้ออื่นๆ รวมถึงชั้นเสมียร์ (smear layer) ที่ปกคลุม<br />
ท่อเนื้อฟันของผนังคลองรากฟัน ซึ่งสารละลายโซเดียมไฮโปคลอไรต์<br />
ไม่สามารถกำจัดได้<br />
เรื่อง อาจารย์ทันตแพทย์หญิง ฐิตารีย์ จิรธัญญาณัฎ และกองบรรณาธิการ<br />
พูดเป็นภาษาเด็กแนว ก็ต้องบอกว่า แค่โซเดียมไฮโปคลอไรต์<br />
ยังไม่ ‘ฟิน’<br />
ฉบับนี้ กอง บก. ได้รับเกียรติจาก อาจารย์ทันตแพทย์หญิง<br />
ฐิตารีย์ จิรธัญญาณัฎ อาจารย์ประจำภาควิชาทันตกรรมหัตถการ<br />
และวิทยาเอ็นโดดอนต์ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย<br />
มหิดล อีกครั้ง ซึ่งอาจารย์จะมาอัพเดตน้ำยาล้างคลองรากฟัน<br />
ตัวใหม่ที่ต้องติดป้าย recommended อีก 2 ตัว เพื่อให้การล้าง<br />
คลองรากฟัน ‘ฟิน’ อย่างสมบูรณ์แบบ<br />
คลอร์เฮกซิดีนกลูโคเนต<br />
(chlorhexidine gluconate) :<br />
‘ทางเลือก’ ใหม่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด<br />
สารละลายคลอร์เฮกซิดีนกลูโคเนต มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อ<br />
สูงมาก ทั้งยังระคายเคืองเนื้อเยื่อน้อยกว่า แต่ทำไมจึงไม่อาจมา<br />
ใช้ทดแทนโซเดียมไฮโปคลอไรต์ได้<br />
Q : เราเอานำายาบ้วนปากคลอร์เฮกซิดีนกลู<br />
โคเนต มาใช้ล้างคลองรากฟันได้ด้วยหรือครับ ?<br />
A : คลอร์เฮกซิดีนกลูโคเนต เป็นสารละลายชนิดเดียวกับ<br />
ที่ใช้เป็นน้ำยาบ้วนปาก ต่างกันที่ความเข้มข้นที่ใช้เป็นน้ำยาบ้วน<br />
ปาก คือ 0.12% แต่ที่นำมาใช้ล้างคลองรากฟันมีความเข้มข้น 2%<br />
Q : เคยรักษารากฟัน ทั้งขยายคลองรากฟัน<br />
ล้างคลองรากฟัน ร่วมกับใส่ยาสารพัดแล้วหลาย<br />
ครั้งก็ไม่หาย ว่ากันว่า คลอร์เฮกซิดีนช่วยได้ จริง<br />
ไหม ?<br />
A : จากการศึกษาของ Gomes และคณะ 2001 พบว่าที่<br />
ความเข้มข้น 1% และ 2% สามารถกำจัดเชื้อ Enterococcus<br />
faecalis ได้ในเวลาที่เท่ากับโซเดียมไฮโปคลอไรต์ 5.25% ซึ่งเชื้อ<br />
ชนิดนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าค่อนข้างทนทาน พบได้ในรายที่ดื้อต่อการ<br />
รักษาและในรายที่การรักษาคลองรากฟันล้มเหลว ต้องรักษาคลอง ดีขึ้น รวมทั้งยังส่งเสริมให้อุดคลองรากฟันได้แนบสนิทกับผิวท่อ<br />
รากฟันซ้ ำ นอกจากนี้ฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อยังสามารถเข้าไปในท่อ<br />
เนื้อฟันและคงอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่งแม้หยุดล้าง<br />
การล้างคลองรากฟัน<br />
ด้วยคลอร์เฮกซิดีนกลูโคเนตก็เป็น<br />
ทางเลือกหนึ่งที่ควรพิจารณาเลือกใช้<br />
Q : ถ้าอย่างนั้น เราเปลี่ยนมาใช้คลอร์เฮกซิ<br />
ดีนกลูโคเนตแทนเลยดีไหม ?<br />
A : แม้ว่าสารละลายคลอร์เฮกซิดีนกลูโคเนต มีประสิทธิภาพ<br />
ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียไม่ต่างกับ โซเดียมไฮโปคลอไรต์ และมีการ<br />
ระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อต่ำ<br />
แต่ก็มีข้อด้อยตรงที่ไม่มีฤทธิ์ในการละลายเนื้อเยื่อที่อาจหลง<br />
เหลืออยู่ในคลองรากฟัน ไม่สามารถกำจัดชั้นเสมียร์รวมถึงมีราคา<br />
แพงและหาซื้อได้ยากกว่าสารละลายโซเดียมไฮโปคลอไรต์<br />
คลอร์เฮกซิดีน จึงไม่อาจใช้แทนได้ในทุกกรณี<br />
อีดีทีเอ (EDTA) :<br />
เพราะในคลองรากฟัน<br />
ไม่ได้มีแค่เชื้อ<br />
แม้โซเดียมไฮโปคลอไรต์หรือคลอร์เฮกซิดีน จะสามารถกำจัด<br />
เชื้อในคลองรากฟันได้ดี แต่การล้างคลองรากฟัน จะไม่ ‘ฟิน’ ถ้าไม่<br />
จบด้วย EDTA<br />
Q : EDTA คืออะไร ?<br />
A : EDTA (อีดีทีเอ) ย่อมาจาก สารละลายกรดเอทิลีนไดเอ<br />
มีนเตตระอะซิติก (Ethylenediamine tetraacitic acid) เป็นน้ำยา<br />
ล้างคลองรากฟัน ที่อยากแนะนำให้ใช้ค่ะ<br />
เพราะถึงแม้ว่าจะมีรายงานว่ามีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อได้ แต่อยู่ระดับ<br />
ที่ต่ำไม่เพียงพอต่อการใช้กำจัดเชื้อในคลองรากฟัน วัตถุประสงค์ข้อ<br />
เดียวที่นำสารชนิดนี้มาใช้คือ ใช้เพื่อกำจัดชั้นเสมียร์ที่ผนังคลองราก<br />
Q : เราใช้ EDTA ตอนไหน และอย่างไรครับ ?<br />
A : ความเข้มข้นที่นิยมใช้คือ 17% โดยแนะนำให้ล้าง17%<br />
อีดีทีเอ 2 มิลลิลิตร เป็นเวลา 1 นาทีแล้วตามด้วยสารละลายโซเดียม<br />
ไฮโปคลอไรต์ ก่อนใส่ยาฆ่าเชื้อภายหลังจากที่ขยายคลองรากฟัน<br />
เรียบร้อย หรือ ก่อนอุดคลองรากฟัน เพื่อส่งเสริมให้ประสิทธิภาพ<br />
ของน้ำยาฆ่าเชื้อหรือยาฆ่าเชื้อที่ใส่ในคลองรากมีประสิทธิภาพ<br />
เนื้อฟันที่เปิดโล่งแล้ว<br />
EDTA จึงเป็นเหมือนส่วนเติมเต็ม ที่ทำให้การล้างคลองรากฟัน<br />
หมดจด สมบูรณ์<br />
The bottom line.<br />
Nobody’s perfect :<br />
น้ำยาล้างคลองรากฟันแต่ละชนิดต่างก็มีคุณสมบัติที่เด่นและ<br />
ข้อจำกัดต่างกัน เมื่อเรารู้จักและเข้าใจ จะทำให้สามารถเลือกใช้ได้<br />
อย่างถูกต้อง และจบการล้างคลองรากฟัน แบบ ‘ฟิน’ ที่สุด<br />
References<br />
1. Basrani B and Haapasalo M. Update on endodontic irrigating solutions.<br />
Endod Topics. 2012;27(1):74-102.<br />
2. Siqueira JF Jr, Rocas IN, Favieri A, Lima KC. Chemomechanical reduction<br />
of the bacterial population in the root canal after instrumentation and irrigation<br />
with 1% 2.5% and 5.25% sodium hydrochloride. J Endod 2000;26(6):331-4.<br />
3. Okino LA, Siqueira EL, Santos M, Bombana AC, Figueiredo JA.<br />
Dissolution of pulp tissue by aqueous solution of chlorhexidine digluconate<br />
and chlorhexidine digluconate gel. Int Endod J 2004;37(1):38-41.<br />
4. Moorer WR, Wesselink PR. Factors promoting the tissue dissolving capability<br />
of sodium hypochlorite. Int Endod J 1982;15(4):187-96.<br />
5. Gomes BP, Ferraz CC, Vianna ME, Berber VB, Teixeira FB, Souza-Filho FJ.<br />
In vitro antimicrobial activity of several concentrations of sodium hypochlorite<br />
and chlorhexidine gluconate in the elimination of Enterococcus travails. Int<br />
Endod J 2001;34(6):424-8.<br />
12 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 13
Health tip<br />
เรื่อง ศ.ดร.ทพ.ประสิทธิ์ ภวสันต์<br />
เป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว ที่มนุษย์ค้นพบว่า การใช้ยา<br />
ปฏิชีวนะในปริมาณน้อยๆ (low doses antibiotic<br />
treatment) สามารถส่งเสริมการเจริญ และเพิ่ม<br />
นำาหนักตัวของปศุสัตว์ โดยเฉพาะในไก่ และหมู โดยพบว่า<br />
การผสมยาปฏิชีวนะปริมาณน้อยๆ ลงในอาหารหรือนำาดื่ม<br />
ของสัตว์เหล่านี้ จะทำาให้นำาหนักตัวของสัตว์เหล่านี้<br />
เพิ่มขึ้นได้มากกว่า 15% เมื่อเทียบกับการเลี้ยงโดยไม่ใช้<br />
ยาปฏิชีวนะ ดังนั้น จึงมีการผสมยาปฏิชีวนะลงในอาหาร<br />
และนำาดื่มของสัตว์ในฟาร์มอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก<br />
โดยที่ ไม่มีคำอธิบายอย่างชัดเจน ว่ายาปฏิชีวนะ<br />
เหล่านี้ มีกลไกการทำงานอย่างไร ในการส่งเสริม<br />
การเจริญ ของสัตว์ในฟาร์ม โดยทราบแต่เพียง<br />
ว่า การใช้ยาต้านเชื้อรา หรือ ยาต้านไวรัส นั้น<br />
ไม่มีผลต่อ การเจริญเติบโต และการเพิ่มน้ำหนัก<br />
ของฝูงปศุสัตว์<br />
อย่างไรก็ดี การใช้ยาปฏิชีวนะนี้ ก็ก่อให้เกิด<br />
ผลเสียเช่นกัน คือ จะเพิ่มปริมาณของเชื้อที่ดื้อต่อ<br />
ยา รวมทั้งเกิดความกังวลว่า เชื้อดื้อยาเหล่านี้ จะ<br />
ถ่ายทอดมาสู่ผู้บริโภค และก่อให้เกิดผลเสียต่อ<br />
ผู้บริโภค ดังนั้น ในปี 2006 กลุ่มประเทศ EU จึง<br />
ออกประกาศห้ามการใช้ยาปฏิชีวนะในการเลี้ยง<br />
ปศุสัตว์ และมีการห้ามใช้ในอีกหลายๆ ประเทศ<br />
ต่อมา<br />
โดยที่ยาปฏิชีวนะถูกผสมลงในอาหารและ<br />
น้ำดื่ม ดังนั้น จึงเกิดข้อสันนิษฐาน ว่า ผลของยา<br />
ปฏิชีวนะที่เกิดขึ้นนั้น น่าจะเกิดขึ้นภายในทาง<br />
เดินอาหาร โดยอาจมีผลต่อเซลล์ และ/หรือ เชื้อ<br />
แบคทีเรียที่อยูในทางเดินอาหาร<br />
การศึกษาโดย Cho และคณะ ที่ทดลองให้ยาปฏิชีวนะใน<br />
ปริมาณน้อยๆ แก่หนูที่ยังไม่หย่านมแม่ โดยการผสมลงในน้ำดื่ม<br />
เป็นระยะ 7 สัปดาห์นั้น พบว่าหนูเหล่านี้ มีการสะสมของไขมันใน<br />
ร่างกาย เพิ่มมากขึ้น การสะสมไขมันนี้ เกิดขึ้น แม้ว่าหนูเหล่านี้จะกิน<br />
อาหารในปริมาณเท่าๆกับกลุ่มควบคุม รวมทั้งมีระดับของฮอร์โมน<br />
ที่เกี่ยวกับความอยากอาหารไม่แตกต่างจากกลุ่มควบคุม แต่เมื่อ<br />
วิเคราะห์ชนิด และปริมาณของแบคทีเรียในทางเดินอาหาร พบว่า<br />
หนูที่ได้รับยาปฏิชีวนะ มีชนิดของแบคทีเรีย ในทางเดินอาหาร แตก<br />
ต่างจากกลุ่มควบคุมอย่างชัดเจน ในขณะที่ปริมาณแบคทีเรียโดย<br />
รวม ไม่เปลี่ยนแปลง หรืออีกนัยหนึ่ง คือ ยาที่ผสมในอาหาร ไม่มี<br />
ผลต่อปริมาณของแบคทีเรียในทางเดินอาหาร แต่มีผลต่อชนิดของ<br />
แบคทีเรียที่เจริญเติบโตในทางเดินอาหาร<br />
คำถามที่เกิดขึ้น คือ การเปลี่ยนแปลงชนิดของแบคทีเรีย มีผล<br />
ต่อการเพิ่มไขมัน หรือน้ำหนักตัว ของร่างกายจริงหรือไม่<br />
โดยทั่วไปแล้ว ในทางเดินอาหารของหนู (และของคน) จะ<br />
ประกอบด้วยแบคทีเรีย สอง ไฟลัม ใหญ่ๆ คือ Bacteroidestes<br />
และ Firmicutes ผลการศึกษาพบว่า หนูกลุ่มที่ได้รับยาปฏิชีวนะ<br />
จะมีสัดส่วนของ Firmicutes/Bacteroldestes เพิ่มขึ้น หรืออีกนัย<br />
หนึ่ง มี Firmicutes เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่มี Bacteroldestes จำนวน<br />
ลดลง โดยจำนวนรวมของแบคทีเรียทั้งหมดไม่มีการเปลี่ยนแปลง<br />
การเพิ่มสัดส่วนของ Firmicutes นั้น ยังพบได้ในหนูที่มีน้ำหนักตัว<br />
มาก (คือหนูอ้วน) เมื่อเทียบกับหนูผอม โดยหนูผอม จะมีสัดส่วน<br />
ของ Firmicutes/Beacteroidestes น้อยกว่าหนูอ้วน (คือมีปริมาณ<br />
ของ Bacteroidestes มากกว่าหนูอ้วน) สนับสนุนว่า สัดส่วนของ<br />
Firmicutes/Bacteroidestes ในทางเดินอาหาร น่าจะสัมพันธ์กับ<br />
น้ำหนักตัวของร่างกาย<br />
หลักฐานนี้ สนับสนุนแนวคิดที่ว่า ชนิดและปริมาณของ<br />
แบคทีเรียในทางเดินอาหารนั้น มีผลต่อ ประสิทธิภาพในการดูดซึม<br />
ของสารอาหารในลำไส้ และสะท้อนถึงสุขภาพโดยรวมของร่างกาย<br />
รวมทั้ง ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคอ้วน และการเพิ่มขึ้นของ<br />
น้ำหนักตัวด้วย รายงานของ Cho และคณะข้างต้นนั้น แสดงให้<br />
เห็นว่า หนูที่ได้รับยาปฏิชีวนะ จะมีระดับของ Short Chain Fatty<br />
Acid (SCFAs) ในอุจจาระเพิ่มขึ้น ซึ่ง SCFAs นั้น เป็นผลผลิตของ<br />
การย่อยไฟเบอร์ในลำไส้ใหญ่ โดยแบคทีเรีย บางชนิด ระดับของ<br />
Firmicutes ที่เพิ่มขึ้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการย่อย ใน<br />
ลำไล้ใหญ่ ทำให้เกิด SCFAs มากขึ้น โดยที่ SCFAs เป็นแหล่ง<br />
พลังงานของทั้งแบคทีเรียและของมนุษย์ โดย SCFAs สามารถ ถูก<br />
ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เพื่อเข้าสู่ กระบวนการเผาผลาญอาหาร ดังนั้น<br />
การเพิ่มของ Firmicutes จะทำให้ร่างกายสามารถย่อย และสร้าง<br />
พลังงานจากอาหารที่รับประทานได้ดีขึ้น ทำให้ร่างกายได้พลังงาน<br />
มากขึ้นจากการรับประทานอาหารเท่าเดิม<br />
ข้อสังเกตประการหนึ่ง คือ Cho และคณะ ใช้ยาปฏิชีวนะสาม<br />
ชนิดในการทดลอง คือ เพนนิซิลิน แวนโคมัยซิน (vancomycin)<br />
และ คลอร์เตตราไซคลิน (chlortetracyclin) และพบว่ายาทั้ง<br />
สาม ให้ผลไม่เท่ากัน โดย เพนนิซิลิน จะให้ผลดีที่สุด ซึ่งแสดงว่า<br />
การเพิ ่มประสิทธิภาพการย่อยนี้ ขึ้นกับชนิด ของยาปฏิชีวนะ ที่มี<br />
ฤทธิ์ต่อแบคทีเรียแต่ละชนิดไม่เท่ากัน และรายงานนี้ สนับสนุน<br />
ความสัมพันธ์ระหว่าง อาหาร และกลุ่มของแบคทีเรียในลำไส้ กับ<br />
ความอ้วนและการสะสมไขมันในร่างกายอีกด้วย<br />
อย่างไรก็ดี ยาปฏิชีวนะ อาจมีผลโดยตรงต่อความสามารถใน<br />
การดูดซึมของลำไส้ก็ได้ โดยไม่เกี่ยวข้องกับชนิดของแบคทีเรีย ซึ่ง<br />
แนวคิดนี้ จะต้องมีการพิสูจน์ต่อไป<br />
14 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 15
ผลการศึกษาในคน<br />
ในตอนต้น เราได้พูดถึงผลของยาปฏิชีวนะมีผลต่อการเพิ่มน้ำ<br />
หนักของปศุสัตว์ ซึ่งนำมาสู่คำถาม ว่า ยาปฏิชีวนะจะให้ผลแบบ<br />
เดียวกันในคนหรือไม่<br />
ผลการศึกษาในเด็กกว่าหมื่นคน ที่เมือง เดวอน ประเทศอังกฤษ<br />
พบว่า ทารกที่ได้รับยาปฏิชีวนะ ตั้งแต่เมื่ออายุต่ำกว่า 6 เดือนนั้น<br />
จะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนที่ 10 ถึง 38 อย่างมีนัยสำคัญ<br />
แต่การให้ยาปฏิชีวนะแก่ทารก เมื่อมีอายุมากกว่า 6 เดือนนั้น ไม่<br />
พบการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว อย่างมีนัยสำคัญ<br />
นอกจากนี้ การศึกษาโดย Danish National Birth Cohort พบ<br />
ว่า ทารกที่ได้รับ ยาปฏิชีวนะ ในช่วงอายุไม่เกิน 6 เดือน มีแนวโน้ม<br />
ที่จะมีน้ำหนักมากกว่าปกติ เมื่อเด็กมีอายุ 7 ปี ผลการศึกษาเหล่า<br />
นี ้ สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างการได้รับยาปฏิชีวนะ ในช่วง<br />
อายุน้อย กับความอ้วนเมื่อเด็กคนนั้นมีอายุมากขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงข้อ<br />
พึงระวังในการใช้ยาปฏิชีวนะในเด็กเล็ก<br />
อย่างไรก็ดี ความสัมพันธ์กับชนิดและปริมาณของแบคทีเรียใน<br />
ลำไส้ของคนนั้น ยังไม่ชัดเจนเหมือนที่พบในหนูทดลอง เนื่องจาก<br />
สัดส่วนของ Firmicutes/Bacteroidestes ในทางเดินอาหารของคน<br />
นั้น ไม่สัมพันธ์กับการเพิ่มของน้ำหนักตัวที่ชัดเจน ในความเป็นจริง<br />
แล้ว ทารกที่อยู่ในครรภ์มารดานั้น จะไม่มีแบคทีเรียอาศัยอยู่ในทาง<br />
เดินอาหาร จนเมื่อเด็กคลอดออกมา ก็จะได้สัมผัสกับแบคทีเรียจาก<br />
แม่ และแบคทีเรียเหล่านั้นก็จะเข้าไปอาศัย และกลายเป็นแบคทีเรีย<br />
หลัก ในลำไส้ แม้ว่าในปัจจุบัน จะยังไม่ชัดเจนว่า การเพิ่มขึ้นของ<br />
แบคทีเรียในกลุ่มใด ที่สัมพันธ์กับ น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น แต่ก็มีหลัก<br />
ฐานที่แสดงว่า การได้รับยาปฏิชีวนะ จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลง<br />
ชนิด ของแบคทีเรียในทางเดินอาหาร ซึ่งจะส่งผลต่อการดูดซึม และ<br />
การย่อยอาหาร และ จะส่งผลต่อ เมตาบอลิซึมของร่างกายในที่สุด<br />
รูปแสดงโมเดลที่นำเสนอโดยนักวิทยาศาสตร์ถึงผลกระทบที่น่า<br />
จะเกิดขึ้นเมื่อเด็กได้รับยาปฏิชีวนะ ในลำไส้เล็ก และในลำไส้ใหญ่<br />
โดยการเปลี่ยนแปลงของแบคทีเรียในทางเดินอาหาร จะมีผลต่อ<br />
การย่อยและดูดซึมสารอาหาร โดยเฉพาะในลำไส้ใหญ่ ที่จะมีผล<br />
ให้เกิด SCFAs เพิ่มขึ้น (ดูรายละเอียดในบทความ)<br />
ผลของการใช้ Probiotic<br />
เมื่อการใช้ยาปฏิชีวนะ อาจก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการ<br />
ดื้อยา และอาจมีผลกระทบต่อผู้บริโภค ผู้เลี้ยงปศุสัตว์หลายราย<br />
จึงมีการปรับเปลี่ยนมาใช้ โปรไบโอติกส์ (probiotics) แทน และ<br />
พบว่า การใช้ probiotics สามารถส่งเสริมการเจริญของปศุสัตว์<br />
ได้เช่นเดียวกับการใช้ยาปฏิชีวนะ โดยพบว่า probiotics มีผลใน<br />
การเปลี่ยนแปลงชนิดของเชื้อในทางเดินอาหารได้เช่นกัน<br />
Probiotics หมายถึง แบคทีเรียในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่ ใน<br />
รูปที่เป็นอาหาร หรือผลิตภัณฑ์เสริม อาหาร ที่สามารถส่งเสริมสุข<br />
ภาพของผู้บริโภค หากได้รับในปริมาณที่เหมาะสม พวกเราก็คงคุ้น<br />
กับ probiotics กันเป็นอย่างดี โดยมีการใส่ลงในนมเปรี้ยว หรือใน<br />
โยเกิร์ต และมีการโฆษณาว่า มีประโยชน์แก่ร่างกาย แบคทีเรีย<br />
สายพันธ์ที่เป็นที่นิยมนำมาผสมในอาหาร ได้แก่ แบคทีเรียในกลุ่ม<br />
Lactobacilli, Streptococci และ Bifidobacteria โดยเชื้อเหล่านี้<br />
จะเข้าไปอาศัยในทางเดินอาหาร และส่งผลต่อกระบวนการย่อย<br />
และดูดซึมสารอาหารของร่างกาย<br />
ประโยชน์ของ probiotics นี้ เริ่มมีการโฆษณาอย่างแพร่หลาย<br />
โดยบริษัทที่ผลิตอาหารเสริม และมีการนำเสนอการใช้อาหารเสริม<br />
probiotic ในการลดความรุนแรงของภาวะ severe acute malnutrition<br />
ของประชาชนในกลุ่มประเทศด้อยพัฒนา (มีรายงานว่า พบ<br />
ภาวะ severe acute malnutrition นี้ในประชากรถึง 30% ทั่วโลก)<br />
อาหารเสริมนี้ ถูกเรียกว่าเป็น ready-to-use therapeutic food และ<br />
พบว่าผลของการรับประทานอาหารเสริมนี้ จะช่วยเพิ่มปริมาณของ<br />
Lactobacillus spp และ Bifidobacteria spp ในทางเดินอาหาร<br />
อย่างมีนัยสำคัญ และมีผลในการเพิ่ม ประสิทธิภาพในการทำงาน<br />
ของทางเดินอาหารและเพิ่มน้ำหนักตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ<br />
อย่างไรก็ดี การใช้ probiotic จะต้องมีการศึกษาโดยนักวิจัยมากขึ้น เพราะ แบคทีเรียแต่ละ<br />
ชนิด มีผลต่อการเพิ่ม หรือลดของน้ำหนักที่แตกต่างกัน ดังแสดงในตาราง<br />
ตารางแสดงผลของ probiotic และยาปฏิชีวนะที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักตัวของสัตว์<br />
ทดลอง (Angelakis et al., Lancet Infect Dis 2013;13:899-99)<br />
รูปแสดงการเปลี่ยนแปลงของแบคทีเรียในทางเดินอาหารเปรียบ<br />
เทียบระหว่าง (A) ภาวะปกติ(B) ภาวะที่ได้รับ probiotics (C) ภาวะ<br />
ที่ได้รับ antibiotics สังเกตการเปลี่ยนแปลงของชนิดแบคทีเรียใน<br />
ภาวะที่ได้รับ antibiotic เทียบกับการเพิ่ม probiotic bacteria ใน<br />
ภาวะที่ได้รับ probiotic<br />
อย่างไรก็ดี การใช้ probiotic ก็น่า<br />
จะมีผลดีมากกว่าการใช้ยาปฏิชีวนะ ดัง<br />
แสดงแนวคิด ในรูปสุดท้าย ซึ่งแสดงว่า<br />
การใช้ probiotic จะเป็นการเพิ่มชนิด<br />
ของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ โดยที่ชนิด<br />
ของแบคทีเรียเดิมในลำไส้ยังคงอยู่ ใน<br />
ขณะที่การใช้ยาปฏิชีวนะ จะมีผลใน<br />
การกำจัดแบคทีเรียบางชนิด และปรับ<br />
เปลี่ยนสัดส่วนของชนิดของแบคทีเรีย<br />
รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงในการเพิ่มเชื้อที่<br />
มีการดื้อยาด้วย<br />
ในวงการแพทย์ปัจจุบัน เริ่มมีการ<br />
ทดลองนำ probiotics มาใช้ในการ<br />
รักษาโรคทางเดินอาหาร เช่น การใช้<br />
Lactobacillus rhamnosus GG ในการ<br />
ป้องกันอาการท้องร่วงในเด็กทารก หรือ<br />
การใช้ Bifidobacteria และ Lactobacilli<br />
ในการรักษาอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง<br />
เป็นต้น ดังนั้น probiotics อาจจะมี<br />
บทบาททางการแพทย์มากขึ้นในอนาคต<br />
ที่จะต้องจับตาดูต่อไป<br />
รูปแสดง ชนิดของ probiotic และ antibiotic ที่มีผลต่อ น้ำหนัก<br />
ของร่างกาย<br />
บทความอ่านประกอบ<br />
Flint HJ. Antibiotics and adiposity Nature 2012;488:601-2.<br />
Angelakis E, Merhej V, Raoult D. Related actions of probiotics and<br />
antibiotics on gut microbiota and weight modification. Lancet Infect<br />
Dis 2013;13:889-99.<br />
Trasande L, Blustein J, Liu M, et al. Infant antibiotic exposures and<br />
early-life body mass. Int J Obes 2013;37:16-23<br />
Million M, Lagier JC, Yahav D, et al. Gut bacterial microbiota and<br />
obesity. Clin Microbiol Infect 2013;19:305-13.<br />
16 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 17
ad<br />
ปรับโฉมเวบใหม่ อ่านได้ทั้ง คลิก และ พลิก<br />
เวบ www.thaidentalmag.com ปรับโฉมแล้วจ้าาาาา<br />
ไฉไลกว่าเดิม เอาใจนักอ่านด้วยการรวมเล่ม ที่พร้อมจะให้<br />
download เป็น pdf ทั้งเล่มไปอ่านกันได้เลย<br />
นอกจากนี้เรายังจัดหมวดหมู่ column ที่มีผู้อ่านมากที่สุด<br />
และ column สุด Hot ให้คลิกอ่านกันง่ายๆ<br />
และพิเศษสุดคือการรวม blog จากทันตแพทย์ Blogger<br />
ทั่วราชอาณาจักร และทั่วโลก มาให้ท่านอ่านอย่างง่ายๆ<br />
เพราะความตั้งใจของเราคือการทำให้เวบแมกกาซีนนี้<br />
เป็นที่พบปะ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้<br />
ในวงการวิชาชีพทันตแพทย์ไทยอย่างแท้จริง<br />
18 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 19
ภาพ โฆษณา<br />
ยาสีฟันวิเศษนิยม<br />
ในปีพ.ศ. 2478<br />
จากเว็บไซต์ของนักสะสมของเก่าในประเทศไทย<br />
จะพบยาสีฟันแบบก้อนคล้ายแป้งแข็งหลายยี่ห้อ<br />
ระบุว่ามีการผลิตและจำหน่าย ปีพ.ศ. 2497<br />
คนไทยแปรงฟันเฉลี่ยวันละ 2 ครั้ง แต่ละครั้ง<br />
ถ้าบีบยาสีฟันยาว 1 นิ้วเท่ากับ 1 กรัม วันหนึ่ง<br />
จะใช้ยาสีฟันประมาณ 2 กรัม ปีละ 730 กรัม<br />
หรือราว 4 หลอดใหญ่ ในหนึ่งปี คนไทย<br />
60 ล้านคนจึงใช้ยาสีฟันขนาดครอบครัว<br />
ประมาณ 240 ล้านหลอด หลอดละ 40 บาท<br />
ตกเป็นเงิน 9,600 ล้านบาท<br />
ลองคิดเล่นๆ ก็ใกล้เคียงกับข้อมูลปี 2555 ยาสีฟันมีมูลค่าการ<br />
ตลาดรวมกว่า 9,500 ล้านบาท ส่วนปี 2556 คาดว่าจะเติบโต<br />
ขึ้นอีกประมาณ 4–5% น่าจะมีมูลค่าถึง 1 หมื่นล้านบาท พวกเรา<br />
ทันตแพทย์จะเป็นผู้ที่ถูกถามความเห็นเกี่ยวกับการเลือกใช้ยาสีฟัน<br />
มากที่สุด และถูกอ้างอิงโดยผู้ประกอบการยาสีฟันมากที่สุดเช่น<br />
กัน จึงรวบรวมเกร็ดความรู้เรื่องยาสีฟันที่น่าสนใจและสมควรเก็บ<br />
บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การดูแลอนามัยช่องปากของคนไทยมา<br />
เล่าสู่กันฟังค่ะ<br />
เรื่อง ทญ.วิกุล วิสาลเสสถ์ สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย<br />
ภาพรวมตลาดยาสีฟันปี 2554<br />
ประเภท สัดส่วน (%)<br />
ยาสีฟันเพื่อลมหายใจสดชื่น 30-35<br />
ยาสีฟันสมุนไพร 30<br />
ยาสีฟันเชิงรักษา 20<br />
ยาสีฟันสำาหรับเด็ก 15<br />
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ รวบรวม<br />
พัฒนาการของยาสีฟันในประเทศไทย น่าจะเริ่มจากการผลิตใช้เอง<br />
ในคนชั้นสูงก่อน ดังที่มีการกล่าวถึงยาสีฟันสูตรชาววัง ที่มีส่วนผสม<br />
ของดินสอพอง เกลือ การบูร ใบข่อย และดอกกานพลูตากแห้งบด<br />
ละเอียด ส่วนการผลิตออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการ มีบันทึก<br />
ว่าเป็นยาสีฟันชนิดผงยี่ห้อวิเศษนิยมเป็นเจ้าแรก ในปี พ.ศ. 2464<br />
โดยนางผิน แจ่มวิชาสอน ซึ่งได้ตำรามาจาก จมื่นสิทธิแสนยารักษ์<br />
แพทย์แผนโบราณประจำโรงเรียนบ้านสมเด็จเจ้าพระยา<br />
ภาพยาสีฟัน<br />
ตลับโบราณยี่ห้อ Royal<br />
ข้างกล่องพิมพ์ว่าผลิตที่<br />
Bangkok Siam<br />
ประมาณ<br />
ปีพ.ศ. 2497<br />
แป้งสีฟันเบอร์ลิน บอกสรรพคุณบนฝากล่อง ว่า “มีคุณภาพ<br />
พิเศษ หากสูบบุหรี่และรัปทานหมากมาก ใช้เบอร์ลินเป็นประจำ<br />
รักษาฟันขาวสอาดถาวรเสมอ Made by asia chemical enterprise”<br />
ยี่ห้อนี้ทำให้นึกถึงยาสีฟัน Zact ในปัจจุบัน สำหรับ<br />
กำจัดคราบบุหรี่โดยเฉพาะ<br />
ยาสีฟันแบบก้อน วิธีใช้ต้องเอาแปรงสีฟันจุ่มน้ำให้เปียก<br />
ก่อน นำไปถูที่ก้อนยาสีฟัน แล้วจึงเอามาสีฟัน คล้ายกับการใช้<br />
สบู่ แต่คาดว่าน่าจะไม่ได้รับความนิยมเท่ายาสีฟันชนิดผง<br />
ยาสีฟันรูปแบบครีมบรรจุหลอดที่คุ้นเคยกันในปัจจุบัน<br />
เริ่มจากค่ายที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูง<br />
ยาสีฟันคอลเกต มีจำหน่ายในประเทศไทยกว่า 60 ปี<br />
เริ่มจากการนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกาจนกระทั่งตั้ง<br />
บริษัทคอลเกต-ปาล์มโอลีฟในไทย ปีพ.ศ. 2501 และมีการ<br />
สร้างโรงงานยาสีฟันในไทยปีพ.ศ. 2506<br />
ภาพ โฆษณายาสีฟัน<br />
แบบก้อนบรรจุตลับ<br />
ยี่ห้อกิ๊บส์ แสดงให้เห็น<br />
วิธีใช้กับแปรงสีฟัน<br />
20 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 21
ภาพยาสีฟัน<br />
คอลเกต<br />
ในยุคแรก<br />
ยาสีฟันสมุนไพรไทย ดอกบัวคู่ เริ่มจำหน่ายในปีพ.ศ. 2520<br />
เป็นยาสีฟันที่ได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรมของไทยเป็นเจ้าแรก มี<br />
ลักษณะเด่นที่เนื้อยาเป็นสีดำ ระยะแรกจึงไม่ได้รับการยอมรับจาก<br />
ผู้บริโภค แต่ภายหลังมีกระแสความนิยมเรื่องสารสมุนไพร ทำให้<br />
สามารถเจาะตลาดได้ และในปีพ.ศ. 2555 มีส่วนแบ่งการตลาด<br />
ร้อยละ 28 นับเป็นอันดับสองรองจากคอลเกต ปัจจุบันยาสีฟัน<br />
ดอกบัวคู่ส่งออกไปขายทั้งในเอเซียและยุโรป แต่เนื่องจากเป็น<br />
ยาสีฟันที่ไม่ผสมฟลูออไรด์ จึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากวงการ<br />
ทันตสาธารณสุขไทยซึ่งเน้นเรื่องการป้องกันฟันผุเป็นหลัก<br />
ภาพโฆษณายาสีฟัน<br />
ไอปานา พ.ศ.2500<br />
ถูกนำมา cover ใหม่ใน<br />
ละครทีวีสุดฮิต<br />
“คุณชายรณพีร์”<br />
ปีพ.ศ.2556<br />
ภาพโฆษณา<br />
คอลเกต<br />
ปี พ.ศ.2504<br />
ภาพโฆษณา<br />
ยาสีฟันดาร์กี้<br />
ปีพ.ศ. 2494<br />
ยาสีฟันดาร์กี้ (Darkie)<br />
เริ่มผลิตจากบริษัทเฮาเลย์<br />
แอนด์ ฮาเซิล ในฮ่องกง<br />
ภายหลังถูกซื้อโดยบริษัท<br />
คอลเกต และเปลี่ยนชื่อ<br />
เป็น ดาร์ลี่ (Darlie) เพื่อ<br />
ลดปัญหาการเหยียดสีผิว<br />
ภาพยาสีฟัน<br />
กามัน ผสมยูเรีย<br />
ยอดยาสีฟันไทย<br />
ยาสีฟันใกล้ชิด เริ่มจำหน่ายในปีพ.ศ. 2517 และยาสีฟัน<br />
เปปโซเดนท์ ในปีพ.ศ. 2532 ผลิตโดยบริษัทลีเวอร์บาร์เดอร์<br />
หรือ ยูนิลีเวอร์(ประเทศไทย) ในปัจจุบัน แม้ว่าจะไม่ได้รับความ<br />
น ิ ย ม ม า ก นั ก ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย<br />
แต่เป็นยักษ์ใหญ่จากประเทศ<br />
สหราชอาณาจักร มีส่วนแบ่ง<br />
การตลาดมากในประเทศ<br />
เวียดนาม และมีฐานการผลิต<br />
อยู่ที่นั่น<br />
ภาพโฆษณา<br />
ยาสีฟันในยุคเก่า<br />
ช่วยประติดประต่อ<br />
เรื่องราวในอดีต<br />
ได้ดีทีเดียว<br />
บทความนี้มีฉบับเต็ม ท่านที่สนใจตามอ่านได้ใน<br />
online magazine นะคะ<br />
ขอขอบคุณแหล่งภาพและข้อมูล<br />
www.atcloud.com/stories/51568<br />
www.cokethai.com/forum/viewtopic.php?f=95&t=21391<br />
www.oknation.net/blog/print.php?id=546357<br />
www.board.postjung.com/m/625993.html<br />
www.topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/07/K8136002/K8136002.html<br />
www.forum.thaidvd.net/lofiversion/index.php/t116067-4950.html<br />
www.info.gotomanager.com/news/details.aspx?id=31666<br />
22 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 23
เรื่อง นายแพทย์กฤษณ์ ขวัญเงิน<br />
หน่วยศัลยศาสตร์ตกแต่ง ภาควิชาศัลยศาสตร์<br />
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่<br />
สวัสดีครับพี่น้องทันตแพทย์ทุกคน<br />
ผมดีใจครับที่ได้มีโอกาสมาเล่าอะไรให้ฟัง<br />
เกี่ยวกับ “การดูแลรักษาผู้ป่วยปากแหว่ง<br />
และ/หรือเพดานโหว่“ ผมหมอกฤษณ์ ขวัญเงิน<br />
เป็นศัลยแพทย์ตกแต่ง ที่บังเอิญไปเรียนต่อเกี่ยวกับ<br />
การแก้ไขความพิการบริเวณใบหน้าและศีรษะ<br />
ที่สหรัฐอเมริกา และได้รับโอกาสที่สำาคัญ<br />
ในการดูแลผู้ป่วยปากแหว่ง และ/หรือเพดานโหว่<br />
แถบภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย<br />
และขอบชายแดนประเทศเมียนมาร์ ทำาให้มี<br />
ประสบการณ์ตรงมาแชร์กับพวกเราครับ<br />
เรามาทบทวนกันก่อนว่าคนไข้ปากแหว่งและเพดานโหว่<br />
จะเผชิญกับปัญหาที่สำคัญอะไรบ้าง สรุปง่ายๆ ปัญหาที่สำคัญ<br />
4 ประการแรก คือ ปากแหว่ง (cleft lip) เพดานโหว่ (cleft palate)<br />
เหงือกโหว่ (alveolar cleft ) และจมูกผิดรูป (cleft lip nose<br />
deformity) โดยที่กล่าวมา 4 ความผิดปกตินั้นอาจเรียกได้ว่าเป็น<br />
ความผิดปกติเบื้องต้นแต่คนไข้ปากแหว่งและเพดานโหว่ยั งอาจต้อง<br />
เผชิญกับความผิดปกติที่เกิดขึ้นตามมาเมื่อพวกเค้าโตขึ้น (แม้ว่าจะ<br />
ผ่าตัดแก้ไขภาวะปากแหว่ง และเพดานโหว่ ไปแล้ว) เช่น พูดไม่ชัด<br />
จากการทำงานได้ไม่เต็มที่ของเพดานและคอหอย (Velopharyngeal<br />
Insufficiency หรือ VPI ) และ กระดูกกรามบนเจริญเติบโตน้อยกว่า<br />
ปกติ (maxillary hypoplasia) เป็นต้น<br />
คราวนี้ผมจะพาทุกท่านเข้าสู่โลกของการรักษาคนไข้ปากแหว่ง<br />
และเพดานโหว่ กำลังคิดอยู่ว่าทำอย่างไรดีให้พวกเราทุกคนไม่เบื่อ<br />
และเข้าใจการรักษาที่ซับซ้อนและยาวนาน (เพราะคนไข้ปากแหว่ง<br />
และเพดานโหว่ต้องรักษาตัวกันจนถึงอายุอย่างน้อยก็ 18-20 ปี คือ<br />
จนทุกส่วนของใบหน้าโตเต็มที่ครับ)<br />
สิ่งแรกที่ทุกคนที่รักษาผู้ป่วยปากแหว่งและ/หรือเพดานโหว่ควร<br />
รู้ คือระยะเวลาในการผ่าตัดภาวะความผิดปกติที่สำคัญ 4 ประการ<br />
ของคนไข้ ปากแหว่งและเพดานโหว่ สรุปสั้นๆ ประมาณนี้ครับ<br />
ปากแหว่ง ( cleft lip ) ผ่าตัดตอนอายุประมาณ 3 เดือน<br />
หรือ 10 สัปดาห์<br />
เพดานโหว่ ( cleft palate ) ผ่าตัดตอนอายุประมาณ 6<br />
เดือนถึง 1 ปีครึ่ง (ผมก็มักเลือกช่วงไม่เกิน 1 ปีครับ )<br />
ความผิดปกติของจมูก( cleft lip nose deformity) อัน<br />
นี้มีหลาย protocol ครับ บางศูนย์ฯ ผ่าพร้อมผ่าตัดแก้ไขปากแหว่ง<br />
บางศูนย์ฯ ผ่าตัดตอนก่อนเข้าโรงเรียนครับ (แต่ผมอยู่ในกลุ่มที่ผ่าตัด<br />
ความผิดปกติของจมูกพร้อมผ่าตัดแก้ไขปากแหว่งครับ ขอบอกว่าความ<br />
นิยมการผ่าตัดแก้ไขจมูกผิดรูป (cleft lip nose deformity) พร้อมการ<br />
ผ่าตัดปากแหว่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ)<br />
เหงือกโหว่ (alveolar cleft) ผ่าตัดช่วงอายุที่ฟันแท้<br />
เริ่มขึ้นครับ<br />
สำหรับระยะเวลาในการประเมินเพื่อผ่าตัดภาวะความผิดปกติ<br />
ที่อาจหลงเหลืออยู่หลังการแก้ไขภาวะปากแหว่งและเพดานโหว่ที่<br />
สำคัญๆ ที่พวกเราควรรู้ คือ<br />
ภาวะพูดไม่ชัดจากการทำงานได้ไม่เต็มที่ของเพดานและ<br />
คอหอย ( Velopharyngeal Insufficiency หรือ VPI) ก็จะเริ่มประเมิน<br />
ตอนประมาณอายุ 3 – 5 ปี<br />
ภาวะ maxillary hypoplasia ก็มักจะผ่าตัดตอนคนไข้<br />
โตเต็มที่แล้วครับ เช่นประมาณ 17 – 18 ปีขึ้นไป ยังมีการผ่าตัดบาง<br />
อย่างที่ผมยังไม่อยากกล่าวลงลึกในตอนนี้เดี๋ยวงง พวกนี้ส่วนมากเป็น<br />
esthetic surgery ครับ (คือการผ่าตัดเพื่อให้มีรูปร่าง หรือรูปลักษณ์<br />
ใกล้เคียงปกติ) เช่น การผ่าตัดแก้ไขปากและจมูกในรายละเอียดเพื่อ<br />
ให้มีลักษณะปาก และจมูกใกล้เคียงปกติ เป็นต้น ไว้พวกเราคุ้นเคย<br />
กับการผ่าตัดหลักๆที่กล่าวไปแล้วและ กอง บก. ยังเมตตาให้เขียน<br />
บทความจะมาเล่าให้ฟังต่อ (จริงๆ อยากเขียนบทความลงนานๆ เลย<br />
แกล้งลากยาววววววววครับ)<br />
สำหรับพวกเราที่มีโอกาสได้ดูแลผู้ป่วยปากแหว่งและเพดาน<br />
โหว่ผมอยากให้เข้าใจถึงแก่นแท้ว่าทำไมต้องผ่าตัดภาวะต่างๆในช่วง<br />
เวลาที่กล่าวมา (จะเป็นประโยชน์มากๆ ในการเจอ case ที่ไม่ตรงไป<br />
ตรงมา)<br />
ระยะเวลาในการผ่าตัดแก้ไขภาวะปากแหว่ง<br />
(cleft lip)<br />
การเลือกว่าจะผ่าช่วงไหนดีเป็นการต่อสู้กันระหว่าง “ความ<br />
ต้องการของผู้ปกครองที่ต้องการผ่าตัดให้เร็ว” กับ “ความปลอดภัย<br />
ของเด็กในการดมยาสลบและผ่าตัด” ในสมัยก่อนที่การแพทย์ยังไม่มี<br />
เครื่องมือต่างๆ มากมาย หมอเค้าประชุมกันแล้วสรุปว่า ถ้าเด็กมี rule<br />
of 10 (อายุ 10 weeks, น้ำหนัก 10 ปอนด์ และ Hb 10 gm%) ก็จะ<br />
ปลอดภัยในการดมยาสลบและผ่าตัดครับ จากหลักที่สำคัญนี้ทำให้<br />
หมอๆ ในแต่ละโรงพยาบาล ก็สามารถปรับระยะเวลาในการผ่าตัดปาก<br />
แหว่งได้ตามคนไข้ที่พบ หรือแนวทางการรักษาของแต่ละโรงพยาบาล<br />
ได้ครับ(ไม่ผิด) ผมยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ เช่น<br />
ศูนย์แก้ไขความพิการบริเวณใบหน้าและศีรษะ โรงพยาบาล<br />
มหาราชนครเชียงใหม่ที่ผมทำงานอยู่จะผ่าตัดปากแหว่ง 2 ช่วง<br />
อายุ แล้วแต่พ่อแม่เด็กและความยากลำบากในการเดินทางมา โรง<br />
พยาบาลครับ ประมาณว่า ถ้าเป็นคนใกล้โรงพยาบาลมาตรวจได้เร็ว<br />
หลังเด็กคลอดก็จะผ่าตัดช่วง 3 – 4 เดือนตามเกณฑ์ rule of 10 แต่<br />
มีเด็กจำนวนไม่น้อยอยู่ไกลครับ ประมาณแม่ฮ่องสอน แม่สอด หรือ<br />
พม่า จะมาพบหมอครั้งแรกก็อายุประมาณ 4-5 เดือน(ไปแล้ว) ถ้า<br />
เด็กเหล่านี้มีภาวะปากแหว่งร่วมกับเพดานโหว่ คือเป็นทั้งปากแหว่ง<br />
และเพดานโหว่ ผมก็จะผ่าตัดปากแหว่งและเพดานโหว่ พร้อมกันครับ<br />
คือช่วงอายุประมาณ 1 ปีครับ (เด็กเริ่มพูดครับ)<br />
หรืออีกที่ ถ้าจำไม่ผิดนะครับ คือ โรงพยาบาลมหาราชโคราช<br />
จะใส่ NAM (Nasoalveolar Molding) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ปรับรูปปาก<br />
ระดับเหงือก และจมูก ให้เด็กก่อนแล้วจึงผ่าตัดแก้ไขปากแหว่ง ตอน<br />
อายุประมาณ 5 – 6 เดือน (เกริ่นให้อยากรู้ครับ เรื่อง Nasoalveolar<br />
Molding เรื่องนี้หมอฟันเป็นพระเอกครับ และงานวิจัยจำนวนมาก บ่ง<br />
ชี้ว่าผลการผ่าตัดดีกว่าถ้าคนไข้ได้รับการใส่ NAM ( Nasoalveolar<br />
Molding) ก่อนการผ่าตัด) ผมเลยชวนหมอฟันมาทำบุญกับคนไข้และ<br />
หมอผ่าตัดกันนะครับ ทำ NAM หรือ Nasoalveolar Molding กันก่อน<br />
ผ่าตัดนะครับบบบ<br />
ระยะเวลาในการผ่าตัดแก้ไขภาวะเพดานโหว่<br />
(cleft palate)<br />
ที่ตกอยู่ในช่วงอายุ 6 เดือน – 1 ปีครึ่ง ก็เพราะช่วงนั้นเป็นช่วง<br />
ที่เด็กเริ่มพูดครับ หมอก็เลยต้องผ่าตัดแก้ไขเพดานโหว่ครับไม่งั้น<br />
เด็กจะพูดไม่ชัดอย่างมาก ถามว่าทำไมไม่ผ่าตัดให้เร็วกว่านี้ เป็น<br />
เพราะว่าปัญหาทาง surgical technique หรือเปล่า คำตอบคือ ไม่<br />
ครับแต่ปัญหาคือ ถ้าเราผ่าตัดเด็กยิ่งอายุน้อยปัญหาเรื่อง maxillary<br />
hypoplasia ตอนโตเป็นผู้ใหญ่จะยิ่งรุนแรง (เรื่องนี้ประเด็นที่แตก<br />
ต่างสำหรับแนวทางการรักษาจากค่ายประเทศแถบยุโรป เอาไว้มี<br />
คนสนใจจะมาเล่าให้ฟังนะครับ กระซิบให้อยากรู้ว่า เค้าผ่าตัดแยก<br />
กันระหว่าง soft palate กับ hard palate)<br />
ระยะเวลาในการผ่าตัดเอากระดูกมาใส่บริเวณ<br />
alveolar cleft<br />
แฮ่ๆ อันนี้ผมข้ามดีกว่าไม่งั้นเราอาจหน้าแตก เพราะ<br />
ทันตแพทย์ทุกคนรู้ลึกกว่าผม ก็อย่างที่รู้ๆ กันนะครับ คือผ่าตัดช่วง<br />
ที่ฟันแท้เริ่มขึ้น โดยจะช่วงอายุเท่าไรก็ขึ้นกับว่า alveolar cleft ของ<br />
คนไข้เป็นซี่ไหน ส่วนมากไม่ lateral incisor ก็ canine ครับ (ประเด็น<br />
สำคัญเรื่องนี้มีหลายประเด็นครับ เช่น จัดฟันให้ alveolar cleft เป็น<br />
อย่างไรถึงจะเหมาะสมที่จะผ่าตัด อันนี้สำคัญมากครับเพราะว่าจัด<br />
ให้ alveolar cleft กว้างเกินไปก็ทำให้มีโอกาสการปลูก graft แล้ว<br />
ไม่ติดได้นะครับ)<br />
การประเมิน หรือผ่าตัดแก้ไขภาวะ VPI<br />
(Velopharyngeal Insufficiency)<br />
สงสัยไหมครับว่าทำไมต้องเป็นช่วง 3 – 5 ขวบ ก็ไม่มีอะไร<br />
หรอกครับ เพราะการประเมินภาวะ VPI (ภาวะที่เด็กพูดไม่ชัดหลัง<br />
การผ่าตัดเพดานโหว่ ที่เกิดจาก soft palate และ pharynx ทำงาน<br />
ไม่มีประสิทธิภาพ) ต้องใช้กล้องส่องเข้าไปในจมูกเด็กเพื่อดูการ<br />
เคลื่อนไหวของ soft palate และ pharynx ว่าปิดสนิทไหม ถ้าไม่<br />
สนิทเกิดจากอะไร พวกเราก็คิดดูซิครับว่าถ้าเด็กอายุน้อยกว่า 3<br />
ขวบจะยอมให้หมอเค้าส่องกล้องเพื่อตรวจไหมครับ<br />
อันสุดท้ายค่อนข้างตรงไปตรงมาครับ คือ การ<br />
ผ่าตัดแก้ไข maxillary hypoplasia<br />
จะผ่าตัดเมื่อผู้ป่วยโตเต็มที่ เพราะเราต้องรอให้ทั้ง maxillary<br />
และ mandible โตเต็มที่ก่อน เล่ามาตั้งนานยังไม่เข้า theme เลย<br />
ว่า “ทันตแพทย์สำคัญ (มาก) อย่างไรกับเด็กปากแหว่งและ/หรือ<br />
เพดานโหว่” เอาเป็นว่าสำคัญมากถึงมากที่สุดส่วนสำคัญอย่างไร<br />
เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังในครั้งต่อไปนะครับ<br />
ขอฝากประชาสัมพันธ์หน่อยครับ คือ วันที่ 6 -7<br />
พฤศจิกายน ปี 2557 นี้มีการประชุมวิชาการประจำปีของสมาคม<br />
ปากแหว่ง เพดานโหว่ และความพิการบริเวณใบหน้าและศีรษะ<br />
ที่ เชียงใหม่ ครับ ลอยกระทงพอดีครับ ชวนมาฟังวิชาการและ<br />
มาเที่ยวลอยกระทงไปพร้อมๆ กันเลยครับพวกเราทุกคน<br />
24 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 25
ad<br />
เรื่อง FDI FDI หรือสหพันธ์ทันตแพทย์โลกเป็นองค์กรที่ประกอบด้วยทันตแพทย์<br />
มากกว่าล้านคนทั่วโลก ประกอบด้วยสมาชิกจากมากกว่า 200 ประเทศ<br />
ท่านสมาชิกบางท่านอาจทราบว่า<br />
ทั่วโลก ทั้งองค์กรของทันตแพทย์ทั่วไปและองค์กรทันตแพทย์เฉพาะ<br />
ประเทศไทยของเราจะได้เป็นเจ้าภาพ ทาง FDI มีบทบาทช่วยพัฒนานโยบายสาธารณะและโปรแกรมการ<br />
ศึกษาต่อเนื่องของวิชาชีพ และยังเป็นตัวแทนวิชาชีพทันตแพทย์ใน<br />
จัดงานประชุมวิชาการทันตแพทย์โลก<br />
เวทีโลก สหพันธ์ช่วยสนับสนุนสมาคมวิชาชีพต่างๆ ที่เป็นสมาชิกใน<br />
หรือประชุม FDI ในปี 2558 บางท่าน กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพที่มีขึ้นทั่วโลก ในช่วงที่ผ่านมา FDI สนับสนุน<br />
นวตกรรม การณรงค์ และนโยบายในรัฐสภาได้มากกว่าหน่วยงาน<br />
ทราบว่าปีที่ผ่านมามีประชุมที่ตุรกี<br />
ไม่หวังผลกำไรอื่นๆ<br />
(เป็นการประชุมทันตแพทย์<br />
การทำงานของ FDI นั้นมีทั้งระดับชาติ และระดับนานาชาติ<br />
ที่ประสบความสำาเร็จมาก มีคนเข้าร่วม<br />
ผ่านกิจกรรมทั้งของ FDI เองและขององค์กรสมาชิก FDI ทำงาน<br />
ร่วมกับองค์การอนามัยโลก หรือ WHO อย่างไม่เป็นทางการ และ<br />
ประชุมถึง 16,197คน) และปีนี้ FDI เป็นสมาชิกของเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพโลกหรือ World Health<br />
จะมีประชุมที่อินเดีย ช่วง 11-14<br />
Professionals Alliance(WHPA)<br />
วิสัยทัศน์ของ FDI นั้น มุ่งสู่การชี้นำการดูแลสุขภาพช่อง<br />
กันยายนที่จะถึงนี้ บทความนี้เราเลย<br />
ปากให้ดีที่สุดในเวทีโลก โดยตระหนักว่าการทำงานด้านสุขภาพ<br />
จะมาเล่าสู่ท่านฟังเกี่ยวกับ FDI<br />
ช่องปากที่สัมพันธ์กับสุขภาพกายและสุขภาพองค์รวม<br />
ฉบับหน้าจะมาเล่าต่อนะคะว่า FDI มีพันธกิจในฐานะ<br />
ตัวแทนวิชาชีพในเวทีโลกอย่างไร อ่านกันคราวละสั้นๆ สวัสดี<br />
ค่ะ<br />
26 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 27
CURRENT STATE<br />
OF ART FOR ZIRCONIA<br />
AND NEW DENTAL<br />
ADHESIVES<br />
เรื่อง Professor Edward Mclaren จาก UCLA, USA.<br />
International Dental Congress 2013<br />
เรียบเรียง ทญ.ชรินธร อิสสระยางกูล<br />
ในปัจจุบันคนไข้มีความใส่ใจสภาพช่องปาก<br />
มากขึ้น และต้องการรอยยิ้มที่สวยงามอย่าง<br />
เป็นธรรมชาติ เซรามิกจึงเข้ามามีบทบาท<br />
สำาคัญและใช้กันอย่างแพร่หลาย<br />
ในงานทางทันตกรรม แต่หากมีความเข้าใจ<br />
ในคุณสมบัติของวัสดุเพียงอย่างเดียว<br />
จะยังไม่สามารถออกแบบและพัฒนารูปร่าง<br />
และการใช้งานเพื่อลอกเลียนฟันได้สวยงาม<br />
อย่างเป็นธรรมชาติได้<br />
เราควรที่จะสามารถมองเห็นรายละเอียดของสิ่งที่เราต้องการจะ<br />
ลอกเลียนด้วย ดังนั้น Dr.Mclaren แห่งมหาวิทยาลัย UCLA จึง<br />
จัดสอนรายวิชา Art class 1 (Fig1&2) อยู่ในหลักสูตรทันตแพทย์<br />
เป้าหมายของรายวิชาจะเริ่มด้วยการ ฝึกให้นักเรียนทุกๆ คน ทั้ง<br />
ทันตแพทย์ และ ceramists มีมุมมองของงานทางทันตกรรมที่ต่าง<br />
ไปจากเดิม กล่าวคือมีความเป็นศิลปะมากขึ้น ไม่ได้มองฟันเป็น<br />
แค่บล็อกสีขาวเพียงอย่างเดียว แต่มองถึงองค์ประกอบอื่นๆ เช่น<br />
แสงและเงา นอกจากนั้นยังเพิ่มทักษะในการคำนวณสัดส่วนของ<br />
ฟันและอวัยวะที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อที่จะสามารถออกแบบ รอยยิ้ม 2<br />
ที่เหมาะสม และมีขนาดของฟันที่ได้สัดส่วนที่เหมาะสมกับใบหน้า<br />
และริมฝีปาก อีกทั้งเรียนรู้วิธีการทำ Bonded Functional Esthetic<br />
Prototype 3 หรือแม่แบบในปากคนไข้ เพื่อช่วยในการสื่อสารระหว่าง<br />
ทันตแพทย์กับคนไข้ ให้สามารถเห็นหรือจินตนาการ ผลสุดท้ายหลัง<br />
การรักษาตรงกันระหว่างคนไข้และทันตแพทย์ การทำแม่แบบนี้ยัง<br />
ช่วยให้ทันตแพทย์เอง มองเห็นรอยยิ้มที่ออกแบบขึ้นมา ว่าสวยงาม<br />
เหมาะสมเพียงใด และหัวใจสำคัญในรายวิชานี้คือการสื่อสารที่มี<br />
ประสิทธิภาพระหว่างทันตแพทย์กับห้องปฏิบัติการ ซึ่งเป็นปัจจัย<br />
สำคัญที่จะให้ได้ผลงานออกมาตามที่เราตั้งใจไว้<br />
Ceramic Selection guideline4<br />
การเลือกชนิดของเซรามิกให้เหมาะสมกับสภาวะในช่องปาก<br />
ของผู้ป่วยนั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความคงทนของวัสดุใน<br />
ช่องปาก โดยมีหลักใหญ่ๆ ที่ควรใช้ประกอบการพิจารณา คือ<br />
1. บริเวณที่จะ bond เป็นอะไร<br />
2. ฟันที่จะใส่ต้องรับแรง หรือมี stress มากน้อยเพียงใด<br />
3. บริเวณที่จะ bond สามารถกั้นน้ำลายหรือมี seal ที่ดี<br />
หรือไม่<br />
ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ มีผลต่อความแข็งแรงของ glass<br />
ceramic อย่างมาก เนื่องจาก glass ceramic จะมีความแข็งแรง<br />
ที่ดี หากมี Substrate มี่แข็งแรงเพียงพอสำหรับวัสดุชนิดนั้นๆ มาร<br />
องรับ และมี bond ที่ดีเพื่อกระจายแรง เนื่องจากการกระจายแรง<br />
ของ glass ceramic จะต่างจากครอบฟัน Zirconia หรือ Metal<br />
ceremic ที่มี core ที่แข็งแรงมารองรับเซรามิกด้านบนแล้ว<br />
ตารางแสดงคุณสมบัติของ ceramics<br />
รายละเอียดในองค์ประกอบของเซรามิกแต่ละชนิด 5,6 สามารถเข้าไป<br />
หาข้อมูลได้ตาม references ด้านท้าย<br />
Zirconia in dentistry<br />
จากตารางในรูปที่ 3 (Fig 3) จะเห็นว่า แม้จะเป็น Zirconia<br />
เหมือนกัน มีองค์ประกอบพื้นฐานที่เหมือนกัน แต่วิธีการผลิตที่<br />
แตกต่างกันจากแต่ละบริษัท ก็จะให้ zirconia ที่มีความแข็งแรงที่<br />
ไม่เท่ากัน เมื่อวิเคราะห์ลักษณะของ Zirconia จาก 3 บริษัท ด้วย<br />
SEM ดังแสดงใน รูปที่ 4 (Fig 4) วัสดุทางด้านซ้ายจะไม่พบ flaw<br />
หรือ defect ในเนื้อวัสดุ และมีการเรียงตัวของ crystal ที่เหมาะสม<br />
ในขณะที่วัสดุจากอีก 2 บริษัทที่เหลือพบ processing flaw ในเนื้อ<br />
วัสดุ และการเรียงตัวของ crystal รวมถึงเนื้อวัสดุก็แตกต่างกันอีก<br />
ด้วย ความแตกต่างของ zirconia นอกจากจะเกิดจากกระบวนการ<br />
ผลิตแล้ว วิธีการกรอ และ การขัดแต่ง ก็มีผลกับความแข็งแรงของ<br />
วัสดุเช่นเดียวกัน จากกราฟ ในรูปที่ 5 (Fig 5) จะเห็นว่า Zirconia ที่<br />
มีความเสียหายของพื้นผิว จะมีค่าความแข็งแรงต่ำลงอย่างชัดเจน<br />
เมื่อเทียบกับ Zirconia ที่ผ่านการกลึงเป็นแกนแล้ว และความแข็ง<br />
แรงของแท่ง Zirconia ที่ตัดแลัวขัดเท่านั้น จะสูงกว่าชิ้นงานที่กลึง<br />
แล้ว ผลดังกล่าวนี้ สอดคล้องกับความแข็งแรงของ Lithium Disilicate<br />
ซึ่งเป็น glass ceramic อีกชนิดหนึ่ง (กราฟแท่งสีฟ้า) กล่าว<br />
คือ block ที่ตัดออกมาแล้วขัด มีความแข็งแรงมากกว่าชิ้นที่เพิ่ง<br />
ผลิตเสร็จ (pressed and divested คือเอา investment ออกจาก<br />
ชิ้นงาน) และแข็งแรงมากกว่าชิ้นที่ผิวมีความเสียหาย<br />
ในระหว่างปี 2004-2007 พบรายงาน core fracture 2 ตัวอย่าง<br />
จาก Single unit Zirconia ที่ทำจาก Lava, YZ และ Procera 1200<br />
ตัวอย่าง, framework หัก 1 ตัวอย่าง จากมากกว่า 30 ตัวอย่าง, วัสดุ<br />
บูรณะถูกเปลี่ยนเนื่องจาก porcelain แตก ประมาณ 6%ต่อปี ใน 3<br />
ปีแรก และพบการแตกหักเล็กน้อยประมาณ 15% ที่ไม่จำเป็นต้อง<br />
เปลี่ยนวัสดุบูรณะ<br />
ปัจจัยที่ทำาให้ porcelain หลุดออกจากตัวแกน<br />
ในปี 2007-2011 กลุ่มตัวอย่าง 400 กว่าตัวอย่าง ที่ทำจาก<br />
Lava, YZ และ Procera และ VM9 รวมกับเทคนิคในการเผาแบบ<br />
ใหม่ ไม่พบรายงาน core fracture, วัสดุบูรณะถูกเปลี่ยนเนื่องจาก<br />
28 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 29<br />
วัสดุ<br />
Feldspathic<br />
porcelain<br />
High strength<br />
Glass Ceramics<br />
Zirconia/ Metal<br />
Ceramics<br />
substrate<br />
ที่จะ bond<br />
ส่วนใหญ่เป็น<br />
enamel<br />
ส่วนใหญ่เป็น<br />
dentin<br />
ทั้งหมดเป็น dentin<br />
หรือต้องคลุมผนัง<br />
ทุกด้านของฟัน<br />
Flexure & Stress<br />
ที่จะเกิดกับวัสดุ<br />
น้อย-ปานกลาง<br />
ปานกลาง-สูง<br />
สูง<br />
ฟันอยู่ในสภาวะ<br />
ตำาแหน่งสามารถ<br />
bond ได้ดีหรือไม่<br />
ได้<br />
ได้<br />
ไม่ได้<br />
porcelain แตก 1 ตัวอย่าง และ marginal ridge แตกเล็กน้อย 2<br />
ตัวอย่าง<br />
สาเหตุหนึ่งที่ veneering porcelain มีการแตกหัก หรือ ร่อนออก<br />
มาจากโครง zirconia นั้น เนื่อง จากวัสดุมีอัตราการขยายและหด<br />
ตัวที่ไม่เท่ากันเมื่อได้รับความร้อน และเมื่อเย็นลง เมื่อลดอุณหภูมิ<br />
ลงอย่างรวดเร็วหลังเผา ก็สามารถทำให้ veneering porcelain แยก<br />
ตัวออกจากโครง หรือมีการแตกร้าวในเนื้อวัสดุได้ จากการทดลอง<br />
(Fig 6) พบว่า อัตราการเพิ่มความร้อนขณะเผามีผลน้อย แต่อัตรา<br />
ในการลดอุณหภูมิมีผลอย่างมากต่อการหลุดร่อนของ veneering<br />
porcelain<br />
Framework Design and Translucency<br />
โดยทั่วไปมักเข้าใจว่า Zirconia นั้นทึบแสง และสามารถใช้<br />
ปิดทับสีฟันที่เข้มได้ 100% แต่ในความเป็นจริงนั้น Zirconia ที่<br />
บางลงจะมีความใสมากขึ้น และไม่สามารถปิดสีเข้มข้างใต้ได้<br />
หมด จากภาพที่ 7 (Fig 7) จะเห็นว่า หากโครง Zirconia มีความ<br />
หนาประมาณ 0.6 มิลลิเมตร จะสามารถปิดสีดำข้างใต้ได้ แต่หาก<br />
เราทำให้บางลงสีดำข้างใต้จะสามารถส่องทะลุมาได้ ปกติบริเวณ<br />
คอฟันจะเป็นส่วนที่บางที่สุดของครอบฟัน ดังนั้นหากฟันหลักมีสี<br />
เข้มหรือมีเดือยโลหะ จึงไม่สามารถปิดสีด้วย Zirconiaได้หมด ใน<br />
กรณีที่ฟันสีเข้มอาจพิจารณาใช้โครงที่มีสีสว่างกว่าปกติ 1 shade<br />
เพื่อชดเชย value ที่จะลดลงเนื่องจากความเข้มของ stump shade<br />
(Fig 8) นอกจากนี้ Zirconia แต่ละยี่ห้อก็มีความทึบแสงแตกต่าง<br />
กัน ดังที่แสดงในตารางด้านล่าง ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบความทึบ<br />
แสงของ Zirconia 3 ยี่ห้อ ที่ความหนา 1 มิลลิเมตร<br />
Chroma and translucency gradient<br />
ในฟันธรรมชาตินั้น บริเวณที่ทำให้เกิดสีสันต่างๆ คือ เนื้อฟัน<br />
คือส่วนที่ทึบแสงที่สุดและใสที่สุดของฟันน ซึ่งเห็นได้จากภาพด้าน<br />
ล่าง (Fig 9) ซึ่งแสดงลักษณะของเนื้อฟัน และเคลือบฟันในบริเวณ<br />
ต่างๆ การเลือกสี และ translucency ให้เหมาะสมจึงมีความสำคัญ<br />
ในการสร้างวัสดุบูรณะฟันที่เหมือนธรรมชาติ<br />
Abrasiveness ต่อฟันคู่สบจาก veneering<br />
porcelain (Fig 10)<br />
Overglazed สึกมากที่สุด<br />
Overglazed แล้วขัด<br />
ขัดอย่างเดียว<br />
CONTRAST RATIO:I mm disc<br />
Crytal ZirconiaHT 81.74 79.47 avg. 80.61 Zirkon ZahnA3 lot 1 86.81 85.89 avg. 86.35<br />
Zirkon Zahn NS 79.78 80.93 avg 80.36 Zirkon ZhnA3 lot 2 85.96 87.72 avg. 86.84<br />
Lava Plus NS 77.67 78.15 avg.77.91 Lava Plus A3 84.91 83.24 avg. 84.08<br />
100 represents total opacity 0 represents total translucent<br />
สึกน้อย<br />
สึกน้อยกว่า Overglazed<br />
แล้วขัดเล็กน้อย
Bonding technique<br />
ในการยึดชิ้นงานด้วย resin cement การมี cure ที่สมบูรณ์<br />
ของชั้น bonding ก็เป็นสิ่งสำคัญ บางท่านอาจเลือกใช้ activator,<br />
ฉายแสง bonding ก่อน cement หรือ ฉายแสง bonding พร้อม<br />
กันกับ cement เนื่องจากเกรงว่าความหนาของ bonding จะทำให้<br />
ชิ้นงานไม่ลงที่ แต่ในกรณีหลังสุด bonding ไม่ได้รับการ cure ที่<br />
สมบูรณ์ และทำให้ bond strength ต่ำกว่าการฉายแสง bonding<br />
ก่อน cement (Fig 11) อีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้ และช่วยเพิ่ม<br />
bond strength คือ immediate dentin sealing<br />
Immediate dentin sealing<br />
เทคนิคนี้ ถูกพัฒนาขึ้นโดย Pascal Magne ในปี 2005 โดย<br />
แนะนำให้ seal dentin ก่อนพิมพ์ปากในวันที่มีการกรอแต่งฟัน ซึ่ง<br />
จะใช้เป็น Filled หรือ Unfilled adhesive ก็ได้ วิธีนี้พบว่ามีรายงาน<br />
อาการเสียวหลังทำน้อย และได้ bond strength สูง<br />
Dr. Mclaren ได้เสนอให้ทำ immediate dentin sealing (Fig<br />
12) หลังการพิมพ์ปากแล้ว เพื่อลดปัญหาวัสดุพิมพ์ปากไม่แข็งตัว<br />
ในบริเวณที่สัมผัสกับ ผิว bonding ที่ไม่แข็งตัวเต็มที่เนื่องจากโดน<br />
ออกซิเจน โดยแนะนำให้ใช้ unfilled adhesive ซึ่งมี film thickness<br />
ที่บาง เพื่อป้องกันการใส่ชิ้นงานไม่ลง bond strength ที่ได้ ไม่มี<br />
ความแตกต่างกันไม่ว่าจะ seal dentin ด้วย total etch technique<br />
หรือ self etch technique (Fig 13-14)<br />
Fig 1 : Drawing on the Right Side<br />
of the Brain ; www.drawright.com<br />
Uncut enamel<br />
etching time<br />
การใช้กรดกัดฟันที่ยัง<br />
ไม่ได้กรอแต่งนั้น พบว่า<br />
มี Bond strength ที่ดี<br />
ที่สุดเมื่อ Sandblast หรือ<br />
air-abraded ผิวฟันร่วมกับ<br />
การใช้กรดกัดฟัน 15-60<br />
วินาที ส่วนการขัดฟันด้วย<br />
พัมมิสแลัวจึงใช้กรดกัด<br />
60 วินาทีจะให้ค่า bond<br />
strength ที่รองลงมา<br />
Fig 2 : รูปปั้นจำลองขนาดมินิประมาณ10 มิลลิเมตร ทำจาก dental<br />
porcelain ด้วย layering technique ล้วนๆ<br />
Fig 7 : ภาพแสดงความทึบแสงของ Zirconia ที่แตกต่างกัน เมื่อมีความ<br />
หนาที่แตกต่างกัน<br />
Fig 8 : ภาพแสดง stump shade, โครง Zirconia และ ภาพหลังการรักษา<br />
Fig 9 : ภาพด้านซ้ายเป็นภาพของฟันที่กัดเอาเคลือบฟันออกทั้งหมด ภาพ<br />
ขวาเป็นภาพของเคลือบฟันหลังกัดเนื้อฟันออกทั้งหมด<br />
Fig 13: กราฟแสดง Bond Strength จาก IDS โดยใช้ Self Etch Technique<br />
Fig 14 : กราฟเปรียบเทียบ IDS ด้วย Adhesive 3 ยี่ห้อ: Optibond FL,<br />
All bond 3 และ Scotchbond Universal<br />
Fig 15 : กราฟแสดง Bond Strength ที่ได้รับจากการเตรียมผิวฟันที่แตก<br />
ต่างกัน และใช้ระยะเวลาในกัดด้วยกรดที่แตกต่างกัน<br />
การเตรียมผิวชิ้นงาน Zirconia<br />
แนะนำให้ใช้กรด Hydrofluoric (HF) กัด Glass ceramic โดยใช้<br />
ความเข้มข้นและระยะเวลาตามที่บริษัทกำหนด ควรทากรดให้เลย<br />
margin ออกมาเล็กน้อย (Fig 16) เนื่องจากกรดมักจะดึงตัวออก<br />
จากเซรามิกเล็กน้อยบริเวณขอบ ทำให้บริเวณขอบไม่ได้ถูกกรด<br />
กัด ทั้งนี้ผิวเซรามิกที่ผ่านการ Glaze แล้วจะไม่ถูกกรดกัด จากนั้น<br />
จึงทา Silane และ adhesive<br />
ข้อควรระวังในการใช้งาน Zirconia<br />
ไม่ควรใช้ Phosphoric acid ในการทำความสะอาดผิว Zirconia<br />
เนื่องจาก phosphate group สามารถ bond กับออกซิเจนใน<br />
Zirconia ได้ ซึ่งจะทำให้ bonding site ใน Zirconia ถูกใช้ไปจน<br />
หมดไม่เหลือที่ให้เกิดปฏิกิริยา (Bonding agents สำหรับ Zirconia<br />
ในปัจจุบันจะใช้ phosphate monomer ชนิดพิเศษในการยึดกับ<br />
Zirconia ด้วยวิธีการเดียวกัน)<br />
Fig 3 : ตารางแสดงความแข็งแรงของ Zirconia แต่ละยี่ห้อ<br />
Fig 4 : ภาพ SEM ของ Zirconia 3 ยี่ห้อ<br />
Fig 5 : กราฟแท่งเปรียบเทียบความแข็งแรงของวัสดุในสภาวะต่างๆ<br />
Fig 10: กราฟแสดงอัตราการสึกของเคลือบฟันและวัสดุจากการเสียดสี<br />
Fig 11: กราฟเปรียบเทียบ Bond strength เมื่อฉายแสง Bonding ก่อน<br />
cement และฉาย Bonding พร้อม cement<br />
Fig 16 : ลักษณะการทา HF เมื่อเตรียมผิวเซรามิก<br />
References<br />
1. www.drawright.com<br />
2. McLaren, Edward A., and Phong Tran Cao. “Smile analysis and<br />
esthetic design:“in the zone.” Inside Dentistry 5.7 (2009) : 44-48.<br />
3. Mclaren, Edward A., and Schoenbaum, Todd. “The Bonded<br />
Functional Esthetic Prototype: Part 1”. “Inside Dentistry 9.1<br />
(2013): 70-74.<br />
4. McLaren, Edward A., and Yair Y. Whiteman. “Ceramics :<br />
rationale for material selection.” Compend Contin Educ Dent 31.9<br />
(2010): 666-668.<br />
5. McLaren, Edward A., and Phong Tran Cao. “Ceramics in<br />
dentistry—part I: classes of materials.” Inside dentistry 5.9<br />
(2009): 94-103.<br />
6. Giordano, Russell, and Edward A. McLaren. “Ceramics overview:<br />
classification by microstructure and processing methods.”<br />
Compend Contin Educ Dent 31.9 (2010): 682-684.<br />
7. www.edmclaren.com<br />
8. www.oralfacialarts.com<br />
Fig 6 : กราฟแสดงแรงที่ใช้ในการทำให้ porcelain<br />
หลุดร่อนจากโครงเมื่อลดอุณหภูมิลงในอัตราที่แตกต่างกัน<br />
Fig 12: กราฟเปรียบเทียบ Immediate Dentin Sealing ก่อนพิมพ์ปาก, หลังพิมพ์ปาก, cement ตามปกติ โดยฉายแสง<br />
Primer (All bond 3) ก่อน และ cement ตามปกติโดยไม่ได้มีการฉายแสง Bonding ก่อนโดยใช้ Optibond FL<br />
30 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 31
พิพิธภัณฑ์ร่างกายมนุษย์ คณะทันตแพทยศาสตร์<br />
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดดำาเนินการ<br />
เมื่อวันอังคารที่ 14 สิงหาคม 2555<br />
โดยศาสตราจารย์นายแพทย์ภิรมย์ กมลรัตนกุล<br />
อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย<br />
ได้เป็นประธานในพิธีเปิดตัวพิพิธภัณฑ์<br />
ตั้งอยู่ ณ ห้อง 909-910 ชั้น 9<br />
อาคารทันตแพทยศาสตร์ เฉลิมนวมราช 80<br />
โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดง<br />
กายวิภาคศาสตร์ของร่างกายมนุษย์<br />
แห่งแรกในประเทศไทยและในภูมิภาค<br />
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้<br />
เปิดทำาการ<br />
ทุกวันราชการ<br />
เวลา<br />
8.30 - 16.30 น.<br />
หุ่นร่างกายมนุษย์ที่นำมาจัดแสดงนั้น ได้รับบริจาคจากบริษัท<br />
เมดิคัลดอกเตอร์ซอฟท์เฮ้าส์ จำกัด ผ่านมาทาง ศาสตราจารย์<br />
คัชสุฮิโร เอะโตะ อดีตคณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย<br />
แพทย์และทันตแพทย์แห่งโตเกียว (Tokyo Medical and Dental<br />
University) โดยมีการเซ็นสัญญาบริจาคระหว่าง คุณคัทสุมิ คิตามูระ<br />
ประธานบริษัทเมดิคัลดอกเตอร์ซอฟท์เฮ้าส์ จำกัด กับ ศาสตราจารย์<br />
นายแพทย์ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย<br />
เ ม ื ่ อ วั น ที่ 3 1 ตุ ล า ค ม 2 5 5 4 โ ด ย ห ุ ่ น ช ุ ด น ี ้ ท า ง บ ร ิ ษ ั ท เ<br />
ดอกเตอร์ซอฟท์เฮ้าส์ จำกัด ได้ใช้เพื่อจัดนิทรรศการทั่วประเทศ<br />
ญี่ปุ่นมาเป็นระยะเวลา 8 ปีแล้ว และมีความประสงค์จะบริจาคโดย<br />
ไม่คิดมูลค่าแก่สถาบันทางการศึกษา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์<br />
ต่อไป แต่ผู้รับบริจาคจะต้องดำเนินการเสียค่าขนส่ง ค่าติดตั้ง และ<br />
ดำเนินการทางศุลกากรเอง<br />
หุ่นร่างกายมนุษย์ชุดนี้ ประกอบด้วย ชุดหุ่น<br />
และชิ้นส่วน ต่างๆ รวม 131 ชิ้น ได้แก่<br />
1. หุ่นร่างกายมนุษย์แบบเต็มร่าง จำนวน 13 ชุด<br />
2. ชิ้นส่วนอวัยวะภายใน จำนวน 50 ชิ้น<br />
3. ชิ้นส่วนอวัยวะ จำนวน 27 ชิ้น<br />
4. ชิ้นส่วนกล้ามเนื้อ จำนวน 23 ชิ้น<br />
5. หุ่นร่างกายมนุษย์ตัดแบ่งย่อย จำนวน 6 ชุด<br />
6. ชิ้นหล่อแสดงระบบหลอดเลือด จำนวน 5 ชิ้น<br />
7. หุ่นร่างกายทารกในครรภ์ จำนวน 7 ชุด<br />
เนื่องจากคณะแพทยศาสตร์ขาดแคลนสถานที่และงบประมาณ<br />
ดังนั้น หุ่นชุดนี้จึงถูกนำมาจัดแสดงที่คณะทันตแพทยศาสตร์ ที่<br />
ชั้น 9 อาคารทันตแพทยศาสตร์เฉลิมนวมราช 80 โดยใช้พื้นที่<br />
จัดแสดง รวม 308 ตารางเมตร และใช้งบประมาณปรับปรุงและ<br />
ขนส่งเป็นเงิน 1,239,176 บาท โดยการจัดเตรียมสถานที่สำหรับ<br />
แสดงหุ่นร่างกายมนุษย์นั้น จัดในลักษณะที่เน้นความสว่างเพื่อให้<br />
เห็นส่วนประกอบต่างๆ ชัดเจน โดยไม่เน้นการจัดแสงและเงาเหมือน<br />
ในการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์อื่นๆ<br />
หุ่นร่างกายมนุษย์ และเทคนิค Plastination<br />
พลาสทิเนชัน (Plastination) เป็นเทคนิคที่ใช้เพื่อรักษาสภาพ<br />
ร่างกายหรือชิ้นส่วนอวัยวะให้อยู่ในสภาพที่ปราศจากน้ำหรือ<br />
ของเหลว โดยทำการแทนที่ของเหลวและไขมันในร่างกายทั้งหมด<br />
ด้วยพลาสติกสังเคราะห์ ในกลุ่มของซิลิโคน โพลีเอสเตอร์ หรือ<br />
อีพ็อกซีเรซิน เทคนิคนี้คิดค้น โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันชื่อ<br />
กุนเธอร์ ฟอน ฮาเก้นส์ (Gunther von Hagens) แห่งมหาวิทยาลัย<br />
ไฮเดลเบอร์ก (University of Heidelberg) ในปีค.ศ. 1977 โดยมี<br />
หลักการคร่าวๆ คือ หลังจากการตรึงเนื้อเยื่อด้วยน้ำยาคงสภาพ เช่น<br />
ฟอร์มัลดีไฮด์ (formaldehyde) เพื่อคงสภาพเซลล์แล้ว เนื้อเยื่อจะ<br />
32 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 33
ถูกนำไปแช่ในอะซิโตนที่อุณหภูมิต่ำ เพื่อให้อะซิโตนเข้าไปแทนที่<br />
น้ำและไขมันในเนื้อเยื่อ จากนั้นจึงนำไปแช่ในสารละลายพลาสติก<br />
สังเคราะห์ภายใต้สภาวะสูญญากาศ เพื่อทำให้อะซิโตนที่อยู่ใน<br />
เซลล์ถูกแทนที่ด้วยพลาสติกสังเคราะห์ จากนั้นจึงนำไปบ่มด้วย<br />
แสงอัลตราไวโอเลต หรือความร้อน เพื่อทำให้พลาสติกแข็งตัวและ<br />
คงสภาพ เทคนิคการรักษาเนื้อเยื่อนี้ จะไม่มีกลิ่นเหม็นของน้ำยาคง<br />
สภาพเช่น ฟอร์มาลีน รวมทั้งไม่มีการเน่าสลายของเนื้อเยื่อ ทำให้<br />
สามารถคงสภาพอยู่ได้นาน<br />
นอกจากนี้ การดูแลรักษาเนื้อเยื่อที่ผ่านกระบวนการ<br />
Plastination นั ้น ยังทำได้ง่ายและไม่ยุ่งยาก เพียงเก็บรักษาหุ่น<br />
และชิ้นส่วนของร่างกายไว้ในที่แห้งที่อุณหภูมิห้อง รวมทั้งหลีกเลี่ยง<br />
การถูกแสงแดดและฝุ่นละออง<br />
The Body Worlds<br />
กุนเธอร์ ฟอน ฮาเก้นส์ ได้จดสิทธิบัตรวิธีการทำ plastination ใน<br />
ปี 1979 จากนั้น ได้จัดตั้ง Institute for Plastination ขึ้นที่เมือง<br />
Heidelberg ประเทศเยอรมนีในปีค.ศ. 1993 เพื่อจัดการแสดงหุ่น<br />
ร่างกายทั้งของมนุษย์ และสัตว์ รวมทั้งแสดงชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ<br />
ต่อมาได้จัดตั้ง “The Body Worlds” ซึ่งเป็นชื่อของนิทรรศการ<br />
สัญจร เพื่อจัดแสดงหุ่นและชิ้นส่วนของร่างกายร่วมกับพิพิธภัณฑ์<br />
ต่างๆทั่วโลก โดยเริ่มจัดการแสดงครั้งแรกที ่กรุงโตเกียว ประเทศ<br />
ญี่ปุ่น ในปีค.ศ. 1995 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก จากนั้นจึง<br />
ได้จัดการแสดงนิทรรศการ The Body Worlds อย่างต่อเนื่องในอีก<br />
หลายประเทศ ทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา และในปีค.ศ. 2006<br />
กุนเธอร์ ฟอน ฮาเก้นส์ จึงได้เปิดพิพิธภัณฑ์ Plastinarium ขึ้นที่<br />
เมือง Guben ประเทศเยอรมนี เพื่อจัดการแสดงหุ่นร่างกายมนุษย์<br />
และ ชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ แบบถาวร<br />
ในปัจจุบัน มีห้องปฏิบัติการมากกว่า 400 แห่ง ใน 40 ประเทศ<br />
ที่สามารถรักษาสภาพเนื้อเยื่อด้วยเทคนิค plastination และมี<br />
การจัดตั้ง Institute for Plastination ขึ้นในประเทศคีร์กีซสถาน<br />
(Kyrgyzstan) และประเทศจีน รวมทั้งมีการจัดการแสดงของ<br />
หุ่นร่างกายมนุษย์เป็นการถาวร ณ โรงแรมลักซอร์ (Luxor) เมือง<br />
ลาสเวกัส (Las Vegas) ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย<br />
คุณค่าของหุ่นร่างกายมนุษย์<br />
และปัญหาทางจริยธรรม<br />
การจัดแสดงหุ่นร่างกายมนุษย์นี้ แม้ว่าจะได้รับความสนใจจาก<br />
ประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยตั้งแต่ นิทรรศการ The Body Worlds<br />
ได้เปิดการแสดงมา คาดว่ามีผู้เข้าชมหุ่นร่างกายมนุษย์มากกว่า 30<br />
ล้านครั้งแล้ว ทั้งนี้คุณค่าและคุณประโยชน์ของหุ่นร่างกายมนุษย์<br />
เหล่านี้ เป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนทั้งในสาขาแพทย์ และ<br />
ทันตแพทย์ เนื่องจากนิสิตนักศึกษาสามารถศึกษาอวัยวะต่างๆ<br />
ของร่างกายมนุษย์ในมุมมองสามมิติ นอกเหนือจากการศึกษา<br />
จากตำราแพทย์ นอกจากนั้นยังเป็นประโยชน์กับนิสิตนักศึกษา<br />
ในสาขาอื่นๆ เช่น ศิลปกรรมศาสตร์สาขาทัศนศิลป์ วิทยาศาสตร์<br />
สุขภาพสาขากายภาพบำบัด รวมทั้งประชาชนทั่วไปที่จะได้เข้ามา<br />
เรียนรู้เกี่ยวกับอวัยวะต่างๆของร่างกาย<br />
ปัญหาใหญ่ที่เป็นข้อถกเถียงทั้งในวงวิชาการและสังคมเกี่ยว<br />
กับการจัดแสดงหุ่นร่างกายมนุษย์ คือปัญหาเกี่ยวกับการได้มาของ<br />
ร่างกายและอวัยวะต่างๆ ซึ่งนอกจากประเด็นในเรื่องของความถูก<br />
ต้องในการได้ร่างกายมาแล้ว ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับความถูก<br />
ต้องเหมาะสมในการนำเอาร่างกายของผู้วายชนม์มาจัดแสดงใน<br />
รูปแบบของนิทรรศการด้วย นอกจากนี้ ในเรื่องของการได้มาของ<br />
ร่างกายและอวัยวะนั้น ยังมีรายงานว่า เกี่ยวข้องกับขบวนการค้า<br />
อวัยวะมนุษย์ โดยเฉพาะในประเทศจีนอีกด้วย ซึ่งในประเด็นแรก<br />
นั้น มีเอกสารของ Institute for Plastination ที่เมือง Heidelberg<br />
ที่แสดงถึงการรับบริจาคร่างกายเพื่อนำมาจัดทำหุ่นร่างกายอย่าง<br />
ถูกต้อง รวมทั้งมีรายงานแสดงว่ามีผู้แสดงความจำนงในการบริจาค<br />
จำนวนหลายพันคนในปัจจุบัน<br />
แม้ว่า จะยังมีประเด็นถกเถียงในทางจริยธรรมเกี่ยวกับความ<br />
ถูกต้องเหมาะสม ในการจัดแสดงหุ่นร่างกาย และอวัยวะต่างๆ ซึ่ง<br />
ขึ้นกับมุมมองและความเชื่อของสังคม และวัฒนธรรม อย่างไรก็ดี<br />
การจัดแสดงหุ่น ร่างกายมนุษย์ที่คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ นั้น<br />
มีความประสงค์เพื่อให้นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ได้เข้า<br />
มาศึกษา และทำความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกายและอวัยวะในร่างกาย<br />
ของเรา โดยมิได้มีวัตถุประสงค์ทางด้านธุรกิจ การเข้าชมหุ่นเหล่านี้<br />
ด้วยความเคารพ และเพื่อศึกษาหาความรู้ทางด้านวิชาการ ย่อมจะ<br />
ยังประโยชน์แก่วงการวิชาการ และสังคม สมตามความตั้งใจและ<br />
วัตถุประสงค์ของผู้ที่เป็นเจ้าของร่างกายเหล่านี้<br />
34 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 35
160 ชิ้น แผนกรับข้อมูลทาง e-mail เป็นแผนกที่กำลังโตขึ้นตลอด<br />
เวลาค่ะ เพราะนับวันทันตแพทย์ที่ใช้ dental scanner ก็มีมากขึ้น<br />
เรื่อยๆ ค่ะ เจ้าหน้าที่การตลาดให้ตัวเลขไว้ถึง 7% ของทันตแพทย์<br />
ในอเมริกา เชียวค่ะ<br />
มาดูข้างในแลบกันค่ะ เมื่อรับงานมาหลายพันชิ้น จากรถบรรทุก<br />
ก็จะมีพนักงาน มาแกะ แยกประเภท และจัดเรียงลงในกล่องแลบ<br />
เรื่อง ทญ. สุภาพร สุทธิ์ประเสริฐพร<br />
(Jim Glidewell, CDT) ภาพจาก www.glidewelldental.com<br />
ถ่ายภาพกับป้ายแลป หน้าตึกเลขที่ 2181 (1 ใน 5 ตึกของสาขานี้)<br />
บทความนี้เป็นเรื่องราวที่เขียนขึ้นหลังจากการไปเยี่ยมชมแลปทันตกรรมที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา ซึ่งไม่ได้<br />
แค่ทำาแลปทันตกรรมให้กับทันตแพทย์เท่านั้น ยังผลิตรากเทียม ผลิตวัสดุสำาหรับงานทันตกรรมหลาย<br />
ชนิด เช่น Zirconia (BruxZir), Glass ceramic (Obsidian), Temporary crown &Bridge (Biotemp),<br />
ผลิตเครื่องกลึงบล็อกดังกล่าว และผลิตภัณฑ์อีกมากมายกว่า 600 ชนิด สร้างรายได้ปีละ 300 กว่าล้าน<br />
เหรียญ (เดิมทีแชร์กันอยู่ในกลุ่ม Line และบก. แอบเข้าไปอ่านและขอให้มาแบ่งปันกับทันตแพทย์ใน<br />
Thai dental magazine นี้ค่ะ)<br />
แลบ Glidewell สร้างขึ้นเมื่อปี 1970 นับถึงวันนี้ก็มีอายุกว่า<br />
40 ปีแล้ว โดยคุณ Jim Glidewell ซึ่งเป็นช่างทันตกรรม<br />
แรกๆ เป็นแลบเล็กๆ และค่อยๆ ขยายสาขา จนมีถึง 8 สาขาใน<br />
ปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอีกมาก ด้วยการขยายผลิตภัณฑ์<br />
ต่างๆ โดยเฉพาะรากเทียม<br />
สาขาที่เราไปเยี่ยมเป็นสาขาใหญ่ที่สุด ตั ้งอยู่ที่รัฐ California<br />
ใกล้ John Wayne Airport (domestic airport) ฝั่งตรงข้าม<br />
มหาวิทยาลัย University of California, Irvine (UCI) ห่างจาก<br />
โรงงานผลิตรากเทียมของ Nobel biocare 20 ไมล์ และห่างจาก<br />
Disneyland ประมาณ 16 ไมล์ พูดถึงความใหญ่ของสาขานี้ มีตึก<br />
ทำการ 5 ตึก พื้นที่ใช้สอย 300,000 ตารางฟุต มีพนักงาน 3,200 คน<br />
ห้องแลบทันตกรรม มี 8 ห้องใหญ่ๆ เพื่อรองรับงานประเภท PFMS,<br />
All-Ceramics, BioTemps (temporary crown & bridge), Bite<br />
Splints, Implants, Composites, and Complete Denture<br />
ปริมาณงานที่แลบรับมาทำให้กับทันตแพทย์ในแต่ละวัน คือ<br />
กว่า 6,000 ชิ้น จาก Fedex รับมาวันละหลายคันรถบรรทุกเลยที<br />
เดียว และจาก e-mail (คือข้อมูล abutment ที่ทันตแพทย์ scan<br />
ส่งมาให้ โดยไม่ต้องพิมพ์ปาก และแลบไม่ต้องเทปูน) วันละกว่า<br />
ช่างกำลังแกะ และจัดเรียงงานแลปลงกล่องของแลบ<br />
เพื่อประเมินวางแผนว่าจะต้องผ่านช่างแผนกใดบ้าง (เช่น แผนก<br />
เทปูน แผนกออกแบบครอบฟัน แผนกกลึงครอบฟัน แผนกตรวจ<br />
คุณภาพ) จะมี Barcode เป็นสติกเกอร์เป็นแผงแปะที่ข้างกล่อง<br />
ติดตัวไปเลยค่ะ งานเข้า-ออกจากแผนกไหน ก็ยิง barcode ข้อมูล<br />
ก็จะไปปรากฏโชว์ให้ดูในจอได้ตลอดเวลาค่ะ<br />
ในแต่ละแผนก<br />
จะมีจอมอนิเตอร์<br />
ติดผนังแสดง<br />
performance<br />
ให้ผู้บริหารและ<br />
ช่างทุกคนได้เห็น<br />
แบบ real-time<br />
หากมีข้อสงสัย หรือต้องติดต่อกับทันตแพทย์เจ้าของงาน ก็มี<br />
แผนก call center โดยเฉพาะเลยค่ะ<br />
40 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 41
metal bar ที่กลึงแล้ว<br />
หน้าแผนก call center แสดงป้ายที่เขียนว่าได้โทรศัพท์กว่า<br />
16,800 ครั้ง สำหรับเคสรากเทียม ในปี 2011 และ<br />
technical advisor ใช้เวลาเพียง 7 วินาที ในการติดตามเคส<br />
บรรยากาศในแลบ มีห้องแลปใหญ่ๆ แบบนี้ 8 ห้องค่ะ จะเห็นว่าไม่<br />
เลอะเทอะเลย ทุกโต๊ะมีจอคอมพิวเตอร์ และ barcode scanner<br />
block zirconia ที่กลึงได้<br />
เครื่องกลึง metal bar<br />
มีขนาดใหญ่มาก<br />
ในรูปเป็นด้านหลังเครื่อง<br />
(น้ำทิ้งจากเครื่องมีสีของ<br />
โลหะปนออกมา)<br />
เครื่องกลึง block zirconia<br />
มีเรียงกันหลายตัว ทำงาน<br />
ตลอดเวลา หัวกรอและส่วนประกอบ<br />
จะต้องเปลี่ยนยกเครื่องใหม่ทุก<br />
16 เดือน เนื่องจากใช้งานหนักมาก<br />
และฝุ่นผงจากการกรอเข้าไปติด<br />
ข้างใน ทางแลปเค้ามีช่างที่ทำการ<br />
ประกอบเครื่องและ maintenance<br />
เองค่ะ<br />
ห้อง bake porcelain ก็อยู่ในห้องกระจกปิดมิดชิด<br />
งานเทปูน ที่จะมีฝุ่น น้ำ จะอยู่ในห้องกระจกปิดมิดชิด<br />
แลบนี้เค้าใช้เทคโนโลยี CAD-CAM เยอะค่ะ ถ้าทันตแพทย์<br />
ส่งงานมาเป็นรอยพิมพ์ (impression) แลบก็จะเทปูน และนำมา<br />
สแกนเป็นข้อมูลดิจิทัล แต่ถ้าทันตแพทย์ส่งงานมาเป็นไฟล์ข้อมูลที่<br />
สแกนมาแล้ว (ทางอีเมล) ช่างแลบที่เรียกว่า designer ก็สามารถ<br />
ออกแบบงานในคอมพิวเตอร์ได้เลย (ค่าแลบจะถูกกว่า 20 เหรียญ)<br />
เมื่อออกแบบชิ้นงานในคอมพิวเตอร์เสร็จแล้ว ก็จะส่งข้อมูลให้<br />
เครื่องจักรกลึงชิ้นงานออกมา วัสดุที่กลึงได้ ก็มีหลากหลาย ตั้งแต่<br />
วัสดุกึ่งคอมโพสิท, zirconia, metal (abutment, crown, bridge<br />
หรือ bar) เป็นต้นค่ะ ตัวอย่างราคาค่าแลบ เช่น ครอบฟัน zirconia<br />
1 ชิ้น (ยี่ห้อ BruxZir ที่แลบผลิตเอง), Empress Emax Crown,<br />
Porcelain veneer ราคาเท่ากันคือ unit ละ 99 USD ถ้าส่งมาเป็น<br />
ไฟล์ดิจิทัล ราคา 79 USD ค่ะ (Lava crown ของ 3M แพงกว่าใคร<br />
ราคา unit ละ 192 USD)<br />
designer กำลังสแกนงาน working เพื่อออกแบบ abutment หรือ ครอบฟัน<br />
มีเครื่องพิมพ์พร้อม<br />
แท่งโลหะ สำหรับทำ custom abutment<br />
ก่อนกลึง (ซ้าย) และหลังกลึง (ขวา)<br />
แผง แท่งโลหะสำหรับทำ<br />
custom abutment หน้าห้องกลึง<br />
นอกจากจะใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการกลึงชิ้นงานแล้ว ยังมี<br />
3D printer ที่สามารถพิมพ์ die, model, surgical template หรือ<br />
แม้กระทั่งขากรรไกรจำลอง (ที่เราไว้ใช้สาธิตให้คนไข้ดู หรือไว้ทำ<br />
hand-on การฝังรากเทียม) อีกด้วยค่ะ<br />
ขากรรไกรจำลอง<br />
(กลาง), Surgical<br />
template (ซ้าย),<br />
individual tray (ขวา)<br />
ที่ใช้ในการทำ hand<br />
on เป็นผลิตผลจาก<br />
เครื่อง 3D printer ค่ะ<br />
ด้านหน้าเครื่องกลึง<br />
metal bar มีปุ่มมากมาย<br />
ใช่ค่ะ มีการทำ hand-on รากเทียมระบบของแลบ Glidewell<br />
(Inclusiv) เค้ามีศูนย์ CE พร้อมสำหรับการเรียนการสอนทันตแพทย์<br />
เรียกว่า technology center ประกอบด้วย classroom auditorium<br />
มีจอ ทีวีข้างห้อง 2 จอ และบนโต๊ะของผู้เรียนด้วยค่ะ กระจกบาน<br />
ใหญ่หน้าห้องถ้าปรับให้ใส (กดปุ่มให้ขุ่นได้เป็นจอฉายภาพ และ<br />
กดปุ่มให้ใสได้ กลายเป็นกระจกใสกั้นห้องธรรมดา) จะมองเห็นห้อง<br />
ถัดไป เป็น operatory หรือห้องทำฟัน ที่ใช้สำหรับทำ live surgery<br />
ให้ทันตแพทย์ในห้องเรียนดู (จะดูโดยตรง หรือผ่านจอก็ได้) ห้องนี้<br />
ยังใช้ถ่ายทำการผ่าตัด (อัดวิดีโอ, ถ่ายภาพ) สำหรับทำสื่อโฆษณา<br />
ประชาสัมพันธ์ของแลปด้วย<br />
42 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 43
ภาพถ่าย classroom auditorium (แลปให้ภาพนี้มาค่ะ) ถ่ายจาก<br />
ด้านนอกซึ่งเป็น Lounge มีโซฟา จอ และมุมอาหาร เครื่องดื่ม<br />
เครื่องทำกาแฟ และบริเวณสำหรับทานอาหาร ห้องเรียน มีอุปกรณ์<br />
พร้อม มองทะลุผ่านกระจกใสหน้าห้องเรียน จะเห็น operatory room<br />
ซึ่งมักใช้ถ่ายทอดการผ่าตัด live surgery<br />
จบแล้ว ได้ model กลับไปแสดงให้<br />
คนไข้ดูค่ะ<br />
ถ่ายรูปกับ Dr. Michael<br />
McCracken ผู้สอน<br />
ก่อนปฏิบัติงาน ทันตแพทย์ discuss กับช่าง<br />
แลบและทีมช่าง (เสื้อขาว) ผู้ทำ surgical<br />
template โดยมีทันตแพทย์ (เสื้อดำ)<br />
และพวกเรา คอยสังเกตการณ์<br />
ชุดเครื่องมือ ในวันที่ผ่าตัด<br />
ฝังรากเทียม 5 ซี่ โดยใช้<br />
surgical template<br />
plan ห้องต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกในการทำฟัน และถ่ายทอด,<br />
ถ่ายภาพ และวิดีโอ<br />
คอร์สที่เราได้เข้าร่วม เป็นหลักสูตร 2 วัน ประกอบด้วยการฟัง<br />
lecture, ดู live surgery และทำ hand-on work shop เรามีรูปมา<br />
ฝากค่ะ<br />
clinical tip จาก Dr.McCracken ใช้ clear acrylic ทำเป็นimpression<br />
tray ในการพิมพ์ปาก pick up ตัว locator housing เพื่อให้เห็นชัดว่ากด<br />
tissue มากไปหรือไม่ ตำแหน่งใด ชน housing หรือเปล่า<br />
อุปกรณ์กล่องที่ 1 และรายการอุปกรณ์สำหรับ work shop<br />
อุปกรณ์กล่องที่ 2 และรายการอุปกรณ์สำหรับ work shop<br />
ขณะทำwork shop เมื่อเสร็จ work shop<br />
โต๊ะก็กลายเป็นแบบนี้ค่ะ<br />
เราได้มีโอกาสเข้าสังเกตการณ์ ใน operatory ของเค้าอย่างใกล้<br />
ชิดด้วยค่ะ ห้องนี้ นอกจากใช้ถ่ายทอด live surgery ให้ทันตแพทย์<br />
ที่มาเรียนแล้ว ก็ยังใช้รักษาคนไข้จริงๆ ด้วยค่ะ คนไข้ที่นี่ ก็คือพนักงาน<br />
ของบริษัทที่นี่เองค่ะ มีสิทธิในการรับบริการทันตกรรมฟรี รวมทั้งราก<br />
เทียม และฟันเทียมด้วยค่ะ (คลินิกพนักงาน ยังมีอีกแห่งให้บริการ<br />
รักษาทั้งโรคทันตกรรมและโรคทั่วไปค่ะ) อย่างไรก็ดี ความฟรี ก็ต้อง<br />
แลกมาด้วยการถูกถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ และการถูกสังเกตการณ์โดย<br />
ทันตแพทย์ที่มาเรียน หรือแม้แต่ technician ฝึกงานค่ะ<br />
ข้างใน operatory room<br />
(หลังกระจกหน้าห้องเรียน)<br />
ทีมช่างถ่ายภาพ และวิดีโอ<br />
ที่ทำให้เราเห็นจากจอติดผนัง<br />
(สำหรับ web version มีวิดิโอ 40 แสดงการทำงานของช่าง<br />
ภาพ ช่างถ่ายวิดีโอ ขณะที่หมอกำลังทำงาน)<br />
ถาดเครื่องมือ ที่มี surgical<br />
template ใช้ 2 ชุด เพื่อการวิจัยด้วย<br />
(ไปอ่านงานวิจัยของ Dr. Abai<br />
ท่านนี้มาแล้ว เรื่องความคลาดเคลื่อน<br />
ของการใช้ template เค้าพบว่าคลาด<br />
เคลื่อนประมาณ 0.4 mm ค่ะ)<br />
โต๊ะวางอุปกรณ์ข้างห้อง ด้านซ้าย<br />
เป็นพื้นที่ของผู้ช่วยทันตแพทย์ มุม<br />
บนขวาเป็นจอแสดง CT scan ของ<br />
ผู้ป่วย สามารถหมุนดูกายวิภาคได้<br />
ตลอดเวลา<br />
ซูมไปที่จอ CT scan<br />
ซูมไปที่รากเทียมที่ใช้วันนั้นค่ะ เป็น<br />
brand ที่แลบผลิตเอง (Inclusive)<br />
วัสดุอุปกรณ์ บุคลากร และสถานที่สำหรับทำฟันเค้าพร้อม<br />
มากค่ะ ถ้าให้ห้องทำฟันอยู่ตรงกลาง มุมทั้ง 4 ของห้องทำฟัน มี<br />
ประตูสำหรับเชื่อมห้องเล็กๆ อีก 4 ห้องทำงาน คือห้อง 1 media<br />
สำหรับช่างภาพตรวจดูภาพถ่าย และวิดีโอ 2 ห้อง supply สำหรับ<br />
เก็บอุปกรณ์ วัสดุ และล้าง sterile 3 ห้อง x-ray เป็น CT scan และ<br />
4 ห้องแลป เผื่อกรอแต่งฟันเทียมค่ะ เดี๋ยวดูในรูปวาดประกอบ<br />
ได้ค่ะ<br />
Dr. Abai กำลังกรอแต่งฟันปลอม ใน<br />
ห้องแลบ ซึ่งมีอุปกรณ์พร้อม<br />
เป็นการ chairside adjustment ที่<br />
ห่างเก้าอี้ทำฟันสัก 6-7 ก้าว<br />
ภาพการทำงาน ของหมอ และผู้<br />
ช่วย ฝาตู้ด้านหลัง เป็นภาพแสดง<br />
Treatment plan ของเคส จาก CT<br />
scan ที่ print มาแปะ<br />
(สำหรับ web version มีวิดิโอ 51 แสดงการทำงานของ Dr.Abai<br />
และผู้ช่วย ขณะใส่รากเทียม โดยใช้surgical template)<br />
(สำหรับ web version มีวิดิโอ 52 แสดงการสแกน abutment<br />
หรือที่เรียกว่า digital impression ในคลินิก)<br />
ท้ายนี้ ผู้เขียนก็หวังว่าบทความนี้ จะเป็นประโยชน์ให้ผู้อ่าน<br />
ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย อาจจะเป็นเรื่องการบริหารแลบทันตกรรม<br />
ที่ใหญ่โตทันสมัย เรื่องคลินิกและงานทันตกรรม ซึ่งเราเห็นว่าวัสดุ<br />
อุปกรณ์พร้อมมาก ทำงานเป็นทีม โดยเฉพาะช่างแลบมาดูงานด้วย<br />
ตัวเอง ก่อนคุณหมอจะใช้ชิ้นงานตลอด มีช่างภาพ ช่างวิดีโอ ห้อง<br />
แลบ ห้องตัดต่อ ห้อง x-ray ห้องจ่ายกลาง ที่ออกแบบมาได้อย่าง<br />
ลงตัว และท้ายสุดศูนย์การศึกษาต่อเนื่อง Glidewell International<br />
Technology Center ที่มีความพร้อมมาก ในเรื่องสถานที่ อุปกรณ์<br />
การสอน การถ่ายทอดการผ่าตัดสด พร้อมจริงๆ (สามารถหาข้อมูล<br />
เพิ่มเติมเกี่ยวกับศูนย์การศึกษาต่อเนื่อง และหลักสูตรสั้นๆ ได้ที่<br />
www.glidewellce.com)<br />
ขอขอบคุณบริษัท Integnty Dental Solution ประเทศไทย & USA<br />
ที่ให้การสนับสนุนการเดินทาง<br />
ขอขอบคุณแลบ Glidewell คุณ Tim Torbenson<br />
ผู้ประสานงาน และดูแลพวกเราค่ะ<br />
44 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 45
เรื่อง สาระเทศ<br />
ความนำา<br />
จากการที่ ท่าน บก. Thai Dental Magazine<br />
มีความเห็นว่าไหนๆประเทศไทยก็กำาลังจะเข้าสู่<br />
AEC ในอีกไม่ถึง 2 ปีนี้ จึงอยากให้มีบทความ<br />
ที่เกี่ยวกับประเทศในอาเซียน เพื่อให้สมาชิกได้รู้จัก<br />
ระบบบริการของเขา ซึ่งนอกจากจะได้เข้าใจเพื่อน<br />
บ้านเราแล้ว ยังอาจได้เรียนรู้จากประสบการณ์ดีๆ<br />
ของเขานำามาใช้ให้เกิดประโยชน์ในประเทศของเรา<br />
ได้บ้าง ผู้เขียนจึงรับอาสาเข้ามาเขียนบทความนี้<br />
เสนอต่อสมาชิก ข้อมูลที่นำามาเสนอได้จาก<br />
ผู้รับผิดชอบงานทันตสาธารณสุขของแต่ละประเทศ<br />
โดยตรง และผู้เขียนหาข้อมูลเพิ่มเติม<br />
บางส่วนจาก เว็บไซต์ หรือ จากเอกสาร<br />
บรูไนดารุสซาลาม เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว อยู่ใน<br />
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชายฝั่งทางด้านเหนือจรดทะเลจีนใต้<br />
พรมแดนทางบกที่เหลือจากนั้นถูกล้อมรอบด้วยรัฐซาราวักของ<br />
มาเลเซีย บรูไนเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเป็นสินค้าหลัก เมือง<br />
หลวงของประเทศคือ บันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไนเป็นประเทศเล็กๆ<br />
ในปี 2555 มีประชากรเพียง 412,238 คน มีพื้นที่ 5,765 ตาราง<br />
กิโลเมตร (มีพื้นที่และจำนวนประชากรประมาณจังหวัดลำพูน) มี<br />
ผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัวประชากร (GDP per capita) มากกว่า<br />
ของประเทศไทยถึงเกือบ 7 เท่า<br />
ทันตแพทย์ที่เป็นผู้ให้ข้อมูลกับเรา คือคุณหมอ Sylviana Haji<br />
Moris เธอเป็นหัวหน้ากองบริการทันตสุขภาพปฐมภูมิ จากกรมทันต<br />
สุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขบรูไน เธอเริ่มต้นด้วยการเล่าถึง วิสัย<br />
ทัศน์กระทรวงสาธารณสุขบรูไนของเธอที่ว่าไว้สั้นๆ แต่ได้ความ<br />
หมายลึกซึ้งกว้างไกล ว่า “Together towards a Healthy Nation”<br />
กรมทันตสุขภาพจะบรรลุถึงวิสัยทัศน์ของกระทรวงของเขาด้วย<br />
ภารกิจในให้การดูแลทันตสุขภาพแก่ประชาชนของเขา ด้วยระบบ<br />
ที่มีประสิทธิผล เท่าเทียม เข้าถึง ปลอดภัย และยั่งยืนในราคาที่ทุก<br />
คนสามารถจ่ายได้<br />
ประเทศบรูไนไม่มีโรงเรียนทันตแพทย์ ปัจจุบันทั้งประเทศมี<br />
ทันตแพทย์อยู่ 81 คน เป็นคนบรูไน 52 คน ที่เหลือเป็นชาวต่างชาติ<br />
เช่นคนอินเดีย มาเลเซีย และออสเตรเลีย เป็นต้น ในแต่ละปีจะมี<br />
นักเรียนบรูไนที่สอบชิงทุนเพื่อไปศึกษาต่อในสาขาทันตแพทยศาสตร์<br />
ในต่างประเทศ ปีละไม่เกิน 4 คน บรูไนนิยมส่งนักเรียนทุนไปศึกษา<br />
ต่อที่ อังกฤษ ออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ บัณฑิตที่เรียนจบกลับมา<br />
หรือชาวต่างชาติที่จะมาทำงานในบรูไนจะต้องผ่านการสอบสัมภาษณ์<br />
และการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างถี่ถ้วน จากคณะกรรมการของ<br />
วิชาชีพก่อนที่จะได้รับใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพทันตกรรมใน<br />
บรูไนได้ บรูไนกำลังวางแผนเปิดการเรียนการสอนทันตาภิบาล<br />
เองเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนทันตแพทย์ โดยอนุญาตให้ทันตา<br />
ภิบาลสามารถให้การรักษาและให้ทันตสุขศึกษาได้ ปัจจุบันบรูไน<br />
46 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 47
มีทันตาภิบาลอยู่ 104 คน มีผู้ช่วยทันตแพทย์ 88 คน และช่างทันต<br />
กรรม 37 คน ทันตแพทย์บรูไนเพียงร้อยละ 12 เท่านั้นที่ทำงานใน<br />
ภาคเอกชน นอกนั้นจะทำงานในภาคราชการและมีทันตแพทย์ถึง<br />
ร้อยละ 73 ที่ทำงานอยู่ในกระทรวงสาธารณสุข Dr. Sylviana บอก<br />
ว่าแม้แต่เศรษฐีบรูไนก็ยังมารับบริการจากกระทรวงสาธารณสุข<br />
ข้อนี้เป็นข้อยืนยันถึงบริการที่ได้คุณภาพ และมีมาตรฐานของภาค<br />
ราชการ<br />
คลินิกทันตกรรมของบรูไนตั้งอยู่หนาแน่นในเขตเมือง มีคลินิก<br />
ทันตกรรมในชนบทบ้างแต่ไม่มากนัก ด้วยการคมนาคมจากพื้นที่<br />
ชนบทเข้าเมืองที่ไกลที่สุดใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมง การออกหน่วยทำฟัน<br />
เคยมีการดำเนินการทางเฮลิคอปเตอร์แต่เลิกไปเพราะคนใช้บริการ<br />
น้อย จากสถิติพบว่าชาวบรูไนในทุกกลุ่มอายุมาใช้บริการทันตกรรม<br />
ประมาณร้อยละ 15 ต่อปี (มากกว่าประเทศไทยประมาณ 2 เท่า)<br />
กรมทันตสุภาพของบรูไนตั้งขึ้นปีเมื่อปี 2549 และเริ่มดำเนิน<br />
งานส่งเสริมป้องกันทันตสุขภาพในปีนั้น ทั้งในกลุ่มวัยเรียน วัยก่อน<br />
เ ร ี ย น ม า ต ร ก า ร ป ้ อ ง กั น ฟ ั น ผ ุ ท ี ่ เ ป ็ น ม า ต ร ก า ร ห ล ั ก ไ ด ้ แ ก ่ ก า ร เ ติ ม<br />
ฟลูออไรด์ลงในน้ำดื่มซึ่งเริ่มเติมตั้งแต่ปี 2539 และสามารถครอบคลุม<br />
ประชากรได้ถึงร้อยละ 98 ในปี 2551 โปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพ<br />
ในกลุ่มเด็กวัยก่อนเรียนของบรูไนคล้ายกับของไทย กล่าวคือมีการ<br />
ตรวจฟันในคลินิกฝากครรภ์และคลินิกเด็กดี เด็กอายุ 9 เดือนจะได้<br />
รับแจกแปรงอันแรก และถ้วยดื่มนม เพื่อลดการดูดนมจากขวด<br />
จากนั้นจะมีนัดครั้งต่อไปในอีก 6 เดือนซึ่งจะมีการแจกแปรงและ<br />
ยาสีฟันอันใหม่ให้ทุกครั้งที่มาตรวจฟัน มีการทาฟลูออไรด์วานิชปี<br />
ละสองครั้งให้เด็กอายุ 2 ขวบถึง 5 ขวบ โปรแกรมส่งเสริมสุขภาพ<br />
ในโรงเรียนเน้นการแปรงฟันทุกวันโดยใช้ยาสีฟัน Polypaste ที่ผลิต<br />
จากประเทศฟิลิปปินส์ ที่มีฟลูออไรด์ 1,450 ppm นอกจากนี้ยังมี<br />
การตั้งคลินิกทันตกรรมในโรงเรียนเพื่อให้บริการแก่นักเรียนโดย<br />
ทันตาภิบาล และมีระบบส่งต่อในรายที่เกินขอบเขตความสามารถ<br />
ของทันตาภิบาลมายังทันตแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้วย การดำเนิน<br />
งานในโรงเรียนทำโดยมีการประสานกับกระทรวงศึกษาธิการอย่าง<br />
ใกล้ชิด<br />
การให้ความรู้ดำเนินการผ่านสื่อสาธารณะได้แก่ โทรทัศน์ วิทยุ<br />
ซีดี กรมทันตสุขภาพจะดำเนินการร่วมกับสำนักเทคโนโลยี มีการ<br />
จัดประกวดร้องเพลงส่งเสริมสุขภาพช่องปากไปเมื่อปี 2554<br />
สถานะสุขภาพช่องปากของคนบรูไนเริ่มดีขึ้น ตั้งแต่มีการตั้ง<br />
กรมทันตสุขภาพ โดยอัตราการเกิดฟันผุของเด็กอายุ 12 ปีลดลง<br />
เล็กน้อย แต่ อัตราฟันผุ อุด ถอนในเด็กก่อนวัยเรียนวัดที่ อายุ 5<br />
ขวบยังคงเพิ่มขึ้น (มีกราฟ ฟันผุอายุ 12 และ 5 ปี )<br />
การบริการทันตกรรมภาครัฐของบรูไนจะเปิดบริการในเวลา<br />
7.45 - 10.00 น.ในตอนเช้า และ 13.30-15.00 น. ในตอนบ่าย<br />
คนไข้ฉุกเฉินจะไปรับบริการที่ห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาล และมี<br />
ทันตแพทย์รับผิดชอบที่สามารถเรียกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าผู้ป่วย<br />
มีความต้องการจัดฟัน ต้องรอคิวประมาณ 4 ปี คิวรักษารากฟัน 4<br />
เดือน คิวทันตกรรมประดิษฐ์ 6 เดือน คิวศัลยศาสตร์ 3 สัปดาห์ และ<br />
ปริทันต์อยู่ที่ 3 เดือน ส่วนทันตกรรมสำหรับเด็ก สามารถรับบริการ<br />
ได้เลย นอกจากนี้ระบบบริการทันตกรรมของบรูไนยังให้การบริการ<br />
พิเศษแก่เด็กพิการอีกด้วย ระบบข้อมูลทันตกรรมของบรูไน เริ่มปรับ<br />
มาตรฐานในปี 2554 และคาดว่าจะใช้ระบบเดียวกันทั้งประเทศได้<br />
ในปี 2557<br />
ถ้าจะถามว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้คุณภาพของบริการทันตกรรม<br />
ภาครัฐของบรูไนได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน ก็อาจเป็นเพราะ<br />
บรูไนมีหน่วยงานที่รับผิดชอบในการตรวจสอบบริการ มีการวาง<br />
ระบบตรวจสอบคุณภาพบริการ ซึ่งเริ่มดำเนินการในปี 2554 มี<br />
วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพทันตบุคลากร และเสริมสร้างระบบ<br />
การเรียนรู้โดยมีการทบทวนคุณภาพบริการอย่างเป็นระบบ ข้อมูล<br />
ในการพัฒนาคุณภาพนำมาจากหลักฐานเชิงประจักษ์ที่สัมพันธ์กับ<br />
สภาพของท้องถิ่น นอกจากนี้เขายังมีการประเมินความพึงพอใจ<br />
ของผู้รับบริการเป็นประจำบรูไนมีระบบการพัฒนาคุณภาพวิชาชีพ<br />
(Continuing Professional Development- CPD) ทันตแพทย์บรูไน<br />
ทุกคนต้องเก็บคะแนน CPD และต้องได้คะแนน CPD อย่างน้อยปี<br />
ละ 30 คะแนน (เข้าฟังวิชาการ 1 ครั้งได้ 1 คะแนน) และคะแนน<br />
จะสามารถเก็บได้จากการทำกิจกรรมพัฒนาวิชาการ ทันตแพทย์<br />
ทุกคนต้องให้การรักษาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วันเพื่อรักษาสถานะ<br />
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม<br />
ในเรื่องกำลังคนทางทันตสาธารณสุข บรูไนมองว่าการผลิต<br />
ทันตแพทย์มีราคาแพง และหาคนเข้ามาทำงาน และทำให้คงอยู่<br />
ในระบบได้ยาก เขาเห็นว่าการผลิตบุคลากรที่มีความสามารถครบ<br />
ได้แก่ เป็นทั้ง Dental hygienist และ Dental therapist ในคน<br />
เดียวกัน จะมีความคุ้มค่ากว่า ทั้งนี้เพื่อให้บริการปฐมภูมิ บริการใน<br />
เด็ก และ การให้ทันตสุขศึกษา นอกจากนี้เขายังเน้นเรื่องการอบรม<br />
เพิ่มพูนความรู้อย่างเป็นระบบ และต่อเนื่องแก่บุคลากรเหล่านี้ เพื่อ<br />
คงไว้ซึ่งมาตรฐานของการให้บริการอีกด้วย<br />
การให้บริการทันตกรรมนอกจากบุคลากรที่มีคุณภาพแล้ว ยัง<br />
ต้องอาศัยเครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในสภาพที่พร้อมให้บริการ<br />
อยู่เสมอ ประเทศบรูไนมีหน่วยงานวิศวกรโดยเฉพาะที่ให้การดูแล<br />
เครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆเพื่อให้พร้อมใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ<br />
อยู่เสมอ หน่วยงานนี้จะให้การดูแลยูนิตทำฟันทุกตัวให้ทำงานได้<br />
อย่างมีประสิทธิภาพ คอยเปลี่ยนครุภัณฑ์ เครื่องมือ เมื่อหมดอายุ<br />
หรือล้าสมัย มีคณะกรรมการที่มีหน้าที่กำหนด ตรวจสอบเครื่องมือ<br />
เครื่องใช้ทุกชิ้นให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ<br />
ส่วนด้านความปลอดภัย และสุขภาพของผู้ให้บริการก็มีการ<br />
ดูแลอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการควบคุมการติดเชื้อใน<br />
คลินิก การกำจัดขยะ การป้องกันรังสี ตลอดไปจนถึงการจัดสภาพ<br />
แวดล้อมในคลินิกให้เอื้อต่อการทำงาน และส่งเสริมสุขภาพของ<br />
ผู้ทำงานบรูไนมีมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด มีการพิมพ์ออก<br />
มาเป็นคู่มือ และคู่มือนี้ต้องมีการปรับปรุงทุก 2 ปีเพื่อให้ทันสมัย<br />
อยู่เสมอ และแน่นอนต้องมีการตรวจประเมินเพื่อให้มีการดำเนิน<br />
การตามมาตรฐานเหล่านี้อย่างเคร่งครัดด้วย<br />
เห็นการบริการที่คำนึงถึงคุณภาพในทุกๆ ด้านเช่นนี้พวกเราคง<br />
ต้องคิดถึงราคาค่าบริการกันแล้ว เมื่อดูในค่าบริการแล้ว จะเห็นว่าถ้า<br />
คุณเป็นประชากรชาวบรูไนแล้วละก็ คุณจะเสียค่าลงทะเบียนเพียง<br />
1 ดอลลาร์ เท่านั้น (1 ดอลลาร์บรูไน มีค่าประมาณ 25 บาท) หรือ<br />
ถ้าคุณเป็นข้าราชการบรูไนคุณต้องเสียค่าลงทะเบียน 3 ดอลลาร์<br />
แล้วจะได้รับบริการทุกอย่างฟรี แต่ถ้าคุณไม่ใช่ชาวบรูไนแล้วละ<br />
ก็ คุณจะต้องเสียค่าลงทะเบียน 5 ดอลลาร์ (ค่าลงทะเบียนนี้น่าจะ<br />
เทียบได้กับที่บ้านเราเคยต้องจ่าย 30 บาท) และคุณจะต้องจ่ายค่า<br />
บริการในอัตราพอสมควรที่เดียว เช่น ถ้าคุณถอนฟันคุด คุณจะต้อง<br />
จ่าย ถึง 50 ดอลลาร์ ขณะที่คนบรูไน และข้าราชการบรูไนจะได้รับ<br />
บริการนี้ฟรี<br />
แม้บรูไนจะมีการดำเนินการในมิติของคุณภาพครบถ้วนทุก<br />
ด้านเช่นนี้ แต่เขาก็ยังคิดว่าเขามีด้านที่ยังท้าทายให้ปรับปรุง<br />
อยู่อีกหลายประการด้วยกันอันได้แก่ เรื่องความขาดแคลนทันต<br />
บุคลากร ทันตแพทย์บรูไนต้องทำงานในหลายหน้าที่ การหา<br />
กำลังคนใหม่ๆ และการคงกำลังคนเก่าให้อยู่ในระบบยังเป็น<br />
ปัญหา การมีสถานที่จำกัด ทำให้การขยายบริการออกไปทำได้<br />
ยาก การที่ประชาชนมีความต้องการบริการอย่างมาก และการ<br />
จัดหาวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ทางทันตกรรมที่ต้องสั่ง<br />
จากต่างประเทศ นอกจากนี้เขายังเห็นว่างานด้านการป้องกัน<br />
ของเขายังไม่เพียงพอ เหล่านี้ล้วนเป็นความท้าทายของงาน<br />
ทันตสาธารณสุขของบรูไนทั้งสิ้น<br />
48 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 49
สมดุล คุณค่า ชีวิต<br />
ถ้ามีโอกาสได้หยุดงานยาวถึง 12 วัน<br />
การเที่ยวเมืองนอก เคยเป็นทางเลือกหนึ่ง<br />
ที่ผมใช้ไปชาร์จแบตให้ชีวิต<br />
แต่มักกลายเป็นว่า กลับจากท่องเที่ยว เหมือนแบตแทบหมด<br />
จากร่าง จากการพิชิตภารกิจ ชิม ช็อป ชม จนต้องวิ่งหาพาวเวอร์<br />
แบงก์มาสำรองพลัง<br />
การเดินทางครั้งล่าสุด มีเหตุปัจจัยหลายอย่างที่ลงตัวทั้งกาย<br />
และใจ เหมือนเวลาที่ ‘มะม่วงสุก’ พอดี<br />
ผมไม่ได้ไป ‘เที่ยวเมืองนอก’ แต่ไป ‘ท่องเมืองใน’<br />
‘เมือง’ ที่สร้างขึ้นจากอณูของเซลล์นับล้าน ‘ใน’ ร่างกายของ<br />
ตนเอง และใช้วีซ่าผ่านทางชื่อ... วิปัสสนา<br />
..........<br />
เรื่อง ทพ.สมดุลย์ หมั่นเพียรการ www.dhamrongdul.wordpress.com<br />
การท่องเมืองใน ณ ศูนย์ปฏิบัติวิปัสสนา ธรรมกาญจนา<br />
จ.กาญจนบุรี ตามแนวทางของท่านอาจารย์โกเอ็นก้า เริ่มต้นจาก<br />
ความเงียบ<br />
Please keep ‘Noble silence’ strictly at all time<br />
เราต้องรักษาความเงียบอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่เย็นวันแรก จนถึง<br />
เช้าวันที่ 10 ก่อนเดินทางกลับหนึ่งวัน<br />
ปิดการติดต่อกับทุกคน ทั้งการพูด การเขียน ภาษากาย แม้แต่<br />
โต๊ะกินข้าวที่หันหน้าเข้าหาผนัง และมีเส้นแบ่งพื้นที่เฉพาะคน<br />
การปิดการสื่อสาร หรือลด contact กับภายนอก ช่วยเปิดการ<br />
รับรู้ภายในจิตใจให้ชัดเจนขึ้น คล้ายกับการลด contact surface<br />
ในการเตรียมคลองรากส่วนต้น ที่ช่วยเพิ่ม tactile sense เมื่อเรา<br />
เดินทางลึกลงไปถึงปลายรากฟัน<br />
..........<br />
‘ตั๋ว’ ท่องเมืองใน มีชื่อว่า ‘ปัญญา’ ซึ่งไม่มีวางขาย แต่ต้อง ‘ทำ’<br />
เพื่อให้ได้มาด้วยตัวเอง<br />
จะได้ ปัญญา ต้องอาศัยการทำ ‘วิปัสสนา’<br />
ท่านอาจารย์โกเอ็นก้า ให้ความหมายของวิปัสสนา ไว้อย่าง<br />
เรียบง่ายว่า ‘to see things as they are’ คือ เห็นว่าเป็นเช่นนั้น<br />
เอง โดยเคลื่อนความสนใจไปรับรู้ความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นทีละ<br />
ส่วนๆ ตลอดทั้งร่างกาย ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่เป็นกลาง ไม่<br />
ปรุงแต่ง ตอบโต้<br />
ทำเช่นนี้ทุกวัน ตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง ถึง สามทุ่ม วันละประมาณ 12<br />
ชั่วโมง โดยไม่มีกิจกรรม หรือออพชันอื่นเสริม<br />
..........<br />
ตลอด 120 ชั่วโมง ที่นั่งปฏิบัติวิปัสสนา<br />
ผมรับรู้แต่เพียงว่า ขณะกำลังสนใจความรู้สึกที่ร่างกายส่วน<br />
หนึ่ง มักมีความรู้สึกที่ตำแหน่งอื่นเกิดขึ้นมาด้วย แต่เมื่อเราเคลื่อน<br />
ความสนใจไปที่ตรงนั้น ความรู้สึกนั้นกลับเปลี่ยนแปลงไปแล้ว หรือ<br />
แม้แต่เคลื่อนความสนใจกลับมายังจุดเดิม ความรู้สึกเดิมก็ไม่คงอยู่<br />
อีกต่อไป<br />
ไม่มี ปาฏิหาริย์ หรืออะไรพิเศษไปกว่านั้นเลย<br />
เกิดขึ้น..แล้วก็ดับไป เกิดขึ้น..แล้วก็ดับไป<br />
ผมคงไม่สามารถนำผลจากการรับรู้ใดๆนั้นมาเล่าสู่กันฟังได้<br />
ทั้งหมด เพราะสิ่งเหล่านั้นล้วน เกิดขึ้น และ ดับไป แล้วเช่นกัน<br />
ทุกสิ่งเป็นเช่นนั้นเอง<br />
... เกิดขึ้น แล้วก็ดับไป<br />
... อนิจจัง อนิจจัง อนิจจัง<br />
..........<br />
จนวันที่ 10 (Day 10) ของการปฏิบัติ เราเรียนรู้การทำเมตตา<br />
ภาวนา เผื่อแผ่ความรักความปรารถนาดีไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย<br />
ในคำแผ่เมตตา จะขึ้นต้นประโยคว่า ขอให้ข้าพเจ้าจง... ขอให้<br />
สรรพสัตว์ทั้งหลายจง...<br />
ขอ.. ขอ.. แล้วก็ ขอ จนผมเกิดความคลางแคลงใจว่า ในเมื่อ<br />
ตลอดมาท่านสอนอยู่เสมอว่า ทุกสิ่งต้องลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง<br />
จึงจะเกิดผล แล้วทำไมสุดท้าย ท่านจึงให้เรา ‘ขอ..’<br />
ตะกอนของความสงสัยก่อเป็นกำแพงบดบังปีติที่เกือบจะเต็ม<br />
เปี่ยมในใจ หรือพูดแบบวัยรุ่นว่า เกือบจะฟิน แต่ไม่ฟิน<br />
เป็นเรื่องแปลกอยู่อย่างหนึ่งว่า ตั้งแต่ก่อนสมัคร จนมาถึงที่นี่<br />
ผมไม่เคยเห็นหน้าท่านอาจารย์โกเอ็นก้าเลย !<br />
รู้เพียงแต่ว่าถ้าคิดจะท่องเมืองใน จะเดินทางมาตามวิถีนี้<br />
การปฏิบัติทั้งหมดตลอด 10 วันที่ผ่านมา ก็ได้ยินแต่เสียงคำ<br />
สอนจากเทป ชั่วโมงธรรมบรรยาย สำหรับศิษย์ใหม่ ก็ได้ฟังจาก<br />
เสียงพากย์ไทย ซึ่งถูกแยกให้ไปฟังในห้องปฏิบัติเล็ก จนแล้วจน<br />
รอดจึงไม่เคยเห็นภาพท่านเลย<br />
จนชั่วโมงสุดท้าย ก่อนเดินทางกลับ (Day 11) จึงได้รับอนุญาต<br />
ให้เข้ามาฟังในห้องปฏิบัติรวม<br />
นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นภาพท่านขณะแสดงธรรมบรรยาย<br />
และสัมผัสถึงความเมตตาที่แผ่ฉายผ่านน้ำเสียง สีหน้า และแววตา<br />
จบธรรมบรรยาย จึงเริ่มต้นแผ่เมตตาเป็นครั้งสุดท้าย<br />
ครั้งนี้เอง ที่น้ำเสียงและคำแผ่เมตตาของท่าน สั่นสะเทือน<br />
เข้าไปทลายกำแพงของความคลางแคลงใจจากความเขลาของตัว<br />
เอง จนหมดสิ้น ทำนบน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่ขาดสาย<br />
ผมได้ประจักษ์กับคำว่า เมตตา<br />
..ได้แผ่เมตตา ขออโหสิกรรม และ ให้อภัย แก่สรรพสัตว์ทั้ง<br />
หลาย ด้วยความรู้สึกที่มาจากหัวใจอย่างแท้จริง<br />
ผมก้มลงกราบท่าน ทั้งน้ำตาที่ยังนองหน้าด้วยศรัทธาอย่างไม่<br />
กังขาสงสัย<br />
..........<br />
มีคำหลายคำที่เรารู้มาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นอนิจจัง หรือ เมตตา<br />
แต่เราจะไม่กระจ่างแจ้งแก่ใจ จนกว่ารับรู้ได้ด้วยประสบการณ์ตรง<br />
เมื่อเราเข้าไปอ่านเฟซบุ๊กเจอคนโพสว่า ช็อกโกแลต เค้กร้าน<br />
นี้อร่อย จะเกิดปัญญาขึ้นในระดับหนึ่ง เมื่อเหลือบตามาอ่านความ<br />
เห็นด้านล่าง หรือเสิร์ชกูเกิลเพิ่ม จะทำให้ปัญญานี้เพิ่มพูนขึ้น<br />
แต่คุณจะไม่มีวันรู้เลยว่า เค้กนี้รสชาติเป็นอย่างไร จนกว่าจะ<br />
ตักมันใส่เข้าปาก ... ธรรมะ ก็เช่นกัน<br />
ธรรมะ ถ้าเอาแต่อ่านออกเสียง ว่า ทำ-มะ ก็คงเป็นแต่ประโยค<br />
คำถาม ว่า ทำ-มะ?<br />
จนกว่า จะลงมือ ‘ทำ’ จึง จะ เห็น ‘ธรรม’<br />
ปัญญา ที่แท้จริง ย่อมเกิดจาก การปฏิบัติ<br />
ทริป ‘ท่องเมืองใน’ ครั้งนี้ จึงมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘ปฏิบัติ<br />
ธรรม’<br />
..........<br />
ทุกชั่วโมงก่อนเริ่มต้นปฏิบัติใหม่ ท่านโกเอ็นก้าจะบอกกับเรา<br />
ทุกครั้งว่า start again... start again<br />
... เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง<br />
คอยย้ำเตือนให้เราไม่ติดอยู่กับผลการปฏิบัติชั่วโมงที่ผ่านมา<br />
เพราะไม่ว่าจะเป็นเช่นไร มันก็ได้ผ่านไปแล้ว<br />
ให้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง..ด้วยจิตที่ตั้งมั่นกับปัจจุบัน ก่อนที่มันจะ<br />
กลายเป็นอดีตของอนาคตในอีกไม่ช้า<br />
และในที่สุด การท่องเมืองในครั้งนี้ก็ได้ผ่านไปแล้วเช่นกัน<br />
……….<br />
สำหรับ มือใหม่หัดธรรมอย่างผม ครั้งนี้เป็นเพียงการเริ่มต้น<br />
ซึ่งจุดหมายบนเส้นทาง ยังอยู่ห่างไกลจากจุดหมายอีกมาก เพียง<br />
แต่สัญญากับตัวเองว่าจะไม่หยุดเดิน ก็เท่านั้น<br />
เมื่อมะม่วงผลใหม่เริ่มสุก ผมจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง<br />
.... เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง<br />
52 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 53
Dent Dining<br />
เรื่อง น้องแป้งกะพี่ตุ๋น<br />
SchoolFood เสิร์ฟอาหารเกาหลีฟิวชัน ที่มี<br />
เอกลักษณ์เฉพาะตัว รสชาติจัดจ้านเหมาะกับ<br />
คนไทยแต่คงไว้ด้วยเครื่องปรุงดั้งเดิมส่งตรง<br />
จากเกาหลี แถมบรรยากาศในร้านตกแต่งสไตล์<br />
โมเดิร์น สบายๆ เหมาะกับการนั่งเม้ากับเพื่อนๆ<br />
หรือพาครอบครัวมาสังสรรค์ เมนูที่เชฟแนะนำ<br />
วันนี้ ได้แก่ มาริหมึกดำ (Squid Ink Mari) ข้าว<br />
ผสมหมึกดำจากสเปนสอดไส้ปลาหมึกย่างซอส<br />
เทอริยากิ ห่อด้วยสาหร่ายบางกรอบ, คาลบี โจล<br />
เมี่ยน (Cal-Bi Jjolmyeon) เส้นโจลเมี่ยนเหนียว<br />
นุ่มทานกับหมูย่างหมักซอส, สำหรับคนที่ชอบ<br />
พาสต้าชีสล้นสไตล์อิตาเลี่ยน ลอง คาโบนาร่า<br />
ต๊อกบ๊กกี (Soy Carbonara Topokki), และห้าม<br />
พลาด ข้าวยำไข่ข้น เนื้อตุ๋นจางอาชิ (Grilled<br />
Butter Bibimbap with Jjang-A-Chi) ใครไม่<br />
ทานเนื้อวัว สั่งเป็นหมูตุ๋นแทนได้ด้วย นอกจาก<br />
อาหารจานหลักอร่อยๆ แล้ว อย่าลืมสั่งเครื่อง<br />
ดื่ ม ที่ ม ี ส ่ ว น ผ ส ม เ ป ็ น เ นื ้ อ ผ ล ไ ม ้ ส ด ๆ ม า ด ื ่ ม<br />
ความชื่นใจ เช่น Cotton Strawberry Athie<br />
(สตรอเบอรี่), Ruby Orange Athie (ส้มและ<br />
เกรปฟรุ๊ต), Fine Blue Athie (สับปะรดและ Citrus<br />
จาก Blue Caracao) ปิดท้ายด้วยขนมหวานจาน<br />
โต เมล่อนกับน้ำแข็งใสรสนมหวานมัน<br />
นักกินและสาวกเกาหลี ห้ามพลาด!!! ร้าน<br />
อาหารเกาหลีแฟรนไชส์ ที่มีกว่า100 สาขาอยู่<br />
ในเมืองใหญ่ทั่วโลก ตอนนี้ได้มาเปิดสาขา<br />
แรกในประเทศไทย ที่ food destination โซน<br />
ใหม่ล่าสุดของกรุงเทพฯ “The Mercury Ville”<br />
ชั้น 3 ตรงข้ามห้างเซ็นทรัลชิดลม<br />
54 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 55
แผนงานวิชาชีพทันตแพทย์ในการควบคุม<br />
การบริโภคยาสูบ ขอเชิญชวนทันตแพทย์ทุกท่าน<br />
ช่วยเหลือคนไข้เลิกบุหรี่ แผนงานฯ<br />
ได้จัดทำาวิดีิโอคลิป สามชุด ที่จะทำาให้ท่าน<br />
ทราบว่า เพราะเหตุใดทันตแพทย์จึงเป็นบุคลากร<br />
ที่มีศักยภาพสูงสุด ในการช่วยเหลือคนไข้<br />
รวมถึงวิธีการที่จะช่วยให้คนไข้เลิกบุหรี่ได้<br />
ทำาอย่างไร พร้อมเชื่อมโยงไปยัง<br />
แหล่งข้อมูล และประสบการณ์ต่างๆ<br />
เกี่ยวกับการช่วยคนไข้เลิกบุหรี่<br />
เชิญชวนเข้าไปที่<br />
56 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 57
Dent Adirek<br />
เรื่อง ทพ.ปริญญา อมรเศรษฐชัย<br />
หลายคนคงไม่รู้จัก กีฬา Mixed Martial Arts<br />
หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า MMA เพราะเป็นกีฬาที่ใหม่<br />
แต่เป็นที่นิยมมากในหมู่ชาวต่างชาติที่นิยมความ<br />
แปลกใหม่ของกีฬาประเภทต่อสู้ เป็นการประยุกต์<br />
ศิลปะป้องกันตัวแบบผสมผสาน ทั้งมวยไทย<br />
มวยสากล มวยปลำา สามารถใช้ได้ทั้ง หมัด เท้า<br />
เข่า ศอก และที่สำาคัญ คือเป็นกีฬาที่สามารถ<br />
ออกกำาลังได้ทุกส่วน<br />
สามารถเผาผลาญพลังงานได้เป็นอย่างดี ใครที่อยากจะมีหุ่น<br />
ดี ร่างกายมีความยืดหยุ่น มีการทรงตัวที่ดี มีการตอบโต้ได้อย่าง<br />
รวดเร็ว มีการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างนุ่มนวล และที่สำคัญคือการ<br />
ได้ปลดปล่อยความเครียด Mixed Martial Art ก็เป็นอีกทางเลือก<br />
หนึ่ง สำหรับทันตแพทย์ที่ทำงานหนักอย่างพวกเรา<br />
“ผมเริ่มสนใจและรู้จักกีฬานี้มานานแล้วครับ แต่ไม่ค่อยได้<br />
มีโอกาสเล่น เพราะงานทันตกรรมที่พวกเราทำกันอยู่ทำให้ไม่ค่อย<br />
มีเวลาไปออกกำลังกาย อีกทั้งยังมีความเครียดเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว<br />
รับเอาความเครียดจากคนไข้มาเป็นของเราซะเอง มีการปวดเมื่อย<br />
กล้ามเนื้อเนื่องจากการเกร็งเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหลัง<br />
และคอ ระยะหลังมานี้เลยต้องหาวิธีออกกำลังเพื่อให้เหมาะสมกับ<br />
วิถีชีวิตที่เราดำเนินอยู่ เลยมาศึกษา MMA นี่แหละครับ ตอนแรก<br />
คิดว่าคงต้องเจ็บตัว ไปทำงานไม่ได้แน่ๆ เนื่องจากในการแข่งขัน<br />
จริงจะแข่งกัน 3-5 ยก แล้วแต่รุ่น ยกละ 5 นาที แต่จริงๆ แล้วผม<br />
เล่นเพื่อออกกำลังไม่ได้ไปแข่งขันกับใคร MMA จึงเป็นกีฬาที่ดีมาก<br />
สามารถใช้ออกกำลังได้ทุกส่วน เผาผลาญพลังงานได้เป็นอย่าง<br />
ดี เพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย โดยใช้เวลาไม่มากเลยครับ แค่<br />
1ชั่วโมงต่อวันก็พอแล้ว และเหมาะมากสำหรับทันตแพทย์หญิง<br />
เมื่ออยู่ในภาวะคับขัน ก็สามารถนำมาใช้ป้องกันตัวเองได้เป็นอย่าง<br />
ดีครับ” ทันตแพทย์ วีรสิทธิ์ มโนมัยอุดม หรือ หมอใหม่ กล่าว<br />
ใครที่สนใจสามารถมาฝึก หรือหาข้อมูลได้ทางอินเทอร์เน็ต<br />
หรือ สอบถามที่คุณหมอใหม่ได้โดยตรงครับ “ผมยินดีที่จะสอน<br />
ตั้งแต่เบสิกเลยครับ ซึ่งข้อดีของพวกเราคือเราสามารถทำ เมาท์<br />
การ์ด (Mouth Guard)หรือฟันยางที่จะมาใส่ได้เองอย่างฟิตพอดี<br />
มีความหนาที่เหมาะสม ซึ่งตัวนี้จะเป็นตัวช่วยป้องกันอันตรายจาก<br />
การกระแทกได้เป็นอย่างดี ซึ่งในหมู่นักมวยต้องการเป็นอย่างมาก<br />
แต่เนื่องจากมีราคาสูงมาก และต้องมีการทำที่ซับซ้อน ซึ่งชั้นนอก<br />
ของเมาท์การ์ดจะต้องมีความหนาพอสมควร แต่ต้องนิ่มเพื่อซึมซับ<br />
แรงกระแทก ชั้นกลางจะต้องบางและแข็ง เพื่อคงรูปร่าง ชั้นในสุด<br />
จะต้องบางและกระชับกับฟันได้เป็นอย่างดี อีกทั้งผมได้ใช้ความรู้ ทางทันตแพทย์<br />
extend เมาท์การ์ด ให้ยาวขึ้นไปจนถึง Alveolar process เพื่อป้องกันอันตรายใน<br />
ส่วนนี้จากการกระแทกด้านข้างด้วยครับ โดยเราสามารถใช้ความรู้ในการทำฟัน<br />
ปลอมที่เรียนมาผสมผสานกับศิลปะการกีฬาได้โดยตรงครับ” สมกับเป็นทันตแพทย์<br />
จริงๆ ครับ คุณหมอใหม่ ทันตแพทย์วีรสิทธิ์ e-mail: maiweerasit @gmail.com<br />
58 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 59
Dent Adirek<br />
ทำาไมถึงชอบ? ทำาไมถึงต้องเป็นกอล์ฟ?<br />
เพราะเป็นกีฬาที่ต่างจากกีฬาอื่นๆ เล่นด้วยกันได้ทุกเพศทุก<br />
วัย ระดับความเก่งที่ไม่เท่ากันก็สามารถเล่นด้วยกันหรือแข่งกันได้<br />
เพราะมีการกำหนดความเก่งด้วยแต้มต่อ (handicap) ให้แต่ละ<br />
คนอยู่แล้ว นอกจากนั้นยังเป็นกีฬาที่แข่งกับตัวเอง เป็น mental<br />
นี้ได้รางวัลในรอบ national round แต่อยากได้ final round ซึ่งจะ<br />
ได้ไปแข่งกับต่างประเทศด้วย<br />
ได้อะไรจากการเล่นกอล์ฟ?<br />
แข็งแรงมากขึ้น แทบไม่เคยป่วยเลย เป็นหวัดน้อยลง และ<br />
เรื่อง ทญ. วีระพร วีระประว้ติ<br />
ตีกอล์ฟ บ่อยแค่ไหน?<br />
และเอาเวลาตอนไหนไปตีกอล์ฟ?<br />
ส่วนใหญ่จะไปตีกอล์ฟทุกสัปดาห์ อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่ง<br />
วัน อาจเป็นเสาร์หรืออาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุด<br />
จากภาระงานในตำาแหน่ง<br />
ผู้อำานวยการศูนย์ทันตกรรม โรงพยาบาล<br />
กรุงเทพ ซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาในฐานะผู้บริหาร<br />
จนน่าจะไม่มีเวลาส่วนตัวมากนัก<br />
แต่ทันตแพทย์หญิงวลัยลักษณ์ เกียรติธนากร<br />
หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อหมอเอ กลับไม่ได้มีชื่อ<br />
เสียงเป็นที่รู้จักในวงการทันตแพทย์เท่านั้น<br />
แต่ในแวดวงกีฬานักกอล์ฟสมัครเล่นหญิง..<br />
ชื่อนี้ก็เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีเช่นกัน<br />
เริ่มเล่นกอล์ฟตั้งแต่เมื่อไร<br />
และเริ่มเข้ามาสู่วงการนี้ได้อย่างไร?<br />
เริ่มเล่นน่าจะประมาณปีค.ศ. 1997-1998<br />
ปกติเป็นคนชอบเล่นกีฬา และเล่นกีฬาได้หลายประเภท<br />
มีเพื่อนมาชวน ก็เลยลองเล่นดู ทีแรกก็คิดว่า<br />
คงเล่นไม่นานเพราะกลัวดำ ผิวเสีย<br />
แต่ยิ่งเล่นก็ยิ่งติดใจ และตอนนี้ชอบกีฬา<br />
ชนิดนี้มากที่สุด<br />
60 • THAI DENTAL MAGAZINE<br />
game ด้วย ไม่ใช่แค่ physical game อย่างเดียว ต้องใช้ความ<br />
เก่งและความสามารถในหลายๆด้าน นอกจากความแข็งแรงแล้ว<br />
ทำให้รู้จักตัวเอง รู้ว่าเป็นคนอย่างไร ต้องรู้จักวางแผน ต้องเลือก<br />
ใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสม ต้องสามารถต้านทานแรงกดดัน จิตใจต้อง<br />
นิ่ง และหาทางแก้ปัญหา และยังได้รู้จักตัวตนของคนอื่น บางคนที่<br />
ไปเล่นด้วยกัน ดูเป็นคนใจเย็นไม่น่าขี้โมโห ก็สามารถโกรธ โยนไม้<br />
หรือแสดงอารมณ์ที่แท้จริงออกมา บางคนเพื่อให้ได้คะแนนที่ดีใช้<br />
กลโกงต่างๆ ก็มี<br />
ดูเหมือนจะคล้ายๆ กับการทำางานบริหาร ที่ทำาอยู่ ?<br />
ใช่ ..หลักการนะ แต่รูปแบบไม่เหมือนกัน<br />
ได้รางวัลอะไรมาบ้าง?<br />
ได้ถ้วยมาเยอะนะ ได้ hole in one มาสองครั้ง และถ้วยจาก<br />
การแข่งรายการต่างๆหลายที่<br />
ยกตัวอย่างรางวัลที่ภูมิใจ<br />
ก็มีถ้วยรางวัลเลดี้ Flight A จากสนามอัลไพน์ รางวัลนักกอล์ฟ<br />
สมัครเล่นของ BMW ซึ่งเป็นกอล์ฟสมัครเล่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตอน<br />
รู้สึกว่านอกจากได้ออกกำลังกายแล้ว ยังได้พักผ่อน ได้ผ่อนคลาย<br />
ฝึกจิตใจให้นิ่ง มีสมาธิ ได้รู้ยุทธวิธีที่จะเอาชนะ<br />
คนอื่น เหมือนกับการบริหารคน ถ้ารู้วิธี<br />
ที่จะเอาชนะใจคนได้ อย่างอื่นก็ไม่ยาก<br />
ข้อคิดจากการเล่นกอล์ฟ?<br />
“คนเราต้องมีเป้าหมายในการทำอะไร<br />
ต้องตั้งเป้าหมายให้เหมาะสมกับตัวเรา<br />
และต้องทำให้ได้ตามเป้าหมายนั้น<br />
อย่างการเล่นกอล์ฟ ตอนนี้ตั้งเป้าว่า<br />
ต้องให้ได้ระดับ handicap ที่ต่ำลงมา<br />
และตัวเองจะมีการตั้งเป้าไว้ทุกปี<br />
เพื่อไปให้ถึง ...ซึ่งการทำงาน และชีวิต<br />
จริง เราก็ควรทำแบบนั้น เช่นกัน<br />
จากบทสัมภาษณ์ สมแล้วที่เป็น<br />
ผู้บริหาร และไม่แปลกใจเลยที่กีฬา<br />
กอล์ฟนี้ถูกเรียกให้เป็นกีฬาสำหรับ<br />
ผู้บริหาร<br />
THAI DENTAL MAGAZINE • 61
Dental Away<br />
AD<br />
โบสถ์เซนต์เบซิล<br />
เพราะอำานาจ ทำาให้คนเราฆ่ากันได้โดยไม่รู้สึกผิด<br />
และเพราะอำานาจ จึงทำาให้เกิดการสังหารราชวงศ์หนึ่ง<br />
ที่ทารุณโหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก<br />
ราชวงศ์โรมานอฟ แห่งรัสเซีย<br />
เรื่อง ขนมผิง<br />
จัตุรัสแดง<br />
64 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 65
ห้างกุม<br />
Tsar cannon<br />
ทหารรัสเซีย<br />
วันนี้ลมสงบดีท่ามกลางความหนาวเย็นยะเยือก แม้อยู่ในช่วง<br />
กลางเดือนกรกฎาคมแล้วข่าวส่งมาว่าพวกบอลเชวิกสายมอสโก<br />
จะมาชิงตัวราชวงศ์โรมานอฟทุกพระองค์ที่นี่ เลนินและตรอตสกี<br />
จะมาด้วยอาวุธทันสมัยครบมือ และหากเป็นเช่นนั้นจริงบอลเชวิก<br />
ไซบีเรียอย่างเขาคงจะต้องพ่ายแพ้ยูรอฟกีจึงตัดสินใจที่จะสังหารโร<br />
มานอฟทั้งหมดให้สิ้นซากหลังการกักขังมานานกว่าห้าเดือน อย่าง<br />
น้อยก็จะไม่มีใครได้ประโยชน์อะไร เยอรมันต้องไม่พอใจ สัมพันธมิตร<br />
คงจะสลดสังเวชที่สูญเสียกษัตริย์ที่เข้าข้างพวกเขา แต่ต้องไม่มีใคร<br />
ได้ประโยชน์จากการเอาซาร์มาต่อรอง<br />
ยูรอฟกีให้คนไปเชิญซาร์นิโคลัส ซารินา เจ้าหญิงทั้งสี่พระองค์<br />
เจ้าชายรัชทายาทและผู้ติดตามทุกคนมารวมกันที่ห้องใต้ดินกลาง<br />
ดึก ด้วยอ้างว่าจะฉายพระรูปเพื่อส่งไปยืนยันว่าทุกพระองค์ยัง<br />
ปลอดภัย เพียงสิ้นเสียงยูรอฟกี ลูกกระสุนพุ่งก็เข้าไปปลิดชีพอดีต<br />
กษัตริย์เป็นพระองค์แรก จากนั้นทหารมากกว่าสิบนายก็ระดมยิง<br />
ทุกพระองค์ในที่นั้นอย่างไม่ปรานี ปิดตำนานราชวงศ์โรมานอฟ<br />
ที่ยาวนานกว่าสามร้อยปีลงอย่างเศร้าสลด ไม่ต่างจากคำทำนาย<br />
ของรัสปูตินที่เขียนจดหมายส่งมาให้ซารีนาของเขา ว่าราชวงศ์จะ<br />
ต้องสิ้นภายในสองปี หากเขาถูกคนในราชวงศ์เป็นผู้ปลิดชีพ มี<br />
เพียงเรื่องเล่าขานว่าองค์หญิงอนาสตาเซียเพียงพระองค์เดียวที่หนี<br />
รอด แต่ปัจจุบันก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้เพราะดีเอ็นเอจากกระดูก<br />
ของทุกพระองค์ในที่สังหารและของผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหญิงกลับไม่<br />
สัมพันธ์กันในทางสายใยพันธุกรรม<br />
เรื่องราวประวัติศาสตร์เหล่านี้เองที่ผลักดัน สร้าง Passion<br />
นำฉันเดินทางมาเหยียบดินแดนหลังม่านเหล็กแห่งนี้จนได้ รัสเซีย<br />
ไม่ได้มีดีแค่ความยิ่งใหญ่ของขนาดประเทศเพียงอย่างเดียว แม้<br />
ด้วยประวัติศาสตร์อันแสนสับสน ผู้คนผ่านความยากลำบากทั้ง<br />
ในแง่สภาพอากาศและความผันแปรทางการเมือง ผ่านยุคคลั่ง<br />
คอมมิวนิสต์ ผ่านช่วงสงครามเย็น กระทั่งสหภาพโซเวียตล่มสลาย<br />
ในปี ค.ศ.1992 รัสเซียก็ยังยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งและสง่างามได้<br />
บนเวทีโลก หลายคนบอกว่าการเดินทางหิ้วกระเป๋าเที่ยวเองเป็น<br />
เรื่องอันตรายและลำบากมาก รัสเซียเพิ่งเปิดประเทศมาได้เพียง<br />
ยี่สิบปี มีมาเฟียมีโจรชุกชุม ผู้หญิงสองคนจะไปกันเองเนี่ยนะ!<br />
เชอะ กลัวเสียเมื่อไร เมื่อหาหนังสือมาอ่านและวางแผนอย่างรัดกุม<br />
เสร็จสรรพ ผิงผิงกับน้องกุ๊ ก็เหินฟ้าสู่ดินแดนหมีขาว ในช่วงเดือน<br />
กรกฎาคม หรือช่วงไวท์ไนท์ในฤดูร้อนอันเป็นไฮซีซั่นในการไปเที่ยว<br />
เอาล่ะ ทุลักทุเลทัวร์เริ่มขึ้นแล้ว…<br />
เราเหยียบผืนแผ่นดินรัสเซียด้วยเวลาท้องถิ่นเป็นเวลาเกือบ<br />
ห้าโมงเย็น สนามบินที่มอสโกมีทั้งหมดห้าแห่ง การบินไทยเลือก<br />
ลงสนามบิน Domodedovo แหม แค่ชื่อสนามบินนี่ก็เรียกไม่ถูก<br />
แล้ว อย่าได้คิดว่าจะมีป้ายภาษาอังกฤษ และอย่าหวังว่าฝรั่งที่นี่จะ<br />
พูดภาษาอังกฤษได้ดี มีแต่รัสเซียใหม่ที่เป็นวัยรุ่นอายุน้อยเท่านั ้น Tsar bell<br />
ล่ะที่พูดได้ ถ้าไปถามป้าลุง รับประกันได้ว่าโดนภาษารัสเซียพ่นใส่<br />
หน้าฟังไม่ทัน<br />
อย่างแรกที่ไก่สาวตาแตกสองนางต้องมองหา ก็คือรถไฟเร็วที่<br />
จะเชื่อมจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมือง ให้อารมณ์แบบแอร์พอร์ตลิงก์<br />
แต่ด้วยอานิสงส์แห่งเย็นวันศุกร์ที่พระอาทิตย์จะตกก็โน่น ห้าทุ่มไป<br />
แล้ว ทำให้ประชาชนรัสเซียออกมาท่องเที่ยว จิบเบียร์ยามเย็นตาม<br />
สถานที่ต่างๆกันแยะ(แม้แต่ในรถไฟ) และแล้ว...สิ่งที่คาดคิดว่าจะ<br />
เกิด แต่มันไม่ควรจะเร็วขนาดนี้ก็คือ พวกเราขึ้นรถไฟผิด อุตส่าห์<br />
รอดจากการลงแอร์พอร์ตลิงก์มาแล้ว คิดว่าขึ้นรถไฟสายสีเขียวมา<br />
66 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 67
จัตุรัสแดง<br />
จากสถานีPavelletskaya ก็ถูก แต่มันผิดตอนไหนหว่า ทำไมไม่ถึง<br />
จัตุรัสแดงเสียที ขึ้นลงขึ้นลง หอบข้าวของจนเริ่มเข้าใจว่าในสถานี<br />
เชื่อมมันไม่หมูขนาดลงจากบีทีเอสสายสุขุมวิทมาต่อสายสีลม แต่<br />
มันอาจต้องเดินไปอีกเกือบกิโลภายในสถานีใต้ดินเพื่อขึ้นอีกสาย<br />
โอว แม่เจ้า นี่ทำเอาระบบรถไฟของญี่ปุ่นง่ายเป็นอนุบาลไปเลย<br />
แบกเท่านั้น ไม่มีทางลาด ไม่มีลิฟท์ ลูกหนูขึ้นแขนแน่งานนี้ และ<br />
อย่าไปจำชื่อสถานีเป็นภาษาอังกฤษให้เสียพื้นที่สมองเล้ย จำเป็น<br />
อักษรโรมันนะจ๊ะ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น<br />
(จริงไหม) และแล้วพวกเราก็มาถึงสถานี Tverskaya ที่คิดว่าใกล้<br />
โรงแรมของเราตรงจัตุรัสแดงมากที่สุด<br />
กรรม ! นี่มันจะสามทุ่มอยู่แล้ว ถ้าเมืองไทยก็เกือบจะตีหนึ่ง<br />
สี่ชั่วโมงจากสนามบินแต่เรายังหลงกันอยู่เลย แผนที่ที่เตรียมมา<br />
ไม่ช่วยอะไร ทางออกจากสถานีสี่ทาง แค่นี้ก็คิดไม่ออกแล้วว่า<br />
จะไปทางไหน เดชะบุญของผิงที่หนุ่มสาวรัสเซียสวยหล่อคู่หนึ่ง<br />
เดินเข้ามาทัก และอาสาพาไปส่ง โอว น้ำตาจะไหล ขอบคุณน้อง<br />
สาวคนสวยชาวรัสเซียนาม อนาสตาเซีย เจ้าหญิงผมน้ำตาลทอง<br />
กับแฟนหนุ่มผู้ส่งความอารีมาให้ ช่วยทั้งลากกระเป๋าและพามา<br />
ส่งที่โรงแรมนาม โฮมโฮเทลเปรูล็อค ที่สภาพเหมือนตึกแถวอยู่ใน<br />
ซอกหลืบข้างจัตุรัสแดง ลำพังคนรัสเซียยังหาแทบไม่เจอ นับประสา<br />
อะไรกับสาวไทย แม่บ้านที่นี่ก็พูดอังกฤษไม่ได้ น้องอนาสตาเซีย<br />
เจรจาพูดคุยให้เรียบร้อย เราขอกอดและถ่ายรูปกับน้องเขาหน่อย<br />
สวยและใจดีอย่างนี้พี่ไม่มีวันลืม<br />
นอนหลับสลบ อากาศร้อนทีเดียวเมื่อไม่มีแอร์ราคาสามพันกว่า<br />
บาทที่จ่ายถือว่าไม่คุ้ม ตรวจสอบมาแล้วจากอโกดาว่าที่นี่สะอาดดี<br />
แม้ใช้ห้องน้ำรวม แต่เรื่องค่าครองชีพที่แพงมากก็ทำเอาลำบากใจ<br />
บ้าง เอาวะ ซดมาม่าคัพ กับกระดกแลคตาซอยจากเมืองไทยต่าง<br />
อาหารเช้า แล้วไปเที่ยวสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่เก่าแก่ที่สุด และสวย<br />
ที่สุดในโลกกันดีกว่า<br />
สถานีรถไฟฟ้าแห่งแรกเปิดในปีค.ศ. 1935 ปัจจุบันมีรถไฟฟ้า<br />
ใต้ดินทั้งสิ้น 11 สาย 9,300 ขบวน 165 สถานี ความยาวรวม 265<br />
กิโลเมตร รวมทั้งสายวงแหวนหรือสายสีน้ำตาลที่มีสถานีสวยๆ ให้<br />
นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เหล่าภาพโมเสก แฝงโฆษณาชวนเชื่อ<br />
ในแบบหลังม่านเหล็กว่า “ทุกท่านเอ๋ย เราก็สามารถสร้างนั่นนี่<br />
ได้ดีไม่แพ้ระบบทุนนิยม” สตาลินใช้สถานี Mayakovskaya เป็น<br />
ฐานบัญชาการใต้ดิน สู้กับพวกนาซีในสงครามโลกครั้งที่สอง จะ<br />
ได้มีทางหนีออกได้หลากหลายตามจับตัวกันไม่ได้ ปัจจุบันมีผู้ใช้<br />
บริการวันละ 7-8 ล้านคน เวลาถ่ายรูปหรือเข็นกระเป๋าก็ต้องคอยหา<br />
จังหวะเหมาะ แต่หนุ่มรัสเซียส่วนใหญ่ใจดี เห็นน้องกุ๊สาวร่างบาง<br />
ของเรายกกระเป๋าทีไร ได้เดินเข้ามาหิ้วขึ้นลงบันไดให้บ่อยๆ ผิดกับ<br />
ผิงผิงร่างกำยำ ยังไม่มีหนุ่มตาน้ำข้าวคนไหนมาช่วยเลย ( ชิส์!!!)<br />
สิ่งที่หน้าสังเกตอีกอย่างคือ ใบหน้าของชาวรัสเซียจะมีตั้งแต่ ฝรั้ง<br />
ฝรั่ง ฝรั่งหมวย ฝรั่งแขก นั่นแสดงว่า ในมอสโกเองก็เหมือนเมือง<br />
ใหญ่ๆ ทั่วไปในโลกที่มีการผสมผสานระหว่างชาติพันธุ์ ตั้งแต่สมัย<br />
ที่ชาวมองโกลยกทัพมาก็มีมรดกเป็นลูกหลานหน้าตาหมวยตี๋เป็น<br />
ของแถม รัสเซียเป็นเมืองขึ้นของมองโกลอยู่นานถึง 240 ปีส่วน<br />
พวกหน้าแขกก็คงมากันตั้งแต่ยุคที่มอสโกเป็นศูนย์กลางอาณา<br />
จักรไบแซนไทน์ตอนปลายขนาดที่เรียกขานกันว่าโรมที่สาม และ<br />
ก็คงจะมีเหล่าชาวเปอร์เซียจากอาณาจักรออตโตมันเติร์กข้ามมา<br />
ทำมาค้าขายแล้วก็เลยตั้งหลักปักฐานกันเสียเลย เห็นสาวรัสเซีย<br />
หุ่นสะบึม อกเป็นอกเอวเป็นเอว แต่ถ้าแก่เป็นคุณป้าเมื่อไร จะเป็น<br />
ทรงเดียวกันหมดคือกระปุกตั้งฉ่าย แต่ทุกคนก็ยังอยากสวยเป็นเจ้า<br />
แม่แฟชั่นได้ สังเกตจากร้านขายเสื้อผ้า ที่นี่เป็นสวรรค์ของสาวไซส์<br />
XL อย่างฉันเชียวล่ะ ร้านซาร่าในประเทศนี้สามารถหาชุดแซกใหญ่<br />
บิ๊กบึ้มโดยจ่ายแค่ไม่ถึงหนึ่งพันบาทไทย เจ๋งใช่ไหมล่ะ<br />
มอสโกเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ สร้างตั้งแต่สมัยเจ้าชาย<br />
ยูริโดลโกรูกี้เมื่อประมาณเก้าร้อยปีที่แล้ว(ค.ศ.1690) เป็นเมือง<br />
หลวงอยู่นานก่อนย้ายไปยังเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และกลับมาเป็น<br />
เมืองหลวงอีกครั้งในสมัยคอมมิวนิสต์ เป็นทั้งศูนย์กลางเศรษฐกิจ<br />
พิพิธภัณฑ์และศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ ซึ่ง<br />
นับคือพระแม่มาเรียเป็นสำคัญ สังเกตได้จากที่ไหนเป็นวังและ<br />
เป็นเมืองหลวงจะต้องมีโบสถ์อัสสัมชัญ ถือเป็นโบสถ์หลวงในการ<br />
ทำศาสนพิธี เวลาเข้าโบสถ์อย่าลืมทำตัวสงบเสงี่ยมและสวมผ้า<br />
คลุมผมเป็นการเคารพสถานที่กันด้วยนะคะ<br />
เมื่อมีเวลาจำกัด เราจึงเที่ยวในมอสโกเฉพาะบริเวณจัตุรัสแดง<br />
ถ้ามีเวลาเหลือเฟือ อาจไปเดินเก๋ๆ ที่ถนนอารบัต ถนนสายศิลปะ<br />
แต่ข้าวของแพงมากสามารถขึ้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลไปได้ หรือ<br />
จะช็อปปิ้งของพื้นเมืองที่ตลาดนัด แบบถูกและคุณภาพดีแต่จะเปิด<br />
เฉพาะเสาร์อาทิตย์ ก็ต้องย่าน Izmailovsky ที่นี่มีโรงละครสัตว์อยู่<br />
ไม่ไกล สามารถดูรอบซื้อตั๋วเข้าชมได้เลย ขึ้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน<br />
ไปถึงแน่นอน แนะนำให้ซื้อตั๋วสิบเที่ยว 300 รูเบิล ใช้ได้ เจ็ดวัน ก็<br />
สะดวกดีไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋วใหม่บ่อยๆ<br />
จัตุรัสแดงมีอะไรบ้าง? ก็มีพระราชวังเครมลิน ซึ่งบูรณะใหม่หลัง<br />
ประกาศอิสรภาพจากมองโกล (พ.ศ.2028-2038) เป็นสถาปัตยกรรม<br />
แบบบารอกและคลาสสิก โบสถ์เซนต์เบซิลทรงหัวหอมสีๆ หรือชื่อ<br />
ทางการคือ Cathedral of the Intercession of the Virgin ที่ใครต้อง<br />
ไปเก็บภาพก็สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการได้ชัยชนะในครั้งนี้<br />
รั้วพระราชวังทาสีแดง ล้อมรอบพื้นที่ภายในที่เป็นรูปสามเหลี่ยมที่<br />
มีพื้นที่ 170 ไร่ กว้างมากดังนั้นควรไปต่อคิวซื้อบัตรตั้งแต่เช้า เปิด<br />
เวลาสิบโมงแต่เก้าโมงครึ่งแถวก็เกือบกิโลไปแล้ว ภายในมีสถาน<br />
ที่ให้เที่ยวชม 12 แห่ง การตรวจตรากระเป๋าและฝากของค่อนข้าง<br />
เข้มงวด หากจะบันทึกภาพต้องไปจ่ายเงินที่ด่านก่อนด้วย เสียเวลา<br />
มากมาย หากจะเข้าไปชมสมบัติของชาติรัสเซียที่ถือว่าร่ำรวยที่สุด<br />
ราชวงศ์หนึ่งในโลก ก็ต้องไปต่อคิวซื้อบัตรเพื่อเข้าชมในพิพิธภัณฑ์<br />
อาร์เมอรีแยกอีกที มิเช่นนั้นก็เอาแค่เดินดุ่มดูวิหารต่างๆ ได้แก่<br />
วิหารอัสสัมชัญ วิหารดอร์มิชั่น วิหารอันนันซิเอชั่น วิหารอาร์ค<br />
แอนเจิล ไมเคิล ปืนใหญ่พระเจ้าซาร์ (Tsar Cannon) กับระฆัง<br />
ยักษ์ที่แตก (Tsar Bell) แล้วค่อยออกมาเดินเล่นจัตุรัสแดงอีกที<br />
คนมักเข้าใจผิดว่าแดงหมายถึงเลือด แต่จริงๆ แล้วมาจาก<br />
ภาษารัสเซียโบราณ คราสนายา ที่หมายถึงลานแห่งความสวยงาม<br />
แต่ก่อนเคยเป็นตลาดนัด ปัจจุบันกลายเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญ<br />
ที่สุดของรัสเซีย สุสานของเลนินอยู่ทางด้านหน้า ยังมีคนถือดอกไม้<br />
มาไหว้เคารพศพ เขายกย่องว่าท่านเป็นวีรบุรุษ ขณะที่ผู้นำรุ่นน้อง<br />
อย่างสตาลินกลับเป็นที่ชิงชัง จากการสังหารคนในชาติเรือนล้าน<br />
แม้กระทั่งเพื่อนรอบข้างเพื่อกำจัดเสี้ยนหนามและปูทางสู่บัลลังก์<br />
แห่งอำนาจแก่ตน พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อยู่ถัดไปไม่ไกล และ<br />
ก็มีบอลชอยส์เธียร์เตอร์ สำหรับผู้ที่สนใจดูบัลเลต์ รวมทั้งห้างเก่า<br />
แก่ ให้ออกแรงช็อปปิ้ง ห้าง Gum ออกเสียงว่ากุม ไม่ใช่กัมที่แปล<br />
ว่าเหงือกหรอกนะคะคุณหมอฟัน<br />
ส่วนใครสนใจศิลปะต้องไปเดินพิพิธภัณฑ์แห่งชาติพุชกิ้น แต่<br />
ผิงผิงไม่อินเมื่อเห็นแถวยาวเหยียด ขอเดินข้ามฝั่งถนนมาชมหอ<br />
สีทอง วิหารแห่งพระเยซูพระผู้ไถ่ สร้างขึ้นใหม่ได้ไม่นาน แต่เดิม<br />
นั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะต่อทัพของนโปเลียน แต่<br />
สตาลินกลับเห็นว่าเป็นความอัปลักษณ์ของยุคอัตตาธิปไตย จึง<br />
สั่งระเบิดทิ้งเสียอย่างนั้น แล้ววางแผนสร้างตึกสูงระฟ้า ให้ชื่อว่า<br />
วังโซเวียต แต่แผนการนี้ไม่สำเร็จ รอยระเบิดจึงกลายเป็นสระน้ำ<br />
สาธารณะและโบสถ์ที่สร้างใหม่นี้ ยังได้อัญเชิญอัฐิของราชวงศ์<br />
โรมานอฟทุกพระองค์ที่ถูกสังหารในบ้านอิมปาตีฟมาบรรจุไว้ ณ<br />
ที่แห่งนี้<br />
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ต้องรีบขึ้นรถไฟฟ้าความเร็วสูง<br />
น้องแสบแสน (Sapsan) เพื่อข้ามไปยังเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สอง<br />
สาวยังไม่รู้เลยว่าไปขึ้นตรงไหน จะหลงจนตกรถหรือเปล่าก็ยัง<br />
ป้ายบอกสถานี<br />
มีแต่ภาษารัสเซีย<br />
บรรยากาศในรถไฟใต้ดิน<br />
วิหารพระเยซูพระผู้ไถ่<br />
Sapsan<br />
เสียวๆ ขอรองท้องด้วยแมคโดนัลด์สาขาแรกในรัสเซียเสียก่อน<br />
พอมีเรี่ยวแรงแล้วค่อยว่ากัน ไว้คราวหน้าจะเล่าเรื่องเที่ยวเองแบ<br />
บงงๆ ในเมืองสวยเซี้ยวอย่างเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เรื่องอาหารการ<br />
กิน และของฝาก สำหรับท่านที่อยากอ่าน Moscow ฉบับเต็มก่อน<br />
บก.ตัด และเรื่องราวที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กโดยไม่ต้องรอฉบับหน้า<br />
เข้าไปอ่านใน online magazine ได้เลยค่ะ<br />
68 • THAI DENTAL MAGAZINE THAI DENTAL MAGAZINE • 69
ถ้าเอ่ยถึงคณะทันตแพทยศาสตร์ในภาคเหนือ ย่อมหมายถึง<br />
คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีประวัติยาวนานมาร่วม<br />
๔๗ ปี โดยผู้บุกเบิกและเป็นคณบดีคนแรกคือ ท่านอาจารย์ทันตแพทย์หญิง<br />
ถาวร อนุมานราชธน เริ่มจากแผนกทันตกรรมเล็กๆ ในโรงพยาบาล<br />
นครเชียงใหม่ พ.ศ.๒๔๙๘ และได้ย้ายมาสังกัดมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์<br />
ในปี พ.ศ.๒๕๐๒ จนปี พ.ศ.๒๕๐๙ เริ่มมีการสอนวิชาชีพทันตแพทยศาสตร์<br />
รุ่นแรกในคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก่อนที่จะมีประกาศจัดตั้ง<br />
คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ใน พ.ศ.๒๕๑๕<br />
เรื่อง นายท้ายมล<br />
คณาจารย์จากซ้าย รศ.ทพ.ปราโมทย์ ลิมกุล, ผศ.ทพ.ศักดา อภิสริยะกุล,<br />
อจ.ทพ.กรีฑา วิทิตพันธุ์ , ท่านคณบดีอาจารย์หมอถาวร อนุมานราชธน,<br />
ผศ.ทญ.ธนะเพ็ญ ศรีสุวรรณ , ผศ.ทญ.ผุสดี ศรีเจริญ อจ.ทญ.ศรีระยับ<br />
วินิจฉัยกุลและผศ.ทญ.มัทนา อินทรศิริสวัสดิ์ ถ่ายภาพร่วมกับบัณฑิตรุ่น<br />
แรกๆ ของคณะ<br />
ภาพอาคาร ๒๐ ปี คณะทันตแพทยศาสตร์<br />
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่<br />
อดีตนักศึกษาทันตฯมช.รหัส ๑๙ ถ่ายภาพกับอาจารย์หมอนภาพร<br />
หลังจบการศึกษามาได้ ๒๕ ปี ในภาพคงจะจำาคุณหมอพัชรวรรณ<br />
และคุณหมอภาณุ ได้ (คนที่ ๒ และ ๕ จากซ้าย)<br />
นักศึกษารุ่นรหัส ๑๐ ถึงรหัส ๑๓ ถ่ายรูปร่วมกันระหว่างกิจกรรม<br />
ปี ๒๕๑๓ จะเห็น นทพ.นภาพร อัจฉริยพิทักษ์ อยู่กลางภาพ<br />
วันเวลาผ่านไปรวดเร็วจากสมัย พ.ศ.๒๕๐๙ จนถึงปัจจุบัน ทำาให้นักศึกษา<br />
รุ่นเก่านึกย้อนไปสมัยก๋วยเตี๋ยวชามละ ๕ บาท ที่ซ้ายมือหน้าวัดสวนดอก<br />
หรือขนมครกแม่หล่าย ใต้ต้นฉำาฉาหน้าวัดที่พวกเราอุดหนุนกันเป็นประจำา<br />
70 • THAI DENTAL MAGAZINE