GI hormones doc
GI hormones doc
GI hormones doc
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
อาจมาด้วยอาการกรดไหลย้อน (gastroesophageal reflux disease; GERD) ท้องเสียรุนแรง หรือถ่ายเป็นมันลอย เนื่องจาก<br />
ความเป็นกรดที่สูงจะทําให้เอนไซม์จากตับอ่อนเสียสภาพ การดูดซึมอาหารแย่ลงและทําให้น้ําหนักลดและขาดสารอาหารได้<br />
การวินิจฉัยอาศัยอาการทางคลินิกและการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น พบการเพิ่มสูงของระดับ gastrin ในเลือด หรือ<br />
เมื่อทํา secretin test โดยการฉีด secretin ทางหลอดเลือดดํา พบว่าระดับ gastrin ไม่ลดลงอย่างที่ควรจะเป็น<br />
Cholecystokinin (CCK)<br />
CCK มีลักษณะของ macroheterogeneity และ microheterogeneity เช่นเดียวกับ gastrin prepro-CCK ซึ่งมี 114<br />
กรดอะมิโน จะถูกตัดได้เป็นโครงสร้างขนาดเล็ก เช่น CCK-58, CCK-39, CCK-33, CCK-22, CCK-8, CCK-5 และ CCK-4 โดย<br />
ทุกแบบจะมีการเรียงตัวของกระอะมิโน 5 ตัวสุดท้ายด้าน carboxy terminal เหมือน gastrin มีการ amidation ของ<br />
กรดอะมิโนตัวสุดท้ายด้าน carboxy และมีการเติมหมู่ sulfate ที่กรดอะมิโนตัวที่ 7 (tyrosine) จากปลาย carboxy<br />
มีการสร้าง CCK จาก I cells บริเวณเยื่อบุของ duodenum และ proximal jejunum นอกจากนี้ยังพบ CCK ได้ใน<br />
เซลล์ประสาทบริเวณ terminal ileum และ cerebral cortex โดยเชื่อว่า CCK ในสมองเกี่ยวข้องกับการควบคุมความอยาก<br />
อาหาร พบว่า CCK-8, CCK-22 และ CCK-33 เป็นสารหลักที่มีการหลั่งออกมาเมื่อถูกกระตุ้นโดยอาหาร ในขณะที่ CCK-4 จะ<br />
เป็นชนิดที่หลั่งจาก pancreatic และ enteric nerves ส่วน CCK-8 และ CCK-58 จะพบในสมองเป็นหลัก<br />
CCK ออกฤทธิ์ผ่าน receptor 2 ชนิดคือ CCK-A receptor ซึ่งพบในลําไส้เล็กและลําไส้ใหญ่ ส่วน CCK-B receptor ซึ่ง<br />
พบในกระเพาะอาหารเป็นตัวรับ gastrin และที่พบในสมองรับ CCK มีผลต่อความอยากอาหาร การทํางานของ CCK จะอาศัย<br />
การกระตุ้น phospholipase C ทําให้เกิดการเพิ่มขึ้นของ inositol triphosphate (IP 3 ) และ diacyl glycerol (DAG) ซึ่ง<br />
ก่อให้เกิดปฏิกิริยาการตอบสนองภายในเซลล์ต่อไป พบว่า CCK มีหน้าที่ทางสรีรวิทยาหลายอย่าง เช่น ทําให้ถุงน้ําดีหดตัว<br />
sphincter of Oddi คลายตัว กระตุ้นการหลั่งเอนไซม์จากตับอ่อน ทํางานร่วมกับ secretin ในการเพิ่มการหลั่ง<br />
bicarbonate จากตับอ่อน ยับยั้งการบีบตัวของกระเพาะ กระตุ้นการเจริญของ pancreatic tissues เพิ่มการหลั่ง<br />
enterokinase มีส่วนช่วยในการหดตัวของ pyloric sphincter เพื่อป้องกันการไหลย้อนกลับของอาหารกลับสู่กระเพาะ และ<br />
กระตุ้นการหลั่ง insulin และ glucagon<br />
กลไกควบคุมการหลั่ง CCK<br />
CCK จะถูกกระตุ้นให้หลั่งมากขึ้น โดยอาหารจําพวกไขมัน โปรตีน และกรดอะมิโน ส่วนอาหารคาร์โบไฮเดรตมีผลกระตุ้น<br />
น้อยมาก พบว่ากรดไขมันและ monoglyceride เป็นตัวกระตุ้นที่ดีที่สุด ในขณะที่ triglyceride ไม่มีผลในการกระตุ้น เมื่อมี<br />
ระดับ CCK สูงขึ้น จะมีการหลั่งเอนไซม์จากตับอ่อนออกมามากขึ้น ทําให้เกิดการย่อยอาหาร และเพิ่มปริมาณสารอาหารใน<br />
ลําไส้ ก่อให้เกิดการกระตุ้นการหลั่ง CCK กลไกดังกล่าวเป็น positive feedback ของการหลั่ง CCK ซึ่งจะหยุดลงเมื่ออาหาร<br />
เคลื่อนที่เข้าสู่ลําไส้ส่วนถัดไป<br />
นอกจากนี้แล้ว การหลั่ง CCK ยังถูกควบคุมโดยสารอีก 2 ชนิด คือ CCK-releasing peptide ซึ่งสร้างจาก paracrine<br />
cells บริเวณเยื่อบุลําไส้เล็ก และ monitor peptide ซึ่งสร้างจาก pancreatic acinar cells สารควบคุมทั้ง 2 ชนิดนี้ถูกหลั่ง<br />
โดยผ่านการกระตุ้นจากสารอาหารโปรตีนและไขมัน และโดยการกระตุ้นจากระบบประสาทในช่วง cephalic phase และ<br />
gastric phase ในช่วงเหล่านี้ CCK-releasing peptide และ monitor peptide จะจับกับ receptor บนผิวของ I cells ทํา<br />
ให้มีการหลั่งออกของ CCK สารควบคุมทั้ง 2 ชนิดนี้จะถูกทําลายโดยเอนไซม์ trypsin จากตับอ่อน ดังนั้นหากมีอาหารโปรตีน<br />
ปริมาณมากในทางเดินอาหาร CCK-releasing peptide และ monitor peptide จะถูกทําลายโดย trypsin น้อยลง ทําให้<br />
CCK มีการหลั่งมากขึ้น แต่เมื่ออาหารโปรตีนได้รับการย่อยโดยสมบูรณ์และถูกดูดซึมแล้ว เอนไซม์ trypsin ที่มีมากเกินพอจะ<br />
ทําลาย CCK-releasing peptide และ monitor peptide ทําให้การหลั่ง CCK ลดลง<br />
5