11.07.2015 Views

We are not renaming. - ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร - มหาวิทยาลัย ...

We are not renaming. - ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร - มหาวิทยาลัย ...

We are not renaming. - ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร - มหาวิทยาลัย ...

SHOW MORE
SHOW LESS
  • No tags were found...

Create successful ePaper yourself

Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.

ข่าวสารเทคโนโลยีชีวภาพเกษตรAG-BION e w s l e t t e r ISSN: 1906-5817ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 มกราคม – มีนาคม พ.ศ. 2552 Vol. 1 No. 1 January – March 2009 <strong>We</strong> <strong>are</strong> <strong>not</strong> <strong>renaming</strong>. ‘SWINE FLU’Esther Enkin210 ปี ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร8“ไข้หวัดสุกร /ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009” 10สัตวแพทย์กับงานด้านเทคโนโลยีชีวภาพ15AgBiotech Hot News : Animal Biotechnology ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชีวภาพเกษตรสำนักพัฒนาบัณฑิตศึกษาและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา


ผลงานเด่น<strong>ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร</strong> :การใช้เครื่องหมายโมเลกุลร่วมกับการคัดเลือกลักษณะเพื่อพัฒนาผลผลิตข้าวหอมมะลิภายใต้สภาวะแล้งองค์การสหประชาชาติได้รายงานอุณหภูมิของโลกในปัจจุบันว่ามีแนวโน้มที่สูงขึ้น ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศทั่วโลก ภัยแล้งนับเป็นปัญหาหนึ่งที่เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนและส่งผลกระทบอย่างมากต่อปริมาณน้ำที่ใช้อุปโภคของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่เกษตรกรรมที่ต้องอาศัยน้ำฝน ดังนั้นการพัฒนาพันธุ์ข้าวทนแล้ง และการศึกษาให้เข้าใจถึงกลไกของพืชที่ตอบสนองต่อสภาวะแห้งแล้ง ตลอดจนการค้นหาตำแหน่งของยีนดังกล่าวโดยใช้เทคโนโลยีโมเลกุลเครื่องหมาย (Marker-Assisted Selection) เพื่อใช้ในการปรับปรุงพันธุ์ข้าว จึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการนำไปใช้แก้ปัญหา หรือเตรียมพร้อมสำหรับภัยแล้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ไวพจน์ กันจู นิสิตปริญญาเอก หลักสูตรเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร<strong>ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร</strong> ซึ่งทำงานวิจัยภายใต้การแนะนำของ ดร.ธีรยุทธตู้จินดา นักวิจัย สังกัด ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ ได้รับรางวัลจากการนำเสนอผลงานวิจัยในภาคบรรยายเรื่อง การใช้เครื่องหมายโมเลกุลร่วมกับการคัดเลือกลักษณะเพื่อพัฒนาผลผลิตข้าวหอมมะลิภายใต้สภาวะแล้งจากการประชุมวิชาการบัณฑิตศึกษาเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร ครั้งที่ 3 และการประชุมวิชาการงานเกษตรแห่งชาติประจำปี 2551 โดยงานวิจัยได้เน้นถึงการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวหอมมะลิให้มีความทนแล้งมากขึ้นงานวิจัยของไวพจน์ได้พัฒนาข้าวขาวดอกมะลิ 105 ที่มีชิ้นส่วน QTLทนแล้งที่อยู่บนโครโมโซม 1 3 4 8 และ 9 โดยใช้วิธีการผสมกลับ ควบคู่กับการใช้เครื่องหมายโมเลกุลช่วยในการคัดเลือกต้นที่มีชิ้นส่วน QTL ทนแล้ง ในการวิจัยนี้ใช้สายพันธุ์ผู้ให้ (Donor p<strong>are</strong>nt) เป็น Double haploid lines(DHL) ที่มีความทนแล้งที่ได้จากคู่ผสม CT9993 กับ IR62266 ปัจจุบันการปรับปรุงพันธุ์อยู่ในชั่วที่ BC 5F 4ได้ประชากรข้าวที่มีชิ้นส่วน QTL ทนแล้ง มีลักษณะทรงต้นและคุณภาพหุงต้มใกล้เคียงกับขาวดอกมะลิ 105 เมื่อนำไปทดสอบภายใต้สภาพแล้งพบว่าประชากรข้าวที่ได้รับชิ้นส่วน QTL ทนแล้งมีผลผลิตและองค์ประกอบของผลผลิตสูงกว่าขาวดอกมะลิ 105 นอกจากนี้ผู้วิจัยยังได้พัฒนาประชากรข้าวที่เป็น single QTL near isogenic lines ซึ่งมีชิ้นส่วนขนาดเล็กของ QTL ทนแล้ง เพื่อใช้ศึกษากลไกการทนแล้งและหาตำแหน่งของยีนที่ควบคุมลักษณะความทนแล้งในข้าวต่อไปด้วยคณะที่ปรึกษาพงศ์เทพ อัครธนกุลวิชัย โฆสิตรัตนจุลภาค คุ้นวงศ์พิศาล ศิริธรพิทยา สรวมศิริวัฒนาลัย ปานบ้านเกร็ดสุมิตรา ภู่วโรดมเสริมศิริ จันทร์เปรมพีระศักดิ์ ศรีนิเวศน์สุนทรี ยิ่งชัชวาลย์จรัสศรี นวลศรีประวิตร พุทธานนท์ปิยะดา ตันตสวัสดิ์พจมาลย์ สุรนิลพงศ์ดุจฤดี ปานพรหมมินทร์บรรณาธิการสุจินต์ ภัทรภูวดลผู้ช่วยบรรณาธิการจุฑาเทพ วัชระไชยคุปต์อรอุบล ชมเดชกองบรรณาธิการจริยา หมื่นแก้วชิตพันธุ์ คติวัฒน์นุช ศตคุณเนตรนภา ปัญญามูลพรทิพย์ ทองคำพรรณทิพย์ กาญจนอุดมการพัชรินทร์ จูมีศรัณย์พร จิวธิรกุลศรุชา เสนกันหาสุคณา ศรีทับอมรรัตน์ บัวคล้ายอรอุษา ลาวิณิชอัญชนา อินทรกำแหงบทความและข้อความที่ตีพิมพ์ในข่าวสารเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร เป็นความคิดเห็นส่วนตัวและลิขสิทธิ์ของผู้เขียน ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร ไม่มีส่วนรับผิดชอบหรือผูกพันอย่างใด ข้อมูลบางส่วนอาจตีพิมพ์ผิดพลาด ศูนย์ฯ ยินดีแก้ไขให้ในฉบับต่อไป


คุยกับบรรณาธิการข่าวสารเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร ซึ่งจัดพิมพ์โดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร สำนักพัฒนาบัณฑิตศึกษาและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการฉบับนี้เป็นฉบับปฐมฤกษ์โดยมุ่งหวังที่จะเป็นสื่อกลางในการนำข้อมูล ข่าวสารวิชาการ งานวิจัย ตลอดจนกิจกรรมต่างๆด้านเทคโนโลยีชีวภาพเกษตรมาเผยแพร่สู่สาธารณชน อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาด้านการเกษตรของเราให้เข็มแข็งต่อไป ในโอกาสนี้ข้าพเจ้าในฐานะบรรณาธิการขอเรียนท่านผู้อ่านว่า กองบรรณาธิการของเราจะจัดพิมพ์ข่าวสารฯ เป็นประจำทุก 3 เดือน ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2552 นี้ โดยฉบับปฐมฤกษ์ได้นำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัยด้านเทคโนโลยีชีวภาพด้านสัตวศาสตร์ โดยเฉพาะบทสัมภาษณ์พิเศษกับ รศ.น.สพ.ดร.ทวีศักดิ์ ส่งเสริมในเรื่องที่กำลังเป็นที่สนใจของประชาชน คือ “ไข้หวัดสุกร/ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009” ได้รวมไว้ในฉบับนี้ด้วย พร้อมนี้ขอแนะนำศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร ที่มี<strong>มหาวิทยาลัย</strong>เกษตรศาสตร์ เป็น<strong>มหาวิทยาลัย</strong>แกนนำ โดยมี<strong>มหาวิทยาลัย</strong>อื่นๆ ที่เป็นภาคีร่วม ซึ่งจะได้แนะนำให้รู้จักกันในโอกาสต่อๆ ไป เพื่อท่านผู้อ่านได้ทราบถึงความเคลื่อนไหวในด้านต่างๆ ของศูนย์ฯนอกจากนี้ยังมีบทความและข่าวสารที่ทันสมัย ตลอดจนกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมายสุดท้ายนี้กองบรรณาธิการขอเชิญท่านผู้อ่านทุกท่านเสนอแนะความคิดเห็นอันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปรับปรุงรูปแบบและเนื้อหาของข่าวสารให้น่าติดตามมากยิ่งขึ้น โดยติดต่อได้ที่ agrsujp@ku.ac.th ด้วยความปรารถนาดีบรรณาธิการผลงานเด่น<strong>ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร</strong>:การใช้เครื่องหมายโมเลกุลร่วมกับการคัดเลือกลักษณะเพื่อพัฒนาผลผลิตข้าวหอมมะลิภายใต้สภาวะแล้งคุยกับผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร: 10 ปี ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชีวภาพเกษตรแนะนำสถาบันหลักและภาคีศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร:<strong>ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร</strong> <strong>มหาวิทยาลัย</strong>เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน PERDO TODAYสารบัญสัมภาษณ์พิเศษ: “ไข้หวัดสุกร /ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009” 12เรื่องน่ารู้ AgBiotech: สัตวแพทย์กับงานด้านเทคโนโลยีชีวภาพ 14AgBiotech Hot News: Animal Biotechnology ภาพข่าวกิจกรรม24671516


ผลพวงจากการให้ทุนศึกษาต่อจากหน่วยงานต่างประเทศ รัฐบาลไทยมีการลงทุนด้านนี้บ้าง โดยผ่านระบบทุนกพ. หรือทุนพัฒนาอาจารย์ แต่ก็เป็นจำนวนน้อยมากการขัดสนกำลังคนวิจัยระดับปริญญาเอกในปัจจุบันเป็นเรื่องสำคัญและมีความสัมพันธ์กับขีดความสามารถของประชาคมวิจัยเกษตรไทยที่จำเป็นต้องผดุงรักษา “ความเข้มแข็งความเก่ง และความมีประสิทธิภาพ”ให้เพียงพอที่จะตอบสนองต่อปัญหาที่ภาคผลิตเกษตรต้องเผชิญทั้งในปัจจุบันและอนาคต ไม่ว่าในเรื่องการกีดกันทางการค้านอกระบบภาษี(non-tariff barrier) ข้อตกลงสัญญาระหว่างประเทศในด้านต่างๆ ข้อจำกัดของการเข้าถึงเทคโนโลยีด้วยระบบจัดการทรัพย์สินทางปัญญาวิกฤตการณ์พลังงาน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของประเทศผู้ผลิตคู่แข่ง การเปลี่ยนแปลงทางความต้องการของประเทศผู้ซื้อ และผู้บริโภคในประเทศฯลฯเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของระบบเกษตรกรรมไทยด้วยวิทยาการแนวใหม่ <strong>ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร</strong> ซึ่งเป็นหน่วยงานที่<strong>มหาวิทยาลัย</strong>เกษตรศาสตร์จัดตั้งขึ้น เพื่อให้เป็นหน่วยบริหารกลาง และเป็นแกนของเครือข่ายพัฒนาความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษาเกษตรศาสตร์ กับภาคการผลิต เครือข่ายความร่วมมือนี้เริ่มด้วย 5 <strong>มหาวิทยาลัย</strong>ปัจจุบันเพิ่มอีก 5 <strong>มหาวิทยาลัย</strong> ได้รับการสนับสนุนด้านนโยบายและงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2543-ปัจจุบัน เพื่อให้พัฒนาสู่สภาวะ “ศูนย์ความเป็นเลิศทางวิชาการ ด้านเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร” ของประเทศ ทำหน้าที่วิจัย สนับสนุนการพัฒนากำลังคนระดับสูง และให้บริการต่อภาคการผลิตตลอด 10 ปี ที่เครือข่ายของศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชีวภาพเกษตรได้ดำเนินการ ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับผู้กำหนดนโยบาย ผู้บริหาร อาจารย์“...จากจุดเริ่มต้นถึงวันนี้เราได้พัฒนางานวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพในสาขาต่าง ๆ ได้แก่วิทยาการเซลล์ เนื้อเยื่อ การพัฒนาสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม สรีระเชิงฟิสิกส์ของพืช จีโนมิคส์ การปรับปรุงพันธุ์ การตรวจสอบวินิจฉัย วิทยาการภูมิต้านทาน และวัคซีน...”นักวิจัย นิสิต/นักศึกษาบัณฑิตผู้ช่วยวิจัย ผู้สนับสนุนจากภาคธุรกิจ และภาครัฐ ได้ร่วมกันพัฒนาวิทยาศาสตร์เกษตรไทย ในสาขาเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร และวิทยาการแขนงที่เกี่ยวข้องไปได้ระดับหนึ่ง การดำเนินงานได้ผ่านหลักเป้าหมาย (milestone)ทั้งทางด้านการวิจัย การพัฒนากำลังคนการพัฒนาระบบบัณฑิตผู้ช่วยวิจัยการพัฒนาหลักสูตรสู่มาตรฐานสากลการให้บริการภาคผลิตและสังคม การพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันวิจัยจากภาครัฐ และภาคเอกชนทั้งในและนอกประเทศ และการพัฒนาวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันระหว่างนักวิจัยข้ามสาขาวิชา ข้ามหน่วยงาน จากจุดเริ่มต้นถึงวันนี้ เราได้พัฒนางานวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพในสาขาต่างๆ ได้แก่ วิทยาการเซลล์เนื้อเยื่อ การพัฒนาสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม สรีระเชิงฟิสิกส์ของพืชจีโนมิคส์ การปรับปรุงพันธุ์ การตรวจสอบวินิจฉัย วิทยาการภูมิต้านทาน และวัคซีน งานของคณาจารย์ และบัณฑิตผู้ช่วยวิจัยของเราครอบคลุมตั้งแต่ โรคพืช โรคสัตว์บก-สัตว์น้ำจุลินทรีย์ ไม้ยืนต้น; อาหาร-พลังงาน; ความหลากหลายทางชีวภาพและการใช้ประโยชน์ สภาพแวดล้อมในระบบน้ำ-ป่าไม้ ฯลฯ เรามีปณิธานที่จะช่วยจรรโลงความยั่งยืนของระบบเกษตรกรรมไทยด้วยวิทยาการ ทักษะ และความรู้ที่เรามีและที่สามารถถ่ายทอดได้ ผมและเพื่อนร่วมงานมีความเห็นว่าการดำเนินกิจกรรมด้านต่างๆ ควรได้รับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกระดับ เพื่อให้เกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ข่าวสารเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร ฉบับนี้จึงเป็นหนทางที่ศูนย์ฯ ต้องการใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารกับสมาชิกประชาคมเกษตรของประเทศไทย และหวังว่าเป็นวิธีการนำส่ง/แลกเปลี่ยน ข้อมูลต่าง ๆ ได้อีกรูปแบบหนึ่ง ที่จะส่งเสริมพลวัตรทางวิชาการเกษตรไทยพงศ์เทพ อัครธนกุลAG-BIO


กลุ่มห้องปฏิบัติการ Molecular Markers and Biodiversity ประกอบด้วยห้องปฏิบัติการ 4ห้องด้วยกัน มีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาโมเลกุลเครื่องหมาย เพื่อใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงพันธุ์พืชเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเพื่อสร้างพืชที่มีลักษณะทนทานต่อโรค หรือ แมลง หรือสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมบางประการในระบบการผลิตพืช นอกจากนั้นการศึกษาของกลุ่มห้องปฏิบัติการนี้ ครอบคลุมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ โดยศึกษาการสร้างแผนที่จีโนมของไม้เศรษฐกิจและไม้ผลบางชนิด เช่น ไม้สักมะม่วง กล้วย เป็นต้นกลุ่มห้องปฏิบัติการ Cell, Tissue Culture andTransformation เป็นห้องปฏิบัติการขนาดใหญ่ที่ทำการวิจัยด้านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการขยายพันธุ์ การผลิตสารทุติยภูมิในสภาพปลอดเชื้อ และการพัฒนาเทคนิคพื้นฐานด้านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช เพื่อรองรับงานทางด้านพันธุวิศวกรรม โดยในส่วนของงานทางด้านพันธุวิศวกรรมนั้น ห้องปฏิบัติการนี้ มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อปฏิบัติการถ่ายยีนสู่พืช รวมถึงการตรวจสอบการคงอยู่และการแสดงออกของยีนที่สนใจในระดับต่างๆงานวิจัยที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เช่น การถ่ายยีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคปากและเท้าเปื่อยในสัตว์เข้าสู่พืชอาหารสัตว์บางชนิด โดยความร่วมมือกับหน่วยปฏิบัติการเทคโนโลยีชีวภาพด้านสัตว์ การพัฒนาเทคนิคการถ่ายยีนในพืชเศรษฐกิจเพื่อสร้างพันธุ์พืชใหม่ ในพืชตระกูลถั่ว อ้อย ข้าวโพดAG-BIO


หน่วยการศึกษาชีวฟิสิกส์ สรีรวิทยา และชีวเคมีของพืชงานวิจัยของกลุ่มปฏิบัติการนี้จะเน้นในลักษณะบูรณาการองค์ความรู้ทางชีวฟิสิกส์ สรีรวิทยา และชีวเคมี เพื่อตอบปัญหาพื้นฐานเกี่ยวเนื่องกับการผลิตพืช และเพื่อการเพิ่มผลิตภาพและพัฒนาคุณภาพพืชตามความต้องการ โดยมีการประสานความรู้ทางอณูชีววิทยา เพื่อศึกษาการแสดงออกยีนประกอบกันไป งานวิจัยปัจจุบัน ได้แก่ การศึกษาชีวฟิสิกส์ และการจัดการน้ำและธาตุอาหารเฉพาะของมังคุด ปาล์มน้ำมัน อ้อย และยาง การประเมินศักยภาพทางสรีรวิทยา และชีวเคมีที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์แสง ความทนเค็ม ความทนด่าง ของไม้ยูคาลิปตัส ผลกระทบของฤดูเก็บเกี่ยวต่อการสังเคราะห์แป้งของมันสำปะหลัง ฯลฯ หน่วย Plant-Microbe Interaction, Biocontrol and Biosafety เพื่อเป็นการประสานองค์ความรู้ในเชิงการจัดการระบบการปลูกพืช กลุ่มปฏิบัติการนี้จึงสร้างแนวคิดใหม่ ที่จะประสานองค์ความรู้ในสาขาโรคพืชวิทยา กีฏวิทยา และปฐพีวิทยา เข้าด้วยกันแนวงานวิจัยหลัก เป็นการศึกษาถึงกลไกการควบคุมหรือกำจัด โรค และแมลง โดยใช้ความรู้ระดับอณูชีววิทยา และพันธุศาสตร์ระดับโมเลกุลมาเป็นเครื่องมือ เพื่อสร้างความเข้าใจแนวลึก ขณะเดียวกันหน่วยนี้ยังศึกษาถึงความหลากหลายทางชีวภาพของแมลง หรือ จุลินทรีย์ ที่มีประโยชน์ เพื่อการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมเกษตร AG-BIO


หน่วยเทคโนโลยีชีวภาพด้านสัตว์งานวิจัยของหน่วยนี้เน้นการวิจัยเพื่อให้บริการและพัฒนาคุณภาพระบบการผลิตสัตว์ ได้แก่ การวิเคราะห์โรคโดยเน้นความรวดเร็วและแม่นยำในการตรวจสอบ การพัฒนางานวิจัยสาขาภูมิคุ้มกันวิทยา วัคซีนเทคโนโลยี การย้ายฝากตัวอ่อน การปรับปรุงพันธุ์โดยวิธีชีวโมเลกุล และการศึกษาความหลากหลายทางพันธุกรรมของสัตว์พื้นเมืองของประเทศไทยและการอนุรักษ์เชื้อพันธุกรรม กิจกรรมของหน่วยปฏิบัติการนี้เป็นการผนวกบุคลากรและทรัพยากร ระหว่างคณะเกษตร และคณะสัตวแพทยศาสตร์สนับสนุนด้วยอุปกรณ์ ได้แก่ CO 2incubator, Lyophilizer, Inverted Microscope, Biohazard Hood, Deep Freezer ฯลฯหน่วยเทคโนโลยีชีวภาพด้านประมงด้วยประเทศไทยเป็นฐานใหญ่ของความหลากหลายทางชีวภาพ ดังนั้น หน่วยปฏิบัติการนี้จึงเห็นความสำคัญของการดำรงไว้ซึ่งลักษณะทางพันธุกรรม หรือเชื้อพันธุ์ที่ดีของสัตว์น้ำเศรษฐกิจขณะเดียวกัน การจัดการที่ดีในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพเป็นหัวใจสำคัญของงานวิจัยในหน่วยนี้ซึ่งมีเครื่องมือวิทยาศาสตร์ประเภท SequencingGel for AFLP, PCR, Gel Documentation andAnalysis, Pulse-field Gel ElectrophoresisสนับสนุนAG-BIO


10AG-BIOงานบริการ1. ด้านวิเคราะห์ ตรวจสอบ• การให้บริการจำแนกเชื้อแบคทีเรีย โดยระบบ Biolog<strong>ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร</strong> เปิดบริการวิเคราะห์จำแนกเชื้อแบคทีเรียอย่างรวดเร็ว โดยใช้เทคนิคมาตรฐานทางจุลชีววิทยา ร่วมกับ ระบบ BiologMicroStation ซึ่งวิเคราะห์จากการใช้แหล่งคาร์บอนจำนวน 95 ชนิดของเชื้อแบคทีเรีย และวิเคราะห์ผลโดยเทียบกับฐานข้อมูลมาตรฐาน หากต้องการส่งเชื้อแบคทีเรียมาจำแนก ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่www.cab.kps.ku.ac.th• การตรวจสอบความบริสุทธิ์ของเมล็ดพันธุ์ ด้วยเทคนิคMicrosatellite marker ในพริก มะเขือเทศ แตงกวา • การตรวจสอบปริมาณดีเอ็นเอและจำนวนชุดโครโมโซมพืชด้วย Flow cytometer2. ด้านอุปกรณ์ เครื่องมือ วิทยาศาสตร์<strong>ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร</strong> ในฐานะเป็นศูนย์วิจัยระดับแนวหน้าของประเทศและภูมิภาคในสาขาเทคโนโลยีชีวภาพเกษตรที่นักวิจัยสามารถดำเนินงานวิจัยในทางกว้างและลึก ศูนย์ฯ ยังจัดให้มีบริการเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่พร้อมให้บริการในงานวิจัยต่างๆหลายกลุ่ม ได้แก่ เครื่องมือวิทยาศาสตร์ทั่วไป เครื่องมือวิทยาศาสตร์ด้านวิทยาภูมิคุ้มกัน ด้านอณูชีวโมเลกุล ด้านวิเคราะห์ทางเคมีด้านวิเคราะห์ทางสรีรวิทยา ด้านวิเคราะห์ทางกายภาพ วิเคราะห์ด้านชีวภาพ กล้องจุลทรรศน์ เครื่องมือวิทยาศาสตร์ด้านชีวโมเลกุล ระดับHigh throughput และห้องเย็นขนาดใหญ่ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมชนิดเครื่องมือ และอัตราค่าบริการที่ www.cab.kps.ku.ac.th


สัมภาษณ์พิเศษ“ไข้หวัดสุกร/ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009”รศ. น.สพ. ดร. ทวีศักดิ์ ส่งเสริม ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์<strong>มหาวิทยาลัย</strong>เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนจากข่าวที่ผ่านมาพบว่าไข้หวัดในสุกร สามารถแพร่สู่คนได้ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรเชื้อไวรัสไข้หวัดมีอยู่ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม A B และC โดยทั้ง 3 กลุ่มนี้สามารถก่อโรคในคนได้ ในขณะที่ กลุ่มB กับ C ไม่ค่อยก่อโรคในสัตว์ แต่อาจมีกลุ่ม C จำนวนน้อยที่พบในสุกรได้ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในกลุ่ม A นี้มีหลายสายพันธุ์ย่อยตั้งแต่ H1- H16 และ N1-N9 เชื้อไวรัสH1N1 ที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ จัดอยู่ในกลุ่ม A เช่นเดียวกับไข้หวัดนก H5N1 ที่เคยระบาดมาก่อนหน้านี้ เชื้อไข้หวัดใหญ่ H1N1 ที่เกิดขึ้นมีรายงานการเกิดโรคในคนในประเทศต่าง ๆ มากกว่า 60 ประเทศแล้วเช่น เม็กซิโกสหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น สเปน ออสเตรเลียนิวซีแลนด์ ประเทศไทย ฯลฯ พบว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยพบในคนและสุกรมาก่อน และการติดต่อของโรคยังลักษณะการติดต่อจากคนสู่คนเป็นส่วนใหญ่ และเท่าที่มีข้อมูลอยู่ในปัจจุบันพบว่าเชื้อนี้สามารถติดจากคนไปสุกรได้ แต่ยังไม่มีรายงานที่ติดจากสุกรไปสู่คน เพียงแต่ไวรัส H1N1 สายพันธุ์ 2009 นี้มีพันธุกรรมบางส่วนเหมือนกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่พบในสุกรทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปไข้หวัดสุกร (swine flu) ที่เกิดจากเชื้อไวรัส แตกต่างอย่างไรกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ไข้หวัดใหญ่ H1N1 สายพันธุ์ใหม่ 2009 เกิดจากการกลายพันธุ์ชนิดที่มีการรวมพันธุกรรมส่วนต่าง ๆระหว่าง เชื้อไข้หวัดสุกร ไข้หวัดใหญ่ของคน และเชื้อไข้หวัดใหญ่ในสัตว์ปีก จนกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ติดคนและสามารถถ่ายทอดจากคนสู่คนได้ อย่างไรก็ตาม โดยธรรมชาติแล้ว เชื้อไวรัสหวัดใหญ่ซึ่งมีโครงสร้างทางพันธุกรรมเป็นชนิดอาร์เอนเอ (RNA virus) ไวรัสจะมีความผันแปรและโอกาสกลายพันธุ์สูงกว่าเชื้อไวรัสชนิดดีเอ็นเอ(DNA virus) ที่ก่อโรคอื่นๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการกลายพันธุ์ของเชื้อที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้เชื้อมีคุณสมบัติที่ทำให้เกิดโรครุนแรง หรือก่อให้เกิดความเสียหายได้มากน้อยต่างกันไปดังที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ได้แก่ เชื้อไข้หวัดนก H5N1 ทำให้ผู้ติดเชื้อไวรัสถึงกับเสียชีวิตได้ สำหรับในประเทศไทยเชื้อไข้หวัดใหญ่ในสุกร สามารถพบได้เป็นช่วง ๆ แต่สายพันธุ์ที่แยกได้จากสุกรที่ป่วยได้แก่ H1N1, H1N2 และ H3N2และที่สำคัญก็คือ เชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิด H1N1 ที่แยกได้จากสุกรป่วยในประเทศไทยเท่าที่มีรายงานนั้น มีความแตกต่างทางพันธุกรรมอย่างมากเมื่อเทียบกับเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่แยกได้จากคนที่ป่วย ส่วนพันธุกรรมของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่แยกได้จากในคนไทยป่วยที่เพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ มีลักษณะเหมือนกันกับเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่แยกได้จากคนป่วยใน สหรัฐอเมริกา เม็กซิโกซึ่งลักษณะพันธุกรรมของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่แยกในคนไทยที่ป่วยกลับจากต่างประเทศนั้น ก็ไม่เหมือนกับเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่เกิดในคนตามฤดูกาลที่ผ่านมาแต่อย่างใดข้อคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีที่ต่างประเทศมีการฆ่าสุกรเป็นจำนวนมากจากที่ได้กล่าวไปแล้วว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้พบในคนก่อน และแพร่จากคนไปติดสุกรในประเทศแคนาดาซึ่งในประเทศแคนาดามีการพบคนติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่นี้ก่อนแล้ว และแพร่ไปในสุกร จึงได้มีการฆ่าสุกรเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ แต่ในประเทศของเรายังไม่พบการติดเชื้อชนิดนี้ในสุกรจึงยังไม่จำเป็นต้องฆ่าสุกรความเป็นไปได้ที่ไข้หวัดนี้จะเข้ามาทำความเสียหายให้กับการผลิตสุกรในประเทศไทย ตลอดจนความปลอดภัยต่อการบริโภคสุกรที่เป็นโรคนี้12AG-BIO


ในประเทศไทย ถึงแม้จะพบคนที่ติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ แต่ก็ยังสามารถควบคุมได้ สำหรับความกังวลที่ว่าเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 จะติดมากับสุกรที่นำเข้าจากต่างประเทศ กรมปศุสัตว์ได้สั่งระงับการนำเข้าพ่อพันธุ์แม่พันธุ์สุกรจากแหล่งที่มีการแพร่ระบาดของโรคชั่วคราว และหากจำเป็นต้องนำเข้าสุกรจากต่างประเทศ ก็มีกลไกการป้องกัน เฝ้าระวังโรค โดยการกักกันสัตว์ก่อน ดังนั้นคนไทยจึงไม่ควรตื่นตระหนกในเรื่องนี้ และคนที่บริโภคสุกรไม่ต้องเกรงกลัวการติดเชื้อนี้ และควรบริโภคเนื้อหรือเครื่องในสุกรที่ปรุงสุกแล้วเรามีวิธีป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้อย่างไรการแพร่กระจายของโรคนี้ที่พบว่ามีการแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็ว เกิดจากการเดินทางของคนไปยังประเทศต่างๆ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ หากต้องเดินทางควรมีการป้องกันตนเอง โดยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง หากพบว่าตนเองมีอาการไข้หวัดภายหลังจากเดินทาง ก็ควรให้ความร่วมมือในมาตรการเฝ้าระวังโรค โดยปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งคัด แม้กระทั่งในขณะที่เราไม่ได้เดินทางไปไหนก็ควรจะต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ป้องกันการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะช่วงฤดูฝนเช่นนี้ ซึ่งปกติจะพบการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่อยู่แล้ว ที่เราเรียกว่าไข้หวัดตามฤดูและหากสงสัยว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ควรไปพบแพทย์ทันทีไม่ควรหายาปฏิชีวนะหรือยาต้านไวรัสมารับประทานเองพักผ่อนให้เพียงพอ สวมหน้ากากปิดปากจมูกเวลาจามไอเพื่อลดการแพร่เชื้อสู่บรรยากาศ และแยกตัวออกจากผู้อื่นเพื่อไม่ทำตัวให้เป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อต่อไป ในสถานการณ์ปัจจุบันจำเป็นหรือไม่ ที่ต้องมีการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สำหรับบุคคลทั่วไปที่แข็งแรง ยังไม่จำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัด ยกเว้นในรายที่ประกอบอาชีพที่มีความเสี่ยง เช่น เลี้ยงสัตว์ หรือทำงานที่อาจจะมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ มีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด ภูมิแพ้เป็นต้น ควรฉีดวัคซีนป้องกัน แต่วิธีการที่ดีที่สุดคือ การรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ สำหรับการใช้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ไม่ควรใช้เพื่อการป้องกันแต่ควรใช้ในกรณีที่มีอาการเริ่มแรก และต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ ทั้งนี้เพื่อลดโอกาสการดื้อยาต้านไวรัสของเชื้อ นอกจากนี้ยาต้านไวรัสบางชนิดยังส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียงรุนแรงแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เช่น คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน บางรายอาจเกิดลักษณะอาการหลอนได้ อย่างไรก็ตามรัฐได้มีการสำรองยาต้านไวรัสไว้เพื่อใช้กับผู้ป่วยที่พบการติดเชื้อได้อย่างทันเหตุการณ์แล้วสำหรับสุกร จำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สุกรหรือไม่ในสุกรเองก็ยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนชนิดนี้ ถึงแม้ว่าสุกรสามารถเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ได้ แต่สามารถหายเองในเวลารวดเร็ว และสร้างภูมิคุ้มกันได้ในด้านการเกษตรเราควรมีงานวิจัยเร่งด่วน ระยะยาวและเทคโนโลยีชีวภาพจะมาช่วยได้อย่างไรงานวิจัยเร่งด่วนที่ควรทำในตอนนี้ เราควรจะมีการวิจัยเพื่อเฝ้าระวังการเกิดโรค การสำรวจเก็บตัวอย่างศึกษาโครงสร้างทางพันธุกรรม และเปรียบเทียบถึงความเหมือน ใกล้เคียง หรือเปลี่ยนแปลงของเชื้อไวรัสไปอย่างไรซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการอยู่ งานวิจัยที่ควรทำเพื่อรองรับสถานการณ์ในอนาคตที่เชื้อไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานั้น ควรทำการศึกษาเพื่อหาวิธีการตรวจที่รวดเร็ว แม่นยำ ซึ่งในการวิจัยในระดับนี้ต้องใช้เทคโนโลยีด้านอณูชีวโมเลกุลมาช่วย ทั้งส่วนของการศึกษาถึงโครงสร้างทางพันธุกรรม และการตรวจสอบอื่นๆ ที่อยู่บนพื้นฐานการใช้สารพันธุกรรม หรือ การผลิตแอนติบอดีทดสอบความจำเพาะของเชื้อ ฯลฯ13AG-BIO


เรื่องน่ารู้ AgBiotech: สัตวแพทย์กับงานด้านเทคโนโลยีชีวภาพสพ.ญ. สุกัญญา ทองรัตน์สกุล ภาควิชาสัตวแพทยสาธารณสุขศาสตร์ และการบริการวินิจฉัย คณะสัตวแพทยศาสตร์ <strong>มหาวิทยาลัย</strong>เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนเทคโนโลยีชีวภาพมีบทบาทสำคัญอย่างแพร่หลายต่องานด้านสัตวแพทย์เช่นการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยทางอาหาร การตรวจวินิจฉัยโรคสัตว์ที่ติดต่อระหว่างคนและสัตว์ การประยุกต์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อวินิจฉัยโรคในปศุสัตว์ สัตว์น้ำ สัตว์ป่า และสัตว์เลี้ยง รวมไปถึงงานด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่า (Wild life conservative) ที่สัตวแพทย์จำเป็นต้องใช้องค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพร่วมกับความรู้ทางนิติวิทยาศาสตร์ (Forensic medicine)เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาสัตว์ป่าที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกี่ยวกับการลักลอบฆ่าสัตว์ป่า สัตว์สงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นต้นหน่วยงานที่จัดเป็นแหล่งของความรู้ การบริการ และค้นคว้าวิจัยทางเทคโนโลยีชีวภาพที่สำคัญหน่วยงานหนึ่งคือ<strong>ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร</strong> (Centerfor Agricultural Biotechnology) <strong>มหาวิทยาลัย</strong>เกษตรศาสตร์ โดยศูนย์ฯ มีศักยภาพในการรองรับการพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านสัตวแพทย์เป็นอย่างดี มีการให้บริการและสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย เช่น เครื่อง Geneticanalysis system รุ่น CEQTM8000 (Beckham Coulter, CA, USA) เพื่อใช้ในการตรวจหา Ge<strong>not</strong>yping ของเชื้อ Campylobacter jejuni และCampylobacter coli ในเนื้อเยื่อไก่จากฟาร์มไก่และโรงฆ่าไก่ ด้วยวิธี AmplifiedFragment Length Polymorphism (AFLP) ซึ่งมีประโยชน์สำหรับงานทางระบาดวิทยาในระดับโมเลกุลของเชื้อ Campylobacter ซึ่งจัดเป็นเชื้อแบคทีเรียที่มีความรุนแรงในการก่อโรคในคน และเชื้อตัวนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ง่ายผ่านทางการปนเปื้อนในอาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากสัตว์ โดยผู้ที่ได้รับเชื้อนี้เข้าไปอาจก่อให้เกิดปัญหาทางระบบทางเดินอาหารจนมีอันตรายถึงชีวิตได้ จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีชีวภาพสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับวิทยาการทางสัตวแพทย์ในแขนงต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้การทำงานของสัตวแพทย์ในสายงานด้านต่างๆ มีคุณภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น 14AG-BIO


AgBiotech Hot News Animal Biotechnologyโดย สพ.ญ.ดร. จันทร์จิรา ภวภูตานนท์ภาควิชาสัตวแพทยสาธารณสุขศาสตร์ และการบริการวินิจฉัย คณะสัตวแพทยศาสตร์ <strong>มหาวิทยาลัย</strong>เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนสุนัขพันธุ์ Siberian Husky อายุ 3 ปี ชื่อ Nakota เป็นหนึ่งในสุนัขกว่า 200 ตัวที่ได้รับการรักษาโรคข้อเสื่อมด้วยวิธี stem cellที่มา : http://www.newsweek.com/id/40411สุนัขพันธุ์ Bedlington Terrier เป็นสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค copper toxicosisที่มา : www.dogsindepth.com/.../bedlington_terrier.htmlการนำ Stem cell มาใช้ในการรักษาโรคข้อเสื่อมในสุนัขในขณะที่มนุษย์ที่เกิดปัญหาข้อเสื่อมรอคอยความหวังในการรักษาโรคนี้ พบว่าในปัจจุบัน ม้า สุนัข และแมวในอเมริกา ประสบผลสำเร็จในการนำ stem cell มาใช้รักษาโรคข้อเสื่อมได้แล้ว สุนัขจำนวนมากประสบปัญหาโรคข้อเสื่อม ไม่ว่าจะเกิดจากข้อสะโพก ข้อเข่า รวมถึงกระดูกและข้อต่อ เอ็นต่างๆ สุนัขเหล่านี้ต้องทนทุกข์ทรมาณจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น สุนัขบางตัวไม่สามารถเดินหรือแม้แต่ลุกขึ้นยืนได้ ส่งผลกระทบต่อชีวิตและกิจกรรมประจำวันของสุนัขเอง รวมถึงค่าใช้จ่ายและเวลาที่เสียไปของเจ้าของในการดูแลสุนัขที่เพิ่มขึ้น ด้วยความก้าวหน้าในการนำเทคโนโลยีด้าน stem cellมาใช้ ปัจจุบันสามารถนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในการรักษาโรคข้อเสื่อมในสุนัข ศูนย์ stem cell ที่มีชื่อว่า Vet-Stem ใน San Diego,California, USA สามารถนำไขมันบริเวณลำตัวสุนัขเอง เช่น บริเวณหัวไหล่ มาเพาะเลี้ยง stem cell และฉีดกลับเข้าไปในตัวสุนัขเองพบว่า stem cell เหล่านี้มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถ regenerateไปเป็นเซลล์ต่างๆ ได้ เช่น เซลล์กระดูก กล้ามเนื้อหัวใจ เม็ดเลือดแดงเป็นต้น ปัจจุบันมีสุนัขกว่า 200 ตัวที่ประสบผลสำเร็จจากการรักษาด้วยวิธีการนี้ เนื่องจาก stem cell ที่ได้มาจากตัวสุนัขเองนั้นมีข้อดีคือไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้านทางภูมิคุ้มกันขึ้น พบว่ามีอัตราความสำเร็จมากกว่า 70% ในอนาคตความรู้ที่ได้นี้คงสามารถนำไปพัฒนาต่อเพื่อรักษาโรคข้อเสื่อมในมนุษย์ต่อไปเทคโนโลยีการผสมเทียมในสัตว์ในสัตว์ได้มีการนำเทคโนโลยีทางด้านการผสมเทียมมาใช้ช่วยในการผสมพันธุ์สัตว์ที่หายาก ใกล้สูญพันธุ์ หรือมีปัญหาในการผสมพันธุ์เองตามธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น กรณีของหมีแพนด้าที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ได้มีการนำเทคโนโลยีด้านการผสมเทียมมาใช้ โดยการตรวจวัดระดับฮอร์โมนเพื่อหาวันตกไข่ และกำหนดวันผสม เนื่องจากเกิดปัญหาในการผสมจริง ดังนั้นจึงได้ทำการรีดเก็บน้ำเชื้อสดเพื่อนำมาใช้ผสมเทียม ก่อนทำการผสมจะต้องมีการประเมินคุณภาพน้ำเชื้อของพ่อหมีแพนด้าก่อน ว่ามีคุณภาพน้ำเชื้ออยู่ในเกณฑ์ปกติที่สามารถนำมาใช้ผสมได้ จากนั้นจึงทำการสอดท่อเข้าทางช่องคลอดของแม่หมีแพนด้า เพื่อฉีดน้ำเชื้อเข้าไป ผลคือขณะนี้เราได้ลูกหมีแพนด้าที่เกิดจากการผสมเทียมขึ้น นอกจากจะผสมเทียมด้วยน้ำเชื้อสดแล้ว (น้ำเชื้อที่ไม่ได้ผ่านขบวนการ หรือเติมสารใดๆเพื่อให้สเปิร์มมีอายุได้นานขึ้น) ยังสามารถผสมเทียมได้ด้วยน้ำเชื้อแช่เย็น และแช่แข็ง กรณีของน้ำเชื้อแช่เย็นต้องมีการเติมสารอาหารให้สเปิร์มและสามารถเก็บที่ 4 ํCไว้ได้เป็นเวลา 3-7 วันขึ้นอยู่กับชนิดของสัตว์ หรือทำการเติมสารอาหารและสารที่ใช้ในขบวนการแช่แข็งในน้ำเชื้อ เพื่อให้น้ำเชื้อสามารถมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานที่ -196 ํC ด้วยวิธีการนี้สามารถเก็บน้ำเชื้อได้นานเป็นเวลามากกว่า 10-20 ปี มากกว่าอายุของสัตว์ที่ทำการรีดเก็บน้ำเชื้ออาหารพันธุกรรมและการประยุกต์ใช้เพื่อการมีสุขภาพที่ดีและอายุที่ยืนยาวในสัตว์ผลที่ได้จากการถอดรหัสทางพันธุกรรมทั้งในมนุษย์และสัตว์ทำให้ทราบว่าในจีโนมของสิ่งมีชีวิตมี SNP (single nucleotidepolymorphism) จำนวนมาก SNP เป็นบริเวณของดีเอ็นเอที่มีลำดับเบสที่แตกต่างกันเพียงหนึ่งเบสเท่านั้น พบเป็นจำนวนมากและกระจายตัวอยู่ทั่วทั้งจีโนม สิ่งมีชีวิตแต่ละตัวจะมีความหลากหลายของSNP ที่แตกต่างกันออกไป พบว่าความแตกต่างนี้มีผลให้เกิดการตอบสนองต่อการรักษาทางยาที่แตกต่างกันในสัตว์แต่ละตัว แม้ว่ายาที่ใช้ในการรักษาจะเป็นชนิดเดียวกัน ลักษณะของดีเอ็นเอที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมยังมีผลให้สัตว์มีการตอบสนองต่อสารอาหารที่แตกต่างกันเนื่องจากการแสดงออกของยีน ทั้งในขบวนการ transcription,translation และ post-translation ที่แตกต่างกัน เกิดลักษณะที่เรียกว่า “ ge<strong>not</strong>ype-based diets” ขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าสารอาหารที่ได้รับขณะอยู่ในท้องและหลังคลอด ส่งผลต่อ metabolismของชีวิตและความเสี่ยงต่อการเกิดโรคในอนาคต โรค coppertoxicosis เป็นโรคทางพันธุกรรมในสุนัขที่เกิดจากความผิดปกติของยีน MURR1 และทำให้สุนัขเสียชีวิตจากการสะสมของ copper ในตับถ้าทำการทดสอบยีนและพบว่าสุนัขป่วยเป็นโรคนี้ และทำการปรับอาหารให้ถูกต้องจะสามารถยืดอายุการมีชีวิตอยู่ของสุนัขได้ นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการนำอาหารและพันธุกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อการมีชีวิตที่มีสุขภาพดีและยืนยาวในอนาคต15AG-BIO


ภาพข่าวกิจกรรม30 มกราคม 2552 ห้องกวี จุติกุล คณะเกษตรศาสตร์ <strong>มหาวิทยาลัย</strong>ขอนแก่นภาควิชาโรคพืช ร่วมกับ<strong>ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร</strong> <strong>มหาวิทยาลัย</strong>ร่วม <strong>มหาวิทยาลัย</strong>ขอนแก่นจัดบรรยายพิเศษให้แก่นักศึกษา คณาจารย์ และผู้สนใจเข้าร่วมฟังหัวข้อ “Good Seed and PlantPractice” โดยวิทยากรผู้บรรยาย Mr. Paul Hendrikx Syngenta seed, The Netherlands4 กุมภาพันธ์ 2552 ห้องประชุมสุขุม อัศเวศน์ อาคารเฉลิมพระเกียรติ คณะเกษตรศาสตร์<strong>มหาวิทยาลัย</strong>เชียงใหม่คณะเกษตรศาสตร์ ร่วมกับศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร สำนักพัฒนาบัณฑิตศึกษาและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดสัมมนาพิเศษ “รายงานความก้าวหน้าผลงานวิจัยของนักศึกษาประจำปีการศึกษา 2551” โดยมีคณาจารย์ และนักศึกษาในโครงการฯ ร่วมจำนวนทั้งหมด 30 คน27 กุมภาพันธ์ 2552 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น การประชุมหารือ เรื่อง “ แผนที่นำทาง ภาพฉายอนาคต และยุทธศาสตร์การพัฒนานโยบายวิจัยด้านเทคโนโลยีชีวภาพในระยะยาว ” โดย<strong>ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร</strong> <strong>มหาวิทยาลัย</strong>เกษตรศาสตร์ และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) 2 มีนาคม 2552 ห้องฝึกอบรมหมวดประมง คณะเกษตรศาสตร์ <strong>มหาวิทยาลัย</strong>ขอนแก่นภาควิชาประมง คณะเกษตรศาสตร์ <strong>มหาวิทยาลัย</strong>ขอนแก่น ร่วมกับ <strong>ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร</strong> <strong>มหาวิทยาลัย</strong>ร่วม <strong>มหาวิทยาลัย</strong>ขอนแก่น จัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การใช้เทคโนโลยี RFID ในสัตว์น้ำ” ซึ่ง RFID : Radio Frequency Identification เป็นเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุที่สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการศึกษาแนวทางการปรับปรุงหรือพัฒนาสายพันธุ์สัตว์น้ำ เพื่อให้ได้ลูกพันธุ์คุณภาพดี11 มีนาคม 2552 ห้องประชุม ของโครงการฯ คณะเกษตรศาสตร์ <strong>มหาวิทยาลัย</strong>เชียงใหม่คณาจารย์จากภาควิชาต่างๆ ของคณะเกษตรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะอุตสาหกรรมเกษตร <strong>มหาวิทยาลัย</strong>เชียงใหม่ ทั้งหมด 9 ท่าน ร่วมกับศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร สำนักพัฒนาบัณฑิตศึกษาและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประชุมหารือ เรื่อง“แนวคิดงานวิจัยผลิตภัณฑ์จากข้าวก่ำ” 9 - 30 มีนาคม 2552 <strong>ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร</strong> <strong>มหาวิทยาลัย</strong>เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนศูนย์ฯ ได้จัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “Cellular and Molecular Biology Laboratory” ซึ่งเป็นการเรียนรู้ และปฏิบัติจริงเกี่ยวกับวิธีการโคลนยีน การตรวจสอบ และการแสดงออกของยีน โดยมีนิสิตนักศึกษา อาจารย์จากคณะ และสถาบันต่างๆ เข้าร่วมได้แก่ คณะประมง คณะสัตวแพทยศาสตร์<strong>มหาวิทยาลัย</strong>เกษตรศาสตร์ <strong>มหาวิทยาลัย</strong>เชียงใหม่ <strong>มหาวิทยาลัย</strong>ขอนแก่น และ<strong>มหาวิทยาลัย</strong>สงขลานครินทร์ติดต่อขอรับข่าวสารได้ที่หน่วยประสานงาน: <strong>ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร</strong> ตู้ ปณฝ. 1028 <strong>มหาวิทยาลัย</strong>เกษตรศาสตร์ บางเขน จตุจักร กรุงเทพฯ 10903สำนักงาน: บางเขนอาคารพิพิธภัณฑ์แมลง 60 ปี <strong>มหาวิทยาลัย</strong>เกษตรศาสตร์ บางเขน จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 02-942-8361, 02-942-7133 โทรสาร 02-942-8258สำนักงาน: กำแพงแสนชั้น 1 อาคารปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร <strong>มหาวิทยาลัย</strong>เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม 73140 โทรศัพท์ 0 3428-2494 ถึง7 โทรสาร 0 3428-2498www.cab.kps.ku.ac.th

Hooray! Your file is uploaded and ready to be published.

Saved successfully!

Ooh no, something went wrong!