มี.ค.61
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
หน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยหรือการ<br />
บังคับใช้กฎหมายนั้น <strong>มี</strong>กฎหมายรองรับให้<br />
กระทาได้ ตามที่บัญญัติในมาตรา ๕๖ ของ<br />
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย<br />
พุทธศักราช ๒๕๖๐ บัญญัติสรุปได้ว่า รัฐ<br />
ต้องจัดให้<strong>มี</strong>กาลังทหารเพื่อพิทักษ์ไว้ซึ่ง<br />
ความมั่นคงของรัฐและความสงบเรียบร้อย<br />
ของประชาชน และมาตรา ๘ กับมาตรา<br />
๓๖ แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบ<br />
ราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๕๑<br />
กาหนดสรุปได้ว่าให้กระทรวงกลาโหม<strong>มี</strong><br />
อานาจหน้าที่พิทักษ์รักษาความมั่นคงแห่ง<br />
ราชอาณาจักรจากภัยคุกคามทั้งภายนอก<br />
และภายในราชอาณาจักร ตลอดจน<br />
ปฏิบัติการอื่นที่เป็นการปฏิบัติการทาง<br />
ทหารนอกเหนือจากสงครามเพื่อความ<br />
มั่นคงแห่งราชอาณาจักร และป้องกัน<br />
ระงับ หรือปราบปรามการกระทาความผิด<br />
ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐซึ่งจาเป็น<br />
ต้องใช้กาลังทหารระงับเหตุการณ์ร้ายแรง<br />
โดยเร็ว<br />
นอกจากนั้นในการรักษาความสงบ<br />
เรียบร้อยของประเทศหรือการทาหน้าที่<br />
บังคับใช้กฎหมาย พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ว่า<br />
จะเป็นตารวจหรือทหารสามารถเข้าไปได้<br />
ในทุกสถานที่เพื่อรักษาความสงบ<br />
เรียบร้อยหรือทาหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย<br />
เช่น แหล่งชุมชน โรงพยาบาล โรงเรียน<br />
หรือสถานที่สาคัญทางศาสนาหรือศิลป-<br />
วัฒนธรรม เป็นต้น ไม่<strong>มี</strong>ข้อจากัดดังเช่น<br />
ในกรณีการรบหรือการสงครามภายใต้<br />
หลักกฎหมายสงครามหรือกฎหมายว่า<br />
ด้วยการขัดกันด้วยอาวุธระหว่างประเทศ<br />
ที่ผู ้ทาการรบที่เรียกว่า พลรบ (Combatant)<br />
จะต้องหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปในหรือใช้<br />
ประโยชน์ทางทหารจากสถานที่ดังกล่าว<br />
และการที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารซึ่งเป็น<br />
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสามารถมาปฏิบัติ<br />
หน้าที่บังคับใช้กฎหมายได้นั้น ก็เป็นไป<br />
ตามประมวลระเบียบการปฏิบัติของ<br />
เจ้าหน้าที่ที่<strong>มี</strong>อานาจหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย<br />
(Code of Conduct for Law Enforcement<br />
Officials 1979) ซึ่งถือได้ว่าเป็น<br />
หลักสากลที่องค์การสหประชาชาติได้จัด<br />
ทาขึ้น กาหนดว่า “เจ้าหน้าที่ที่<strong>มี</strong>อานาจ<br />
หน้าที่บังคับใช้กฎหมาย” หมายรวมถึง<br />
เจ้าหน้าที่ตามกฎหมายทุกประเภท ไม่ว่า<br />
จะมาจากการแต่งตั้งหรือเลือกตั้ง ซึ่งใช้<br />
อานาจหน้าที่อย่างตารวจโดยเฉพาะการ<br />
จับกุมหรือควบคุมตัว ในประเทศที่ทหาร<br />
สามารถใช้อานาจหน้าที่อย่างตารวจหรือ<br />
โดยกองกาลังรักษาความมั่นคงของรัฐ<br />
ความหมายของเจ้าหน้าที่ที่<strong>มี</strong>อานาจหน้าที่<br />
บังคับใช้กฎหมายรวมถึงเจ้าหน้าที่<br />
ดังกล่าวด้วย<br />
๒. หลักกฎหมายสาคัญและหลัก<br />
สากลที่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจะต้อง<br />
ยึดถือเป็นหลักปฏิบัติ โดยเฉพาะการใช้<br />
อาวุธปืน และการชันสูตรพลิกศพกับการ<br />
ไต่สวนสาเหตุการตาย ซึ่งแตกต่างจากการ<br />
รบหรือการสงคราม ดังนี้<br />
๒.๑ ประมวลกฎหมายอาญา<br />
มาตรา ๖๘ ซึ่งสรุปได้ว่า การใช้กาลังหรือ<br />
อาวุธของทหารที่ทาหน้าที่บังคับใช้<br />
กฎหมายต้องพอสมควรแก่เหตุหรือที่<br />
เรียกกันโดยทั่วไปว่าไม่เกินกว่าเหตุ ถือว่า<br />
เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายและ<br />
อยู่ภายใต้หลักการป้องกันตนเอง กล่าวคือ<br />
เป็นการป้องกันชีวิตของตนเองหรือผู้อื่น<br />
ให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึงจากการ<br />
ประทุษร้ายโดยผู้ต้องสงสัย ผู้ต้องหา หรือ<br />
ผู้ที่จะถูกตรวจค้นหรือจับกุม ดังนั้น ในการ<br />
ทาหน้าที่บังคับใช้กฎหมายต้อง<strong>มี</strong>การ<br />
แสดงตน การเตือนด้วยวาจา การยิงเตือน<br />
ในทิศทางที่ปลอดภัย เว้นแต่หากสถานการณ์<br />
ไม่เอื้ออานวยหรือเป็นอันตรายต่อชีวิต<br />
หรือบาดเจ็บสาหัสของผู้ใด<br />
๒.๒ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา<br />
ความอาญา มาตรา ๑๕๐ ซึ่งสรุปได้ว่า<br />
ในกรณีที่<strong>มี</strong>การตายเกิดขึ้นโดยการกระทา<br />
ของเจ้าพนักงานระหว่างปฏิบัติหน้าที่หรือ<br />
ตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของ<br />
เจ้าพนักงานระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ให้<strong>มี</strong><br />
การชันสูตรพลิกศพ แล้ว<strong>มี</strong>การร้องขอต่อ<br />
ศาลชั้นต้นแห่งท้องที่ที่ศพนั้นอยู่ เพื่อให้<br />
ศาลทาการไต่สวนและทาคาสั่งแสดงว่า<br />
ผู้ตายคือใคร ตายที่ไหน เมื่อใด และถึงเหตุ<br />
กับพฤติการณ์ที่ตาย ถ้าตายโดยคนทาร้าย<br />
ให้กล่าวว่าใครเป็นผู้กระทาเท่าที่จะทราบได้<br />
แล้วส่งสานวนไปให้พนักงานอัยการ หรือ<br />
อัยการทหารเพื่อ<strong>มี</strong>คาสั่งฟ้องทางอาญา<br />
หลักเมือง <strong>มี</strong>นาคม ๒๕๖๑<br />
33