2552 - à¸à¸£à¸°à¸à¸£à¸§à¸à¸à¸²à¸£à¸à¹à¸²à¸à¸à¸£à¸°à¹à¸à¸¨
2552 - à¸à¸£à¸°à¸à¸£à¸§à¸à¸à¸²à¸£à¸à¹à¸²à¸à¸à¸£à¸°à¹à¸à¸¨
2552 - à¸à¸£à¸°à¸à¸£à¸§à¸à¸à¸²à¸£à¸à¹à¸²à¸à¸à¸£à¸°à¹à¸à¸¨
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
ความร่วมมือในกรอบอนุภูมิภาคและกรอบภูมิภาค<br />
(1) การพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานตามแนว<br />
East West Economic Corridor และ Southern Economic<br />
Corridor <br />
(2) การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการน้ำใน<br />
ลุ่มน้ำโขง<br />
(3) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยไทยมีสถาบันการศึกษา<br />
ที่มีศักยภาพและพร้อมจะร่วมในการดำเนินการอบรม คือ Mekong<br />
Institute <br />
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ตระหนักถึงความคล้ายคลึงของ<br />
กรอบความร่วมมือต่างๆ ในอนุภูมิภาค เช่น ACMECS GMS<br />
ASEAN-Japan ASEAN +3 MRC EAS และ ARF ซึ่งมีจุดมุ่งหมาย<br />
เพื่อการพัฒนาอนุภูมิภาคเหมือนกัน และเห็นพ้องให้ความร่วมมือ<br />
Mekong-Japan เพื่อจะได้ส่งเสริมได้อย่างสอดคล้องกับความร่วมมือ<br />
อื่น ๆ ดังกล่าวมาแล้ว<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น<br />
ณ กรุงโตเกียว ระหว่างวันที่ 5-7 พฤศจิกายน <strong>2552</strong><br />
ในการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 6-7<br />
พ.ย. <strong>2552</strong> ที่กรุงโตเกียว กระทรวงการต่างประเทศในฐานะหน่วยงาน<br />
หลักจึงได้จัดเตรียมร่างปฏิญญาโตเกียว ซึ่งเป็นผลมาจากการประชุม<br />
ร่วมกับประเทศต่างๆ ในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ก่อนการประชุม<br />
ผู้นำ ซึ่งหัวข้อในผลการประชุมคือ “Establishment of a New<br />
Partnership for the Common Flourishing Future” เพื่อกำหนด<br />
สาขาความร่วมมือสำคัญและหารือเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ร่วมกันของ<br />
ความร่วมมือในอนาคต และได้รับรองปฏิญญาโตเกียวและ<br />
แผนปฏิบัติการออันเป็นเอกสารที ่มาจากผลของการประชุม<br />
โดยญี่ปุ่นเสนอให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอนุภูมิภาคเป็นเงิน<br />
500,000 ล้านเยน (ประมาณ 170,000 ล้านบาท) ในขณะที่ไทย<br />
ยืนยันการเป็นประเทศผู้ให้ ในฐานะ co-donor และ co-sponsor<br />
ในการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยเน้นศักยภาพของไทยในการ<br />
เป็นศูนย์กลางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอนุภูมิภาค เนื่องจาก<br />
เป็นที่ตั้งขององค์กรและสถาบันการศึกษาไทยและนานาชาติที่มีชื่อ<br />
เสียงหลายแห่ง โดยเฉพาะ Mekong Institute อีกทั้งให้ความสำคัญ<br />
กับการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมที่ยังไม่สมบูรณ์และการอำนวย<br />
ความสะดวกในการขนส่งข้ามแดนด้วย นอกจากนี้ ไทยได้<br />
เชิญชวนให้ญี่ปุ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการฝึกอบรมประชาชนใน<br />
ภูมิภาคนี้ ในรูปแบบการจัดการประชุม / สัมมนาระหว่างประเทศใน<br />
เรื่องการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการอำนวยความสะดวกการ<br />
ผ่านแดน โดยเชิญองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารเพื่อการ<br />
พัฒนาเอเชีย (ADB) และคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง<br />
เอเชียและแปซิฟิค (UNESCAP) ซึ่งได้มีการทำการศึกษาในเรื่องดัง<br />
กล่าว เข้ามาเป็นผู้จัดร่วม และอาจเสนอให้มีการจัดหลักสูตรอบรม<br />
ระยะสั้นให้ประเทศสมาชิกลุ่มน้ำโขง ในประเด็นเกี่ยวกับกฎระเบียบ<br />
ข้ามแดน เช่น พิธีการด้านศุลกากร โดยใช้สถานที่ในไทย<br />
เป็นต้น<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
36 รายงานประจำปี กระทรวงการต่างประเทศ พ.ศ. <strong>2552</strong>