2552 - à¸à¸£à¸°à¸à¸£à¸§à¸à¸à¸²à¸£à¸à¹à¸²à¸à¸à¸£à¸°à¹à¸à¸¨
2552 - à¸à¸£à¸°à¸à¸£à¸§à¸à¸à¸²à¸£à¸à¹à¸²à¸à¸à¸£à¸°à¹à¸à¸¨
2552 - à¸à¸£à¸°à¸à¸£à¸§à¸à¸à¸²à¸£à¸à¹à¸²à¸à¸à¸£à¸°à¹à¸à¸¨
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
ความสัมพันธ์ทวิภาคีกับประเทศต่างๆ<br />
ผลจากการประชุม JC ดังกล่าว ได้เปิดโอกาสให้ไทยสามารถ<br />
ผลักดันความร่วมมือทวิภาคีในด้านต่างๆ ที่ยังคั่งค้างอยู่ให้มีความ<br />
คืบหน้าไปได้ ซึ่งทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ต่างแสดงความพร้อม<br />
ที่จะร่วมมือกับไทยในทุกกรอบความร่วมมือต่างๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น<br />
ทวิภาคี พหุภาคี หรือภูมิภาค และความร่วมมือที่สำคัญประการหนึ่ง<br />
ได้แก่ การที่ออสเตรเลียสนใจจะร่วมมือกับฝ่ายไทยในการแก้ไขปัญหา<br />
ภาคใต้ เช่น การติดตั้งอุปกรณ์กล้อง CCTV การส่งผู้เชี่ยวชาญทาง<br />
นิติเวช (forensics) รวมทั้งการนำคณะจากสามจังหวัดภาคใต้ของไทย<br />
ไปเยือนออสเตรเลียเพื่อดูงานด้านการเสวนาระหว่างศาสนา (Interfaith<br />
Dialogue) ที่ออสเตรเลีย หรือแม้แต่การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลวัตถุระเบิด<br />
(Bomb Data Centre) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่ง<br />
ของเครือข่ายคณะทำงาน Southeast Asian Bomb Data Centres<br />
ซึ่งออสเตรเลียมีส่วนช่วยจัดตั้งให้มาแล้วทั้งในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์<br />
มาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อให้เป็นศูนย์รวบรวมและวิเคราะห์การก่อ<br />
วินาศกรรมที่ใช้ระเบิดในประเทศและเชื่อมโยงข้อมูลข่าวกรองของ<br />
ประเทศในภูมิภาค เป็นต้น <br />
3. ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน <br />
เป็นที่น่ายินดีว่า การดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศใน<br />
ด้านการรักษาตลาดในประเทศคู่ค้าหลักประสบผลสำเร็จอย่างเป็น<br />
ที่น่าพอใจ ส่วนแบ่งตลาดของสินค้าไทยในตลาดหลัก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ<br />
และออสเตรเลียยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง<br />
ในภูมิภาคอาเซียน ไทยเป็นรองอยู่ก็เพียงมาเลเซียประเทศเดียวเท่านั้น<br />
ส่วนในตลาดออสเตรเลียเป็นรองเพียงสิงคโปร์ประเทศเดียว <br />
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังคงให้ความสำคัญกับ<br />
การชี้แจงและทำความเข้าใจกับภาคเอกชน ภาควิชาการ และภาค<br />
ธุรกิจในประเด็นที่เป็นความห่วงกังวลต่างๆ ทั้งที่เกิดจากสถานการณ์<br />
ทางด้านการเมืองภายในประเทศ และจากความต่อเนื่องด้านนโยบาย<br />
ที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของตน<br />
ในส่วนของสหรัฐฯ นั้น กระทรวงการต่างประเทศใช้โอกาส<br />
การเยือนสหรัฐฯ ของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ<br />
ต่างประเทศ และการเยือนไทยของภาคเอกชนระดับผู้บริหารของสหรัฐฯ<br />
โดยเฉพาะสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ (US-ASEAN Business Council -<br />
USABC) และหอการค้าสหรัฐฯ (US Chamber of Commerce - USCC)<br />
เพื่อชี้แจงให้ภาคเอกชนสหรัฐฯ ให้ได้รับทราบถึงข้อเท็จจริง ทิศทาง<br />
และแนวนโยบายด้านการเมืองและเศรษฐกิจของรัฐบาลเพื่อกระตุ้น<br />
ความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมืองไทย และสร้างความเข้าใจ<br />
ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่างๆ<br />
ทั้งนี้ ความพยายามของกระทรวงการต่างประเทศได้ก่อให้เกิดผลที่<br />
เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน โดยตัวเลขการขออนุมัติการขอเข้ามาลงทุน<br />
ของสหรัฐฯ ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม - กันยายน <strong>2552</strong> สูงถึง<br />
25,522 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปี2551<br />
สำหรับในด้านการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคทางการค้านั้น<br />
กระทรวงการต่างประเทศประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวให้สหรัฐฯ<br />
ทบทวนนโยบายคว่ำบาตรพม่าที่ห้ามนำเข้าหยก ทับทิม และเครื่อง<br />
ประดับที่มีที่มาจากพม่า และส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ส่งออกอัญมณี<br />
และเครื่องประดับของไทย นอกจากนี้ยังสามารถโน้มน้าวให้สหรัฐฯ<br />
คงสถานะของไทยในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี <strong>2552</strong><br />
ไว้ที่ระดับ Tier 2 ตามเดิม ซึ่งการคงสถานะของไทยใน Tier 2 ดังกล่าว<br />
เป็นผลดีต่อไทยทำให้สหรัฐฯ ไม่สามารถใช้มาตรการลงโทษทางการค้า<br />
กับไทยได้ <br />
ในด้านการส่งเสริมผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า<br />
และการลงทุนในตลาดที่เป็นตลาดใหม่ (emerging market)<br />
ภูมิภาคลาตินอเมริกาเป็นอีกภูมิภาคหนึ่งที่ได้รับความสำคัญเป็น<br />
ลำดับต้นๆ เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีประชากรหนาแน่นกว่า 600 ล้านคน<br />
มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมี<br />
พัฒนาการทางด้านความร่วมมือในภูมิภาคที่น่าจับตามอง เป็นแหล่ง<br />
ทรัพยากรและสินค้าวัตถุดิบที่สำคัญ และในบางประเทศมีเทคโนโลยี<br />
ที่ก้าวหน้าที่ไทยสามารถนำมาปรับใช้ในการพัฒนาประเทศได้ <br />
โดยที่กระทรวงการต่างประเทศตระหนักถึงความสำคัญของ<br />
ภูมิภาคดังกล่าวจึงได้ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจัด<br />
โครงการ Road Show เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านการค้า และการลงทุนใน<br />
ประเทศอาร์เจนติน่า บราซิล และชิลี เมื่อเดือนกันยายน <strong>2552</strong> นอกจากนี้<br />
เพื่อเป็นการขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับ<br />
กลุ่มประเทศดังกล่าวและยังจะเป็นการลดการพึ่งพาตลาดส่งออก<br />
ดั้งเดิมในสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น รวมทั้งเพื่อสร้างความสัมพันธ์<br />
ทางการค้ากับกลุ่มลาตินอเมริกาให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น นอกเหนือไปจาก<br />
66 รายงานประจำปี กระทรวงการต่างประเทศ พ.ศ. <strong>2552</strong>