30.07.2013 Views

cache

cache

cache

SHOW MORE
SHOW LESS

You also want an ePaper? Increase the reach of your titles

YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.

5. กุงไมใชสัตวสังคม<br />

จะอยูแยกกัน<br />

กินแยกกัน และมีลักษณะยึดครอง ดังนั้น<br />

การให<br />

อาหารจึงตองหวานใหทั่วบอ<br />

กุงทุกตัวที่กระจายอยูกนบอจะไดมีโอกาสกินอาหารเทากัน<br />

6. มีลําไสตรงและสั้น<br />

ดังนั้นวัตถุดิบอาหารที่ใชเลี้ยงกุงควรจะบดใหละเอียดเพื่อชวยให<br />

ยอยไดงายขึ้น<br />

2531)<br />

7. จะกินอาหารมากหลังลอกคราบเสร็จใหม ๆ และไมกินอาหารขณะลอกคราบ (มะลิ,<br />

เบทาอีน (Betaine)<br />

เบทาอีน (betaine) มีชื่อทางเคมีวาไตรเมธิลไกลซีน<br />

(trimethylglycine) เปนสารประกอบ<br />

ของหมูเมธิลรวมกับกรดอะมิโนไกลซีน<br />

(amino acid glycine) มีความจําเปนในปฏิกิริยาชีวเคมีของ<br />

เมไธโอนีน (methionine) และ โฮโมซีสทีน (homocysteine) เนื่องจากมีคุณสมบัติเปนผูใหหมูเมธิล<br />

(CH3) (methyl donor) เชน ลดระดับ โฮโมซีสทีน (homocysteine) ในพลาสมา และชวยการการ<br />

ทํางานของตับที่เกี่ยวของกับไขมันใหดีขึ้น<br />

อีกทั้งยังชวยรักษาความสมดุลภายในเซลล<br />

(osmoprotectant) และปองกันโปรตีนถูกทําลาย (Schwahn et al., 2003)<br />

ภาพที่<br />

1 สูตรโครงสรางทางเคมีของเบทาอีน (Betaine)<br />

7

Hooray! Your file is uploaded and ready to be published.

Saved successfully!

Ooh no, something went wrong!