ฉบับที่ 5 : กรกฎาคม 2551 - Faculty of Medicine - มหาวิทยาลัยนเรศวร
ฉบับที่ 5 : กรกฎาคม 2551 - Faculty of Medicine - มหาวิทยาลัยนเรศวร
ฉบับที่ 5 : กรกฎาคม 2551 - Faculty of Medicine - มหาวิทยาลัยนเรศวร
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
รายงานพิเศษ<br />
นายแพทย์มณฑล กาฬสีห์<br />
กระดูกเป็นส่วนประกอบของร่างกายที่มีผู้ได้รับการบริจาคมากเป็นอันดับ 2 รองจากเลือด บุคคลที่<br />
สามารถบริจาคกระดูกให้ผู้อื่นได้ควรมีอายุระหว่าง 18-65 ปี สามารถแบ่งผู้บริจาคได้เป็น 2 กลุ่ม คือ ผู้บริจาคที่ยังมี<br />
ชีวิตอยู่กับผู้บริจาคที่เสียชีวิตแล้ว ในกรณีที่ผู้บริจาคยังมีชีวิตอยู่ คือ ผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเนื่อง<br />
จากมีภาวะข้อสะโพกเสื่อม เนื่องจากการผ่าตัดจะมีการตัดหัวกระดูกต้นขาออก (Femoral head) เพื่อใส่ข้อสะโพก<br />
เทียม ซึ่งกระดูกส่วนนี้สามารถนำมาบริจาคให้ผู้อื่นได้ ในกรณีผู้บริจาคที่เสียชีวิตแล้ว ส่วนของกระดูกที่สามารถ<br />
บริจาคจะได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย แต่ส่วนใหญ่จะได้แก่ กระดูกหน้าแข้ง (Tibia และ Fibula) กระดูกต้นแขน (Humerus)<br />
กระดูกแขน (Radius และ Ulna) กระดูกเชิงกราน (Pelvis) เป็นต้น โดยปกติถ้าผู้บริจาคอวัยวะเสียชีวิต<br />
และร่างกายได้รับการแช่เย็นจะสามารถทำการผ่าตัดเก็บกระดูกได้ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง ถ้าไม่ได้ทำการ<br />
แช่เย็นหรือร่างกายอยู่ที่อุณหภูมิห้องจะทำการผ่าตัดเก็บกระดูกในเวลา 12 ชั่วโมง วิธีการผ่าตัดเก็บกระดูกก็เช่น<br />
เดียวกับการผ่าตัดทั่วไป โดยจะทำในห้องผ่าตัดในสภาวะปลอดเชื้อ (sterile technique)<br />
ก่อนทำการผ่าตัดเก็บกระดูกสำหรับผู้บริจาคที่มีชีวิต แพทย์จะทำการตรวจเลือดดังต่อไปนี้<br />
1. ตรวจไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซี (hepatitis B and C)<br />
2. ตรวจเชื ้อซิฟิลิส (VDRL)<br />
3. ตรวจหาเชื้อไวรัสเอดส์และตรวจซ้ำอีกครั้งเมื่อครบ 3 เดือน<br />
ในกรณีที่ผู้บริจาคเสียชีวิต แพทย์จะทำการตรวจเลือดดังต่อไปนี้<br />
1. ตรวจไวรัสตับอักเสบบีและซี (hepatitis B and C)<br />
2. ตรวจเชื ้อซิฟิลิส (VDRL)<br />
3. ตรวจเชื้อไวรัสเอดส์<br />
4. ตรวจเพาะเชื้อจากกระแสเลือด (hemoculture)<br />
5. ตรวจหาเชื ้อ Cytomegalovirus<br />
<br />
<br />
☺