รายà¸à¸²à¸à¸à¸£à¸°à¸à¸³à¸à¸µ 2555 - National Center for Genetic Engineering and ...
รายà¸à¸²à¸à¸à¸£à¸°à¸à¸³à¸à¸µ 2555 - National Center for Genetic Engineering and ...
รายà¸à¸²à¸à¸à¸£à¸°à¸à¸³à¸à¸µ 2555 - National Center for Genetic Engineering and ...
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
การพัฒนาวิธีการตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ติดเชื้อมาลาเรียในหนูโดยการย้อม<br />
เซลล์เม็ดเลือดแดงด้วยสารเรืองแสง SYBR Green I ซึ่งมีความจาเพาะกับดีเอ็นเอสายคู่ทาให้<br />
สามารถจาแนกเซลล์เม็ดเลือดแดงปกติที่ไม่มีนิวเคลียสออกจากเซลล์เม็ดเลือดแดงที่มีการติดเชื้อ<br />
มาลาเรียได้ แล้วทาการตรวจนับเม็ดเลือดแดงที่ติดเชื้อมาลาเรียด้วยเทคนิคโฟลไซโทเมทรีแบบ<br />
สองมิติ ซึ่งให้ผลการทดสอบเทียบเท่ากับการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ มีความรวดเร็ว ถูกต้อง<br />
และเชื่อถือได้แม้มีปริมาณเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ติดเชื้อมาลาเรียเพียง 0.02<br />
รคไข้เลือดออก<br />
ศึกษาบทบาทของโปรตีน nonstructural protein 5 (NS5) ของเชื้อไวรัสเด็งกี่ในการ<br />
กระตุ้นการสร้างไซโตไคน์และเคโมไคน์ซึ่งเป็นสารน้าในระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกสร้างขึ้นในปริมาณ<br />
มากของผู้ปวยที่ติดเชื้อไวรัสเด็งกี่ โดยพบว่า NS5 มีปฏิสัมพันธ์กับโปรตีน death-domainassociate<br />
protein (Daxx) ของเซลล์เจ้าบ้าน และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นการสร้างเคโมไคน์<br />
ที่เรียกว่า RANTES (CCL5) ทั้งนี้การสร้าง RANTES อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดพยาธิสภาพ<br />
ของโรคไข้เลือดออกเด็งกี่<br />
การศึกษาคุณสมบัติของแอนติบอดี2H12 ที่จดจาไวรัสเด็งกี่ได้ทั้ง4 สายพันธุ์ ผลการ<br />
ศึกษาโครงสร้างของแอนติบอดีขณะจับกับโปรตีนของไวรัสเด็งกี่ด้วยวิธีx-ray crystallography พบ<br />
ว่าแอนติบอดี 2H12 จับกับโปรตีนไวรัสเด็งกี่ส่วนเปลือกหุ้มบริเวณโดเมนที่ 3 (ED3) ในตาแหน่ง<br />
ที่เข้าถึงได้ยาก บ่งชี้ว่าการที่แอนติบอดีจะจับได้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทางโครงสร้าง<br />
บนผิวของไวรัส แอนติบอดี 2H12 มีความสามารถในการทาลายไวรัสไม่เท่ากันคือไม่สามารถ<br />
ทาลายไวรัสเด็งกี่สายพันธุ์ที่ 2 และไม่เหนี่ยวนาให้เกิดการเพิ่มจานวนเซลล์ติดเชื้อในหลอด<br />
ทดลอง องค์ความรู้ที่ได้ทาให้เกิดความเข้าใจระบบภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเด็งกี่และเป็นประโยชน์ใน<br />
การพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออก<br />
ไข้หวัดให่ ไข้หวัดนก<br />
ศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดบีในการควบคุมการติดเชื้อ<br />
ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอในสัตว์ปีก โดยพบว่านิวคลีโอโปรตีนของไวรัสชนิดบี (BNP) มีบทบาทสาคัญ<br />
ต่อการยับยั้งการทางานของโพลิเมอเรสของไวรัสชนิดเออย่างมีนัยสาคัญ และพบว่าคุณสมบัติ<br />
การยับยั้งดังกล่าวจะลดลงเมื่อมีนิวคลีโอโปรตีนของไวรัสชนิดเอสูงขึ้น บ่งชี้ได้ว่านิวคลีโอโปรตีน<br />
ของไวรัสทั้งสองชนิดอาจจะมีปฏิสัมพันธ์กันหลังจากไวรัสทั้งสองชนิดติดเชื้อเข้าสู่เซลล์เจ้าบ้าน<br />
และน่าจะเกิดขึ้นภายหลังที่โปรตีนกลุ่มโพลิเมอเรสเดินทางเข้าสู่นิวเคลียสของโฮสต์และเริ่ม<br />
กระบวนการทรานสคริปชั่นของ viral gene<br />
ศึกษากลไกการก่อโรคจากเชื้อไวรัสไข้หวัดนกที่ทาให้เกิดพยาธิสภาพรุนแรง ซึ่งพบ<br />
ว่าโปรตีนฮีมแอกกลูตินินเป็นตัวยับยั้งการต้านทานระบบภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กาเนิดของร่างกาย<br />
โดยได้ทาการวิเคราะห์ตาแหน่งการเติมน้าตาลบนโครงสร้างของโปรตีนฮีมแอกกลูตินินบนไวรัส<br />
รายงานประจำาปี <strong>2555</strong><br />
17