à¸à¸à¸à¸µà¹2 fin..
à¸à¸à¸à¸µà¹2 fin..
à¸à¸à¸à¸µà¹2 fin..
- No tags were found...
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
122.6 ทฤษฎีสนามแมเหล็กขวางของมอเตอรเหนี่ยวนํา 1เฟสจากรูปที่ 2.5(ก) ถาโรเตอรอยูในสนามแมเหล็กที่เกิดขึ้นเนื่องจากไฟฟากระแสสลับ จะทําใหเกิดแรงดันไฟฟาเหนี่ยวนําขึ้นในโรเตอร (ลักษณะคลายกับกรณีของหมอแปลงไฟฟา) พรอมกับสงผลใหเกิดกระแสไฟฟาไหลในโรเตอรและเกิดสนามแมเหล็กในโรเตอร โดยที่สนามแมเหล็กที่เกิดขึ้นจากการเหนี่ยวนํานี้จะมีทิศทางตรงกันขามกับสนามแมเหล็กที่สเตเตอรและมีคาเทากันผลลัพธที่เกิดขึ้นที่โรเตอรนั้นคือโรเตอรจะไมหมุน เนื่องจากการหักลางกันระหวางสนามแมเหล็กที่สเตเตอรกับโรเตอร ดังนั้นจึงไมเกิดการหมุนหรือไมเกิดแรงบิดเริ่มหมุนขึ้นในมอเตอร แตแรงบิดจะเกิดขึ้นในโรเตอรและโรเตอรหมุนได โดยการที่ตัวนํา ในโรเตอรตัดกับสนามแมเหล็กซึ่งทําใหเกิดแรงดันไฟฟาเหนี่ยวนําขึ้น กระแสไฟฟาจะไหลอยูในแทงตัวนําในโรเตอร ถาตัวนําที่โรเตอรถูกทําใหหมุนไปจากตําแหนง A ไปยังตําแหนง B ซึ่งทํามุมฉากกับตําแหนงเดิม ตัวนําโรเตอรจะเกิดการตัดผานสนามแมเหล็กที่สเตเตอรดังแสดงในรูปที่ 2.5(ข) ในขณะเดียวกันสนามแมเหล็กก็จะแยกออกเปน 2 ระบบคือตางเฟสกันอยู 90 องศา และกระแสไฟฟาในสเตเตอรและโรเตอรก็จะมีเฟสที่ตางกัน อยางไรก็ตามในความเปนจริงแลวกระแสไฟฟาที่โรเตอรจะตางเฟสกับกระแสไฟฟาที่สเตเตอร เพราะเนื่องจากวาที่โรเตอรนั้นความถี่เปลี่ยนไป โดยที่ความถี่ของกระแสไฟฟาที่โรเตอรจะขึ้นอยูกับความเร็วรอบของโรเตอร ซึ่งผลลัพธที่ไดของเสนแรงแมเหล็กทั้งสองนี้แสดงไดดังรูปที่ 2.6รูปที่ 2.5 แสดงทิศทางของการเกิดของกระแสไฟฟาและเสนแรงแมเหล็กในโรเตอรของมอเตอรเหนี่ยวนําเฟสเดียว