lakmuang 276
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
กลางเดือนกันยายน จนทำให้เกิดน้ำป่าไหล<br />
หลาก น้ำล้นตลิ่ง และ น้ำท่วมขัง ซึ่งส่งผลก<br />
ระทบต่อประชาชนในวงกว้างมากกว่า ๔๐<br />
จังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวัน<br />
ออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก รวมถึง<br />
ภาคกลางบางส่วน และมีสถานการณ์ต่อเนื่อง<br />
ยาวนานมากกว่า ๑ เดือน รวมทั้งในช่วงเดือน<br />
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ในพื้นที่ภาคใต้ก็ได้<br />
รับผลกระทบจากอุทกภัยซึ่งมีจังหวัดที่ได้รับ<br />
ผลกระทบประมาณ ๑๒ จังหวัด ดังนั้นจึง<br />
อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่าในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ นั้น<br />
ประเทศไทยประสบปัญหาภัยพิบัติจากอุทกภัย<br />
ในทุกภาคของประเทศ<br />
นอกจากนี้จากรายงานทางวิชาการ<br />
ขององค์การระหว่างประเทศ อาทิ The<br />
United Nations Office for Disaster Risk<br />
Reduction (UNISDR) ระบุว่า ประเทศใน<br />
ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก มีความเสี่ยงสูงที่จะ<br />
ต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยครั้ง<br />
ขึ้นและมีความรุนแรงมากขึ้น และที่สำคัญมี<br />
โอกาสได้รับความสูญเสียจากภัยพิบัติสูงที่สุด<br />
เนื่องจากขาดกระบวนการบริหารจัดการภัย<br />
พิบัติที่มีประสิทธิภาพ จากเหตุผลดังกล่าว<br />
จึงทำให้ประเทศไทยต้องประเมินความพร้อม<br />
และประสิทธิภาพในการป้องกันและบรรเทา<br />
สาธารณภัยของทุกภาคส่วน โดยผู้แทนจาก<br />
หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาค<br />
เอกชน และภาคประชาชน ที่ได้มีโอกาส<br />
แลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ใน<br />
หลาย ๆ เวที เห็นพ้องกัน ว่า ส่วนราชการต่าง ๆ<br />
ยังขาดการทำงานร่วมกันในเชิงบูรณาการ ขาด<br />
เอกภาพในการบังคับบัญชา ขาดการประสาน<br />
งานที่มีประสิทธิภาพ มองข้ามประเด็นในเรื่อง<br />
การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ และยังไม่ได้<br />
ให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจังในการ<br />
แก้ไขปัญหา<br />
ปัญหาภัยพิบัติไม่ใช่ปัญหาของชุมชนใด<br />
ชุมชนหนึ่ง หรือประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น<br />
หลักเมือง มีนาคม ๒๕๕๗<br />
อีกต่อไป เนื่องจากภัยพิบัติขนาดใหญ่ส่งผล<br />
กระทบในวงกว้างทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับ<br />
ประเทศ จนถึงระดับภูมิภาค ซึ่งประชาคมโลก<br />
ได้มองว่า ภัยพิบัติเป็นปัญหาของโลกที่ต้อง<br />
เผชิญมาอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะทวี<br />
ความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยเป็นผลมาจาก<br />
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate<br />
Change) สำหรับประเทศในภูมิภาคเอเชียได้<br />
มีการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเชียว่าด้วยการ<br />
ลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (Asian Ministerial<br />
Conference on Disaster Risk Reduction:<br />
AMCDRR) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหารือถึง<br />
ผลการดำเนินงานภายใต้กรอบการดำเนิน<br />
งานเฮียวโกะ พ.ศ.๒๕๔๘ – ๒๕๕๘ (Hyogo<br />
Framework for Action 2005 - 2015:<br />
HFA) ซึ่งเป็นเสมือนพิมพ์เขียวของโลกในการ<br />
ลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่มีเป้าหมายสูงสุด<br />
คือ “การลดความสูญเสียจากภัยพิบัติที่มีต่อ<br />
ชีวิต สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมของ<br />
ชุมชน และของประเทศ” ที่รัฐบาลของ ๑๖๘<br />
ประเทศได้ตกลงรับรองแผนระยะเวลา ๑๐ ปี<br />
ฉบับนี้ ในการประชุมของโลกว่าด้วยการลดผล<br />
กระทบจากภัยพิบัติ (World Conference on<br />
Disaster Reduction) เมื่อมกราคม ๒๕๔๘<br />
ณ เมืองโกเบ จ.เฮียวโกะ ประเทศญี่ปุ่น โดย<br />
มีแนวทางการปฏิบัติที่สำคัญ ๕ ประการ<br />
ได้แก่ ๑) การกำหนดให้การลดภัยพิบัติมีความ<br />
สำคัญในลำดับแรกของการบริหารจัดการของ<br />
ประเทศทั้งระดับชาติและท้องถิ่น ๒) การ<br />
ระบุ ประเมิน และติดตามความเสี่ยง และ<br />
การพัฒนาการเตือนภัยล่วงหน้า ๓) การใช้<br />
ความรู้ นวัตกรรม และการศึกษาในการสร้าง<br />
วัฒนธรรมความปลอดภัย และความเข้มแข็ง<br />
ให้กับสังคมทุกระดับ โดยเน้นการมีส่วนร่วม<br />
๔) การลดปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นที่<br />
การวางแผนและการบังคับใช้กฎหมาย และ<br />
๕) การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการ<br />
เตรียมความพร้อมรับมือเหตุภัยพิบัติทุกระดับ<br />
สำหรับประเทศไทยนั้น ได้รับประสบการณ์<br />
และบทเรียนอย่างมากขณะเผชิญกับมหา<br />
อุทกภัยในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยกระทรวง<br />
กลาโหมในฐานะหน่วยงานสนับสนุนหลัก<br />
ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของ<br />
ประเทศตามแผนการป้องกันและบรรเทา<br />
สาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๓ – ๒๕๕๗ ซึ่ง<br />
มีแผนบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม<br />
๒๕๕๔ เป็นกรอบแนวทางในการปฏิบัติ ได้<br />
จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง บทเรียน<br />
การปฏิบัติการของทหารสนับสนุนศูนย์<br />
บรรเทาภัยพิบัติของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา<br />
อุทกภัยปี ๒๕๕๔ ระหว่างวันที่ ๒๐ – ๒๑<br />
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ณ เซอร์เจมส์ รีสอร์ท<br />
อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี นั้น โดยผลจากการสัม<br />
มนาฯ สรุปได้ว่า กระทรวงกลาโหมจำเป็นต้อง<br />
ปรับปรุงแผนบรรเทาสาธารณภัย กระทรวง<br />
กลาโหม ๒๕๕๔ ให้เข้ากับสถานการณ์ภัย<br />
พิบัติที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการแบ่งมอบพื้นที่<br />
รับผิดชอบ และการประสานงานระหว่างส่วน<br />
ราชการต่างๆ ภาคเอกชน และองค์กรการกุศล<br />
ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย<br />
พิบัติเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ<br />
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ นั้น กรมป้องกัน<br />
และบรรเทาสาธารณภัยในฐานะหน่วยงาน<br />
กลางด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย<br />
ของประเทศตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ป้องกัน<br />
และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ และ<br />
แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่ง<br />
ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ – ๒๕๕๗ ได้จัดการสัมมนา<br />
เชิงปฏิบัติการเพื่อวิพากษ์แผนการป้องกัน<br />
และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติฉบับปัจจุบัน<br />
เพื่อเตรียมการจัดทำแผนการป้องกันและ<br />
บรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งผล<br />
จากการสัมมนาฯ ดังกล่าวทำให้ ทุกฝ่ายเห็น<br />
พ้องกันว่า ปัจจัยหลักที่สำคัญในการบริหาร<br />
จัดการสาธารณภัย คือ ความมีประสิทธิภาพ<br />
ในการทำงานร่วมกันในเชิงบูรณาการ ความมี<br />
35