ASA JOURNAL 01-59

YANGNAR STUDIO 

วารสารสารร 

อสาสาสา 

รรรา 

THE ARCHITECTURAL JOURNAL 

OF THE ASSOCIATION OF 

SIAMESE ARCHITECTS 

UNDER ROYAL PATRONAGE 

SPACETIME ARCHITECTS 

ARCHITECTKIDD 

01 

2016 

HANDMADE 

NPDA STUDIO 

HANDMADE IN ARCHITECTURAL 

DESIGN PROCESS / CHICAGO 

ARCHITECTURE BIENNIAL: LIGHT 

HOUSE - THE ART OF LIVING 

LIGHTLY BY ALL(ZONE) / ARCASIA 

18TH FORUM, 2015 BY ASA / ASA 

FORUM 2016 

STUDIOMAKE

หลังคาห้าห่วง แกรนาด้า คูล ซีรีส์ 

สะท้อนความร้อนได้ดีกว่า เพื่อบ้านที่อยู่สบาย 

โครงการบ้านริมสวน รามอินทรา บ้านเดี่ยวบนทําเลสวยมากด้วยศักยภาพ 

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบร่มรื่น อยู่ติดถนนใหญ่รามอินทรา กม.14 ติด 

โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมใช้งานในอีกไม่กี่ปี 

ข้างหน้านี้ ด้วยขนาดที่ดินเริ่มต้น 75 ตารางวา มาพร้อมสิ่งอํานวยความสะดวก 

ครบครัน และมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ภายในโครงการ พื้นที่แห่งความสุข 

ที่สัมผัสได้ง่ายดายและมากกว่าเริ่มต้นขึ้นจากตรงนี้ 

คุณปุก-วีรวรรณ อธิพันธุ์อําไพ 

ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 

บริษัท สวนหลวงบ้านและที่ดิน จํากัด 

คุณปุก-วีรวรรณ อธิพันธุ์อําไพ ผู้จัดการฝ่าย 

พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท สวนหลวง 

บ้านและที่ดิน จํากัด เผยถึงแนวคิดของโครงการ 

บ้านริมสวน รามอินทรา ที่ตีโจทย์มาจากความอุบอุ่น 

ผ่านการดีไซน์สถาปัตยกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่ 

สะดวกสบาย และแตกต่างจากโครงการบ้านจัดสรร 

ทั่วไป ที่สําคัญคือบ้านทุกหลังต้องประหยัดพลังงาน 

และมีการถ่ายเทอากาศที่ดี ด้วยความตั้งใจนี้เอง 

ทําให้โครงการบ้านริมสวน รามอินทรา ได้รับเลือก 

ให้เป็นบ้านจัดสรรอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งเป็นหนึ่ง 

ในรางวัลที่สร้างความภูมิใจให้กับโครงการเป็น 

อย่างยิ่ง 

“เราอยากทําบ้านเดี่ยวที่มีความสะดวก เพื่อเป็นทาง 

เลือกของผู้บริโภค ให้มาถึงโครงการแล้วมีความ 

ร่มรื่น มีที่ดินบริเวณกว้างที่สามารถปลูกต้นไม้หรือ 

ทําอะไรได้ เราอยากได้บ้านที่อยู่สบายเลยเป็นที่มา 

ของการดีไซน์สถาปัตยกรรมภายนอกที่สูงโปร่ง บ้าน

อยู่สบายต้องมีการถ่ายเทอากาศที่ดี ประหยัด 

พลังงาน เริ่มจากการดีไซน์ตัวบ้านให้หน้าต่างและ 

ประตูมีทิศทางตรงกันข้าม (Cross-Ventilation) เพื่อ 

เปิดออกแล้วมีลมพัดผ่านได้ง่าย อีกทั้งวัสดุที่เลือกใช้ 

เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนทั้งสิ้น” 

บ้านกลิ่นอายชานเมืองในสไตล์ยุโรป โดดเด่นด้วย 

สีสันอันสดใสและโครงสร้างอาคารที่สูงโปร่ง พร้อม 

ลดน้ําหนักของสีหลังคาให้อ่อนลงเพื่อเบรกกับสีสัน 

ของบ้าน ส่วนกระเบื้องหลังคา เลือกใช้ หลังคา 

ห้าห่วง แกรนาด้า คูล ซีรีส์ เพราะมีคุณสมบัติใน 

ด้านการสะท้อนความร้อน กันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน 

ได้เป็นอย่างดี ประกอบกับบ้านออกแบบให้มีชายคา 

ยื่นยาวขึ้นเพื่อบังแสงแดดที่จะเข้ามากระทบกับตัว 

อาคารโดยตรง 

“เมื่อน้ําหนักของสีไปอยู่ที่ตัวบ้าน หลังคาควรจะเป็น 

สีอ่อน อีกทั้งสีอ่อนสะท้อนความร้อนได้ดีกว่า เรา 

เลือกใช้ หลังคาห้าห่วง แกรนาด้า คูล ซีรีส์ ที่มี 

คุณสมบัติในการสะท้อนความร้อน รูปร่างของ 

สถาปัตยกรรมที่เป็นจั่วทรงสูง ทําให้ความร้อนจาก 

แสงอาทิตย์ที่ผ่านเข้ามาในตัวอาคารที่มีอยู่ แล้ว 

ค่อยๆ ระบายออกไปโดยไม่ถ่ายเทลงมาในส่วนที่คน 

อยู่อาศัย 

“นอกจากเรื่องรูปทรงและสีสัน ยังมีเรื่องการระบาย 

น้ําที่ดี เนื่องจากหลังคาของเราสูงชัน ต้องการการ 

ระบายน้ําที่รวดเร็ว หลังคาห้าห่วง แกรนาด้า คูล ซีรีส์ 

มีรูปลอนที่สูงกว่า ทําให้การระบายน้ําออกไปจาก 

หลังคาทําได้ดีกว่ากระเบื้องคอนกรีตทั่วไป ช่วยลด 

ปัญหาการรั่วซึม นอกไปจากการสะท้อนความร้อน” 

PRODUCT: 

หลังคาห้าห่วง แกรนาด้า คูล ซีรีส์ 

661 สีเทา ทุนดรา (Tundra Grey) 

SHERA Call Center: 0-2289-9888 

E-mail: sheracallcenter@sherasolution.com

THEMES 

50 

36 

44 

64 

58 

36 Guan Yin Pavilion 

44 Now26 Studio 

50 Somjai House 

58 PTT Metro Urban Forest 

64 Na Lah House 

6 ASA CONTENTS วารสารอาษา

SECTIONS 

NEWS 

16 Rowing Club Shelter 

20 Lat Phrao Canal 

22 Bangkok Chinatown 

Riverfront 

26 Cambodia Eleven 2015 

28 Wat Bundanjai 

16 

70 

ASEAN 

70 ASEAN ARCHITECTS 03 

Vo Trong Nghia Architects, 

Vietnam 

SPECIAL REPORT 

76 Chicago Architecture Biennial: 

Light House - The Art of Living 

Lightly by all(zone) 

80 ARCASIA 18 th Forum, 2015 by ASA 

104 ASA CARTOON 

8 ASA CONTENTS วารสารอาษา

FOREWORD 

ADVISORS 

PICHAI WONGWAISAYAWAN 

SMITH OBAYAWAT 

PONGKWAN LASSUS 

ASSOC. PROF. TONKAO PANIN, PH.D. 

ANEK THONGPIYAPOOM 

ASSOC. PROF. M.L. PIYALADA 

THAVEEPRUNGSRIPORN, PH.D. 

WIRAT PANTAPATKUL 

MAADDI THUNGPANICH 

MONGKON PONGANUTREE 

EDITOR IN CHIEF 

SUPITCHA TOVIVICH 

CONTRIBUTORS 

ADISORN SRISAOWANUNT 

DARREN YIO 

JAKSIN NOIRAIPHOOM 

JIRAWIT YAMKLEEB 

NATTAWUT USAVAGOVITWONG 

PAPHOP KERDSUP 

SORAVIS NA NAGARA 

WARUT DUANGKAEWKART 

WORARAT PATUMNAKUL 

XAROJ PHRAWONG 

YINGYONG POONNOPATHAM 

SPECIAL THANKS TO 

ALL(ZONE) 

ARCASIA 

ARCHITECTKIDD 

ASA FORUM 2016 TEAM 

NPDA STUDIO 

SPACETIME ARCHITECTS 

STUDIOMAKE 

VO TRONG NGHIA ARCHITECTS 


ENGLISH TRANSLATOR 

TANAKANYA CHANGCHAITUM 

GRAPHIC DESIGNERS 

WILAPA KASVISET 

MANUSSANIT SRIRAJONGDEE 

VANICHA SRATHONGOIL 

CO-ORDINATOR 

KETSIREE WONGWAN 

THE ASSOCIATION OF SIAMESE 

ARCHITECTS UNDER ROYAL 

PATRONAGE ORGANIZES 

248/1 SOI SOONVIJAI 4 (SOI 17) 

RAMA IX RD., BANGKAPI, 

HUAYKWANG, BANGKOK 10310 

T : +66 2319 6555 

F : +66 2319 6419 

W : asa.or.th 

E : asaisaoffice@gmail.com 

PRINT 

FOCAL IMAGE 

248/1 SOI SANTINARUEMAN RD. 

SUKHUMVIT RD. BANGKOK 10230 

T : +66 2259 1523 

E : ASAJOURNAL@GMAIL.COM 

ADVERTISING DEPARTMENT 

T : +66 2397 0582-3 

F : +66 2747 6627 

SUBSCRIBE TO ASA JOURNAL 

T : +66 2319 6555 

าสารรวาวออาออาสา 

รราาออวาาาวอ 

รวารออรวารรวารอสราารออาร 

าสวาอรออสาสสอสา 

าราสารรวาอวารสารอาษาาราสอา 

ออสารรอสวารอาารอาาสวา 

ออรวารารอาอารรวารอสรา 

าส 

รารารอาาาาสอ 

อาาอาร 

สาสาสาาาอว 

Architectural processes have arguably always collaborated with hand practices, 

ranging from the past when it seemed that these techniques were no different to 

craftsmanship, to the contemporary architecture scene where hand practices 

remain, in many ways, the most basic yet important tool within the discipline. 

What can be accomplished by hand is therefore still given the utmost priority and 

consideration during every thinking process of creating architecture. This edition 

of ASA features various projects that highlight this collaboration between architecture 

and hand processes, practices which play a big role in the shaping of forms, 

the staging of thinking, mocking, sketching, and the construction process through 

examples such as Guan Yin Pavilion by Studiomake, Now26 by Architectkidd, Bann 

Som Jai by NPDA Studio, PTT Urban Forest by Spacetime Architects and Huan Na 

Lah by Yangnar Studio. Moreover, a special report from the ARCASIA Forum that 

was hosted by The Association of Siamese Architects is included within this issue 

as well. 

10 ASA EDITORIAL วารสารอาษา

รรารรารสาสาสา 

รรรา 

ที่ปรึกษา 

รสรวรรษ 

าสษา 

าสรร 

ารารวา 

นายกสมาคม 

าวววรร 

อุปนายก 

ารวรรส 

าอาสา 

าราสรา 

รวสษ 

รราวา 

าสาา 

เลขาธิการ 

าราร 

นายทะเบียน 

าวาออรอสา 

เหรัญญิก 

ารร 

ปฏิคม 

าราวรา 

ประชาสัมพันธ์ 

าสาวสรสารา 

กรรมการกลาง 

าวรร 

าส 

าวาอาาออสรา 

าวาาร 

รราวรษร 

รรวรรษ 

ประธานกรรมาธิการสถาปนิกล้านนา 

าอร 

ประธานกรรมาธิการสถาปนิกอีสาน 

สรว 

ประธานกรรมาธิการสถาปนิกทักษิณ 

าววว 

 

อราสวสาสาสวสวรษรอรอา 

สารสรวาสาารสวาสาราราสรารา 

รารร 

 

อสวารราารสาษรราราสาษ 

รอสารววรวาวราาารว 

าราวารสารราราสารร 

วสอสราสารวาาอสวร 

อวาอราอาาาสารารอร 

ารอออรอราวารอรสาร 

รวรรารวอาสาสา 

ารอราอาาราวสา 

รวรารสาาาวาาาราารอสาารษา 

รวาราารารอรอราออสาอรวารรา 

วารววาอารสารารสสาาารษอร 

สาราอสวาอาวร 

ารารอาสารรารสาาว 

อสารสราาสารรสวา 

สาสรรวาาาวารารสา 

รราวาสาาราอาารราราสวรอ 

าวาอาอวารสารอาษาอ 

าวววรร 

นายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ 

ปี 2557-2559 

สาราาสา 


Retractable Pergola System 

Rain or shine... Day or night... 

Enjoy your lives with no limit... 

Complete your outdoor activities with pleasure and style ! 

Kesini Ville Size 13.0 X 8.0 M.

MESSAGE 

FROM 

THE PRESIDENT 

EXECUTIVE COMMITTEE 

THE ASSOCIATION OF 

SIAMESE ARCHITECTS 

UNDER ROYAL PATRONAGE 

2014—2016 

CONSULTANTS 

PROFESSOR SURAPON VIRULRAK, PH.D. 

SINN PHONGHANYUDH 

SATHIRUT TANDANAND 

PRABHAKORN VADANYAKUL 

PRESIDENT 


VICE PRESIDENT 

POL.LT.COL. BUNDIT PRADUBSUK, PH.D. 

ANUCHAR YUSANANDA 

PRADITCHYA SINGHARAJ 

VASU POSHYANANDANA, PH.D. 

ASSOC. PROF. TONKAO PANIN, PH.D. 

NITIS STHAPITANONDA 

SECRETARY GENERAL 

PRAKIT PHANANURATANA 

HONORARY REGISTRAR 

CAPT.ON-USAH CHIENGKUL 

HONORARY TREASURER 

KARNCHIT PUNYAKANOK 

SOCIAL EVENT DIRECTOR 

PREECHA NAVAPRAPAKUL 

PUBLIC RELATIONS DIRECTOR 

SURASSADA NIPARIYAI 

EXECUTIVE COMMITTEE 

CHAVALIT TANGMITJAROEN 

SUNANTAPAT CHALERMPANTH 

GP. CAPT. ADISORN BUNKHACHAI 

VINEETA KALYANAMITRA 

ASSOC. PROF. M.L. PIYALADA 

THAVEEPRUNGSRIPORN, PH.D. 

PONN VIRULRAK, PH.D. 

CHAIRMAN OF NORTHERN REGION (LANNA) 

ADUL HERANYA 

CHAIRMAN OF NORTHEASTERN REGION 

(ESAN) 

ASST. PROF. SURASAK LOHWANICHAI 

CHAIRMAN OF SOUTHERN REGION (TAKSIN) 

WIWAT JITNUAN 

Firstly, Happy New Year and Chinese New Year to all members. I wish you all 

good health and success in everything you do and in every way that you wish. 

Congratulations to the committee of southern region (Taksin) and organizing 

committee of ‘South Up’ – the Southern architect fair which was organized during 

29-31 January at Lime Light shopping mall in Phuket for it accomplishment. In this 

event, a number of interesting seminars and exhibitions in terms of the architectural 

scene and material circle were arranged and seem to have received good attention 

from the audience. 

Recently, during the period of mid-January to early February, we organized a 

lecture on the topic of design practice for disaster situations. The event was organized 

in both Bangkok, Thailand and Tokyo, Japan and we received kind collaboration 

from the Japan Institute of Architects (JIA) who assisted with architectural inspections 

at various sites. These were good opportunities for the participants from 

many institutes – be they bureaucratic or personal to educational institutes and 

private organizations - to gain some knowledge. Therefore, all of the participants 

are included in the list, and will be a part of the seminar that will be organized in the 

future in order to share this knowledge with the public. Moreover, we have to say 

thanks to the funding and support from SMS Schimmer as well. 

During this trip, I had the opportunity to visit some exhibitions and talked with 

Mr. Waro Kishi, a Japanese architect who creates contemporary architecture that 

still contains a sense of traditional Japanese emotions. We are also grateful for the 

opportunity to invite him to serve as a speaker at a seminar in Thailand in the future 

if possible and, in terms of the budget, we also desire to bring these exhibitions to 

be exhibited in Bangkok as this work seems to be going along well with the content 

of this edition of ASA properly. 


ASA PRESIDENT 2014-2016 


The alternative of architecture. 

We provide quality and 

afforable products as 

Aluminium Composite FR 

Solid & Hollow high quality 

Polycarbonate 36-40 micron 

anti UV coating & radiation 

protective layer 

INTER QUALITY CENTER CO.,LTD. 

Tel. 02-530-3644-46 

www.inter-quality.com

NEWS 

ROWING CLUB 


SHELTER 


โครงกรศลเก็บเรือพย ชมรมเรือพย จุลงกรณ์ 

มหวิทยลัย เป็นโครงกรที่เกิดจกควมร่วมมือกัน 

ระหว่งคณะสถปัตยกรรมศสตร์ จุลงกรณ์มหวิทยลัย 

และสถบันอินทรีสร้งสรรค์ บริษัท ปูนีเมนต์นครหลวง 

จำกัด มหชน ด้วยกรเล็งเห็นถึงปัหของนักศึกษ 

สถปัตยกรรมในปัจจุบันที่กรเข้มของเครื่องมือดิจิตอล 

ทำให้ระยะห่งระหว่งงนออกแบบและตัวผู้ออกแบบเอง 

ห่งขึ้นเรื่อย จึงเกิดเป็นกรพันกรเรียนกรสอนกึ่ง 

เวิร์คชอปในรยวิช ออกแบบและก่อสร้ง Desin & 

Build’ ที่เน้นให้นิสิตได้กลับไปทำควมเข้ใจในคุณสมบัติ 

พื้นฐนของวัสดุ นำเสนอวิธีคิดใหม่ในกรนำวัสดุจกระบบ 

อุตสหกรรม และเศษเหลือ มเรียบเรียง และลงมือปิบัติ 

จริงในกรสร้งสถปัตยกรรมจกวัสดุนั้น ขึ้นมในช่วง 

กรศึกษภคดูร้อน 

เวิร์คชอปในครั้งนี้เริ่มจกกรนำนิสิตไปศึกษที่ตั้ง 

ของโครงกรึ่งอยู่บนสันอ่งเก็บนำ้ของจุลงกรณ์ 

มหวิทยลัย ที่จังหวัดสระบุรี จกนั้นจึงได้พนิสิตไปศึกษ 

กระบวนที่โรงงนผลิตวัสดุก่อสร้งหลย แห่งเพื่อให้ 

เข้ใจถึงคุณสมบัติ ข้อจำกัด และเอกลักษณ์ของวัสดุต่ง 

นอกจกนี้นิสิตยังได้มีโอกสพูดคุยกับอจรย์และสมชิก 

ของชมรมเรือพย เพื่อให้เข้ใจในควมต้องกรต่ง ของ 

โครงกร ขนดของเรือพย และกิจกรรมที่เกิดขึ้นภยใน 

ศลเก็บเรือพยนี้มกยิ่งขึ้น 

หลังจกที่ได้รับทรบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว นิสิตทั้ง 1 คน 

ที่เข้ร่วมเวิร์กชอปในครั้งนี้ ถูกแบ่งออกเป็นสมกลุ่มย่อย 

เพื่อนำเสนอแบบร่งแนวคิด อย่งไรก็ตม แม้ว่ในท้ยที่สุด 

จะไม่มีแบบร่งใดที่สัมทธิผล แต่จกกรพันแบบอย่ง 

ต่อเนื่องและเข้มข้นตลอด 2 สัปดห์ ทำให้แบบที่ถูกนำม 

16 ASA NEWS วารสารอาษา

TINMAN HOUSE 

เจ้าของ - วสันต์ ติรางกูร 

สถาปนิก - Junsekino Architect and Design 

ภาพ - Spaceshift Studio 

ที่มาแห่งบ้านเหล็ก TINMAN HOUSE การใช้งาน ประสานความงาม 

คุณหวัน – วสันต์ ติรางกูร วิศวกรที่ปรึกษาด้านพลังงาน คือเจ้าของบ้าน 

เหล็กทรงแปลกตาซึ่งซุกตัวอย่างสงบในซอยเล็กๆ ท่ามกลางความพลุกพล่าน 

ย่านสุทธิสาร โดยคำาว่า TINMAN มาจากคาแร็คเตอร์ของหุ่นกระป๋อง จาก 

วรรณกรรมอมตะเรื่อง The Wonderful Wizard of Oz ที่ออกเดินทางเพื่อ 

ตามหาหัวใจและจิตวิญญาณของตนเอง มีความซื่อสัตย์ ถ่อมตน แต่ก็แฝงด้วย 

ความเข้มแข็งอดทน เป็นชื่อที่ดูเหมาะสมกับตัวบ้านซึ่งมีโครงสร้างหลักเป็นเหล็ก 

ทั้งหมด และยังดูดิบ เท่ ตามสไตล์ของเจ้าของบ้านอีกด้วย 

เสน่ห์แห่งเหล็ก 

เมื่อพูดถึงการใช้เหล็กของบ้านหลังนี้ คุณจูน เซคิโน จาก Junsekino Architect 

and Design ผู้ออกแบบบ้านหลังนี้ ให้เหตุผลหลักอยู่ 2 ประการ คือ หนึ่ง 

เจ้าของบ้านมีความชื่นชอบในตัวเหล็กอยู่แล้ว มีความทรงจำาที่ดีและมีความสุข 

หากได้อยู่ในบ้านเหล็ก สอง เหล็กมีความแข็งแรงทนทาน และมีความงามในตัวของ 

มันเอง ไม่จำาเป็นต้องมีวัสดุใดมาปกปิดทับอีกครั้ง เป็นเนื้อวัสดุที่ตรงไปตรงมา 

อีกทั้งยังก่อสร้างรวดเร็ว สามารถทำางานให้เสร็จได้ตรงตามระยะเวลาที่กำาหนด 

บ้านเหล็ก 3 ชั้น นี้ถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูงที่สุด ด้วยพื้นที่ 

ใช้สอยประมาณ 415 ตารางเมตร จัดวางบนที่ดินได้อย่างคุ้มค่าที่สุด เพราะบ้าน 

หลังนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองราคาที่ดินสูง โดยกำาหนดระยะช่วงเสาไว้ที่ 6 เมตร เป็น 

ช่วงเสาที่มีระยะไม่มากไม่น้อยเกินไป ใช้งานได้สะดวกและทำาให้ความหนาของ 

คานไม่มากนัก ดูไม่เทอะทะหรือทำาให้ตัวบ้านสูงเกินไป 

Detail 

การโชว์ขอบและสันของเหล็กให้เห็นเป็น 

เส้นยาว ช่วยให้อาคารดูลงตัว ชัดเจน 

Siam Yamato Steel Co., Ltd. (SYS) 

Tel. : 0-2586-7777 e-mail : sys@syssteel.com 

www.syssteel.com : sysfanpage : @syssteel 

Steel you can trust

ใช้สร้งศลเรือพยในขนดจริงนั้น ผสมผสนไปด้วย 

จุดเด่นที่ผ่นกรคัดเลือกมจกแบบร่งทั้งสมข้งต้น 

ตั้งแต่กรเลือกใช้วัสดุอย่งอิฐมวลเบมเรียงแบบสลับ 

ฟันปลเพื่อสร้งให้เกิดเป็นผนังที่เป็นทั้งผนังรับนำ้หนัก 

และช่องลมผ่นในเวลเดียวกัน ในขณะที่วัสดุอีกชนิดหนึ่ง 

ที่นิสิตได้ทำกรศึกษอย่งไฟเบอร์ีเมนต์นั้น ได้ถูกนำม 

จัดวงใหม่ให้เกิดเป็นระนบเหนือศีรษะเพื่อกรองแดดที่ 

เข้มสู่ศลแห่งนี้ 

ควมน่สนใจอีกจุดหนึ่งของเวิร์คชอปนี้คือกรให้นิสิต 

ที่เข้ร่วมโครงกรได้ลงมือปิบัติกรก่อสร้งศลเก็บเรือ 

พยนี้ขึ้นมด้วยตัวเอง ภยใต้ระยะเวลที่จำกัดอยู่เพียง 

แค่ วันเท่นั้น ึ่งนอกจกจะเป็นกรช่วยสร้งให้นิสิต 

นักศึกษสถปัตยกรรมได้เรียนรู้ถึงคุณสมบัติจริง และ 

ข้อจำกัดของวัสดุก่อสร้งด้วยตนเองแล้ว ยังช่วยให้พวกเข 

เหล่นั้นได้เรียนรู้และรู้จักวงแผนรับมือกับข้อผิดพลด 

ที่อจเกิดขึ้นหน้งนในระหว่งกรก่อสร้งด้วยเช่นกัน 

กรเรียนรู้จกประสบกรณ์จริงเช่นนี้ นับเป็นสิ่งที่หไม่ได้ 

จกห้องเรียนทั่วไป เพระนอกจกจะช่วยทำให้นิสิต 

สถปัตยกรรมได้รู้จักคำนึงถึงกรออกแบบที่ตอบรับกับ 

กรก่อสร้งมกขึ้นแล้ว ยังช่วยทำให้คำว่ช่องว่งระหว่ง 

งนออกแบบและผู้ออกแบบอยู่ใกล้กันมกขึ้นอีกด้วย 

02 

01 ารออออ 

ารราอาาา 

02ารสสาอวส 

รวาอรออว 

03อารวอาา 

รอาาอาา 

TEXT 

Paphop Kerdsup 

PHOTOS 

Courtesy of 

Department of 

Architecture, 

Chulalongkorn 

University 

The Rowing Club Shelter Project is a collaboration 

between the Faculty of Architecture, Chulalongkorn 

University and Siam City Cement PCL. The project considered 

the current issue amongst architecture students 

that the gap between ‘design’ and ‘designer’ is continuing 

to grow due to the increased use of digital devices. 

Therefore, the initiative developed a ‘Design & Build’ 

course with a workshop employing active learning 

processes. Through this course, students were able to 

focus on a material’s nature, rearrange scraps and build 

a design by themselves during the summer session. 

This workshop brought students to the site of the project 

located on the ridge of the Chulalongkorn University 

Reservoir, Saraburi province. Students then inspected 

the production processes at building material factories 

in order to truly understand the material’s attributes, 

characteristics and restrictions. Moreover, students 

had the opportunity to speak with the instructor and 

members of the club in order to acquire information 

regarding the project’s requirements, size of the 

rowboats and activities occurring in the shelter. 

After obtaining all information, all 13 students participating 

in the workshop were separated into three groups 

and presented conceptual sketches. Despite having no 

perfect scheme in the end, constant intensive development 

of the design process over the two weeks resulted in 

the final design of a shelter blending all three schemes. 

Lightweight blocks were arranged into a zigzag pattern 

creating both ventilation and a bearing wall. An additional 

material that the students analyzed, fiber cement concrete, 

was utilized as a plane overhead to filter the sunlight. 

Another interesting aspect of this workshop was 

that the students built the shelter by themselves in just 

five days time, which helped them to learn the attributes 

and restrictions of materials and how to deal with problems 

that might occur during the process of construction. 

Knowledge gained from this type of first-hand experience 

cannot be acquired in any common classroom. The more 

that students are able to consider the fact that design 

responds to the construction process, the closer the 

gap between ‘design’ and ‘designer’ will be. 

03 


facebook.com/KhonKoolKlong 

LAT PHRAO 

CANAL 02 


ปัหชุมชนบุกรุกพื้นที่ริมคลองเป็นปัหที่รัฐบล 

ให้ควมสำคัในกรแก้ปัห เนื่องจกปัจจุบันมีชุมชน 

บุกรุกอศัยอยู่ในสยคลองหลักทั่วกรุงเทพมหนครกว่ 

11,000 ครัวเรือน อย่งไรก็ตม กรแก้ปัหพื้นที่ริม- 

คลองมักใช้วิธีกรไล่รื้อชุมชนึ่งมักไม่แก้ปัหกรบุกรุก 

พื้นที่สธรณะในระยะยว เนื่องจกชุมชนบุกรุก 

ริมคลองเป็นหนึ่งในอกรของควมเหลื่อมลำ้ทงเศรษฐกิจ 

เมืองที่สะท้อนออกมในรูปของกรไม่สมรถเข้ถึงที่อยู่ 

อศัยที่มีมตรฐนของคุณภพชีวิตที่ดี ในฐนะบริกร 

พื้นฐนแห่งรัฐได้ เครือข่ยภคีสถบันกรศึกษเพื่อกร 

พันพื้นที่ริมคลอง ACCD ที่ประกอบด้วยนักวิชกร 

ด้นสถปัตยกรรม วิศวกรรม และสังคมวิทย จก 

สถบันกรศึกษ 8 แห่ง ได้จัดทำแนวคิดในกรปรับปรุง 

พื้นที่ริมคลองลดพร้ว ตมนโยบยของรัฐบลในกร 

แก้ปัหที่อยู่อศัยและกรบุกรุกพื้นที่ริมคลองลดพร้ว 

อันเป็นหนึ่งใน 9 สยคลองหลักของกรุงเทพมหนคร 

โดยร่วมกับสำนักงนเขตและสถบันพันองค์กรชุมชน 

ในกรพันพื้นที่ริมคลองลดพร้ว รวมระยะทง 

24 กิโลเมตรที่ผ่นพื้นที่ 8 เขต ประกอบด้วย สยไหม 

ดอนเมือง บงเขน หลักสี่ จตุจักร ลดพร้ว ห้วยขวง 

และวังทองหลง โดยมีแนวคิดสำคั 4 ประกร คือ 

1 กรเพิ่มพื้นที่ระบยนำ้และบรรเทปัหอุทกภัย 

ึ่งหมยถึงกรคืนพื้นที่รุกลำ้ของชุมชนบุกรุกริมคลอง 

เพื่อประสิทธิภพกรระบยนำ้ของคลอง โดยทำให้เกิด 

พื้นที่รับนำ้เพิ่มมกขึ้น และย้ยที่อยู่อศัยออกจกคลอง 

2 กรคืนพื้นที่สธรณะริมคลองเพื่อประโยชน์ของคน 

เมือง เป็นกรสร้งโอกสในกรใช้พื้นที่ริมนำ้ในเชิง 

สธรณะ เช่น กรเปลี่ยนพื้นที่ริมนำ้เพื่อกรสัจร 

ทงเลือก ได้แก่ ทงจักรยน และท่เรือเพื่อกรสร้ง 

โอกสในกรสัจรในเมืองที่เชื่อมต่อกับกรขนส่งมวลชน 

โดยเฉพะโครงกรรถไฟฟสยสีเขียว สีชมพู และสีส้ม 

ในอนคต รวมถึงกรสร้งโอกสในกรเข้ถึงพื้นที่ริม- 

คลองเพื่อกรนันทนกร กรออกแบบตลิ่งเพื่อกร 

จัดกรนำ้อย่งยั่งยืน เป็นกรเสนอให้กรออกแบบตลิ่ง 

ในเชิงวิศวกรรมเป็นรูปแบบผสมผสนระหว่ง hard 

structure และ soft structure ตมแต่ละช่วงบริบท 


NBK Terracotta 

Façade Panels 

NBK has opened up a completely new dimension in 

facade design and received worldwide acclaim. Every 

new building serves as an impetus for further projects. 

What all schemes share is exceptional architecture. 

Today, the NBK-system is used in all its variants across the 

globe. The most distinguished of architects have come to 

appreciate the tremendous creative possibilities offered 

by this terracotta facade system, which combines 

traditional craftsmanship with leading-edge manufacturing 

technology. Its ability to accommodate even the finest 

design details in terms of shape, color, texture and glaze 

paves the way for unique, tailored solutions. 

innovative products make innovative projects 

Hunter Douglas Thailand 

124 Krungthep Kreetha Road, Saphansung, Bangkok 10250 

T : 66.2.368.4141 F : 66.2.368.4144 

E : info@hunterdouglas.asia 

W : www.hunterdouglas.asia

ของสยคลอง จกเดิมที่เคยใช้แบบมตรฐนใน 

ลักษณะโครงสร้งแข็งอย่งเดียว 4 คนอยู่ร่วมกับ 

คลอง หรือกรจัดระเบียบพื้นที่ริมคลองเพื่อเป็นที่อยู่ 

อศัย และจัดหที่อยู่อศัยให้แก่ชุมชนริมคลองใน 

ละแวกใกล้เคียง เพื่อให้ชุมชนสมรถสนับสนุนเมือง 

ในฐนะที่เป็นเศรษฐกิจฐนรกในภคบริกรของเมือง 

ึ่งแนวคิดนี้ได้รับกรตอบสนองในทงที่ดีจกรัฐบล 

โดยก่อให้เกิดกลไกกรทำงนเพื่อแก้ปัหพื้นที่ริม 

คลองในรูปของคณะทำงนร่วมระหว่งภคส่วนต่ง 

อันเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมกรกรแก้ไขปัหที่อยู่ 

อศัยต่อไป 

TEXT 

Nattawut 

Usavagovitwong 

PHOTOS 

Khon Kool Klong 

02 

01 าาอรราา 

รอรร 

02าาอรราาอ 

รร 


Recent studies show that there are more than 

11,000 instances of construction that transgress the 

public canal area; therefore, the encroachment problem 

is being addressed by the government through actions, 

almost all of which take on the form of attempts to 

demolish structures and clear people out of the contested 

areas. These approaches are, however, not the 

proper policy that should be followed in order to relieve 

long-term issues caused by the economic disaster 

that restricted these peoples from moving to a more 

fitting place. The Academic Consortium for Canal-Side 

Development, through collaboration with architects, 

engineers and sociologists from eight institutes, has 

come up with a policy to recover the Lat Phrao canal in 

response to the housing policy inflicted by the government 

while addressing the encroachment problem 

within the site. This project, under the collaboration of 

the district office and the Community Organizations 

Development Institute, covers 24.5 kilometers of land 

along the canal within eight districts including the 

districts of Saimai, Don Muang, Bang Khen, Lak Si, 

Jatujak, Lat Phrao, Huai Khwang and Wang Thong Lang. 

The project will be achieved through the principles of 

1) Displacing residents from the area along the canal 

in order to increase the land capacity 2) Reclaiming the 

public space and re-arranging the land along the canal 

into usable spaces that will provide new opportunities 

for people such as bike lanes and a canal-boat pier 

connected to the Green and Pink BTS lines that will be 

constructed in the future. The design will also allow for 

people to use the land along the canal for various activities. 

3) To re-design the canal dam for long-term water 

management through a proposal to re-construct the 

canal dam following proper engineering processes and 

the combination of hard and soft structures dependent 

on each site condition rather than the previous design 

created from hard structures only. 4) To re-manage the 

residencies along the canal and provide nearby areas 

to those who were displaced in order to encourage the 

community to be rebuilt upon an economic foundation 

that could have a positive effect on the grand scheme 

of the area’s use. This concept was received well by 

the government for its process of troubleshooting 

achieved through collaboration leading to the formation 

of a committee to address the residency issue. 



BANGKOK 03 

CHINATOWN 

RIVERFRONT 

ย่นตลดน้อยและพื้นที่ต่อเนื่อง ได้แก่ ย่นทรงวด 

และจักรวรรดิ ถือเป็นย่นที่เป็นศูนย์กลงทงเศรษฐกิจ 

กรค้ในระดับเมืองที่ควรค่แก่กรอนุรักษ์ทงวันธรรม 

สำนักผังเมือง กรุงเทพมหนคร จึงมอบหมยให้สถบัน 

อศรมศิลปเป็นที่ปรึกษโครงกรอนุรักษ์ฟนฟูย่นตลด 

น้อยและพื้นที่ต่อเนื่อง โดยกรดำเนินกรออกแบบพื้นที่ 

ได้อศัยกระบวนกรที่มีประชชนในย่นตลดน้อยร่วม 

มือกับหน่วยงนที่เกี่ยวข้องทุกภคส่วนมร่วมแสดงควม 

คิดเห็น ให้กรพันและแก้ไขปัหของพื้นที่โครงกร 

เป็นไปอย่งตรงจุด กรเสนอผังแม่บทของโครงกรถูก 

จัดขึ้นเมื่อเดือนตุลคมที่ผ่นม ณ โรงแรมรอยัล ออร์คิด 

เชอรตัน โเต็ล แอนด์ ทวเวอร์ ึ่งมีกรนำเสนอถึง 

ขอบเขตพื้นที่ทั้งหมด 1 ไร่ โดยแบ่งเป็นกรฟนฟูพื้นที่ 

ริมนำ้ พื้นที่สธรณะ และระบบคมนคมในย่น 

โครงกรปรับปรุงครอบคลุม 14 พื้นที่ ได้แก่ กรปรับปรุง 

ท่นำ้จักรวรรดิ กรปรับปรุงท่เรือรชวงศ์ กรปรับปรุง 

ท่นำ้เผยอิง กรปรับปรุงท่นำ้สวัสดี กรปรับปรุงท่นำ้ 

ภณุรังษี กรปรับปรุงท่เรือกรมเจ้ท่ กรปรับปรุง 

ท่เรือสี่พระย กรพันพื้นที่คลองผดุง กรปรับปรุง 

ท่นำ้เอกชน กรปรับปรุงตรอกอย กรปรับปรุงถนน 

ทรงวด กรปรับปรุงถนนทรงสวัสดิ กรปรับปรุงถนน 

เยวรช และกรเสนอพื้นที่จอดรถบริเวณสถนีรถไฟ 

หัวลำโพง โดยมีพื้นที่นำร่องทั้งหมด 4 โครงกร คือ 

โครงกรปรับปรุงฟนฟูพื้นที่ท่นำ้สวัสดี โครงกรปย 

บอกทง โครงกรปรับปรุงฟนฟูพื้นที่ท่นำ้ภณุรังษี และ 

โครงกรปรับปรุงฟนฟูพื้นที่ทงเดินที่เชื่อมโยงสู่ริมแม่นำ้ 

เจ้พระยในย่นตลดน้อย เกณ์กรพิจรณคัดเลือก 

พื้นที่นำร่อง คือ ควมสอดคล้องกับยุทธศสตร์ของโครงกร 

ควมสอดคล้องกับนโยบยกรุงเทพมหนคร กรเชื่อมโยง 

กับกรพันโดยรอบ กรเป็นพื้นที่อยู่ภยใต้กรดูแล 

ของหน่วยงนรัฐ และควมสอดคล้องกับควมต้องกร 

และควมจำเป็นของชุมชน 

01 วอาาอาา 

ารษ 

TEXT AND PHOTO 

Worarat Patumnakul 

Courtesy of ARCHIDEX 

Talat Noi and adjacent areas, Song Wat and 

Chakkrawat, are considered a city business center 

worthy of preservation. The Department of City Planning, 

Bangkok Metropolitan Administration (BMA), 

therefore appointed The Arsom Silp Institute of Arts 

as a consultant to the project aimed at restoring and 

preserving Talat Noi and adjacent areas through collaboration 

with the community and related agencies 

in order to develop and solve the problems of the area 

directly. 

The master plan for the project includes an 

area of 165 rai and was proposed last October at 

the Royal Orchid Sheraton Hotel & Towers. The plan 

divides its focus between riverfront restoration, the 

development of public spaces and establishment of a 

transportation system in the area. The project covers 

14 areas in total and includes improvements being 

made to Chakkrawat, Pei-ing, Sawasdee and Phanu 

Rangsi waterfronts, Ratchawong, the Marine Department 

and Si Phraya Piers, Song Wat, Song Sawat and 

Yaowarat Roads and the Phadung Krung Kasem Canal 

area. Alleys, narrow paths and the car park area at the 

Bangkok Railway Station will also be addressed. 

The Institute team selected four pilot projects, 

two of which focus on infrastructure improvements 

being made to Phanu Rangsi and Sawasdee Piers 

while the second of the four are aimed at improving 

walkways linking the community and the waterfront 

and the installment of directional signs within the 

area. The criteria for consideration and selection of 

the pilot projects was consistent with the strategies 

of the project, the policies of the MBA and their ability 

to correspond with both the area’s future development 

and the requirements of the community. 



04 

CAMBODIA 

ELEVEN 



01 าอ 

สา 

 

TEXT 


PHOTOS 

Courtesy of Eleven 

Magazine 

เมื่อช่วงปลยปีที่ผ่นม leven Maazine นิตยสร 

ออนไลน์ทงสถปัตยกรรมและกรออกแบบจกประเทศ 

อังกษ ได้มีกรจัดประกวดแบบสถปัตยกรรม ภยใต้ชื่อ 

Camodia 201 Protect Respect mpoer’ ขึ้น 

เพื่อเน้นให้สถปนิกได้ตระหนักถึงกรออกแบบที่ตอบสนอง 

ต่อทั้งบริบทของพื้นที่ ระบบนิเวศน์ และวันธรรมต่ง 

ึ่งในเวลต่อมก่อให้เกิดเป็นเครื่องมือที่สมรถช่วยปกปอง 

อนคต รวมถึงถนอมรักษไว้ึ่งปัจจุบันที่กำลังถูกคุกคม 

ได้ในเวลเดียวกัน 

โจทย์ของกรประกวดแบบนี้ ต้องกรให้นักออกแบบ 

ร่วมกันนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ของโครงสร้งลอยนำ้ ที่จะ 

ถูกนำมใช้กับศูนย์รักษสุขภพ รวมถึงศูนย์วิจัยและกร 

ศึกษระบบนิเวศน์ของพื้นที่ทะเลสบโตนเลสบ ประเทศ 

กัมพูช จุดประสงค์หลักของกรออกแบบโครงสร้งลอยนำ้ 

นี้เพื่อที่จะใช้งนออกแบบเป็นเครื่องมือในกรดูแลรักษ 

วันธรรมท้องถิ่น สิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศน์ของพื้นที่ 

รวมทั้งช่วยส่งเสริมให้ชุมชนมีควมเข้มแข็งในกรดูแลพื้นที่ 

ของตน เพื่อให้เกิดกรพันอย่งยั่งยืน 

จกผู้เข้ประกวดกว่ 240 ทีม จก 1 ประเทศทั่วโลก 

เป็นที่น่ยินดีที่ผลงนจกสถปนิกชวไทยสมรถคว้ 

รงวัลชนะเลิศในกรประกวดครั้งนี้มได้ กับผลงนในชื่อ 

HBRDG โดย ณัฐพล พงศ์พลชัย, ปรัช 

เลิศรักษดี, พรเจริ โอรรัตน์มณี และพณิน จันทะเลิศ 

ึ่งนำเสนอบ้นพักอศัยลอยนำ้จกวัสดุธรรมชติอย่งไม้ไผ่ 

ที่มพร้อมกับกลไกกรทำงนที่สมรถช่วยบำบัดนำ้จก 

ทะเลสบก่อนนำมใช้ได้ รวมทั้งยังมีนวัตกรรมอื่น ที่ช่วย 

ให้กรดำรงชีวิตของผู้คนในทะเลสบโตนเลสบนี้เป็นไป 

ได้อย่งยั่งยืนและยวนน นอกจกผลงนชิ้นนี้แล้ว อีก 

หนึ่งผลงนในชื่อ TH TNL SoAP PRJCT โดย 

พัชรด อินแปลง, สุวิช์พงศ์ อสนจินด และ Arthur 

Verne ยังได้รับรงวัล Honourale Mentions จกกร 

ประกวดครั้งนี้อีกด้วยเช่นกัน รยละเอียดเพิ่มเติมดู 

eleven-maazinecom 

At the end of last year, Eleven Magazine, an online 

architecture and design magazine from the U.K. held 

a competition under the name ‘Cambodia: Protect | 

Respect | Empower,’ in order to emphasize the notion 

that if architects realize designs that satisfy the context, 

ecosystem and local culture, these initiatives could 

serve as tools for protecting the future and conserving 

the present at the same time. 

The aim of the competition called upon designers 

to deliver change and innovation in the form of floating 

structures that would embody a Medical Aid Clinic, 

Research Hub and Ecological Education Center on the 

area of Cambodia’s Tonle Sap Lake. With this objective, 

the design is not simply a tool for protecting the area, 

but also building a vigorous community for sustainable 

development. 

Among the 243 teams from 51 countries who participated, 

a group of Thai architects, Natthapol Pongplanchai, 

Pratchaya Lertrucksadee, Porncharoen Oranratmanee 

and Phanin Chantalert, won first place in the competition 

for their work titled ‘HYBRID{GE}.’ The project presents 

a single house with a floating structure made of bamboo, 

consisting of a water treatment system and other innovations 

that could help to improve people’s quality of 

life. An additional work titled ‘The TONLE SoAP PROJ- 

ECT’ by Patcharada Inplang, Suvitchpong Asanachinta 

and Arthur Vergne received an Honorable Mention in 

the competition as well. For more details, please visit 

eleven-magazine.com. 


WAT 

BUNDANJAI 

05 

วันที่ 2 มกรคมที่ผ่นม โครงกรวัดบันดลใจ 

โดยควมร่วมมือของ สมคมสถปนิกสยม ในพระบรม- 

รชูปถัมภ์ สมคมภูมิสถปนิกประเทศไทย วิศวกรรม- 

สถนแห่งประเทศไทย ในพระบรมรชูปถัมภ์ สถบัน 

อศรมศิลป หอจดหมยเหตุพุทธทส อินทปัโ 

สำนักงนกองทุนสนับสนุนกรสร้งเสริมสุขภพ สสส 

สำนักงนพระพุทธศสนแห่งชติ และภคีเครือข่ย 

ร่วมกับคณะสถปัตยกรรมศสตร์ จุลงกรณ์มหวิทยลัย 

จัดเวที เสวนวิชกรโครงกรวัดบันดลใจ’ เพื่อนำเสนอ 

แนวคิดในกรออกแบบ 9 วัดบันดลใจ พร้อมถ่ยทอด 

องค์ควมรู้ในกรพันวัดจกนักวิจัย เพื่อหวังจะพลิก- 

ฟนวัดสู่ควมหมยที่แท้อย่งสมสมัย และเป็นแรงบันดลใจ 

ให้กับวัดทั่วประเทศ ณ อครศิลปวันธรรม จุลงกรณ์- 

มหวิทยลัย กรเสวนได้รับเกียรติเป็นอย่งสูงจก 

ศสตรจรย์เกียรติคุณ นพประเวศ วะสี ที่ได้มเป็น 

องค์ปฐกกล่วเปดกรเสวนด้วยกรยำ้ให้เห็นควม 

สำคัของโครงกรว่พระพุทธศสนเป็นทุนอันยิ่งให่ 

และกรรื้อฟนควมหมยและคุณค่ที่แท้จริงของวัดจะ 

เป็นรกฐนที่สำคัสำหรับกรพันประเทศไทยอย่ง 

แท้จริง ก่อนจะเข้สู่กรเสวนระหว่ง 9 เจ้อวสวัด 

นำร่องและภูมิสถปนิก-สถปนิกอส ใน เวทีเสวน 

วัดโบรณสถนที่สำคัของชติ’ วัดกับกรเป็นแหล่ง 

เรียนรู้ที่เชื่อมโยงชุมชนเข้สู่วัด’ และ วัดกับบทบทกร 

เผยแผ่ธรรมอย่งมุ่งมั่นเพื่อดึงชุมชนเข้วัด’ ก่อนจะปด 

ท้ยด้วยกรบรรยยเรื่อง ฟนวัดคืนเมือง’ โดยรศดร 

อรศรี งมวิทยพงศ์ จกสำนักบัณิตอสสมัคร 

มหวิทยลัยธรรมศสตร์ ึ่งเป็นกรสรุปผลงนวิจัย 

เรื่อง ปัจจัยที่เอื้อต่อกรฟนฟูบทบทหน้ที่กรพัน 

จิตวิณของวัดในเขตเมือง’ เพื่อเป็นกรอบแนวคิด 

ในกรดำเนินงนของโครงกรวัดบันดลใจ กรจัดงน 

ในครั้งนี้ได้รับกรตอบรับอย่งมกจกพระภิกษุสง์ 

กว่ 100 รูป รวมถึงสถปนิก ภูมิสถปนิก นักออกแบบ 

และพุทธบริษัทผู้มีจิตอสที่เข้ร่วมเสวนและให้ควม 

สนใจที่จะร่วมกันพลิกฟนให้วัดกลับมเป็นศูนย์์กลงของ 

ชีวิต และจิตวิณของสังคมไทยอีกครั้ง ติดตม 

ควมเคลื่อนไหวของโครงกรได้ที่ faceookcom 

atundanai 

01 รราาวสวา 

วาารรารวา 

TEXT AND PHOTO 

Yingyong Poonnopatham 

On the 23 rd of January 2016, a talk was held 

regarding the Watbundanjai project that presented 

the nine inspiring temples at the Office of Art and 

Culture, Chulalongkorn University. The project and 

academic talk was realized through collaboration 

between The Association of Siamese Architects under 

Royal Patronage, The Thai Association of Landscape 

Architects, The Engineering Institute of Thailand under 

H.M. The King’s Patronage, Arsom Silp Institute of 

the Arts, Buddhadasa Indapanno Archives, The Thai 

Health Promotion Foundation (‘ThaiHealth’), The 

National Office of Buddhism and Faculty of Architecture, 

Chulalongkorn University and its development 

partners. Furthermore, this academic talk considered 

the concept behind the design of the nine temples 

that draws upon knowledge of temple development 

by researchers in the hopes of reviving the meaning 

of temples through the right approach. The opening of 

the Watbundanjai project event was overseen by 

Dr. Prawet Wasi who described the significance of the 

project and its ability to serve as a strong root upon 

which religious architecture could develop within the 

country. Following, talks by nine abbots followed 

as well as those by three landscape designers who 

presented under three topics, namely: ‘the historic 

temples that give importance to the country,’ ‘the 

instituted temple connecting urbanism and temples’ 

and ‘the duty of temples in the teachings of Buddha 

and encouragement of people to visit the temple.’ 

The final talk considered ‘the factors that influence 

the revival of temples in the city’ and was given by 

Associate Professor Aurasri Ngamwittayapong. The 

event was very successful and inspiring, with 100 

monks as well as architects participating. 

For more information please visit: www.facebook. 

com/watbundanjai 



TOP 

INNOVATIONS 

01 02 

D.O. BOND HAS BEEN BRINGING SOME GREAT ADVANCES IN 

TECHNOLOGY TO THE ARCHITECTURE, INTERIOR DESIGN 

AND CONSTRUCTION INDUSTRIES SINCE 2006. 

ย้อนกลับไปเมื่อปี249 คุณเกียรตินันท์วิจิตร- 

ประไพ ก่อตั้งองค์กร D BND ขึ้นบนแนวคิด 

nnovationTechnoloyCreativity เป็นตัวตั้ง 

จวบจนทุกวันนี้ D BND ก้วสู่กรเป็นผู้ผลิต 

และจัดจำหน่ยนวัตกรรมด้นวัสดุสำหรับตกแต่ง 

และก่อสร้งอันดับต้น ของบ้นเรึ่งนับเป็นกร 

เติบโตอย่งรวดเร็ว เหตุผลหนึ่งคงเป็นเพระแนว 

คิดของคุณเกียรตินันท์และทีมงนที่ให้ควมสำคั 

กับกรพันคุณภพของผลิตภัณ์ให้เข้ไปเพิ่มคุณ 

ค่กับโครงกรและพื้นที่รวมถึงส่งเสริมคุณภพ 

ชีวิตของผู้ใช้ในระยะยว 

วิสัยทัศน์ของเรคือกรเป็นผู้จัดจำหน่ย 

นวัตกรรมวัสดุก่อสร้งและวัสดุตกแต่ง ึ่งอะไรที่ 

เป็นเรื่องของนวัตกรรม เรต้องเข้ใจกรทำงนของ 

มันให้ลึกเพื่อที่จะสร้งควมเข้ใจให้กับผู้ใช้และ 

ทำให้นวัตกรรมนั้นไปสร้งประโยชน์ให้กับผู้ใช้อย่งดี 

ที่สุด เพระฉะนั้นเรจะทำงนกันอย่งมืออชีพ 

และมีมตรฐนทุกอย่งชัดเจน 

โปรดักท์ของ D BND ประกอบไปด้วย 

แผ่นอะลูมิเนียมคอมโพสิต MAN, ระบบยกพื้น 

จกแบรนด์ชั้นนำสัชติเบลเยี่ยมอย่ง Buzon ® , 

ระบบแผ่นกันนำ้ Tyvek ® Home rap y Dupont ® 

สำหรับติดตั้งบนอครเพื่อปองกันควมชื้น ึ่งเป็น 

ผลิตภัณ์เดียวที่สมรถระบยอกศได้ในตัว ไป 

จนถึง Kreen อุปกรณ์สำหรับกรจัดสวนแนวตั้งที่ 

ถูกออกแบบโดยทีมงน D BND ที่ต้องกร 

นำเสนอระบบ vertical arden ให้สมรถใช้งน 

ง่ยในรคที่ย่อมเยว์ โดยมีจุดน่สนใจอยู่ที่กร 

เป็นกรีนโปรดักท์ตั้งแต่ต้นทงจนถึงปลยทง ทั้ง 

กรคัดสรรวัสดุรีไเคิลคุณภพดีที่ปรศจกสรปน- 

เปอน รวมถึงกระบวนกรผลิต จนได้ผลงนที่ 

ปลอดภัยต่อทั้งคนใช้และสิ่งแวดล้อม 

ษา 

หกไม่นับรวมควมมุ่งมั่นในกรพันและคัด 

สรรผลิตภัณ์ที่มีควมก้วลำ้ทงนวัตกรรมเพื่อ 

เข้มเป็นส่วนหนึ่งในกรขับเคลื่อนคุณภพชีวิต 

ของผู้คนแล้ว D BND ยังทำงนภยใต้แนวคิด 

ที่มีควมรับผิดชอบต่อทุกสิ่งรอบตัวเสมอมเรไม่ 

ทำธุรกิจที่เอเปรียบสังคมและลูกค้นอกจกมตร- 

ฐนที่ชัดเจนที่เรยึดถือในทุก กรทำงนแล้ว 

เรยังให้ควมสำคักับทุกอย่ง สิ่งที่เรทำ มตลอด 

คือกรสรรหโปรดักท์ที่มีนวัตกรรมและเป็นมิตร 

ต่อสิ่งแวดล้อม ต่อผู้ใช้ และสมรถใช้งนได้ใน 

ระยะยว แน่นอนว่เมื่อลูกค้เลือกใช้ผลิตภัณ์ 

ของเร สิ่งที่เรต้องทำคือเรต้องขอบคุณพวกเข 

และเมื่อเกิดปัหเมื่อไหร่ หน้ที่ของเรก็คือช่วย 

พวกเขอย่งสุดควมสมรถ เพระปัหของ 

ลูกค้คือปัหของเร 

สำหรับ D BND แล้ว กรดำเนินธุรกิจไม่ 

ได้มีควมหมยเพียงแค่กรื้ออะไรบงอย่งเข้ 

มและขยอะไรบงอย่งออกไป โดยมีส่วนต่ง 

ของกรื้อมขยไปเป็นผลกำไรขดทุน แต่ที่นี่ยัง 

ทำหน้ที่อย่งดีในกรคัดกรองผลิตภัณ์ที่มี 

คุณภพที่สุดเพื่อให้สมรถตอบสนองควมต้อง 

กรของผู้ใช้ได้อย่งเหมะสมและเกิดประโยชน์ 

สูงสุดอย่งยั่งยืนด้วยเช่นกัน แม้ตอนนี้จะมีกร 

เปลี่ยนแปลงของตลดรวดเร็วและเกิดเทคโนโลยี 

มกมยเข้มสอดรับอยู่ตลอดเวล ทำให้เกิดตัว 

เลือกใหม่ แต่เรก็ไม่เคยหยุดที่จะคิดและพัน 

กลยุทธ์ทุกด้นให้รวดเร็วและมีคุณภพมกขึ้น 

ขณะเดียวกันก็คงประสิทธิภพตมมตรฐนอย่ง 

ดีที่สุดเพื่อให้คุณภพของD BND เติบโตขึ้น 

อย่งแข็งแรงและมั่นคง 

01 รารออา 

สรรสา 

สาาราาร 

ออส 

วสว 

02 ออส 

 

03 รวร 

รรรารราร 

วารษ 

 

03 

บริษัท ดี.โอ.บอนด์ จำกัด 

69/1 หมู่ 2 ซ.วัดรำษฎร์บูรณะ ถ.เทพำรักษ์ 

ต.บำงปลำ อ.บำงพลี จ.สมุทรปรำกำร 10540 

โทร 02-752 3605 -7 

แฟกซ์ 02-752 3608 

WWW.DOBCL.COM

DESIGN 

FOR ASIA AWARDS 


HONORING EXEMPLARY DESIGNERS HAVING IMPACT IN ASIA THROUGH 

THE STRATEGIC AND INNOVATIVE USE OF DESIGN. 

Desin For Asia Aards รงวัลที่ตั้งขึ้นเพื่อ 

ค้นหและเฉลิมฉลองโปรเจ็คต์และงนดีไน์ที่ 

มีอิมแพคต่อภูมิภคเอเชีย โดย Hon Kon 

Desin Centre กลับมอีกครั้ง สำหรับรงวัล 

ในสขสถปัตยกรรมในปีนี้ไม่ได้โฟกัสไปที่ 

กรดีไน์เพื่อสร้งนวัตกรรมหรือสิ่งใหม่ เพียง 

อย่งเดียว แต่ยังให้ควมสำคักับกรรีโนเวท 

กรให้ชีวิตใหม่แก่พื้นที่เดิมไปพร้อมกันด้วย รงวัล 

ยอดเยี่ยม หรือ Grand Aard ของสขสถปัตย- 

กรรมในปีนี้ มี รงวัลด้วยกัน 

โครงกรฟนฟู Himei Castle โดย NMURA 

Japan ได้รับเลือกจกกรเปลี่ยนโบรณสถน 

และสมบัติของชติที่มีอยุยืนยวตั้งแต่ปี 109 

มเป็นนิทรรศกรที่น่สนใจผ่นกรใช้เทคโนโลยี 

AR Aumented Reality ึ่งเรียกได้ว่เป็น 

กรผสมผสนควมเป็นสมัยใหม่ลงในไต์เดิม 

ได้อย่งลงตัว โครงกรใช้เวลทั้งสิ้น ปีครึ่ง 

และให้ควมสำคักับกรดูแลรักษไต์เดิม 

อย่งมก เห็นได้จกกรเลือกใช้วัสดุที่เหมะสม 

ประกอบกับกรใช้เทคนิคแบบดั้งเดิม ึ่งนอกเหนือ 

จกเปหมยกรสร้งประสบกรณ์กรรับชม 

ปรสทแบบใหม่ โปรเจ็คต์นี้ยังต้องกรเปด 

โอกสให้ผู้รับชมได้ชื่นชมกับงนฝีมือ ควม 

สวยงมของเทคนิคทงสถปัตยกรรมแบบดั้งเดิม 

ด้วยกรนำอดีตกลับมจัดวงลงยังพื้นที่ จึงมี 

ควมลงตัวทั้งในแง่ของกรอนุรักษ์และกรพัน 

ขีดควมสมรถของไต์ 

เช่นเดียวกันกับกรบูรณะอคร PM โดย 

PM Manaement Hon Kon ึ่งได้แรง- 

บันดลใจมจกประวัติศสตร์ของไต์ ผู้มเยี่ยมชม 

จะได้เห็นและสัมผัสกับคุณค่ทงสถปัตยกรรม 

และประวัติศสตร์ที่ยังหลงเหลืออยู่ตรงบริเวณ 

underround interpretation area’ พื้นที่ชั้นใต้ดิน 

ที่ถูกขุดค้นเปดให้เห็นวัสดุดั้งเดิมของอคร กร 

ปรับปรุงอครเริ่มต้นในปี 2012 และถูกพัน 

เป็นพื้นที่อเนกประสงค์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 

ส่งเสริมดีไเนอร์รุ่นใหม่และดีไน์คอมมูนิตี้ใน 

่องกง และเปดประตูต้อนรับผู้มเยือนสู่ stae of 

creative happenins ที่ผู้มเยือนจะได้เพลิดเพลิน 

ไปกับดีไน์สตูดิโอ ร้นค้ ป็อปอัพสโตร์ และ 

นิทรรศกรจำนวนมก 

โปรเจ็คต์ต่อมที่ได้รับ Grand Aard คือ 

Sino -cean Taikoo Li ที่ Daci Temple ในกรุง 

Chendu โดย The val Partnership Limited 

Hon Kon ที่นำควมหมยเดิมของไต์ขึ้น 

มตีควมใหม่เช่นเดียวกับสองโครงกรก่อนหน้ 

โครงกรนี้ชี้ให้เห็นถึงคุณค่ของกรนำอดีต 

กลับมยังปัจจุบันอีกครั้งหนึ่งด้วยกรคำนึงถึง 

สไตล์ดั้งเดิม กรรวมโปรเจ็คต์เข้กับถนนโบรณ 

กรฟนฟูอครประวัติศสตร์ คอร์ตยร์ด และ 

กรสร้งอครขึ้นมใหม่กว่ 0 หลัง โดย 

คำนึงถึงสไตล์และควมเรียบง่ยแบบดั้งเดิมของ 

บ้น Sichuan ที่รวมอยู่ ในแผนผังและโปรแกรม 

กรพันแบบผสมผสนในลักษณะนี้จึงมี 

กลิ่นอยกรฟนฟูชุมชนแบบที่ให้ควมสำคั 

กับควมหลกหลย และเปดกว้งต่อกรเป็น 

ทงเลือกสำหรับเมืองในอนคต พร้อม กับ 

กรจุดประกยแรงบันดลใจใหม่ ในกรออก- 

แบบศูนย์กรค้ 

หก DFA Aards ในปีนี้คดกรณ์ถึงสิ่งที่กำลัง 

จะเกิดขึ้นในอนคตอันใกล้ ดูเหมือนว่เรื่องของ 

ประวัติศสตร์ บริบท และกรพิจรณคแร็คเตอร์ 

ของไต์ จะเป็นเรื่องที่อยู่ในควมสนใจของดีไเนอร์ 

หลย คน ที่เห็นควมสำเร็จจกกรนำบริบท 

ของพื้นที่เดิมมใช้สร้งควมหมยในโปรเจ็คต์ 

เพื่อคนรุ่นต่อ ไปในอนคต

02 

01 อาารอ 

ววรสอ 

ราสราว 

ารออ 

02ารรอาาร 

สวสา 

รวาสรสา 

ออสารรสราสรร 

03 

รวาสรสาอ 

าารรวา 

อวาอวา 

าา 

04สาาราว 

ออ 

าา 

อราสา 

05 

าาร 

าสสาาส 

าร 

03 

05 

The DFA Awards, a flagship program organized 

by the Hong Kong Design Centre, lived up to its 

reputation once again this year, serving as a notable 

survey and celebration of exemplary designs and 

projects having impact in Asia. This year’s Grand 

Awards were, however, also of further significance 

for the common thread drawn across several 

winning projects that focused on not only how 

04 

to create something innovative and new, but 

how to do so through means of revitalization 

and renovation. 

The Himeji Castle Restoration Project by 

NOMURA Co., Ltd. (Japan) was awarded recognition 

for its ability to transform a world heritage 

site and national treasure dating back to 1609 into 

an intriguing exhibition that, through incorporation 

of AR technology within its programming, is undeniably 

modern in nature. Taking some five and 

a half years to complete, the care and support of 

the existing site exemplified through thoughtful 

selection of materials and the incorporation of 

traditional techniques further ensured that visitors 

not only “experienced the Castle like never before,” 

but also were allowed opportunity to “appreciate 

the artisans’ intricate techniques and the beauty 

of the traditional architecture.” Making way for 

the past to find fitting place within the future, 

the project fulfills its mission to both preserve 

and advance the capabilities of the site. 

The PMQ building by PMQ Management Co. Ltd 

(Hong Kong) similarly took home a Grand Award 

and looked toward its illustrious past for inspiration, 

the partial excavation of fragmented building 

materials within its ‘underground interpretation area’ 

allowing for visitors to appreciate the “historical 

and architectural values of the remains.” Renovations 

of the site began in 2012 and have since developed 

into a dynamic environment aimed at “nurturing 

Hong Kong’s emerging create - preneurs” and 

design communities, welcoming to date over some 

one million visitors to its “stage for creative 

happenings” to experience and enjoy its design 

studios and shops, pop - up stores and exhibitions. 

The third work rooted in reinterpretation 

included amongst the Grand Award recipients, 

The Sino - Ocean Taikoo Li project at Daci Temple 

in Chengdu by The Oval Partnership Limited 

(Hong Kong), ushers that which is of value into 

the future in like manner through: consideration 

of local customs, incorporation of ancient streets, 

the restoration of historic building courtyards 

and the creation of 30 new, yet traditional lowrise 

Sichuan - styled homes into its program and 

planning. The mixed-use development was able 

realize a sense of urban renewal that “considers 

diversity and openness to be the mode of the 

future city” while creating an “inspiring alternative 

to conventional covered malls.” 

If this year’s DFA Awards are indication of 

what’s to come, it seems that history, context 

and consideration for a site’s existing character 

just might find place and voice amongst the 

conversations our most celebrated designers 

are choosing to hold - as they realize success 

through utilization of the pre-existing to foster 

meaningful impact within a project, through a 

place and for the people of the future. 

DFAAWARDS.COM 

ราส

GUAN YIN 

PAVILION 

BANGKOK 

STUDIOMAKE 

TEXT 

Jaksin Noyraiphoom 

PHOTOS 

Ketsiree Wongwan

แม้จะผ่นแนวคิดที่มุ่งหักล้ง ท้ทย และตรวจสอบ 

อยู่อย่งต่อเนื่อง แต่ถึงกระนั้นค่นิยมแบบสถปัตย- 

กรรมสมัยใหม่หรือสถปัตยกรรมโมเดิร์น ก็ยังคงมี 

อิทธิพลต่อกรออกแบบสถปัตยกรรมของโลกอย่ง 

ไม่เสื่อมคลย อิทธิพลเหล่นี้ได้สะท้อนออกมในหลย 

ส่วน ทั้งในวิธีคิด กระบวนกรในกรออกแบบ รวมไปถึง 

กรใช้วัสดุในสถปัตยกรรม ที่ส่วนให่หรือแทบทั้งหมด 

เป็นวัสดุสมัยใหม่ที่ได้จกกรผลิตโดยเครื่องจักรจก 

ภคอุตสหกรรมและผลพวงหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ วัสดุก่อ- 

สร้งแบบดั้งเดิมึ่งมักทำด้วยมือได้ถูกหลงลืมและไม่ได้ 

รับกรให้ควมสำคัมกนัก หลยวัสดุได้สูหยไป 

ตมกลเวล ด้วยเหตุนี้จึงมีสถปนิกจำนวนไม่น้อยมี 

ควมพยยมที่จะนำวัสดุดั้งเดิมเหล่นั้น มประยุกต์ 

ใช้ในกรออกแบบสถปัตยกรรมในยุคหลังสมัยใหม่กัน 

มกขึ้น และหนึ่งในผลงนชิ้นสำคัที่สะท้อนควม 

เคลื่อนไหวดังกล่วได้ดีที่สุดชิ้นหนึ่ง ได้แก่ ศลกวนอิม 

(Guan Yin Pavilion) 

ARCHITECT 

Studiomake 

LANDSCAPE DESIGNER 

Studiomake 

INTERIOR DESIGNER 

Studiomake 

LIGHTING DESIGNER 

49 Lighting Design 

Consultants 

STRUCTURAL ENGINEER 

Borvornb hun 

Vonganan 

Adinun 

Teeranupatana 

CONTRACTOR 

Me Tha Construction 

& Engineering 

BUILDING AREA 

2,000 sq.m. 

It's a perspective that is to be confuted, is challenging 

and has been continuously put to the test, but the 

popularity of modern architecture still definitely has 

an influence on world architecture. This influence is 

reflected in many areas, in the way of thinking, process 

of designing, together with the usage of materials in 

architecture which are mainly or almost all modern 

materials that are produced by machines in the industrial 

sector. The consequence of this is that construction 

materials that are traditional and handmade are forgotten 

and not given much importance. In fact, many materials 

have just disappeared with time, hence there is a group 

of new architects who want to modify the traditional 

materials, and use them in their architectural designs 

in this post modern era, one of the most important, 

major projects that reflects this movement is the Guan 

Yin Pavilion. 

The Guan Yin Pavilion is located towards the north 

entrance of Rangsit University. It was built to house 

the Thai-Chinese Institute, and the important question 

for Studiomake, who was the designers of this building, 

was that the building had to meet the needs of overall 

usage, while at the same time serving as a symbol that 

could represent collaboration between Thailand and 

China. 

This question became the main factor influencing 

the choice of materials and in turn became the main 

characteristic of the project. 

“Usually, when Studiomake designs any project, 

we don’t start with the form, but rather begin with the 

materials. We ask ourselves which materials would 

be able to convey the feelings or actual symbols in the 

most appropriate way and, when we considered that 

the main concept was that we had to design a building 

reflecting the relationship between Thailand and China, 

the first material we thought of was bricks.” Orapan 

Sarasalin-Schafer, who established Studiomake, spoke 

about how the perspective of choosing the materials 

that would make up the building came about. 

The main reason that the designer chose bricks 

was because bricks are a material that both cultures, 

Thai and Chinese utilize. As for the bricks that would 

be used in the Guan Yin Pavilion, the designer wanted 

grey bricks that are used widely in China, their shape 

further reflecting the Chinese aspect. However, the 

limitation was that the nature of the soil in Thailand, 

when used in making bricks, results in the production 

of a brick that has a reddish tone quite different from 

bricks found in China. This factor caused the designer 

to investigate a new process of producing bricks through 

collaboration with the brick factory, A.P.K.Dawkoo, 

located in Ang Thong province. Together they developed 

a new way of firing the bricks that would allow for them 

to create grey ones. They used a double-firing method, 

hence they were able to produce a brick that was grey 

and of an even stronger texture. 


01อสาสรอ 

อาสวอวส 

รออาาร 

วสาวอ 

วารสารอาษา 

THEME ASA 37

4 

12 

2 

11 

6 

8 

10 

1 

3 

5 

7 

9 

1ST FLOOR PLAN 

1 entrance 

2 guanyin fountain 

3 exhibition hall 

4 courtyard 

5 terrace 

6 office 

7 meeting room 

8 lounge 

9 classroom 

10 student club office 

11 maintenance 

12 loading 

4 M 

38 ASA THEME วารสารอาษา

อครศลกวนอิมตั้งอยู่บริเวณด้นทิศเหนือของ 

มหวิทยลัยรังสิต ถูกสร้งขึ้นเพื่อให้เป็นที่ทำกรของ 

สถบันไทย-จีนของมหวิทยลัยแห่งนี้ โดยโจทย์สำคั 

ที่ Studiomake ึ่งเป็นผู้ออกแบบอครหลังนี้ได้รับคือ 

นอกจกตัวอครจะต้องสมรถสนองควมต้องกร 

ทงด้นกรใช้งนทั่วไปแล้ว ศลกวนอิมหลังนี้ยังจะ 

ต้องทำหน้ที่เป็นสัลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของควมร่วม- 

มือระหว่งประเทศไทยกับประเทศจีน จกโจทย์ดังกล่ว 

ได้กลยเป็นปัจจัยสำคัที่มีอิทธิพลอย่งมก ในกร 

เลือกใช้วัสดุึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัของโครงกร 

ตมปกติแล้วเวลที่ Studiomake ทำงนออกแบบ 

โปรเจ็คต์ใดก็ตม เรจะไม่ได้เริ่มกันที่ฟอร์ม แต่จะเริ่มขึ้น 

จกวัสดุว่วัสดุอันไหนที่จะสมรถถ่ยทอดควมรู้สึก 

หรือสัลักษณ์ที่ตัวอครต้องกรจะสื่อออกมได้ 

เหมะสมที่สุด แล้วพอรู้ว่โจทย์คือออกแบบอครที่ 

เป็นสัลักษณ์ระหว่งจีนกับไทย วัสดุแรกที่เรคิดถึง 

ก็คืออิฐ อรพรรณ สระศลิน เชฟเฟอร์ ผู้ก่อตั้ง 

Studiomake กล่วถึงที่มของแนวคิดในกรเลือกใช้ 

วัสดุประกอบอคร 

เหตุผลหลักที่ทงผู้ออกแบบได้เลือกอิฐมเป็นส่วน- 

ประกอบสำคัของอคร เพระอิฐคือวัสดุก่อสร้ง 

ที่ทั้งสองวันธรรมทั้งไทยและจีนมีกรใช้ร่วมกันและ 

สำหรับอิฐที่จะนำมใช้ในศลกวนอิมหลังนี้ ทงผู้ออกแบบ 

มีควมต้องกรที่จะใช้อิฐสีเทที่นิยมใช้กันมกในประเทศ 

จีนและมีรูปลักษณ์สะท้อนถึงควมเป็นจีนได้ดี หกแต่ 

ข้อจำกัดคือดินในประเทศไทยนั้นเมื่อนำมทำอิฐจะได้ 

อิฐที่มีสีค่อนไปในโทนแดง ึ่งแตกต่งจกอิฐของจีน 

ทำให้ผู้ออกแบบจำเป็นที่จะต้องคิดค้นกระบวนกรผลิต 

อิฐรูปแบบใหม่ขึ้น โดยได้ร่วมมือกับโรงงนอิฐ อปก 

ดวคู่ ที่จังหวัดอ่งทอง เพื่อพันกรรมวิธีในกรเผ 

อิฐสีเทขึ้น โดยใช้กรเผสองครั้ง ผลลัพธ์ที่ได้คืออิฐที่ 

มีผิวเป็นสีเทึ่งเนื้อมีควมแกร่งมกขึ้น 

02อาาาอาาร 

สวอสา 

ส 

02 



อิฐสีเทที่ได้จกกรผลิตด้วยมือนี้จะถูกนำมใช้ 

ตกแต่งในส่วนของผนังอคร โดยในส่วนห้องแสดง 

นิทรรศกร จะมีกรนำอิฐมเรียงเป็นแนวตั้งลักษณะ 

คล้ยเสล้อมรอบภยนอกอคร รูปทรงเฉพะตัวของ 

อิฐ ทำให้เกิดแสงเงตกกระทบตัวอครที่มีเอกลักษณ์ 

เกิดบรรยกศที่มีควมพิเศษ ในส่วนของพื้นที่สำนักงน 

และห้องเรียนจะนำอิฐมก่อ้อนกันโดยมีกรก่อให้เป็น 

จังหวะที่มีลวดลยคล้ยคลื่น เกิดเป็นพื้นผิวที่มีควม 

น่สนใจผสมผสนกับกรใช้อิฐสีแดงที่เป็นตัวแทนของ 

ควมเป็นไทย นอกจกนี้ในส่วนของลนกิจกรรมด้นใน 

ยังมีกรนำกระเบื้องมุงหลังคแบบจีนึ่งผลิตจกโรงงน 

เดียวกับอิฐ มใช้ตกแต่งบริเวณผนังทรงโค้ง โดยกระเบื้อง 

นี้มีรูปทรงเหมือนกระเบื้องมุงหลังคของจีน แต่ใช้ 

เทคนิคกรเคลือบแบบศิลดลที่มีผิวสีเขียว ึ่งนิยมใน 

ประเทศไทย กระเบื้องนี้จึงถือเป็นอีกตัวแทนของควม 

สัมพันธ์ระหว่งจีนและไทย ที่สะท้อนอยู่ในอครหลังนี้ 

02รววาา 

อาารว 

รออาสว 

03ารอวสาร 

วรราา 

ารร 

สารสาารษา 

The grey bricks were produced by hand and used 

to decorate the walls of the building. As for the exhibition 

space - the bricks were arranged vertically, almost 

like pillars, and were set to encircle the external area 

of the building. The actual shape of the bricks resulted 

in a unique shadow effect being cast on the building, 

creating a special atmosphere. In the office area 

and classrooms, the bricks were overlaid in a pattern 

resembling waves, creating a very interesting surface 

area. Red bricks were also used to reflect a sense of 

'being Thai’. 

As for the internal activity area, Chinese styled roof 

tiles produced at the same factory behind the development 

of the bricks were utilized. The method used to 

produce them was similar to that of producing celadon – 

allowing for the creation of a green surface that is 

popular in Thailand. These Chinese-styled bricks were 

used to decorate the curved wall, allowing for the tiles 

to represent China and Thailand and the relationship 

between the two to be reflected in the building. 

03 


04

อุปสรรคสำคัในกรใช้วัสดุทำมืออย่งอิฐที่สถปนิก 

ต้องเผชิคือ ขนดของอิฐึ่งแต่ละก้อนจะไม่เท่กัน 

อันเนื่องมจกควมคลดเคลื่อนของกระบวนกรผลิต 

ึ่งแตกต่งจกวัสดุที่ผลิตด้วยระบบอุตสหกรรม ทำให้ 

ในกรก่อสร้งต้องมีกรแก้ปัหอยู่ตลอดเวล เพื่อให้ 

ได้รูปแบบที่ใกล้เคียงกับที่ได้ออกแบบไว้ให้มกที่สุด 

โดยอรพรรณได้กล่วถึงข้อดีในกรใช้วัสดุที่ทำด้วยมือ 

เอไว้ว่ อย่งที่เรเคยทำงนในประเทศตะวันตก จะ 

เห็นว่กรทำงนด้วยมือนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย 

เพระค่ใช้จ่ยมันสูงมก แต่ในประเทศตะวันออก 

เรโชคดีที่เรยังมีงนลักษณะนี้อยู่ แล้วเรมีช่งมี 

ภูมิปัที่สั่งสมกันม ึ่งเรควรจะนำมใช้ 

และแม้จะชื่นชอบในกรใช้วัสดุทำมือึ่งเป็นวัสดุ 

ดั้งเดิมจกอดีตก็ตม แต่อรพรรณและ Studiomake ก็ 

มิได้หลงใหลในควมโรแมนติกและยึดติดอยู่ในกับดัก 

แห่งกลเวลของอดีตกลเพียงเท่นั้น ดังจะเห็นได้จก 

กระบวนกรในกรสร้งสรรค์อครหลังนี้ ที่ไม่ได้ลอก- 

เลียนรูปแบบจกอดีตอย่งผิวเผินและเถรตรง หกแต่ 

มุ่งทำควมเข้ใจแก่นสระสำคัและนำมคลี่คลยสู่ 

รูปแบบใหม่ที่มีควมสอดคล้องกับบริบทของปัจจุบัน 

หกแต่ยังคงกลิ่นอยแบบอดีตและควมเป็นท้องถิ่น 

เอไว้ได้ 

ในอนคตเรก็อยกจะเห็นว่ งนที่ทำด้วยมือ 

มันเริ่มผสมผสนกับงนเทคโนโลยีบ้ง สำหรับ 

Studiomake เรชอบงนที่ทำด้วยมือก็จริง แต่ว่เร 

จะไม่พยยมไปหลงใหลในอดีตจนเกินไปจนไม่มสู่ 

ปัจจุบัน ึ่งจะทำให้ไปต่อในอนคตไม่ได้ แล้ววิชชีพ 

เรก็จะหยุดอยู่แค่ตรงนั้น ึ่งเรคิดว่หน้ที่ของสถปนิก 

ก็คือ เรต้องพยยมนำงนฝีมือดั้งเดิม มบวกกับ 

เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อที่มันจะได้พันต่อไปในอนคต 

ได้ คิดว่นั่นคงจะเป็นเปหมยของเร มกกว่แค่กร 

หลงรักในอดีต อดีตมันควรจะเป็นอดีต ควรจะเก็บไว้ 

แล้วเรก็ก้วต่อไป พันให้เป็นอนคตของสถปัตย- 

กรรมในประเทศไทยให้ได้ อรพรรณ กล่วเสริม 

ควมท้ทยประกรสำคัที่สถปนิกยุคหลังสมัย 

ใหม่ต้องพบเจอในกรสร้งสรรค์สถปัตยกรรมร่วมสมัย 

คือกรผสนควมเป็นสกลและควมเป็นท้องถิ่นเข้ 

ด้วยกันอย่งสมดุล โดยไม่หลงลืมรกเหง้และควม 

เป็นท้องถิ่น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่หมกมุ่นอยู่ 

แต่ควมสวยงมของอดีตจนไม่มสู่ปัจจุบัน ึ่งผลงน 

ศลกวนอิมคือตัวอย่งที่ดีของสถปัตยกรรมร่วมสมัย 

ที่มีกรตีควมควมเป็นท้องถิ่น อย่งมี พลวัต’ ที่มี 

กรเคลื่อนไหวและแปรเปลี่ยนรูปร่งอยู่ตลอดเวล ทำให้ 

งนชิ้นนี้ได้ก้วข้มกับดักแห่งกลเวล กลยเป็นหลัก 

ไมล์สำคัของกรออกแบบสถปัตยกรรมร่วมสมัยใน 

ประเทศไทย 

The biggest obstacle that the architects had to 

face in using handmade bricks was that they varied 

in size, due to the inexact production process that 

differed from an industrial production process. Hence, 

whilst construction was taking place, problems had 

to be continuously solved in order to achieve the appearance 

that was closest to that which the design 

aspired to achieve. Orapan did, however, explain that 

there were also advantages to using these handmade 

materials. "As we have worked in western countries, 

we can see that making things by hand is hardly ever 

possible, because the costs are very high, whereas 

in eastern countries we are lucky to still have this sort 

of work, and we have builders who have accumulated 

knowledge and hence we should utilize this." 

Even though handmade materials are admired and 

traditional, Orapan and Studiomake were not lost in the 

romanticism and trap of the ancient past, this can be 

seen from the creative process that went into the development 

of the building that goes far from imitating 

structures from ancient times in a superficial and direct 

way. In fact, Studiomake tried to gain an understanding 

of the essence, and called upon this essence to create 

a new form that was in line with the present contexts, 

and yet at the same time able to grasp and maintain 

both an ancient and indigenous touch as well. 

"In the future we would like to see handmade 

things be somewhat integrated with technology. At 

Studiomake we do like handmade work, but we try not 

to become too lost in the past - in fact, not being in the 

present would not allow us to advance into the future, 

and our profession would just be at a halt. Therefore, 

we think that the duty of an architect is to try and present 

traditional craftsmanship together with modern 

technology, so that it can develop in the future as well 

- this is our goal, rather than just being in love with the 

past. The past should be just the past, and it should be 

embraced, as we progress and develop it to become 

the future of architecture in Thailand," furthered Orapan. 

The important challenge that architects of the 

postmodern era face is the creativity of contemporary 

architecture - to be able to integrate international and 

local aspects in a balanced way while not forgetting or 

neglecting one’s ancestry and indigenousness. 

Yet, at the same time we must not indulge in the 

beauty of the past in a manner that prohibits us from 

being in the present. The Guan Yin Pavilion is therefore 

a good example of contemporary architecture - it is defined 

by its appropriate application of indigenousness 

paired with continuous movement and the change it 

enables. This pavilion progresses within the constraints 

of time, and has thus become an important milestone 

of contemporary architecture in Thailand. 

จักรสิน น้อยไร่ภูมิ 

ารษาาสา 

รราสราวา 

ารอาาร 

ราสารร 

าสรารออ 

าวารา 

รสราาา 

วารสา 

อสร 


NOW 26 

TEXT 


PHOTOS 

Spaceshift Studio 

BANGKOK 

STUDIO 

ARCHITECTKIDD

ARCHITECT 

Architectkidd 


Architectkidd 


Gooodlux 


Thai Obayashi 

CONTRACTOR 

Thai Obayashi 

BUILDING AREA 

1,200 sq.m. 

ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่นมนี้ แวดวงสถปัตยกรรม 

เรียกได้ว่มีควมเปลี่ยนแปลงไปจกในอดีตค่อนข้งมก 

จกที่ครั้งหนึ่งสถปนิกเคยรับบทบทเป็นทั้งผู้สร้งและ 

ผู้ออกแบบ กลยเป็นว่ในปัจจุบันระยะห่งระหว่งสถปนิก 

และงนสถปัตยกรรมกลับยิ่งทวีควมห่งออกไปมกขึ้น 

เรื่อย ถ้จะว่กันตมตรง นับตั้งแต่ที่เทคโนโลยีสมัยใหม่ 

อย่ง CAD, BM หรือแม้แต่กระบวนกรออกแบบและ 

ผลิตแบบดิจิตอล Diital Farication เข้มมีบทบท 

ในกรออกแบบของสถปนิกมกขึ้นเรื่อย หลยครั้งที่ 

เรหลงลืมควมเป็นจริง จนละเลยบริบทแวดล้อมที่เป็น 

อยู่ไป ควมรู้พื้นฐนอย่งกระบวนกรทำมือ Handmade 

กลยเป็นสิ่งที่สถปนิกในปัจจุบันเผลอมองข้ม เป็นไป 

ได้หรือไม่ที่วิทยกรสมัยใหม่จะสมรถมบรรจบกับวิธี- 

กรพื้น อย่งกรทำมือได้ คำตอบของคำถมข้อนี้ ได้ถูก 

พิสูจน์แล้วว่เป็นไปได้ผ่นผลงนกรออกแบบอคร 

สถนีโทรทัศน์แห่งใหม่อย่ง N 2 ึ่งถือเป็นกร 

บรรจบกันของช่วงเวลที่แตกต่งกันด้วยเช่นกัน 

สถนีโทรทัศน์ N 2 ตั้งอยู่ที่สยมสแควร์ บริเวณ 

ด้นหลังของโรงภพยนตร์ลิโด้ แทนที่พื้นที่กรเรียนรู้เดิม 

อย่ง The Style y TTA โดยโครงกรสถนีโทรทัศน์ 

แห่งนี้อยู่ภยใต้กรดูแลของผู้เช่รยใหม่อย่งเครือ Nation 

ึ่งโจทย์สำคัที่ทง Nation ต้องกร นอกเหนือจกกร 

สะท้อนภพลักษณ์ควมโปร่งใสขององค์กรให้ปรก 

ออกมผ่นตัวสถปัตยกรรมได้แล้ว คือกรจัดกรและ 

ปรับปรุงอครหลังเดิมที่มีอยู่ในที่ตั้งอย่งไรให้สมรถ 

ใช้งนได้ตรงตมวัตถุประสงค์ของสถนีโทรทัศน์ ภยใต้ 

ข้อจำกัดที่สำคัคือ ระยะเวลในกรก่อสร้ง ที่จะต้อง 

พร้อมใช้งนได้เร็วที่สุด ึ่งโจทย์เหล่นี้ได้รับกรถ่ยทอด 

ออกมผ่นฝีมือกรทำงนของ Architectkidd กลุ่ม 

สถปนิกึ่งได้เคยฝกผลงนในบริเวณใกล้เคียงอย่ง 

โรงแรม Hard Rock Caf ไว้แล้ว กรกลับมในครั้งนี้ 

ของ Architectkidd ได้สร้งควมแปลกใหม่ด้วยกร 

ออกแบบสถปัตยกรรมที่แสดงถึงกรบรรจบกันของ 

เครื่องมือดิจิตอลและกระบวนกรทำมือได้อย่งน่สนใจ 

ทุกครั้ง ที่เรเริ่มโปรเจ็คต์ใดก็ตม เรค่อนข้งที่ 

จะให้ควมสำคัหลักไปที่กระบวนกรทำมือ Handmade 

ในงนสถปัตยกรรม เพระถึงแม้ว่เรจะใช้ 

เทคโนโลยีหรือกระบวนกรที่ลำ้สมัยแค่ไหน มันก็ยังคงมี 

สิ่งหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัในกรสร้งอครขึ้นม 

ึ่งก็คือกรทำด้วยมือ ลุค ยัง Luke eun สถปนิก 

ผู้รับผิดชอบโครงกร N 2 กล่วถึงกระบวนกร 

ทำงนของสตูดิโอ ที่แม้หน้ตของสถนีโทรทัศน์ขนด 

1200 ตรงเมตร แห่งนี้จะดูเหมือนถูกสร้ง enerate 

ขึ้นมจกโปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็ตม แต่กระบวนหลัก 

ส่วนให่ของกรก่อสร้งอครหลังนี้ยังคงให้ควมสำคั 

ไปที่กระบวนกรทำมือและทักษะควมชำนของช่งใน 

กรจัดกรกับควมำ้้อนของผิวอคร ึ่งถือเป็นหนึ่ง 

ในหัวใจหลักของโครงกร 

Over the past two decades, there has been much 

development in architecture as compared to previous 

times. At one time, an architect was both a designer and 

a creator. Nowadays, there is in fact a much wider gap 

between the architect and the architectural work. The 

advent of new technologies such as CAD and BIM and 

the introduction of digitalization into design processes 

has increased the significance of the architect’s design 

role, where we tend to forget the reality and ignore the 

surrounding context. Today, an architect may overlook 

such fundamental knowledge as handmade processes. 

Would, however, it be at all possible to incorporate new 

technologies and basic methods such as handmade 

processes together? This question can be answered 

through the design of the new NOW 26 TV station 

building where we find a convergence of elements from 

different periods. 

The NOW 26 TV station set in Siam Square behind 

the Lido Cinema superseded by The Style by TOYOTA 

recently welcomed a new tenant, The Nation Group. 

The Nation Group had a number of significant requirements 

when it came to the space including a desire to 

use the architecture to reflect the organization’s image 

of transparency and to find means to address the muchneeded 

renovation of the existing building. The brief 

further required that the architects meet the TV station’s 

objectives within a strict time limit, as the project had to 

be completed as soon as possible. All these requirements 

were translated through the design by Architectkidd, 

a group of architects who also designed the nearby 

Hard Rock Café Hotel. On this occasion, Architectkidd 

created an amazing project by designing architecture 

that showed an interesting convergence of both digital 

devices and handmade processes. 

“Every project we embark on is a kind of tribute 

to the handmade in architecture, because even as we 

use more high technologies and processes, there remains 

one basic and necessary component in making 

buildings – the handmade aspect,” said Luke Yeung, 

a partner at Architectkidd responsible for the NOW 

26 project of the working process of the studio. In 

appearance, this 1200-square-meter TV Station seems 

to have been generated by a computer. However, the 

fundamental construction processes that went into the 

building relied mostly on handmade processes coupled 

with the expertise of the technicians in dealing with the 

complex façade that is in many ways the heart of the 

project. 

The building’s interesting curvilinear façade is derived 

from the system of pipes and electric cables that 

were discovered during an early phase of the project 

while demolishing the structure of the old building. The 

architect discovered that the infrastructure of the utilities 

concealed within the building were an interesting feature. 

“It’s a pity they are mostly confined to the internal 

guts of the building, in dark and hidden places where 

they will never be seen or noticed.” The impressionistic 

curved lines of these systems prompted the architect’s 

decision to develop these into the structure and façade 

of the NOW 26 building. This was achieved by bending 

the 19-millimetre-diameter steel pipes to cover the 

whole building. The arrangement further brought a 



ที่มหลัก ของรูปแบบเส้นโค้งที่น่สนใจของผิวอคร 

หลังนี้ เกิดจกที่ในระหว่งกรรื้อโครงสร้งอครหลัง 

เดิมในช่วงแรกของโปรเจ็คต์ สถปนิกได้บังเอิค้นพบว่ 

งนระบบึ่งถูก่อนอยู่ภยในอครอย่งกรเดินท่อและ 

สยไฟต่ง นั้นมีควมน่สนใจ มันน่เสียดยที่สิ่งเหล่นี้ 

ถูกจำกัดให้อยู่แต่ในตัวอคร ่อนอยู่ในที่มืด ที่เรไม่มีวัน 

จะได้สังเกตเห็น ด้วยควมประทับใจที่มีต่อเส้นสยของ 

งนระบบึ่งถูกบิดโค้งไปมตมกรใช้งนเหล่นี้ สถปนิก 

เลือกนำสิ่งที่ค้นพบมพันต่อจนเกิดเป็นผิวอคร 

เปลือกนอกของ N 2 ึ่งประกอบขึ้นจกกรดัดท่อ 

เหล็กขนดเส้นผ่นศูนย์กลง 19 มิลลิเมตร คลุมตลอด 

ทั้งตัวอคร ถือเป็นวิธีกรที่สมรถทำให้มวลอครที่ดู 

ทึบึ่งเกิดจกกรใช้งนพื้นที่ห้องส่งของสถนีโทรทัศน์ 

นั้น ดูโปร่งขึ้นมได้ 

ควมน่สนใจของผิวอครแห่งนี้ นอกเหนือจกรูป- 

ทรงที่แปลกต คือกระบวนที่อศัยควมชำนของช่ง 

ในกรผลิตชิ้นส่วนแต่ละชิ้นด้วย มือ’ ทั้งหมด โดยภย- 

หลังจกกรเลือกใช้ท่อเหล็กมเป็นวัสดุหลักในกรทำ 

ผิวอครแล้ว สถปนิกเลือกศึกษคุณสมบัติที่เป็นไปได้ 

ของวัสดุในกรนำมดัดให้เกิดเป็นเส้นโค้ง พร้อมกันนั้น 

ก็ทำงนไปร่วมกันกับช่งเหล็กจก Thai ayashi 

ึ่งมีทักษะและควมเชี่ยวชโดยตรง ข้อจำกัดของ 

กระบวนกรผลิตนี้คือกรที่จะทำอย่งไรให้สมรถ 

ประหยัดเวลและรักษควมคงที่ของท่อเหล็กึ่งถูกตัด 

ด้วยเครื่องตัดเหล็กธรรมดไว้ได้มกที่สุด ด้วยควมที่ 

แบบของท่อเหล็กนี้มีควมับ้อนทั้งในเชิงของมุมและ 

องศในกรดัด แม้ว่แต่ละชิ้นจะดูเหมือนมีองค์ประกอบ 

บงอย่งที่ำ้กันก็ตม ทำให้ต้องอศัยควมเข้ใจใน 

กรอ่นแบบสองมิติที่สร้งขึ้นจกเครื่องมือดิจิตอลและ 

สร้งให้เกิดเป็นผลงนสมมิติที่มีควมแม่นยำอยู่พอ 

สมควร ึ่งในจุดนี้ช่งเหล็กเข้มมีบทบทสำคัในกร 

ให้คำแนะนำแก่สถปนิกและทำให้ระยะห่งระหว่ง 

ผู้ออกแบบกับผู้สร้งงนลดน้อยลงได้มกเลยทีเดียว 

แม้ว่ในทงทษีแล้ว เครื่องมือดิจิตอลจะเข้ม 

มีบทบทและช่วยให้กรเกิดขึ้นของงนสถปัตยกรรม 

เป็นไปได้อย่งรวดเร็วและแม่นยำ แต่ในทงปิบัติแล้ว 

กระบวนกรทำมือยังคงมีบทบทสำคัมกกว่ในกร 

ก่อสร้งสถปัตยกรรมในปัจจุบัน เพระถึงแม้ว่แบบที่ 

รังสรรค์ขึ้นจกคอมพิวเตอร์จะมีควมพิเศษเพียงใด หก 

ทักษะเชิงช่งของแรงงนยังไม่ชำนพอ ก็อจทำให้แบบ 

ที่หน้งนสมรถเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ เครื่องมือ 

ดิจิตอลต่ง มันมีประโยชน์ ในกรช่วยให้กรทดลองต่ง 

มันบรรลุผล หรืออย่งน้อยมันก็ช่วยเพิ่มทงเลือกให้เรได้ 

มกขึ้น คือมันช่วยเปดให้เรได้เห็นไอเดีย ควมเป็นไปได้ 

หรือผลลัพธ์ใหม่ ด้วย แต่ในขณะเดียวกัน หลยสิ่ง 

หลยอย่งมันสมรถเกิดขึ้นได้ที่หน้งน คือแม้แต่ของ 

ที่มันเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจก็สมรถเปลี่ยนดีไน์ทั้งหมด 

ไปได้เลย ลุคกล่ว 

01รวาอ 

ออ 

ออสรา 

าสาารอรร 

า 

ในท้ยที่สุดแล้ว สถปนิกเองควรต้องเริ่มกลับม 

พิจรณถึงควมสัมพันธ์ระหว่งคำว่ ผู้ออกแบบ กับ 

ผู้สร้ง ให้มกขึ้น รวมทั้งมองให้เห็นถึงควมสำคัของ 

กระบวนกรทำมือ handmade ึ่งเป็นทักษะพื้นฐน 

ในกรออกแบบและสร้งสรรค์งนสถปัตยกรรม เพระ 

ถึงแม้ว่กรมถึงของเครื่องมือและเทคโนโลยีสมัยใหม่ 

จะช่วยให้สถปนิกมีควมสะดวกในกรทำงนมกขึ้น 

กรลงมือทำก็ยังคงเป็นจุดเริ่มต้นของกรออกแบบ 

สถปัตยกรรมที่เร สถปนิก ไม่ควรมองข้ม คำว่ 

handmade’ สำหรับเรแล้ว ไม่ได้หมยควมถึงกร 

กระทำที่ต้องมี มือ’ เข้มเกี่ยวข้องเสมอไป ในที่สุดแล้ว 

มันเป็นเรื่องของกรพันสิ่งที่เรเรียกว่ขั้นตอน กร 

ลงมือปิบัติ’ ในแต่ละโปรเจ็คต์เสียมกกว่’ ลุคทิ้งท้ย 



4 

1ST FLOOR PLAN 

1 Entrance Stair 

2 Main Lobby 

3 NOW26 Café 

4 Service 

2 

3 

1 

2 M 



02 

02 วอาาราอ 

อว 

าวาอวอาาร 

าราาวา 

ร 

03-04 Façส 

าาออ 

รววอาาร 

05าาออาาร 

03 


05 

04 

lighter appearance to the dense mass of the building 

according to the use of the space for broadcasting. 

Apart from just looking different, the interesting 

feature about this building’s façade was the process that 

relied on the expertise of the technicians to produce 

each component ‘by hand.’ On deciding to use steel 

pipes as the main material for the façade, the architect 

studied the nature of the material that could be shaped 

into a curve. At the same time, he also worked alongside 

steelworkers from Thai Obayashi who have direct 

skills and professional expertise with the material. 

The limitations of this process were primarily how to 

conserve time while maintaining the consistency of the 

steel pipe cut by a regular steel cutting tool. The design 

of the steel pipe was complicated both in terms of angle 

and degree of curvature (although each piece appeared 

to be from the same component). Achieving this effect 

required a realization of a 2-dimensional-design that was 

generated digitally, in order to create a 3-dimensionaleffect 

that was more accurate. In this, the steelworker 

played a significant role in offering professional advice 

which, in turn, helped to minimize the gap between 

designer and creator. 

In theory, the digital devices helped accelerate the 

architectural design process and increase its accuracy 

today, yet in practice, handmade processes still play 

a more significant role in architectural construction. 

Although computer-generated design may offer something 

special, technical workers tend to have insufficient 

skills and expertise. Thus there exists the possibility that 

some changes may need to be made on site. “Digital 

tools can be useful in implementing experimental 

approaches, or at least producing various options and 

permutations. This can open up ideas and lead us to 

see some new possibilities or combinations. Then, on 

the other hand, many things can happen on site – even 

something seemingly spontaneous can completely 

transform the overall design.” 

Finally, architects should also more closely consider 

the relationship between the ‘designer’ and ‘creator,’ as 

well as recognize the importance of the handmade processes 

as a fundamental skill in architectural design and 

creativity. While the inception of new technology may 

simplify some of the tasks of architectural work, handmade 

work is still the foundation of architectural design 

and the architect should not overlook this. “Handmade 

to us doesn’t always have to do with a physical activity 

involving hands. Ultimately, it’s more about the need 

to develop a ‘hands-on’ approach towards the project,” 

concluded the architect. 

ภ กิรัย 


รราสราร 

าวาาา 

อรราารรา 

วารสารอาษาสาร 

ออรส 

วสอารออ 



SOMJAI 

HOUSE 

SURAT THANI 

NPDA STUDIO 

TEXT 

Xaroj Phrawong 

PHOTOS 

Anotherspacestudio

ARCHITECT 

NPDA studio 

INTERIOR ARCHITECT 

NPDA studio 


Apisit Chawacharoen 

AREA 

240 sq.m. 

สถปัตยกรรมคือสะพนเชื่อมบริบท ถ้ประโยคนี้ 

ปรกในยุคโมเดิร์นคงถูกเหล่สถปนิกหัวก้วหน้ 

ในยุคนั้นโดยเฉพะพวกที่นิยมกรปิเสธสรัตถะจก 

อดีตโจมตีอย่งหนัก แต่หกนำประโยคเดียวกันมใช้ 

ในบริบทปัจจุบันกับผู้คนที่โหยหอดีต ตมหควมเฉพะ 

ของถิ่นที่ เบื่อควมเร็วของทุนนิยม ึ่งเป็นปรกกรณ์ 

ที่สมรถทำควมเข้ใจได้ง่ยจกที่คนเรเบื่อสิ่งที่คุ้นชิน 

แล้วแสวงหสิ่งที่แตกต่งไปจกชีวิตประจำวันมเสพ 

ตัวสถปัตยกรรมเองก็ไม่สมรถหลีกหนีประเด็นนี้ 

เช่นกัน 

เคนเนธ แฟรมปตัน Kenneth Frampton ได้กล่วถึง 

กรที่จะไม่หลงไปกับกระแสของสถปัตยกรรมโมเดิร์น 

ด้วยกรเสนอถึงแนวทงท้องถิ่นนิยมวิพกษ์ critical 

reionalism ที่จะพสถปัตยกรรมในยุคหลังสมัยใหม่ 

ไปสู่จุดหมยของกรตมหอัตลักษณ์ที่มกกว่กร 

สร้งเปลือกแบบให้สะดุดตที่สถปัตยกรรมโพสต์ 

โมเดิร์นนิยมทำเพื่อให้หลุดจกควมน่เบื่อของสถปัตย- 

กรรมโมเดิร์น ประเด็นที่แฟรมปตันนำเสนอสุนทรียภพ 

ของควมงมในสถปัตยกรรมที่มีชีวิตชีวจกถิ่นที่ ทั้ง 

วัสดุ กรก่อรูป เทคทอนิค Tectonic ที่สัมพันธ์กับ 

วิถีชีวิต ประเด็นของกรก่อรูปทงสถปัตยกรรมหรือ 

เทคทอนิคคือศิลปะแห่งกรก่อสร้งหกมองในรูปคำ 

แล้วกรให้คุณค่ของกรก่อสร้งที่แฟรมปตันมองม 

ไม่ได้เป็นแค่กรประกอบเข้กันของวัสดุในท้องถิ่น 

อย่งเดียว แต่เป็นกรสร้งอย่งมีศิลปะในนิยมของ 

ศิลปะที่ไม่จำเป็นต้องอิงสุนทรียภพของกระแสหลัก 

แต่เป็นกรให้คุณค่ของกระแสรองที่ไม่สมรถพบได้ 

อย่งดษดื่น กรเข้ใจถึงควมแตกต่งจึงจะพไปสู่ 

ควมเข้ใจขั้นต่อไปได้ 

“Architecture is a bridge that connects its surroundings 

and various contexts.” If this sentence appeared in 

the modern era and was discussed amongst forward 

thinking architects - especially those who tend to deny 

the essence of the past, they would definitely bombard 

the notion. But if the same sentence was utilized in 

the present context, by people with a craving for the 

past who are looking for the specifics of a locality and 

are fed up with the fast pace of capitalism, architecture 

cannot escape this point as well - this is something 

that can be understood easily by the fact that people 

are now bored with things that they are used to and 

are looking for things that are different from those they 

frequently encounter in their daily lives. 

Kenneth Frampton stated that one must not get 

lost in the current of modern architecture and also presented 

the path of critical regionalism. This would take 

architecture in the postmodern times toward the goal 

of finding a characteristic that was about more than 

just achieving an attractive outer feature. Postmodern 

architecture would often go beyond this, so as to 

escape from the boredom of modern architecture. 

The point Frampton presented was based on the 

arts and an appreciation of the beauty of indigenous 

architecture, including the materials used and the building 

up of tectonic forms that are related to the way of 

life. The point of building forms, or tectonics was an art 

in constructing. Frampton pointed out that if you look 

at a particular form, the value given to the construction 

was not only a realization of the integration of local material 

components but was also defined as an artistic 

construction. That art was not necessarily in reference 

to the main current at that time, but was aimed at 

giving value to the subsequent current that was not 

abundantly found. By understanding these differences, 

one can proceed to the next level of understanding. 

MASTER PLAN 

1 Master Bed Room 

2 Bed Room 

3 Dining Room 

4 Walk in Closet 

5 Bath Room 

6 Deck 

7 Storage 

8 Main Hall 

9 Pantry 

10 Pond 

11 Path Walk 

12 Stair 

1 3 

2 

6 

7 

8 

9 

12 

4 5 5 

5 

11 

10 10 

11 

1 M 



52 ASA THEME วารสารอาษา 

1 M


อย่งเช่นในกรณีบ้นสมใจ ณ เกะพะงัน จังหวัด 

สุรษ์ธนี ออกแบบโดย NPDA studio สถปนิกเริ่มต้น 

กรออกแบบสถปัตยกรรมด้วยกรขึ้นรูปทรงแบบ 

ตะวันตกที่ได้รับอิทธิพลจกกรศึกษระดับปริโท 

ม แต่สิ่งที่บ่งบอกถึงควมเป็นตะวันออกและกรสื่อถึง 

ถิ่นที่คือควมงมของศิลปะแห่งกรก่อสร้งแบบตะวันออก 

ที่มุ่งเน้นกรเปดเผยควมดิบของวัสดุที่มีฐนจกกร 

สร้งสรรค์ด้วยกรให้สถปัตยกรรมสอดรับวิถีชีวิตใน 

เกะพะงันมกกว่เป็นวัตถุแห่งกรจับจ้อง โปรแกรม 

ของบ้นหลังนี้เป็นพื้นที่รับรองแขกของ Co-Co Nut & 

Noom Resort ึ่งเป็นกิจกรของครอบครัว แนวทง 

01 อาา 

ส 

For example, in the case of Somjai House on 

Koh Phangan, Surat Thani province designed by NPDA 

Studio, the architects started designing the architectural 

structure by developing the formation in a western 

style influenced by their Master's degree education. 

But the things that reflected the eastern style and 

indigenous influence were the beauty of the art of 

the eastern styled way of construction, revealing the 

crudeness of the materials utilized. The creativity of the 

architecture was aligned to meet the lifestyle of Koh 

Phangan, and also provided something to gaze upon. 

The purpose of this house was to serve as a reception 

for guests of the Co-Co Nut & Noom Resort, which 

was a family business. A flexible approach was used in 



กรวงพื้นที่ใช้สเปแบบยืดหยุ่น เน้นไปที่กรเชื่อมโยง 

ระหว่งภยนอกและในอย่งคลุมเครือ ให้บรรยกศดู 

สบย ลดควมเป็นทงกรึ่งส่งผลไปยังกรออกแบบ 

รยละเอียดในส่วนต่ง เช่นกัน กรใช้พื้นที่แบ่งออก 

เป็นตมทิศทงของแดด ลม ทะเล สมรถรับวิว 

จกเกะสมุย ภูเข ทะเล ที่อยู่ไม่ไกลจกบ้นสมใจ 

นอกจกกรให้สเปภยนอกไหลเข้มจกกรวง 

จังหวะให้เว้นว่งแล้ว ยังคำนึงถึงกรออกแบบในรย- 

ละเอียดของช่องระบยอกศต่ง ที่เอื้อให้มีกรไหล 

เวียนของอกศอีกด้วย กรออกแบบผนังห้องนำ้แบบ 

แยกออกจกกันเล็กน้อยพร้อมเจะช่องแสงที่เยื้องกัน 

ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่มีทั้งแสงและลมทะเลบงเบจก 

ภยนอกที่ไหลเข้มได้เท่ที่ผนังนั้นจะอนุต นอกจกนี้ 

สถปนิกยังเลือกที่จะถอยชยคห่งออกผนังเล็กน้อย 

ให้แสงอทิตย์ส่องลงมเพื่อสุขอนมัยและระบยอกศ 

ไปอีกทง 

นอกจกกรให้สถปัตยกรรมสอดรับกับถิ่นที่ด้วย 

กรออกแบบแล้ว เทคทอนิคที่สถปนิกสื่อสรผ่น 

สถปัตยกรรมคือกรสร้งควมงมจกกรสร้งสรรค์ 

ของวิถีชีวิตงนเชิงช่งของท้องถิ่นและกรหยิบจับวัสดุ 

ในถิ่นนั้นมปรุงให้เป็นสถปัตยกรรมร่วมสมัย องค์ประกอบ 

ที่โดดเด่นของบ้นสมใจคือผนังภยนอกสีแดงสดที่สถปนิก 

ตั้งใจออกแบบให้สีแดงพตัวมันเองให้แตกต่งจก 

สภพแวดล้อมที่เป็นสีโทนเย็นอย่งใบมะพร้ว สีนำ้เงิน 

ของนำ้ทะเล ผนังภยนอกมีกรออกแบบรยละเอียด 

ด้วยแนวคิดที่ต้องกรใช้วัสดุที่เรียบง่ย หได้ง่ยในท้องถิ่น 

ตัวเลือกจึงกลยเป็นผนังอิฐเปลือยสลับริ้วเฉียงของผนัง 

ปูนขัดมันที่ผสมสีพร้อมลงแวก์ กรเลือกใช้ผนังอิฐเปลือย 

ผสมกับปูนขัดมันที่ผนังภยนอก และผนังปูนขัดมัน 

ภยในเกิดจกแนวคิดที่ต้องกรใช้ควมสมรถของ 

ช่งในท้องถิ่นที่ทำงนปูนขัดมันได้ตมที่สถปนิกต้องกร 

หรือไม่ว่จะเป็นกรออกแบบรยละเอียดผนังคอนกรีต 

เปลือยในผนังครีบบังแดดทงทิศใต้ด้วยกรเลือกใช้ไม้ 

แบบที่ทำจกไม้มะพร้ว เมื่อทำกรถอดไม้แบบออก 

แล้ว สิ่งที่เหลือเป็นร่องรอยเฉพะคือลยของไม้มะพร้ว 

รอยใยไม้มะพร้ว ที่เกิดจกคอนกรีตเข้ไปแทรกใน 

เนื้อไม้ ทำให้สมรถรับรู้ได้ว่ผนังที่สถปนิกต้องกร 

สื่อสรถึงเทคทอนิคจกวัสดุในเกะพะงัน 

02 


03 

อีกองค์ประกอบที่โดดเด่นในงนคือกรที่สถปนิก 

เลือกใช้ช่งท้องถิ่นทำบันไดขึ้นไปยังหลังคด้วยกรช่ง 

ที่ชำนด้นกรเชื่อมเหล็กสะพนท่เทียบเรือ ช่งจะ 

รู้ขีดควมสมรถของวัสดุคือแผ่นเหล็กบงว่สมรถ 

ใช้บงที่สุดสำหรับกรรับนำ้หนักคือเท่ไร ผลของกรใช้ 

เหล็กบงก่อเกิดเงที่พดลงบนผนังเป็นลวดลยที่ล้อไป 

กับมุมของแสงแดดที่เกะพะงัน นอกจกนี้ยังมีในส่วน 

รยละเอียดเล็กน้อยจกวัสดุที่คุ้นเคยในเอเชียคือไผ่ 

สถปนิกเลือกใช้ไผ่ในกรทำผนังตีลยเฉียงรับกับแนว 

ผนังขัดมันภยนอก พร้อมกับกรดัดแปลงไผ่ที่มีปล้อง 

ขนดให่ให้เป็นท่อระบยนำ้ฝนอีกเช่นกัน 

ร่องรอยของควมสมรถเชิงช่งในงนสถปัตย- 

กรรมที่แสดงออกถึงควมสัมพันธ์ต่อถิ่นที่ผ่นร่องรอย 

ของวัสดุต่ง ได้ก่อเกิดควมงมที่สถปัตยกรรมแบบ 

เน้นควมประณีตไม่สมรถสื่อถึงอรมณ์ดิบแบบชว 

บ้นได้ ควมงมจกกรใช้วัสดุหได้ง่ยในท้องถิ่น 

ช่วยให้งนมีควมเป็นมิตรกับผู้มเยือนโดยไม่จำเป็น 

ที่จะต้องใช้กรหยิบยืมรูปทรงหรือเปลือกจกอดีตที่ 

ไม่เหมะกับบริบทปัจจุบันต่อไปแล้ว หกมองในประเด็น 

เหล่นี้ก็นับได้ว่บ้นสมใจได้ทำกรเชื่อมกับบริบทผ่น 

เทคทอนิคที่เฉพะตัวแล้ว 

the utilization of the space, emphasizing the connection 

between the internal and external in an ambiguous 

way and creating an atmosphere that was very casual 

and informal. Various factors affected the details of 

the design in different areas and utilization of space 

depended on the direction of the sunlight, wind, and sea. 

The hills, sea and Koh Samui can be seen from the site 

as well, as they are not located very far from Somjai 

House. The external area utilized a pattern that included 

empty spaces and gave a lot of importance to designing 

various ventilation points that further assisted in the 

circulation of air. The design of the bathroom walls 

situated slightly far from one another and the sunroof 

were developed as well. These factors then allowed 

for both the external sunlight and a light sea breeze to 

flow in between the gaps of the walls. Other than this, 

the architects chose to situate the eaves slightly away 

from the walls, thereby allowing for the sun's rays to 

shine down while also allowing for the ventilation of air 

for both hygienic and sanitation purposes. 

Other than finding means for the architectural 

design to fall in line with the locality, the tectonics that 

the architects used to communicate through were 

based on the expertise of the local builders and the 

utilization of local materials - integration of these 

factors thereby created a contemporary architectural 

structure. An outstanding feature of Somjai House is 

02ารอออ 

าอสารสวา 

าออรสาอาา 

อ 

03อรอว 

าสวารอ 

าาราว 



the bright red external walls that were intentionally 

designed to stand out from the environment of mainly 

cool shades, such as the green of the coconut tree 

leaves and the blue sea. The external walls were designed 

in such a way that allowed for the usage of simple 

materials available locally in the area. The choice was 

made to create raw brick walls aligned with diagonally 

slanting stripes of polished, colored concrete that had 

been waxed as well. The idea for the utilization of raw 

brick together with polished concrete for the external 

areas and polished concrete for the internal areas arose 

because the designers saw the importance of calling 

upon the expertise of local builders, who were able to 

polish the cement as the architects required. Even the 

details of the ‘finned’ raw concrete walls were able to 

keep out the southern rays of sunlight, using coconut 

wood as models that, when removed, left a coconut tree 

pattern behind - this was possible because the cement 

infused itself in the wood. By using these methods, 

the architects were able to communicate the tectonics 

through the use of materials specific to Koh Phangan. 

Another outstanding component in this project 

was the fact that the architects chose to use local 

workmen to create the staircase that led to the roof. 

These builders were typically employed on the island's 

piers where they welded metal bridges and were 

therefore well aware of the nature of the metal and 

how fine it should be, as well as how much weight 

it could carry. Using thin sheets of metal to build the 

staircase led to a beautiful shadow effect that catches 

the sun of Koh Phangan. Furthermore, the utilization 

of bamboo that was familiar to Asia was another detail 

that the architects took into consideration. Bamboo 

was used to create walls with a slanting pattern these 

could match the external polished concrete walls. 

Bamboo pieces that had a wide internal segment 

were further modified to function as drainage pipes for 

rainwater. 

Traces of the skills of the builders are evident in the 

architectural structure, reflecting the relationship with 

the local context through the usage of various materials. 

All these factors led to the creation of a beautiful, 

elaborate project that refuses to reflect the crudeness 

of the folk people. The beauty of being able to utilize 

materials that are easily accessible locally is that doing 

so enabled the designers to evoke an amicable character 

for guests, without actually borrowing any form or 

outer feature from the past that may not be appropriate 

within the present context. If we consider this point, 

we can see how Somjai House was able to connect 

with its surroundings and various contexts, through 

specific tectonics. 

04 วาออสว 

อรออา 

สร ร 

สาวา 

รารส 

าวาาร 

รอาาษา 

สารราสร 


รอาารษ 

สาอ 

04 


MEMBERSHIP 

นัสออกสร 

วรสรอษ วรสรวิชกรด้นสถปัตยกรรม 

รย 2 เดือน 

จดหมยเหตุ หนังสือข่วในแวดวงด้นสถปัตยกรรม 

และเพื่อกรประชสัมพันธ์กิจกรรมต่งของสมคม 

รย 1 เดือน 

ห้องสมุด สำหรับบริกรเพื่อสมชิกได้เข้ใช้ศึกษ 

ข้อมูล ค้นคว้ ทงด้นวิชกร ณ ศูนย์ 

ประชสัมพันธ์ asa center สยมดิสคัพเวอร์รี่ ชั้น 

หนังสือต่ง สมชิกสมรถสั่งื้อหนังสือ เอกสร 

และคู่มือต่ง ทั้งทงด้นวิชกรและที่เป็นประโยชน์ 

ทงด้นกรปิบัติวิชชีพที่สมคม ได้จัดทำขึ้นใน 

รคพิเศษ เฉพะสมชิก เช่น กหมยอคร ล 

WEBSITE 

asa e สมชิกสมรถเข้ถึงข่วสรข้อมูลออนไลน์ 

ได้ที่ asaorth 

asa eoard ชุมชนออนไลน์ สำหรับกรแลกเปลี่ยน 

ข้อมูลของสมชิก 

กิจกรรม้น่ 

สถปัตย์สัจร กรจัดทัศนนักศึกษทงด้นสถปัตย- 

กรรมทั้งในและต่งประเทศ ปีละประมณ 2 ครั้ง 

กิจกรรมด้นวิชกรและวิชชีพ กรจัดอบรม 

โครงกรสุดสัปดห์วิชกร กรจัดสัมมนด้น 

วิชกรและวิชชีพ เพื่อพันศักยภพในกร 

ประกอบวิชชีพปีละประมณ 10 ครั้ง 

กิจกรรมด้นสันทนกรเพื่อควมสนุกสนนสมัคคี 

ของสมชิกสมคม เช่น asa cup กรแข่งขัน 

ฟุตบอลสนมเล็กข้งละ 8 คน, olf asa, 

admintion asa, asa niht ล 

กิจกรรมอื่น ขึ้นอยู่กับกรจัดขึ้นมเป็นครั้ง ไป 

เช่น กรร่วมประกวดแบบต่ง ที่สมคมจัดขึ้น 

หรือรับรอง สนับสนุน กรร่วมส่งประกวดงน 

สถปัตยกรรมดีเด่นงนอนุรักษ์ดีเด่น บงกิจกรรม 

นั้นจัดเฉพะสมชิกเท่นั้นและทุกกิจกรรมจะคิด 

รคสมชิกพิเศษกว่บุคคลทั่วไป 

นสนิก 

asa clu สมรถเข้ใช้พื้นที่ asa clu เพื่อกร 

พักผ่อน พบปะสังสรรค์ นั่งเล่นในบริเวณงน 

asa shop จำหน่ยหนังสือทงด้นสถปัตกรรม 

ต่ง และของที่ระลึกที่ทงสมคมผลิตขึ้นโดย 

จำหน่ย ในรคพิเศษสำหรับสมชิก 

มย รยละเอียดอจเปลี่ยนแปลงได้ตม 

ควมเหมะสมขึ้นอยู่กับคณะกรรมกรบริหร 

สมคมในแต่ละสมัย 

รภอสมิก่สมัร รม 

สมัครสมาชิกประเภทบุคคล ค่ลงทะเบียน 100 บท 

ภคี-ค่บำรุงรยปี ปีละ 400 บท รวม บท 

สมั-ค่บำรุงรย ปี ครั้งละ 1,800 บท 

รวม 2,0 บท 

สมทบ บุคคลทั่วไป-ค่บำรุงรยปี ปีละ 900 บท 

รวม 1,070 บท 

สมทบ นักศึกษ-ค่บำรุงรยปี ปีละ 200 บท 

รวม 21 บท 

สมัครสมาชิกประเภทสานักงานนิติบุคคล 

ค่ลงทะเบียน 00 บท 

ค่บำรุงรย 2 ปีครั้งละ 8,000 บท รวม 8,00 บท 

สราออาอรสา 

วารสรอสาสาสา 

าสสรอ 

E-mail : memberasa@gmail.com 

สรสารสรอ 

ถ่ยเอกสรได้ 

ข้พเจ้ 

ที่อยู่ สำหรับกรจัดส่งหนังสือ 

โทรศัพท์ โทรสร e-mail 

ต้องการสมัครเป็นสมาชิก ‘วารสารอาษา’ อัตราต่อไปน 

บุคคลทั่วไป สมชิกรยครึ่งปี เล่ม 22 บท สมชิกรยปี เล่ม 00 บท 

นิสิตนักศึกษคณะสถปัตยกรรมศสตร์ สมชิกรยครึ่งปี เล่ม 22 บท สมชิกรยปี เล่ม 440 บท 

รวมค่ส่งทงไปรษณีย์แล้ว เฉพะภยในประเทศ 

ลงชื่อ วันที่ 

การชาระเงิน เงินสด ชำระเงินที่ สมคมสถปนิกสยม โอนเงิน เข้ในนม สมคมสถปนิกสยม 

ที่อยู่ สำหรับใบเสร็จรับเงิน ธนครกสิกรไทย สขถนนพระรม 9 

บัชีออมทรัพย์ เลขที่บัชี 71-2-0222- 

กรณีการโอนเงิน 

- กรุณส่งโทรสรใบสมัครและหลักฐนกรชำระเงิน และจดหมยรับรองสถนภพ กรณีเป็นนิสิต-นักศึกษ ลงนมโดยอจรย์หัวหน้ภควิช ที่ฝยกรเงิน 

สมคมสถปนิกสยม โทรสร 02-19419 พร้อมโทรศัพท์ยืนยันกรส่งเอกสรที่โทรศัพท์ 0-219- กด 109 

- สมคม จะจัดส่งใบเสร็จให้ทงไปรษณีย์ 

หมายเหต สมรถื้อหนังสือวรสรอษได้ที่สมคมสถปนิกสยม รคเล่มละ 90 บท

Ketsiree Wongwan 

TEXT 

Adisorn Srisaowanunt 

PTT METRO 

PHOTOS 

Songtam Srinakarin 

Jaree Suwannaluck 

Krittin Rodmanee 

Except as Noted 

URBAN FOREST 

BANGKOK 

SPACETIME ARCHITECTS

ARCHITECT 

Spacetime Architects 

LANDSCAPE DESIGNER 

Landscape Architects of 

Bangkok [ LAB ] 


Designlab NLSS 


49 Lighting Design 

Consultants 

EXHIBITION DESIGNER 

Pico 

CONTRACTOR 

Ritta 

AREA 

Exhibition Building 

500 sq.m. 

Skywalk 

200 m. long 

Observation Tower 

5 m. dia. x 23 m. high. 

โครงกรปในกรุงเป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นจก สถบัน 

ปลูกป ึ่งก่อตั้งขึ้นโดยบริษัท ปตทจำกัด มหชน 

โดยมีที่มจกโครงกรปลูกปหนึ่งล้นไร่ที่เริ่มต้นขึ้น 

ในปี พศ 27 และยังดำเนินกรต่อเนื่องมจนถึง 

ปัจจุบัน วัตถุประสงค์ของสถบันปลูกป นอกเหนือจก 

หน้ที่หลักในกรเพิ่มพื้นที่ปธรรมชติแล้ว ยังต้องกร 

จะสร้งควมรู้ เผยแพร่ และกระตุ้นจิตสำนึกในเรื่องป 

และธรรมชติต่อสธรณชน เพื่อสนับสนุนแนวคิด 

ดังกล่วให้เป็นรูปธรรม สถบัน จึงริเริ่มทำโครงกร 

ปในกรุง’ ขึ้นในพื้นที่ของกรุงเทพมหนคร โดยมี 

วัตถุประสงค์ของโครงกรที่ต้องกรเพิ่มพื้นที่สีเขียว 

สร้งจิตสำนึกทงด้นธรรมชติให้แก่คนในเมือง ทั้งยัง 

ต้องกรที่จะเป็นพื้นที่เรียนรู้วิธีกรปลูกปเชิงนิเวศตม 

แนวทษีของ ศดรอคิระ มิยวกิ นักพกษศสตร์ 

ชวี่ปุน ึ่งมีหลักกรสำคั เช่น กรเลือกปลูกไม้พื้น- 

เมือง Native Species กรสร้งเนินดิน ปลูกพันธุ์ไม้ 

ที่มีควมสูงหลยระดับ วิธีกรปลูกต้นไม้แบบสุ่ม เป็นต้น 

The idea for the Metro Urban Forest was initiated 

by the Plant a Forest Institution, founded by PTT Public 

Company Limited. The project began in 2537 with the 

goal of planting forests on one million rai (acres) of land, 

a goal which is presently in the process of being carried 

out. Other than increasing the areas with forests, the 

goal of this institution was to spread knowledge and 

raise the level of consciousness in regards to the 

importance of forests and nature amongst the public. 

The institution wanted to promote this perspective 

and hence started the ‘Metro Urban Forest’ project in 

the city of Bangkok, the aim of the project being to 

increase greenery and nurture a conscious awareness 

of nature amongst city dwellers. Furthermore, the area 

utilized a plant ecology method taught by Professor Dr. 

Akira Miyawaki, a Japanese botanist. The main fundamentals 

of the method being that the native species of 

trees of varying types and heights would be grown on 

mounds of earth. 

The Metro Urban Forest project, located in the Prawet 

District of Bangkok, is comprised of a total covered area 

of 30 acres. Seventy-five percent, or nine rai of land, 

15 

SUKHAPHIBAN 2 ROAD 

5 

5 

5 

5 

3 

3 

6 

7 

8 

9 

4 

4 

2 

2 

11 

10 

1 

13 

12 

14 

SITE PLAN 

1 Entry Plaza 

2 Exhibition 

3 Mini-theatre 

4 Office 

5 Public WC 

6 Muti-purpose Plaza 

7 Skywalk 

8 Waterfall 

9 Weir 1 

10 Weir 2 

11 Observation Tower 

12 Bridge 

13 Forest Walk 

14 Parking 

15 Nursery 

10 M 


THEME ASA 59

โครงกร ปในกรุง’ ตั้งอยู่ในเขตประเวศ กรุงเทพ- 

มหนคร มีพื้นที่โครงกรทั้งหมด 12 ไร่ ประกอบไปด้วย 

พื้นที่ปธรรมชติขนด 9 ไร่ ร้อยละ 7 แหล่งนำ้ 

ร้อยละ 10 และพื้นที่อเนกประสงค์ ึ่งรวมอคร 

นิทรรศกรเอไว้ ร้อยละ 1 จกทงเข้หลักของ 

โครงกรด้น้ยมือคือทิศตะวันออกจะเป็นที่ตั้งของ 

อครนิทรรศกร ส่วนทงขวทงทิศตะวันตก คือ 

พื้นที่ส่วนให่ของโครงกร พื้นที่ปธรรมชติ ึ่งจำลอง 

ระบบนิเวศของสังคมพืชแบบต่ง เอไว้บนเนินดิน 12 

แห่ง มีลำนำ้สยเล็กล้อมรอบแบ่งพื้นที่ปออกเป็นเกะ 

และเนินรอบนอก ส่วนของปนี้มีทงเดินบนโครงสร้ง 

เสเหล็กที่ค่อย ไต่ควมสูงขึ้นไปเพื่อชมยอดของ 

พรรณไม้ ไปจนถึงหอคอยชมปึ่งเป็นจุดสูงสุดใน 

โครงกรที่ควมสูง 2 เมตร ในภพรวมโครงสร้ง 

ของผังเกิดขึ้นจกลักษณะที่แตกต่งกันของอคร 

นิทรรศกรึ่งแลดูหนักทึบและขยยตัวไปตมแนวรบ 

กับหอชมปที่เกิดจกชิ้นส่วนโครงสร้งเหล็กึ่งขยย 

ตัวสูงขึ้นในแนวดิ่ง โดยมีปธรรมชติเป็นตัวประสน 

องค์ประกอบทั้งสองเข้ด้วยกัน 

งนสถปัตยกรรมในส่วนอครนิทรรศกร เป็น 

อครชั้นเดียวที่วงด้นยวตมทิศเหนือ-ใต้ มีองค์- 

ประกอบสำคัคือผนังสูงึ่งสร้งจกเทคนิคกรทำ 

โครงสร้งดินอัดหรือที่เรียกว่ ramp earth ผนังนี้ทำ 

หน้ที่แบ่งที่ว่งต่ง ออกจกกัน ที่ตำแหน่งกลงของ 

ผังอคร ผนังดินโค้งคู่หนึ่งวิ่งขนนกันจกทงเข้หลัก 

ทงทิศใต้ ไปจนสุดปลยทงด้นทิศเหนือ ทำหน้ที่เป็น 

แกนทงสัจรหลักที่แบ่งอครออกเป็นสองฝังคือ 

กลุ่มของสำนักงนและห้องนำ้ทงด้นตะวันออกกับ 

กลุ่มของห้องนิทรรศกรและห้องฉยวีดิทัศน์ทงด้น 

ทิศตะวันตก ประโยชน์ใช้สอยทั้งสี่ส่วนดังกล่วยังถูก 

แบ่งกั้นระหว่งกัน ด้วยคอร์ตต้นไม้ในแกนตะวันออก- 

ตะวันตก ึ่งเป็นทงออกที่เชื่อมออกไปสู่ปธรรมชติ 

ภยนอกอีกด้วย ที่ฝังตะวันตกด้นนอกอครหลังนี้มี 

ผนังดินโค้งอีกผืนหนึ่งทำหน้ที่แยกอครออกจกพื้นที่ 

ป ทั้งเป็นรูปด้นสำคัของสถปัตยกรรมยมมองลง 

มจกหอสูงฝังตรงข้ม และยังแอบไว้ด้วยบันไดทงขึ้น 

ไปสู่สวนหลังคทงด้นบน 

ควมสนใจเรื่องพลังงน และควมกลมกลืนกับ 

ธรรมชติ เป็นแนวคิดสำคัในกรออกแบบอครหลังนี้ 

โดยตั้งเป็นเปประสงค์ที่จะเป็นตัวอย่งของอครที่ 

ผ่นกรรับรอง LD ระดับ Platinum อครเลือกใช้ 

วัสดุธรรมชติที่ผลิตในประเทศ นำกลับมใช้ใหม่ได้ 

และมีคุณสมบัติในด้นของกรเป็นฉนวนกันควมร้อน 

เช่น ผนังดินอัด ramp earth อิฐบล็อกประสนทำจก 

ดิน ในแง่ควมกลมกลืนกับธรรมชติ ผู้ออกแบบแทรก 

พื้นที่สีเขียวเข้มในอครผ่นคอร์ตกลง กำหนดให้ 

กิจกรรมภยในมีปิสัมพันธ์กับพื้นที่สีเขียวรอบ เช่น 

อ่งล้งมือที่หันออกสู่ภยนอก หรือที่นั่งบนสวนหลังค 

ที่มองย้อนกลับไปยังปธรรมชติ 


01าอาอออ 

อาารรราร 

วอาาราว 

าววารสา 

 

are covered in natural forests, with ten percent of the 

area being covered with water resources and the 

remaining area of the project being comprised of a 

multipurpose area and an exhibition venue. The exhibition 

building itself is set at the main entrance located 

to the east, while the natural forest area is located to 

the right and in the south, covering the majority of the 

area. This area is a reproduction of various ecological 

plant systems set upon twelve mounds (hills) of earth 

with small streams of water encircling them, resulting 

in the creation of islands. Additional mounds are further 

located on the outer boundaries as well. The forested 

area features a pathway built on iron pillars that slowly 

elevates allowing for the different species of the trees 

to be admired, the pathway itself leading to a tower set 

on the highest point of the forest that stands some 23 

meters high. 

The overall scheme of the project aimed to allow 

for one to move along visually from a very densely built 

exhibition structure to the observation tower constructed 

from pieces of metal that rise vertically while widening 

at the top. However, what truly linked these two components 

together was the natural forest itself. 

As for the architecture of the exhibition area, the 

design features a single-storey elongated building 

situated in a north-south orientation. The walls of the 

building are built of rammed earth and help to divide 

the open spaces; with the central area of the building 

being made up of curved earth walls running parallel 

with the main entrance and spanning from the south to 

the north. Together with this, the exhibition rooms and 

vdo presentation rooms are located to the west. These 

four areas were separated by a courtyard of trees planted 


in an east-west orientation that signify the exit that 

connects with the external natural forests. At the rear 

external area of the building one finds another curved 

earthen wall, separating the building from the forest, 

a feature which serves as a very important part of the 

architecture when looking down from the observation 

tower. In the opposite direction, hidden behind the 

building, sits a staircase allowing access to the rooftop. 

The main concept behind the design of this building 

was to find the way for energy to be harmoniously 

integrated with nature, the building serving as an 

exemplary model that received accreditation from 

LEED of a Platinum recognition. The building’s rammed 

earth material (earthen bricks) was constructed through 

the utilization of natural materials that were produced 

locally, could be recycled, and could act as insulation 

against heat. As for the harmonious blend with the 

natural environment, the designer allowed for the 

greenery to merge with the building area through the 

courtyard located in the center, hence allowing for the 

activities held to interact with the surrounding greenery. 

For example, the sinks for washing hands are set 

facing the surroundings and the seats located on the 

garden rooftop face the natural environment. 

As for the harmonious integration found through 

the use of materials, this was achieved by the inherent 

quality of the earth itself, as its natural colors and textures 

seamlessly blend with the forest atmosphere. As for 

the walls utilizing the rammed earth technique, these 

could be shaped into various forms very similar to 

the use of concrete, allowing for the concept to be 

achieved – the building intermingling with the nature 

while at the same time revealing itself architecturally 


as well. The rammed earth technique is a native construction 

method that has been used in various parts 

of the world since the start of civilization and is often 

called upon for the construction of the foundation of 

buildings or walls through the use of a simple method 

known as formwork. This encompasses placing layers 

of earth followed by compressing them through the 

use of manual pressure or via the assistance of equipment. 

This technique of building is referred to by some 

as ‘natural concrete,’ as it resembles the method used 

in forming concrete structures. 

The process of building rammed earth walls begins 

by collecting soil (earth) from various parts of Thailand. 

The color of the soil is differentiated according to the 

sources that it is originating from, such as dark red or 

bright orange colored earth from Amphoe Pak Tho, 

Ratchaburi Province, yellowish orange colored earth 

from Amphoe Wang Chan, Rayong Province, cream 

colored earth from Amphoe Phanat Nikhom, Chonburi 

Province or white colored earth from Amphoe Phanom 

sarakham, Chachoengsao Province. These different 

soils are then separated according to size, friability, and 

moisture levels prior to being incorporated together to 

create materials of appropriate qualities. The texture 

of the mixed earth is not as liquid as cement, as the 

moisture level does not exceed ten percent of the 

entire mixture. The mixture is then poured into blocks 

with a thickness of around fifteen centimeters and 

compressed through the use of specific equipment 

to achieve a thickness of only 10 centimeters. This 

process is called upon for 

each block until the exact required heights are achieved, 

the molds are then removed and the blocks ready for 

use. The rammed earth walls are composed of 90% 

earth and 10% percent cement, so as to be able to 

handle the weight of the walls that are very high. This 

also allows for them to be able to handle degradation 

from rainfall while still being able to maintain earthen 

characteristics, including insulation against heat and an 

ability to ventilate moisture. 

The earth is poured layer by layer with various 

characteristics such as the dampness, courseness or 

finesse and the time needed to set, together with the 

amount of weight-pressure used on the equipment, 

all being taken into consideration as factors that were 

controlled manually. The minute differences resulting 

from this are evident in the patterns along the wall as 

the removal of the molds reveals the unique characteristics 

of this method of construction. Furthermore, 

this structure of walls made from rammed earth varies 

from place to place as it utilizes soil from many different 

areas. Hence, the surface created is unique and able to 

commmunicate the essence of the project while the 

earth material reflects the diversity of the nature in itself. 

Furthermore, the patterns, colors and courseness 

of the texture of the walls that lack a cohesiveness 

achieved through the covering of them with cement 

are able to display the irregularities created by manual 

labor. The coarse and fragile looking textures erode 

with time revealing yet another artistically beautiful 

side. The person viewing the structure is therefore able 

to accept the truth of nature - that things are imperfect 

and will ‘decay’ in reflection of the process of time. 



02

02อาา 

อรอรร 

าารรออ 

สวรสราอ 

อสอาา 

03วาออ 

สาาวาวาร 

อสราา 

อิร รสนัน 

อาารราาวา 

สารราวา 

ารสา 

03 

ด้นควมกลมกลืนที่เกิดจกตัววัสดุ ผนังดินอัด 

ถูกเลือกนำมใช้จกคุณลักษณะของดินึ่งเป็นวัตถุดิบ 

ที่มีสีสันพื้นผิวตมธรรมชติ แลดูกลมกลืนกับบรรยกศ 

ของปได้เป็นอย่งดี ขณะเดียวกันผนังที่สร้งขึ้นจกวิธี 

กรก่อสร้งด้วยวิธีกรนี้ก็สมรถกำหนดเป็นรูปทรง 

แบบต่ง ได้ในลักษณะเดียวกันกับโครงสร้งคอนกรีต 

เกิดเป็นทงเลือกที่ลงตัวระหว่งควมต้องกรกลืนหยไป 

ในธรรมชติกับกรแสดงออกถึงตัวตนของงนสถปัตย- 

กรรมขึ้น ผนังดินอัดเป็นเทคนิควิธีกรก่อสร้งด้วยดิน 

แบบดั้งเดิมแบบหนึ่ง ึ่งถูกใช้ในภูมิภคต่ง ของโลก 

มตั้งแต่ยุคแรกเริ่มของอรยธรรมมนุษย์โดยนิยมนำม 

ใช้เป็นโครงสร้งส่วนของฐนรก พื้นหรือผนัง มีพื้นฐน 

ของวิธีกรก่อสร้งที่เรียบง่ยคือกรสร้งแบบหล่อ 

formork กรใส่ดินลงไปเป็นชั้นก่อนจะกดอัดด้วย 

แรงคนหรือเครื่องมือ โดยบ้งเรียกเทคนิควิธีกรก่อสร้ง 

ด้วยดินแบบนี้ว่ natural concrete ตมวิธีกรก่อสร้ง 

ด้วยแบบหล่อลักษณะเดียวกับงนคอนกรีต 

ในงนออกแบบชิ้นนี้ กระบวนกรสร้งผนังดินอัด 

เริ่มต้นจกกรนำดินจกแหล่งดินต่ง ในประเทศไทย 

ึ่งมีลักษณะแตกต่งกันออกไป แหล่ง ได้แก่ 1 

สีแดงเข้ม จกแหล่งดินอำเภอปกท่อ จังหวัดรชบุรี 

2 สีส้ม จัดจกแหล่งดินอำเภอปกท่อ จังหวัดรชบุรี 

สีส้มอมเหลือง จกแหล่งดินอำเภอวังจันทร์ จังหวัด 

ระยอง 4 สีครีม จกแหล่งดินอำเภอพนัสนิคม จังหวัด 

ชลบุรี สีขว จกแหล่งดินอำเภอพนมสรคม 

จังหวัดฉะเชิงเทร จกนั้นจึงนำเอดินดังกล่วม 

คัดแยกตมขนด ควมร่วนและควมชื้น เพื่อผสม 

กลับเป็นคุณสมบัติของวัตถุดิบที่เหมะสม เนื้อดินที่ 

ผสมแล้วจะไม่เหลวเหมือนส่วนผสมีเมนต์ในงน 

คอนกรีต โดยจะมีควมชื้นอยู่ไม่เกินร้อยละ 10 ของ 

ส่วนผสมทั้งหมด จกนั้นจึงนำดินดังกล่วมเทลงใน 

แบบที่กำหนดให้ได้เป็นชั้นควมหนรว 1 เนติเมตร 

ก่อนที่จะกดอัดด้วยเครื่องมือเฉพะให้เหลือควมหน 

เป็น 10 เนติเมตร ทำำ้ไปทีละชั้น กระทั่งได้ควมสูง 

ที่ต้องกร จกนั้นจึงถอดแบบหล่อออกและใช้งน ผนัง 

ดินอัดในโครงกรนี้นอกจกส่วนที่เป็นดินแล้ว ยังมีกร 

ผสมผงีเมนต์ลงไปอีกร้อยละ 10 ของส่วนผสมทั้งหมด 

เพื่อช่วยเพิ่มกรรับนำ้หนักของผนังึ่งมีควมสูงเป็น 

พิเศษและทำให้พื้นผิวทนทนต่อกรชะของนำ้ฝนได้ 

มกยิ่งขึ้น โดยที่ยังสมรถรักษคุณสมบัติของควม 

เป็น ดิน’ ในเรื่องกรเป็นฉนวนกันควมร้อนและควม 

สมรถในกรระบยควมชื้นได้ 

กรเทดินที่ผสมแล้วลงไปทีละชั้น ควมชื้นหมด 

ควมหยบหรือละเอียดและระยะเวลของกรคงตัว 

ไปจนถึงนำ้หนักกดของเครื่องมือที่ควบคุมจกกำลังมือ 

ของมนุษย์ ควมแตกต่งกันเพียงเล็กน้อยเหล่นี้ สร้ง 

เป็นลวดลยที่ปรกเป็นเส้นไปตมควมยวของผนัง 

ยมเมื่อถอดแบบหล่อออก อันเป็นลักษณะเฉพะของ 

วิธีกรก่อสร้งแบบนี้ขึ้น ผนังดินอัดในโครงกรนี้ยังมี 

ควมแตกต่งไปจกผนังดินอัดทั่วไป โดยเกิดขึ้นจก 

กรผสมผสนดินจกหลยแหล่งที่มีสีสันแตกต่งกัน 

เกิดเป็นพื้นผิวที่มีเอกลักษณ์และสื่อควมหมยึ่ง 

สัมพันธ์กับเนื้อหเฉพะของโครงกร ดินอันเป็นตัวแทน 

ของธรรมชติอันหลกหลย นอกจกลวดลยและสีสัน 

แล้ว ลักษณะของพื้นผิวดินึ่งมีควมหยบ ไม่เรียบเนียน 

เหมือนพื้นผิวที่ถูกฉบทับหรือยึดเกะกันถวรเหมือน 

ผิวของคอนกรีต แต่แสดงให้เห็นถึงควมไม่สมำ่เสมอที่ 

เกิดจกแรงงนมนุษย์ ควมพรุน หยบของพื้นผิวที่ 

แลดูไม่คงทน กร่อนร่อนไปตมกลเวล เผยให้เห็นถึง 

สุนทรียะ อีกแบบหนึ่งที่ผู้สัมผัสต้องน้อมใจยอมรับ 

ควมไม่สมบูรณ์หมดจดของสิ่งที่ เป็นไป’ ตมธรรมชติ 



NA LAH 

HOUSE 

NAN 


TEXT 

Warut Duangkaewkart 

PHOTOS 

Courtesy of Architects

7 

6 

2 

5 

3 

4 

8 

4 

3 

2 

1 

ROOF PLAN 

1 Monk Pavillion 

2 Terrace 

3 Bedroom 

4 Toilet 

5 Living room 

6 Kitchen 

7 Pavilion 

8 Parking lot 

ARCHITECT 

Yangnar Studio 


Yangnar Studio 

ยงน สตูดิโอ เริ่มต้นจกควมชอบในงนสถปัตย- 

กรรมพื้นถิ่น เริ่มต้นจกกลุ่มเพื่อนที่มีควมสนใจ 

เหมือน กัน ได้แก่ เดโชพล รัตนสัจธรรม รุ่งโรจน์ 

ตันสุขนันท์และพงศธร สวัสดิชัชวล ที่จบจกคณะ 

สถปัตยกรรมศสตร์ มหวิทยลัยเชียงใหม่ด้วยกัน ึ่ง 

พวกเขได้มีโอกสทำงนร่วมกับอจรย์จุลพร นันทพนิช 

ึ่งถือว่มีส่วนสำคัในกรบ่มเพะควมรู้ ควมเข้ใจ 

และควมหลงไหลในงนสถปัตยกรรมพื้นถิ่น รวมไปถึง 

รูปแบบวิถีชีวิตที่ส่งผลมถึงงนสถปัตยกรรม จนกลย 

มเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ก่อตั้ง ยงน สตูดิโอ ขึ้นม 

เริ่มต้นจกควมชอบ จนกลยเป็นควมลุ่มหลง 

ในงนสถปัตยกรรมพื้นถิ่น วัสดุธรรมชติและทักษะ 

งนฝีมือ ยงนสตูดิโอค่อย เก็บเกี่ยวประสบกรณ์ 

และฝกฝนทักษะในเชิงช่ง ที่พวกเขมีควมเชื่อในกร 

ทำงนรูปแบบนี้ เรชอบที่จะดู ชอบที่จะศึกษ เพระ 

เรคงเขียนแบบให้ดีไม่ได้ถ้เรไม่รู้ว่วิธีกรก่อสร้ง 

เป็นยังไง เรจึงเลือกที่จะใช้เวลในกรทำงน ลงพื้นที่ 

และเรียนรู้สิ่งต่ง จกช่งพื้นถิ่น ึ่งมันช่วยให้เรทำงน 

ออกมได้ดีขึ้น ึ่งต้องค่อย ทำควมเข้ใจ อย่งโครงกร 

บ้นนหล้ที่เป็นโปรเจ็กต์แรกที่เรได้สร้งจริง เรก็ใช้ 

เวลเกือบ 2 ปีด้วยกันกว่จะออกมเป็นงนที่เสร็จสมบูรณ์ 

ยงน สตูดิโอ บอกเล่ถึงแนวควมคิดในกรทำงน 

สถปัตยกรรม ึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้เวลและประสบกรณ์ 

จกกรลงมือทำ 

Yangnar Studio’s beginnings are owed to a joint liking 

of indigenous architecture, as the project was taken 

underway by a group of friends, Dechopol Rattana-sadjathum 

Rungrod Tansukanan and Pongsatorn Sawatchatchawan, 

with the same interests. All completed 

their studies together in the Department of Architecture 

at the University of Chiang Mai where they had 

the opportunity to work with Professor Chunlaporn 

Nuntapanich, who was an important factor behind the 

sewing of the seeds of knowledge, understanding and 

the team’s obsession for local architecture. Moreover, 

the city’s overall lifestyle further influenced their 

architectural works and has hence become the starting 

point for the establishment of Yangnar Studio. 

Commencing with interests that led to a fascination 

with the indigenous architecture and natural materials, 

Yangnar Studio has accumulated experiences and also 

craft skills that caused them to believe in this particular 

type of work. “We like to observe and study first, because 

we will not be able to design well if we do not know and 

understand the methods used in construction. Therefore, 

we chose to work at the local sites and learn various 

things from the indigenous builders and craftsmen. 

This enabled us to work better – as we slowly gained 

a greater understanding. Na Lah House was the first 

project that we really built and it took almost two years to 

complete the project.” Yangnar Studio spoke about their 

perspectives in relation to their architectural works, which 

required spending time and gaining hands on experiences 

through working on site and actually building projects. 



"Na Lah House is located amidst the nature in 

Amphoe Pua, Nan Province and the location of the house 

was selected by the architects. Generally, the owner of 

the project has a piece of land and a proposal regarding 

the overall project. Na Lah House began with a question 

from the owner who wanted to construct a wooden house 

and stay in the North. Therefore, Yangnar Studio traveled 

to the area to look for a place and found an interesting site 

in Nan province. It was just geographically appropriate 

and had a sense of cultural uniqueness as well. Hence, 

Na Lah house began and slowly developed through the 

collaboration of the architects and the local carpenters. 

The period of work could be divided into 2 phases, the 

first being the preparation of the materials, including the 

collection of wood from old houses, and the second being 

the actual construction period. 

All the wood that was used in the construction was 

selected entirely from various old houses that were located 

nearby. The actual selection of the wood depended on 

various factors such as the size, height, quantity, condition 

and transportation of the wood as well, the architects 

themselves traveling to the sites and spending time 

to select the most appropriate woods before actually 

demolishing the houses and entering the process of 

preparing the wood. The team had to further reflect on 

the right size and quantities that would be required and 

this initial stage ultimately took around two months time. 

"During the first two months we had to work without 

electricity and water, a point we had overlooked when 

selecting the location, but we were able to learn about 

the lifestyle and how to deal with various problems from 

the ancient craftsmen, they themselves having very basic 

tools. Even during the stages of drawing the designs 

where everything, including the height and width, were 

done by hand and adjusted along the way, the exchange 

of ideas with the craftsmen proved to be an integral part 

of the process - as they possessed vast experiences 

different from our own, hence our visualizations of beauty 

and theirs also differed. This situation proved to be a daily 

challenge that we faced." 



01ราอารอสรา 

สารรร 

วาาส 

02อารวา 

าอรส 

03าาว 

สสวาาอาา 

า 

04อรวาาร 

สาอราอ 

รวาาส 

03 

04 

02 

บ้นนหล้’ อยู่ท่มกลงธรรมชติในอำเภอปัว 

จังหวัดน่น ึ่งที่ตั้งของบ้นก็ถูกเลือกสรรโดยสถปนิก 

ผู้ออกแบบ ึ่งโดยทั่วไปแล้วเจ้ของโครงกรมักจะมีที่ดิน 

มเป็นโจทย์ให้ก่อนเสมอ เริ่มจกกรได้รับโจทย์มจก 

เจ้ของบ้นว่อยกปลูกบ้นไม้และอยู่อศัยในภคเหนือ 

ึ่งทง ยงน สตูดิโอ ก็ได้ลงพื้นที่และหข้อมูลจนมได้ 

พื้นที่ที่น่สนใจในจังหวัดน่น ึ่งมีควมพอดีทั้งในแง่ของ 

ภูมิศสตร์และควมมีเอกลักษณ์เชิงวันธรรม บ้นนหล้ 

จึงเริ่มต้นจกจุดนั้นและค่อย ถูกพันต่อโดยกรทำงน 

ร่วมกันระหว่งสถปนิกและสล่ช่ง พื้นถิ่น ึ่งสมรถ 

แบ่งกรทำงนออกเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงเตรียมวัสดุึ่งเป็น 

ไม้เรือนเก่ และช่วงกรก่อสร้ง 

ไม้ทั้งหมดที่ถูกเลือกนำมเป็นวัสดุในกรก่อสร้งนั้น 

ถูกคัดเลือกมจกบ้นไม้เก่ต่ง ในพื้นที่ใกล้เคียง ึ่ง 

กรคัดเลือกไม้นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลยอย่ง เช่น ขนด 

ควมสูง จำนวน สภพของไม้ และกรขนส่ง ึ่งต้อง 

ลงพื้นที่และใช้เวลคัดเลือกให้เหมะสมที่สุด ก่อนจะ 

รื้อถอนและเข้สู่กระบวนกรเตรียมไม้ให้ได้ขนดและ 

จำนวนตมที่ต้องกรจะใช้ ึ่งในระยะแรกนี้ใช้เวล 

ประมณ 2 เดือน สองเดือนแรกเรต้องทำงนโดยที่ 

ไม่มีไฟฟและนำ้ ึ่งเป็นสิ่งที่เรพลดไปในขั้นตอนกร 

เลือกสถนที่ แต่เรเองก็ได้เรียนรู้วิถีชีวิต กรจัดกรปัห 

ต่ง ตมแบบฉบับของช่งในสมัยก่อนที่เขเองก็มีเพียง 

เครื่องมือพื้นฐนเช่นกัน หรือในขั้นตอนที่เรเริ่มเขียนแบบ 

ทุกอย่งก็ถูกเขียนขึ้นด้วยมือและปรับแก้กันตลอด ทั้ง 

ควมสูง ควมกว้ง เพระเมื่อเรทำงนกับช่ง กรพูด 

คุยและแลกเปลี่ยนควมคิดเห็นเป็นสิ่งสำคั ช่งแต่ละ 

คนมีประสบกรณ์กรทำงนมมกมย เพระฉะนั้น 

ควมงมของเรกับของเขจะแตกต่งกัน ึ่งนั่นคือ 

ควมท้ทยในกรทำงนในแต่ละวัน 



05

บ้นนหล้ประกอบไปด้วย หลองข้ว หอพระ ศล 

ห้องนอน ห้อง ห้องนำ้ และห้องครัว ึ่งพื้นที่ทั้งหมด 

ถูกยกระดับตมลักษณะของบ้นเรือนพื้นถิ่น เชื่อมโยงกัน 

ด้วยชนบ้นและยังคงมี เติน’ ึ่งถือว่เป็นพื้นที่สำคั 

ในงนสถปัตยกรรมพื้นถิ่น ึ่งทำหน้ที่คล้ยกับห้อง 

รับแขกหรือห้องนั่งเล่นแต่เป็นพื้นที่เปดที่เชื่อมระหว่ง 

ชนบ้นและห้องนอน พื้นที่ใช้สอยแต่ละส่วนถูกวงผัง 

เพื่อให้เกิดพื้นที่ว่งตรงกลงบ้น ทำให้ตัวบ้นนั้นมีควม 

โปร่ง พื้นที่ต่ง เชื่อมต่อกันด้วยชนบ้นและทงเดิน 

ภยใน รยละเอียดของกรออกแบบบ้นนหล้นั้น 

แม้ว่วิธีกรก่อสร้งที่นำมใช้จะเป็นวิธีดั้งเดิมที่มีอยู่แล้ว 

ึ่งในที่นี้ ยงน สตูดิโอ เปรียบเสมือนพ่อครัวที่สมรถ 

เลือกหยิบจับวัตถุดิบที่มีอยู่ มประยุกต์ ปรุงแต่ง และจัด 

วงให้พอดี ึ่งรยละเอียดต่ง แสดงออกถึงควมเข้ใจ 

ในวิธีกรก่อสร้งและออกแบบสถปัตยกรรมพื้นถิ่น ที่ 

ถึงแม้ว่จะไม่ได้มีควมหวือหว แต่กลับทำให้เห็นควม 

เท่เทียมของผู้อยู่อศัยและสถปัตยกรรม ึ่งทง ยงน 

สตูดิโอ มีควมเชื่อว่ สำหรับงนสถปัตยกรรมเรไม่ได้ 

มองว่ใครถูกหรือใครผิด ในทุก รูปแบบมีควมตั้งใจ 

แตกต่งกัน เรเลือกที่จะทำในสิ่งที่เรรักและทำออกม 

ได้ดี ถึงแม้ว่จะต้องใช้เวลในกรก่อสร้งมกขึ้น หรือ 

กรที่ต้องลงมือทำด้วยตัวเอง แก้ปัหด้วยตัวเองนั้น 

เมื่องนเสร็จสิ้น มันช่วยให้ทุก คนที่เกี่ยวข้องมีควมสุข 

ไปกับมัน ทั้งตัวเรเอง ช่งที่ทำงนร่วมกันและเจ้ของบ้น 

เรว่สิ่งที่เรสร้งมันมีคุณค่ตรงนี้ด้วย 

ยงน สตูดิโอ อจจะเป็นเพียงจุดเล็ก ในแวดวง 

สถปัตยกรรมไทย หกแต่แข็งแรงและค่อย หยั่งรก 

เพื่อพร้อมที่จะแตกกิ่งก้นสขสูงให่ต่อไปในอนคต 

เรมองว่ต้นยงนมันมีควมพิเศษ ปลูกง่ย โตไว 

และมีควมสูงให่ ึ่งเรเองก็มองว่สิ่งที่เรกำลังทำอยู่ 

นั้นเปรียบเสมือนกรวงหมุดหมยทงภูมิปัที่ 

ค่อย เติบโตขึ้น เป็นสถนที่สำหรับผู้คนที่รักในแนวทง 

แบบนี้ ึ่งต้นยงนที่เรเห็นว่มันสูงมก คนที่เขปลูก 

ไม่มีโอกสได้เห็นแบบเร เขปลูกเพื่อให้ลูกหลน ให้ 

คนรุ่นหลังได้รับประโยชน์จกมัน เรเองก็มองว่หกวัน 

หนึ่งเรไม่อยู่แล้ว คนรุ่นหลังที่มีควมเชื่อแบบเดียวกันก็ 

สมรถจะให้พื้นที่นี้เติบโตต่อไปได้เหมือนกัน ยงน 

สตูดิโอ ทิ้งท้ยถึงควมหมยของพื้นที่แห่งนี้ที่พวกเข 

ปลูกขึ้นด้วยตัวเอง 

Na Lah House is comprised of a place to store 

raw rice (with husks) a prayer room, a pavilion, three 

bedrooms, a bathroom and a kitchen. The entire area 

has been elevated, similar to houses native to the locality. 

The building is connected with a terrace and there is also 

a ‘teun,’ a semi-open living room that includes a rooftop 

open from the sides, this feature serving as an important 

part of indigenous architecture. Basically, the area was 

meant to serve as a living space but was located in the 

connecting area between the terrace and the bedrooms. 

The usable areas were planned so that there was an 

open space in the middle of the house, hence making the 

house airy while the various parts of the house were connected 

by the terrace and internal walkways. As for the 

details used in the design of Na Lah House, though the 

method of construction was traditional, Yangnar Studio 

has been compared to a chef who was able to select 

from the existing raw materials, adapt, modify and place 

them appropriately. The details reflect their understanding 

of indigenous construction and design that, while perhaps 

not striking, reflect a sense of equality between the residents 

and the architecture itself. Yangnar Studio believes 

that, "when it comes to architecture, we do not see who 

is right or wrong, in every form there is a different kind of 

intention, and we chose to do what we love and we do it 

well and, even though it may have taken a longer time to 

complete the construction, which we had to achieve by 

solving the problems encountered by ourselves, when 

the work was completed it enabled everyone involved to 

feel happy. We were happy, the craftsmen were happy 

and even the owner of the house was happy as well. We 

feel that what we built is valuable because of this factor." 

Yangnar Studio may be a small point in the Thai 

architectural circle, but it is slowly building its roots and 

will grow and spread its branches in the future."We believe 

that the Yangnar tree is special - easy to sow and fast 

growing, a species that will become tall and mighty as 

we ourselves watch and observe. We are sowing an intellectual 

seed that will slowly grow and become a place 

for people who love this kind of path. And the Yangnar 

tree, that we see as very tall, is often planted by a person 

who may not be able to see the final results of its growth. 

We planted this tree for our descendants and the next 

generations to receive the benefit of. We also feel that if 

we are one day no longer here, the next generation who 

has the same beliefs as us will be able to allow it to grow 

more as well," concluded Yangnar Studio, regarding the 

realization of the Na Lah House project. 

05อาวาสา 

รรอวาวสาร 

าาราาาวรอ 

รวา 

รร ก้ก 

ารษาา 

สารราสราร 

ออาาวา 

รอาร 

ษาราสาา 

าวา 

 



ASEAN 

ASEAN ARCHITECTS 03 

VO TRONG NGHIA ARCHITECTS 

VIETNAM 

70 ASA ASEAN วารสารอาษา

TEXT 

Jirawit Yamkleeb 

Darren Yio 

PHOTOS 

Courtesy of Architects 

TRANSLATED TO THAI BY 

Tanakanya 

Changchaitum 

บทควมนี้เป็นบทควมลำดับที่สมในีรีส์บทควมเกี่ยวกับสถปนิกรุ่นใหม่ของ 

อเียน ที่แทบจะไม่ต้องแนะนำกันมกเลย เพระผลงนที่ปรกให้เห็นในระดับ 

นนชติ ถึงแม้จะเพิ่งก่อตั้งสตูดิโอมไม่นน Vo Tron Nhia Architects VTNA 

ก่อตั้งขึ้นในปี 200 ในประเทศเวียดนม เป็นหนึ่งในสตูดิโอสถปนิกในระดับแนวหน้ 

โดยมีสำนักงนอยู่ในโจิมินห์และนอย ด้วยกรเน้นกรทดลองเกี่ยวกับแสง ลม 

และนำ้ แนวทงกรทำงนหลักของ VTNA เน้นไปที่งนออกแบบสถปัตยกรรมร่วม- 

สมัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงกลิ่นอยของวันธรรมเอเชีย โดยมุ่งเน้นไปที่ 

วัสดุที่หได้ในท้องถิ่นึ่งมีรคไม่แพง บวกกับเทคนิคกรก่อสร้งของท้องถิ่นร่วมกับ 

แบบสมัยใหม่ ผลงนของโครงกรต่ง แสดงให้เห็นได้ชัดเจนถึงควมตั้งใจในเรื่อง 

ของที่พักอศัยกับวันธรรมและกรก่อสร้งที่ได้รับกรใส่ใจอย่งลึกึ้ง ผลงนชิ้นแรก 

ที่ทำให้ VTNA เป็นที่รู้จักกันอย่งกว้งขวงคือ พวิลเลียนของเวียดนมในงนเอ็ก์โป 

2010 ที่เี่ยงไ้ งนที่ใช้โครงสร้งชั่วครวนั้นแสดงให้เห็นถึงควมเชื่อและใส่ใจที่จะ 

ใช้วัสดุท้องถิ่น ในที่นี้ก็คือไม้ไผ่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อควมยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม 

ึ่งได้รับกรตอบรับอย่งดี พวิลเลียนเวียดนม 2010 ที่ออกแบบโดย VTNA นั้น 

โดดเด่นและแสดงให้เห็นถึงควมใส่ใจและควมรับผิดชอบในงนออกแบบสถปัตยกรรม 

ด้วยตัวของมันเอง 

เพื่อยืนยันควมเชื่อที่สำคัและรักษไว้ึ่งควมสำเร็จจกงนในปี 2010 ไม้ไผ่ 

จึงถูกนำมใช้เป็นวัสดุหลักของพวิลเลี่ยนของเวียดนมในงนมิลนเอ็ก์โปในปี 201 

อีกครั้ง ตัวอครตั้งอยู่บนเนื้อที่ขนด 887 ตรงเมตร มีขนดพื้นที่ใช้งนประมณ 

400 ตรงเมตร ตัวอครมีถอยร่นเข้ไป ถูกออกแบบให้เป็นเหมือนกับปไม้ โดยมี 

ต้นไม้จำนวน 4 ต้นปลูกอยู่บนอคร โดยมีคำขวัที่ว่ ดูแลโลก เพื่อพลังงน 

ตลอดชีวิต VTNA พยยมที่จะสร้งปิสัมพันธ์กับผู้เข้ชมทั้งทงสยต อรมณ์ 

และกรสัมผัสกับธรรมชติ เสต่ง ทั้งภยในและภยนอกถูกหุ้มด้วยไม้ไผ่ที่แผ่ออก 

จกด้นบนมีรูปร่งคล้ยเห็ด พื้นที่ภยในที่เพดนตกแต่งด้วยไม้ไผ่เพื่อให้ดูคล้ยกับ 

ปที่มีต้นไม้ให่โดยมีเสที่จงใจวงให้อยู่ในตำแหน่งแบบไม่เป็นระเบียบ เพื่อให้เกิด 

ควมรู้สึกที่เป็นธรรมชติของพื้นที่ เทคนิคเดียวกันนี้ก็นำกลับมใช้ในส่วนที่เป็นเสที่ 

เรียงตัวอยู่ในส่วนด้นหน้ของอครที่เป็นกระจกและนอกเหนือจกนั้น ทำให้มีควม 

รู้สึกเหมือนอครนั้นตั้งอยู่ในปทึบ ส่วนต้นไม้จริงนั้นปลูกอยู่บนโครงสร้งึ่งไม่เพียงแต่ 

ให้ร่มเงเท่นั้น แต่ยังให้ควมรู้สึกสดชื่นแก่พื้นที่โดยรอบร่วมกันกับส่วนที่เป็นนำ้ 

กรที่จะต้องสร้งขึ้นมด้วยงบประมณที่จำกัดมก กรใช้ไม้ไผ่จึงเป็นตัวเลือกที่ 

เหมะสมในกรที่นำมใช้เป็นวัสดุสำหรับโครงสร้งชั่วครวนี้ ึ่งในที่สุดก็ทำขึ้นม 

ด้วยช่งฝีมืองนไม้ไผ่ชวเวียดนม 20 คน ที่มีประสบกรณ์มจกโครงกรก่อสร้ง 

อครไม้ไผ่ต่ง มก่อนหน้นี้ 

This third installment in the series of articles featuring 

selected young ASEAN practices requires less or even 

no introduction, for its stature in international crossborder 

practice is visibly established despite its years 

of being. Founded in 2006 in Vietnam, Vo Trong Nghia 

Architects (VTNA) is a leading architectural studio with 

two offices in Ho Chi Minh and Hanoi. With its emphasis 

on the experiments with light, wind and water, VTNA’ s 

body of works manifestly expresses contemporary 

green architectural design with evident essences of 

Asian traditions. With a focus on locally available 

inexpensive materials coupled with both vernacular 

and modern construction techniques, VTNA has managed 

to build within a short time, a portfolio of projects that 

clearly exemplifies its attention to the intrinsic aspects 

of habitat with tradition, and construction with sensibility. 

First recognized for its Vietnam Pavilion 2010 Expo 

Shanghai, the practice illustrated through this temporal 

structure then, its affirming belief in the considerate use 

of indigenous materials (bamboo in this instance) for 

environmental sustainable objectives. Well received and 

entirely identifiable, VTNA’s Vietnam Pavilion 2010 

distinguished itself as a manifest to the practice’s onward 

conviction in careful and responsible execution of 

architectural design. 

To affirm on the practice’s overriding belief and to 

maintain on the success of its precedent from 2010, 

bamboo was again selected as the main building material 

for the Vietnam Pavilion 2015 Expo Milan. The building– 

situated on an 887sqm site with less than 400 sqm 

building footprint after set back – was designed as a 

forest with 46 trees sited on the building. With a motto 

“Feeding the Planet, Energy for Life”, VTNA attempted 

to reconnect visitors visually, emotionally and haptically 

back with nature. Columns, both interior and exterior, 

were wrapped with bamboo sticks that fanned out at 

the top in a mushroom-like shape. The interior space 

with its bamboo cladded ceiling, resembled a forest 

containing big trees with columns deliberately placed 

in an unconventional random manner to enhance the 

organic feel of space. This same technique is repeated 

further on the columns along the glass facade and 

beyond, making the building feel like it is actually sitting 

in a dense forest setting. Actual trees are planted on 

top of the structures to not only provide shade and 

shadow, but are also intended to create a refreshing 

feel to the surrounding area together with a water feature. 

Realized within a tight budget, bamboo naturally made 

an appropriate choice as the main construction material 

for a structure of this temporal nature, which eventually 

was installed by 20 Vietnamese bamboo craftsmen 

educated through bamboo building projects. 

รราาา 

อ 

สราวารสออ 

า 


ASEAN ASA 71

แนวคิดของ VTNA เรื่องกรปลูกต้นไม้บนอครได้รับกรต่อยอดออกไปใน 

โครงกร House for Trees ในโจิมินห์ วัตถุประสงค์ของโครงกรก็คือคืนธรรมชติ 

ให้กับเมืองอีกครั้ง ธรรมชติที่หยไปในช่วงของกรที่เมืองเติบโตขึ้นและเปลี่ยนแปลง 

อย่งรวดเร็ว แนวคิดอครแบบนี้เป็นรูปแบบที่พบบ่อยในงนออกแบบหลยโครงกร 

ของ VTNA บ้นสำหรับต้นไม้เป็นบ้นต้นแบบสำหรับกรอยู่อศัยที่หนแน่นที่มีต้นไม้ 

เขตร้อนอยู่ด้นบน บ้นมีลักษณะเหมือนกล่องคอนกรีตห้กล่องแยกจกกันที่เชื่อมต่อกัน 

ในหลยระดับ กล่องแต่ละใบจะมีโปรแกรมที่แตกต่งกัน ึ่งทั้งหมดถูกออกแบบให้ 

เหมือนกระถงขนดให่ที่มีต้นไม้อยู่บนนั้น ผิวผนังอครภยนอกใช้ี่ไม้ไผ่ตีเป็น 

ระแนงบนพื้นผิวคอนกรีตของ กระถง’ ทำให้ภพของบ้นเปลี่ยนไปตมเวล ขึ้นอยู่ 

กับสภพของแสงในเวลต่งของวัน ด้วยควมหนของชั้นดินด้นบนหลังค กระถง’ 

ยังทำงนเป็นเหมือนที่กักเก็บนำ้ฝน ึ่งช่วยลดควมเสี่ยงจกนำ้ท่วมในบริเวณเมืองึ่ง 

แนวคิดนี้สมรถที่จะทวีคูณจำนวนบ้นอย่งมกในอนคต ทีมออกแบบบอกกับเร 

แนวคิดเรื่อง อครเพื่อต้นไม้’ ึ่งเป็นศัพท์เฉพะที่คิดขึ้นโดย VTNA เองน่จะ 

ได้รับกรประยุกต์ใช้ได้อย่งเหมะสมที่สุดที่โครงกร Farmin Kinderarten ใน 

Don Nai ึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโรงงนทำรองเท้ขนดให่ โรงเรียนอนุบลกรเกษตรนี้ 

ออกแบบมสำหรับลูกคนงนในโรงงนจำนวน 00 คน เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เรได้เห็น 

กรทำงนที่พวกเขเลือกใช้วัสดุในท้องถิ่น วิธีกรก่อสร้งก็ใช้เทคโนโลยีขั้นพื้นฐน 

ด้วยงบประมณที่จำกัด ึ่งถือว่เป็นองค์ประกอบมตรฐนในโครงกรของ VTNA 

หลยโครงกร ในกรณีนี้โรงเรียนอนุบลกรเกษตรมจกแนวคิดของกรขดเป็น 

วงสมวงเข้ด้วยกันจกเส้นสยเพียงเส้นเดียวที่ขดต่อเนื่องกัน ผลจกรขดเป็นวง 

ทำให้เกิดคอร์ตยร์ดสมแห่งขึ้นที่ภยในแต่ละขดของทั้งสมวงที่ต่อเนื่องกัน วงเหล่นี้ 

ได้ก่อให้เกิดพื้นที่ที่เหมะเจะ และมีสภพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับเด็กในกรที่จะ 

เรียนรู้และเล่นในบริเวณภยนอกอคร เส้นสยที่ต่อเนื่องของแต่ละวงทำให้เกิดพื้นที่ 

แคบ แต่ก็ยังสมรถติดตั้งหน้ต่งที่ใช้งนได้ทั้งสองข้ง ทำให้เกิดกรไหลเวียนของ 

อกศและชั้นเรียนก็รับแสงได้อย่งเต็มที่ ภูมิทัศน์ที่กว้งขวงเป็นพื้นที่รบได้นำมใช้ 

เพื่อกรศึกษด้นเกษตรกรรมและสร้งเสริมประสบกรณ์ให้แก่เด็ก หลังคที่มีส่วน 

พื้นที่สีเขียวบนหลังคก็ได้นำมใช้ประโยชน์เพื่อเป็นสนมเด็กเล่นของโรงเรียน สมรถ 

แก้ปัหทั้งทงด้นสังคมหลกหลยประเด็นและสิ่งแวดล้อมในครวเดียว โรงเรียน 

อนุบลกรเกษตรเป็นกรสร้งค่ทงสังคมให้แก่ลูก ของคนงนในโรงงนที่อยู่ใกล้ 

ในด้นสิ่งแวดล้อม กรทำหลังคให้เป็นพื้นที่สีเขียวไม่เพียงแต่ช่วยอนุรักษ์ควมชุ่มชื้น 

ให้กับบริเวณรอบ แต่ยังช่วยทำหน้ที่เป็นเหมือนฉนวนกันควมร้อนให้กับชั้นเรียน 

ข้งล่ง ทำให้ลดควมจำเป็นที่จะต้องใช้อุปกรณ์เครื่องมือต่ง ในกำจัดควมร้อน 

ยิ่งไปกว่นั้นนำ้เสียที่ออกมจกโรงงนใกล้เคียงได้นำมบำบัดก่อนที่จะนำมใช้ใน 

กรเกษตรและชักโครกในห้องนำ้ที่โรงเรียนอนุบลแห่งนี้ 

งนของ VTNA นั้นแสดงให้เห็นถึงควมควมมุ่งมั่นในควมรับผิดชอบต่อสังคม 

ควมพยยมใช้วัสดุที่หได้ในท้องถิ่นและมีรคไม่แพง ร่วมกับกรใช้วิธีกรก่อสร้ง 

ที่เป็นแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่ด้วยกัน และในกรทำงนที่มีควมเชื่อเหล่นี้เป็นพื้นฐน 

ทำให้งนที่ออกมสมรถเห็นได้ว่งนที่ออกมเป็นงนร่วมสมัยที่ทำให้ผู้ใช้ตระหนัก 

ถึงงนออกแบบที่ให้ควมสำคัต่อสิ่งแวดล้อมและมีควมเป็นพื้นถิ่นอยู่ในระดับต้น 

ไม่ใช่เป็นเพียงสไตล์หรือตมกระแสเท่นั้น กรอบกรทำงนของ VTNA นั้นไม่ได้ให้ 

แค่ควมคิดพื้นฐนของกรอยู่อศัยแต่พวกเขยังให้ควมรู้กับผู้อยู่อศัยในควมใส่ใจ 

กับสังคมและมีควมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมต่อชุมชนโดยส่วนรวม และเมื่อเผยแพร่ 

ออกไปตมสื่อต่ง งนเหล่นี้ก็สมรถที่จะกระตุ้นจิตสำนึกและกรรับรู้ว่กร 

ออกแบบที่มีควมรับผิดชอบนั้นสมรถทำอะไรได้ในหลกหลยระดับ ในแง่ควม 

รับรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เมื่ออยู่ในบริบทที่เหมะสมอย่งในกรณีของ 

VTNA เป็นต้น ที่ปรึกษที่มจกนอกสขต่งสขควมรู้ จะเข้มช่วยเสริม ให้ 

มุ่งเน้นไปในด้นที่ถูกต้องที่เป็นต้นกำเนิดของสถปัตยกรรม กรปกปอง ควมสะดวก- 

สบยและรับผิดชอบ 

ราร 

ว 

ราษ 


THESE FRAMEWORKS BY VTNA 

NOT ONLY DOES PROVIDE THE 

BASIC NOTIONS OF SHELTER, 

BUT THEY DO AND CAN EDUCATE 

ITS INHABITANTS WITH AN 

ATTENTIVENESS TO SOCIAL 

AND ENVIRONMENTAL RESPON- 

SIBILITIES FOR THE COMMUNITY 

AT LARGE. 

VTNA’s idea of planting trees on a building is further 

explored in the House for Trees Ho Chi Minh. The aim 

of this project is to return greenery – that had been lost 

by rapid urbanization, back to the city. A common theme 

governing the design of many projects, if not all for 

VTNA, the House for Trees is a prototypical house 

accommodating high density living with big tropical 

trees above. The house is conceived as 5 separate 

concrete boxes connected to each other at various levels. 

Each of these boxes houses a different program, in which 

all are designed as over-sized pots with medium-sized 

trees sitting on them. The bamboo ribbed façade pattern 

of the concrete surfaces of the ‘pots’ changes the look 

of the house through time, depending on the condition 

of light at various times of the day. “With thick soil layer 

on top of the roof, the ‘pots’ also work as storm water 

basins for retention, therefore contribute to reduce the 

risk of flooding in the city area when the idea can be 

multiplied to a large number of houses for the future”, 

explained the design team. 

The ‘Building for Trees’ concept, coined by the 

practice itself, is perhaps most successfully implemented 

at the Farming Kindergarten in Dong Nai. Located adjacent 

to a big shoe factory, the Farming Kindergarten is 

designed for 500 children of the factory’s workers. The 

execution is again realized with a plentitude of local 

indigenous materials, proven low-tech construction 

methods and a tight budget – the usual factors behind 

numerous VTNA projects. In this instance, the Farming 

Kindergarten is conceptualized as three intertwined 

loops generated by a single continuous line. As a result 

of the interweaving, three courtyards are naturally 

formed inside the knot shapes of three loops initiated 

by the one continuous gesture. These loops provide 

the necessary landscaped area and safe environment 

for the children to learn and play in an outdoor setting. 

The continuous strip of the loops together with its 

narrow but operable windows on both sides encourages 

all-round cross ventilation and maximizes natural lighting 

to the classrooms. Extensively landscaped and 

subsequently used as a plateau providing agricultural 

education and experience to the children, the green 

roof on top also functions as a playground of the school. 

Tackling multiple social and environmental issues in one 

single movement, the Farming Kindergarten is socially 

a contextual setting for the children of the adjacent 

factory workers. Environmentally, its green roof approach 

not only preserves the sanctuary for the area but also 

acts as heat insulation for the classrooms below, reducing 

the need for mechanical means for heat expulsion. 

Further to these, wastewater retained from the adjacent 

factory is recycled before its use for irrigation and toilet 

flushing here at the kindergarten. 

As VTNA’s works illustrate, the focus of the practice 

is distinctly concentrated on the responsible use of 

locally available inexpensive materials, teamed with 

traditional and modern construction methodologies. 

Along with the practice’s underlying belief, these work 

together to erect recognizably contemporary works 

that endow its users with vernacular and green design 

awareness on top of mere stylization and trends. 

These frameworks by VTNA not only does provide the 



asic notions of shelter, but they do and can educate 

its inhabitants with an attentiveness to social and 

environmental responsibilities for the community at 

large. When proliferated across the medium of the 

masses, these works can inspire consciousness and 

mindfulness in what responsible design does at various 

levels. The aspects of social and environmental responsibilities, 

when appropriately placed in context as in 

VTNA’s instance, will be paramount in how foreign 

consultancies (in a cross border practice) can cement 

themselves in the correct focus on the intrinsic aspects 

of how architecture originated; protective, comfortable 

and responsible. 

สสาสอรสา 

อออราร 

 

Q & A 

HOW DO YOU SEE THE IMPORTANCE OF IDEAS 

BEHIND EACH PROJECT OF THE FIRM? 

I think ideas are what initiates the direction for 

each project. However, the concept is nothing without 

realising the detail, the construction, the management, 

and the function - which are more important for the 

finalisation of a project. Each project needs the same 

overall direction, what we want to do for architecture 

and the city as well. 

HOW WOULD YOU DESCRIBE THE FIRM’S AP- 

PROACH TO ARCHITECTURE? 

It is necessary for architecture to harmonise with 

nature and to find a way for human beings to live with 

nature. Architecture is not only a function of beauty 

but it is also a device to help with human beings to 

connect with nature. 

WHO/WHAT ARE YOUR INFLUENCES? ARE THERE 

ANY PARTICULAR ARCHITECTS/DESIGNERS THAT 

INSPIRE ALL PARTNERS IN THE OFFICE? 

My first influence was my professor, Mr. Hiroshi 

Naito at the University of Tokyo. But I have many other 

influences, I look to the system of Norman Foster’s 

office and the process of PR by Tadao Ando. While I 

learn from many of the star architects of the world but 

I still want to continue to be original and be myself. 

WHAT IS THE IDEAL PROJECT THAT THE FIRM 

WOULD LIKE TO UNDERTAKE? 

We want to take on projects that will green the 

city. We want humans to be more connected with 

nature, so ideally as many green projects as possible. 

HOW DO YOU POSITION YOURSELF WITHIN THE 

NEXT 5 YEARS? 

The next 5 years will be important however I am 

currently focusing on the present and taking one step 

at a time. I hope that I will be able to dedicate more 

time and focus my attention of Vipassana meditation. 

WHAT DO YOU THINK OF AEC AND HOW ARCHI- 

TECTS ARE IN THE FUTURE ABLE TO WORK EASILY 

WITHIN THE MEMBER COUNTRIES OF ASEAN? 

I think that it is a good chance to work with one 

another. It gives us more possibilities and chances to 

learn from architects in other countries. I hope to work 

with other countries in the future. 


Q&A with Takashi Niwa, Vo Trong Nghia Architects 

ิอย่ไร่อมสัอนิอัอ่รกร 

อสนักนอ 

ผมคิดว่แนวควมคิดคือสิ่งที่ทำให้เกิดทิศทงของแต่ละโครงกร อย่งไรก็ตม 

แนวควมคิดจะไม่มีควมหมยเลยถ้ปรศจกกรทำรยละเอียด กรก่อสร้ง 

กรบริหรจัดกร และกรใช้สอย ึ่งต่งมีควมสำคัมกที่จะทำให้โครงกรเสร็จ- 

สมบูรณ์ แต่ละโครงกรต้องมีทิศทงโดยรวม นั่นคือสิ่งที่เรต้องกรจะทำเพื่อสถปัตย- 

กรรมและเมือง 

จอิยกยกัิกรนสยกรรมอสนักน 

อย่ไร 

มันมีควมจำเป็นที่สถปัตยกรรมจะต้องกลมกลืนไปกับธรรมชติและเพื่อที่จะห 

วิธีที่มนุษย์จะอศัยอยู่กับธรรมชติ สถปัตยกรรมไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของควมงม 

เท่นั้น แต่มันยังเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้มนุษย์ได้เชื่อมโยงกับธรรมชติอีกด้วย 

รรออไรมอิิ่อ มสนิกรอนักออกนไนน 

ิไมนรันจ้กั้นส่นกนนสนักนน 

คนที่มีอิทธิพลต่อผมเป็นคนแรกก็คืออจรย์ของผม Hiroshi Naito ที่มหวิทยลัย 

โตเกียว แต่ผมก็ได้รับอิทธิพลมจกอีกหลยคน ผมมองดูระบบของสำนักงนของ 

Norman Foster และวิธีกรประชสัมพันธ์ของ Tadao Ando ในขณะที่ผมก็เรียนรู้ม 

จกสถปนิกระดับดวเด่นของโลกอีกหลยท่นแต่ผมก็ยังคงอยกที่จะเป็นแบบฉบับ 

และเป็นตัวของผมเองจริง 

อไรอรกรนนริัอยกจ 

เรอยกจะทำโครงกรที่จะทำให้เมืองเป็นสีเขียว เรต้องกรให้มนุษย์เชื่อมต่อ 

กับธรรมชติ ในอุดมคติก็คือโครงกรสีเขียวมกเท่ที่จะเป็นไปได้ 

รวร 

าารวอว 

อาาร 

น่อัอภยน้อย่ไร 

ในห้ปีข้งหน้นั้น แม้จะมีควมสำคัแต่ในตอนนี้ผมอยกจะให้ควมสำคักับ 

ปัจจุบันมกกว่และค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้น ผมหวังว่ผมจะสมรถให้เวลกับกร 

นั่งสมธิของผมมกกว่นี้ด้วย 

ิอย่ไรกั ิ่นอนสนิกจสมรน 

นรสมิกอ ไ้่ยนอย่ไร 

ผมคิดว่เป็นโอกสดีที่ประเทศสมชิกของ AC จะทำงนด้วยกัน มันมีควม 

เป็นไปได้และโอกสมกขึ้นที่จะเรียนรู้จกสถปนิกในประเทศอื่น ึ่งผมหวังว่จะ 

ได้ทำงนร่วมกับประเทศอื่น ในอนคต 

Jirawit Yamkleeb 

Jirawit Yamkleeb received 

B.Arch from Chulalongkorn 

University and M.Sc. (Urbanism) 

from TU Delft in the 

Netherlands. He spent his life 

after Delft in Singapore for 11 

years and left his previous firm, 

SCDA Architects, as a Senior 

Associate. In 2015, he cofounded 

archi.smith – a multidisciplinary 

design firm, with 

Sukonthip Sa-ngiamvongse. 

Darren Yio 

Darren Yio received his B.Arch 

(Hons.) from The University of 

Melbourne in 2007. Prior to 

the completion of his architecture 

degree, Darren also 

spent time studying at the 

Royal Academy of Arts in 

Copenhagen, Denmark. Upon 

graduation, he spent 8 years 

at SCDA Architects before 

leaving his position as an 

Associate. 



SPECIAL REPORT 

TEXT 


PHOTOS 

Soopakorn Srisakul 

ARCHITECTURE 

BIENNIAL 

LIGHT HOUSE 

THE ART OF LIVING LIGHTLY BY ALL(ZONE) 

76 ASA SPECIAL REPORT วารสารอาษา

จบลงไปแล้วเมื่อต้นเดือนมกรคมที่ผ่นมกับงน 

Chicao Architecture Biennial 201 นิทรรศกรที่ 

รวบรวมและจัดแสดงผลงนกรออกแบบและกรทดลอง 

ทงสถปัตยกรรมที่ยิ่งให่ที่สุดงนหนึ่งของภคพื้น 

อเมริกเหนือ ด้วยเสียงตอบรับอย่งล้นหลมจกผู้- 

เข้ร่วมงนจำนวนมก และคอนเ็ปต์ของกรจัดงนที่ 

เน้นเปดพื้นที่ทดลองให้กับสถปนิกไฟแรงจกทั่วโลก 

ทั้งที่มีชื่อเสียงระดับโลกอยู่แล้วและที่กำลังเป็นที่กล่ว- 

ขวัถึง จกสถปนิกที่เข้ร่วมแสดงผลงนกว่ 100 

บริษัท จก 0 ประเทศทั่วโลก สตูดิโอออกแบบของ 

Having reached conclusion this past January, the 

Chicago Architecture Biennial 2015 was the largest 

international exhibition collecting and exhibiting 

architectural design projects and experiments from 

around the world in North America and, through its 

full-scale installations and events featuring countless 

world famous and well-known architects, the eclectic 

mix brought over 100 participating companies from 

30 countries to the Windy City. The Thai design studio, 

all(zone) was chosen to take part in the exhibition 

and showcased their conceptual design named ‘Light 

House: The Art of Living Lightly,’ an experimental 

dwelling that conceived of a living space in a tropical 

01 อาสอ 

วาารา 

อาอาอาาร 

อรรออาารราาร 

อาอ 

House 



SPECIAL REPORT ASA 77

02วาราอ 

วสาาาร 

รวาสวว 

ารา 

03วสารรา 

สอวสาอ 

สาารอา 

ราา 

ไทยอย่ง allzone ได้ถูกคัดเลือกให้ร่วมแสดงงนใน 

ครั้งนี้ด้วย กับผลงนกรออกแบบแนวควมคิดในชื่อ 

Liht House The Art of Livin Lihtly พื้นที่พัก- 

อศัยเชิงทดลองขนดเล็กที่ต้องกรตั้งคำถมถึงกร 

ใช้พื้นที่ภยในเมืองหลวงเขตร้อนชื้น เช่น กรุงเทพ 

ที่พื้นที่รกร้งมกมยตมตึกสูงถูกปล่อยทิ้งไว้ไม่ถูก 

นำมใช้งนตมศักยภพของมัน ึ่งไม่สอดคล้องกับ 

ควมต้องกรพื้นที่อยู่อศัยของคนเมืองในปัจจุบันที่นับ 

วันกลับสูงขึ้น ในขณะที่รคค่ที่อยู่อศัยสำหรับคน 

ทำงนในเมืองก็สูงขึ้นจนเกินรยได้ของคนทำงนรุ่นใหม่ 

ที่ต้องกรอศัยอยู่ใจกลงเมือง 

พื้นที่พักอศัยขนด 110 ตรงเมตรนี้ ประกอบ 

ขึ้นจกวัสดุที่ประกอบได้ง่ยและพบเห็นได้ทั่วไปตม 

ท้องตลด ตั้งแต่ตะแกรงลวดชุบพลสติกที่ถูกปูทับด้วย 

ผ้และตข่ยไนล่อน้อนกันเป็นเลเยอร์หลยชั้น แบ่ง 

ควมทึบโปร่งไปตมพื้นที่ใช้สอยภยใน ผ้สปันบอนด์ที่ 

ถูกนำมใช้เพิ่มดีกรีควมทึบให้กับพื้นที่ที่ต้องกรควม 

เป็นส่วนตัวมกขึ้นหรือแม้แต่มุ้งลวดกันยุงที่ถูกนำมใช้ 

บริเวณเตียงนอน วัสดุต่ง เหล่นี้เน้นใช้คุณสมบัติ 

ในเรื่องของควมโปร่งมใช้ในกรระบยอกศของสเป 

ภยในและด้วยคุณสมบัติของวัสดุทำให้ผู้คนภยนอก 

สมรถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภยในได้เพียงรง เท่นั้น ึ่ง 


ช่วยให้พื้นที่ภยในที่ดูโปร่งโล่งนี้มีควมเป็นส่วนตัวขึ้น 

มในเวลเดียวกัน นอกจกนี้ค่ใช้จ่ยในกรก่อสร้ง 

Liht House ขึ้นมสักหนึ่งยูนิตนั้น อยู่ที่ประมณ 

40,000 กว่บทเท่นั้น นับว่ช่วยตอบโจทย์ควม 

ต้องกรพื้นที่พักอศัยของคนเมืองผู้มีรยได้น้อยได้ 

มกขึ้นอีกด้วย 

อีกหนึ่งควมน่สนใจของผลงนชิ้นนี้ที่ต่งไปจก 

งนชิ้นอื่น คือกรที่ allzone เลือกใช้เทคนิค toproection 

video installation มช่วยในกรเล่เรื่อง 

แทนกรใช้แบบดรออิ้งหรือโมเดล โดยภพยนตร์สั้น 

ขนดควมยวประมณ 10 นทีึ่งได้ ff Scene 

Films มรับหน้ที่กำกับให้นี้ ได้บันทึกพติกรรมของ 

หนุ่มสวที่มีไลฟสไตล์ต่งกันคู่หนึ่ง ึ่งเลือกใช้ Liht 

House ที่ตั้งอยู่ภยในอครจอดรถใจกลงเมืองเป็น 

พื้นที่พักอศัยและจำลองกรใช้ชีวิตในแต่ละวันตั้งแต่ 

ตื่นนอน ทำกิจกรรมต่ง ไปจนถึงกรเข้นอนของทั้งคู่ 

ึ่งข้อดีของกรใช้เทคนิคกรเล่เรื่องในลักษณะนี้คือ 

ภพนั้นช่วยตอบคำถมคใจต่ง เกี่ยวกับกรอยู่อศัย 

ด้วย Liht House ได้ครอบคลุมทั้งหมดตั้งแต่เรื่องกร 

ทนอหร กรเข้ห้องนำ้ ควมเป็นส่วนตัว ไปจนถึง 

เรื่องควมปลอดภัย แถมกรจำลองนี้มีควมสมจริงมก 

จึงไม่น่แปลกใจที่ผู้คนให้ควมสนใจและอจเชื่อว่มีผู้ที่ 

อศัยอยู่ภยในผลงนชิ้นนี้จริง ที่ประเทศไทย นับว่ 

ผลงนชิ้นนี้เป็นกรทดลองที่ตั้งคำถมถึงพื้นที่พักอศัย 

ได้อย่งเรียบง่ยและน่สนใจ จนทำให้ Liht House 

กลยเป็นหนึ่งในผลงนจก Chicao Architecture 

Biennial 201 ที่ถูกคัดเลือกให้ได้เป็นคอลเล็คชั่นถวร 

ประจำสถบันศิลปะแห่งชิคโกอีกด้วย 

ถือว่งน Chicao Architecture Biennial ได้สร้ง 

มิติใหม่ให้กับวงกรสถปัตยกรรมเป็นอย่งมก ต้อง 

มคอยดูกันต่อไปว่ในปี 2017 ที่กำลังจะมถึงนี้ จะมี 

ผลงนชิ้นไหนให้ได้ติดตมกันอีกบ้ง สำหรับข่วสร 

และรยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงนสมรถดูได้ที่ 

chicaoarchitectureiennialor 

metropolis where high-rise building are often left idle, 

unfinished or uninhabited while the needs for housing 

and costs of living continue to rise. These circumstances 

make it almost impossible for young middle-class residents 

to live in the city on their average earnings. 

The living space of 11.5 sq.m. is made up of easily 

assembled materials that can be found in the market 

place. Ready-made PE coated metal frames are 

covered with layers of fabric while nylon net separates 

the different degrees of perforation by functions. 

Spunbond fabric was chosen to increase the degree of 

thickness for areas that required more privacy. These 

materials use their lightness for ventilation of the 

space inside and even a mosquito net is hung over the 

sleeping area. With the lightness of materials, outsiders 

can see inside the space indistinctly. Furthermore, 

designed on a $1,200 budget per unit, the house was 

conceived in response to the rising needs of the urban 

poor for affordable living options. 

One more interesting aspect of this work that 

differed from the others was that the firm selected a 

two-projection video installation technique to exhibit 

the work rather than architectural drawings or models. 

The 10-minute-short film directed by Off Scene Films 

recorded all the behaviors of a couple with different 

lifestyles utilizing the Light House set up in an 

abandoned parking structure in the middle of the city 

as a living place and simulated their daily life cycle. 

An advantage of this presentation technique was that 

it provided answers to all doubtful questions about 

living in the Light House and covered issues such as 

eating, the restroom, privacy and security. No wonder 

people found the presentation interesting and might 

have believed that the Light Houses already existed 

in Thailand as the film’s production was so real. With 

their simple and appealingly concern for the ways in 

which a living area could be conceived, Light House 

has been selected to become a part of the permanent 

collection of the Art Institute of Chicago (AIC) as well. 

It can be concluded that the Chicago Architecture 

Biennial had already made room for a new dimension 

of architecture. Stay tuned for the next Architecture Biennial 

in the forthcoming 2017. For more details please 

visit: chicagoarchitecturebiennial.org 

02 

ภ กิรัย 


รราสราร 

าวาาา 

อรราารรา 

วารสารอาษาสาร 

ออรส 

วสอารออ 

03 




SATHIRUT TANDANAND 

PRESIDENT, ARCHITECTS REGIONAL COUNCIL ASIA (ARCASIA) 

สิรัร ันันน 

ราสาสาอ 

อยก้สิรัรูน้น 

กรจัน ่นอย่ไร 

้ 

ARCASA Forum จัดขึ้นปีเว้นปี โดยจัดสลับกับ 

ARCASA Conress ครับ ึ่ง ARCASA Forum จะ 

เน้นเรื่องของวิชกร ส่วน ARCASA Conress จะมี 

เรื่องของนักเรียนเข้มเกี่ยวข้อง แต่สำหรับ ARCASA 

Forum ที่เรจัดขึ้นในปีนี้ไม่ได้เน้นแค่วิชกรเพียงอย่ง 

เดียว แต่ต้องกรเน้นให้สถปนิกรุ่นใหม่ได้เข้มมีส่วน 

ร่วมในกรประชุมด้วย โดยกำหนดให้สถปนิกรุ่นใหม่ 

บรรยยในหัวข้อต่ง 

อยก้สิรัรูสนิกร่นม่น 

รไย่จจันนอย่ไร้ 

ผมว่ตอนนี้สถปนิกรุ่นใหม่ของบ้นเรมีฝีมือ 

กรออกแบบที่เก่งมก และผมอยกให้พวกเขได้มี 

โอกสเข้มมีส่วนร่วมมกขึ้นนะครับ ขณะเดียวกัน 

เรต้องกรให้สถปนิกรุ่นใหม่ได้ทรบว่ นอกเหนือ 

จกภยในประเทศไทยเรเองแล้ว ใน ARCASA มี 

Aard Proram เช่น merin Architect Aard 

ึ่งถูกจัดขึ้นทุกปีให้สถปนิกรุ่นใหม่สมรถส่งผลงน 

เข้ไปได้ 

สิรัรมมินอย่ไร้กยกั 

ัจกู้ั 

อกไ้ินไกูนรน 

จุดประสงค์หลักของ ARCASA Travel Prize คือ 

เรมองว่ ARCASA มีทั้งหมด 19 ประเทศ ที่เป็น 

สมชิก แต่ละประเทศมีวันธรรม มีกรออกแบบที่ 

แตกต่งกันออกไป เรต้องกรให้สถปนิกรุ่นใหม่ได้มี 

โอกสเดินทงไปสัมผัสกับวันธรรมอื่น แล้วได้เรียน- 

รู้ว่เอเชียนั้นมีอะไรบ้ง และต้องบอกว่กรเดินทงไป 

ศึกษงนที่ประเทศี่ปุนในครั้งนี้ถือว่ประสบควม- 

สำเร็จมก เพระผู้ชนะที่ได้ไปมีทั้งหมด คน จก 

เนปล บหลีและ่องกง ึ่งผู้ชนะจกเนปลและบหลี 

ไม่เคยไปประเทศี่ปุน พอไปศึกษก็ได้เปดโลกทัศน์ 

อีกทั้งกรไปศึกษที่ประเทศี่ปุนและต้องเอผลงนม 

นำเสนอที่ประเทศไทย ทำให้พวกเขได้มีโอกสที่จะได้ 

สัมผัสกับวันธรรมของประเทศี่ปุนและของประเทศ 

ไทยไปพร้อม กันด้วย สิ่งที่ได้ไปศึกษได้ถูกนำกลับม 

เพื่อที่จะประยุกต์กับโปรเจ็คต์ในบ้นของเขเอง เช่น 

ผู้ชนะจกเนปลไปศึกษเรื่องโครงสร้งเหล็กที่จะเข้ 

มช่วยเสริมอครต่ง เพื่อปองกันแผ่นดินไหว ึ่ง 

เนปลเป็นประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวค่อนข้งบ่อย ส่วน 

ผู้ชนะจกบหลี ก็ไปศึกษโครงเหล็กที่จะนำมใช้กับ 

รูปทรงของหลังคในประเทศของเขในลักษณะของ 

โครงหลังคที่ให่กว่ ส่วน่องกงศึกษโครงเหล็กเพื่อ 

ที่จะเอมใช้กับสเปที่สมรถใช้สอยได้เพิ่มเติมบน 

หลังคของอคร 



WHAT IS YOUR OPINION OF THE YOUNG ARCHI- 

TECT SCENE WITHIN THAILAND? 

กรจัน อยยน 

อย่ไร้ มอรัจก่ิ่อ 

มมมออกรสยกรรม้นร 

อย่ไรรั 

ผมว่ผลตอบรับดีมกเลยครับ คือจกทุก คน 

ที่ได้คอมเม้นท์กับทงเร เขบอกว่ ครั้งนี้ที่สมคม 

สถปนิกสยม เป็นเจ้ภพ ถือเป็นงน ARCASA 

Forum ที่ดีที่สุดที่เคยไปม อีกอย่งคือ เรื่องของกรจัด 

งนนอกเหนือจกเนื้อหที่เกี่ยวกับวิชกร อย่งอีเวนท์ 

ต่ง ตอนกลงคืน ทงสมคม ได้จัดเต็มที่ เช่น 

ARCASA Aard Niht ที่วัดไชยวันรม และแต่ละ 

คืนมีกิจกรรมที่แตกต่งกันออกไป ทำให้ผู้ที่มได้สัมผัส 

กับวันธรรมของไทยและโบรณสถนของบ้นเร 

นน้มนยยอ จม 

กรยนรอิมิมอย่ไร้ ั 

จกน ูกจัไ้ 

ในเร็ว นี้ จะมีอีก ประเทศ มร่วมเป็นสมชิกของ 

ARCASA ด้วย เช่น พม่ เขมร และบรูไน จุดประสงค์ 

ของเรในอนคตคือเรจะทำอย่งไรที่จะพันสถปนิก 

เรจะโฟกัสในกลุ่มของอเียนของเร แล้วเรจะขยย 

ไปในกลุ่มอื่น เช่น เนปลหรือภูน นอกจกนี้ถ้เร 

ดูเรื่องของปัหอุทกภัยที่เกิดขึ้นในเอเชียจะมีค่อนข้ง 

มกและบ่อย ทง ARCASA จึงได้เ็น MU กับ Asian 

Disaster Preparedness Center ADPC ึ่งเป็นองค์กรที่ 

ให้ควมรู้เกี่ยวกับกรจัดกรควมช่วยเหลือด้นอุทกภัย 

PLEASE DISCUSS YOUR ROLE WITHIN THE ORGANI- 

ZATIONAL PROCESS OF THIS ARCASIA FORUM. 

Firstly, may I introduce you to the Arcasia Forum; 

it is organized once every two years and punctuated 

by other events such as the ARCASIA Congress. The 

ARCASIA Forum emphasizes academics in contrast 

with the Arcasia Congress, which is related to the 

educational scene. However, in this edition of the 

Arcasia Forum, we’re not focusing on academics only, 

as we also provide new and upcoming architects the 

opportunity to lecture on certain topics in order to give 

them a chance to be a part of the forum. 

They’re good at design and I prefer for them to 

become a part of this forum. Moreover, I want them 

to realize that there are many award competitions 

in which young architects should participate, such 

as submitting their work to the Emerging Architects 

Award program - an annual program within Arcasia. 

WHAT IS YOUR OPINION OF THE ARCASIA TRAVEL 

PRIZE REGARDING THE OBSERVATION OF ACTIVI- 

TIES IN JAPAN BY THE SELECTED CANDIDATE? 

Firstly, we realize that, within the 19 member 

countries of ARCASIA, each country contains a kind of 

design identity, so we want them to learn about this 

diverse culture. Still, the observation of activities in 

Japan project was a success, because the winners 

from Nepal and Bali had never been to Japan before. 

Also, within the program, they are required to present 

their projects in Thailand while also having the opportunity 

to travel to Japan, so they learned a lot about the 

cultures of both Thailand and Japan. Therefore, they 

can adapt this knowledge with their prior practice. For 

instance, the winner from Nepal learned about metal 

construction, a kind of solution that seems proper to 

addressing the problem of earthquakes. In the case 

of the winner from Bali, the knowledge of metal 

construction allowed for them to create a wider roof 

construction than before. And for the candidate from 

Hong Kong, he could apply this metal construction 

technique to create more space on rooftops. 

HOW ABOUT THE FEEDBACK FROM FOREIGNER 

PARTICIPANTS REGARDING THE CURRENT THAI 

ARCHITECTURE SCENE. 

It’s good. We got a lot of good comments from 

them and they also told us that this edition of the 

ARCASIA Forum organized by ASA was the best edition 

they had ever participated in. Aside from this, we 

also focused on the supplementary events held in the 

evenings which are not actually related to academic 

content, such as the ARCASIA Awards Night at Wat 

Chaiwattanarakm and other events that allow for the 

participants to learn more about our culture. 

WHAT ABOUT THE POLICIES OF ARCASIA OVER THE 

NEXT FOLLOWING YEARS, ARE THERE ANY SHIFTS 

THAT WILL BE HAPPENING? 

There are now three more members included in 

Arcasia - Myanmar, Cambodia and Brunei, so our next 

proposition is how to develop the architect. We’ll focus 

in our Asian region and then extend to other areas like 

Nepal and Bhutan. We are also still paying great attention 

to the problem of disasters that seem to occur 

frequently. Therefore, we decided to sign the MOU 

contract with the Asian Disaster Preparedness Center 

(ADPC), an organization that will help us to settle this 

problem. 


SMITH OBAYAWAT 

PRESIDENT, THE 36TH ARCASIA COUNCIL 

นิักนกรจัน 

MEETING & FORUM 18 

เรไม่ได้เป็นเจ้ภพมนนแล้ว ครั้งสุดท้ยน่จะ 

ประมณ 10 ปีที่แล้ว ที่จังหวัดเชียงใหม่ มปีนี้งนจัด 

ที่อยุธย เนื่องจกเป็นสถนที่ที่เกี่ยวกับวันธรรม 

ควมยั่งยืน และสอดคล้องกับกรพูดถึงเรื่อง อดีต 

ปัจจุบัน และอนคต ึ่งเกี่ยวเนื่องกับธีมในกรจัดงน 

ปีนี้ Future of the Past’ ึ่งมองได้หลยแง่หลยมุม 

ปัจจุบันที่เรอยู่ทุกวันนี้ก็เป็น Future of the Past’ 

แต่สิ่งที่เรทำมันจะเป็นส่วนของอนคต เพระฉะนั้นสิ่ง 

ที่เรกำลังจะทำทุกวันนี้มันน่สนใจว่มันจะเกิดอะไรใน 

อนคต มันไม่ได้มองแค่ว่วันนี้เรจะดูแลอดีตอย่งไร 

แน่นอนมันมีประเด็นกรพูดถึงกรอยู่ร่วมกับอดีตอยู่ 

เยอะมกครับ 

รยอยยรมอกิจกรรม่ 

ไไินกรจัน 

โดยรวมมันคืองนประชุมและกรสัมมนทง 

วิชกร เพระฉะนั้นภยในงน ARCASA จึงมี 

กรบรรยยทงวิชกร หรือมีกรเสนองนวิจัยทง 

วิชกร ึ่งเกี่ยวกับสถปัตยกรรม ขณะเดียวกันก็มี 

กรสัมมนที่เรียกว่ Call for Paper’ หรือกรประกศ 

ให้ผู้คนส่งบทควมที่น่สนใจมร่วมนำเสนอ ึ่งมีทั้ง 

สถปนิกและนักวิชกรรุ่นใหม่ ผมว่นั่นก็คือไไลท์ 

เสียดยแค่ว่คนไทยส่งน้อยไปหน่อย นอกจกนี้ยังมี 

กรแจกรงวัล ARCASA Aards หรือรงวัลสถปัตย- 

กรรมประจำเอเชีย ึ่งมีคนส่งผลงนสถปัตยกรรมเข้ 

ร่วมประกวดมกมยจกทั่วเอเชีย โดยกรแจกรงวัล 

เกิดขึ้นที่วัดไชยวันรม 

จรสนกรกิจกรรมมมก่จก 

่นมรอ่จกรอน ยจั 

อย่ไรรั 

ควมแตกต่งมันคือสถนที่และเวลนะครับ และ 

อจจะต่งกันที่ว่เรพยยมทำให้คนไทย เข้ไปร่วม 

ประชุมสัมมนมกขึ้น เรเลยเลือกสถนที่ที่มันน่สนใจ 

ขึ้น ส่วนรยละเอียดของกรจัดงนก็ไม่ได้มีควมต่ง 

อะไรจกประเทศอื่น ที่เคยจัดเพระมีกเกณ์เรื่อง 

กรประชุมค่อนข้งชัดเจน เพียงแต่เนื้อหกรประชุม 

ก็เปลี่ยนไปตมกลเวล สถนกรณ์ และแนวโน้มของ 

สถนกรณ์ที่เกิดขึ้นในโลก 

สมิร อยย 

ราาารรสา 

สาอร 

ารารรสา 

าาาร 

COULD YOU PLEASE INTRODUCE THE ORGANIZA- 

TION AND PRINCIPLE BEHIND ARCASIA? 

We haven’t been the host of the event for a while; 

the last time was 10 years ago in Chiang Mai. This year 

the event is being held in Ayutthaya, a cultural, sustainable 

city that goes along well with the selected topic - 

past, present and future, and relates to this year’s 

theme, ‘Future for the Past.’ However, what we do is 

part of the future, and this relates to consideration for 

what will occur in the upcoming future rather than the 

preservation aspect only, while also reflecting on how 

to live with the past as well. 

PLEASE INTRODUCE THE ACTIVITIES AND HIGH- 

LIGHTS OF THIS YEAR’S ARCASIA EVENT. 

It is an academic conference and seminar, including 

a lecture and other academic research related to the 

architecture scene. The seminar called ‘Call for Paper’ 

is an invitation to those who are interested to submit 

articles on architecture; most of the participants of 

which are architects themselves or scholars. I think 

this is a highlight of the event, but it seems that Thai 

architects don’t pay enough attention to this program. 

Moreover, the Arcasia Awards or the Asia architectural 

award are also interesting. There are a number of 

architects from Asia who participate in this program 

and we arrange the event at Wat Chaiwatthanaram. 

WHAT IS DIFFERENT THIS YEAR FROM PREVIOUS 

EDITIONS OF ARCASIA, IN TERMS OF THE OBJEC- 

TIVE? 

I think the difference is the place and time. And, 

also the attempt to invite Thai architects to be a part of 

this event. So, we chose the place specifically to make 

the event to be more interesting. According to the 

prior proposition, the detail seemed to not be diverse 

enough from the previous editions. There’re kinds of 

minor shifts that depend on the current trends and 

situation nowadays. 



NITIS STHAPITANONDA 

ARCASIA AWARD CONVENER 

จรสักอกรรก 

 

เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่สถปัตยกรรมในเอเชีย 

แต่ก่อนผมเคยเป็นคนจัดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ึ่งเป็นกร 

จัดแบบปีเว้นปี และแต่ก่อนงนที่ส่งเข้มประกวดจะ 

ถูกส่งเข้มโดยสมคมสถปนิกของแต่ละประเทศ 

เท่นั้น ในฐนะของคนไทยส่วนให่เรจะส่งผลงน 

สถปัตยกรรมดีเด่นเข้ไป เพระถือว่ได้เคยผ่นกร 

คัดกรองมแล้ว และผลงนสถปัตยกรรมดีเด่นนั้นก็ 

ประกวดปีเว้นปีเช่นกัน โดยมีหัวข้อและปริมณงนใกล้ 

เคียงกัน แต่พอมช่วงหลัง ARCASA มองว่กรทำ 

เช่นนั้นทำให้สถปนิกที่ทำงนดีแต่ว่ไม่มีชื่อเสียงไม่ได้ 

ส่งผลงนเข้ม ARCASA จึงอยกขยยวงกว้งขึ้น 

และเปลี่ยนเป็นแบบไม่ต้องนำเสนอผ่นสมคม ผู้คน 

สมรถส่งผลงนเข้มประกวดได้เอง 

อยกู้รยอยกนกรัอก 

นอ 

 

คนที่สมรถสมัครเข้มได้คือ สถปนิกที่เป็นสมชิก 

ของสมคมสถปนิกของทั้ง 19 ประเทศ โดยสมรถ 

ส่งโครงกรที่อยู่ทั้งในและนอกเอเชียได้ ขอให้สถปนิก 

ที่เป็นผู้ส่งผลงนเป็นคนเอเชีย หรือเป็นสถปนิกเอเชีย 

ที่มีใบอนุตกับสภวิชชีพของประเทศนั้น อีกลักษณะ 

หนึ่งคือ สถปนิกเป็นคนชติอื่นที่ไม่ได้อยู่ในประเทศ 

สมชิกของ ARCASA แต่พำนัก ทำงน และมีผลงน 

อยู่ใน 19 ประเทศนี้ก็สมรถส่งผลงนได้ครับ 

หลักเกณ์ในกรคัดเลือก เรต้องย้อนกลับไปดู 

วัตถุประสงค์ของ ARCASA Architecture Aards 

ก่อนนะครับ ึ่งแบ่งเป็นแต่ละหัวข้อ ยกตัวอย่งเช่น 

บ้นที่ประเทศศรีลังกกับบ้นที่ประเทศี่ปุน สภพ- 

แวดล้อมมันต่งกันมก ึ่งโครงกรต้องแข่งกันได้ 

เพระฉะนั้นเรต้องดูด้วยว่มันเหมะสมกับสถนที่นั้น 

ไหม แล้วตัวโครงกรมันต้องให้ควมสำคักับทั้งสังคม 

วันธรรมและสิ่งแวดล้อม ในแง่คอนเ็ปต์ของโครงกร 

ก็ต้องดี ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยีต้องลงตัวกับผลงน 

เช่นกัน 

นิ สนน 

รารรารา 

 

กรอรัอกรส่นนนนอย่ไร 

มีผลงนส่งเข้มทั้งหมด 27 งน ถมว่เยอะไหม 

ปีที่แล้วเยอะกว่ ปีนี้มีบงประเทศที่ไม่ได้ส่ง ประเทศ 

ให่ เลย อย่งเช่น ประเทศเกหลี เพระว่เขอจ 

มีกรสื่อสรที่ไม่แพร่หลย หรือผิดพลดทงเทคนิค 

ไม่เช่นนั้นโดยปกติอย่งปีที่แล้วมีผลงนส่งเข้มจำนวน 

00 กว่งนได้ ส่วนให่ประเทศที่ส่งมเยอะจะเป็น 

ประเทศจีน ประเทศไทย และประเทศเวียดนมก็ส่งเข้ 

มเยอะพอสมควร 

นิิ่ยูรยอยอรั่ 

นอย่ไร 

แบ่งเป็น 10 ประเภท ได้แก่ Sinle Family Residential 

proects, Multiple Family Residential Complexes, 

Commercial Buildins, Resort Buildins, Social 

nstitutional Buildins, Specialized Buildins, ndustrial 

Buildins, Conservation Proects, Social Responsile 

Architecture, Sustainaility โดยใน 10 ประเภทนี้จะ 

มีกรแบ่งย่อยประเภทรงวัลอีก คือ Gold, Honorale 

Mention และ Mention ึ่งแต่ละหัวข้ออจจะไม่มีให้ 

รงวัล Gold ก็ได้ เพระไม่มีผลงนไหนตรงกับเกณ์ 

กรตัดสินที่ตั้งเอไว้ แต่ตัวอย่งคนที่ได้ Gold ในหมวด 

ของบ้นพักอศัย ึ่งน่สนใจทีเดียว คือคนี่ปุน ึ่ง 

ถกเถียงกันอยู่นนครับ บ้นหลังนี้เป็นบ้นที่ไม่สมรถ 

มองเห็นข้งนอกได้เลย บ้นถูกปดหมด เวลเดินอยู่ 

ในบ้นเหมือนเดินอยู่ในอยด้นนอก แล้วห้องคือบ้น 

อีกที ควมรู้สึกคล้ยกับเดินอยู่ในถนน แต่สำหรับผม 

ที่ให้หลังนี้ได้รงวัลเพระว่มันแปลกใหม่ ท้ทย และ 

มีควมสัมพันธ์กับพื้นที่โดยรอบ มันเป็นกรตั้งคำถม 

กรอยู่อศัยแบบเดิม นน จะเจอบ้นที่มีควมคิด 

ใหม่ครับ 


นอสนิกไยไ้รัอกส่้ 

ม ิ่มมน่สนจอย่ไร้ 

น่สนใจ แล้วก็มีได้ลุ้นอยู่หลยงน ผมว่งนของ 

ประเทศไทยนั้น เอเข้จริง สถปนิกไทยออกแบบ 

สถปัตยกรรมได้เหมะสมกับประเทศไทย อย่งปีนี้ 

ผลงนของสถปนิกไทยที่ได้รงวัล Gold เป็นหมวด 

รีสอร์ทครับ ชื่อโครงกร The Naka Hotel ของคุณ 

ดวงทธิ บุนนค อครมีควมโมเดิร์น สถปนิกเล่น 

กับคอนทัวร์ และออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวอยู่บนหลังค 

ึ่งเป็นห้เทียม แต่ในแง่คอนเ็ปต์กรที่เอพื้นที่สีเขียว 

เข้มแทนที่หลังคทำให้มองดูแล้วไม่แข็งเกินไป อีกทั้ง 

กรใช้วัสดุเป็นกรผสมกันระหว่ง กระจก เหล็ก และ 

ไม้ ึ่งมีควมสัมพันธ์กับบริบทและมีควมเป็นเอเชีย 

topics; for example, the environment of a house in Sri 

Lanka and Japan are very different, but the projects 

needed to be able to compete with one another, so 

we had to look at whether or not the house was suitable 

to the place (surroundings). The project needed to pay 

attention to social, cultural and environmental aspects, 

as well as have a good concept and utilize technology 

fitting to the project. 

WHAT WAS THE RESPONSE OF THIS YEAR’S SUB- 

MISSIONS? 

There were 237 projects. Is that a lot? Well, last year 

we had more. This year, some large countries such as 

the Republic of Korea did not submit work. It could be 

that the event was not widely publicized or that there 

may have been some technical problems. Normally, 

such as last year, there were about 300 entries. China, 

Thailand and Vietnam have submitted quite a lot. 

ANY OTHER DETAILS YOU WOULD LIKE TO INTRO- 

DUCE ABOUT THE AWARDS? 

WHAT IS THE MAIN OBJECTIVE OF THE ARCASIA 

ARCHITECTURE AWARDS COMPETITION? 

It’s to promote and publicize architecture in Asia. 

I was an organizer ten years ago and the event is 

organized every other year. At that time, the Architecture 

Associations of each country submitted entries. 

For Thailand, we submitted outstanding architectural 

projects to the competition that had already been 

screened. Our outstanding architecture award was 

also organized every other year. In addition, the topic 

and the number of works were similar. Later, ARCASIA 

thought that this process could limit those architects 

who were creating good works, but not sufficiently 

famous to submit their works to the competition. 

Thus, ARCASIA wanted to expand the competition 

and needed to change the rules so that any interested 

person could submit his/her entry directly without 

going through the Association. 

COULD YOU PLEASE DISCUSS IN MORE DETAIL 

THE CRITERIA USED IN SELECTING THE 10 ARCASIA 

ARCHITECTURE AWARDS? 

The candidate had to be a member of the Architecture 

Association in one of nineteen countries. 

Someone could submit a project either from within 

or outside Asia, but the architect who submitted the 

entry had to be Asian or an Asian architect holding 

a license from the professional bodies of their own 

country. A foreign architect who is not a citizen of the 

ARCASIA countries, but who resided, worked and 

conducted projects in these nineteen countries, was 

also allowed to submit their work. For the criteria of 

the competition, we first had to consider the objective 

of the ARCASIA Architecture Awards. It is divided in 

There were 10 categories i.e., Single Family 

Residential Projects, Multiple Family Residential 

Complexes, Commercial Buildings, Resort Buildings, 

Social/Institutional Buildings, Specialized Buildings, 

Industrial Buildings, Conservation Projects, Social 

Responsible Architecture, and Sustainability. Each 

category was divided into a few awards i.e., Gold, 

Honorable Mention, and Mention but each category 

wouldn’t necessarily award a Gold award if there was 

no project that met the criteria. The winner of the Gold 

award for a Residential Project was Japanese and 

there was much discussion about this house as it was 

concealed and permitted one from seeing the outside. 

When you walked in the house it felt as if you were 

walking into an alley outside and the room felt like a 

house. It gave the same feeling as when you walk in 

the street. For me, I chose this house because of its 

exotic nature and the challenging relationship it posed 

to the surrounding area. It challenged the traditional 

concept of a residency. It is very rare to see a house 

with a new concept. 

HOW ABOUT THE PROJECTS BY THAI ARCHITECTS 

THAT WERE SUBMITTED AND SELECTED, ARE THEY 

INTERESTING? 

They were interesting and there were many projects 

that had a chance to win. I thought the designs by 

Thai architects were suitable for Thailand, such as 

the project that received a Gold award in the Resort 

category called “The Naka Hotel” by Duangrit Bunnag. 

This is a modern building. The architect worked with 

the contours and design through inclusion of a green 

area on the roof composed of artificial grass. In terms 

of the concept, replacing the roof with the green area 

gave it a softer look, and the mix between glass, metal 

and wood related to the context and Asian quality. 



ARCASIA AWARDS 

FOR ARCHITECTURE 2015 (AAA2015) WINNERS 

CATEGORY A: RESIDENTIAL PROJECTS 

Category A1: Single Family Residential projects 

Gold: Boundary House by Yasuhiro Yamashita and 

Atelier Tekuto 

Honorable Mentiion: Termitary House by Tran Thi Ngu 

Ngon and Nguyen Hai Long 

Category A2: Multiple Family Residential Complexes 

Honorable Mention: Urban Suites by Kerry Hill 

Architects Pte., Ltd. 

Mention: South 50-53 Apartments by Mohammad 

Rafiq Azam 

Mention: The Green Collection by RT+Q Architects 

Ptd., Ltd. 

CATEGORY B: PUBLIC AMENITY BUILDINGS 

Category B1: Commercial Buildings 

Honorable Mention: Phoenix Center by Shao Weiping 

Mention: Sandcrawler by Aedas 

Mention: PJ Trade Center by Yelill Architect 

Category B2: Resort Buildings 

Gold: The Naka Hotel by Duangrit Bunnag 

Honorable Mention: Kontum Indochine Cafe by 

Vo Trong Nghia and Dau Nhat Quang 

Category B3: Social/Institutional Buildings 

Gold: Beichuan National Earthquake Memorial by 

Cai Yongjie 

Category B4: Specialized Buildings 

Gold: Shenzhen Bao’an International Airport Terminal 3 

by Fuksas + MA Long 

Honorable Mention: Al Shaqab Equestrian Performance 

Arena by Leigh & Orange Ltd. 

Mention: Stadium and Gymnasium of Dalian Sports 

Center by Chu Xiao 

CATEGORY C: INDUSTRIAL BUILDINGS 

Gold: YTL Communications Centre II by Tan Eng 

Keong in Collaboration with YTL Design Group 

Honorable Mention: Aimer Fashion Factory by 

Dong Hao and Binke Lenhardt 

CATEGORY D: CONSERVATION PROJECTS 

Gold: Restoration and Regeneration of Sangzhutse 

Fortress by Chang Qing, Ding Jiemin and Hua Yun 

Honorable Mention: Renovation of Original Design 

Studio by Ming Zhang, Zi Zhang and Original Design 

Team 




CATEGORY E: SOCIAL RESPONSIBLE ARCHITECTURE 

Gold: BES Pavilion by Doan Thanh Ha and Tran Ngoc 

Phuong 

Honorable Mention: Regeneration of Copper Mine 

Industry by Duan Jin, Qi Zhang and Ming Yin 

Honorable Mention: Earth Village by Hoang Thuc Hao 

Mention: Rishipara Mandir Paathshaala by Shareq 

Rauf Chowdhury 

CATEGORY F: SUSTAINABILITY 

Gold: Navi Stract House 2 by Masato Sekiya 

Gold: Binh Thanh House by Vo Trong Nghia, Shunri 

Nishizawa and Daisuke Sanuki 

Honorable Mention: ZCB, CIC Zero Carbon Building 

by Ronald Lu & Partners 


ASSOCIATE PROFESSOR DR. M.L. 

PIYALADA 

THAVEEPRUNGSRIPORN 

ARCASIA DESIGN ANALYSIS FORUM CONVENER 

จรสักนกรจั 

 

ต้องยอมรับว่ จุดเริ่มต้นของ ARCASA มจกกรรวมตัวกันของ 

สมคมสถปนิก หรือของสมคมวิชชีพสถปัตยกรรมในประเทศต่ง 

เพระฉะนั้น จุดประสงค์หลักจึงเป็นเรื่องวิชชีพ แต่ในวิชชีพมันก็จะ 

มีข้อกำหนดต่ง ึ่งมันควบคุมถึงเรื่องกรศึกษด้วย เพระฉะนั้น 

ส่วนหนึ่งที่ควบคู่กัน คือ Forum ึ่งเกิดขึ้นปีเว้นปี เพระฉะนั้นจึงคล้ย 

กับเป็นกรประชุมวิชกรควบคู่ขึ้นม 

รยอยภยนนอ 

มมน่สนจอไร้ ั้อไนน่สนจน 

ิ 

มีบทควมทั้งหมด 8 ชิ้น เช่น บทควมจกประเทศมเลเีย ึ่งเกี่ยว 

กับกรนำเครื่องมือและโครงสร้งเข้มทดสอบงนที่มีปัหดินถล่ม 

แลนด์สไลด์ ึ่งพื้นที่ของประเทศมเลเียมักเกิดปัหลักษณะนี้บ่อย 

เลยมีกรตั้งคำถมถึงเทคโนโลยีหรือเทคนิคทงโครงสร้งที่สมรถ 

ช่วยแก้ปัหนี้ อันที่เรคิดว่น่สนใจแน่นอนคือ ส่วนของ Keynote 

Speaker คือ มรวจักรรถ จิตรพงษ์ ึ่งเป็นผู้มีควมรู้กว้งขวง 

หลยคนอจจะไม่ทรบว่ คุณชยเรียนสถปัตยกรรมม จริง แล้ว 

ท่นศึกษสถปัตยกรรมที่มหวิทยลัยเคมบริดจ์ เพระฉะนั้นท่นมี 

พื้นฐนเป็นสถปนิก แต่เป็นสถปนิกที่ทำงนด้นวันธรรม ในงน 

คุณชยพูดถึงของหลยสเกลและพูดถึงควมสร้งสรรค์ของชวไทย 

ในกรที่จะสร้งรูปร่งของสิ่งต่ง ตั้งแต่ตัวอักษรเป็นต้นม เพระ 

ฉะนั้นมันเป็นเลกเชอร์ที่ ผู้จัดเองก็อยกฟัง ในช่วงนี้ที่บงทีเรมีเรื่อง 

ที่ต้องคิดเยอะแยะหรือมันมีกระแสของกรสร้งสรรค์สถปัตยกรรม 

ในรูปแบบที่กว้งมกขึ้น บงทีถ้เรกลับไปดูจุดยืนของเรโดยดูถึง 

คติควมเชื่อที่ทำให้มันเกิดสิ่งเหล่นี้ขึ้นแล้วเกิดควมเข้ใจ เรอจจะ 

เอสิ่งนั้นมเป็นควมรู้ในกรสร้งสรรค์ได้โดยที่ไม่ต้องยึดติดกับกร 

ลอกเลียนเฉพะรูปทรงภยนอกค่ะ 

สรัู้้มจไ้รยนอไรกัน้ 

จริง แล้วผู้พูดในงนนี้อจจะไม่ใช่สถปนิกทั้งหมด เพระฉะนั้น 

แล้วพรีเนเทชั่นของเขก็อจจะไม่โดดเด่นเตะต แต่ว่นน ทีเร 

ก็ต้องกรอหรแบบนี้ จริง แล้วคนที่น่ไปฟังมกคือสถปนิกมกกว่ 

เพระว่สถปนิกก็จะได้ควมรู้ หรือพูดง่ย ว่ได้ของที่เอไปใช้ใน 

กรประกอบวิชชีพได้ อจจะต้องเอไปย่อยหน่อย 

รรมย รัร 

รารรารารา 

 

 

WHAT IS THE MAIN OBJECTIVE OF ORGANIZING THE ARCASIA 

DESIGN ANALYSIS FORUM? 

ARCASIA started through the incorporation of Architect Associations 

or the Architectural Profession Associations of various countries; 

hence the main focus is on the architectural profession. In professional 

terms, there are many regulations, including education. Thus, every 

two years the organization holds an academic forum as an academic 

conference. 

COULD YOU PLEASE PROVIDE US WITH MORE DETAILS REGARDING 

THE ARCASIA DESIGN ANALYSIS FORUM, WHICH TOPIC IS THE 

MOST INTERESTING? 

Altogether, there are eight journal papers; for example, a paper 

from Malaysia describes the use of equipment and structures to 

test landslides. As Malaysia very often faces this problem, they are 

seeking technology or structural techniques that can solve this. Another 

most interesting session has M.R. Chakrarot Chitrabongs as a keynote 

speaker. He is very knowledgeable, although not many may be aware 

that he studied architecture at the University of Cambridge. So, he 

has an architectural background and is an architect who works in 

cultural areas. He will talk about objects of various scales and Thai 

creativity in terms of making various shapes of objects starting from 

the alphabet. I myself plan to attend his session. Nowadays, there 

are many things to think about and there are creative architectural 

trends in more extensive scopes. We may need to revisit our underlying 

viewpoint (roots) by looking at our understanding of what made 

things to happen as they did. We may be able to use this knowledge 

for our own creation without mimicking only the external form. 

HOW WILL THE AUDIENCE BENEFIT FROM ATTENDING THE 

EVENT? 

Actually, not all of the guest speakers in this event are architects. And 

while their presentations may not be so striking, we really need this 

kind of food source from time to time. I recommend architects to 

attend because they will gain knowledge that will be of use to their 

profession, but it may be necessary to chew it over a little bit. 



CHATPONG 

CHUENRUDEEMOL 

ARCASIA DESIGN RESEARCH 

LECTURE CONVENER 

ัร นม 

รารรารารา 

 

 

อยก้ัร่ยูจรส 

ักนกรจั 

อันนี้เหมือนเป็นกิจกรรมใหม่ที่จัดขึ้นม เพระว่ 

อย่งแรกจะต้องตั้งคำถมว่รีเสิร์ชคืออะไร แล้วรีเสิร์ช 

ในที่นี้ดีไเนอร์สมรถนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้ไหม 

เพระที่ผ่นมเวล call for paper ผมไม่รู้ว่หัวข้อที่ 

มีควมเฉพะมกนั้นถูกนำไปใช้อย่งมีประโยชน์หรือ 

เปล่ อย่งเช่นมันมีเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่งโลกของ 

วิชกร กับโลกของ professional ึ่งหัวข้อนี้เป็นกร 

หมุมมองของกรรีเสิร์ชที่เป็นประโยชน์กับคนฟังและ 

สมรถจับต้องได้ สองคือกรจัดงน ARCASA ครั้ง 

นี้มีธีมที่ต้องกรให้ youn eneration เข้มเกี่ยวข้อง 

มกขึ้น เรก็ต้องเหมือนกับ rerandin รีเสิร์ชใหม่ 

ด้วย แล้วถ้อยกจะให้คนเข้มดู มันต้องเลือกบุคคล 

ที่น่สนใจมพูด ผมว่รีเสิร์ชสำคั ไม่ใช่เป็นอะไรที่ 

วิชกรที่พอจบจกกรเรียนแล้วไม่มีใครใช้ สิ่งที่รีเสิร์ช 

ม มันทำให้เรเริ่มต้นที่จะลองคัดเลือกดูว่มีออฟฟศ 

ที่ไม่ใช่แค่ทำงนดีอย่งเดียว แต่ว่มีพื้นฐนที่เริ่มม 

จก research and desin ึ่ี่งผมมองว่มันมีบทบท 

ในกรพันงนของออฟฟศให้ดีขึ้น ส่งผลถึงภพรวม 

ของบ้นเมืองให้ดีขึ้น กรจัดงนนี้ถือเป็นกรให้โอกส 

ทุกคนที่มฟังได้เข้ถึงกรรีเสิร์ชได้ง่ยขึ้นและในขณะ 

เดียวกันทำให้ตัวดีไเนอร์เองได้มีเวลรีเสิร์ชสิ่งที่ตัวเอง 

ใช้ครับ 

รยอยภยนนอ 

มมน่สนจอไร้ 

ั้อไนน่สนจนิ 

มันน่สนใจทุกหัวข้อ เพระว่เรพยยมที่จะเลือก 

ออฟฟศที่ทำงนดีและลงลึกกับรยละเอียดต่ง และ 

ก็มีควมหลกหลย ึ่งมีทั้งหมด ออฟฟศ แต่เร 

คัดเลือกให้มีจกประเทศไทยด้วย เพระเรเป็นเจ้ภพ 

ของทงเอเชีย ออฟฟศของไทยมี 2 แห่ง และอีก 4 

ออฟฟศเป็นของต่งชติครับ อย่งเช่น Mitul Desai 

จก Studio Mumai Architects ไม่ผิดหวังแน่นอนที่ 

เขมพูด เพระว่เขเป็นคนที่มีมุมมองที่ดีและงน- 

รีเสิร์ชยังมีควมน่สนใจมก เขเป็นคนจัด exhiition 

ต่ง ของ Studio Mumai Architects ครับ แล้วก็มี 

Neri & Hu Desin and Research fce ึ่งชนะรงวัล 

commercial proect ค่อนข้งเยอะ แต่งนของเขเท่ที่ 

ผมดูมมันลึกึ้งมก และดูออกว่งนของเขไม่ใช่ 

commercial อย่งเดียว มันมีกรตั้งคำถมเกี่ยวกับ 

ควมเป็น international Chinese ด้วยนะครับ นอกจกนี้ 

ยังมี Shino MasudaKatsuhisa tsuo Architects 

เป็นสถปนิกรุ่นใหม่ในประเทศี่ปุน ผมว่เก่งมกได้ 

ชนะรงวัล AR merin Architecture aards ม 

รงวัลแล้ว ึ่งงนของเขมีควมน่สนใจในเชิง 

วันธรรมของประเทศี่ปุน อีกอย่งปัจจัยที่เรคัดเลือก 

มก็ต้องเป็นคนที่เรรู้สึกว่เข้กับธีมปีนี้ด้วยคือ The 

Future of the Past ที่จัดงนที่อยุธย เรก็เลยตั้งธีม 

ขึ้นมว่ อนคตของกรดูแลโบรณสถนมันเป็นอย่งไร 

ึ่งเรอยกจะให้แง่มุมมันกว้ง เรไม่ได้อยกเสนอว่ 

กรจัดกรกับโบรณสถนจะจบอยู่แค่กรอนุรักษ์สิ่งที่ 

มีอยู่เท่นั้น มันต้องมีมุมมองที่หลกหลย เพระว่ 

กรดูแลโบรณสถนนั้นไม่ใช่แค่ตึกอย่งเดียว มีทั้ง 

เมืองพ่วงมด้วย ทำให้เมืองดัดแปลงไปเพื่อจะรองรับ 

โบรณสถน มันับ้อนมกใช่ไหมครับ เพระฉะนั้น 

มันเกี่ยวกับควมเชื่อมโยงทั้งอนคต ปัจจุบัน กับอดีต 

และสุดท้ยเป็นออฟฟศเล็ก ชื่อ Lekker Architects 

เป็นสมีภรรยที่งนดีมก อจจะไม่โด่งดังมก แต่ 

แน่นเรื่องรีเสิร์ชมกครับ 

ส่วนผู้ที่รับเชิขึ้นมพูดจกประเทศไทยทั้งสอง 

ผมว่มีกลิ่นอยของประวัติศสตร์และเรื่องรวของ 

ควมเป็นไทยอยู่ และมีมุมมองที่น่สนใจคือ อจรย์ 

บุเสริม เปรมธด ที่พวกเรก็รู้ว่ท่นไม่ธรรมด 

ผลงนของท่นมีควมเกี่ยวเนื่องกับวันธรรม เกี่ยวกับ 

อิฐ เกี่ยวกับกรชุบชีวิตเรื่องรวของอิฐขึ้นมใหม่ ส่วน 

Studiomake มักจะสร้งอะไรที่จับต้องได้ ที่ไม่ได้เป็น 

งนฉบฉวย แต่ต้องผลิต ต้องทำด้วยมือขึ้นม ึ่งผมว่ 

ควมที่มันจับต้องได้ ในเรื่องของกระบวนกรทำ และ 

กรลงลึกถึงรยละเอียดอย่งลึกึ้งได้นั้นน่สนใจครับ 


COULD YOU PLEASE TALK ABOUT THE PURPOSE OF 

THE DESIGN RESEARCH SERIES? 

This is a new activity that has been set up and the 

first question to be asked is about research, whether 

or not the designers can actually use it to their benefit. 

In the past, for example with the ‘Call for Paper’ project, 

I am not sure if this specific topic was actually used or 

not, as there may be a clear dividing line differentiating 

the academic world from the professional world. The 

topic is trying to discover a side to research that will 

benefit the listeners and allow for them to be able to 

understand the key points. Secondly, the organization 

of ‘Arcasia‘ wants for the younger generation to be 

more involved - we basically had to rebrand research 

itself. 

We wanted for many people to attend and in order 

to achieve this we had to bring in interesting personalities 

as speakers, to be able to attract an audience.I feel that 

research is very important and not only for academics 

who have completed their education. We also started 

to select offices that not only started projects from, 

but also had a foundation initiated within, research and 

design. I see that research plays a role that develops and 

improves the work in these offices - thereby improving 

the overall picture of the country as well. 

The organization of this event is therefore an 

opportunity for everyone to come and listen under 

the topic of research while, at the same time, it also 

allows time for the designers themselves to research 

what they are using. 

WHAT ARE SOME SPECIFIC TOPICS OF INTEREST 

WITHIN THE DESIGN RESEARCH SERIES? 

All the topics are interesting, because we have 

tried to select offices that have worked well and 

those that have paid attention to details that are then 

differentiated in their works. We have selected six 

offices, some of which are from Thailand too, as we 

are the hosts from the Asian Region. Two offices are 

from Thailand and the other four are from overseas, 

such as Studio Mumbai Architects. One research 

collaborator who is also a speaker is Withooderson, a 

very intelligent person who you won’t be disappointed 

with because he has a good perspective and his 

research is also very interesting. He has organized 

various exhibitions of Studio Mumbai Architects’ 

works. There is also Neri and Hu Design and Research 

Office who have won quite a lot of commercial project 

awards. From what I have noticed, their works are 

very deep and it can clearly be seen that they are not 

only commercial. There are questions that have arisen 

concerning them being International and Chinese as 

well, and they do have positive attributes, hence were 

invited. Other than this, Shingo Masuda+Katsuhisa 

Otsubo Architects were also invited, they are modern 

architects from Japan. I feel that they are really very 

clever, as they have won three of the AR Emerging 

Architecture awards. Hence, their works are very 

interesting and culturally reflective of Japan. 

Another factor we looked at when selecting 

participants was that they would have to fit in with 

the theme, ‘The Future of the Past’ in consideration 

of the event in Ayutthaya. We therefore set up a team 

reflective of those who had looked after historic sites, 

but we did not want to limit it to just this. There should 

be a wider perspective taken, as the conservation of 

historical sites not only encompasses taking care of 

buildings but also taking care of the adjoining city as 

well, adapting the city to be able to support the historic 

site. It was rather complicated and related to being 

able to link the future to the present and the present 

to the past. The last office was Lekker Architects, a 

small studio of a husband and wife team who produce 

outstanding works. They are not that famous but have 

a firm research base. 

As for the two speakers who have been invited 

from Thailand, I feel that they have a hint of history and 

Thai-ness about them and yet they have an interesting 

perspective as well. The first is Professor Boonserm 

Premtada, whom we all know is no ordinary person; 

his works have been linked to the restoration of the 

usage of bricks. Second is Studiomake, whose works 

are related to things that are tangible and works that 

are not perfunctory but require being produced by 

hand. I feel that because they are tangible works, their 

processes and the attention paid to details offer an 

extremely interesting viewpoint. Overall, this is why 

I have selected these six participants, because they 

have these appropriate qualities for the team. 



TEXT 

Jaksin Noyraiphoom 

PHOTOS 


DESIGN RESEARCH 

LECTURE SERIES 2015 



ภยในงน ARCASA 201 ึ่งจัดขึ้นระหว่งวันที่ 

10-1 พศจิกยน 28 นั้น ล้วนเต็มไปด้วยกิจกรรม 

ต่ง ที่หลกหลย ทั้งกรมอบรงวัล กรประชุม- 

สัมมน และบรรยยพิเศษต่ง ึ่งกิจกรรมที่มีควม 

น่สนใจที่สุดกิจกรรมหนึ่งคือ งน ARCASA Desin 

Research Lecture Series 201 ึ่งจัดขึ้นในวันอทิตย์ที่ 

1 พศจิกยน 28 โดยเนื้อหหลักของงนนี้คือ 

กรให้สถปนิกที่มีผลงนออกแบบอันโดดเด่นม 

บรรยยเกี่ยวกับผลงนจกกรค้นคว้และวิจัยของตน 

โดยตัวแทนที่ได้รับคัดเลือกให้มบรรยยในครั้งนี้นั้น 

เป็นสถปนิกรุ่นกลงจนถึงรุ่นใหม่จกทวีปเอเชีย 

Mitul Desai จก Studio Mumai บริษัทสถปนิก 

จกประเทศอินเดีย คือวิทยกรคนแรกที่ขึ้นบรรยย 

ในงนนี้ โดยมพร้อมกับหัวข้อ Demolition’ ึ่งว่ด้วย 

กร รื้อถอน’ สถปัตยกรรมที่ในปัจจุบันได้เกิดขึ้น 

มกมยในประเทศอินเดีย ในมุมมองของผู้บรรยย 

กระบวนกรรื้อถอนนั้นมิใช่เพียงแค่กรทำลยอคร 

หกแต่ยังแฝงไว้ด้วยคุณค่ทั้งทงด้นวันธรรมและ 

ค่นิยมของยุคสมัย Desai ได้นำผู้ชมไปพบกับกรรื้อ- 

ถอนอครรูปแบบต่ง ที่เขได้ตระเวนศึกษจก 

หลยท้องที่ในประเทศอินเดีย ึ่งส่วนให่ยังคงพึ่งพ 

ทักษะและแรงงนจกคนเป็นหลัก โดยใช้เครื่องจักร 

น้อยมก ทำให้งนรื้อถอนอครของประเทศอินเดีย 

คล้ยกับงนฝีมือมกกว่งนอุตสหกรรม จกนั้น 

ผู้บรรยยจึงนำเสนอผลงนออกแบบชิ้นต่ง ที่ได้แรง- 

บันดลใจจกกรรื้อถอนอคร ึ่งมีทั้งเฟอร์นิเจอร์ 

ต่ง ที่นำสีสัน รวมทั้งองค์ประกอบที่หยิบยืมมจก 

กรรื้อถอนอคร มแปลงสู่ผลงนออกแบบชิ้นใหม่ที่ 

เชื่อมโยงบริบทของควมเป็นอินเดียให้เข้กับวิถีชีวิต 

สมัยใหม่ได้ย่งน่สนใจ 

ต่อมเป็นกรบรรยยของ n Ker-Shin และ 

Joshua Comaroff จก Lekker Architects บริษัท 

สถปนิกและภูมิสถปนิก ตัวแทนจกประเทศสิงคโปร์ 

โดยทั้งคู่ได้บรรยยในหัวข้อ Unnatural coloies’ ึ่ง 

เกี่ยวกับระบบนิเวศที่มนุษย์เป็นผู้สร้งขึ้น โดยทั้ง Shin 

และ Comaroff ได้ปูพื้นผู้ฟังเกี่ยวกับระบบนิเวศภยใน 

ประเทศสิงคโปร์ ึ่งเต็มไปด้วยระบบนิเวศที่เกิดขึ้นจก 

ฝีมือมนุษย์ โดยยกตัวอย่งผลงนออกแบบชิ้นสำคั 

ที่มีชื่อเสียงต่ง เช่น โครงกร Gardens y the Bay 

และชี้ให้เห็นถึงอิทธิพลของระบบนิเวศชนิดนี้ ที่มีต่อ 

ประเทศสิงคโปร์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน และหลังจกปู 

พื้นผู้ฟังแล้ว ผู้บรรยยทั้งสองได้นำเสนอตัวอย่งผลงน 

ออกแบบของพวกเข ึ่งจำลองมจกระบบนิเวศธรรมชติ 

ไม่ว่จะเป็นผลงน nstallation Art ที่นำฟองนำ้มปัก 

หมุดยึดไว้กับดิน เพื่อจำลองกรทำหน้ที่ของพืชในกร 

ดูดึมนำ้หรือกรออกแบบอุปกรณ์ขนดเล็ก ติดตั้งที่ 

ดอกไม้ที่ทำหน้ที่ช่วยให้นกพื้นถิ่นสมรถแพร่พันธ์ุ 

ดอกไม้นั้น ได้สะดวกยิ่งขึ้น เป็นต้น 

The previous edition of ARCASIA 2015, held from 

the 10 th -16 th of November, featured a number of events 

including an awards ceremony, conference, seminars 

and various special lectures. Furthermore, the ARCASIA 

Design Research Lecture Series 2015 conducted on 

the 15 th of November 2015 was one of ARCASIA’s 

most interesting events. During the event, lectures by 

many architects, including both new faces to the scene 

and well-known architects working in Asia, were included 

in order to present a significant representation of 

projects and unique research unfolding within the 

discipline to the public. 

Mitul Desai of Studio Mumbai, an architecture 

studio from India, was the first speaker who presented 

under the theme of ‘demolition’ and addressed the 

issue of demolition architecture that is frequently 

occurring in India nowadays. From the speaker’s perspective, 

the process includes something more than 

simply the act of demolition, as it also depicts some 

cultural and social values. Desai introduced many 

demolition methods that he studied at various sites 

in India, almost all of which were achieved through 

vernacular processes rather than mechanical, making 

the demolition industry in India to seem something 

like craftwork. In addition, the speaker presented his 

works and various projects drawing inspiration from 

‘demolition,’ as well as some works of furniture that 

draw their color tones and design elements from the 

demolition process, aiming to generate new forms of 

work that harmonize India’s household scenes with 

the current lifestyle. 

The second speakers were Ong Ker-Shing and 

Joshua Comaroff from Lekker Architects, an architecture 

and landscape design firm from Singapore, who 

gave a talk under the topic of ‘Unnatural Ecologies’ 

in reference to man-made ecologies. Both speakers 

started their lectures by providing basic information 

about Singapore’s environment, which is almost completely 

man-made, through reference to many famous 

projects such as the Gardens by the Bay and the influence 

that man-made ecologies have had on Singapore in 

both the past and current times. The speakers then 

introduced their own projects and works that draw 

inspiration from the natural environment, ranging from 

installation art and the simulation of absorption to the 

design of small decorative items such as flower trays 

that allow for local birds to interact with pollen easily. 

The third and last speaker for the morning session 

was David Schaefer of Studiomake, a design studio 

from Thailand, who presented under the topic of 

‘Digital Fabrication.’ Schaefer’s perspective considers 

architecture as a kind of craftwork, and he drew upon 

Studiomake’s projects to support the concept through 

demonstration of the influence of craftsmanship 

within each project. Schaefer further discussed the 

importance of craftsmanship during digital fabrication 

processes and described that, while these kinds of 

digital innovations increase and develop rapidly, one 

must still maintain techniques crafted by hand. In 

addition to the idea of craftsmanship, Schaefer also 

introduced a number of product designs that were 



วิทยกรคนที่สมึ่งเป็นคนสุดท้ยของครึ่งเช้ 

ได้แก่ David Schaefer จก Studiomake สำนักงน 

ออกแบบจกประเทศไทย ึ่งมพร้อมกับหัวข้อบรรยย 

Diital Farication’ โดย Schaefer ได้แสดงทรรศนะ 

ว่ ในควมคิดของเขนั้น สถปัตยกรรมคืองนฝีมือ 

ชิ้นหนึ่ง เขจึงได้นำผลงนออกแบบชิ้นต่ง ของ 

Studiomake มนำเสนอ พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงอิทธิพล 

ของงนฝีมือที่แทรกตัวอยู่ในทุกชิ้นงน จกนั้นจึงได้ 

กล่วถึงควมสำคัของกรใช้มือเอไว้ว่ แม้ทุกวันนี้ 

เทคโนโลยีดิจิตอลจะพันไปมกเท่ไร แต่อย่งไรก็ 

ยังต้องพึ่งพกรใช้มือ ึ่งแสดงให้เห็นว่ มือนั้นมีควม 

สำคัเพียงใด จกนั้นเขได้นำเสนอผลงนออกแบบ 

ผลิตภัณ์ต่ง ที่ได้จกกรคิดค้นร่วมกันของทีมงน 

โดยผลงนเหล่นี้ล้วนเป็นผลงนที่ผลิตขึ้นจกมือเป็น 

ส่วนให่ ที่ผลิตขึ้นจกวัสดุต่ง ที่หลกหลย ทั้งไม้ 

โลหะ พลสติก รวมทั้งเรมิค ที่ทั้งหมดถือเป็นกร 

ผสมผสนร่วมกันระหว่งกรใช้มือึ่งเป็นเทคโนโลยี 

ดั้งเดิม กับกรใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่งลงตัว 

เริ่มต้นครึ่งบ่ยด้วยสองวิทยกร Lyndon Neri 

และ Rossana Hu จกสำนักงน Neri&Hu Desin 

and Research fce ตัวแทนจกประเทศจีน โดยทั้ง 

สองมพร้อมกับหัวข้อ Reective Nostalia’ ที่มี 

เนื้อหเกี่ยวกับกรรำลึกถึงบรรยกศดั้งเดิมของสถปัตย- 

กรรมและที่อยู่อศัยในประเทศจีน ที่นับวันยิ่งจะเลือน 

หยไปจกกรเข้มของสถปัตยกรรมสมัยใหม่ ทั้งคู่ 

ได้นำเสนอกระบวนกรศึกษสถปัตยกรรมดั้งเดิมของ 

ประเทศจีนจกหลย ชุมชนและหลยสถนที่ จกนั้น 

จึงได้นำเสนอควมพยยมที่จะจำลองบรรยกศเหล่นั้น 

มสู่ยุคปัจจุบัน ึ่งผลของควมพยยมนี้ได้สะท้อนอยู่ 

ในองค์ประกอบต่ง ของงนสถปัตยกรรมที่เขทั้งคู่ 

เป็นผู้ออกแบบ ึ่งเป็นสถปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่ยังคงมี 

ควมเชื่อมโยงกับรกเหง้ดั้งเดิม ถือเป็นกรนำบรรยกศ 

ที่กำลังจะหยไปให้มอยู่ในตัวตนใหม่ที่สอดคล้องกับวิถี 

ชีวิตของชวจีนยุคใหม่ 

02 

01 รราาารสารว 

ว 

02า 

รอ 

ารรราวอ 

 

03 

า 

รสร 

รราวอ 

 

04-05า 

รา 

รอารรราวอ 

 

06 

า 

 

03 


04 

05 

06 

the results of collaboration within the Studiomake 

team. These product designs featured the inclusion 

of various materials such as wood, metal, plastic and 

ceramic fabricated through the combination of both 

hand and machine processes. 

The following session welcomed a lecture by 

Lyndon Neri and Rossana Hu of Neri&Hu Design and 

Research Office in China who came up with the topic 

of ‘Reflective Nostalgia’ regarding the nostalgia for the 

prior atmosphere of the residential architecture scene 

in China that seems to have faded away during the 

current modern architecture era. The duo presented 

studies of traditional Chinese architecture in various 

communities and sites and also presented a simulation 

of the past atmosphere within the current environment. 

This attempt (to bring the past into the present) is 

represented through each element within their work - 

modern forms that remain related to prior ideas and 

accomplish an act of preservation while maintaining 

and adapting traditional Chinese architecture amid the 

storm of change. 

Shingo Masuda from Shingo Masuda + Katsuhisa 

Otsubo Architects of Japan was the next speaker who 

spoke under the title of ‘Unfolding Elements’ through 

the presentation of research conducted in collaboration 

with Katsuhisa Otsubo. During the lecture, 

Masuda introduced various elements of Japanese 

architecture through analysis of many shrines located 

throughout Japan. Masuda presented the core elements 

of the Japanese shrine under three concepts 

- 1) building, 2) large stones and 3) ropes between 

each stone, which he considered to be the core components 

of the designs, reconstructing these features 

into the works in order to create contemporary forms 

of architecture related to the cultural context that can 

be easily distinguished from western models. 



07 

า 

า 

รอวอ 

 

08อสรราาา 

 

ราวอ 

 

09-10า 

 

ร 

ารรราวอ 

 

07 

Shino Masuda จก Shino MasudaKatsuhisa 

tsuo Architects ตัวแทนจกประเทศี่ปุน คือ 

วิทยกรคนถัดมที่ได้บรรยยในหัวข้อ Unfoldin 

lements’ ึ่งเขได้ศึกษร่วมกับ Katsuhisa tsuo 

ผู้บรรยยได้ชักนำผู้ฟังให้เข้ไปรู้จักกับสถปัตยกรรม 

ี่ปุน ึ่งในที่นี้เขได้ยกตัวอย่งศลเจ้ี่ปุน ที่เขได้ 

ตระเวนศึกษจกหลยสถนที่ในประเทศี่ปุน Masuda 

นั้นได้สรุปองค์ประกอบที่เป็นสัลักษณ์ของศลเจ้แบบ 

ี่ปุนเอไว้ ประกรอันได้แก่ 1 ตัวศลเจ้ 2 ก้อน 

หินให่ และ เชือกที่ผูกโยงระหว่งก้อนหิน ึ่งเข 

ได้นำเอองค์ประกอบเหล่นี้ มสะท้อนในผลงน 

สถปัตยกรรมหลยชิ้นที่เขเป็นผู้ออกแบบ เกิดเป็น 

สถปัตยกรรมี่ปุนร่วมสมัย ที่มีควมเชื่อมโยงกับบริบท 

ทงวันธรรมและธรรมชติเข้ไว้ด้วยกัน เป็นงน 

สถปัตยกรรมสมัยใหม่ที่มีรูปแบบเฉพะตัว แตกต่ง 

จกสถปัตยกรรมโมเดิร์นแบบตะวันตก 

วิทยกรคนสุดท้ยของงนนี้ ได้แก่ อบุเสริม 

เปรมธด จก Bankok Proect Studio อีกหนึ่งตัวแทน 

สถปนิกจกประเทศไทย ที่มในหัวข้อ Sound Bricks’ 

ึ่งเกิดขึ้นมจกควมสนใจศึกษเกี่ยวกับ เสียง’ ใน 

งนสถปัตยกรรม ึ่งเป็นสิ่งที่น้อยคนจะสนใจศึกษ 

เพระเป็นสิ่งที่เป็นนมธรรม ไม่สมรถมองเห็นหรือ 

จับต้องได้แบบเดียวกับควมสวยงมของรูปร่งและ 

รูปทรงภยนอก โดย อบุเสริม ได้พผู้ฟังไปสัมผัส 

กับประสบกรณ์ของเสียงที่มีต่อสถปัตยกรรม โดย 

ยกตัวอย่งเสียงที่เกิดขึ้นในสถปัตยกรรมึ่งทำด้วยอิฐ 

จกหลยแห่งในประเทศไทย ทั้งสถบันกันตน วัดศรีชุม 

และโรงเผอิฐ เป็นต้น อบุเสริม ได้ทำกรทดลองถึง 

กรเกิดปรกกรณ์เสียงรูปแบบต่ง ในสถปัตยกรรม 

แต่ละชิ้น ก่อนที่จะนำมพันสู่ผลงนเชิงทดลองชิ้น 

ต่ง ที่สมรถพันต่อยอดมสู่ผลงนออกแบบจริง 

ได้ ึ่งเป็นเสมือนรูปธรรมที่ได้จกกรศึกษสิ่งที่เป็น 

นมธรรมอย่งเสียง 


09 

10 

The final speaker, Thai architect and professor 

Boonserm Premthada of Bangkok Project Studio, 

presented under the topic of ‘Sound Bricks,’ inspired 

by an interest in the role that ‘sound’ plays in architectural 

practice – a kind of unheeded, intangible detail. 

Professor Boonserm provided listeners with various 

sound experiences that are generated by works of 

architecture themselves through many case studies 

such as the Kantana Institute Wat Sri Chum. Professor 

Boonserm has experimented with the procreation of 

sounds in architecture and developed a prototype that 

can be further developed into a whole new practice of 

architecture - the transformation of abstract ideas into 

concrete objects. 

จักรสิน น้อยไร่ภูมิ 


รราสราวา 

ารอาาร 

ราสารร 

าสรารออ 


รสราาา 

วารสา 

อสร 

08 



ASA 

FORUM 


TEXT 

ASA Forum 2016 Team 

PHOTOS 

Courtesy of Architects 

Except as Noted 

าสารรารสาวาาราสา 

าาารอรรสาาออ 

าวาอสาสาสาสาสษา 

สอาสรรวอา 

สารราาาสาาอร 

ราาาสาสาสารรา 

สาาาอ 

า 

ารส 

íí 

าสสาาาวร 

าราาาสาออาาวา 

าาสารรอสอวอรา 

ารออา 

THE INTERNATIONAL FORUM BY RENOWNED ARCHITECTURAL 

PRACTITIONERS, KNOWN AS ASA FORUM, IS A MUCH-AWAITED 

ACTIVITY THAT HAS BEEN FEATURED IN THAILAND'S ARCHITECT'S 

EXPO FOR OVER TWENTY YEARS. THE FORUM AIMS TO PROVIDE 

A LEARNING PLATFORM FOR ASA MEMBERS, ARCHITECTURE 

STUDENTS AND PUBLIC AUDIENCE TO UPDATE AND EXCHANGE 

ARCHITECTURAL PERSPECTIVES WITH INVITED SPEAKERS WHOSE 

DISTINGUISHED WORKS AND DESIGN IDEAS ARE WIDELY RECOG- 

NIZED. THIS YEAR THE ASSOCIATION OF SIAMESE ARCHITECTS 

UNDER ROYAL PATRONAGE (ASA) IS HONORED TO PRESENT THREE 

GROUPS OF ARCHITECTS WHO PRACTICE AS A DUO: SANAA (KAZUYO 

SEJIMA & RYUE NISHIZAWA) FROM JAPAN, LACATON & VASSAL 

ARCHITECTES (ANNE LACATON & JEAN-PHILIPPE VASSAL) FROM 

FRANCE, AND LANGARITA-NAVARRO ARQUITECTOS (MARÍA 

LANGARITA AND VÍCTOR NAVARRO) FROM SPAIN. THE INTERESTING 

DIVERSITY OF BACKGROUNDS, PROJECT TYPES, IDEAS AND CONTEXTS 

ON WHICH EACH DUO HAS BEEN WORKING CONTRIBUTES TO THE 

VARIETY WITHIN THE WORLD OF ARCHITECTURE THAT SOMEHOW 

ALSO REFLECTS THE INEVITABLE DYNAMICS OF THE WORLD WE SHARE. 

SANAA 

KAZUYO SEJIMA AND 

RYUE NISHIZAWA 

98 ASA ASA FORUM วารสารอาษา

© Iwan Baan 

SANAA (Sejima and Nishizawa and Associates) 

เป็นสำนักงนสถปนิกในโตเกียวที่ก่อตั้งในปี 199 โดย 

Kazuyo Seima และ Ryue Nishizaa 2 สถปนิก 

ชวี่ปุนผู้ได้รับรงวัล Pritzker Architecture Prize 

ในปี 2010 ผลงนสถปัตยกรรมของ SANAA ที่เร 

คุ้นเคยมักจะอยู่ในรูปแบบที่ดูเรียบง่ยแต่มีพลังและ 

ต้องกรตั้งคำถมกับประเด็นหรือแง่มุมบงอย่งของ 

สถปัตยกรรมร่วมสมัย ควมสงสัยและกรทดลองห 

แนวทงใหม่ จึงนำมสู่กรออกแบบที่ว่ง รูปทรง 

องค์ประกอบ และวัสดุที่แสดงออกอย่งแตกต่ง ควม 

เฉพะตัวในกรออกแบบนี้ส่งผลให้ผลงนของ SANAA 

ได้รับรงวัลจำนวนมก ตัวอย่งผลงนเด่นของ SANAA 

ได้แก่ Christian Dior Buildin ใน Tokyo, Toledo Museum 

of Arts Glass Pavilion ใน Toledo, the 21 st Century 

Museum of Contemporary Art ใน Kanazaa, the 

Ne Museum of Contemporary Art ใน Ne ork, 

the 2009 Serpentine Pavilion ใน London และ Rolex 

Learnin Center, cole Polytechnique Fdrale de 

Lausanne และ the Louvre Lens ในประเทศฝรั่งเศส 

นอกเหนือจกกรร่วมงนกันในนมของ SANAA ทั้ง 

Seima และ Nishizaa ต่งก็เปดสตูดิโอส่วนตัวที่ทำ 

กรค้นคว้แนวทงกรออกแบบตมควมสนใจของตน 

ควบคู่กันไป ผลงนส่วนตัวที่มีชื่อเสียงของ Seima ได้แก่ 

House in a Plum Grove และ nuima Art House proect 

และตัวอย่งผลงนส่วนตัวของ Nishizaa ได้แก่ eekend 

house, Moriyama House, Teshima Art Museum และ 

Garden and House 

GRACE 

FARMS 


ASA FORUM ASA 99

SANAA is a Tokyo-based architectural and design 

practice founded in 1995 by Kazuyo Sejima and Ryue 

Nishizawa, the 2010 recipients of the Pritzker Architecture 

Prize, the highest honor in architecture. SANAA's 

works often appear in simplistic yet intriguing form 

that addresses issues in contemporary architecture. 

Their architecture often strives to generate different 

design approaches based on doubts and experiments 

on space, form, elements and materials. SANAA’s 

well-known works include the Christian Dior Building in 

Omotesando, Toledo Museum of Art's Glass Pavilion in 

Toledo, Ohio, the 21st Century Museum of Contemporary 

Art in Kanazawa, the New Museum of Contemporary 

Art in New York, the 2009 Serpentine Pavilion in 

London, Rolex Learning Center, École Polytechnique 

Fédérale de Lausanne, and the Louvre Lens in France. 

SANAA has been awarded the Golden Lion for the 

most significant work in the exhibition Metamorph in 

the 2004 Venice Biennale, the 46th Mainichi Shinbun 

Arts Award (Architecture Category) in 2005, and the 

Schock Prize in the Visual Arts in 2005. In addition to 

their collaborations as SANAA, Sejima and Nishizawa 

also explore groundbreaking design solutions through 

their individual practices, especially in housing designs. 

Kazuyo Sejima began working as an architect at Toyo 

Ito's office and later established her own studio Kazuyo 

Sejima & Associates in 1987. Her own works include 

House in a Plum Grove and Inujima Art House project. 

Ryue Nishizawa founded his own practice Office of 

Ryue Nishizawa in 1997, in which significant works 

include Weekend house, Moriyama House, Teshima 

Art Museum, and Garden and House. 


LANGARITA-NAVARRO ARQUITECTOS 

MARÍA LANGARITA AND VÍCTOR NAVARRO 

Lanarita-Navarro Arquitectos เป็นสตูดิโอออกแบบ 

ที่เป็นกรร่วมงนกันระหว่ง Mara Lanarita และ 

Vctor Navarro สถปนิกรุ่นใหม่ชวสเปน สำนักงน 

มีหลักกรทำงนออกแบบที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม 

ประสิทธิภพ และจินตนกร โดยกรเชื่อมโจทย์ควม 

ต้องกรกับควมรู้ ทรัพยกร เทคโนโลยี ควมคดหวัง 

และประสบกรณ์ กรปิบัติงนของสตูดิโอในช่วงรอย- 

ต่อและกรเปลี่ยนถ่ยของสภพเศรษฐกิจและสังคม 

ของยุโรปตอนใต้ในปัจจุบันมีผลให้ผลงนกรออกแบบ 

สะท้อนภวะควมไม่แน่นอน หรือควมเร่งด่วนของ 

โครงกร ึ่งผลักดันกรออกแบบให้เล่นกับบริบทของ 

เวล ควมจำกัด กรแทรกแงกับอครหรือสิ่งที่มี 

อยู่เดิม รวมถึงใช้กรสร้งสรรค์จกสถนกรณ์เฉพะ 

ต่ง ตัวอย่งผลงนของ Lanarita-Navarro ได้แก่ 

Red Bull Music Academy และ Mediala-Prado ใน 

Madrid ร้นอหร Lolita และ Baladrar House ใน 

Alicante ประเทศสเปน คู่สถปนิก Mara Lanarita 

และ Vctor Navarro ได้รับ Special Mention of Mies 

van der Rohe Aard ในปี 201 รงวัลอื่น ที่ได้รับ 

ได้แก่ oun Architect of the ear 2014, BAU 

Prize, FAD Prize 2012, ard Aard for merin 

Architecture 2012, AD Heineken Aard to the 

Ne Talents 201 และ CAM Prize 201 นอกจกนี้ 

Lanarita Navarro ยังมีผลงนเผยแพร่ทงนิทรรศกร 

และกรตีพิมพ์ต่ง โดยได้รับเลือกให้จัดแสดงในงน 

Venice Biennale ในปี 2008 และ 2014 ปัจจุบัน 

Lanarita เป็นอจรย์ให้กับ TSA Madrid และ Navarro 

สอนให้กับ Universidad uropea de Madrid และ 

Harvard Graduate School of Desin 

Langarita-Navarro Arquitectos is a young Spanish 

architectural design studio based in Madrid led by a 

collaboration between María Langarita and Víctor 

Navarro since 2005. Powered by innovation, efficiency 

and imagination, the studio aims to connect desires 

and knowledge, resources and technology, expectations 

and experience. As their practice encounters transformations 

and transitions during the serious socioeconomic 

crisis in the Southern Europe, their works 

appear to reflect precarity and urgency of programs 

which have forced the temporal designs, limitations, 

intervention within the existings and innovations out 

of situations in various ways. Examples of Langarita- 

Navarro's works include the Red Bull Music Academy 

in Madrid, Medialab-Prado in Madrid, Lolita Restaurant 

and Baladrar House in Alicante. María Langarita and 

Víctor Navarro have been recognized with the Special 

Mention of Mies van der Rohe Award in 2013. Other 

prizes and awards include Young Architect of the Year 

2014, XII BEAU Prize, FAD Prize 2012, ar+d Award for 

Emerging Architecture 2012, AD Heineken Award to 

the New Talents 2013 or COAM Prize 2013. Among 

exhibitions and publications, they were selected to 

exhibit at the Biennale di Venezia in 2008 and 2014. 

Langarita is also a lecturer at ETSA Madrid, while Navarro 

teaches at Universidad Europea de Madrid and at 

Harvard Graduate School of Design. 

MEDIALAB 

PRADO 


ASA FORUM ASA 101

LACATON & VASSAL ARCHITECTES 

ANNE LACATON AND JEAN-PHILIPPE VASSAL 

FRAC 

DUNKERQUE 


Lacaton & Vassal Architectes เป็นสำนักงนสถปนิก 

ในกรุงปรีส ประเทศฝรั่งเศส ที่ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1987 โดย 

Anne Lacaton กับ Jean-Philippe Vassal และมีผลงน 

ที่หลกหลยโดยเฉพะอครสธรณะ อครพักอศัย 

และงนวงผัง ผลงนของสำนักงนมีจุดเด่นที่หลักกร- 

ออกแบบเพื่อสร้งสถปัตยกรรมที่อ่อนน้อมถ่อมตน แต่ 

กลับแปลกใหม่สร้งสรรค์ภยใต้ข้อจำกัดของทรัพยกร 

และงบประมณเท่ที่มีอยู่ และยังผลักดันให้เกิดพื้นที่ใช้- 

สอยกว้งขวง ควมอุดมสมบูรณ์ของคุณภพชีวิต 

ควมสบย และควมงมในระดับที่สูงกว่มตรฐนทั่วไป 

สถปัตยกรรมเพื่อสังคมของ Lacaton & Vassal เล็งเห็น 

ประโยชน์และเสน่ห์ของสิ่งก่อสร้งหรือพื้นที่ที่ถูกทิ้งร้ง 

แล้วใช้จินตนกรจกสถนกรณ์เฉพะตัวนั้นร่วมกับ 

ควมใส่ใจในผู้ใช้อครและวิธีกรใช้สอยอครเพื่อ 

ต่อยอดให้เกิดควมเปลี่ยนแปลง โดยส่วนหนึ่งได้รับ 

แรงบันดลใจจกประสบกรณ์ในอฟริกของ Vassal 

หลังจกที่เขจบกรศึกษจก Bordeaux ผลงนเด่น 

ของ Lacaton & Vassal ได้แก่ ศูนย์ศิลปะร่วมสมัย FRAC 

ใน Dunkerque โครงกรปรับปรุง Palais de Tokyo ใน 

Paris โรงเรียนสถปัตยกรรมใน Nantes และกรปรับปรุง 

อครที่พักอศัยสธรณะจำนวนมกในประเทศฝรั่งเศส 

Lacaton & Vassal ได้รับรงวัลจกผลงนกรออกแบบ 

หลยครั้ง รวมทั้ง Rolf Schock Prize, Stockholm ในปี 

2014 และ Grand Prix National d’Architecture ประเทศ 

ฝรั่งเศส ในปี 2008 นอกจกนี้ Lacaton ยังเป็นอจรย์ 

พิเศษให้กับหลยสถบัน เช่น University of Madrid และ 

Harvard GSD ส่วน Vassal สอนที่ UDK ใน Berlin ตั้งแต่ 

ปี 2012 และเป็นอจรย์พิเศษให้กับอีกหลยแห่ง 

Lacaton & Vassal Architectes is a Paris-based practice 

founded in 1987 by Anne Lacaton and Jean-Philippe 

Vassal that works on a range of international projects 

from public buildings, housing and urban planning. 

The firm's works are known for its principle to generate 

modest but creative solutions based on limited 

resources and an economy of means, while seeking to 

accommodate generous spaces, living quality, comfort 

and beauty. Inspired by simple structures Vassal experienced 

in Africa after their graduation from the School 

of Architecture of Bordeaux in 1980, Lacaton & Vassal's 

social architecture often embraces overlooked utilities 

and charm of abandoned spaces with imagination 

out of specific situations and attention to its inhabitants 

and uses. Their major projects include the Fonds 

Régional d’Art Contemporain (FRAC) in Dunkerque, 

France, the renovation of Palais de Tokyo in Paris, 

Nantes School of Architecture, and transformations 

of a number of public housing projects in France. The 

office has received many awards, for example the Rolf 

Schock Prize, Stockholm 2014, and Grand Prix National 

d’Architecture, France, 2008. Anne Lacaton has been 

a visiting professor and critic at several institutions 

including the University of Madrid and Harvard GSD. 

Jean-Philippe Vassal has been a professor at the UDK 

in Berlin since 2012, and a visiting professor at TU 

Berlin, EPFL Lausanne and many more. 


ASA 103

CARTOON 

SRV 

104 ASA ASA CARTOON วารสารอาษา

ASA JOURNAL 01-59

Create successful ePaper yourself

Delete template?

Save as template?