ASA Journal 15/2023

A Green Future 

2023.Sep-Oct 

The Architectural Journal of the Association of Siamese Architects under Royal Patronage

The Architectural Journal of the Association of Siamese Architects under Royal Patronage 

2023 

SEP-OCT 

A GREEN 

FUTURE 

The Association 

of Siamese Architects 

under Royal Patronage 

248/1 Soi Soonvijai 4 (Soi 17) 

Rama IX Rd., Bangkapi, 

Huaykwang, Bangkok 10310 

T : +66 2319 6555 

F : +66 2319 6419 

W : asa.or.th 

E : asaisaoffice@gmail.com 

Subscribe to ASA Journal 

T : +662 319 6555 

ASA JOURNAL 

COMMITTEE 

2022-2024 

Advisor 

Chana Sumpalung 

Chairperson of Committee 

Kulthida Songkittipakdee 

Committee 

Assoc. Prof. ML. Piyalada 

Thaveeprungsriporn, Ph.D. 

Asst. Prof. Saithiwa 

Ramasoot, Ph.D. 

Vorapoj Tachaumnueysuk 

Padirmkiat Sukkan 

Prachya Sukkaew 

Namtip Yamali, Ph.D. 

Jenchieh Hung 

Editor-in-Chief 

Mongkon Ponganutree 

Editor 

Supreeya Wungpatcharapon 

Managing Editor 

Kamolthip Kimaree 

Assistant Editor 

Pichapohn Singnimittrakul 

Contributors 

Bhumibhat Promboot 

Jinnawat Borihankijanan 

Kullaphut Senevong Na Ayudhaya 

Nawan Yudhanahas 

Nuttawadee Suttanan 

Pattaranan Takkanon, Ph.D. 

Rangsima Arunthanavut 

Surawit Boonjoo 

Xaroj Phrawong 

Advertising Executives 

Napharat Petchnoi 

Chatchakwan Fagon 

Napisit Woranaipinit 

Special Thanks 

AMA Design Studio 

Arsomsilp Community and 

Environmental Architect 

Ativich Studio 

Beer Singnoi 

Creative Crews 

Design Excellence Award (DEmark) 

DOF SkyIGround 

IF (Integrated Field) 

Jinnawat Borihankijanan 

Green Dwell 

Rungkit Charoenwat 

Travelkanuman 

Sirarath Somsawat 

Studio Locomotive 

W Workspace 

Secretary 

Theerarat Kaeojaikla 

บทความหรือภาพที่ลงใน 

วารสารอาษาหรือสื่ อออนไลน์ 

สมาคมฯ ขอสงวนลิขสิทธิ์ตาม 

กฎหมาย การนำาบทความ 

หรือภาพจากวารสารอาษา 

ไปตีพิมพ์ อ้างอิงหรือประโยชน์ 

ใดในสิ่งพิมพ์หรือสื่ อออนไลน์ 

อื่น ต้องได้รับอนุญาตจาก 

สมาคมฯ ผู้เป็ นเจ้าของลิขสิทธิ์ 

ตามกฎหมายเท่านั้น 

English Translators 

Tanakanya Changchaitum 

Pawit Wongnimmarn 

English Editors 

Daniel Cunningham 

Sheena Sophasawatsakul 

Graphic Design 

art4d WORKS 

Wasawat Dechapirom 

Jitsomanus Kongsang 

Jirawadee Kositbovornchai 

Photographer 

Ketsiree Wongwan 

Production Manager 

Areewan Suwanmanee 

Account Director 

Rungladda Chakputra 

Print 

SUPERPIXEL 

Publisher 

The Association of 

Siamese Architects 

Under Royal Patronage 

Copyright 2023 

No responsibility can be 

accepted for unsolicited 

manuscripts or photographs. 

ISSN 0857-3050 

Contact 

asajournal@asa.or.th 

2023.Sep-Oct 

A Green Future 

Photo: W Workspace

04 

message from the president 

รายนามคณะกรรมการ 

บริหาร สมาคมสถาปนิกสยาม 

ในพระบรมราชููปถัมภ์์ 

ประจำป ี 2565-2567 

นายกสมาคม 

ชนะ สััมพลััง 

อุุปนายก 

นิเวศน์ วะสีีนนท์์ 

จีีรเวช หงสักุุลั 

ไพท์ยา บััญชากิิตติกุุลั 

ชุตยาเวศ สิินธุุพันธุ์์ 

ผศ.ดร.รัฐพงษ์์ อัังกุสัิทธิ์์ 

รุงโรจน ์ อ่่วมแก้้ว 

เลขาธิิการ 

พิพัฒน์ รุจิิราโสัภณ 

นายทะเบียน 

คมสััน สักุุลัอัำานวยพงศา 

สารจากนายกสมาคม 

สวัสดีอีกครั้งสำ หรับผู้อ่านวารสารอาษา เล่มนี้ก็จะเข้าสู่ 

เล่มที่ 15 มาในธีม A Green Future ซึ ่งเป็ นวารสารของ 

สมาคมฯ ในวาระของผม ชนะ สัมพลัง เล่มนี้ก็คงจะเป็ นอีก 

เล่มหนึ ่งที่หนักเน้นในเรื่องของการพู ดถึงการเปลี่ยนแปลง 

ของโลกใบนี้ ที่กำลังเปลี่ยนไปในเรื่องของ Climate Change 

ซึ ่งเป็ นวิกฤตโลกที่เราต้องมาช่วยกันให้ความใส่ใจ โดยเฉพาะ 

ในเรื่องของอาคารที่ต้องมีการตระหนักถึงความยั่งยืนใน 

แง่มุมต่าง ๆ มากขึ ้น 

วารสารอาษาฉบับนี้ก็จะขอเป็ นตัวแทนในการสื่ อสารถึง 

เนื้อหาในเรื่องของ Green Building ที่จะสอดแทรกพื้นที่ 

สีเขียวหรือแม้แต่นวัตกรรมอาคารเขียวต่าง ๆ เข้ามาในงาน 

สถาปั ตยกรรม รวมไปถึงการสร้างความตื่นตัว ความเข้าใจ 

และความเป็ นอยู่ของคนยุคใหม่ให้มีสุขลักษณะที่ดี ในเนื้อหา 

ของงานที่จะถูกนำมาพูดถึงนั้น แน่นอนว่าก็จะนำเสนอองค์ 

ความรู้มากมายที่นักออกแบบพึงต้องรู้และเข้าใจในการ 

สร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ เล่มนี้คงเป็ นตัวอย่างที่น่าสนใจ 

และเป็ นจุดเริ่มในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ ใช้อาคาร 

และผู้ออกแบบได้นำไปใช้ประโยชน์ ซึ ่งจะนำไปใช้ต่อยอดใน 

งานได้อย่างเหมาะสม 

เหรัญญิก 

ไมเคิลัปริพลั ตังตรงจิิตร 

ปฏิิคม 

เฉลิิมพลั สัมบััติยานุชิต 

ประชูาสัมพันธ์์ 

กุุลัธุิดา ท์รงกิิตติภักด ี 

กรรมการกลาง 

ศ.ดร.ต้นข้้าว ปาณินท์์ 

ดร.วสุุ โปษ์ยะนันทน ์ 

เฉลิิมพงษ์์ เนตรพฤษร ัตน์ 

อด ุลย ์ แก้้วดี 

ผศ.ณธุท์ัย จัันเสัน 

ธุนพงษ์์ วิชคำาหาญ 

ประธิานกรรมาธิิการ 

สัถาปนิกุลั้านนา 

ปรากุาร ชุณหพงษ์์ 


สัถาปนิกุอัีสัาน 

วีรพลั จีงเจร ิญใจี 


สัถาปนิกุท์ักุษ์ิณ 

ดร.กุาญจน ์ เพียรเจร ิญ 


สัถาปนิกุบัูรพา 

คมกุฤต พานนสถ ิตย์ 

กรรมการทีปรึกษา 

การบริการ 

สม ิตร โอับัายะวาทย ์ 

ในระหว่างที่วารสารอาษากำลังเดินทางไปสู่มือของสมาชิก 

ทุก ๆ ท่าน ตอนนี้ก็น่าจะกำลังเข้าสู่ ในวาระช่วงเทศกาล 

วันหยุดหรือเทศกาลปี ใหม่ของพวกเรา ก็ขอให้ทุกท่านได้ 

สนุกสนานและมีความสุ ขในวันหยุดยาว พร้อมทั้งเดินทาง 

โดยสวัสดิภาพ ก็ขอกล่าวสวัสดีปี ใหม่ทุกท่านในวารสาร 

ฉบับนี้ด้วยครับ

06 

message from the president 

ASA COMMITTEE 

2022-2024 

President 

Chana Sumpalung 

Vice President 

Nives Vaseenon 

Jeravej Hongsakul 

Phaithaya Banchakitikun 

Chutayaves Sinthuphan 

Asst. Prof. Rattapong Angkasith, Arch.D. 

Rungroth Aumkaew 

Secretary General 

Pipat Rujirasopon 

Honorary Registrar 

Khomsan Sakulamnuaypongsa 

Honorary Treasurer 

Michael Paripol Tangtrongchit 

Hello once again, ASA Journal readers. This association's 

periodical in my tenure, Chana Sumpalung, 

is volume 15 with an issue titled A Green Future. 

This will be another issue that focuses significantly on 

discussing global changes, including climate change, 

a worldwide concern that we must all work together 

to address. There needs to be a greater awareness 

of sustainability in different domains, particularly 

in the construction industry. 

This edition of the ASA Journal would aim to represent 

the content of green buildings that incorporate green 

areas or even diverse green building advances in 

architecture. It also entails fostering knowledge, 

understanding, and well-being for people in our new 

generation to practice good hygiene in a variety of 

ways through architectural design. The material 

presented in this issue has a wealth of knowledge 

that architects and designers must be aware of and 

comprehend when producing various works. This is 

an interesting example, and it serves as a starting 

point to inspire building users and designers to use 

it, which will be used to develop the work further. 

Social Event Director 

Chalermpon Sombutyanuchit 

Public Relations Director 

Kulthida Songkittipakdee 

Executive Committee 

Prof. Tonkao Panin, Ph.D. 

Vasu Poshyanandana, Ph.D. 

Chalermphong Netplusarat 

Adul Kaewdee 

Asst. Prof. Nathatai Chansen 

Tanapong Witkhamhan 

Chairman of 

Northern Region (Lanna) 

Prakan Chunhapong 

Chairman of 

Northeastern Region (Esan) 

Werapol Chongjaroenjai 

Chairman of 

Southern Region (Taksin) 

Dr.Kam Phiancharoen 

Chairman of 

Eastern Region (Burapa) 

Komkrit Panonsatit 

Advisory Committee 

Smith Obayawat 

As the journal is coming to all members, it will 

almost certainly be on our holiday or New Year's 

agenda immediately. I hope everybody enjoys a 

good time and travels safely during the lengthy 

holiday. On this occasion, I would like to wish 

everyone a Happy New Year.

08 

foreword 

Photo: Siam Multi Cons 

ตั้งแต่การเผยแพร่เอกสารรายงานในชื่อว่า “อนาคตของเรา” (our common 

future) โดยคณะกรรมาธิการบรันท์แลนด์ (Brundtland Report) หรือ 

คณะกรรมาธิการโลกว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 

เป็นต้นมานั้น แนวคิด “การพัฒนาที่ยั่งยืน“ (Sustainable Development) 

หรือ “วิถีการพัฒนาที่สามารถตอบสนองความต้องการของคนรุ่นปัจจุบัน 

โดยไม่ลิดรอนความสามารถในการตอบสนองความต้องการของคนรุ่นหลัง” 

ก็ส่งผลต่อการออกแบบสถาปัตยกรรมและแวดวงการก่อสร้างในช่วงต่อมา 

โดยเฉพาะในด้านการประหยัดพลังงานในอาคารด้วยวิธีการต่าง ๆ หรือ 

การออกแบบเมืองเพื่อความยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านมิติสภาพแวดล้อม 

และให้ความสำาคัญกับธรรมชาติ ซึ่งมีสีเขียวเป็นเสมือนตัวแทนของ 

แนวคิดดังกล่าว ที่เราคุ้นเคยกับการเรียกว่า “สถาปัตยกรรมสีเขียว” หรือ 

“อาคารเขียว” จนกระทั่งต่อมามีการคำานึงถึงการรับมือกับสภาวการณ์โลก 

ที่แปรปรวนมากขึ้น ทั้งวิกฤตด้านสภาพอากาศ ภัยพิบัติ สงคราม และ 

โรคระบาด การออกแบบสถาปัตยกรรมอนาคตจึงไม่อาจละเลยมิติทางสังคม 

และเศรษฐกิจ ที่ส่งผลสัมพันธ์กันและกันกับมิติด้านสภาพแวดล้อมไปด้วย 

วารสารอาษา A Green Future ฉบับนี้ จึงนำาเสนอผลงานออกแบบในประเทศ 

ที่สะท้อนถึงการสร้างความยั่งยืนด้านสภาพแวดล้อม ทั้งโดยการสร้าง 

อาคารใหม่ หรือการปรับการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างอาคารเก่า ที่ยังมี 

การคำานึงถึงมิติทางสังคมและจิตใจของผู้ใช้ภายในอาคาร และประโยชน์ 

ต่อสาธารณชนในระดับเมือง นอกจากนี้ยังประกอบด้วยบทความนำาเสนอ 

วัสดุคาร์บอนต่ำาสำาหรับอนาคต และบทสนทนาพูดคุยกับ Green Dwell ที่ 

ให้ความสำาคัญกับการออกแบบเพื่อความยั่งยืน รวมถึง Studio Locomotive 

ที่มีผลงานน่าสนใจหลายชิ้นจากภูมิภาคทางใต้ 

จากผลงานออกแบบที่นำาเสนอไปภายในเล่ม ต่างสะท้อนให้เห็นว่าการออกแบบ 

เพื่อความยั่งยืนนั้น ท้ายที่สุดแล้วสิ่งสำาคัญที่จะส่งผลให้ประสบความสำาเร็จ 

ได้นั้นประกอบไปด้วยทั้งความมุ่งมั่นของเจ้าของโครงการเอง บวกกับความ 

สามารถของสถาปนิกนักออกแบบที่จะสนับสนุนความตั้งใจดังกล่าวออกมา 

เป็นรูปธรรม รวมทั้งการประนีประนอมกับความต้องการจากหลากหลาย 

ภาคส่วน การสร้างการมีส่วนร่วมในการหาความเป็นไปได้ที่พอเหมาะพอดี 

กับข้อจำากัดที่มีในแต่ละโครงการ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นมิตรในระยะยาว 

กับผู้คน เมือง และสภาพแวดล้อมโลกในอนาคต 

The notion of “sustainable development,” which initially appeared in 

the 1987 report “Our Common Future” by the Brundtland Commission 

or the World Commission on Environment and Development, has 

substantially impacted architectural design and the construction 

sector. This term refers to a developmental trajectory that ensures 

the ability of the current generation to fulfill its requirements while 

safeguarding the future. This has placed significant emphasis on the 

environmental aspect, with a particular mention of the color green 

symbolizing this notion. Thus, it has become customary to refer to it 

as “green architecture” or “green building,” terms initially regarded 

as addressing the challenges posed by ever-evolving global circumstances 

such as climate crises, natural disasters, wars, and epidemics. 

When envisioning the future of architecture, it is therefore inevitable 

to consider the interplay between the environmental, social, and 

economic dimensions. 

This ASA Journal, A Green Future issue, features architectural projects 

in Thailand that demonstrate environmental sustainability. These 

projects encompass both the construction of new buildings and the 

modification of existing building structures to incorporate social and 

psychological aspects of the occupants, as well as public benefits 

at the city level. Additionally, it encompasses articles that discuss 

forthcoming low-carbon materials. An interview with GreenDwell, 

an architectural design consultancy and firm that specializes in 

sustainable design, and Studio Locomotive, which has several intriguing 

works from the southern region, is also included in this issue. 

Success in designing for sustainability ultimately depends on two 

factors: the resolve of the project owner and the capacity of architects 

and designers to materialize these intentions. This is demonstrated by 

the design work featured in this issue. Additionally crucial is striking 

a balance between the requirements of diverse sectors and stakeholders 

to foster engagement in the exploration of viable solutions 

that align with the specific limitations of each undertaking. This 

iterative process will ultimately result in the development of sustainable 

buildings that benefit our future generations, cities, and the 

global environment.

09


SEP-OCT 

A GREEN 

FUTURE 

Photo: W Workspace 

around 

Design 

Excellence 

Award (DEmark) 


12 

theme / review 

Sowing 

the Seeds 

In Nan province, Integrated 

Field (IF) and North Forest 

Studio have transformed the 

vast land into a forested area 

to cultivate and nurture a new 

woodland and create a space 

that can positively affect the 

community, breathing new life 

into the ecosystem. 

36 

Net Zero 

Building 

Guidelines 

16 


Think Tank 

In Tha Chalom, Arsom Silp 

Institute’s team of architects 

has renovated an old water 

tower into a new public library. 

52 

theme 

Towards 

a Green Future 

‘Green Future’ has become 

the talk of the town in recent 

years. If the current industrialized 

society is associated with 

machines, new buildings, competition, 

fossil fuels, and being 

removed from nature, how can 

we all contribute to this common 

ultimate goal for people and the 

planet? 

Photo: ARUP. 

Photo: Sirirath Somsawat 

Photo: Rungkit Charoenwat 


Here, There, 

and Everywhere 

AMA Design Studio and Urbanis 

have designed an office building 

using a vertical landscape that 

functions as a forest, imbuing 

the building’s functional space 

with a beautiful, natural ambiance 

while complementing its 

energy efficiency and providing 

thermal comfort to users. 

18 

64


One For All, 

All For One 

The design of the new Council 

of Engineers Thailand building 

is based on the notion of ‘a 

place for all’ and strives to 

include sustainability in multiple 

areas of its existence 

beyond architectural design 

and engineering systems. 

78 

professional 

GreenDwell 

Meet Raksak Sukonthatam 

and Sirithip Hantaweewongsa, 

the founders of GreenDwell, an 

architecture and sustainable 

consulting firm for quality 

dwelling with an attempt to 

propel and integrate multiple 

dimensions of sustainable 

design. 


Big and Green 

Not only notable for its grand 

scale and skillfully utilizing 

its prime location along the 

main road with its unique 

structural proportions, the 

AIA East Gateway Building 

designed by Creative Crews 

demonstrates how a high 

rise can incorporate environmentally 

friendly and sustainable 

issues. 

Photo: Siam Multi Cons 

material 

Sustainable 

Building 

Materials for 

a Net Zero 

Emissions 

Future 

In this issue of the ASA Journal, 

we discuss some types of 

carbon-negative construction 

materials: recycled metals, 

low-carbon bricks, green tiles, 

structural timber, hemp concrete, 

and carbon-negative 

concrete. 

110 

Carbon Craft 

118 

Finite 

119 

Soil Block 

120 

Photo Courtesy of BC architects 

122 

professional 

Studio 

Locomotive 

136 

chat 

Nathatai 

Chansen 

ASA talks to Asst. Prof. Nathatai 

Chansen, the ASA’s executive 

committee in charge of urban 

activities. 

140 

Photo: Travelkanuman 

Photo: Beer Singnoi 

96 

Photo: W Workspace 

the last page 

144

12 

around 

Design Excellence Award 

(DEmark) 2023 

Photo Courtesy of Design Excellence Award (DEmark) 

1 

รางวัล Design Excellence Award (DEmark) ริเริ่มโดย 

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ 

มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 เพื่อเปิดโอกาสให้นักออกแบบ 

และผู้ประกอบการไทย ได้แสดงผลงานสินค้าไทยที่มี 

การออกแบบดีสู่ตลาดโลก ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างดี 

จากองค์กรภาครัฐและเอกชนของประเทศญี่ปุ่น 2 องค์กร 

คือ องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น และ 

สถาบันส่งเสริมการออกแบบแห่งประเทศญี่ปุ่น โดยสนับสนุน 

ทั้งส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบจากประเทศญี่ปุ่น 

เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินรางวัล และให้ความร่วมมือ 

ในด้านอื่น ๆ เพื่อให้รางวัลได้มาตรฐานในระดับสากล 

มาโดยตลอด 

The Design Excellence Award (DEmark) was 

initiated by the Department of International Trade 

Promotion (DITP) under the Ministry of Commerce 

in 2008 to provide opportunities for designers and 

Thai entrepreneurs to showcase Thai products with 

good designs to the world market. It has been well 

supported by two public and private organizations 

in Japan: the Japan External Trade Organization 

(JETRO) and the Japan Institute of Design Promotion 

(JDP), by supporting and sending design 

experts from Japan to join the award judging committee 

and cooperate in other areas so that the 

awards are always up to international standards. 

01 

ผลงานออกแบบบ้านเดี่ยว 

Mulberry Grave Villa โดย 

PIA Interior 

02 

ศาลาหวายโดย PHTAA 

Living Design 

1

DEmark 2023 

13 

2 

The Neues Lina Museum, Ghotmeh courtesy by Harry of Richards SPK / David for Serpentine Chipperfield 2023 Architects, photo Joerg von Bruchhausen 

2

14 

around 

3 

03 

ผลงานออกแบบปรับปรุง 

YKK AP Showroom โดย 

Creative Crews ที่ได้รับ 

รางวัล Good Design Award 

2023 ด้วย 

04 

โรงแรม Uthai Heritage 

ออกแบบโดย Supergreen 

Studio 

05 

ผลงานออกแบบโรงแรม 

Beanstalk โดย bsides ซึ่ง 

ได้รับรางวัล Good Design 

Award 2023 ด้วย 

4 

5

DEmark 2023 


6 

ในปี 2566 นี้ มีบริษัทสถาปนิกได้รับรางวัลในกลุ่มงาน 

ออกแบบตกแต่งภายในที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม ร้านอาหาร 

ร้านกาแฟ ร้านค้า พื้นที่ทํางานร่วม และอาคารชุด รวม 

ทั้งหมดกว่า 6 ผลงาน มีทั้งงานออกแบบใหม่อย่าง ศาลาหวาย 

โดย PHTAA Living Design กับการออกแบบงานสถาปัตย- 

กรรมที่ถอดประกอบได้ ทําให้สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งาน 

ได้ตามความต้องการของผู้ใช้ สามารถติดตั้งได้ในเวลาอัน 

รวดเร็ว และผลงานการออกแบบเพื่อรองรับการอยู่อาศัย 

ของครอบครัวขยาย มัลเบอร์รี โกรฟ วิลล่า ด้วยแนวคิด 

ในลักษณะเป็น Cluster house โดย PIA Interior Company 

Limited ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการอยู่ร่วมกันของ 

ครอบครัวไทย 

นอกจากนี้ยังมีผลงานในแนวปรับปรุงอาคารเดิม อย่างการ 

ปรับปรุงโชว์รูม วายเคเค เอพี โดย Creative Crews และ 

งาน Beanstalk Bangkok ปรับปรุงโรงแรมเก่าแก่มากกว่า 

70 ปี ที่ตั้งอยู่บนขอบระหว่างย่านเก่าเจริญกรุงและเขต 

สาทรของกรุงเทพฯ โดย bsides รวมถึงผลงานออกแบบ 

ในแนวทางการปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์อาคารเดิม เช่น 

ผลงานของ Supergreen Studio ที่เปลี่ยนโฉมโรงเรียนอุทัย- 

วิทยาลัย ให้เป็นโรงแรม Uthai Heritage และผลงานการ 

อนุรักษ์และการฟื้นฟูโครงสร้างสถาปัตยกรรมชิโน-ยูโรเปียน 

ในเมืองตะกั่วป่า เป็นคาเฟ่ โก้ปี้ กั่วป่า แห่งใหม่ของเมือง 

โดย Eco Architect ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับรางวัลในผลงานประเภท 

ต่าง ๆ จะได้รับโอกาสพิเศษการเข้าร่วมประกวดในเวที 

ระดับโลกต่อไป 

A total of six architectural firms were honored in 

2023 for their interior design projects pertaining 

to hotels, restaurants, coffee shops, stores, coworking 

spaces, and condominiums. Innovative 

designs have emerged, including the Rattan Pavilion 

by PHTAA Living, which features a knock-down 

architecture that enables rapid installation and 

flexibility to meet the needs of the user. PIA Interior 

Company Limited’s design for the Mulberry Grove 

Villa, which features a cluster house layout, draws 

inspiration from the communal living arrangements 

observed among Thai extended families. 

There is also work in the area of architectural renovation 

and adaptive reuse, such as Creative Crews’ 

refurbishment of the YKK AP shop and bsides’ 

renovation of a more than 70-year-old hotel located 

on the outskirts of Bangkok’s old Charoen Krung 

and Sathorn districts. The work of Supergreen 

Studio, which transformed Uthai Wittayalai School 

into the Uthai Heritage Hotel, and the work of Eco 

Architect, which preserved and renovated Sino- 

European architecture in Takua Pa district as the 

city’s new Cafe Kopi Kuapa, have both received 

awards. Award winners in several categories will 

be given an unparalleled opportunity to compete 

on the global stage in the future. 

demarkaward.net 

06 

งานออกแบบร้านกาแฟ 

KOPI KUAPA โดย ECO 

Architect ได้รับรางวัล 

Good Design Award 

2023 อีกด้วย

16 

around 

NET ZERO 

BUILDING 

GUIDELINES 

THAMMASAT DESIGN SCHOOL × SCG 

1 

BACKGROUND 

1.1 

NET ZERO BUILDING 

GUIDELINES 

วิกการลกรอนแลัยธรรมชาิางที่เกินในปุบัน 

มีความี่แลความรุนแรงเพิมมากนเร่อยากอมูลอง 

พบวาความี่องการ 

เกิัยพิบัิแลความรุนแรงที่เพิมมากนมีสาเุสาคัมาาก 

การเปลี่ยนแปลงสาพูมิอากาศยอมูล 

ากพบวาวยนยบายแล 

กิกรรมที่มนุยทาในปุบันสงลใอุูมิบนลกสูงน 

เลี่ยองศาเลเียสในปคศเม่อเทียบกับยุคกอน 

ปิวัิอุสากรรม[1] 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

30 

31 

1.5 ° C 

เราสามารลีกเลี่ยงลกรทบที่เลวรายนานัปการที่เกินกับลกากมีการ 

ควบคุมอุูมิเลี่ยิวลกมใเพิมนเกิน°เม่อเทียบกับรับอุูมิ 

กอนยุคปิวัิอุสากรรม 

แนวทางการออกแบบอาคารที่มีการใชพลังงานสุทธิเปนศูนย 

Net Zero Building Guidelines 

ในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพ 

ภูมิอากาศของโลก ที่เรียกว่าความตกลงปารีส (Paris 

Agreement) ในปีพ.ศ. 2558 นั้น ประเทศไทยได้เสนอการ 

มีส่วนร่วมในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 

พร้อมกับนโยบายด้านต่าง ๆ โดยตั้งเป้าหมายการปล่อย 

ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์หรือเน็ตซีโร่อีมิชั่นให้ได้ภายใน 

ปีพ.ศ. 2608 หรือในอีก 42 ปีข้างหน้า พันธกิจที่ว่านี้เป็น 

ประเด็นที่มีความสำาคัญและมีผลต่อภาคอุตสาหกรรมการ 

ก่อสร้างอย่างมากถึงมากที่สุด เพราะภาคอุตสาหกรรมการ 

ก่อสร้างเป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอน- 

ไดออกไซด์ หรือเรียกสั้น ๆ ว่าการปล่อยคาร์บอน เป็น 

สัดส่วนสูงถึง 40% เมื่อเทียบกับการปล่อยคาร์บอนทั้งหมด 

ในปี 2565 โดย 30% อยู่ในกระบวนการก่อสร้างและ 

ประมาณ 70% เป็นการปล่อยคาร์บอนจากการใช้งานตลอด 

อายุการใช้อาคาร แน่นอนว่าประเด็นนี้จะส่งผลและเข้ามา 

มีบทบาทเกี่ยวข้องกับสถาปนิกและผู้คนที่เกี่ยวข้องกับ 

อุตสาหกรรมก่อสร้างมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างที่เรา 

ทุกคนต่างได้รับรู้กันอยู่ในทุกวันนี้ 

In the 2015 United Nations Convention on Global 

Climate Change, the so-called Paris Agreement, 

Thailand proposed participation in reducing greenhouse 

gas emissions along with various policies 

by setting a goal of net zero greenhouse gas emissions 

or zero emissions within 2065 or in the next 

42 years. This mission is an important issue and 

has the most significant impact on the construction 

industry since the construction industry is an industrial 

sector that emits carbon dioxide, or, in short, 

carbon emissions in a proportion of up to 40% 

compared to total carbon emissions in 2022, of 

which 30% is in the construction process and 

approximately 70% is carbon emissions from use 

throughout the life of the building. This issue will 

undoubtedly impact and become more and more 

relevant to architects and those involved in the 

construction industry, as we all know today. 

1

Net Zero Building Guidelines 

17 

อาคารที่มีการใช้พลังงานสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero 

Emission Building จึงเป็นเรื่องใหญ่และมีมิติต่าง ๆ ที่ 

เกี่ยวข้องมากมายหลายระดับ การตระหนักถึงความสำาคัญ 

ตื่นตัว และลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยน ตลอดจนจัดการกับปัญหานี้ 

อย่างจริงจัง เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 

ทุกคนในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง รวมทั้งสถาปนิกด้วย 

คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัย 

ธรรมศาสตร์ ร่วมกับ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ 

ก่อสร้าง จำากัด ได้ร่วมกันจัดทำาหนังสือ แนวทางการ 

ออกแบบอาคารที่มีการใช้พลังงานสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero 

Building Guidelines) หนังสือขนาดกระทัดรัด อ่านง่าย ที่ 

ให้ข้อมูลพื้นฐานและความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาคารที่มีการใช้ 

พลังงานสุทธิเป็นศูนย์ เป็นหลักการและข้อแนะนำ าให้ผู้อ่านได้ 

ไอเดียในการดำาเนินไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าชคาร์บอน- 

ไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ของอาคารและ built environment 

ซึ่งเป็นภาคส่วนสำาคัญที่สามารถสร้างผลกระทบความ 

เปลี่ยนแปลงไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนได้ 

เนื้อหาในหนังสือแบ่งออกเป็น 6 บทสั้น ๆ ประกอบด้วย 

1. Background ให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่มาและความสำาคัญของ 

การปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ 

2. Greenhouse gas emission from buildings อธิบายถึง 

ก๊าชเรือนกระจกที่ถูกปล่อยจากอาคาร ซึ่งเนื้อหาประกอบด้วย 

รายละเอียดการปล่อยคาร์บอนรูปแบบต่าง ๆ 

3. Initial pathways นำาเสนอแนวทางเบื้องต้นในการออกแบบ 

เพื่อเป้าหมายการปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็น 

ศูนย์ ซึ่งประกอบด้วย แนวทางการออกแบบ คาร์บอนสะสม 

ตั้งต้น การเลือกใช้ระบบปรับอากาศ ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง 

และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ตลอดจนการใช้ 

พลังงานหมุนเวียน (renewable energy) ในอาคาร 

4. Case Studies ให้ตัวอย่างกรณีศึกษาโครงการในประเทศ 

และต่างประเทศที่ประสบความสำาเร็จในการอกแบบและ 

ดำาเนินโครงการตามแนวทางการออกแบบอาคารที่มีการใช้ 

พลังงานสุทธิเป็นศูนย์ 

5. Driving forces ให้ข้อมูลแรงขับเคลื่อนสำาคัญในการ 

ผลักดันสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิ 

เป็นศูนย์ 

6. Next Step ก้าวต่อไปที่พวกเราในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 

ในอุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างควรพิจารณา 

Buildings with net zero energy use or net zero 

emission buildings are a big issue and have many 

dimensions involving many levels. Recognizing the 

importance of being alert, getting up for change, 

and seriously dealing with this problem is the 

responsibility of every stakeholder in the construction 

industry, including architects. 

Thammasat Design School and SCG Cement- 

Building Products have jointly prepared a book 

titled Net Zero Building Guidelines. This compact, 

easy-to-read book provides basic information and 

basic knowledge about buildings with net zero 

energy use. It provides principles and recommendations 

for readers to get ideas on reaching the 

goal of net zero carbon dioxide emissions from 

buildings and the built environment, which are 

important sectors that can create impactful change 

towards sustainable development. 

The content of the book is divided into 6 short 

chapters: 

1. Background: provides information on the origins 

and importance of zero carbon dioxide emissions. 

2. Greenhouse gas emissions from buildings: 

describe greenhouse gases emitted from buildings. 

The content contains details on various forms of 

carbon emissions. 

3. Initial pathways: provide initial guidelines for 

designing towards net-zero carbon dioxide emissions, 

including design guidelines, initial accumulated 

carbon, choosing an air conditioning system, 

electrical lighting systems, high-efficiency electrical 

appliances, and using renewable energy in the 

building. 

4. Case Studies: provide studies of domestic and 

international projects that have successfully 

designed and implemented projects following netzero 

energy building design guidelines. 

5. Driving forces: provides information on essential 

driving forces in pushing towards the net zero 

carbon dioxide emissions goal. 

6. Next step: what steps we should take as stakeholders 

in the built environment industry. 

ท่านที่สนใจหนังสือ Net Zero Building Guidelines สามารถ 

อ่านหรือดาวน์โหลดหนังสือได้ฟรี โดยคลิกไปที่ลิงค์ด้านล่างนี้ 

issuu.com/thezerobooks/docs/net_zero_building_ 

guideline?fr=xKAE9_zU1NQ

18 

theme 

Towards 

a 

Green 

Future 

In recent years, ‘green future’ has become 

the talk of the town. Our goal now under the 

Paris Agreement is to not exceed 1.5 °C above 

pre-industrial levels. If the current industrialized 

society is associated with machines, new 

buildings, competition, fossil fuels, and being 

removed from nature, We could perhaps engage 

some of the opposite qualities in our architecture: 

passive design, upcycling, collaboration, 

renewable energy, and nature. How can we all 

contribute to this common ultimate goal for 

people and the planet? 

Text: Nawanwaj Yudhanahas

1 

Photo: Hampus Berndtson 

01 

Thatched Brick Pavilion

20 

theme 

ในปี 2558 สมาชิกกว่า 195 ประเทศภายใต้กรอบอนุสัญญา 

สหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

(UNFCCC) ได้เดินทางมารวมตัวกัน ณ กรุงปารีส และตกลง 

ทำาอนุสัญญาระหว่างประเทศที่เรียกว่า Paris Agreement 

(ความตกลงปารีส หรืออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการ 

เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศปารีส) สมาชิกจากประเทศต่าง ๆ 

รวมทั้งประเทศไทยได้ตกลงที่จะมีส่วนร่วมในอนาคตของโลก 

ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะโลกของเรากำ าลัง 

ร้อนขึ้น หัวใจสำาคัญของข้อตกลงปารีสจึงมีเป้าหมายที่จะจำ ากัด 

อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกให้อยู่ที่ 2 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อน 

ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ข้อตกลงเสมือนแสดงนัยว่า การเพิ่ม 

ขึ้นของอุณหภูมินี้เป็นปริมาณสูงสุดที่โลกของเราสามารถรับได้ 

แต่แท้จริงแล้ว เราควรตั้งเป้าหมายที่จะควบคุมให้อยู่ต่ำ ายิ่งกว่า 

นั้นด้วยซ้ำา นั่นคือไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งหากไม่มี 

การควบคุมอุณหภูมินี้ จะเกิดผลกระทบร้ายแรงต่าง ๆ เช่น 

สภาพอากาศที่รุนแรง ภัยธรรมชาติ การสูญพันธุ์ของพืช สัตว์ 

และอื่น ๆ อีกมากมาย 

การคาดการณ์จากเส้นกราฟและทัศนคติ 

ในปี 2562 สถาปนิกชื่อดังระดับโลก Foster + Partners 

ได้เผยแพร่แถลงการณ์ด้านความยั่งยืน (Sustainability 

Manifesto) โดยในหน้าที่ 2 ของเอกสารดังกล่าว อ้างอิงถึง 

กราฟอุณหภูมิที่แสดงอุณหภูมิบรรยากาศของโลกตั้งแต่ปี 

2393 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โลกได้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมแล้ว 

กราฟดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า ในปี 2562 อุณหภูมิของโลก 

เราแตะทะลุ 1 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนการปฏิวัติ 

อุตสาหกรรมไปแล้วเรียบร้อย และกราฟดังกล่าว ยังแสดงอีก 

ว่า แม้ว่าเราจะปฏิบัติตามมาตรฐานการก่อสร้างที่กำ าหนดโดย 

หน่วยงานที่ได้รับการยอมรับระดับนานาชาติอย่างเคร่งครัด 

อุณหภูมิโลกก็จะเพิ่มสูงกว่าระดับช่วงก่อนการปฏิวัติอุตสาห- 

กรรมถึง 3 องศาเซลเซียสอยู่ดี แต่เป้าหมายของความตกลง 

ปารีสคือเราต้องจำากัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิไว้ที่ไม่เกิน 1.5 

องศาเซลเซียส ช่องว่างระหว่างตัวเลขที่กราฟคาดการณ์ กับ 

เป้าหมายในความตกลงปารีส ต่างกันถึง 1.5 องศาเซลเซียส 

แล้วเราจะทำาให้เป้าหมายนี้เป็นไปได้ได้อย่างไร? 

การจำากัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ได้หมายความว่า 

เราควรหยุดสร้าง และหันไปหาสังคมเกษตรกรรมอย่างใน 

ยุคก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมเสมอไป แต่เราจำาเป็นต้อง 

ค้นหาวิธีการที่แตกต่างออกไปเพื่อนำาทางเราให้ก้าวไปไกล 

กว่าโลกอุตสาหกรรมในปัจจุบัน ถ้าสิ่งที่พลิกให้เราก้าวหน้า 

ในด้านอุตสาหกรรม และเปลี่ยนโลกไปอย่างสิ้นเชิงในยุคนั้น 

คือกรอบความคิดที่แหวกแนว ต่างจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิง 

ในยุคปัจจุบัน เราก็คงจำาเป็นต้องมีกรอบความคิดที่ต่างไป 

จากเดิมอย่างสิ้นเชิงในลักษณะเดียวกัน เพื่อลดช่องว่างของ 

อุณหภูมิที่สูงถึง 1.5 องศาเซลเซียส และด้วยแนวคิดการ 

ออกแบบที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ด้วยความมุ่งมั่น และ 

In 2015, over 195 countries who are members 

of the United Nations Framework Convention 

on Climate Change (UNFCCC) came together 

in Paris and agreed on an international treaty in 

what is to be known as the Paris Agreement or 

the Paris Climate Accords. The member states, 

including Thailand, agree to contribute to the 

greener future. The world is getting warmer. At 

the core of the Paris Agreement is the aim to limit 

the global average temperature to 2 °C above 

pre-industrial levels. The Agreement suggests this 

increase is the maximum our planet can take, but 

we should aim for even lower—at no more than 

1.5 °C. Without this temperature cap, there will be 

terrible consequences: extreme weather, natural 

disasters, extinction of species and so on. 

The Mathematics and the Mindset 

World-renowned architectural firm Foster + 

Partners published a Sustainability Manifesto 

in 2019. On page 2, it references a temperature 

graph that charts the planet’s atmospheric temperature 

since 1850, when the world had been 

industrialised. By 2019, we already hit 1 °C above 

pre-industrial levels. And even if we strictly follow 

the construction standards already in place by 

many certification bodies, we will reach 3 °C 

above pre-industrial levels anyway. But the target 

of the Paris Agreement is that we must limit the 

increase to +1.5 °C. There is a dramatic gap of 

1.5 °C. How can we even make this possible? 

Limiting the increase in the Earth’s temperature 

does not necessarily mean we should stop building 

and turn to the agrarian society of the pre-industrial 

era. But we need to find a different method to steer 

us beyond the current industrialised world. If it 

was the radical mindset of the time that brought 

us advancement of Industrialisation, we need an 

equally radical mindset to lower the dramatic 1.5 °C 

gap. With a radical design mindset, determination, 

and imagination, perhaps we can create a radically 

different future. So far, in what ways have we been 

radical? 

The Futuristic Past 

More than 20 years ago, an environmentally 

friendly housing development was completed in 

the suburb of London. Beddington Zero Energy 

Development (BedZED) is home to 100 houses, 

offices, and community facilities. To become a 

large-scale community with low carbon emissions, 

BedZED took many measures. Located in a 

country with temperate climate, the houses are

TOWARDS A GREEN FUTURE 

21 

02 

Photo: Tom Chance 

02 

BedZED ในประเทศ 

อังกฤษ 

จินตนาการ เราก็อาจจะสามารถสร้างอนาคตที่แตกต่าง 

จากเดิมอย่างสิ้นเชิงได้เช่นกัน แล้วจนถึงตอนนี้ เราได้เสนอ 

แนวคิดที่ต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิงในด้านใดบ้าง? 

ความลํ ้าอนาคตของอดีต 

เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว โครงการบ้านจัดสรรที่เป็นมิตรต่อ 

สิ่งแวดล้อมได้เกิดขึ้นในย่านชานเมืองลอนดอน Beddington 

Zero Energy Development (BedZED) ประกอบด้วยบ้าน 

พักอาศัย สำานักงาน และสิ่งอำานวยความสะดวกในชุมชน 

จำานวน 100 หลังคาเรือน ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นชุมชน 

ขนาดใหญ่ที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ า BedZED กำาหนด 

ใช้มาตรการต่าง ๆ จำานวนมาก ด้วยความที่ BedZED ตั้งอยู่ 

ในประเทศที่มีอากาศหนาว บ้านที่ BedZED จึงมีฉนวนกัน 

ความร้อนอย่างดีและมีระเบียงบ้านที่หันหน้าไปทางทิศใต้ 

เพื่อดูดซับความร้อนจากแสงแดดให้ได้มากที่สุด อีกทั้งมี 

เครื่องทำาความร้อน โดยอาศัยเชื้อเพลิงชีวมวลจากเศษไม้ และ 

เครื่องรีไซเคิลน้ำา หลังคาที่โค้ง ลาดเอียงของบ้านที่ BedZED 

ทุกหลัง มีแผงโซลาร์เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์อยู่ด้านบน และ 

ที่โดดเด่นที่สุดคือปล่องลมหลากสีสันที่หมุนไปมาราวกับจาน- 

เรดาร์ คอยหมุนเวียนระบายอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ภายในอาคาร 

well insulated and feature south-facing terraces 

to absorb the most heat from the sun. There are 

biomass wood chip boiler and water recycling 

facility. All the gently sloping roofs are topped 

with solar photovoltaic arrays. And the most 

iconic of all, the colourful wind funnels that move 

about like a radar, circulating fresh and warm air. 

Despite all the mechanics and futuristic-looking 

wind cowls, the architecture appears humble. Brick 

and timber are the main materials. Modest-scale 

alleyways thread the village. There are gardens for 

picnics and parties and shared allotments where 

residents grow vegetables together. Residents 

are encouraged to walk or cycle via ample bicycle 

storage and car-pooling club. In other words, 

passive design, building services and policies 

which encourage the change in lifestyle, all contribute 

to its green objective.

22 

theme 

After the COVID-19 pandemic, we have seen a shift towards 

a more flexible and less formal work culture. The building will 

be fitted with other intelligence such as daylight sensors and 

Mirror Duct Systems, directing natural light to the inner zones 

of the floor plates. Taikoo Green Ribbon capitalises on the 

waves of new technology, the change in lifestyle, and also the 

old-fashioned natural ventilation and trees. 

03 

BedZED ในประเทศ 

อังกฤษ 

ถึงแม้ BedZED จะมีเครื่องจักรอุปกรณ์อาคารต่าง ๆ และ 

ปล่องลมที่ดูล้ำ าอนาคต แต่สถาปัตยกรรมที่ปรากฏก็ดูเรียบง่าย 

อิฐและไม้เป็นวัสดุหลักของโครงการ ส่วนต่าง ๆ ของหมู่บ้าน 

ถูกเชื่อมร้อยเข้าหากันด้วยตรอกซอกซอยขนาดย่อม มีพื้นที่ 

สีเขียวสำาหรับปิกนิกและจัดปาร์ตี้ และสวนที่ผู้อยู่อาศัยแชร์ 

พื้นที่ปลูกผักสวนครัว โครงการสนับสนุนให้สมาชิกของหมู่บ้าน 

เดินหรือปั่นจักรยาน ด้วยการที่แต่ละบ้านจะมีที่จอดจักรยานที่ 

กว้างขวาง และมีชมรมที่แชร์การเดินทางด้วยรถยนต์ร่วมกัน 

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การออกแบบอาคารให้ประหยัดพลังงาน 

งานระบบอาคารที่เพรียบพร้อม และนโยบายต่าง ๆ ของ 

โครงการที่ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต ทั้งหมดนี้ ล้วนมี 

ส่วนช่วยให้ BedZED บรรลุวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อม 

Twenty years on, BedZED remains inspirational 

for its energy consumption figures and the strong 

sense of community. And the quirky colourful 

wind cowls are still active, projecting high and 

signifying the better future. 

The Futuristic Future 

The south-east façade of Taikoo Green Ribbon 

in Hong Kong will feature vertical rows of tubular 

modules. Behind this futuristic-looking façade 

lies meeting spaces, cafes, and other facilities, 

all located among green foliage. These tubular 

panels are not ordinary glazed panels. They are, 

03 

Photo: Tom Chance


23 

Photo: ARUP. 

04 

04-05 

Taikoo Green Ribbon 

Building ฮ่องกง 

20 ปีผ่านไปจนปัจจุบัน BedZED ยังคงสร้างแรงบันดาลใจ 

ให้แก่โครงการอื่น ๆ ทั้งในแง่สถิติตัวเลขการประหยัดพลังงาน 

และความเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง และทุกวันนี้ ปล่องลมหน้าตา 

แปลกประหลาด ก็ยังคงตั้งสูงตระหง่านอยู่บนหลังคา สีสัน 

สดใสของมันตัดกับท้องฟ้า มันยังคงทำ างานหมุนไปมา ราวกับ 

เป็นสัญลักษณ์ถึงอนาคตที่สดใสกว่า 

ความล้ำาอนาคตที่จะเกิดในอนาคต 

Façade ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของอาคาร Taikoo Green 

Ribbon ในฮ่องกง จะประกอบด้วยโมดูลที่มีลักษณะเหมือน 

ท่อใส เรียงตัวต่อเนื่องทอดยาวในแนวตั้งตลอดความสูงของ 

อาคาร พื้นที่หลังโมดูลที่เหมือนท่อล้ำ าอนาคตนี้ เป็นพื้นที่พบปะ 

ห้องประชุม ร้านกาแฟ และสิ่งอำานวยความสะดวกอื่น ๆ 

ทั้งหมดตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้เขียว แต่ท่อเหล่านี้ ไม่ได้เป็น 

กระจกหรืออะคริลิกโค้งธรรมดา แท้จริงแล้ว มันถูกบุด้วยแผง 

โซลาร์เซลล์แบบที่ดัดโค้งได้ ท่อกระจกใสบางส่วนหายไปจาก 

façade เพื่อเปิดช่องให้อากาศธรรมชาติสามารถไหลผ่านเข้า 

ไปภายในอาคารได้ ในขณะที่ façade อีกด้านหนึ่งของอาคาร 

จะมีลู่วิ่งที่คดเคี้ยว เลื้อยขึ้นไปตามระดับความสูงของอาคาร 

แต่นี่ก็ไม่ใช่ลู่วิ่งที่แค่สามารถมองเห็นวิวสวยงามของฮ่องกง 

เท่านั้น แต่พื้นของลู่วิ่ง ถูกฝังไปด้วย kinetic pads ที่จะเปลี่ยน 

พลังงานจากการเคลื่อนไหวของนักวิ่ง ไปเป็นพลังงานที่ใช้ใน 

อาคาร และด้านบนสุดของอาคาร ก็ยังมีกังหันลมที่โผล่ขึ้นมา 

จากแมกไม้สีเขียว ทั้งกังหันลมและต้นไม้ โอบล้อมที่นั่งขั้นบันได 

ขนาดใหญ่ ที่รองรับคนได้ถึง 500 คน องค์ประกอบทางสถา- 

ปัตยกรรมตั้งแต่ท่อกระจกโค้ง จนถึงกังหันลมบนอาคาร ทำ าให้ 

Taikoo Green Ribbon มีรูปลักษณ์ที่ล้ำ าสมัยอย่างไม่ต้องสงสัย 

in fact, covered in curved photovoltaics. Some 

of these panels are missing from the façade, 

allowing natural air to permeate the building. 

A running track will wind its way up another 

elevation. This, too, is not just a running track 

with nice views. The floors will be embedded 

with kinetic pads that turn movement caused by 

runners into energy. And on its roof, wind turbines 

will sprout from green canopies that surround 

stepped seating for up to 500 people. From 

tubular glazed panels to rooftop wind turbines, 

Taikoo Green Ribbon is undoubtedly futuristic 

in its appearance. 

Designed by ARUP, the building is yet to be completed. 

But it has so far won the 2021 Advancing 

Net Zero Ideas Competition organised by Hong 

Kong Green Building Council. This 230-metre-tall 

office building has a big goal to reach net zero 

emissions within eight years of opening. The plan 

is to cut energy consumption, generate its own 

energy, and absorb carbon emissions. During 

construction, 9.5 million plastic bottles will become 

façade louvres. Inside and outside will be extensively 

covered in green: shrubs, trees, hanging 

gardens, algae walls, and edible plants. This 

promises to deliver 350% more greenery than 

its site area. And the vast amount of green will 

be irrigated by recycled water.

24 

5

25 

Photo: ARUP.

26 

theme 

อาคารหลังนี้ออกแบบโดย ARUP และถึงแม้จะยังก่อสร้าง 

ไม่แล้วเสร็จ แต่ก็ได้ชนะรางวัล Advancing Net Zero Ideas 

ประจำาปี 2564 ซึ่งจัดโดย Hong Kong Green Building 

Council เป็นที่เรียบร้อยแล้ว Taikoo Green Ribbon เป็น 

อาคารสำานักงานสูง 230 เมตร ที่ตั้งเป้าหมายยิ่งใหญ่ในการ 

ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในแปดปี 

นับจากเปิดดำาเนินการ แผนดังกล่าว ส่งผ่านมาในส่วนต่าง ๆ 

ของการออกแบบเพื่อการลดการใช้พลังงาน เพื่อการสร้าง 

พลังงงานด้วยตนเอง และเพื่อช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกที่ 

ปล่อยออกมา อย่างเช่น ขวดพลาสติกจำานวน 9.5 ล้านขวด 

จะถูกใช้เป็นวัสดุในการผลิตบานเกล็ดบังแดดบน façade 

อาคาร ภายในและภายนอกอาคาร จะถูกปกคลุมไปด้วย 

พื้นที่สีเขียวในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไม้พุ่ม ไม้ยืนต้น 

ไม้เลื้อย สาหร่ายเพาะเลี้ยง และการปลูกผักกินได้ ทั้งหมดนี้ 

มีเป้าหมายที่จะเพิ่มความเขียวขจีให้ถึง 350% ของพื้นที่ไซต์ 

และพื้นที่สีเขียวจำ านวนมากมายมหาศาลนี้ จะได้รับการรดน้ำ า 

จากน้ำาที่เป็นน้ำารีไซเคิล 

หลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เราได้เห็นการ 

เปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมการทำางานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นและ 

ทางการน้อยลง สำานักงานอาจไม่จำาเป็นต้องเป็นห้องสี่เหลี่ยม 

ติดเครื่องปรับอากาศเสมอไป Taikoo Green Ribbon ส่งเสริม 

การใช้ระบบระบายอากาศจากลมธรรมชาติ จึงออกแบบให้มี 

ห้องประชุมท่ามกลางสวนและแมกไม้ที่ให้ร่มเงา แต่ก็ไม่ลืมที่ 

จะใช้ประโยชน์จากระบบอัจฉริยะอื่น ๆ เช่น เซ็นเซอร์รับแสง 

และระบบ Mirror Duct ซึ่งจะนำาแสงธรรมชาติส่องเข้าไปให้ 

ทั่วถึงยังโซนด้านในของแผ่นพื้น กล่าวได้ว่า วิธีการที่จะนำ าไป 

สู่การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ Taikoo Green Ribbon ใช้ 

โอกาสทั้งจากเทคโนโลยีใหม่ วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังการเกิด 

โรคระบาดใหญ่ และการระบายอากาศตามธรรมชาติและการ 

ปลูกต้นไม้ที่ทำ ากันมาแต่เก่าก่อน 

อนาคตไม่ใช่เรื่องใหม่ทั้งหมด 

อาคาร AMP Center Tower ในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย 

สร้างขึ้นในปี 2519 จนเกือบครึ่งศตวรรษต่อมา ได้ถูกปรับเปลี่ยน 

เป็น Quay Quarter Tower (QQT) อาคารสำานักงานสูง 49 ชั้น 

ที่ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกชาวเดนมาร์ก 3XN Architects 

อาคารหลังนี้ มีรูปทรงที่สะดุดตา แต่ความชาญฉลาดของ QQT 

มีมากกว่ารูปทรงล้ำ าสมัย (ที่แท้จริงแล้วมีประโยชน์ในการช่วย 

บังแดดด้วย) ตรงที่ QQT ใช้โครงสร้างส่วนใหญ่จาก AMP 

Center Tower เดิม การออกแบบได้รักษาคาน เสา และแผ่นพื้น 

ของอาคารเดิมไว้กว่า 65% และเก็บ core เดิมถึง 95% แผ่นพื้น 

ใหม่ถูกเติมเข้าไปให้อยู่ร่วมกับแผ่นพื้นเก่า าให้ได้พื้นที่แผ่นพื้น 

ทำ 

เพิ่ม จากเดิม 1,100 ตารางเมตร เป็น 2,200 ตารางเมตร และ 

ทั้งอาคาร จากเดิมที่รองรับคนได้ 4,500 คน เพิ่มเป็น 9,000 คน 

บรรยากาศภายในสำานักงานก็ต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง 

After the COVID-19 pandemic, we have seen a 

shift towards a more flexible and less formal work 

culture. No more refrigerated boxes where office 

workers spend hours. The building will promote 

working in natural ventilation and having meetings 

in nicely shaded gardens. The building will be 

fitted with other intelligence such as daylight 

sensors and Mirror Duct Systems, directing 

natural light to the inner zones of the floor plates. 

It seems Taikoo Green Ribbon capitalises on the 

waves of new technology, the change in lifestyle, 

and also the old-fashioned natural ventilation and 

trees. 

The Future is Not Entirely New 

AMP Centre Tower in Sydney, Australia, was built 

in 1976. Almost half a century later, it recently 

turned into Quay Quarter Tower (QQT). Designed 

by Danish architectural firm 3XN Architects, QQT 

is a 49-storey office building with an eye-catching 

form. But there is more than meets the eye. Its 

ingenuity lies in the fact that QQT utilises a large 

part of the old AMP Centre Tower. The design 

keeps 65% of the former tower’s beams, columns 

and floor slabs, along with 95% of the original 

core. Adding to the conserved parts are new floor 

plates to co-exist with the old ones, increasing 

the floor plates from 1,100 square metres to 2,200. 

Previously, the tower could accommodate about 

4,500 people. Now it has doubled to 9,000. The 

interior office atmosphere is different, too. Highceiling 

atria are brightly lit by natural light. A sculp 

tural spiral staircase connects the floors. No more 

different departments of an office segregated into 

separate levels. Each floor has a visual connection 

to another, promoting better collaboration. On their 

website, 3XN Architects says that this solution 

to build the new tower from part of the old one 

has saved the planet 12,000 tonnes of embodied 

carbon—which equals 35,000 flights between 

Sydney and Melbourne.


27 

07 

08 

06 09 

Photo: Adam Mork 

Diagram by 3XN Architects 

06 

Quay Quarter Tower 

07 

ส่วนของอาคารเดิม 

ที่รื้อทิ้ง 

08 

ส่วนของอาคารเดิม 

ที่เก็บไว้ 

09 

ส่วนใหม่ที่เพิ่มเติม 

เช่นกัน อาคารใหม่มีห้องโถงเพดานสูง สว่างไสวไปด้วยแสง 

ธรรมชาติ มีบันไดเวียนที่เหมือนเป็นประติมากรรมชิ้นใหญ่ 

เชื่อมแต่ละชั้นเข้าด้วยกัน จากเดิมที่พนักงานแต่ละแผนก 

ทำางานแยกกันในแต่ละชั้นของสำานักงาน อาคารใหม่ทำาให้ 

แต่ละชั้นมีมุมมองที่มองเห็นกันได้ง่ายขึ้น ส่งเสริมทัศนคติ 

ในการทำางานร่วมกันข้ามแผนกของคนในองค์กรอีกด้วย โดย 

บนเว็บไซต์ทางการของ 3XN Architects กล่าวว่า การสร้าง 

ตึก QQT จาก AMP Center Tower เดิมนี้ ช่วยลด embodied 

carbon ได้ถึง 12,000 ตัน ซึ่งเท่ากับ 35,000 เที่ยวบินไป - 

กลับระหว่างซิดนีย์และเมลเบิร์นเลยทีเดียว 

The Future is Microscopic 

SolarLeaf is a building façade system developed by 

ARUP and other collaborators in Germany. It was 

showcased as part of the International Building 

Exhibition (IBA) in Hamburg in 2013. Titled BIQ 

House, the 1,700 square-metre residential block 

is fitted with photobioreactors on two facades. 

The photobioreactor panels, measuring 2.5 x 0.7 

metres each, are basically tanks filled with nutritious 

food suitable for growing microalgae. With sunlight 

and carbon dioxide drawn from the surrounding

28 

theme 

09 

Photo: © Colt International, 

Arup Deutschland, SSC GmbH 

Photo: © Colt International, Arup Deutschland, 

SSC GmbH 

11 12 

Photo: © Colt International, Arup Deutschland, SSC GmbH 

10 

SolarLeaf 

อนาคตอยู่ในของที่เล็กจนมองไม่เห็น 

SolarLeaf คือระบบ façade อาคารที่พัฒนาโดย ARUP และ 

ผู้ร่วมพัฒนารายอื่น ๆ ในประเทศเยอรมนี ระบบนี้ได้เข้าร่วม 

จัดแสดงเป็นส่วนหนึ่งในนิทรรศการ International Building 

Exhibition (IBA) เมืองฮัมบูร์กเมื่อปี 2556 โดยใช้กับอาคาร 

พักอาศัยขนาด 1,700 ตารางเมตรที่ชื่อว่า BIQ House อาคาร 

หลังนี้ ติดตั้งระบบ photobioreactors บน façade สองด้าน 

โดยองค์ประกอบหลักของ photobioreactors นี้ คือแผงที่เป็น 

เหมือนถังน้ำาแนวตั้งขนาด 2.5 x 0.7 เมตร ภายในบรรจุ 

สารอาหารซึ่งเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของสาหร่าย เมื่อ 

สาหร่ายได้รับแสงแดด และระบบได้ดึงคาร์บอนไดออกไซด์ 

จากสภาพแวดล้อมโดยรอบเข้ามาทำาปฏิกิริยา สาหร่ายก็จะ 

เติบโต ความร้อนซึ่งเป็นผลลัพธ์ของปฏิกิริยาดังกล่าว ก็จะถูก 

ดึงเอาไปใช้สร้างความอบอุ่นให้แก่ยูนิตที่พักอาศัยทั้ง 15 ยูนิต 

เอาไปทำาน้ำาอุ่น หรือเอาไปเก็บไว้เพื่อใช้ภายหลัง SolarLeaf 

ถูกออกแบบให้เป็นระบบ modular ที่อาจนำาไปใช้กับผนัง 

ทึบหรือหน้าต่าง ถ้าแปะอยู่กับผนังทึบ สาหร่ายสีเขียวก็กลาย 

เป็นเหมือนลวดลายตกแต่งบน façade หากไปประกบอยู่กับ 

หน้าต่างของอาคารเดิม สาหร่ายก็จะกลายเป็นม่านกรองแสง 

ให้กับพื้นที่ภายในด้วย นอกจากนี้ ประโยชน์ของ SolarLeaf 

ยังรวมไปถึงการเพิ่มฉนวนความร้อนให้อาคาร และลดเสียง 

รบกวนจากภายนอกด้วย 

environment, the algae grow. Heat is extracted to 

heat the 15 residential units, heat the water supply, 

or store it for later. This modular system may be 

applied onto solid walls, where the green elements 

will become decorative; or on windows where the 

algae will also act as sun-shading screens for the 

interior. The panels also give extra benefits such as 

building insulation and noise reduction. 

SolarLeaf is still being developed further. And 

today we hear more about algae walls in new 

developments. Perhaps a room tinted with the 

colour fluorescent green will really be a common 

scene of our future homes. 

The Future is Back to Basic—with a Twist 

Molina de Segura in Spain was a rocky sloping 

terrain, characterised by ravines and droughtresistant 

plants, but was flattened because of 

urbanisation. Instead of following the typical 

housing development of the area, Rambla Climate- 

House, designed by Andrés Jaque and Miguel Mesa 

del Castillo, takes a more ecological approach. 

The architects work with a soil expert and an 

ecologist to restore the humidity and biodiversity


29 

If architecture could reverse the destroyed ecology, might 

future cities reverse the material preferences, too? Thatch 

and clay may be associated with the rural landscape, while 

concrete, glass, and steel are for the modern cities. In the 

future, this may change. 

ในวันนี้ SolarLeaf ยังคงได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม และทุกวันนี้ 

เราก็ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับผนังสาหร่ายในโครงการขนาดใหญ่ 

ที่สร้างใหม่มากขึ้น ในอนาคตคงมีความเป็นไปได้ที่ภาพคุ้นตา 

ของห้องในบ้านเรา จะเป็นห้องสีเขียวเรือง ๆ ที่เกิดจากแสง 

แดดส่องผ่านสาหร่ายเข้ามาภายในก็เป็นได้ 

อนาคตคือการกลับคืนสู่จุดเริ ่มต้น— 

แบบที่มีการพลิกแพลงเล็กน้อย 

Molina de Segura ในประเทศสเปนเป็นภูมิประเทศลาดเขา 

เต็มไปด้วยหินและพืชทนแล้ง แต่ภูมิประเทศได้เปลี่ยนไป 

พื้นที่ลาดเขาถูกทำาให้แบนราบและปราศจากธรรมชาติเพื่อ 

รองรับการขยายตัวของเขตเมือง แต่เมื่อ Andrés Jaque 

และ Miguel Mesa del Castillo ออกแบบ Rambla Climate- 

House พวกเขาเลือกที่จะใช้แนวทางการออกแบบที่คำานึง 

ถึงระบบนิเวศ มากกว่าที่จะทำาตามแบบฉบับที่เป็นที่นิยม 

ในโครงการบ้านจัดสรรในเขตนี้ สถาปนิกทำางานร่วมกับ 

ผู้เชี่ยวชาญด้านดินและนักนิเวศวิทยาเพื่อฟื้นฟูความชื้นและ 

ความหลากหลายทางชีวภาพให้กับพื้นที่ โดยการทำาให้ไซต์ 

กลับคืนสู่สภาพภูมิประเทศดั้งเดิม เมื่อมีการขุดดินเพื่อทำ า 

พื้นราบให้กับลานจอดรถของบ้าน บริเวณที่ดินถูกขุดออกมา 

ก็ถูกทำาให้กลายเป็นหุบเขาที่มนุษย์สร้างขึ้น เกิดเป็นหุบ ร่อง 

ที่ช่วยรักษาความชื้นของดิน สถาปนิกยกตัวบ้านขึ้นบนเสา 

ให้ลอยอยู่เหนือภูมิประเทศที่เกิดใหม่ หลังคาของบ้านลาด 

เอียงลงไปยังส่วนกลางของบ้าน ทำาให้น้ำาฝนไปหล่อเลี้ยงดิน 

และพืชพันธุ์ของระบบนิเวศที่เกิดใหม่ อีกทั้ง บ้านหลังนี้ยังมี 

ระบบเก็บน้ำาจากฝักบัวอาบน้ำาและอ่างล้างหน้ามาช่วยรดน้ำา 

ต้นไม้ที่ปลูกใหม่ ระบบรดน้ำายังใช้เซ็นเซอร์และเทคโนโลยี 

to the site. The design reverses the site back to 

its original topography. Where the soil is removed 

to build the flat area of the house's car park, 

man-made ravines are created. The house is 

raised on stilts over the new landscape. Ravines 

help preserve the soil moisture. And the wild 

landscape is irrigated by rainwater and grey 

water, collected through the inward-sloping roof 

and from showers and sinks, respectively. The 

irrigation system also employs sensors and data 

technology to monitor soil moisture. By restoring 

the natural condition, the area belongs, and with 

the help of new technologies, Rambla Climate- 

House demonstrates that the future green is not 

only about large developments, but small houses 

can play a part, too. 

If architecture could reverse the destroyed ecology, 

might future cities reverse the material preferences, 

too? Thatch and clay may be associated with the 

rural landscape, while concrete, glass, and steel 

are for the modern cities. In the future, this may 

change. 

13-14 

Rambla Climate House 

Photo: © José Hevia 

13 

Photo: © José Hevia 

14

30 

theme 

เก็บสถิติเพื่อตรวจสอบความชื้นในดิน กล่าวโดยสรุปคือ 

แนวคิดหลักของ Rambla Climate-House คือการฟื้นฟู 

สภาพแวดล้อมแต่เดิมของพื้นที่ เพราะธรรมชาติเดิมคือ 

สภาพที่เหมาะสมกับระบบนิเวศของตรงนี้ที่สุด และด้วยพลัง 

เสริมจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ บ้านหลังนี้ ก็ได้แสดงให้เห็นว่า 

อนาคตสีเขียวไม่เพียงเป็นเรื่องของการพัฒนาขนาดใหญ่ 

เท่านั้น แต่บ้านหลังเล็ก ๆ ก็สามารถมีส่วนร่วมได้เช่นกัน 

หากสถาปัตยกรรมสามารถพลิกฟื้นระบบนิเวศที่ถูกทำาลาย 

ไปแล้วให้กลับมาได้ มุมมองต่อวัสดุก่อสร้างของเมืองใน 

อนาคต ก็อาจจะพลิกกลับไปในทางตรงกันข้ามได้เหมือนกัน 

ยกตัวอย่างเช่น บ้านหลังคามุงจากและบ้านดินในปัจจุบันอาจ 

เป็นภาพของภูมิทัศน์ชนบท ในขณะที่คอนกรีต กระจก และ 

เหล็ก เป็นวัสดุที่สื่อถึงเมืองสมัยใหม่ แต่ในอนาคต ภาพจำ า 

ของวัสดุอาจจะเปลี่ยนแปลงไปก็ได้ 

During the 2023 UIA World Congress of Architects 

in Copenhagen, installations and pavilions pop up 

around the city. Among them is an exhibition called 

‘From 4 to 1 Planet’, which looks at an ecological 

approach for affordable housing. One of the showcases 

is ‘Thatched Brick Pavilion’ designed by 

Leth & Gori, Rønnow Arkitekter and the Centre for 

Industrialised Architecture (CINARK). The pavilion 

proposes that the material combination of thatch 

and clay blocks, with thatch on the exterior, provides 

great insulation and fire protection. Scientific figures 

of thermal and acoustic properties aside, the 

pavilion also shows that such mundane materials, 

when designed properly, can create a pleasant 

domestic architecture. 


16 



ผังหลังคา 

16 


ผังพื้นชั้น 1 

17 


ผังพื้นชั้น Ground 

17


31 

18 

Photo: © Kim Høltermand 

18 

Thatched Brick Pavilion 

ในระหว่างการประชุม UIA World Congress of Architects ที่ 

เมืองโคเปนเฮเกนในปี 2566 งานศิลปะจัดวางและพาวิลเลียน 

ต่าง ๆ ได้ปรากฏขึ้นทั่วเมือง หนึ่งในนั้นคือนิทรรศการ 'From 

4 to 1 Planet' ซึ่งสำารวจแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

สำาหรับโครงการที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยา หนึ่งในผลงาน 

จัดแสดงคือ ‘Thatched Brick Pavilion’ หรือ 'พาวิลเลียนอิฐ 

มุงจาก' ซึ่งออกแบบโดย Leth & Gori, Rønnow Arkitekter 

และ Centre for Industrialised Architecture (CINARK) 

พาวิลเลียนนี้ได้นำาเสนอการผสมผสานการสร้างบ้านมุงจาก 

กับบล็อกดินเหนียว โดยการมุงจากไว้ด้านนอกของบ้าน 

พาวิลเลียนอิฐมุงจากเสนอว่าวัสดุคู่นี้เป็นฉนวนที่ดีเยี่ยม 

และมีค่าการป้องกันอัคคีภัยที่ดีกว่าการก่ออิฐที่นิยมใช้ใน 

การก่อสร้างบ้านปัจจุบันเสียอีก แต่นอกจากค่าตัวเลขทาง 

วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับคุณสมบัติทางความร้อนและเสียงแล้ว 

พาวิลเลียนนี้ยังแสดงให้เห็นว่าวัสดุธรรมดา ๆ ราคาถูก เมื่อ 

ได้รับการออกแบบอย่างเหมาะสมแล้ว ก็จะสามารถสร้างบ้าน 

ที่ร่วมสมัยและมีบรรยากาศภายในที่น่ารื่นรมย์ได้เช่นกัน 

อนาคตมีสําหรับทุกคน 

และบางทีอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็อาจเริ่มต้นจาก 

บางสิ่งที่เล็กกว่าบ้านเสียอีก 

Yasmeen Lari สถาปนิกหญิงชาวปากีสถานเพิ่งได้รับรางวัล 

อันทรงเกียรติ Royal Gold Medal จาก Royal Institute of 

British Architects (RIBA) กรรมการเชิดชูผลงานออกแบบ 

ตลอดหลายสิบปีของ Lari โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำางาน 

ร่วมกับชุมชนผู้ด้อยโอกาสในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โครงการ 

ของเธอมักใช้วัสดุคาร์บอนต่ำา อย่างปูนขาว ปูนปลาสเตอร์ 

ไม้ไผ่ ดิน และมักจะมีการฝึกอบรมผู้คนในชุมชนให้สร้าง 

บางสิ่งบางอย่างด้วยตนเอง 

The Future is For Everyone 

And perhaps the greener future can start with 

something even smaller than a house. 

Yasmeen Lari, a female Pakistani architect just 

won the prestigious Royal Institute of British 

Architects (RIBA) Royal Gold Medal. Over the 

last 20 years, she has been working with underprivileged 

communities. Her projects often employ 

low-carbon materials such as lime, plaster, 

bamboo, earth and often involve training people 

in communities to build themselves. 

One of Lari’s projects tackles the fact that the 

poor communities use firewood to cook on open 

fires. That means more trees need to be cut down 

for firewood. The smoke also pollutes the air, 

which is bad for the environment and for health 

of the community. It also increases the risk of 

fires in houses. 

Lari proposes a new model of stove called 

Chulah Cookstove. It is made of locally sourced 

mud and lime-plaster and raised on a platform 

so that it will not be washed away by floods. 

Chulah Cookstove is more than a simple stove. 

Storage for cooking utensils, a hand-washing 

area, a network of ducts, a fire chamber and a 

chimney are part of the design which can be built 

by women. No more firewood, the stove is fuelled 

by agricultural waste such as cow dung and 

sawdust bricks. Moreover, Lari deals with the 

process of disseminating Chulah Cookstove to 

communities. ‘Barefoot entrepreneurs’ who

32 

theme 

19 

Thatched Brick Pavilion 

19 

Photo: © Kim Høltermand


33 

หนึ่งในโครงการของ Lari เกิดมาจากวิถีชีวิตการทำ าอาหารของ 

กลุ่มชุมชนผู้มีรายได้น้อย ที่ใช้ฟืนในการปรุงอาหารบนเตา 

เปิดโล่ง ทำาให้เกิดควันที่เป็นมลภาวะทางอากาศ ส่งผลเสียต่อ 

สิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้คนในชุมชนเอง อีกทั้ง ทำาให้ 

เกิดการตัดไม้จำานวนมากเพื่อนำามาทำาเป็นฟืน และยังเพิ่ม 

ความเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ในบ้านตนเองอีกด้วย Lari 

ได้เสนอเตารุ่นใหม่ชื่อ Chulah Cookstove โดยทำาขึ้นจากดิน 

โคลนและปูนขาวที่หาได้ในท้องถิ่น เตารุ่นใหม่นี้มีลักษณะ 

เป็นแท่น เพื่อไม่ให้เตาถูกพัดพาไปกับกระแสน้ำาหากเกิด 

อุทกภัย Chulah Cookstove ยังเป็นมากกว่าแค่เตา แต่ 

พร้อมไปด้วยพื้นที่จัดเก็บอุปกรณ์เครื่องครัว ที่ล้างมือ ท่อ 

อากาศและปล่องไฟ เตาไม่ได้ใช้พลังงานจากฟืนตามวิถี 

ปฏิบัติเดิม แต่ใช้พลังงานจากขยะในการเกษตร เช่น มูลวัว 

และอิฐขี้เลื่อย และที่สำาคัญคือ สามารถสร้างได้ด้วยแรงของ 

แม่บ้านของแต่ละครัวเรือนเอง นอกจากนี้ Lari ไม่เพียง 

ออกแบบ แต่ยังวางระบบการเผยแพร่องค์ความรู้ในการสร้าง 

เตา Chulah Cookstove สู่ชุมชน โดยการเผยแพร่องค์ความรู้ 

เป็นงานที่ดำาเนินการโดยกลุ่มคนที่เรียกว่า Barefoot entrepreneurs 

ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ได้รับการอบรมจากอีกโครงการ 

ชื่อ Barefoot Social Architecture ที่ก่อตั้งโดย Lari เช่นกัน 

กลุ่มคนพวกนี้ จะไปสร้างการรับรู้ถึงผลเสียของการทำ าอาหาร 

แบบเดิม และฝึกอบรมแม่บ้านในชุมชนให้สร้างเตาโมเดลใหม่ 

นี้ด้วยตัวเอง จากวัสดุที่สนับสนุนค่าใช้จ่ายโดย Heritage 

Foundation of Pakistan ที่ Lari เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ผลลัพธ์คือ 

ชุมชนปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ที่ส่งผลดีกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น 

และสมาชิกของ Barefoot entrepreneurs เอง ก็ได้รับรายได้ 

จากมูลนิธิ Heritage Foundation of Pakistan ด้วย 

are the result of Lari’s another project called 

Barefoot Social Architecture Programme, raise 

awareness and train housewives in rural communities 

to build. These ‘entrepreneurs’ get paid 

by the Heritage Foundation of Pakistan, another 

organisation co-founded by Lari. The Foundation 

also supports the cost of materials. 

The Green Games of the Future 

In less than a year, Paris will host the Olympic 

Games. On the Games’ official website, Paris 

2024 promises to be ‘both spectacular and 

sustainable’ as it determines to deliver half of 

the carbon footprint of the previous Olympic 

Games. There is a Committee for the Games 

Ecological Transformation, comprising experts 

from biodiversity, circular economy, energy, 

digital technology, temporary construction and 

so on. A range of specific sporting arenas 

spreading over several venues are required for 

the world’s grandest sports competition. Paris 

2024 says they will, nevertheless, minimise 

new construction. Instead of building massive 

stadiums, 95% of their venues will make use 

of existing ones or will transform the majestic 

Parisian landmarks like the Eiffel Tower into 

sporting venues. Over the next few months, 

it shall be exciting to see how this environmental 

ambition unfolds and how innovative architectural 

design might reshape mega-events. 

20 

Chulah Cookstove 

เกมสีเขียวแห่งอนาคต 

ปารีสจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในอีกไม่ถึง 

หนึ่งปี ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Paris 2024 ได้ 

ให้คำามั่นสัญญาว่าการจัดการแข่งขันครั้งนี้จะ "ทั้งยิ่งใหญ่ 

อลังการและยั่งยืน" เนื่องจากกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ มีความ 

มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งของการ 

แข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งก่อน ๆ สำาหรับวิธีการที่จะนำาไปสู่ 

เป้าหมายนั้น ที่แน่ ๆ คือ Paris 2024 ได้มีการจัดตั้งคณะ 

กรรมการที่ชื่อว่า ‘Committee for the Games Ecological 

Transformation’ แปลได้ว่า คณะกรรมการเพื่อการแปลง 

โฉมสิ่งแวดล้อมของการจัดโอลิมปิกครั้งนี้ คณะกรรมการ 

ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญหลากหลายด้าน เช่น ด้านความ 

หลากหลายทางชีวภาพ เศรษฐกิจแบบหมุนเวียน พลังงาน 

เทคโนโลยีดิจิทัล การสร้างสิ่งก่อสร้างชั่วคราว เป็นต้น และ 

ถึงแม้การแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่อย่างโอลิมปิก จะต้องการ 

พื้นที่แข่งขันที่เฉพาะเจาะจง ออกแบบมาตรงตามมาตรฐาน 

ของแต่ละประเภทกีฬา การสร้างใหม่จากศูนย์จึงน่าจะง่าย 

ที่สุด แต่ Paris 2024 ประกาศว่า จะลดการก่อสร้างใหม่ให้ 

20 

Photo: © Yasmeen Lari, Heritage Foundation of Pakistan

34 

theme 

‘Holistic’ and ‘Respectful’, these two words are meaningful. 

We need to be ‘holistic’ and ‘respectful’ in our approach. And 

with this frame of mind, regardless of the scale of the projects, 

we all can contribute to the green future. 

21-22 

Chulah Cookstove 

Photo: © Yasmeen Lari, Heritage Foundation of Pakistan 

21 

น้อยที่สุด โดย 95% ของสนามแข่งขัน จะใช้สนามกีฬาที่มี 

อยู่เดิมมาปรับปรุงใหม่ให้ได้มาตรฐานตามกำาหนด หรือจะ 

เปลี่ยนสถานที่สำาคัญอันงดงามของปารีส อย่างหอไอเฟล ให้ 

เป็นสนามแข่งกีฬา ด้วยแนวทางนี้แล้ว ในอีกไม่กี่เดือนข้าง 

หน้า คงจะหน้าตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้เห็นว่าเป้าหมายด้านสิ่ง 

แวดล้อมนี้ จะคลี่คลายออกมาผ่านวิธีการใด รวมไปถึงการ 

ออกแบบสถาปัตยกรรมที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรม จะเปลี่ยน 

โฉมหน้าของงานแข่งขันกีฬาขนาดยักษ์ไปอย่างไรบ้าง 

อนาคต “จําเป็ นต้อง” เป็ นสีเขียว 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา 'อนาคตสีเขียว' ได้กลายเป็นทอล์คออฟ 

เดอะทาวน์ เป้าหมายของเราตอนนี้จากความตกลงปารีสคือ 

การควบคุมอุณหภูมิให้ไม่สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสเหนือ 

ระดับก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม หากสังคมอุตสาหกรรม 

ของเราในปัจจุบัน เกี่ยวข้องกับคำาสำาคัญอย่างเครื่องจักร 

สิ่งก่อสร้างใหม่ การแข่งขัน พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล 

และความห่างไกลธรรมชาติ บางทีเราอาจนึกถึงคำาสำาคัญที่ 

ตรงกันข้ามในการออกแบบสถาปัตยกรรมให้มากขึ้น นั่นคือ 

การออกแบบอย่าง Passive design การ Upcycling การ 

ทำางานร่วมกัน พลังงานสะอาด และการอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ 

The Future MUST be Green 

In recent years, ‘green future’ has become the talk 

of the town. Our goal now from the Paris Agreement 

is to not exceed 1.5 °C above pre-industrial levels. 

If the current industrialised society is associated 

with machine, new built, competition, fossil fuels 

and being removed from nature. We could perhaps 

engage some of the opposite qualities in our architecture: 

passive design, upcycling, collaboration, 

renewable energy, and nature. 

And perhaps we can learn from the 2019 Sustainability 

Manifesto by Foster + Partners which 

states that the company ‘has long believed in 

design being holistic and respectful of the needs 

of people and planet’. ‘Holistic’ and ‘Respectful’, 

these two words are meaningful. We need to 

be ‘holistic’ and ‘respectful’ in our approach. 

We shall be holistic in integrating nature and 

architecture; holistic in considering the construc-


35 

และบางที เราอาจจะเรียนรู้ได้จากแถลงการณ์ด้านความยั่งยืน 

(Sustainability Manifesto) เมื่อปี 2562 ของ Foster + 

Partners ที่ระบุว่าบริษัท “เชื่อมั่นมาอย่างยาวนาน ในการ 

ออกแบบที่บูรณาการเป็นองค์รวม และเคารพต่อความต้องการ 

ทั้งของผู้คนและของโลก” สองคำ าสำาคัญที่มีความหมายอย่างยิ่ง 

คือ “ความเป็นองค์รวม” และ “ความเคารพ” เราจำาเป็นต้องมี 

สองคำานี้ในแนวคิดและแนวปฏิบัติของเรา เราควรบูรณาการ 

ธรรมชาติเข้ากับสถาปัตยกรรมแบบองค์รวม เราควรคำ านึงถึง 

กระบวนการก่อสร้างแบบเป็นองค์รวม คือตั้งแต่ต้นจนจบ ไปจน 

ถึงการดำารงอยู่ของอาคารเมื่อเวลาผ่านไป เราควรเคารพต่อ 

พลังแห่งธรรมชาติ อย่างแสงอาทิตย์และสายลม และออกแบบ 

สถาปัตยกรรมให้สอดคล้องกับพลังของธรรมชาตินั้น ๆ เรา 

ควรเคารพต่อระบบนิเวศที่อยู่มาก่อนหน้าเรา เคารพทรัพยากร 

ที่เรามีอยู่แล้ว พิจารณาว่าสามารถปรับปรุงอะไรได้ แทนที่จะ 

ทำาลายและเริ่มใหม่จากศูนย์ และเราควรเคารพและทำ างานแบบ 

องค์รวมร่วมกับสาขาวิชาอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น นักนิเวศวิทยา 

ผู้เชี่ยวชาญด้านดิน อาสาสมัครหมู่บ้าน หรือแม่บ้านในชนบท 

และด้วยทัศนคตินี้ ไม่ว่าโครงการออกแบบจะมีขนาดเท่าใด 

ก็ตาม เราทุกคนก็สามารถมีส่วนร่วมในอนาคตสีเขียวได้ 

Photo: © Yasmeen Lari, Heritage Foundation of Pakistan 

tion, from start to finish, to how the building 

might sustain over time. We shall respect the 

force of nature: the sun and the winds and design 

accordingly. We shall respect the ecology that 

comes before us; the existing resources we have 

and see what we can improve instead of starting 

over. And we shall respect and work holistically 

with other disciplines: ecologists, soil experts, 

rural women to name a few. And with this frame 

of mind, regardless of the scale of the projects, 

we all can contribute to the green future. 

22 

นวันวัจน์ ยุธานหัส 

จบการศึกษาระดับ 

ปริญญาตรีและปริญญาโท 

จากคณะสถาปั ตยกรรม- 

ศาสตร์ที่ Bartlett School 

of Architecture, University 

College London 

และเป็ นภัณฑารักษ์ผู้ช่วย 

ของ Thai Pavilion ในงาน 

Venice Architecture 

Biennale ครั้งที่ 17 เมื่อ 

ปี ค.ศ. 2021 ปั จจุบัน 

นวันวัจน์สอนที่คณะ 

สถาปั ตยกรรมศาสตร์ 

มหาวิทยาลัยศิลปากร และ 

แชร์ความสนใจในการ 

บอกเล่าเรื่องราวที่มีค่า 

ผ่านพื้นที่กับนักออกแบบ 

รุ่นใหม่ที่ International 

Programme in Communication 

Design 

(CommDe) จุฬาลงกรณ์ 

มหาวิทยาลัย 

Nawanwaj 

Yudhanahas 

studied Bachelor’s 

and Master’s degrees 

in Architecture at the 

Bartlett School of Architecture 

in London. 

She was an assistant 

curator for the Thai 

Pavilion at the 17th 

Venice Architecture 

Biennale in 2021. She 

currently teaches at 

the Faculty of Architecture 

at Silpakorn 

University and shares 

her passion for telling 

meaningful stories via 

space and materials 

with students at the 

International Programme 

in Communication 

Design (Comm- 

De), Chulalongkorn 

University. 

Bibliography 

3XN Architects. “Quay Quarter Tower.” https://3xn.com/project/ 

quay-quarter-tower-2. 

Arup. “Glass Facade System With Integrated Algae Photobioreactors 

for Heat and Biomass Generation.” www.arup.com/ 

projects/bioenergy-facade. 

Arup. “People Nature and Technology: An Integrated Vision for Net 

Zero Building Design in Asia - Arup.” www.arup.com/perspectives/people-nature-and-technology-an-integrated-vision-fornet-zero-building-design-in-asia. 

Arup. “SolarLeaf.” www.arup.com/projects/solar-leaf. 

Arup. “The World’s First Green Building Facade With Microalgae 

- Arup.” YouTube, 14 July 2015, www.youtube.com/ 

watch?v=t3OddaOgo5Q. 

Bioregional. “BedZED – the UK’s First Major Sustainable Community 

– Bioregional.” Bioregional, www.bioregional.com/ 

projects-and-services/case-studies/bedzed-the-uks-first-largescale-eco-village. 

Cutieru, Andreea. “Arup Designs Carbon Neutral Tower in Hong 

Kong.” ArchDaily, 17 Dec. 2021, www.archdaily.com/973785/ 

arup-designs-carbon-neutral-tower-in-hong-kong. 

Foster + Partners. www.fosterandpartners.com/news/cop25-foster-plus-partners-launches-its-sustainability-manifesto. 

Frearson, Amy. “From 4 to 1 Planet Showcases Climate-friendly 

Homes of the Future.” Dezeen, 18 July 2023, www.dezeen. 

com/2023/07/18/from-4-to-1-planet-pavilions-climate-friendly-homes. 

Frearson, Amy. “Rambla Climate-House Shows How Suburban 

Homes Can Support Biodiversity.” Dezeen, 13 Jan. 2023, www. 

dezeen.com/2023/01/13/rambla-climate-house-biodiversity-andres-jaque-and-miguel-mesa-del-castillo. 

Levy, Natasha. “Earthen Stove by Yasmeen Lari Lets Women in 

Rural Pakistan Cook in an Eco-friendly Way.” Dezeen, 5 Nov. 

2021, www.dezeen.com/2021/11/05/stove-design-eco-cookingyasmeen-lari. 

Paris 2024. “Paris 2024 - Environmental Ambition.” Paris 2024, 

www.paris2024.org/en/a-pioneering-ambition-for-the-environment. 

Paris 2024. “The Committee for the Games Ecological Transformation.” 

Paris 2024, www.paris2024.org/en/games-ecologicaltransformation-committee.

36 


Sowing 

the 

Seeds 

1 

In Nan province, Integrated Field (IF) and North Forest Studio have transformed 

the vast land into a forested area to cultivate and nurture a new 

woodland and create a space that can positively affect the community, 

breathing new life into the ecosystem. 

Text: Nuttawadee Suttanan 

Photo Courtesy of Integrated Field (IF) and W Workspace except as noted

2 

01 

ทัศนียภาพโดยรวมของ 

โครงการป่าทำามา 

02 

ภาพมุมสูง ร้านอาหาร 

ป่ากำากิ๋น

38 


ป่ายางกว่า 500 ไร่ ที่มีแม่น้ำาน่านไหลผ่าน ใน 

ตำาบลเมืองจัง อำาเภอภูเพียง จังหวัดน่าน เป็น 

พื้นที่เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ และพื้นที่ให้คน 

น่านได้มาใช้ร่วมกัน ที่รู้จักกันในชื่อ “ป่าทำามา” 

ซึ่ง ธนพลพจน์ โรจน์ณัฐกุล และก่อเกียรติ กิตติ- 

โสภณพงศ์ จาก Integrated Field (IF) ในฐานะ 

สถาปนิกผู้ออกแบบโครงการ ได้ถ่ายทอดเรื่อง 

ราวของ “ป่าทำามา” ไว้ว่าเป็นการทำางานร่วมกัน 

ของผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชาชีพ ที่เริ่มต้น 

จากการวางผังแม่บทและปรับภูมิทัศน์ของพื้นที่ 

กว่า 500 ไร่ ให้เตรียมพร้อมสำาหรับการพัฒนา 

พื้นที่ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยมีป่าเหนือ 

สตูดิโอ และเจ้าของโครงการรับหน้าที่ในการ 

เริ่มวางผังแม่บทและปรับภูมิทัศน์พื้นที่ ส่วน 

Integrated Field (IF) รับหน้าที่ในส่วนของงาน 

ออกแบบที่พักและร้านอาหารป่ากำากิ๋น ทั้งงาน 

ออกแบบสถาปัตยกรรม งานภูมิสถาปัตยกรรม 

ตกแต่งภายใน และงานออกแบบ Brand Identity 

และ Environmental graphic 

พื้นที่ส่วนหนึ่งของโครงการคือป่ายางที่เรียงตัวอยู่ 

อย่างหนาแน่นแต่สวยงาม เป็นทางเข้าหลักของ 

โครงการ และอีกส่วนหนึ่งคือพื้นที่ที่เกิดจากการ 

ปรับใหม่ ด้วยเจ้าโครงการตั้งใจจะพัฒนาให้เป็นป่า 

และพื้นที่เชิงการเกษตร ต้นไม้ทุกต้นที่ปลูกขึ้นที่นี่ 

จึงไม่ใช่เพียงการปลูกต้นไม้จำ านวนมาก ๆ ลงไปให้ 

เกิดเป็นป่า แต่เกิดจากเลือกสรรพืชพรรณท้องถิ่น 

และจัดวางให้อยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมในผังโครงการ 

โดยป่าเหนือสตูดิโอและเจ้าของโครงการมีจุดมุ่ง- 

หมายคือการคืน “ป่า” ให้กับเมือง และเป็นที่มา 

ของชื่อโครงการ “ป่าทำามา” ที่มาจาก “ป่าที่ทำา 

ขึ้นมาตั้งแต่ต้นกล้า” 

เมื่อเริ่มพัฒนาพื้นที่โครงการป่าทำามา ไม่ใช่เพียง 

แค่การสร้างป่า แต่ยังมีการพัฒนาพื้นที่ที่สามารถ 

ช่วยเหลือเพื่อนบ้านข้างเคียง เกิดเป็นฝายใน 

โครงการป่าทำามา ที่เป็นการทำางานร่วมกัน 

ระหว่างเอกชนและภาครัฐในการพัฒนาขยาย 

แม่น้ำาน่าน เนื่องจากฝายจะช่วยชะลอการไหล 

ของน้ำาและลดการกัดเซาะพื้นที่ริมน้ำ า นับเป็นการ 

ทำาเพื่อสาธารณะประโยชน์ รวมทั้งฟื้นฟูพัฒนา 

ระบบนิเวศริมแม่น้ำาน่าน ภาพเวิ้งน้ำาในโครงการ 

ป่าทำามา จึงเป็นภาพของน้ำาในฝายที่ไหลมาจาก 

แม่น้ำาน่านนั่นเอง 

ส่วนแนวคิดของการออกแบบสถาปัตยกรรม คือ 

การดึงความงามของสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นผสม- 

ผสานกับสถาปัตยกรรมร่วมสมัย ทั้งร้านอาหาร 

และห้องพักทั้ง 9 หลัง จึงมีกลิ่นอายของความ 

เรียบง่ายแบบบ้านเรือนพื้นถิ่น ที่ถูกปรับแต่ง 

คัดสรรส่วนที่เหมาะสมกับพื้นที่ เป็นงานออกแบบ 

ที่มีรูปแบบเฉพาะตัวของ “ป่าทำามา” เริ่มตั้งแต่ 

ต้นไม้ในผังโครงการที่ปลูกจากต้นกล้า จึงไม่ใช่ 

ไม้ใหญ่ที่สวยสมบูรณ์นับตั้งแต่วันแรก แต่ค่อย ๆ 

เติบโตเหมือนไม้ในสวนหน้าบ้านที่เราคุ้นเคย หรือ 

ลักษณะหลังคาสูงของบ้านพื้นถิ่นในจังหวัดน่าน 

ที่ให้ทั้งความมืดและความสว่าง แม้กระทั่งรูปทรง 

ของงานสถาปัตยกรรม ก็ได้รับแรงบันดาลใจจาก 

รูปทรงของหินแม่น้ำาในฝายของโครงการ 

“ป่ากำากิ๋น” ร้านอาหารในโครงการป่าทำามาที่ 

ถูกตั้งชื่อให้สอดคล้องกับชื่อโครงการ โดยการ 

เล่นคำากับภาษาเหนือ และเป็นสถาปัตยกรรม 

หลังแรกที่เกิดขึ้นในโครงการ โดยมีจุดเริ่มต้น 

จากความต้องการให้ “ป่าทำามา” เป็นที่รู้จัก 

จนในปัจจุบัน “ป่ากำากิ๋น” กลายเป็นอีกจุดหมาย 

หนึ่งที่คนน่าน และนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัด 

นึกถึงเมื่อเดินทางมายังจังหวัดน่าน 

ความน่าสนใจของการออกแบบร้านป่ากำากิ๋น คือ 

บริเวณทางเข้ามีเสาไม้ขนาดใหญ่รองรับหลังคา 

ที่ได้แรงบันดาลใจจากเสาเรือนพื้นถิ่นแต่มีสัดส่วน 

ที่แตกต่างออกไป ส่วนพื้นที่ทางเข้าที่นอกจาก 

เป็นทางเข้าร้านอาหารยังเป็นส่วนต้อนรับสำาหรับ 

ผู้มาพักในโครงการ ด้วยการออกแบบให้ความรู้สึก 

เหมือนเป็นอาคารชั้นเดียวเมื่อมองจากภายนอก 

แต่เมื่อเข้ามาในตัวอาคาร จะพบว่ามีพื้นที่ชั้นล่าง 

เป็นพื้นที่นั่งเล่นที่ได้รับลมเย็นจากธรรมชาติ และ 

กลายเป็นมุมยอดนิยมสำาหรับผู้ที่มาใช้บริการป่า 

กำากิ๋น พื้นที่นั่งรับประทานอาหาร และส่วนของบาร์ 

มีการออกแบบให้สามารถเปิดหน้าต่างได้โดยรอบ 

อาคารรับลมธรรมชาติได้ ส่วนฝ้าของอาคารยัง 

มีการใช้วัสดุหวายเทียม ล้อกับรูปแบบการใช้เสื่อ 

หวายมาทำาฝ้าของวัดที่พบเห็นได้ในต่างจังหวัด 

บริเวณพื้นที่ Patamma Hideaway Resort 

ประกอบด้วยห้องพักทั้งหมด 9 หลัง รูปแบบ 

Lagoon Viila 8 หลัง และห้องพักแบบ Sky Loft 

Villa 1 หลัง วางตัวเรียงรายอยู่ริมน้ำ า หากมองจาก 

ผังบริเวณโครงการ ห้องพักทั้ง 9 หลัง เหมือน 

ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ถูกจับเรียงกัน 9 ชิ้น ซี่ง 

รูปทรงอาคารนี้ได้แรงบันดาลใจจากรูปทรง 

ของหินแม่น้ำาที่พบที่โครงการ การจัดวางผังพื้น 

ที่ตั้งใจให้สอดคล้องกับต้นไม้ที่ปลูกมาก่อนหน้า 

เพื่อให้สถาปัตยกรรมและต้นไม้กลมกลืนและ 

ส่งเสริมกันและกัน ความคาดหวังหนึ่งของ 

นักออกแบบ คือเมื่อเวลาผ่านไป หากต้นไม้ 

เหล่านั้นเติบโตจนสูงใหญ่ อาคารทั้ง 9 หลัง 

จะสามารถกลมกลืนอยู่เป็นส่วนหนึ่งของทิวไม้ 

ใหญ่ได้เป็นอย่างดี 

ในการจัดวางห้องพักริมน้ำา สิ่งแรกที่ต้องคำาถึง 

จึงเป็นระดับขึ้นลงของแม่น้ำาน่าน การออกแบบ 

อาคารจึงออกแบบให้เป็นอาคารใต้ถุนสูง โดย 

คำานึงถึงสถิติระดับน้ำาในแม่น้ำาน่านเป็นตัวแปร 

สำาคัญในการกำาหนดความสูงของใต้ถุน หาก 

แม่น้ำาน่านไหลเข้ามาท่วมจนถึงบริเวณใต้ถุน 

ของอาคาร พื้นที่ส่วนของห้องงานระบบของ 

อาคารก็จะไม่ถูกน้ำาท่วมไปด้วย 

รูปแบบอาคารห้องพักทั้ง 9 หลัง ได้แนวคิดจาก 

รูปแบบเรือนพื้นถิ่นภาคเหนือ โดยเฉพาะรูปทรง 

หลังคาสอบ ทรงสูง สถาปนิกนำาเอาแนวคิดนี้เป็น 

ส่วนหนึ่งในออกแบบสถาปัตยกรรมให้กลายเป็น 

รูปแบบเฉพาะตัว การออกแบบผังบริเวณของ 

ห้องพักแต่ละหลังกำาหนดให้มีทางเข้าจากด้านข้าง 

ทำาให้ผังบริเวณมีลักษณะเหมือนเหมือนบ้าน 2 หลัง 

ที่ใช้ทางเข้าเดียวกัน โดยการเข้าถึงจะไม่สามารถ 

ตรงมาจากร้านอาหารหรือล็อบบี้ได้ทันที แต่ต้อง 

ลงไปตามถนนด้านล่าง และเข้าถึงได้จากบริเวณ 

เนินดินปลูกพันธุ์ไม้ท้องถิ่นที่ถมสูงไว้ข้างหลัง 

อาคาร เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวให้แก่บริเวณ 

ห้องพัก ถนนเส้นนี้เป็นถนนสำาหรับเชื่อมต่อพื้นที่ 

ส่วนต่อขยายอื่น ๆ ของผังแม่บทที่จะเกิดขึ้นใน 

ภายหลัง เมื่อผ่านเนินดินขึ้นไปจะเป็นทางแยก 

ขึ้นอาคารห้องพัก 2 หลัง และมีการวางเส้นทาง 

การเดินให้อาคารพักแต่ละหลังสามารถเดินเชื่อม 

ถึงกัน รวมถึงเดินลงไปที่พื้นที่ใต้ถุนบ้านได้ หาก 

มองจากทางเข้าด้านหลังจะรู้สึกว่าเป็นอาคาร 

ชั้นเดียว แต่หากมองจากอีกฝั่งของโครงการจะ 

เห็นเป็นอาคาร 2 ชั้น ใต้ถุนสูง และเมื่อเข้ามาใน 

ตัวพื้นที่ห้องพัก จะให้ความรู้สึกเหมือนส่วนของ 

ห้องพักกำาลังลอยอยู่ท่ามกลางต้นไม้และผืนน้ำ า 

การออกแบบห้องพักแบบ Lagoon Villa เน้นรับ 

แสงธรรมชาติและมองเห็นภูมิทัศน์โดยรอบได้ 

โดยแสงที่ส่องเข้ามาจะไม่ได้สว่างมากนัก ส่วน 

ห้องพักแบบ Sky Loft Villa เป็นห้องพักเพียงหลัง 

เดียวที่มีผังต่างจากห้องอื่น เนื่องจากถูกออกแบบ 

ให้มีชั้นลอยเป็นส่วนของเตียงนอนที่มีหลังคา 

โปร่งแสง (Skylight) เปิดรับแสง และห้องนั่งเล่น 

อยู่บริเวณด้านล่าง มุมมองจากตำาแหน่งที่ตั้งของ 

ห้องพักห้องนี้จะตรงกับบริเวณป่างิ้วที่เป็นพื้นที่ 

ดินที่งอกใหม่พอดี

SOWING THE SEEDS 

39 

ผนังอาคารทั้งห้องพักและร้านอาหาร เป็นการ 

ก่อสร้างด้วยผนังดินอัด (Rammed Earth) 

ใช้วิธีการเดียวกันกับการทำาผนังคอนกรีตหล่อ 

โดยดินที่ใช้ในการก่อสร้างเป็นดินที่ขุดจากฝาย 

ในโครงการ ลักษณะของดินที่ได้จึงไม่ใช่ผนังดิน 

อัดสีส้มที่หลายคนคุ้นตา แต่ให้สีที่เป็นธรรมชาติ 

กลมกลืนกับพื้นที่โดยรอบ ความยากของงานนี้ 

คือการเตรียมงานระบบที่ต้องเรียบร้อยตั้งแต่ 

ในส่วนของแบบ รวมไปถึงปัญหาหน้างานที่อาจ 

เกิดขึ้น และทำาให้ต้องมีการปรับแก้หน้างานได้ 

โครงสร้างหลังคาของส่วนห้องพักเป็นโครงสร้าง 

เหล็กทั้งหมด โดยมีรายละเอียดในการทำางาน 

ที่ละเอียดและท้าทาย เนื่องจากการออกแบบ 

ผนังอาคารเป็นผนังดินอัด โครงสร้างจึงต้องถูก 

ออกแบบให้ผนังดินอัดนี้สามารถรับน้ำาหนักของ 

หลังคาได้ การขึ้นรูปโครงสร้างหลังคาที่มีความ 

โค้งโดยเหล็ก นับเป็นงานที่ยากและมีความซับซ้อน 

ในการทำางานจึงต้องเริ่มจากการทำาต้นแบบ 1 หลัง 

แล้วจึงยกขึ้นไปวาง หลังจากนั้นจึงทำาซ้ำาแบบเดิม 

กับหลังต่อ ๆ ไป หลังคาทุกหลังใช้วัสดุมุงหลังคา 

แบบ Shingle Roof ซึ่งมีความทนทาน ป้องกัน 

ความร้อนจากแสงแดดได้ดี พร้อมให้พื้นผิวสัมผัส 

ที่ดูมีมิติ นอกจากวัสดุมุงหลังคาที่ต้องพิถีพิถันใน 

การเลือกแล้ว วิธีการปูหลังคายังมีความเฉพาะตัว 

คือการวางแนวให้ขนานไปกับขอบหลังคาซึ่งเป็น 

ขั้นตอนที่ใช้เวลาค่อนข้างมาก 

ทุกรายละเอียดของงานออกแบบ ตั้งแต่เครื่อง 

เรือน อ่างอาบน้ำา มือจับ ราวกันตก โคมไฟ 

หรือแม้กระทั่งกุญแจสำาหรับบ้านพัก เป็นการ 

ออกแบบขึ้นมาใหม่สำาหรับโครงการโดยเฉพาะ 

ส่วนของการตกแต่งภายในห้องพักยังได้รับ 

แรงบันดาลใจจากเรือนพื้นถิ่นที่มักจะมีพื้นที่ 

สำาหรับแขวนสิ่งของต่าง ๆ เช่น พื้นที่แขวนโคม 

แต่งหน้า แขวนกระจก หรือชั้นวางของ 

การออกแบบของป่าทำามาที่เน้นการเลือกใช้วัสดุ 

ที่เน้นความยั่งยืน และความเหมาะสมในการดูแล 

รักษา รวมทั้งการออกแบบ Environmental 

graphic ที่ปรากฏตั้งแต่รูปแบบตัวอักษร ไปจน 

ถึงการเลือกใช้สี กราฟิค มีการปรับวิธีคิดและ 

นำาอัตลักษณ์ของพื้นที่มาใช้ ซึ่งนอกจากจะเป็น 

การออกแบบที่ IF เลือกหยิบความเป็น “พื้นถิ่น” 

มาจัดวางใหม่ร่วมกับความ “ร่วมสมัย” ใน 

แนวทางของ IF เอง ยังสะท้อนถึงการออกแบบ 

อย่างเคารพบริบทธรรมชาติเดิม และการใช้ 

ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ให้ส่งเสริม 

คุณภาพของงานสถาปัตยกรรมแห่งนี้ ล้วนแสดง 

ให้เห็นถึงภาพการอยู่ร่วมอย่างเกื้อกูลกันของ 

มนุษย์และสภาพแวดล้อม 

03 

ทัศนียภาพของโครงการ 

ป่าทำามา 

3

4

04 

ภาพมุมสูงโครงการป่า 

ทำามา ครอบคลุมพื้นที่ 

Patamma Hideaway 

Resort และร้านป่ากำากิ๋น

42 


One of the paramount goals of the North Forest Studio and 

its owner is to bring forestland back to the town. The name 

Patamma (the handmade woodland) epitomizes the genesis 

of the forest, sprouting forth from an abundance of youthful 

saplings that have been meticulously sown. 

In the Mueng Jang subdistrict of Phu Pieng district 

in Nan province, Thailand, lies an expansive rubber 

tree forest where the Nan River meanders through, 

offering visitors the opportunity to immerse themselves 

in the wonders of nature and the history 

of the land. Named “Patamma,” the project has 

Thanapolpoj Rochnattakul and Korkiat Kittisoponpong 

of Integrated Field (IF) helming the design 

direction, translating its story through a collaborative 

endeavor between experts from various professional 

fields. The design of the masterplan and landscape 

architecture for the expansive 197-acre site meticulously 

prepares it for forthcoming short-term and 

long-term developments. The tasks were carried 

out under the direction of North Forest Studio and 

the project owner. Integrated Field (IF), meanwhile, 

was assigned the role of crafting the architectural 

design, landscape architecture, interior decoration, 

brand identity, and environmental graphics for the 

project’s resort and restaurant, Pa Kam Kin. 

A substantial element of the project lies in the 

exquisitely verdant rubber tree forest greeting visitors 

at the entrance, while another parcel of land 

has been rearranged, following the owner’s vision 

to transform it into a forested area with agricultural 

plots. The trees that have been planted are not 

merely intended to achieve a large quantity and 

“create” a manmade forest, but rather represent 

a careful curation of indigenous flora, with each 

species cultivated in a designated area that suits 

its unique characteristics. One of the paramount 

goals of the North Forest Studio and its owner is 

to bring forestland back to the town. The name 

Patamma (the handmade woodland) epitomizes 

the genesis of the forest, sprouting forth from an 

abundance of youthful saplings that have been 

meticulously sown. 

05 

ทัศนียภาพมุมสูงของ 

โครงการครอบคลุม 

พื้นที่ Patamma 

Hideaway Resort 

และร้านป่ากำากิ๋น 

5


43 

6 

06 


Resort 

07 

ทัศนียภาพของตอนกลาง 

ของโครงการป่าทำามา 

7

44 


8 

08 

บริเวณทางเข้าร้าน 

ป่ากำากิ๋น 

09 

ร้านป่ากำากิ๋น 

10 

9


45 

RESTAURANT PLAN 

11 

The developmental strategy employed for Patamma 

aims to not only cultivate and nurture a new woodland 

but also create a space that can have positive 

effects on the community. The project exemplifies a 

harmonious partnership between a visionary private 

owner and the public sector, working in tandem to 

sustainably improve Nan River, its surrounding areas 

and communities. In addition, the construction of 

meticulously designed weirs serves as a catalyst 

for efficiently regulating the river’s flow while simultaneously 

breathing new life into the ecosystem. The 

design of the project draws inspiration from the vast 

expanse of the flowing currents of the Nan River. 

The architectural design concept beautifully weaves 

together the essence of vernacular architecture and 

contemporary design, blending them into the visuals 

and functions of the restaurant and nine luxurious 

villas of the resort. The architectural composition 

eloquently embodies the quintessence of a vernacular 

home in the southern region, integrating 

bespoke elements that align with the project’s 

inherent character to craft a beautifully unique design 

language. Patamma is a creation that emerged from 

a masterplan that was meticulously developed and 

designed to be a home for young, freshly grown 

trees. These saplings exhibit a lengthy growth 

process, gradually transforming into exquisite 

specimens, akin to a front yard garden of one’s 

home that fosters a profound sense of attachment 

over the passage of time. The elevated roof, a 

quintessential architectural feature of vernacular 

dwellings in Nan province, renders a harmonious 

balance of shade and natural light. The architectural 

form takes cues from the organic contours of the 

river weir, seamlessly integrating the physicality 

of pebbles found in the river bed within its design. 

“Pa Kam Kin,” whose name is a clever play on words 

in the northern Thai language, is a restaurant nestled 

within Patamma’s premises. As the first architectural 

creation to ever be built on the land, the restaurant is 

intended to bring new heights of recognition among 

both locals and travelers to the project. Since its 

inception, “Pa Kam Kin” has emerged as one of the 

province’s prominent destinations that attracts Nan 

locals and travelers alike. 

10 

บริเวณด้านล่างของ 

ร้านป่ากำากิ๋น 

11 

ผังอาคารร้านป่ากำากิ๋น

46 


One of the interesting elements of the design of 

Pa Kam Kin is its incorporation of large wooden 

columns that support the roof. Despite the difference 

in proportions, the design of these columns unmistakably 

draws inspiration from the structural elements 

of Nan’s vernacular homes. The entryway functions as 

both the resort’s reception area and the restaurant’s 

entrance. The building’s exterior gives the impression 

of a single-level structure. Upon entering, the space 

unveils an additional floor below, featuring a seating 

area that seamlessly connects with the invigorating 

natural breeze. This particular area of the space has 

quickly become a favored spot among visitors, adding 

to the project’s popularity. The dining area and bar 

feature windows that naturally invite natural airflow 

into the space. The ceiling is made of artificial rattan, 

creating a visual harmony with the traditional use of 

rattan mats as a common feature in the architectural 

design of rural temples. 

Patamma Hideaway Resort features a collection of 

nine villas, with eight being the luxurious Lagoon Villa 

type and one being the Sky Loft Villa 1, thoughtfully 

situated alongside the scenic waterscape. According 

to the area plan, the nine villas appear to be a 

carefully arranged cluster of stones, alluding to the 

shape of pebbles typically found on the riverbed 

flowing through the property. The area plan has 

been designed to ensure a harmonious coexistence 

between the newly constructed structures and the 

existing trees. One of the design team’s aspirations 

is for the trees to flourish, gradually enveloping the 

villas within their expanding canopies over time. 

12 

12,14 

พื้นที่ภายในร้านป่ากำากิ๋น 

13 

พื้นที่นั่งภายในร้านป่ากำ ากิ๋น 

13

AT THE HEART OF IT 

47 

14

48 


2 BEDROOM MEZZANINE 

2 BEDROOM GROUND FLOOR 


The architects demonstrate the work’s high regard for 

pre-existing nature and the innovative and constructive 

use of local materials to improve the quality of the 

architecture, all representing a well-balanced coexistence 

between humans and the environment. 

16 


ผังห้องพัก Patamma 

Hideaway Resort 

16 

พื้นที่ทางเดินระหว่างวิลล่า 


Resort 

17 


Resort 

17


49 

18 

18 

ภายในห้องพักแบบ 

Lagoon Villa 

Placing the villas adjacent to the river requires an 

understanding of the fluctuating water levels. The 

villas’ architecture takes the form of a stilt structure, 

with its height carefully determined based on 

recorded statistics of the Nan River’s water levels. 

In the event of rising water and potential flooding, 

the elevated structure ensures that the area housing 

each building’s system remains unaffected. 

Stylistically, the architecture of the nine villas is an 

evident adaptation of the vernacular abodes found 

in the northern region of Thailand, specifically the 

distinctive tapered and tall roof structure. Vernacular 

reinterpretation seems to be the underlying concept 

of the design. The entrance of each villa in the area 

plan is strategically positioned on the side, creating 

a layout where a pair of villas share a common 

entrance. Access to the villas is not available directly 

from the restaurant or lobby, but instead through a 

roadway below and a thoughtfully designed and 

constructed hill at the rear of each villa. The landscape, 

adorned with native plants, ensures that each 

villa enjoys a serene and secluded atmosphere. The 

path links to adjacent areas, including the designated 

potential expansions of the project. Beyond the hill, 

there is an additional route that guides visitors towards 

two other villas. The architect has envisioned 

a network of walkways that seamlessly connect all 

the buildings, descending to the area beneath the 

elevated floor. From the rear entrance, the buildings 

appear as single-story edifices, while from a 

different perspective, the villas stand as two-story 

stilt structures with elevated floors. Upon stepping 

into the villa, visitors will experience a sensation of 

weightlessness as the entire space appears to hover 

naturally above a serene body of water, surrounded 

by an aquatic mass and verdant landscape. The 

lagoon villa’s design places a strong emphasis on 

the abundant infusion of natural light and seamless 

connection to the surrounding terrain. The interior 

space of the lagoon villas boasts exceptional control 

over the permeation of light. The Sky Loft Villa, 

meanwhile, stands out from other villas due to its 

unique layout. It features a mezzanine level where the 

bedroom is situated beneath a skylight, while the 

living area is conveniently located on the ground floor, 

offering a stunning view of the recently expanded 

forest of red cotton trees.

50 


Rammed earth, a building technique comparable 

to cast concrete wall construction, is employed 

for the construction of the walls of the villas and 

the restaurant. The earth used for the project 

was sourced from the area around the weir inside 

the property, causing the hue to be less of the 

orange tone that most people are accustomed to 

but rather a more natural earth tone that blends 

in wonderfully with the surrounding environment. 

The most difficult aspect of this method was 

preparing the entire operation, from the working 

drawings to the possible on-site problems, 

allowing for on-site adjustments and solutions 

to be possible. 

19 

Each villa’s roof structure is entirely made of steel. 

Given the nature of the rammed earth walls, which 

are required and built to sustain the weight of the 

roof, the details are challenging and elaborate. 

The complicated construction of the arched steel 

structure was achieved through the use of a prefabricated 

prototype, which was then erected on 

site before the process was repeated with the other 

villas. All of the roofs are made of the shingle roof 

material, which provides longevity and efficient 

19 

ทัศนียภาพโดยรอบ 


Resort 

20 

บริเวณระเบียงด้านนอก 

วิลล่า Patamma Hideaway 

Resort 

21-24 

พื้นที่ภายในวิลล่า 


Resort 

20


51 

21 

22 

23 

24 

solar shielding while offering dimensional texture 

and finish. Aside from the carefully selected roofing 

material, the technique itself had to be done in a 

particular way in order for the pattern to line with 

the roof’s edges, making the construction even 

more time-consuming. 

Every component of the design, from the furnishings 

to the bath tub, knobs, railings, lamps, and even 

the keys to the villas, is specifically designed for 

the project. With vernacular residential architecture 

as the apparent inspiration, the interior decoration 

of the villas frequently includes details of 

nooks and corners where furniture pieces are 

hung, such as the vanity set with lights, a mirror, 

a shelf, and so on. 

Patamma’s design emphasizes the use of sustainable 

materials that are easy to maintain. The environmental 

graphic design of the project, from the typeface to the 

color palette to the graphic elements, reflects a 

creative adaptation of local wisdom and identity. 

IF not only integrates and rearranges these ‘local’ 

aspects to their own interpretation of ‘contemporary’ 

design. The team demonstrates the work’s high 

regard for pre-existing nature as well as the innovative 

and constructive use of local materials to improve 

the quality of the architecture, all of which represent 

a well-balanced coexistence between humans and 

the environment. 

integratedfield.com 

Project: Patamma Architecture & Interior Design & Landscape Architecture: IF (Integrated Field) Masterplan & 

Landscape detail: North Forest Studio Lighting Designer: APLD Structural Engineer: WOR M&E Engineer: EXM 

Brand Identity and Environmental graphic: InFO 

ณัฐวดี สัตนันท์ 

จบการศึกษาจากคณะ 

โบราณคดี มหาวิทยาลัย 

ศิลปากร ปั จจุบันกำาลัง 

ศึกษาต่อระดับปริญญา 

เอกสาขาสถาปั ตยกรรม 

พื้นถิ ่น ที่คณะสถาปั ตย- 

กรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย 

ศิลปากร พร้อมกับการ 

ทำาบริษัทชื่อ “สนใจ” ที่ 

ทำางานเรื่องการพัฒนา 

เมือง การให้คนเป็ นศูนย์- 

กลางและกระบวนการ 

มีส่วนร่วมในรูปแบบที่ 

หลากหลาย 

Nuttawadee Suttanan 

completed her bachelor’s 

degree in archaeology 

and is currently pursuing 

PhD in vernacular 

architecture at 

Faculty of Architecture, 

Silpakorn University. 

She is also a partner 

of “SONJAI”, a studio 

working on urban development, 

people-centered 

and participatory 

process in various 

means.

52 


Think 

Tank 

1 

In Tha Chalom, Arsom Silp Institute’s team of architects has renovated 

an old water tower into a new public library. 

Text: Kullaphut Seneevong Na Ayudhaya 

Photo Courtesy of Arsomsilp Community and Environmetal Architect and Sirirath Somsawat 

except as noted

01 

หอเก็บน้ำของเทศบาล 

นครสมุทรสาครที่ถูก 

ปรับปรุงใหม่เป็นห้องสมุด 

02 

โครงสร้างเหล็กของ 

ห้องสมุดเก๋งเรือที่ถูก 

ออกแบบให้เกาะลดหลั่น 

อยู่กับโครงสร้างคอนกรีต 

เสริมเหล็กเดิม 

2

54 


ชุมชนตลาดท่าฉลอม หรือตลาดท่าจีน ภายใต้ 

การดูแลของเทศบาลนครสมุทรสาครในปัจจุบัน 

เป็นชุมชนที่เกิดขึ้นมาจากการเป็นท่าเรือประมง 

ที่มีชุมชนชาวจีนและชาวไทยตั้งถิ่นฐานมาอย่าง 

ยาวนาน เมื่อท่าฉลอมมีสัดส่วนของประชากรแฝง 

แรงงานต่างชาติมากขึ้นจากภาคอุตสาหกรรม 

การประมงที่ขยายตัว สัดส่วนของประชากรใน 

ชุมชนเปลี่ยนแปลงไป ทำให้โครงสร้างของชุมชน 

มีสัดส่วนของกลุ่มผู้สูงอายุสูงขึ้น เพราะกลุ่มวัย 

แรงงานชาวไทยอยู่ในพื้นที่อื่น และชุมชนเองขาด 

พื้นที่สาธารณะที่รองรับความต้องการพื้นฐานของ 

คนในชุมชนทุกช่วงวัย และทุกกลุ่ม ภายหลังจาก 

การระดมความคิดเห็นจากคนในชุมชน พบว่ามี 

ความต้องการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ห้องสมุด 

พื้นที่ออกกำลังกาย จุดต้อนรับนักท่องเที่ยว พื้นที่ 

ทำกิจกรรมกลางแจ้ง และต้องสะท้อนอัตลักษณ์ 

ความเป็นท่าฉลอมไปในเวลาเดียวกัน ดังนั้นจึง 

นำมาสู่โครงการห้องสมุดเก๋งเรือลอยฟ้าท่าฉลอม 

จากความต้องการพื้นที่สาธารณะของชุมชน 

“เราเริ่มต้นจากการรับฟังความคิดเห็นจากการ 

สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมกับชุมชน เพื่อหา 

ความต้องการพื้นฐานจากผู้ใช้ในชุมชน ไปพร้อม 

กับการพูดคุยกับภาคีเครือข่าย โดยได้ความ 

อนุเคราะห์จากเทศบาลนครสมุทรสาครในการ 

อำนวยความสะดวกด้านพื้นที่ตั้ง บุคลากร และ 

งบประมาณส่วนใหญ่ในการดำเนินงานโครงการ 

ครั้งนี้” คุณอิสริยา ปุณโณปถัมภ์ สถาปนิกชุมชน 

จากสถาบันอาศรมศิลป์กล่าวถึงขั้นตอนการทำงาน 

ที่ตั้งโครงการบนพื้นที่ขนาด 2 ไร่ 2 งาน ของ 

ศูนย์บริการสาธารณสุข ซึ่งมีหอเก็บน้ำเดิมที่เคย 

ถูกใช้หล่อเลี้ยงชุมชนตั้งอยู่ โดยในอดีตโครงสร้ าง 

ดังกล่าวเป็นหอเก็บน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค 

เดิมของเทศบาล และถูกทิ้งร้างมากว่า 35 ปี 

ด้วยความหวังว่าจะให้โครงการดังกล่าวเป็นพื้นที่ 

สาธารณะของชุมชน ผ่านการออกแบบให้เป็น 

ห้องสมุดสาธารณะ เนื่องด้วยการใช้ประโยชน์ที่ดิน 

ของชุมชนท่าฉลอมส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อุตสาหกรรม 

ท่าเรือ โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์จากการประมง 

พื้นที่สาธารณะในเมืองมีอยู่อย่างจำกัด และความ 

มุ่งหมายอีกประการของโครงการคือการสร้าง 

พื้นที่สำหรับรองรับต่อการเกิดกิจกรรมใหม่ ๆ ของ 

ชุมชน เช่น กิจกรรมการท่องเที่ยวชุมชน ที่ชุมชน 

ท่าฉลอมกำลังดำเนินนโยบายพัฒนาชุมชนจาก 

รากฐานวัฒนธรรมท้องถิ่นท่ามกลางสภาวะวิกฤติ 

จากอุตสาหกรรมประมงเดิมที่กำลังซบเซา 

ในแง่ของรูปแบบสถาปัตยกรรม ด้วยความ 

ต้องการของชุมชนให้อาคารสะท้อนถึงตัวตน 

ความเป็นท่าฉลอม ชาวบ้านจึงลงความเห็นกัน 

ว่าอัตลักษณ์เด่นของท่าฉลอม คือเรือประมง เรือ 

เป็นหัวใจสำคัญของท่าฉลอม ทีมนักออกแบบ 

จึงออกแบบคลี่คลายรูปทรงของเก๋งเรือให้เกาะ 

อยู่ในโครงสร้างเดิมของหอเก็บน้ำ โดยคำนึงถึง 

รูปทรงของช่องเปิด ขนาด และสัดส่วนของเก๋ง 

เรือจริง 

ด้านโครงสร้างของหอเก็บน้ำ ทีมผู้ออกแบบได้ 

ค้นหาแบบก่อสร้างของหอเก็บน้ำเดิม แต่ไม่ 

สามารถค้นหาพบเนื่องจากสถาปัตยกรรมก่อสร้าง 

มานานแล้ว ดังนั้นจึงต้องตรวจประเมินสภาพ 

อาคาร โดยได้รับความช่วยเหลือจากทีมวิศวกร 

โยธาของทางเทศบาลนครสมุทรสาครในการช่วย 

ประเมิน นำมาซึ่งการออกแบบโครงสร้างเหล็ก 

ติดตั้งเข้าไปกับส่วนโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก 

เดิม ซึ่งโครงสร้างเดิมถูกออกแบบไว้สำหรับรับ 

น้ำหนักของน้ำปริมาณมาก การเสริมโครงสร้าง 

เหล็กเข้าไปในโครงสร้างเก่าจึงไม่เป็นปัญหา 

ต่อการคำนวณการรับแรงของการใช้สอยตาม 

รูปแบบโครงสร้างใหม่แต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้ 

ทีมผู้ออกแบบ และทีมวิศวกร จึงลงความเห็น 

ร่วมกันในการพัฒนาโครงสร้างเหล็กขึ้นในส่วน 

ของปริมาตรที่ว่างของเสาคอนกรีตเสริมเหล็กเดิม 

ของหอเก็บน้ำ 

ในส่วนของงานออกแบบภูมิทัศน์ทีมผู้ออกแบบได้ 

วางผังบริเวณ “ลานบ้านท่าฉลอม” อันประกอบ 

ด้วยพื้นที่หลายส่วน คือ ลานกีฬาไทย ลานโพงพาง 

ลานเดินกะลา ลานโป๊ะยก เหยียด ลานทำการบ้าน 

ลานไต้ก๋งน้อย (สนามเด็กเล่น) บ่อทราย ซึ่ง 

เป็นพื้นที่ลานกิจกรรมที่ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่ 

รองรับกิจกรรมในแต่ละฐาน ส่วนลานกิจกรรม 

กลางแจ้ง และสนามเด็กเล่น เป็นพื้นที่ออกกำลัง 

กายกลางแจ้งที่ทีมออกแบบได้ออกแบบภูมิทัศน์ 

และเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวของเครื่องเล่นเอาไว้วาง 

บนโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กของโครงสร้าง 

ถังเก็บน้ำใต้ดินเดิม เรียกว่ า “สนามเด็กเล่นไต้ก๋ง 

น้อย” พื้นที่ดังกล่าวเป็นลานกิจกรรมกลางแจ้งที่ 

ชุมชนต้องการให้เป็นพื้นที่ออกกำลังกาย ลู่วิ่ง 

รอบพื้นที่ของโครงการ ส่วนสนามกีฬากลางแจ้งนี้ 

เชื่อมต่อกับส่วนม้านั่งไม้โค้งชั้นล่างสุดของหอ 

เก็บน้ำ ในพื้นที่ส่วนนี้ผู้ออกแบบได้กำหนดให้เป็น 

พื้นที่ใต้ถุนของห้องสมุดสำหรับนั่งพักผ่อน พูดคุย 

ระหว่างวัน 

บันไดพื้นที่ชั้น 2 เป็นพื้นที่ส่วนการเรียนรู้ 

อเนกประสงค์สำหรับเด็ก ถูกออกแบบให้เป็น 

บันไดเวียนขึ้นไปที่ชั้น 3 ซึ่งเป็นส่วนพื้นที่นั่งอ่ าน 

หนังสือ ห้องสมุด ทำการบ้าน ก่อนที่จะขึ้นบันได 

ไปสู่จุดชมวิวด้านบนสุดของโครงการ ที่จะมอง 

เห็นทัศนียภาพของชุมชนท่าฉลอมจากพื้นที่ของ 

หอเก็บน้ำเดิม มุมมองดังกล่าวเปิดให้เห็นคุ้งน้ำ 

ท่าเรือประมง พื้นที่พักอาศัยเกือบทั้งหมดของ 

ท่าฉลอม ซึ่งนับว่าเป็นรูปแบบโครงการปรับปรุง 

พื้นที่สร้างจุดชมวิวที่น่าสนใจ โดยไม่จำเป็นต้อง 

สร้างอาคารหอชมทัศนียภาพใหม่แต่อย่างใด 

ในส่วนของการออกแบบภายในนักออกแบบได้ 

ออกแบบองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับเรือ ไม่ว่า 

จะเป็น เชือกเรือ เสากระโดงเรือ พังงาเรือจำลอง 

อุปกรณ์บนเรือ เพื่อสร้างให้เกิดกระบวนการ 

เรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของเรือให้กับเด็ก ๆ 

นักท่องเที่ยว หรือผู้ที่มาเยี่ยมชม 

จากมุมมองของการออกแบบสถาปัตยกรรม 

เพื่อความยั่งยืน โครงการห้องสมุดสาธารณะ 

ชุมชนท่าฉลอมนี้ เป็นหนึ่งในรูปแบบการพัฒนา 

พื้นที่บราวน์ฟิลด์ (Brownfield development) 

ซึ่งเป็นการปรับปรุงสถาปัตยกรรม เพื่อการ 

ใช้งานอุตสาหกรรม หรือเพื่อตอบสนองต่อ 

วัตถุประสงค์ของเงื่อนไขทางสังคมในบริบท 

แบบหนึ่ง เมื่อเงื่อนไขและบริบททางสังคม 

เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้สถาปัตยกรรมเดิมถูก 

ทิ้งร้าง การฟื้นฟูสถาปัตยกรรมเก่า ตลอดจน 

การออกแบบภูมิทัศน์เพื่อตอบสนองต่อเงื่อนไข 

ทางสังคมแบบใหม่นี้ จึงน่าจะเป็นแนวโน้มใน 

อนาคตของการฟื้นฟูและพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน 

ด้วยการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานเดิม 

ที่มีศักยภาพ มาพัฒนาใหม่เป็นสถาปัตยกรรม 

เพื่อสาธารณะ 

“การนำเอาโครงสร้างของหอเก็บน้ำเก่ามาใช้ 

ปรับปรุงเพื่อตอบสนองต่อประโยชน์ใช้สอยใหม่ 

เป็นโครงการที่ให้ผลลัพธ์ได้น่าสนใจ เพราะเรา 

ได้พลิกฟื้นสิ่งปลูกสร้างเก่าให้กลับมามีชีวิต 

ที่ตอบสนองวิถีชีวิตในปัจจุบัน และสร้ างแรง- 

บันดาลใจให้เกิดกับผู้ใช้อาคารได้อย่างสร้างสรรค์” 

อิสริยา ปุณโณปถัมภ์ กล่าวเสริมท้ายถึงการ 

ถอดบทเรียนที่ได้จากการออกแบบปรับปรุง 

พื้นที่โครงการห้องสมุดเก๋งเรือลอยฟ้าท่าฉลอม

THINK TANK 

55 

03 

ภาพมุมสูงของโครงการ 

อยู่บริเวณที่ดินติดกับ 

วงเวียนท่าฉลอม ใจกลาง 

ของชุมชนท่าฉลอม 

04 

ผังบริเวณของโครงการ 

3 

11 

12 

3 

3 

6 

5 

4 

SITE PLAN 

5 M 

2 15 

1. MAIN ENTRANCE 

2. THE BOAT LIBRARY / 

VIEWING POINT 

3. MASSAGE WALKWAY 

4. EXERCISE COURT 

5. GATHERING PLAZA 

6. GATHERING PLAZA 

7. TAI KONG PLAYGROUND 

8. HAND WASHING SPOT 

9. THA CHALOM PLAZA 

10. BODY STRETCHING COURT 

11. SUB ENTRANCE 

12. JOGGING TRACK 

13. SEATING AREA 

14. THE TERRACE 

15. BIKE / MOTORBIKE PARKING 

16. FLAG POLE 

17. WALKWAY 

10 

13 

9 

12 

14 

17 

8 

16 

7 

1 

4

56 

theme / review

THINK TANK 

57 

A range of amenities, including 

a library and workout space, 

a tourist greeting center, and an 

outdoor recreational area, were 

decided through community member 

participation; future improvements 

should be consistent with Tha- 

Chalom’s identity. As a result of the 

community’s need for public space, 

the Tha Chalom Sky Boat Library 

concept was born. 

Tha Chalom Market Community, alternatively 

known as Tha Chin Market, is a municipalitysupervised 

community that originated as a fishery 

port and is presently under the jurisdiction of 

Samut Sakhon. Long ago, the Chinese and Thai 

communities established themselves in the region. 

The proportionate population has changed in 

Tha Chalom due to the influx of foreign laborers 

from the expanding fishing industry, which has 

increased the proportionate population. This 

results in a greater proportion of older individuals 

in the community structure, as Thais of working 

age have relocated to other regions. Additionally, 

the community requires additional public space 

that accommodates individuals of all ages and 

demographics. Through community member input, 

it was determined that a variety of amenities were 

required, including a library and exercise area, 

a tourist reception area, and an outdoor activity 

area; further developments should be consistent 

with Tha Chalom’s identity. Consequently, the 

Tha Chalom Sky Boat Library initiative arose in 

response to the community’s demand for public 

space. 

05 

ห้องสมุด และพื้นที่อเนก- 

ประสงค์ในโครงสร้างเหล็ก 

ถูกบรรจุอยู่ในปริมาตร 

ที่ว่างของเสาคอนกรีต 

เสริมเหล็กเดิมของหอ 

เก็บน้ำ 

5 

“We began by soliciting feedback, establishing 

a community engagement procedure to identify 

the fundamental requirements of community 

members, and consulting with network partners.” 

“The Samut Sakhon Municipality assisted us in 

securing the site, personnel, and the majority of 

the funding necessary to execute this endeavor,” 

explained Isariya Poonnopatham, a community 

architect from the team of Arsom Silpa Institute, 

regarding the operational procedures.

58 


Viewing Point 

4TH FLOOR PLAN 

VIEWING POINT 

06 

ผังพื้นของห้องสมุด 

เก๋งเรือ 

07 

ภาพตัดของห้องสมุด 

เก๋งเรือ 

Terrace 

The Boat Library 

Roof Line 

3RD FLOOR PLAN 

THE BOAT LIBRARY 

Balcony 

The Boat Library 

Roof Line 

2ND FLOOR PLAN 

THE BOAT LIBRARY 

Relaxing Area 

Roof Line 

6 

1ST FLOOR PLAN 

RELAXING AREA 

SECTION 

7

THINK TANK 

59 

8 

08 

พื้นที่ใต้ถุนของห้องสมุด 

สำหรับนั่งพักผ่อน พบปะ 

พูดคุย 

The site of the project is situated on a 2-rai 2-ngan 

section of the Public Health Service Center, which 

once supplied the community with water from its 

original tower. The structure, formerly the municipal 

water tower designated for internal use, has been 

deserted for over three-and-a-half decades. In an 

effort to create a communal space, the structure 

was intentionally planned as a public library. This 

is because the Tha Chalom community’s land is 

predominantly utilized for industrial purposes, 

including a port and a fishery product processing 

facility. Limited public space exists within the city. 

Additionally, the project endeavors to establish 

a venue that can facilitate emerging community 

endeavors, including community tourism, when the 

community is attempting to implement its development 

policies rooted in local culture amidst a 

stagnant fisheries industry crisis. 

The community had an architectural inclination 

towards the building’s embodiment of Tha Chalom’s 

identity. Consequently, community members reached 

a consensus that the fishing boat constitutes the 

unique identifier of Tha Chalom; the essence and 

beating heart of Tha Chalom are the boats. In light 

of this, the design team devised a method for 

disassembling the ship’s sedan to accommodate 

the water tower’s original structure. This involved 

considering the shape and size of the openings 

and the proportion of the actual boat’s cabin.

60 


Concerning the water tower’s structure, the design 

team initially attempted to locate construction plans 

for the original tower but was unsuccessful due to 

the tower’s antiquity as a structure. As a result, an 

inspection of the building’s condition is required. 

A group of civil engineers from the Samut Sakhon 

Municipality assisted them with the evaluation, which 

prompted the suggestion that a steel structure be 

added to the original reinforced concrete structure. 

Since the initial structure was intended to support 

the weight of large volumes of water, it is acceptable 

to incorporate the steel structure into the old 

structure in order to calculate the forces that can 

be applied to the new structure. Consequently, the 

design and engineering groups agreed to fabricate 

a steel framework within the void created by the 

initial reinforced concrete column of the water tower. 

9 

09 

บันไดเวียนที่เข้าถึงพื้นที่ 

ส่วนนั่งอ่านหนังสือ และ 

ห้องสมุด 

10 

พื้นที่อเนกประสงค์ภายใน 

สำหรับทำกิจกรรมของเด็ก 

ที่ยังคงมีเสาคอนกรีตเดิม 

ของหอเก็บน้ำอยู่ 

The community members reached a consensus that the fishing 

boat constitutes the unique identifier of Tha Chalom; the essence 

and beating heart of Tha Chalom are the boats. In light of this, the 

design team devised a method for disassembling the ship’s sedan 

to accommodate the water tower’s original structure. This involved 

considering the shape and size of the openings and the proportion 

of the actual boat’s cabin. 

11 

โครงสร้างเหล็กที่ถูก 

ออกแบบให้มีระยะของ 

การลดหลั่นจากโครงสร้าง 

คานเหล็กยื่นที่แตกต่างกัน 

10

61 

11

62 


12 

ส่วนพื้นที่นั่งอ่านหนังสือ 

ห้องสมุด ทำการบ้านที่ 

พื้นที่ใช้สอยภายในชั้น 3 

13 

ทัศนียภาพของระเบียง 

บริเวณชั้น 3 และส่วนชม 

วิวท่าฉลอมที่ชั้น 4 

12 

Concerning the landscape design, the design 

team had proposed various sections of “Ban Tha 

Chalom yard” as follows: The Thai sports yard, 

The Pong Phang yard, The bowl walking yard, 

The raised pontoon yard, The stretching yard, 

The assignment yard, and The Tai Kong Noi yard 

which is a playground features a sandpit, an area 

specifically designed to facilitate activities at 

each base. The design team constructed floating 

furniture and an outdoor activity area within the 

former underground water storage tank structure, 

“Tai Kong Noi Playground.” These exercises are 

accompanied by landscape elements and outdoor 

activity areas. The playground itself is a reinforced 

concrete structure. The area is designated 

for outdoor activities, and the community desires 

that it be transformed into a running track encircling 

the project site. This outdoor arena is connected 

to the curved wooden benches at the base 

of the water tower. The designer has arranged a 

designated space beneath the library for daytime 

seating, socializing, and informal conversations. 

13

THINK TANK 

63 

14 

สนามเด็กเล่นไต้ก๋งน้อย 

วางอยู่บนโครงสร้าง 

คอนกรีตเสริมเหล็กของ 

ถังเก็บน้ำใต้ดินเดิมของ 

หอเก็บน้ำ 

14 

For children, the staircase on the second floor 

serves as a versatile learning space. The staircase 

is conceptualized as a spiral that ascends to the 

third floor, where one will find a library, study area, 

and homework area. From there, one will ascend to 

the observation terrace situated atop the undertaking, 

from which one can enjoy the view of the 

Tha Chalom community from the vicinity of the 

former water tower. The riverbank, fishing pier, and 

nearly all residential areas of Tha Chalom are visible 

from this vantage point. This endeavor aims to 

enhance the vicinity and establish a captivating 

vantage point without constructing an additional 

observatory structure. 

Regarding the interior design, the designers incorporated 

ship-related components—including ship 

ropes, masts, rudders, and other boat equipment— 

to educate children, travelers, and visitors about 

the intricacies of ships. 

The Tha Chalom Community Public Library project 

can be classified as a brownfield development from 

a sustainable architecture standpoint. Brownfield 

development refers to architectural construction 

intended for industrial purposes or in response to 

the demands of social conditions within a specific 

context. The initial architectural design was discontinued 

after a transformation in social conditions 

and contextual factors. As a result, a forthcoming 

trend in sustainable urban rehabilitation and development 

is expected to be the restoration of historic 

architecture and landscape design in light of these 

new social conditions. This approach capitalizes 

on the potential of pre-existing infrastructure to be 

repurposed into public architecture. 

“The project, adapting the old water tower’s structure 

to accommodate its new functions, has yielded 

noteworthy outcomes since we have renovated 

historic structures to facilitate their adaptation 

to the modern way of life and to provide building 

occupants with innovative inspiration,” Isariya 

Poonnopatham shared the insights gained from 

the renovation of the Tha Chalom project’s design. 

arsomsilp.ac.th 

Project: Tha Chalom Sky Boat Library Client: Samutsakhon Municipality Location: Tha Chalom Public Health Service Center 

Architect: Arsomsilp Community And Environmental Architect Co.,Ltd. Project Team: Prayong Posriprasert, Chaiwat Mekdee, 

Isariya Poonnopatham, Teerapat Krudnguen, Naruemol Poldongnok, Siyapak Numthai Structural Engineer: Samutsakhon 

Municipality Contractor: Shinaphak Concrete Co.,Ltd. Land Area: 4,000 Sq.m. Building Area: 100 Sq.m. Completion: 2021 

Materials: Steel, Aluminum 

กุลพัชร์ เสนีวงศ์ 

ณ อยุธยา 

ปั จจุบันเป็ นหัวหน้านักวิจัย 

สำารวจภาคสนามให้กับ 

Maritime Asia Heritage 

Survey Thailand Project 

มหาวิทยาลัยเกียวโต 

ประเทศญี่ปุ ่น และนักศึกษา 

ปริญญาเอกสาขาสถา- 

ปั ตยกรรมพื้นถิ ่น คณะ 


มหาวิทยาลัยศิลปากร 

สนใจศึกษามรดกทาง 

วัฒนธรรมและขณะนี้ 

กำาลังทำาวิจัยเกี่ยวกับ 

สภาพแวดล้อมสรรค์สร้าง 

ในพื้นที่ภูมิทัศน์วัฒนธรรม 

มลายู 

Kullaphut Seneevong 

Na Ayudhaya 

is a Field Team Leader 

of the Maritime Asia 

Heritage Survey Thailand 

Project, Kyoto 

University, Japan, and 

a vernacular architecture 

Ph.D. candidate 

at Silpakorn University. 

His research on the 

built environment of 

the Malay cultural 

landscape is being 

done out of a passion 

for cultural heritage.

64 


Here, 

There, 

and 

Everywhere 

AMA Design Studio and Urbanis have designed an office building using 

a vertical landscape that functions as a forest, imbuing the building’s 

functional space with a beautiful, natural ambiance while complementing 

its energy efficiency and providing thermal comfort to users. 

Text: Rangsima Arunthanavut 

Photo Courtesy of AMA Design Studio and Rungkit Charoenwat except as noted

1 

01 

ฟาซาดอาคารที่ถูกออกแบบ 

ให้เกิดช่องเปิดเพื่อสอดรับ 

กับหลักการไหลเวียนของ 

แสง และลม

66 


นอกจากอาคารสำานักงานยุคใหม่จะมีแนวคิดที่เป็น 

มิตรต่อวิถีการทำางานของเหล่ามนุษย์เงินเดือนแล้ว 

ในยุคปัจจุบันอาคารเหล่านี้ยังหันมาใส่ใจและเลือก 

ใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมธรรมชาติ จนเกิด 

เป็นอาคารประหยัดพลังงานที่ดีต่อทั้งมนุษย์และ 

สิ่งแวดล้อม ซึ่งหนึ่งในอาคารที่ว่านี้ คืออาคาร 

สำานักงานแห่งใหม่ของ OSD Company Limited 

บริษัทด้านเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีอายุกว่า 20 ปี 

ผลงานการออกแบบจากทีมสถาปนิก AMA Design 

Studio และภูมิสถาปนิกจาก URBANIS 

เดิมทีบริษัท OSD Company Limited เคยตั้งอยู่ 

ในอาคารทาวน์โฮมหลายหลังที่เกิดจากการขยับ 

ขยายไปตามช่วงเวลา จนกระทั่งบริษัทเริ่มเติบโต 

และถึงเวลามองหาสถานที่ใหม่ที่เพียงพอต่อความ 

ต้องการของพนักงาน จึงนำามาซึ่งโครงการออกแบบ 

สำานักงานแห่งใหม่บนที่ดินในซอยรามอินทรา 20 

โจทย์ของการออกแบบเริ่มต้นจากสองเจ้าของผู้- 

บริหารที่มาพร้อมความต้องการให้อาคารแห่งใหม่ 

สะท้อนภาพลักษณ์องค์กร สามารถรองรับลูกค้า 

จัดกิจกรรมประจำาปี และเปิดรับกลุ่มนักศึกษาจาก 

มหาวิทยาลัยที่จะมาเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาเชิง 

ปฏิบัติการ และที่สำาคัญคือพนักงานต้องอยู่สบาย 

ท่ามกลางพื้นที่ธรรมชาติ ซึ่งเป็นความชอบส่วนตัว 

ของทางเจ้าของ ช่วยสร้างพื้นที่คลายเครียดที่ไม่ใช่ 

เพียงแค่นั่งโต๊ะทำ างาน แต่ยังมีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ 

เพื่อกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้น 

“ด้วยความที่เจ้าของไม่ได้ต้องการพื้นที่สีเขียวที่แค่ 

มองแล้วสวย แต่เขาต้องการพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อ 

การพักผ่อนของพนักงาน ที่ทั้งสามารถมองเห็น 

และสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน ในไอเดียเริ่มต้น 

เราเลยมองว่า เราจะแบ่งพื้นที่สีเขียวนี้ กระจาย 

ออกและแทรกไปในแต่ละชั้น ด้วยการเรียงพื้นที่ 

ใช้สอยทั้งหมดไว้ตรงกลางของอาคาร ก่อนจะห่อ 

หุ้มด้วยพื้นที่สีเขียว รวมถึงจะมีการคว้านพื้นที่ 

ตรงกลางบางส่วน เพื่อแทรกพื้นที่สีเขียวลงไปอีก 

ชั้น ซึ่งเรามองว่าไอเดียนี้สามารถตอบโจทย์ความ 

ต้องการได้ค่อนข้างครบ ในขณะที่ยังใช้พื้นที่อาคาร 

ได้อย่างคุ้มค่า” 

พื้นที่ใช้สอยแต่ละส่วนที่เกี่ยวเนื่องถูกออกแบบให้อยู่ 

บริเวณใกล้กัน จัดเรียงภายในอาคาร 4 ชั้นรวมถึง 

ดาดฟ้า โดยทีมสถาปนิกออกแบบชั้น 1 ให้เปิดโล่ง 

และยกส่วนของพื้นที่สำานักงานไปที่ชั้นบน ทำาให้ 

ชั้น 1 กลายเป็นพื้นที่ใช้สอยที่ค่อนข้างสาธารณะ 

เพื่อใช้ในการต้อนรับลูกค้า และมีลักษณะคล้าย 

ใต้ถุนที่สามารถแทรกพื้นที่สีเขียวได้อย่างเต็มที่ 

เปิดให้ลมธรรมชาติไหลเวียนได้เกือบตลอดเวลา 

ซึ่งห้องประชุมทั้ง 3 ห้องในโซนด้านขวาของชั้น 

ยังกระจายตัวเสมือนลอยอยู่บนบ่อน้ำ าท่ามกลาง 

ภูมิทัศน์ ที่นอกจากจะช่วยสร้างบรรยากาศในการ 

ทำางานแล้ว ยังกลายเป็นภาพประทับใจในการ 

ต้อนรับแขกผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี 

ในส่วนของชั้น 2 เป็นพื้นที่สำ านักงาน แบ่งเป็น 

แผนกต่าง ๆ ตั้งแต่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ฝ่ายธุรการ 

ฝ่ายขาย โดยห้องทำางานของทุกฝ่ายจะถูกกั้นด้วย 

กระจกเพื่อเปิดมุมมองให้สามารถมองเห็นพื้นที่ 

สีเขียวเป็นจุดพักสายตา และในขณะเดียวกันก็ยัง 

สามารถมองเห็นการทำางานของฝ่ายอื่น ๆ ได้ด้วย 

เช่นกัน ส่วนบริเวณปีกขวาของชั้นเป็นโซนห้อง 

ทำางานของสองผู้บริหารรวมถึงห้องรับรองแขก 

ซึ่งเป็นทิศทางที่สามารถมองเห็นวิวยอดไม้สีเขียว 

จากบริบทรอบด้านได้สวยงามที่สุด 

ชั้น 3 เป็นโซนระบบปฏิบัติการช่างที่รวมพื้นที่ 

ทำางานของฝ่ายวิจัยและพัฒนา ห้องเซิร์ฟเวอร์ 

ห้องมอนิเตอร์ และห้องทดสอบอุปกรณ์ ที่สามารถ 

เปิดให้นักศึกษาเข้ามาเรียนรู้ผ่านกิจกรรมสัมมนา 

เชิงปฏิบัติการได้ ในขณะที่ชั้น 4 เป็นห้องประชุม 

ขนาดใหญ่สำาหรับจัดเลี้ยง ห้องออกกำ าลังกาย 

สำาหรับพนักงาน และส่วนสำานักงานฝ่ายบัญชีที่ 

แยกตัวมาอยู่ที่ชั้นนี้ เนื่องจากรูปแบบการทำ างาน 

ไม่ต้องข้องเกี่ยวกับฝ่ายอื่น ๆ และต้องการความ 

เป็นส่วนตัว ต่อเนื่องจากบริเวณชั้น 4 มีทางเดิน 

เชื่อมสู่สวนดาดฟ้าที่สามารถใช้งานเป็นพื้นที่ 

จัดเลี้ยงกลางแจ้ง หรือบางเวลาก็กลายเป็นพื้นที่ 

พักผ่อนหย่อนใจที่พนักงานสามารถมารับลม ชม 

ธรรมชาติเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศได้บ้างในวันทำ างาน 

ความพิเศษ คือที่บริเวณชั้น 2 ชั้น 3 และชั้น 4 นี้ 

ถูกออกแบบโดยแทรกพื้นที่สีเขียวเข้าไปโดยรอบ 

ของอาคาร ส่วนบริเวณใจกลางเป็นทางเดินขนาด 

ใหญ่ทำาหน้าที่แจกจ่ายไปยังพื้นที่ใช้สอยส่วนต่าง ๆ 

ซึ่งบริเวณทางเดินนี้เองที่ภูมิสถาปนิกมีการออกแบบ 

พื้นที่บางส่วนให้กลายเป็นพื้นที่ส่วนกลางกึ่งกลางแจ้ง 

ที่พนักงานสามารถมานั่งพักผ่อน นั่งคุย หรือนำ า 

แล็ปท็อปมานั่งทำางานเปลี่ยนบรรยากาศได้ตาม 

สะดวก นอกจากนี้พื้นบางส่วนของทางเดินยัง 

ออกแบบเจาะช่องเปิด เพื่อเชื่อมอาคารหลายชั้นถึง 

กันในแนวตั้ง ทำ าให้ในทุก ๆ ชั้น เราสามารถมองเห็น 

กิจกรรมที่เกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งนอกจาก 

จะทำาให้อาคารโปร่ง โล่ง วิธีนี้ยังช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ 

ให้กับพนักงานระหว่างแผนกได้มากขึ้นอีกด้วย 

ถึงแม้ว่าอาคารหลังนี้จะมีการสอดแทรกธรรมชาติ 

ไว้มากมายเพื่อให้เกิดภาวะน่าสบายในการใช้งาน 

เพื่อป้องกันความร้อนอีกหนึ่งชั้น สถาปนิกได้ 

ออกแบบให้มีผนังตะแกรงเหล็กเจาะรู (Perforated 

Aluminium Sheet) เป็นเกราะกำาบังชั้นนอกสุด 

ของอาคาร โดยทำาหน้าที่ป้องกันแสงแดด ความ 

ร้อน ป้องกันฝน และยังช่วยบดบังมุมมอง ซึ่งเส้น 

สายที่ใช้ยังได้แรงบันดาลใจมาจากแผงวงจรไฟฟ้า 

ที่ต่อเนื่องไปไม่สิ้นสุด สะท้อนภาพลักษณ์องค์กร 

ที่เกี่ยวข้องกับด้านเทคโนโลยี โดยมีทั้งส่วนที่ปิด 

ทึบ เปิดโล่ง และกึ่งเปิด แต่ละรูปแบบอ้างอิงตาม 

พื้นที่ใช้สอยที่ซ่อนอยู่ภายใน อย่างเช่น ผนังกรอบ 

อาคารเปิดให้เห็นส่วนกลางของสำานักงาน หรือ 

ห้องออกกำาลังกาย ในขณะที่พื้นที่ที่ต้องการความ 

เป็นส่วนตัว อย่างห้องประชุม หรือห้องผู้บริหาร 

ผนังอาคารจะถูกออกแบบให้ปิด และมีช่องเล็ก ๆ 

ทำาหน้าที่กรองแสง ระบายอากาศ และบดบังสายตา 

จากภายนอก 

“อาคารนี้ไม่ได้กันฝน 100% แต่ส่วนที่เป็น 

สำานักงานต่าง ๆ แน่นอนว่าสามารถกันฝนได้เต็ม 

รูปแบบ ซึ่งส่วนที่เรายอมให้เปียกได้ คือพื้นที่ที่ 

เวลาฝนตกเราไม่ได้ใช้มัน เช่น พื้นที่ส่วนกลางที่ 

พนักงานออกมานั่งพักผ่อน ถ้ามองผิวเผินอาจจะ 

เห็นว่าอาคารนี้ค่อนข้างเปิด แต่จริง ๆ เราพยายาม 

ออกแบบให้ช่องเปิดขนาดใหญ่สลับกัน เราไม่ได้ 

เปิดหมดทุกด้าน ถ้าเปิดกว้างที่ด้านหนึ่ง อีกด้าน 

จะผสมเป็นพื้นที่ปิดเพื่อช่วยลดแรงลม และป้องกัน 

ฝนสาด ซึ่งเราก็ยังมีการวางระบบระบายน้ำ าซ่อน 

อยู่โดยรอบของอาคารด้วย” 

นอกจากนั้นทีมภูมิสถาปนิกจาก URBANIS ยัง 

ออกแบบสวนแนวตั้ง เพื่อทำาหน้าที่ปกป้องพื้นที่ 

ทำางานภายในจากแดด ลม ฝน และฝุ่น เราจึงได้ 

เห็นพืชพรรณนานาชนิดร้อยเรียงในระดับต่าง ๆ 

ตั้งแต่พื้นที่ว่างระหว่างผนังอาคารโปร่งภายนอก 

และห้องกระจกภายใน โถงที่ว่างส่วนกลาง รวม 

ไปถึงสวนหลังคา เปรียบเสมือนการดึงเอาป่า 

ธรรมชาติเข้ามาสร้างบรรยากาศภายในอาคาร 

จากแนวคิดทั้งหมด บทสรุปของอาคารแห่งนี้จึง 

ไม่ใช่แค่สำานักงานที่เป็นมิตรกับเหล่าพนักงาน 

เพียงเท่านั้น แต่ยังใส่ใจ และสอดแทรกกระบวนการ 

คิดที่เป็นมิตรกับวัตถุดิบธรรมชาติ การันตีด้วย 

รางวัล ASEAN Energy Awards 2021 จากการเป็น 

อาคารอนุรักษ์พลังงานที่ออกแบบให้มีช่องเปิด 

ภายในอาคารทั้งทางแนวตั้ง และแนวนอน เพิ่มการ 

ไหลเวียนของธรรมชาติ ลดอุณหภูมิภายในอาคาร 

ผ่านต้นไม้ และบ่อน้ำา ทำาให้ผู้ใช้งานสามารถอยู่ใน 

ทุกพื้นที่ของอาคารได้ในสภาวะน่าสบาย โดยไม่ 

จำาเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา นี่จึง 

เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของอาคารสำานักงานยุคใหม่ 

และอาคารประหยัดพลังงานที่น่าสนใจ

HERE, THERE, AND EVERYWHERE 

67 

02 

ออฟฟิศแห่งใหม่ของ OSD 

Company Limited บริษัท 

ด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร 

ผลงานการออกแบบจาก 

ทีมสถาปนิก AMA Design 

Studio และภูมิสถาปนิก 

จาก URBANIS 

2

68 


ELEVATION 1 

3 

บริษัท เซ็นทรัลเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนซัลแทนต์ จํากัด 

COPYRIGHT 2016 by AMA DESIGN STUDIO 

C 

2.05 

ELEVATION 2 

4 

03-04 

รูปด้านอาคาร


69 

The owners weren’t just looking for aesthetically pleasing 

landscapes and green spaces but also to establish a shared 

space that would provide employees with enjoyable and 

relaxing experiences. They aimed to achieve this through 

a design that would create a seamless flow and visual consistency, 

which would in turn promote human interactions. 

5 

Modern office buildings have not only embraced 

a user-centric approach in their design, accommodating 

the diverse needs and behaviors of their 

users, but they have also ingeniously harnessed 

the inherent benefits of the surrounding natural 

environment. The culmination of meticulous design 

and sustainable practices has yielded a series of 

energy-efficient edifices that seamlessly harmonize 

with their surroundings while prioritizing the wellbeing 

of people and the planet. OSD Company 

Limited stands as a shining example of an office 

building that has embraced sustainability-oriented 

principles. AMA Design Studio and URBANIS 

have been selected to be the minds behind the 

design of the new operational headquarters of a 

prominent communication technology organization, 

which boasts a remarkable two-decade legacy. 

OSD Company Limited, in its earlier stages, found 

its operational base within a series of townhouses, 

gradually transitioning to larger spaces as the 

company experienced continual expansion. In 

response to the burgeoning workforce and their 

increasing needs, a new relocation became an 

unavoidable necessity, leading to the construction 

of an entirely new office building on a parcel of 

land nestled within the bustling Soi Ramindra 20 

Street. 

Developed from the brief provided by the two 

executives of the company, the design aims to 

embody the identity and integrity of the organization 

while seamlessly meeting the needs of a 

diverse range of users. The building is designed 

to adeptly accommodate visiting clients, annual 

activities, and providing a welcoming environment 

for university students who actively engage in 

workshops hosted by the company. Above all, 

the design prioritizes the needs and well-being 

of the invaluable employees. The primary focus 

was to seamlessly integrate natural elements into 

the architecture, following the owners’ personal 

preferences, thereby fostering a peaceful and 

reinvigorating atmosphere. The final result is an 

architectural creation meticulously crafted to 

deliver functional workspaces and an array of 

recreational areas curated to invoke creativity 

and inspiration. 

05 

พื้นที่ชั้น 1 ออกแบบ 

ให้เป็นฟังก์ชันสำาหรับ 

ต้อนรับลูกค้า ลักษณะ 

คล้ายใต้ถุนที่เปิดให้แสง 

ลมธรรมชาติไหลเวียน 

ได้เกือบตลอดทั้งวัน 

สอดแทรกด้วยห้องประชุม 

3 ห้องที่กระจายตัวเสมือน 

ลอยอยู่บนบ่อน้ำาท่ามกลาง 

แลนด์สเคป กลายเป็นมุม 

ที่สร้างบรรยากาศในการ 

ต้อนรับแขกผู้มาเยือนได้ 

เป็นอย่างดี

70 

6 

06 

ภายในอาคารถูกออกแบบ 

ให้มีพื้นที่ส่วน Skylight 

Roof เพื่อเปิดรับแสง 

ธรรมชาติเข้าสู่ตัวอาคาร 

ระหว่างวัน


71 

“The owners weren’t just looking for aesthetically 

pleasing landscapes and green spaces. Their 

goal was to establish a shared space that would 

provide employees with enjoyable and relaxing 

experiences. They aimed to achieve this through 

a design that would create a seamless flow and 

visual consistency, which would in turn promote 

human interactions. We divide the green spaces 

and distribute them across each floor. The functional 

spaces are centrally located within the building 

and surrounded by lush green spaces. A portion 

of the core was transformed into an additional 

level of green space. We believed that the entire 

concept could effectively fulfill all the requirements 

while also maximizing the functionality of each 

space to its fullest potential.” 

7 

07 

บริเวณใจกลางของพื้นที่ 

แต่ละชั้นมีลักษณะเป็น 

คอร์ริดอร์ขนาดใหญ่ 

ทำาหน้าที่แจกจ่ายไปยัง 

ฟังก์ชันต่าง ๆ และยังมี 

การออกแบบฟังก์ชัน 

บางส่วนให้กลายเป็นพื้นที่ 

Semi outdoor Sharing 

Space เพื่อให้กลายเป็น 

พื้นที่พักผ่อนของเหล่า 

พนักงาน 

08 

ห้องทำางานทุกฝ่ายถูกกั้น 

ด้วยกระจกเพื่อเปิดมุมมอง 

ให้สามารถมองเห็นพื้นที่ 

สีเขียวเป็นจุดพักสายตา 

และในขณะเดียวกันก็ 

ยังสามารถมองเห็นการ 

ทำางานของฝ่ายอื่น ๆ ได้ 

ด้วยเช่นกัน้ 

8

72 


9 

09 

ฟาซาดตะแกรงเหล็กเจาะรู 

(Perforated Aluminium 

Sheet) ทำาหน้าที่เป็น 

เกราะกำาบังชั้นนอกสุดของ 

อาคารเพื่อป้องกันความ 

ร้อนอีกหนึ่งชั้นทั้งยังช่วย 

บดบังมุมมอง ส่วนที่มา 

ของเส้นสายได้แรงบันดาล 

ใจจากแผงวงจรไฟฟ้าที่ 

ต่อเนื่องไม่สิ้นสุด สะท้อน 

ภาพลักษณ์องค์กรที่ 

เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 

10 

ที่บริเวณชั้นบนสุดเป็นสวน 

ดาดฟ้าที่สามารถใช้งาน 

เป็นพื้นที่จัดเลี้ยงเอาท์ดอร์ 

หรือเป็นพื้นที่พักผ่อน 

หย่อนใจสำาหรับพนักงาน 

The spaces with similar functions are grouped 

together in the same cluster, occupying all four 

floors of the building as well as the rooftop. The 

design of the first floor is intended to create an 

open and spacious atmosphere. The upper floors 

of the building are dedicated to office spaces, 

while the first floor serves as a public and common 

area primarily used for welcoming clients. The 

openness of the first floor’s layout resembles that 

of a space underneath an elevated floor of a stilt 

house, hence the all-day natural ventilation and 

airflow. The three meeting rooms on the right side 

of the floor are designed to create an illusion that 

makes it appears as if the structures were floating 

above the pond, with the beautiful landscape 

surrounding them. The design not only creates a 

pleasant work environment for the company staff 

but also leaves a positive first impression on outside 

visitors. 

The office space begins on the second floor, 

accommodating various departments such as 

customer services, administration, sales, and 

more. Glass partitions separate the departments, 

allowing employees to have visual access to the 

green spaces whenever they desire a break from 

their computer screens or want to observe activities 

in other departments. The right wing of the second 

floor is home to two private offices for the executives, 

as well as a reception room. This wing 

offers the best view of the tree canopies and the 

surrounding neighborhood outside. 

The operating zone is situated on the third floor 

and encompasses various facilities, such the 

Research and Development (R&D) office unit, the 

server room, and the monitor room. Situated in this 

cluster is the equipment testing room, which is also 

used to host workshops for student participation. 

The large meeting room and a staff fitness facility 

are located on the fourth floor. The accounting 

department also sits on the fourth level due to its 

need for privacy and its independence from other 

departments. From this floor, a walkway provides 

access to the rooftop garden. This garden serves as 

a venue for outdoor gatherings and a recreational 

space where employees may take breaks from 

their duties while enjoying the pleasures of fresh 

air and natural surroundings.

10 

73

74 


Fitted 

Lifted 

Inside / Under / Over 

Fitted Lifted Inside / Under / Over 11


75 

The building’s optimized natural ventilation and lowered 

interior temperature, with the strategic placement of trees 

and a pond, further complements its energy efficiency. 

These elements work together to facilitate the provision 

of thermal comfort to users, reducing the dependence on 

air-conditioning systems and establishing the building 

as an inspiring example of energy-efficient modern office 

architecture. 

11 

ภาพแสดงทิศทางของ 

แสงแดด และหลักการ 

ระบายอากาศของอาคาร 

The architectural design’s distinct inclusion of 

green spaces on the second, third, and fourth 

floors strategically positions them as green nodes 

throughout the building. At the center of the layout 

sits a spacious corridor that provides access to 

other functional spaces. The team responsible for 

landscape architecture designed a section of the 

pathway to serve as a semi-outdoor communal area. 

The space is intended to provide employees with 

an opportunity to unwind, engage in conversation, 

and maybe work on their laptops if they so choose. 

Certain parts of this walkway have been intentionally 

designed into voids, serving as vertical 

connectors between different floors within the 

building. The common space is visible from each 

floor, allowing individuals to observe the ongoing 

activities. The layout not only fosters a spacious, 

open shared space but also facilitates interdepartmental 

contact among staff. 

The functional program incorporates several natural 

components that are designed to enhance the 

thermal comfort of the building and its occupants. 

The architectural team designs a building envelope 

made of perforated aluminum sheets, which serve 

as an external layer that protects the interior spaces 

from sunlight, heat, and rain while also offering 

a degree of privacy for the areas that need it. The 

metal shell incorporates design elements that are 

reminiscent of the continuous lines found on electrical 

circuits, alluding to the company’s image and 

contribution to the technological sector. The varying 

extents of the shell’s openness are designed to 

correspond with the interior spaces, where some 

necessitate full enclosure while others require 

complete or partial openness. For example, the 

architectural structure allows visual access to 

both the communal area and the fitness facility. 

In settings that demand more seclusion, such as 

meeting rooms or executive offices, enclosed walls 

are built with limited openings. This strategic 

arrangement serves to effectively regulate sunlight 

while still facilitating ventilation and shielding the 

spaces from external visual intrusion. 

“This building does not provide complete protection 

against rainfall; nonetheless, it is important to note 

that the office areas within the building are totally 

shielded. However, certain places are designated 

to withstand exposure to the rain during periods of 

non-use, namely the communal spaces that the 

staff use during their free time. At first glance, the 

building may appear to possess a high degree of 

openness. However, our design approach involves 

the deliberate integration of a distinct arrangement 

of sizable openings while intentionally opting against 

complete openness on all sides. In order to mitigate 

excessive airflow and protect the interior spaces 

from rainfall, one side remains open while the other 

is enclosed. Additionally, we designed a built-in 

water drainage system on the outer perimeter of 

the structure.” 

The landscape architecture team at URBANIS 

designs a vertical garden as a means of safeguarding 

the indoor workstations against various 

environmental factors such as sunshine, wind, rain, 

and dust. The vertical garden visually intertwines 

itself into the building’s different floor levels, as 

well as the perforated aluminum shells, office 

spaces and rooms with glass partitions, and the 

void in the central common area, as well as the 

rooftop garden. The vertical landscape functions 

as a forest, imbuing the building’s functional space 

with a beautiful, natural ambiance.

76 


12 

พืชพรรณนานาชนิดร้อย 

เรียงในระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ 

พื้น ที่ว่างระหว่างผนัง 

อาคารรวมไปถึงสวน 

ดาดฟ้า เปรียบเสมือนการ 

ดึงเอาป่าธรรมชาติเข้า 

มาสร้างบรรยากาศภายใน 

อาคาร 

13 

พื้นที่สวนชั้นดาดฟ้า 

ของอาคาร


77 

The underlying concepts and ideas birth the design 

that transcends mere user convenience. It harmoniously 

incorporates natural components and 

embraces an environmentally conscious approach 

as an integral aspect of its existence. As a testament 

to its passive energy design endeavor, the ASEAN 

Energy Awards 2021 recognized the project for its 

exceptional arrangement of vertical and horizontal 

openings, which results in the building’s optimized 

natural ventilation and lowered interior temperature. 

The project’s landscape architecture’s strategic 

placement of trees and a pond further complements 

its energy efficiency. These elements work together 

to facilitate the provision of thermal comfort to 

users, reducing the dependence on air-conditioning 

systems and establishing the building as an 

inspiring example of energy-efficient modern office 

architecture. 

รังสิมา 

อรุณธนาวุฒิ 

จบการศึกษาภูมิสถาปั ตย- 

กรรม จากมหาวิทยาลัย 

เกษตรศาสตร์ ปั จจุบัน 

เป็ นนักเขียนเกี่ยวกับงาน 

ออกแบบในสื่อสถาปั ตย- 

กรรม 

Rangsima 

Arunthanavut 

graduated from the 

Department of Landscape 

Architecture, 

Kasetsart University. 

She is currently a 

writer on design in 

architectural media. 

amadesignstudio.net 

13 

12 

Project: OSD Company Limited Incorporating Greenery Architect and Interior space planing: 

AMA design studio Interior design: Kham studio Landscape design: Urbanis Engineering design: 

CEC. Owner: OSD Company Limited Design Team: Chatchai Assawawasukee, Tuangtip Aenleng, 

Korakot Prisawong, Kochakorn Khiewim, Sathok Tunyapakornsiri, Ekachai Pattamasattayasonthi, 

Sutthiphong Atikomnunta and Phanlapon Limchalasyothin

78 


One 

For All, 

All 

For 

One 

The design of the new Council of Engineers Thailand building is based 

on the notion of ‘a place for all’ and strives to include sustainability 

in multiple areas of its existence beyond architectural design and 

engineering systems. 

Text: Bhumibhat Promboot 

Photo Courtesy of Ativich Studio and DOF SkyIGround except as noted

1 

01 

มุมมองจากภายนอก 

อาคารสภาวิศวกร 

แสดงส่วนพื้นที่สีเขียว 

ที่เชื่อมต่อตัวอาคารกับ 

ชุมชนโดยรอบ

่ 

80 


บนกรอบแนวคิด “A place for all” เพื่อที่จะ 

มุ่งเน้นและยกระดับการออกแบบที่คำานึงถึง 

ความยั่งยืนในทุกภาคส่วน ผ่านแนวคิดทางการ 

ออกแบบสถาปัตยกรรม และการออกแบบระบบ 

วิศวกรรมรวมเข้าไว้ด้วยกัน คือที่มาของแนวคิด 

และเป้าหมายการออกแบบอาคารสภาวิศวกร 

แห่งใหม่ ตั้งอยู่ริมถนนลาดพร้าวในย่านโชคชัย 4 

ที่กำาลังต้อนรับการเปลี่ยนแปลงมาใช้ระบบ 

ขนส่งแบบรางเดี่ยว หรือโมโนเรล ซึ่งจะส่งผล 

ให้สามารถเดินทางเข้าถึงย่านได้สะดวกสบาย 

มากขึ้น ดังนั้นเพื่อรองรับการปรับตัว เปลี่ยนแปลง 

ของย่านเดิม และตอบรับการขยายตัวใหม่ ๆ ที่ 

กำาลังจะเกิดขึ้นตามมาภายหลังจากการพัฒนา 

ระบบขนส่งและผังเมือง การออกแบบอาคาร 

สภาวิศวกรหลังนี้จึงเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้น และ 

หมุดหมายใหม่ของการพัฒนาพื้นที่โดยรอบอย่าง 

ยั่งยืน และให้เท่าทันยุคสมัยที่กำาลังเปลี่ยนแปลง 

ตึกแถวหลายคูหาเดิม ติดริมถนนลาดพร้าว 

ได้ถูกรื้อทิ้งออกไป เพื่อให้เป็นที่ตั้งของอาคาร 

สภาวิศวกรแห่งใหม่นี้ เป็นพื้นที่ให้บริการ 

วิชาชีพวิศวกรรมในประเทศไทย ทั้งเรื่องเกี่ยวกับ 

ใบประกอบวิชาชีพ การสอบใบประกอบวิชาชีพ 

และการออกใบอนุญาตต่าง ๆ ซึ่งเป็นบริการ 

พื้นฐาน และหน้าที่หลักของสภาวิศวกรแห่ง 

ประเทศไทยเนื่องด้วยความเปลี่ยนแปลงทาง 

ด้านวิถีชีวิตและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว 

ส่งผลให้รูปแบบและการใช้งานอาคารมีการ 

ปรับปรุงและจัดการพื้นที่ให้สามารถปรับเปลี่ยน 

ให้รูปแบบไม่ตายตัว สอดคล้องกับการเกิดขึ้น 

ของช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ 

ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อวิถีชีวิต สังคม สภาพ- 

แวดล้อมและเศรษฐกิจที่รุนแรง ทำาให้ช่วงเวลา 

ระหว่างการออกแบบสภาวิศวกรแห่งนี้ ได้มี 

การปรับรูปแบบครั้งใหญ่ถึงสองครั้ง คือ ช่วงที 

ได้เกิดโรคระบาดขึ้น และภายหลังจากการแพร่ 

ระบาดของ COVID-19 ภายหลังจากการเปิด 

ใช้งานอาคารสภาวิศวกรแล้วนั้น พื้นที่บางส่วน 

ภายในอาคารมีการเปลี่ยนแปลง และยกเลิก 

การใช้งานเดิม จากที่เคยออกแบบไว้จนถึงช่วงที่ 

ก่อสร้างแล้วเสร็จ 

อาคารรูปทรงเปิดที่ดูลอยเหนือขึ้นจากพื้น 

(High Zone) มีพื้นที่สวนขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อ 

ระหว่างพื้นทางเท้า และอาคารสภาวิศวกร 

(Low Zone) มีพื้นที่ใช้สอยอาคารรวมประมาณ 

9,000 ตารางเมตร บนความสูง 7 ชั้น โดย 

เป็นอาคารประเภท Mixed Use ที่มีทั้งส่วน 

บริการวิชาชีพ สำานักงาน ห้องสมุด ห้องประชุม 

และคาเฟ่ รวมเข้าไว้ด้วยกัน ในบริเวณพื้นที่ 

โครงการ ผู้ออกแบบได้แบ่งอาคารออกเป็น 2 

อาคาร คืออาคารหลักซึ่งเป็นส่วนของการใช้งาน 

ทั่วไป และอาคารจอดรถแบบอัตโนมัติอยู่ทาง 

ด้านหลังของพื้นที่โครงการ โดยทีม Ativich 

Studio รับหน้าที่เป็นสถาปนิกผู้รับผิดชอบหลัก 

ในการออกแบบโครงการนี้ 

ภายในอาคารความสูง 7 ชั้น ถูกแบ่งพื้นที่ 

แยกย่อยออกเป็น Low Zone ซึ่งประกอบไป 

ด้วย โถงสำาหรับผู้เดินทางโดยรถยนต์ คาเฟ่ 

ร้านอาหาร ร้านค้า และห้องควบคุม ส่วนพื้นที่ 

High Zone ประกอบไปด้วยโถงทางเข้า Service 

Centre สำานักงาน ห้องสมุด ห้องสัมมนา ห้อง 

ประชุม และห้องสำาหรับจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ 

หรือบรรยาย ด้วยแนวคิดหลักเรื่อง “A place 

for all” ทาง Ativich Studio ได้ทดลองแทรก 

พื้นที่ส่วนกลาง ไปยังพื้นที่ใช้สอยต่าง ๆ เพื่อ 

สร้างปฎิสัมพันธ์ใหม่ ๆ กับผู้มาใช้งานอาคาร 

เช่น การเปิดพื้นที่ชั้นหนึ่งที่ติดริมถนนลาดพร้าว 

ให้เป็นพื้นที่สาธารณะ โดยผู้ออกแบบยกระดับ 

พื้นที่โถงต้อนรับ และส่วนงานบริการวิชาชีพ 

ให้สูงขึ้นไปจากระดับถนน (High Zone) เพื่อ 

เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับชุมชนโดยรอบ ผ่านการ 

สร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ของการมาใช้งาน 

พื้นที่ภายในบริเวณอาคาร ซึ่งลักษณะของพื้นที่ 

จะเป็นทางเดินทอดยาวควบคู่ตลอดไปกับแนว 

พุ่มไม้ในระดับสายตา เป็นการไล่ระดับจาก 

พื้นทางเท้าพาดผ่านสูงขึ้นไป จนถึงระดับของ 

โถงทางเข้าหลักของอาคาร พื้นที่ส่วนนี้ทาง 

ผู้ออกแบบยังเสริมการใช้งานด้วยที่นั่งภายนอก 

อาคารหรือ Amphitheater ตรงส่วนด้านหน้า 

ของโถงทางเข้า ให้คนทั่วไปสามารถเข้าไปใช้ 

งานได้ ทั้งสำาหรับการนั่งพักผ่อน พูดคุย อ่าน 

หนังสือ จนไปถึงนอนงีบหลับ ซึ่งเป็นความตั้งใจ 

ของผู้ออกแบบและทางสภาวิศวกรที่เห็นร่วม 

ตรงกัน เพื่อให้พื้นที่ในส่วนนี้เสมือนเป็นพื้นที่ 

เปิด สำาหรับชุมชนใกล้เคียงให้เข้ามาใช้งานได้ 

อย่างทั่วถึง จากบริบทของย่านเดิมที่เป็นที่อยู่ 

อาศัยค่อนข้างหนาแน่น การเพิ่มพื้นที่สาธารณะ 

สีเขียวนี้ จึงช่วยสร้างปอดให้กับเมืองหรือชุมชน 

ได้หายใจมากขึ้น สามารถส่งผลให้เกิดสุขภาวะ 

ที่ีดีตามมา 

อีกแนวทางหนึ่งที่ทางผู้ออกแบบต้องการลด 

ผลกระทบของการสร้างอาคารใหม่ ด้วยแนวคิด 

เรื่อง Urban Ventilation เข้ามาใช้ในการจัดวาง 

โซนของอาคาร จัดการแยกส่วนอาคารออก 

เป็นสองอาคาร เพื่อเปิดพื้นที่ระหว่างตรงกลาง 

ให้เป็นพื้นที่เปิดโล่ง และใช้เป็นทางสัญจรของ 

รถยนต์ อีกนัยหนึ่ง การแยกอาคารออกจากกัน 

เป็น 2 ส่วนในโครงการนี้ ยังทำาให้ขนาด และ 

สัดส่วนของอาคารสภาวิศวกรใกล้เคียงกับ 

บริเวณรอบข้าง โดยเป็นการตระหนักถึงพลวัต 

ของบริบทแวดล้อม ดังนั้นสถาปนิกจึงไม่ใช่ 

เพียงแค่ออกแบบสภาพแวดล้อมเฉพาะในตัว 

อาคาร หรือในบริเวณพื้นที่อาคารเท่านั้น แต่ยัง 

สามารถเป็นส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อมโดย 

ไม่ได้แยกขาดออกจากกัน การที่สถาปนิก 

ต้องการสร้างปฏิสัมพันธ์กันในทุกองคาพยพ 

ของระบบนิเวศของเมืองและชุมชน ยังส่งผลให้ 

ตัวอาคารไม่มีการติดตราสัญลักษณ์ขององค์กร 

หรือป้ายขนาดใหญ่บนอาคาร เพื่อให้อาคาร 

สภาวิศวกรนั้นอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน และ 

สร้างความเป็นมิตรทางสายตาแก่ชุมชนข้างเคียง 

ด้วยสภาวิศวกรต้องการให้อาคารเป็นพื้นที่ 

สำาหรับทุกคน ไม่จำากัดเพศ วัย และอาชีพ ซึ่ง 

เป็นเป้าหมายหลักตั้งแต่แรกเริ่มที่สภาวิศวกร 

ได้ตั้งโจทย์ให้ทางสถาปนิกทำาการออกแบบ 

พื้นที่ในเชิงสร้างสรรค์ มีการแลกเปลี่ยนองค์- 

ความรู้และนวัตกรรมต่าง ๆ ในทุกแขนงวิชา ทั้ง 

วิศวกรรม สถาปัตยกรรม และภูมิปัญญาพื้นถิ่น 

ที่ไม่ได้จำากัดแค่เฉพาะกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง 

เท่านั้น แต่รวมไปถึงผู้ที่สนใจศึกษาทุกภาคส่วน 

ได้เข้ามาร่วมกันแบ่งปันพื้นที่นี้ด้วยกัน รูปแบบ 

และลักษณะของตัวอาคารจึงประกอบไปด้วย 

3 แนวคิดหลัก คือ พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ 

ด้วยหลักการออกแบบอย่างยั่งยืน และพื้นที่ 

สำานักงานรูปแบบใหม่ที่เน้นเรื่องความยืดหยุ่น 

ในการใช้งาน และมีนำาระบบโมดูลาร์เข้ามาใช้ใน 

การออกแบบ สุดท้ายคือการออกแบบพื้นที่ใช้ 

งานภายในให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลง 

ทั้งในเชิงความร่วมมือ หรือให้เป็นพื้นที่ 

สาธารณะได้ในอนาคตอย่างสะดวก โดยไม่ 

กระทบการใช้งานพื้นที่เดิม ฉะนั้นรูปแบบและ 

องค์ประกอบของอาคารจึงเป็นการผสานองค์ 

ความรู้และเทคนิคในหลายแขนงวิชาให้เข้ากับ 

วิถีชีวิตร่วมสมัยไว้ด้วยกัน 

จากภาพแรกของอาคารสภาวิศวกร หากมอง 

จากริมถนนลาดพร้าวเข้ามาจะพบกับสวนขนาด 

ใหญ่ที่สอดแทรกทางเดินเท้าเข้าไปยังตัวอาคาร 

ซึ่งเป็นส่วนของ Low Zone ที่ผู้ออกแบบตั้งใจ 

ให้สวนแห่งนี้เป็นเสมือนส่วนต้อนรับหลักของ

ONE FOR ALL, ALL FOR ONE 

81 

02 

รูปด้านอาคารแสดง 

ส่วนพื้นที่สีเขียวภายใน 

บริเวณอาคารสภาวิศวกร 

2 

อาคาร โดยใช้หลักการออกแบบอย่างยั่งยืน 

เช่น การเลือกใช้ไม้ยืนต้นกับไม้พุ่ม มาเป็นองค์- 

ประกอบหลัก แทนที่จะเลือกปลูกหญ้าให้เป็น 

พื้นที่สีเขียว เนื่องจากไม้ยืนต้นกับไม้พุ ่มมีอัตรา 

การบริโภคทรัพยากรน้ำาที่น้อยกว่า และสามารถ 

ดูแลรักษาจัดการพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

และยั่งยืนมากกว่าการปลูกหญ้า ซึ่งทางสถาปนิก 

ยังได้ออกแบบระบบสุขาภิบาลให้มีการนำาน้ำาเสีย 

จากการอุปโภคบริโภค เข้ามาใช้ในการรดน้ำา 

ต้นไม้ในพื้นที่ส่วนนี้อีกด้วย ช่วยสร้างการ 

หมุนเวียนทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และเป็นระบบ 

หากมองเลยเหนือพื้นที่สีเขียวขึ้นไป จะสามารถ 

มองเห็นรูปทรงของอาคารสภาวิศวกรที่ผิว 

ภายนอกมีลักษณะโปร่ง ไม่ทึบ และหุ้มตัว 

อาคารในส่วนชั้นบนแบบเต็มพื้นที่ ซึ่งพื้นผิว 

อาคารส่วนนี้ทำาหน้าที่ปิดล้อมส่วน High Zone 

ของอาคารสภาวิศวกรเอาไว้ ทางผู้ออกแบบได้ 

เลือกใช้วัสดุปิดผิวภายนอกเป็นแผ่นอลูมิเนียม 

เจาะรู และกั้นด้วยผนังกระจกใสตัดแสงด้านใน 

อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งการออกแบบระบบนี้คือ Doubleskin 

façade เพื่อช่วยลดความร้อนเข้าสู่ตัว 

อาคาร แผ่นอลูมิเนียมเจาะรูทำาหน้าที่ทั้งป้องกัน 

แสง และความร้อนที่เข้าสู่อาคาร ทั้งยังสามารถ 

ช่วยระบายอากาศได้พร้อม ๆ กัน ทำาให้อาคาร 

สามารถหายใจได้ และให้แสงธรรมชาติสามารถ 

ผ่านเข้ามายังภายในอาคารได้อีกด้วย ระบบ 

Double-skin façade ยังช่วยลดภาระการทำางาน 

ของทั้งระบบแสงสว่างภายในอาคาร และระบบ 

ปรับอากาศ ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งาน และการ 

ซ่อมบำารุงให้ลดน้อยลง 

เนื่องด้วย façade ของอาคารสภาวิศวกร ที่ 

สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากพื้นที่โดยรอบ 

ผู้ออกแบบจึงต้องการสร้างปฎิสัมพันธ์เพิ่มเติม 

กับชุมชน นอกเหนือจากเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ 

กับชุมชนแล้วนั้น คือการใช้พื้นที่ façade ทาง 

ด้านหน้าโดยการติดตั้งจอ LED รูปแบบโปร่ง 

ขนาด 8 x 8 เมตร เพื่อแสดงข้อมูลต่าง ๆ แบบ 

Real-Time ให้เป็นแหล่งข้อมูลแก่ชุมชนโดยรอบ 

หรือผู้ที่สัญจรผ่านไปมา เช่น การรายงานสภาพ- 

อากาศประจำาวัน ทั้งอุณหภูมิ ฝนตก แดดออก 

การรายงานค่าฝุ่น PM 2.5 ที่เสมือนเป็นข้อมูล 

ในชีวิตประจำาวันที่ทุกคนตระหนักถึง รวมทั้ง 

สามารถแจ้งข้อมูลเตือนภัยฉุกเฉินเพื่อตอบรับ 

กับยุคสมัย และแสดงผลของข้อมูลเพื่อใช้ใน 

การประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นใน 

อนาคตได้อีกทางหนึ่ง ฉะนั้นการเลือกใช้วัสดุ 

อาคารจึงต้องสอดรับกับแนวคิดความยั่งยืน 

ทั้งทางสังคม และการใช้งานเป็นสำาคัญ โดย 

ผสมผสานกับเทคโนโลยี และวัสดุใหม่ ๆ 

ควบคู่กันไป 

สถาปนิกยังเลือกใช้วัสดุอาคารที่ผลิตในประเทศ 

เป็นส่วนใหญ่ เพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์จาก 

การนำาเข้าวัสดุจากต่างประเทศ และมีการใช้ 

วัสดุเช่น ผ้าทอต่าง ๆ ที่ใช้เส้นใยจากกระบวนการ 

รีไซเคิล สำาหรับงานตกแต่งภายใน และเฟอร์นิ- 

เจอร์อีกด้วย ส่วนงานภูมิสถาปัตยกรรมได้มี 

การนำาวัสดุ เช่น คอนกรีตซึมน้ำา ซึ่งเป็นนวัตกรรม 

ใหม่เข้ามาใช้ในโครงการนี้ด้วยเช่นกัน 

ในหลักการออกแบบอย่างยั่งยืน เมื่อพิจารณา 

จากอาคารสภาวิศวกรนั้น ประกอบไปด้วยมิติที่ 

หลากหลาย นอกเหนือจากทางสถาปัตยกรรม 

และวิศวกรรม ยังมีมิติทางสังคม ชุมชน ระบบ 

ผังเมือง และจิตวิทยา และหากตรวจสอบจาก 

เกณฑ์ของการประเมินอาคารเขียว ก็จะพบว่า 

ทีมออกแบบให้ความสำาคัญกับข้อกำาหนดในการ 

พิจารณาหลายประเด็น เช่น การใช้ทรัพยากรน้ำา 

อย่างคุ้มค่า การใช้ประโยชน์จากที่ดิน การเลือก 

ใช้วัสดุและอุปกรณ์ให้เหมาะสม การลดการใช้ 

พลังงาน การคำานึงถึงสภาพแวดล้อมโดยรอบ 

และความเป็นนวัตกรรมอาคาร แต่ก็ยังเป็นข้อ 

กำาหนดที่ถูกสร้าง หรือมีกรอบคิดมาจากบริบท 

แวดล้อมที่ต่างกัน การนำามาปรับใช้ และต่อยอด 

แนวคิด จึงเป็นส่วนสำาคัญต่อกระบวนการของ 

การออกแบบสถาปัตยกรรมอย่างยั่งยืนต่อไป 

ในอนาคต 

เมื่อโลกเริ่มตอบสนองและเปลี่ยนแปลงอย่าง 

รวดเร็ว และรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ดังเช่นเหตุการณ์ 

แพร่ระบาดของโรค COVID-19 การเปลี่ยน- 

แปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างฉับพลัน หรือ 

การพัฒนาระบบ Artificial Intelligence อย่าง 

ก้าวกระโดด ส่งผลให้กระบวนการออกแบบทั้ง 

ทางสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมต้องปรับตัว 

กันขนานใหญ่ การออกแบบและก่อสร้างของ 

อาคารสภาวิศวกรหลังนี้ ก็อยู่คาบเกี่ยวระหว่าง 

ช่วงที่โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน 

ความร่วมมือจากทุกองคาพยพจึงเป็นสิ่งจำาเป็น 

การออกแบบสถาปัตยกรรมไม่ได้มีเพียงแค่ 

เจ้าของโครงการและผู้ออกแบบเท่านั้น แต่ 

ต้องการการออกแบบอย่างมีส่วนร่วมจากผู้ที่ 

ได้รับผลกระทบทั้งหมด เพื่อรับมือกับการ 

เปลี่ยนแปลงที่อาจคาดการณ์ได้ยากขึ้น นิยาม 

ของการออกแบบอย่างยั่งยืนจึงไม่ใช่การออกแบบ 

เพื่อให้อาคารอยู่ยืนนานที่สุด หรือการรักษา 

ให้คงไว้โดยไม่เปลี่ยนแปลง แต่สถาปัตยกรรม 

ยั่งยืนแห่งอนาคตต้องมองเห็น และสามารถรับมือ 

กับการเปลี่ยนแปลงที่ผันผวน โดยต้องเปิดรับ 

ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ผ่านความหลากหลาย และ 

ลื่นไหลไปตามการปรับเปลี่ยนของสภาพแวดล้อม 

ที่ไม่หยุดนิ่ง

82 


The architectural composition of the Council of Engineers Thailand 

building serves as a poignant representation of a fresh beginning 

and a significant juncture in the area’s sustainable development. 

This design harmoniously aligns with ever-evolving society and the 

global landscape, signifying a profound step forward. 

3 

03 

มุมมองจากรถไฟรางเดี่ยว 

และตัวอาคารสภาวิศวกร 

ที่แสดงการพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ 

ภายในย่าน 

04 

ภาพพื้นที่สีเขียวภายใน 

บริเวณอาคารสภาวิศวกร 

4


83 


2 M 

1. FRONT DROP-OFF 

2. AUTOMATED PARKING 

3. LOBBY 

4. STAIR HALL 

5. RETAIL 

6. CAFETERIA 

7. RESTAURANT 

8. CENTRAL UPS ROOM 

9. UPS ROOM SERVER 

10. SERVICE AREA 

11. FIRE ESCAPE 

12. TRANFOMER AND MDB 

13. PUMP ROOM 

14. GABAGE ROOM 

15. RING MAN UNIT 

16. GENERATOR 

16 

6 

7 

14 


12 

8 

4 

10 

11 

1 

9 

13 

3 

2 

5 

5 

Encapsulated by the ‘a place for all’ concept, the 

inception and purpose of the architecture of the 

new Council of Engineers Thailand aims to create 

a work of architecture that incorporates sustainability 

into various aspects of its existence, including 

architectural design and engineering systems. 

On the bustling Ladprao Road, in the Chok Chai 

See neighborhood of Bangkok, stands a stunning 

structure following the arrival of a monorail route, 

which has kicked off an exciting period of accessibility, 

seamlessly connecting the neighboring 

municipalities to this vibrant locale. In anticipation of 

forthcoming transformations within the community, 

including the imminent expansion accompanying 

the development of a public transportation system 

and urbanization, the architectural composition of 

the Council of Engineers Thailand building serves 

as a poignant representation of a fresh beginning 

and a significant juncture in the area’s sustainable 

development. This design harmoniously aligns with 

ever-evolving society and the global landscape, 

signifying a profound step forward. 

05 

ผังบริเวณอาคารแสดง 

พื้นที่ส่วนอาคารสำานักงาน 

และอาคารจอดรถอัตโนมัติ 

ที่แยกออกจากกันเป็น 

คนละอาคาร

6

06 

ภาพมุมสูงแสดงพื้นที่ 

สีเขียวที่เชื่อมต่อส่วนทาง 

เดินเข้าชั้นล่างต่อเนื่องไป 

ยังชั้นอื่น ๆ ของอาคาร

86 


07 

ไดอะแกรมแสดงความ 

สัมพันธ์และการจัดการ 

บริบทแวดล้อมกับรูปแบบ 

ของอาคารและพื้นที่สีเขียว 

08 

รูปด้านข้างและด้านหน้า 


7 

8 

ELEVATION 1 ELEVATION 2


87 

Several units of shophouses have been dismantled 

to make space for the new Council of Engineers 

Thailand building. This building will provide a wide 

range of services to engineering professionals in 

Thailand, including engineering license exams, 

permit issuing, and other essential services that 

are central to the council’s role. The design and 

functions of buildings are constantly evolving to 

keep up with rapidly changing technologies and 

lifestyles. This allows for better and more flexible 

spatial management. Furthermore, the design 

underwent two significant revisions due to the 

immense impacts of the COVID-19 pandemic on 

people’s lifestyles, society, and the environment. 

These revisions included a pre-pandemic version 

and a post-pandemic version. After the building 

was completed, some modifications were made 

to the interior program, resulting in the elimination 

of certain original functions. 

The architectural composition features an elevated, 

open shape seemingly emerging from the floor 

to the High Zone, with a garden that seamlessly 

connects the walkway with the council building 

located in the Low Zone. The architectural composition 

in question boasts a grand total of 9,000 

square meters of functional space, distributed 

across seven stories to accommodate a diverse 

range of activities, encompassing a harmonious 

blend of mixed-use programs. Within its walls, 

one can find areas dedicated to professional 

services, offices, a library, and even a charming 

café. The architectural ensemble comprises two 

distinct structures. The primary edifice, known as 

the main building, houses the essential functional 

program. In harmonious juxtaposition, the second 

structure, the automatic parking building, occupies 

the rear of the premises. The Ativich Studio has 

been appointed as the principal design team for 

this project. 

9 

09 

บรรยากาศภายในของ 

พื้นที่โถงต้อนรับ

88 

10


89 

11 

10 

พื้นที่นั่งอเนกประสงค์ 

ภายในส่วนของห้องสมุด 

และ Service Center 

11 

พื้นที่ double voloume 

ภายในส่วนของห้องสมุด 

และ Service Center 

The architectural composition within the seven-story 

building creates distinct zones to accommodate 

the functional program. The first area is called the 

Low Zone, which has been carefully designed to 

meet the needs of visitors who arrive in their own 

vehicles. It includes a reception lobby, a café, a 

restaurant, and a control room. The High Zone is 

home to several important facilities, including the 

entrance lobby of the service center, an office, a 

library, a seminar room, meeting rooms, and a room 

specifically designed for hosting workshops and 

lectures. The concept of “a place for all” is reflected 

in the design of communal spaces that are integrated 

into other functional areas. These spaces 

were specifically created to encourage interactions 

among users. The public space adjacent to Ladprao 

Road is on the first floor. The design team has raised 

the floor of the lobby and professional service zone 

to be above ground level, making them part of the 

High Zone. This change has been made with the 

intention of increasing green space for the surrounding 

community and providing users with new 

experiences in how they engage with the building. 

The space is designed with a walkway that runs 

alongside rows of barrier plants, which are grown to 

a height that is at eye level. The walkway gradually 

ascends, leading up to the main entrance of the 

building. The design team has incorporated outdoor 

seating in the form of an amphitheater at the front 

of the entrance hall. This space is open to everyone 

and provides a comfortable area for lounging, 

socializing, reading books, or even taking a nap. The 

designer convinced the owner to agree to transform 

the space into an open, public area that warmly 

welcomes community members to interact and have 

fun with. With the area’s high population density, 

the birth of public green space, which serves as an 

urban lung, allows people to take a deep breath and 

experience better well-being in their daily lives. 

The design team has taken a mindful approach 

in their endeavor to mitigate the ecological ramifications 

associated with the construction of the 

building. The urban ventilation concept takes center 

stage in the design, seamlessly integrated into the 

building’s zoning. This innovative approach gives 

rise to a breathtaking ensemble comprising two 

interconnected structures. A colossal open space 

unites both of the structures, serving as a passage 

for vehicles. The presence of two distinct buildings 

brings a sense of scale and proportion, gracefully 

harmonizing with the neighboring built structures and 

seamlessly integrating within the dynamic fabric of 

the surrounding context. The design team undertakes 

the task of crafting not just a mere environment within 

the building’s interiors but also melding the structures 

into the context of which they are a part. The design 

team has masterfully crafted an urban ecosystem 

that is effortlessly fused into the surrounding community. 

The deliberate absence of any logos, symbols,or 

grand signage that typically adorn buildings 

serves to foster a sense of coexistence between the 

structure and its community while simultaneously 

offering a visually pleasing and welcoming presence 

to all who encounter it.

90 


The visionary minds at the Council of Engineers 

Thailand intend for the project to be a space for 

individuals from diverse walks of life. In pursuit of 

this objective, the design team and owner went 

through constructive exchanges of knowledge, 

blending the realms of engineering, architecture, 

and vernacular wisdom. The project extends its 

warm embrace to a diverse array of individuals, 

transcending the boundaries of specific groups and 

beckoning those from every sector who possess 

an ardent curiosity for the knowledge, services, 

and experiences that the council has to offer. The 

building’s style and physical characteristics are 

influenced by three key elements: the large green 

space designed with sustainability in mind; the 

office space, whose design manifests impressive 

flexibility and clever use of modular systems; and 

the interior functional spaces that can accommodate 

future modifications and applications without 

disrupting the existing functionality. One can say 

that the style and components of the building are 

realized through the integration of various bodies 

of knowledge and techniques from different disciplines 

into people’s contemporary way of life. 

12 

13


91 

12 

บันไดหลักของอาคารที่ 

เป็นบันไดทอดเดี่ยวยาว 

ต่อเนื่องขึ้นไปในแต่ละชั้น 


13 

บรรยากาศภายในพื้นที่ 

ส่วนสำานักงาน อาคาร 

สภาวิศวกร 

In this project, the involvement of all stakeholders 

is paramount. It demonstrates that a sustainable 

architecture for the future needs to foresee and handle 

changes that may be unexpected and volatile. It needs 

to be open to new possibilities through diversity and 

adapt to a constantly evolving world. 

14 

14 

โต๊ะประชุมรูปสามเหลี่ยม 

ภายในห้องประชุมของ 

สภาวิศวกร ที่สามารถ 

นั่งมองเห็นกันได้จาก 

ทุกมุมมอง 

A sizable garden with a walkway leading into the 

Low Zone of the building greets visitors as they 

enter the premise from Ladprao Road. The design 

team envisioned the garden to function as the 

building’s primary reception area. In embracing 

a sustainable ethos, the landscape design predominantly 

features an array of trees and shrubs, 

chosen for their reduced water consumption and 

more manageable and eco-friendly upkeep as 

opposed to traditional grassy areas. The sanitary 

systems have been meticulously designed to ensure 

the optimal treatment and reuse of wastewater for 

the nourishment of the growing trees and plants. 

Gazing upward from the verdant garden, the architectural 

composition of the structure unveils an 

expansive, punctured facade built with perforated 

aluminum panels that envelops the uppermost 

section of the edifice, also known as the High Zone. 

Heat-absorbing glass serves as an extra layer 

within the double-skin façade, effectively filtering 

and preventing excessive heat from infiltrating the 

building. The perforated aluminum panels’ dual 

purpose is to provide the interior spaces with a 

shield against the harsh rays of the sun while also 

facilitating passive ventilation. Simultaneously, 

these panels act as conduits for an ample presence 

of natural light. The double-skin façade effectively 

alleviates the strain that would otherwise be placed 

on the lighting and air conditioning systems, thereby 

prolonging their lifespan and reducing the frequency 

of maintenance required.


92 

theme / review


93 


Double Skin Facade 

ที่ทำาหน้าที่ทั้งกรองแสง 

และลดความร้อนเข้าสู่ 

ตัวอาคาร

94 


16 

16 

จอภาพแสดง infographic 

บน façade ของอาคาร 

สภาวิศวกร ที่สามารถ 

ปรับเปลี่ยนไปตามช่วง 

เวลาได้ 

17 

ภาพบรรยายกาศของ 

อาคารสภาวิศวกรแห่งใหม่ 

ที่มีส่วนช่วยสร้างพื้นที่ 

สาธารณะให้ภายในย่าน 

Given the building’s prominent façade, the design 

team devised a strategy to foster meaningful engagement 

between the structure and the surrounding 

community. In addition to the lush green space, the 

front-facing façade boasts a magnificent 8x8-meter 

LED screen. This cutting-edge display showcases 

real-time information, providing passersby and 

community members with daily weather updates, 

including temperature, rain forecasts, and PM 2.5 

levels. Furthermore, this dynamic screen serves as 

a platform for emergency notices, ensuring that 

crucial information reaches individuals swiftly and 

efficiently. By embracing the rapid generation and 

distribution of information, the design aligns with 

the demands of today’s world, enabling the assessment 

of future scenarios with remarkable speed and 

effectiveness. The selection of materials employed 

corresponds with the functions and concepts of 

social sustainability principles, along with the creative 

integration of technology and material innovations. 

The architecture team wisely chose to employ locally 

sourced materials, thereby minimizing the carbon 

footprint associated with international transportation. 

The architects have made a deliberate choice to 

incorporate recycled materials, such as the fabrics 

used in interior decoration and furniture. Meanwhile, 

landscape architecture’s use of materials such as 

permeable concrete is reflective of its endeavor to 

employ and embrace new materials that are more 

innovative and sustainable.


95 

The architecture of the Council of Engineers Thailand 

embodies a multitude of sustainable design 

principles that extend beyond the realms of architecture 

and engineering, encompassing social 

dimensions, community, urban planning, and even 

psychology. In its display of adherence to green 

building criteria, the design of this project showcases 

a comprehensive approach that considers 

various requirements. From the efficient utilization 

of water and land to the careful selection and use 

of materials and tools, as well as the minimization 

of energy consumption, the design demonstrates 

a dedicated consideration for the surrounding 

environment. In addition, the overall innovativeness 

of the building further highlights its commitment to 

sustainable practices. In the field of sustainable 

architecture, the design process is greatly influenced 

by an array of criteria derived from various contexts. 

It is imperative to not only apply these criteria but 

also to further develop ideas and concepts in order 

to shape the future of sustainable architecture. 

In an era characterized by rapid global advancements 

and escalating disruptions, both the fields of 

architectural and engineering design are undergoing 

profound transformations. From the profound effects 

of the COVID-19 pandemic and the urgent challenges 

posed by climate change to the progressive 

breakthroughs in artificial intelligence, architectural 

and engineering design are forced to go through 

major adaptation. The Council of Engineers Thailand 

project was conceived and executed during 

a period of immense societal instability, making 

collaborative efforts from all parties involved absolutely 

crucial. 

In the context of architectural design, it is essential 

to acknowledge that the involvement of all stakeholders 

is paramount. This is because the final 

outcome must be equipped to handle unforeseen 

changes or scenarios that may prove challenging 

to anticipate. Sustainable design goes beyond 

simply creating structures with the longest lifespan 

or maintaining everything in its original form. 

A sustainable architecture of the future needs 

to foresee and handle changes that may be 

unexpected and volatile. It needs to be open to 

new possibilities through diversity and adapt to 

the constantly evolving world. 

fb.com/ativichstudio/ 

ภูมิภัทร พรหมบุตร 

ปั จจุบันทำงานเป็ นสถาปนิก 

และอาจารย์พิเศษ ที่คณะ 


มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 

ในภาควิชาสถาปั ตยกรรม 

และภาควิชานวัตกรรม 

การออกแบบผลิตภัณฑ์ 

เชิงบูรณาการ ภูมิภัทร 

จบการศึกษาปริญญาตรี 

หลักสูตรสถาปั ตยกรรม 

ศาสตรบัณฑิต จากคณะ 



และปริญญาโทจาก 

Staedelschule Architecture 

Class ประเทศ 

เยอรมนี ภูมิภัทรมี 

ประสบการณ์ทำงานใน 

ตำแหน่ง สถาปนิก ทั้งใน 

ประเทศไทยและประเทศ 

ญี่ปุ ่ น และยังมีผลงานเขียน 

บทความทางสถาปั ตย- 

กรรมบนเว็บไซต์ art4d. 

Bhumibhat 

Promboot 

is currently an architect 

and a guest instructor 

for the Architecture 

Programme and the 

Integrated Product 

Design Innovation Programme 

at Kasetsart 

University. He holds the 

bachelor of architecture 

degree from Kasetsart 

University and the 

Master of Arts in Architecture 

from Staedelschule 

Architecture 

Class in Germany. 

Bhumibhat has past 

experience as architect 

in architecture firms 

in Thailand and Japan. 

He is also a part-time 

writer at art4d. 

17 

Project: The New Headquarter of Council of Engineers Thailand Client: Council of Engineer Thailand City: Bangkok Country: Thailand Area: 9,900 + 1,200 m² Year: 2019-2022 

Conceptual Designer: ativich + Atelier of Architects Architects: ativich + Team SQ Landscape Designer: 8.18 studio Interior Designer: Team SQ Structural Engineer: Team 

Consulting & Management Electrical & Telecommunications: Pornprasert Techamaytheekul Fire Protection Engineers: Next2nd Innovation Mechanical Engineer: Next2nd Innovation 

Lighting Engineers: Lighting studio Green Building Design Consultant: Africvs Construction General Contractor: Siam Multi Cons Construction Managers: Stonehenge 

Inter Automated parking system: GPARK - Shinmaywa TREES consultant: EMO-D

96 


Big and 

Green 

Not only notable for its grand scale 

and skillfully utilizing its prime location 

along the main road with its 

unique structural proportions, the 

AIA East Gateway Building designed 

by Creative Crews demonstrates 

how a high rise can incorporate environmentally 

friendly and sustainable 

issues. 

Text: Xaroj Phrawong 

Photo Courtesy of Creative Crews 

and W Workspace except as noted 

1

2 

01 

มุมมองสู่ Tower จาก 

สวนชั้นดาดฟ้า 

02 

ทางเข้าอาคารที่ต้องผ่าน 

สวนเสริมความร่มรื่น

98 


กระแสความยั่งยืน การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

ดูจะเป็นแนวโน้มที่ถูกพูดถึงในการออกแบบ 

สถาปัตยกรรม ด้วยสภาพการณ์ที่ผลักดันให้ 

มนุษย์ต้องฉุกคิดว่าเราไม่ได้อยู่เพียงเผ่าพันธุ์ 

เดียวในโลก แนวคิดนี้คือการคิดถึงโลกใน 

อนาคตข้างหน้าว่าจะเป็นโลกที่เราต้องการได้ 

ด้วยการออกแบบอย่างไร 

อาคาร AIA EAST GATEWAY บนถนนบางนา 

เส้นทางสำาคัญไปยังระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 

ภาคตะวันออกไทย โดดเด่นด้วยปริมาตร 

ขนาดใหญ่ริมถนนที่มีการจัดการกับสัดส่วน 

อาคารได้แปลกตา ออกแบบโดย Creative Crews 

ประกอบไปด้วยพื้นที่ให้เช่าทั้งส่วนร้านค้า และ 

สำานักงาน ส่วนอาคารสูงคือส่วนหลัก ซึ่งรองรับ 

กิจกรรมสำานักงานให้เช่า พื้นที่ชั้น 1 ถึง 4 

เป็นพื้นที่พาณิชยกรรม ส่วนของชั้น 5 เป็น 

พื้นที่ส่วนของนันทนาการ ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส 

พื้นที่ในส่วนของชั้น 4 และชั้น 5 ออกแบบให้ 

เป็นกึ่งภายนอกภายใน ทำาให้มีการไหลเวียน 

ของอากาศได้ดี รูปทรงของอาคารที่แบ่งออก 

เป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือส่วนอาคารสูง และส่วน 

ที่เป็นฐานอาคารจอดรถ ซึ่งเป็นการแยกส่วน 

การใช้สอยอย่างชัดเจนจากระบบเสาที่มีความ 

แตกต่างกัน เป็นการเริ่มคิดจากหน่วยย่อยที่ 

ระยะ 1.75 เมตร แล้วขยายจนเต็มช่วงเสาใน 

ที่สุด จากนั้นต่อยอดระบบนี้ไปทุกช่วงอาคาร 

การออกแบบส่วนอาคารสูง เป็นการคิดให้ใช้ 

พื้นที่ได้มากที่สุด โดยมีพื้นที่กรอบอาคารที่ 

2,000 ตารางเมตร ผลลัพธ์ที่ได้ทำาให้ส่วน 

อาคารสูงมีสัดส่วนที่ดูหนา สถาปนิกจึงใช้วิธี 

ลดทอนขนาดด้วยการสร้างรูปทรงอาคารที่ดู 

ไม่เป็นระเบียบ ทำาให้อาคารมีมิติที่น่าสนใจขึ้น 

ในส่วนของการลดขนาดรูปทรง โดยการ 

ออกแบบให้มีส่วนยุบยื่นจนเกิดรูปแบบอาคาร 

ที่ดูมีความเคลื่อนไหวจาก รูปทรง และ แผง 

กันแดด ในจังหวะสลับกันไปมา ทั้งแนวตั้ง 

และแนวนอน มีการใช้เทคนิคลดหลั่นรูปทรง 

อาคาร พร้อมเติมพื้นที่สีเขียวด้วยไม้ยืนต้น 

ในแง่การออกแบบจึงช่วยลดความใหญ่โตของ 

ผืนผนัง ในแง่ความรู้สึกสร้างความร่มรื่นภายใน 

สำานักงานได้ โดยการป้องกันความร้อนจาก 

ภายนอกด้วยแผงกันแดดที่มีขนาดยื่นออกมา 

จากผนัง 40 เซนติเมตร ซึ่งเป็นระยะที่สถาปนิก 

ได้คิดมาจากระยะของกระเช้าทำาความสะอาด 

กระจกภายนอก ทุกส่วนทุกระยะคือความพอดี 

ของการใช้สอย 

การใช้พื้นที่สีเขียวในอาคารเป็นไปด้วยการปรับ 

ให้เหมาะสมระหว่างผู้ออกแบบและเจ้าของงาน 

เพราะมีประเด็นในเรื่องของการบำารุงรักษามา 

เกี่ยวข้อง การออกแบบโดยใช้ต้นไม้พืชพันธุ์ 

มาเป็นส่วนหนึ่งของ façade จึงเป็นวิธีการเติม 

ไม้ยืนต้นแบบสลับกันไปในจำานวนที่ไม่มากของ 

แต่ละด้าน มีการเติมพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่จาก 

การออกแบบวางให้อยู่บนฐาน และชั้น 4 ใต้ 

ส่วนอาคารสูง พื้นที่ตรงนี้เป็นการทำางานร่วม 

กันของสถาปนิกและภูมิสถาปนิกที่จะเพิ่ม 

พื้นที่สีเขียวให้เกิดบรรยากาศที่ดีในการทำางาน 

และการพักผ่อน หลังจากชีวิตการทำางานของ 

ผู้คนที่อยู่ในอาคารอย่างคร่ำาเคร่ง พื้นที่ส่วนนี้ 

สามารถเสริมด้วยสระน้ำา ต้นไม้ยืนต้น ที่ดูแล 

รักษาได้ง่ายและคุ้มค่าที่สุด ความต้องการ 

ของอาคารจึงผ่านการเจรจาลงในส่วนนี้ด้วย 

ความประหยัดกว่า เมื่อเทียบกับส่วนอื่น ๆ 

ทั้งในเรื่องราคาค่าก่อสร้าง และการบำารุงรักษา 

พื้นที่สีเขียวบนส่วนฐานของอาคารมีไว้รองรับ 

กิจกรรมเพื่อสุขภาพกาย และใจของคนเมือง 

ไม่ว่าจะเป็นลานวิ่ง สระว่ายน้ำา พื้นที่พักผ่อน 

พนักงานที่ทำางานที่นี่ สามารถมาใช้พื้นที่นี้ได้ 

หลายส่วนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เมื่อนึกถึงเรื่องความ 

ยั่งยืน ไม่ใช่เพียงแค่การลดการใช้พลังงานด้วย 

การออกแบบพึ่งพาเครื่องกลเพียงอย่างเดียว 

แต่เป็นการคิดถึงตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ 

ในเรื่องของการลดการใช้วัสดุ หรือใช้ให้เป็น 

ประโยชน์สูงสุด รวมไปถึงการคิดถึงเรื่องการ 

ซ่อมบำารุงให้มีความประหยัด เหมาะสม ลดการ 

ใช้พลังงาน การออกแบบที่ยกระดับคุณภาพ 

ชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน 

บริเวณทางเข้าหลักของอาคารเป็นภูมิทัศน์ 

ที่ใช้บ่อน้ำาขนาดใหญ่เป็นสิ่งเชื้อเชิญให้ผู้คน 

เข้ามาใช้ในอาคาร แต่ในขณะเดียวกันในแง่ 

ของการใช้สอย จะเป็นพื้นที่สำาหรับหน่วงน้ำา 

เวลาที่มีน้ำาท่วมจากฝนตกหนักในเขตบางนา 

ลักษณะรูปตัดของบ่อหน่วงน้ำามีลักษณะเป็น 

ขั้นบันไดลึกลงไป 90 เซนติเมตร โดยให้ขอบ 

ด้านบนเป็นพื้นที่ซึมน้ำาได้ มีระบบการจัดการ 

น้ำาให้เป็น bio-pond สำาหรับทั้งการระบายน้ำา 

และบำาบัดน้ำาด้วยวิธีธรรมชาติ แทนที่จะเลือก 

ใช้ระบบเครื่องกลสำาหรับการบำาบัด นอกจาก 

นี้ทางเข้าอาคารยังเป็นลานขนาดใหญ่เพื่อให้ 

เกิดลมพัดผ่าน จนลดอุณหภูมิและสร้างความ 

ร่มรื่นให้กับอาคาร แล้วยังเปิดโอกาสให้คน 

ภายนอกสามารถเข้ามานั่งพักผ่อนได้ 

ตลอดการสัมภาษณ์ คำาที่ถูกหยิบยกขึ้นมา 

เสมอคือ “optimum” ในส่วนท้ายของการ 

สัมภาษณ์ จึงจบลงด้วยการชักชวนให้สถาปนิก 

ผู้ออกแบบกล่าวทิ้งท้ายถึง “optimum” 

ในมุมมองของแต่ละคน โดยคุณชลัญเกียรติ 

สุขะธรรมโม และคุณปุยฝ้าย คุณาวัฒน์ 

สองสถาปนิกจากทีมออกแบบอาคารนี้ได้ 

กล่าวไว้ว่า 

“เป็นจุดที่ทุกคนทุกส่วนสบายใจ เป็นทางออก 

ของทุกคนที่ลูกค้าสถาปนิก วิศวกร ยอมรับได้ 

เพื่อให้ดีที่สุด” 

อาคาร AIA East Gateway ได้รับการรับรอง 

ระดับ Gold จาก LEED และ WELL ด้วย 

รูปทรงของอาคารช่วยลดปริมาณแสงอาทิตย์ 

ที่มากเกินไป และการออกแบบที่ “ซ้อนกัน” 

ช่วยเพิ่มพื้นที่ด้านหน้าอาคาร ซึ่งร่วมกับ 

การติดตั้งแผงกันแดดอะลูมิเนียม จึงช่วยลด 

แสงจ้าโดยตรง ในขณะเดียวกันยังช่วยการ 

กระจายแสงธรรมชาติไปทั่วพื้นที่ของสถานที่ 

ทำางาน ส่วนของพื้นที่สีเขียวบนอาคารช่วย 

เพิ่มความน่าสบายให้กับผู้ใช้งานอาคาร 

“คิดว่าเป็นหน้าที่ของสถาปนิกนะ ที่จะต้องเป็น 

ผู ้ไกล่เกลี ่ย เป็นผู้ที่เจรจาต่อรองผลประโยชน์ 

ของทุกคนให้เข้ากัน ให้ทุกอย่างอยู่ในจุดที่ 

สมดุล ไม่ใช่เป็นคนที่ไม่ฟังใครแล้วไปชวน 

เขาทะเลาะ เราเป็นคนที่เห็นภาพรวม ที่จะนำา 

ทุกคนไป ทำาให้การใช้ทรัพยากร วัสดุก่อสร้าง 

อยู่ในจุดที่ประหยัดที่สุด ก่อสร้างเร็วที่สุด ซึ่ง 

เป็นประเด็นของเรื่องความยั่งยืน”

TALL BUILDING SHOULD BE GREEN 

99 

3 

03 

ภาพมุมสูงจากด้านหลัง 

อาคาร มีฉากหลังเป็น 

ทางยกระดับ 

04 

รูปด้าน 1 และ 2 แสดง 

การจัดองค์ประกอบ 

ที่แก้สัดส่วน Tower ให้ 

ลดความหนัก 

4 

ELEVATION 1 

10 M 

ELEVATION 2 

10 M

100 


5


101 

05 

ครีบบังแดดที่ยื่นออกมา 

40 เซนติเมตร ตามการ 

ใช้งาน 

06 

ทางเข้าที่ชั้น 1 ภายใน 

อาคาร สายตาถูกชักนำา 

ด้วยจอ LED ขนาดใหญ่ 

Having faced unexpected events and circumstances, 

humanity is compelled to come to terms with the 

reality that we are not the sole inhabitants of this 

planet. The premise sparks a dialogue on sustainability 

and environmental awareness in architectural 

design, as it centers on envisioning a future world 

through design. 

Located in the vibrant Bangna suburb of Bangkok, 

along the route to Thailand’s bustling eastern 

economic corridor, stands the remarkable AIA East 

Gateway Building. The architecture is notable for its 

grand scale, skillfully utilizing its prime location along 

the main road with its unique structural proportions. 

The AIA East Gateway Building is designed by 

Creative Crews. The project, which showcases a 

meticulously curated collection of retail and office 

spaces, consists of the main tower, which accommodates 

rentable office spaces, and the commercial 

quarter, which occupies the spaces on the first to 

fourth floors. The fifth floor is home to a range of 

recreational amenities, including a state-of-the-art 

fitness center, while the fourth and fifth floors 

incorporate semi-outdoor spaces, enabling effective 

natural ventilation. The architectural composition 

of the building consists of two distinct masses: 

the tower and the podium of the parking structure. 

The two masses are thoughtfully designed to 

ensure clear separation from the adjacent structure, 

achieved through the implementation of a distinct 

column system. The column span commences at 

a range of 1.75 meters before gradually expanding 

to its complete extent. The system is integrated 

throughout the entire building. 

6

102 


7 

07 

สเปซที่เปิดโล่งเชื่อม 

ส่วนนันทนาการของ 

ชั้น 4 และ 5 

The tower’s design is rooted in the concept of 

optimizing and utilizing the 2,000-square-meter 

usable area. The outcome is an architectural 

form characterized by a substantial and robust 

proportion. The design team devises a seemingly 

randomized pattern to make the building more 

visually captivating while effectively toning down 

its imposing scale. The mass is designed to 

create the illusion of being smaller and more 

three-dimensional through the use of recessed 

and protruding elements. The design showcases 

a dynamic architecture, featuring carefully 

calculated intervals of masses and fins in both 

horizontal and vertical orientations. The subtractive 

technique is utilized, resulting in voids within the 

structure that are subsequently filled with lush 

green spaces with thriving trees. In terms of 

design, the incorporation of these voids serves 

to reduce the overall bulkiness of the walls, while 

the addition of green elements introduces a 

visually appealing and lively atmosphere to the 

office spaces. Protecting the building’s exterior 

from heat is achieved through the use of fins 

that protrude 40 centimeters from the walls, a 

measurement that the design team determines 

based on the size of a platform used for cleaning 

windows in high-rise buildings. Such detail 

demonstrates how each range and proportion 

is carefully designed to ensure ease of function 

and maintenance. 

The intention to optimize the green space is achieved by 

focusing on this particular portion of the property, thanks 

to the lower construction and maintenance costs compared 

to if a similar landscape were to be built in other parts of the 

building. The podium’s green space is thoughtfully designed to 

cater to the lifestyles and well-being of today’s city dwellers.


103 

8 


10 M 


10 M 


10 M 

08 

แปลนส่วน podium 

อาคารที่ชั้น 1 4 และ 5 

09 

พื้นที่เชื่อมชั้น 4 และ 5 

ด้วยบันไดพร้อมที่นั่งพัก 

9

104 

10

105 

10 

พื้นที่ส่วนนันทนาการ 

ของอาคาร

106 


11 

11 

แผนภาพแสดง 

การใช้น้ำาในอาคาร 

ด้วยความคุ้มค่า 

There is a noticeable optimization in the utilization 

of green spaces. The collaborative and compromising 

process between the design team and 

the owner has resulted in a design that takes into 

account maintenance issues. The design seamlessly 

integrates carefully chosen trees and plants into 

the façade, incorporating a balanced selection of 

evergreen trees on both sides. A sprawling, verdant 

expanse graces the uppermost level of the podium 

and the fourth floor beneath the majestic tower. 

The architecture and landscape architecture teams 

collaborated to curate an additional green space, 

enhancing the overall working environment. This 

space provides a tranquil spot for individuals to 

unwind and recharge during their demanding work 

schedules. The verdant area has ample room to 

incorporate more aquatic features and foliage. The 

intention to optimize the green space is achieved by 

focusing on this particular portion of the property, 

thanks to the lower construction and maintenance 

costs compared to if a similar landscape were to 

be built in other parts of the building. The podium’s 

green space is thoughtfully designed to cater to the 

lifestyles and well-being of today’s city dwellers. 

It offers a variety of amenities, such as running 

tracks, a swimming pool, and recreational areas. 

Employees of the companies that are renting the 

building’s office spaces can enjoy complimentary 

access to a wide range of facilities. In the realm 

of sustainability, this project strives to not only 

minimize the use of active design elements but 

also optimize every aspect of the design process 

to reduce excessive material use and increase their 

effectiveness in order to achieve the most beneficial 

functionalities. The design takes into account both 

cost and energy-saving maintenance, along with 

its contribution to improving people’s quality of life.


107 

12 

ลู่วิ่งออกกำาลังกาย 

บน podium อาคาร 

13 

สวนพักผ่อนบน 

podium อาคาร 

12 

“It is the architect’s responsibility to envision the grand 

scheme that will guide everyone towards the desired end 

result. …All of these elements center around a genuine 

awareness and comprehension of sustainability.” 

13

108 


14 

14 

สระว่ายน้ำาบน podium 

อาคาร


109 

The building’s primary entrance unveils itself as a 

landscape, featuring a large waterscape that warmly 

welcomes individuals inside with its verdancy. The 

landscape not only boasts visual appeal but also 

functions as a water basin. The wetland is designed 

to have 90-centimeter-deep sunken ground with 

steps to accommodate excess water in the case of 

heavy rain. The upper edge of the pond is designed 

as a bio-pond, which efficiently absorbs water 

through natural drainage and treatment processes, 

eliminating the need for mechanical systems. 

The expansive green terrain at the entrance of the 

building allows for abundant natural ventilation, 

resulting in a cooler interior temperature and a 

delightful, flourishing environment for the overall 

architectural structure. The semi-public characteristics 

of the area welcome outsiders to make use 

of its presence, which is what the design team and 

owner intended. 

During the interview, the terms “optimum,” “optimize,” 

and “optimization” were frequently mentioned. As 

the discussion drew to a close, we asked Chalankiat 

Sukathummo and Puiphai Khunawat, the talented 

architects from the project’s architecture team, 

about their personal interpretations of the term 

‘optimum.’ 

“It’s that stage where every involved party is satisfied—a 

solution that the client, the architects, and 

the engineering team mutually agree and accept, 

knowing that this is the best possible result.” 

The AIA East Gateway project is LEED and WELLcertified 

gold. The building shape reduces excessive 

solar gains, and the “stacked” shape achieved 

allows for increased façade area, which, along 

with the aluminum fins, helps deflect direct glare 

while redistributing natural light throughout the 

workplace. Having greenery on the building helps 

improve comfort for the occupants. 

“I think it is the architect’s responsibility to manage 

negotiations, ensuring that the interests and benefits 

of all stakeholders are mutually fulfilled, resulting 

in a well-balanced outcome. Being a pessimistic 

individual and instigating conflicts will hinder your 

ability to contribute to a project. We are the ones 

who envision the grand scheme that will guide 

everyone towards the desired end result, utilizing 

resources and construction materials efficiently, 

all while adhering to a cost-effective budget and 

completing the project in the shortest possible time. 

All of these elements center around a genuine 

awareness and comprehension of sustainability.” 

creative-crews.com 


ภาพมุมสูงจากด้านหน้า 

ที่มีฉากหน้าเป็นทางยก 

ระดับเหนือถนนบางนา 

สาโรช พระวงค์ 

เป็ นสถาปนิก นักเขียน 

สนใจในสถาปั ตยกรรม 

สมัยใหม่ถึงสถาปั ตยกรรม 

ร่วมสมัย ปั จจุบันเป็ น 

อาจารย์ประจำาคณะ 


มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี 

ราชมงคลธัญบุรี 

Xaroj Phrawong 

Architect and writer 

who is interested in 

modern an contem 

porary architecture 

now he is a lecturer 

at Faculty of Architecture, 

RMUTT. 


Architects: Creative Crews Design Team: Chalankiat Sukhathummo, Nattaphon Limsupawanich Clients: AIA Group Limited Location: Bang Na, 

Bangkok Area: 135600 m² Year: 2022 Engineering: Meinhardt Engineering Landscape Design: Shma Company Limited LEED Consultants: 

Africvs. Co.Ltd Quantity Surveyors: AECOM Contractors: Thai Obayashi Corporation Limited Project Managers: Mentabuild Co., Ltd

110 

materials 

Sustainable 

Building 

Materials 

for a Net Zero 

Emissions Future 

Text: Associate Professor Dr. Pattaranan Takkanon

SUSTAINABLE BUILDING MATERIALS FOR A NET ZERO EMISSIONS FUTURE 

111 

Now is the time when the world faces a global 

chaos of climate change so critical that every 

region must urgently reduce greenhouse gas emissions. 

The construction industry is a key defendant 

as a major energy consumer and emitter 

of huge amounts of carbon dioxide. According to 

the 2022 Global Status Report for Buildings and 

Construction of the United Nations Environment 

Programme, after the outbreak of COVID-19, the 

construction industry has recovered and is responsible 

for 34 percent of global energy consumption. 

It also emitted 37 percent of carbon dioxide from 

energy and related processes in 2021, the highest 

amount in history. It reached 10 GtCO2, 5 percent 

more than in 2020 and 2 percent higher than 

before the COVID-19 outbreak in 2019. 

ในวัันที่่ โลกเผชิิญกับภาวัะโลกรวัน เกิดการเปล่ยนแปลงสภาพภูมิิอากาศ จนทีุ่กภูมิิภาคต้้องลดการ 

ปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเร่งด่วัน อุต้สาหกรรมก ่อสร้างเป็ นจำาเลยสำค ัญในฐานะที่่เป็ นผู้บริโภค 

พลังงานรายใหญ่และปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ปริมิาณมิหาศาล โดยภายหลังการระบาดของ 

COVID-19 อุต้สาหกรรมก ่อสร้างได้ฟื้้ นตััวัและมิ่ส่วันในการบริโภคพลังงานของโลกถึึงร้อยละ 34 

และยังปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากพลังงานและกระบวันการที่่เก่ยวข ้องคิดเป็ นร้อยละ 37 

ในปี 2021 ซึ งเป็ นปริมิาณสูงที่่สุดในประวััติิศาสตร ์ โดยสูงถึึง 10 GtCO2 มิากกว่่าช่่วังปี 2020 ถึึง 

ร้อยละ 5 และสูงกว่่าช่่วังก่อนการระบาดของ COVID-19 ในปี 2019 ถึึงร้อยละ 2

112 

materials 

ทิศทางการออกแบบสถาปัตยกรรมและการก่อสร้างในปัจจุบันจึงมุ่งหน้า 

สู่การใช้พลังงานเป็นศูนย์ การเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) 

หรือไปจนถึงการปลดปล่อยสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) โดย 

คาร์บอนที่เกิดจากช่วงการใช้พลังงานในอาคาร ปัจจุบันมีองค์ความรู้ 

และเทคโนโลยีด้านการออกแบบประหยัดพลังงานและการใช้พลังงาน 

ทดแทนที่ช่วยลดส่วนนี้ได้ไม่ยาก แต่คาร์บอนที่มาจากวัสดุก่อสร้างและ 

ช่วงการก่อสร้างอาคาร หรือคาร์บอนแฝง (Embodied Carbon) ยังเป็น 

ส่วนที่ลดได้ยากกว่า เพราะต้องมีการปรับเปลี่ยนตั้งแต่ขั้นตอนการได้ 

มาซึ่งวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง การใช้งาน ตลอดจนกระทั่งการ 

กำาจัดหรือนำากลับมาใช้ใหม่ อันเป็นการคิดตลอดวัฏจักรชีวิตของวัสดุ 

ตามวิธีการประเมินวัฏจักรชีวิต (Life Cycle Assessment, LCA) ของ 

ผลิตภัณฑ์และอาคาร 

วัสดุก่อสร้างจึงมีบทบาทสำาคัญในการปลดปล่อยหรือดูดซับคาร์บอน 

วงการอุตสาหกรรมก่อสร้างได้พยายามพัฒนานวัตกรรมวัสดุและเปลือก 

อาคารมากมายเพื่อเป็นวัสดุยั่งยืน ส่งเสริมอนาคตการปลดปล่อยสุทธิ 

เป็นศูนย์ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 

1. วัสดุก่อสร้างที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral 

Building Materials) คือ วัสดุที่ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ 

ที่ปลดปล่อยออกมาเท่ากับที่ดูดซับจากบรรยากาศ 

2. วัสดุก่อสร้างที่ปริมาณคาร์บอนติดลบ (Carbon Negative 

Building Materials) คือ วัสดุที่ดูดซับคาร์บอนได้เป็นปริมาณ 

มากกว่าที่ปลดปล่อยออกมา 

สำาหรับวัสดุก่อสร้างประเภทที่สองสามารถทำ าได้โดยการประยุกต์ 3 เรื่อง 

ร่วมกัน คือ การใช้แหล่งพลังงานยั่งยืน ระบบวิศวกรรมที่ใช้พลังงานอย่าง 

มีประสิทธิภาพ และการใช้เทคโนโลยีดักจับ และกักเก็บคาร์บอน 

ASA Journal ฉบับนี้ขอแนะนำาให้รู้จักวัสดุก่อสร้างที่ปริมาณคาร์บอน 

ติดลบ (Carbon Negative) 6 ประเภท ได้แก่ โลหะที่นำากลับมาใช้ใหม่ 

(Recycled metals) อิฐคาร์บอนต่ำา (Low-carbon bricks) กระเบื้อง 

รักษ์โลก (Green tiles) ไม้เพื่อโครงสร้าง (Structural timber) เฮมพ์ 

คอนกรีตหรือคอนกรีตใยกัญชง (Hempcrete) และคอนกรีตรักษ์โลก 

(Green or Carbon Negative Concrete) 

โลหะที่่นำากลับมิาใชิ้ ใหมิ่ (Recycled metals) 

กระบวนการผลิตโลหะปลดปล่อยคาร์บอนออกมาเป็นจำานวนมาก การนำา 

โลหะกลับมาใช้ใหม่จึงเป็นการลดการใช้พลังงานและการปล่อยคาร์บอน 

ได้โดยไม่ทำาให้ลดคุณสมบัติของโลหะลง ยิ่งการใช้ซ้ำาโดยไม่ต้อง 

ผ่านกระบวนการนำากลับไปใช้ใหม่ยิ่งลดคาร์บอนได้มากขึ้น อย่างการ 

ใช้โครงสร้างเสาและคานเหล็กซ้ำา หรือการนำาตู้คอนเทนเนอร์มาใช้ซ้ำา 

เป็นโครงสร้างอาคาร 

อิฐคาร์บอนต้ำ า (Low-carbon bricks) 

อิฐเป็นหนึ่งในวัสดุที่มีใช้กันมานานและยังคงเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง 

การเผาอิฐที่อุณหภูมิมากกว่า 1000ºC เป็นการใช้พลังงานจากฟอสซิล 

อย่างมหาศาล สิ้นเปลืองแหล่งทรัพยากรธรรมชาติอย่างที่ต้องมีบ่อขุดดิน 

The current trend in architectural design and construction is 

toward zero energy use, carbon neutrality, and even net zero 

emissions. Concerning the carbon emitted by building energy 

usage, there is currently knowledge and technology in energysaving 

design and the use of renewable energy that can help 

minimize this portion. However, the carbon emitted by construction 

materials and during building construction, known 

as embodied carbon, is more difficult to reduce because it 

necessitates changes in the processes of acquiring raw 

materials, manufacturing, transportation, use, and disposal 

or reuse, all of which must be considered throughout the life 

cycle of materials according to the Life Cycle Assessment 

(LCA) method of products and buildings. 

As a result, construction materials have an important role in 

either releasing or absorbing carbon. The construction industry 

has attempted to develop many innovative materials and 

building envelopes to be sustainable materials, promoting 

a net zero emissions future. These materials can be divided 

into two categories: carbon-neutral building materials, which 

emit the same amount of carbon dioxide as is absorbed from 

the atmosphere, and carbon-negative building materials, which 

absorb more carbon than they emit. 

For the latter type of building material, this can be done by 

applying three things together: using sustainable energy 

sources, energy-efficient engineering systems, and carbon 

capture and storage technology. 

In this issue of the ASA Journal, we will discuss some types 

of carbon-negative construction materials: recycled metals, 

low-carbon bricks, green tiles, structural timber, hemp concrete 

or hempcrete, and green or carbon-negative concrete. 

Recycled metals 

The metal manufacturing process releases large amounts of 

carbon. Recycling metals thus reduces energy use and carbon 

emissions without compromising the metal’s properties. The 

more it is reused without going through the recycling process, 

the more carbon can be reduced. Some examples are reusing 

steel columns and beam structures or reusing containers as 

building structures. 

Low-carbon bricks 

Brick is one of the materials used for a long time and is still 

the main construction material. Firing bricks at temperatures 

over 1000ºC uses enormous amounts of fossil energy. It wastes 

natural resources, such as having a pond dug in the ground 

for many raw materials. Producing low-carbon bricks using 

renewable materials and reducing the firing process is an 

important principle in reducing the energy and carbon content 

of this type of construction material. Since 2009, bricks have 

been produced from fly ash, a by-product of burning coal to 

produce electricity. It can use up to 40 percent of fly ash


113 

2 

1 

3 

5 

4 

Photo Reference 

1. Kenoteq.com 

2-5. Regional House Edeghem โดย BC architects จาก archdaily.com/896828/regional-house-edeghem-bc-architects?ad_medium=office_landing&ad_name=article

114 

materials 

6 

7 

9 

8 


6-8. renuteq.com/single-post/structural-engineered-bamboo-airport-terminal-roof 

9. hempthai.com/research/hempcrete 

10. hemptradepro.com/product/cannabric/ 

10


115 

เพื่อเป็นวัตถุดิบมากมาย การผลิตอิฐคาร์บอนต่ำาโดยใช้วัสดุทดแทนและ 

ลดกระบวนการเผาจึงเป็นหลักสำาคัญในการลดพลังงานและคาร์บอน 

ของวัสดุก่อสร้างประเภทนี้ นับตั้งแต่ปี 2009 มีการผลิตอิฐจากเถ้าลอย 

ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการเผาถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้า โดยสามารถ 

ใช้เถ้าลอยได้ถึงร้อยละ 40 และมีส่วนผสมของผงแก้วละเอียด เหล็ก 

ซิลิกา และอลูมิเนียม อิฐชนิดนี้จึงมีคาร์บอนแฝงต่ำากว่าอิฐที่มีอยู่ทั่วไป 

นอกจากนี้ตัวอย่างในสหราชอาณาจักรพบว่าจากความพยายามของผู้ผลิต 

อิฐที่ผ่านมาทำาให้การปลดปล่อยคาร์บอนของอิฐลดลง 8 กิโลกรัมคาร์บอน- 

ไดออกไซด์เทียบเท่าต่อตารางเมตร (CO 2 

e/m 2 ) เมื่อเทียบกับปี 2015 

และโดยเฉลี่ยอิฐปัจจุบันมีค่า 26 kg CO 2 

e/m 2 เมื่อเทียบกับอิฐดินเผา 

ทั่วไปที่มีค่า 27.3 kg CO 2 

e/m 2 

กระเบื้องรักษ์ โลก (Green tiles) 

กระเบื้องเซรามิกชนิดนี้ทำาจากการนำาแก้วกลับมาใช้ใหม่ร้อยละ 50 

และร่วมกับแร่ชนิดอื่น ๆ เป็นวัสดุที่สามารถใช้ได้ทั้งภายในและภายนอก 

อาคาร นอกจากนี้ในประเทศไทยเองก็มีผู้พัฒนากระเบื้องอนุรักษ์ 

สิ ่งแวดล้อม (Eco Collection) โดยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติใหม่ใน 

การผลิตถึงร้อยละ 80 ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการ 

ขนส่งได้ร้อยละ 75 ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ใหญ่กว่า 944 ต้น 

และลดการใช้น้ำาใหม่ได้ร้อยละ 25 ด้วยการหมุนเวียนน้ำากลับมาใช้ซ้ำา 

ไมิ้เพื่อโครงสร้าง (Structural timber) 

วัสดุจากไม้กำาลังกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และในอนาคตอันใกล้ 

จะยิ่งมีบทบาทมากขึ้น เนื่องจากไม้เป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ 

โดยธรรมชาติ เป็นวัสดุก่อสร้างที่ปริมาณคาร์บอนติดลบ ทั้งนี้เราสามารถ 

ใช้ไม้ได้ทั้งในลักษณะที่เป็นโครงสร้างเสา-คาน โครงถัก และเป็น 

ผิวเปลือกอาคาร เช่น การใช้ไม้ไผ่วิศวกรรม (Engineered Bamboo) 

ซึ่งได้รับการพิจารณาเป็นเหล็กรักษ์โลกสำาหรับศตวรรษที่ 21 เลยทีเดียว 

โดยเป็นวัสดุชีวภาพที่นำ ากลับมาใช้ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว และกักเก็บคาร์บอน 

ได้มากกว่าไม้ป่าที่ขนาดเท่ากันถึงร้อยละ 35-50 เพราะไม้ไผ่เป็นไม้ 

โตเร็ว ใช้เวลาเพียง 4-5 ปีก็สามารถนำามาใช้งานได้ต่างจากไม้เนื้อแข็ง 

ที่ต้องใช้เวลามากกว่า 60 ปีเพื่อเติบโต และเมื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ 

วัสดุก่อสร้างแล้วก็เป็นวัสดุที่กักเก็บคาร์บอนได้มากด้วย โดยสามารถ 

ดักจับคาร์บอนได้ 80 เมตริกตันต่อพื้นที่ 1 เฮกเตอร์ (เท่ากับ 10,000 

ตารางเมตร หรือ 6 ไร่ 1 งาน) 

เฮมิพ์คอนกร่ต้หรือคอนกร่ต้ใยกัญชิง (Hempcrete) 

เฮมพ์ (Hemp) หรือ กัญชง เป็นพืชล้มลุกอายุสั้น ที่นิยมปลูกกันมาก 

ทางภาคเหนือในประเทศไทย เติบโตได้ง่าย มีเส้นใยเหนียวนุ่ม น้ำ าหนักเบา 

หากลอกเส้นใยออกจากลำาต้นของกัญชงทั้งหมด แกนลำาต้นที่เหลืออยู่ 

‘แกนเฮมพ์’ จะมีน้ำาหนักเบา มีรูกลวง มีสีขาวอมน้ำาตาล และมีคุณสมบัติ 

ในการดูดซับกลิ่น น้ำา หรือน้ำามันได้ดี ไม่เป็นอาหารของปลวกและแมลง 

และไม่มีฝุ่น จีงสามารถนำาไปพัฒนาต่อเป็นวัสดุอาคารได้ โดยผสมแกน 

เฮมพ์หรือเส้นใยเฮมพ์กับปูนไลม์และน้ำ าจะได้เป็นเฮมพ์กรีต (Hempcrete) 

หรือเฮมพ์-ไลม์ (Hemp-Lime) หากผสมร่วมกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ 

และมวลรวมธรรมชาติจะมีชื่อเรียกเป็น เฮมพ์คอนกรีต (Hemp Concrete) 

and is a mixture of fine glass powder, iron, silica, and aluminum. 

Therefore, this type of brick has lower embodied carbon than 

other bricks. Additionally, for example, in the UK, past brick 

manufacturers’ efforts have reduced the carbon footprint 

of bricks by 8 kilograms of carbon dioxide equivalent per 

square meter (CO 2 

e/m 2 ) compared to 2015. On average, 

current bricks have a value of 26 kg CO 2 

e/m 2 compared to 

general-fired clay bricks with a value of 27.3 kg CO 2 

e/m 2 . 

Green tiles 

This ceramic tile is made from 50 percent recycled glass and 

other minerals. It is a material that can be used for both 

interiors and exteriors. In Thailand, there is a developer of 

environmentally friendly tiles (Eco Collection), which reduces 

the use of new natural resources in production by 80 percent, 

reduces carbon dioxide emissions from transportation by 

75 percent, which is equivalent to planting more than 944 trees, 

and reduces new water use by 25 percent by recycling water 

for reuse. 

Structural timber 

Wood materials are becoming popular again and, in the near 

future, will become even more important as wood is a natural 

carbon sink. It is a construction material with a negative carbon 

content. We can use wood in many forms, such as columns, 

beams, trusses, and building envelopes, including engineered 

bamboo, considered green steel for the 21st century. Engineered 

bamboo is a biological material that can be recycled 

quickly and can store 35–50 percent more carbon than forest 

trees of the same size because bamboo is a fast-growing wood 

that takes only 4-5 years to be used, unlike hardwood, which 

takes more than 60 years to mature. When developed into a 

construction material product, it is also a material that can 

store a lot of carbon; engineered bamboo can capture 

80 metric tons of carbon per 1 hectare of area (equal to 

10,000 square meters or six rai one ngan). 

Hemp concrete or hempcrete 

Hemp is a short-lived herbaceous plant. It is very popularly 

grown in the northern region of Thailand. It is easy to grow 

and has tough, soft, lightweight fibers. If all the fibers are 

peeled from the hemp stem, the remaining stem core, known 

as the hemp core, is light, hollow, and brownish-white and 

can absorb odors, water, or oil well. It is not food for termites 

and insects and does not contain dust, so it can be developed 

as a building material. Mixing hemp cores or fibers with lime 

cement and water makes it hempcrete or hemp-lime. If mixed 

with Portland cement and aggregate, it is called hemp 

concrete. It can be compressed or molded and is very strong 

when exposed to air for long periods. Hempcrete is mainly 

used in wall construction, flooring, and structural and insulating 

materials that support a small load. When mixed with 

coal ash, hempcrete has lightweight and low-density pro-

116 

materials 

สามารถอัดหรือหล่อขึ้นรูปได้ มีความแข็งแรงมากเมื่อสัมผัสกับอากาศ 

เป็นระยะเวลานาน ส่วนมากใช้ทำาเป็นวัสดุก่อสร้าง ประเภทวัสดุก่อผนัง 

วัสดุเทพื้น วัสดุโครงสร้าง และวัสดุฉนวนที่รับน้ำาหนักบรรทุกไม่มาก 

เฮมพ์คอนกรีตผสมเถ้าถ่านหิน มีคุณสมบัติ คือ น้ำาหนักเบา ความ 

หนาแน่นต่ำา มีคุณสมบัติเป็นฉนวน คลายความร้อนได้เร็ว ดูดซับเสียง 

ดูดซับกลิ่น ไม่ลามไฟ และสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี 

นอกจากนี้ยังมีประเภทที่หล่อและอัดขึ้นรูปเป็นบล๊อก สามารถก่อ-ฉาบ- 

ตกแต่งผิว โดยใช้ปูนก่อ-ปูนฉาบทั่วไปที่มีขายตามท้องตลาดได้ มีตัวอย่าง 

ผลงานนวัตกรรมระดับรางวัลเวที NSTDA Investors’ Day 2018 ที่มี 

ความโดดเด่นด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม น้ำาหนักเบา เป็นฉนวน 

กันความร้อน ไม่ลามไฟ ดูดซับเสียง กลิ่นและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 

ได้ประมาณร้อยละ 50 ของปริมาตร 

คอนกร่ต้รักษ์ โลกหรือ Green or Carbon Negative Concrete 

คอนกรีตรักษ์โลกผลิตจากวัสดุที่เป็นผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมหรือ 

วัสดุที่นำากลับมาใช้ใหม่ทดแทนซีเมนต์ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำาหรับคอนกรีต 

โดยทั่วไป เช่น การใช้เถ้าลอย ตะกรันจากการเผาไหม้ อย่างตะกรัน 

ทองแดงถูกนำามาแทนมวลรวม (Aggregate) หรือทรายในการผสม 

คอนกรีต หรือสามารถนำาเศษวัสดุจากการก่อสร้างกลับมาใช้ใหม่ได้ 

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาทิ คอนกรีตคาร์บอนต่ำาจาก CarbiCrete เป็น 

คอนกรีตที่ใช้เศษเหลือจากอุตสาหกรรมเหล็ก เช่น ตะกรันเหล็ก กากแร่ 

มาทดแทนซีเมนต์ และใช้เทคโนโลยีการฉีดคาร์บอนไดออกไซด์ในก้อน 

คอนกรีตระหว่างการบ่มเพื่อเร่งให้คอนกรีตแข็งตัว ซึ่งนอกจากจะช่วย 

กักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ในคอนกรีตแล้ว ยังช่วยเพิ่มความแข็งแรง 

ให้กับคอนกรีตอีกด้วย 

11 

โดยรวม การเลือกใช้วัสดุยั่งยืน มีปริมาณคาร์บอนต่ำาหรือติดลบ จึงเป็น 

แนวทางหนึ่งที่จะนำาไปสู่เป้าหมาย การปลดปล่อยสุทธิเป็นศูนย์ภายใน 

ปี 2050 อันเป็นเป้าหมายที่ทุกคนทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกัน วงการ 

ออกแบบสถาปัตยกรรมและอุตสาหกรรมก่อสร้างจึงควรเร่งพัฒนา 

นวัตกรรมการออกแบบควบคู่กับนวัตกรรมวัสดุยั่งยืนต่อไป 

12 


11,15. Regional House Edeghem โดย BC architects จาก archdaily.com/896828/regional-houseedeghem-bc-architects?ad_medium=office_landing&ad_name=article 

12. dezeen.com/2021/06/15/carbon-capturing-concrete-carbicrete 

13-14. ผลงานวิจัยโดย ผศ.ดร.ธีรวัฒน์ สินศิริ และคณะจากสำานักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ ม.เทคโนโลยีสุรนารี จาก 

nstda.or.th/investorsday/2018/projects/detail/9/index.html13. mooneydemolition.co.uk/ 

materials/cambridge-white-bricks/


117 

13 

14 

perties, insulating properties, quickly releases heat, absorbs 

sound, absorbs odors, does not spread fire, and can absorb 

carbon dioxide gas well. Some types are cast and extruded 

into blocks that can be built or plastered to decorate the 

surface using general construction cement and plaster available 

on the market. Some examples of hempcrete innovations 

received awards from the NSTDA Investors’ Day 2018. They 

are outstanding in being environmentally friendly, light, and 

heat-insulating; they do not spread and can absorb sound, 

odor, and carbon dioxide gas by approximately 50 percent 

of their volume. 

Green or carbon-negative concrete 

Green concrete is made from industrial by-products or 

recycled materials that replace cement, a common raw material 

for concrete, such as fly ash and slag from combustion. For 

example, copper slag is used instead of aggregate or sand 

in concrete mixes. Scrap materials from construction can also 

be reused. Examples of these products include low-carbon 

concrete from CarbiCrete, which is concrete that uses waste 

from the steel industry, such as steel slag and mineral slag, 

to replace cement and uses technology to inject carbon dioxide 

into the concrete block during curing to accelerate the hardening 

of the concrete. In addition to helping to store carbon 

dioxide in the concrete, it also helps increase the strength 

of the concrete. 

Utilizing sustainable materials that have a negative or minimal 

carbon footprint is one approach to achieving the objective. 

To reach net-zero emissions by 2050, collaboration is required 

across all sectors. It is imperative that the construction industry 

and the architectural design community maintain their momentum 

in the advancement of sustainable material developments 

and design innovations. 


รองศาสต้ราจารย์ 

ดร.ภัที่รนันที่์ ที่ักขนนที่์ 

จากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ 

ปั จจุบันเป็ นอาจารย์ประจำา 

ภาควิชานวัตกรรมอาคาร 

คณะสถาปั ตยกรรมศาสตร์ 


มีความเชี่ยวชาญในการ 

ออกแบบสภาพแวดล้อม 

เขตร้อน วัสดุก่อสร้าง 

การควบคุมความร้อน และ 

การจำาลองด้วยคอมพิวเตอร์ 

สำ าหรับการออกแบบ 

ดร.ภัทรนันท์เป็ นสมาชิกของ 

คณะกรรมการอาคารเขียว 

และสถาบันอาคารเขียว 

แห่งประเทศไทย และมีผลงาน 

ทางวิชาการมากมายทั้งการ 

บรรยายและการเขียนหนังสือ 

Pattaranan Takkanon, 

a Ph.D. in Architecture 

from the University of 

Queensland, is an associate 

professor at Kasetsart 

University Faculty of 

Architecture. She has 

expertise in tropical environment 

design, building 

materials, thermal control, 

and computer simulation 

for performance-based 

design. She is a member 

of the Green Building Committee 

and the Thailand 

Green Building Institute 

and has authored a number 

of books and delivered 

numerous lectures.

118 

materials 

Carbon 

Craft 

Tiles 

Carbon Craft Design ทีมสถาปนิกและนัก 

ออกแบบในมุมไบ ประเทศอินเดีย ผลิตกระเบื้อง 

จาก “คาร์บอนแบล็ค” ซึ่งเป็นของเสียที่เกิดจาก 

การเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยจะใช้ของเสียที่ 

บริษัทต่าง ๆ ต้องทำาเป็นวัตถุดิบ ในระหว่าง 

กระบวนการทางอุตสาหกรรม สิ่งเหล่านี้จะ 

ถูกทิ้งหรือเผามากยิ่งขึ้น โครงการสร้างสรรค์ 

ที่นำาโดยสถาปนิก Tejas Sidnal ใช้เทคโนโลยี 

และงานฝีมือเพื่อเปลี่ยนของเสียนี้ให้กลายเป็น 

ของตกแต่งที่ป้องกันไม่ให้เกิดการเผาไหม้ 

อีกครั้ง ในการทำาอิฐนั้น คาร์บอนแบล็คจะ 

ถูกขึ้นรูป ตัด และผสมกับซีเมนต์ การทำา 

กระเบื้องดินเผาเป็นศิลปะที่มีมายาวนานมาแต่ 

โบราณ กระบวนการผลิตได้รับความช่วยเหลือ 

จากศิลปินท้องถิ่น ทำาให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่สามารถ 

ขายได้ นำาขยะกลับมาใช้ใหม่ และเสริมสร้าง 

ความเข้มแข็งให้กับชุมชนช่างฝีมือ 

Carbon Craft Design, a team of architects 

and designers based in Mumbai, 

utilizes the unavoidable secondary 

outputs of various businesses as the 

primary substance to manufacture tiles 

composed of “carbon black,” a residual 

substance produced from burning fossil 

fuels. In the industrial process, this 

material is disposed of or incinerated. 

Architect Tejas Sidnal’s pioneering 

project employs technology and skilled 

artistry to reuse this byproduct, halting 

its combustion and transforming it into 

a decorative component. The tiles are 

manufactured through molding, trimming, 

and blending carbon black with 

cement. The art of producing cement 

tiles has a history that spans two cen 

turies. The production procedure was 

determined with the participation of 

local craftspeople. The outcome is a 

financially feasible product that repurposes 

discarded materials and strengthens 

the artisan community. 

carboncraftdesign.com

119 

Finite 

Concrete substitute 

Finite เป็นวัสดุคอมโพสิตที่สร้างขึ้นโดย Carolyn 

Tam, Hamza Oza, Matteo Maccario และ 

Saki Maruyama ทีมนักศึกษาจาก Imperial 

College London เพื่อใช้ทดแทนคอนกรีต โดย 

ใช้ทรายทะเลทรายซึ่งมีอยู่มากมาย แทนที่ 

จะใช้ทรายขาวละเอียดที่หาได้ยากในการ 

ก่อสร้างแบบทั่วไป โดยทรายทะเลทรายเป็น 

สารที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง 

ความพยายามที่จะหาวัสดุทดแทนคอนกรีต 

เพื่อความยั่งยืนในอนาคต สารยึดเกาะอินทรีย์ 

ของ Finite นี้ยังช่วยให้คอนกรีตสลายตัวได้ 

เช่นเดียวกับการรวบรวมและนำากลับมาใช้ใหม่ 

ในหลายวงจรชีวิต จึงช่วยลดการใช้วัสดุให้ 

เหลือน้อยที่สุด 

Finite, a composite material created 

by students Carolyn Tam, Hamza Oza, 

Matteo Maccario, and Saki Maruyama 

at Imperial College London, is a substitute 

for concrete. It utilizes desert sand, 

which is abundant, instead of the scarce 

fine white sand traditionally used in 

construction. It serves as a biodegradable 

substance that simultaneously 

helps prevent the planet from facing 

future sustainability challenges. Finite’s 

organic binders enable the decomposition 

of concrete, as well as its collection 

and reuse for several life-cycles, 

hence minimizing material consumption. 

materialfinite.com

120 

materials 

Soil Block 

Concrete substitute 

Karen Kerstin Poulain, a young architect 

in Mexico, investigates the potential of 

constructing with soil by introducing a 

novel approach: the technique of pouring 

it. The outcome is a composite material 

with properties similar to concrete, displaying 

high resistance to compression 

and cracking. The composite is formed 

by combining tepetate, water, and rice 

husks, resulting in a production process 

that requires minimal energy input. In 

addition to substituting concrete, a material 

that requires a significant amount 

of energy and contributes to eight percent 

of world CO2 emissions, Karen 

Kerstin Poulain’s alternative also has the 

advantage of decreasing agricultural 

waste. 

raizarquitectura.mx 

Karen Kerstin Poulain สถาปนิกรุ่นใหม่ใน 

เม็กซิโก ได้ศึกษาศักยภาพของการก่อสร้าง 

ด้วยดินโดยนำาเสนอแนวทางใหม่ จากเทคนิค 

การเทดิน ผลลัพธ์ที่ได้คือวัสดุคอมโพสิตที่มี 

คุณสมบัติใกล้เคียงกับคอนกรีต มีความทนทาน 

ต่อแรงอัดและการแตกร้าวสูง คอมโพสิตนี้ 

เกิดจากการผสมเทเปเทต หรือดินเหนียว 

ท้องถิ่น น้ำา และแกลบเข้าด้วยกัน ส่งผลให้ 

กระบวนการผลิตใช้พลังงานน้อยที่สุด นอกเหนือ 

จากการทดแทนคอนกรีตซึ่งเป็นวัสดุที่ต้องใช้ 

พลังงานจำานวนมากและมีส่วนในการปล่อย 

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ร้อยละ 8 ของโลกแล้ว 

ทางเลือกใหม่ของ Karen Kerstin Poulain 

ยังมีข้อได้เปรียบในการลดของเสียทางการ 

เกษตรอีกด้วย

ASA Journal 

Wonder of Well-Being 

City 2022 

121 

OUT 

NOW! 

The Association of Siamese 

Architects held "WOW-Wonder 

of Well-Being City 2022," 

collaborating with various 

institutions and organizations 

to explore urban development 

approaches. The event 

included academic seminars 

and recreational activities, 

aiming to create a livable city 

for everyone. This special 

publication, produced by ASA 

Platform, is the official catalog 

summing up all the interesting 

activities in the ASA WOW 

2022. 

WOW-Wonder of Well-Being City 

2022 เป็ นงานที่สมาคมสถาปนิกสยาม 

ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับหน่วยงาน 

และองค์กรต่างๆ เพื่อสํารวจแนวทาง 

การพัฒนาเมือง ภายในงานมีทั้งสัมมนา 

วิชาการและกิจกรรมสันทนาการเพื่อ 

สร้างเมืองน่าอยู่สําหรับทุกคน หนังสื อ 

ฉบับพิเศษนี้ เป็ นสู จิบัตรอย่างเป็ น 

ทางการที่สรุปกิจกรรมที่น่าสนใจทั้งหมด 

ใน ASA WOW 2022 

Download the e-book here

122 

PROFESSIONAL 

Green 

Dwell 

In the world of sustainable design, which is generally 

interwoven with the energy and environmental aspects of 

building, human sustainability frequently falls off track. 

Combining these three elements can develop a design based 

on an awareness of human dependency and negotiation 

with nature. Similarly, an architectural design trajectory 

that considers every dimension of architecture and treats 

it as a physical structure with an interactive relationship 

with nature and human users has laid the conceptual 

groundwork for a parallel approach to sustainable design 

and good quality of life. This is the path that the Bangkokbased 

consultancy GreenDwell has taken. Raksak 

Sukonthatam and Sirithip Hantaweewongsa, architects 

and LEED-accredited professionals, founded this architecture 

and sustainable consulting firm for quality dwelling with 

an attempt to propel and integrate multiple dimensions 

of sustainable design into every process and facet 

of green architecture. 

Text: Surawit Boonjoo 

Photo Courtesy of Green Dwell, TravelKanuman and Jinnawat Borihankijanan

1 

01 

บรรยากาศบริเวณ 

สนามเด็กเล่นภายใน 

Raintree International 

School

124 

professional 

2 3 

02 

ศิริที่ิพย์ หาญที่วีวงศา 

ผู้ก่อตั้ง GreenDwell 

03 

รักศักดิ์ สุคนธะตามร์ 

ผู้ก่อตั้ง GreenDwell 

ความย่งยืนของมนุษย์ บ่อยคร่งเป็นสิงที่่ตกหล่นไปจาก 

ขอบเขตของแนวคิดการออกแบบอย่างย่งยืน ซึ่่งม่กย่ดโยง 

เฉพาะกรอบมุมมองด้านพล่งงานและสิงแวดล้อมของ 

สถาปัตยกรรม แต่ด้วยการเร่ยงร้อยรวมทั้้งสามมิติเข้าไว้ 

อย่่เสมอ ก็จะสามารถผล่กด่นส่่การออกแบบบนความเข้าใจ 

ของการสอดประสานระหว่างการพ่งพาและต่อรองของ 

มนุษย์ก่บธรรมชาติ เฉกเช่นก่บที่ิศที่างการออกแบบที่่ 

พิจารณาทีุ่กมิติของสถาปัตยกรรมในสถานะโครงสร้างที่่ 

ม่ปฏิิส่มพ่นธ์เก่ยวเน่องก่บทั้้งความเป็นไปของธรรมชาติ 

และกิจกรรมของผ่้ใช้งานอาคาร อ่นเป็นฐานรากที่างความคิด 

ร่ปแบบค่่ขนานระหว่างการออกแบบอย่างย่งยืนและการ 

เสริมสร้างคุณภาพช่วิตอ่นด่ น่คือแนวที่างการที่ำางานของ 

GreenDwell ออฟฟิศออกแบบสถาปัตยกรรมและให้ 

คำาปร่กษาเพือความย่งยืนและความเป็นอย่่ที่่ด่ ซึ่่งก่อต่ งโดย 

สองสถาปนิกและ LEED AP แตน - ร่กศ่กดิ สุคนธะตามร์ 

และ เงา - ศิริที่ิพย์ หาญที่ว่วงศา ผ่้พยายามข่บเคลือน 

หลากมิติของการออกแบบอย่างย่งยืนในทีุ่กกระบวนการ 

ของสถาปัตยกรรมส่เข่ยว 

“หลัังจากที่่เรีียนจบ(รีะดัับปริิญญาโที่)แล้้ว พอเรีาอย่ 

ที่่สหรััฐอเมริิกาเป็ นรีะยะเวลัาหน่ ง เรีาจ่งตััดส ินใจ 

สมัครีงานต่่อที่่ฮ่่องกง เน่องด้้วยรีะยะที่างที่่ขยับเข้าใกล้้ 

ปรีะเที่ศไที่ยมากยิงข่ น แลัะในขณะนันเรีาก็มองวา 

ฮ่่ องกงม่ความตั่นตััวที่างด้้าน sustainable design 

จ่งเลืือกที่ำางานกันที่่นัน โดัยคุณรัักศักดัิที่ำางานเป็ น 

สถาปนิก ในขณะที่่ดิิฉัันที่ำางานในออฟฟิ ศสถาปนิก แต่่ 

อย่ในสวนงานที่่ดููแลั sustainable design resource 

โดัยลัักษณะของโครีงการีตัาง ๆ ที่่เรีาได้้ที่ำาจะเป็ น 

รููปแบบ mixed-use ซึ่่ งการก ่อสร้้างหลััก ๆ จะเกิดัข่ น 

ที่่ปรีะเที่ศจ่น ตัลัอดัช่่วงการีที่ำางานถ่งแม้เรีาจะอย่กัน 

คนลัะบริิษัที่แตัก็ได้้เห็นถ่งปั ญหาเดีียวกัน ที่่ sustainable 

design ถ่กตััดัลังในแตัลัะช่่วงของกรีะบวนการี 

การีที่ำางานกรีะทั่่งเหลืือในจุดั ๆ หน่ ง ซึ่่ งช่่วยที่ำาให้เรีา 

เข้าใจถ่งหลัากหลัายปั จจัยทั้้งที่่สามารีถควบคุมได้้แลัะ 

ไมได้้ ปรีะกอบกับปรีะสบการณ ์ที่่สังสมมาอยางเพ่ยงพอ 

จากทั้้งสองบริิษัที่ จ่งคิดว ่าจะกลัับมาเปิ ดัออฟฟิ ศ 

ออกแบบของพวกเรีาเอง โดัยอาจจะเรีิมในสเกลัที่่ 

เล็็กกอน อยางเช่่นบ้าน” ศิริิที่ิพย์พ่ ดัถ่งจุดัเรีิมต้้น 

ของ GreenDwell 

หล่งจากร่กศ่กดิ และศิริที่ิพย์ สำาเร็จการศ่กษาในระด่บ 

ปริญญาตร่จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์- 

มหาวิที่ยาล่ย ทั้้งสองได้เดินที่างไปศ่กษาต่อในระด่บ 

ปริญญาโที่ย่งประเที่ศสหร่ฐอเมริกา โดยร่กศ่กดิเลือกศ่กษา 

ด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่่ University of Michigan ขณะที่่ 

ศิริที่ิพย์ปร่บเปล่ยนมุ่งเน้นศ่กษาเฉพาะที่างด้าน sustainable 

design ที่่ Texas A&M University ระหว่างการศ่กษาในระด่บ 

ปริญญาโที่ เธอสามารถสอบผ่านใบประกาศน่ยบ่ตร LEED 

AP และเป็นผ่้เช่ยวชาญด้านอาคารเข่ยว และสำาหร่บร่กศ่กดิ 

เขาได้ร่บในระหว่างที่ำางานที่่ฮ่่องกง 

เมือจบการศ่กษาระด่บปริญญาโที่ สองสถาปนิกได้ต่ดสินใจ 

ที่ำางานในประเที่ศสหร่ฐอเมริกาเป็นเวลา 2 ปี และที่่ฮ่่องกง 

อ่กราว 1 ปีกว่า ตลอดช่วงระหว่างการส่งสมประสบการณ์ 

การที่ำางาน ทั้้งสองได้เลือกเริ มต้นวิชาช่พในออฟฟิศออกแบบ 

ที่างด้านสถาปัตยกรรมส่เข่ยว ประกอบก่บความคิดใน 

การวางแผนช่วิตสำาหร่บอนาคต ทั้้งค่จึึงต่ดสินใจเดินที่าง 

กล่บมาย่งประเที่ศไที่ยในช่วงอายุ 30 ปี และร่วมก่นก่อต่ง 

GreenDwell ข่นในปี 2552 ด้วยความต่งใจแรกเริมในการ 

ที่ำบ ้านส่เข่ยว พร้อมก่บการที่ดลองข่บเคลือน sustainable 

design ให้คงอย่ทีุ่กช่วงขณะของสถาปัตยกรรม

GREENDWELL 

125 

4 

“After receiving master’s degrees and spending some time in the United States, 

we decided to seek jobs in Hong Kong because it is much closer to Thailand. 

We also noticed how Hong Kong was becoming more aware of and embracing 

environmental design, so it was an obvious choice for us. Raksak was an 

architect, and I worked for an architecture firm in a department called Sustainable 

Design Resource. We were assigned to work on largely mixed-use projects 

in China. Throughout our time in Hong Kong, even though we worked at different 

companies, we encountered a similar issue in which sustainable design was 

being reduced to the point where we were able to recognize that there were 

factors that we could and could not control. With the experiences we’d gained 

from working at two different companies, we thought it might be time for us to 

open our own office and start with small-scale projects like houses,” Sirithip 

recounted the genesis of GreenDwell. 

04 

ภาพการเยี่ยมชมและ 

เรียนรู้ที่่ the Research & 

Innovation for Sustainability 

Center (RISC) 

05 

ภาพกิจกรรมการบรรยาย 

“LEED and Sustainable 

Architecture” ณ 

Lamptitude 

Raksak and Sirithip completed their undergraduate studies at Chulalongkorn University’s Faculty 

of Architecture before continuing their education in the United States. Raksak chose the 

University of Michigan for his master’s degree in architecture, while Sirithip chose Texas A&M 

University to focus on sustainable design study. Sirithip passed the LEED Professional Exams 

while she was still a post-graduate student, paving the way for her to become a green building 

expert. Raksak later passed the same examination while working in Hong Kong. 

Following graduation, the two architects worked in the United States for another two years 

before relocating to Hong Kong for another year. During their early professional careers, the 

two chose to work for offices specializing in green architecture. Raksak and Sirithip decided to 

return to their home country of Thailand when they were both in their early thirties and cofounded 

GreenDwell in 2009 with the initial intention of designing green homes alongside experimenting 

with “invoking sustainable design throughout the entire process” with their experiences and a 

plan for their future careers. 

“We’ve discovered that incorporating sustainable design from the beginning of a project makes green design 

much easier to implement. It can also result in significant cost savings when designers or architects approach 

architectural and green design collaboratively with a strong understanding of issues such as ventilation 

and scale because they can maximize a building’s potential and efficiency and ultimately improve users’ 

well-being. Once we understood the entire process and how everything is intertwined, we incorporated 

them into our design. People’s knowledge and awareness of sustainable design were still quite restricted 

fifteen years ago. Because we are both LEED AP, we began designing small-scale projects and consulting 

on green building standards for large-scale buildings. Even if the projects were small in scale, we would 

always try to incorporate sustainable design, even if the owners did not specifically request it. Since the 

beginning, this has been our approach and mindset.” Raksak remembered. 

5 

“Invoke sustainable design throughout the entire process.” 

GreenDwell offers two types of services: architectural design and green building standard 

consultation (LEED, Green Mark, or TREES). The firm has a staff of 23 people who are responsible 

for four divisions: 12 architects who oversee architectural design, 5 interior designers who 

handle the studio’s projects, 3 members of the sustainable design team, and 3 others who 

handle administrative tasks such as accounting, human resources, and marketing. While the 

three primary divisions, architectural design, interior design, and sustainable design, are 

managed as separate entities with their own specific scope of services, sustainable design 

is always included in every architectural design process.

126 

professional 

รัักศักดัิเล่่าวา “เรีาพบวาการีบ่รีณาการี sustainable 

design นับตัังแต่่เรีิมต้้นโครีงการีที่ำาให้การีที่ำา 

กรีีน สามารีถดำำาเนินการีตัอได้้งาย อ่กทั้้งลัดัในสวน 

งบปรีะมาณ โดัยการีใช้้สถาปั ตัยกรีรีมไปกับการีบ่รีณา 

การีรีวมไปกับการีออกแบบโดัยผู้่้ออกแบบที่่ม่ความเข้าใจ 

ไมวาจะในเรี่องการีรีะบายอากาศ ขนาดัอาคารี เพ่อ 

สงเสริิมศักยภาพการีที่ำางานที่่ดีีให้กับอาคารีแลัะสงผู้ลั 

ที่่ดั่ข่ นต่่อผู้่้อย่อาศัย พอเข้าใจทั้้งหมดัน่เรีาจ่งมาเรีิม 

ที่ดัลัองที่ำาดั่ ย้อนกลัับไปเม่อ 15 ปี ที่่แล้้วคนก็ยังคงม่ 

ความตั่นตััวเรี่อง sustainable design อยางจำก ัดั 

ด้้วยเรีาเป็ น LEED AP จ่งเรีิมต้้นทั้้งในสวนงานออกแบบ 

ขนาดัเล็็ก แลัะงานให้คำาปรึึกษา (มาตัรีฐานอาคารีเข่ยว) 

ที่่จะเป็ นโครีงการีขนาดัใหญ ในสวนงานการีออกแบบ 

แม้จะม่ขนาดัเล็็กเรีาก็พยายามบููรณาการี sustainable 

design เข้าไปในการีออกแบบแม้เจ้าของโครีงการี 

ไมได้้ร้้องขอ จ่งเป็ นแนวที่างของ GreenDwell มา 

นั บแต่่แรีกเรีิม” 

“Invoked sustainable design throughout the 

entire process” 

ออฟฟิศ GreenDwell แบ่งร่ปแบบการบริการเป็นสองส่วน 

คืองานออกแบบที่างสถาปัตยกรรมและงานให้คำาปร่กษา 

ด้านมาตรฐานอาคารเข่ยว (LEED, Green Mark หรือ 

TREES) ด้วยแรงข่บเคลือนของเหล่าที่่มงานทั้้งหมดกว่า 

23 คน ผ่้ร่บผิดชอบด่แลใน 4 ส่วนงาน ซึ่่งประกอบด้วย 

ที่่มสถาปนิกด่แลงานออกแบบสถาปัตยกรรม จำานวน 12 คน 

ที่่มน่กออกแบบภายในจำานวน 5 คน สำาหร่บส่วนงานสต่ดิโอ 

อ่กทั้้งที่่มที่่ปร่กษาที่างด้าน sustainable design จำานวน 

3 คน และในส่วนงานธุรการ ด่แลงานบ่ญช่ งานบริหาร 

จ่ดการบุคคล และการตลาด อ่กจำานวน 3 คน กลุ่มงานหล่ก 

ด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมและตกแต่งภายใน รวมไปถ่ง 

ในส่วน sustainable design ทั้้งหมดแม้จะแยกส่วนงานก่น 

ร่บผิดชอบภายใต้ร่ปแบบการให้บริการอย่างช่ดเจน แต่ 

ในทีุ่กกระบวนการออกแบบสถาปัตยกรรม แนวที่าง sustainable 

design ก็จะถ่กนำามาบ่รณาการร่วมก่นเสมอ 

“เม่อม่โครีงการีเข้ามา เรีาจะเรีิมต้้นจากการีเข้าไป 

สัมภาษณ์ลููกค้าทั้้งในแงของคุณภาพแลัะปริิมาณกอน 

ถ้าหากเป็ นบ้าน เรีาก็จะต้้องที่รีาบรููปแบบการีใช้้ช่่วิตั 

ของสมาชิิกแตัลัะคนกอนวาเป็ นเช่่นไรี ม่ความต้้องการี 

อยางไรี หรืือถ้าหากเป็ นออฟฟิ ศ ก็ต้้องมาดั่วา ม่สิงที่่ 

พ่งพอใจหรืือสิงที่่ต้้องการีในแตัลัะแผู้นกเป็ นอยางไรี 

บ้าง สิงเหล่่าน่นับเป็ น layer หน่ งของข้อมููล แต่่เม่อ 

เรีาเน้นในเรี่องของ sustainable design ก็จะมีีทีีมที่่ 

เช่่ยวช่าญในเรี่องดัังกล่่าวซึ่่ งก็จะเป็ นที่่มที่่ที่ำาในสวนงาน 

ให้คำาปรึึกษา เข้ามาช่่วยดููแลน ำข ้อมููลหลัังการีเข้าไป 

สัมภาษณ์มาที่ำาการว ิเครีาะห์แลัะปรีะสานงานก่ งหน่ ง 

ไปกับที่่มออกแบบตัลัอดักรีะบวนการี” (ศิริิที่ิพย์) 

หล่งจากได้ร่บชุดข้อม่ลเบืองต้นมา ในช่วงของ pre-design 

ที่างที่่มที่่ด่แลส่วน sustainable design ก็จะเริมต้นส่งเคราะห์ 

ข้อม่ลทั้้งหมด ผ่านการสร้างแบบจำาลองที่ิศที่างลม แสง 

รวมไปถ่งการวิเคราะห์สิงแวดล้อมทั้้งภายในและภายนอก 

พืนที่่ของโครงการ เพือให้ได้ชุดข้อม่ลและแนวที่างในการ 

ออกแบบ การจ่ดวาง zoning ของอาคาร ทั้้งร่กศ่กดิและ 

ศิริที่ิพย์มองว่า กระบวนการน่น่บเป็นหน่งในส่วนริเริม 

สำคััญที่่สามารถช่วยส่งเสริมให้อาคารประหย่ดพล่งงานได้ 

โดยการเข้าใจถ่งที่ิศที่างของธรรมชาติที่่ดำาเนินอย่ภายใน 

06 

ภาพกิจกรรมการบรรยาย 

“New Innovation for 

Sustainable & Resilient 

Design” ซึ่่งจัดขั้นโดย 

TOTO 

6

GREENDWELL 

127 

“When a project is assigned, we usually start by talking with the client about the qualitative and quantitative 

aspects of the work. We’ll want to know about each resident’s lifestyle and needs if it’s a house. If it is an 

office, we must consider the preferences and requirements of each department. These are referred to as 

layers of information. However, once the emphasis is placed on sustainable design, we have a team of 

experts who specialize in providing consults. And their job entails analyzing the information we obtain 

from these conversations with a client, and they will work alongside the design team throughout the 

process,” Sirithip explained. 

After receiving the primary data, the sustainable design team begins synthesizing all of the 

data with simulated wind and light directions and analysis of the project’s interior and exterior 

environments. This procedure produces information and guidelines that will be used in the 

design and zoning development. Raksak and Sirithip see the process as one of the first steps 

toward creating an energy-efficient building based on an in-depth understanding of the local 

climate. It also permits the construction of the building to be modified accordingly. A design is 

created by overlaying various sources of data. Following the completion of the zoning development, 

the design team proceeds to construct a number of variations before bringing in the 

consulting team to look at the project’s sustainability. 

7 

“The sustainable design team will constantly check in. This is referred to as 

“green research-integrated design.” It only sometimes happens in sequential 

order. Still, we incorporate the ‘green’ as an intrinsic component of the design 

development and the presentation, including after the client provides input, 

and we need to improve the design in the following stages. The consultation 

team will participate in a very collaborative approach so that the design team 

and the owner are constantly informed about how sustainable design is being 

operated and its efficacy to the project,” Sirithip explained. 

07 

ภาพการลงพื้นที่่ตรวจสอบ 

ขณะการก่อสร้าง 

08 

ภาพการเยี่ยมชมโชว์รูม 

กระเบื้อง ไฟ และ 

เฟอร์นิเจอร์ที่่ AMO 

“Integrated sustainable design for well-being” 

It’s fascinating to see how GreenDwell’s “green research-integrated design” (g.r.i.d) approach 

has assisted the design team and project owners in envisioning what users will be experiencing 

through simulation tools devised to examine and verify the level of efficacy of the design, ensuring 

that it will bring about positive impacts and improvements to people’s quality of life as well as 

satisfying user experiences. This is in tandem with the studio’s uncompromising commitment to 

minimizing negative environmental impacts. All of these things have been a part of GreenDwell’s 

operations, embodying the studio’s character and identity from its name, which is the combination 

of the essences they aspire to integrate and create, particularly in the effort to bring 

about the best possible well-being for the people who use their buildings. Such motivation 

and practice are consistent with their interests in three architectural genres: residential, 

corporate, and education. 

8 

“Our priority is to work with owners who recognize the value of sustainable 

design and well-being. We’ve always attempted to be a part of projects whose 

owners share our vision because the most important reason for creating architecture 

is to offer users the highest potential quality of life. The projects we’ve 

done, particularly school, office, and residential buildings, are structures where 

people spend a significant amount of time on a daily basis, and they highlight 

the influences of architecture on people’s quality of life,” Raksak explained.

128 

professional 

พืนที่่และปร่บโครงสร้างของอาคารให้สอดร่บเข้าไปก่บสิงที่่ 

ดำาเนินอย่เพ่ยงเที่่าน่น และภายหล่งการนำชุุดข้อม่ลต่าง ๆ 

เหล่าน่มาซึ่้อนช่นก่นก็จะเกิดเป็นงานออกแบบอาคารใน 

ลำดัับถ่ดมา คือหล่งจากได้ที่ิศที่าง zoning ของอาคาร ที่่มงาน 

น่กออกแบบก็จะพ่ฒนาออกแบบต่วเลือกต่าง ๆ ก่อนที่่มที่่ 

ปร่กษาจะเข้ามาประสานร่วมพิจารณาการที่ำางานที่างด้าน 

ความย่งยืนของอาคาร 

“ที่่ม sustainable design จะเข้ามาปรีะสานอย่เรี่อย ๆ 

เรีาจ่งเรีียกกรีะบวนการีที่ำางานในจุดัน่ของเรีาวา green 

research-integrated design โดัยการีเข้ามาร่่วม 

ที่ำางานนันไมได้้ ไล่่เรีียงลำำาดัับอยางต่่อเน่องกันไป แต่่ 

เรีาเอาเรี่องกรีีนเข้ามาปรีะสานตัลัอดัในเวลัาที่่ที่ำาการี 

นำาเสนอแบบ หรืือภายหลัังได้้รัับการีตัอบกลัับจากลููกค้า 

แลัะจะปรัับพัฒนาแบบในขันถัดัไปอยางไรี ที่างที่่มที่่ให้ 

คำาปรึึกษาก็เข้ามาร่่วมกันที่ำางานกันไปอยางต่่อเน่อง 

เช่่นนัน เฉัพาะนันทั้้งที่่มนักออกแบบแลัะเจ้าของอาคารี 

ก็จะที่รีาบอย่เสมอวา ณ จุดันัน ๆ ของกรีะบวนการีในแง 

ของการีดัำาเนินการีแลัะปรีะสิที่ธิิภาพของ sustainable 

design เป็ นเช่่นไรบ ้าง” (ศิริิที่ิพย์) 

ออฟฟิ ศ แลัะบ้าน ซึ่่ งจะเป็ นงานที่่เก่ยวข้องกับผู้่้เก่ยวข้อง 

กับอาคารีที่่จะใช้้งานเป็ นรีะยะเวลัายาวนานหลัาย ๆ 

ช่ัวโมงต่่อหน่ งวัน ซึ่่ งสถาปั ตัยกรีรีมจะม่ผู้ลัตัอคุณภาพ 

ช่่วิตัเป็ นอยางมาก” (รัักศักดัิ) 

เน่องด้วยที่่ศนะ “สถาปัตยกรรมส่งเสริมคุณภาพช่วิต” 

ของสองผ่้ก่อต่งที่่ต้องการสร้างเสริมคุณภาพช่วิตที่่ด่ อ่กทั้้ง 

ผลล่พธ์ในด้านต่าง ๆ ที่่ส่งสุดซึ่่งจะสามารถที่ำาให้เกิดข่น 

ต่อทั้้งผ่้อย่่อาศ่ย/ผ่้ใช้งานอาคารและสิงแวดล้อม จนอาจ 

สามารถกล่าวได้ว่า การออกแบบสถาปัตยกรรมสำาหร่บ 

พวกเขาได้เกินเลยกว่าว่ตถุในเชิงโครงสร้าง ส่การก้าวนำา 

ให้ความใส่ใจไปย่งสิงที่่สถาปัตยกรรมจะช่วยให้ก่อกำาเนิดข่ น 

ในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิงในส่วนที่่เข้าไปม่ 

ผลต่อร่ปแบบพฤติกรรมการอย่อาศ่ยและใช้งานของผ่้คน 

ซึ่่งม่กถ่กตอกยำาตลอดช่วงการพ่ดคุยถ่ง “คุณภาพช่วิต 

ของคนในอาคารมาเป็นอ่นด่บแรก” โดยโครงการออกแบบ 

Raintree International School ก็น่บเป็นโครงการที่่สามารถ 

สะที่้อนมุมมองต่าง ๆ ในข้างต้น ซึ่่งสอดแที่รกต่ งแต่จุดเริมต้น 

ของโครงการ กระทั่่งโรงเร่ยนเปิดดำาเนินการสอนออกมา 

ได้อย่างน่าสนใจ 

“Integrated sustainable design for well being” 

น่าสนใจอย่างยิงด้วย “กระบวนการออกแบบที่่บ่รณาการ 

ร่วมก่บการวิจ่ยอ่นเป็นมิตรต่อสิงแวดล้อม/ green researchintegrated 

design” (g.r.i.d) ซึ่่งเป็นแนวที่างการที่ำางาน 

ร่ปแบบเฉพาะของ GreenDwell กระบวนน่จะช่วยให้ที่่ม 

ออกแบบและเจ้าของโครงการสามารถร่บร่้ถ่งประสบการณ์ 

ที่่ผ่้ใช้งานอาคารจะได้ส่มผ่ส ผ่านเครืองมือจำาลองภาพที่่ 

เข้ามาม่ส่วนในการตรวจสอบประสิที่ธิภาพที่่จะช่วยที่ำาให้ 

แน่ใจว่า การที่ำางานออกแบบของพวกเขาน่ นกำลัังเสริมสร้าง 

คุณภาพช่วิตที่่ด่ พร้อมไปก่บประสบการณ์อ่นน่าพ่งพอใจ 

ของผ่้ใช้งานอาคารและผ่้อย่่อาศ่ย รวมไปถ่งการลดผลกระที่บ 

ด้านลบต่อสิงแวดล้อมให้เหลือน้อยที่่สุด อ่นเป็นปร่ชญา 

ในการดำาเนินของของออฟฟิศแห่งน่ ซึ่่งสามารถเข้าใจได้ 

อย่างช่ดเจนน่บต่งแต่ชื อที่่ประกอบสองส่วนความคิดที่่พวกเขา 

ต้องการข่บเน้นเข้าไว้ด้วยก่น โดยเฉพาะอย่างยิงในการ 

ผล่กด่นให้เกิดสุขภาวะที่่ด่ต่อผ่้ใช้งานอาคารและผ่้อย่อาศ่ย 

ซึ่่งสอดร่บไปก่บความสนใจต่อสามร่ปแบบอาคารของพวก 

เขาเช่นก่น อ่นได้แก่ บ้าน ออฟฟิศ และโรงเร่ยน 

“เรีาโฟกัสการีที่ำางานกับอาคารีที่่เจ้าของให้ความสำค ัญ 

กับเรี่อง sustainable design แลัะ well being เรีา 

พยายามจะเลืือกผู้ลัักดัันโครีงการีที่่เจ้าของโครีงการม ี 

ความคิดัเห็นไปในที่ิศที่างเดีียวกันกับเรีา วาสิงที่่สำค ัญ 

ที่่สุดัในการีสร้้างอาคารค ือคุณภาพช่่วิตัที่่ดีีของผู้่้ใช้้งาน 

อาคารีหรืือผู้่้อย่อาศัย โดัยเรีาก็จะม่งานปรีะเภที่โรีงเรีียน 

9

GREENDWELL 

129 

10 11 

09 

พื้นที่่สนามเด็กเล่นของ 


School 

10 

มุมมองของการวางแนว 

อาคารเรียนของ Raintree 

International School ที่่ 

สอดรับไปกับกลุ่มต้นไม้ 

ใหญ่ที่่มีแต่เดิม 

11 

บริเวณด้านหน้าพื้นที่่ 

ที่างเข้าสู่อาคารเรียน 


School 

With the two founders’ conviction in “architecture for a better quality of life” and its ability 

to improve the well-being of people and the environment, one can say that for GreenDwell, 

architectural design has gone beyond tangible structural components and objects. It impacts 

several other aspects, particularly those that affect people’s behaviors and how they use and 

interact with architecture. This was brought up during our conversation with them regarding 

the ‘prioritization of people’s quality of life in architectural design.’ Raintree International School’s 

design embodies such a vision, with sustainable design incorporated from the very beginning 

of the project and the school’s interesting incorporation and implementation of the concept in 

its curriculum. 

Raintree International School’s nursery and kindergarten curricula are developed alongside 

the owner’s intention for the school to be a place that brings its learners the best possible 

quality of life through an approach and on a premise where children are encouraged to experience 

a self-taught process in addition to the knowledge and lessons imparted to them by 

parents and instructors. Sirithip underlined that facilitating a positive atmosphere is critical 

to the student’s motivation and desire to learn, using a method that places the children at the 

center of the learning process. The project’s site is home to many growing trees, something 

the architecture team and the owner agreed to do their best to preserve. 

Considering the school’s urban location, designing a functional program where children 

could run about and through clusters of trees under their verdant canopies was undoubtedly 

challenging. Due to the site’s somewhat narrow shape, achieving such a complicated task 

required the design team to collaborate with the tree doctors. It also necessitates the design 

team to simulate wind directions and other scenarios that might occur if new structures were 

to be built in the future. The analytical speculation is integrated into analyzing the locations 

of all the large trees growing on the site before the layout and architecture were developed to 

correspond with the preexisting natural conditions, natural airflow, and skylights. 

“We’ve realized that we can play a role in encouraging certain mindsets in children. Our design never 

obstructs children’s access to and interactions with nature. Simply by doing so, architecture can create 

a world where children can learn uniquely, develop empathy and compassion for others, and ultimately 

be content and happy. They will be able to understand and recognize that their existences are not at the 

center of the universe but that many other things, such as nature, are far larger than them. And, as long 

as the building does not strive to isolate children from nature, they can appreciate encounters with other 

living species, whether an animal or a worm, as fascinating discoveries.” Sirithip added.

130 

PROFESSIONAL 

712

GREENDWELL 

131 

12 

ภาพมุมสูงแสดงเส้นแนวที่่ 

ลื่นไหลของการเรียงต่อกัน 

ระหว่างกลุ่มอาคารเรียน 

ของ Raintree International 

School ไปกับการเรียงตัว 

ของต้นไม้

132 

professional 

13 

Raintree International School เป็นโรงเร่ยนที่่เปิดสอน 

ในระด่บเนิร์สเซึ่อร่และอนุบาล ซึ่่งเจ้าของโครการต้องการ 

ข่บเน้นให้เป็นโรงเร่ยนที่่เสริมสร้างคุณภาพช่วิตที่่ด่ให้ก่บ 

ผ่้เร่ยน ผ่านแนวคิดที่่เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ สามารถสอน 

ตนเองได้ โดยไม่จำาเป็นต้องได้ร่บความร่้จากคุณคร่หรือ 

ผ่้ปกครองเพ่ยงเที่่าน่น ด้วยความคิดเช่นน่เด็กได้กลายเป็น 

ศ่นย์กลางของการเร่ยนร่้ ศิริที่ิพย์กล่าวเน้นยำต่่อว่า การสร้าง 

สิงแวดล้อมที่่ด่จ่งม่บที่บาที่สำคััญอย่างยิงต่อการกระตุ้น 

ให้เกิดความอยากค้นหาและการเร่ยนร่้ในด้านต่าง ๆ แต่เดิม 

พืนที่่ของโครงการเต็มไปด้วยต้นไม้จำานวนมาก ทั้้ งสถาปนิก 

และเจ้าของโครงการได้ม่ความเห็นตรงก่นที่่จะร่กษาต้นไม้ 

เดิมเอาไว้ให้ได้มากที่่สุด 

ด้วยต้องการให้เป็นโรงเร่ยนในเมืองแต่สามารถให้เด็ก ๆ 

เข้าไปวิงเล่นใต้ต้นไม้ได้ หากแต่ก็น่บเป็นงานที่่ค่อนข้างยาก 

เช่นก่น เน่องจากล่กษณะของพืนที่่ซึ่่งค่อนข้างแคบ นำาไปส่ 

การที่ำางานร่วมก่บหมอต้นไม้ในลำด ับต่อมา ซึ่้อนที่่บไปก่บ 

การสร้างแบบจำาลองที่ิศที่างลม ความเป็นไปได้ต่าง ๆ ที่่จะ 

เกิดข่ นเมื อม่การสร้างต่กขนาบในอนาคต พร้อมก่บการนำามา 

วิเคราะห์ก่บกลุ่มต้นไม้ใหญ่ภายในพืนที่่ ก่อนการวางผ่ง 

และออกแบบร่ปล่กษณ์ของอาคารให้ลืนไหลเคลือนไหว 

สอดคล้องไปก่บที่ิศที่างลมและกระจกจากเพดานจรดพืน 

เพือเปิดกว้างข่บเน้นธรรมชาติโดยรอบ 

“เรีาพบวา เรีาสามารีถม่สวนช่่วยในการีเสริิมสร้้าง 

mindset บางอยางให้กับเด็็ก ๆ ด้้วยการีที่ำางานของ 

สถาปั ตัยกรีรีมของเรีาไมได้้เข้าไปปิ ดักันการีเข้าถ่งของ 

เด็็ก ๆ ต่่อธิรีรีมช่าติิ จริิง ๆ แคน่ เลัยก็สามารีถที่ำาให้เด็็ก 

ม่โลักที่่จะเรีียนรู้้ในรููปแบบของตันเอง แลัะที่ำาให้พวกเขา 

เกิดัความเห็นอกเห็นใจผู้่้อ่น เกิดัความรี่้ส่กม่ความสุข 

ในการีใช้้ช่่วิตัของพวกเขา อ่กทั้้งยังจะสามารีถเข้าใจวา 

ตััวตันของพวกเขาไมใช่ศ่นย์กลัางของจักรีวาลั โดัย 

ยังม่สิ งอ่น ๆ อยางธิรีรีมช่าติิม่ยิ งใหญกวาพวกเขา แลัะ 

เม่อสถาปั ตัยกรีรีมไมได้้ปิ ดักันพวกเขากับธิรีรีมช่าติิแล้้ว 

เด็็ก ๆ เขาก็จะมองวาเรี่องเล็็ก ๆ อยางการีที่่เขาไปเจอ 

สัตว ์หรืือหนอนตััวใหมก็นับเป็ นการค ้นพบครีังใหมที่่ 

นาตั่นเต้้นแล้้ว” (ศิริิที่ิพย์) 

เห็นได้ว่าด้วยความเข้าใจต่อความเป็นไปของธรรมชาติใน 

ด้านต่าง ๆ ก็จะสามารถนำาไปส่่การออกแบบสถาปัตยกรรมที่่ 

เข้ามาม่ส่วนในการส่งเสริมให้เกิดการเร่ยนร่้ในมิติอ่นมากมาย 

ได้ด้วยเช่นก่น Ai’s House อ่กโครงการออกแบบบ้าน 

ขนาดเล็กที่่ขนาบข้างด้วยอาคารโดยรอบ การวางผ่งอาคาร 

ของบ้านหล่งน่ได้สอดร่บไปก่บที่ิศที่างของลมอ่นเน่องมาจาก 

การวิเคราะห์จากแบบจำาลอง โดยในขณะเด่ยวก่นก็ไม่ได้ 

วางต่วปิดก่นที่ิศที่างลมของอาคารโดยรอบด้วยเช่นก่น 

ร่วมไปก่บการที่ำางานพิจารณาที่ำาความเข้าใจและวางแผน 

รองร่บการเปล่ยนแปลงการใช้งานเมือเปล่ยนไปตามแต่ละ 

ช่วงว่ยของผ่้อย่่อาศ่ยและอายุการใช้งานโดยรวมของอาคาร 

“บ้านหลัังน่เป็ นบ้านที่่ผู้่้อย่อาศัยสามารีถพักผู้อน 

หยอนใจได้้อยางสะดัวกสบายแลัะสามารีถตัอบโจที่ย์ 

การีใช้้งานในด้้านอ่น ๆ ของพวกเขาได้้ อยางเม่อตัอน 

โควิดั-19 แพรีรีะบาดัที่่ผู้านมา ที่างเจ้าของบ้านก็คุยกับ 

เรีาวา บ้านหลัังน่เหม่อนกับเป็ นบ้านที่่เตัรีียมพ่นที่่ 

รีองรัับการีรีวมตััวกันแลัะแยกกันเพ่อที่ำก ิจกรีรีม 

สวนตััว ด้้วยลัักษณะพ่นที่่เช่่นน่ที่่จะสามารีถตััดัขาดั 

แลัะเช่่อมต่่อกันได้้ ซึ่่ งสงเสริิมการีใช้้ช่่วิตัครีอบครััว 

ด้้วยเวลัาที่่ม่คุณภาพ น่ค่อสิงที่่เรีาต้้องการีให้เกิดัข่ น 

ในการีออกแบบของเรีา เพ่อที่่ผู้่้อย่อาศัยจะสามารีถ 

พักผู้อนแลัะใช้้งานอาคารีได้้อยางสะดัวกสบายตัลัอดั 

อายุการีใช้้งานของอาคารี” (ศิริิที่ิพย์)

GREENDWELL 

133 

Understanding the presence and beings of various components of nature can lead to the 

type of architectural design that allows for multiple dimensions of learning. Ai’s House is 

one of the studio’s small-scale residential construction projects. The layout is created to 

coincide with wind directions obtained by simulation and other erected structures surrounding 

the house. Meanwhile, the house’s layout does not obstruct the airflow of nearby 

buildings and is intended to accommodate future changes in function as the users and the 

house itself age. 

14 

“This is a home where residents can truly live and rest comfortably while making the best use of other 

functions. When the pandemic was at its peak, the owner described the house as a space that accommodates 

both shared and private activities due to the physical characteristics of the spaces, allowing 

for both connection and disconnection, enabling family members to have spaces where they can spend 

quality time together. We hope to achieve this with our design so that residents can rest and use a house 

or a building with maximum convenience throughout its lifecycle.” Sirithip explained. 

13 

พื้นที่่สีเขียวที่่วางตัว 

ขนาบกับอาคารเรียน 

ของ Raintree International 

School จาก 

มุมมองด้านหน้าที่างเข้า 

ชั้นเรียน 

14 

ภาพการลงพื้นที่่ตรวจสอบ 

ขณะการก่อสร้าง 


บริเวณพื้นที่่ภายในของ 

Ai’s House 

“Design and consultancy” 

Aside from incorporating sustainable design into every phase of the design process, GreenDwell 

also offers green building standard consultation (LEED, Green Mark, or TREES). This service 

scope is separated into two parts. Environmentally Sustainable Design (ESD) provides consultancy 

for project owners, designers, and engineers who seek to create buildings with more 

environmental potential. The consultation encompasses different aspects of a building as well 

as the simulation and synthesis of the obtained data. Meanwhile, the Green Building Consultancy 

focuses on providing advice to buildings that want to become green and be certified 

by internationally recognized green building standards. 

15

134 

professional 

16 

รายละเอียด façade อาคาร 

SL Estate Head Office 

17 

มุมมองบริเวณส่วนหน้า 

ของอาคาร SL Estate 

Head Office 

16 

“Design and consultancy” 

นอกจากส่วนงานออกแบบที่่นำาแนวที่าง sustainable design 

เข้าไปผนวกในทีุ่กข่นตอนด่งกล่าวในข้างต้นแล้ว อ่กหน่ง 

บริการของออฟฟิศแห่งน่คือ การให้คำาปร่กษาด้านมาตรฐาน 

อาคารเข่ยว (LEED, Green Mark หรือ TREES) ในส่วน 

งานน่ย่งแบ่งแยกย่อยอ่กเป็นสองส่วน คือ Environmentally 

Sustainable Design (ESD) ที่่จะให้คำาปร่กษาก่บทั้้ งเจ้าของ 

โครงการ รวมไปถ่งน่กออกแบบหรือที่่มวิศวกร ซึ่่งต้องการ 

อยากให้อาคารม่สมรรถภาพที่่ด่ข่นในแง่ที่่เป็นมิตรต่อ 

สิงแวดล้อม ไม่ว่าจะด้วยร่ปแบบการเข้าไปจ่ดการเฉพาะจุด 

ของอาคาร หรือสร้างแบบจำาลองและส่งเคราะห์ข้อม่ลต่าง ๆ 

ขณะที่่ส่วน Green Building Consultancy จะเป็นการให้ 

คำาปร่กษาก่บอาคารที่่ต้องการเป็นอาคารเข่ยว โดยเฉพาะ 

อาคารที่่ต้องการเข้าเกณฑ์์ประเมินต่าง ๆ 

“อ่กหน่ งโครีงการี SL Estate Head Office ที่่ที่าง 

GreenDwell ได้้เข้าไปดููแลัที่ังในสวนการีออกแบบแลัะ 

ให้ปรึึกษาจะเป็ นโครีงการีออฟฟิ ศขนาดัไมใหญมาก 

ซึ่่ งเจ้าของโครีงการีตั้องการีให้เป็ นอาคารีปรีะหยัดั 

พลัังงาน เรีาจ่งตััดส ินใจนำาเข้าเกณฑ์์ตัรีวจวัดัการี 

ออกแบบอาคารีเข่ยว TREES สิงที่่เรีาได้้เรีียนรู้้จากการี 

รัับผู้ิดัช่อบดููแลถ ึงสองสวนงานในครีังน่ค่อ เรีาสามารีถ 

ผู้สานการีออกแบบแลัะควบคุมงบปรีะมาณในการี 

กอสร้้างอาคารีให้ ไมส่งไปกวาอาคารีโดัยทั่่วไปมากนักได้้ 

แตัก็สามารีถม่ปรีะสิที่ธิิภาพในการีที่ำางานตัามที่่เรีา 

ตัังใจไว้ เพรีาะเกิดัจากการีรีวมกันที่ำางานนับตัังแต่่ต้้น” 

(ศิริิที่ิพย์) 

สอดร่บไปก่บแนวที่างการที่ำางานที่่วางไว้ในอนาคตของ 

GreenDwell ซึ่่งร่กศ่กดิและศิริที่ิพย์ก็ต่างต้องการผล่กด่น 

ข่บเคลือนให้เกิดข่นในลำด ับถ่ดไปน่นคือ พวกเขาต้องการ 

ที่ำาโครงการที่่ด่แลทั้้งการออกแบบและให้คำาปร่กษาที่่ผสานก่น 

มากยิงข่น ซึ่่งแต่เดิมม่ดำาเนินการเพ่ยงเล็กน้อยเพ่ยงเที่่าน่ น 

อ่กทั้้งย่งคาดหว่งที่่จะขยายล่กษณะของโครงการไปส่่อาคาร 

หลากหลายประเภที่ รวมไปถ่งการสร้างมาตรฐานเฉพาะ 

ของออฟฟิศข่นมาเอง โดยไม่ว่าอาคารที่่เข้ามาจะถ่กนำาเข้า 

เกณฑ์์อาคารเข่ยวหรือไม่ แต่จะต้องม่ข้อกำาหนดข่นตำา 

หรือผ่านมาตรฐานบางอย่างที่่พวกเขาได้ต่งข่นมา แนวคิด 

ทั้้งหมดน่ย่งคงย้อนกล่บไปเน้นยำถึึงความคาดหมายอ่นเป็น 

รากฐานของออฟฟิศแห่งน่อ่กคร่ง ที่่ต้องการผล่กด่นให้เกิด 

สุขภาวะที่่ด่ต่อผ่้ใช้งานอาคาร และลดผลกระที่บด้านลบ 

ต่อสิงแวดล้อมให้เหลือน้อยที่่สุด 

“สำาหรัับเรีา สถาปั ตัยกรีรีมเข้ามาม่สวนในการก ำาหนดั 

พฤติิกรีรีมของมนุษย์ ไมที่างตัรีงก็ที่างอ้อม เรีาจ่งไมได้้ 

ออกแบบสถาปั ตัยกรีรีมในสถานะของวัตถ ุ แต่่เรีา 

ต้้องการีออกแบบสถาปั ตัยกรีรีมที่่สามารีถเสริิมสร้้าง 

คุณภาพช่่วิตัที่่ดีีแลัะสงผู้ลักรีะที่บอันดีีต่่อธิรีรีมช่าติิ” 

(รัักศักดัิ)

GREENDWELL 

135 

“SL Estate Head Office is another project for which GreenDwell manages both the design and the 

green building consultancy. The owner wanted this medium-sized workplace to be an energyefficient 

structure, so we proposed that it be certified as a green building according to TREES 

criteria. What we learned from handling the two aspects of the project is that, while we were 

able to combine design while managing cost within a margin that was not significantly higher 

than a standard building construction and delivering the intended outcomes and efficacy, 

sustainable design must be integrated into the work process from the start,” Sirithip explained. 

17 

สุรีะวิที่ย์ บุญจู 


โบราณคดี มหาวิทยาลัย 

ศิลปากร ปั จจุบันมีความ 

สนใจด้านงานศิลปะ 

วัฒนธรรม ทั้งแบบ 

ประเพณีและร่วมสมัย 

Surawit Boonjoo 

Graduated from the 

Faculty of Archeology, 

Silpakorn University. 

His interest currently 

is in art and culture, 

both traditional and 

contemporary. 

In line with GreenDwell’s future direction and something that both Raksak and Sirithip want to 

push forward, their role in future projects will be more integrated between design and green 

building consultancy, something that they have only been able to do in a small number of 

projects so far. They intend to diversify their portfolio and work on projects of many genres 

while setting a standard for the operation of their studio. “Whether or not the building will 

meet any green building criteria, we must establish a minimum threshold or standard for the 

designs we create. The idea stems from the studio’s core: simply the desire to improve user 

well-being while minimizing negative environmental repercussions.” 

“To us, architecture has indirectly and directly played its part in shaping human 

behaviors. So, we are not designing architecture as merely a physical object 

but something that can improve people’s quality of life and positively impact 

the environment,” Raksak concluded.

136 

professional / studio 

Studio 

Locomotive 

Thanart Chanyu 

“Studio Locomotive” เริ่่มต้้นขึ้้ นได้้ 

อย่่างไริ่? 

ผมจบการศึึกษาทางด้้านสถาปัตย์์ตกแต่งภาย์ใน 

จากคณะสถาปัตย์กรรม ศิิลปะและการออกแบบ 

สถาบันเทคโนโลยีีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร 

ลาด้กระบัง หลังจากเรีย์นจบผมก็ได้้ทำางานใน 

สำนัักงานออกแบบทีกรุงทพฯ ในขณะทีผม 

ทำางานอย์่่ทีนัน ผมก็ได้้ทำางานร่วมทำางานกับ 

ทีมทีดููแลโปรเจกต์เกีย์วกับโรงแรมโด้ย์ฉพาะ 

ซึ่่งหลาย์โปรเจกต์ทีจัด้การกันตอนนันก็จะเป็น 

งานรีโนเวทเป็นส่วนใหญ่่ โด้ย์จะเป็นงานดีีไซึ่น์ 

ร้านอาหารกับโรงแรมเป็นหลัก ผมก็ทำางานอย์่ 

เป็นระย์ะ 5 ปีกว่า ๆ ประจวบกับมีงานโปรเจกต์ 

เล็ก ๆ รีโนเวทโรงแรมเก่าแห่งหนึงทีภ่เก็ต ซึ่่ง 

ผมเองก็เป็นคนภ่เก็ต เข้ามาพอดีี ซึ่่งงานน้ก็มี 

ความยืืด้เย์ือประมาณหนึง จึงเปิด้โอกาสให้ผม 

ได้้กลับมาอย์่่ทีภ่เก็ตได้้ ดัังนันผมจึงตัดสิินใจ 

เลือกทีจะออกจากงานและมาตังออฟฟิศึเป็น 

ของตัวเอง และเมือเริมต้นทำาออฟฟิศึนัน 

คนเดีีย์วก็อาจจะทำาไม่ไหว ผมจึงชวนเพือนที 

เรีย์นจบลาด้กระบัง แต่เขาจะจบสายอีีเวนท์ 

มาร่วมจัด้ตังด้้วยกััน ตอนแรกก็มีกันอย์่่แค่ 

สองคน หลังจากนันก็เริมมีน้อง ๆ เข้ามา จาก 

ทำก ัน 2 คน ปัจจุบันก็มีกันอย์่ 9 คน 

มีการิ่จััด้การิ่แบ่่งหน้าที่่งานในแต่่ละส่่วน 

ขึ้องบ่ริ่่ษััที่อย่่างไริ่บ่้าง? 

ถ้าหากจะให้พ่ด้ถึงน้อง ๆ ในทีม น้อง ๆ ทีอย์่ 

เกินกว่า 1 – 2 ปี ทุกคนก็จะมีโปรเจกต์ให้ดููแล 

เป็นของตัวเอง ทำางานกับผมและพาร์ทเนอร์ 

ทีร่วมก่อตังด้้วยก ันมา โดยที ่โปรเจกต์ทีเข้ามา 

ผมยัังจะเป็นคนทีทำาในส่วน schematic design 

และเป็นคนวางทิศึทางของการดีีไซึ่น์ทังหมด้ 

แต่ในส่วนของโปรดัักชัน ทำางานนำาเสนอต่าง ๆ 

น้องในทีมก็นำท ิศึทางทีผมวางไว้ไปพัฒนาต่อ 

สำาหรับน้องทีมีประสบการณ์แล้ว พอเข้าใจ 

ภาษาของออฟฟิศึ ออฟฟิศคิิด้อย่่างไรกับดีีไซึ่น์ 

ก็จะได้้เริมทำางานในส่วนของการดีีไซึ่น์มากย์ิงขึน 

หลังจากนันน้อง ๆ ทีดููแลโปรเจกต์นัน ๆ ก็จะ 

มาดููแลในส่วนของแบบซึ่่งพาร์ทเนอร์ของผม 

ก็เข้ามาช่วย์ด้่ในส่วนคุณภาพของราย์ละเอีย์ด้ 

กับวิธีีทำางานของแบบทีจะนำาไปสือสารกับช่าง 

ก็จะมีเพือนผมเข้ามาดููแลตรงน้เป็นหลัก และ 

เมือออกไปดููงานทีไซึ่ต์ ก็จะมีผมกับเพือนสลับ 

กันไป สำาหรับน้อง ๆ ทีดููแลโปรเจกต์นัน ๆ กัน 

ก็จะเป็นคนทีดููแลเป็นหลัก 

คุุณมีแนวที่างหริ่ือปริ่ัชญาในการิ่ที่ำางาน 

ออกแบ่บ่ขึ้อง “Studio Locomotive” 

หริ่ือไม่? 

ตอนเปิด้ออฟฟิศึผมก็มีความคิด้เกีย์วกับเรือง 

เราดีีไซึ่น์ไปทำาไม จนเริมทำางานมาเรือย์ ๆ 

ผมก็ตังคำาถามต่อเน่องมา แล้วผมก็เริมเชือว่า 

จริง ๆ แล้วการออกแบบของเราก็เป็นเหมือน 

ภาษาในการสือสาร ผมว่ามันไม่มีงานออกแบบ 

หรืองานสถาปัตย์กรรมอันไหนเลย์ทีไม่สือสาร 

ในจุด้ใดสัักจุด้เลย์ บทบาทหน้าทีของเราคือ 

การนำาความสามารถของเรา เก็บรวบรวม 

เอาสิงเหล่านันมานำาเสนอถ่าย์ทอด้ออกมาให้มี 

พลังมากทีสุด้ และสามารถนำาเสนอไปกับผ่้ที 

เราต้องการสนทนา ผมไม่ค่อย์เชือว่าจะมี 

งานออกแบบทีจะต้องทำาให้ทุกคนชอบหรือว่า 

ทำาให้ทุกคนร่้สึกดีีกับตอนทีเข้ามาอย์่่ แต่ว่า 

เราต้องร่้ว่าเราทำาเรืองน้เพือสือสารกับใคร และ 

เราก็มีหน้าทีทีนำาความร่้ความสามารถน้มาช่วย์ 

ขย์าย์การสือสารเหล่านันผ่านประสบการณ์ไป 

ส่่กลุ่มเป้าหมาย์ทีเราอย์ากจะสือสารด้้วย์ สต่ด้ิโอ 

ของเราจึงไม่ได้้คิด้เป็นเรืองของร่ปแบบ หรือ 

การพย์าย์ามสร้างสไตล์ของตัวเอง แต่จะพย์าย์าม 

ทำางานโด้ย์คิดว่่าเราจะคุย์หรือสือสารเรืองน้ 

กับใคร แล้วคนเหล่าน้จะต้องสือสารอย่่างไร 

เขาจึงจะประทับใจมากทีสุด้ 

ช่วย่ย่กตััวอย่่างผลงานออกแบ่บ่ที่่รู้้้ส่้ก 

ที่้าที่าย่หริ่ือปริ่ะที่ับ่ใจัให้เริ่าฟัั งได้้หริ่ือไม่? 

เป็นงาน Hotel Gahn ทีเปิด้ไปช่วงโควิด้ครับ 

นับเป็นโปรเจกต์ทีมีความท้าทาย์ทังในเชิง 

ข้อจำกััด้ของพืนทีตั งเป็นอย่่างมาก เพราะตังอย์่่ 

บริเวณปลาย์ของเขาหลัก และถึงแม้จะติด้ 

ถนนใหญ่่แต่ก็ไม่มีวิวอะไรเลย์ ประกอบกับ 

ขนาด้ของทีดิินทีเล็ก จึงทำาให้ไม่สามารถมี 

ขนาดห ้อง รวมไปถึงสระว่าย์นำาขนาด้ใหญ่่ได้้ 

เราจึงต้องคิดว ่าจะทำาอย่่างไรให้โรงแรมขนาด้ 

เล็กน้สามารถอย์่รอด้ได้้ในพืนทีทีมีการแข่งขัน 

ส่ง เราจึงย้้อนกลับไปเริมต้นคิด้เรืองวิธีีการ 

ออกแบบว่าเราจะพููดด้้วย์ภาษาไหน กลุ่ม 

เป้าหมาย์เป็นใครทีเราอย์ากจะพููดด้้วย์ นำาไปส่่

การเลือกโฟกัสนำาเสนอเรืองวัฒนธีรรมแทน 

เรืองของทะเล จึงหยิิบเรืองของวัฒนธีรรม 

บาบ๋าย่่าหย์าทีมีต้นกำาเนิด้ในพืนทีมาปรับ 

ประยุุกต์นำาเสนอในงานออกแบบในราย์ละเอีย์ด้ 

ส่วนต่าง ๆ ของโรงแรม โด้ย์เราไม่ได้้นำส ่วน 

ร่ปแบบการตกแต่งอย่่างป่นปั้นทีเป็นร่ปลักษณ์ 

เปลือกนอกมาใช้ แต่เป็นการชีแนะเรืองของ 

ความเชือ อารมณ์ความร่้สึกทีเกิด้ขึนภาย์ใน 

พืนบ้าน สถาปัตย์กรรมร่ปแบบดัังกล่าวมา 

นำาเสนอถ่าย์ทอด้มากกว่าอีกโปรเจกต์เป็น Villa 

Qabalah ซึ่่งตังอย์่่ในบริเวณที เป็นกรีนโซึ่นของ 

ภ่เก็ต เมือล่กค้าให้เรานำาเสนอร่ปแบบพืนที 

เราจึงเสนอผ่านการสนทนาผ่านต้นไม้ ทำาพืนที 

ทีปกติเราจะไปขาย์พืนทีสนามหญ้้า แล้วเรา 

ก็ไม่มีเงินสำาหรับนำาไปจัด้การปล่กต้นไม้ให้ 

STUDIO LOCOMOTIVE 

ล่กค้า เรานำาทีดิินบริเวณดัังกล่าวขึนมาอย์่่ 

บริเวณด้้านบน ทีดิินในส่วนดัังกล่าวก็จะลด้ลง 

เราก็จะขาย์ทีดิินได้้มากย์ิงขึน แล้วทุกบ้านก็ 

จะได้้สวน และย์ิงเราเพิมจำานวนย์่นิตมากขึน 

เท่าไรก็จะตามมาด้้วยจำำานวนต้นไม้บนด้าดฟ้้า 

ทีเพิมมากย์ิงขึน ซึ่่งเป็นเรืองท้าทาย์ของบริษัท 

มากทีนำาเสนอไอเดีีย์ในร่ปแบบน้ และการนำา 

ต้นไม้ไปไว้ด้าดฟ้้าก็จะตามด้้วย์การเพิมเงิน 

ค่าโครงสร้างทีรองรับนำาหนักทีมากขึน เป็น 

ความท้าทาย์ของเราทีกล้าจะลองทำาอะไรที 

ตลาด้ไม่ได้้นิย์มทำา และพย์าย์ามจะพิส่จน์ให้ 

เห็นว่าวิธีีคิด้แบบน้ก็สามารถขาย์ได้้เช่นกัน โด้ย์ 

ทีนักลงทุนก็ไม่ได้้ขาดท ุน รวมถึงพืนทีตรงน้ 

ก็ยัังคงความน่าอย์่เพราะยัังมีต้นไม้และพืนที 

สีเขีย์วอย์่บ ้าง 

137 

คุุณได้้วางแผนหริ่ือต้ังเป้ าหมาย่ใน 

อนาคุต้ส่ำาหริ่ับ่ Studio Locomotive” 

ไว้อย่่างไริ่บ้้าง? 

จริง ๆ ตังเป้าไว้แต่แรกว่าเราจะเป็นออฟฟิศึ 

ขนาด้เล็กอย่่างน้ต่อไป โด้ย์พย์าย์ามทีจะมี 

จำานวนสมาชิกไม่เกิน 10 คน เพือทีเราจะ 

สามารถรับเลือกงานทีเราสนใจจริง ๆ อีกทัง 

ต่อไปเราก็อย์ากทำางานออกแบบทีนอกจาก 

ตอบรับความต้องการของผ่้ว่าจ้างแล้ว ก็ยััง 

ส่งผลต่อคนรอบข้างด้้วย์ และเมือโปรเจกต์ 

เหล่าน้เริมเป็นจริงขึนเรือย์ ๆ ก็จะพย์าย์าม 

ผลักดัันให้เข้มข้นขึ น และเมือโปรเจกต์โรงแรม 

และร้านอาหารเริมอย์่ตััว ก็จะเริมทำาพืนที 

แกลเลอรีเพือจัด้แสด้งผลงานของศิิลปินใน 

ท้องถิน อันน้ก็จะเป็นเป้าหมาย์ทีไม่ได้้มีอะไร 

ย์ิงใหญ่่มาก 

Hotel Gahn 

Hotel Gahn 

Thai Brasserie by Blue Elephant

138 

professional / studio 

How did “Studio Locomotive” 

start? 

I got a degree in interior design from 

King Mongkut’s Institute of Technology 

in Ladkrabang’s Faculty of Design, Art, 

and Design. I worked in a design shop in 

Bangkok after I graduated. While working 

there, I was part of a team that handled 

hotel projects. Most of the projects we 

worked on then were renovations for 

restaurants and hotels. I worked there 

for more than five years. During that time, 

I also worked on a small job renovating 

an old Phuket hotel. Since I live in Phuket, 

it gave me a chance to go back there. 

So, I quit my job and started my own 

business. Since I thought it might be 

hard to start an office by myself, I asked 

a friend who had also graduated from 

KMITL to help me set up the studio. 

At first, there were only two of us, but 

then young people started coming. 

There used to be two people doing it. 

Now, there are nine. 

How do you arrange and manage 

work for each project? 

Regarding the team’s younger members 

—those who have been with us for more 

than 1-2 years—each will have their 

project to manage, but they will still 

report to me and my partner, who cofounded 

the studio with me. I will do the 

schematic design and overall design 

direction in each project. Still, throughout 

the production phase and presentations, 

the junior members of the team will 

adopt the direction that I set to continue 

developing. Those who have prior knowledge 

and understand our design 

approach will be assigned to our office’s 

design direction to further work on the 

design. After that, the team member in 

charge of that project would come to 

take care of the designs, and my partner 

and I came to help look at the quality of 

the details and the contractor’s manner 

of working. Regarding site monitoring, 

my partner and I will alternate, as will 

the team member in charge of that 

project. 

Do you have a design approach 

or philosophy for “Studio Locomotive”? 

When opening the office, I often think 

about why we design. Even when I began 

to work continuously, I kept asking this 

question. And then, I started to believe 

that our design is a communication 

Saffron Cruise by Banyan Tree Bangkok 

Our role is to bring our abilities, collect all 

we have, and present them most effectively, 

and with the best it can be, to present to 

those we communicate with.

STUDIO LOCOMOTIVE 

139 

language. There isn’t any design or 

architecture that doesn’t communicate 

in one way or another. Our role is to 

bring our abilities, collect all we have, 

and present them most effectively. And 

with the best it can be to present to 

those we communicate with. I don’t really 

believe that there is a design that makes 

everyone feel comfortable or that makes 

everyone feel good when they move in. 

But we need to know who we are doing 

this to communicate with, and we have 

to bring this knowledge to help extend 

those communications through experience 

to those target audiences. Our 

studio, therefore, does not focus on the 

form or try to create your style. But we 

try to work by thinking about who we 

will talk to or communicate with and 

then how to communicate with these 

people to impress them. 

Can you share an example of an 

impressive or remarkable design 

project? 

It’s the Hotel Gahn, which opened during 

COVID. Since it is located at one end 

of Khao Lak, it is a challenging project 

in terms of site constraints. Even though 

it’s on a major road, there’s no view. 

Because the land is small, having a huge 

room or a large swimming pool takes 

work. So it’s critical to understand 

how we can make this little hotel profitable 

in this competitive market. Then 

we started thinking about the design 

approach—what language we would 

use and who our target audience was. 

As a result, the decision was made to 

focus on culture rather than the sea. 

We chose the theme of Baba Yaya, 

which was born in the area and has 

been modified and presented in the 

design of various hotel portions without 

employing decoration styles such as 

stucco or classical elements, which are 

outward appearances. Instead, we used 

the abstract themes of faiths, beliefs, 

and feelings in the Phuket area as the 

story to tell. 

Another project is Villa Qabalah, located 

in Phuket’s green zone. When the client 

asked us to present the layout, we 

proposed a conversation through trees. 

We used the area where we usually go 

to sell lawns, but we didn’t have money 

to manage to plant trees for customers. 

So we brought the land up to the top 

so that the land in that area would be 

reduced, we could sell more land, and 

every house would have a garden. The 

more units we add, the more trees on the 

roof we will get. This is a big challenge 

for us to present ideas this way. Bringing 

trees to the top will add more money to 

the cost of the structure as it will have 

to support more weight, but for us, it’s 

a challenge to try something out of the 

box, different from the conventional 

marketing approaches, and to prove that 

this way of thinking can be sold as well. 

The investors retain business while the 

area is livable with more trees and 

green spaces. 

Villa Qabalah 

Do you have any plans or goals 

for Studio Locomotive in the 

future? 

From the start, it was always our plan 

to stay in a small studio like this. We 

try not to have more than ten members 

so we can choose projects we’re really 

interested in. In the future, we want to 

do design work that meets the owner’s 

needs and affects the people around it. 

And as these projects get closer to being 

real, we’ll try to push harder. When the 

hotel and restaurant projects start to 

settle down, they will start building a 

gallery to exhibit the work of local artists. 

This will be a simple goal for us. 

Studio-locomotive.com

140 

chat

NATHATAI CHANSEN 

141 

หน่ งในนโยบายของคณะกรรมการบริหารสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชููปถัมภ์์ 

ชุุดปั จจุบัน คือการสร้างกิจกรรมเมืองในทุกระดับ โดยจะเป็ นสถาปนิกหรือนักศ่กษาท่ 

เร่ยนหลักสูตรสถาปั ตยกรรม มาทำก ิจกรรมต่อสังคมหรือต่อเมืองร่วมกัน ตังแต่ระดับ 

ชุุมชูน ระดับเทศบาล และระดับจังหวัด เพือร่วมกันขับเคลือนเมืองและชุุมชูนให้เป็ นไปตาม 

นโยบายของภ์าครัฐ รวมทังการส่งเสริมพัฒนาเมืองในแง่มุมต่าง ๆ เช่่นการม่ส่วนร่วม 

ในการทำาประชูาพิจารณ์ ในการขับเคลือนเมือง การร่วมแสดงความคิดเห็นและสร้าง 

นโยบายท่เก่ยวข้องกับเมือง เป็ นต้น 

ผศ. ณธทัย จันเสน 

อุปนายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ 

ฝ่ ายกิจกรรมเมือง และนโยบายสาธารณะ 

อาษา: ฝ่ ายกิจกรรมเมืองและนโยบายสาธารณะ 

ของคณะกรรมการบริหารชุดนี้มีวิสัยทัศน์และ 

นโยบายอย่างไร 

ผศ. ณธทัย จันเสน: ตามนโยบายหลักของทางสมาคมฯ 

ในคณะกรรมการบริหารชุดของนายกชนะ สัมพลัง เราจะ 

เน้นเรื่องของการสร้างกิจกรรมในทุกระดับ โดยจะเป็นการ 

ร่วมกันหรือขอความร่วมมือจากสถาปนิกไปและนักศึกษา 

ที่เรียนหลักสูตรสถาปัตยกรรมทั่วไป ที่จะมาทำากิจรรม 

ต่อสังคมหรือต่อเมืองร่วมกันในทุก ๆ ระดับ ตั้งแต่ระดับชุมชน 

ระดับเทศบาล และระดับจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนเมืองและ 

ชุมชนให้เป็นไปตามนโยบายของภาครัฐ หรือแม้แต่การ 

ส่งเสริมในแง่มุมต่าง ๆ ที่สมาคมฯ ของเราอยากผลักดัน 

ด้วยการริเริ่มโครงการต่าง ๆ ขึ้นมา โดยใช้กำาลังคนจาก 

สมาคมฯ ของเราและนักศึกษาที่มีความสนใจมาช่วยกัน 

ขับเคลื่อนโครงการตรงนี้ให้ประสบผลสำาเร็จ 

อาษา: โครงการหรือส่วนงานในปั จจุบันที่ฝ่ าย 

กิจกรรมเมือง และนโยบายสาธารณะ ดูแลอยู่มี 

ส่วนใดบ้าง 

ผศ. ณธทัย จันเสน: ณ ปัจจุบันก็จะมีอยู่ 2 ส่วนหรือ 

2 รูปแบบหลัก ๆ ที่ฝ่ายของเราดูแลอยู่ ส่วนแรกก็คือกิจกรรม 

ที่สมาคมฯ ของเราริ่เริมขึ้นมาเอง ซึ่งพอเราคิดโครงการ 

อะไรขึ้นมาแล้วเราก็จะทำาหน้าที่เป็นเหมือนสื่อกลางระหว่าง 

กลุ่มคนต่าง ๆ เช่น สถาปนิก นักศึกษา ชุมชน รวมถึง 

หน่วยงานของภาครัฐด้วย เพื่อจัดกิจกรรมนั้น ๆ ขึ้น สำ าหรับ 

อีกส่วนก็จะเป็นส่วนงานกิจวัตรที่เราจะทำาร่วมกับภาครัฐ 

อยู่แล้ว คือมันก็จะมีโครงการจากภาครัฐหลายส่วนที่มา 

ขอความร่วมมือจากสมาคมฯ ของเรา ให้เข้าไปช่วยให้ 

คำาปรึกษา เพื่อหาแนวทางการพัฒนาเพื่อชุมชนและสังคม 

อาษา: หากให้ยกตัวอย่างโครงการที่ผ่านมา 

รวมถึงโครงการที่คาดว่าอาจจะมีการส่งต่อไป 

ยังคณะกรรมการชุดต่อไปเร็ว ๆ นี้ มีโครงการ 

ใดที่น่าสนใจบ้าง 

ผศ. ณธทัย จันเสน: ตัวอย่างกิจกรรมและโครงการที่ 

ผ่านมา เช่น เมืองเก่านาเกลือที่พัทยา ก็เป็นกิจกรรมหนึ่ง 

ที่มีประเด็นเกี่ยวกับเมืองและชุมชนโดยตรง ในงานก็จะมี 

กิจกรรมเวิร์คช็อป จัดอบรม และสร้างผลงานจัดแสดงขึ้น 

เพื่อเผยแพร่ข้อมูลให้กับประชาชนทั่วไปได้รับทราบและ 

การหาแนวทางพัฒนาเมืองร่วมกัน หรืออีกโครงการที่ 

น่าสนใจก็น่าจะเป็นโครงการเชิงอนุรักษ์เมือง ตรงนี้เป็น 

โครงการที่สมาคมฯ เราริเริ่มขึ้นมาเองแต่ก็ไปร่วมมือกับ 

ทางภาครัฐด้วย เพื่อให้การดำาเนินงานและการขับเคลื่อน 

เป็นไปอย่างดี รวมถึงตอบวัตถุประสงค์ของโครงการได้ 

พร้อม ๆ กัน เพราะโครงการอะไรก็ตามที่เข้าไปเกี่ยวข้อง 

กับเมืองและชุมชน เราก็จำาเป็นต้องมีกำาลังคนจากหลาย 

ภาคส่วนเข้ามาช่วย แค่สมาคมฯ สถาปนิก และนักศึกษาก็ 

อาจจะไม่เพียงพอ

142 

chat 

อีกทั้งหลังจากที่เราได้ริเริ่มโครงการอนุรักษ์เมืองขึ้นมาแล้ว พอทางภาค 

รัฐได้เห็นว่าเรากำาลังตั้งใจทำาอะไร ก็กลายเป็นว่าภาครัฐบางภาคส่วน 

ก็ได้เข้ามาขอร่วมหารือด้วย อย่างเมืองเก่าแก่งคอย ก็มาหารือว่าจะทำา 

อย่างไรให้มีคนเข้าไปทำากิจกรรมหรือเข้าไปดูงานในส่วนนั้นเหมือนที่เรา 

เคยจัดกิจกรรมในพื้นที่อื่น ๆ บ้าง เราก็จะนำากลับมาวางแผนว่าจะจัด 

กิจกรรมรูปแบบไหนดี เช่น เป็นกิจกรรมเวิร์คช็อปหรือการจัดประกวด 

ถ้าอย่างการจัดประกวดทางสมาคมฯ ก็จะมีบทบาทหลักเป็นฝ่ายเชิญชวน 

คนเข้ามาทำาประกวดแบบและมาร่วมงานต่าง ๆ คืองานประเภทพวก 

นี้ก็จะมีเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการบริหารชุดไหนนอกจาก 

งานที่เป็นกิจวัตรตามที่ได้แจ้งไปข้างต้นแล้ว ก็จะมีโครงการอื่น ๆ แทรก 

เข้ามาเรื่อย ๆ แบบนี้สลับไป 

อาษา: ด้วยที่กิจกรรมมีทั้งแบบกิจวัตรและที่แทรกเข้ามา 

ระหว่างปี เรื่อย ๆ อยากทราบว่าฝ่ ายกิจกรรมเมือง และ 

นโยบายสาธารณะ มีการจัดปฏิทินกิจกรรมอย่างไรบ้าง 

เพื่อให้สมาชิกสมาคมฯ ได้ติดตาม 

ผศ. ณธทัย จันเสน: กิจกรรมที่เป็นส่วนกิจวัตรส่วนใหญ่จะเป็นพวก 

การทำาประชาพิจารณ์ของเมืองกับทางภาครัฐมากกว่าว่าการขับเคลื่อน 

เมืองจะไปในทิศทางไหน ซึ่งเราก็จะเข้าไปเป็นกรรมการในการแสดง 

ความคิดเห็นและร่วมสร้างนโยบายบางอย่างที่เกี่ยวกับเมือง คือจะเป็น 

ส่วนงานในระดับใหญ่ที่ทางสมาชิกอาจจะไม่ได้มาติดตามมากว่าเราก็ 

เข้ามามีบทบาทตรงนี้อยู่ เช่น TOD ในการสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าความเร็วสูง 

ตรงนี้ภาครัฐเค้าก็ดึงเราเข้าไปร่วมหารือด้วยเหมือนกัน เพื่อหาข้อคิดเห็น 

ว่าหากรถไฟฟ้าวิ่งผ่านเมืองตรงนี้แล้วจะเป็นอย่างไร ทางสมาคมฯ เรา 

คิดเห็นอย่างไร และยังมีโครงการอื่น ๆ อีกที่เราต้องเข้าไปทำ าประชาพิจารณ์ 

เดือน ๆ หนึ่งมีเฉลี่ยประมาณ 3 - 5 ครั้ง ที่เราต้องส่งตัวแทนเข้าร่วม 

ประชุมเป็นพันธกิจหลัก 

ส่วนกิจกรรมที่สมาชิกสามารถติดตามกันได้ขอเรียกว่าเป็นกิจกรรม 

เชิงแอคทีฟ เช่น พวกเวิร์คช็อป และกิจกรรมประกวดต่าง ๆ ในแต่ละปี 

ก็จะจัดขึ้นประมาณ 7 -10 กิจกรรม แบ่งเป็นกิจกรรมที่เน้นการมีส่วนร ่วม 

ของกลุ่มนักศึกษาประมาณ 2 - 3 กิจกรรม กิจกรรมทั่ว ๆ ไปอีก 

2 กิจกรรม และกิจกรรมที่เป็นกิจกรรมใหญ่ประมาณ 3 - 5 กิจกรรม 

แล้วแต่ปีไป กิจกรรมที่เป็นเชิงแอคทีฟพวกนี้สมาชิกสมาคมฯ สามารถ 

เข้ามามีส่วนร่วมได้หมดเลย ซึ่งก็จะมีการประกาศผ่านสื่อของสมาคมฯ 

ให้ได้รับทราบกันแต่ละช่องทางอยู่แล้ว 

อาษา: ด้วยที่รูปแบบของกิจกรรมเมือง และนโยบาย 

สาธารณะ ดูหนักเน้นไปที่การขอความร่วมมือจากกลุ่ม 

นักศึ กษา และอาจครอบคลุมการทำางานในหลาย ๆ 

จังหวัด ตรงนี้ฝ่ ายกิจกรรมเมือง และนโยบายสาธารณะ 

ได้มีการทำางานร่วมกับกรรมาธิการส่วนภูมิภาคด้วย 

หรือไม่ อย่างไร 

ผศ. ณธทัย จันเสน: มีแน่นอน โดยปกติเวลามีกิจกรรมอะไรนอกจาก 

เราจะประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อกลางแล้ว เราก็ยังกระจายข่าวและขอความ 

ร่วมมือจากส่วนภูมิภาคด้วยเหมือนกัน หรือแม้แต่เวลาส่วนภูมิภาค 

มีกิจกรรมอะไร ก็มีการติดต่อเข้ามาหารือกัน ช่วย ๆ กันตลอด อย่าง 

ฝั่งกรรมาธิการสถาปนิกบูรพาเมื่อปีที่แล้ว ก็ประสานมาทางเราให้ไป 

ช่วยดูโครงการนาเกลือที่พัทยา ซึ่งอันนี้เป็นกิจกรรมนักศึกษาโดยตรงเลย 

โดยจะเป็นการดึงสถาปนิกในพื้นที่และสถาปนิกส่วนอื่น ๆ เข้าไปเป็น 

เมนเทอร์ให้กับนักศึกษา 

อาษา: ก่อนเปลี่ยนผ่านคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ 

ฝ่ ายกิจกรรมเมือง และนโยบายสาธารณะ ยังมีกิจกรรม 

อะไรที่กำาลังจะจัดขึ ้นเร็ว ๆ นี้อีกไหม 

ผศ. ณธทัย จันเสน: ถ้าเป็นเร็ว ๆ นี้ก็น่าจะเป็นกิจกรรมที่จังหวัดตรัง 

เป็นกิจกรรมเชิงพัฒนาชุมชน เราจะเข้าไปจัดเวิร์คช็อปให้กับสถาปนิก 

และนักศึกษาได้ทำากิจกรรมร่วมกัน โดยจะจัดขึ้นประมาณช่วงเดือน 

กุมภาพันธ์ แล้วก็จะมีโครงการจากทางกรรมาธิการสถาปนิกล้านนา 

ที่ประสานเข้ามาด้วยเหมือนกัน เป็นโครงการเก็บข้อมูลรังวัดตัวอาคารที่ 

มีคุณค่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตรงนี้ก็กำาลังรอกำาหนดการอยู่ คงจะมี 

การประชาสัมพันธ์ทางสื่อสมาคมฯ ช่วงต้นปี 2567 ที่จะถึงนี้ 

อาษา: ช่วยทิ ้งท้ายถึงนักศึกษา สถาปนิก และประชาชนทั่วไป 

เกี่ยวกับมุมมองของกิจกรรมพัฒนาเมืองและชุมชนสั้น ๆ 

ผศ. ณธทัย จันเสน: กิจกรรมพัฒนาเมืองและชุมชนก็คงตรงตัวอยู่แล้ว 

คือการมาร่วมกันขับเคลื่อนและสร้างประโยชน์ให้กับสังคมของเราใน 

แต่ละระดับ โดยนอกจากผู้ที่ประกอบวิชาชีพสถาปนิกอย่างเรา ๆ จะช่วย 

นำาองค์ความรู้ที่มีมาร่วมแสดงความคิดเห็นหรือหารือแนวทางและทิศทาง 

ต่าง ๆ แล้ว เราก็ยังอยากได้แนวคิดใหม่ ๆ จากคนรุ่นใหม่รวมถึงแรงกาย 

แรงใจจากกลุ่มนักศึกษามาร่วมกันพัฒนาเมืองของเราตรงนี้ด้วย โดย 

ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยใด จังหวัดอะไร 

ทุกคนก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ตามแต่ละโครงการที่จัดขึ้น 

หรือในบางโครงการก็ต้องการผู้มีประสบการณ์ในด้านอื่น ๆ มาช่วยกัน 

ขับเคลื่อน เช่น อาคารเก่าในจังหวัดต่าง ๆ ที่จะทำาการอนุรักษ์ เราก็จะมี 

หลายภาคส่วนมาช่วยกันตัดสินใจว่าจะบูรณะใหม่ ทุบทิ้ง หรือจะทำา 

อย่างไรต่อดี เพื่อให้ เกิดคุณค่าและความคุ้มค่ากับเมืองมากที่สุด พอเป็น 

อะไรที่ไปแตะกับเรื่องเมืองและชุมชน จริง ๆ ค่อนข้างละเอียดอ่อน 

เหมือนกันเพราะก็จะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยบ้าง แต่อย่างไรก็ดี 

วัตถุประสงค์และนโยบายหลักของเราคือการสร้างประโยชน์เพื่อสังคม 

ดังนั้นเราต้องแสดงให้ทุกฝ่ายเห็นให้ชัดเจนว่าเรากำาลังตั้งใจจะทำาอะไร 

ก็อยากเชิญชวนสถาปนิกและนักศึกษาคนรุ่นใหม่มาร่วมกิจกรรมกัน 

เยอะ ๆ มาช่วยกันผลักดันและขับเคลื่อนภาพลักษณ์สังคมของเราให้ 

ไปในทิศทางที่ดีขึ้น และต่อยอดแนวทางการพัฒนาเมืองทั้งโครงการ 

ของสมาคมฯ ก็ดี หรือโครงการอื่น ๆ ของภาคส่วนอื่นต่อไปข้างหน้า 

กันเรื่อย ๆ

143

144 

the last page 

จิณณวัตร 

บริหารกิจอนันต์ 



สถาบันเทคโนโลยี 

พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร 

ลาดกระบัง สาขาวิชาการ 

ถ่ายภาพ ปั จจุบันเป็ น 

ช่างภาพเฉพาะทางด้าน 

สถาปั ตยกรรม 

Jinnawat 

Borihankijanan, 

graduated from the 

Faculty of Architecture, 

King Mongkut’s Institute 

of Technology, Ladkrabang, 

majoring in photography. 

Currently, he is 

a photographer specializing 

in architectural 

photography. 

Photo: Jinnawat Borihankijanan 

เวลาผ่านไป รู้สึกสาธารณะน้อยลง 

ความต้องการที่สวนทางกับทรัพยากรที่ใช้งานได้ ในการใช้ชีวิตที่ 

ทุกอย่างถูกจับจอง บีบอัด และกักเก็บ น้ำาที่ดื่มได้อยู่ในขวด 

พลาสติก อากาศคุณภาพที่อยู่ในภายในอาคารที่เต็มไปด้วย 

เครื่องปรับอากาศ แม้แต่พื้นที่ยืน นั่ง หรือทำากิจกรรม ที่อาจจะ 

ต้องแลกมาด้วยเครื่องดื่มสักแก้ว จำาไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ 

ไม่ได้จ่ายเพื่อสิ่งเหล่านี้คือเมื่อไหร่ 

As time goes on, it feels less public. 

Demands that run counter to available resources in a life 

where everything is captured, compressed, and stored. 

Drinkable water is contained in plastic bottles—quality 

air in buildings filled with air conditioners. Even areas for 

standing, sitting, or doing activities, may have to be traded 

for a glass of coffee or drink. It’s been too long to remember 

the last time we didn’t have to pay for these things

ASA Journal 15/2023

You also want an ePaper? Increase the reach of your titles

Delete template?

Save as template?