Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
เยอรมนีและญี่ปุ่นสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจของตัวเองขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
ในระหว่างปี ค.ศ. 1960-1970
อุตสาหกรรมการผลิตของญี่ปุ่นต้องล้มระเนระนาดหลังสงครามแต่
ด้วยสนธิสัญญาซานฟรานซิสโก บริษัทผู้ผลิตทั้งหลายของญี ่ปุ่นต่างหันมาพึ่ง
เทคโนโลยีการผลิตจากสหรัฐอเมริกาเพื่อสร้างอุตสาหกรรมต่างๆ ขึ้นมาภายใน
ประเทศ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (Ministry of International
Trade Industry : MITI) ได้เป็นผู้นำาหลักในการผลักดันอุตสาหกรรมและ
การค้าให้ฟื้นตัว อิชิบาชิ คือหนึ่งในผู้นำาที่ MITI ขอร้องให้มาช่วยเจรจา
เทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะเทคโนโลยีการผลิตยางสังเคราะห์
ในระหว่างสงครามเกาหลี (ปี ค.ศ. 1952-1953) ความต้องการยาง
มีมากขึ้นทำาให้ราคายางธรรมชาติและยางสังเคราะห์ต่างถีบตัวสูงขึ้น
เป็นอย่างมากด้วยสนธิสัญญาซานฟรานซิสโก รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการช่วย
ฟื้นฟูเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น MITI กระตุ้นให้เอกชนหันมาสนใจ
การผลิตยางสังเคราะห์ให้เกิดขึ้นภายในประเทศ รัฐบาลญี่ปุ่นส่งตัวแทน 12 คน
ไปเยือนโรงงานอุตสาหกรรมยางสังเคราะห์ในสหรัฐอเมริกา หลังจาก
เยี่ยมชมโรงงานถึง 3 เดือนผู้แทนต่างลงความคิดเห็นว่าเทคโนโลยีดั้งเดิม
ของญี่ปุ่นในการผลิตยางสังเคราะห์ที่เริ่มต้นจากแอลกอฮอล์ไม่ใช่
เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าการใช้วัตถุดิบจากการ
กลั่นน้ำามัน ฉะนั้นสิ่งแรกที่รัฐบาลญี่ปุ่นต้องรีบสนับสนุนคือตั้งโรงกลั่นน้ำามัน
ในปี ค.ศ. 1954-1955 มิตซูบิชิ (Mitsubishi) และ มิตซุย (Mitsui) เร่งก่อสร้าง
โรงกลั่นน้ำามันขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานภายในประเทศและ
เป็นแหล่งผลิตแนฟทา (naphtha) ซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นของปิโตรเคมีอีกด้วย
อิชิบาชิได้ไปเยือนกู๊ดเยียร์หลายครั้งซึ่งนำามาสู่การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต
ล้อรถยนต์จากกู๊ดเยียร์ ในขณะที่ โยโกฮามา รับเบอร์ (Yokohama Rubber)
ขอความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์จากบีเอฟกู๊ดริช
31