สามหอไตร เล่มที่ 1 : หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
<strong>สามหอไตร</strong> <strong>เล่มที่</strong>ี่๑<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
<strong>สามหอไตร</strong> <strong>เล่มที่</strong>ี่๑<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย<br />
สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์
สารจากนายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์<br />
ภารกิจทางด้านการอนุรักษ์มรดกสถาปัตยกรรมถือเป็นอีกบทบาท<br />
หนึ่งที่สำคัญของสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่มีการ<br />
ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยถูกกำหนดให้เป็นพันธกิจใน<br />
ด้านงานอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมเพื่อมุ่งส่งเสริมการอนุรักษ์งาน<br />
สถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์<br />
สถาปัตยกรรมในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานสถาปัตยกรรมไทย<br />
ประเพณี อันเป็นการสืบทอดเจตนารมณ์ทางด้านการอนุรักษ์ของสมาคม<br />
สถาปนิกสยามฯ ที่มีมาตั้งแต่ก่อตั้งสมาคม<br />
สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มีการแต่งตั้งคณะ<br />
กรรมาธิการซึ่งประกอบด้วยบุคลากร ทั้งข้าราชการและเอกชนที่มีความรู้<br />
ความเชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์งานศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม เรียกว่า<br />
กรรมาธิการอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรม ทำหน้าที่ประสานความร่วมมือ<br />
กับองค์กรเครือข่ายการอนุรักษ์สถาปัตยกรรม ในด้านงานอนุรักษ์ศิลป<br />
สถาปัตยกรรม ทั้งที่เป็นงานสถาปัตยกรรมไทยประเพณี สถาปัตยกรรม<br />
พื้นถิ่น และสถาปัตยกรรมแบบสากล อีกทั้งยังส่งเสริมกิจกรรมในการบริหาร<br />
จัดการข้อมูลมรดกสถาปัตยกรรมและการอนุรักษ์ ทั้งในเรื่องรางวัลอนุรักษ์<br />
ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่นที่ริเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๕ มาจนถึงเรื่องราว<br />
ต่างๆ ตามกระแสแนวความคิดของการอนุรักษ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตาม<br />
ยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น ด้านการอนุรักษ์ชุมชน<br />
หรือสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์น ที่มีการจัดพิมพ์เอกสารวิชาการเผยแพร่<br />
มาเป็นระยะๆ<br />
เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานสถาปัตยกรรมไทย<br />
ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการอนุรักษ์ด้านสถาปัตยกรรมไทยประเพณีขึ้น<br />
เป็นการเฉพาะ จากการดำเนินการที่ผ่านมาโดยทั่วไปที่ได้เน้นที่การเผยแพร่<br />
ให้สาธารณะมีความเข้าใจในความสำคัญของศิลปสถาปัตยกรรม เพื่อให้เกิด<br />
ความรัก หวงแหน และช่วยกันรักษาให้คงอยู่ต่อไป มาสู่การดำเนินการ<br />
อนุรักษ์สถาปัตยกรรมไทยอย่างเป็นรูปธรรม หลังจากที่สมาคมสถาปนิกสยามฯ<br />
ได้เคยริเริ่มดำเนินการไว้ตั้งแต่ช่วงเริ่มก่อตั้งสมาคมฯ ในโครงการ<br />
บูรณปฏิิสังขรณ์หอพระไตรปิฎก วััดระฆัังโฆสิิตารามวัรมหาวิิหาร<br />
ด้วยการทำงานแบบอาสาสมัครในโครงการอนุรักษ์์หอพระไตรปิฎก<br />
วััดเทพธิิดารามวัรวิิหาร ต่อด้วยงานล่าสุดที่ โครงการอนุรักษ์์หอพระไตรปิฎก<br />
วััดอัปสรสวัรรค์วัรวิิหาร<br />
ผลสำเร็จจากการดำเนินการโครงการอนุรักษ์งานสถาปัตยกรรมไทย<br />
ประเพณี ซึ่งบังเอิญเป็นหอพระไตรปิฎกทั้ง ๓ หลัง ตั้งแต่อดีตมาจนถึง<br />
ในปัจจุบันนี้ ได้นำไปสู่การจัดทำหนังสือชุด “<strong>สามหอไตร</strong>” ชุดนี้ขึ้น เพื่อ<br />
บอกเล่าเรื่องราว บทบาทของสมาคมสถาปนิกสยามฯ ในด้านการอนุรักษ์<br />
สถาปัตยกรรม ตลอดจนที่มาและกระบวนการของการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎก<br />
และความภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมดำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์<br />
ทางสถาปัตยกรรมของชาติไทย<br />
นายชนะ สัมพลัง<br />
นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์<br />
2<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
สารจากอุปนายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมป์<br />
ประธิานกรรมาธิิการอนุรักษ์์ศิลปสถาปัตยกรรม ด้านสถาปัตยกรรมไทยประเพณี<br />
จากจุดเริ่มต้น ... “โครงการบูรณปฏิิสังขรณ์หอพระไตรปิฎกวัดระฆััง<br />
โฆสิิตารามวรมหาวิหาร” ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของการดำเนินการด้านการอนุรักษ์<br />
มรดกทางสถาปัตยกรรมของสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์<br />
ที่พิจารณาเห็นว่าได้มีการรื้อถอนโบราณสถาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน<br />
วัดวาอารามกันมากขึ้นจนเหลือกำลังที่ทางราชการจะดูแลรักษาให้ทั่วถึงได้<br />
แต่เพียงฝ่่ายเดียว กลายเป็นที่มาของคณะกรรมาธิการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม<br />
ของสมาคมสถาปนิกสยามฯ ในวันนี้ สมาคมสถาปนิกสยามฯ ก็ได้มีการ<br />
ดำเนินการในรูปแบบต่างๆ ทั้งการรณรงค์ นำเสนอความคิดเห็น ประชาสัมพันธ์<br />
และให้รางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่นเพื่อเป็นการให้กำลังใจ<br />
ในทุกกระบวนการของการอนุรักษ์มรดกทางสถาปัตยกรรมเรื่อยมา<br />
สี่สิบปีผ่านไป... จึงได้เกิดโครงการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมอย่างเป็น<br />
รูปธรรมขึ้นอีกครั้ง โดยมุ่งให้เป็นการนำเสนอบทบาทของวิชาชีพสถาปนิก<br />
ต่อสังคม ตามแนวคิดที่ว่า “สถาปนิกไทย มีหน้าทีอนุรักษ์์และสืบสาน<br />
สถาปัตยกรรมไทย” ได้มีการแต่งตั้ง “คณะกรรมาธิการอนุรักษ์ศิลป<br />
สถาปัตยกรรม ด้านสถาปัตยกรรมไทยประเพณี” ขึ้นเป็นพิเศษให้ที่มีหน้าที่<br />
ดูแลงานสถาปัตยกรรมไทยประเพณีโดยตรง และมีเป้าหมายให้สมาชิก<br />
ของสมาคมฯ และสาธารณชนมีส่วนร่วมในด้านต่างๆ ของการอนุรักษ์<br />
สถาปัตยกรรมไทยให้มากที่สุด เกิดเป็นโครงการ “อาษ์า อาสา สถาปัตยกรรมไทย”<br />
และนำมีการทำงานร่วมกันใน “โครงการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎกวัดเทพธิดา<br />
รามวรวิหาร” เป็นโครงการแรก เพื่อทำการบูรณะให้ถูกต้องครบถ้วนตาม<br />
ขั้นตอนของการอนุรักษ์ ให้เป็นตัวอย่างของอาคารที่มีการอนุรักษ์อย่างถูกต้อง<br />
และมุ่งหวังให้ผู้ประกอบวิชาชีพสถาปนิกได้มีส่วนร่วมในการบำเพ็ญ<br />
ประโยชน์ในครั้งนี้ ผ่านกระบวนการการเรียนรู้วิธีการในการทำแบบอนุรักษ์<br />
และการคุมงานอนุรักษ์ จากการลงมือปฏิิบัติจริง ด้วยเหตุผลที่โครงการนี้<br />
มีการแสดงออกอย่างเด่นชัดของการสนับสนุนของสาธารณชนจากทุก<br />
ภาคส่วนของสังคมไทย ฝ่่ายสงฆ์์ และชุมชนโดยรอบวัด เป็นแบบอย่างของ<br />
การใช้เทคนิคช่างและวัสดุตามประเพณีดั้งเดิม สมกับคุณค่าความสำคัญของ<br />
ความเป็นพระอารามหลวง ในกระบวนการการอนุรักษ์ยังได้มีการค้นคว้า<br />
ศึกษาวิจัย และมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดโครงการทำให้ทำให้ได้รับ<br />
รางวัล UNESCO Asia-Pacific Heritage Award ใน พ.ศ. ๒๕๕๔<br />
ล่าสุด ... หลังจากความสำเร็จที่ได้รับ สมาคมสถาปนิกสยามฯ ได้<br />
เดินหน้าโครงการต่อไปที่วัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร ในการจัดตั้งโครงการ<br />
อนุรักษ์งานสถาปัตยกรรมไทยประเพณีอย่างต่อเนื่องซึ่งก็บังเอิญว่าเป็น<br />
อาคารหอพระไตรปิฎกอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นอาคารไม้ทั้งหลังที่ตั้งอยู่กลาง<br />
สระน้ำ นอกจากความงามทางสถาปัตยกรรมที่จะได้บันทึกและนำไปสู่<br />
การบูรณะ การศึกษาเทคนิคเชิงช่างและวัสดุที่แตกต่างไปจากโครงการแรก<br />
ก็เป็นสิ่งที่ได้นำมาใช้ในการพิจารณาเลือกสถานที่ในการทำโครงการนี้ นับจาก<br />
จุดเริ่มต้นก็รวมได้<strong>สามหอไตร</strong> อาคารสามหลังที่สร้างขึ้นในพุทธสถานเพื่อใช้<br />
เก็บรักษาพระไตรปิฎกสิ่งสำคัญทางพระพุทธศาสนา และเป็นตัวแทนของ<br />
ผลงานสถาปัตยกรรมไทยที่ทรงคุณค่า<br />
การรวบรวมข้อมูลจัดทำเป็น หนังสือชุด “<strong>สามหอไตร</strong>” จึงถือเป็น<br />
บทสรุปของโครงการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎกทั้งสามหลัง และเป็นตัวแทน<br />
ถ่ายทอดเรื่องราวของการดำเนินการอนุรักษ์ของสมาคมสถาปนิกสยาม<br />
ในพระบรมราชูปถัมภ์ นับตั้งแต่ปฐมบทที่วัดระฆัังโฆส ิตาราม มาถึงการ<br />
ฟื้้นฟืู้ขึ้นอีกครั้งที่วัดเทพธิดาราม และการสานต่อมายังวัดอัปสรสวรรค์<br />
เป็นการบอกเล่ากระบวนการอนุรักษ์ และรวบรวมวิธีการดำเนินการอนุรักษ์<br />
หอพระไตรปิฎก ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันทั้งสามหลังเพื่อให้ได้เห็นถึงความ<br />
หลากหลายของรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยและในการอนุรักษ์โบราณสถาน<br />
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ช่วยให้เป็นการจุดประกายนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อ<br />
สานต่อแนวคิดในการอนุรักษ์งานสถาปัตยกรรมไทยที่มีคุณค่าให้คงสืบต่อไป<br />
ดร.วส ุ โปษ์ยะนันทน์<br />
อุุปนายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์<br />
พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๓<br />
ประธานกรรมาธิการอน ุรักษ์์ศิลปสถาปัตยกรรม<br />
ด้้านสถาปัตยกรรมไทยประเพณีี พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๗<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย<br />
3
คานำ<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆส ิตาราม ปฐมบทอาษ์า อาสา สถาปัตยกรรมไทย<br />
วัดระฆัังโฆส ิตารามวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิด<br />
วรมหาวิหาร เป็นวัดโบราณแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เดิมเรียกว่า<br />
วัดบางหว้าใหญ่คู่กับวัดบางหว้าน้อยหรือวัดอมรินทราราม สมเด็จพระเจ้า<br />
ตากสินมหาราชได้ทรงบูรณปฏิิสังขรณ์พร้อมทั้งยกฐานะขึ้นเป็น<br />
พระอารามหลวงตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์<br />
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟื้้าจุฬาโลกฯ ได้ทรงบูรณปฏิิสังขรณ์ครั้งใหญ่<br />
และได้ขุดพบระฆัังลูกหนึ่งปรากฏมีีเสียงไพเราะกังวานมาก และได้<br />
พระราชทานนามใหม่หลังบูรณะเสร็จเรียบร้อยว่า “วัดระฆัังโฆส ิตาราม”<br />
ภายในวัดยังมีอาคารที่สำคัญมากได้แก่ หอพระไตรปิฎก หรือที่เรียกว่า<br />
“ตำหนักจันทน์” กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นโบราณสถานสำคัญ<br />
ของชาติ ใน พ.ศ. ๒๔๙๒ เดิมเคยเป็นพระตำหนักและหอประทับนั่ง<br />
ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟื้้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อครั้งทรงรับ<br />
ราชการเป็นที่พระราชวรินทร์ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช<br />
ที่โปรดเกล้าฯ ให้รื้อมาถวายวัดเพื่อใช้เป็นหอพระไตรปิฎก<br />
หอพระไตรปิฎกหลังนี้ได้ชำรุดทรุดโทรมลงโดยลำดับ แม้ว่าทาง<br />
วัดและกรมศิลปากรจะได้พยายามบูรณปฏิิสังขรณ์ แต่ก็ยังขาดในเรื่อง<br />
งบประมาณ อีกทั้งในการบูรณะนั้นยังต้องการผู้มีความชำนาญ ทั้งทาง<br />
สถาปัตยกรรม จิตรกรรม และอื ่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยเหตุที่ภายใน<br />
หอพระไตรปิฎกแห่งนี้ประดับด้วยจิตรกรรมฝ่าผนังที่มีความเป็นเลิศ ผลงาน<br />
ของพระอาจารย์นาค จิตรกรเอกในสมัยรัชกาลที่ ๑ เพื่อให้การอนุรักษ์<br />
เป็นไปตามหลักการที่ถูกต้อง สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์<br />
จึงได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิชาการสาขาอนุรักษ์ศิลปกรรมขึ้น เพื่อให้กลุ่ม<br />
ชนทั้งนอกและในราชการร่วมกันคอยอนุรักษ์ศิลปกรรมของชาติ ได้ร่วมมือ<br />
กับทางวัดระฆัังโฆส ิตาราม ในการบูรณปฏิิสังขรณ์หอพระไตรปิฎกขึ้นใหม่<br />
เพื่อรักษาความเป็นอาคารสำคัญทางศิลปะและประวัติศาสตร์ไว้ และเป็น<br />
แบบอย่างให้ในอีก ๔๐ ปีต่อมาที่สมาคมสถาปนิกสยามฯ ได้แต่งตั้งคณะ<br />
กรรมาธิการอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรม ด้านสถาปัตยกรรมไทยประเพณีขึ้น<br />
และมีโครงการอนุรักษ์งานสถาปัตยกรรมไทยอย่างเป็นรูปธรรมอีกครั้ง<br />
เพื่อให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการอนุรักษ์หอไตรวัดระฆัังโฆส ิตาราม<br />
อย่างครบถ้วน จึงได้ถือโอกาสนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการ<br />
อนุรักษ์ในครั้งนั้น ได้แก่ หนังสือ “ภาพเขียนในหอพระไตรปิฎกวัดระฆััง”<br />
และ หนังสือ “หอพระไตรปิฎก วัดระฆัังโฆสิิตาราม” มานำเสนอใน<br />
ภาคผนวกด้วย<br />
คณะกรรมาธิการอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรม ด้านสถาปัตยกรรม<br />
ไทยประเพณี สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมป์สำนึกใน<br />
พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช<br />
และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ<br />
สยามบรมราชกุมารี (พระราชอิศริยยศ พระอิศริยยศ ในขณะนั้น) ที่ทรง<br />
ให้การสนับสนุนโครงการมาตั้งแต่เริ่มต้น ขอขอบพระคุณผู้มีส่วนร่วม<br />
ในการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎกวัดระฆัังโฆส ิตารามทุกท่าน นับตั้งแต่<br />
หม่อมเจ้ายาใจ จิตรพงศ์ ประธานอนุกรรมการบูรณปฏิิสังขรณ์<br />
หอพระไตรปิฎก อาจารย์เฟื้้อ หริพิทักษ์ อาจารย์นิจ หิญชีระนันทน์<br />
อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ดร.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ตลอดจน<br />
หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่สนับสนุนทั้งแรงกาย แรงใจ และ<br />
งบประมาณในการดำเนินการอนุรักษ์ที่ทำให้การบูรณะหอพระไตรปิฎก<br />
วัดระฆัังโฆสิิตารามเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของโครงการอนุรักษ์ของ<br />
กรรมาธิการอนุรักษ์ศิลปกรรม สมาคมสถาปนิกสยามฯ ที่หอพระไตรปิฎก<br />
วัดเทพธิดารามวรวิหารและวัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร เป็นต้นแบบให้<br />
พวกเรารุ่นหลังได้เจริญรอยตามเพื่อรักษามรดกทางวัฒนธรรมของชาติ<br />
ไว้สืบต่อไป รวมทั้งขอขอบคุณทำนุ หริพิทักษ์ และบริษัทเชลล์ (ประเทศไทย)<br />
จากัด ในการที่ได้ขอนาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ หอไตรวัดระฆััง<br />
โฆส ิตารามในครั้งนั้นมาตีพิมพ์ในภาคผนวกของหนังสือ เล่มนี้อีกครั้งด้วย<br />
4<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
สารบัญ<br />
๖<br />
บทนำ<br />
๘<br />
บทท่ ๑ จุุดเร่มต้นท่หอไตรวััดระฆััง<br />
๕๒<br />
บทท่ ๒ ก่อตังกรรมาธิิการสถาปัตยกรรมไทยประเพณีี<br />
๕๘<br />
บทท่ ๓ จุากหอไตรวััดระฆัังส่หอไตรวััดเทพธิิดา...<br />
จุากหอไตรวััดเทพธิิดาส่หอไตรวััดอัปสรสวัรรค์์<br />
๗๕<br />
๗๖<br />
๑๓๐<br />
บรรณานุกรม<br />
ภาคผนวก ๑ “ภาพเขีียนในหอพระไตรปิิฎกวัดระฆััง”<br />
ภาคผนวก ๒ “หอพระไตรปิิฎก วัดระฆัังโฆัสิิตาราม”
บทนำ<br />
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๖ สถาปนิกซึ่งสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ<br />
จำนวนหนึ่งได้ร่วมปรึกษาหารือในการดำเนินการจัดตั้งสมาคม โดยมี<br />
วัตถุประสงค์เพื่อช่วยส่งเสริมวิชาชีพสถาปัตยกรรมให้เจริญเป็นที่รู้จักแก่<br />
คนทั่วไปและเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในระหว่างสมาชิกด้วยกัน สมาคม<br />
สถาปนิกสยามฯ ในยุคแรก มีสมาชิกทั้งสิ้น ๓๓ คน มีสำนักงานตั้งอยู่ที่<br />
กรมศิลปากร คณะกรรมการในยุคแรกได้ร่วมกันร่างข้อบังคับและระเบียบ<br />
การของสมาคม จัดตั้งคณะกรรมการ เพื่อดำเนินงานประจำของสมาคม ได้แก่<br />
ประเภทธนาการ ประเภทธุรการ กรรมการผังเมืองและผังประชาชาติ นอกจากนี้<br />
สมาคมได้ออกจดหมายเหตุสมาคม เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ด้านวิชาชีพ<br />
สถาปัตยกรรม ตลอดจนเป็นสื่อกลางระหว่างสมาคมกับมวลสมาชิกอีกด้วย<br />
การดำเนินการทางด้านการอนุรักษ์ของสมาคมสถาปนิกสยามฯ ได้มี<br />
จุดเริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิชาการ สาขา<br />
อนุรักษ์ศิลปกรรมขึ้นเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๑ โดยกรรมาธิการฯ<br />
ชุดแรกนี้ มีนายพินิจ สมบัติศิริ เป็นประธาน และมีคณะกรรมาธิการฯ ซึ่ง<br />
ประกอบด้วย นายนิจ หิญชีระนันทน์ (นายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ ใน<br />
ขณะนั้น) นายมยูร วิเศษกุล นายวทัญญูู ณ ถลาง นายวิลาศ มณีวัต<br />
นายศิริชัย นฤมิตรเรขการ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ผศ.แสงอรุณ รัตกสิกร<br />
นายโอภาส วัลลิภากร นายสุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา และนายอุรา สุนทรศารทูล<br />
ส่วนที่ปรึกษาของกรรมาธิการวิชาการ สาขาอนุรักษ์ศิลปกรรมนั้น ได้รับ<br />
พระเกียรติจากพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัต กรมหมื่นพิทยาลาภ<br />
พฤฒิยากร ทรงรับเป็นองค์ประธานคณะที่ปรึกษา นอกจากนี้คณะที่ปรึกษาฯ<br />
ยังประกอบด้วย ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์ ม.จ.ยาใจ จิตรพงศ์ ม.จ.สุภัทรดิศ<br />
ดิศกุล นายสัญญา ธรรมศักดิ และพระยาอนุมานราชธน นับเป็นครั้งแรกใน<br />
ประเทศไทยที่มีการทำงานอนุรักษ์ภาคประชาชน สืบเนื่องจากความห่วงใย<br />
ในสภาพบ้านเมืองที่ได้เจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลงสภาพไปเป็นอันมาก<br />
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงที่เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมที่ดีงาม<br />
อาคารสถานที่ที่มีความสำคัญทางด้านศิลปะและสถาปัตยกรรมซึ่งเป็น<br />
เครื่องบ่งชี้ประวัติของบ้านเมืองได้ถูกรื้อทำลายไป ทำให้ประชาชนขาด<br />
สิ่งแวดล้อมที่จำเป็นในการสร้างสรรค์ ความนึกคิดที่ลึกซึ้ง ความ<br />
สงบ ความก้าวหน้าทางวัฒนธรรม และการกินดีอยู่ดี<br />
การดำเนินงานของกรรมาธิการฯ เน้นไปที่การเผยแพร่ให้ประชาชน<br />
ภาครัฐและเยาวชนให้เกิดความเข้าใจในความสำคัญของสิ่งแวดล้อมที่ดีของ<br />
บ้านเมืองและเกิดความคิด ความกระตือรือร้น ที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีงาม<br />
และมีคุณค่าทางศิลปกรรมหรือทางประวัติศาสตร์ให้คงอยู่ต่อไป<br />
งานชิ้นสำคัญที่เป็นรูปธรรมที่ได้ริเริ่มในช่วงนี้ คือ การบูรณะ<br />
หอพระไตรปิฎกวัดระฆัังโฆส ิตาราม กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นนิวาสสถาน<br />
เดิมของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟื้้าจุฬาโลกมหาราช แต่เดิมหอพระไตร<br />
แห่งนี้ตั้งอยู่กลางสระน้ำ และมีสภาพที่ทรุดโทรมอย่างมาก ทางเจ้าอาวาส<br />
ในขณะนั้น จึงได้ขอความร่วมมือจากคณะกรรมาธิการฯ ในการบูรณะให้<br />
ถูกต้องตามหลักการอนุรักษ์ จึงได้มีการขอความร่วมมือจากผู้ทรงคุณวุฒิ<br />
สาขาต่างๆ ในการอนุรักษ์ โดยมี อ.เฟื้้อ หริพิทักษ์ เป็นผู้ควบคุมการ<br />
บูรณะ และใช้เวลานานกว่าจะบูรณะเสร็จทันการฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ<br />
๒๐๐ ปี ใน พ.ศ. ๒๕๒๕ และในช่วงระหว่างนั้น มีการเสนอความคิด<br />
เห็นและข้อเสนอโครงการต่างๆ หลายโครงการ เช่น ข้อเสนอเกี่ยวกับการ<br />
รักษาศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ และการจัดตั้งสภาอนุรักษ์ศิลปกรรม โครงการ<br />
ปรับปรุงสวนลุมพินี การอนุรักษ์แพร่งสรรพศาสตร์ โครงการบูรณะโบราณ<br />
สถานพระนครศรีอยุธยา การจัดทำบัญชีอาคารสถานที่ที่สำคัญทาง<br />
สถาปัตยกรรม โครงการสำรวจทำแผนที่ บันทึกภาพอาคารที่มีคุณค่าในด้าน<br />
สถาปัตยกรรม เพื่อเสนอให้กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียน และงานจัดทำ<br />
รังวัดศิลปสถานต่างๆ ที่อาจจะถูกรื้อไปในเร็ววัน<br />
ใน พ.ศ. ๒๕๕๑ มีแนวคิดว่า หลังจากโครงการอนุรักษ์<br />
หอพระไตรปิฎกวัดระฆัังโฆส ิตาราม ตั้งแต่ในช่วงแรกของการก่อตั้ง<br />
กรรมาธิการวิชาการสาขาอนุรักษ์ศิลปกรรม สมาคมสถาปนิกสยามฯ ก็ไม่ได้<br />
มีโอกาสทำงานอนุรักษ์มรดกสถาปัตยกรรมโดยตรงแบบเป็นรูปธรรมอีกเลย<br />
เมื่อนายทวีจิตร จันทรสาขา (ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ พ.ศ. ๒๕๕๑-<br />
๒๕๕๕) ได้มารับหน้าที่เป็นนายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ และมีนโยบายที่<br />
ต้องการให้สมาคมสถาปนิกสยามฯ ได้แสดงบทบาทต่อสังคมในแบบที่สัมผัส<br />
ได้เป็นรูปธรรม จึงริเริ่มให้จัดตั้งคณะกรรมาธิิการอนุรักษ์์ศิลปสถาปัตยกรรม<br />
ด้านสถาปัตยกรรมไทยประเพณีขึ้น ด้วยต้องการเน้นที่มรดกสถาปัตยกรรม<br />
ที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเองเป็นอันดับแรก ในการนี ้ได้มอบหมายให้<br />
ดร.วสุ โปษยะนันทน์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการชุดนี้ ซึ่งประกอบด้วย<br />
คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร นายศิริชัย หวังเจริญตระกูล นายไพรัช<br />
เล้าประเสริฐ ดร.พรธรรม ธรรมวิมล นายจมร ปรปักษ์ประลัย นายวทัญญูู<br />
เทพหัตถี นางสาวมนัชญา วาจก์วิศุทธิ นายสุรยุทธ วิริยะดำรงค์<br />
6<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
นางสาวหัทยา สิริพัฒนกุล นายภาณุวัตร เลือดไทย นายจาริต เดชะคุปต์<br />
และนายพีระพัฒน์ สำราญ นอกจากนี้ได้ร่วมกันคิดและจัดกิจกรรม “อาษา<br />
อาสา สถาปัตยกรรมไทย” ขึ้น เป็นการเปิดโอกาสให้สมาชิกของสมาคม<br />
สถาปนิกสยามฯ นิสิต นักศึกษาที่มีความสนใจเรียนรู้งานด้านการอนุรักษ์<br />
อาสาเข้ามาทำงานร่วมกันตั้งแต่จุดเริ่มต้น เช่น การสำรวจเก็บข้อมูลสภาพ<br />
ก่อนการอนุรักษ์ของมรดกสถาปัตยกรรม นำมาจัดทำเป็นรูปแบบบูรณะ<br />
โดยการคัดเลือกพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งจากการหารือกันก็ได้สรุปที่หอพระไตรปิฎก<br />
วัดเทพธิดารามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร เป็นการกลับมาทำงานกับ<br />
หอพระไตรอีกครั้งโดยบังเอิญ<br />
งานนี้ทำให้เราได้เรียนรู้สถาปัตยกรรมของหอไตรอย่างใกล้ชิด จนได้<br />
แบบและประมาณการสำหรับการดำเนินการบูรณะ จึงตั้งเป็นกองผ้าป่าอาษา<br />
อนุรักษ์สามัคคี เพื่อการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎกวัดเทพธิดารามขึ้น มาสมทบ<br />
กับงบประมาณที่ทางวัดมีอยู่บางส่วน และเงินอุดหนุนจากกรมศิลปากร<br />
หลังจากนั้นแบบบูรณะจึงได้นำมาสู่การปฏิิบัติจริง โดยมีอาสาสมัครได้มา<br />
ร่วมกันจัด ในการนี้ได้ศาสตราจารย์เกียรติคุณ หม่อมราชวงศ์แน่งน้อย ศักดิศรี<br />
นาวาอากาศเอก อาวุธ เงินชูกลิ่น ศาสตราจารย์ประสงค์ เอี่ยมอนันต์<br />
รองศาสรตาจารย์สมคิด จิระทัศนกุล และนายทวีจิตร จันทรสาขา มาเป็นที่<br />
ปรึกษาในการทำการสำรวจระหว่างการดำเนินการ ศึกษาขั้นตอน รายละเอียด<br />
ต่างๆ ของการทำงาน มีการบันทึกเก็บข้อมูลโดยละเอียดในทุกขั้นตอน<br />
ประกอบกับความร่วมมือที่ได้รับจากบริษัทผู้ดำเนินการบูรณะด้วย<br />
ความตั้งใจให้เป็นการทำงานด้วยหลักการอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรม งานนี้<br />
จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของการทำงานบูรณะมรดกสถาปัตยกรรมไทยที่ได้<br />
มาตรฐาน พร้อมด้วยการมีส่วนร่วมของฝ่่ายต่างๆ ที่ช่วยสนับสนุน ทำให้<br />
โครงการนี้ได้รับรางวัลระดับ Award of Merit ของรางวัล UNESCO Asia–<br />
Pacif ififific Heritage Award ใน พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจ<br />
ของคณะทำงาน และสมาคมสถาปนิกสยามฯ อย่างที่สุด<br />
ภายหลังความสำเร็จของโครงการแรก กิจกรรม อาษา อาสา<br />
สถาปัตยกรรมไทย ยังได้มาดำเนินการต่อที่วัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร<br />
กรุงเทพมหานคร โดยเป็นโครงการหออนุรักษ์พระไตรปิฎกอีกครั้ง นอกจาก<br />
การเก็บข้อมูลเพื่อการทำแบบบูรณะดังเช่นในโครงการแรก ยังได้บูรณาการ<br />
กับเครือข่ายต่างๆ ของสมาคมสถาปนิกสยามฯ เช่นการเข้ามาร่วมเก็บ<br />
ข้อมูลสถาปัตยกรรมแบบ VERNADOC โดยกลุ่มอาสาสมัคร VERNADOC<br />
การจัดงานวันศิลปะที ่ร่วมกับกลุ่ม Sketchers โดยเปิดโอกาสให้เยาวชน<br />
ในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการวาดภาพหอไตรร่วมกับพี่ๆ นักวาดเพื่อเป็น<br />
การรับรู้คุณค่าของมรดกสถาปัตยกรรมชิ้นเอกที่อยู่ใกล้ตัวอีกด้วย งานบูรณะ<br />
หอพระไตรปิฎกวัดอัปสรสวรรค์นี้จะดำเนินการแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๕๕๗<br />
ในวาระครบรอบ ๘๐ ปีของสมาคมสถาปนิกสยามฯ พอดียังความภาคภูมิใจ<br />
แก่คณะทำงานและสมาคมสถาปนิกสยามฯ อีกครั้ง<br />
กรรมาธิการอนุรักษ์ฯ ทุกยุคสมัยได้เสียสละแรงกายแรงใจทำงานกัน<br />
อย่างหนักต่อเนื่องมาจากรุ่นสู่รุ่นตลอดกึ่งศตวรรษ ด้วยเห็นประโยชน์สาธารณะ<br />
ในการรักษาคุณค่าของมรดกสถาปัตยกรรมและสิ่งแวดล้อมเมืองซึ่งคนอื่นๆ<br />
ในสังคมอาจมองไม่เห็น แม้การทำงานจำต้องมีความขัดแย้งเกิดขึ้นโดยเฉพาะ<br />
กับทางภาครัฐเเละภาคเอกชน หลายคนอาจมองว่าเราต้องไปต่อสู้ มีแพ้มีชนะ<br />
แต่ในทางกลับกันหากมองว่าในฐานะที่เราเป็นสถาปนิกที่มีองค์ความรู้ใน<br />
เรื่องคุณค่าของสิ่งต่างๆ ในสภาพแวดล้อมทางกายภาพ มีองค์ความรู้ใน<br />
การบริหารจัดการ และมีการนำเสนอทางออกที่เป็นรูปธรรม การเข้าไปมี<br />
ส่วนร่วมในการนำเสนอคุณค่าเหล่านั้นให้สังคมได้ตระหนักรู้และสร้าง<br />
กระบวนการในการทำให้เกิดการเห็นคุณค่าร่วมกันในทุกภาคส่วน และท้าย<br />
ที่สุดเกิดการตัดสินใจร่วมกันในการรักษาคุณค่าเหล่านั้นให้คงอยู่ เเละหาก<br />
เราได้ทำหน้าที่ของเราได้อย่างดีที่สุดแล้ว แม้มรดกสถาปัตยกรรมหรือสิ่งที่<br />
เราต้องการปกป้องมันจะต้องถูกรื้อทำลายไป ก็ไม่ได้หมายความว่าเราล้มเหลว<br />
หรือเราแพ้ เพียงแต่เราไม่สามารถทำให้คนส่วนใหญ่เห็นคุณค่าร่วมกับเราได้<br />
สถาปนิกนักอนุรักษ์จึงไม่ใช่นักต่อสู้ แต่เราเป็นนักบริหารจัดการองค์ความรู้<br />
ที่จะต้องถ่ายทอดองค์ความรู้ในเรื่องคุณค่าของมรดกสถาปัตยกรรมและ<br />
สิ่งแวดล้อมสร้างสรรค์สู่คนในวงกว้างให้มากที่สุด เพื่อให้เขาเหล่านั้นเห็นคุณค่า<br />
และต่อสู้ปกป้องมรดกของพวกเขาเอง ความสำเร็จในการอนุรักษ์ไม่ได้ขึ้นอยู่<br />
กับคนใดคนหนึ่งหากแต่เป็นเรื่องของทุกคน ในการทำงานของเรา เราไม่<br />
เคยแพ้ เราไม่เคยล้มเหลว ถ้าเราได้เริ่มทำแล้วและยังต้องทำหน้าที่นี้ต่อไป<br />
ให้ตอบสนองกับวัตถุประสงค์ข้อที่ ๑ ของสมาคมสถาปนิกสยามฯ คือ<br />
“มุงบำเพ็ญประโยชน์ในการสร้างสรรค์ควัามเจริญงดงามทาง<br />
สถาปัตยกรรมและสิงแวัดล้อม และรักษ์าอารยธิรรมของชาติ ในฐานะ<br />
องค์กรวิิชาชีพอิสระทางสถาปัตยกรรม”<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย<br />
7
๑<br />
จุุดเริ่มต้นที่<br />
หอไตรวััดระฆััง
10<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย<br />
ภาพถ่ายเก่าวััดระฆัังโฆัสิตาราม
วััดระฆัังโฆสิิตารามวัรมหาวิิหาร<br />
วัดระฆัังโฆัสิตาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรมหาวิหาร<br />
เดิมเรียกว่า วัดบางหว้าใหญ่ เป็นวัดโบราณครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี<br />
คู่กับวัดบางหว้าน้อย คือ วัดอมรินทราราม พุทธศักราช ๒๓๑๒ หลังจากที่<br />
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ พร้อมกับตั้ง<br />
พระนครหลวงขึ้นใหม่เรียกว่า กรุงธนบุรี ได้ทรงบูรณปฏิิสังขรณ์<br />
วัดบางหว้าใหญ่พร้อมทั้งยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวง ทรงโปรดให้<br />
อัญเชิญพระไตรปิฎกมาจากนครศรีธรรมราช และทรงอาราธนาพระเถระ<br />
ผู้ใหญ่ โดยมีสมเด็จพระสังฆัราช (สี) ทรงเป็นประธานมาชำระพระไตรปิฎกที่<br />
วัดบางหว้าใหญ่นี้ ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธ<br />
ยอดฟื้้าจุฬาโลกฯ ได้ทรงบูรณปฏิิสังขรณ์ครั้งใหญ่ และได้ขุดพบระฆััง<br />
ลูกหนึ่งปรากฏม ีเสียงไพเราะกังวานมาก จึงโปรดให้นำเก็บไว้ที่วัด<br />
พระศรีรัตนศาสดาราม จากนั้นพระองค์จึงโปรดให้สร้างหอระฆัังขึ้น พร้อม<br />
ระฆัังอีก ๕ ลูกเป็นการทดแทน และได้พระราชทานนามใหม่หลังบูรณะ<br />
เสร็จเรียบร้อยว่า “วัดระฆัังโฆัสิตาราม”<br />
ในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรง<br />
เปลี่ยนชื่อวัดมาหลายวัด และได้ทรงเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดราชคัณฑิยาราม”<br />
(คัณฑิ แปลว่าระฆััง) แต่ชื่อนี้ไม่ได้รับความนิยมมากนัก ผู้คนทั่วไปยังคงเรียก<br />
“วัดระฆััง” ตามเดิมถึงทุกวันนี้<br />
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) พระมหาเถระรูปสำคัญผู้ซึ่ง<br />
เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆัังโฆัสิตารามวรมหาวิหารในสมัย<br />
รัชกาลที่ ๔ จนถึงสมัยตอนต้นของรัชกาลที่ ๕ เป็นพระเกจิเถราจารย์<br />
เป็นที่เคารพนับถือด้านคาถาอาคม เมตตามหานิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง<br />
วัตถุมงคล แต่เหนืออีกสิ่งอื่นใดสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ทรง<br />
ดำรงตนเป็นผู้สมถะ มักน้อยสันโดษ ไม่ปรารถนาลาภยศ การแสดงออก<br />
ของท่านตามบันทึกหลักฐานในสมัยหลังมักบันทึกถึงความเป็นพระเถระ<br />
ผู้มีเมตตา ดำรงศีลาจารวัตรเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของคนทั่วไป ในด้าน<br />
ความรอบรู้พระปริยัติธรรม ปรากฏิไว้ว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)<br />
มีชื่อทั้งเป็นผู้เรียนก็เรียนเก่งกว่าใคร เป็นครูก็สอนได้ดีเยี่ยม และมีลูกศิษย์<br />
ลูกหามากมาย ทั้งเป็นผู้แตกฉานในพระไตรปิฎก<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
11<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
สิ่งก่อสร้างสำคัญภายในวััดระฆัังโฆัสิตาราม<br />
พระอุโบสถ<br />
ภายในวัดระฆัังโฆส ิตารามมีถาวรวัตถุที่สำคัญ ดังนี้ คือ<br />
สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ เพื่อทดแทนพระอุโบสถหลังเก่าที่สร้างใน<br />
สมัยรัชกาลที่ ๑ หลังคาลด ๓ ชั้น มีช่อฟื้้า ใบระกา หางหงส์ และคันทวย<br />
สลักเสลาอย่างสวยงาม บานประตูหน้าต่างด้านนอกเขียนลายรดน้ามี<br />
เครื่องหมายรูประฆััง ด้านในเขียนภาพทวารบาลยืนแท่นระบายสีงดงาม<br />
บริเวณฝ่าผนังภายในพระอุโบสถประดับด้วยภาพจิตรกรรมที่ได้รับการ<br />
ยกย่องว่าฝ่ีมืองดงาม มีชีวิตชีวาอ่อนช้อย และแสงสีเหมาะสมกับเรื่องราว<br />
เขียนโดย พระวรรณวาดวิจิตร (ทอง จารุวิจิตร) จิตรกรเอกในสมัยรัชกาล<br />
ที่ ๖ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๕ ที่มีการบูรณะซ่อมแซมพระอุโบสถในรัชกาลนั้น<br />
พระวัิหาร<br />
เป็นพระอุโบสถหลังเดิมของวัดบางหว้าใหญ่ตั้งแต่สมัยพระเจ้าตากสิน<br />
มหาราช<br />
หอระฆัังจตุรมุข<br />
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟื้้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้สร้างขึ้น<br />
พร้อมระฆัังที่พระราชทานแทนระฆัังที่ทรงขอนำไปไว้ที่วัดพระศรีรัตน<br />
ศาสดาราม<br />
พระปรางค์<br />
รัชกาลที่ ๑ ทรงมีพระราชศรัทธาสร้างพระปรางค์ พระราชทานร่วม<br />
กุศลกับสมเด็จพระพี่นางพระองค์ใหญ่ (สมเด็จเจ้าฟื้้าหญิง กรมพระยาเทพ<br />
สุดาวดี พระนามเดิม สา) ตั้งอยู่หน้าพระวิหาร ได้รับการยกย่องจากสมเด็จ<br />
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟื้้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ว่าเป็นพระปรางค์ที่<br />
ทำถูกแบบที่สุดในประเทศไทย พระปรางค์องค์นี้จัดเป็นพระปรางค์แบบ<br />
สถาปัตยกรรมรัตนโกสินทร์ยุคต้น ที่มีทรวดทรงงดงามมาก จนยึดถือเป็น<br />
แบบฉบับของพระปรางค์ที่สร้างในยุคต่อมา<br />
ตำหนักแดง<br />
เป็นเรือนไม้สักฝ่าปะกน กรมพระราชวังบวรสถานพิมุขทรงยกถวาย<br />
วัดระฆัังโฆส ิตารามเพื่อปลูกเป็นกุฏิิสงฆ์์ ปัจจุบันอยู่ภายในบริเวณคณะ ๒<br />
เชื่อกันว่าเป็นตำหนักสำหรับทรงกรรมฐานของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี<br />
(พระเจ้าตากสิน) สันนิษฐานจากพระดำรัสของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ<br />
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งได้ตรัสกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ<br />
กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เมื่อเสด็จมาทอดพระเนตรกุฏิินี้ว่า เป็นตำหนัก<br />
แรกของพระเจ้ากรุงธนบุรี หลักฐานที่นำมาอ้างอิงคือฝ่าประจันที่ใช้กั้นห้อง<br />
ภายในตำหนักเดิม เขียนรูปอสุภต่างๆ ชนิด และมีภาพพระภิกษุเจริญ<br />
กรรมฐาน ซึ่งสอดคล้องกับพระอุปนิสัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช<br />
แต่ปัจจุบันภาพเหล่านี้ลบเลือนหายไปหมดสิ้นแล้ว<br />
พระวัิหารสมเด็จพระสังฆัราช (สี)<br />
ตั้งอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ หลังคามุงกระเบื้องเคลือบประดับคันทวย<br />
ตามเสาอย่างสวยงาม หน้าบันทั้งสองด้านจำหลักรูปฉัตร ๓ ชั้น อันเป็น<br />
เครื่องหมายพระยศของสมเด็จพระสังฆัราช วิหารหลังนี้เดิมหลังคาเป็นทรง<br />
ปันหยา เรียกว่า ศาลาเปลื้องเครื่อง ต่อมา พระราชธรรมภาณี (ละมูล) อดีต<br />
เจ้าอาวาสรูปที่ ๑๐ ได้เปลี่ยนเป็นหลังคาทรงไทย มีช่อฟื้้า ใบระกา หางหงส์<br />
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ เพื่อประดิษฐานพระอัฐิสมเด็จพระสังฆัราช (สี)<br />
ซึ่งเดิมบรรจุอยู่ในรูปพระศรีอริยเมตไตรย ประดิษฐานในซุ้มพระปรางค์ของ<br />
วัดระฆัังโฆส ิตาราม ต่อมาได้ย้ายมาไว้ที่พระวิหารที่ปฏิิสังขรณ์ขึ้นใหม่เพื่อ<br />
ยกย่องพระเกียรติของพระองค์<br />
12<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวัดระฆััง 13<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ภาพลายเส้นหอไตรวัดระฆัังโฆส ิตาราม ที่มา : กรมศิลปากร โดย จมร ปรปักษ์ประลัย<br />
14<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
แผนผังแสดงที่ตั้งปัจจุบันของหอไตรวัดระฆััง<br />
หอพระไตรปิฎก<br />
หอไตรวัดระฆััง หรือในอีกชื่อเรียกว่า “ตำหนัก<br />
จันทน์” กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน<br />
สำคัญของชาติ ใน พ.ศ. ๒๔๙๒ เดิมเคยเป็น<br />
พระตำหนักและหอประทับนั่งของพระบาทสมเด็จ<br />
พระพุทธยอดฟื้้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อครั้งทรงรับราชการ<br />
เป็นที่พระราชวรินทร์เจ้ากรมพระตำรวจนอกฝ่่ายขวา<br />
ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงรื้อไป<br />
ถวายวัดบางหว้าใหญ่ ในคราวเสด็จเป็นแม่ทัพไปตี<br />
เมืองโคราช<br />
เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ มีการสังคายนา<br />
พระไตรปิฎกตามธรรมเนียมกษัตริย์ขึ้นที่วัดมหาธาตุ<br />
ยุวราชรังสฤษฎิราชวรมหาวิหาร จึงโปรดให้ปฏิิสังขรณ์<br />
เรือนแฝ่ดกลุ่มนี้เพื่อใช้เป็นหอพระไตรปิฎก โดยขุดพื้นที่<br />
บริเวณที่พบระฆัังออกเป็นรูปสี่เหลี่ยม ก่ออิฐกั้นเป็น<br />
สระแล้วรื้อพระตำหนักจากที่เดิมมาปลูกลงในสระ โดย<br />
เปลี่ยนหลังคามุงจากเป็นมุงกระเบื้อง เปลี่ยนฝ่าสำหรวด<br />
กั้นกะแซงเป็นฝ่าปะกนไม้สัก ทรงสร้างตู้พระไตรปิฎก<br />
ขนาดใหญ่ บานเขียนลายรดน้า ประดิษฐานในห้องด้าน<br />
เหนือและด้านใต้ห้องละ ๑ ตู้ ทั้งนี้อยู่ในความควบคุม<br />
ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อครั้ง<br />
ดำรงพระยศเป็นเจ้าฟื้้ากรมหลวงอิศรสุนทร เป็นผู้ทรง<br />
อำนวยการสร้าง เมื่อดำเนินการเสด็จโปรดให้มีการ<br />
สมโภชและปลูกต้นจันทน์ไว้ ๘ ต้น อันเป็นเหตุให้เรียก<br />
หอไตรนี้ว่า “ตำหนักจันทน์”<br />
ปัจจุบัน ทางวัดได้ย้ายหอไตรหลังนี้เข้ามาปลูกใหม่<br />
ภายในบริเวณกำแพงแก้ว อยู่ด้านหลังพระอุโบสถทาง<br />
ทิศใต้ และบูรณะซ่อมแซมภาพเขียนที่ชำรุดเสียหาย<br />
ให้คงไว้ดังเดิม<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
15<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ลักษ์ณะทางสถาปัตยกรรม<br />
หอไตรหลังนี้ มีลักษณะเป็นตำหนัก ๓ หลังแฝ่ด การประกอบตัว<br />
เรือนเป็นไปในลักษณะสำเร็จรูปแบบเรือนไทยโบราณมีลักษณะพิเศษ คือ<br />
การต่อเสาบากประกบกัน โดยใช้สลักเหล็กแทนเดือยไม้ พื้นปูกระดาน<br />
ขนาดใหญ่ หย่องหน้าต่างเป็นลูกมะหวดที่มีลักษณะกลึงสวยงาม หลังคา<br />
มุงด้วยกระเบื้อง ไม่มีช่อฟื้้า ใบระกา หางหงส์ มีระเบียงด้านหน้า ชายคามี<br />
กระจังรูปเทพนมเรียงรายเป็นระยะ หอพระไตรปิฎกหลังนี้มีคุณค่าในทาง<br />
สถาปัตยกรรมอย่างยิ่ง ทำให้เราทราบวิธีการก่อสร้างและปลูกเรือนในสมัย<br />
รัชกาลที่ ๑ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรง<br />
บันทึกเรื่องแบบอย่างการก่อสร้างไว้ว่า “…เรื่องฝ่ีมือช่างโบราณนั้นตามที่<br />
หม่อมฉันสังเกต เข้าใจว่าในสมัยครั้งกรุงธนบุรี ช่างไทยเห็นจะเหลือน้อย<br />
เต็มที ฝ่ีมือของที่ทำครั้งกรุงธนบุรีอยู่หยาบมาก ฝ่ีมือช่างกลับมาดีขึ้นเมื่อ<br />
รัชกาลที่ ๑ เห็นจะเป็นช่างที่หัดขึ้นใหม่และจัดกวดขันการฝึึกหัดมาก เพราะ<br />
ต้องสร้างของต่างๆ ตั้งแต่เรื่องราชูปโภคราชมณเฑียรสถาน ราชยาน<br />
ตลอดจนวัดวาอาราม จึงเกิดช่างฝีีมือดีมีขึ้นมาก แต่พึงสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า<br />
ของที่สร้างในรัชกาลที ่ ๑ ทำตามแบบอย่างครั้งกรุงศรีอยุธยาทั้งนั้น ถึง<br />
รัชกาลที่ ๒ จึงคิดแผลงไปต่างๆ …”<br />
เมื่อเข้ามาภายในหอไตรแล้วจะเป็นหอกลาง ขวามือคือหอนั่ง ซ้ายมือ<br />
คือหอนอน หอนั่งกั้นด้วยราวลูกกรงเตี้ยบนพื้นหอยกสูงกว่าหอกลางเล็กน้อย<br />
ตรงกลางตั้งเสาหัวเม็ดทรงมัณฑ์แบบเก่า ๑ คู่ เป็นช่องทางสำหรับขึ้น<br />
ราวลูกกรงทาสีแดงชาด หัวเม็ดปิดทอง หอกลางกับหอนั่งมองดูโล่งตลอดถึงกัน<br />
ทำให้มองเห็นหน้าต่างโดยรอบ สำหรับหอนอน ฝ่าของหอนอนเป็นฝ่าปะกน<br />
ด้านในเรียบ พื้นหอนอนยกสูงกว่าหอกลางเท่ากับหอนั่ง ที่หอนั่งกับหอนอน<br />
มีตู้พระธรรมเขียนลายรดน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ซึ่งตู้พระธรรมและหอไตรนั้น<br />
ได้ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกัน<br />
งานแกะสลักไม้ที่มาประกอบกันขึ้นเป็นหอพระไตรปิฎกนั้น มีอยู่ทั้ง<br />
ภายนอกตลอดไปถึงภายใน ด้านหน้าต่อกับบันไดทางขึ้น ที่ทางขึ้นชานชาลา<br />
มีบานประตูไม้แกะสลักเป็นลายกนก มีนาคพันอยู่ที่โคนประดับกระจกสีตาม<br />
ช่องไฟื้ เหนือบานประตูขึ้นไปเป็นแผ่นไม้หนารูปทรงคล้ายหน้าบัน แกะลาย<br />
อย่างบานประตู เข้าชุดกัน สวยงามพิสดาร ลงรักปิดทองทั้งประตูและซุ้ม<br />
คันทวยรับชายคานั้น สลักเป็นคันทวยทรงนาคปิดทองประดับกระจกสี<br />
เช่นเดียวกับกรอบหน้าต่างและลูกกรงหน้าต่าง เมื่อเข้าไปถึงชานชาลาแล้ว<br />
จะเห็นประตูเข้าตัวเรือน เป็นประตูไม้แกะสลักลวดลายกนกวิจิตรพิสดาร<br />
เป็นรูปนกวายุภักษ์จับที่โคนต้นกนกคล้ายกันทั้งสองบาน<br />
บานหน้าต่างบริเวณหอนั่งมีการเขียนทั้งสองด้าน ด้านนอกเขียน<br />
ลายรดน้าเป็นรูปเทวดา ด้านในเป็นรูปเทวดาเขียนสอดสี ส่วนบริเวณหอนอน<br />
บานประตูเขียนลายรดน้ำก้านขด บานประตูด้านในเขียนภาพระบายสีเป็น<br />
ภาพต้นไม้ใหญ่สองต้นด้วยฝีีแปรงเฉียบขาด ใต้ต้นไม้มีพระภิกษุกำลังเจริญ<br />
อสุภกรรมฐาน ในขณะที่ประตูหอกลางเป็นภาพเขียนระบายสี รูปยักษ์สองตน<br />
มีการเขียนที่ใหญ่จนเต็มบานประตูยืนเท้ากระบอง รูปร่างหน้าตาท่าทาง<br />
ถมึงทึงน่าเกรงขาม ผิดกับรูปยักษ์อื่นๆ ที่เคยเห็น ตนหนึ่งผิวกายขาวคือ<br />
สหัสเดชะ ตนหนึ่งผิวกายเขียวคล้ำคือวิรุฬจำบัง<br />
ตู้พระธรรมสำหรับเก็บพระไตรปิฎกอยู่ในหอนอนและหอนั่งมี<br />
ขนาดใหญ่โตจนไม่สามารถนำออกจากประตูได้ทั้ง ๒ ใบ ใบที่ตั้งอยู่ใน<br />
หอนอนนั้นเขียนลายรดน้าเป็นภาพเทวดาขนาดใหญ่ยืนบนแท่นมีอสูรและ<br />
กระบี่เขียนเต็มขนาดใหญ่ของตู้สี่ด้านเป็นผู้แบกมีความงามวิจิตรพิสดารยิ่งนัก<br />
ดูแล้วก็เปรียบเหมือนเป็นประธานของหอนอน ส่วนที่หอนั่งก็มีตู้พระธรรม<br />
ขนาดเท่ากันกับที่หอนอนเป็นแต่ผูกลายกนกเต็มตู้ทั้งใบ<br />
16<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวัดระฆัังมีรูปแบบเรือนไทยโบราณที่มีลักษณะเป็นตำหนัก ๓ หลังแฝ่ด<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
17<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ทัศนียภาพด้านหน้าอาคารหอไตรวัดระฆัังในปัจจุบัน<br />
18<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
คันทวยไม้แกะสลักโดยรอบอาคาร<br />
ซุ้มประตูหอไตรวัดระฆัังเป็นงานไม้แกะสลักปิดทองประดับกระจก<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
19<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
งานฝีีมือช่างไม้แกะสลักของส่วนคันทวย หน้าต่าง และบานประตู<br />
20<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ซุ้มประตูไม้แกะสลักที่ทำขึ้นใหม่เพื่อทดแทนของเดิมที่ชำรุด<br />
ซุ้มประตูไม้แกะสลักของเดิม ถอดเก็บรักษาไว้ในอาคารหอพระไตรปิฎก<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
21<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
22<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย<br />
ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายภายในหอไตรวััดระฆััง
ภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟื้้าจุฬาโลกมหาราชภายในหอไตรวัดระฆััง<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
23<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ภายในหอไตรวัดระฆััง<br />
24<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ตู้พระธรรมสำหรับเก็บพระไตรปิฎกตั้งอยู่บริเวณหอนั่งของหอไตรวัดระฆััง<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
25<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
บานหน้าต่างของหอไตร<br />
วัดระฆัังประดับด้วยลายรดน้ำ<br />
26<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ภายในหอไตรวััดระฆััง 27<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ภาพจิตรกรรมฝ่าผนังภายใน<br />
ส่วนหอนอน หอไตรวัดระฆััง<br />
28<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ภาพจิตรกรรมภายในหอพระไตรปิฎก<br />
รูปภาพจิตรกรรมที่มีเขียนไว้ในหอพระไตรปิฎกนี้ มีปรากฏิอยู่เกือบ<br />
ทุกส่วนของหอไตร บริเวณหอกลางเขียนเรื่องรามเกียรติ เป็นงานเขียน<br />
ฝีีมือพระอาจารย์นาค ตอนศึกกุมภกัณฑ์ ภาพที่เขียนไว้ที่ด้านประตูทางเข้า<br />
เหนือประตูเป็นรูปสุครีพกำลังถอนต้นรังด้วยเรี่ยวแรงแข็งขัน ต่อไปขวามือ<br />
เป็นภาพกุมภกัณฑ์เข้ารบรับขับเคี่ยวกับสุครีพ จนสุครีพเสียท่าเพราะหมด<br />
กำลังถูกกุมภกัณฑ์จับหนีบรักแร้พาตัวไปได้ ล่างลงมาเป็นภาพของกำแหง<br />
หนุมานเหาะลงมาช่วยสุครีพ เข้ารบกับกุมภกัณฑ์รุกรบตบตีด้วยต้นไม้จน<br />
กุมภกัณฑ์พ่ายหนีไปและช่วยสุครีพไว้ได้ ด้านตรงกันข้ามเป็นตอนศึก<br />
อินทรชิตรบกับพระลักษมณ์ อินทรชิตแปลงกายเป็นพระอินทร์ทรง<br />
ช้างเอราวัณพรั่งพร้อมด้วยยักษ์แปลงเป็นเทพเทวัญประดับธงริ้วไสวสะบัด<br />
ชายเรืองรองเหมือนกองทัพเต็มอัตราอิสริยยศอันเกรียงไกรของพระอินทร์<br />
ประจันหน้ากับกองทัพของพระลักษมณ์ อนุชาของพระรามกำลังประทับเงื้อง่า<br />
พระแสงศรอยู่บนราชรถเทียมม้ามีฉัตร พัดโบก จามรกางกั้นมีพญาหนุมาน<br />
ชามพูวราช สุครีพ และวานรเป็นพลพรรค<br />
จิตรกรรมฝ่าผนังภายในหอนั่งเขียนเรื่องชุมนุมเทวดา มีการเขียน<br />
เหนือหน้าต่างขึ้นไปเป็นภาพเทพชุมนุมเขียนสอดสีทั้งสามด้าน เริ่มจากขวา<br />
มาซ้าย เทวดาชั้นจตุมหาราชิกา ยักษ์ ครุฑ นาค คนธรรพ์ เทพ อินทร์ พรหม<br />
เป็นที่สุด คล้ายกันกับเทพชุมนุมที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ แต่ที่นี่มีแถวเดียว<br />
พื้นฝ่าระหว่างช่องหน้าต่าง เขียนภาพต้นไม้ ป่า เขา นก และสัตว์ต่างๆ<br />
จิตรกรรมฝ่าผนังภายในหอนอนด้านซ้ายมือครึ่งหนึ่งเขียนเรื่อง<br />
ไตรภูมิ เป็นวิมานเทวดาบนยอดเขาสัตตบริภัณฑ์ที่ล้อมเขาพระสุเมรุ<br />
บรรยากาศเป็นป่าหิมพานต์ที่อยู่ของเทวดา ของอสูร ตามภูมิ ตามชั้นต่างๆ<br />
ภาพสิงห์สาราสัตว์ เช่น ช้าง ม้า วัว นาค นกยูง กินรี กินร จับกลุ่มเริงระบำ<br />
ส่วนอีกครึ่งเขียนแทรกไว้ด้วยเรื่องพระเวสสันดรกับนางมัทรีและสองกุมาร<br />
ประทับที่ใต้ต้นไม้ที่ออกดอกแดงสล้าง เหนือขึ้นไปเขียนเป็นรูปเหล่าฤษี<br />
นักสิทธิวิทยาธรกำลังเหาะล่องลอยตามกันไปไหว้พระจุฬามณีเจดีย์ ฝ่าผนัง<br />
ด้านขวามือทั้งฝ่าเขียนนิทานธรรมบท เรื่องราวของท้าวสักกเทวราชผู้เป็นใหญ่<br />
ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เรื่องที่เขียนเป็นประธานฝ่าผนังนี้คือตอนมฆัมานพ<br />
สร้างศาลาเป็นทาน มฆัมานพมีภริยาสี่คน คือ นางสุธรรมา นางสุจิตรา<br />
นางสุนันทา และนางสุชาดา ภริยาสามคนแรกร่วมทำบุญสร้างกุศลด้วย<br />
ช่วยสร้างศาลา ช่อฟื้้า สระน้ำ สวนดอกไม้ เพื่อให้ประชาชนพักผ่อนหย่อนใจ<br />
ส่วนภริยาอีกคนคือนางสุชาดาไม่มีจิตร่วมกุศล คิดว่าสามีทำกุศลเราก็ได้รับ<br />
ผลเหมือนกัน จึงสาละวนอยู่กับการแต่งตัว ด้วยผลบุญกุศลที่ช่วยกันสร้าง<br />
มฆัมานพได้เกิดเป็นท้าวสักกเทวราชหรือพระอินทร์เป็นใหญ่ในดาวดึงส์<br />
ภริยาทั้งสามก็ไปเกิดเป็นมเหสีพระอินทร์ ส่วนนางสุชาดาไปเกิดในภพต่างๆ<br />
เป็นนกกระยาง เป็นธิดาช่างปั นหม้อ และเป็นธิดาอสูรเวปจิตติ ฯลฯ มฆัมานพ<br />
แม้จะเป็นใหญ่ในสวรรค์แล้วก็ไม่วายเป็นทุกข์เป็นห่วงนางสุชาดาภริยา<br />
ผู้หลงผิด ต้องร้อนใจติดตามลงมาช่วยนางอยู่หลายชาติเพราะอำนาจแห่ง<br />
กิเลสตัณหา<br />
ตู้พระธรรมประดับลายรดน้ำใช้เก็บพระไตรปิฎก<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
29<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
รายละเอียดภาพจิตรกรรมฝ่าผนังภายในหอไตรวัดระฆััง<br />
30<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
31<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
จิตรกรรมฝ่าผนังในหอนอนด้านขวาเขียนเต็มผนัง ตอนมฆัมานพสร้างศาลา มีภริยาช่วยสร้างศาลา สระน้ำ สวนดอกไม้<br />
เพื่อให้ประชาชนพักผ่อนหย่อนใจ เหนือขึ้นไปเป็นรูปนักสิทธิวิทยาธรกำลังเหาะตามกันไปไหว้พระจุฬามณีเจดีย์<br />
32<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
33<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
34<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
การอนุรักษ์์งานสถาปัตยกรรมทีเริมจากคุณคาของจิตรกรรม<br />
(ผานบทสัมภาษณ ์ครูเทพศิริ สุขโสภา)<br />
อาจารย์เฟื้้อ หริพิทักษ์ อาจารย์เทพศิริ สุขโสภา<br />
“หอไตรหลังนี้ อาจารย์เฟื้้อท่านไปเห็นนานแล้ว” ครูเทพหรือ<br />
อาจารย์เทพศิริ สุขโสภา ลูกศิษย์ของอาจารย์เฟื้้อ หริพิทักษ์ เริ่มเล่าเรื่องราว<br />
ของอาจารย์เฟื้้อ และหอไตรวัดระฆััง ผ่านความทรงจำ<br />
ครูเทพเล่าว่าอาจารย์เฟื้้อได้อ่านหนังสือที ่เขียนโต้ตอบระหว่าง<br />
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพกับสมเด็จเจ้าฟื้้ากรมพระยานริศรา<br />
นุวัดติวงศ์ และพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ ๒ ของสมเด็จกรมพระยาดำรง<br />
ราชานุภาพ ซึ่งมีการกล่าวถึงผลงานฝ่ีมือของพระอาจารย์นาคที่อยู่หอ<br />
พระไตรปิฎก วัดระฆัังโฆัสิตาราม ทำให้เกิดความสนใจในอาคารหลังนี้ ในช่วง<br />
เวลานั้น หอพระไตรปิฎกตั้งอยู่กลางสระน้ำ ข้างเมรุวัดระฆััง มีสภาพชำรุด<br />
ทรุดโทรม และใช้เป็นที่อยู่ของพระสงฆ์์ รวมทั้งเป็นที่เก็บเครื่องไม้ใช้สอย<br />
แม้กระทั่งใช้เป็นที่เก็บศพ ทั้งยังมีการสร้างอาคารอื่นๆ รายรอบในระยะประชิด<br />
ทำให้บริเวณหอพระไตรปิฎกขาดความสง่างาม<br />
ในส่วนของภาพจิตรกรรมฝ่าผนังนั้น ครูเทพเล่าว่าครั้งแรกที่อาจารย์<br />
เฟื้้อเห็นนั้น ภาพจิตรกรรมอยู่ในสภาพลบเลือน ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่า<br />
เป็นฝ่้อมือของพระอาจารย์นาคจริงหรือไม่ จนกระทั่งด้วยความบังเอิญใน<br />
วันหนึ่ง ทำให้อาจารย์เฟื้้อได้เห็นความงดงามของภาพเขียนฝ่ีมือชั้นครู<br />
“มีครั้งหนึ่ง อาจารย์เฟื้้อก็ยืนบนโรง แล้วมือก็ถูผนัง ไม้มันดำเพราะ<br />
ตากลมตากแดด พอยืนเอามือถูๆ สีมันก็หลุดออกมา มีรูปเขียนที่อาจารย์<br />
สงสัยมาตลอดว่ามันน่าจะเป็นจิตรกรรมฝีีมือพระอาจารย์นาค พอรู้สึกว่า<br />
น่าจะเป็นอันนี้ วินาทีนั้นคือร้องไห้เลย”<br />
หลังจากอาจารย์เฟื้้อพบว่าที่ฝ่ากระดานทั้งสองมีงานจิตรกรรมอยู่<br />
ท่านก็ได้ย้ายของออก และใช้น้ายาเช็ดทำความสะอาด อาจารย์เฟื้้อพยายาม<br />
อย่างยิ่งที่จะทำการอนุรักษ์อาคารสำคัญหลังนี้ แม้กระทั่งส่งเรื่องไปที่<br />
มหาวิทยาลัยศิลปากร แต่คนที่เห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์อาคาร<br />
อันทรงคุณค่าหลังนี้ก็ยังมีไม่มากนัก<br />
“อาจารย์เฟื้้อพยายามจะทำเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีใครเห็นความสำคัญ<br />
อย่างที่ว่า หลวงพ่อก็ไม่เห็น ชาวบ้านก็ไม่เห็น ทุกคนไม่เห็น มันก็น่าเศร้า<br />
แกเทียวไปเทียวมาไม่รู้จะทำไง”<br />
หลังจากนั้น อาจารย์เฟื้้อเดินทางมาศึกษาค้นคว้าที่หอพระไตรปิฎก<br />
อยู่เป็นระยะ วันหนึ่งท่านได้พบว่ามีช่างไม้กำลังจะรื้ออาคารเพื่อเปลี่ยนเสา<br />
ที่ผุพังออก เนื่องจากเกรงว่าอาคารอาจจะพังลงมา อาจารย์เฟื้้อจึงเดินทาง<br />
ไปพบอาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ให้มาช่วยเจรจากับทางวัดเพื่อที่จะขอ<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
35<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ทำการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎก รวมทั้งได้เชิญหม่อมเจ้ายาใจ จิตรพงศ์ มาเป็น<br />
ประธานอนุกรรมการในการบูรณปฏิิสังขรณ์ครั้งนี้ และมีสมาคมสถาปนิก<br />
สยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นผู้สนับสนุน<br />
และนี่คือที ่มาของการเริ่มต้นอนุรักษ์อาคารหอพระไตรปิฎกของ<br />
สมาคมสถาปนิกสยามฯ และเป็นต้นแบบของการทำงานด้านการอนุรักษ์ที่<br />
ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง นอกจากเรื่องราวความเป็นมาของการเกิดโครงการ<br />
บูรณปฏิิสังขรณ์หอพระไตรปิฎกวัดระฆัังโฆสิิตาราม ครูเทพได้เล่าถึงเรื่องราว<br />
ระหว่างการดำเนินการอนุรักษ์ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ท่านได้มีส่วนร่วมกับ<br />
อาจารย์เฟื้้อในการทำงาน รวมทั้งเรื่องราวที่ท่านได้มีโอกาสพบเห็นจากการ<br />
ทำงานของอาจารย์เฟื้้อ และเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งคือการดำเนินการ<br />
อนุรักษ์ “จิตรกรรม” ที่ฝ่ากระดานหอพระไตรปิฎก<br />
เรื่องราวหนึ่งที่ได้รับการถ่ายทอดผ่านความทรงจำของครูเทพ คือ<br />
เหตุการณ์ที่ระหว่างการดำเนินการ เกิดฝ่นตกในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูฝ่น ซึ่งขณะนั้น<br />
ตัวหอไตรได้เริ่มทำการบูรณะแล้ว มีการยกผนังหอไตรมาตั้ง โดยที่ยังไม่มี<br />
หลังคา เหตุการณ์นี้มีผู้มาแจ้งครูเทพโดยตรงก่อนที่ครูเทพจะไปเรียนให้<br />
อาจารย์เฟื้้ออีกที่<br />
“เวลางานจิตรกรรมโดนฝ่น ภาพที่มันแตกมันก็เหมือนเกล็ดปลาคือ<br />
มันก็งอ ถ้าคุณลูบก็ร่วง แล้วเราก็ไม่รู้มันร่วงเท่าไหร่แล้ว มันก็ยังมีติดอยู่นะ<br />
แต่มันมีความด่างมากด่างน้อย ซึ่งเราก็ไม่ใช่คนที่รู้ละเอียดขนาดนั้น คนที่รู้<br />
ที่สุดคืออาจารย์เฟื้้อ เราเลยนั่งเรือข้ามฟื้ากไปตามอาจารย์เฟื้้อ ใครจะคิดว่า<br />
ฝ่นจะตก เพราะช่วงนั้นไม่ใช่ฤดูฝ่น อาจารย์เฟื้้อท่านก็ตกใจ เพราะนี่คือ<br />
สมบัติแผ่นดินชิ้นสำคัญ ท่านรู้ว่าของแบบนี้สำคัญขนาดไหน แล้วนี่คือภาพ<br />
จิตรกรรมชิ้นเยี่ยมที่ยังไม่มีใครรู้ ที่สำคัญคือมีสาส์นสมเด็จเขียนถึงอีกด้วย”<br />
ครูเทพเล่าถึงเหตุการณ์หลังจากแจ้งให้อาจารย์เฟื้้อทราบ อาจารย์เฟื้้อ<br />
ก็รีบนำเรื่องไปแจ้งให้หม่อมเจ้ายาใจทราบ หลังจากนั้นท่านก็ข้ามกลับไปที่<br />
วัดระฆัังเพื่อรีบไปดูภาพจิตรกรรมชิ้นสำคัญ<br />
“พอขึ้นฝ่ั่งวัดระฆััง คนแก่เดินเร็ว ผมเดินตามไปเนี่ย ท่านก็เดินเลยที่<br />
ที่เราย้ายมาตั้ง เราก็คิดว่ามันเลยไปแล้วนะ ท่านก็เลยไปที่กุฏิิพระ ย่อตัวลง<br />
ทรุดลงนั่งกับพื้นเลย ต่อมาถึงทราบว่าฝ่าไม้กระดานที่ยกไปตั้งเป็นฝ่ีมือของ<br />
ลูกศิษย์ ส่วนงานจิตรกรรมฝ่ีมืออาจารย์นาคยังไม่ได้เอาออกไป เท่ากับตาย<br />
แล้วเกิดใหม่เลย เป็นโชคดีที่ภาพจิตรกรรมฝ่ีมืออาจารย์นาคนั้นยังไม่ได้ถูก<br />
นำไปตั้ง ทำให้ภาพไม่ได้รับความเสียหาย แต่ปัญหาขั้นต่อไปของการดำเนินการ<br />
คือจะมีการป้องการภาพจิตรกรรมเหล่านี้จากฝ่นด้วยวิธีใด เนื่องจาก<br />
อย่างไรก็ต้องนำเอาฝ่ากระดานที่มีภาพจิตรกรรมของอาจารย์นาคไป<br />
ประกอบกับส่วนอื่นของหอไตร ครูเทพเล่าถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่าง<br />
ชาญฉลาดของอาจารย์เฟื้้อ ที่แก้ปัญหาด้วยการนำพลาสติกมาคลุมตัว<br />
อาคารไว้ โดยมีครูเทพเป็นลูกมือของท่าน”<br />
“ปัญหาที่หนักกว่า คือจะแจ้งใคร จะทำยังไง แก้ปัญหายังไง ช่างใน<br />
เวลานั้นก็ไม่มีในขณะที่่ฟ้้ามันมืดเมฆัมาอีกแล้ว ท่านก็โทรศัพท์ให้คนไปซื้อ<br />
พลาสติกยาวๆ เป็นม้วนๆ แล้วให้ผมปีนขึ้นโบสถ์เอาผ้าซ้อนกันพลาสติก<br />
คลุมเลย คลุมซ้อนๆ ทั้งหลัง มันอย่างกับนิยายเลยนะ ปาฏิิหาริย์เลย ถ้าวัน<br />
นั้นผมไม่ปีนขึ้นไปฉิบหายกันหลายเท่าเลย พลาสติกผ้าคลุมซ้ำกันหลายๆ ซ้อน<br />
ตึงไม่ให้ลมมันเข้า”<br />
อาจารย์เฟื้้อในความทรงจำของครูเทพ คืออีกหนึ่งคนที่ทุ่มเทกับการ<br />
บูรณปฏิิสังขรณ์หอพระไตรปิฎกหลังนี้เป็นอย่างมาก ในบางวันอาจารย์เฟื้้อ<br />
ถึงกับถอดหน้าต่างหอไตรออกมาทำการศึกษาเพื่อให้การอนุรักษ์สมบูรณ์<br />
ที่สุด หลังจากนั้นอาจารย์เฟื้้อยังคงทำการอนุรักษ์จิตรกรรมฝ่าผนัง ต่อมา<br />
อีกหลายปีท่านศึกษาค้นคว้าจนทราบถึงลักษณะเดิมของงานจิตรกรรมนั้น<br />
และหากเพียงแต่ล้างทำความสะอาด ก็จะมีสภาพเหมือนเดิม คือเข้ามาแล้ว<br />
ไม่มีอะไรที่น่าสนใจ และในที่สุดก็อาจต้องทิ้งไปเพราะไม่มีใครเห็นคุณค่า<br />
ท่านจึงเริ่มใช้วิธีการอนุรักษ์โดยการพิจารณาว่าสิ่งใดที่มีคุณค่าสำคัญเป็น<br />
งานของช่างฝีีมือชั้นครู ก็ทำการรักษารูปแบบเดิมไว้ โดยไม่มีการแก้ไข ส่วนที่มี<br />
คุณค่าชั้นรองลงมา และทราบถึงลักษณะเดิม ค่อยทำการปรับปรุงแก้ไข<br />
เพื่อให้เห็นถึงคุณค่าของงาน<br />
“เส้นแบบที่ท่านคัดลอก ท่านทำละเอียด โดยท่านจะสอนเสมอว่า<br />
เมื่อจะลอก เราต้องถอยใจเป็นคนที่วาด”<br />
วิธีการหลักๆ ของอาจารย์เฟื้้อคือการลอกงานใส่แผ่น แล้วนำมา<br />
คัดลอกลายเส้น จดสี แล้วกระบวนการเป็นอย่างไร ชุดนั้นยังมีอยู่ไหม<br />
เนื่องจากอาจารย์เฟื้้อมีแนวคิดว่าการแก้ไขต่อเติมผลงานของช่างฝีีมือ<br />
ชั้นครูนั้นเท่ากับลบหลู่และทำลายงานศิลปะ หากอยากจะสร้างสรรค์<br />
ศิลปกรรมใหม่ก็ควรจะแยกออกมาทำต่างหาก ไม่ควรไปก้าวล้ำของโบราณที่<br />
ครูเก่าๆ สร้างสรรค์ไว้<br />
เรื่องราวที่ได้รับการบอกเล่าผ่านความทรงจำของครูเทพ ถูกศิษย์<br />
ผู้เป็นเสมือนลูกอีกหนึ่งคนของอาจารย์เฟื้้อ ทำให้เห็นถึงภาพของความมุ่งมั่น<br />
ทุ่มเท ของผู้ช่วยศาสตราจารย์เฟื้้อ หริพิทักษ์ ที่เสียสละ อุทิศทั้งกายใจ<br />
สติปัญญา ในการที่จะอนุรักษ์มรดกอันเป็นสมบัติล้าค่าของชาติชิ้นนี้ให้คง<br />
อยู่สืบต่อไป<br />
36<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ตู้พระธรรมในหอพระไตรปิฎกประดับลวดลายรดน้ำสวยงามวิจิตร<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
37<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ความงดงามของงานศิลปกรรมประดับบานประตูและบานหน้าต่างของหอไตรวัดระฆััง<br />
38<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
บทบาทของสมาคมสถาปนิกสยามฯ ในการบูรณปฏิิสังขรณ์<br />
อาจารย์วทัญญูู ณ ถลาง<br />
นายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ พ.ศ. ๒๕๑๑-๒๕๒๓<br />
อาจารย์นิจ หิญชีระนันทน์<br />
นายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ พ.ศ. ๒๕๒๔-๒๕๒๕<br />
หอพระไตรปิฎกหลังนี้ได้ชำรุดทรุดโทรมลงโดยลำดับ เริ่มแต่เสา<br />
ตอม่อขาด หลังคารั่ว กระเบื้องกระจังหล่นหาย ตัวไม้ผุ ฝ่าบางกร่อนจนถึง<br />
แตกร้าวและทะลุ จิตรกรรมฝ่าผนังลบเลือน สระตื้นเขินและสกปรก ความ<br />
เสื่อมโทรมดังกล่าวนี้เนื่องมาจากขาดการเอาใจใส่ดูแล นอกจากนี้ต่อมา<br />
ยังมีการสร้างกุฏิิและอาคารอื่นๆ บริเวณเดียวกับบริเวณหอไตร ทำให้<br />
หอพระไตรปิฎกขาดความสง่างาม ทั้งยังเคยใช้เป็นคลังศพ แม้ว่าทางวัด<br />
และกรมศิลปากรจะได้พยายามบูรณปฏิิสังขรณ์ โดยที่ทางวัดเคยอนุญาต<br />
ให้กรมศิลปากรย้ายไปปลูกขึ้นใหม่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ แต่ก็ยังหา<br />
งบประมาณไม่ได้ อีกทั้งในการบูรณะนั้นยังต้องการผู้มีความชำนาญ<br />
ทั้งทางสถาปัตยกรรม จิตรกรรม และอื่นๆ เพื่อบูรณปฏิิสังขรณ์ให้ถูกต้อง<br />
ตามหลักการอนุรักษ์ คณะกรรมาธิการวิชาการสาขาอนุรักษ์ศิลปกรรม<br />
ของสมาคมสถาปนิกสยามฯ ซึ่งได้ทาบทามทางวัดให้มีลิขิตมายังสมาคมฯ<br />
ด้วยเหตุนี้ พระราชธรรมภาณี ผู้รักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสจึงมี<br />
ลิขิตลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ มายังสมาคมสถาปนิกสยาม<br />
ในพระราชูปถัมภ์ ซึ่งในขณะนั้น อาจารย์วทัญญูู ณ ถลาง เป็นนายกสมาคมฯ<br />
โดยที่ท่านเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการอนุรักษ์ของสมาคมสถาปนิกสยามฯ ด้วย<br />
ขอให้คณะกรรมาธิการอนุรักษ์ศิลปกรรมให้ความร่วมมือกับทางวัดในการ<br />
บูรณปฏิิสังขรณ์หอพระไตรปิฎก คณะกรรมาธิการฯ รับสนองคำขอของวัด<br />
และเชิญผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ หลายท่านมาร่วมกันตั้งเป็นคณะอนุกรรมการ<br />
บูรณปฏิิสังขรณ์หอพระไตรปิฎกขึ้นเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๑๑<br />
โดยทูลเชิญศาสตราจารย์หม่อมเจ้ายาใจ จิตรพงศ์ ทรงเป็นประธาน<br />
โดยโครงการนี้ได้มีความต่อเนื่องมาจนถึงสมัยที่อาจารย์นิจ หิญชีระนันทน์<br />
กรรมาธิการอนุรักษ์ศิลปกรรมอีกท่านได้มารับช่วงในตำแหน่งนายกสมาคม<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
39<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
สำหรับคณะกรรมาธิการอนุรักษ์ศิลปกรรมได้นำความกราบบังคม<br />
ทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๙) ถึงโครงการบูรณปฏิิสังขรณ์<br />
ศิลปสถานอาคารไม้หลังนี้ พระองค์ทรงพระมหากรุณา “ชมเชย” การกระทำ<br />
ทั้งนี้ว่า “เป็นความดำริชอบ” และพระราชทานเงินก้นถุงมาให้เป็นประเดิม<br />
สำหรับการบูรณปฏิิสังขรณ์<br />
โดยคณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาและลงมติว่าสถานที่ใหม่ซึ่ง<br />
เหมาะสมที่สุดสำหรับชลอหอพระไตรปิฎกไปประกอบขึ้นใหม่ ได้แก่ บริเวณ<br />
ลานพระอุโบสถในเขตพุทธาวาสทางด้านตะวันตก ซึ่งมีกำแพงรั้วโดยรอบ<br />
สะดวกแก่การดูแลรักษา อนึ่ง หอพระไตรปิฎกที่บูรณะขึ้นใหม่นี้มิได้มุ่งหมาย<br />
ที่จะใช้เป็นหอพระไตรปิฎก คงบูรณะไว้เป็นอาคารสำคัญทางศิลปะและ<br />
ประวัติศาสตร์เท่านั้น<br />
การบูรณะหอพระไตรปิฎก วัดระฆัังฯ เริ่มขึ้นเมื่อ ๑ เมษายน ๒๕๑๓<br />
โดยมีอาจารย์เฟื้้อ หริพิทักษ์เป็นกำลังสำคัญในการบูรณปฏิิสังขรณ์<br />
โดยขั้นตอนการบูรณะเริ่มตั้งแต่การลอกลายจิตรกรรมฝ่าผนังเก็บไว้แล้ว<br />
ทำการบูรณะ และฟื้้นฟืู้จนเห็นเป็นลวดลายชัดเจนสวยงามเช่นปัจจุบัน<br />
บริเวณที่มีการแกะสลักไม้อาจารย์เฟื้้อก็ได้แกะสลักเป็นลายขมวดตาม<br />
ต้นฉบับแล้วลงรักปิดทองจนสมบูรณ์ กระทั่งวันที่ ๑๕ กันยายน<br />
พ.ศ. ๒๕๑๔ การบูรณะก็แล้วเสร็จลง รวมเป็นเวลา ๑ ปี กับ ๔ เดือนครึ่ง<br />
การบูรณะหอพระไตรปิฎกแห่งนี้ นับว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้<br />
อาจารย์เฟื้้อ หริพิทักษ์ ได้รับรางวัลแม็กไซไซ สาขาบริการสาธารณะ เมื่อ<br />
พ.ศ. ๒๕๒๖<br />
การบูรณะครั้งที่ ๒ บริษัทเชลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้นำเงิน<br />
ทูลเกล้าถวายสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ราชสุดาสยามบรมราชกุมารี (พระยศ<br />
ขณะนั้น) เพื่อเป็นทุนสำหรับการบูรณปฏิิสังขรณ์หอพระไตรปิฎก จำนวน<br />
สองล้านบาท เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๔ อาจารย์เฟื้้อ หริพิทักษ์<br />
40<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ภาพถ่ายเก่าหอไตรวัดระฆััง<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
41<br />
ปฐมบท อาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
42<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ (พระยศขณะนั้น)<br />
ขณะเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรหอพระไตรปิฎกกับพระราชธรรมภาณี รักษาการเจ้าอาวาส เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายาน พ.ศ. ๒๕๑๔<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
43<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๙) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระยศขณะนั้น) เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์<br />
มาบำเพ็ญพระราชกุศลฉลองหอพระไตรปิฎก ณ วันเสาร์ แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ รัตนโกสินทร์ศก ๒๐๑ ตรงกับวันที่ ๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๒๕<br />
44<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
45<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอพระไตรปิฎกเมื่อบูรณะเสร็จเรียบร้อยในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี<br />
46<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
อาจารย์นิจกับหอไตรวััดระฆััง<br />
จุดเริ่มต้น . . .<br />
“สุลักษณ์แนะนำให้ผมอ่านหนังสือเรื่องสาส์นสมเด็จ” นี่คือจุดเริ่มต้น<br />
ของอาจารย์นิจ หิญชีระนันทน์ กับหอไตรวัดระฆััง อาจารย์นิจเล่าว่าจากการ<br />
อ่านหนังสือสาสน์สมเด็จทำให้รู้ความสำคัญของหอไตรวัดระฆัังว่าหอไตร<br />
แห่งนี้คือเรือนที่รัชกาลที่ ๑ นำมาถวายวัด แต่เนื่องจากคนไม่ทราบถึง<br />
ความสำคัญของเรือนหลังนี้ จึงมีการใช้งานที่ไม่เหมาะสม เช่น ใช้เป็นกุฏิิ ครัว<br />
หรือแม้กระทั่งที่เก็บศพ เมื่อเห็นถึงความสำคัญ แรงบันดาลใจในการอนุรักษ์<br />
เรือนหลังนี้ก็เกิดขึ้น โดยมีผู้ริเริ่มคือ อาจารย์ ส. ศิวลักษณ์ อาจารย์นิจ และอีก<br />
บุคคลหนึ่งที่อาจารย์นิจเชิญมาทำงานร่วมกันคือ ดร.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา<br />
ความเป็นมาของการอนุรักษ์หอไตร<br />
การอนุรักษ์หอไตรวัดระฆััง เกิดจาก “คนที่มองทะลุเห็นความสำคัญ<br />
ของหอไตร” อาจารย์นิจกล่าวไว้ในเบื้องต้น เมื่อเราสอบถามถึงความเป็นมา<br />
ของการริเริ่มอนุรักษ์หอไตรแห่งนี้ อาจกล่าวได้ว่าโครงการอนุรักษ์หอไตร<br />
วัดระฆััง เกิดจากการที่มีกลุ่มคนที ่มองเห็นความสำคัญของหอไตรวัดระฆััง<br />
เนื่องจากในขณะนั้น หอไตรอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม มีค นำชิ้นส่วนของหอไตร<br />
ไปทาฟื้้น หรือขโมยชิ้นส่วนที่สวยงามไป<br />
การดำเนินการโครงการนี้ “ต้องใช้บารมี” จึงได้มีการเชิญบุคคลสำคัญ<br />
หลายๆ ท่านมาเป็นคณะทำงานเริ่มจากการทูลเชิญ หม่อมเจ้ายาใจ จิตรพงศ์<br />
มาเป็นประธาน เชิญอาจารย์เฟื้้อ หริพิทักษ์ และ Mr. Kenedy มาเป็นที่<br />
ปรึกษาทางด้านศิลปะ ท่านผู้หญิงวรุณยุพา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา คุณฤทัย<br />
ใจจงรัก มาช่วยทำ drawing และหม่อมราชวงศ์รสลิน คัคณางค์ ได้ประทาน<br />
พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ ๑ ไว้ในหอไตร อาจกล่าวได้ว่าการทำงาน<br />
ในครั้งนั้นได้รับความร่วมมือและเต็มไปด้วยบุคคลที่มีคุณค่าสมกับคุณค่า<br />
ของหอไตรแห่งนี้<br />
เรื่องเล่าจากการอนุรักษ์หอไตรวัดระฆััง<br />
เรื่องเล่าจากการอนุรักษ์หอไตรวัดระฆัังของอาจารย์นิจมีมากมาย<br />
ทั้งเรื่องเล่าที่เป็นประสบการณ์ตรงของอาจารย์เอง และเรื่องเล่าจากคนอื่นๆ<br />
ที่เกี่ยวข้อง<br />
เรื่องแรกที่อาจารย์นิจได้เล่าให้เราฟื้ังคือ พระมหากรุณาธิคุณของ<br />
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๙) ที่มีกระแสพระราชดำรัส “ชมเชย”<br />
การกระทำครั้งนี้ว่า “เป็นการดำริชอบ” ทั้งยังพระราชทานพร รวมทั้ง<br />
พระราชทานเงินก้นถุงสำหรับการบูรณะหอไตรวัดระฆัังอีกด้วย<br />
เรื่องต่อมาคือ ข้อสังเกตที่น่าสนใจจากผู้เชี่ยวชาญท่านอื่นๆ เช่น<br />
อาจารย์นิจเล่าถึงข้อสังเกตที่อาจารย์ภิญโญ สุวรรณคีรี ได้สันนิษฐานไว้ว่า<br />
เดิมหอไตรอาจจะมีเพียงแค่ ๒ หลัง แต่มีการต่อเติมหลังคาตรงกลาง และ<br />
ข้อสังเกตที่ ดร.สุเมธได้ตั้งไว้ว่าตอนตั้งเสาอาจไม่ได้นึกถึงความมั่นคงเลย<br />
ตั้งเฉยๆ แต่ไม่ได้เป็นอันตรายสามารถปรับได้<br />
และเรื่องสุดท้ายคือ เกร็ดในการอนุรักษ์ที่ได้รับความร่วมมืออย่าง<br />
บังเอิญในหลายๆ ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ได้ช่างทำกระเบื้องเทพนม<br />
แบบโบราณจากชลบุรี เรื่องประตูที่มีปัญหาเรื่องการเสื่อมสภาพจากสภาพ<br />
อากาศจึงคิดกันว่า จะทำบานใหม่และเก็บบานเก่าไว้ดู และได้สล่าจากลำพูน<br />
มาแกะสลักไม้ ซึ่งทำออกมาได้เหมือนของดั้งเดิม และเรื่องการอนุรักษ์<br />
ลายรดน้ำที่หน้าต่าง ซึ่งอาจารย์เฟื้้อเป็นผู้สังเกตเห็น แต่ในขณะนั้นราคา<br />
ทองสูง แต่ก็ด้วยความบังเอิญที่ ดร.สุเมธ รู้จักกับเจ้าหน้าที่ที่บริษัทเชลล์<br />
จึงได้รับสนับสนุนงบประมาณในโอกาสที่บริษัทครบ ๒๐๐ ปี นำไปซื้อทอง<br />
มาเพื่อบูรณะหอไตร ความร่วมมือที่เกิดขึ้นอย่างบังเอิญเหล่านี้ อาจารย์นิจ<br />
กล่าวว่าเป็นความบังเอิญที่เสมือนมีสายใยมาเชื่อมต่อกัน ทำให้การอนุรักษ์<br />
หอไตร วัดระฆััง สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี<br />
เรื่องอื่นๆ<br />
ช่วงท้ายของโครงการได้มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันระหว่างหม่อมเจ้า<br />
ยาใจกับอาจารย์เฟื้้อ เนื่องจากอาจารย์เฟื้้อท่านได้เคยไปดูที่วังสวนผักกาดแล้ว<br />
เห็นว่าเรือนโบราณต้องมีที่ชานพักด้านหน้า แต่หอไตรวัดระฆัังไม่เคยปรากฏิ<br />
มาก่อน แต่ก็น่าจะทำ สุดท้ายอาจารย์เฟื้้อท่านจึงลาออก และเซ็นเช็คไว้<br />
จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท ให้มูลนิธิคณะกรรมาธิการอนุรักษ์ฯ<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
47<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ต้นแบบของการอนุรักษ์์ทีมาจากควัามร่่วมมือของหลายฝ่าย<br />
(ผานบทสัมภาษณ ์ อาจารย์สุลักษณ ์ ศิวร ักษ์์)<br />
หากจะถามถึงฟื้ันเฟื้้องสำคัญในการบูรณปฏิิสังขรณ์หอพระไตรปิฎก<br />
วัดระฆัังโฆัสิตาราม นอกจากอาจารย์เฟื้้อ หริพิทักษ์แล้ว บุคคลสำคัญอีก<br />
ท่านหนึ่งผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการบูรณะหอพระไตรปิฎกในครั้งนั้น<br />
ก็คือ “อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์”<br />
“สมเด็จกรมพระยานริศฯ ท่านเขียนว่าหอไตรนี้วิเศษอย่างไร แต่ทีนี้<br />
ก็ทางวัดก็ไม่ได้เหลียวแล มีสระที่ขุดรอบหอไตร น้าเหม็นเน่าหมดเลย<br />
หอไตรก็ผุพัง”<br />
อาจารย์สุลักษณ์เริ่มเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการบูรณปฏิิสังขรณ์<br />
หอพระไตรปิฎกว่า เกิดจากพระนิพนธ์ของสมเด็จเจ้าฟื้้ากรมพระยานริศรา<br />
นุวัดติวงศ์ที่กล่าวถึงความงดงามและคุณค่าของหอพระไตรปิฎกแห่งนี้<br />
ซึ่งในช่วงเวลานั้น ถูกปล่อยให้ผุพังไปตามกาลเวลา อาจารย์เฟื้้อจึงได้มาขอให้<br />
ท่านช่วยประสานงานกับทางวัดเพื่อดำเนินการบูรณะ เพราะหอพระไตรปิฎก<br />
แห่งนี้เป็นศาสนสถานที่มีความสำคัญ และนี่คือจุดเริ่มต้นตัวอย่างงานด้าน<br />
การอนุรักษ์ที่เป็นแบบอย่างที่ดีมาจนถึงปัจจุบัน<br />
“ก่อนจะถึงจุดนี้ ผมจะเล่าให้ฟื้ัง ตอนนั้นอาจารย์เฟื้้อมาหาผม<br />
ผมทำปริทรรศน์เสวนา มีเด็กรุ่นใหม่ประชุมกันที่วัดบวรนิเวศ บริเวณโบสถ์<br />
ร้างวัดรังสีสุทธาวาส ซึ่งภายหลังเป็นส่วนหนึ่งของวัดบวรนิเวศวิหาร<br />
อาจารย์เฟื้้อมาหาผมที่นั่น ผมก็ชวนเด็กทั้งหมดข้ามไปวัดระฆััง แต่ก่อนยัง<br />
ไม่มีสะพานปิ่นเกล้า ข้ามเรือไป ไปถึงผมก็ชวนเด็กๆ อธิษฐานกัน เด็กจะ<br />
เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่นะ ว่าถ้ามีบุญบารมีเทวดาอารักษ์ ขอให้บูรณปฏิิสังขรณ์<br />
หอไตรให้สำเร็จ ก็เริ่มจากจุดนี้”<br />
จากคำบอกเล่าของอาจารย์สุลักษณ์ ที่ตั้งเดิมของหอพระไตรปิฏิก<br />
เดิมอยู่กลางน้ำ และทางวัดสร้างเมรุอยู่ข้างๆ หอไตร ทำให้มีการนำโลงศพ<br />
มาไว้ที่หอพระไตรปิฎกแห่งนี้ หอพระไตรปิฎกในขณะนั้นจึงอยู่ในสภาพ<br />
ทรุดโทรมและสกปรก หลังจากที่อาจารย์เฟื้้อมาขอความช่วยเหลือจาก<br />
อาจารย์สุลักษณ์ ท่านจึงได้เข้าพบเจ้าคุณละมุน (รองเจ้าอาวาสในขณะนั้น) เพื่อ<br />
ขออนุญาตทำการบูรณปฏิิสังขรณ์หอพระไตรปิฎก พร้อมทั้งได้กราบทูลเชิญ<br />
หม่อมเจ้ายาใจ โอรสสมเด็จเจ้าฟื้้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ซึ่งขณะนั้น<br />
ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะมัณฑณศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มาเป็นประธาน<br />
คณะกรรมการในการอนุรักษ์<br />
“ผมก็ข้ามเรือจากวัดระฆัังมา ตอนนั้นท่านยาใจท่านเป็นคณบดี<br />
คณะมัณฑณศิลป์ ผมก็เรียนท่านว่า ฝ่่าบาท ช่วยหน่อยเถอะ ขอกราบเชิญ<br />
เป็นประธานบูรณะหอไตร ท่านก็ตอบตกลง ท่านเสด็จมาทางวัดก็ต้อนรับดี”<br />
เรื่องราวที่ถ่ายทอดผ่านความทรงจำของบุคคลผู้มีส่วนสำคัญในการ<br />
บูรณปฏิิสังขรณ์หอพระไตรปิฎกอย่างอาจารย์สุลักษณ์ ทำให้เห็นภาพที่<br />
ชัดเจนอย่างหนึ่งว่าการดำเนินการบูรณะหอพระไตรปิฎกในครั้งนั้น เกิดจาก<br />
ความร่วมมือกันของหลายฝ่่าย เช่น การสนับสนุนงบประมาณในการบูรณะ<br />
จากหม่อมหลวงเนื่องพรที่ทำการหล่อพระสมเด็จพุทธาจารย์ และนำเงินที่<br />
ได้มาช่วยในการบูรณปฏิิสังขรณ์ หรืองบประมาณจากบริษัทเชลล์<br />
(ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีหม่อมราชวงศ์สฤษดิคุณ กิติยากร ดำรงตำแหน่ง<br />
ผู้จัดการใหญ่ในขณะนั้น รวมทั้งการร่วมมือทำงานของผู้เชี่ยวชาญในด้าน<br />
ต่างๆ เช่น อาจารย์เฟื้้อ หริพิทักษ์ อาจารย์นิจ หิญชีระนันทน์ อาจารย์<br />
สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา สมาคมสถาปนิกสยามฯ สยามสมาคม มูลนิธิ<br />
เสถียรโกเศศ นาคะประทีป ที่ต่างล้วนประสานงานกันเป็นอย่างดีและ<br />
48<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ที่สำคัญที่สุด คือ พระกรุณาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๙)<br />
ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “เงินก้นถุง” มาให้ในการดำเนินการ<br />
ครั้งนี้ ประดุจกำลังใจสำคัญให้คณะทำงานต่างมุ่งมั่นในการอนุรักษ์จนทำให้<br />
การบูรณะในครั้งนั้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี<br />
ความสำคัญของหอพระไตรปิฎกแห่งนี้ที่อาจารย์สุลักษณ์เห็นว่า<br />
คือ “ความพิเศษ” คือภาพจิตรกรรมฝ่าผนังภายในอาคารหอไตร ซึ่งเป็น<br />
ฝีีมือพระอาจารย์นาค และสำหรับอาจารย์สุลักษณ์ อาจารย์เฟื้้อก็เป็น<br />
ดังหัวใจของการบูรณปฏิิสังขรณ์ในครั้งนั้น เพราะอาจารย์เฟื้้อคือแม่งานหลัก<br />
ในการอนุรักษ์ครั้งนี้นี่เอง<br />
“เพราะที่สำคัญ หอไตรมันพิเศษไม่มีที่ไหนหรอก หอไตรไม้ที่่ฝาผนัง<br />
เขียนรูป วิเศษที่สุดเลย อาจารย์เฟื้้อท่านเห็นฝีีมือพระอาจารย์นาค ซึ่ง<br />
ก่อนหน้านี้มองไม่เห็น แต่อาจารย์เฟื้้อท่านไปเจาะจนเห็นหมด รวมทั้งประตู<br />
ทางขึ้น ท่านเชื่อว่าเป็นฝีีมือสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ก่อนเข้าทำประตู<br />
วัดสุทัศน์ ท่านบอกว่านี่สำคัญต้องเก็บรักษาไว้ ตากแดดตากฝ่นไม่ได้ ก็ต้อง<br />
ทำใหม่ อาจารย์เฟื้้อท่านเก่งนะ ท่านไปหาช่างที่ลำพูน ท่านบอกช่างคนนี้<br />
ทำได้เหมือนเก่าเลย ส่วนของเดิมก็เก็บไว้ในหอพระไตรปิฎก”<br />
หอไตรวัดระฆััง จึงนับเป็นต้นแบบที่ดีในการอนุรักษ์สถาปัตยกรรม<br />
แบบไทยประเพณี เป็นการดำเนินการที่รักษาทั้งของเก่า และประยุกต์เอา<br />
ความรู้ใหม่เข้ามาช่วยให้การดำเนินการบูรณะเป็นไปในแนวทางที่ดี และ<br />
ท้ายที่สุด อาจารย์สุลักษณ์ได้ให้แนวคิดถึงการดำเนินการอนุรักษ์ที่ควรจะเป็น<br />
ในปัจจุบันว่า สิ่งสำคัญคือ “ความเข้าใจถึงคุณค่าของสิ่งที่เราจะอนุรักษ์<br />
และยอมรับความจริงว่าบางอย่างนั้นต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับบริบท<br />
ในปัจจุบัน”<br />
“ประการแรกการอนุรักษ์ต้องเข้าใจว่าของเก่าเขาเป็นอย่างไร เราต้อง<br />
เห็นความงามของของเก่า อย่างหอไตรนี้ สมเด็จกรมพระยานริศฯ ท่านมี<br />
ส่วนสำคัญมากเลย ท่านเขียนไว้เลยว่าสถาปัตยกรรมงามอย่างไร กระเบื้อง<br />
เป็นยังไง อะไรต่ออะไรต่างๆ ท่านบอกไม่มีที่ไหนเหมือน เราได้ข้อเขียนท่าน<br />
เป็นแนวหลัก อาจารย์เฟื้้อก็เป็นผู้ที ่เชี่ยวชาญมากเลย อุทิศชีวิตทั้งหมด<br />
คัดลอกภาพหอไตร ซึ่งไม่มีใครทำได้ คุณจะทำชุ่ยๆ ก็ไม่ได้ ต้องเป็นคนที่รู้<br />
เรื่องจริงๆ เข้าถึงความเป็นเลิศจริงๆ ถึงทำได้”<br />
“อีกประการหนึ่งนอกจากความพยายามที ่จะรักษาสิ่งเดิมไว้ให้ได้<br />
มากที่สุดก็คือ การที่เราต้องยอมรับความจริงถึงการเปลี่ยนแปลงบางประการ<br />
อย่างที่ตั้งดั้งเดิมนั้น จริงๆ เราก็ไม่อยากย้าย แต่ไม่มีทางเลือกอื่นซึ่งใน<br />
ช่วงนั้น จะให้เราขุดสระให้เหมือนสภาพเดิมเราก็ทำไม่ได้แล้ว ก็เลยต้องย้าย<br />
ที่ตั้งและไม่มีสระเหมือนของเดิม รวมถึงบางอย่าง เช่น ไม้ซึ่งเก่าและ<br />
ทรุดโทรมแล้วก็ต้องเปลี่ยนเท่าที่ทำได้ เราต้องยอมรับความจริงว่าบางอย่าง<br />
มันต้องเปลี่ยนเพื่อที่จะรักษาคุณค่าไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ หอไตร<br />
แต่ก่อนมันต้องอยู่กลางสระ กันไฟื้ไหม้ กันปลวกขึ้น แต่ตอนนี้การใช้งานก็<br />
ไม่ใช่หอไตรแล้ว หนังสือพระธรรมต่างๆ ก็เอาไว้ที่อื่นแล้ว การบูรณปฏิิสังขรณ์<br />
จึงเพื่อเป็นการรักษาไว้ในฐานะศิลปสถาน ในฐานะสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า<br />
เท่านั้นเอง”<br />
เรื่องเล่าผ่านห้วงความทรงจำของอาจารย์สุลักษณ์ และแนวความคิด<br />
ดีๆ ที่สอดแทรกในเรื่องราวต่างๆ ทำให้เห็นถึงความพยายามในการ<br />
จะอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมของคนรุ่นพ่อแม่ ที่พยายามจะรักษามรดก<br />
อันทรงคุณค่าไว้ให้แก่รุ่นลูกหลานในปัจจุบัน ทำให้เราได้ชื่นชมความสวยงาม<br />
ของมรดกทางวัฒนธรรมที่เกิดจากการอนุรักษ์ด้วยหัวใจของผู้ที่รู้ค่าของ<br />
สิ่งเหล่านี้อย่างแท้จริง<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
49<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
การอนุรักษ์์งานสถาปัตยกรรมทีมาจากการตระหนักในคุณคาทางประวััติศาสตร์<br />
(ผานบทสัมภาษณ ์ ดร.สุเมธิ ชุมสาย ณ อยุธิยา)<br />
ที่ไม่ใช่สถาปนิกเข้ามาร่วมกัน มีการประชุมกันที่บ้านของคุณพินิจ สมบัติศิริ<br />
คุณพินิจให้สถานที่และรับตำแหน่งประธาน ผมเป็นเลขา คือตัววิ่งประสานงาน<br />
ต่างๆ”<br />
แม้อาจารย์เฟื้้อ หริพิทักษ์ จะถือว่าเป็นต้นเรื่องในการเริ่มดำเนินการ<br />
อนุรักษ์หอพระไตรปิฎกแห่งนี้ แต่ในขณะเดียวกัน อาจารย์นิจ หิญชีระนันทน์<br />
ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีส่วนในการเริ่มต้นการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎกแห่งนี้ อาจ<br />
กล่าวได้ว่าเป็นที่ต่างฝ่่ายต่างเห็นคุณค่าความสำคัญโดยไม่ทราบกันมาก่อน<br />
และในท้ายที่สุดก็ได้ร่วมกันทำการบูรณปฏิิสังขรณ์จนหอพระไตรปิฎก<br />
วัดระฆัังกลับมาสวยสง่าดังเดิมอีกครั้ง ดร.สุเมธถ่ายทอดเรื่องราวจุดเริ่มต้น<br />
การบูรณะผ่านมุมมองในฐานะบุคคลที่ใกล้ชิดอาจารย์นิจว่า อาจารย์นิจคือผู้ที่<br />
“จุดเริ่มต้นคือสมัยรับราชการที่สำนักผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ทำให้ท่านได้รู้จักกับหอไตรวัดระฆััง โดยการพานั่งเรือข้ามฟื้ากไปฝั่่งธนบุรี<br />
กองผังเมืองรวม หัวหน้ากองคือคุณนิจ ผมเป็นผู้ช่วย ผมเพิ่งกลับมาจาก เพื่อไปดูวัดระฆััง พร้อมชี้ให้ดูเรือนไม้สภาพทรุดโทรมหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่กลาง<br />
ยุโรปได้ไม่นาน กลับมารับราชการที่สำนักผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ด้วย สระน้ำ<br />
ความที่จากบ้านเมืองไปนานก็ไม่รู้อะไร คุณนิจหัวหน้าก็จูงมือผมไปกิน “มีวันหนึ่งคุณนิจพาข้ามไปฝ่ั่งธนฯ พาไปวัดระฆัังไปขึ้นที่ท่าวัดระฆััง<br />
ก๋วยเตียวรอบกระทรวงมหาดไทย คุณนิจเป็นนักประวัติศาสตร์และนักคิดที่ ไปดูหอไตร ซึ่งอยู่ในสระน้าเน่า เสาผุ ผมแปลกใจว่าอยู่ได้ไงเพราะผุ เสาบางต้น<br />
ลึกมาก เขาชี้ให้ดูถนนแห่งแรกของกรุงเทพคือเจริญกรุงและบำรุงเมือง ขาดไปเลย หอไตรตั้งอยู่ แต่โทรม เดินเข้าไปเห็นจิตรกรรมฝ่าผนังที่แปลกกว่า<br />
ตอนแรกๆ ก็พาไปดูรอบๆ แถวกระทรวงมหาดไทยที่เป็นย่านโบราณ...” ที่อื่นแต่ก็มัวหมอง”<br />
ดร.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา เริ่มเล่าจุดเริ่มต้นของการเข้ามามี นอกจากนี้อาจารย์นิจยังได้เล่าให้ ดร.สุเมธทราบถึงประวัติของ<br />
ส่วนร่วมในการทำงานอนุรักษ์ โดยบุคคลสำคัญที่มีส่วนในการจุดประกาย เรือนไม้หลังนี้ ที่อ่านพบในหนังสือสาส์นสมเด็จและเอกสารอื่นๆ ว่า แต่เดิม<br />
การทำงานด้านการอนุรักษ์ของ ดร.สุเมธ คือ อาจารย์นิจ หิญชีระนันทน์ เรือนหลังนี้เป็นบ้านของพระราชวรินทร์ ซึ่งรับราชการในพระบาทสมเด็จ<br />
หัวหน้ากองผังเมืองรวม ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาในขณะนั้น ในช่วงเวลานั้นเอง พระเจ้ากรุงธนบุรี เมื่อพระราชวรินทร์ได้เลื่อนตำแหน่ง จึงได้ถวายเรือนที่<br />
กระแสการอนุรักษ์อาคารโบราณสถานต่างๆ กำลังค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ทำให้ อาศัยอยู่ข้างวัดให้กับวัดระฆััง เมื่อถวายให้วัดก็ได้กลายเป็นกุฏิิอยู่ที่วัด ต่อมา<br />
สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ในขณะนั้นได้ตั้งคณะกรรมาธิการ พระราชวรินทร์หรือพระยาจักรี ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จ<br />
ขึ้นคณะหนึ่ง คือ “คณะกรรมาธิการสาขาอนุรักษ์ศิลปกรรม” และโครงการ พระพุทธยอดฟื้้าจุฬาโลกฯ ก็ทรงคิดถึงเรือนเก่า จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าฟื้้าฉิม<br />
บูรณปฏิิสังขรณ์หอไตรวัดระฆัังก็เป็นหนึ่งในโครงการที่คณะกรรมาธิการ พระราชโอรสไปดูว่ายังอยู่หรือไม่ เมื่อทรงทราบว่าเรือนยังอยู่จึงโปรดเกล้าฯ<br />
ชุดนี้ได้ริเริ่มทำเกี่ยวกับการอนุรักษ์<br />
ให้เจ้าฟื้้าฉิมดัดแปลงเป็นหอพระไตรปิฎกในสระน้ำ มุงหลังคาใหม่ด้วยกระเบื้อง<br />
“ช่วงนั้นกำลังมีกระแสการอนุรักษ์ สมาคมสถาปนิกสยามฯ ก็มีการ และอาราธนาพระอาจารย์นาคมาเขียนภาพจิตรกรรมฝ่าผนัง และอีกสิ่งสำคัญ<br />
จัดตั้งกรรมาธิการสาขาอนุรักษ์ศิลปกรรม โดยกรรมาธิการชุดนี้มีทั้งกรรมาธิการอย่างหนึ่งของหอพระไตรปิฎกแห่งนี้คือ ภาพสลักบานประตูนอกชาน<br />
50<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ทางเข้าหอพระไตรปิฎก ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเจ้าฟื้้าฉิมทรงงานด้วยพระองค์เอง<br />
“เจ้าฟื้้าฉิมแกะสลักบานประตูเป็นฝ่ีพระหัตถ์ จากรูปถ่ายจะเห็นว่าทำ<br />
ขึ้นใหม่ เพราะบานดั้งเดิมเก็บไว้ข้างใน เนื่องจากซ่อมไม่ได้แล้ว แล้วเอา<br />
บานที่ทำใหม่ไว้ด้านนอก”<br />
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ทางด้านอาจารย์เฟื้้อ หริพิทักษ์ และอาจารย์<br />
สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ก็ได้เริ่มดำเนินการเพื่ออนุรักษ์หอพระไตรปิฎกแห่งนี้เช่นกัน<br />
และในที่สุดทั้งสองกลุ่มก็ได้มาร่วมกันทำงาน และจัดตั้งขึ้นเป็นคณะ<br />
อนุกรรมการเพื่อทำการบูรณปฏิิสังขรณ์หอพระไตรปิฎกขึ้นโดยเฉพาะ<br />
ในการนี้มีหม่อมเจ้ายาใจ จิตรพงศ์ เป็นประธานการดำเนินการ และให้<br />
คำปรึกษาเรื่องการอนุรักษ์ส่วนที่เป็นงานสถาปัตยกรรม หม่อมเจ้ายาใจทรง<br />
เป็นนักอนุรักษ์สมัยใหม่ที่ใช้วิธีการอนุรักษ์รูปแบบใหม่ผสมผสานกับ<br />
การอนุรักษ์ของเก่า ทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างงานสถาปัตยกรรม<br />
ดั้งเดิมและสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นใหม่ โดยหม่อมเจ้ายาใจทรงตัดสินให้ย้ายหอไตร<br />
ออกไปจากสระเดิมมาตั้งอยู่ที่ใหม่ อีกทั้งโปรดให้ประกอบเรือนขึ้นใหม่บนดิน<br />
ตัดเสาออก และเปลี่ยนเป็นเสาคอนกรีตเปลือยและท่านยาใจได้มอบหมายให้<br />
ดร.สุเมธ เป็นผู้ออกแบบเสาใหม่ ซึ่งดร.สุเมธ ได้เล่าว่าเกิดความผิดพลาดขึ้น<br />
ในการออกแบบ เนื่องจากดร.สุเมธไม่ได้ออกแบบให้เสามีลักษณะ “สอบเข้า”<br />
ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของเรือนไทย ที่ต้อง “สอบเข้า” ทั้งเสาและตัวเรือน<br />
ทำให้เมื่อยกเรือนขึ้นมาบนเสา เสาและผนังของตัวเรือนจึงผิดศูนย์ ซึ่งถ้า<br />
ไม่ใช่สถาปนิกหรือวิศวกรจะไม่สังเกตเห็นข้อผิดพลาดนี้<br />
“ตอนยกเรือนมาตั้ง เกือบตกเพราะไม่ได้ศูนย์กัน ความที่ไม่มี<br />
ประสบการณ์ เรือนไทยเนี่ยเสาจะสอบเข้า ผมทำมาตรงๆ นี่คือสถาปัตยกรรม<br />
ไทยพวกผนังก็สอบเข้า ความที่ไม่รู้พอเอามาตั้งเกือบตก เสามันไม่ได้ศูนย์<br />
ส่วนเสาก็เป็นคอนกรีตเปลือยตามคอนเซปต์ของท่านยาใจ”<br />
นอกจากนี้ ดร.สุเมธในฐานะที่ “เด็ก” ที่สุดในช่วงนั้น ก็รับหน้าที่<br />
ในการประสานงานหลายๆ อย่างดร.สุเมธ จึงถือว่าเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญ<br />
ในการช่วยหางบประมาณ โดยเฉพาะ “เงินก้นถุง” ที่ได้รับพระราชทานจาก<br />
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๙) ซึ่งเกิดขึ้นจากที่ ดร.สุเมธ<br />
ได้เล่าเรื่องหอพระไตรปิฎกให้หม่อมเจ้าหญิงลุอิสา (Luisa) ท่านแม่ของ<br />
หม่อมราชวงศ์ดิศนัดดา ดิศกุล ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนที่อังกฤษของดร.สุเมธฟื้ัง<br />
ท่านหญิงจึงได้นำความไปกราบทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๙)<br />
พระองค์ได้พระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “เงินก้นถุง” ให้ เพื่อนำไป<br />
อนุรักษ์หอพระไตรปิฎกหลังนี้ไว้ หลังจากนั้นดร.สุเมธ ก็ได้มีโอกาสไปเฝ้้า<br />
หม่อมเจ้าปิยะรังสิต รังสิต และหม่อมเจ้าสนิทประยูรศักดิ รังสิต เพื่อขอ<br />
สนับสนุนงบประมาณในการอนุรักษ์ ซึ่งได้รับความกรุณาเช่นกัน หลังจาก<br />
นั้นเงินบริจาคเพื่อดำเนินการบูรณปฏิิสังขรณ์ก็มีมาเรื่อยๆ จนทำให้การ<br />
ดำเนินงานเป็นไปได้ด้วยดี<br />
ส่วนงานจิตรกรรมที่ถือเป็นหัวใจของหอพระไตรปิฎกแห่งนี้ ก็ได้<br />
อาจารย์เฟื้้อ หริพิทักษ์ เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการดำเนินงานอนุรักษ์จนทำให้<br />
ความงดงามทรงคุณค่าของภาพจิตรกรรมฝ่ีมือพระอาจารย์นาค ปรากฏิสู่<br />
สายตาทุกคนจวบจนทุกวันนี้<br />
“หอไตรแต่เดิมเป็นกุฏิิ ก่อนจะถูกใช้เป็นที่เก็บหีบศพ แล้วก็ใช้เป็น<br />
เรือนครัว ซึ่งไม่ทราบว่าอันไหนมาก่อนมาหลัง บริเวณผนังก็ถูกขี้เขม่าจับจน<br />
ดูไม่ออกว่าเป็นจิตรกรรมฝ่าผนังชั้นเยี่ยม อาจารย์เฟื้้อใช้สำลีชุบน้ำค่อยๆ<br />
ล้างออกจนเห็นความงดงามแต่เดิม”<br />
หลังจากนั้นประมาณ พ.ศ. ๒๕๒๓ หรือในช่วงก่อนที่กรุงรัตนโกสินทร์<br />
จะครบ ๒๐๐ ปี ดร.สุเมธ ก็ได้พบอาจารย์เฟื้้ออีกครั้งโดยบังเอิญที่<br />
หอศิลป์เจ้าฟื้้า ทำให้ทราบว่าอาจารย์เฟื้้อยังคงทำการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎก<br />
อยู่และยังไม่สำเร็จ<br />
“ผมมีหน้าที่วิ่งเต้นอะไรต่ออะไรก็ลืมไป เจออาจารย์เฟื้้ออีกทีหลายปี<br />
ต่อมาที่หอศิลป์ อาจารย์เฟื้้อบอกว่าคุณสุเมธคุณทิ้งผมไปเลยนะ ผมก็ลืมไป<br />
เลยตอนนั้นนะ ผมใจทรุดเลยตอนนั้น อาจารย์เฟื้้อพูดว่าอีกปี สองปี<br />
พระนครจะครบสองร้อยปี อยากให้งานอนุรักษ์หอไตรนี้สำเร็จบริบูรณ์ จะช่วย<br />
ผมได้ไหม”<br />
ในช่วงนั้นเอง ดร.สุเมธ เล่าว่าเป็นความบังเอิญที่แสนมหัศจรรย์<br />
หม่อมราชวงศ์สฤษดิคุณ กิติยากร เพื่อนมหาวิทยาลัยที่อังกฤษ ซึ่งขณะนั้น<br />
ดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่บริษัทเชลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้โทรศัพท์มา<br />
ขอคำปรึกษาจากดร.สุเมธ เรื่องโครงการที่จะทำเนื่องในโอกาสฉลอง<br />
พระนคร ๒๐๐ ปี และในที่สุดบริษัทเชลล์ก็เข้ามาสนับสนุนงบประมาณใน<br />
การอนุรักษ์หอพระไตรปิฎก วัดระฆััง จนเสร็จสมบูรณ์ทันฉลองพระนคร<br />
ครบ ๒๐๐ ปี เป็นความมหัศจรรย์ที่ทำให้เกิดความร่วมมือจากหลายๆ ฝ่่าย<br />
จนทำให้ในที่สุด “หอพระไตรปิฎกวัดระฆัังโฆัสิตาราม” ก็เสร็จสมบูรณ์<br />
ด้วยดี เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าแก่ลูกหลานจวบจนปัจจุบัน<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
51<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
๒<br />
ก่อตั้งกรรมาธิ่การ<br />
สถาปัตยกรรมไทยประเพณี่
ควัามเป็นมาของการกอตังกรรมาธิิการอนุรักษ์์ฯ ไทยประเพณี<br />
๔๐ ปี กรรมาธิิการอนุรักษ์์ฯ จากหอไตรมาสูหอไตร<br />
นับตั้งแต่เริ่มการก่อตั้งสมาคมสถาปนิกสยามฯ มา การอนุรักษ์<br />
สถาปัตยกรรมก็ได้เป็นกิจกรรมที่ทางสมาคมให้ความสำคัญมาโดยตลอด<br />
มีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรม เพื่อทำหน้าที่ใน<br />
การรณรงค์ส่งเสริมการอนุรักษ์งานศิลปสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่าให้คงอยู่<br />
เพื่อเป็นมรดกของชาติต่อไป โดยถือเป็นประเพณีนิยมที่จะมีการพิจารณาให้<br />
รางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น เพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้ครอบครองโบราณสถานที่<br />
ดูแลรักษาและอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ในแต่ละปีเป็นประจำต่อเนื่องมา นอกจาก<br />
รางวัลสำหรับอาคารก็ยังมีรางวัลประเภทบุคคล และองค์กรที่ทำคุณประโยชน์<br />
ทางด้านการอนุรักษ์อีกด้วย แต่การลงมือปฏิิบัติอย่างเป็นรูปธรรมใน<br />
การอนุรักษ์อาคาร กลับมีเพียงครั้งเดียวในการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎก<br />
วัดระฆัังโฆส ิตาราม ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๓ เมื่อนายทวีจิตร จันทรสาขา<br />
มาดำรงตำแหน่งนายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ ได้มีแนวความคิดที่จะให้<br />
สมาคมได้ทำงานด้านการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไทยประเพณีให้มีความชัดเจน<br />
ด้วยการจัดให้มีโครงการที่สามารถเป็นตัวอย่างของการอนุรักษ์สถาปัตยกรรม<br />
ที่ดีได้ เพื่อแสดงบทบาทของวิชาชีพสถาปนิกที่มีต่อสังคมได้อีกครั้ง โดยมี<br />
เป้าหมายให้สมาชิกของสมาคม และสาธารณชนเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการนี้<br />
ให้มากที่สุด จึงได้ขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ<br />
พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๓ เพื่อจัดตั้ง “กรรมาธิการอนุรักษ์ฯ ด้าน<br />
สถาปัตยกรรมไทยประเพณี” ขึ้น เพื่อให้ดูแลงานด้านการอนุรักษ์<br />
สถาปัตยกรรมไทยประเพณีอย่างเป็นรูปธรรมอีกครั้ง นำนโยบายดังกล่าวไป<br />
สู่การปฏิิบัติ โดยมอบให้ ดร.วสุ โปษยะนันทน์ สถาปนิกชำนาญการพิเศษ<br />
(ตำแหน่งในขณะนั้น) สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากรเป็นผู้รับผิดชอบ<br />
จัดตั้งคณะกรรมาธิการที่มาจากหลายหน่วยงาน หลายสถาบัน ทั้งภาครัฐ<br />
และเอกชน โดยทำหน้าที่เป็นผู้ริเริ่มในการจัดเตรียมข้อมูลเบื้องต้น ลงสำรวจ<br />
พื้นที่โดยคัดเลือกเป้าหมายการดำเนินงาน จากเกณฑ์ ๓ ประการ ได้แก่<br />
เป็นผลงานสถาปัตยกรรมไทยประเพณีที่มีคุณค่า มีความจำเป็นในการบูรณะ<br />
อย่างเร่งด่วน และผู้ครอบครองดูแลอาคารมีความสมัครใจในการดำเนินงาน<br />
ในที่สุดได้ข้อสรุปเป้าหมายของโครงการ คือ หอไตรวัดเทพธิดาราม ที่อยู่ใน<br />
สภาพวิกฤตที่ต้องการการอนุรักษ์อย่างเร่งด่วน ถึงพร้อมตามปัจจัยข้างต้น<br />
ทั้งหมด ทั้งยังมีงานก่อสร้างและตกแต่งทางสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย<br />
รวมศาสตร์ของงานช่างครบเกือบทุกประเภท จึงนำมาสู่โครงการอนุรักษ์<br />
หอพระไตรปิฎกอีกครั้งเมื่อเวลาได้ผ่านมาถึง ๔๐ ปีนับตั้งแต่การก่อตั้ง<br />
คณะกรรมาธิการอนุรักษ์ และเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้สมาชิกของสมาคม<br />
สถาปนิกสยามฯ ที่สนใจงานด้านการอนุรักษ์มาร่วมกันสำรวจรังวัดจัดทำ<br />
แบบบูรณะอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ จึงได้เกิดแนวคิด “อาษ์า อาสา<br />
สถาปัตยกรรมไทย” ขึ้น ซึ่ง “อาษา” หมายถึง ASA : The Association<br />
of Siamese Architects Under Royal Patronage หรือสมาคมสถาปนิก<br />
สยามฯ “อาสา” หมายถึงโดยการทำงานของอาสาสมัคร เพื่อการอนุรักษ์<br />
“สถาปัตยกรรมไทย” มีการรับอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการทั้งที่เป็นสมาชิก<br />
ของสมาคม และผู้ที่มีความสนใจที่จะเรียนรู้การทำงานด้านการอนุรักษ์โดย<br />
ทั่วไป มาร่วมกันเก็บข้อมูลทางสถาปัตยกรรมของโบราณสถานเพื่อนำไป<br />
จัดทำเป็นแบบบูรณะ และเป็นการศึกษาข้อมูลทางวิชาการด้านสถาปัตยกรรม<br />
ไทยไปพร้อมๆ กัน เป็นการทำงานนอกเวลางานประจำของแต่ละคน<br />
ด้วยความสมัครใจ รวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูลของโครงการ การทำ<br />
นิทรรศการ และสื่อในรูปแบบต่างๆ<br />
54<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
การทำงานของคณะกรรมาธิการอนุรักษ์ฯ ไทยประเพณี และอาสาสมัครในโครงการอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
55<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
(บน) การประชุมหารือวางแผนการทำงานของคณะกรรมาธิการและตัวแทนของวัดเทพธิดาราม<br />
(ล่าง) การเผยแพร่ข้อมูลของการดำเนินการโครงการในงานสถาปนิก<br />
56<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
เล่ม ๑ หอไตรวัดระฆัังโฆส ิตาราม ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย<br />
เล่ม ๒ หอไตรวัดเทพธิดาราม การฟื้้นฟืู้งานอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไทย<br />
จากการดำเนินการอนุรักษ์งานสถาปัตยกรรมไทย<br />
ประเพณีอย่างเป็นรูปธรรมของสมาคมสถาปนิกสยาม<br />
ในพระบรมราชูปถัมภ์ นับตั้งแต่อันดับแรก โครงการบูรณ<br />
ปฏิิสังขรณ์หอพระไตรปิฎกวัดระฆัังโฆส ิตารามวรมหาวิหาร<br />
มาจนเมื่อมีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการอนุรักษ์ฯ ศิลป<br />
สถาปัตยกรรม ด้านสถาปัตยกรรมไทยประเพณี และมี<br />
โครงการอนุรักษ์งานสถาปัตยกรรมไทยประเพณีขึ้นอีก<br />
ทำให้มีการอนุรักษ์อาคารหอไตรอีก ๒ หลัง คือ โครงการ<br />
อนุรักษ์หอพระไตรปิฎกวัดเทพธิดารามวรวิหาร และ<br />
โครงการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎกวัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร<br />
ตามลำดับ รวมเป็นการดำเนินงานอนุรักษ์อาคารหอไตร<br />
สามหลัง ที่มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรม ลักษณะการก่อสร้าง<br />
การใช้วัสดุ และการตกแต่ง ตลอดจนวิธีการอนุรักษ์ที่<br />
แตกต่างกัน ข้อมูล องค์ความรู้ ตลอดจนประสบการณ์ที่ได้<br />
บันทึกไว้ ตลอดระยะเวลาของการทำงานน่าจะได้เป็น<br />
แบบอย่างของการดำเนินงานอนุรักษ์สถาปัตยกรรมที่ครบถ้วน<br />
ตามหลักวิชาการ ที่สามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ทั้งใน<br />
การศึกษาและปฏิิบัติการ เพื่อมรดกสถาปัตยกรรมอื่นๆ<br />
ต่อไปได้ สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์จึงได้<br />
ทำการรวบรวม และเรียบเรียงข้อมูลนำมาจัดพิมพ์เผยแพร่<br />
เพื่อประโยชน์ดังกล่าว โดยทำเป็นหนังสือชุด ๓ เล่ม เรียกว่า<br />
หนังสือชุด “<strong>สามหอไตร</strong>”<br />
เล่ม ๓ หอไตรวัดอัปสรสวรรค์ การสานต่องานอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไทย<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
57<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
๓<br />
จุากหอไตรวััดระฆััง<br />
สู่หอไตรวััดเทพธิ่ดา<br />
...<br />
จุากหอไตรวััดเทพธิ่ดา<br />
สู่หอไตรวััดอัปสรสวัรรค์์
โครงการอนุรักษ์์หอพระไตรปิฎกวััดเทพธิิดาราม หอไตรอีกครัง<br />
วัดเทพธิดารามวรวิหารเป็นวัดหลวงที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์<br />
และเป็นวัดสำคัญของกรุงรัตนโกสินทร์ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ โดยทรง<br />
สถาปนาวัดใน พ.ศ. ๒๓๗๙ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระราชทานแก่<br />
พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงวิลาส พระราชธิดาพระองค์ใหญ่ (กรมหมื่น<br />
อัปสรสุดาเทพ) วัดเทพธิดารามได้รับการบูรณปฏิิสังขรณ์เรื่อยมาตั้งแต่ใน<br />
สมัยรัชกาลที่ ๕ จนถึงในปัจจุบัน ในวัดเทพธิดารามนี้มีหอพระไตรปิฎก<br />
อยู่ด้วยกันทั้งหมด ๒ หลัง ได้แก่ หอพระไตรปิฎก กุฏิิคณะ ๘ ซึ่งได้ทำการ<br />
บูรณะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหอพระไตรปิฎก กุฏิิคณะ ๕ ซึ่งเป็นหลังที่เป็น<br />
เป้าหมายของการบูรณะในครั้งนี้ เพื่อให้งานสถาปัตยกรรมอันมีคุณค่าคงอยู่<br />
คู่กับแผ่นดินไทยสืบต่อไป สืบทอดเจตนารมณ์มาตั้งแต่โครงการอนุรักษ์<br />
หอพระไตรปิฎกวัดระฆัังโฆส ิตาราม ซึ่งเป็นโครงการแรกของสมาคม<br />
สถาปนิกสยามฯ<br />
การมีส่วนร่วมของสาธารณะถือเป็นวัตถุประสงค์สำคัญประการหนึ่ง<br />
ของสมาคมสถาปนิกสยามฯ เริ่มต้นจากโจทย์ที่กำหนดโดยนายทวีจิตร<br />
จันทรสาขา นายกสมาคมใน พ.ศ. ๒๕๕๑ และข้อเท็จจริงตามหลักวิชาการ<br />
ของการอนุรักษ์ที่ถือเป็นงานสหวิชาการไม่ได้จำกัดอยู่ในด้านสถาปัตยกรรม<br />
เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีสถาปนิกผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันต่างๆ ให้เกียรติ<br />
มาเป็นที่ปรึกษา ได้แก่ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.แน่งน้อย ศักดิศรี<br />
จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พลอากาศตรี อาวุธ เงินชูกลิ่น ศิลปินแห่งชาติ<br />
อดีตอธิบดีกรมศิลปากร รองศาสตราจารย์ประสงค์ เอี่ยมอนันต์ และ<br />
รองศาสตราจารย์สมคิด จิระทัศนกุล จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ในคณะทำงาน<br />
ยังประกอบด้วย สถาปนิกและภูมิสถาปนิกจากกรมศิลปากร จากมหาวิทยาลัย<br />
จากภาคเอกชน และวิชาชีพอื่นๆ ได้แก่ อาจารย์จากคณะโบราณคดี<br />
มหาวิทยาลัยศิลปากร วิศวกร ช่างสำรวจภาคเอกชน นักวิทยาศาสตร์<br />
นักอนุรักษ์ศิลปกรรมจากกรมศิลปากร และที่สำคัญคือ อาสาสมัครจาก<br />
โครงการที่เราเรียกว่า “อาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย” เป็นสมาชิกของ<br />
สมาคม และผู้ที่มีความสนใจที่จะเรียนรู้การทำงานด้านการอนุรักษ์ มาร่วมกัน<br />
ทำงาน นับรวมผู้ที่มีส่วนร่วมที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ถึงกว่า ๗๕ ชีวิต<br />
หลังจากที่ได้นำข้อมูลจากการสำรวจในภาคสนามมาจัดทำแบบบูรณะ<br />
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้มีการนำเสนอผลการทำงานทั้งหมดของคณะทำงาน<br />
และอาสาสมัคร ข้อมูลคุณค่าความสำคัญทางสถาปัตยกรรม และรูปแบบที่<br />
จะใช้ในการอนุรักษ์ในงานสถาปนิก ๕๒ พร้อมกับการจัดเป็น “ผ้าป่า<br />
อาษาสามัคคี” เพื่อการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎกวัดเทพธิดารามขึ้น เป็นการ<br />
เปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่ได้ร่วมในการสำรวจทำแบบได้มีส่วนร่วมในลักษณะ<br />
การทำบุญร่วมกันในการทำนุบำรุงสถาปัตยกรรมที่สื่อความหมายทาง<br />
ศาสนาด้วย จากการประเดิมทุนด้วยเงินผ้าป่า รวมกับปัจจัยที่ทางวัดมีอยู่<br />
บ้างแล้ว เรายังได้รับการอุดหนุนงบประมาณจากกรมศิลปากร จนสามารถ<br />
ดำเนินการอนุรักษ์ตามแบบได้จนเสร็จสมบูรณ์ ระหว่างการทำงานยังได้มี<br />
กิจกรรมนำชมคุณค่าทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ของวัด พร้อมด้วย<br />
การทำงานของอาสาสมัคร ตลอดจนการดำเนินการบูรณะ<br />
60<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
การอนุรักษ์หอไตรวัดเทพธิดารามเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์สำคัญคือการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
61<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
นาวัาอากาศตรีทวีีจิตร จันทรสาขา<br />
(นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์<br />
ประจำปี ๒๕๕๑-๒๕๕๕)<br />
“เพราะเห็นว่าวัดเทพธิดารามเป็นพระอารมหลวง ก่อสร้างมาตั้งแต่<br />
สมัยรัชกาลที่ ๓ ตัวหอไตรก็มีความเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ เช่นกัน<br />
แต่ก็ผ่านการพัฒนามาเป็นลำดับ ในส่วนของความน่าสนใจมองว่าด้วย<br />
ขนาดของหอไตรที่มีขนาดเหมาะสม คือ ไม่ใหญ่หรือไม่เล็กจนเกินไป เป็น<br />
เหตุทำให้ทางสมาคมสถาปนิกสยามฯ ตัดสินใจทำโครงการบูรณะหอไตร<br />
วัดเทพธิดาราม ซึ่งอันนี้น่าจะเป็นโครงการนำร่อง สามารถจะนำไปเสนอ<br />
ต่อสาธารณะเพื่อที่จะบูรณะอาคารสถาปัตยกรรมไทยให้ถูกต้องตามหลัก<br />
วิชาการ และทางวิชาชีพที่เราจะพัฒนาต่อไป”<br />
“ผมโชคดีมากนะครับที่สองปีกว่าที่ทำโครงการนี้มา ได้เห็นตั้งแต่<br />
สภาพเริ่มต้นที่หอไตรตอนอยู่ในสภาพทรุดโทรม และเราก็พัฒนาให้ดีขึ้น<br />
เรื่อยๆ จนถึงสภาพปัจจุบันที่บูรณะแล้วเสร็จ ผมเชื่อว่าทีมงานทั้งหมด<br />
ภาคภูมิใจ สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระราชูปถัมภ์เองก็ภาคภูมิใจ และ<br />
เราก็เชื่อว่าสถาปนิกเราก็ภาคภูมิใจในการนี้”<br />
ดร.วัสุ โปษ์ยะนันทน์<br />
(ประธานกรรมาธิการอนุรักษ์ ด้านสถาปัตยกรรมไทยประเพณี)<br />
“ขั้นตอนการดำเนินงานที่หอไตรวัดเทพธิดาราม เริ่มจากการประกาศ<br />
รับอาสาสมัคร เริ่มต้นการทำงานด้วยการเก็บรายละเอียดงานสถาปัตยกรรม<br />
และงานจิตรกรรมต่างๆ เพื่อที่จะเอาแบบมาจัดทำเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่<br />
จะนำไปทำแบบบูรณะต่อไป ซึ่งงานมีส่วนประกอบเบื้องต้น คือ แบบของ<br />
อาคารที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยเก็บข้อมูลความเสื่อมสภาพและการต่อเติม<br />
โดยที่การบันทึกในลักษณะนี้ทำให้เราเห็นว่าอาคารก่อนมีการอนุรักษ์<br />
เดิมน่าจะมีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร จากนั้นจึงค่อยนำเอาข้อมูลตรงนั้น<br />
มาวิเคราะห์เพื่อทำการออกแบบในการบูรณะต่อไป นอกจากนี้ได้มี<br />
การประสานงานไปยังคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรให้มาช่วย<br />
เก็บข้อมูลทางโบราณคดี มีการจัดทำรายงานทางด้านโบราณคดี นำข้อมูล<br />
มาผสมผสานกับแบบที่ได้มาจากการทำงานของอาสาสมัคร เมื่อแบบ<br />
เสร็จสมบูรณ์แล้วคณะทำงานที่มีประสบการณ์ทางด้านต่างๆ จะเข้ามา<br />
ช่วยกันตัดสินว่าเราจะอนุรักษ์หอไตรในแบบใด ในส่วนของหลังคาทำยังไง<br />
ผนังและหน้าต่างทำยังไง ซึ่งจากการร่วมไม้ร่วมมือของหลายๆ ส่วนที่มา<br />
ร่วมกันทำงาน นำมาซึ่งแบบที่จะใช้ในการบูรณะไปนำเสนอขออนุมัติ<br />
จากกรมศิลปากร ซึ่งแบบที่ได้นี้จะนำไปสู่การนำไปบูรณะตัวหอไตรเป็นการ<br />
นำไปสู่การอนุรักษ์อย่างเป็นรูปธรรม ตามเจตนารมณ์ของสมาคม<br />
สถาปนิกสยามฯ ได้”<br />
62<br />
<strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong><br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
63<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
64<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวัดเทพธิดารามหลังการอนุรักษ์เสร็จสมบูรณ์<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
65<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
66<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
67<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
68<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
พิธีรับมอบรางวัล Award of Merit จากองค์การ UNESCO ณ วัดเทพธิดารามวรวิหาร<br />
ควัามสำเร็จที่ได้รับจากโครงการ :<br />
รางวััลอาคารอนุรักษ์์ศิลปสถาปัตยกรรมและรางวััล Cultural Heritage Conservation<br />
ระดับ Award of Merit จากองค์การ UNESCO<br />
ผลการตัดสินรางวัล UNESCO Asia-Pacif ic Heritage Awards<br />
สำหรับโครงการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมประจำปี ๒๕๕๔ ได้ประกาศ<br />
ให้โครงการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎกวัดเทพธิดารามวรวิหาร ของสมาคม<br />
สถาปนิกสยามฯ ได้รับรางวัล Award of Merit (รางวัลระดับดี)<br />
ด้วยเหตุผลที่โครงการนี้ถือเป็นการแสดงออกอย่างเด่นชัดของการสนับสนุน<br />
ของภาคสาธารณะ และการร่วมแรงร่วมใจกันจากสังคมในทุกภาคส่วน<br />
ทั้งภาครัฐ วัด และชุมชนท้องถิ ่น นำมาซึ่งการฟื้้นฟืู้บูรณะอย่างสมบูรณ์<br />
แบบจากสภาพเดิมที่ชำรุดทรุดโทรมอย่างมาก ในขณะที่การอนุรักษ์ได้ใช้วัสดุ<br />
และเทคนิคช่างแบบดั้งเดิม ซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ดี สมค่าแห่งความเป็น<br />
พระอารามหลวงที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ มีวิธีการทำงานบูรณะที่<br />
น่าชื่นชม แสดงถึงการศึกษาวิจัย การค้นคว้าข้อมูลเพื่อการออกแบบในด้าน<br />
ต่างๆ อย่างพิถีพิถัน และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาดำเนินงาน<br />
ของโครงการ<br />
ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของสมาคมสถาปนิกสยามฯ ที่ความ<br />
ตั้งใจในการแสดงบทบาทหน้าที่ของสถาปนิกที่มีต่อสังคม เป็นตัวอย่างการ<br />
อนุรักษ์สถาปัตยกรรมที่ดี ที่มีความถูกต้องตามหลักวิชาการอย่างเป็นรูปธรรม<br />
ได้บรรลุผลเป็นที่ยอมรับ โดยที่ไม่ต้องเป็นโครงการที่ใหญ่โตด้วยขนาดหรือ<br />
งบประมาณ แต่ด้วยความตั้งใจและความร่วมมือจากทุกฝ่่าย การรักษา<br />
คุณภาพทางวิชาการ การออกแบบสื่อความหมายจากองค์ความรู้ทาง<br />
วิชาชีพในการรักษาคุณค่าของมรดกสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่าในระดับชาติไว้<br />
ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
69<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
โครงการอนุรักษ์์หอพระไตรปิฎกวััดอัปสรสวัรรค์ หอไตรกลางนา<br />
หลังจากความสำเร็จที่ได้รับจากโครงการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎก<br />
วัดเทพธิดารามวรวิหาร สมาคมสถาปนิกสยามฯ ยังได้เดินหน้าโครงการ<br />
ต่อไป ที่วัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร ในโครงการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎก<br />
เช่นเดียวกัน แต่จะมีความแตกต่างไปจากเดิมเนื่องจากเป็นอาคารที่มีการ<br />
ก่อสร้างด้วยไม้ มีการประดับผนังภายนอกด้วยกระจกทั้งหมด และมีรูปทรง<br />
ที่เป็นผลงานสถาปัตยกรรมไทยประเพณีชิ้นเอกของกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ยัง<br />
คงอยู่ในที่ตั้งดั้งเดิมกลางสระน้ำ ทั้งนี้ทางกรรมาธิการอนุรักษ์ฯ ด้าน<br />
สถาปัตยกรรมไทยประเพณีได้นำแนวทางในการทำงานอย่างที่ได้รับ<br />
การชมเชยมาใช้ในโครงการใหม่นี้อย่างต่อเนื่องต่อไป เป็นโครงการอนุรักษ์<br />
หอไตรกลางน้ำในวัดที่อยู่ริมน้ำ ด้วยสภาพของหอพระไตรปิฎกที่อยู่ใน<br />
ความทรุดโทรมมากเช่นกัน สมาคมสถาปนิกสยามฯ ได้จัดตั้งโครงการ<br />
อนุรักษ์หอพระไตรปิฎก วัดอัปสรสวรรค์วรวิหารต่อเนื่องจากโครงการ<br />
อนุรักษ์หอพระไตรปิฎก วัดเทพธิดารามวรวิหาร เพื่อทำนุบำรุงงาน<br />
สถาปัตยกรรมให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ รวมทั้งปรับภูมิทัศน์โดยรอบให้<br />
อยู่ในสภาพที่เหมาะสมสวยงาม โดยได้รับความร่วมมือและการสนับสนุน<br />
จากหลายภาคส่วน และยังเปิดโอกาสให้สมาชิกของสมาคม รวมถึงนักเรียน<br />
นักศึกษา และประชาชนทั่วไปได้เข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนต่างๆ ระหว่างนั้น<br />
ดังเช่นที่ได้ดำเนินการมาในโครงการแรก ได้มีการเข้ามาเก็บข้อมูลสภาพ<br />
ก่อนการอนุรักษ์โดยอาสาสมัครจากสถาบันการศึกษาที่มีการสอนด้าน<br />
สถาปัตยกรรมของอาคารหอไตรวัดอัปสรสวรรค์ ที่นอกจากการเก็บ<br />
ข้อมูลของตัวหอไตรเอง ยังได้ถือโอกาสบันทึกข้อมูลของอาคารอีก ๒ หลัง<br />
ที่อยู่ในวัดอัปสรสวรรค์ด้วย ได้แก่ อาคารศาลาการเปรียญและอาคาร<br />
โรงเรียนพระปริยัติ และยังมีกิจกรรมการมีส่วนร่วมด้านศิลปะ ร่วมกับ<br />
โรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ กลุ่ม VERNADOC และกลุ่ม Bangkok<br />
Sketchers มาร่วมกันถ่ายทอดงานสถาปัตยกรรมของหอพระไตรปิฎก<br />
ออกมาเป็นผลงานทางศิลปะในรูปแบบที่หลากหลาย<br />
หอพระไตรปิฎกวัดอัปสรสวรรค์ก่อนการอนุรักษ์<br />
70<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
(บน) สภาพของหอไตรซึ่งตั้งอยู่กลางสระน้ำตั้งแต่ช่วงต้นของโครงการอนุรักษ์<br />
(ล่าง) การมีส่วนร่วมของนักเรียนจากโรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ในกิจกรรมด้านศิลปะของโครงการ<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
71<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
กิจกรรมการมีส่วนร่วมทางศิลปะที่จัดขึ้นเพื่อการตระหนักรู้ถึงคุณค่าทางศิลปะและสถาปัตยกรรมของอาคารตั้งแต่ในช่วงก่อนการอนุรักษ์<br />
72<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดอัปสรสวัรรค์เมือการบูรณะแล้วัเสร็จ 73<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
74<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
บรรณานุกรม<br />
กรมศิลปากร. วัดหลวงสมัยรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ: เอ.พี กราฟื้ิกดีไซน์ และการพิมพ์, ๒๕๔๐.<br />
นิวัติ กองเพียร. หอพระไตรปิฎก วัดระฆัังโฆัสิตาราม. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์รุ่งเรืองรัตน์, ๒๕๒๖.<br />
. ๑๐๐ ปีชาตกาล เฟื้้อ หริพิทักษ์. กรุงเทพฯ: อัมรินทร์ ปริ้นติ้ง, ๒๕๕๓.<br />
เฟื้้อ หริพิทักษ์. ภาพเขียนในหอพระไตรปิฎกวัดระฆััง. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช จำกัด,<br />
๒๕๑๓.<br />
วิชิต สุวรรณปรีชา. โบราณสถาน <strong>เล่มที่</strong> ๔. กรุงเทพฯ: อักษรบัณฑิต, ๒๕๓๑<br />
วิบูลย์ ลี้สุวรรณ. นำชมศิลปกรรมตามวัด. กรุงเทพฯ: พี พริ้นติ้งกรุป, ๒๕๓๙<br />
สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์. ๔๐ปี อาษาอนุรักษ์ ๒๕๑๑-๒๕๕๑ อาษา ๑,<br />
๒ (มิถุนายน ๒๕๕๑): ๒๖-๒๗.<br />
อนันต์ วิริยะพินิจ. เฟื้้อ หริพิทักษ์ จิตรกรเอกของไทย. กรุงเทพฯ: ส่องศยาม, ๒๕๕๓.<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
75<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ภาคผนวัก ๑<br />
หนังสือ “ภาพเขียนในหอพระไตรปิฎกวััดระฆััง”<br />
โดย เฟื้อ หริพิทักษ์์<br />
พ.ศ. ๒๕๑๓
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
77<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
78<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
79<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
80<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
81<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
82<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
83<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
84<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
85<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
86<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
87<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
88<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
89<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
90<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
91<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
92<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
93<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
94<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
95<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
96<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
97<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
98<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
99<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
100<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
101<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
102<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
103<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
104<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
105<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
106<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
107<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
108<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
109<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
110<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
111<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
112<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
113<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
114<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
115<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
116<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
117<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
118<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
119<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
120<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
121<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
122<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
123<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
124<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
125<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
126<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
127<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
128<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
129<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ภาคผนวัก ๒<br />
“หอพระไตรปิฎก วััดระฆัังโฆส ิตาราม”<br />
จัดพิมพ์โดย บริษััทเชลล์ในประเทศไทย<br />
เนืองในวัโรกาส สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี<br />
เสด็จพระราชดำเนินมาบำเพ็ญพระราชกุศลฉลองหอพระไตรปิฎก วััดระฆัังโฆส ิตาราม<br />
วัันเสาร์ที ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๕
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
131<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
132<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
133<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
134<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
135<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
136<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
137<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
138<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
139<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
140<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
141<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
142<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
143<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
144<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
145<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
146<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
147<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
148<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
149<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
150<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
151<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
152<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
153<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
154<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
155<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
156<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
157<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
158<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
159<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
160<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
161<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
162<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
163<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
164<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
165<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
166<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
167<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
168<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
169<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
170<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
171<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
172<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
173<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
174<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
175<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
176<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
177<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
178<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
179<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
180<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
181<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
182<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
183<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
184<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
185<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
186<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
187<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
188<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
189<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
190<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
191<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
192<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
193<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
194<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
195<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
196<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
197<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
198<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
199<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
200<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
รายชือกรรมาธิิการอนุรักษ์์ศิลปสถาปัตยกรรม ด้านสถาปัตยกรรมไทยประเพณี<br />
พ.ศ. ๒๕๕๑ – ๒๕๕๕<br />
ที่ปรึกษ์า<br />
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.แน่งน้อย ศักดิ ์ศรี<br />
นาวาอากาศเอกอาวุธ เงินชูกลิ่น<br />
ศาสตราจารย์ประสงค์ เอี่ยมอนันต์<br />
รองศาสตราจารย์ สมคิด จิระทัศนกุล<br />
นายทวีจิตร<br />
จันทรสาขา<br />
กรรมาธิิการ<br />
ดร.วสุ<br />
โปษยะนันทน์<br />
นายจมร<br />
ปรปักษ์ประลัย<br />
นายวทัญญูู<br />
เทพหัตถี<br />
นางสาวมนัชญา วาจก์วิศุทธิ์<br />
นายสุรยุทธ<br />
วิริยะดำรงค์<br />
นางสาวหัทยา<br />
สิริพัฒนกุล<br />
นายภาณุวัตร<br />
เลือดไทย<br />
นายจาริต<br />
เดชะคุปต์<br />
นายพีระพัฒน์<br />
สำราญ<br />
พ.ศ. ๒๕๕๕ – ๒๕๕๙<br />
ที่ปรึกษ์า<br />
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.ร.ว.แน่งน้อย ศักดิ ์ศรี<br />
พลอากาศตรีอาวุธ เงินชูกลิ่น<br />
รองศาสตราจารย์เสนอ นิลเดช<br />
รองศาสตราจารย์ ดร.ประสงค์ เอี่ยมอนันต์<br />
รองศาสตราจารย์สมคิด จิระทัศนะกุล<br />
นายเผ่า สุวรรณศักดิ์ศรี<br />
นายทวีจิตร<br />
จันทรสาขา<br />
กรรมาธิิการ<br />
ดร.วสุ<br />
โปษยะนันทน์<br />
นายชวลิต ตั้งมิตรเจริญ<br />
ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุดจิต สนั่นไหว<br />
นายชยุตม์<br />
เกษร<br />
นายจมร<br />
ปรปักษ์ประลัย<br />
นายวทัญญูู<br />
เทพหัตถี<br />
นายชวลิต ตั้งมิตรเจริญ<br />
นายสุรยุทธ<br />
วิริยะดำรงค์<br />
นายจักรพันธ์<br />
วัชระเรืองชัย<br />
นายภาณุวัตร<br />
เลือดไทย<br />
นางสาวจิตตินาถ<br />
ดีทรัพย์<br />
นายธิป<br />
ศรีสกุลไชยรัก<br />
นายปูรณ์<br />
ขวัญสุวรรณ<br />
นางสาวปิยนุช<br />
สุวรรณคีรี<br />
นายอาทิตย์ ลิ่มมั่น<br />
ผู้ช่วยศาสตราจารย์พงศกร ยิ้มสวัสดิ์<br />
นางวรางคณา นิ่มเจริญ<br />
นางสาวมนัชญา วาจก์วิสุทธิ์<br />
นายสัญชัย ลุงรุ่ง<br />
หอไตรวััดระฆัังโฆัสิิตาราม<br />
201<br />
ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย
ชือหนังสือ <strong>สามหอไตร</strong> <strong>เล่มที่</strong> ๑ :<br />
หอไตรวัดระฆัังโฆสิิตาราม ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย<br />
ISBN (e-book) ๙๗๘-๖๑๖-๗๓๘๔-๔๔-๓<br />
เจ้าของ<br />
สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์<br />
บรรณาธิิการ / ผู้เขียน ดร.วสุ โปษยะนันทน์<br />
กองบรรณาธิิการ ณัฐวดี สัตนันท์<br />
เนตรชนก นาคขำ<br />
วราภรณ์ ไทยานันท์<br />
ภัทรพร เสาวรส<br />
นารา ผุดมาก<br />
ถายภาพ วีระพล สิงห์น้อย<br />
ชานนท์ กาญจนวสุนธรา<br />
สุรยุทธ วิริยะดำรงค์<br />
หจก.ฐานอนุรักษ์<br />
ศิลปกรรม วีระพล สิงห์น้อย<br />
กล้วยไม้ วนพานิช<br />
วรมันต์ โสภณปฏิิมา<br />
พิสูจน์อักษ์ร นารา ผุดมาก<br />
ประสานงาน ลีนวัตร ธีระพงษ์รามกุล<br />
ดำเนินการผลิต บริษัทบานาน่า สตูดิโอ จำกัด
หนังสือชุด<strong>สามหอไตร</strong> <strong>เล่มที่</strong> ๑ : <strong>หอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม</strong> ปฐมบทอาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย<br />
สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์