DoiNhok Phayao Perspectives
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
26 วารสารพะเยาปริทัศน์ ปีที่ 1 ฉบับที่ 1<br />
ธงชาติไทยที่โบกสะบัดพลิ้วไหวอย่างสวยงาม<br />
เหนือเศษซากก้อนอิฐดินเผานับร้อยนับพันก้อนที่กองเป็น<br />
ฐาน กองอิฐที่ผุกร่อนตามกาลเวลา ผ่านแดด ผ่านฝน ร้อน<br />
ลม หนาว มานับร้อย ๆ ปี ตั้งอยู่ท่ามกลางยอดดอยหลวง<br />
ดอยที่สูงที่สุดของแนวเขา ซึ่งแบ่งกั้นพะเยาและลําปางไว้<br />
ดอยหลวง เป็นดอยที่มีสันเขาทอดยาว บริเวณ<br />
ยอดดอยกว้างประมาณ 20 ตารางเมตร ฝั่งซ้ายและขวา<br />
เป็นเหวลึก โดยฝั่งซ้าย เขตลําปาง จะแต่มีพืชตระกูลหญ้า<br />
ต่าง ๆ ขึ้นเพียงอย่างเดียว ไม่มีต้นไม้ใหญ่ แตกต่างกับฝั่ง<br />
พะเยา<br />
บนเนื้อที่ 20 ตารางเมตรนี้ มีโบราณสถาน<br />
สําคัญ เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส พื้นที่ประมาณ 4 ตาราง<br />
เมตร มีลักษณะเป็นฐานเจดีย์เก่า สร้างด้วยก้อนอิฐดินเผา<br />
กระจัดกระจายเต็มพื้นที่ บ้างฝังในดินแน่น และบ้างวาง<br />
บนพื้นดิน และแม้ว่าจะหมดสภาพดั้งเดิมไปแล้ว แต่ก็ทํา<br />
ให้เกิดความฉงนระคนทึ่งว่า<br />
“ใครกันที่มาสร้างพุทธสถานที่ไกลและสูงถึง<br />
เพียงนี้ ???”<br />
พระครูธีระ เจ้าอาวาสวัดสันกําแพง บ้านปงถ้ํา<br />
ตําบลวังทอง อําเภอวังเหนือ จังหวัดลําปางได้สันนิษฐาน<br />
ว่า ผู้ที่สร้างเจดีย์บนยอดดอยคือชาวลัวะ ในยุคสมัยของ<br />
พระนางจามเทวีหรือหลังจากนั้น เนื่องจากพระนางจาม<br />
เทวีมีบริวารเป็นชาวลัวะ และเมื่อเสด็จไปยังที่ใด ก็มักจะ<br />
สร้างวัด สร้างเจดีย์ไว้เป็นที่สักการะของชุมชนเสมอ 17<br />
ส่วนชาวลัวะเองก็เป็นชาติพันธุ์บนขุนเขาเพียงชาติพันธุ์<br />
เดียวในครั้งโบราณกาลที่นับถือพระพุทธศาสนา และ<br />
มักจะสร้างเจดีย์ไว้บนภูเขา โดยในเวลาต่อมา อาจจะเนื่อง<br />
ด้วยสงคราม โรคระบาด หรือภัยธรรมชาติ จึงทําให้<br />
ชาวลัวะต้องย้ายถิ่นที่อยู่ ทิ้งซากเจดีย์ไว้เป็นหลักฐานการ<br />
ตั้งถิ่นฐานในที่นั้น ๆ 18 ดังปรากฏอยู่หลายแห่งในพื้นที่<br />
อําเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่<br />
อีกหนึ่งหลักฐาน ที่ถือเป็นข้อสันนิษฐานได้ว่า<br />
ชาวลัวะน่าจะเป็นผู้สร้างเจดีย์บนดอยหลวงก็คือ เจดีย์<br />
ของวัดสันกําแพง ณ บ้านปงถ้ํา หมู่บ้านที่อยู่ด้านล่างของ<br />
ดอยหนอก ซึ่งสร้างโดยบุตรของพระนางจามเทวี และ<br />
บริวารที่เป็นชาวลัวะ 19 นอกจากนั้นแล้ว อาจารย์วิมล<br />
ปิงเมืองเหล็ก ปราชญ์แห่งเมืองพะเยา ก็ยังสันนิษฐานไป<br />
ในทางเดียวกันว่า แต่เดิมชาวลัวะน่าจะอาศัยอยู่บริเวณ<br />
ดอยอนาลโย โดยถูกเรียกว่า “ชาวแจ๊ะ” จนดอยลูกนั้นถูก<br />
เรียกว่า “ม่อนแจ๊ะ” กระทั่งปัจจุบัน 20<br />
ส่วนคําถามที่ว่า แล้วปัจจุบันชาวลัวะหายไป<br />
ไหน นอกจากข้อสันนิษฐานว่า ชาวลัวะอพยพไปยังที่อื่น<br />
แล้ว ยังมีข้อสันนิษฐานว่า ชาวลัวะอาจไม่ได้ไปไหนเลยก็<br />
ได้ เพียงแต่กลืนกลายกลายเป็นคนเมืองไป ไม่ว่าจะที่บ้าน<br />
ผาแดง ตําบลบ้านร้อง อําเภองาว จังหวัดลําปาง บ้าน<br />
ผาดิน ตําบลบ้านฮั้ว อําเภอวังเหนือ จังหวัดลําปาง และ<br />
บ้านต๊ํากลาง ตําบลบ้านต๊ํา อําเภอเมือง จังหวัดพะเยา ซึ่ง<br />
21<br />
มีคนเชื้อสายลัวะอาศัยอยู่<br />
สําหรับบ้านต๊ํากลาง เป็นหมู่บ้านที่ชาวลัวะ<br />
อพยพเข้ามาอยู่อาศัยในช่วงพุทธศักราช 2470 โดย<br />
เดินทางมาจากบ้านกล้วย ในเขตจังหวัดลําปาง เดินเท้า<br />
เข้ามากว่า 1 เดือน เข้ามาอยู่ร่วมกันไม่ถึง 7-8 หลังคา<br />
เรือน ในอดีต ลักษณะบ้านจะมุงด้วยหลังคาใบตองตึง<br />
ผนังบ้านเป็นไผ่สาน ประกอบอาชีพทํานา ปลูกพืชผัก<br />
ผลไม้เป็นอาชีพหลัก ไม่มีการค้าขาย โดยในปัจจุบัน<br />
นามสกุลที่เป็นคนเชื้อสายลัวะ ได้แก่ นามสกุลหาดไร่และ<br />
หางกะพุง<br />
17<br />
สัมภาษณ์ พระโพธิญาณรังสี (พิศิษฐ์ เมตฺตจิตโต) วัดอนาลโย<br />
ต.สันปุาม่วง อ.เมือง จ. พะเยา, สัมภาษณ์วันที่ 9 มีนาคม 2559.<br />
18<br />
สัมภาษณ์ พระครูธีระ เจ้าอาวาสวัดสันกําแพง บ้านปงถ้ํา ต.วังทอง<br />
อ.วังเหนือ จ. ลําปาง, สัมภาษณ์วันที่ 9 มีนาคม 2559.<br />
19<br />
สัมภาษณ์ พระครูธีระ เจ้าอาวาสวัดสันกําแพง บ้านปงถ้ํา ต.วังทอง<br />
อ.วังเหนือ จ. ลําปาง, สัมภาษณ์วันที่ 18 กุมพาพันธ์ 2559.<br />
20 สัมภาษณ์อาจารย์วิมล ปิงเมืองเหล็ก, ปี พ.ศ. 2554.<br />
21<br />
สัมภาษณ์ พระโพธิญาณรังสี (พิศิษฐ์ เมตฺตจิตโต) วัดอนาลโย<br />
ต.สันปุาม่วง อ.เมือง จ. พะเยา, สัมภาษณ์วันที่ 9 มีนาคม 2559.