ส.ค.61
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
<strong>ส</strong>าระน่ารู้ทางการแพทย์<br />
ไวรั<strong>ส</strong>จาก "<strong>ส</strong>ัตว์" <strong>ส</strong>ู่ "คน"<br />
ต้นตอ<strong>ส</strong>ารพัดโรคติดเชื้ออุบัติใหม่<br />
จาก<strong>ส</strong>ถานการณ์ที่เด็กๆ<br />
และโค้ชทีมฟุตบอล<br />
หมูป่าอะคาเดมี ออกจาก<br />
ถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอนแล้ว <strong>ส</strong>ิ่งที่<br />
ต้องระวังหลังจากออกมานอกถ้ำนั้น<br />
คือการติดเชื้อภายในถ้ำ ซึ่ง<br />
บทความในฉบับนี้จะนำเ<strong>ส</strong>นอ<br />
เกี่ยวกับเชื้อไวรั<strong>ส</strong>บางชนิดในถ้ำ<br />
ที่<strong>ส</strong>ามารถแพร่<strong>ส</strong>ู่<strong>ส</strong>ัตว์และคนได้<br />
ค้างคาวเป็นหนึ่งใน<strong>ส</strong>ัตว์เลี้ยงลูก<br />
ด้วยนมที่พิ<strong>ส</strong>ูจน์แล้วว่า เป็นที่มา<br />
และแหล่ง<strong>ส</strong>ะ<strong>ส</strong>มของเชื้อไวรั<strong>ส</strong>หลาก<br />
หลายชนิด เนื่องด้วยปัจจัยทางชีววิทยาที่<br />
เกื้อหนุน คือมีความหลากหลายทาง<strong>ส</strong>ายพันธุ์<br />
อายุยืน <strong>ส</strong>ามารถบินได้ไกล มีการจับกลุ่ม<br />
ที่หนาแน่น การกระจายของประชากร<br />
ค้างคาวในแต่ละพื้นที่และระบบภูมิคุ้มกัน<br />
ที่เป็นเอกลักษณ์ นักวิทยาศา<strong>ส</strong>ตร์เชื ่อว่า<br />
ลักษณะกระดูกที่กลวงของค้างคาวเพื่อ<br />
ประโยชน์ในการบิน ทำให้ค้างคาวไม่มี<br />
ไขกระดูกที่ทำหน้าที่<strong>ส</strong>ร้างภูมิคุ้มกัน<br />
ประเภท B cell หรือมีการ<strong>ส</strong>ร้างน้อยลง<br />
ทำให้ค้างคาว<strong>ส</strong>ามารถเป็นแหล่งเชื้อไวรั<strong>ส</strong><br />
ได้โดยเชื้อไม่ก่อโรคในค้างคาว ปัจจุบัน<br />
<strong>ส</strong>ามารถตรวจพบเชื้อไวรั<strong>ส</strong>หลากหลาย<br />
ชนิดในค้างคาวหลาย<strong>ส</strong>ายพันธุ์ เช่น<br />
เชื้อไวรั<strong>ส</strong>พิษ<strong>ส</strong>ุนัขบ้า (rabies virus) ไวรั<strong>ส</strong><br />
โรคคางทูม (mumps) ไวรั<strong>ส</strong>โรคหัด<br />
(measles) เชื้อไวรั<strong>ส</strong>ตับอักเ<strong>ส</strong>บซี<br />
(Hepatitis C virus) ไวรั<strong>ส</strong>โรคซาร์<strong>ส</strong><br />
(SARS-CoV) ไวรั<strong>ส</strong>เมอร์<strong>ส</strong> (MERS-CoV)<br />
ไวรั<strong>ส</strong>โรคเชื้อ<strong>ส</strong>มองอักเ<strong>ส</strong>บนิปาห์ (Nipah<br />
virus) ไวรั<strong>ส</strong>อีโบลา (Ebola virus) และ<br />
ไวรั<strong>ส</strong>มาร์บวร์ก (Marburg virus) รวมถึง<br />
เชื้ออื่นจำพวกแบคทีเรียบางชนิด โปรโตซัว<br />
เชื้อรา และหนอนพยาธิ<br />
วิธีการแพร่เชื้อจากค้างคาวไป<strong>ส</strong>ู่<br />
มนุษย์มีได้หลายวิธี โดยอาจจะผ่าน<br />
ตัวกลาง (intermediate host) เช่น<br />
ค้างคาวที่กินผลไม้ จะคายเศษผลไม้ที่<br />
ปนเปื้อนน้ำลายทิ้ง ซึ่งอาจจะมี <strong>ส</strong>ุกร ม้า<br />
หรือ<strong>ส</strong>ัตว์ตระกูลลิงมากินต่อ และมนุษย์<br />
ก็จะนำ<strong>ส</strong>ัตว์ที่เป็นตัวกลางไปรับประทาน<br />
เป็นอาหาร หรืออาจจะเกิดจากการ<strong>ส</strong>ัมผั<strong>ส</strong><br />
<strong>ส</strong>ำนักงานแพทย์ <strong>ส</strong>ำนักงาน<strong>ส</strong>นับ<strong>ส</strong>นุน<strong>ส</strong>ำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม<br />
กับตัวค้างคาวโดยตรง เช่น ถูกกัด หรือการ<br />
รับประทานค้างคาวเป็นอาหาร และ<br />
<strong>ส</strong>ุดท้ายคือ แพร่ทางละอองลอย ในกรณีที่<br />
มนุษย์เข้าไปในบริเวณถ้ำที่ค้างคาวอาศัยอยู่<br />
ตัวอย่างโรคติดเชื้ออุบัติใหม่จากค้างคาวที่<br />
จะกล่าวถึงในบทความนี้ ได้แก่ โรคติดเชื้อ<br />
ไวรั<strong>ส</strong>อีโบลา โรคติดเชื้อไวรั<strong>ส</strong>เฮนดรา<br />
(Hendra) โรค<strong>ส</strong>มองอักเ<strong>ส</strong>บนิปาห์โรคกลุ่ม<br />
อาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง<br />
และโรคกลุ่มอาการทางเดินหายใจ<br />
ตะวันออกกลาง<br />
<strong>ส</strong>ถานการณ์โรคติดเชื้ออุบัติใหม่จาก<br />
ค้างคาวในประเทศไทย ในประเทศไทย<br />
มีกลุ่มนักวิจัยทำการศึกษาหาเชื้อใน<br />
ค้างคาวในบางถ้ำที่มีประชากรค้างคาวอยู่<br />
หนาแน่น พบว่า <strong>ส</strong>ามารถตรวจพบเชื้อไวรั<strong>ส</strong><br />
52<br />
<strong>ส</strong>ำนักงานแพทย์ <strong>ส</strong>ำนักงาน<strong>ส</strong>นับ<strong>ส</strong>นุน<strong>ส</strong>ำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม