ส.ค.61
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
นิปาห์ในค้างคาวแม่ไก่เกาะในเกาะทาง<br />
ตอนใต้ของประเทศ และค้างคาวแม่ไก่ป่าฝน<br />
ในจังหวัด<strong>ส</strong>ุราษฎร์ธานี ค้างคาวแม่ไก่<br />
ในจังหวัดชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา<br />
ปราจีนบุรี อยุธยาและจังหวัด<strong>ส</strong>ิงห์บุรีและ<br />
ค้างคาวหน้ายักษ์<strong>ส</strong>ามหลืบ (Hipposideros<br />
larvatus) ในจังหวัดชลบุรี <strong>ส</strong>ุราษฎร์ธานี<br />
และจังหวัดราชบุรี นอกจากนี้ยังพบเชื้อ<br />
Group B Betacoronavirus ในค้างคาว<br />
หน้ายักษ์<strong>ส</strong>ามหลืบ ที่เขาถ้ำแรด จังหวัด<br />
ฉะเชิงเทรา ซึ่งเชื้อนี้อยู่ในกลุ่มเดียวกับ<br />
ไวรั<strong>ส</strong>โรคซาร์<strong>ส</strong> และพบเชื้อ Group C<br />
Betacoronavirus ในมูลค้างคาวที่พบใน<br />
เขาช่องพราน จังหวัด<br />
ราชบุรี ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย<br />
ของค้างคาวปากย่น<br />
(Tadarida plicata) ซึ่งเชื้อนี้<br />
อยู่ในกลุ่มเดียวกับเชื้อ<br />
ไวรั<strong>ส</strong>เมอร์<strong>ส</strong> ในบริเวณเขา<br />
ช่องพราน มีชาวบ้านหลาย<br />
ครัวเรือนทำอาชีพเก็บมูล<br />
ค้างคาวในถ้ำเพื่อนำมาขาย<br />
ทำให้คนกลุ่มนี้มีความเ<strong>ส</strong>ี่ยง<strong>ส</strong>ูง<br />
ในการ<strong>ส</strong>ัมผั<strong>ส</strong>ละอองฝอยใน<br />
ถ้ำและ<strong>ส</strong>ัมผั<strong>ส</strong>กับมูลค้างคาว<br />
โดยตรง แม้ในประเทศไทย<br />
จะยังไม่มีรายงานของเชื้อ<br />
ไวรั<strong>ส</strong>ก่อโรคในค้างคาวแพร่<br />
ไป<strong>ส</strong>ู่คนก็ตาม ก็ยังเห็น<br />
<strong>ส</strong>มควรที่จะต้องรณรงค์ให้<br />
ผู้มีความเ<strong>ส</strong>ี่ยง<strong>ส</strong>วมใ<strong>ส</strong>่อุปกรณ์ป้องกันการ<br />
<strong>ส</strong>ัมผั<strong>ส</strong>ให้เหมาะ<strong>ส</strong>ม ซึ่งได้แก่ เ<strong>ส</strong>ื้อคลุม<br />
ถุงมือ และหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองที่ได้<br />
มาตรฐาน (NIOSH-N95 หรือ P2) และ<br />
หากเป็นไปได้ควรใช้ชุดหน้ากากชนิด<br />
ใช้แบตเตอรี่และชุด<strong>ส</strong>่งผ่านอากาศ<br />
(powered air-purifying respirator) ที่ได้<br />
รับการฆ่าเชื ้ออย่างเข้มงวดหลังใช้งาน<br />
ทุกครั้ง นอกจากนี้ยังควรศึกษาวิจัย<br />
เพิ่มเติมเกี่ยวกับ<strong>ส</strong>ายพันธุ์ค้างคาวในแต่ละ<br />
พื้นที่และชนิดเชื้อไวรั<strong>ส</strong>ที่ค้างคาวเหล่านั้น<br />
เป็นแหล่งรังโรควิธีการแพร่กระจาย<br />
ของโรคมา<strong>ส</strong>ู่คน เพื่อวางมาตรการดูแลและ<br />
ป้องกันมิให้เกิดโรคติดเชื้อ<br />
อุบัติใหม่ในประเทศไทย<br />
ต่อไป<br />
มาตรการป้องกันและ<br />
ศูนย์ประ<strong>ส</strong>านงานเครือข่าย<br />
<strong>ส</strong>ุขภาพ (One Health) ใน<br />
การป้องกันโรคติดเชื้ออุบัติใหม่<br />
จาก<strong>ส</strong>ัตว์นั้น ควรใช้หลักการของ One<br />
Health เข้ามาช่วย โดย One Health เป็น<br />
หลักการระดับนานาชาติที่มองโรคติดต่อ<br />
จาก<strong>ส</strong>ัตว์ในแง่องค์รวม ทั้งในมนุษย์ <strong>ส</strong>ัตว์<br />
และระบบนิเวศ โดยระบบ<strong>ส</strong>าธารณ<strong>ส</strong>ุข<br />
ในทุกระดับจะต้องให้ความ<strong>ส</strong>ำคัญกับการ<br />
เฝ้าระวังอุบัติการณ์ของโรคติดเชื้อใหม่<br />
และการวินิจฉัยโรคให้ทันท่วงที ควบคุม<br />
หรือรักษาโดยการรักษาทั้งในมนุษย์ใน<strong>ส</strong>ัตว์<br />
และดำเนินการป้องกันใน<strong>ส</strong>ิ่งแวดล้อม<br />
ร่วมด้วย นอกจากนี้ หน่วยงานที่ดูแล<br />
เกี่ยวกับ<strong>ส</strong>ัตว์ป่าควรจะต้องดำเนินงาน<br />
เก็บข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะวงจรชีวิตและ<br />
จำนวนประชากรของ<strong>ส</strong>ัตว์ที่เป็นแหล่ง<br />
<strong>ส</strong>ะ<strong>ส</strong>มโรคหรือตัวกลางแพร่เชื้อ หน่วยงาน<br />
ที่ดูแลเกี่ยวกับ<strong>ส</strong>ิ่งแวดล้อมควรดำเนินงาน<br />
เพื่อวิจัยเกี่ยวกับ<strong>ส</strong>ิ่งแวดล้อมรอบชุมชน<br />
ที่อยู่อาศัยของมนุษย์และ<strong>ส</strong>ัตว์เพื่อรวบรวม<br />
เป็นฐานข้อมูล<strong>ส</strong>่วนกลางที่จะมีประโยชน์<br />
ในการตรวจหาและรับมือโรคติดเชื้ออุบัติใหม่<br />
ต่อไป<br />
ด้วยความพิเศษทางด้านชีววิทยา<br />
ภูมิคุ้มกันและพฤติกรรมทาง<strong>ส</strong>ังคมของ<br />
ค้างคาว ทำให้ค้างคาวเป็น<strong>ส</strong>ัตว์ที่<strong>ส</strong>ามารถ<br />
อยู่ร่วมกับเชื้อไวรั<strong>ส</strong>ก่อโรคได้มากมาย<br />
ทั้งเชื้อไวรั<strong>ส</strong>ที่เคยก่อโรคในคนและ<br />
เชื้อไวรั<strong>ส</strong>ใหม่ที ่ยังไม่ก่อโรคในคน ดังนั้น<br />
โรคติดเชื้ออุบัติใหม่จากค้างคาวเป็นประเด็น<br />
<strong>ส</strong>ำคัญที่ควรได้รับการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม<br />
ทั้งในด้านการวิจัยเชื้อที ่พบได้ในค้างคาว<br />
ต่าง<strong>ส</strong>ายพันธุ์ในแต่ละพื้นที่ปฏิ<strong>ส</strong>ัมพันธ์<br />
ระหว่างเชื้อไวรั<strong>ส</strong>และค้างคาว และหนทาง<br />
แพร่เชื้อ<strong>ส</strong>ู่มนุษย์ เพื่อเป็นฐานข้อมูลที่จะมี<br />
ประโยชน์ในอนาคต เพื่อจะช่วยในการ<br />
วางแผนป้องกัน หรือเป็นแนวทางรักษา<br />
ในกรณีเกิดโรคอุบัติใหม่ต่อไป<br />
ที่มาข้อมูลเพิ่มเติม https://www.health-th.com<br />
หลักเมือง <strong>ส</strong>ิงหาคม ๒๕๖๑<br />
53