ต.ค.60
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
ของน้าที่อยู่ภายในหูชั้นใน ซึ่งทาให้ผู้ป่วย<br />
เกิดอาการเวียนศีรษะแบบรู้สึกหมุนอย่าง<br />
รุนแรง ร่วมกับมีอาการคลื่นไส้อาเจียน<br />
และสูญเสียสมดุลของร่างกาย ทาให้เซ<br />
หรือล้มได้ง่าย อาการเวียนศีรษะที่เกิดจาก<br />
โรคนี้อาจนานเป็นนาทีจนถึงหลายชั่วโมง<br />
ซึ่งในระหว่างที่เกิดอาการ ผู้ป่วยควรอยู่<br />
นิ่งๆ ไม่ขยับศีรษะ เพราะอาจทาให้มี<br />
อาการเวียนศีรษะเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้<br />
ผู้ป่วยยังอาจมีการได้ยินลดลงและมีเสียงดัง<br />
ในหู บางครั้งอาจพบอาการหูอื้อได้ด้วย<br />
• โรคอื่นๆ เช่น<br />
การอักเสบของหูชั้นใน<br />
(labyrinthitis) พบการอักเสบจากเชื้อ<br />
ไวรัสได้บ่อย ซึ่งมักมีประวั<strong>ต</strong>ิการเป็นหวัด<br />
หรือระบบทางเดินหายใจอักเสบนา<br />
มาก่อน ถ้าเชื้อไวรัสลามเข้าสู่หูชั้นในและ<br />
เส้นประสาท จะทาให้เกิดการอักเสบ<br />
ซึ่งทาให้ผู้ป่วยมีอาการเวียนศีรษะรุนแรงและ<br />
เป็นอยู่หลายวัน แ<strong>ต</strong>่ผู้ป่วยมักมีการได้ยิน<br />
ที่ปก<strong>ต</strong>ิแ<strong>ต</strong>่หากเป็นการอักเสบที่เกิดจากเชื้อ<br />
แบคทีเรีย ซึ่งมักพบในผู้ป่วยที่มีประวั<strong>ต</strong>ิโรค<br />
การอักเสบของหูชั้นกลาง โรคหูน้าหนวก<br />
แล้วลุกลามเข้าสู่หูชั้นใน<br />
อาการมักรุนแรงมาก<br />
ผู้ป่วยมักมีอาการสูญเสีย<br />
การได้ยินร่วมด้วย<br />
โรคเนื้องอกของ<br />
ประสาทการทรง<strong>ต</strong>ัว<br />
หรือเส้นประสาทการได้ยิน<br />
(acoustic neuroma)<br />
ผู้ป่วยจะมีอาการเวียน<br />
ศีรษะร่วมกับการได้ยิน<br />
ลดลง บางรายอาจมี<br />
เสียงรบกวนในหู สาหรับรายที่มีเนื้องอก<br />
ขนาดใหญ่และไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วย<br />
อาจมีอาการชาที่ใบหน้าซีกนั้น อัมพา<strong>ต</strong><br />
ของใบหน้า เดินโซเซ หรืออาการทาง<br />
สมองอื่นๆ เนื่องจากก้อนเนื้องอกไปกดทับ<br />
เนื้อสมอง<br />
โรคเส้นประสาทการทรง<strong>ต</strong>ัวในหู<br />
อักเสบ (vestibular neuronitis) ทาให้<br />
เกิดอาการเวียนศีรษะรุนแรงนานหลายวัน<br />
จนถึงสัปดาห์ แ<strong>ต</strong>่ไม่ส่งผล<strong>ต</strong>่อการได้ยิน<br />
ผู้ป่วยยังคงได้ยินเป็นปก<strong>ต</strong>ิ<br />
กระดูกกะโหลกแ<strong>ต</strong>กหัก (temporal<br />
bone fracture)<br />
เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ<br />
(vertebra-basilar insufficiency)<br />
จะเห็นได้ว่า อาการเวียนศีรษะ<br />
บ้านหมุนมีสาเห<strong>ต</strong>ุที่ซับซ้อน การวินิจฉัย<br />
โรคอย่างถูก<strong>ต</strong>้อง จึงมีความสาคัญ การ<br />
รักษาในระยะแรกจะได้ผลดีกว่าในระยะ<br />
หลัง ดังนั้น หากมีอาการเวียนศีรษะ<br />
ผิดปก<strong>ต</strong>ิ ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเห<strong>ต</strong>ุ<br />
ของอาการและเข้ารับการรักษา โดยแพทย์<br />
จะทาการวินิจฉัยด้วยการซักประวั<strong>ต</strong>ิและ<br />
<strong>ต</strong>รวจร่างกายอย่างละเอียด ทั้งการ<strong>ต</strong>รวจ<br />
หู <strong>ต</strong>รวจระบบประสาทและการทรง<strong>ต</strong>ัว<br />
<strong>ต</strong>รวจการทางานของอวัยวะการทรง<strong>ต</strong>ัว<br />
ในหูชั้นใน <strong>ต</strong>รวจดูการกลอกของลูก<strong>ต</strong>าและ<br />
การเคลื่อนไหวของลูก<strong>ต</strong>าในท่าทาง<strong>ต</strong>่างๆ<br />
ในผู้ป่วยบางรายที่แพทย์สงสัยว่ามีความ<br />
ผิดปก<strong>ต</strong>ิของการทางานในหูชั้นในอาจ<br />
ได้รับการ<strong>ต</strong>รวจพิเศษเพิ่มเ<strong>ต</strong>ิม เช่น<br />
• <strong>ต</strong>รวจการได้ยิน (audiogram)<br />
• <strong>ต</strong>รวจการทางานของอวัยวะ<br />
ทรง<strong>ต</strong>ัวของหูชั้นใน (video electronystagmography:<br />
VNG)<br />
• <strong>ต</strong>รวจวัดแรงดันของน้าในหูชั้นใน<br />
(electrocochleography: ECOG)<br />
• <strong>ต</strong>รวจการทรง<strong>ต</strong>ัว (posturography)<br />
• <strong>ต</strong>รวจการทางานของเส้นประสาท<br />
การได้ยิน (evoke response audiometry)<br />
เป็น<strong>ต</strong>้น<br />
สาหรับการรักษา แพทย์จะพิจารณา<br />
รักษา<strong>ต</strong>ามสาเห<strong>ต</strong>ุที่ก่อให้เกิดอาการเวียน<br />
ศีรษะบ้านหมุน ซึ่งแนวทางการรักษาจะ<br />
แ<strong>ต</strong>ก<strong>ต</strong>่างกันไป โดยแพทย์จะพิจารณา<br />
แนวทางการรักษาที่เหมาะสมสาหรับ<br />
ผู้ป่วยแ<strong>ต</strong>่ละราย อย่างไรก็ดีการดูแล<strong>ต</strong>นเอง<br />
และพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยกระ<strong>ต</strong>ุ้นก็ยัง<br />
คงมีความสาคัญ<strong>ต</strong>่อการรักษาและการ<br />
ป้องกันการเกิดโรคในผู้ที่มีอาการเวียน<br />
ศีรษะบ้านหมุน ควรปฏิบั<strong>ต</strong>ิ<strong>ต</strong>ัวดังนี้<br />
• หลีกเลี่ยงท่าทางที่ทาให้เกิด<br />
อาการเวียนศีรษะในระหว่างเกิดอาการ<br />
เช่น การหมุนหันศีรษะเร็วๆ การ<br />
เปลี่ยนแปลงท่าทางอิริยาบถอย่างรวดเร็ว<br />
การก้มเงยคอ หรือหันอย่างเ<strong>ต</strong>็มที่<br />
• ลดปริมาณหรืองดการสูบบุหรี่/<br />
ดื่มกาแฟ<br />
• หลีกเลี่ยงปัจจัยกระ<strong>ต</strong>ุ้นที่ทาให้<br />
เกิดอาการเวียนศีรษะ เช่น ความเครียด<br />
ความวิ<strong>ต</strong>กกังวล สารก่อภูมิแพ้<strong>ต</strong>่างๆ และ<br />
การพักผ่อนไม่เพียงพอ<br />
• ไม่ควรอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยง<br />
<strong>ต</strong>่อการเกิดอุบั<strong>ต</strong>ิเห<strong>ต</strong>ุ เช่น การขับขี่<br />
ยานพาหนะในขณะยังมีอาการ การ<br />
ปีนป่ายที่สูง<br />
ที่มข้อมูลเพิ่มเ<strong>ต</strong>ิม https://www.bumrungrad.<br />
com/healthspot/March-2015/vertigotreatment<br />
หลักเมือง <strong>ต</strong>ุลาคม ๒๕๖๐<br />
63