New_129
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
อย่างไรก็ตาม นอกจากกลองทั้งสามใบประจำ<br />
หอกลองแล้วยังมีกลองที่สำคัญของประเทศหรือกลองประจำ<br />
พระนครอีก ๒ ใบ และมีประวัติสำคัญ กล่าวคือ<br />
๑. กลองวินิจฉัยเภรี พระบาทสมเด็จ<br />
พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริการบำบัดทุกข์ของราษฎร<br />
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อกลองสำหรับ<br />
ตีกลองร้องฎีกาว่า “กลองวินิจฉัยเภรี” ตั้งไว้ ณ ทิมดาบกรมวัง<br />
(ศาลาแถวพวกขุนนางคอยเฝ้าฟังกระแสราชการ) ในบริเวณ<br />
พระบรมมหาราชวัง ให้กรมวังลั่นกุญแจไว้เมื่อผู้ใดจะไปร้องถวาย<br />
ฎีกา กรมวังก็จะไปไขกุญแจให้ เมื่อตีกลองแล้วตำรวจเวรก็ไป<br />
รับตัวและเรื่องราวของผู้ตีมาแล้วจึงนำความขึ้นกราบบังคม<br />
ทูลเกล้าฯ เพื่อมีพระบรมราชโองการตรัสสั่งให้ผู้ใดต้องช ำระความ<br />
ก็ให้ส่งเรื่องที่ถวายฎีกาไปตามรับสั่งนั้น พระองค์จะตรัสถาม<br />
ในเรื่องที่มีผู้ร้องฎีกาเสมอ ซึ่งตระลาการผู้ต้องชำระความก็ต้อง<br />
ชำระความไปตามกฎหมายด้วยความถูกต้อง ให้ความยุติธรรมแก่ผู้ร้องถวายฎีกา<br />
ภาพกลองประจำพระนคร<br />
(ปัจจุบันตั้งแสดงที่พระที่นั่งปฤษฎางคภิมุข พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร)<br />
๒. กลองอินทเภรี เป็นกลองศึกที่ใช้บอกสัญญาณในการทำศึกสงคราม ซึ่งถือว่าเป็นกลองของพระอินทร์ ใช้บอกสัญญาณ<br />
ในการเคลื่อนทัพ การเข้าสัประยุทธ์ ซึ่งในบางตำราอาจเรียกว่า กลองสะบัดชัย นอกจากนี้ ในบางท้องถิ่นอาจใช้ชื่อ กลองอินทเภรี เป็นการตี<br />
บอกเวลาด้วยเช่นกัน<br />
ศาลหอกลองจำลองในปัจจุบัน<br />
ศาลเจ้าพ่อหอกลอง<br />
ภายในศาลาว่าการกลาโหม<br />
131<br />
หอกลองเดิม<br />
(บริเวณสวนเจ้าเชตุ)