Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
พระราชประวัติ<br />
พระปรีชาสามารถในการ<br />
บริหารราชการแผ่นดิน<br />
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก<br />
มหาราช พระนามเดิม ทองด้วง เสด็จพระราช<br />
สมภพ ณ กรุงศรีอยุธยา ในตระกูลขุนนางฝ่าย<br />
พลเรือน เมื่อวันพุธที่ ๒๐ มีนาคม พุทธศักราช<br />
๒๒๗๙ แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ<br />
ราชวงศ์บ้านพลูหลวง พระชนกคือ หลวงพินิจ<br />
อักษร (ทองดี) “รับราชการเป็นเสมียนตรา<br />
กรมมหาดไทย เทียบได้กับนักบริหารระดับ<br />
กลางในระบบบริหารราชการแผ่นดินปัจจุบัน<br />
พระมารดาคือ ท่านหยก เป็นครอบครัว<br />
ข้าราชการพลเรือน “ผู้มีอันจะกิน”มีฐานะ<br />
มั่นคงมั่งคั่งครอบครัวหนึ่ง ได้สร้างวัดประจำ<br />
ตระกูล คือวัดทอง ตรงบริเวณใกล้บ้านในกรุง<br />
ศรีอยุธยา และทรงอุปถัมภ์ตลอดมา”<br />
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก<br />
มหาราชทรงผนวชเมื่อพุทธศักราช ๒๓๐๐<br />
ณ วัดมหาทลายในกรุงศรีอยุธยาเมื่อทรงลา<br />
ผนวชแล้วเข้ารับราชการตามพระชนก อันเป็น<br />
รูปแบบของการคัดสรรบุคคลเข้ารับราชการ<br />
ในสมัยนั้นโดยถวายตัวเริ่มเข้ารับราชการใน<br />
ตำแหน่งมหาดเล็กในสมเด็จเจ้าฟ้าอุทุมพร<br />
กรมขุนพรพินิตพระราชโอรสของสมเด็จ<br />
พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ช่วงเวลา ๔ ปีนับตั้งแต่<br />
เป็นหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี ขณะเมื่อ<br />
พระชนมายุ ๒๕ พรรษา ได้ทรงสมรสกับท่าน<br />
นาค ธิดาในตระกูลคหบดี แห่งบ้านอัมพวา<br />
แขวงเมืองสมุทรสงคราม เมื่อพม่ารุกรานไทย<br />
ครั้งสงครามเสียกรุงศรีอยุธยาพุทธศักราช<br />
๒๓๑๐ กรมการเมืองราชบุรีไม่อาจต้านทาน<br />
กองทัพพม่าได้ หลวงยกกระบัตรจำต้องอพยพ<br />
ครอบครัวจากราชบุรีไปซุ่มซ่อนอยู่ในระแวก<br />
บ้านของท่านนาคผู้เป็นภริยา ซึ่งพื้นที่บ้าน<br />
อัมพวาเป็นสวนผลไม้ที่มีอาณาเขตกว้างขวาง<br />
หลังเสียกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าตากสิน<br />
มหาราชทรงตั้งชุมนุมไพร่พลอยู่ที่เมืองจันทบุรี<br />
หลวงยกบัตรเมืองราชบุรีได้แนะนำให้นาย<br />
สุจินดา (บุญมา) ผู้เป็นน้องให้นำพระราชชนนี<br />
ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งอพยพ<br />
หนีพม่าไปอยู่แขวงเมืองเพชรบุรีไปส่งที่ชุมนุม<br />
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่จันทบุรี ได้<br />
เข้าร่วมภารกิจกอบกู้บ้านเมืองกับสมเด็จ<br />
พระเจ้าตากสินมหาราชด้วย เมื่อรวบรวม<br />
บ้านเมืองเป็นปึกแผ่นสถาปนากรุงธนบุรีเป็น<br />
ศูนย์อำนาจแห่งใหม่และปราบดาภิเษกเป็น<br />
กษัตริย์หลวงยกกระบัตรได้รับการชักชวนจาก<br />
นายสุจินดาให้นำครอบครัวย้ายเข้ามาพำนัก<br />
ยังกรุงธนบุรีและถวายตัวเข้ารับราชการ ทรง<br />
เป็นกำลังสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน<br />
14<br />
ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในระยะ<br />
เวลาไม่ถึง ๑๐ ปีได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์<br />
เจริญก้าวหน้า อย่างรวดเร็ว พระยศเทียบ<br />
เสมอเจ้าต่างกรมเริ่มตั้งแต่เป็นพระราชวรินทร์<br />
พระยาอภัยรณฤทธิ์ พระยายมราช เจ้าพระยา<br />
จักรี สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกการรับ<br />
ราชการของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า<br />
จุฬาโลกมหาราช สรุปได้ดังนี้<br />
พุทธศักราช ๒๓๐๔ พระชนมายุ ๒๕ ปี ได้<br />
เป็นหลวงยกกระบัตร เมืองราชบุรี ออกไปรับ<br />
ราชการส่วนภูมิภาคจนถึงเสียกรุงศรีอยุธยา<br />
พุทธศักราช ๒๓๑๑ ถวายตัวกลับเข้ารับ<br />
ราชการในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้รับ<br />
พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระราชวรินทร์<br />
กำกับราชการกรมพระตำรวจ ในปีเดียวกันนี้<br />
ได้โดยเสด็จราชการทัพไปปราบเจ้าพิมาย ทรง<br />
ตีด่านขุนทดและด่านกระโทก<br />
พุทธศักราช ๒๓๑๒ เสร็จศึกเจ้าพิมาย<br />
แล้วได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระยาอภัย<br />
รณฤทธิ์ เป็นแม่ทัพไปตีกรุงกัมพูชาอีกครั้ง ได้<br />
เมืองพระตะบอง เมืองโพธิสัตว์ เมืองบริบูรณ์<br />
และเมืองบันทายเพชร์<br />
พุทธศักราช ๒๓๑๓ ได้รับพระราชทาน<br />
เลื่อนเป็นพระยายมราช บัญชาการกรมหมาด<br />
ไทย แทนสมุหนายก ต่อมาเมื่อเจ้าพระยา<br />
จักรี (แขก) ถึงอสัญกรรม จึงได้รับแต่งตั้งเป็น<br />
เจ้าพระยาจักรี ไปตีกรุงกัมพูชาอีกครั้ง ได้เมือง<br />
พระตะบอง เมืองโพธิสัตว์ เมืองบริบูรณ์ และ<br />
เมืองบันทายเพชร์<br />
พุทธศักราช ๒๓๑๓ เจ้าพระยาจักรี เป็น<br />
แม่ทัพตีเมืองเชียงใหม่กับเจ้าพระยาสุรสีห์<br />
ผู้น้องต่อมามีทัพพม่ามาตั้งมั่นที่บางแก้วอัน<br />
เป็นเขตต่อระหว่างราชบุรีและสมุทรสงคราม<br />
เจ้าพระยาจักรีกลับมาบัญชาการรบอีก<br />
พุทธศักราช ๒๓๑๘ พม่ายกทัพมาตีเมือง<br />
เชียงใหม่ เจ้าพระยาจักรีนำทัพขึ้นไป พอได้<br />
ยินข่าวทัพพม่าก็ย้ายไปตั้งอยู่ที่เมืองเชียงแสน<br />
บังเอิญเป็นเวลาที่อะแซหวุ่นกี้ยกกองทัพเข้าตี<br />
เมืองพิษณุโลกทางด่านแม่ละเมา เจ้าพระยา<br />
จักรีจึงถอยทัพมาตั้งรับพร้อมด้วยพระยาสุรสีห์<br />
ศึกอะแซหวุ่นกี้ครั้งนี้นับว่าสำคัญมาก พม่า<br />
ล้อมเมืองพิษณุโลกไว้หลายด้าน เข้าตีเมือง<br />
หลายครั้งไม่สามารถตีได้ อะแซหวุ่นกี้สรรเสริญ<br />
ว่า “ท่านนี้รูปก็งาม ฝีมือก็เข้มแข็งอาจสู้รบเรา<br />
ผู้เฒ่าได้ จงอุตสาห์รักษาตัวไว้ ภายหน้าจะได้<br />
เป็นกษัตริย์แท้”<br />
สำนักพัฒนาระบบราชการกลาโหม