Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ซึ่งได้แก่ โรคหลอด<br />
เลือดและหัวใจ เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันใน<br />
เลือดสูง โรคหลอดเลือดโคโรนารี<br />
โรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี (gallbladder<br />
disease)<br />
โรคเกี่ยวกับตับ เช่น ตับแข็ง (cirrhosis)<br />
มะเร็ง เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ ปากมดลูก<br />
เยื่อบุมดลูก ต่อมลูกหมาก มดลูกรังไข่ เต้านม<br />
ถุงน้ำดีตับอ่อน<br />
โรคทางเดินหายใจและปอดหายใจ<br />
ลำบากขณะนอนหลับนอนกรน (snoring)<br />
เพราะทางเดินหายใจเริ่มตีบตัน ร่างกายจะ<br />
ขาดออกซิเจน ทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่เต็มที่<br />
ส่งผลให้ง่วงนอนในเวลากลางวัน บางคน<br />
อาจเป็นมากขนาดหลับในขณะขับรถจนเกิด<br />
อุบัติเหตุได้<br />
โรคเกี่ยวกับไต เช่น นิ่ว ไตวายจากความ<br />
ดันโลหิตสูง<br />
โรคกระดูกและข้อต่อ โรคข้อต่อเสื่อม<br />
(Os-teoarthritis in joints) โดยเฉพาะบริเวณ<br />
สะโพกหัวเข่าข้อศอก<br />
โรคเก๊าท์ (gout)<br />
โรคเบาหวาน (diabetes mellitus)<br />
เส้นเลือดในสมองแตกหรืออุดตัน<br />
(stroke)<br />
ซึมเศร้า (depression)<br />
เส้นเลือดขอด (varicose vein)<br />
เหงื ่อออกมาก (sweating)<br />
การเป็นหมัน (infertility)<br />
จากการเสี่ยงต่อสุขภาพของโรคอ้วนที่กล่าว<br />
ถึงข้างต้นอันมีมากมายหลายประการ จึงมี<br />
การศึกษาถึงอันตรายของโรคอ้วนถึงขนาดว่า<br />
คนอ้วนมีอัตราการเสียชีวิตแตกต่างจากคน<br />
รูปร่างปกติหรือไม่ ซึ่งจากการศึกษาก็พบว่า<br />
อัตราการเสียชีวิตของคนที่อ้วนมากมีสูงขึ้นถึง<br />
๒ – ๑๒ เท่า ขึ้นกับอายุของแต่ละบุคคลแต่ถ้า<br />
กลุ่มประชากรที่อ้วนหรือน้ำหนักเกินสามารถ<br />
ลดน้ำหนักได้เพียง ๕ – ๑๐% ของน้ำหนักตัว<br />
เริ่มต้นก็จะสามารถลดอัตราการพิการ และ<br />
อัตราการตาย (morbidity and mortality<br />
rate) ได้ระดับหนึ่งทุกสิ่งทุกอย่างย่อมต้องมี<br />
ความพอดี การมากหรือน้อยเกินไปอาจเกิด<br />
ผลเสียได้มากกว่าผลดี "น้ำหนัก" ก็เช่นกัน ถ้า<br />
มากเกินไป "อ้วน" ก็เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ<br />
มากมาย แต่ถ้าสามารถลดความอ้วนลงมาให้<br />
ใกล้พอดีได้ก็จะเกิดการลดอัตราการเสี่ยงที่จะ<br />
เกิดขึ้นได้ แล้วคนที่มี "น้ำหนักเกิน" หรือ "อ้วน"<br />
สามารถรู้สาเหตุว่าเพราะอะไรจึงเกิดความ<br />
อ้วนมากเกินไปได้ โดยทั่วไปสาเหตุของ "อ้วน"<br />
มีหลายสาเหตุ บางคนอาจเกิดจากสาเหตุเดียว<br />
อ้วนหรือหลายสาเหตุประกอบกันก็ได้<br />
หลักเมือง ธันวาคม ๒๕๕๗<br />
สาเหตุของโรคอ้วน<br />
๑. พันธุกรรม ถ้าพ่อแม่เป็นโรคอ้วน ลูกที่<br />
เกิดมาก็มีโอกาสเป็นโรคอ้วนสูง<br />
๒. รับประทานอาหารมากเกินไป แล้วไม่มี<br />
เวลาออกกำลังกาย กล่าวคือ พลังงานที่ได้รับ<br />
จากการรับประทานมากกว่าพลังงานที่ใช้ไปใน<br />
การออกกำลังกาย เช่น ชอบรับประทานอาหาร<br />
ที่มีไขมันและแคลอรี่สูง เช่น หนังไก่ทอด มัน<br />
หมู หมูสามชั ้น ขาหมู ครีม เค้ก ฯลฯ แล้วไม่<br />
ยอมหาเวลาว่างออกกำลังกายเพื่อให้มีการใช้<br />
พลังงานที่ได้รับเข้ามา<br />
๓. พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่<br />
เหมาะสมทำให้มีการใช้พลังงานต่ำ และทำให้<br />
เสียโอกาสในการทำกิจกรรมหรือออกกำลัง<br />
กายที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น การจราจร<br />
ติดขัดในกรุงเทพ ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องนั่ง<br />
เฉยบนรถยนต์หลายชั่วโมงต่อวัน ลักษณะงาน<br />
ที่ต้องนั่งทำงานตลอดเวลา พฤติกรรมชอบรับ<br />
ประทานอาหารจุกจิก เป็นต้น<br />
๔. โรคบางชนิด เช่น Cushings Syndrome<br />
ซึ่งจะทำให้ร่างกายของผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้อ้วน<br />
โดยสาเหตุของโรคนี้เกิดจากความผิดปกติ<br />
ของฮอร์โมนในร่างกาย จนทำให้อ้วนบริเวณ<br />
ใบหน้า ลำตัว ต้นคอด้านหลัง แต่แขนขาจะ<br />
เล็ก และไม่มีแรง ในกรณีนี้จะต้องรักษาที่<br />
ต้นเหตุคือ ฮอร์โมนที่มีความผิดปกติจึงจะ<br />
สามารถหายอ้วนได้ สำหรับการรักษาโรคอ้วน<br />
นี้ วิธีการรักษาที่ดีควรต้องมีการผสมผสานการ<br />
รักษาหลายวิธีร่วมกันคือ การควบคุมอาหาร<br />
การออกกำลังกายเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลง<br />
พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ส่วนการรักษาโดย<br />
ใช้ยานั้นต้องใช้ในกรณีจำเป็นต่อการรักษาโรค<br />
อ้วนจริง ๆ และมักต้องอาศัยการรักษาด้วยยา<br />
ร่วมกับวิธีอื่น ๆ หรือถึงแม้ไม่ได้รับการรักษา<br />
ด้วยยาถ้าต้องการลดน้ำหนักก็ต้องอาศัยทั้ง<br />
๓ วิธีข้างต้นร่วมกันในการรักษาและควบคุม<br />
น้ำหนัก การควบคุมอาหาร (diet) ในการลด<br />
น้ำหนักคนอ้วน คือ ให้พลังงานจากอาหาร<br />
น้อยกว่าพลังงานที่ร่างกายต้องใช้ ร่างกายจึง<br />
สลายพลังงานที่เก็บสะสมในร่างกายออกมา<br />
ใช้แทน น้ำหนักก็จะลดลง การควบคุมอาหาร<br />
เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนัก<br />
ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับความแน่วแน่ของตัวท่าน<br />
เองเพราะถ้าท่านยังไม่สามารถตัดใจในเรื่อง<br />
อาหารได้ ความสำเร็จในการลดน ้ำหนักก็จะ<br />
ลดลงด้วย ลองตั้งใจเต็ม ๑๐๐% ในการควบคุม<br />
อาหาร แล้วท่านก็จะประสบความสำเร็จ แต่มี<br />
ข้อแนะนำว่าท่านไม่ควรงดอาหารชนิดใดชนิด<br />
หนึ่งอย่างเด็ดขาด หรือไม่ยอมรับประทาน<br />
อาหารในมื้อนั้น ๆ เพื่อจะลดน้ำหนักแต่ควร<br />
มีการควบคุมปริมาณอาหารที่ได้รับแต่ละมื้อ<br />
มากกว่า เพราะถ้างดอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง<br />
อย่างเด็ดขาดอาจทำให้ท่านขาดสารอาหาร<br />
ที่จำเป็นต่อร่างกายได้และถ้าท่านไม่ยอมรับ<br />
ประทานอาหารในมื้อใดมื้อหนึ่งอย่างเด็ด<br />
ขาด ก็อาจทำให้ท่านเป็นโรคกระเพาะอาหาร<br />
อักเสบได้เช่นกัน<br />
การออกกำลังกาย (exercise) เป็นวิธีที่<br />
สำคัญในการลดน้ำหนัก กล่าวคือเป็นส่วนของ<br />
การใช้พลังงานที่ถูกสะสมไว้ในรูปของไขมันซึ่ง<br />
ถ้าสัดส่วนของการใช้พลังงานมากกว่าสัดส่วน<br />
ของพลังงานที่ได้รับเข้าไปก็จะสามารถลด<br />
น้ำหนักได้ และวิธีการออกกำลังกายนี้สามารถ<br />
ลดน้ำหนักได้ในระยะยาว นอกจากมีผลดีใน<br />
การลดน้ำหนักแล้วยังมีข้อดีอีกหลายประการ<br />
ไม่ว่าจะผลดีต่อระบบหายใจทำให้การทำงาน<br />
ของหัวใจและปอดดีขึ้น แล้วยังลดปัญหาด้าน<br />
ภูมิแพ้ โดยจะเพิ่มความต้านทานแก่ร่างกาย<br />
ด้วย นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้มีสุขภาพที่ดีทั้ง<br />
ทางด้านร่างกายและจิตใจ โดยทั่วไปมักใช้วิธี<br />
ออกกำลังกายนี้ควบคู่กับการควบคุมอาหาร<br />
การออกกำลังกายที่เหมาะสมควรใช้เวลา<br />
ประมาณ ๓๐ – ๖๐นาทีต่อครั้งสัปดาห์ละ<br />
๓ – ๕ ครั้ง แค่นี้เราก็จะไม่อ้วนกันอีกต่อไป<br />
แล้ว<br />
55