ASA Journal 05/22
Home Smart Home
Home Smart Home
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
68<br />
theme / review<br />
สัมผัสจากสายลมแรงผ่านช่องหน้าต่างบนชั้นสี่<br />
ของบ้าน คือที่มาของชื่อบ้านหลังนี้ที่นิยามจาก<br />
เจ้าของบ้านโดยตรง ตอบรับกับเจตนารมณ์<br />
ของงานออกแบบสถาปัตยกรรมบ้านพักอาศัย<br />
ขนาดสี่ชั้นหลังนี้ของ Anonym Studio ที่<br />
ต้องการดึงศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติ<br />
ของลมและแดด มาจัดการผ่านงานออกแบบ<br />
เพื่อสร้างความสุขของผู้อยู่อาศัยให้ได้มาก<br />
ที่สุด<br />
ที่มาและความสมาร์ทของบ้านหลังนี้ในภาพ<br />
รวมเรื่องของธรรมชาติเป็นสำาคัญจากที่ตั้ง<br />
ของบ้านหลังนี้ที่หันหน้าออกทางทิศใต้ ซึ ่งรับ<br />
ลมได้ดีมาก บวกกับบริบทของพื้นที่เอื้อกับ<br />
สภาวะของลม คุณพงศ์ภัทร เอื้อสังคมเศรษฐ์<br />
สถาปนิกจึงดึงเอาเรื่องพลวัตของลม จากการ<br />
จดจำาความรู้สึกที่ตรงนั้น มาพัฒนาเป็นงาน<br />
สถาปัตยกรรม ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นโปรเจ็คต์<br />
กึ่งๆ ทดลองในเรื่องภาวะอยู่สบายของบ้าน<br />
และทางสถาปนิกค่อนข้างมั่นใจมากว่าเป็น<br />
ไปได้<br />
ด้วยความต้องการบ้านสี่ชั้นสำาหรับสามครอบ-<br />
ครัวคือ ครอบครัวรุ่นลูก และครอบครัวรุ ่น<br />
พ่อแม่ของทั้งสองฝั่ง โจทย์แรกของสถาปนิก<br />
จึงเป็นการออกแบบบ้านหลังนี้ให้เหมือนกับ<br />
เป็น Serviced Apartment ให้แต่ละครอบครัว<br />
ได้มีพื้นที่ส่วนตัวในแต่ละชั้นเป็นของตัวเอง<br />
ขณะเดียวกันกับชั้นล่างที่เป็นพื้นที่ส่วนกลาง<br />
สำาหรับรวมครอบครัวใหญ่ไว้ด้วยกัน<br />
ความรู้สึกจึงเป็นเรื่องสำาคัญของครอบครัวที่<br />
จำาเป็นจะต้องเชื่อมต่อ ทั้งในเรื่องความรู้สึก<br />
ของการใช้งาน และความรู้สึกในแง่มุมของ<br />
ประสาทสัมผัสรอบด้านเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี<br />
ครอบคลุมตั้งแต่พื้นที่ส่วนตัวที่สุดไปถึงพื้นที่<br />
ส่วนรวมของทุกคน<br />
แก่นสารของความเป็น ‘บ้าน’ จึงถูกถ่ายทอด<br />
ลงบนอาคารสี่ชั้นแห่งนี้ ด้วยการสร้าง Circulation<br />
หรือการหมุนเวียนของทางสัญจรในทุก<br />
มิติ ไม่ว่าจะเป็น Cross Circulation ของทาง<br />
เดินในแนวระนาบที่ใช้งานในชีวิตประจำาวัน<br />
และ Vertical Circulation หรือการไหลเวียน<br />
ของทัศนวิสัยในแนวดิ่ง ด้วยการใช้ระเบียงวาง<br />
สลับกันในแต่ละชั้น เพื่อสร้างจังหวะของพื้นที่<br />
และมุมมองที่เชื่อมโยงกัน ไปพร้อมกับการ<br />
จัดสรรพื้นที่ภายในซึ่งช่วยสร้างประสบการณ์<br />
ใช้งานและกระชับความสัมพันธ์<br />
พื้นที่ของอาคารจึงแบ่งออกเป็นสองด้าน ซึ่ง<br />
เป็นพื้นที่ของห้องนอนที่เปิดหน้าต่างให้ลมพัด<br />
ผ่านช่องเปิดได้ทั้งสองฝั่ง ส่วนหลังคาตรงกลาง<br />
ยกสูงขึ้นให้ลมสามารถทะลุทะลวงได้โดยรอบ<br />
โดยเว้นคอร์ทตรงกลางไว้ 2 คอร์ท คอร์ท<br />
แรกเป็นพื้นที่ส่วนกลางสำาหรับครอบครัวที่<br />
สามารถมองเห็นห้องนั่งเล่น ห้องรับประทาน-<br />
อาหารได้ ส่วนคอร์ทที่สองเป็นพื้นที่ปีนผา<br />
ของเจ้าของบ้าน ซึ่งจัดสรรเป็นพื้นที่แบบ<br />
กึ่งเอาท์ดอร์ ให้ได้บรรยากาศของการออก<br />
กำาลังกาย<br />
คอร์ทกลางของแต่ละชั้นจะมีจัดสรรช่องว่าง<br />
สะพานทางเดิน หรือระเบียงสลับกันไป เพื่อ<br />
สร้างจังหวะในการมองเห็น พร้อมกับลดความ<br />
เป็นทางการของอาคารสี่ชั้น เพิ่ม Sense of<br />
Place ของความเป็นบ้านให้มากขึ้นอีก เช่น<br />
เดียวกับช่องเปิดบันไดที่มีการบิดเปลี่ยน<br />
ระนาบไปในแต่ละชั้น เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ทาง<br />
ความรู้สึกที่อบอุ่นขึ้น โดยแต่ละช่องเปิดหรือ<br />
มุมเล็กซอกน้อย จะมีการแทรกต้นไม้เป็น<br />
จุดรวมสายตาของผู้คนภายในครอบครัว และ<br />
เป็นวิวสำาหรับเพื่อนบ้านรอบข้างที่ว่า อาคาร<br />
สูงสี่ชั้นแต่ทว่ายังดูโปร่งพร้อมกับเปิดมุมมอง<br />
ธรรมชาติให้กับความเป็นอยู่ในเมือง<br />
Ambiguity หรือความคลุมเครือ คือคีย์เวิร์ดที่<br />
สถาปนิกเลือกใช้กับวัสดุฟาซาดของบ้านหลัง<br />
นี้ “เพราะคำาว่า คลุมเครือ สามารถต่อยอด<br />
บทสนทนาระหว่างแต่ละองค์ประกอบของงาน<br />
สถาปัตยกรรมด้วยกันเอง และกับคนทำางาน<br />
ได้ หลายครั้งที่งานวัสดุจะไปตกผลึกในไซต์<br />
งานระหว่างก่อสร้าง เราก็ดูตามสภาวะและ<br />
มุมมองของพื้นที่”<br />
ส่วนของช่องลม คือความตั้งใจตั้งแต่แรกเริ่ม<br />
ของสถาปนิกว่าจะต้องใช้งาน เพราะด้วยลม<br />
ธรรมชาติบริเวณบ้านหลังนี้ดีมาก และวัสดุ<br />
อิฐช่องลมน่าจะดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด ณ<br />
เวลานั้นในเรื่องของการดึงลมเข้าบ้าน พร้อม<br />
กับสร้างความปลอดภัยให้กับบ้านในเวลา<br />
เดียวกัน<br />
วัสดุส่วนงานฟาซาดอาคารแบ่งออกเป็น 2 แบบ<br />
ได้แก่ ผืนผนังคอนกรีตเซาะร่องตามแนวตั้ง<br />
ของอาคาร กับผืนผนังอิฐช่องลมที่ทำาหน้าที่<br />
เป็นกรอบของงานสถาปัตยกรรมโดยรวม โดย<br />
ใช้โครงสร้างของอาคาร การคว้านเจาะช่องเปิด<br />
และการกรุกระจก เป็นส่วนช่วยในการบรรจบ<br />
องค์ประกอบทั้งหมดให้เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน<br />
อย่างกลมกลืน<br />
ในการจัดวางแพทเทิร์นของอิฐช่องลม ผู้ออก-<br />
แบบได้ศึกษาเรื่องความทึบ-ความโปร่งเพื่อ<br />
จัดวางการไล่ระดับของความโปร่ง ให้สัมพันธ์<br />
กับรูปลักษณ์ของอิฐช่องลมแต่ละรุ่นที่มีหน้าตา<br />
และจำานวนของช่องเปิดแตกต่างกันไป อย่าง<br />
ในชั้นแรกจะดูทึบสุดด้วยเรื่องความเป็นส่วนตัว<br />
แล้วค่อยโปร่งขึ้นให้เห็นวิว ไล่ระดับขึ้นไปจนถึง<br />
ชั้นบนสุด พร้อมกันนั้นก็ทำาให้ช่องเปิดหลัก<br />
ของชั้นบนๆ เปิดออกมากขึ้นให้เห็นวิวทิวทัศน์<br />
นอกบ้าน”<br />
หลายมุมของบ้านที่เปลี่ยนรูปแบบของการจัด<br />
วางผนังอิฐช่องลมล้อมปิดกับการเปิดช่องว่าง<br />
กรุกระจกแทนในช่วงระหว่างการตรวจหน้างาน<br />
เพราะการปรับเปลี่ยนให้สอดประสานไปกับ<br />
ความรู้สึกจากเอฟเฟกต์ของมุมมอง แสง และ<br />
ลม ณ จุดนั้นจะเป็นการดึงศักยภาพของงาน<br />
ดีไซน์ที่มีผลต่อธรรมชาติของความเป็นอยู่<br />
ให้ได้มากที่สุด เอฟเฟกต์ของธรรมชาตินอก<br />
เหนือจากเรื่องลมแล้ว ยังเป็นเรื่องราวของแสง<br />
ธรรมชาติที่ทอดกระทบบนผืนผนังต่างๆ และ<br />
เปลี่ยนแปลงตามความเข้มของแสงตลอดวัน<br />
แสงธรรมชาติมีส่วนที่ช่วยสร้างความเชื่อมโยง<br />
ผ่านมิติทางการมองเห็นมากขึ้น<br />
“ส่วนตัวชอบโปรเจ็คท์นี้มาก เพราะรู้สึกว่ามัน<br />
เปลี่ยนความคิดในเชิงการทำางานก่อสร้าง<br />
สถาปัตยกรรม และงานโครงสร้าง เพราะเป็นงาน<br />
ที่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ พื้นผิวคอนกรีต<br />
ของเส้นแนวอิฐ สีธรรมชาติของอิฐช่องลม และ<br />
การเลือกผนังวัสดุภายในที่เป็นซีเมนต์อิมพอร์ท<br />
สีเทา ที่เล่าเรื่องราวเดียวกันหมดทั้งตัวบ้าน ซึ่ง<br />
แสงและลมช่วยเติมอารมณ์ให้บ้านมีชีวิต รวมทั้ง<br />
ส่วนงานโครงสร้างที่ทิ้งให้เห็นคาน ท่อ สายไฟ<br />
ตอนนี้ก็รู้สึกขอบคุณความคิดตรงนั้นที่ทำ าให้<br />
เราเปลี่ยนว่า มันก็ไม่จำาเป็น ถ้ามันจะดิบก็ต้อง<br />
ปล่อยให้มันดิบไปเลย อย่าปรุงเยอะ”