Data2556
Data2556
Data2556
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
826<br />
ขอมูลพื้นฐานของตางประเทศ<br />
2556<br />
ไทยมากขึ้น<br />
ขณะเดียวกันกลุ มผู กอเหตุรุนแรงก็พยายามเชื่อมโยงสถานการณที่เกิดขึ้นใหเปนเรื่องความขัดแยง<br />
ทางศาสนา และอางความชอบธรรมเพื่อแบงแยกดินแดนเปนรัฐปาตานี<br />
โดยอาศัยพื้นฐานความแตกตางทาง<br />
ประวัติศาสตร ประเพณี วัฒนธรรม และเชื้อชาติของประชาชนในพื้นที่<br />
สถานการณดังกลาวสงผลใหรัฐบาลไทยตองหันมาใหความสําคัญกับการสรางความเขาใจที่ถูกตอง<br />
กับ OIC มากขึ้น<br />
ดวยการเชิญคณะผู แทน OIC ที่มีนายซัยยิด<br />
กอเซ็ม อัล มัสริ เปนหัวหนาคณะเยือนไทยในลักษณะ<br />
Goodwill Mission ระหวาง 2-13 มิ.ย.2548 เพื่อรวบรวมขอเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณในพื้นที่และรายงาน<br />
ใหที ่ประชุม ICFM ครั้งที่<br />
32 ที่ซานา<br />
เยเมน ระหวาง 28-30 มิ.ย.2548 ทราบ ทั้งนี้<br />
ผลการเยือนดังกลาวทําให<br />
OIC เขาใจสถานการณในไทยมากขึ้น<br />
พรอมกับยอมรับวาเหตุการณที่เกิดขึ้นไมใชความขัดแยงทางศาสนา<br />
ขณะที่<br />
ฝายไทยชี้แจงวาเหตุการณที่มัสยิดกรือเซะ<br />
และสถานีตํารวจภูธร อ.ตากใบ เกิดจากความผิดพลาดของ<br />
เจาหนาที่ในการปฏิบัติหนาที่<br />
มิใชนโยบายของรัฐที่ตองการใชความรุนแรงตอคนไทยมุสลิม<br />
ดวยเหตุนี้<br />
ที่ประชุม<br />
ICFM ครั้งที่<br />
32 จึงออกขอมติวาดวยการพิทักษสิทธิของชุมชนและชนกลุ มนอยมุสลิมในประเทศที่มิใชสมาชิก<br />
OIC ที่มีเนื้อหาพาดพิงถึงสถานการณในภาคใตของไทยเปนครั้งแรก<br />
แตไมมีเนื้อหาเชิงลบ<br />
โดยเปนการรับทราบ<br />
ผลการเยือนดังกลาวและมอบหมายใหเลขาธิการ OIC รายงานความคืบหนาให ICFM ทราบในปตอๆ ไป<br />
รัฐบาลไทยยังคงสานตอความรวมมือกับ OIC ดวยการเชิญศาสตราจารยเอกเมเลดดีน อิหซาโนกลู<br />
เลขาธิการ OIC เยือนไทย ระหวาง 30 เม.ย.-2 พ.ค.2550 และมีการออกคําแถลงขาวรวม (Joint Press<br />
Statement) ซึ่งมีสาระสําคัญระบุวา<br />
OIC ยังคงกังวลตอสถานการณที่เกิดขึ้นในภาคใตของไทย<br />
และได<br />
เรียกรองทางการไทยใหเรงดําเนินกระบวนการเสริมสรางความนาเชื่อถือและความเชื่อมั่นใหเกิดขึ้นแกคนไทย<br />
มุสลิมในพื้นที่<br />
รวมทั้งเปดโอกาสใหประชาชนมีบทบาทในการดําเนินกิจการตางๆของตนภายในกรอบของ<br />
รัฐธรรมนูญไดมากขึ้น<br />
อยางไรก็ดี OIC ยินดีที่รัฐบาลไทยใหคํามั่นวาจะจัดการกับรากเหงาของปญหาใน<br />
จังหวัดภาคใตอยางจริงจัง โดยไดรับทราบถึงแผนงานของทางการไทยที่จะจัดวิชาอิสลามศึกษาไวในหลักสูตร<br />
ของโรงเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต และอนุญาตใหใชกฎหมายศาสนา (ชารีอะฮ) ในสวนที่เกี่ยวของกับ<br />
กิจการในครอบครัว นอกจากนี้ยังยินดีที่รัฐบาลไทยยืนยันจะนิรโทษกรรมผู<br />
ที่เกี่ยวของกับเหตุรุนแรงในจังหวัด<br />
ชายแดนภาคใต และยกเลิกขอกลาวหาผูชุมนุมหนาสถานีตํารวจภูธร อ.ตากใบ ที่ถูกจับกุมเมื่อป<br />
2547<br />
ตามคําเรียกรองของเลขาธิการ OIC<br />
เหตุรุนแรงที่ยังคงเกิดขึ้นอยู<br />
เปนระยะ รวมทั้งการที่มีกลุ<br />
มแบงแยกดินแดนรุกเขาหาเจาหนาที่<br />
ระดับสูงของสํานักเลขาธิการ OIC ก็ทําใหสํานักเลขาธิการ OIC มีทาทีโนมเอียงไปในทางเห็นอกเห็นใจกลุม<br />
ดังกลาวมากขึ้น<br />
ดังจะเห็นไดจากกรณีนายซําซูดิง คาน (หรือ อบู ยาซิร ฟกริ) ประธานกลุ มพูโลเกา ไดรับเชิญ<br />
ใหเขารวมแสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณในภาคใตของไทยตอที่ประชุมระดับผูเชี่ยวชาญของ<br />
OIC<br />
(Intergovernmental Group of Experts - IGGE) ที่เจดดาห<br />
ซาอุดีอาระเบีย เมื่อ<br />
เม.ย.2552 นอกจากนี้<br />
สํานักเลขาธิการ OIC ยังไดจัดทํารางขอมติเกี่ยวกับสถานการณของชุมชนมุสลิมในภาคใตของไทยเปนการเฉพาะ<br />
เพื่อเสนอใหที่ประชุม<br />
CFM พิจารณามาตั้งแตการประชุม<br />
CFM ครั้งที่<br />
35 ที่ยูกันดา<br />
เมื่อป<br />
2551 แตจาก<br />
การดําเนินการของไทยรวมกับมิตรประเทศก็สงผลใหที่ประชุมมีมติเลื่อนการพิจารณารางดังกลาวออกไป<br />
ทุกครั้ง<br />
(ลาสุดที่ประชุม<br />
CFM ครั้งที่<br />
39 ที่<br />
จิบูตี เมื่อ<br />
พ.ย.2555 ยังคงมีมติใหเลื่อนการพิจารณารับรองราง<br />
ขอมติเกี่ยวกับสถานการณในภาคใตของไทยเปนการเฉพาะออกไปอีก<br />
1 ป)<br />
ปจจุบันนายซัยยิด กอเซ็ม อัล มัสริ ไดรับมอบหมายตามมติที่ประชุม<br />
CFM ครั้งที่<br />
37 ที่ทาจิกิสถาน<br />
เมื่อ<br />
พ.ค.2553 ใหเปนผูแทนเลขาธิการ<br />
OIC ในการหารือกับรัฐบาลไทย และลาสุดเพิ่งนําคณะผูแทนพิเศษ<br />
มาเยือนไทย เมื ่อ พ.ค.2555 ซึ่งผลการเยือนดังกลาวในภาพรวมเปนไปดวยดี<br />
โดยนายอัล มัสริยอมรับวา<br />
ไดเห็นพัฒนาการในภาคใตของไทยที่ดีขึ้นกวาการเยือนครั้งแรกเมื่อป<br />
2548 เฉพาะอยางยิ่งไดเห็นวา<br />
รัฐบาลไทย<br />
ตระหนักถึงความสําคัญในการแกไขที่รากเหงาของปญหาดวยการใชนโยบายการเมืองนําการทหาร<br />
และให<br />
ภาคประชาสังคมเขาไปมีสวนรวมมากขึ้นผาน<br />
ศอ.บต. ซึ่งการดําเนินการเหลานี้ถือเปนการสนองตอบตอขอมติ<br />
CFM ครั้งที่<br />
38 ที่อัสตานา<br />
คาซัคสถาน เมื่อ<br />
มิ.ย.2554 ที่ระบุวา<br />
การแกไขปญหายังเปนการดําเนินการฝายเดียว<br />
ของภาครัฐ