ASA JOURNAL Vol.2 | 2018
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รายวิชา Basin Architecture Morphology และ Environmental<br />
and Architectural Conservation โดยภาควิชา สถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์<br />
มหาวิทยาลัยจึงนำนิสิตลงพื้นที่เพื่อสำรวจ พัฒนาชุมชน โดยความร่วมมือของช่างชาวกระหร่างปกา<br />
เกอะญอ และหน่วยงานต่างๆ ในงานก่อสร้างบ้านกะหร่างปกาเกอะญอดั้งเดิมจำนวน 2 หลังเพื่อ<br />
ศึกษาและถอดความรู้ วิธีการทำงานจากช่างพื้นถิ่นโดยตรง พร้อมกับแนวคิดการสร้างวงจรของวัสดุ<br />
การก่อสร้างบ้านเรือนที่ยั่งยืน<br />
ผลจากการสำรวจเบื้องต้น พบปัญหาสืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิต โดยชาว<br />
บ้านมีความต้องการบ้านเรือนที่มีความแข็งแรงทางโครงสร้าง ด้วยวัสดุและองค์ประกอบต่างๆที่แตก<br />
ต่างไปจากในอดีต ที่เป็นเพียงเรือนเครื่องผูกจากไม้ไผ่ หวาย หรือไม้จริง เนื่องจากในปัจจุบัน ผู้นำ<br />
ครอบครัวไม่สามารถจัดสรรเวลาในกามรซ่อมแซมปรับปรุงบ้าน และการหาทรัพยากรธรรมชาติมา<br />
ก่อสร้างบ้านเรือนนั้นเป็นไปได้ยากมากขึ้น ทั้งด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติในบริเวณหมู่บ้านที่ลดลง<br />
และข้อจำกัดในการหาของในป่าเขตอุทยานแห่งชาติ ทำให้ชาวบ้านหันมาใช้วัสดุก่อสร้างเชิง<br />
อุตสาหกรรม ซึ่งไม่เหมาะสมกับอัตลักษณ์ของหมู่บ้าน ดังนั้น การตอบโจทย์ปัญหาด้านวัสดุก่อสร้าง<br />
จึงเป็นประเด็นสำคัญที่จะต้องตระหนัก เพื่อให้ชาวกะหร่างปกาเกอะญอสามารถอาศัยอยู่ร่วมกับ<br />
ธรรมชาติในป่าอุทยานแห่งชาติได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้การลงพื้นที่และการก่อสร้างบ้านนั้นเปรียบเสมือน<br />
พื้นที่ทดลองเพื่อเรียนรู้ที่ยังต้องการการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในการหาคำตอบของการปรับสมดุลทั้ง<br />
การใช้วัสดุธรรมชาติ ภูมิปัญญาดั่งเดิม เทคโนโลยีการก่อสร้าง และวัสดุในปัจจุบันให้กลมกลืนกัน<br />
อย่างสมบูรณ์ โดยมุ่งเน้นการสร้างความเป็นอยู่ที่ไม่เบียดเบียนธรรมชาติโดยรอบชุมชนและเป็น<br />
แนวทางในการพัฒนาอาคารขนาดเล็กที่มีความยั่งยืนต่อไป<br />
2. ประเด็นสคัญจากการทดลอง<br />
2.1 กระบวนการดเนินงาน<br />
การดำเนินงาน แบ่งออกได้เป็น 2 ช่วง ได้แก่<br />
(1) ช่วงแรก: การเรียนรู้ภูมิปัญญาดั้งเดิมและการทดลองน้ำยาป้องกันมอดไม้ไผ่<br />
เป็นการเรียนรู้ภูมิปัญญาด้านการก่อสร้างบ้านเรือนดั้งเดิมของชาวกะหร่างปกาเกอะญอในพื้นที่โป่ง<br />
ลึก โดยขั้นต้นทำการสำรวจภาคสนามสังเกตและสอบถามจากชาวบ้าน จากนั้นจึงเป็นการเรียนรู้ไป<br />
พร้อมกับช่างพื้นถิ่นผ่านกระบวนการก่อสร้างจริงโดยมีช่างชาวกะหร่างเป็นผู้ออกแบบและนำการ<br />
ก่อสร้างบ้าน และมีคณาจารย์นิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าร่วมในลักษณะผู้ช่วย เพื่อถอด<br />
องค์ความรู้ที่เกิดจากการลงมือทำจริง พร้อมเตรียมนำไปประยุกต์เข้ากับเทคโนโลยีทางการก่อสร้าง<br />
สมัยใหม่ ในขณะเดียวกัน ก็เริ่มทดลองใช้น้ำยาป้องกันมอดไม้ไผ่เพื่อยืดอายุไม้ไผ่ ได้แก่ การผสมน้ำ<br />
ปูนใส น้ำส้มควันไม้ และการหาวิธีกรอกน้ำยาเข้าไปในบางส่วนของไม้ไผ่ที่ใช้สร้างบ้าน<br />
การมองภาพรวมกระบวนการก่อสร้างบ้านต้นแบบ ซึ่งทำคู่ขนานกันไป ตั้งแต่การวิเคราะห์รูปแบบ<br />
การก่อสร้าง การทดลองน้ำยาแช่กันมอด และการวางแผนก่อสร้างร่วมกับชาวกระหร่างปกาเกอะญอ<br />
2.2.2 ข้อจกัดทางการศึกษา<br />
การทำงานในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานสร้างข้อจำกัดหลายประการ ตั้งแต่การจัดเตรียม<br />
จัดหาวัสดุไม้ไผ่และวัสดุก่อสร้างประกอบต่างๆ การจัดหาเครื่องมือดำเนินงานก่อสร้างแบบไม่ใช้ไฟฟ้า<br />
ข้อจำกัดด้านเวลาดำเนินงานเนื่องจากไม่สามารถพักอาศัยในพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน<br />
ข้อจำกัดด้านพื้นที่จัดวางวัสดุและพื้นที่ทำงาน ซึ่งต้องดำเนินการแก้ไขเฉพาะหน้างานตลอดเวลา<br />
2.3 ผลการทดลองและการประเมิน<br />
2.3.1 การยืดอายุวัสดุไม้ไผ่ด้วยกรรมวิธีทางธรรมชาติแบบต้นทุนต่ำ<br />
ไม้ไผ่เป็นวัสดุหลักในการสร้างบ้านแบบดั้งเดิมของชาวกระหร่างปกาเกอะญอ เพราะเป็นสิ่ง<br />
ที่หาได้ง่ายและสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้แทบทุกส่วนในการก่อสร้าง ชาวกระหร่างปกาเกอะญ<br />
อมีความรู้ในการหาและเตรียมไม้ไผ่เพื่อให้สามารถเกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้เป็นอย่างดี เช่น การ<br />
เลือกฤดูกาลและช่วงเวลาในการตัด การดูลักษณะไม้ไผ่ที่เหมาะสม เป็นต้น แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่<br />
สามารถยืดอายุการใช้งานเกินไปกว่า4-5ปี ด้วยจุดอ่อนตามธรรมชาติ คือ มอดไม้ไผ่ ซึ่งคอยกัดกิน<br />
เนื้อไม้ไผ่จนทำให้หมดคุณสมบัติทางโครงสร้าง ดังนั้นคณะทำงานจึงทำการทดลองค้นหาแนวทาง<br />
ใหม่ในการป้องกันมอดไม้ไผ่เพื่อยืดอายุการใช้งานโดยศึกษาจากแนวทางที่มีอยู่แล้ว ได้แก่ การแช่<br />
น้ำ2-3เดือนให้ไม้ไผ่เน่า การทดลองทางอุตสาหกรรมโดยแช่ไม้ไผ่ในสารละลายต่างๆ เช่น Borax หรือ<br />
น้ำปูนใส เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันมอดไม้ไผ่ โดยคำนึงถึงการนำมาต่อยอดประยุกต์<br />
กระบวนการที่ชาวบ้านสามารถทำได้จริง จนสรุปได้ว่า การนำน้ำปูนใสผสมน้ำส้มควันไม้มาเป็นน้ำยา<br />
แช่ คือตัวเลือกที่น่าสนใจมากที่สุด ด้วยคุณสมบัติในการป้องกันมอดไม้ไผ่ที่ดีกว่าและไม่เป็นพิษต่อ<br />
ธรรมชาติ(การทดลองดำเนินการโดยใช้ชิ้นไม้ไผ่สดแช่สารละลายต่างๆและนำเข้าไปในภาชนะบรรจุ<br />
มอดไม้ไผ่) นอกไปจากนั้น เพื่อให้การนำน้ำปูนใสผสมน้ำส้มควันไม้ไปใช้งานได้ง่ายโดยแรงงานระดับ<br />
ครัวเรือนซึ่งยังไม่มีทุนในการทำบ่อแช่น้ำยา คณะทำงานจึงปรับเปลี่ยนกระบวนการแช่ไม้ไผ่ในบ่อแช่<br />
เป็นการกรอกน้ำปูนสผสมน้ำส้มควันไม้ลงในปล้องไม้ไผ่แทน ทั้งการใช้สว่านเจาะปล้องไม้ไผ่และฉีด<br />
น้ำยาเข้าไปโดยตรง และ การกระทุ้งเจาะรูระหว่างปล้องไม้ไผ่และกรอกน้ำยาเข้าไป ด้วยวิธีการนี้<br />
ไม้ไผ่จะดูดซึมน้ำยาจากเนื้อไม้ภายใน โดยสามารถใข้งานได้ทั้งในการทำองค์ประกอบเสา คาน ตง<br />
จันทัน และ ฟากพื้นผนัง<br />
(2) ช่วงสอง: การทดลองสร้างบ้านประยุกต์ไม้ไผ่ยิดอายุใช้งาน<br />
เป็นการนำเสนอแบบบ้านใหม่โดยคณาจารย์นิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้แนวคิดการ<br />
วางผังบ้านชาวกระหร่างปกาเกอะญอแบบดั้งเดิม ที่เริ่มต้นโครงผังหลักด้วยแนวเสาทรงจัตุรั<br />
ศ3คูณ3ต้น แล้วจึงขยายส่วนระเบียงออกไปทางด้านต่างๆตามลักษณะการใช้งานหรือสภาพพื้นที่<br />
โดยการจัดผังบ้านแนวใหม่นี้ได้รับคำปรึกษาจากช่างปกาเกอะญออย่างใกล้ชิดและมีการปรับเปลี่ยน<br />
ขนาดตามความถนัดของช่าง จากนั้นจึงดำเนินการก่อสร้างด้วยวัสดุไม้ไผ่ในทุกองค์ประกอบหลักของ<br />
บ้านบนพื้นฐานการเตรียมยืดอายุไม้ไผ่ด้วยน้ำปูนใสผสมน้ำส้มควันไม้เพื่อลดการใช้ไม้เนื้อแข็งสร้าง<br />
บ้านโดยมีตัวเลือกไม้ไผ่ซึ่งสามารถปลูกทดแทนได้เร็วกว่า และหากวางแผนจัดการอย่างมี<br />
ประสิทธิภาพ ย่อมสามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนไม้เนื้อแข็งได้<br />
2.2 ขอบเขตและข้อจกัดทางการศึกษา<br />
2.2.1 ขอบเขตทางการศึกษา<br />
การศึกษานี้กำหนดขอบเขตทางพื้นที่ ในหมู่บ้านโป่งลึก ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่ง<br />
กระจาน จังหวัดเพชรบุรีซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในระยะเวลา 1.5เดือน 2ช่วง ระหว่าง<br />
เดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2558 และ เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2559 ขอบเขตทางการศึกษา มุ่งเน้น<br />
ภาพที่ 2 (ซ้ายบน) : การทดลองการแช่ไม้ไผ่กับสารต่างๆ เพื่อทดสอบการป้องกันมอดไม้ไผ่<br />
Image 2 (upper left) : Bamboo wood being is soaked in different types of solution to<br />
ภาพที่ 3 (ซ้ายล่าง) : การทดสอบการป้องกันมอดไม้ไผ่<br />
Image 3 (Lower left) : Testing the bamboo resistance to bamboo borers.<br />
ภาพที่ 4 (ขวา) : การฉีดนปูนใสเข้าไปในกระบอกไม้ไผ่ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการป้องกันมอดไม้ไผ่<br />
Image 4 (Right) : Slake lime is injected into a bamboo stem to optimize the wood’s resistance to bamboo borers.<br />
102 103<br />
วารสารสถาปัตยกรรมของสมาคมสถาปนิกสยาม<br />
ในพระบรมราชูปถัมภ์ Issue 02 / <strong>2018</strong><br />
The Architectural Journal of The Association of Siamese Architects<br />
under the Royal Patronage<br />
วารสารสถาปัตยกรรมของสมาคมสถาปนิกสยาม<br />
ในพระบรมราชูปถัมภ ์ Issue 02 / <strong>2018</strong><br />
The Architectural Journal of The Association of Siamese Architects<br />
under the Royal Patronage