ASA JOURNAL Vol.2 | 2018
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
ดูแลอาคารสถานที่ได้อย่างสะดวก แม้จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่างไม่ครบครันเท่าโรงแรม<br />
ขนาดใหญ่ก็ตาม การออกกฎกระทรวงกําหนดลักษณะอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม<br />
พ.ศ. 2559 ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2552 ชี้ให้เห็นถึงความแพร่หลายของการปรับ<br />
ใช้อาคารประเภทอื่นมาประกอบธุรกิจโรงแรม เพื่อให้สามารถขออนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารเพื่อ<br />
ประกอบธุรกิจโรงแรมได้อย่างถูกต้อง<br />
ภาพที่ 6 : บ้านนพวงศ์<br />
Image 6 : Baan Noppawong<br />
การปรับเปลี่ยนการใช้สอยบ้านและอาคารเก่าขนาดเล็กทรงคุณค่าเป็นโรงแรมขนาดเล็กนับ<br />
เป็นแนวทางร่วมระหว่างการอนุรักษ์และการพัฒนาที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย การปรับเปลี่ยนเป็น<br />
โรงแรมช่วยต่อชีวิตอาคารให้ได้มีอายุยืนนานขึ้น ได้รับการบูรณะซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดีและถูก<br />
กลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้ง สร้างโอกาสให้อาคารเหล่านั้นได้เปิดเผยตนเองออกสู่สาธารณะให้ได้รับ<br />
ความชื่นชมคุณค่าที่มากับอายุและคุณสมบัติเฉพาะของแต่ละอาคาร รวมทั้งประวัติและรูปแบบ<br />
อาคาร และในขณะเดียวกันก็สร้างรายได้แก่ธุรกิจผ่านประโยชน์ใช้สอยนั้นด้วยศักยภาพและคุณค่า<br />
ของอาคารที่อาจทดแทนไม่ได้ด้วยสิ่งก่อสร้างใหม่เพื่อใช้ส่วนหนึ่งเป็นทุนในการบูรณะและบำรุงรักษา<br />
อาคารให้คงอยู่สืบต่อไปด้วย ทั้งนี้แม้รายได้ที่มาจากธุรกิจโรงแรมเพียงอย่างเดียวนั้นยากที่จะคืนทุน<br />
ที่ใช้ในการบูรณะและบำรุงรักษาอาคารเก่าในกรณีที่สภาพอาคารเดิมทรุดโทรมมาก แต่การคืน<br />
ประโยชน์ใช้สอยให้กับอาคารช่วยสร้างชีวิตให้แก่สถานที่และเป็นการชะลอการชำรุดเสื่อมสภาพและ<br />
ปัญหาเพิ่มเติมของอาคารจากการทิ้งร้างเป็นระยะเวลานาน โรงแรมบูติคในอาคารเก่าเหล่านี้มีส่วน<br />
ในการถ่ายทอดประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแก่ผู้ใช้บริการ ผ่านลักษณะทางกายภาพ การสื่อสาร<br />
ข้อมูล การบริการและการออกแบบสื่อต่างๆที่เกี่ยวข้อง (Saithiwa Ramasoot, 2014) โดยมักผ่านการ<br />
ปรับเปลี่ยนทางกายภาพของอาคาร ประกอบด้วยการบูรณะให้แข็งแรงและอยู่ในสภาพดีการต่อเติม<br />
และเปลี่ยนแปลงอาคารในระดับต่างๆ หรือการสร้างอาคารเพิ่ม นอกจากนี้ พบว่าการอนุรักษ์อาคาร<br />
เก่ามีความซับซ้อนขึ้นเมื่อต้องปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับแผนธุรกิจ รวมทั้งความสะดวกสบาย ปลอดภัย<br />
ความเป็นอาคารสาธารณะและมาตรฐานต่างๆของที่พักนักท่องเที่ยว ซึ่งอาจลดทอนคุณค่าของอาคาร<br />
เดิมในองค์รวมลงได้หากมีการออกแบบและจัดการอย่างไม่เหมาะสม ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นความ<br />
ท้าทายต่อความคิดสร้างสรรค์ของผู้ออกแบบเพื่อการอนุรักษ์อาคารที่จะรักษาความแท้ของอาคาร<br />
เดิมไว้ให้ได้มากที่สุด อาคารเก่าที่ถูกปรับเป็นที่พักขนาดเล็กสำหรับนักท่องเที่ยวที่พบมีทั้งอาคารไม้<br />
อาคารครึ่งปูนครึ่งไม้ และอาคารก่ออิฐถือปูน ซึ่งมักมีรูปแบบหรือมีวัสดุและรายละเอียดอาคารที่<br />
หาได้ยากหรือแตกต่างไปจากอาคารที่ก่อสร้างในปัจจุบัน ตัวอย่างโรงแรมที่เดิมเป็นบ้านพักอาศัย<br />
แบบบ้านเดี่ยว เช่น โรงแรมบ้านพระนนท์ บ้านดินสอโฮสเทล โรงแรมบ้านนพวงศ์ (ภาพที่ 6) โรงแรม<br />
พระยาพาลาซโซ่ (ภาพที่ 7) โรงแรมบ้าน ๒๔๕๙ และโรงแรมบ้านใน โรงแรมที่เดิมเป็นบ้านพักอาศัย<br />
แบบเรือนแถว เช่น เดอะภูธรเบดแอนด์เบรคฟาสต์ ดิอัษฎางค์เบดแอนด์เบรคฟาสต์ 1905 Heritage<br />
Corner และ Here Hostel เป็นต้น โดยทำเล อายุและลักษณะของอาคารโบราณมักมีผลต่อการกำหนด<br />
ระดับและรูปแบบของธุรกิจและการตั้งระดับราคาค่าห้องพัก ที่พักบางแห่งอาจมีที่ตั้งเข้าถึงได้ยาก<br />
หรือสภาพแวดล้อมไม่ดีนัก แม้จะอยู่ในย่านทำเลที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว แต่อาศัยคุณค่าทาง<br />
ประวัติศาสตร์และเสน่ห์เฉพาะตัวของสถาปัตยกรรมเก่าช่วยดึงดูดและสร้างประสบการณ์เฉพาะตัว<br />
ให้แก่ผู้เข้าพัก การปรับเปลี่ยนการใช้สอยอย่างเหมาะสมจึงนับเป็นวิธีการเพิ่มโอกาสการอนุรักษ์<br />
ให้แก่อาคารเก่าที่มีขนาดและระดับความสำคัญลดหลั่นลงมาแต่มีคุณค่าในตัวเองให้บุคคลหรือเอกชน<br />
กลุ่มเล็กๆ ได้เข้ามาดำเนินการอนุรักษ์ได้เอง ในหลายกรณีการปรับเปลี่ยนอาคารเก่าในสภาพแวดล้อม<br />
ของชุมชนเดิมยังช่วยดึงนักท่องเที่ยวเข้ามารู้จักสถานที่และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนด้วยกิจกรรมต่างๆ<br />
ตัวอย่างน่าสนใจคือ โรงแรมพระยาพาลาซโซ่ (สร้างในปี พ.ศ. 2466 เดิมเป็นบ้านคหบดีและเคยถูก<br />
ปรับใช้เป็นอาคารเรียน) ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรีและมีข้อจำกัดในการเข้าถึงด้วยรถยนต์<br />
แต่สามารถพลิกเอาข้อจำกัดของการเข้าถึงโรงแรมด้วยเรือข้ามฟากเท่านั้นให้เป็นจุดเด่นเพื่อเน้น<br />
บรรยากาศเงียบสงบผ่อนคลายแตกต่างจากพื้นที่ย่านท่องเที่ยวข้างเคียงและสร้างประสบการณ์<br />
การย้อนกลับสู่อดีตด้วยที่ตั้งและสถาปัตยกรรม<br />
การปรับเปลี่ยนอาคารเดิมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอีกประเภทหนึ่งที่พบมากคือโฮสเทลที่<br />
ปรับจากอาคารพาณิชย์หรือตึกแถวสมัยใหม่กรณีนี้อาคารเดิมเป็นอาคารร่วมสมัยที่อาจไม่ได้มีคุณค่า<br />
ทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ แต่ยังคงมีศักยภาพทางเศรษฐกิจในตัวเองด้วยโครงสร้างและ<br />
ทำเลที่ตั้งของอาคารซึ่งทำให้ประหยัดการลงทุนไม่ต้องสร้างอาคารใหม่และพัฒนาธุรกิจได้รวดเร็วขึ้น<br />
อาคารพาณิชย์มีรูปแบบผังอาคารแคบลึกและโครงสร้างลักษณะตารางกริดเท่าๆกัน จึงมีความยืดหยุ่น<br />
สำหรับการปรับเปลี่ยนพื้นที่และใช้สอยให้เหมาะกับกิจกรรมต่างๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อมีพื้นที่หลาย<br />
คูหายาวต่อเนื่องกัน ช่วง 5 ปีที่ผ่านมานับเป็นยุครุ่งเรืองของโฮสเทลในตึกแถว มีการปรับอาคาร<br />
พาณิชย์เป็นที่พักนักท่องเที่ยวราคาประหยัดจำนวนมาก โดยเฉพาะตึกแถวในทำเลที่ตั้งที่สะดวกต่อ<br />
การคมนาคม ใกล้สถานีรถไฟฟ้าและสถานีรถไฟใต้ดิน และย่านใกล้แหล่งท่องเที่ยวหรือย่านเศรษฐกิจ<br />
เช่นเกาะรัตนโกสินทร์ การปรับเปลี่ยนอาคารพาณิชย์ที่มีรูปแบบเป็นมาตรฐานเป็นโจทย์ท้าทายการ<br />
ออกแบบที่จะสร้างเอกลักษณ์หรือจุดเด่นของโรงแรมด้วยการออกแบบปรับปรุงอาคารที่ไม่ซ้ำกับ<br />
คู่แข่งที่มีแนวทางธุรกิจใกล้เคียงกัน โดยมักแสดงผ่านการออกแบบรูปด้านด้านหน้า (facade) พื้นที่<br />
ภาพที่ 7 : โรงแรมพระยาพาลาซโซ่<br />
Image 7 : Praya Palazzo<br />
ส่วนกลาง ผังพื้นและการตกแต่งห้องพักและห้องน้ำ ทั้งนี้พบว่าบางกรณีศึกษาของโฮสเทลในอาคาร<br />
พาณิชย์กล้าที่จะท้าทายการออกแบบปรับปรุงอาคารเพื่อสร้าง space ที ่โดดเด่นโดยไม่ยึดติดกับ<br />
84 85<br />
วารสารสถาปัตยกรรมของสมาคมสถาปนิกสยาม<br />
ในพระบรมราชูปถัมภ์ Issue 02 / <strong>2018</strong><br />
The Architectural Journal of The Association of Siamese Architects<br />
under the Royal Patronage<br />
วารสารสถาปัตยกรรมของสมาคมสถาปนิกสยาม<br />
ในพระบรมราชูปถัมภ ์ Issue 02 / <strong>2018</strong><br />
The Architectural Journal of The Association of Siamese Architects<br />
under the Royal Patronage