ASA JOURNAL 12/2023

professional
ECO ARCHITECT
124 125
“I’ve set myself the objective of designing houses that can genuinely
breathe with nature. It’s not about us being able to survive, but about
nature being able to continue existing--to keep on breathing. It’s a
mutually beneficial relationship in which we take from nature and vice
versa, all the while minimizing pollution and creating a truly comfortable
living space.”
เราอยากออกแบบระบบนิเวศควบคู่ไปกับสถาปั ตยกรรม
Eco Architect เกิดขึ้นภายใต้ความตั้งใจที่จะออกแบบระบบ
นิเวศควบคู่ไปกับสถาปัตยกรรม โดยการออกแบบทุกงาน
จะมีหัวใจสำคัญคือ “ต้องอยู่สบายและต้องหายใจร่วมกับ
ธรรมชาติ เพราะเราอยากออกแบบระบบนิเวศควบคู่ไปกับ
สถาปัตยกรรม” และจากวันแรกจนถึงวันนี้ เป้าหมายของ
Eco Architect ก็ยังคงเป็นเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง
“เราเกิดเป้ าหมายที่จะสร้างบ้านที่หายใจร่วมกับ
ธรรมชาติได้ คือไม่ใช่ว่าเราหายใจได้คนเดียว ธรรมชาติ
ก็ต้องมีชีวิตที่ยืนยาวต่อไป ธรรมชาติก็หายใจร่วมกัน
ไป เหมือนเราดูแลธรรมชาติ ธรรมชาติดูแลเรา สร้าง
มลภาวะให้น้อย สร้างมลพิษให้น้อย แล้วก็ทำให้บ้าน
อยู่สบายจริงๆ”
ในช่วงแรก งานของ Eco Architect มักเป็นงานจากลูกค้า
เก่าที่เคยทำงานร่วมกันก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ด้วยความ
พยายามตั้งใจให้ทุกงานที่เกิดขึ้นของ Eco Architect พิสูจน์
ได้ว่า “อยู่สบาย” อย่างแท้จริงๆ” ผลงานทุกชิ้นจึงให้ความ
รู้สึกถึงความเป็นบ้าน มีความสบาย มีความผ่อนคลาย แม้
กระทั่งสำนักงานที่ภูเก็ต ก็เป็นอีกตัวอย่างที่ท ำให้ทุกคนเห็น
ว่า นอกจากออกแบบบ้านให้คนอื่นได้อยู่สบายแล้ว สมาชิก
Eco Architect ก็ทำงานแบบ “อยู่สบาย” จากลูกค้าเดิม จึง
เกิดคำแนะนำแบบปากต่อปาก จนเกิดการขยายฐานลูกค้า
เป็นความพยายามในการใช้งานพิสูจน์ตัวเองที่ประสบความ
สำเร็จอย่างงดงาม และทำให้“บ้านอยู่สบาย บ้านที่หายใจร่วม
กับธรรมชาติ” เป็นเครื่องหมายการค้าและภาพจำของ Eco
Architect ตลอดมา
จนถึงตอนนี้เราก็ยังอยู่แบบครอบครัว
Eco Architect เริ่มจากคำรณเพียงคนเดียว ต่อมาในปีที่สาม
ของบริษัท พนักงานคนแรกก็เข้ามาในตำแหน่งพนักงาน
เขียนแบบ ตามมาด้วยสถาปนิก และมัณฑนากรเป็นลำดับ
และใน 5 ปีที่ผ่านมา Eco Architect ได้มีการขยายบริษัทมา
เปิดที่กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันสมาชิกของ Eco Architect
ทั้ง 2 ทีม มีจำนวนรวมกัน 12 คน โดยจำนวนสมาชิกทั้งทีม
ภูเก็ตและกรุงเทพฯจะมีประมาณไม่เกิน 6 คนต่อทีม
5
แม้จะมีการขยายบริษัท แต่จำนวนสมาชิกกลับไม่ได้เพิ่มมาก
ขึ้นนัก ด้วยเหตุผลที่ว่าขนาดของบริษัทที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
\ยังสามารถบริหารจัดการด้วยตัวคนเดียวได้ และสามารถ
ทำให้ทุกคนทำงานได้อย่างมีความสุข
“ปี แรกๆ บริหารแบบครอบครัว จนถึงตอนนี้เราก็ยังอยู่
แบบครอบครัว”
จากวันแรกที่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน ำรณเป็นทั้งผู้ก่อตั้ง ค
สถาปนิก
ธุรการ บัญชี ฝ่ายบุคคล หรือแม้กระทั่งศูนย์กลางทางจิตใจ
ของน้องๆ ในทีม เขามองว่าการทำงานอย่างที่ Eco Architect
เป็นอยู่ จะทำให้ทุกคนในบริษัทรู้สึกว่าพวกเขาคือครอบครัว
เดียวกัน และผลงานที่ดีก็จะเกิดจากการท ำงานที่ให้ใจกัน
นั่นเอง
ระบบบริหารจัดการของ Eco Architect มีกำหนดว่าหนึ่งต้อง
ทำงานกี่ชั่วโมง แต่ไม่ได้มีก ำหนดเวลาในการเข้างานหรือ
เลิกงาน สมาชิกทุกคนจะมีสมุดลงเวลาของตัวเอง ซึ่งต้องส่ง
ให้คำรณทุกสิ้นเดือน โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นการบันทึกลงใน
คอมพิวเตอร์หรือสมุดบันทึก สิ่งที่บันทึกในสมุดลงเวลาเป็น
เหมือนบันทึกประจำวันว่าแต่ละวันพวกเขาทำงานอะไรกัน
นี่คือสิ่งที่ช่วยให้สามารถประเมินได้ว่า แต่ละคนในทีมท ำงาน
อะไรอยู่บ้าง และเห็นจุดอ่อนหรืออุปสรรคของการท ำงาน และ
ทำให้เขาสามารถให้คำแนะนำสมาชิกในทีมได้อย่างตรงจุด
05-06
บรรยากาศการทางาน
ของ Eco Architect
07
บ้านสุขใจดี
กรุงเทพมหานคร
6
7
The majority of Eco Architect’s first assignments were for former clients with whom Khamron
had previously worked. As time passed, it became evident that all of Eco Architect’s efforts
and ideas resulted in genuinely “livable” homes. Relaxing and thermally comfortable living
spaces characterize their design, which simultaneously emanates a sense of warmth and
belonging. Even their office in Phuket exemplifies the value of a comfortable work environment,
which is something Kamrom prioritizes for Eco Architect’s employees, who are responsible for
the studio’s renowned residential projects that feature high-quality living spaces. The studio’s
clientele has increased due to the success of word-of-mouth among its existing clients. This
development serves as proof of the studio’s success, which has been propelled by the quality
of their work, and has made the expression “a comfortable home that shares the same breath
with nature” not merely a catchphrase but a trademark and an integral part of Eco Architect’s
identity.
We were like a family back then, and we’re still like that now.
Khamron was the one and only founder and staff member when Eco Architect began. In its
third year, the studio employed its second team member to serve as a draftsman. An architect
and an interior designer were eventually added to the studio. In the past five years, Eco
Architect has expanded with a branch based in Bangkok. The studio presently has two
teams and a total of 12 employees. The Bangkok and Phuket offices have no more than six
working staff members due to Khamron’s desire to keep the firm small enough that he can
run it alone and for his employees to maintain a happy working life.
“We were like a family back then, and we’re still like that now.”
Khamron has been the creator, principal architect, administration officer, accountant, human
resource officer, and even the mentor—the go-to guy for his team members—since the
company’s starting point. He believes that the present method by which Eco Architect is run
will foster a sense that everyone at the organization is a family member and that exceptional
works are the product of everyone’s mutual trust, understanding, and devotion.
Kamrom runs Eco Architect on a flex time system, which outlines the daily working hours
that each employee must meet without a set time signaling when to clock in and out. Each
member of the staff has their own roster, which they must present to Khamron at the end of
each month. The roster might be kept in a notebook or as a digital file. Each notebook contains
daily updates on what each member of staff accomplishes on a daily basis. This method
enables Khamron to evaluate the job that each staff member has done and is doing, as well
as stay informed about the flaws or hurdles that each of his team members is dealing with,
allowing him to give effective and relevant advice.
“It’s almost as if they’re practicing keeping a journal. At the end of
each month, I can assess their output as well as their workflow so
that I may make the appropriate recommendations.”