ASA Journal 15/2023
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
่<br />
80<br />
theme / review<br />
บนกรอบแนวคิด “A place for all” เพื่อที่จะ<br />
มุ่งเน้นและยกระดับการออกแบบที่คำานึงถึง<br />
ความยั่งยืนในทุกภาคส่วน ผ่านแนวคิดทางการ<br />
ออกแบบสถาปัตยกรรม และการออกแบบระบบ<br />
วิศวกรรมรวมเข้าไว้ด้วยกัน คือที่มาของแนวคิด<br />
และเป้าหมายการออกแบบอาคารสภาวิศวกร<br />
แห่งใหม่ ตั้งอยู่ริมถนนลาดพร้าวในย่านโชคชัย 4<br />
ที่กำาลังต้อนรับการเปลี่ยนแปลงมาใช้ระบบ<br />
ขนส่งแบบรางเดี่ยว หรือโมโนเรล ซึ่งจะส่งผล<br />
ให้สามารถเดินทางเข้าถึงย่านได้สะดวกสบาย<br />
มากขึ้น ดังนั้นเพื่อรองรับการปรับตัว เปลี่ยนแปลง<br />
ของย่านเดิม และตอบรับการขยายตัวใหม่ ๆ ที่<br />
กำาลังจะเกิดขึ้นตามมาภายหลังจากการพัฒนา<br />
ระบบขนส่งและผังเมือง การออกแบบอาคาร<br />
สภาวิศวกรหลังนี้จึงเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้น และ<br />
หมุดหมายใหม่ของการพัฒนาพื้นที่โดยรอบอย่าง<br />
ยั่งยืน และให้เท่าทันยุคสมัยที่กำาลังเปลี่ยนแปลง<br />
ตึกแถวหลายคูหาเดิม ติดริมถนนลาดพร้าว<br />
ได้ถูกรื้อทิ้งออกไป เพื่อให้เป็นที่ตั้งของอาคาร<br />
สภาวิศวกรแห่งใหม่นี้ เป็นพื้นที่ให้บริการ<br />
วิชาชีพวิศวกรรมในประเทศไทย ทั้งเรื่องเกี่ยวกับ<br />
ใบประกอบวิชาชีพ การสอบใบประกอบวิชาชีพ<br />
และการออกใบอนุญาตต่าง ๆ ซึ่งเป็นบริการ<br />
พื้นฐาน และหน้าที่หลักของสภาวิศวกรแห่ง<br />
ประเทศไทยเนื่องด้วยความเปลี่ยนแปลงทาง<br />
ด้านวิถีชีวิตและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว<br />
ส่งผลให้รูปแบบและการใช้งานอาคารมีการ<br />
ปรับปรุงและจัดการพื้นที่ให้สามารถปรับเปลี่ยน<br />
ให้รูปแบบไม่ตายตัว สอดคล้องกับการเกิดขึ้น<br />
ของช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่<br />
ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อวิถีชีวิต สังคม สภาพ-<br />
แวดล้อมและเศรษฐกิจที่รุนแรง ทำาให้ช่วงเวลา<br />
ระหว่างการออกแบบสภาวิศวกรแห่งนี้ ได้มี<br />
การปรับรูปแบบครั้งใหญ่ถึงสองครั้ง คือ ช่วงที<br />
ได้เกิดโรคระบาดขึ้น และภายหลังจากการแพร่<br />
ระบาดของ COVID-19 ภายหลังจากการเปิด<br />
ใช้งานอาคารสภาวิศวกรแล้วนั้น พื้นที่บางส่วน<br />
ภายในอาคารมีการเปลี่ยนแปลง และยกเลิก<br />
การใช้งานเดิม จากที่เคยออกแบบไว้จนถึงช่วงที่<br />
ก่อสร้างแล้วเสร็จ<br />
อาคารรูปทรงเปิดที่ดูลอยเหนือขึ้นจากพื้น<br />
(High Zone) มีพื้นที่สวนขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อ<br />
ระหว่างพื้นทางเท้า และอาคารสภาวิศวกร<br />
(Low Zone) มีพื้นที่ใช้สอยอาคารรวมประมาณ<br />
9,000 ตารางเมตร บนความสูง 7 ชั้น โดย<br />
เป็นอาคารประเภท Mixed Use ที่มีทั้งส่วน<br />
บริการวิชาชีพ สำานักงาน ห้องสมุด ห้องประชุม<br />
และคาเฟ่ รวมเข้าไว้ด้วยกัน ในบริเวณพื้นที่<br />
โครงการ ผู้ออกแบบได้แบ่งอาคารออกเป็น 2<br />
อาคาร คืออาคารหลักซึ่งเป็นส่วนของการใช้งาน<br />
ทั่วไป และอาคารจอดรถแบบอัตโนมัติอยู่ทาง<br />
ด้านหลังของพื้นที่โครงการ โดยทีม Ativich<br />
Studio รับหน้าที่เป็นสถาปนิกผู้รับผิดชอบหลัก<br />
ในการออกแบบโครงการนี้<br />
ภายในอาคารความสูง 7 ชั้น ถูกแบ่งพื้นที่<br />
แยกย่อยออกเป็น Low Zone ซึ่งประกอบไป<br />
ด้วย โถงสำาหรับผู้เดินทางโดยรถยนต์ คาเฟ่<br />
ร้านอาหาร ร้านค้า และห้องควบคุม ส่วนพื้นที่<br />
High Zone ประกอบไปด้วยโถงทางเข้า Service<br />
Centre สำานักงาน ห้องสมุด ห้องสัมมนา ห้อง<br />
ประชุม และห้องสำาหรับจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ<br />
หรือบรรยาย ด้วยแนวคิดหลักเรื่อง “A place<br />
for all” ทาง Ativich Studio ได้ทดลองแทรก<br />
พื้นที่ส่วนกลาง ไปยังพื้นที่ใช้สอยต่าง ๆ เพื่อ<br />
สร้างปฎิสัมพันธ์ใหม่ ๆ กับผู้มาใช้งานอาคาร<br />
เช่น การเปิดพื้นที่ชั้นหนึ่งที่ติดริมถนนลาดพร้าว<br />
ให้เป็นพื้นที่สาธารณะ โดยผู้ออกแบบยกระดับ<br />
พื้นที่โถงต้อนรับ และส่วนงานบริการวิชาชีพ<br />
ให้สูงขึ้นไปจากระดับถนน (High Zone) เพื่อ<br />
เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับชุมชนโดยรอบ ผ่านการ<br />
สร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ของการมาใช้งาน<br />
พื้นที่ภายในบริเวณอาคาร ซึ่งลักษณะของพื้นที่<br />
จะเป็นทางเดินทอดยาวควบคู่ตลอดไปกับแนว<br />
พุ่มไม้ในระดับสายตา เป็นการไล่ระดับจาก<br />
พื้นทางเท้าพาดผ่านสูงขึ้นไป จนถึงระดับของ<br />
โถงทางเข้าหลักของอาคาร พื้นที่ส่วนนี้ทาง<br />
ผู้ออกแบบยังเสริมการใช้งานด้วยที่นั่งภายนอก<br />
อาคารหรือ Amphitheater ตรงส่วนด้านหน้า<br />
ของโถงทางเข้า ให้คนทั่วไปสามารถเข้าไปใช้<br />
งานได้ ทั้งสำาหรับการนั่งพักผ่อน พูดคุย อ่าน<br />
หนังสือ จนไปถึงนอนงีบหลับ ซึ่งเป็นความตั้งใจ<br />
ของผู้ออกแบบและทางสภาวิศวกรที่เห็นร่วม<br />
ตรงกัน เพื่อให้พื้นที่ในส่วนนี้เสมือนเป็นพื้นที่<br />
เปิด สำาหรับชุมชนใกล้เคียงให้เข้ามาใช้งานได้<br />
อย่างทั่วถึง จากบริบทของย่านเดิมที่เป็นที่อยู่<br />
อาศัยค่อนข้างหนาแน่น การเพิ่มพื้นที่สาธารณะ<br />
สีเขียวนี้ จึงช่วยสร้างปอดให้กับเมืองหรือชุมชน<br />
ได้หายใจมากขึ้น สามารถส่งผลให้เกิดสุขภาวะ<br />
ที่ีดีตามมา<br />
อีกแนวทางหนึ่งที่ทางผู้ออกแบบต้องการลด<br />
ผลกระทบของการสร้างอาคารใหม่ ด้วยแนวคิด<br />
เรื่อง Urban Ventilation เข้ามาใช้ในการจัดวาง<br />
โซนของอาคาร จัดการแยกส่วนอาคารออก<br />
เป็นสองอาคาร เพื่อเปิดพื้นที่ระหว่างตรงกลาง<br />
ให้เป็นพื้นที่เปิดโล่ง และใช้เป็นทางสัญจรของ<br />
รถยนต์ อีกนัยหนึ่ง การแยกอาคารออกจากกัน<br />
เป็น 2 ส่วนในโครงการนี้ ยังทำาให้ขนาด และ<br />
สัดส่วนของอาคารสภาวิศวกรใกล้เคียงกับ<br />
บริเวณรอบข้าง โดยเป็นการตระหนักถึงพลวัต<br />
ของบริบทแวดล้อม ดังนั้นสถาปนิกจึงไม่ใช่<br />
เพียงแค่ออกแบบสภาพแวดล้อมเฉพาะในตัว<br />
อาคาร หรือในบริเวณพื้นที่อาคารเท่านั้น แต่ยัง<br />
สามารถเป็นส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อมโดย<br />
ไม่ได้แยกขาดออกจากกัน การที่สถาปนิก<br />
ต้องการสร้างปฏิสัมพันธ์กันในทุกองคาพยพ<br />
ของระบบนิเวศของเมืองและชุมชน ยังส่งผลให้<br />
ตัวอาคารไม่มีการติดตราสัญลักษณ์ขององค์กร<br />
หรือป้ายขนาดใหญ่บนอาคาร เพื่อให้อาคาร<br />
สภาวิศวกรนั้นอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน และ<br />
สร้างความเป็นมิตรทางสายตาแก่ชุมชนข้างเคียง<br />
ด้วยสภาวิศวกรต้องการให้อาคารเป็นพื้นที่<br />
สำาหรับทุกคน ไม่จำากัดเพศ วัย และอาชีพ ซึ่ง<br />
เป็นเป้าหมายหลักตั้งแต่แรกเริ่มที่สภาวิศวกร<br />
ได้ตั้งโจทย์ให้ทางสถาปนิกทำาการออกแบบ<br />
พื้นที่ในเชิงสร้างสรรค์ มีการแลกเปลี่ยนองค์-<br />
ความรู้และนวัตกรรมต่าง ๆ ในทุกแขนงวิชา ทั้ง<br />
วิศวกรรม สถาปัตยกรรม และภูมิปัญญาพื้นถิ่น<br />
ที่ไม่ได้จำากัดแค่เฉพาะกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง<br />
เท่านั้น แต่รวมไปถึงผู้ที่สนใจศึกษาทุกภาคส่วน<br />
ได้เข้ามาร่วมกันแบ่งปันพื้นที่นี้ด้วยกัน รูปแบบ<br />
และลักษณะของตัวอาคารจึงประกอบไปด้วย<br />
3 แนวคิดหลัก คือ พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่<br />
ด้วยหลักการออกแบบอย่างยั่งยืน และพื้นที่<br />
สำานักงานรูปแบบใหม่ที่เน้นเรื่องความยืดหยุ่น<br />
ในการใช้งาน และมีนำาระบบโมดูลาร์เข้ามาใช้ใน<br />
การออกแบบ สุดท้ายคือการออกแบบพื้นที่ใช้<br />
งานภายในให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลง<br />
ทั้งในเชิงความร่วมมือ หรือให้เป็นพื้นที่<br />
สาธารณะได้ในอนาคตอย่างสะดวก โดยไม่<br />
กระทบการใช้งานพื้นที่เดิม ฉะนั้นรูปแบบและ<br />
องค์ประกอบของอาคารจึงเป็นการผสานองค์<br />
ความรู้และเทคนิคในหลายแขนงวิชาให้เข้ากับ<br />
วิถีชีวิตร่วมสมัยไว้ด้วยกัน<br />
จากภาพแรกของอาคารสภาวิศวกร หากมอง<br />
จากริมถนนลาดพร้าวเข้ามาจะพบกับสวนขนาด<br />
ใหญ่ที่สอดแทรกทางเดินเท้าเข้าไปยังตัวอาคาร<br />
ซึ่งเป็นส่วนของ Low Zone ที่ผู้ออกแบบตั้งใจ<br />
ให้สวนแห่งนี้เป็นเสมือนส่วนต้อนรับหลักของ